บทที่ 339 คิดจะทำอะไรกันแน่
ได้ยินลี่จุนถิงบอกว่าจะพาตัวเองกลับบ้านไปอธิบาย ใจของเจียงหยุนเอ๋อก็กระดอนขึ้นมาถึงลำคอทันที มือที่จับมือลี่จุนถิงอยู่ก็จับแน่นกว่าเดิม
ลี่จุนถิงก็สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของภรรยาตัวเองจึงปลอบใจว่า “ไม่ต้องตื่นเต้น ไม่มีอะไรหรอก”
“แต่ว่า……” เจียงหยุนเอ๋อนึกถึงคนบ้านตระกูลลี่ที่มองเธอด้วยสายตาเคียดแค้น ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดและกลัว
“สบายใจได้ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าถวนจื่อคือลูกชายแท้ๆของฉัน เธอกลัวก็เป็นเรื่องปกติ แต่ตอนนี้รู้แล้วเธอยังจะกลัวอะไรอีก?” บอกได้ว่าตอนนี้ลี่จุนถิงมั่นใจเต็มเปี่ยมมาก
รู้ว่าถวนจื่อคือลูกแท้ๆของตัวเองข้อนี้ ท่านปู่ลี่ยังจะไล่เจียงหยุนเอ๋อไปอีกหรือ?
เจียงหยุนเอ๋อก็ยังวางใจไม่ได้ ความรู้สึกตื่นเต้นจนถึงบ้านตระกูลลี่แล้วก็ยังไม่คลายลง
ตอนที่คนบ้านตระกูลลี่ได้รับแจ้งจากลี่จุนซินว่าตัวเองรับลี่จุนถิงแล้ว ก็เตรียมพร้อมรับมือในห้องรับแขกเรียบร้อย
เรื่องที่จะปรึกษาหารือในวันนี้ก็คือเรื่องสายเลือดของตระกูลลี่ ก็ต้องปฏิบัติอย่างจริงจังแน่นอนอยู่แล้ว
ลี่จุนถิงมือหนึ่งจูงเจียงหยุนเอ๋อ มือหนึ่งจูงถวนจื่อ เดินโผงผางเข้าไปในบ้านตระกูลลี่
“กลับมาแล้ว?” คำพูดที่เปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขามของท่านปู่ลี่ดังขึ้นในห้องรับแขก ถึงแม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่กลับแฝงไปด้วยการตำหนิ
ลี่จุนถิงก็ไม่มีทางที่ฟังไม่ออกอยู่แล้ว จึงตอบกลับไปคำหนึ่ง “ครับ”
“ในเมื่อกลับมาแล้ว งั้นแกก็อธิบายเรื่องของสองแม่ลูกนี้ซะ” ท่านปู่ลี่ชี้ไปที่เจียงหยุนเอ๋อ
เจียงหยุนเอ๋อกลัวจนตัวหด แล้วก้าวถอยไปข้างหลังเล็กน้อย
ลี่จุนถิงกำมือของเจียงหยุนเอ๋อแน่น ให้พลังกับเจียงหยุนเอ๋อ
“ได้สิครับ” ลี่จุนถิงจูงถวนจื่อขึ้นหน้าเล็กน้อย “นี่ก็คือลูกชายแท้ๆของผม ลี่จุนถิง”
สายตาของท่านปู่ลี่เย็นยะเยือก มองถวนจื่อกับลี่จุนถิงอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วสำรวจถวนจื่ออย่างละเอียด
อย่าว่า พอสำรวจอย่างละเอียดแล้วจะเห็นได้ว่าเครื่องหน้าของถวนจื่อกับลี่จุนถิงบางที่ก็คล้ายกันมากอยู่ แต่แค่คล้ายกันจะไปมีประโยชน์อะไร?
คนที่หน้าตาคล้ายกันบนโลกนี้มีถมเถไป คนที่หน้าตาคล้ายกันก็เป็นลูกชายของลี่จุนถิงหมดทุกคนหรือไง? ตลกสิ้นดี
“หลักฐานล่ะ?” ท่านปู่ลี่ต้องการหลักฐานของจริงที่เชื่อถือได้
“ขอโทษครับ ผมมาช้าแล้ว” เสียงที่ดังจากหน้าประตูทำลายบรรยากาศตึงเครียดนี้
ทุกคนหันหน้ามองไปเห็นว่าคือหลันเยว่เฉินที่กำลังหอบอยู่
“ขอโทษครับ ผมแค่มาส่งของครับ” หลันเยว่เฉินแค่เข้ามาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของห้องนี้แล้ว
เขาก็ไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องครอบครัวของลี่จุนถิงมากหรอก แต่ในเมื่อเพื่อนสนิทเปิดปากขอแล้ว เขาก็ต้องมา
ในทางกลับ ลี่จุนถิงก็โทรให้หลันเยว่เฉินเอาผลการวินิจฉัยความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกมาก่อนหน้าแล้ว
ลี่จุนถิงเดาออกแต่แรกแล้วว่าท่านปู่ลี่ต้องให้ตัวเองเอาหลักฐานออกมาแน่ๆ
หลันเยว่เฉินหยิบเอกสารจากกระเป๋าหนึ่งฉบับส่งให้ท่านปู่ลี่
“นี่คือผลวินิจฉัยความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของผมกับถวนจื่อ ครั้งก่อนตอนที่วินิจฉัยผมไม่วางใจเลยเก็บตัวอย่างเลือดมาอีกสองอัน อันหนึ่งให้โรงพยาบาล อันหนึ่งให้หลันเยว่เฉิน ที่เยว่เฉินวินิจฉัยออกมาก็คือผมเป็นพ่อแท้ๆของถวนจื่อ” ตอนที่ลี่จุนถิงพูดประโยคนี้ ใบหน้าก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
ท่านปู่ลี่ฟังลี่จุนถิงพูดไปพลาง พลิกดูเอกสารไปพลาง
โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ยื่นหน้าเข้ามาดูด้วย
ตอนที่ทั้งสองเห็นคำที่เขียนว่า 99.99% ในเอกสาร สีหน้าก็พลันไม่ดีขึ้นมา
ถึงจะเป็นอย่างนี้ก็เถอะ แต่ใครจะไปรู้ว่าใช่ปลอมแปลงหรือเปล่า?
คนอื่นปลอมแปลงได้ เขาลี่จุนถิงก็ปลอมแปลงผลวินิจฉัยความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกเพื่อที่จะให้ผู้หญิงคนนี้อยู่ต่อไม่ได้หรือ ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ทิ้งบริษัทเพื่อผู้หญิงคนนี้แล้วด้วย
“ใครจะไปรู้ว่าแกเพื่อที่จะหลอกฉันเลยปลอมแปลงหรือเปล่า” ท่านปู่ลี่โยนเอกสารไปที่โต๊ะน้ำชา
โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ จึงพูดเหน็บแนมว่า “ข้างนอกนั่นยังมีพ่อแท้ๆอีกคนเลย ใครจะไปรู้ว่าผลวินิจฉัยความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกนี้จะเป็นของปลอมหรือเปล่า”
หลันเยว่เฉินที่อยู่ข้างๆก็พลันเหงื่อตก พูดจริงๆนะ ที่แท้คนตระกูลลี่ก็ไม่เชื่อฝีมือตัวเองเหรอเนี่ย
เจียงหยุนเอ๋อเห็นว่าถึงขนาดสถานการณ์แบบนี้แล้วท่านปู่ลี่ก็ยังไม่ยอมเชื่อตัวเอง ในใจก็รู้สึกผิดหวังและเครียด
ลี่จุนถิงรู้ว่าจะต้องเป็นผลลัพธ์แบบนี้แต่แรกแล้ว แต่เขาเชื่อหลันเยว่เฉินอย่างไม่มีเงื่อนไขจริงๆ เพราะฉะนั้นลี่จุนถิงก็ไม่กลัวให้ไปตรวจสอบ
“ในเมื่อคุณปู่ไม่เชื่อ งั้นพวกเราก็จะทำอีกครั้ง ครั้งนี้ส่งไปที่โรงพยาบาลทหารเลย ถ้าส่งไปที่โรงพยาบาลทหารแล้วก็ยังเป็นของปลอมอีก งั้นผมก็หมดคำพูดแล้ว”
การควบคุมและระบบของโรงพยาบาลทหาร และอุปกรณ์อีกมากมายคือโรงพยาบาลทั่วไปไม่สามารถเทียบได้เลย ถ้าบอกว่าในโรงพยาบาลทั่วไปมีคนปลอมแปลงได้ แต่ไม่สามารถทำได้ในโรงพยาบาลทหารเด็ดขาด
ท่านปู่ลี่พิจารณาครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะแล้วพยักหน้าตกลง “ได้ แต่ถ้าตรวจออกมาแล้วผลคือไม่ใช่ ถึงตอนนั้นแกก็คงรู้ดีว่าฉันจะทำยังไง”
“แน่นอนครับ” ลี่จุนถิงเลิกคิ้วขึ้น บอกลาครอบครัวอย่างเรียบเฉย แล้วพาถวนจื่อกับเจียงหยุนเอ๋อออกจากบ้านตระกูลลี่
ส้งหวั่นหวั่นติดตามตระกูลลี่อยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าก็รู้ทันทีว่าลี่จุนถิงพาเจียงหยุนเอ๋อกลับไปบ้านตระกูลลี่แล้ว
ส้งหวั่นหวั่นโมโหจนทำลายข้าวของในห้องพร้อมกับกำหมัดแน่น
ใช่สิ จริงด้วย ตอนนั้นที่อยู่กับ Anthony ก็น่าจะคิดได้แล้ว นักฆ่าก็ตายแล้ว จะเพราะว่าฆ่าเจียงหยุนเอ๋อได้แล้วเลยดีใจมากจนฆ่าตัวเองไปด้วยหรือไง?
อะไรคือตายในหน้าที่ ของปลอมทั้งนั้น เสียแรงที่เธอยังฝันหวานว่าเจียงหยุนเอ๋อจะตาย ช่างโง่เขลาสิ้นดี
เสียแรงที่ตัวเองเสียสละมาเยอะขนาดนี้แต่ก็ยังหาสวะไร้ค่าอย่าง Anthony มา
ทำไมเจียงหยุนเอ๋อถึงได้โชคดีตลอดขนาดนี้ หลบออกได้ทุกครั้ง
ส้งหวั่นหวั่นคิดในใจ ตัวเองต้องคิดแผนการอื่นแล้ว ต้องทำให้เจียงหยุนเอ๋อตายทั้งเป็นให้ได้
พอลี่จุนถิงกลับถึงบ้านแล้ว ลี่จุนถิงก็ให้คนใช้เก็บกวาดห้องแล้วจัดการถวนจื่อกับเจียงหยุนเอ๋อให้เสร็จสรรพ
แล้วซู่จี้งยี้ก็มา
ลี่จุนถิงรู้ว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ให้ซู่จี้งยี้ไปสืบมีเบาะแสแล้ว
เรื่องพวกนี้ยังไงก็อย่าให้เจียงหยุนเอ๋อรู้จะดีกว่า กำชับให้เจียงหยุนเอ๋อและถวนจื่อรีบๆเข้านอนเสร็จก็เรียกซู่จี้งยี้ไปที่ห้องหนังสือ
“คุณสืบเจออะไร?” สีหน้าของลี่จุนถิงพลันเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“คุณชายลี่ครับ ตามที่คุณสั่งมา ผมไปสืบเรื่องของวันนั้นแล้ว และพบว่าคนที่ลักพาตัวคุณนายไปคือลี่จีถองครับ” ซู่จี้งยี้เอาหลักฐานที่ตัวเองสืบมาได้วางไว้ตรงหน้าลี่จุนถิง
ตอนที่ลี่จุนถิงไปหาเจียงหยุนเอ๋อ ซู่จี้งยี้ก็หาคนร้ายตัวจริงในจิ่งเฉิง
ลี่จุนถิงหรี่ตาลง พลันรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
คิดไม่ถึงว่าจนถึงตอนนี้แล้วลี่จีถองก็ยังไม่หยุดก่อเรื่องอีก เธอคิดจะทำอะไรกันแน่!
“แล้วก็เรื่องของโมเฉินยี่ด้วยครับ” ซู่จี้งยี้เอารูปถ่ายของโมเฉินยี่กับฟู้ชูเหม่ยที่เจอกันเป็นการส่วนตัวส่งให้ลี่จุนถิง “โมเฉินยี่คือตัวแทนที่ที่ฟู้ชูเหม่ยหามาเป็นการส่วนตัว บอกว่าเป็นพ่อแท้ๆของถวนจื่อ แต่ความจริงคือเป็นแค่ผู้ชายขายบริการในไนต์คลับที่หน้าตาหล่อเหลาและพอฉลาดครับ”