Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
Ch. บทที่244 สิทธิพิเศษของหมอ บทที่244 สิทธิพิเศษของหมอ โรงพยาบาลหนันหยู ตอนที่รถของจิ๋นลี่ยวนจอดลง หมอเหยาและคุณหมอหยางได้นำหมอมาทีมใหญ่กับพยาบาลรอกันอยู่ที่นี่ ยินเสี้ยวเสี้ยวถูกจิ๋นลี่ยวนอุ้มลงจากรถแล้ววางลงไปบนเตียงรถเข็น ยังคงพูดเบาๆข้างๆใบหูของเธอ “เสี้ยวเสี้ยว ไม่เป็นไร จะต้องไม่เป็นไรแน่ เขาไม่อยากแยกจากคุณ จะต้องไม่ไปไหนแน่!” ล้อยางเตียงรถเข็นกำลังส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดอยู่บนพื้น ฟังไปแล้วดูรีบเร่งกันเป็นอย่างมาก ในดวงตาของยินเสี้ยวเสี้ยวเต็มไปด้วยน้ำตา พยักหน้าไปแรงๆแล้วก็ถูกพาเข้าห้องผ่าตัดไป จิ๋นลี่ยวนเป็นหมอมานาน แต่ก็ไม่เคยกังวลเหมือนอย่างวันนี้มาก่อน นี่มันยังกังวลกว่าตอนที่ถือมีดยืนผ่าตัดครั้งแรกเสียอีก ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางบนร่างไม่ว่า แต่สีหน้าของจิ๋นลี่ยวนก็ดูย่ำแย่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด แผนกศัลยกรรมและหมอพยาบาลที่คุ้นเคยกันบางครั้งก็จะลงมาดูบ้างเป็นครั้งคราว หมอที่คุ้นเคยกันคนอื่นๆก็มาดูกันด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็เห็นแค่จิ๋นลี่ยวนเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตูเพียงลำพัง ทางเดินหน้าห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลเงียบฉี่ จิ๋นลี่ยวนยืนรออยู่กับที่เงียบๆ มีเพียงนัยน์ตาคมกริบคู่นั้นที่ไม่ปิดซ่อนความกังวลและความตึงเครียดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย จิ๋นลี่ยวนที่เป็นอย่างนี้ ไม่ว่าใครก็เจอเป็นครั้งแรกกันทั้งนั้น ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าดังวุ่นเข้ามา จิ๋นลี่ยวนไม่ได้ถูกดึงดูดสายตาออกไปได้เลย ดวงตายังคงมองไปทางห้องผ่าตัดเหมือนเดิม นานแล้วแต่ก็ไม่ได้ขยับไปไหนเลย จนกระทั่ง คุณย่าจิ๋นยืนอยู่ตรงหน้าจิ๋นลี่ยวน ยกมือขึ้นมาตบหน้าจิ๋นลี่ยวนไปเป็นครั้งแรก เสียง “เพี้ยะ” ได้ทำเอาหยูเจียห้วย จิ๋นหยวนเฟิง พร้อมทั้งจิ๋นลี่โป๋และจิ๋นลี่หยาวที่ตามมาด้านหลังต่างพากันตกใจจนนิ่งตะลึงไปเล็กน้อย น้อยครั้งมากที่คุณย่าจิ๋นจะลงมือทำร้ายใคร ขนาดพวกเขาที่เป็นหลานก็แค่เคยถูกคุณย่าตีมาก่อนในตอนก่อนที่จะบรรลุนิติภาวะเท่านั้นเอง หลังจากที่โตเป็นผู้ใหญ่มาก็ไม่มี “การปฏิบัติต่อกัน” อย่างนี้อีก แต่ตอนนี้คุณย่ากลับไม่พูดอะไรก็ตบจิ๋นลี่ยวนไปเสียแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าครั้งนี้คุณย่าร้อนใจมากจริงๆ! “จิ๋นลี่ยวน! นี่คือสิ่งที่แกบอกว่าจะ “จัดการให้ดี” หรอ?” คุณย่าโกรธอย่างมาก ไม้เท้าในมือกระทุ้งลงพื้นไปอย่างแรง โกรธจนสีหน้าดูเปลี่ยนไปหมด “ที่แกบอกมาตอนแรก ว่าให้พวกเราอย่าไปรบกวนยินเสี้ยวเสี้ยว ให้หล่อนได้บำรุงครรภ์ดีๆ ฉันกับแม่ของแกก็เลยปล่อยและไม่เข้าไปยุ่งกับพวกแก เดิมทีก็นึกว่าร้ายดียังไงแกก็แก่กว่าเสี้ยวเสี้ยวสี่ปีทำอะไรก็จะมีขอบเขตบ้าง แต่แกดูสิว่าตอนนี้แกทำอะไรลงไป? ยินเสี้ยวเสี้ยวเลือดออกจนเข้าโรงพยาบาล! นี่เป็นวิธีที่แกทำ?” ตวาดออกมาทีนึง ทุกคนต่างพากันไม่กล้าพูดออกมา ในขณะที่คุณย่ากำลังว่ากล่าวจิ๋นลี่ยวนอยู่นั้นเอง พวกยินจื่อเจิ้นที่อยู่ด้านหลังก็รีบมากัน แล้วเห็นเข้ากับนาทีที่จิ๋นลี่ยวนโดนตบพอดี ทุกคนต่างตะลึงกันไปตามๆกัน คุณชายสามแห่งบ้านจิ๋นผู้ที่ร่ำลือกันว่าเป็นคุณชายคนโปรดแห่งบ้านจิ๋นมาโดยตลอด แต่ตอนนี้คุณย่ากลับตบหน้าเขาในที่ทำงานของเขาอย่างไม่ไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อย อยากจะไม่ตกใจมันก็ยาก “จิ๋นลี่ยวน ตกลงแล้วแกคิดจะทำอะไรกันแน่! ถ้าแกไม่สามารถปกป้องครรภ์ของยินเสี้ยวเสี้ยวให้ดีได้งั้นแกก็ไปให้ไกลๆเสีย ฉันจะจัดการเอง! ฉันไม่เชื่อหรอกว่า บ้านจิ๋นของฉันอยากจะปกป้องคนท้องคนนึงเอาไว้ไม่ได้!” คุณย่าตวาดเสียงดังลั่นออกมา ดูท่าแล้วคงโกรธไม่น้อยเลย “รอยินเสี้ยวเสี้ยวออกมาก่อน แกก็ออกห่างจากหล่อนหน่อย! ความสามารถที่จะทำให้สำเร็จมีไม่พอ แต่ความสามารถในการทำลายนี่มันเหลือเฟือเสียจริง!” พูดจบ คุณย่าก็หันหน้าไปมองประตูหน้าห้องผ่าตัดที่ปิดสนิท เอ่ยเสียงเข้มไปกับหยูเจียห้วยว่า “ให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาพบฉันเดี๋ยวนี้!” คุณย่าที่ตกอยู่ในความโกรธใครก็ไม่กล้าเข้าไปยั่วอารมณ์ หยูเจียห้วยจึงรีบไปหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลด้วยตัวเองทันที ในส่วนยินจื่อเจิ้นนั้นเพียงแค่มองคนบ้านจิ๋นอยู่อย่างนิ่งๆ พยักหน้าทักทายกับจิ๋นลี่โป๋แล้วก็เดินไปรอเงียบๆอยู่อีกด้านนึง คนอื่นๆกับคนบ้านจิ๋นต่างก็ไม่ได้สนิทกันทั้งนั้นจึงไม่ได้เดินเข้าไปร่วมอยู่แล้ว แต่ถาวหยีเห็นคนบ้านจิ๋นที่อยู่ตรงหน้าก็มีอาการสติหลุดลอยไปเล็กน้อย จนตรงช่วงเอวของเธอได้ถูกต๋งไขประคองเอาไว้ แล้วยังได้ยินเขาพูดอีกว่า “ถาวหยี พวกเราไปรอกันตรงนั้นเถอะ คุณกำลังท้องจะต้องระวังด้วย” คำพูดเดียว จิ๋นลี่โป๋ที่ยืนอยู่ด้านหลังหันมามองถาวหยีเล็กน้อย แล้วมองตรงท้องเธอไปอีกทีจากนั้นก็หันกลับไป ถาวหยีเดินตามต๋งไขไปนั่งตรงที่นั่งอีกด้านนึงเงียบๆ แต่สายตากลับมองไปที่ร่างของจิ๋นลี่ยวนที่โดนตบไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในดวงตาทั้งสองข้างนั้นได้เต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นตะลึง ไม่ใช่ว่าคนบ้านจิ๋นไม่ชอบเสี้ยวเสี้ยวกันไม่ใช่หรอ? แต่ตอนนี้ตบหน้าคุณชายสามเพราะเสี้ยวเสี้ยว ไม่ชอบจริงๆหรอ? ทันใดนั้นเองถาวหยีก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าใจคนบ้านนี้เลย… “จิ๋นลี่ยวน! ฉันบอกแกเอาไว้นะ ครั้งนี้หลังจากที่ยินเสี้ยวเสี้ยวออกมาแล้วจะต้องให้หล่อนกลับไปอยู่คฤหาสน์ดูแลร่างกายให้ดี จนถึงวันที่หล่อนคลอดลูก!” คุณย่าสั่งเสียงเข้มออกมา ท่าทางอย่างนั้นไม่ว่าจะมองยังไงมันก็แฝงไปด้วยการใช้อำนาจเด็ดขาดออกมา พูดจบก็ไม่ได้ให้โอกาสจิ๋นลี่ยวนได้พูดออกมาเลยแล้วก็ได้หันไปถามผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่รีบเดินตามมาอย่างรีบเร่ง “เหลนฉันเป็นยังไงบ้าง?” เปิดปากพูดสิ่งที่เป็นกังวลอยู่ออกไปเป็นคำแรกนั่นก็คือท้องของยินเสี้ยวเสี้ยว เหมือนกับยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้อยู่ในสายตาเธอเลยแม้แต่น้อย ตอนที่จิ๋นลี่ยวนโดนตบไม่ได้มีการขมวดคิ้วนิ่วหน้าออกมาเลยสักนิด แต่ในเวลานี้กลับอดไม่ได้ที่จะต้องนิ่วหน้าออกมา แต่ไหนแต่ไรมายินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ใช่เครื่องมือเพื่อการมีลูกสืบสกุลของเขา! แต่ความรู้สึกที่คุณย่ามีให้เธอตอนนี้กลับเป็นอย่างนี้เสียอย่างนั้น! ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมองจิ๋นลี่ยวนกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย พยาบาลเดินไหลเวียนผลัดเปลี่ยนกันอยู่ในห้องผ่าตัดได้แจ้งสถานการณ์ด้านในให้เขามาผ่านเครื่องมือติดต่อเป็นครั้งคราว และเขาก็ได้แจ้งสถานการณ์ออกไปให้กับญาติผู้ป่วยที่อยู่ด้านนอก “ตอนนี้ผู้ป่วยมีอาการเลือดออก อีกทั้งบนร่างกายยังมีบาดแผลจากภายนอกอยู่หลายที่แล้วยังมีร่องรอยการติดเชื้ออยู่ด้วย…” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอ่ยเสียงนุ่มออกมา ในคำพูดแผ่ความจริงจังออกมา อดไม่ได้ที่จะให้คนอื่นกลั้นหายใจฟังคำพูดของเขาอย่างเสียไม่ได้ “เอวของเธอได้รับการกระทบกระเทือนมาค่อนข้างจะร้ายแรงเลย รอหลังจากที่ออกมาแล้วยังต้องอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการอีกสักพักนึง ในส่วนของเด็กนั้น ตอนนี้อยู่ในสถานะที่ยังไม่แน่ชัดเท่าไหร่นัก แพทย์ผู้รับผิดชอบยังทำการผ่าตัดกันอยู่…” คำพูดประโยคเดียว ทำเอาทุกคนอดไม่ได้ที่จะกังวลกันขึ้นมา ถาวหยีขมวดคิ้วแน่นมองไปทางห้องผ่าตัด เม้มริมฝีปากแน่นไม่พูดอะไร ต๋งไขมองเธอไปอย่างนิ่งเฉยแล้วหันหน้าออกไป “แม่ ไม่งั้นแล้วแม่กลับไปพักก่อนเถอะ ทันทีที่ทางนี้มีข่าวคราวอะไรผมจะรีบแจ้งแม่ทันทีเลย?” หยูเจียห้วยเอ่ยพูดกับคุณย่าออกไปเสียงแผ่ว สายตาจรดอยู่ที่ห้องผ่าตัดพร้อมเผยความกังวลออกมา “การผ่าตัดนี้ไม่รู้ว่าจะต้องดำเนินการไปถึงเมื่อไหร่” “ฉันจะไปได้ยังไง? เหลนของฉันอยู่ด้านในนะ!” พูดไปแล้ว คุณย่าก็เหลือบมองจิ๋นลี่ยวนแล้วพูดตำหนิออกมา “ทั้งหมดก็เพราะเจ้าคนไม่ได้ความคนนี้ คนท้องแค่คนเดียวยังดูแลได้ไม่ดีมันจะไปมีประโยชน์อะไรอีกห๊ะ? รอให้ยินเสี้ยวเสี้ยวออกมาแล้ว แกก็ให้ฉันพาหล่อนกลับคฤหาสน์ไปเลย ฉันอยากจะเห็นเสียจริงว่ายายแก่อย่างฉันอยู่หล่อนจะเกิดอะไรขึ้นมาได้!” หยูเจียห้วยอ้าปากออกมาแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป คุณย่าให้ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับคฤหาสน์? เป็นไปได้ยังไง! อย่าว่าแต่จิ๋นลี่ยวนจะไม่ยอมแล้ว ยินจื่อเจิ้นก็ไม่มีทางตกลงแน่! นี่มันเป็นการดูหมิ่นกันอย่างหนึ่ง! ดูหมิ่นต่อยินเสี้ยวเสี้ยว! ขอเพียงแค่เป็นคนที่รักยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ทางยอมตกลงแน่! …… ทุกคนที่อยู่ด้านนอกห้องผ่าตัดรอกันอยู่เงียบๆ จิ๋นลี่ยวนตั้งแต่ต้นจนจบไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียว เพียงแค่มองประตูห้องผ่าตัดไปด้วยใจจดจ่อ การหายใจค่อยๆช้าลงเล็กน้อย เสี้ยวเสี้ยว… ชื่อของเธอสวยเสียขนาดนั้น ก็ควรจะยิ้มทุกวันสิ แต่หลังจากที่เจอเขาก็เปลี่ยนไปจนตกอยู่บนความยากลำบากอย่างนั้นขึ้นมา ไม่แน่ว่าความจริงแล้วเขาต่างหากที่เป็นตัวซวยที่กลับชาติมาเกิด แล้วยังดึงเธอเข้ามาติดร่างแหไปอย่างไร้เหตุผลไปด้วยล่ะมั้ง… เวลาค่อยๆผ่านไปทีละนิด หนึ่งชั่วโมง… สองชั่วโมง… สามชั่วโมง… ตอนนี้ถึงแม้ว่าผู้อำนวยการจะเป็นคนถามสถานการณ์พยาบาลที่ทำงานอยู่ด้านในด้วยตัวเองก็ไม่ได้คำตอบมาเช่นกัน คนที่กำลังรอกันอยู่ด้านนอกอดไม่ได้ที่จะวิตกกังวลกันขึ้นมากกว่าเดิม และหนึ่งในนั้นเองก็เป็นจิ๋นลี่ยวนที่รู้สึกมากที่สุด! ร่างสูงที่เดิมทีได้ยืนตระหง่านอยู่ที่ด้านนอกประตูก็อดไม่ได้ที่จะขยับตัวเล็กน้อย ในที่สุดจิ๋นลี่ยวนก็เปิดปากพูดคำพูดประโยคแรกออกมา แต่กลับหันไปพูดกับพี่หลิง “พี่ไปเอาเสื้อกาวน์ของผมมาให้หน่อย ผมจะเข้าไป!” มองประตูห้องผ่าตัดไปด้วยสายตาที่เป็นประกาย จิ๋นลี่ยวนในตอนนี้เหมือนเตรียมที่จะเดินเข้าไปตรงด่านหน้าเต็มทีแล้ว พี่หลิงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยจากนั้นก็รีบหันหลังวิ่งออกไปทันที รอจนตอนที่พี่หลิงลงมาในมือก็มีชุดกาวด์มาเพิ่มอีกตัวนึง คนที่ต้องการเข้าห้องผ่าตัด จำเป็นจะต้องเป็นคุณหมอเท่านั้น! “ลี่ยวน อย่าเข้าไปก่อกวนตอนนี้เลย!” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขมวดคิ้วดุออกไปเบาๆอย่างอดไม่ได้ บางโรงพยาบาลจะไม่มีการจัดให้คุณหมอที่เป็นญาติผู้ป่วยปรากฏในเคสผ่าตัดเดียวกัน นั่นก็เพราะกลัวว่าจะส่งผลในการวินิจฉัยของแพทย์ เห็นได้ชัดว่าที่โรงพยาบาลหนันหยูมีกฎอย่างนี้อยู่ด้วย “นายเข้าไปตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร!” ถึงแม้ว่าเขาจะผลการทำงานที่ดีมาก การศัลยกรรม ผ่าตัดสมอง ผ่าตัดหัวใจต่างก็ผ่านหน้าผ่านตามาแล้วทั้งนั้น แต่สำหรับด้านสูตินรีเวชนั้นไม่ได้เป็นอันขาด จิ๋นลี่ยวนนั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่มีทางที่จะทำได้ไปหมดทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาวิชาชีพทางการแพทย์ที่มีขอบเขตความรู้กว้างอย่างนี้ ไม่มีใครที่จะเป็นคนที่มีความสามารถครบทุกด้านไปได้ เขาเชี่ยวชาญสองด้านในนั้นมันก็หายากแล้ว ห้องผ่าตัดสมองของโรงพยาบาลหนันหยูมักจะหยิบยืมเขาไปเป็นคุณหมอผ่าตัดสมองให้อยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยให้เขาไปผ่าตัดรักษาคนท้องเลย… เพียงแค่ใส่เสื้อกาวด์ของตัวเองเท่านั้น จิ๋นลี่ยวนถึงจะมีสิทธิ์เดินเข้าไปในห้องฆ่าเชื้อเพื่อดำเนินการเข้าไปในห้องผ่าตัดได้ เอาเสื้อกาวด์มาสวม จิ๋นลี่ยวนเลิกสายตาขึ้นมองผู้อำนวยการโรงพยาบาลอย่างแน่วแน่พร้อมพูดออกไปประโยคหนึ่งว่า “เธอมีการบาดเจ็บภายนอกด้วยไม่ใช่หรือไง? ผมเป็นศัลยแพทย์ ผมเข้าไปแล้วมันผิดตรงไหนกัน?” พูดไปอย่างนั้นแล้ว จิ๋นลี่ยวนก็ไม่ให้โอกาสผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้พูดออกมาเลยเขาก็ได้เดินเข้าไปตรงเขตฆ่าเชื้อเริ่มทำการฆ่าเชื้อไปทีละขั้นตอนจนได้เดินเข้าไปในเขตปลอดเชื้อ สวมชุดผ่าตัดสีฟ้า สวมหน้ากากอนามัยและหมวกคลุมผมของห้องผ่าตัด จิ๋นลี่ยวนแทบจะมองไม่เห็นเลย ว่าจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ในลักษณะอย่างนี้ทำเอาคนที่อยู่ด้านนอกอึ้งกันไปเล็กน้อย… จิ๋นลี่ยวนที่สวมชุดอย่างนี้ พวกเขาเห็นกันเป็นครั้งแรก… “หัตถ์เทวะ” แห่งโรงพยาบาลหนันหยู สายตาของทุกคนมองไปยังจิ๋นลี่ยวนที่สวมถุงมือยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปอย่างไม่รู้ตัว ในตอนนี้แทบทุกคนต่างก็กำลังหวังว่าเขาจะสามารถใช้สองมืออันเลื่องชื่อคู่นั้นนำยินเสี้ยวเสี้ยวกับลูกออกมาได้อย่างสำเร็จ! พกพาความคาดหวังของทุกคน ท้ายที่สุดจิ๋นลี่ยวนก็ได้เข้าไปพวกเขาทำได้เพียงแค่มองดูแต่ก็เข้าไปในห้องผ่าตัดไม่ได้เลย… ภายในห้องผ่าตัด แสงไฟตรงเตียงผ่าผัดส่องสว่าง ทันทีที่เข้ามาจิ๋นลี่ยวนก็พบว่าคนที่อยู่ด้านในทั้งหมดยุ่งกันจนเท้าแทบไม่ได้แตะพื้นเลย วิสัญญีแพทย์อยู่ข้างๆมองภาพตรงหน้าตาไม่กะพริบกลัวว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะจู่ๆก็ฟื้นขึ้นมาแล้วแผลฉีกขาดเอา และก็กลัวว่าจะให้ยาไปเกินขนาดจนส่งผลเสียต่อลูกของเธอ หมอเหยานำการผ่าตัด หมอเหยาเป็นผู้ช่วย ทั้งสองคนร่วมมือกันอย่างรู้ใจกันมาก… จิ๋นลี่ยวนยืนอยู่ตรงที่เดิมอยู่นานไม่กล้าก้าวเข้าไปสักก้าว เพียงแค่ยืนมองยินเสี้ยวเสี้ยวเงียบๆอยู่ตรงนั้น เธอสวมหน้ากากออกซิเจน ทั้งร่างล้วนถูกผ้าคลุมผ่าตัดสีฟ้าคลุมเอาไว้ เขามองไม่เห็นเครื่องมือที่คุ้นเคยพวกนั้นได้ขยับเคลื่อนอยู่ในร่างกายเธอยังไง เขาเห็นแค่เพียงสภาพที่เธอนอนหลับสนิทอยู่เงียบๆ เหมือนกับว่าจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว…
Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา – บทที่244 สิทธิพิเศษของหมอ บทที่244 สิทธิพิเศษของหมอ โรงพยาบาลหนันหยู ตอนที่รถของจิ๋นลี่ยวนจอดลง หมอเหยาและคุณหมอหยางได้นำหมอมาทีมใหญ่กับพยาบาลรอกันอยู่ที่นี่ ยินเสี้ยวเสี้ยวถูกจิ๋นลี่ยวนอุ้มลงจากรถแล้ววางลงไปบนเตียงรถเข็น ยังคงพูดเบาๆข้างๆใบหูของเธอ “เสี้ยวเสี้ยว ไม่เป็นไร จะต้องไม่เป็นไรแน่ เขาไม่อยากแยกจากคุณ จะต้องไม่ไปไหนแน่!” ล้อยางเตียงรถเข็นกำลังส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดอยู่บนพื้น ฟังไปแล้วดูรีบเร่งกันเป็นอย่างมาก ในดวงตาของยินเสี้ยวเสี้ยวเต็มไปด้วยน้ำตา พยักหน้าไปแรงๆแล้วก็ถูกพาเข้าห้องผ่าตัดไป จิ๋นลี่ยวนเป็นหมอมานาน แต่ก็ไม่เคยกังวลเหมือนอย่างวันนี้มาก่อน นี่มันยังกังวลกว่าตอนที่ถือมีดยืนผ่าตัดครั้งแรกเสียอีก ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางบนร่างไม่ว่า แต่สีหน้าของจิ๋นลี่ยวนก็ดูย่ำแย่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด แผนกศัลยกรรมและหมอพยาบาลที่คุ้นเคยกันบางครั้งก็จะลงมาดูบ้างเป็นครั้งคราว หมอที่คุ้นเคยกันคนอื่นๆก็มาดูกันด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็เห็นแค่จิ๋นลี่ยวนเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตูเพียงลำพัง ทางเดินหน้าห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลเงียบฉี่ จิ๋นลี่ยวนยืนรออยู่กับที่เงียบๆ มีเพียงนัยน์ตาคมกริบคู่นั้นที่ไม่ปิดซ่อนความกังวลและความตึงเครียดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย จิ๋นลี่ยวนที่เป็นอย่างนี้ ไม่ว่าใครก็เจอเป็นครั้งแรกกันทั้งนั้น ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าดังวุ่นเข้ามา จิ๋นลี่ยวนไม่ได้ถูกดึงดูดสายตาออกไปได้เลย ดวงตายังคงมองไปทางห้องผ่าตัดเหมือนเดิม นานแล้วแต่ก็ไม่ได้ขยับไปไหนเลย จนกระทั่ง คุณย่าจิ๋นยืนอยู่ตรงหน้าจิ๋นลี่ยวน ยกมือขึ้นมาตบหน้าจิ๋นลี่ยวนไปเป็นครั้งแรก เสียง “เพี้ยะ” ได้ทำเอาหยูเจียห้วย จิ๋นหยวนเฟิง พร้อมทั้งจิ๋นลี่โป๋และจิ๋นลี่หยาวที่ตามมาด้านหลังต่างพากันตกใจจนนิ่งตะลึงไปเล็กน้อย น้อยครั้งมากที่คุณย่าจิ๋นจะลงมือทำร้ายใคร ขนาดพวกเขาที่เป็นหลานก็แค่เคยถูกคุณย่าตีมาก่อนในตอนก่อนที่จะบรรลุนิติภาวะเท่านั้นเอง หลังจากที่โตเป็นผู้ใหญ่มาก็ไม่มี “การปฏิบัติต่อกัน” อย่างนี้อีก แต่ตอนนี้คุณย่ากลับไม่พูดอะไรก็ตบจิ๋นลี่ยวนไปเสียแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าครั้งนี้คุณย่าร้อนใจมากจริงๆ! “จิ๋นลี่ยวน! นี่คือสิ่งที่แกบอกว่าจะ “จัดการให้ดี” หรอ?” คุณย่าโกรธอย่างมาก ไม้เท้าในมือกระทุ้งลงพื้นไปอย่างแรง โกรธจนสีหน้าดูเปลี่ยนไปหมด “ที่แกบอกมาตอนแรก ว่าให้พวกเราอย่าไปรบกวนยินเสี้ยวเสี้ยว ให้หล่อนได้บำรุงครรภ์ดีๆ ฉันกับแม่ของแกก็เลยปล่อยและไม่เข้าไปยุ่งกับพวกแก เดิมทีก็นึกว่าร้ายดียังไงแกก็แก่กว่าเสี้ยวเสี้ยวสี่ปีทำอะไรก็จะมีขอบเขตบ้าง แต่แกดูสิว่าตอนนี้แกทำอะไรลงไป? ยินเสี้ยวเสี้ยวเลือดออกจนเข้าโรงพยาบาล! นี่เป็นวิธีที่แกทำ?” ตวาดออกมาทีนึง ทุกคนต่างพากันไม่กล้าพูดออกมา ในขณะที่คุณย่ากำลังว่ากล่าวจิ๋นลี่ยวนอยู่นั้นเอง พวกยินจื่อเจิ้นที่อยู่ด้านหลังก็รีบมากัน แล้วเห็นเข้ากับนาทีที่จิ๋นลี่ยวนโดนตบพอดี ทุกคนต่างตะลึงกันไปตามๆกัน คุณชายสามแห่งบ้านจิ๋นผู้ที่ร่ำลือกันว่าเป็นคุณชายคนโปรดแห่งบ้านจิ๋นมาโดยตลอด แต่ตอนนี้คุณย่ากลับตบหน้าเขาในที่ทำงานของเขาอย่างไม่ไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อย อยากจะไม่ตกใจมันก็ยาก “จิ๋นลี่ยวน ตกลงแล้วแกคิดจะทำอะไรกันแน่! ถ้าแกไม่สามารถปกป้องครรภ์ของยินเสี้ยวเสี้ยวให้ดีได้งั้นแกก็ไปให้ไกลๆเสีย ฉันจะจัดการเอง! ฉันไม่เชื่อหรอกว่า บ้านจิ๋นของฉันอยากจะปกป้องคนท้องคนนึงเอาไว้ไม่ได้!” คุณย่าตวาดเสียงดังลั่นออกมา ดูท่าแล้วคงโกรธไม่น้อยเลย “รอยินเสี้ยวเสี้ยวออกมาก่อน แกก็ออกห่างจากหล่อนหน่อย! ความสามารถที่จะทำให้สำเร็จมีไม่พอ แต่ความสามารถในการทำลายนี่มันเหลือเฟือเสียจริง!” พูดจบ คุณย่าก็หันหน้าไปมองประตูหน้าห้องผ่าตัดที่ปิดสนิท เอ่ยเสียงเข้มไปกับหยูเจียห้วยว่า “ให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาพบฉันเดี๋ยวนี้!” คุณย่าที่ตกอยู่ในความโกรธใครก็ไม่กล้าเข้าไปยั่วอารมณ์ หยูเจียห้วยจึงรีบไปหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลด้วยตัวเองทันที ในส่วนยินจื่อเจิ้นนั้นเพียงแค่มองคนบ้านจิ๋นอยู่อย่างนิ่งๆ พยักหน้าทักทายกับจิ๋นลี่โป๋แล้วก็เดินไปรอเงียบๆอยู่อีกด้านนึง คนอื่นๆกับคนบ้านจิ๋นต่างก็ไม่ได้สนิทกันทั้งนั้นจึงไม่ได้เดินเข้าไปร่วมอยู่แล้ว แต่ถาวหยีเห็นคนบ้านจิ๋นที่อยู่ตรงหน้าก็มีอาการสติหลุดลอยไปเล็กน้อย จนตรงช่วงเอวของเธอได้ถูกต๋งไขประคองเอาไว้ แล้วยังได้ยินเขาพูดอีกว่า “ถาวหยี พวกเราไปรอกันตรงนั้นเถอะ คุณกำลังท้องจะต้องระวังด้วย” คำพูดเดียว จิ๋นลี่โป๋ที่ยืนอยู่ด้านหลังหันมามองถาวหยีเล็กน้อย แล้วมองตรงท้องเธอไปอีกทีจากนั้นก็หันกลับไป ถาวหยีเดินตามต๋งไขไปนั่งตรงที่นั่งอีกด้านนึงเงียบๆ แต่สายตากลับมองไปที่ร่างของจิ๋นลี่ยวนที่โดนตบไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในดวงตาทั้งสองข้างนั้นได้เต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นตะลึง ไม่ใช่ว่าคนบ้านจิ๋นไม่ชอบเสี้ยวเสี้ยวกันไม่ใช่หรอ? แต่ตอนนี้ตบหน้าคุณชายสามเพราะเสี้ยวเสี้ยว ไม่ชอบจริงๆหรอ? ทันใดนั้นเองถาวหยีก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าใจคนบ้านนี้เลย… “จิ๋นลี่ยวน! ฉันบอกแกเอาไว้นะ ครั้งนี้หลังจากที่ยินเสี้ยวเสี้ยวออกมาแล้วจะต้องให้หล่อนกลับไปอยู่คฤหาสน์ดูแลร่างกายให้ดี จนถึงวันที่หล่อนคลอดลูก!” คุณย่าสั่งเสียงเข้มออกมา ท่าทางอย่างนั้นไม่ว่าจะมองยังไงมันก็แฝงไปด้วยการใช้อำนาจเด็ดขาดออกมา พูดจบก็ไม่ได้ให้โอกาสจิ๋นลี่ยวนได้พูดออกมาเลยแล้วก็ได้หันไปถามผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่รีบเดินตามมาอย่างรีบเร่ง “เหลนฉันเป็นยังไงบ้าง?” เปิดปากพูดสิ่งที่เป็นกังวลอยู่ออกไปเป็นคำแรกนั่นก็คือท้องของยินเสี้ยวเสี้ยว เหมือนกับยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้อยู่ในสายตาเธอเลยแม้แต่น้อย ตอนที่จิ๋นลี่ยวนโดนตบไม่ได้มีการขมวดคิ้วนิ่วหน้าออกมาเลยสักนิด แต่ในเวลานี้กลับอดไม่ได้ที่จะต้องนิ่วหน้าออกมา แต่ไหนแต่ไรมายินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ใช่เครื่องมือเพื่อการมีลูกสืบสกุลของเขา! แต่ความรู้สึกที่คุณย่ามีให้เธอตอนนี้กลับเป็นอย่างนี้เสียอย่างนั้น! ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมองจิ๋นลี่ยวนกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย พยาบาลเดินไหลเวียนผลัดเปลี่ยนกันอยู่ในห้องผ่าตัดได้แจ้งสถานการณ์ด้านในให้เขามาผ่านเครื่องมือติดต่อเป็นครั้งคราว และเขาก็ได้แจ้งสถานการณ์ออกไปให้กับญาติผู้ป่วยที่อยู่ด้านนอก “ตอนนี้ผู้ป่วยมีอาการเลือดออก อีกทั้งบนร่างกายยังมีบาดแผลจากภายนอกอยู่หลายที่แล้วยังมีร่องรอยการติดเชื้ออยู่ด้วย…” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอ่ยเสียงนุ่มออกมา ในคำพูดแผ่ความจริงจังออกมา อดไม่ได้ที่จะให้คนอื่นกลั้นหายใจฟังคำพูดของเขาอย่างเสียไม่ได้ “เอวของเธอได้รับการกระทบกระเทือนมาค่อนข้างจะร้ายแรงเลย รอหลังจากที่ออกมาแล้วยังต้องอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการอีกสักพักนึง ในส่วนของเด็กนั้น ตอนนี้อยู่ในสถานะที่ยังไม่แน่ชัดเท่าไหร่นัก แพทย์ผู้รับผิดชอบยังทำการผ่าตัดกันอยู่…” คำพูดประโยคเดียว ทำเอาทุกคนอดไม่ได้ที่จะกังวลกันขึ้นมา ถาวหยีขมวดคิ้วแน่นมองไปทางห้องผ่าตัด เม้มริมฝีปากแน่นไม่พูดอะไร ต๋งไขมองเธอไปอย่างนิ่งเฉยแล้วหันหน้าออกไป “แม่ ไม่งั้นแล้วแม่กลับไปพักก่อนเถอะ ทันทีที่ทางนี้มีข่าวคราวอะไรผมจะรีบแจ้งแม่ทันทีเลย?” หยูเจียห้วยเอ่ยพูดกับคุณย่าออกไปเสียงแผ่ว สายตาจรดอยู่ที่ห้องผ่าตัดพร้อมเผยความกังวลออกมา “การผ่าตัดนี้ไม่รู้ว่าจะต้องดำเนินการไปถึงเมื่อไหร่” “ฉันจะไปได้ยังไง? เหลนของฉันอยู่ด้านในนะ!” พูดไปแล้ว คุณย่าก็เหลือบมองจิ๋นลี่ยวนแล้วพูดตำหนิออกมา “ทั้งหมดก็เพราะเจ้าคนไม่ได้ความคนนี้ คนท้องแค่คนเดียวยังดูแลได้ไม่ดีมันจะไปมีประโยชน์อะไรอีกห๊ะ? รอให้ยินเสี้ยวเสี้ยวออกมาแล้ว แกก็ให้ฉันพาหล่อนกลับคฤหาสน์ไปเลย ฉันอยากจะเห็นเสียจริงว่ายายแก่อย่างฉันอยู่หล่อนจะเกิดอะไรขึ้นมาได้!” หยูเจียห้วยอ้าปากออกมาแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป คุณย่าให้ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับคฤหาสน์? เป็นไปได้ยังไง! อย่าว่าแต่จิ๋นลี่ยวนจะไม่ยอมแล้ว ยินจื่อเจิ้นก็ไม่มีทางตกลงแน่! นี่มันเป็นการดูหมิ่นกันอย่างหนึ่ง! ดูหมิ่นต่อยินเสี้ยวเสี้ยว! ขอเพียงแค่เป็นคนที่รักยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ทางยอมตกลงแน่! …… ทุกคนที่อยู่ด้านนอกห้องผ่าตัดรอกันอยู่เงียบๆ จิ๋นลี่ยวนตั้งแต่ต้นจนจบไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียว เพียงแค่มองประตูห้องผ่าตัดไปด้วยใจจดจ่อ การหายใจค่อยๆช้าลงเล็กน้อย เสี้ยวเสี้ยว… ชื่อของเธอสวยเสียขนาดนั้น ก็ควรจะยิ้มทุกวันสิ แต่หลังจากที่เจอเขาก็เปลี่ยนไปจนตกอยู่บนความยากลำบากอย่างนั้นขึ้นมา ไม่แน่ว่าความจริงแล้วเขาต่างหากที่เป็นตัวซวยที่กลับชาติมาเกิด แล้วยังดึงเธอเข้ามาติดร่างแหไปอย่างไร้เหตุผลไปด้วยล่ะมั้ง… เวลาค่อยๆผ่านไปทีละนิด หนึ่งชั่วโมง… สองชั่วโมง… สามชั่วโมง… ตอนนี้ถึงแม้ว่าผู้อำนวยการจะเป็นคนถามสถานการณ์พยาบาลที่ทำงานอยู่ด้านในด้วยตัวเองก็ไม่ได้คำตอบมาเช่นกัน คนที่กำลังรอกันอยู่ด้านนอกอดไม่ได้ที่จะวิตกกังวลกันขึ้นมากกว่าเดิม และหนึ่งในนั้นเองก็เป็นจิ๋นลี่ยวนที่รู้สึกมากที่สุด! ร่างสูงที่เดิมทีได้ยืนตระหง่านอยู่ที่ด้านนอกประตูก็อดไม่ได้ที่จะขยับตัวเล็กน้อย ในที่สุดจิ๋นลี่ยวนก็เปิดปากพูดคำพูดประโยคแรกออกมา แต่กลับหันไปพูดกับพี่หลิง “พี่ไปเอาเสื้อกาวน์ของผมมาให้หน่อย ผมจะเข้าไป!” มองประตูห้องผ่าตัดไปด้วยสายตาที่เป็นประกาย จิ๋นลี่ยวนในตอนนี้เหมือนเตรียมที่จะเดินเข้าไปตรงด่านหน้าเต็มทีแล้ว พี่หลิงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยจากนั้นก็รีบหันหลังวิ่งออกไปทันที รอจนตอนที่พี่หลิงลงมาในมือก็มีชุดกาวด์มาเพิ่มอีกตัวนึง คนที่ต้องการเข้าห้องผ่าตัด จำเป็นจะต้องเป็นคุณหมอเท่านั้น! “ลี่ยวน อย่าเข้าไปก่อกวนตอนนี้เลย!” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขมวดคิ้วดุออกไปเบาๆอย่างอดไม่ได้ บางโรงพยาบาลจะไม่มีการจัดให้คุณหมอที่เป็นญาติผู้ป่วยปรากฏในเคสผ่าตัดเดียวกัน นั่นก็เพราะกลัวว่าจะส่งผลในการวินิจฉัยของแพทย์ เห็นได้ชัดว่าที่โรงพยาบาลหนันหยูมีกฎอย่างนี้อยู่ด้วย “นายเข้าไปตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร!” ถึงแม้ว่าเขาจะผลการทำงานที่ดีมาก การศัลยกรรม ผ่าตัดสมอง ผ่าตัดหัวใจต่างก็ผ่านหน้าผ่านตามาแล้วทั้งนั้น แต่สำหรับด้านสูตินรีเวชนั้นไม่ได้เป็นอันขาด จิ๋นลี่ยวนนั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่มีทางที่จะทำได้ไปหมดทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาวิชาชีพทางการแพทย์ที่มีขอบเขตความรู้กว้างอย่างนี้ ไม่มีใครที่จะเป็นคนที่มีความสามารถครบทุกด้านไปได้ เขาเชี่ยวชาญสองด้านในนั้นมันก็หายากแล้ว ห้องผ่าตัดสมองของโรงพยาบาลหนันหยูมักจะหยิบยืมเขาไปเป็นคุณหมอผ่าตัดสมองให้อยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยให้เขาไปผ่าตัดรักษาคนท้องเลย… เพียงแค่ใส่เสื้อกาวด์ของตัวเองเท่านั้น จิ๋นลี่ยวนถึงจะมีสิทธิ์เดินเข้าไปในห้องฆ่าเชื้อเพื่อดำเนินการเข้าไปในห้องผ่าตัดได้ เอาเสื้อกาวด์มาสวม จิ๋นลี่ยวนเลิกสายตาขึ้นมองผู้อำนวยการโรงพยาบาลอย่างแน่วแน่พร้อมพูดออกไปประโยคหนึ่งว่า “เธอมีการบาดเจ็บภายนอกด้วยไม่ใช่หรือไง? ผมเป็นศัลยแพทย์ ผมเข้าไปแล้วมันผิดตรงไหนกัน?” พูดไปอย่างนั้นแล้ว จิ๋นลี่ยวนก็ไม่ให้โอกาสผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้พูดออกมาเลยเขาก็ได้เดินเข้าไปตรงเขตฆ่าเชื้อเริ่มทำการฆ่าเชื้อไปทีละขั้นตอนจนได้เดินเข้าไปในเขตปลอดเชื้อ สวมชุดผ่าตัดสีฟ้า สวมหน้ากากอนามัยและหมวกคลุมผมของห้องผ่าตัด จิ๋นลี่ยวนแทบจะมองไม่เห็นเลย ว่าจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ในลักษณะอย่างนี้ทำเอาคนที่อยู่ด้านนอกอึ้งกันไปเล็กน้อย… จิ๋นลี่ยวนที่สวมชุดอย่างนี้ พวกเขาเห็นกันเป็นครั้งแรก… “หัตถ์เทวะ” แห่งโรงพยาบาลหนันหยู สายตาของทุกคนมองไปยังจิ๋นลี่ยวนที่สวมถุงมือยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปอย่างไม่รู้ตัว ในตอนนี้แทบทุกคนต่างก็กำลังหวังว่าเขาจะสามารถใช้สองมืออันเลื่องชื่อคู่นั้นนำยินเสี้ยวเสี้ยวกับลูกออกมาได้อย่างสำเร็จ! พกพาความคาดหวังของทุกคน ท้ายที่สุดจิ๋นลี่ยวนก็ได้เข้าไปพวกเขาทำได้เพียงแค่มองดูแต่ก็เข้าไปในห้องผ่าตัดไม่ได้เลย… ภายในห้องผ่าตัด แสงไฟตรงเตียงผ่าผัดส่องสว่าง ทันทีที่เข้ามาจิ๋นลี่ยวนก็พบว่าคนที่อยู่ด้านในทั้งหมดยุ่งกันจนเท้าแทบไม่ได้แตะพื้นเลย วิสัญญีแพทย์อยู่ข้างๆมองภาพตรงหน้าตาไม่กะพริบกลัวว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะจู่ๆก็ฟื้นขึ้นมาแล้วแผลฉีกขาดเอา และก็กลัวว่าจะให้ยาไปเกินขนาดจนส่งผลเสียต่อลูกของเธอ หมอเหยานำการผ่าตัด หมอเหยาเป็นผู้ช่วย ทั้งสองคนร่วมมือกันอย่างรู้ใจกันมาก… จิ๋นลี่ยวนยืนอยู่ตรงที่เดิมอยู่นานไม่กล้าก้าวเข้าไปสักก้าว เพียงแค่ยืนมองยินเสี้ยวเสี้ยวเงียบๆอยู่ตรงนั้น เธอสวมหน้ากากออกซิเจน ทั้งร่างล้วนถูกผ้าคลุมผ่าตัดสีฟ้าคลุมเอาไว้ เขามองไม่เห็นเครื่องมือที่คุ้นเคยพวกนั้นได้ขยับเคลื่อนอยู่ในร่างกายเธอยังไง เขาเห็นแค่เพียงสภาพที่เธอนอนหลับสนิทอยู่เงียบๆ เหมือนกับว่าจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว…