เนตรเซียนทะลุสมบัติ – ตอนที่ 1074 ตรวจสอบ

ตอนที่ 1074 ตรวจสอบ

ลัวย่าวหัวตรวจสอบมาทั้งวันแต่ก็ไม่พบอะไรเลย จะต้องมีคนช่วยสนับสนุนเรื่องนี้แน่ วันนั้นเขากับหยางโปไปที่ไนต์คลับแค่ครั้งเดียวเท่านั้น พอหันหลังกลับ ไนต์คลับก็ถูกปิดตรวจสอบทั้งสามร้านพร้อมกันในทันที ร้านทั้งสามยังถูกเข้าใจว่าเป็นธุรกิจของพวกเขาทั้งสองคนอีก บนโลกนี้จะมีความบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง ?
ลัวย่าวหัวตรวจสอบไม่พบอะไร สิ่งนี้มันทำให้เขาไม่ค่อยจะพอใจ เขามาที่โฮ่วไห่อีกครั้ง
ขณะนี้เป็นเวลากลางคืน ไนต์คลับโฮ่วไห่คึกคักมีชีวิตชีวามาก มีนักท่องเที่ยวต่างถิ่นที่มีชื่อเสียงจำนวนมากมาที่นี่
ลัวย่าวหัวแฝงตัวอยู่ในฝูงชนสอดส่องมองดูถนนสายนี้ แต่ก็อดที่จะรู้สึกถอดหายใจออกมาไม่ได้ ตอนนั้น ตำแหน่งของพ่อของเขาไม่สูงมาก เขาที่ยังคงเป็นตำรวจตำแหน่งเล็กๆก็เคยมาที่นี่
ตอนนั้นเขาเป็นแค่คนรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าแค่พริบตาเดียว สถานะจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้ !
เดินตามกลุ่มฝูงชนไปข้างหน้า ลัวย่าวหัวก็มาถึงไนต์คลับหวงโฮ่วโดยไม่รู้ตัว เขาเหลือบไปมองร้านไนต์คลับหวงโฮ่วด้วยอาการที่ลังเลใจ จากนั้นก็เดินตรงเข้าไป
ด้านในไนต์คลับหวงโฮ่วครึกครื้นมาก คืนนี้มีสาวสวยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาถึงกับเห็นสาวงามกอดกันเต้นอยู่บนฟลอร์เต้นรำเยอะกว่าปกติ มีผู้ชายหลายคนอยู่ในร้านเหมือนกัน พวกเขาอยากจะมาจับเหยื่อสวยๆที่นี่
ลัวย่าวหัวหาที่นั่งตรงมุมหนึ่ง โจวเหม่ยเอ๋อได้ยินข่าวก็รีบเข้ามาหา เมื่อเขาเห็นลัวย่าวหัวก็อดหัวเราะและทักทายไม่ได้ “ สวัสดีคุณชายลัว วันนี้มาคนเดียวเหรอ ? ให้ฉันหาใครมาอยู่เป็นเพื่อนสักคนไหม ? ”
ลัวย่าวหัวจ้องมองโจวเหม่ยเอ๋ออย่างพินิจพิเคราะห์ แม้ว่าโจวเหม่ยเอ๋อจะทำศัลยกรรมมาก่อน
แต่โครงหน้าของเขาก็ยังคงแสดงให้เห็นความเป็นชาย เขาสวมชุดเดรสยาวสีดำ รูปร่างอรชรผอมเพรียว ขาขาวเรียวคู่นั้น ทำให้ผู้หญิงอิจฉาได้เลยทีเดียว
ลัวย่าวหัวยิ้มและโบกมือ ” เถ้าแก่โจว มีห้องส่วนตัวที่นี่ไหม ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายสักหน่อยนะ ”
“ แหม คุณชายลัวก็ พูดคำนี้เอาซะฉัน… นายคงไม่สนใจฉันหรอกนะใช่ไหม ? ” โจวเหม่ยเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทำราวกับเขินอาย
ลัวย่าวหัวโบกมือ “ นายมากับฉัน นี่เป็นเรื่องจริงจัง ! ”
โจวเหม่ยเอ๋อทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงหันไปโบกมือให้ผู้จัดการล็อบบี้และออกคำสั่งไปเล็กน้อย จากนั้นถึงเดินตามลัวย่าวหัวเข้าไป
เมื่อทั้งสองมาถึงห้องส่วนตัวก็นั่งลง ไม่นานก็มีคนนำไวน์มาเสิร์ฟ ลัวย่าวโบกมือส่งสัญญาณให้พนักงานเสิร์ฟออกไป รอจนกระทั่งห้องส่วนตัวเงียบลง เขาถึงปรายตามองไปทางโจวเหม่ยเอ๋อ “ ช่วงนี้มีข่าวลือบางอย่าง นายพอจะได้ยินบ้างไหม ? ”
“ คุณชายลัวหมายถึง ? ” โจวเหม่ยเอ๋อ ถามด้วยความสงสัย
ลัวย่าวหัวจ้องหน้าโจวเหม่ยเอ๋อ “ เสวียนจงบากหน้ามาขอพึ่งฉัน เมื่อวานฉันไปร้านตรงข้ามที่อยู่ติดกับเขามา พอดีร้านตรงข้ามถูกสั่งปิดตรวจสอบ ตอนนี้มีข่าวลืออยู่ในแวดวงสงสัยว่าฉันจะเข้าไปยุ่งกับการค้าประเวณี การพนัน และยาเสพติด นายคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ? ”
โจวเหม่ยเอ๋อตกใจและรีบเอามือกุมหน้าอกทันที ” ว้าย เกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง ?
ฉันรู้จักคุณชายลัวดี มีข่าวลือแบบนี้ออกมาได้ยังไงกัน ? ”
ลัวย่าวหัวมองหน้าโจวเหม่ยเอ๋อ ” เถ้าแก่โจว ฉันไม่สนใจว่าจะมีข่าวลือแบบนี้อยู่หรือเปล่า
นายจำเป็นต้องอธิบายหน่อยแล้วว่าทำไมนายถึงต้องขัดขวางเสวียนจงไม่ให้เข้ามารับช่วงต่อไนต์คลับน่ะ ! ”
โจวเหม่ยเอ๋อที่นั่งอยู่บนโซฟา ค่อนข้างจะตกตะลึง หลังจากผ่านไปสักพักถึงได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ “ คุณชายลัว มีบางเรื่องที่คุณควรจะรู้เอาไว้ ฉันกับเหลียงหรูซิงเกี่ยวข้องกันอยู่บ้าง
เสี่ยวชีกับฉันก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีบางอย่างที่เราแค่สงสัยเท่านั้น ”
“ เหลียงหรูซิงไม่ได้ถูกเสวียนจงหรือพวกเราฆ่า เขาถูกคนญี่ปุ่นที่ชื่อ จิโร่ สึคาฮาระฆ่า ไม่นานมานี้มีกลุ่มศิลปินกลุ่มหนึ่งของญี่ปุ่น ไม่รู้ว่านายรู้หรือเปล่า ตอนที่เราไปดูการแสดงดาบของ จิโร่ สึคาฮาระ หยางโปรู้สึกว่าชายคนนี้เก่งมาก จึงอยากเรียนรู้จากเขา แต่เราไม่เคยพบชายคนนั้นเลย ! ”
ลัวย่าวหัวมองหน้าโจวเหม่ยเอ๋อ ดูท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขาและพูดต่อ ” ต่อมาเราจึงสะกดรอยตามไปที่บ้านของเหลียงหรูซิงอย่างไม่ได้ตั้งใจและพบว่าเหลียงหรูซิงถูกแทงตาย เขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะทิ้งคำสั่งเสียสุดท้ายไว้เช่นกัน ” ไอรีนโนเวล
โจวเหม่ยเอ๋อเบิกตากว้าง เขาจ้องหน้าลัวย่าวหัว ” คุณชายลัว คุณแน่ใจหรือเปล่าว่าสิ่งที่คุณพูดมาเป็นความจริง ? ”
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ ฉันแน่ใจ ฉันคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหลอกลวงนาย เพราะนายก็น่าจะรู้ดี กลอุบายเล็กน้อยแบบนี้ ต่อให้สาดน้ำสกปรกใส่เรา นายคิดว่าเราจะกลัวน้ำสกปรกพวกนี้ไหม ? นอกจากนี้ นายก็เป็นคนตี้จิงมาแต่ไหนแต่ไร ก็น่าจะรู้ดีว่าฉันและหยางโปนำตราหยกแผ่นดินกลับมา ตราบใดที่เราไม่ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ก็ไม่มีทางได้รับโทษถึงตาย ! ”
โจวเหม่ยเอ๋อหลับตาลง เขาก้มหน้าลงครุ่นคิดอย่างรอบคอบ สิ่งที่ลัวย่าวหัวพูดมามันก็เป็นความจริง พวกเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาโกหก ยิ่งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโลภอยากได้ธุรกิจพวกนี้ แค่น้ำสกปรกที่สาดใส่ในตอนนี้ก็ทำให้พวกเขาไม่ค่อยสบายใจเท่านั้น
“ เมื่อไม่กี่วันก่อน มีคนมาหาหวังเสี่ยวชี และพูดคุยเรื่องนี้กับเขา ตอนนั้นหวังเสี่ยวชีค่อนข้างที่จะลังเลใจ แต่เขาคนนั้นให้สัญญาว่าตราบใดร่วมมือด้วย จะต้องล้างแค้นให้เหลียงหรูซิงได้อย่างแน่นอน ! ” โจวเหม่ยเอ๋อเงยหน้าขึ้นมองลัวย่าวหัว ” ก่อนหน้านี้เราสงสัยมาตลอดว่าพวกคุณเป็นคนทำเรื่องนี้ ! ”
ลัวย่าวหัวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ เขาคนนั้นเป็นใคร ? ”
“ ฉันก็ไม่รู้แน่ชัด เพราะคนๆนั้นไปหาแค่หวังเสี่ยวชี แต่เป็นเพราะว่าหวังเสี่ยวชีลังเลใจ ถึงได้มาพูดเรื่องนี้กับฉัน ” โจวเหม่ยเอ๋อตอบ
ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” อืม พวกเราจะจัดการเรื่องนี้เอง ! แต่ นายอย่าได้หุนหันพลันแล่นเชียว คนที่ฉันบอกนายเก่งกาจมาก อย่างน้อยก็มีวรยุทธอยู่ในขั้นเลี่ยนชี่จิง ขนาดเหลียงหรูซิงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา นายน่ะยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ! ”
โจวเหม่ยเอ๋อรีบพยักหน้าให้ ” คุณวางใจได้ ฉันจะไม่ลงมือง่ายๆแน่นอน ”
ลัวย่าวหัวลุกขึ้น ” โอเค นายก็ดูแลตัวเองด้วย ”
ลัวย่าวหัวผลักประตูห้องส่วนตัวแล้วเดินออกไป เขาเดินมาจนถึงในไนต์คลับ จู่ๆก็มี สาวสวยคนหนึ่งมาฉุดเขาเอาไว้ ” สวัสดี มาดื่มด้วยกันสักแก้วหน่อยไหม ? ”
ลัวย่าวหัวอารมณ์ไม่ค่อยดี ไหนเลยจะมีอารมณ์มาดื่มเหล้า เขาจึงผลักเธอออกไป
“ คืนนี้ฉันไม่ดื่มแล้ว ฉันไม่ดื่ม ! ”
“ คืนนี้มีใครเขาไม่ดื่มบ้าง ? ” หญิงสาวยังคงตื้อไม่หยุดเธอจับแขนของลัวย่าวหัวและเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของเขาเบาๆ “ คืนนี้คุณไม่ดื่ม แล้วยังจะไม่หาความสุขทางกายอีกเหรอ ? ”
ลัวย่าหัวชำเลืองมองหน้าอีกฝ่าย แต่กลับค่อนข้างที่จะระมัดระวังตัว เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะมีเสน่ห์มากมายขนาดที่สาวสวยคนหนึ่งจะเดินเข้ามาหาเขาเฉยๆได้ !
“ คุณเป็นใคร ? ” สายตาของลัวย่าวหัวจับจ้องไปที่หน้าหญิงสาวและเอ่ยถาม
หญิงสาวยิ้มและตอบกลับมาว่า “ ฉันชื่อไป่มู่ตัน คุณเพิ่งได้กลิ่นหอมของฉัน แต่คุณยังไม่ได้ลิ้มรสฉันเลยนะ ! ”
ลัวย่าวหัวฮึดฮัดไม่พอใจ “ เล่นกลหลอกลวงคนชัดๆ ! ”
พอพูดจบ เขาก็เดินออกจากไนต์คลับไปทันที เขารู้สึกมาตลอดว่าวันนี้ทำอะไรไม่ค่อยราบรื่น
รู้สึกเหมือนว่าต้องมีเรื่องบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องผิดปกติอะไรก็ตามมักจะทำให้เขารู้สึกประหม่าและตัวสั่นอยู่เสมอ !
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลัวย่าวหัวก็หยิบโทรศัพท์โทรหาหยางโป “ ฉันอยู่ที่ไนต์คลับหวงโฮ่ว รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อย นายรีบมารับฉันหน่อย ! ”
เมื่อหยางโปรับสายก็รู้สึกแปลกใจมาก ไม่ทันให้เขาได้คิดไตร่ตรองมากนัก ก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายร้องดังขึ้น จากนั้นสายก็ถูกตัดไป จู่ๆ หยางโปก็รู้สึกหัวใจหล่นวูบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม “ เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ! ”

  หยางโปขมวดคิ้ว เขาหันไปเหลือบมองเสวียนจง และเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ พังก็พังไปเถอะ ดึกมากแล้ว ฉันอยากกลับไปพักผ่อน ออกรถพวกเราไปกันเถอะ ”
เสวียนจงเกาะหน้าต่างฟังคำพูดของหยางโป ด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก เขาคิดไม่ถึงว่าหยางโปจะแสดงท่าทีแบบนี้
ลัวย่าวหัวไม่พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ ปล่อยให้รถเคลื่อนตัวออกไป และทิ้งเสวียนจงไว้ข้างหลัง
ลัวย่าวหัวหันไปมองหยางโป “ นายสงสัยว่าเสวียนจงเป็นคนทำใช่ไหม ? ”
หยางโปมีท่าทีลังเลเล็กน้อย “ เขาน่าสงสัยมาก ทำไมไม่จับก่อนหน้าหรือหลังจากนี้ ทำไมต้องรอเราไปตรวจดูแล้วค่อยมาจับ ? เสวียนจงคนนี้น่ะ หัวไวมาก ควบคุมไม่ง่าย ดูแล้ว เขายังอยากเข้ามาควบคุมสถานการณ์ ถึงกับไม่คำนึง ลากพวกเราทั้งสองคนมารับผิดแทนคนอื่น ! ”
“ เขาลากพวกเราเข้าไปยุ่งด้วย คงคิดที่จะเป็นปฏิปักษ์กับโจวเหม่ยเอ๋อและหวังเสี่ยวชีละสิ
ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ดูถูกเราสองคนมากเกินไปแล้ว ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปรู้สึกไม่พอใจมาก เขารู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกใช้ และถึงขั้นถูกเสวียนจงใช้เป็นไม้กั้นหมา
“ เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะไม่ได้ทำ ” ลัวย่าวหัวถาม
“ งั้นก็รอดูท่าทีของเขาพรุ่งนี้ก็แล้วกัน อ้อใช้สิ พรุ่งนี้ฉันต้องออกไปทำธุระ อาจจะไม่ได้อยู่บ้าน
นายไม่ต้องไปหาฉันนะ ” หยางโปสั่ง
ลัวย่าวหัวยิ้มเหยเก “ นายนี่มันหลบเก่งจริงๆ พรุ่งนี้ฉันก็ไม่อยู่บ้านเหมือนกัน ”
ทั้งสองมองหน้ากันและหัวเราะลั่น ทำงานร่วมกันมาก็ได้หลายปีแล้ว ทั้งสองต่างก็รู้ใจกัน
ถึงแม้ลัวย่าวหัวจะเอ่ยปากว่าจะรับช่วงต่อธุรกิจพวกนี้ แต่หนึ่ง พวกเขาไม่ได้ร่วมมือด้วย
สองไม่ได้เซ็นเอกสารอะไร และไม่มีใครมาเชื่อมั่น แต่พอไนต์คลับมาประสบพบเจอเข้ากับปัญหาตอนนี้ พวกเขาก็ต้องหลบเป็นธรรมดา
เช้าวันที่สอง หยางโปฝึกกระบี่เทียนหลัวอยู่ที่บ้าน เขาปิดบ้านไม่รับแขก และถึงกับไม่รับสายใครด้วยซ้ำ
ช่วงพลบค่ำ ชุยอี้ผิงมาหาถึงเรือนสี่ประสาน เขาตามหาหยางโปจนพบ ” เมื่อคืนนี้ตำรวจได้ทำการตรวจค้นที่ไนต์คลับโฮ่วไห่ และได้เข้าจับกุมผู้คนจำนวนมาก ทำไมฉันได้ยินมาว่าที่นั่นเป็นกิจการของนาย ”
หยางโปหัวเราะลั่น “ ล้อเล่นเก่งจริงๆ มีชื่อฉันเขียนติดไว้หรือเปล่า ? อย่างฉันจะไปเปิดบาร์ไหม ? แต่ละปีฉันจะได้กำไรสักเท่าไหร่ ? เงินแค่น้อยนิดแค่นั้น นายคิดว่าฉันจะสนใจไหม ? ”
เมื่อชุยอี้ผิงได้ยินหยางโปโต้แย้ง ก็อดพยักหน้าให้ไม่ได้ ” นายก็พูดถูกนะ แต่ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันก็ไม่ได้ไร้สาระจนเชื่อถือไม่ได้ เรื่องทั้งหมดคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายอยู่บ้างแหละ ! ”
หยางโปหัวเราะร่า “ คนพวกนั้นหาทางสาดน้ำสกปรกใส่ฉันจนได้จริงๆ เรื่องพวกนี้ถึงได้เชื่อมโยงมาถึงฉันจนได้ ”
ถึงแม้เรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ แต่หยางโปก็ยังเล่าให้ฟังอีกรอบ และยังกล่าวถึงเรื่องราวที่เขาเห็นในคืนนั้นอีกครั้งด้วย
ชุยอี้ผิงหันไปมองหน้าหยางโป ” นายจัดการเรื่องนี้ไม่ดีพอ แม้แต่ลัวย่าวหัว เขาก็คงไม่น่าขาดแคลนเงินจำนวนนี้ ทำไมถึงเข้ามารับช่วงต่อธุรกิจพวกนี้อีก ? ”
หยางโปรู้สึกจนปัญญา “ ยังไงซะเป็ดก็ตกมาถึงมือแล้ว ใครจะไม่อยากกัดกินกันบ้างละ ?สนใจไหม ? ”
เมื่อชุยอี้ผิงได้ยินหยางโปโต้แย้ง ก็อดพยักหน้าให้ไม่ได้ ” นายก็พูดถูกนะ แต่ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันก็ไม่ได้ไร้สาระจนเชื่อถือไม่ได้ เรื่องทั้งหมดคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายอยู่บ้างแหละ ! ”
หยางโปหัวเราะร่า “ คนพวกนั้นหาทางสาดน้ำสกปรกใส่ฉันจนได้จริงๆ เรื่องพวกนี้ถึงได้เชื่อมโยงมาถึงฉันจนได้ ”
ถึงแม้เรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ แต่หยางโปก็ยังเล่าให้ฟังอีกรอบ และยังกล่าวถึงเรื่องราวที่เขาเห็นในคืนนั้นอีกครั้งด้วย
ชุยอี้ผิงหันไปมองหน้าหยางโป ” นายจัดการเรื่องนี้ไม่ดีพอ แม้แต่ลัวย่าวหัว เขาก็คงไม่น่าขาดแคลนเงินจำนวนนี้ ทำไมถึงเข้ามารับช่วงต่อธุรกิจพวกนี้อีก ? ”
หยางโปรู้สึกจนปัญญา “ ยังไงซะเป็ดก็ตกมาถึงมือแล้ว ใครจะไม่อยากกัดกินกันบ้างละ ?   แม้ว่าตอนนี้นายจะเป็นผู้จัดการบริษัท แต่นายไม่อยากมีธุรกิจที่เป็นของตัวเองมากกว่านี้เหรอ ? ”
ชุยอี้ผิงหลุดหัวเราะออกมา “ ฉันไม่สนหรอก แค่ว่าลัวย่าวหัวทำอะไรสนใจแต่ประโยชน์ส่วนตัว
ไม่สนใจคนอื่นแม้แต่นิดเดียว นายก็รู้ ตอนนี้ตำแหน่งพ่อของเขาอ่อนไหวมากแค่ไหน แค่เรื่องแบบนี้ต่อให้สาดน้ำสกปรกใส่ก็ไม่ได้ ! ”
พอพูดจบ ชุยอี้ผิงก็หันไปมองหยางโป ” นายคิดจะจัดการยังไง ? ”
“ ดูไปก่อน ฉันไม่คิดว่าจะต้องรีบร้อนกับเรื่องนี้ ” หยางโปกล่าว Aileen-novel
ชุยอี้ผิงทำอะไรไม่ถูก “งั้นก็แล้วแต่พวกนายก็แล้วกัน ถ้ามันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนาย ฉันก็วางใจ ”
“ อ้อใช่สิ ช่วงนี้ มีหลายคนที่มาขอร้องฉัน อยากให้ฉันถามนายหน่อยว่าโครงการเกาะเสี่ยวเหยาดำเนินการไปถึงไหนแล้ว คืบหน้าไปอย่างราบรื่นไหม ดำเนินการไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว ? ”
ชุยอี้ผิงถาม
หยางโปนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะดังลั่นออกมา เขาละเลยเรื่องนี้ไปจริงๆ เขาระดมทุนหลายพันล้านจากเพื่อนๆหลายคนในตี้จิงมาลงทุนในโครงการนี้ แต่กลับไปได้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานต่อพวกเขา พวกเขาจึงไม่เข้าใจสถานการณ์ เลยต้องร้อนใจเป็นธรรมดา
หยางโปรีบโทรหาลั่วชิง เพื่อสอบถามรายละเอียดความคืบหน้า เขาก็ขอให้ลั่วชิงเขียนเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วส่งมาให้เขาในเช้าวันพรุ่งนี้
ชุยอี้ผิงหันไปมองหยางโป ” นายละเลยเรื่องนี้ไป นายต้องจัดงานเลี้ยงและเชิญทุกคนมากินข้าวร่วมกันสักมื้อเลยนะ ”
หยางโปพยักหน้า เริ่มแรกเป็นเพราะความช่วยเหลือจากชุยอี้ผิง เขาถึงได้ระดมเงินได้มากขนาดนี้ ตอนนี้เขาเสนอให้หยางโปจัดงานเลี้ยงเป็นการขอโทษเล็กน้อยๆ ก็เพื่อให้หยางโปได้มีความสัมพันธ์ที่ดี
“ โอเค ทุกอย่างราบรื่นก็ดีแล้ว พรุ่งนี้อาจจะเร่งรีบไปหน่อย วันมะรืนก็แล้วกัน ! ” หยางโปพูดออกมาตามตรง
ชุยอี้ผิง พยักหน้า “ ได้ นายก็เตรียมตัวให้ดีก็แล้วกัน เพราะทุกคนต่างก็เป็นผู้ร่วมลงทุนของนาย ! ”
หลังจากส่งชุยอี้ผิงกลับไปแล้ว หยางโปถึงได้มีโอกาสพูดคุยกับลั่วชิงอีกครั้ง แผนโครงการเกาะเสี่ยวเหยาดำเนินมาได้กว่าครึ่งปีแล้ว การก่อสร้างบนเกาะก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว งานพื้นฐานส่วนใหญ่ต่างก็แล้วเสร็จไปแล้ว ช่วงนี้ลั่วชิงจึงดูผ่อนคลายลงไปมาก
หยางโปอยู่พูดคุยกับเธอสักพัก ก่อนที่จะวางสาย ลั่วชิงดูมีความสามารถมากขึ้น ตอนแรกเขามองว่าลั่วชิงเป็นนักธุรกิจที่เก่ง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มองผลาดไป
ไม่นานก็มีหมายเลขโทรศัพท์ของลัวย่าวหัวโทรเข้ามา “ บ้าเอ้ย พ่อของฉันเรียกไปคุยแล้ว ! ”
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ เขาสงสัยนายงั้นเหรอ ? ”
“ ไม่ใช่สงสัย แต่มั่นใจว่าธุรกิจนั้นต้องเป็นของฉันนะสิ ไม่ว่าฉันจะอธิบายยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ”
ลัวย่าวหัวพูดอย่างหมดทางเลือก
หยางโปตกใจนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ มีคนไม่มากที่รู้เรื่องนี้ ใครไปพูดว่าเราแบบนี้ ? ฉันก็เพิ่งพูดคุยกับอี้ผิงไปเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะมีคนใส่สีตีไข่อยู่เบื้องหลังแน่ๆ ! ”
“ นายคิดว่าใคร ? ” ลัวย่าวหัวถาม
หยางโปส่ายหน้า “ ตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจ นายตรวจสอบดูก่อน อ้อใช่ ฉันวางแผนที่จะจัดงานเลี้ยงวันมะรืนนี้ จึงได้เชิญบรรดาคุณชายที่ร่วมลงทุนในแผนเกาะเสี่ยวเหยามากินข้าวด้วยกัน นายก็มาด้วยนะ ! ”
“ นายจะมาจัดงานเลี้ยงเวลานี้เนี่ยนะ ไม่ค่อยดีมั้ง ? ” ลัวย่าวหัวดูแปลกใจไม่น้อย
“ ไม่เป็นไร ฉันอยากจะดูสิว่าใครคิดที่จะใส่ร้ายพวกเราแบบนี้ เราค่อยมาดูกันอีกที ! ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวก็ได้สติกลับมาเช่นกัน “ เอาตามนั้น ฉันขอตรวจสอบดูก่อน ดูเหมือนว่าเสวียนจงจะไม่ใช่ผู้บงการ เขามาตี้จิงได้ไม่นาน จึงไม่ได้มีเครือข่ายขนาดใหญ่มากพอที่จะมากระจายข่าวเรื่องนี้ ”
“ อืม มีคนอยากใส่ร้ายเรา แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ” หยางโปส่ายหัว “ นายไปตรวจสอบดูซะ ! ”
จากนั้นหยางโปก็ตัดสายลัวย่าวหัว และเริ่มวางแผนจัดงานเลี้ยง แม้ว่าจะมีที่ว่างมากพอในเรือนสี่ประสาน แต่เขาก็ยังวางแผนที่จะจัดงานในโรงแรม เขาจึงหาโรงแรมใหญ่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
โทรจอง และจ่ายเงินไปบางส่วน
วันรุ่งขึ้น หยางโปได้จัดให้คนส่งคำเชิญไปอีกครั้ง เขาโทรหาทุกคนในรายชื่อแขก และเชิญพวกเขาให้มาเข้าร่วมด้วยตัวเอง หยางโปขอโทษทุกคนทางโทรศัพท์ที่ไม่สามารถรายงานข่าวได้ทันเวลา
ดูเหมือนในสายทุกคนจะแสดงออกว่าไม่ถือสาเอาความแต่หยางโปรู้ดีว่า ไม่มีใครโง่พอที่จะมาพูดความจริงต่อหน้าเขา แค่มองหน้ากันติด คิดว่าคงไม่มีใครถือสาเอาความกันมากนัก

ลัวย่าวหัวที่นั่งอยู่ด้านข้าง ตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วหันไปมองหวังเสี่ยวชี เมื่อสักครู่ที่หวังเสี่ยวชี่พยามแสดงออก มันถึงกับทำให้เขารู้สึกว่านี่เป็นเถ้าแก่คนหนึ่งที่ใจดีและชอบธรรม ไหนเลยจะคิดว่า จู่ๆหยางโปจะถามคำถามแบบนี้ !
หวังเสี่ยวชีหันกลับไปมอง และเห็นว่าด้านหลังไม่มีใคร เขาก็ถึงกับขมวดคิ้ว “ ที่นี่มันจะมีอะไร ? ”
หยางโปไม่พูดอะไรอีก เขาหันกลับไปพูดกับลัวย่าวหัว ” ไม่ต้องเอาไนต์คลับนี้แล้ว ”
หยางโปไม่ได้รู้สึกรำคาญที่จะโต้เถียงกับอีกฝ่าย สำหรับเขาแล้ว รายได้ของไนต์คลับร้านหนึ่ง
มันไม่ได้อยู่ในหัวคิดของเขา บวกกับที่ไนต์คลับแห่งนี้มีปัญหา เขาจึงสามารถตัดทิ้งมันไปได้เลย !   ลัวย่าวหัวลังเลเล็กน้อย เขาเหลือบมองเสวียนจงและ เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เสวียนจงพูดมาไม่เป็นความจริง ร้านนี้เขายังไม่ได้กลับมา อย่างน้อยมันก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา แต่ เขาเคยมาที่ร้านไนต์คลับนี่มาก่อน เมื่อเห็นเรื่องบางอย่าง เป็นธรรมดาที่จะเข้าใจสิ่งที่หยางโปพูดมานั้นเป็นความจริง !
เสวียนจงนั่งอยู่ข้างๆ มุมปากขยับไปมาแต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องเอาไนต์คลับร้านนี้คืนแล้ว ”
พอพูดจบ ลัวย่าวหัวก็มองไปทางเสวียนจง ” ใครเป็นผู้ถือสิทธิทางกฎหมายของไนต์คลับร้านนี้ ? ”
“ เหลียงหรูซิง ” เสวียนจงตอบในทันที
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ ในเมื่อเขาจากไปแล้ว ก็รับไปเปลี่ยนชื่อนิติบุคคลซะ แล้วก็อย่ารอช้า พรุ่งนี้ไปก็ทำซะ ! ”
หวังเสี่ยวชีมองดูพวกเขาด้วยสีหน้าที่ตกใจ ดูเหมือนเมื่อสักครู่เขาจะไม่เข้าใจจุดประสงค์การมาของพวกเขาทั้งสามคน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเดาได้แล้ว เสวียนจงมาที่นี่สองครั้งด้วยท่าที่แข็งกร้าว แต่ในฐานะที่เขาเป็นลูกน้องคนสนิทของเหลียงหรูซิง จะยอมอ่อนข้อให้ได้ยังไง เพราะเหตุนี้จึงยืดเวลามาตลอด
เสวียนจงเข้ามาพร้อมกับหยางโปทั้งสองคน หวังเสี่ยวชีคิดว่าสองคนนี้เป็นคนที่เหลียงหรูซิงไว้วางใจที่จะพึ่งพาได้ เขาจงใจพูดย้ำไปสองสามคำและไม่สนใจอีก เขาไหนเลยจะคิดถึงว่า
คนที่รับผิดชอบในสามคนนี้จะเป็นลัวย่าวหัวไปได้ !
หลายคนบนถนนสายนี้ต่างก็รู้จักลัวย่าวหัว ก่อนหน้านั้นลัวย่าวหัวก็เป็นแขกประจำของที่นี่
สถานะของเขาทำให้เถ้าแก่ของไนต์คลับทุกคนกระตือรือร้นที่จะเอาอกเอาใจเขา เขาคิดไม่ถึงว่า ลัวย่าวหัวจะรับช่วงต่อไนต์คลับร้านนี้ ถ้าให้ลัวย่าวหัวมารับช่วงต่อไนต์คลับร้านนี้ ก็จะเป็นผู้สนับสนุนที่ดี !
เสวียนจงรีบพูดขัดขึ้นว่า ” คุณชายลัว คุณอย่าใจร้อน มีเรื่องอะไรก็พูดคุยกันได้ ผมอยากจะถามคุณสักหน่อยว่า ครั้งนี้จะเข้ามารับช่วงต่อไนต์คลับใช่ไหม ? ”
ลัวย่าวหัวโบกมือ “ ใช่หรือไม่มันไม่สำคัญแล้ว พวกเราจะไม่รับช่วงต่อแล้ว ”
หวังเสี่ยวชีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง ด้วยใบหน้าปั้นยากจึงถามขึ้นว่า “ คุณชายลัว เมื่อสักครู่เป็นผมเองที่แสดงกิริยาไม่ดี ”
“ นายไม่ได้มีกิริยามารยาทไม่ดี แต่ฉันรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนาย ? ทำไมฉันถึงจะไม่ชอบเงินละ แต่ถ้าจะเอามามอบให้ฉันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะรับเงินสกปรก ” ลัวย่าวหัวเห็นหยางโปเดินออกไปข้างนอก เขาก็เริ่มร้อนใจลุกเดินตามออกไปในทันที
หวังเสี่ยวชียื่นมือออกไปคิดที่จะหยุดเสวียนจงไว้ แต่เสวียนกลับส่ายหน้า “ พรุ่งนี้ฉันจะมาหาให้นายจัดการตามขั้นตอนไปนะหลังจากนี้ฉันจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว ”
มองตามหลังทั้งสามคนที่เดินออกไป หวังเสี่ยวชีก็ไล่ตามมาจนถึงนอกประตู และเห็นว่าพวกเขาขึ้นรถกันไปแล้ว
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหวังเสี่ยวชีก็ทนไม่ได้อีกต่อไป ” พี่เจ็ด พวกเราไม่มีอะไรจะพูดกับพวกเขา ทำไมพี่ถึงต้องรีบส่งมอบไนต์คลับให้พวกเขาไปล่ะ ? ”
“ แกจะรู้อะไร คุณชายลัวผู้นั้นต้องการมารับช่วงไนต์คลับต่อ ถ้าตอนนี้ฉันปฏิเสธ เขาแค่สะกิดนิ้วก้อย ก็บีบไนต์คลับของเราตายได้แล้ว ! ” หวังเสี่ยวชีกล่าว
“ พี่เจ็ด พี่ออกจะเก่งขนาดนี้ ทำไมยังกลัวเขาอยู่อีก ? พวกเราพี่น้องมีความสุขกันจะตาย ! ”
หวังเสี่ยวชีเหลือบมองชายคนนั้นและส่ายหัวช้าๆ ไนต์คลับเกือบทุกร้านที่นี่ดูเหมือนจะเต็มใจที่จะให้ลัวย่าวหัวรับช่วงต่อ เพราะหากมีคนสนับสนุนเช่นนี้ จะยังต้องมาเป็นกังวลเรื่องธุรกิจในอนาคตอีกหรือไง  ไนต์คลับอีกสองร้านถัดมา ต่างก็มีปัญหาไม่มากก็น้อย แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเชื่อฟังคำสั่ง ไอลีนโนเวล
แต่หยางโปก็ยังไม่ค่อยจะพอใจแต่คนที่มารับช่วงต่อไม่ใช่เขา ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรอีก
ลัวย่าวหัวชำเลืองมองไปทางหยางโป เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้แสดงอาการใดๆ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดว่า ” ตัดทิ้ง สามร้านตัดทิ้งให้หมด ! ”
เสวียนจงเบิกตากว้าง ทั้งสามร้านทำกำไรได้มากมายทุกปี ตัดทิ้งแบบนี้มันไม่น่าเสียดายเหรอ ? แต่เขาฉลาดขึ้นมากแล้ว จึงไม่เอ่ยปากพูดอะไร
ตัวของลัวย่าวหัวเองก็พยักหน้าและพูดอย่างมั่นใจ “ เฮ้อ ไนต์คลับทั้งสามร้านนี้มีปัญหาทั้งหมด พ่อของฉันอยู่ในตำแหน่งนี้ไม่ก็ใช่เรื่องง่าย ฉันจะทำให้เขาลำบากใจไม่ได้ ! ”
พอพูดจบ ลัวย่าวหัวก็หันไปมองเสวียนจง ” นายคิดว่าไง ? “  เสวียนจงรู้สึกได้ชัดเจนว่า ลัวย่าวหัวมีสีหน้าที่ลำบากใจ เขาจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “ ผมจะฟังที่ลัวเตาโหย่วว่าทุกอย่าง ! ”
หยางโปยืนพยักหน้าอยู่ด้านข้าง อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ “ ถ้าแค่ปัญหาพวกนี้ มันคงไม่เพียงพอที่จะให้นายส่งมอบธุรกิจพวกนี้มาให้ ! ”
เสวียนจงลังเลใจเล็กน้อย “ เหตุผลที่หวังเสี่ยวชีมีท่าทีแข็งกร้าว เพราะมีคนค่อยสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง ! ”
“ ใคร ? ” หยางโปค่อนข้างรู้สึกแปลกใจ
“ โจวเหม่ยเอ๋อ ! ” เสวียนจงกล่าว
หยางโปและลัวย่าวหัวหันไปมองหน้ากัน ทั้งสองรู้สึกเหลือเชื่อมาก ” เขาเหรอ ? ”
หยางโปหันไปมองหน้าเสวียนจง ” เป็นเขาได้ยังไง ? ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหลียงหรูซิงคืออะไร ? หรือว่าเขามีภูมิหลังที่ลึกมาก สามารถกดหัวหวังเสี่ยวชีได้งั้นเหรอ ! ”
เสวียนจงอธิบาย “ ตอนที่เหลียงหรูซิงยังมีชีวิตอยู่ โจวเหม่ยเอ๋อเป็นเลขาของเขา ส่วนหวังเสี่ยวชีเป็นลูกน้องอันดับหนึ่งของเขา ทั้งสองทั้งเชี่ยวชาญและเป็นศิลปะการต่อสู้ แต่ต่อมานิสัยของ
โจวเหม่ยเอ๋อก็ยิ่งแสดงออกชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เขากับเหลียงหรูซิงได้ลาพักร้อนไปที่ไทย
หลังจากกลับมา เขาก็แยกตัวออกไปทำธุระกิจเอง ! ”
“ ในช่วงเวลานี้เหลียงหรูซิงก็เกิดมีปัญหาขึ้นมาแล้ว หวังเสี่ยวชีกลัวว่าจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ จึงมักจะไปปรึกษาหารือกับโจวเหม่ยเอ๋อ มันน่าจะเป็นความคิดของ
โจวเหม่ยเอ๋อ ! ”
ลัวย่าวหัวหันไปทางหยางโป ” วันนั้นนายก็พบกับเขาแล้ว บนตัวเขามีพลังไหลเวียนอยู่ไหม ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่มี เขาไม่ได้ฝึกลมปราณ ”
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หยางโปก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ ลืมเรื่องนี้ไปซะ กลับไปก็ทักทายกับเขาสักหน่อย ไนต์คลับก็ให้พวกเขาไป พวกเราก็ไม่ได้สนใจเงินน้อยนิดพวกนั้น จะไปทำให้มันยุ่งยากไปทำไม ! ”
ลัวย่าวหัวเห็นด้วยอย่างสุดซึ้ง “ ใช่ เรื่องพวกนี้มันยุ่งยากเกินไป รับช่วงต่อไม่ไหว ”
เสวียนจงที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกหมดเรี่ยวแรง เขาอยากได้ธุรกิจเหล่านี้ แต่สองคนนี้รวยเกินไป
พวกเขาไม่ได้สนใจมันเลยด้วยซ้ำ !
เมื่อขึ้นรถ หยางโปวางแผนที่จะกลับไป แต่เสวียนจงกลับหันมาโบกมือให้หยางโปและกำลังจะบอกลา โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นทันที และเมื่อรับสาย เขาก็ตกใจมาก
“ อะไรนะ ? คุณหมายความว่าไนต์คลับทั้งสามร้านที่เราเพิ่งไปดูมาถูกปิดค้นหมดแล้ว ! ”   ลัวย่าวหัวโบกมือและกำลังจะบอกคนขับให้ขับรถออกไป แต่หยางโปกลับหยุดเขาไว้ ” รอสักครู่ ”
เสวียนจงวิ่งมาเคาะกระจกรถ ” ศิษย์พี่หยาง เกิดเรื่องแล้ว ไนต์คลับสามร้านนั้นที่พวกเราเพิ่งไปดูมา วอดวายหมดแล้ว ”
“ ตำรวจบุกเหรอ ? ” หยางโปถาม
ได้ยินแบบนั้น เสวียนจงก็พยักหน้าในทันที

ตามรายงานของเสวียนจง จำเป็นต้องปิดบ่อนคาสิโน ดังนั้นพวกเขาจึงไปที่คาสิโนก่อน
หยางโปสังเกตสถาพโดยรอบ บ่อนคาสิโนถูกอำพรางดีมากจริงๆ มีโรงแรมแห่งหนึ่งอยู่ด้านหน้า
จะเข้าไปถึงคาสิโนได้ต้องเข้าไปทางหนีไฟของโรงแรมเท่านั้น บ่อนคาสิโนถูกปิดไว้หมดจึงไม่มีทางมองเห็นสภาพภายในจากภายนอกได้ จึงไม่มีใครรู้ว่านี่คือคาสิโน
เสวียนจงเม้มริมฝีปาก เขายังคงต้องการที่จะเก็บสถานที่นี่ไว้ เขาอดไม่ได้ที่หันไปมองหน้าลัวย่าวหัว
“ ปิดซะ ! ” ลัวย่าวหัวสั่งอย่าเด็ดขาด โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว พ่อของเขาอยู่กระทรวงความมั่นคง ถ้าเขาเข้ามารับช่วงบ่อคาสิโนต่อจริงๆ งั้นก็ถือว่าฆ่าพ่อของเขาชัดๆ !
เสวียนจงพยักหน้า ” ตกลง ! “  ” ปิดให้บริการเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่อนุญาตให้ประกอบธุรกิจใดๆภายในหนึ่งปี หลังจากหนึ่งปี
ก็ปล่อยเช่าที่นี่ซะ ” ลัวย่าวหัวสั่ง
เสวียนจงหันไปมองลัวย่าวหัว บ่อนคาสิโนแห่งนี้มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ สามารถนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้ อย่างน้อยก็ไม่ควรสิ้นเปลือง คิดไม่ถึงว่าลัวย่าวหัวจะสั่งปิดไปเลย โดยที่ไม่ลังเลใจสักนิด
แต่เสวียนจงก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะก่อนหน้านี้เขาพูดมากไปแล้ว เลยเสียเปรียบ ถ้าเขาไม่พูดถึงดอกไม้พวกนั้น เกรงว่าหยางโปก็คงไม่รังเกียจเขา
จากนั้นหยางโปและพรรคพวกก็พากันไปดูอาคารสำนักงาน โรงน้ำชา และโรงภาพยนตร์ ที่ตั้งของสถานที่เหล่านี้ถือว่าไม่เลวเลย ไม่ค่อยรกเลยด้วยซ้ำ พวกเขาแค่สำรวจดู แล้วเดินออกมาเลย
หลังจากเดินไปรอบๆก็ค่ำแล้ว ทั้งสามคนหาโรงแรม ทานอาหาร แล้วรีบไปที่ไนต์คลับ  ในบรรดาธุรกิจเหล่านี้ หยางโปกังวลใจที่สุดคือไนต์คลับ บ่อนคาสิโนถูกปิดตัวไปแล้ว
แต่ไนต์คลับมันไม่ง่าย ที่จะแก้ปัญหาแบบลวกๆ แต่สถานที่ดังกล่าวมักเกี่ยวข้องกับค้าประเวณีและยาเสพติด มันทำให้หยางโปรู้สึกกังวลใจมาก
เป็นปกติที่ลัวย่าวหัวจะกังวลเช่นกัน เขาเหลือบไปมองเสวียนจง และกล่าวว่า
” เมื่อคืนนายได้ไปทักทายกับลูกน้องไหม ได้บอกเรื่องที่เราจะไปดูรึเปล่า ? ”
” ไม่ ไม่ครับ ” เสวียนจงรีบพูด
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ ในเมื่ออยากจะไปดู ก็มองปัญหาให้ออก และ ค้นพบปัญหา และแก้ไขมันโดยเร็วที่สุด นี่ถึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้องที่สุด”
เสวียนจงพยักหน้า ” ใช่แล้ว ! ”
ในระหว่างที่พูดคุยกัน ทั้งสามคนก็มาถึงบริเวณไนต์คลับ ไนต์คลับทั้งสามแห่งนี้ มีอยู่สองแห่งอยู่ใน โฮ่วไห่ และอีกแห่งอยู่ติดกับ “ไนต์คลับหวงโฮ่ว ”
ลัวย่าวหัวชำเลืองมอง ด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างเคร่งขรึม เขาหันไปทางหยางโป
“ ไนต์คลับแห่งนี้ ตอนที่ฉันเคยมาสภาพไม่ค่อยดีนัก ”
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ” หมายความว่าไง ? ”
ลัวย่าวหัวส่ายหน้า “ เราเข้าไปแล้วค่อยคุยกันดีกว่า ”
เวลานี้เพิ่งจะแปดโมงกว่า มีคนไม่มากในไนต์คลับ หยางโปทั้งสามหาที่นั่งและนั่งลง เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเสวียนจง เขารู้สึกแปลกๆ ไม่มีพนักงานออกมาต้อนรับเลย โดยเฉพาะ เสวียนจง
ในฐานะเถ้าแก่ ไม่มีใครสนใจเขา มันน่าแปลกมาก !
หยางโปอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองลัวย่าวหัว ลัวย่าวหัวพยักหน้าให้แต่ไม่พูดอะไรมาก
ทั้งสามคนนั่งพักกันอยู่สักครู่ ก็ไม่มีใครออกมาต้อนรับเลย เสวียนจงทำหน้าไม่ถูกไปเล็กน้อย
เขาจึงต้องยืนขึ้นและหันไปกวักมือเรียกพนักงาน แต่พนักงานกลับมีอาการลังเล และไม่กล้าก้าวออกมา !
เสวียนจงรู้สึกว่าตัวเองสียหน้าหมด และกำลังจะระบายอารมณ์
เวลานี้ ชายหัวล้านคนหนึ่งก็เดินออกมา ชายคนนี้สวมเสื้อกั๊กสีขาวมีรอยสักที่แขนซ้ายและขวา
มีรูปมังกรเขียวอยู่ทางซ้าย และเสือขาวอยู่ทางขวา บวกกับรูปร่างที่สูงตระหง่าน รูปร่างแข็งแรงกำยำ คาบซิการ์อยู่ในปาก ดูท่าทางหยิ่งยโสมาก ไอรีนโนเวล
“เถ้าแก่เสวียน สวัสดี ทำไมคุณถึงมีเวลามาหาที่ร้านของฉัน ? ” ชายหัวล้านเดินเข้ามาพูดด้วยรอยยิ้ม
เสวียนจงเหลือบไปมองชายหัวล้าน ด้วยสีหน้าลำบากใจมาก ” หวังเสี่ยวชี ร้านนี้อย่างน้อยก็ถูกฉันรับช่วงต่อแล้ว นายพูดแบบนี้หมายความว่าไง ? ฉันจะมาดูร้านของตัวเองไม่ได้หรือยังไง ? ”
คนหัวล้านชื่อหวังเสี่ยวชี เขาเป็นคนที่เจ็ดในครอบครัว นานมาแล้วที่สภาพที่บ้านค่อนข้างยากจน จึงดูผอมแห้งและอ่อนแอเสมอมา แต่ในเวลานั้น เหลียงหรูซิงเป็นคนเลี้ยงเข้าไว้ และจ่ายค่าจ้างให้เขา เขาจึงเคารพ รักเหลียงหรูซิง แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเหลียงหรูซิงจะมาตายอย่างกะทันหัน
และจู่ๆ เสวียนจงก็มาปรากฏตัวขึ้นเพื่อเข้ารับตำแหน่งที่นี่ เขาจึงรู้สึกว่า เสวียนจงมีปัญหา !
“ เถ้าแก่เสวียน นายก็น่าจะรู้ดี แต่เดิมไนต์คลับแห่งนี้ฉันก่อตั้งมาเองกับมือ ก่อนที่ท่านเหลียงจะจากไป จึงไม่ได้ทิ้งคำสั่งเสียไว้ บวกกับครอบครัวของเขาไม่มีลูกเลย จู่ๆ นายก็ออกมาพูดว่าจะมาดูแลที่นี่ต่อ มันยากที่ใครจะเชื่อได้ ! ” หวังเสี่ยวชีกล่าว
เสวียนจงหันไปมองหน้าหวังเสี่ยวชี “เสี่ยวชี ฉันไม่มีทางโกหกคุณแน่ ท่านผู้นี้คือเถ้าแก่ของฉัน ลัวย่าวหัว ท่านลัว ! ”
ลัวย่าวหัวที่นั่งข้าง ๆ เดิมเขาคิดว่าคืนนี้เขาคงไม่มีโอกาสแสดงตัวตน คิดไม่ถึงว่า เสวียนจงจะเอ่ยชื่อของเขา แต่ถึงยังไง เขาก็ไม่กลัว เขาเงยหน้ามองหวังเสี่ยวชี โดยไม่พูดอะไร
หวังเสี่ยวชีหันไปเหลือบมองลัวย่าวหัว และเอ่ยขึ้นว่า “ เถ้าแก่ลัว ไม่ทราบว่าคุณมีหลักฐานอะไรมายืนยันหรือเปล่า ? ”
ลัวย่าวหัวหันไปมองหน้าหวังเสี่ยวชี ” นายต้องการหักฐานอะไร ? ตอนนั้นเหลียงหรูซิงไม่ทิ้งคำสั่งเสียอะไรไว้ ”
หวังเสี่ยวชีส่ายหน้า “ ผมพูดอย่างมีเหตุผลมากพอแล้ว ในเมื่อท่านเหลียงไม่ได้ทิ้งหลักฐานใดๆไว้เลย ถ้าเช่นนั้นผมก็คงเชื่อในสิ่งที่พวกคุณพูดมาไม่ได้ ผมจะทำธุรกิจกันแล้ว ท่านทั้งหลาย
เชิญกลับไปเถอะ ! ”   หวังเสี่ยวชีดูหยาบคายเอามากๆ แต่คำพูดคำจาของเขากลับอ่อนโยนและมีมารยาท ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกค่อนข้างวิตกกังวลเกี่ยวกับทั้งสามคน
หยางโปที่นั่งอยู่ข้างๆ แสงส่องประกายขึ้นตรงหน้าเขาและเห็นว่ามีพลังวนเวียนอยู่รอบๆ
หวังเสี่ยวชี เขาคิดไม่ถึงว่า หวังเสี่ยวชีจะเป็นผู้ฝึกฝนพลังจนก้าวเข้าสู่ขั้นหยิ่นชี่จิงได้แล้ว !
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หยางโปก็ตระหนักได้ว่า เหลียงหรูซิงคงสอนหวังเสี่ยวชีมา ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ต่อตัวเขา หวังเสี่ยวชี เกิดอยากปกป้องเหลียงหรูซิงขึ้นมา มันก็สมเหตุสมผลแล้ว
เสวียนจงอ้าปากอยากถือโอกาสอธิบาย แต่กลับเห็นหยางโปยกมือขึ้นปัดห้ามไม่ให้เขาพูด
หยางโปจิบไวน์แดง จากนั้นเขาก็เงยหน้ามองขึ้นไปทางหวังเสี่ยวชี มองหัวล้านที่ส่องแสงเป็นประกายของเขา ” เหลียงหรูซิงจากไปแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ต้องสานต่อ คุณมีแผนยังไงที่จะทำต่อ
จากนี้ ”
“ แม้ว่าอาจารย์เหลียงจะจากไปแล้ว แต่ผมก็ต้องยึดมั่นในวิถีดั้งเดิมของเขา จะต้องส่งเสริมและดำเนินตามวิถีดั้งเดิมของเขาให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป ! ” หวังเสี่ยวชีกล่าว
หยางโปจ้องหน้าหวังเสี่ยวชี จากนั้นเขาก็ชี้ไปทางลัวย่าวหัว ” คุณรู้จักเขาไหม ? ”
หวังเสี่ยวชีตกตะลึงไปอยู่ชั่วครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด ด้วยสีหน้าลำบากใจ “ ผมไม่รู้จัก ”
“ คุณรู้จักเขาดี ถ้าพูดอย่างชอบธรรมแล้ว แต่คุณจะทำอะไรได้บ้าง ? ” หยางโปจ้องหน้าหวังเสี่ยวชี และชี้เข้าไปด้านใน “ ข้างในนั้นปกปิดอำพรางของผิดกฎหมายและช่วยเหลือยคนชั่วไว้จริงๆ ! ”
หยางโปมีสีหน้าไม่ปรานีเอามากๆ เขาถือโอกาสสังเกตสภาพภายในห้องในขณะที่พวกเขากำลังพุดคุยกัน เขาเห็นกลุ่มผู้ชายและผู้หญิงกำลังเสพยาอยู่ในห้องอย่างชัดเจน ! แต่หวังเสี่ยวชีกลับเห็นผิดเป็นชอบ มันน่าขยะแขยงเสียจริงๆ !

ใจของเสวียนจงรู้ดี ถ้าหากหยางโปสามารถใช้โอกาสนี้สนับสนุนเขาได้ เขาจะตอบตกลงที่จะอยู่ต่อ แต่ถ้าหากหยางโปไม่เต็มใจที่จะสนับสนุนเขา เขาก็จะจากไป
แน่นอนว่าหยางโปเข้าใจความหมายพวกนี้ของอีกฝ่ายดี แต่เขากลับไม่ยอมที่จะแบกภาระนี้ไว้ เดิมทีเขาก็ไม่เต็มใจที่จะรับช่วงต่อของเหลียงหรูซิงที่เหลือไว้อยู่แล้ว สำหรับเขาแล้ว สิ่งของพวกนี้ล้วนแล้วแต่จะสร้างความยุ่งยาก ทำให้เขาต้องเสี่ยงเป็นอย่างมาก อิทธิพลยิ่งมากก็ยิ่งสร้างความกดดันแก่อีกฝ่ายมากขึ้น !
หยางโปอดที่จะเงียบไม่ได้ เขาจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียและจำเป็นต้องพิจารณา
ถ้าช่วยเสวียนจงเรื่องนี้จะเหมาะสมไหม ?
“ ศิษย์พี่หยาง เหลียงหรูซิงทิ้งสิ่งของที่มีประโยชน์ไว้อยู่จริงๆ เอางี้ไหม เดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูสมบัติพวกนั้นของเขา ? ” เมื่อเสวียนจงเห็นหยางโปเกิดอาการลังเลใจ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากแนะนำอย่างกล้าหาญ เขาอยากจะรับช่วงต่อ แต่ไม่มีกำลังเพียงพอ ที่พึ่งพาได้เพียงหนึ่งเดียวคือ
หยางโป เขาต้องกลายเป็นคนที่รับผลประโยชน์แทนหยางโป นี่คือเป้าหมายของเขา
หยางโปหันไปมองทางเสวียนจง “ เขามีคฤหาสน์อยู่สองหลังไม่ใช่หรือไง ? ยังมีอะไรอีก ? ”
“ ยังไงซะเขาก็เป็นผู้นำของพันธมิตรผู้ฝึกฝนสันโดษทางภาคเหนือ และมีอิทธิพลมากในเมืองหลวง มีธุรกิจบางอย่างที่ถูกคนอื่นแย่งไป ธุรกิจที่เหลืออยู่ตอนนี้ ผมได้จัดระเบียบที่เหลือใหม่แล้ว
ยังมีบ่อนคาสิโนที่หนึ่ง ไนต์คลับสามที่ โรงน้ำชาอีกสองที่ โรงภาพยนตร์สิบที่ ยังมีอาคารสำนักงานบนถนนวงแหวนรอบที่สามอีกตึก รายละเอียดเฉพาะเจาะจงผมก็ระบุได้ไม่ชัด คุณตามผมไปดูก็จะรู้เอง ” เสวียนจงกล่าว
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ บ่อนคาสิโน ? ทำไมเขายังคงทำงานนี้ ? ”
หยางโปมีกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานของตัวเองในการทำสิ่งต่างๆ อย่างเช่นเรื่อง บ่อนคาสิโนและซ่องโสเภณี เขาจะไม่ยอมรับช่วงต่ออย่างแน่นอน
เสวียนจงรีบอธิบาย “ มันเป็นเพียงสถานที่พนันเล็กๆ ค่อนข้างจะปกปิด ปกติก็ไม่เปิด
จะเปิดก็ต่อเมื่อตี้จิงจัดงานแสดงสินค้าทุกปีและใช้เพื่อการพักผ่อน ”
หยางโปยังคงขมวดคิ้วและพูดอย่างเคร่งขรึม “ ถ้าเป็นแบบนี้จะเรียกว่าบ่อนคาสิโนได้ไง เวลาแบบนี้คุณยังไม่พูดความจริงอีก ! ”
เสวียนจงตกใจทันที เขาพูดขัดขึ้นอย่างรวดเร็ว ” ศิษย์พี่หยาง บ่อนคาสิโนนั้นเปิดสามโต๊ะต่อวัน  รับเฉพาะลูกค้าฝีมือเท่านั้น ”
“ ปริมาณเงินในการพนันมากไหม ? ” หยางโปถาม
เสวียนจงตกตะลึงไปครู่หนึ่งและรีบพยักหน้าให้ “ มันค่อนข้างใหญ่ ทุกครั้งที่เดิมพันจะเริ่มต้นที่หลักล้าน ไม่มีขีดจำกัด ”
หยางโปนั่งอยู่ที่นั่งหลัก ส่ายหน้าพลางตอบ “ ปิดไปซะ ! ”
“ ศิษย์พี่หยาง สถานที่นั้นลึกลับมากจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโรงแรมอยู่ด้านนอก ไม่มีใครสามารถหามันเจอได้ บ่อนคาสิโนนั้นมียอดรายได้ปีละหลายสิบล้าน ! ” เสวียนจงกล่าวต่อ
หยางโปเพ่งมองเสวียนจง เดิมทีเขาอยากจะรั้งไว้ แต่เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ จู่ๆก็ไม่มีความคิดนี้ ในเมื่อเขาได้ตัดสินใจแล้ว อีกฝ่ายยังพยายามห้ามปรามเขาครั้งแล้วครั้งเล่า สถานที่พวกนี้ล้วนมีคนดีคนเลวปะปนอยู่ด้วยกัน ถ้าเกิดเขารับช่วงต่อ หรือให้ เสวียนจงยืมจริงๆ อนาคตเสวียนจงจะปฏิบัติตามกฎที่เขากำหนดไว้อย่างเคร่งครัดไหม ?
หยางโปโบกมือห้ามไม่ให้เสวียนจงพูด ชกถ้วยชาขึ้นและไม่พูดอะไรอีก
เมื่อเสวียนจงเห็นท่าทีของหยางโป ก็ตกใจขึ้นมาทันที และทันใดนั้นก็รู้ว่าเมื่อสักครู่ตัวเองพูดผิดไป เมื่อสักครู่หยางโปเพิ่งถามรายละเอียดเขา เห็นได้ชัดว่าความหมายคือกำลังพิจารณาว่าเขาควรจะรับช่วงต่อดีไหม แต่ท่าทีที่แสดงออกของเขาทำให้หยางโปผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด !
“ ศิษย์พี่หยาง คุณให้โอกาสผมอีกครั้งนะ ! ” เสวียนจงรีบขอร้อง
แต่เวลานี้มันสายเกินไปที่จะแก้ไข หยางโปยกถ้วยชาขึ้นดื่ม และไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไร
ในห้องรับแขกมีเพียงเสียงคำวิงวอนของเสวียนจงเท่านั้น
ลัวย่าวหัวบังเอิญมาที่นี่พอดี เมื่อเขาเจอเสวียนจงอยู่ที่นี่ ก็อดที่จะตกใจไม่ได้ จึงถือโอกาสกวักมือเรียก ” เหล่าเสวียน ผมมีธุระจะไปหาคุณพอดีเลย คุณช่วยจัดห้องเลี้ยงน้ำชาให้ผมสักห้องนะ
จะใช้คืนนี้ ” Aileen-novel
เสวียนจงชำเลืองมองลัวย่าวหัว จากนั้นก็หันไปมองหน้าหยางโปอีกครั้ง ” ลัวเต้าโหย่ว ผมอาจต้องไปแล้ว ผมจะไปหยูหาง ”
ลัวย่าวหัวค่อนข้างแปลกใจ ” ไปแล้ว ? คุณจะกลับไปเป็นประธานสมาคมจียงหนานของคุณงั้นเหรอ ? อยู่ที่ตี้จิงดีกว่า ที่นี่มีอนาคตกว่า ทำไมคุณถึงอยากจากไปละ ? ”
เสวียนจงหันกลับมา เห็นหยางโปไม่พูดอะไร เขาก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังพูดว่า ” เรื่องราวที่นี่ซับซ้อนเกินไป ผมรู้สึกรับมือไม่ค่อยได้ ดังนั้น… ดังนั้นตอนนี้จึงมาขอลาออกกับศิษย์พี่หยาง ”
หยางโปที่นั่งอยู่ด้านข้าง กลับไม่เอ่ยปากพูดอะไร
ลัวย่าวหัวมองดูทั้งสองคน ก็เข้าใจทันทีหยางโปน่าจะรู้สึกรำคาญและไม่ยอมที่จะรับช่วงต่อกับเรื่องนี้ เขาจึงถามต่อไปว่า ” มีธุรกิจอะไรบ้าง ? ”
เสวียนจงจึงรีบพูดซ้ำอีกรอบ
ลัวย่าวหัวเหลือบมองหยางโปอีกครั้ง ครุ่นคิดเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า ” ปิดบ่อนคาสิโนซะ ”
เสวียนจงรีบพูดขัดขึ้นทันที ” เมื่อสักครู่ศิษย์พี่หยางก็หมายความแบบนี้ แต่ผมคิดผิด ยืนกรานที่จะเปิดต่อ ”
ลัวย่าวหัวเป็นคนฉลาด เขาเข้าใจทั้งหมดทันที เขารู้ว่าหยางโปหลีกเลี่ยงเรื่องนี้มาก เขาทำธุรกิจไม่ยอมปนเปื้อนกับการพนัน และยาเสพติด ธุรกิจพวกนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่มีโอกาสมากที่จะปนเปื้อนกับสิ่งเหล่านี้ เสวียนจงมีท่าทีที่ไม่แน่วแน่ หยางโปจึงไม่อยากเข้าไปรับช่วงต่อ !
“ เหล่าเสวียน ผมไม่ได้ว่าให้คุณนะ เรื่องนี้เดิมคุณนั่นแหละที่ไม่ถูก คุณควรเข้าใจว่ามีบางสิ่งที่ไม่สามารถแตะต้องได้ ในเมื่อหยางโปปฏิเสธอย่างชัดเจนแล้ว คุณยังจะยืนกรานเพื่ออะไร ? ”
ลัวย่าวหัวกล่าว
เสวียนจงหน้าอมทุกข์ทันที ” ผมหลงผิดไปแล้วจริงๆ คิดแค่อยากหาเงิน ”
ลัวย่าวหัวยิ้ม เขาเงยหน้าขึ้นมองหยางโป ” นายนี่มัน ทนกับสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลและไม่ยุติธรรมไม่ได้เลยนะ ฉันคิดว่าเหล่าเสวียนมีความสามารถมาก ถ้าสนับสนุนเขาเรื่องนี้จริงๆ เขาต้องทำได้ดีแน่นอน ”
หยางโปหันไปมองลัวย่าวหัว ” ฉันคิดว่าธุรกิจพวกนี้ ให้นายจัดการจะดีที่สุด ”
“ ทำไมลากฉันไปเกี่ยวข้องด้วยอีกแล้วละ ? ” ลัวย่าวหัวถาม
“ นายคิดว่ามันไม่เลวหรือไง ไม่ให้นายทำแล้วจะให้ใครทำ ? ” หยางโปพูด
ลัวย่าวหัวครุ่นคิดอย่างจริงจัง เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ส่ายหัวแล้วพูดว่า ” ช่างเถอะ ฉันก็ไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น ! “  “ ถ้านายยินดีที่จะรับช่วงต่อ ฉันก็จะสนับสนุนนาย ! ” หยางโปพูดอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่ยอมเชื่อใจเสวียนจง แต่เขาเชื่อใจลัวย่าวหัว เขารู้สึกว่า อย่างน้อยลัวย่าวหัวคงไม่มาเล่นลูกไม้กับเรื่องนี้
ลัวย่าวหัวค่อนข้างจะลังเลใจ แต่ในที่สุดก็พยักหน้าและพูดว่า ” ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้ว
นะ ! ” เมื่อเห็นลัวย่าวหัวยอมรับช่วงต่อ เสวียนจงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เห็นได้ชัดว่า
ไม่ว่าลัวย่าวหัวหรือหยางโปจะเข้ามารับช่วงต่อมันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างกันมากนัก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็มาดูแลเรื่องราวมากมายพวกนี้เองไม่ได้ ยังไงก็ต้องให้เขามาจัดการอยู่ดี !
แต่เสวียนจง ก็ยังคงรู้สึกเสียใจเพราะเขาคิดที่จะหาเงินจากหยางโป ไหนเลยจะคาดคิดว่า  การที่เขาโอ้อวดแสดงความชาญฉลาดออกมา สุดท้ายกลับกลายเป็นการแสดงความโง่เขลาออกมาแทน กลัวว่าต่อไปจะไม่ง่ายมากนัก
“ ในเมื่อรับช่วงต่อแล้ว ถ้างั้นพวกเราก็ไปดูด้วยกันเลยสิ ” ลัวย่าวหัวเอ่ยปากชวน
หยางโปพยักหน้าตอบตกลง อันที่จริงเขาก็อยากเห็นที่ตั้งของธุรกิจพวกนี้
เสวียนจงรีบเดินออกไปเปิดประตูรถให้พวกเขา หยางโปเหลือบมองเสวียนจงและเอ่ยขึ้นว่า
” เสวียนจง คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ จะดีจะเลวคุณก็เป็นประธานคนหนึ่ง ต่อไปในอนาคตคุณแค่ตั้งใจฝึกฝน รอคุณฝึกฝนสำเร็จแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ”
เสวียนจงรีบพยักหน้าให้ “ ผมรู้แล้ว ”
หยางโปมองหน้าเสวียนจง ส่ายหน้าช้าๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขารู้จริงไหม

หยางโปขมวดคิ้ว เขาหันไปเหลือบมองอี้มู่ และหันกลับมามองฉินเหลียงอีกครั้ง
หยางโปหัวเราะ “ ประธานฉินเป็นวีรสตรีจริงๆ ผมคนนี้เป็นคนใจอ่อน ไม่คิดที่จะเอาชีวิตใคร
ผมเชื่อว่าประธานฉิน ทำงานหนักมาคนเดียว จนสามารถมีรากฐานที่ใหญ่โตได้ขนาดนี้
ต้องเป็นคนที่มีคุณธรรมแน่นอน ! ”
พอพูดจบ หยางโปดึงดาบหยกออกไปจริงๆ เขาเหลือบมองอี้มู่ ” คุณอี้มู่ คุณก็อย่าได้รีบร้อนไป คุณควรจะเชื่อเรื่องหนึ่งไว้ ในเมื่อผมสามารถใช้เจตนารมณ์กระบี่ได้ครั้งหนึ่ง ก็ต้องมีครั้งที่สอง
แน่ ! ”
อี้มู่เหลือบมองหยางโป ด้วยท่าทีที่ลังเล เขาค่อนข้างสงสัยในคำพูดของ หยางโป แต่เมื่อสักครู่
หยางโปได้แทงที่ขาของเขา มันบ่งบอกได้ถึงความเมตตาจริงๆ ถ้าเขาแทงหัวใจเข้าให้จริงๆ
กลัวว่าคงจะไม่ใช่แค่บาดเจ็บ เขาอดมองไปทางฉินเหลียงไม่ได้
ฉินเหลียงถือกระจกแสงจันทร์ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แต่โชคดีที่เธอสงบสติอารมณ์ได้
“ ในเมื่อคุณพูดแบบนี้แล้ว งั้นฉันก็จะคืนกระจกให้คุณ ! ”
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ฉินเหลียงก็วางกระจกแสงจันทร์ลงบนโต๊ะ
หยางโปเดินเข้าไป หยิบกระจกแสงจันทร์ เขาหันไปเหลือบมองฉินเหลียง และส่ายหน้าช้าๆ “ ประธานฉิน เกรงว่าคุณจะเจอกับผู้ชายนิสัยแย่ซะแล้ว ”
พอพูดจบ หยางโปก็หันหลังแล้วเดินจากไป
หยางโปเห็นตำราลับเล่มนั้นในอ้อมแขนของอี้มู่แล้ว ด้านในเขียนด้วยอักษาชนกลุ่มน้อยเผ่าอี๋
เขาไม่เข้าใจ เขาจึงไม่ยืนกรานต่อแค่ต้องการดูว่าหลังจากนี้ทั้งสองคนจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันอีกแล้ว
มองหยางโปที่เดินออกจากสำนักงานไป ฉินเหลียงก็เงยหน้าขึ้นมองอี้มู่ เธอไม่สามารถซ่อนความผิดหวังบนใบหน้าของเธอไปได้ ท่าทีที่อี้มู่แสดงออกมาเมื่อสักครู่ มันทำให้เธอรู้สึกหมดหวังมาก
อี้มู่นั่งลงกอดขา เขาหันไปยิ้มอย่างอับอายให้ฉินเหลียง กลั้นความเจ็บปวดไว้ “ อาเหลียง คุณคงยังไม่รู้ตัวตนของเขา เขาน่ะเป็นปีศาจ เขาฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา ผมทำได้เพียงตัดความสัมพันธ์ของเรา จะได้ไม่ทำร้ายคุณกับคนในครอบครัวของคุณ ! ”
อี้มู่เห็นสีหน้าท่าทีไม่เชื่อของฉินเหลียง เขาจึงอธิบายต่อไปว่า “ ผมเคยตรวจสอบตัวตนของเขามาก่อน พ่อและปู่ของเขาเป็นข้าราชการระดับสูง เขามีอิทธิพลมากที่เมืองหลวง และอาจส่งผลกระทบต่ออเมริกาได้อีกด้วย ผมรู้ คุณเป็นห่วงลูกสาวของคุณมาก เขาน่ะอันตรายมากเกินไป
ผมรู้คุณอาจเข้าใจผมผิดได้ แต่ผมต้องทำแบบนี้ ! ”
ฉินเหลียงทำหน้าเหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เธอมองอี้มู่และขมวดคิ้ว ” คุณคิดอย่างนั้นจริงๆ
เหรอ ? ”
“ อาเหลียง รีบหยิบผ้ามาให้ผมหน่อย ผมไม่ไหวแล้ว เสียเลือดไปมากเกินไป ผมไม่ไหวแล้ว ” อี้มู่หน้าซีดเผือด เขาไม่หยุดที่จะร้องตะโกนอย่างน่าเวทนา
ฉินเหลียงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หยิบผ้าพันคอของตัวเองมาจากโต๊ะและช่วยพันแผลให้อี้มู่
เวลานี้เธอก็ไม่มีเวลามาไม่สนใจคิดอะไรมาก รีบกด 120 อีกครั้งทันที จากนั้นถึงได้หันมามองอี้มู่
” คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”
“ อาเหลียง ผมโชคดีที่สุดที่ได้มารู้จักคุณในชีวิตนี้ ! ” อี้มู่เอ่ยคำหวานมาปลอบประโลมใจ
ฉินเหลียงลุ่มหลงอยู่กับความอบอุ่นนี้ ไม่ยอมตื่น……
หยางโปคิดไปว่าเขาทำแบบนี้ให้ทั้งสองคนเข้าใจผิดกัน จะได้ทำให้ฉินเหลียงทิ้งอีกฝ่ายไป
เขาไม่คิดเลยว่าอี้มู่จะมีความสามารถมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
หยางโปนำกระจกแสงจันทร์กลับมาถึงเรือนสี่ประสาน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะวิ่งไปที่หน้าประตูห้องของเหยียนหรูหยู และหยิบกระจกออกมาพูด ” ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ผมนำกระจกบานนี้กลับมาได้แล้ว ”
มีรอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าเหยียนหรูหยู ” คุณไม่ต้องขอโทษ แต่ต่อจากนี้คุณจะต้องลำบากแน่ ”
หยางโปไม่ค่อยเข้าใจ “ ลำบาก ? ลำบากยังไง ? ”
“ คุณรอดูไปเถอะ ! ”เหยียนหรูหยูตอบกลับ ไอลีนโนเวล
หยางโปไม่ค่อยเข้าใจ เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าเหยียนหรูหยูหมายถึงอะไร ทำไมเขาต้องลำบาก ?
มีกระจกแสงจันทร์อยู่ หยางโปรู้สึกวางใจมากขึ้น อย่างน้อยสำหรับเขาแล้ว การฝึกฝนก็มีการรับประกัน
ในตอนเย็น หลินหลินกลับบ้านมากินข้าวเย็น เธอลังเลแต่ก็ยังคงพูดว่า ” เรื่องวันนั้น แม่ต้องอธิบายให้ลูกฟังว่าเกิดอะไรขึ้น อี้มู่คนนั้น… ”
ครั้งนี้หยางโปกลับไม่ห้ามแม่อธิบาย เขาฟังทุกอย่าง และรู้สึกแปลกใจมาก “ แม่ยังไม่รู้ คืนนั้นอี้มู่มาที่บ้านเราแล้วขโมยของสำคัญของผมไปแล้ว และวันนี้ผมเอากลับมาได้แล้ว ”
หลินหลินตกใจมาก “ เขามาขโมยของบ้านเรา ? ทำไมลูกไม่รีบบอก พวกเราต้องแจ้งความสิ ! ”
หยางโปหัวเราะลั่น “ แม่ แจ้งความไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเขาจัดการให้ไม่ได้ จะว่าไป ผมก็เอาของกลับคืนมาได้แล้วไม่ใช่หรือไง ? ”
“ ลูกไม่เป็นอันตรายอะไรใช่ไหม ? ” หลินหลินถามด้วยความเป็นห่วง
หยางโปส่ายหน้า “ แม่ สบายใจได้ เรื่องนี้ไม่ต้องคิดมาก มันผ่านไปแล้ว เรื่องที่เหลืออยู่ ผมจะจัดการเอง ยิ่งไปกว่านั้น ผมรับปากแม่แล้ว ผมจะรีบแต่งงานมีลูกให้เร็วที่สุด ! ”
หลินหลินมองหน้าหยางโป “ ไม่เป็นไร แม่ก็จะไม่บังคับลูกเหมือนกัน เอาที่ลูกว่าเถอะ ! ”
หยางโปไม่ได้บอกเรื่องที่เขาแทงอี้มู่จนได้รับบาดเจ็บ ถ้าแม่รู้เรื่องนี้ จะต้องเป็นห่วงแน่นอน
เช้าวันที่สอง เสวียนจงมาหาที่บ้าน หยางโปมองหน้าเขาและอดที่จะรู้สึกไม่พอใจไม่ได้
“ คุณมาอีกทำไม ? ”
เสวียนจงยิ้มเหยเก “ ศิษย์พี่หยาง ผมรู้สึกว่าตี้จิงกว้างใหญ่มาก อยู่ใต้ฟ้าผืนแผ่นเดียวกัน
อาจไม่เหมาะกับผม ผมคิดว่าควรคืนทรัพย์สินที่เหลียงหรูซิงทิ้งไว้ให้คุณ ! ”
หยางโปมองหน้าเสวียนจง “ คืนให้ผม ? ทำไมพูดแบบนี้ ผมไม่เคยรับทรัพย์สินของเหลียงหรูซิง คุณรับไปทั้งหมดไม่ใช่หรือไง ? ”
เสวียนจงเหลือบมองไปที่หยางโป เมื่อเห็นว่าเขาจะปฏิเสธจริงๆ ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ หลังจากที่เหลียงหรูซิงถูกฆ่าตาย เขาได้ทิ้งทรัพย์สินเอาไว้มากมาย คฤหาสน์สองหลังก่อนหน้านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือภาพวาดโบราณที่ถูกซ่อนอยู่ในบ้าน ทั้งหมดนี้ล้วนถูกเขาเก็บเอาไว้  “ คุณหยาง ได้ยินว่าคุณกำลังจะเปิดพิพิธภัณฑ์ มีภาพวาดโบราณมากมายอยู่ที่คฤหาสน์
ต้องการให้ผมเอามาให้คุณไหม ? ” เสวียนจงเอยถาม
หยางโปหันไปมองเสวียนจง และอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ “ มีอะไรก็พูดมา ถ้าไม่พูด ผมขอส่งแขกนะ ! ”
เสวียนจงจึงรีบเอ่ยขึ้นทันทีว่า “ ศิษย์พี่หยาง คุณก็รู้ สถานการณ์ในตี้จิงค่อนข้างซับซ้อน ผมอยากรับอำนาจของเหลียงหรูซิง แต่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหามากมายซึ่งยากจะแก้ไขได้ในทันที
จึงอยากออกไปจากที่นี่ ”
หยางโปหันไปมองเสวียนจง “ เหลียงหรูซิงน่าจะมีตำราเกี่ยวกับประสบการณ์การฝึกฝนอยู่ใช่ไหม ตอนนี้อยู่กับคุณไหม ? ”
เสวียนจงตกตะลึงไปชั่วครู่ “ คุณหยาง ผม….. ”   หยางโปโบกมือ “ ผมไม่ได้ต้องการเน้นอะไร ผมแค่อยากจะบอกว่า ในเมื่อคุณได้ประโยชน์ใหญ่ที่สุดของเหลียงหรูซิงไปแล้ว ทำไมถึงอยากได้ผลประโยชน์มากกว่าเดิมอีก ? คุณไม่รู้จักตัวเองเลยหรือไง ? ”
เสวียนจงก้มหน้าไม่ตอบ ที่จริงเขารู้ตัวเองดีและรู้ว่าตัวเองอาจไม่สามารถโน้มน้าวฝูงชนได้
แต่เขาก็ยังอยู่ต่อ เพราะเขาคิดว่าตัวเองอาจมีโอกาส แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า โอกาสนี้เขาไม่มีความสามารถที่จะไขว่คว้ามันมาได้ !

“ อืม ! ” หลินหลินยอมรับ เธอรู้สึกละอายใจไม่น้อย
หยางโปยิ้มพลางพูดว่า “ แม่ เขาแค่หลอกใช้แม่เท่านั้น แค่คิดจะทำให้ผมเคลิบเคลิ้มก็เท่านั้น
ยาตัวนั้นในวันนั้น มีผลจริงๆ แม่ไม่ต้องคิดมาก กลับไปแล้วเอายามาให้ผมก็พอ ”
หลินหลินมองหน้าหยางโป “ เอ่อ……ดอกไม้เดือนตุลาคมนั้นกินเยอะไม่ได้ กินเยอะมันจะทรมานเอาได้ ”
หยางโปหัวเราะลั่น “ แม่สบายใจได้ ผมแค่จะเก็บยานั่นไว้ ไม่กินมันแน่นอน ! ”
“ กินเถอะ แม่อยากอุ้มหลานสักคนเร็วๆ ถ้าลูกกินบ่อยๆ แม่ก็จะได้อุ้มหลานเร็วๆใช่ไหม ? ”
หลินหลินกล่าว
ในระหว่างที่ทั้งสองพูดกันอยู่นั้น ก็กลับมามีรอยยิ้มอย่างมีความสุขอีกครั้ง
หยางโปเตือนสติแม่ และให้แม่ยอมเปิดใจในสิ่งที่ค้างคาใจ แต่เขากลับรู้สึกเป็นกังวล เพราะไม่ได้กระจกแสงจันทร์กลับมา เขาจึงต้องสั่งให้ลัวย่าวหัวควักเงินจ่ายตามหาตัวคนต่อไป
ลัวย่าวหัวไม่ได้มาที่บ้าน เขาทำอะไรไม่ถูกไปเลย ได้แต่ปลอบใจ “ เมืองหลวงน่ะกว้างมาก
มันลำบากมากที่จะตามหาใครซักคน ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่นายก็อย่าคาดหวังให้มันมากนักละ ”
หยางโปครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยปากว่า “ ผู้หญิงที่ชื่ออาเหลียงที่อยู่กับเขาคนนั้น นายยังจำได้ไหม ? นายค้นประวัติเธอให้หน่อยได้ไหม ? ”
“ เธอเหรอ เธอเป็นผู้ขายเครื่องสำอาง บริษัทมีมูลค่าในตลาดหลายร้อยล้าน ถือว่าเป็นผู้หญิงแกร่งคนหนึ่งได้เลย ! ” ลัวย่าวหัวกล่าวต่อ “ ฉันได้ตรวจสอบข้อมูลของผู้หญิงคนนี้โดยเฉพาะแล้ว
ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอเลย ปี 1990 ถูกเลิกจ้างเมื่ออายุได้เพียงสามสิบเท่านั้น ตอนนั้นเธอจึงเริ่มสร้างธุรกิจของตัวเองและทำงานหนักมาจนถึงตอนนี้ ต่อมาถึงมีอาชีพเป็นของตัวเองได้ ! ”
หยางโปพยักหน้า “ แล้วสามีของเธอล่ะ ? ”
“ สามีของเธอเป็นคนติดเหล้า ตอนนั้นถูกเลิกจ้างพร้อมกับเธอ แต่ตอนที่เริ่มสร้างตัว สามีของเธอไม่สามารถช่วยงานได้เลย ตอนนี้ก็ยังเป็นคนติดเหล้า เธอยังมีลูกสาวอีกคนหนึ่ง เพิ่งไปเรียนต่อ
มหาลัยที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว ” ลัวย่าวหัวแนะนำ
หยางโปรู้สึกค่อนข้างจะแปลกใจหลังจากฟังคำแนะนำ เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงเจ้าชู้
แต่ดูจากสถานการณ์นี้แล้ว ความสัมพันธ์ของเธอกับสามีไม่น่าจะดีกันสักเท่าไร
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้หยางโปจะชื่นชอบอีกฝ่าย แต่เขาก็ทำกระจกแสงจันทร์หาย
เขาถามที่อยู่จากลัวย่าวหัว ขึ้นรถแล้วรีบไปที่บริษัทของอาเหลียงทันที
หยางโปเดินไปที่แผนกต้อนรับของบริษัทและพูดอย่างตรงไปตรงมา “ เมื่อคืนนี้ผมได้นัดกับประธานฉินของพวกคุณพูดคุยเรื่องงานช่วงเช้า เธออยู่หรือเปล่า ? ”
“ คุณผู้ชาย กรุณารอสักครู่ ฉันจะโทรไปยืนยันอีกครั้งก่อน ” หญิงสาวที่แผนกต้อนรับตอบกลับมา
“ ไม่เป็นไร ผมรู้ทาง ผมโทรยืนยันกับเธอก็พอ ” หยางโปกล่าว
พอพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปข้างในทันที
แผนกต้อนรับตกตะลึง เธอรีบพูดขัดขึ้น ” คุณผู้ชาย คุณผู้ชาย คุณจะเข้าไปโดยพลการไม่ได้ ! ”
“ ผมก็ไม่ได้เข้าไปโดยพลการสักหน่อยคุณดูสิ โทรติดแล้ว ฮัลโหล คุณฉิน คุณอยู่ในออฟฟิศไหม ? ผมจะมาคุยกับคุณเกี่ยวกับการขายที่หน้าเคาน์เตอร์… ” หยางโปควักโทรศัพท์ออกมาพูดพึมพำไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะเดินเข้าไป
หยางโปลากใครคนหนึ่งมาถาม ” สำนักงานของประธานฉินอยู่ที่ไหน ? ”
“ ด้านในสุด ”
หยางโปพลางเดินเข้าไปและเห็นสำนักงานของผู้จัดการทั่วไป ในขณะที่หยางโปกำลังจะเคาะประตู เขากลับผงะไปชั่วครู่ เพราะเหมือนเขาจะได้ยินเสียงแปลกๆ เขาลังเลอยู่เล็กน้อย หันกลับมองมาทางด้านหลัง แต่กลับเห็นพนักงานหลายคนมองมาทางเขา พอสังเกตเห็นเขากำลังหันกลับมามองก็อดไม่ได้ที่จะหันหลังเดินหนี
มีอะไรแปลกๆ
พอหยางโปเงยหน้าขึ้น มองเข้าไปข้างใน แสงสว่างวาบผ่านตา เขาก็เห็นว่าในสำนักงาน  อี้มู่และฉินเหลียงกำลังโอบกอดกันอยู่ !
หยางโปลังเลเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะถีบประตูสำนักงานเปิดออก เขาสัมผัสได้ว่าพนักงานหลายคนที่อยู่ข้างหลังเขาดูเหมือนจะมองมาทางเขา แต่หยางโปกลับไม่สนใจ จากนั้นเขาก็ปิดประตูลงอีกครั้งทันที
หยางโปเงยหน้าขึ้นมองและอดหัวเราะไม่ได้ ทั้งสองคนมองมาทางเขาด้วยเสื้อผ้าที่ยู่ยี่ไม่เรียบร้อย จึงรีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่อย่างรวดเร็ว ไอรีนโนเวล
หยางโปส่งยิ้มให้ “ อี้มู่ คิดไม่ถึงเลยนะ ว่าคุณยังจะมีความสามารถแบบนี้อยู่ เอาของผมไปแล้ว ควรเอามาคืนได้แล้วมั้ง ? นี่มันก็หลายวันแล้ว คุณยังเล่นกับมันไม่พออีกหรือไง ? ”
ฉินเหลียงหน้าแดงก่ำ จ้องมองมาทางหยางโป “ คุณเป็นใคร ใครเป็นคนให้บุกเข้ามา คุณออกไปเดี๋ยวนี้นะ ! ”
หยางโปหันไปมองหน้าฉินเหลียง “ ซึ้งใจมาก ไม่รู้ว่าสามีของคุณจะรู้สึกยังไงถ้ารู้เรื่องนี้ ลูกสาวที่อยู่ไกลถึงสหรัฐอเมริกายังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ถุยถุย ถ้าเธอรู้เรื่องนี้จะรู้สึกอับอายไหมนะ
ถ้าเพื่อนร่วมชั้นของเธอรู้หมด… ”
“ คุณมันไร้ยางอาย ! ” ฉินเหลียงสบถด่าหยางโป
แต่หยางโปกลับไม่แยแสเธอ แต่มองไปทางอี้มู่ และกล่าวว่า ” ถ้าคุณมอบของให้ ผมจะถือซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ”
อี้มู่เหลือบมองมาทางฉินเหลียง เมื่อเห็นว่าเธอโกรธจนตัวสั่น เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
” เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม แถมไม่ใช่ลูกสาวของผมอีกด้วย แล้วผมก็ไม่มีภรรยาด้วย ”
“ คุณ… ” ฉินเหลียงถลึงตามองอี้มู่ ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เธอไม่คิดเลยว่าอี้มู่จะเป็นคนแบบนี้ ถึงกับพูดเลวทรามเช่นนี้ออกมาได้ !
หยางโปจ้องหน้าอี้มู่ “ ในเมื่อพูดแบบนี้ออกมาแล้ว งั้นวันนี้ผมคงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับคุณแล้ว ”
ในระหว่างที่พูด หยางโปก็ชักกระบี่หยกออกมาโจมตี
อี้มู่หันมายิ้มเยาะให้หยางโป หันหลังกระโดดออกไปนอกหน้าต่าง
เจตนารมณ์ของกระบี่ของหยางโปได้เตรียมการไว้นานแล้ว พอเขาอ้าปากก็เห็นแสงสีเงินแวบผ่านขาของอี้มู่ไป !
อี้มู่ถูกโจมตีจนไม่สามารถทนได้จนส่งเสียงกรีดร้อง “ อ๊ากกก ” หยุดชะงักไปทั้งตัว
หยางโปสาวเท้าก้าวไปข้างหน้า จอกระบี่หยกไว้ที่คอของอี้มู่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ ส่งมันมา ! ”
อี้มู่นั่งพื้นกอดบาดแผลที่ต้นขา เขาเหลือบมองหยางโปแต่พูดด้วยความตื่นตระหนก
” คุณใช้ใจกระบี่ได้ยังไง ! “  “ ใจกระบี่ ? ” หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขามองไปที่อี้มู่ “ ผมไม่สนหรอกว่าอะไรเป็นใจกระบี่หรือไม่ใช่ รีบส่งกระจกมา ! ”
อี้มู่ทำหน้าปั้นยาก เขาล้วงหยิบกระจกแสงจันทร์ออกมาจากอก แล้วโยนมันออกไปในขณะที่
หยางโปไม่ทันได้ตั้งตัว ” กระจกบานนี้ผมเอาไปก็ไร้ค่า ขายก็ได้เงินไม่กี่หยวน ! เอาคืนไป ! ”
หยางโปเหลือบมองไปทางกระจก และมองมาทางอี้มู่อีกครั้งและกล่าวว่า ” ยังมีหนังสืออีกเล่มอยู่ในอ้อมแขนของคุณ นำมันออกมาด้วย ! ”
อี้มู่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ” แซ่หยาง อย่าคิดว่าคุณรู้ใจกระบี่ แล้วผมจะกลัวคุณ หนังสือเล่มนี้เป็นของผมเอง ผมไม่มีทางมอบมันให้แน่ ! ”
หยางโปจ้องหน้าอี้มู่ ” กระดูกแข็งมาก แต่ไม่ได้คมไปกว่ากระบี่ของผม อยากลองดูหน่อยไหม ? “  “ คุณปล่อยเขาไป ปล่อยเขาไปนะ ”
ไม่รู้เมื่อไรที่ฉินเหลียงหยิบกระจกแสงจันทร์ออกมาโยนทิ้งไป
หยางโปตกตะลึง เขาหันไปมองฉินเหลียง แล้วมองอี้มู่อีกครั้ง และอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
อี้มู่ถึงกับพูดแบบนั้นออกมาแล้ว คิดไม่ถึงว่าฉินเหลียงยังคงช่วยเขาไว้แบบนี้อยู่ ?
“ เขาไม่ได้ใจดีกับฉัน แต่ฉันจะทำชั่วกับเขาไม่ได้ ! คุณปล่อยเขาไป ฉันจะเอากระจกคืนให้คุณ
คุณรู้ไว้เลยนะ นี่มันตึกสูงสิบสามชั้น ถ้าฉันโยนมันออกไป ก็ไม่รู้ว่าทิ้งมันไปไหน ! ” ฉินเหลียงกล่าวออกมาอย่างเคร่งเครียด

อี้มู่หันกลับมาสบตาหญิงสาว “ อาเหลียง วันนี้ศัตรูแข็งแกร่งมาก ผมไม่สามารถลากคุณให้มาพัวพันด้วยได้ คุณรีบไปจากที่นี่ จากนี้ไปก็ลืมผมไปซะ ! ”
ดนตรีในบาร์นุ่มนวลและผ่อนคลาย หยางโปเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินคำสารภาพรักใคร่เช่นนี้ ก็รู้สึกชาไปทั้งตัว ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมอี้มู่ถึงทำให้ผู้หญิงติดได้แบบนี้
หยางโปเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว แล้วหันกลับมามอง เห็นอี้มู่พูดกับผู้หญิงคนนั้นสองสามคำ แล้วหันหลังให้เธอและเดินออกมา
ไม่นาน หยางโปก็มาที่สวนเล็กๆ ทางด้านซ้ายของไนต์คลับ เขามองไปที่อี้มู่ ” คุณรู้ได้ยังไงว่ากระจกอยู่ที่ผม ? ”
อี้มู่หันกลับไปมองหยางโป “ แน่นอนผมรู้สิ คุณน่าจะถามว่ามีกี่คนที่ไม่รู้บ้างต่างหาก ”   หยางโปตกตะลึงไปสักพัก ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่ได้คิดมากไปกว่านี้
ชักกระบี่แทงเข้าไปทันที
อี้มู่เตรียมพร้อมรับมือนานแล้ว ดูเหมือนจะตกใจแต่แท้จริงแล้ว เขาเตรียมพร้อมรับมือไว้อย่างดีแล้ว หยางโปเชี่ยวชาญทักษะการใช้กระบี่เทียนหลัวมานานแล้ว พลังก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ขั้นวรยุทธ์ของอี้มู่เหนือกว่า การเคลื่อนไหวของเขาคล่องตัวกว่า ทำให้หยางโปถึงกับรับมือกับคู่ต่อสู้ไม่ได้
นี่คือถนนโฮ่วไห่ ช่วงสี่ทุ่มกว่า ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาเยอะมาก ฉากที่ทั้งสองต่อสู้กันนอกไนต์คลับ ดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้เข้ามารายล้อมในทันที
“ นี่ถ่ายละครเหรอ ? ตีกันดีมาก ท่าแบบนี้สวยมากจริงๆ ! ”
“ สายสลิงอยู่ไหน? สุดยอด ไร้ซึ้งการบังคับ การเคลื่อนไหวด้วยท่าทางแบบนี้ได้ มันน่าเหลือเชื่อมาก พี่ใหญ่ทั้งสอง ขอเวลาหน่อยได้ไหม ผมอยากขอคารวะเป็นอาจารย์ ! ”
“ นี่มันถ่ายละครอะไร นี่ต่อสู้กันจริงๆเหรอ ! ไม่มีผู้กำกับและกล้องถ่ายอยู่ที่นี่เลย จะปลอมได้ยังไง ? ”
จู่ๆ ก็มีคนกลุ่มใหญ่เข้ามาโอบล้อมหน้าประตูไนต์คลับหวงโฮ่วไว้ ทุกคนจ้องไปที่การต่อสู้ของทั้งสองคนในสวนดอกไม้เล็กๆ และพากันซุบซิบนินทา
ลัวย่าวหัวซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน ตำแหน่งของเขาอยู่ด้านหน้า สายตาจ้องมองไปที่เหตุการณ์ในสนาม กลัวว่าถ้าหยางโปเกิดได้รับบาดเจ็บ เขาจะได้ออกไปช่วยได้
อาเหลียงคนรักของอี้มู่ไม่มาปรากฏตัวสักที เห็นแค่บอดี้การ์ดสองคนวิ่งเข้ามา แต่เมื่อพวกเขาเห็นสถานการณ์ของหยางโปทั้งสองก็ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง !
ยิ่งหยางโปต่อสู้มากเท่าไหร่ กระบี่เทียนหลัวก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น อี้มู่ไม่มีอาวุธอยู่ในมือเลยเสียเปรียบ เขายังคงหาโอกาสโต้กลับอยู่ตลอด แต่วิชากระบี่เทียนหลัวยอดเยี่ยมและแข็งแกร่งมาก เขาไม่พบช่องโหว่ใดๆเลย
ถือโอกาสขนาดที่หยางโปฟาดฟันท่วงท่าหนึ่งจบ ทันใดนั้นอี้มู่ก็ถอยกลับและกระชากบอดี้การ์ดคนหนึ่งมาขวางหน้าไว้ แล้วรีบวิ่งเข้าไปในฝูงชนราวกับปลาไหลตัวหนึ่ง !
หยางโปมองร่างที่หลบหนีไปของอีกฝ่าย ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้ไล่ตามไป การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจว่าเขาไม่มีทางจัดการกับอีกฝ่ายได้ ในที่สาธารณะแบบนี้ มันก็ไม่ง่ายที่เขาจะใช้เจตนารมณ์กระบี่ จึงต้องยอมจบไป
หยางโปเก็บกระบี่ หันกลับเดินเข้าไปในไนต์คลับ แต่ในบริเวณจุดเกิดเหตุกลับมีเสียงตะโกนดังขึ้น “ ดี ! ”
เมื่อเถ้าแก้โจวเหม่ยเอ๋อของไนต์คลับหวงโฮ่วเห็นหยางโปเดินกลับเข้ามาก็รีบเดินเข้าไปใกล้
ดึงหยางโปมามองสำรวจดู “ คุณชายหยาง คุณโอเคไหม ? ”หลัวยอดเยี่ยมและแข็งแกร่งมาก เขาไม่พบช่องโหว่ใดๆเลย
ถือโอกาสขนาดที่หยางโปฟาดฟันท่วงท่าหนึ่งจบ ทันใดนั้นอี้มู่ก็ถอยกลับและกระชากบอดี้การ์ดคนหนึ่งมาขวางหน้าไว้ แล้วรีบวิ่งเข้าไปในฝูงชนราวกับปลาไหลตัวหนึ่ง !
หยางโปมองร่างที่หลบหนีไปของอีกฝ่าย ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้ไล่ตามไป การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจว่าเขาไม่มีทางจัดการกับอีกฝ่ายได้ ในที่สาธารณะแบบนี้ มันก็ไม่ง่ายที่เขาจะใช้เจตนารมณ์กระบี่ จึงต้องยอมจบไป
หยางโปเก็บกระบี่ หันกลับเดินเข้าไปในไนต์คลับ แต่ในบริเวณจุดเกิดเหตุกลับมีเสียงตะโกนดังขึ้น “ ดี ! ”
เมื่อเถ้าแก้โจวเหม่ยเอ๋อของไนต์คลับหวงโฮ่วเห็นหยางโปเดินกลับเข้ามาก็รีบเดินเข้าไปใกล้
ดึงหยางโปมามองสำรวจดู “ คุณชายหยาง คุณโอเคไหม ? ”   หยางโปกลั้นหายใจ เขารู้สึกว่าโจวเหม่ยเอ๋อก็ไม่เลว แต่น้ำหอมบนตัวกลิ่นแรงไปหน่อย เขาส่ายหน้าให้เล็กน้อย “ พาผมออกไปทางประตูหลัง เดี๋ยวถ้าลัวย่าวหัวมาหาคุณ คุณค่อยพาเขามาหาผมอีกครั้ง ”
โจวเหม่ยเอ๋อรีบพยักหน้าทันที “ ได้ ! ”
หยางโปเดินตามโจวเหม่ยเอ๋อลัดผ่านห้องครัวด้านหลังและเดินออกไปจากไนต์คลับ
ไม่นานลัวย่าวหัวก็ถูกพาตัวออกมา เขาตื่นเต้นมากเมื่อเห็นหยางโปและเอ่ยปากถามว่า
“ นายว่า ในอนาคตฉันจะเก่งเหมือนนายไหม ? ”
“ ต้องตั้งใจฝึกฝน ” หยางโปตอบกลับ Aileen-novel
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น รถของพวกเขาก็มาถึง หยางโปขึ้นรถ แต่กลับถอนหายใจ เหยียนหรูหยูให้เวลาเขาสิบวัน แต่เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับมัน แต่ยังคงไม่ได้กระจกแสงจันทร์กลับคืนมา
มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ดี กระจกแสงจันทร์มีบทบาทสำคัญในกระบวนการฝึกฝนของเขามาก หากไม่มีกระจกแสงจันทร์ ความเร็วในการฝึกฝนของเขาก็จะชะลอตัวช้าลงอย่างน้อยหลายเท่า !
รถกำลังขับเคลื่อนออกไป เวลานี้แถวโฮ่วไห่ดูเหมือนจะบ้าคลั่งไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่รุมกันไปที่ไนต์คลับหวงโฮ่ว ทุกคนได้รับข่าวว่ามีคนแสดงวิชากระบี่ที่หน้าไนต์คลับหวงโฮ่ว เหมือนใน
นวนิยายศิลปะการต่อสู้ ชายคนนั้นสามารถเคลื่อนไหวท่ายากๆ ได้โดยไม่ใช้สลิงบังคับ !
มีเพียงคนจำนวนมากที่รีบเข้ามา แต่กลับไม่เห็นการแสดง ดังนั้นจึงเข้าไปในไนต์คลับหวงโฮ่วกัน จนทำเอาโจวเหม่ยเอ๋อตกใจมากจนรีบปิดประตูทันที
เมื่อกลับไปถึงบ้าน หยางโปก็ค่อนข้างลังเล ไม่ได้กระจกแสงจันทร์กลับมา โอกาสของเขากำลังจะหมดลงแล้ว แต่เขายังคงเดินไปเคาะประตูห้องเหยียนหรูหยู
“ เชิญเข้ามา ! ” เสียงของเหยียนหรูหยูชัดแจ๋ว ราวกับไข่มุกที่ตกลงบนแผ่นหยก
หยางโปเปิดประตูและเดินเข้าไป เห็นเหยียนหรูหยูนั่งอยู่ใต้หน้าต่าง เธอถูกปกคลุมไปด้วยแสงจันทร์ ดูสวยงามอย่างพร่ามัว
เหยียนหรูหยูเงยหน้าขึ้นมองหยางโป ” ไม่ได้กระจกเทียนหลัวกลับมาใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า ” อีกฝ่ายฝีมือสูงส่งอยู่ในขั้นเลี่ยนชี่จิง เคลื่อนไหวได้คล่องตัวและว่องไว
ผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ”
เหยียนหรูหยูยิ้ม “ ชายคนนั้นเป็นยอดฝีมือของเผ่าม้ง ชื่อของเขาคืออี้มู่ เขาเก่งในการหลอกลวง คุณป้าถูกหลอกมันก็เป็นเรื่องปกติ แต่ระยะเวลาสิบวันยังเหลือเวลาอีกสองวัน ถ้าคุณทำไม่ได้
งั้นฉันก็ต้องลงมือ ถ้าฉันได้ไป หลังจากนี้คุณก็ไม่มีโอกาสได้มันกลับไปอีกแล้ว ”
หยางโปหันไปมองเหยียนหรูหยู เขาลังเลใจมาก นี่คือเรื่องที่พูดกันไว้ก่อนหน้านี้ กระจกบานนั้นเป็นของที่บรรพบุรุษพวกเขาสืบทอดต่อกันมา เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะหยุดเรื่องนี้ หยางโปรู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที
เหยียนหรูหยูไม่ได้พูดอะไรมาก พูดออกมาตามตรงว่า “ ดึกมากแล้ว คุณมาอยู่ในห้องฉันแบบนี้มันดูไม่เหมาะสม ”
หยางโปหันหลังเดินออกไปทันทีหลังจากได้ยินแบบนั้น
ในอดีต หยางโปมักคิดว่าเขาก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ต่อให้เจอกับยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์ขั้นเลี่ยนชี่จิง
อย่างฉินตูฟู หรือโจวเสี่ยวเฉิง เขาก็จะสามารถขับไล่ไปได้ ตอนนี้ ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะเป็นความบังเอิญเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเขามีเจตนารมณ์กระบี่อยู่ ส่วยใหญ่เขาใช้ประโยชน์จากการลอบโจมตีทั้งนั้น  ตอนนี้ไม่ได้ใช้เจตนารมณ์กระบี่ มากสุดเขาก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ !
วันที่สอง หลังจากหยางโปกลับจากการฝึกซ้อมช่วงเช้า กลับเห็นหลินหลินนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้า ไม่ได้ออกไปแต่เช้า เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อย จึงเดินเข้าไปกล่าวสวัสดี
หลินหลินชายตามองหยางโป สีหน้าเธอเศร้าหมอง ดูเหมือนสาเหตุจะมาจากคิดมากเกินไปและพักผ่อนไม่พอ
“ แม่หน้าตาดูไม่สู้ดีเลย เป็นอะไรไปงั้นเหรอ ? ” หยางโปถาม
หลินหลินมองหน้าหยางโป พูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร “ เสี่ยวโป แม่ต้องขอโทษลูกด้วยนะ
แม่ทำเรื่องผิดพลาดมาเรื่องหนึ่ง ! ”
“ แม่จะพูดเรื่องวางยาใช่ไหม ? ” หยางโปเปิดโปงสิ่งที่ทำออกมาตามตรง
หลินหลินหน้าถอดสีทันที เธอมองหน้าหยางโป “ ลูกรู้เรื่องหมดแล้วเหรอ ? ”   “ ผมไปหาอี้มู่มา ” หยางโปตอบ
สีหน้าหลินหลินเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “ คิดไม่ถึงว่าลูกจะหาเขาเจอด้วย ? ”
“ แม่เรื่องนี้แม่ไม่ต้องกังวล ยังไงซะมันก็ผ่านไปแล้ว ต่อไปก็อย่าไปทำมันอีก ” หยางโปกล่าว

มองไปรอบๆ หยางโปก็ไม่พบอะไร เขาถึงได้ละสายตาไป
ลัวย่าวหัวเหลือบมองหยางโปแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ รออีกหน่อย ตอนนี้คนยังไม่เยอะ ต่อให้ชายคนนั้นมา ก็ไม่มีงานอะไร นายคิดว่าเขาจะมาไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า แต่ไม่พูดอะไร
โจวเหม่ยเอ๋อ รีบเดินกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาถือถาดมา ในถาดมีไวน์แดงและแก้วทรงสูง
เขาวางแก้วทรงสูงไว้ข้างหน้าหยางโปแล้วดึงจุกไวน์แดงออกอีกครั้ง ขณะชงไวน์ พลางยิ้มให้ทั้งสองคนแล้วพูดว่า ” นี่เป็นไวน์แดงที่รสชาติดีที่สุดของเราแล้ว เดี๋ยวฉันจะรินให้คุณสองคน ”
โจวเหม่ยเอ๋อไม่ได้พูดถึงว่าเป็นไวน์อะไร ทั้งสองก็ไม่ถามอะไรมาก หยางโปเชื่อว่า ลัวย่าวหัวอยู่ที่นี่อีกฝ่ายคงไม่คิดเล่นลูกไม้อะไร
รอจนอีกฝ่ายรินเหล้าแล้ว และกำลังจะบอกลา ลัวย่าวหัวก็กวักมือเรียก ” เถ้าแก่เหม่ยเอ๋อ เชิญนั่งลงก่อน ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณหน่อยนะ ”
“ ไม่ต้องเกรงใจ หากคุณชายลัวมีเรื่องไหนอยากถาม คุณก็ถามมาได้เลยนะ ” โจวเหม่ยเอ๋อกล่าว
ลัวย่าวหัวพยักหน้าให้ เขาล้วงภาพออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วยื่นให้โจวเหม่ยเอ๋อ
” คุณเคยเห็นชายคนนี้ไหม ? ”
หยางโปที่นั่งอยู่ด้านข้าง ชูแก้วเหล้าขึ้นดื่มและชายตามองทั้งสองคน
โจวเหม่ยเอ๋อขมวดคิ้วและฉีกยิ้มอ่อนๆ มองจากมุมนี้หยางโปก็พอจะดูออกว่าเถ้าแก่ที่แต่งหน้างดงามผู้นี้ แค่ผิวของเขาหยาบไปและ ทาแป้งรองพื้นหนาไปหน่อย หยางโปมองดูท่าทางที่เขานั่งลง และคิดว่า ถ้าเกิดหน้าของเขาแตะเข้ากับโต๊ะกระจก บนโต๊ะจะมีรอยขาวติดอยู่ไหมนะ ?
สิ่งที่หยางโปกังวลใจไม่ได้เกิดขึ้น แต่กลับได้ยินเสียงโจวเหม่ยเอ๋อพูดขึ้นว่า “ ชายคนนี้ ฉันพอที่จะจำได้คลับคล้ายคลับคลา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ เขามักจะมาจีบลูกค้าผู้หญิงของเรา ตอนแรกฉันยังคิดว่ามาจากร้านอื่น คิดที่จะไล่เขาออกไป แต่แล้วเขาก็มาสารภาพเรื่องอาชีพของตัวเองกับฉัน บอกว่าเขาเป็นเพียงหนุ่มเลี้ยงวัวคนหนึ่ง และยังบอกฉันว่าครอบครัวเขาอยู่บนภูเขา ตอนเด็กยากจนมากแค่ไหน ฉันเห็นอกเห็นใจเขาเลยปล่อยให้เขาอยู่ต่อ ”
หยางโปเพ่งมอง “ เขาบอกว่าตัวเองคืออะไรนะ ? ”
“ หนุ่มเลี้ยงวัว ” โจวเหม่ยเอ๋อตอบ
ลัวย่าวหัวที่นั่งอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางพูด “ คนๆนี้ช่างเก่งกาจจริงๆ แม้แต่เหตุผลนี้ยังคิดออกมาได้นะ ”
หยางโปมีอาการสงสัย “ เขามาที่นี่ทุกวัน หรือว่าสองสามวันมาที่นี่ทีหนึ่ง ? ”   โจวเหม่ยเอ๋อหันมามองหยางโป กลับไม่ถามถึงสาเหตุ แต่ตอบออกมาอย่างตรงไปตรงมา
“ ช่วงนี้เขามาที่นี่ทุกวัน ช่วงนี้รู้สึกว่าเขาจะจีบสาวใหญ่ที่ร่ำรวยคนหนึ่งได้ และนัดกันมาที่นี่ทุกวัน ”
หยางโปหน้าถอดสีไปเล็กน้อย เขายกแก้วเหล้าแดงขึ้น และเขย่าแก้วเบาๆ เพราะเขย่าแก้วแรงไปหน่อยเลยทำให้เหล้าแดงกระเด็นตกพื้น
โจวเหม่ยเอ๋อหันมามองหยางโปด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิด
ลัวย่าวหัวยิ้มและพูดว่า “ คุณก็อย่ากังวลมากไป เรื่องที่คุณเป็นกังวลจะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ”
แน่นอนลัวย่าวหัวรู้ว่า หยางโปกังวลว่าหลินหลินจะเข้าไปพัวพันกับอี้มู่ แต่เขากลับคิดว่าเรื่องนี้อาจเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ ไอลีนโนเวล
หลังจากถามไถ่ดูแล้ว โจวเหม่ยเอ๋อก็เดินจากไป หยางโปทั้งสองนั่งบนโซฟา ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไร
พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆคนในไนต์คลับก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดนตรีเคลิบเคลิ้มมากขึ้น มีสาวสวยมากมายอยู่ในไนต์คลับ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหญิงสาวสองคนที่กอดและคลอเคลียกันอยู่ในไนต์คลับอีกด้วย ลัวย่าวหัวพลางสะกิดหยางโปและชี้ไปทางด้านข้างแล้วพูดว่า ” นายดูนั่นสิ สองสาวนั้นสวยจริงๆ สวยขนาดนี้แต่กลับมาอยู่ด้วยกัน นี่มันไม่ถูกศีลธรรมเลย ! มันสูญเสียและสิ้นเปลืองทรัพยากรทางสังคมมากเกินไปแล้ว ! ”
หยางโปชายตามองหญิงสาวทั้งสองคน เห็นว่าทั้งสอง โอบกอดกันอย่างหวานชื่น เขาส่ายหัวช้าๆโดยที่ไม่พูดอะไรมาก
แต่ลัวย่าวหัวกลับจ้องมองไปที่สาวสวยที่อยู่ใกล้ๆไม่ลดล่ะ
หยางโปมองไปรอบๆ พยายามหาเป้าหมายของเขา
ขณะที่มองสำรวจดูนั้น เถ้าแก่โจวเหม่ยเอ๋อก็เดินเข้ามาและพูดกับทั้งสองคนว่า
” ชายคนนั้นมาแล้ว ”
หยางโปตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นอี้มู่เดินเข้ามาจริงๆ เขาดูอายุสี่สิบปีกว่า ใบหน้าผอมบาง ผิวคล้ำ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสมาก ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ไหนก็จะมีแต่เสียงหัวเราะ
ดูเหมือนจะเป็นที่โปรดปรานของสาวใหญ่ที่นี่
ลัวย่าวหัวชี้เข้าไปข้างใน ” ผู้หญิงคนไหนที่ใกล้ชิดเขาที่สุด ”
โจวเหม่ยเอ๋อเหลือบมอง ส่ายหัวแล้วตอบกลับไปว่า “ เธอคนนั้นยังไม่มา ! ”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น ก็เห็นผู้หญิงวัยสามสิบกว่าคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอสวมชุดเดรสยาวสีดำ
ท่าทางสง่างาม บวกกับผิวขาวนวล ดูขาวราวหิมะ ดูดีมีเสน่ห์มาก
โจวเหมยเอ๋อชี้ไปคนนั้นและพูดว่า ” คนนี้แหละ ช่วงนี้พวกเขาสองคนสนิทกันมาก ”
ลัวย่าวหัวหันไปมองหยางโป “ ตอนนี้สบายใจแล้วใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า มองไปทางอี้มู่ เห็นมือของเขาโอบเอวของอีกฝ่ายอยู่ ผู้หญิงคนนั้นยิ้มกว้าง
ดูเหมือนจะชอบมันมาก
“ เดี๋ยวฉันจะไปดูเอง ” หยางโปพูด
ลัวย่าวหัวยิ้ม แต่ไม่ได้ตามเขาไป เขารู้ว่าถ้าตัวเองตามไปจะเป็นภาระซะเปล่าๆ
โจวเหม่ยเอ๋ออดไม่ได้ที่จะมองลัวย่าวหัว “ คุณชายหยางจะมีอันตรายไหม ? ชายคนนี้ดูธรรมดามาก แต่เขารู้การต่อสู้เป็นอย่างดี ครั้งล่าสุดมีกลุ่มคนมาหาเรื่องเราที่นี่ เขาสู้กับคนพวกนั้นแค่คนเดียวพวกนั้นก็แพ้ราบคาบไปเลย คุณชายหยางดูร่างกายอ่อนแอกว่า ให้เขากลับมาดีไหม ? ”
ลัวย่าวหัวส่ายหน้ายิ้มพลางพูดว่า “ มันก็ไม่แน่ ! ”   หยางโปเดินไปอยู่ข้างกายอี้มู่อย่างรวดเร็ว มองไปที่ผู้หญิงในอ้อมแขนของเขา เห็นทั้งสองคนที่แทบจะซุกตัวเข้ามุมห้องได้ แต่เขากลับไม่พูดอะไร
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ อี้มู่ก็รู้ตัว เขาหันกลับมามองหยางโป “ นายเป็นใคร ? ”
หยางโปมเพ่งมองอี้มู่ ยิ้มพลางพูดว่า “ เมื่อคืนเพิ่งจะเอาของของฉันไป คืนนี้ไม่รู้จักกันซะแล้ว ? ”
ผู้หญิงที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของอี้มู่ ดูไม่ค่อยจะพอใจ ” แค่เอาของนายไปเองไม่ใช่หรือไง ? เท่าไหร่ เดี๋ยวฉันจ่ายแทนให้ แล้วนายรีบไปจากที่นี่เถอะ ! ”
หยางโปมองหน้าอี้มู่ และยิ้มให้ “ เงินไม่ใช่ปัญหา ถ้ามันหาซื้อกันได้ อี้มู่จะไม่ซื้อเองหรือไง ? ”
อี้มู่ตาเบิกกว้างมองหยางโป “ แล้วนายจะทำไม ? ”
หยางโปยิ้มพลางพูดว่า “ ฉันแค่อยากได้ของของฉันคืน นายโปรดคืนของให้ฉันด้วย ”
อี้มู่แสดงอาการเหยียดหยามดูถูก “ เมื่อคืนวานฉันเอามันไปได้ แต่คืนนี้นายอย่าแม้แต่คิดจะเอามันกลับไปได้เชียว ! ”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่อี้มู่ก็คลายอ้อมแขน เอียงตัวไปทางด้านข้าง ทำราวกับจะวิ่งหนี
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นท่าทางของอี้มู่ ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง “ อี้มู่นายจะทำอะไร ? นายจะกลัวเขาทำไม ? ฉันพาบอดี้การ์ดมาด้วย แค่พริบตาก็จัดการเขาได้แล้ว นายกลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ ! ”
อี้มู่ไม่ฟังคำสั่งของผู้หญิงคนนั้น เขาจับตาดูหยางโป ดูปฏิกิริยาของเขา
หยางโปยิ้ม เขาเชยคางขึ้น และชี้ไปทางด้านนอก “ พวกเราออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ ”
อี้มู่มองหยางโปด้วยความระมัดระวังแล้วเดินออกไปข้างนอก แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับดึงเขาเอาไว้
” อี้มู่ นายต้องฟังฉัน ! ”

ผ่านไปไม่นาน หยางโปก็ได้ยินเสียงร้องดังตามหลังมา เมื่อเขาหันกลับไปมองก็เห็นร่างผอมแห้งของคนคนหนึ่งวิ่งตามมา ชายคนนั้นยังไม่ทันวิ่งออกมา ก็มีคนวิ่งตามมาถีบจนล้มคล้ำไปกับพื้น “ ฉันใช้ให้แกวิ่งหนีเหรอ ! ฉันใช้ให้แก่วิ่งใช่ไหม ! ”
“ พี่กระรอก ไว้ชีวิตสักครั้งเถอะนะ ผมใกล้จะไม่ไหวแล้วจริงๆ หยุดตีผมเถอะ ! ”
“ แกโง่หรือไง แกจะมาตอแหลกับฉันใช่ไหม ? ของนั่นแกเอาไปได้งั้นเหรอ ? ”
“ พี่กระรอก ขอโทษด้วยจริงๆ……ผม…… ”
เมื่อหยางโปได้ยินเสียงดังตามหลังมา ไม่พูดอะไร แต่กลับเร่งเท้าเดินออกไปเร็วกว่าเดิม
ลัวย่าวหัวเห็นท่าทางหยางโปที่เร่งรีบเดินออกไป ก็อดที่จะทักท้วงไม่ได้ “ นายนี่มันไม่ไหวเลย รับมือกับประสบการณ์แบบนี้มากหน่อยก็จะดี คนแบบนี้ เดิมก็เฮงซวยอยู่แล้ว ตายไปก็ไม่น่าเสียดายหรอก ! ”
หยางโปหันมามองหน้าลัวย่าวหัว แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาไม่ได้มีจิตใจเมตตา แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับคนที่อ่อนแอกว่า ก็ยังมีความเห็นอกเห็นใจกันอยู่ แน่นอนชายคนนั้นไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เขาส่ายหน้าและถอดหายใจ แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรมาก
พอขึ้นรถ ทั้งสองกลับไม่ได้มุ่งหน้าไปที่โฮ่วไห่ทันที แต่กลับมองหาร้านชาร้านหนึ่งแล้วนั่งรอ
หยางโปดื่มชา และพลางครุ่นคิด แม่กับอี้มู่มีความสัมพันธ์แบบไหนกัน เธอได้ยามาจากอี้มู่จริงๆเหรอ ? แล้วอี้มู่รู้ได้ยังไงว่าเขามีกระจกแสงจันทร์อยู่ในมือ ทำไมถึงดูออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาแม่ลูกมีจุดบอดในช่วงนี้
หยางโปคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ เขาจึงไม่คิดมาก สงบสติอารมณ์และจดจ่อกับการดื่มชา
ลัวย่าวหัวใจป้ำควักเงินจ่าย จึงได้ข้อมูลมาเร็วมากและถูกรวบรวมมาไว้ที่นี่อย่างรวดเร็ว
พวกเขาได้ข้อมูลมาว่า อี้มู่มักจะไปที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งบ่อยๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีชื่อว่าหวงโฮ่วจริงๆ
หยางโปค่อนข้างแปลกใจ เขาชำเลืองมองไปทางลัวย่าวหัว “ ทำไมต้องชื่อนี้ ? ”
ลัวย่าวหัวหันมามองหยางโปด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความสงสัย “ ดูจากลักษณะท่าทีแล้ว
นายคงสนใจมากสินะ ฉันพานายไปดูได้นะ คิดว่านายไปที่นั่นคงได้รับการต้อนรับอย่างดี ”
หยางโปนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แต่ก็ยังคงไม่ค่อยเข้าใจ
ลัวย่าวหัวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบอก ” มันคือสถานที่รวมตัวของหญิงรักหญิง ! ”
หยางโปอ้าปากแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาอดคิดถึงแม่ไม่ได้ หลินหลินคงไม่ไปสถานที่แบบนั้นหรอกนะ ?
ลัวย่าวหัวหัวเราะดังลั่น “ นายคิดไม่ถึงใช่ไหม ? ให้ฉันเดานะ ในเมื่ออี้มู่คิดที่จะหลอกคน จะต้องไปที่ที่ผู้หญิงมีเงินรวมตัวกันอยู่แน่นอน สังคมแบบนี้หาเงินจากใครได้ง่ายที่สุดละ ? เงินของผู้หญิงไง ! แล้วในบรรดาผู้หญิง จะหาเงินได้ง่ายที่สุดจากใคร ? คำตอบคือผู้หญิงขี้เหงาไง ! ” ไอรีนโนเวล
หยางโปส่ายหน้าอย่างไม่มีทางเลือก “ ทำไมนายถึงรู้มากขนาดนี้ คงไม่ได้ไปที่นั่นบ่อยๆหรอกนะ ? ”
“ นายนี่มัน… นายเองต่างหากที่ไม่ยอมออกมาเปิดหูเปิดตา คบค้าสมาคมกับเพื่อนฝูงน้อย
นายจะให้ฉันทำตัวเหมือนนายหรือไง ? ถ้าฉันไม่ออกไปเปิดหูเปิดตา แล้วไม่ทำความเข้าใจกับเรื่องบางอย่างมากกว่านี้ จะพูดกับเพื่อนๆรู้เรื่องได้ยังไง เรื่องพวกนี้ มักจะรู้กันตอนเวลากินข้าวกับพวกเขาเท่านั้น มันสนุกมากจริงๆ ฉันคิดว่าเราต้องไปลองดูสักหน่อยนะ ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปส่ายหน้า “ ถ้านายอยากไปก็ไปสิ ฉันไม่ไป ”
“ จะไม่ไปได้ยังไง พวกเราต้องไปด้วยกันฉันจะบอกนายให้ ไม่ต้องกลัวว่าใครจะกินนายหรอก ! ” ลัวย่าวหัวพูดเกลี้ยกล่อม
ทั้งสองคนดื่มชาและกินของว่าง คอยรอเวลาพลบค่ำที่จะมาถึง ถ้าไปเร็วเกิน เกรงว่า อี้มู่จะไม่มาปรากฏตัว
รอจนสองทุ่ม แม้แต่หยางโปก็ยืนขึ้นและเริ่มเดินไปมารอบๆ เขาหันมามองลัวย่าวหัว
” ช่างเถอะ พวกเราไปกันตอนนี้แหละ ! ”
“ ตกลง ” ลัวย่าวค่อนข้างจะร้อนใจ ทั้งสองนั่งดื่มชาในโรงน้ำชามาตลอดบ่าย ดื่มน้ำมาตลอดทั้งบ่าย จึงหมดความอดทนไปนานแล้ว  ลัวย่าวหัวดูจะคุ้นเคยกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานทั้งสองก็มาถึงหวงโฮ่วไนต์คลับ ลัวย่าวหัวดึงหยางโปเดินตรงไปที่ไนต์คลับ ” หวงโฮ่ว ” ทันที
ไนต์คลับแห่งนี้ตกแต่งอย่างหรูหรามาก ที่เหนือประตู มีลายนกฟีนิกซ์แกะสลักและมีไฟนีออนอยู่รอบๆ ดูสวยงามมาก
หยางโปสังเกตเห็นมีอักษร ” จ้าว ” คำหนึ่งอยู่ตรงมุมกลางเหนือประตูสีซีดจาง ซึ่งเป็นชื่อที่จักรพรรดินีบูเช็กเทียนตั้งชื่อให้กับตัวเอง !
“ เจ้าของร้านนี้ต้องมีอำนาจและอิทธิภพมากแน่ๆ ! ” หยางโปหันมาพูดกับลัวย่าวหัว
ลัวย่าวหัวอดที่จะหัวเราะลั่นไม่ได้ “ เถ้าแก่ร้านนี้มีอำนาจมากจริงๆ เดี๋ยวเราก็ได้เจอ ”
หยางโปเดินตามเข้าไปด้วยความรู้สึกแปลกใจ
เนื่องจากยังเช้าอยู่ ดังนั้นในร้านจึงมีลูกค้าไม่มากนัก ทั้งสองคนเดินเข้าไป จึงดูโดดเด่นมาก
เมื่อเห็นแบบนั้นชายสวมชุดสูทชมพูก็เดินเข้ามาหา ชายหนุ่มหน้าตาดี ที่เปลือกตาแต่งแต้มด้วยสีชมพู ตอนเดินเข้ามา ทรวดทรงองค์เอวสะดีดสะดิ้ง ทำเอาหยางโปถึงกับตกใจกลัว
ลัวย่าวหัวก้มหน้ากระซิบ “ เถ้าแก่เป็นผู้ชาย ”
หยางโปมองคนที่เดินเข้ามาหาแล้วนึกโยงไปถึง สิ่งที่ตัวเองคิดเมื่อสักครู่ไม่ได้ เรื่องนี้จะมาโทษเขาไม่ได้จริงๆ
“ โอ้โห คุณชายลัว ยินดีมากที่คุณมา ก่อนหน้านี้เชิญคุณมา คุณก็ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง
วันนี้มาหาเราถึงที่นี้ เป็นเกียรติแก่ไนต์คลับหวงโฮ่วของเรามากจริงๆ ! ” เถ้าแก่พูดพลางยิ้ม
ลัวย่าวหัวชี้ไปที่หยางโป “ คนนี้เพื่อนของผม หยางโป ”
พอพูดจบ เขาก็ผายมือไปทางเถ้าแก่ “ ท่านนี้คือเถ้าแก่ โจวเหม่ยเอ๋อ ทุกคนเรียกกันว่า
พี่เหม่ยเอ๋อ”
“ ยินดีต้อนรับคุณชายหยาง ! พี่เหม่ยเอ๋อไม่กล้ารับ คุณเรียกชื่อฉันก็ได้ ! ” โจวเหม่ยเอ๋อพูดพลางส่งยิ้มให้
หยางโปหันไปส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “ สวัสดีครับ ! ”
ลัวย่าวหัวเห็นว่าหยางโปมีท่าทีอึดอัดใจ ก็อดอมยิ้มไม่ได้ “ เถ้าแก่เหม่ยเอ๋อ ดูเหมือนว่า
เพื่อนผมคนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเคยชินกับบรรยากาศที่นี่ของพวกคุณ ! ”
โจวเหม่ยเอ๋อรีบตอบกลับทันที “ ที่นี่ของเราเลิศมาก ตอนนี้ฉันเพิ่งเชิญนักร้องเสียงดีมาคนหนึ่ง เอาแบบนี้ดีไหม เรามาเริ่มการแสดงกันเลยดีกว่า ? ”   หยางโปหันไปถลึงตาใส่ลัวย่าวหัว หลังจากเข้ามาในไนต์คลับหวงโฮ่ว หยางโปก็รู้สึกว่ามีกลิ่นหอมอยู่รอบปลายจมูกของตัวเอง กลิ่นหอมนี้พุ่งตรงไปที่สมองของเขา ทำให้รู้สึกวิงเวียนหัวเล็กน้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลิ่นจากตัวโจวเหม่ยเอ๋อ ที่ยิ่งเข้มข้น ยิ่งเข้าใกล้ มันก็ยิ่งเข้าไปในจมูกของ
หยางโป ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายตัว
ลัวย่าวหัวโบกมือ “ งั้นก็เริ่มกันเลย ! ”
โจวเหม่ยเอ๋อรีบพูดขัดขึ้น “ คุณชายทั้งสองหาที่นั่งก่อน ฉันจะไปเตรียมการให้ เดี๋ยวกลับมา ! ”
ลัวย่าวหัวยิ้มพลางพูด “ คุณไปทำธุระเถอะ ! ”
หลังจากที่โจวเหม่ยเอ๋อเดินจากไป ลัวย่าวก็ยิ้มและมองหน้าหยางโป ” เป็นยังไงบ้าง ? คำเยินยอแบบนี้ ให้ความรู้สึกยังไงบ้าง ! ”
“ ฉันคิดว่านายควรจะสนุกและมีความสุขไปกับมันสักหน่อยนะ ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวหัวเราะเสียงดัง “ นายนี่มัน ไม่รู้จักหาความสุขใส่ตัวเลย ดินแดนที่นุ่มละมุนแบบนี้คือสุสานของมหาบุรุษ มันเป็นสถานที่ที่ผู้ชายอย่างเราควรจะมาบ่อยๆ ! ”
หยางโปไปนั่งตรงมุมที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน มีผู้หญิงจำนวนมากอยู่รายล้อม กำลังพูดเล่นต่อกระซิบกันอยู่ และอดที่จะมองมาทางพวกเขาไม่ได้ ดูเหมือนแค่พวกเขากวักมือเรียก ก็จะมีผู้หญิงจำนวนมากเดินเข้ามาหา
ลัวย่าวหัวรู้สึกมีความสุขกับบรรยากาศแบบนี้มาก เริ่มแรกหยางโปยังรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่เมื่อการแสดงสดเริ่มต้นขึ้น เขาก็ชินไปกับมัน เขามองไปรอบๆ และหวังว่าจะพบกับอี้มู่

“ คนอยู่ที่ไหน ? ” หยางโปหันมาถามลัวย่าวหัว
พอลัวย่าวหัวได้ยินเสียงที่ดังมาตามสาย ก็อธิบายไปว่า “ ทางซอยโรงงานทอผ้า ”
หยางโปพยักหน้า “ ไป พวกเราไปถามรายละเอียดระหว่างทางเอา ”
เมื่อเขาเข้าไปในรถ ลัวย่าวหัวก็ได้รับข้อมูลทีได้มาเพิ่มเติมและอธิบายว่า ” ซอยโรงงานทอผ้าค่อนข้างทรุดโทรม ที่นั่นมีแต่ชาวต่างชาติอาศัยอยู่ มีคนเคยเห็นคนในภาพเหมือนของนายกำลังสูบบุหรี่อยู่ที่นั่น ”
เมื่อพูดถึงเรื่องสูบบุหรี่ลัวย่าวหัวก็ทำเสียงขรึม เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ความหมายที่แท้จริง แต่คนคนนั้นกำลังเสพยา
หยางโปหยักคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินข่าวนี้ “ รู้ไหมคนคนนั้นชื่ออะไร ? ”
“ ฟังจากที่พวกเขาพูดคุยกัน ทุกคนต่างก็เรียกคนๆนั้นว่าอี้มู่ แต่ไม่รู้ว่าใช้อยู่กี่ชื่อ ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึม วันนั้นถึงแม้สีหน้าท่าทีของเขาไม่ใช่ว่าจะดี แต่ถ้าคนทั่วไปคิดที่จะขโมยกระจกแสงจันทร์ไป คงต้องลงแรงหน่อย แต่อีกฝ่ายกลับเข้ามาโดยไม่ให้สุ่มให้เสียง
และเอากระจกแสงจันทร์ไปเฉยๆ สิ่งนี้มันทำให้เขาไม่สบายใจ
แต่ มีอย่างหนึ่งที่น่าจะยืนยันได้ วันนั้นที่เหยียนหรูหยพร่ำบ่น เธอจงใจให้อีกฝ่ายนำกระจกแสงจันทร์ไป เลยไม่สนใจ หรือว่าเหยียนหรูหยูจะนำกระจกแสงจันทร์ไป ? หรือว่าบางที มีเรื่องอะไรที่เขายังไม่รู้แน่ชัด ?
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงซอยโรงงานทอผ้า ที่นี่ค่อนข้างจะทรุดโทรมผุพังมากทีเดียว ควรจะรื้อถอนโดยเร็ว
คนที่รับงานรีบวิ่งเข้ามาทันที ชายคนนั้นเหมือนจะอายุยี่สิบกว่า ย้อมผมสีเหลือง ทรงผมรองทรงสูงที่ดูเหมือนสไตล์ร็อค ” พี่ลัว ผมกระรอกไง สวัสดี สวัสดี ! ”
กระรอกพยักหน้าและโค้งตัวคำนับ ดูค่อนข้างที่จะให้ความเคารพ ราวกับว่ารู้สถานะของลัวย่าวหัวดี เขาชี้เข้าไปข้างใน ” พี่ลัว คนที่คุณกำลังตามหาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวผมพาคุณไปที่นั่นเอง ”
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ พาเข้าไปดูสิ ”
ตรอกซอกซอยที่นี่แคบมาก ถนนก็เดินไม่สะดวก ตึกรามบ้านช่องสองข้างทางสร้างเป็นอาคารเล็กๆ สามชั้น เดินเข้าไปข้างในนั้นดูค่อนข้างที่จะมืด ประตูและหน้าต่างของบ้านพวกนี้เองก็ดูค่อนข้างจะทรุดโทรม
นายกระรอกเดินนำทาง ไม่นานก็มาถึงบ้านกระเบื้องหลังเล็กๆหลังหนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปด้านใน
หยางโปปัดมือ ส่งสัญญาณให้เขาหยุด เขาเห็นสภาพด้านในแล้วAileen-novel
ห้องมืดไปหน่อย หน้าต่างกระเบื้องของห้องเล็กมาก บวกกับมีตึกรามบ้านช่องขวางหน้าไว้
ข้างในจึงมืดมาก มีหลอดไฟขนาด 15 วัตต์ส่องแสงสลัว ภายใต้แสงนั้น มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ สูบบุหรี่อยู่ เขาเงยหน้าหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
หยางโปมองเห็นอย่างชัดเจน คนที่สูบบุหรี่อยู่ ไม่ใช่คนที่เขาต้องการตามหาตัว
“ ปัง ! ”
หยางโปเตะให้ประตูเปิดออก เขาเดินเข้าไปก็เห็นถ้วยสองใบวางอยู่บนโต๊ะ มีร่องรอยอยู่บนพื้น แม้กระทั่งก้นบุหรี่สองสามชิ้น มีผงสีขาวกระจายอยู่ที่มุมโต๊ะ เขาเหลือบมอง และหันมองไปที่อีกคน
ชายคนที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ในห้องน่าจะอายุราวๆสามสิบกว่า ใบหน้าเหลือง ซีดเซียว ดูเหมือนคนใกล้ตาย ต่อให้หยางโปและพรรคพวกกรูกันเข้าไปหา เขาก็ยังสูบยาอย่างมีความสุข ไม่สนใจด้วยซ้ำ
“ อี้มู่ไปไหนแล้ว ? ” หยางโปถาม  ชายคนนั้นเงยหน้ามองหยางโปและส่ายหน้าช้าๆ แต่ไม่ตอบอะไร
หยางโปอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ เวลานี้นายกระรอกก็เข้ามา ถีบไปที่ชายคนนั้นหนึ่งทีจนหน้าคว่ำลงพื้น “ พี่ใหญ่ถามแกอยู่ รีบตอบมาเร็ว ”
ชายคนนั้นล้มลงหน้าฟาดพื้น แต่สีหน้ายังคงเบลอเพราะความเมา เขายิ้มมุมปากราวกับว่าไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย
นายกระรอกกำลังจะเข้าไปข้างหน้าและกระทืบเขาอีกครั้ง แต่หยางโปก็ได้ห้ามเขาไว้ เขามองไปที่ชายคนนั้นและเอ่ยปากพูดว่า ” คุณบอกผมมา อี้มู่มีประวัติความเป็นมายังไง ตอนนี้เขาไปไหนแล้ว ผมจะให้เงินคุณหมื่นหยวน ผมคิดว่าถ้ามีเงินก้อนนี้ อย่างน้อยคุณก็ไม่จำเป็นต้องไปหายามาสูบอีกแล้ว ! ”
ในขณะที่พูด หยางโปก็เหลือบมองบุหรี่อีกครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่
เมื่อชายคนนั้นได้ยินคำว่า ” เงิน ” ตาก็ลุกวาวเป็นประกาย เขาเงยหน้าขึ้นมองหยางโป
“ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนจากไหน เราเรียกเขาว่าอี้มู่ เขามาที่ตี้จิงได้ปีกว่าแล้ว เขามาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ ห่างกันสองสามวันเขาจะมาสูบบุหรี่กับผมที่นี่ ”
หยางโปจ้องหน้าชายคนนั้น และขมวดคิ้ว “ เขาพักอยู่ที่ไหน ? ทำงานอะไร ? หาเงินจากไหน ? ”
“ ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าเขามีเงิน และมักจะนำบุหรี่มาให้เราสูบด้วยกัน ” ชายคนนั้นกล่าว
หยางโปขมวดคิ้ว เขามองไปที่ผู้ชายตรงหน้า ที่ร่างกายสกปรกโสโครก มีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งลอยออกมา
ชายคนนั้นจ้องมองหยางโป ทั้งใบหน้า มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่เป็นสีขาว เขามองหน้าหยางโป
“ ผมรู้แค่ข้อมูลพวกนี้ แล้วเงินที่คุณสัญญาว่าจะให้ผมล่ะ ? ”
“ ข้อมูลของคุณมีน้อยเกินไป ถ้ามีมากกว่านี้หน่อยก็จะดีมาก ผมมีเงินติดตัวอยู่สองหมื่นหยวน
น่าเสียดายที่ให้คุณได้แค่หมื่นหยวนเท่านั้น ” หยางโปหยิบเงินสองปึกออกมาจากกระเป๋าที่ลัวย่าวหัวส่งให้ และยื่นให้อีกฝ่ายแค่ปึกหนึ่ง ส่วนอีกปึกหนึ่งอยู่ในมือของเขา
ชายคนนั้นรับเงินหนึ่งหมื่นหยวนและจ้องไปที่เงินในมือของหยางโปไม่วางตา “ มีครั้งหนึ่งที่ผมเคยได้ยินเขาบอกว่าเขาจะจับหญิงสาวในบาร์ ผู้หญิงที่วัยสี่สิบห้าสิบ พวกนั้นจะหิวกระหายมากที่สุด แค่เขาขยับนิ้วก็หลอกล่อได้แล้ว ! ”
หยางโปชักสีหน้า เขาจ้องเขม็งมองไปที่อีกฝ่าย
ชายคนนั้นเหมือนจะสังเกตเห็นสีหน้าของหยางโป จึงพูดออกมาว่า “ เดิมผมก็ไม่เชื่อ เขาค่อนข้างจะผิวคล้ำ ไม่สูง ถึงขั้นที่ว่าหน้าตาน่าเกลียด แต่คำพูดคำจาฉะฉาน ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักต้มตุ๋น ผมก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกันแน่ ข่าวคราวว่องไว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือไม้ของเขาว่องไวมาก น่าจะเป็นหัวขโมย เพราะถึงยังไง เขาก็หาเงินได้ ! ”
หยางโปจ้องหน้าชายคนนั้น และควักเงินครึ่งหนึ่งออกมายื่นให้ “ ไม่มีแล้วงั้นเหรอ ? ”
ชายคนนั้นจ้องเงินอีกครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ในมือหยางโป กลืนน้ำลายลงคอ ส่ายหน้าและพูดออกมาว่า “ ที่เหลือ ผมไม่รู้แล้วจริงๆ ”
“ เขามักจะไปที่ไนต์คลับไหน ? ” หยางโปหันมามองหน้า
ชายคนนั้นส่ายหน้า “ ผมขอคิดดูก่อน เหมือนผมจะจำได้ว่าเคยพูดถึงเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ผมคิดไม่ออก เหมือนโฮ่วอะไรนี่แหละ ”
“ หวงโฮ่ว ? ” นายกระรอกที่อยู่ด้านข้างเอ่ยทักขึ้นมาทันที
ชายคนนั้นส่ายหน้า “ ไม่ใช่ มันเรียกว่าโฮ่วอะไรนะ ”
“ โฮ่วไห่ ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปโยนเงินห้าพันหยวนให้ “ ถ้าครั้งหน้ามีความคืบหน้า ก็รายงานเราด้วย ”   พอพูดจบ หยางโปกับลัวย่าวหัวก็เดินออกไปทันที
“ โฮ่วไห่น่าจะเป็นย่านคลับบาร์ ที่นั่นมีคลับบาร์เยอะมาก ” หยางโปกล่าว
“ ไม่เป็นไร พวกเรามีคนอยู่นิ ? ” ลัวย่าวหัวหันไปชี้นายกระรอก และควักกระเป๋าของเขายื่นให้หนึ่งหมื่นหยวน “ นี่เป็นค่าใช้จ่ายที่คุณนำทางมา ”
“ ขอบคุณพี่ลัว ! ขอบคุณพี่ลัว ! ” นายกระรอกรู้สึกขอบคุณมาก
ลัวย่าวหัวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ พี่ใหญ่ของพวกเราจะไป โฮ่วไห่ ! ”
นายกระรอกรีบตกปากรับคำและวิ่งเข้าไปทางด้านหลังโดยไม่รอพวกเขา
หยางโปตกตะลึงไปสักพัก “ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาเป็นอะไรไป ? ”
ลัวย่าวหัวหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไร

หยางโปถือบัตรเชิญและครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเขาก็คลี่เปิดออก มองดูเวลา มันเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ของปีนี้ สถานที่จัดงานคือบนภูเขาหยานซาน ทางเหนือของเมืองหลวง
“ ยังมีข่าวคราวอย่างอื่นอยู่อีกไหม ? ” หยางโปสอบถาม
เสวียนจบส่ายหน้า “ ไม่แล้ว ของพวกนี้ ได้มาจากห้องลับของเหลียงหรูซิง ”
พอพูดจบ เสวียนจงก็มีอาการสงสัยบางอย่าง แต่ยังพูดขึ้นว่า “ ในห้องลับ ยังมีตำราข้อคิดของ
เหลียงหรูซิงอยู่เล่มหนึ่ง คุณจะดูไหม ? ”
“ ข้อคิดนั้นคุณเก็บไว้ดูเถอะ ! ” หยางโปกล่าว ไม่น่าละที่ดูเหมือนเสวียนจงจะลังเลใจ สำหรับผู้ฝึกฝนวรยุทธ์สันโดษอย่างเขา มันไม่ได้มีอะไรให้ต้องสืบทอด จึงอยากให้ใครสักคนมาชี้แนะวิชาให้ มันก็ค่อนข้างที่จะยากเอามากๆ การได้ตำราฝึกฝนและข้อคิดมาสักเล่ม มันก็เหมือนบุญหล่นทับ มันเปรียบเสมือนได้รับคำแนะนำจากผู้อาวุโสคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
เสวียนจงดีใจมาก เขายอมพูดออกมา เพราะเขารู้สึกดีว่าหยางโปคงจะทิ้งข้อคิดไว้ให้เขา และมันก็เป็นไปตามที่คาดไว้จริงๆ หยางโปเป็นคนที่ใจกว้างมากจริงๆ
หยางโปหันมามองเสวียนจง สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เสวียนจงมีต่อเขา เจอของดียังสู้อุตส่าห์เอามามอบให้ เขาจึงอดที่จะเอ่ยปากพูดไม่ได้ “ เช้านี้ คุณมีข้อสงสัยอะไร ก็ถามมาได้เลยนะ ผมจะอธิบายข้อสงสัยนั้นให้คุณ ”
เสวียนจงดีใจจนเป็นบ้าเป็นหลังขึ้นมาทันที “ ขอบคุณศิษย์พี่หยาง ขอบคุณมากจริงๆ ! ”
ช่วงเช้าหยางโปใช้เวลาทั้งหมดไปกับการตอบคำถามของเสวียนจง เห็นได้ว่า เสวียนจงไม่ได้รับการแนะนำจากอาจารย์ที่มีชื่อเสียง มีหลายสิ่งอย่าง ที่ถามมาแค่ผิวเผิน ระดับการฝึกฝนของเขาในปัจจุบันยังตื้นเขินมาก จึงไม่มีคำถามอะไรมากนัก แต่ทุกครั้งที่หยางโปตอบคำถาม มันล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้แจ้งกระจ่างขึ้นมาในฉับพลัน
ส่งเสวียนจงกลับแล้ว หยางโปก็นำบัตรเชิญไปให้เหยียนหรูหยูดู
ดูท่าทางเหยียนหรูหยูจะตกใจไม่น้อย “ คุณได้มันมาจากไหน ? ”
“ คุณรู้เรื่องนี้ ? ” หยางโปมองหน้าเหยียนหรูหยู
เหยียนหรูหยูพยักหน้า “ ครั้งนี้เป็นการประชุมใหญ่ของขั้นวรยุทธ์เลี่ยนชี่จิง คนที่ได้บัตรเชิญมา ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นชาวยุทธ์ที่อยู่ในขั้นวรยุทธ์เลี่ยนชี่จิง คุณได้บัตรเชิญนี้มาได้ยังไง ? ”
หยางโปยิ้ม “ วรยุทธ์ของผมก็อยู่ขั้นเลี่ยนชี่จิงแล้วเหมือนกัน คุณดูไม่ออกจริงๆเหรอ ? ”   เหยียนหรูหยูส่ายหน้า “ พวกเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา คุณฝึกวรยุทธ์จนถึงขั้นเลี่ยนชี่จิงหรือยัง
ฉันจะไม่รู้หรือไง ? ยิ่งไปกว่านั้นพลังของขั้นหยิ่นชี่จิงและขั้นเลี่ยนชี่จิง มีความแตกต่างกัน
ไม่ว่าคุณจะได้บัตรเชิญมาจากไหน จะเป็นการดีที่สุดถ้าคุณไม่ไป เพราะสำหรับคุณแล้ว
มันอันตรายเกินไป ”
หยางโปมองหน้าเหยียนหรูหยู “ กุญแจดอกนี้คืออะไร ? ”
“ คุณไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไป แล้วจะมาสนใจกุญแจไปทำไม ? ”เหยียนหรูหยูกล่าว พอพูดจบเธอก็โบกมือให้
หยางโปมองเหยียนหรูหยูแล้วเดินออกไป เขารู้เรื่องหนึ่งดี เหลียงหรูซิงมีวรยุทธ์อยู่ในขั้นหยิ่นชี่จิง ทำไมถึงได้บัตรเชิญมา แล้วบัตรเชิญของเขามาจากไหน ?   หยางโปกลับไม่ถือสาท่าทีของเหยียนหรูหยู แต่ก่อนเธอยังเย็นชากว่านี้ เธอพูดกับเขาได้มากขนาดนี้ มันก็ไม่ง่ายแล้ว เขาครุ่นคิดดู และคิดว่าบางทีตัวเองน่าจะไปเข้าร่วมการประชุมใหญ่ครั้งนี้ เพราะถึงยังไงซะมันก็เป็นโอกาสที่จะได้หาประสบการณ์จากโลกภายนอกครั้งหนึ่ง
แต่หยางโปก็ไม่ได้รีบร้อน ยังมีเวลาอีกกว่าสองเดือนก่อนจะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ บางทีเมื่อถึงเวลานั้นเขาอาจจะอยู่ในขั้นวรยุทธ์เลี่ยนชี่จิงแล้ว ! ไอลีนโนเวล
ลัวย่าวหัวถือโอกาสมาหาในช่วงพักเที่ยง “ ท่าทีเมื่อวานนี้ของนายช่างน่าผิดหวังจริงๆ โอกาสดีๆแบบนี้ นายจะยอมแพ้แบบนี้เลยเหรอ นายไม่รู้ ฉันได้โทรไปทางนั้นและเลือกคนไว้ให้เเล้ว
จนรอให้นายไป แต่นายกลับ…”
หยางโปเหลือบมองหน้าลัวย่าวหัว แต่ไม่ได้พูดอะไร ลัวย่าวหัวเงียบกริบไปทันที
“ เอาล่ะ ฉันจะไม่ว่านายแล้ว แต่ผู้ชายคนเมื่อคืนนี้ เก่งกาจมาก นายรู้จักเขาไหม ถ้าฉันเจอเขาควรทำไงดี ? ” เมื่อวานนี้ลัวย่าวหัวถามไปแล้วครั้งหนึ่ง วันนี้ก็ถามอีกแล้ว
“ นายนี่มัน ! ” หยางโปเหลือบมองลัวย่าวหัว “ แน่นอนว่า ต้องหันหลังเดินหนีสิ ”
“ งั้นก็น่าอายสิ ฉันไม่ควรทำอะไรเลยเหรอ ? ” ลัวย่าวหัวพูด
“ นายทำอะไรไม่ได้ ถ้านายเผชิญหน้ากับเขาก็เหมือนเด็กสามขวบที่เผชิญหน้ากับผู้ชายตัวโตคนหนึ่ง ไม่มีอะไรเทียบได้เลย ที่ฉันพูดมา นายเข้าใจใช่ไหม ? ” หยางโปถาม
ลัวย่าวหัวเบิกตาโต “ ที่แท้เขาก็เก่งกาจขนาดนี้เลยเหรอ ฉันรู้แล้ว ”
พอพูดจบ ลัวย่าวหัวก็หันไปทางหยางโป ” ฉันจะบอกนายให้ ไนต์คลับร้านเมื่อคืนดีมาก คืนนี้จะมีการแสดงที่สนุกสนานมากกว่า ฉันจะพานายไปดูเอาไหม ? ”
“ ไม่ไปแล้ว ” หยางโปตอบกลับ
ลัวย่าวหัว ” ฉันจะบอกให้นะ นายจะทำแบบนี้ไม่ได้ นายอยากออกไปเที่ยวเล่น ฉันก็ไปดื่มกินเล่นกับนาย พอฉันอยากออกไปเที่ยวเล่น ดูท่าทีของนายสิ นี่ถือเป็นเพื่อนกันอยู่รึเปล่า ! ”
หยางโปมองหน้าลัวย่าวหัว ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ” นายช่วยฉันตามหาคนคนหนึ่งก่อน แล้วฉันจะไปเป็นเพื่อนนายให้ ”
“ ตกลง นายบอกมาเลย ว่าให้ตามหาใคร ! ” ลัวย่าวหัวถาม
หยางโปลังเลเล็กน้อย เขาเข้าหยิบกระดาษขาวแผ่นหนึ่งออกมาจากห้องหนังสือ จากนั้นเริ่มใช้พู่กันขีดเขียน
หยางโปจับมีดแกะสลักมาก่อน แต่ไม่เคยจับพู่กันเลย แต่เขาคิดไม่ถึงว่าพอพู่กันสัมผัสเข้ากับกระดาษ ก็เกิดภาพวาดขึ้นมา ดูเหมือนมีชีวิตอยู่จริงๆ เมื่อคืนก่อนถึงแม้อีกฝ่ายจะปิดหน้าปิดตา แต่หยางโปก็มองเห็นหน้าอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
หยางโปวาดภาพเหมือนออกมารูปหนึ่งและมอบให้ลัวย่าวหัว “ นี่คือคนที่ขโมยกระจกแสงจันทร์ของฉันไปคืนนี้ ”
ลัวย่าวหัวแปลกใจมาก เขาเคยเห็นความมหัศจรรย์ของกระจกแสงจันทร์ จึงประหลาดใจในทันที “ เขาขโมยไปได้ยังไง และยังให้นายเห็นอีก ! ”
“ เขาขโมยไปต่อหน้าต่อตาฉัน อีกฝ่ายคงยากที่จะรับมือมาก หลังจากตามหาตัวเขาพบ
รีบรายงานให้ฉันรู้ในทันทีก็พอ ฉันจะไปที่นั่นด้วยตัวฉันเอง ” หยางโปสั่ง
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ ถ้ามันยากจริงๆ คงต้องให้นายออกโรงเองแล้ว แต่ฉันขอปล่อยข่าวออกไปก่อน หวังว่าจะตามหาคนๆนี้พบ ”
พ่อของลัวย่าวหัวเป็นข้าราชการระดับสูง แต่เขากลับติดต่อกับสำนักนักคิดต่างๆ หยางโปเห็นเขาเดินออกจากเรือนสี่ประสาน หลังจากออกไปได้ไม่นานมาก ลัวย่าวหัวก็ส่งภาพเหมือนที่ถ่ายสำเนาไปให้ จากนั้นเขาก็ให้หยางโปรอฟังข่าว  “ นายเอาไปให้ใคร ? ” พอถึงช่วงบ่าย หยางโปยังมองหน้าลัวย่าวหัวด้วยความสงสัย
ลัวย่าวหัวภาคภูมิใจมาก “ งูมีทางงู หนูก็มีทางหนู แม้ว่าบางคนจะลืมตาอ้างปากไม่ได้ แต่ก็มีความสุขมากที่ได้ตามหาคนพวกนี้ กลับไปฉันแค่จ่ายค่าตอบแทนให้คนละร้อยแปดสิบหยวนก็จบ ”
หยางโปไม่ได้เอ่ยถามอะไรมาก เพราะเขาเคยเห็นคนหนุ่มสาวว่างงานเดินเตร่อยู่แถวๆนี้
ทุกวันพวกเขาก็อยากร่ำรวยขึ้นมา แต่มันจะตื่นสาย ปากก็บ่นว่าทนกับข้อจำกัดของโรงงานไม่ได้และไม่ยอมไปทำงานกัน ถือได้ว่าขี้เกียจมาก
ลัวย่าวหัวนำภาพเหมือนให้คนพวกนี้ และก็ให้ถูกคนด้วย คนพวกนี้ไปมาทุกที่ มีความเป็นไปได้ที่จะตามหาบุคคลที่น่าสงสัยพบ
หยางโปคุยโอ้อวดกับลัวย่าวหัวอยู่ที่บ้าน
หยางโปชอบอาบแดด จิบชาและเอาหนังสือมาวางไว้บนหน้า และนอนหลับไปแบบนั้น
เขายังไม่ทันนอน เสียงโทรศัพท์ของลัวย่าวหัวก็ดังขึ้น
เมื่อกดรับสาย ลัวย่าวหัวก็รีบเอ่ยทันทีว่า “ หาเจอแล้ว ! ”

 ช่วงไม่กี่วันมานี้ มีคนหลายคนมาปรากฏตัวติดต่อกัน จิโร่ สึคาฮาระจากประเทศญี่ปุ่น และฉินตูฟูที่ฆ่าคนอย่างกับผักปลา ยังมีคนที่ขโมยกระจกแสงจันทร์ไปอีกคน คนพวกนี้ทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่ตี้จิงทั้งหมด ทำให้ตี้จิงช่วงนี้ ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
เมื่อหยางโปกลับมาถึงบ้าน เขาก็เห็นแม่ปิดประตูห้องแล้ว เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้เดินไปเคาะประตู เขาคิดว่า เรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นระหว่างมื้ออาหาร แต่ทำไมแม่ถึงทำแบบนั้น ?
เช้าวันที่สอง หยางโปตื่นแต่เช้า เขาออกไปออกกำลังกายตอนเช้ากลับมา ก็พบอาหารเช้าจัดวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว แต่แม่ของเขาได้ออกไปแล้ว เขาอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ มันยิ่งทำให้เขาแน่ใจมากขึ้นว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับแม่อย่างแน่นอน
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว หยางโปก็หันไปมองเหยียนหรูหยู ” ผมจะออกไปข้างนอก คุณจะไปด้วยกันไหม ? ”
เหยียนหรูหยูเหลือบมองเขา ” ช่วงนี้ตี้จิงไม่ค่อยสงบ คุณรู้ไหม ? ”
“ คุณรู้ได้ยังไง ? ” หยางโปเหลือบมองด้วยความแปลกใจ
เหยียนหรูหยูไม่พูด สายตาจับจ้องไปที่สวนดอกไม้ตรงหน้าเท่านั้น
หยางโปรู้สึกไม่มีทางเลือกอื่น ” ผมรู้สึกว่าอาจมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ผมยังไม่แน่ใจ คุณรู้อะไรหรือเปล่า ? ”
เหียนหรูหยูส่ายหัว “ คุณรู้สึกได้ก็ดี ระวังตัวเองด้วย ”
พอพูดจบ เหยียนหรูหยูก็เดินกลับไปที่ห้อง เมื่อเร็วๆนี้ นับวันเหยียนหรูหยูยิ่งไม่ชอบออกไปข้างนอกมากขึ้น
หยางโปไม่มีทางเลือก เขาจึงต้องขับรถมุ่งหน้าไปที่บริษัทของแม่ก็หันไปมองเหยียนหรูหยู ” ผมจะออกไปข้างนอก คุณจะไปด้วยกันไหม ? ”
เหยียนหรูหยูเหลือบมองเขา ” ช่วงนี้ตี้จิงไม่ค่อยสงบ คุณรู้ไหม ? ”
“ คุณรู้ได้ยังไง ? ” หยางโปเหลือบมองด้วยความแปลกใจ
เหยียนหรูหยูไม่พูด สายตาจับจ้องไปที่สวนดอกไม้ตรงหน้าเท่านั้น
หยางโปรู้สึกไม่มีทางเลือกอื่น ” ผมรู้สึกว่าอาจมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ผมยังไม่แน่ใจ คุณรู้อะไรหรือเปล่า ? ”
เหียนหรูหยูส่ายหัว “ คุณรู้สึกได้ก็ดี ระวังตัวเองด้วย ”
พอพูดจบ เหยียนหรูหยูก็เดินกลับไปที่ห้อง เมื่อเร็วๆนี้ นับวันเหยียนหรูหยูยิ่งไม่ชอบออกไปข้างนอกมากขึ้น
หยางโปไม่มีทางเลือก เขาจึงต้องขับรถมุ่งหน้าไปที่บริษัทของแม่  นี่เป็นครั้งแรกที่หยางโปมาที่นี่ บริษัทตั้งอยู่ในอาคารสำนักงานบนถนนวงแหวนที่สี่ หลินหลินทำธุรกิจเกี่ยวกับภาพเขียนสีน้ำมันเป็นหลัก มีร้านค้าหลายแห่งใกล้โรงเรียนศิลปะทั้งหมด และที่นี่คือสำนักงานใหญ่
สภาพแวดล้อมของอาคารสำนักงานค่อนข้างดี หยางโปพาบอดี้การ์ดมาถึงที่บริษัท พอเห็นโลโก้บริษัทก็เดินตรงเข้าไปทันที ไม่มีพนักงานต้อนรับ จึงไม่มีใครมาขวางเขาไว้
มีพนักงานเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา จึงเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง ” พวกคุณมาสั่งของใช่ไหม ? ที่นี่ไม่ใช่คลังสินค้านะ ? ”
“ พวกเรามาคุยเรื่องธุรกิจกับคุณหลิน ” หยางโปตอบ
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ของหยางโป พนักงานคนนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านี้อีก
เมื่อเดินเข้ามา หยางโปก็เห็นสำนักงานของผู้จัดการทั่วไป เขาจึงเดินไปเคาะประตู  ” เชิญเข้ามา ! ”
นี่คือเสียงของ หลินหลินแม่ของเขา หยางโปคุ้นเคยกับเสียงนี้มากพอเขาได้ยินเสียงนี้ ก็ผลักประตูเดินเข้าไป พอเงยมองขึ้นก็เห็นแม่นั่งอยู่ที่โต๊ะและกำลังเขียนอะไรบางอย่างอย่างจริงจังอยู่
หลินหลินก้มก้มหน้าทำงาน ไม่ได้ยินว่ามีคนพูดอยู่ เธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นหยางโปนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ” ทำไมลูกถึงมาที่นี่ ? ” ไอรีนโนเวล
หยางโปยิ้ม “ แม่ทำงานอยู่ที่นี่มาก็ตั้งนานแล้ว ผมไม่ได้มาหาเลยรู้สึกผิดมาก ”
หลินหลินยิ้มและกดปุ่มบนโต๊ะ จากนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา หลินหลินจึงสั่งไปว่า
” เสี่ยวซู ช่วยชงชามาให้สามที่นะ ”
หยางโปมองไปรอบๆ “ แม่ สภาพแวดล้อมที่ทำงานที่นี่ดีเลย ถ้าย้ายบริษัทมาที่นี่ต้องเป็นทางเลือกที่ดีมากแน่ๆ ”   “ ลูกอยากจะย้ายบริษัทมาที่นี่เหรอ ? ” หลินหลินถามอย่างสงสัย
หยางโปส่ายหัวและพูดว่า ” ร้านจิวเวอรี่ฟู่หยูจูเป่าหยั่งรากลึกอยู่ที่เมื่อหยางเฉิงแล้ว ถ้าจู่ๆมาเปลี่ยนที่ตั้งบริษัทตามต้องการ ผมกลัวว่ามันจะส่งผลเสีย ผู้คนจะคิดว่าเราหนีได้ ! ”
หลินหลินก้มมองแฟ้ม ” ตอนนี้ยังเช้าอยู่ เอาแบบนี้ไหม แม่จะให้เสี่ยวซูพาลูกไปดูบริษัทหน่อย ”
หยางโปยิ้มและพลางพูดว่า ” ได้ ถ้างั้นก็รบกวนเลขาซูด้วยนะ ”
เลขาซูพูดอย่างรวดเร็ว ” คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ! ”
พอพูดจบ เลขาซู ก็พาหยางโปไปเดินชมบริษัท
หยางโปได้เห็นประวัติการพัฒนาของบริษัทแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นแม่ของเขาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เวลานั้นหลินหลินยังสาวมาก เหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบกว่า ผิวขาวนวลใบหน้างดงาม ถือเป็นสาวงามคนหนึ่งเลย
หยางโปมองดูรูปภาพและประวัติการเติบโตของบริษัทพวกนี้ ก็รู้ว่าแม่ของเขาทุ่มเทไปมากแค่ไหน เขาเลยนึกถึงตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง แม่กลับมาเพื่อตามหาเขา เมื่อพบเขาแล้ว ตอนนี้ก็อยากดูแลเขาให้ดีๆ แม้เขาจะรู้เรื่องถูกวางยาดี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ บางทีแม่อาจทำไปเพราะอยากได้หลานชาย ?
เมื่อคิดเช่นนี้ หยางโปก็ค่อยๆเข้าใจ พ่อแม่บนโลกนี้ที่น่าสงสาร แม่เคยตั้งคำถามเรื่องลูกที่จะมาสืบสกุลต่อหน้าเขามาหลายครั้ง หวังว่าเขาจะคิดเรื่องนี้ได้เร็วกว่านี้ แต่เขากลับทำเป็นหูทวนลมมาตลอด เมื่อมองดูภาพที่อยู่ตรงหน้าพวกนี้ หยางโปก็เริ่มที่จะให้อภัย
ไม่นาน หยางโปก็เดินตามเลขาเสี่ยวซูดูบริเวณต่างๆ และกลับไปที่ห้องทำงานของแม่ เขาดูออกว่าแม่ของเขาดูประหม่าเล็กน้อย
“ บริษัทของแม่เป็นยังไงบ้าง ? ” หลินหลินถาม
หยางโปพยักหน้า “ เยี่ยมมาก แม่ผมคิดว่าบริษัทนี้มีศักยภาพมาก คงจะอยู่ไปอีกนานแน่ๆ ! ”
“ อีกนาน ? แม่หวังว่ามันจะใหญ่โตและยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ” หลินหลินกล่าว
“ แม่ บริษัทไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่ ธุรกิจในบริษัทนี้ของแม่มีขีดจำกัดการพัฒนาในอนาคต
ต่อให้เหมาวัสดุวาดภาพสีน้ำมันทั่วประเทศมา และแม่จะมีเครือข่ายใหญ่แค่ไหนกัน ? มันก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะทำสำเร็จได้ สู้ทำที่มีอยู่ให้มันละเอียดกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอ ? ” หยางโปกล่าว
หลินหลินยิ้มแต่ไม่พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าเธอมีความคิดเป็นของตัวเอง
หยางโปอยู่พูดคุยด้วยอีกสองสามคำ ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ถูกวางยาเลย จากนั้นก็หันหลังและเดินออกไป คาดว่าแม่ของเขาน่าจะเข้าใจความหมายของเขา ครั้งหน้าคงจะไม่ทำแบบนี้อีก  เมื่อหยางโปกลับมาถึงบ้าน กลับพบว่า เสวียนจงรอเขาอยู่นอกประตูแล้ว เขาแปลกใจมาก
“ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ? ”
“ ศิษย์พี่หยาง ผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะบอกคุณ มันสำคัญมาก ” เสวียนจงกล่าว
หยางโปพยักหน้าและเดินนำเสวียนจงเข้าไป ทั้งสองมานั่งอยู่ในห้องหนังสือ
เสวียนจงเพิ่งนั่งลง แต่จู่ๆก็ยืนขึ้นอีกครั้ง และล้วงไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากอกแล้วยื่นให้
หยางโป ” คุณหยาง ช่วงนี้ที่ผมจัดการเก็บกวาดข้าวของของเหลียงหรูซิง และพบเข้ากับของสิ่งนี้ ”
หยางโปก้มหน้ามองและเห็นว่าสิ่งที่เสวียนจงวางไว้บนโต๊ะคือกุญแจสีดำ เขามองไปที่กุญแจดอกนี้ อดที่จะตกใจไม่ได้ “ นี่มันกุญแจอะไร ? เอามาจากไหน ? ”
เสวียนจงรีบอธิบาย ” ผมพบกุญแจดอกนี้ในกล่องผ้า กล่องผ้ามีสองชั้นดูมีมูลค่ามาก ”
ในระหว่างที่พูดคุยกัน เสวียนจงก็เอากล่องผ้าออกมา กล่องผ้าดูงดงามมาก มีลวดลายต่างๆอยู่ด้านนอก เขาเปิดกล่องออก และใส่กุญแจเข้าไปใหม่อีกครั้ง
หยางโปขมวดคิ้ว เขาไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมอีกฝ่ายไม่ใส่กุญแจในกล่องผ้าแล้วส่งให้เขาพร้อมกัน ?
ในขณะที่กำลังลังเลใจอยู่นั้น เสวียนจงก็ยื่นมันมาให้อีกครั้ง ” มีบัตรเชิญใบหนึ่งมาพร้อมกล่อง
ผ้า ”
หยางโปรับบัตรเชิญมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขาเปิดบัตรเชิญและเห็นว่าในนั้นเขียนด้วยตัวอักษรจีนตัวเต็ม โชคดีที่เขาอ่านลายมือบนนั้นออก ” การประชุมใหญ่ขั้นวรยุทธ์เลี่ยนชี่ ” !
หยางโปมองดูตัวอักษรตัวเต็มสีทองนี้ จู่ๆก็รู้สึกแปลกใจ เขาคิดไม่ถึงว่า จะมีการประชุมแบบนี้อยู่ ! แต่ทำไมเหลียงหรูซิงได้รับบัตรเชิญ แต่ทำไมเขาไม่ได้ เป็นไปได้ไหมว่าเขายังฝึกฝนไม่เพียงพอ ?

หยางโปจ้องหน้าฉินตูฟู เมื่อเห็นเขาถอยร่นไปทางด้านหลัง ก็อดที่จะตกใจไม่ได้ เพราะเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขามาก !
ฉินตูฟูจ้องมองไปที่หยางโป และเหมือนจะรู้ตัวว่าการกระทำของตัวเองดูไม่เหมาะสม เขาจะกลัว
หยางโปได้ยังไง เมื่อนึกถึงตรงนี้ขึ้นมาได้ เขาจึงก้าวมาข้างหน้าอีกก้าว จ้องหน้าหยางโปและเอ่ยปากพูดออกมาว่า “ แกแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงของฉัน ! ”
หยางโปจ้องหน้าฉินตูฟูกลับ พยายามข่มใจไว้ และชี้ไปทางด้านนอก “ พวกเราออกไปเคลียร์กันเถอะ ” ฉินตูฟูเหลือบมองหยางโป “ เรื่องนี้เดิมมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแก แกอยากหาเรื่องตายจริงๆใช่ไหม ? ”
หยางโปหยักคิ้วขึ้น อันที่จริงเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับ
ฉินตูฟูที่มีพฤติกรรมโหดร้ายเช่นนี้ หยางโปก็รู้สึกว่ามันเกินกว่าที่ตัวเองจะรับได้ การหลงเหลือคนที่ทำร้ายผู้คนแบบนี้ไว้บนโลกใบนี้ ถ้าเกิดในอนาคตลูกหลานของตัวเองมาประสบพบเจอกับอีกฝ่ายอาจมีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่ปลอดภัย ดังนั้น จะปล่อยบุคคลคนนี้ไปไม่ได้
หยางโปกลับชี้ไปทางด้านนอกอีกครั้ง “ พวกเราออกไปพูดคุยเรื่องนี้กัน ! ”
ฉินตูฟูมองหน้าหยางโป เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีช่องทางที่จะประนีประนอมกันได้ จู่ๆเขาก็ส่งเสียงหัวเราะ “ วันนี้แกรู้สึกเป็นไงบ้าง ? รู้สึกหุนหันพลันแล่นไปหน่อยไหม ? ”
หยางโปตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็ได้สติกลับมา “ นายรู้เรื่องนี้ ? ”
“ ฉันไม่ได้เป็นคนทำเรื่องนี้ แต่ฉันรู้ว่าใครเป็นคนทำ ถ้าฉันบอกนายว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้  เรื่องระหว่างเรา ถือว่าจบกันดีไหม ? ”ฉินตูฟูถาม
“ คุณบอกผมมาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที ! ” หยางโปกล่าว
ฉินตูฟูจ้องหน้าหยางโป ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ อย่าคิดว่าฉันกลัวแกนะ ที่ไว้ชีวิตแกวันนั้น
เพราะเหยียนหรูหยูอยู่ข้างๆแก แกคิดว่าสภาพแกวันนั้น จะหนีรอดไปได้งั้นเหรอ ? ”
หยางโปไม่อยากต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายเขาชักกระบี่ออกมาจากอก และพุ่งเข้าไปหาทันที
ฉินตูฟูเองก็เตรียมพร้อมรับมือไว้นานแล้วเช่นกัน เขาเผยรอยยิ้มบนใบหน้า และผลักหญิงสาวออกจากอกไป !
ฤทธิ์ยาของหยางโปยังไม่สร่าง เมื่อต้องมาเผชิญกับหญิงสาว เลยไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง เขารีบเอื้อมมือคิดที่จะคว้าตัวหญิงสาวไว้ ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปหา จู่ๆกลับรู้สึกเจ็บที่แขนขึ้นมา เขาหันกลับไปมอง ก็เห็นหญิงสาวคนนั้นถือมีดแทงเข้าที่แขนของเขา !
ลัวย่าวหัวที่อยู่ด้านข้าง ยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เมื่อเห็นการกระทำของหญิงสาว
เขาก็ร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง และรีบเข้าไปยื้อแย่ง ถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปหยุดเธอไว้
แต่อย่างน้อย ก็ทำให้อาการบาดเจ็บของหยางโปไม่หนักหนาสาหัสเกินไป
ลัวย่าวหัวเตะหญิงสาวออกไปทันที ทางด้านหยางโปพอเงยหน้าขึ้นมองฉินตูฟู ก็กลับพบว่าเขาไปถึงหน้าประตูลิฟต์และกำลังจะลงลิฟต์ไปแล้ว
หยางโปแปลกใจมาก เขาไม่ค่อยเข้าใจ ก็เห็นๆกันอยู่ว่าฉินตูฟูแกร่งกว่าเขามาก แต่ทำไมกลับต้องวิ่งหนี หรือว่ามีความลับอะไรอยู่กับตัวเขา ? Aileen-novel
หยางโปจึงวิ่งเข้าไปหา แต่ในใจกลับครุ่นคิดถึงคำพูดของฉินตูฟู ในเมื่ออีกฝ่ายรู้เรื่องยาในวันนี้
ถ้าอย่างนั้นมันก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ที่สำคัญที่สุดคือ จะต้องมีเบาะแสของกระจกแสงจันทร์แน่ !
ฉินตูฟูเข้าลิฟต์แต่กลับถูกหยางโปขวางประตูลิฟต์เอาไว้ จากนั้นเขาได้ชักกระบี่หยกในมือเข้าไปจ่ออย่างไม่ยำเกรง
ฉินตูฟูเองก็หยิบอาวุธออกมา จากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กัน
เพราะอยู่ในลิฟต์ พื้นที่ด้านในเล็กมาก ขยับไม่ได้เลย คิดที่จะหลบ แต่ก็ยากมาก
แต่เพิ่งต่อสู้กันได้เพียงไม่กี่ครั้ง ฉินตูฟูก็ใจร้อน ค่อยๆเพิ่มพลังในมือ !
เวลานี้เลือดของหยางโปเดือดพล่าน จึงรู้สึกไม่ค่อยสะดวกที่ถือกระบี่หยกไว้ในมือ เมื่อสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้นของคู่ต่อสู้ เขาจึงเพิ่มพลังขึ้นเช่นกัน และรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขารู้สึกแข็งแกร่งขึ้นร่างกายก็ไม่รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป !
มีแขกจำนวนมากอยู่ในไนต์คลับ ผู้หญิงยิ่งเยอะกว่า ทุกคนสังเกตเห็นการต่อสู้ทางด้านนี้ ต่างก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามารายล้อม ทั้งสองโยกย้ายกันอยู่ในลิฟต์ เพราะมีคนคอยเขย่าลิฟต์ เลยทำให้ลิฟต์ค้าง เพราะการต่อสู้ของทั้งสองคน !
ลัวย่าวหัวมองสภาพภายในไนต์คลับ จึงอดที่จะกังวลใจขึ้นมาไม่ได้ คนอื่นยืนดูด้วยความตื่นเต้น แต่เขากลับมองเห็นแต่อันตรายในนั้น แต่เขายืนอยู่ด้านนอก จึงไม่สามารถช่วยหยางโปได้มากนัก
หยางโปกวัดแกว่งกระบี่หยก ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งกล้าหาญมากขึ้น ฉินตูฟูขดตัวอยู่ในลิฟต์ ถูกกดจนไม่มีทางออกแรงได้
ไม่นาน ก็ร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง จนทำให้หยางโปตกใจ เขารีบถอยไปทางด้านหลัง ฉินตูฟูจึงถือโอกาสเดินมาทางด้านหน้า และออกไปจากวงล้อมของหยางโป แต่ทันทีที่เขาหันมองไปทางด้านข้าง ก็เห็นคนในไนต์คลับมารายล้อมดูกันมากมายแล้ว
ฉินตูฟูหันไปเหลือบมองหยางโป “ ตอนที่ฉันอยู่ข้างในเมื่อสักครู่ ไม่มีช่องทางปราบแกได้
แต่ตอนนี้ฉันคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาอะไร ”
หยางโปขมวดคิ้วขึ้น เขามองไปด้านข้าง ก็พบว่าที่นี่มีคนมุงดูจำนวนมาก ทุกคนมารวมกันที่นี่
เห็นได้ชัดว่าเป็นตัวประกันให้ฉินตูฟูได้
“ ถ้าวันนี้ผมปล่อยคุณไป คุณบอกผมมา กระจกอยู่ที่ไหน ? ” หยางโปกล่าว
ฉินตูฟูมองหน้าหยางโป “ แกก็น่าจะรู้ดี กระจกไม่ได้อยู่กับฉัน ฉันจะทิ้งเบาะแสของตลาดในช่วงนี้ให้ แกน่าจะหาเบาะแสพบ ”
หยางโปมองหน้าฉินตูฟู พร้อมทั้งหยักคิ้ว คำพูดนี้ก็เหมือนไม่ได้พูดอะไรเลย
ฉินตูฟูชายตามองหยางโป และหันไปคว้าตัวหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งไว้ “ พวกเราเจอหน้ากันเป็นครั้งที่สองแล้ว หวังว่าจะไม่มีครั้งหน้า ”   หยางโปมองไปที่เขาแต่ไม่ได้พูดอะไร
ไม่นาน ฉินตูฟูก็พาตัวประกันไปจากที่นี่
ลัวย่าวหัวมองตามหลังฉินตูฟู และขมวดคิ้ว “ เขาเป็นใคร ? ฉันรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งมาก ! ”
หยางโปพยักหน้า เขาหันไปมองลัวย่าวหัว “ ครั้งหน้าถ้าเจอกับเขาก็ให้หลบซะ ”
ลัวย่าวหัวตกใจมาก เขาตาโตมองหยางโป “ ยังมีคนที่นายกลัวอีกเหรอ ? ”
หยางโปไม่ได้อธิบาย เขาเหลือบมองเข้าไปในไนต์คลับ และอดที่จะยิ้มอย่างข่มขื่นไม่ได้
รีบมาด้วยความร้อนใจแต่คิดไม่ถึงเลยว่าพอได้มาต่อสู้กันได้รอบหนึ่ง แล้วอาการจะดีขึ้นมาก “ พวกเราไปกันเถอะ ! ”
“ ไม่ต้องรีบ พวกเรารอสักพัก รออีกครู่เดียวก็ได้ ” ลัวย่าวหัวชี้ไปข้างหน้า
หยางโปชายตามองเขา “ ถ้านายไม่ไป งั้นฉันไปก่อนนะ ”   หยางโปย่อมรู้ดีว่าลัวย่าวหัวหมายถึงอะไร คืนนี้มาถึงที่นี่แล้ว หากเขาไม่ยอมรับบริการ
เกรงว่าจะไม่ยอมแน่ แต่หยางโปไม่มีทางยอมอยู่ที่นี่ต่อแน่
“ นายรออีกหน่อย รออีกครู่เดียวเอง ” ลัวย่าวหัวพูดคะยั้นคะยอ
หยางโปหันหลังแล้วเดินจากไปทันที สำหรับเขาแล้ว สถานที่แบบนี้ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดาย
แต่มันน่าแปลกใจมากที่เขาได้พบกับฉินตูฟูในวันนี้ และยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าท่าทีของอีกฝ่ายจะไม่ได้โหดเหี้ยมเหมือนอย่างแต่ก่อน ดูเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ
หยางโปมองออกไปด้านนอก และอดที่จะครุ่นคิดไม่ได้ ดูเหมือนช่วงนี้ตี้จิงจะครึกครื้นมาก
ไม่ว่าคนแบบไหนก็โผล่หน้ามาหมด

หยางโปรู้สึกว่าดาบเบาหวิว เขาฟันไปกลางอากาศ แต่คนที่มากลับคว้ากระจกแสงจันทร์ไปได้
เวลานี้พระจันทร์ส่งแสงสกาวแวววับ นอกหน้าต่างมีคนสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่ง มีผ้าสีดำคุมปกปิดใบหน้าไว้ แลดูค่อนข้างลึกลับ แต่เมื่อเขาหยิบกระจกแสงจันทร์ขึ้นมาและหันมองไปที่หยางโป ดวงตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหนือผ้าปิดหน้า แต่หยางโปกลับจำได้อย่างแม่นยำ !
ว่าคนๆนี้กำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่ !
หยางโปโกรธมาก ชี้ดาบไปข้างหน้า และพุ่งตัวกระโดดออกไป แต่ทันทีที่เขาไปถึงนอกหน้าต่าง
ก็เห็นอีกฝ่ายกระโดดออกไปจากเรือนสี่ประสานแล้ว
หยางโปรู้สึกปลายเท้าลอยขึ้น พุ่งตัวเข้าไปหา แต่เขาเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ล้มลงบนพื้นอย่างน่าสังเวชมาก
เหยียนหรูหยูยืนอยู่ข้างๆ มองดูหยางโปอยู่เงียบๆ โดยไม่ช่วยประคองเขาและไม่พูดไม่จาเช่นกัน
หยางโปตกตะลึงนิ่งเงียบไป “เขาเอากระจกเทียนหลัวไปแล้ว คุณไม่คิดจะหยุดเขาไว้หรือไง ? ”
“ ให้เวลาคุณสิบวัน ถ้าเอากระจกเทียนหลัวกลับคืนมาไม่ได้ ฉันจะไปเอากลับมาเอง พอถึงตอนนั้น ฉันไม่มีทางคืนกระจกเทียนหลัวให้คุณแน่ ” เหยียนหรูหยูกล่าว
พอพูดจบ เหยียนหรูหยูก็หันหลังเดินจากไป
หยางโปตกตะลึงอยู่ในที่เกิดเหตุ เขาลุกขึ้นยืนช้าๆ แต่กลับรู้สึกอ่อนระโหยโรยแรง รู้สึกหมดแรงจริงๆ เขาไม่เคยประสบพบเจอกับสภาพร่ายกายแบบนี้ที่เกิดขึ้นหลังจากเขาฝึกฝนมาก่อนเลย เขาสัมผัสได้ถึงเลือดในกายที่สูบฉีดอย่างเดือดพล่าน  หยางโปลุกขึ้นและเดินกลับไปที่ห้อง เขานั่งขัดสมาธิ แต่กลับรู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้เลย รู้สึกหมดเรี่ยวแรง แต่เลือดกลับสูบฉีดอย่างร้อนแรง โดยที่เขาควบคุมไม่ได้เลย อารมณ์ของเขาเดือดพล่านมากขึ้นเรื่อยๆ
หยางโปเข้าไปอาบน้ำเย็นแต่ก็ยังคงรู้สึกเหงื่อไหลซึมออกมาเต็มไปหมด ราวกับว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ เขารู้สึกเหมือนจะระเบิดออกมา
เวลานี้ ลัวย่าวหัวก็โทรมาหาเขาพอดี “ คืนนี้มีกิจกรรมอะไรไหม ? ให้ฉันจัดการให้เอาไหม ? ”
หยางโปถามอย่างใจลอยไปว่า “ มีกิจกรรมอะไร นายจัดมาเลย ”
ลัวย่าวหัวตกตะลึงนิ่งเงียบไป เมื่อก่อนเขามักจะโทรมาหยอกหยางโปเล่นแบบนี้ ทุกครั้งหยางโปก็มักจะไม่สนใจ เพราะเขาไม่มีเวลา แต่ครั้งนี้พอลัวย่าวหัวมาชวน ไหนเลยจะคาดคิดว่าหยางโปจะตอบตกลงเร็วขนาดนี้  “ ได้ ฉันจะจัดการกิจกรรมที่ไนต์คลับให้เดี๋ยวนี้ ! ” ลัวย่าวกล่าว
หยางโปนั่งรออยู่ในห้อง เกือบจะบ้าคลั่งอยู่แล้ว เขาถึงกับอยากเขวี้ยงทำลายข้าวของทุกอย่าง
ทุกวินาทีมันทรมานไปหมดสำหรับเขา
ลัวย่าวหัวจัดการเคลียร์ทุกอย่างอย่างรวดเร็ว แค่ชั่วครู่ก็มารออยู่นอกประตูเรือนสี่ประสานแล้ว หยางโปเดินออกจากบ้าน ขึ้นรถ และขับออกไปทันที
หลินหลินตกใจเมื่อเห็นหยางโปพุ่งพรวดออกจากบ้าน วิ่งตามออกไปคิดที่จะไปห้ามหยางโป
แต่กลับเห็นเพียงท้ายรถเท่านั้น ไอลีนโนเวล
เธอมองไปตามทิศทางที่รถกำลังแล่นออกไปไกล อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ เดิมทีเธอคิดว่าสมุนไพรชนิดนี้อาจไม่ได้มีฤทธิ์มากนัก คงค่อยๆพัฒนาไปทีละขั้น หยางโปคงนึกถึงเรื่องอย่างว่าเอง  เมื่อถึงเวลานั้นเธอแค่เสนอให้พาตัวฮัวชิงหยุนกลับมา มันก็เป็นไปตามแผน
เธอไม่คิดว่า หยางโปจะรีบร้อนออกไปตอนนี้ !
หลินหลินพอจะเดาผลลัพธ์ออก แต่สำหรับเธอแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เธอรู้จักกับคนใหญ่คนโตมาเยอะ คนที่มีผู้หญิงแค่คนเดียวมีน้อยมาก มีใครบ้างที่ไม่มีเล็กมีน้อยนอกบ้าน ?
เดิมเธอคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องดีที่หยางโปจะทำพฤติกรรมแบบนี้ แต่ก็มีความสุขมากเมื่อเห็นเขาออกไป
หยางโปขึ้นรถด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ลัวย่าวหัวเหลือบมองเขา ” นายเป็นอะไรหรือเปล่า ? ดื่มเหล้ามาเหรอ ? ถ้าฉันจำไม่ผิดนายดื่มเก่งมากเลยนะ นายเมาได้ยังไง ? ”
“ ฉันกินยามาน่ะ ” หยางโปพูดด้วยเสียงอันเบา
“ นายควรกินยานะ ” ลัวย่าวหัวฟังไม่ชัดจึงตอบกลับไปคำหนึ่ง
หยางโปตะโกนด้วยเสียงอันดัง “ ฉันบอกว่า ฉันกินยาไป ยาอย่างว่านั่น ! ”
ลัวย่าวหัวเหลือบมองมาอีกครั้ง “ นายเล่นยาเหรอ ? ”
“ ไม่ใช่ ฉันหมายถึงยาอย่างว่านั่น ! ” หยางโปพูดต่อ
ลัวย่าวหัวเบิกตากว้าง ” นี้นายกำลังคิดจะทำอะไร ทำไมถึงไปกินยาอย่างว่าเข้า นายคิดว่ามันสนุกหรือไง ? ”
หยางโปส่ายหน้า ” ฉันก็ไม่รู้ว่ากินไปได้ไง ตอนนี้รู้สึกครั่นเนื้อตัวไปหมด ”
ลัวย่าวหัวมองหยางโป และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะฮ่าๆดังลั่น ” ช่างน่าสนใจจริงๆ คิดไม่ถึงว่านายจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ! ”
หยางโปหันมาถลึงตาใส่ลัวย่าวหัว ” หาที่ดีดีสักที่สิ ! ”
ลัวย่าวหัวชำเลืองมองหยางโป “ นายบอกฉันมาก่อน นายยังอ่อนหัดอยู่ใช่ไหม ? ”   “ นายนั่นแหละที่ยังซิงอยู่ ! ” หยางโปสบถด่า เขายังอ่อนหัด ดังนั้นจึงรู้สึกค่อนข้างอายถ้าพูดแบบนี้ !
ลัวย่าวหัวรู้ตัวทันที ” วันนี้พี่อามรณ์ดี ความผิดทั้งหมดของนายฉันจะทำเป็นมองไม่เห็นก็แล้วกัน ฉันน่ะเป็นคนใจดีมีเมตตา เดี๋ยวจะช่วยนายจัดหาสถานที่ดีๆสักแห่ง หาสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้ ! ”
โชคดีที่ลัวย่าวดูเหมือนจะคำนึงถึงอาการของหยางโปได้ จึงไม่ได้ขับรถออกไปไกลเกิน เลี้ยวตรงเข้าไปในซอยลึกแห่งหนึ่ง จากนั้นก็เอากุญแจให้คนเฝ้าประตู เขาพาหยางโปเดินเข้าไปที่ประตูเล็กๆบานหนึ่ง จากนั้นเขาได้แสดงบัตร และมีคนมาพาพวกเขาขึ้นไปชั้นบน เมื่อเข้ามาด้านใน หยางโปเพิ่งจะรู้ว่ามีซ่องอยู่ที่นี่
ถ้าดูจากภายนอกก็เหมือนเป็นอาคารพักอาศัยขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง แต่พอเดินเข้าไปจริงๆ ภายในกลับตกแต่งอย่างหรูหรา มีแสงสีของสถานบันเทิงยามค่ำคืน และมีผู้หญิงสวมเดรสแหวกสูงจำนวนมากเดินไปมาอยู่
เมื่อหยางโปเห็นของพวกนี้ ก็รู้สึกว่าเลือดในกายสูบฉีดเร็วยิ่งขึ้น !
ลัวย่าวหัวเดินเข้าไป วางมือลงบนไหล่ของชายหนุ่มคนหนึ่ง และชี้ไปทางหยางโป ดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มและพูดติดตลกกับลัวย่าวหัว
หยางโปรู้สึกว่าเลือดในกายของเขาพุ่งพล่านขึ้นสมอง เวียนหัวไปหมด เขาจับใจความที่พวกเขากำลังพูดอีกไม่ได้แล้ว ประกอบกับเสียงเพลงกล่อมเบาๆในไนต์คลับ มันก็ยิ่งฟังไม่ได้ใจความมากไปอีก
ลัวย่าวหัวลากหยางโปเดินเข้าไปข้างใน “ นายวางใจได้ มาถึงที่นี่ นายก็ทำเหมือนตอนกลับบ้าน ฉันช่วยนายจัดการทุกอย่างได้ ! ”
หยางโปเดินตรงเข้าไปด้านใน เขาเหลือบมองหญิงสาวที่เดินผ่านไปมา มองดูผิวที่ขาวเนียน
และมองดูใบหน้าที่แต่งหน้าจัด การแต่งหน้าที่เขาเคยรู้สึกรังเกียจเมื่อก่อน ตอนนี้กลับรู้สึกร้อนรุ่ม ถึงกับเหลียวมองตามหลังหญิงสาว
ทันใดนั้น หยางโปก็รู้สึกว่าชนใครบางคนเข้า แขนชนโดนของนุ่มๆ เขาก้าวถอยหลังไปสองก้าวแล้วเงยหน้าขึ้นมอง แต่กลับเห็นชายคนหนึ่งกอดผู้หญิงไว้ คนที่ถูกชนคนนั้นเป็นผู้หญิงเข้าพอดี
ชายคนนั้นหันมาถลึงตาใส่หยางโป “ แกอยากตายหรือไง ! ”
หยางโปจ้องหน้าอีกฝ่าย แต่กลับตกตะลึงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เพราะเขาเจอเข้ากับคนคุ้นเคย
“ ฉินตูฟู ! ”
ฉินตูฟูเปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมชุดสูทรองเท้าหนัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดจำเขาได้ เกรงว่าคงจะจำเขาไม่ได้แน่ หยางโปมีสายตาที่ไม่ธรรมดา แค่เจอหน้ากันแวบเดียว ก็จำเขาได้ทันที !   ฉินตูฟูเองก็จำหยางโปได้เช่นกัน เขาจ้องมองหยางโปเขม็ง ถอยร่นไปทางด้านหลัง และไม่สนใจผู้หญิงของเขาอีก ” แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ? ”

หยางโปยื่นตำราเรียกลมฝนที่หลงเหลืออยู่ให้เหยียนหรูหยู เหยียนหรูหยูไม่ได้พูดอะไรมาก
เมื่อรับมาก็เปิดอ่านทันที
หยางโปจ้องมองเหยียนหรูหยู พลางคิดเกี่ยวกับปัญหาของตัวเอง สิ่งที่ได้มาพร้อมตำราที่หลงเหลืออยู่เล่มนี้คือ “ตำราฟู่ลู่” แม้ว่าหยางโปจะคืนตำราฟู่ลู่ไปแล้ว แต่เขาได้จดจำเนื้อหาในนั้นไว้ในหัวนานแล้ว. . .
ตอนนี้ เขากลับกำลังประสบกับปัญหาหนึ่ง เขาได้เรียนรู้ตำรามาสองเล่มแล้ว แต่ตอนที่เขาร่ายรำออกมา กลับไม่มีผลอะไรเลยแม้แต่น้อย หยางโปพอจะเดาได้คราวๆว่าเนื้อหาบางอย่างของเขาน่าจะผิดปกติ
เหยียนหรูหยูเปิดอ่านดู และขมวดคิ้วแน่น ” ตำราเรียกลมฝนเล่มนี้มีปัญหา ตำราเล่มจริงมีพลังที่มากมายมหาศาล แต่ตำราเล่มนี้ด้อยค่ากว่ามาก ! “  หยางโปยิ้มและพูดว่า “นี่เป็นเพียงตำราที่หลงเหลืออยู่ หากเป็นตำราเล่มที่สมบูรณ์
คงจะแข็งแกร่งกว่านี้แน่ ! ”
เหยียนหรูหยูส่ายหน้าและตอบกลับไปว่า ” แม้ว่าจะเป็นเศษเสี้ยวของตำรา แต่ตำรานี้มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ! ”
หยางโปตกตะลึงไปชั่วครู่ เขาได้วิชาเรียกลมฝนมาจากมังกรทองสัมฤทธิ์ เขารู้สึกว่ามันแข็งแกร่งกว่าตำราพวกนี้มาก แต่ตำราเล่มนี้กลับขาดคุณสมบัติที่ครบถ้วนไป ?
“ ไม่มั้ง ตำเล่มนี้ทรงพลังเอามากๆ แม้ว่าจะเป็นชิ้นส่วนที่หลงเหลืออยู่ก็ตาม แต่ถือว่าเป็นตำราที่หาได้ยากเล่มหนึ่งเลยทีเดียว ! ” หยางโปพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ
เหยียนหรูหยูเงยหน้าขึ้นเหลือบมองไปทางหยางโป ขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยปาก “ ที่ฉันบอกว่ามีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ทำอย่างกับว่าจะโกหกคุณงั้นแหละ ? ตำราเล่มจริงไม่ใช้วิธีการฝึกฝนแบบนี้ ฉันเคยเห็นวิชาเรียกลมฝนของจริงมากับตา แต่มันไม่ใช่วิธีการฝึกฝนแบบนี้ ! ”
หยางโปเงียบไปทันที เขาจ้องหน้าเหยียนหรูหยูไม่วางตา แต่ใจของเขารู้สึกร้อนรุ่ม เขามีตำราเรียกลมฝนอยู่จริงๆ อีกทั้งยังเหมือนกับตำราเล่มนี้อย่างกับแกะมาจากที่เดียวกัน แต่ทำไมพอมาอยู่กับเหยียนหรูหยูที่นี่ ถึงได้เกิดปัญหาใหญ่โตขึ้นแบบนี้ มันทำให้เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำ !
หยางโปจ้องหน้าเหยียนหรูหยูเขม็ง ” คุณเคยเห็นใครฝึกตำรานี้มาก่อนกันแน่ สถานการณ์ตอนนั้นเป็นไงบ้าง คุณบอกผมหน่อยได้ไหม ? ”
เหยียนหรูหยูส่ายหน้า “ คุณอย่าคิดมาก ต่อให้คุณจะรู้เรื่องนี้ เกรงว่าคุณจะไม่มีทางฝึกฝนในลักษณะนี้ได้ ลืมมันไปเถอะ ! ”
พอพูดจบ เหยียนหรูหยูก็โยนตำราเล่มนี้ลงบนโต๊ะ หันหลังและเดินออกไป
เมื่อหยางโปถูกเหยียนหรูหยูคลางแคลงใจแบบนี้ ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที แต่เมื่อเห็นเหยียนหรูหยูกำลังจะเดินออกไป เขาถึงนึกเรื่องฟู่ลู่ขึ้นมาได้ จึงรีบร้องห้ามเหยียนหรูหยูไว้ และถามไปว่า “ แล้วทำไมฟู่ลู่ที่ผมคัดลอกไว้เมื่อเร็วๆนี้ ถึงไม่มีผลกระทบเลยละ ? ”
“ คุณมีกระดาษยันต์ไหม ? ” เหยียนหรูหยูหันกลับมามองหน้า
หยางโปส่ายหัว “ ไม่มี ” ไอรีนโนเวล
เหยียนหรูหยูไม่ได้อธิบายอะไร หันหลังและเดินจากไปทันที
หยางโปมองตำราที่ถูกเหยียนหรูหยูโยนทิ้ง จึงอดที่จะก้าวไปข้างหน้าและหยิบขึ้นมาไม่ได้
เขาได้มอบตำราเล่มนี้ให้เยว่จวิ้นเหยาไปแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบกลับอะไรมาเลย นั่นก็แสดงว่าทางด้านเอ๋อเหมยซานไม่ได้มีข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับตำราเล่มนี้ แต่ทำไมเหยียนหรูหยูถึงคิดว่าตำราเล่มนี้มีปัญหา ?
หยางโปรู้สึกว่าต้องมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ แต่แค่ตอนนี้เขาคิดไม่ออกก็เท่านั้น
สองวันมานี้หลินหลินรีบร้อนกลับมาบ้านหลังจากที่เธอกลับมาก็ดูรีบร้อนออกไป และดูเหมือนจะนั่งรออะไรบางอย่างอยู่ในสำนักงาน
หลังจากนั้น หลินหลินก็ได้รับพัสดุในวันรุ่งขึ้น เธอเปิดดู และพบว่ามีขวดแก้วอยู่ในบรรจุภัณฑ์
ในขวดแก้ว มีสมุนไพรสองสามชนิดบรรจุอยู่
เป็นเรื่องปกติที่หลินหลินจะไม่เชื่อใจอีกฝ่าย เธอจงใจไปพบแพทย์แผนจีนเพื่อช่วยเธอระบุตัวยาสมุนไพร แพทย์แผนจีนผู้เฒ่าดูอยู่นานสองนานก่อนจะบอกว่า “ นี่น่าจะเป็นยาสมุนไพรจาก
ภาคตะวันตกเฉียงใต้เรียกว่า ดอกไม้เดือนตุลาคม กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ยาสมุนไพรประเภทนี้
ใช้เวลาอย่างน้อยสิบเดือนตั้งแต่การเจริญเติบโตจนถึงการออกดอกและติดผล ซึ่งเป็นเวลาใกล้เคียงกับการตั้งครรภ์ของผู้หญิง ดังนั้นมีชนกลุ่มน้อยบางกลุ่มเชื่อกันว่าดอกไม้ชนิดนี้สามารถ ทำให้ผู้ชายเกิดอารมณ์ความต้องการและทำให้ง่ายต่อการตั้งครรภ์ได้ ”
หลินหลินรู้สึกค่อนข้างที่จะแปลกใจ ” มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ไหม ? ”
แพทย์แผนจีนผู้เฒ่าหัวเราะดังขึ้น ” อย่างเรื่องพวกนี้ ผมบอกรายละเอียดได้ไม่หมด เพราะผมคงจะไม่สั่งยาประเภทนี้ให้กับผู้ป่วยแน่ ”
หลินหลินถึงได้สติ อดหน้าแดงไม่ได้ “ นั่นคงต้องลำบากคุณแล้วจริงๆ ! ”
แพทย์แผนจีนผู้เฒ่าโบกมือ “ ไม่ต้องเกรงใจ ”
หลินหลินหยิบสมุนไพรกลับไป และอดที่จะลังเลใจไม่ได้ ตอนนี้ฮัวชิงหยุนกลับไปแล้ว
ถ้าเธอวางยาลูกชาย มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แม้ว่าจะมีผู้หญิงอีกคนในบ้าน แต่หลินหลินรู้สึกว่า
เหยียนหรูหยูเย็นชาเกินไป แต่งเข้าบ้านมาคงลำบากใจน่าดู !
หลินหลินครุ่นคิดมาครึ่งวัน แต่ก็ยังติดสินใจไม่ได้ เขากลับมาถึงบ้านก็เห็นหยางโปยังคงฝึกซ้อมอยู่ที่สวนหลังบ้าน จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัดกลุ้มใจ “ ทำไมลูกฝึกของแบบนี้ตลอดทั้งวัน ? ต่อให้ฝึกฝนดีอีกแค่ไหน มันจะมีประโยชน์อะไรงั้นเหรอ ? ”
หยางโปหันไปตอบแม่ว่า “ แม่ ไม่เป็นไร ผมฝึกฝนมากขึ้น ก็สามารถรักษาสุขภาพได้ แถมยังทำให้อายุยืนอีกด้วย ถือว่าดีทีเดียว ! ”
หลินหลินมองไปที่หยางโป “ มันเกิดอะไรขึ้นกับเรื่องของลูกกับชิงหยุน คิดว่าลูกก็คงจะชัดเจนดี ลูกเอาเวลามาคลุกอยู่แต่กับสิ่งนี้ ไม่น่าละที่ชิงหยุนจะคิดมาก ! ”
“ แม่ มันไม่ใช่แบบนั้น ! ” หยางโปพูด
หลินหลินมองหยางโป ส่ายหน้าแล้วพูดว่า ” แม่ว่า ลูกจะเอาแต่ฝึกฝนของพวกนี้ทั้งวันไม่ได้
ลูกต้องออกไปเดินเล่นบ้าง ผู้ชายต้องออกไปหาประสบการณ์นอกบ้าน และประติสัมพันธ์กับคนให้มาก ลูกต้องรู้ว่าในอนาคตควรจะมีชีวิตอยู่กับธุรกิจการงานไม่ใช่คลุกตัวอยู่แต่ในสนามหลังบ้านเล็กๆแบบนี้ ! ”
หยางโปมองหน้าแม่และรู้สึกพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง เขาพอจะเดาความคิดของแม่ออก เธออยากให้เขามีอนาคตที่ดี และอยากให้ตัวเองเจริญรุ่งเรือง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม ” แม่คิดว่าผมยังไม่ประสบความสำเร็จมากพอในธุรกิจใช่ไหม ? ”
หลินหลินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ เฮ้ ลูกคนนี้ เดี๋ยวนี้ตอบปากตอบคำเป็นแล้วนะ ? ”
หยางโปยิ้ม “ แม่ครับ เย็นนี้กินอะไรดี ? ”
“ เดี๋ยวแม่ไปดูให้ ” หลินหลินกล่าว
หยางโปหาทางให้แม่ออกไป จากนั้นก็ฝึกฝนวิชากระบี่เทียนหลัวอีกรอบ จากนั้นถึงได้เก็บกระบี่
หลังจากล้างเนื้อล้างตัวแล้ว โต๊ะอาหารก็ถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย หลินหลินเองก็เข้ามาพร้อมกับซุป ” กินเยอะๆหน่อย ”
หยางโปพยักหน้า ช่วงนี้เขามีความอยากอาหารมาก ตามที่อู๋เฉียงว่า ความอยากอาหารแบบนี้จะต้องคงอยู่ไปอีกนาน ดังนั้นหยางโปจึงได้เตรียมใจไว้แล้ว
หลังจากกินและดื่มซุป หยางโปก็คุยกับแม่ของเขาอยู่พักหนึ่ง และรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว
หยางโปจึงกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
หลินหลินมองตามหลังของหยางโป และถอนหายใจเบาๆ
เมื่อหยางโปกลับมาที่ห้อง ก็รู้สึกเวียนหัวและโลกหมุนไปหมด มันเป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้ เขานั่งสมาธิขับเคลื่อนพลังอยู่บนเตียง แต่ทันทีที่เขาขับเคลื่อนพลัง
ก็ยิ่งรู้สึกเวียนหัวมากขึ้นกว่าเดิม
แสงของกระจกแสงจันทร์ส่องกระทบเตียง ทันใดนั้นหยางโปก็เงยหน้าขึ้นและเหลือบไปเห็นร่างของคนคนหนึ่งที่อยู่นอกหน้าต่าง บุคคลนั้นเอื้อมมือจะเข้ามาหยิบกระจกแสงจันทร์ไป  หยางโปตกใจก่อน จากนั้นจึงได้คว้ากระบี่ยาวข้างตัวฟันเข้าใส่ แสงกระบี่เย็นวาบ เกิดเป็นแสงสีเงินวาววับพาดผ่านออกมา

หลินหลินรู้สึกแปลกใจ “ ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่เคยเจอกับคุณมาก่อน ฉันกำลังทำงานอยู่ ได้โปรดอย่ามารบกวนฉัน ! ”
พอพูดจบ หลินหลินก็กดวางสาย เธอขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย รู้สึกว่าแปลกๆเพราะเธอไม่เคยรู้จักกับอีกฝ่าย
ไม่นาน โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง หลินหลินก้มมองดูและเห็นว่ายังคงเป็นสายโทรเข้าของคนโกหกคนนั้นอยู่ เธอขมวดคิ้วและกดตัดสายไปทันที
คิดไม่ถึงว่า คนโกหกคนนั้นจะไม่ยอมแพ้ แต่กลับโทรมาอีกครั้ง
หลินหลินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ด้วยความรำคาญเอามากๆ ” คุณได้โปรดอย่าโทรหาฉันอีก ได้โปรดอย่ารบกวนฉันอีก ! ”
อีกฝ่ายหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ คุณหลิน คุณจำไม่ได้แล้วหรือไง ? ตอนที่อยู่ในบาร์ ผมให้นามบัตรของผมกับคุณ และคุณยังให้นามบัตรกับผม ผมอี้มู่ ช่วยคุณแก้ปัญหาความกลุ้มใจได้ ! ”
หลินหลินถือโทรศัพท์ด้วยอาการตกตะลึง ดูเหมือนเธอจะจำได้ว่ามีคนแบบนี้อยู่คนหนึ่งจริงๆ
แต่เธอจำไม่ได้ว่าตัวเองจะเอานามบัตรให้อีกฝ่ายหนึ่ง “ แก้ไขปัญหา ? คุณทำอะไรอยู่ ? ”
“ คุณหลิน คุณคงลำบากใจมากน่าดู ถ้าคุณยอมพูดออกมา ผมคงจะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน ! ” อี้มู่กล่าวต่อ
เดิมทีหลินหลินใจจดจ่ออยู่กับงาน แต่เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้ เธอจึงนึกถึงหยางโปขึ้นมาทันที คิดถึงท่าทีที่แสดงออกล่าสุดของเขา ที่น่ากลัดกลุ้มใจจริงๆ แต่อีกฝ่ายเป็นแค่คนแปลกหน้า
ต่อให้พูดออกมา มันก็คงไม่ได้มีผลกระทบมากนัก  “ ลูกชายของฉันไม่ยอมแต่งงาน ไม่ยอมมีลูก คุณคิดว่าเรื่องนี้ควรทำยังไงดี ! ” หลินหลินกล่าว
อี้มู่หัวเราะฮ่าๆเสียงดัง ” คุณหลิน คุณต้องการให้เขาแต่งงาน หรือต้องการให้เขามีลูก ? ”
หลินหลินมีอาการลังเลเล็กน้อย “ งานแต่งน่ะต้องมี การมีทายาทสืบทอดสกุล นี้ก็ต้องมีแน่นอน ! ”
“ อีกนัยหนึ่งคือ คุณแค่ต้องการเร่งให้ลูกชายหาหญิงสาวสักคนมาคลอดลูกให้ ? ” อี้มู่ถาม
หลินหลินพยักหน้า “ ใช่ ! ”
“ ปัญหานี้ผมช่วยคุณได้ ผมมีสมุนไพรอยู่หลายอย่าง กลับไปจะส่งให้คุณ คุณเซ็นชื่อรับหน่อยนะ เวลาคุณทำอาหารให้ลูกชายของคุณ สามารถใส่มันลงในซุปได้ คุณจะบรรลุความปรารถนาได้แน่นอน ! ”
“ คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมฉันถึงจำคุณไม่ได้ ? ” จู่ๆหลินหลินก็ประหลาดใจเพราะเธอรู้สึกค่อนข้างที่จะกลัว อีกฝ่ายที่รู้ว่าเธอแซ่หลิน และยังรู้ข้อมูลติดต่อของเธออีกด้วย และอาจรู้ที่อยู่ของเธอด้วยซ้ำ แต่เธอกลับไม่รู้จักอีกฝ่ายเลย
แต่ก่อนที่หลินหลินจะเอ่ยปากถามอีกครั้ง โทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไปแล้ว
หลินหลินตกตะลึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไปชั่วขณะหนึ่ง
หลินหลินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เธอเคยไปดื่มที่บาร์และได้รับนามบัตรมาจริงๆ แต่เธอจำคนที่ให้นามบัตรคนนั้นไม่ได้เลย แต่เธอยังจำได้ว่าเคยดื่มกับเขา และมีหงซิ่วซิ่วอยู่ด้วย
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลินหลินจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาหงซิ่วซิ่ว
หงซิ่วซิ่วดูเหมือนจะยุ่งอยู่ ผ่านไปแค่สักพักถึงจะรับสาย ” สวัสดีค่ะป้าหลิน ! ”
“ สวัสดีซิ่วซิ่ว ป้าอยากถามหนูเรื่องหนึ่ง หนูยังจำตอนที่เราไปดื่มที่บาร์ด้วยกันได้ไหม  และได้รับนามบัตรของคนคนหนึ่ง คนคนนั้นมีชื่อว่าอี้มู่หรือเปล่า ? ” หลินหลินถาม
“ อี้มู่ ? ” หงซิ่วซิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับมาว่า “ หนูจำได้แล้ว ดูเหมือนว่าจะมีอยู่ช่วงหนึ่ง
หนูจำได้แม่นมาก ผู้ชายคนนั้นแต่งตัวโดดเด่นมาก น่าจะสวมเสื้อผ้าสไตล์ของเผ่าม้ง ”
“ ทำไมเหรอค่ะ ? ทำไมจู่ๆคุณป้าถึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ ? ” หงซิ่วซิ่วถาม
หลินหลินรีบพูดว่า “ ไม่มีอะไร ป้าพลิกดูนามบัตรเมื่อครู่นี้ พอดีพบนามบัตรใบนี้เข้า เลยรู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย นึกขึ้นมาได้ว่าหนูก็อยู่ที่นั่นในตอนนั้นพอดี เลยโทรมาถามดู ”
“ อ้อเป็นแบบนี้นี่เอง ! ” หงซิ่วซิ่วพูด Aileen-novel
“ เอาล่ะ ไม่รบกวนหนูแล้ว ป้าก็ยุ่งอยู่เหมือนกัน คราวหน้าเราไปดื่มกันอีกนะ ” หลินหลินพูด
หลังจากกล่าวคำอำลา หลินหลินก็วางสายโทรศัพท์ มองดูโทรศัพท์บนโต๊ะ หยิบนามบัตรออกมามองดูอย่างละเอียดอีกครั้ง
เป็นจริงดังที่คาดไว้ หลินหลินพบนามบัตรที่มีหมายเลขโทรศัพท์เขียนติดอยู่ เธอเปรียบเทียบดูเล็กน้อย และพบว่าเป็นสายที่โทรเข้ามาหาเธอวันนี้พอดี
หลินหลินแปลกใจมาก เธอไม่รู้แน่ชัดว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้มีหมายเลขโทรศัพท์ที่ทำงานของเธอได้ และจู่ๆทำไมถึงโทรหาเธอ แต่สิ่งที่ทำให้เธอสงสัยมากก็คือว่าอีกฝ่ายมีวิธีอะไรที่จะมาแก้ไขปัญหานี้ หรือว่าอีกฝ่ายมีสมุนไพรวิเศษอะไร ?
ถึงแม้หลินหลินจะมีคำถามมากมายอยู่ในใจ แต่ก็คิดว่าถ้าหยางโปสามารถมีหลานชายตัวอ้วนให้เธอได้โดยเร็วที่สุด เรื่องอื่นก็ไม่น่าสนใจมากนัก ดังนั้นหลินหลินจึงตัดสินใจที่จะรอต่อไป
……
เมื่อหยางโปว่าง เขาก็จะมักเดินเล่นตามถนนและตรอกซอกซอยของตี้จิงทุกวัน เขาต้องการตามหา ตัวจิโร่ สึคาฮาระ เขารู้สึกว่าคนญี่ปุ่นที่อยู่ต่อคนนั้น จะนำภัยพิบัติมาให้ อีกฝ่ายเพิ่งมาถึงตี้จิง
ก็มือเปื้อนเลือดเสียแล้ว มันทำให้รู้สึกโมโหซะจริงๆ
แต่ยังไงซะ เป็นสองวันติดต่อกันมาแล้วที่หยางโปหาตัวคู่ต่อสู้ไม่พบ แต่กลับเป็นเสวียนจงที่มาหา
หยางโป และต้องการพบเขาแทน
หยางโปเห็นเสวียนจง ที่มีสีหน้าไม่สบายใจ มองมาที่หยางโปโดยที่ไม่พูดอะไร
หยางโปขมวดคิ้ว ” คุณมาหาผม ด้วยเรื่องอะไร ? ”
เสวียนจงมองหยางโป ” ศิษย์พี่หยาง เหลียงหรูซิงสมควรได้รับผลกรรมตามสนอง แต่ก็ไม่ควรตาย ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะเป็นการลงโทษเขา ก็ควรเป็นคุณที่ลงโทษเขา… ”
” เอาล่ะ ” หยางโปขัดจังหวะเสวียนจงทันที ” ถ้าคุณคิดแค่จะพูดเรื่องนี้ ก็ออกไปได้เลย ”
เสวียนจงรีบพูดขัดขึ้นว่า ” เหลียงหรูซิงไปแล้ว แต่เขาทิ้งรากฐานธุรกิจจำนวนมากมายไว้ให้
ดูเหมือนในมือของเขามีคลังสินค้าประมาณสองแห่ง ร้านค้ามากกว่าสิบกว่าแห่ง
และยังมีเฟอร์นิเจอร์ไม้มะฮอกกานีจำนวนมาก ภาพวาดโบราณที่นับค่าไม่ได้ คุณว่า… ? ”
หยางโปชายตามองเสวียนจง ” มีข้าวของอะไรเกี่ยวกับการฝึกฝนหรือเปล่า ? ”
เสวียนจงรีบเอ่ยออกมาทันที ” มี มี ผมจะนำทั้งหมดมาให้คุณดู ”
ในระหว่างที่พูด เสวียนจงก็หยิบอาวุธที่ทำจากหยกชิ้นหนึ่งออกมา และยังมีหนังสืออีกสองสามเล่ม รวมทั้งกระบี่หยกอีกเล่ม
หยางโปเหลือบมองและหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด
ตำราเหล่านี้เป็นวิชาฝึกฝนแบบง่ายๆ ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร พอพลิกมาจนเล่มสุดท้าย หยางโปก็เห็นคำว่า ” ซิ่วจงจ่าง ” เขียนติดไว้ เขาพลิกเปิดไปได้สองหน้าก็พบว่ามีระเบียบข้อบังคับแบบง่ายๆอยู่ ดูเหมือนจะมีเคล็ดลับเดียวเท่านั้น และดูทรงพลังมาก
เขามองดูสิ่งของอื่นสองสามอย่างอีกครั้ง ส่ายหน้าแล้วพูดว่า ” ของชิ้นอื่น คุณเอาไปเถอะ ส่วนตำราเล่มนี้ ผมขอ ”
“ แล้วทรัพย์สินที่เหลียงหรูซิงทิ้งไว้ล่ะ ? ” เสวียนจงหันกลับมามอง
“ คุณจัดการเองก็แล้วกัน ! ” หยางโปโบกมือให้ ดูไม่ค่อยจะพอใจ
ส่งเสวียนจงกลับไปแล้ว เหยียนหรูหยูก็เดินเข้ามา เธอดูตำราลับในมือของหยางโป แต่กลับไม่สนใจมากนัก เธอพูดขึ้นว่า ” คุณมีตำราลับเหลืออยู่วิชาหนึ่งใช่ไหม ? เอาออกมาให้ฉันดูหน่อยสิ ! ”
ดวงตาของหยางโปเบิกกว้าง จากนั้นเขาก็ได้สติกลับคืนมา ” รอสักครู่ ผมจะนำมาให้คุณเดี๋ยวนี้ ! “  หยางโปคิดมาตลอดว่า เหยียนหรูหยูไม่ต้องการมัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธออาจระมัดระวังตัวอยู่ก็ไม่แน่

เช้าวันที่สอง หยางโปนั่งอยู่ในห้องประชุมอีกครั้ง วันนี้มีการแก้ไขข้อบังคับที่เกี่ยวข้องในการปกป้องคุ้มครองวัตถุโบราณทางวัฒนธรรม นี่เป็นเรื่องของวิชาชีพทางกฎหมาย แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการปกป้องคุ้มครองวัตถุโบราณทางวัฒนธรรมภายในชาติทั้งหมด การรับฟังความคิดเห็นของพวกเขา จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเหตุนี้ จึงมีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่เชี่ยวชาญมาให้การวิเคราะห์ในบางข้อ
จากนั้นผู้เชี่ยวชาญในห้องจึงเสนอความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องตามลำดับ
หยางโปคิดว่าเรื่องแบบนี้ควรจะสรุปให้จบลงโดยเร็ว เขามีหรือจะคิดถึงว่าผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายในห้องเพิ่งเริ่มอ่านระเบียบข้อบังคับแรก ในห้องเพิ่งมีผู้เชี่ยวชาญบางคนพลิกเปิดดูบันทึกและเริ่มแสดงความคิดเห็น !
สถานการณ์แบบนี้ดำเนินไปตลอดทั้งเช้า ก็ไม่สามารถสรุปให้จบลงได้ จนกระทั่งบ่ายสามสี่โมงเย็น ผู้เชี่ยวชาญที่ตีความบทบัญญัติทางกฎหมายก็หมดเรี่ยวแรง จากนั้น ถึงได้วิเคราะห์บทบัญญัติทั้งหมดอีกรอบ
ในฐานะที่หยางโปเป็นคนยืนดู ถ้าไม่ใช่ว่าจะกลัวเสียภาพลักษณ์คงเดินออกไปจากที่นี่นานแล้ว
โชคดีที่ต่อมาเรียบมันก็ง่ายขึ้นมาก เจ้าภาพขอให้ทุกคนเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับงานหลักของปีหน้า
หยางโปนั่งลงโดยไม่พูดอะไร คนที่พูดล้วนเป็นผู้อาวุโสที่น่าเคารพนับถือ พวกเขามีสถานะสูงในแวดวงนี้ ความคิดเห็นที่เสนอมา จึงเป็นที่ยอมรับกันอย่างง่ายดาย หยางโปได้แต่นั่งดื่มน้ำและไม่พูดอะไรมาก
พอถึงช่วงหกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่ม การประชุมที่ดำเนินติดต่อกันมาสองวันเต็มก็สิ้นสุดลง
เจ้าภาพเชิญทุกคนมาทานอาหารเย็นด้วยกัน เดิมหยางโปที่เตรียมพร้อมจะจากไปแล้ว
แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ ก็ต้องจำใจอยู่ต่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผู้เชี่ยวชาญในที่เกิดเหตุไม่ใช่เด็กๆกันแล้ว ทุกคนต่างสุภาพเรียบร้อยและมีมารยาทกันในห้องประชุม แต่พอมานั่งอยู่ในวงเหล้า แต่ละคนต่างก็คอแข็งกันไม่เบา หยางโปในฐานะรุ่นน้อง
จึงกลายเป็นเป้าหมายร่วมกันของทุกคนในงาน !
หยางโปทำเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ได้ดื่มเหล้า จึงต้องพูดคุยเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ที่เขากำลังจะเปิดในปีหน้า แจกนามบัตร และเชิญชวนให้ทุกคนมาเยี่ยมชม
ในขณะที่หยางโปคิดว่าเขาจะเมาคาวงเหล้าในวันนี้แล้วนั้น จู่ๆ เฉาหยวนเต๋อก็เดินมาด้านหลังเขาและกระซิบข้างหูเขา ” นายมาชนแก้วดื่มอวยพรกับฉันหน่อย ”
หยางโปยกแก้วขึ้นขอโทษขอโพยกับทุกคน จากนั้นก็เดินตามเฉาหยวนเต๋อไปที่โต๊ะหลัก
คนที่นั่งอยู่โต๊ะหลักเป็นท่านอธิบดี เขาอายุราวห้าสิบกว่าๆ แต่ดูหนุ่มมาก เมื่อเห็นหยางโป
ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยทัก “ เสี่ยวหยาง เรากำลังรอให้คุณมาดื่มด้วยเลยนะ เมื่อวานผมพบพ่อคุณระหว่างประชุมด้วย เรายังพูดถึงคุณอยู่เลย ! ”
หยางโปยิ้มและตอบกลับไปว่า “ ลุงเฉียน เมื่อวานคุณไม่ได้พูดจาว่าร้ายผมใช่ไหม ? ”
ท่านอธิบดียิ้มแล้วพูดว่า “ ผมเป็นคนแบบนั้นหรือไง ? ”
หยางโปหยิบแก้วขึ้นมาทันที “ งั้นผมคงต้องชนแก้วดื่มอวยพรกับคุณสักแก้วแล้วล่ะ ! ”
ผู้อำนวยการเฉียนยืนขึ้น เมื่อเขาเห็นหยางโปขอให้เขานั่งลง เขาก็ยืนกรานที่จะยืนขึ้น
“ แก้วนี้ของคุณ ผมต้องดื่มมัน ! ”
พอพูดจบ ผู้อำนวยการเฉียนก็ดื่มหมดในคราวเดียว
จากนั้น ผู้อำนวยการเฉียนก็เทเหล้าแก้วหนึ่งแล้วยกแก้วขึ้น “ ผมยังอยากชนแก้วดื่มกับคุณอีกสักแก้ว ขอบคุณสำหรับโบราณวัตถุมรดกทางวัฒนธรรมในช่วงสองปีที่ผ่านมาที่คุณนำกลับมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการพยายามปกป้องตราหยกแผ่นดินสมบัติของชาติที่สำคัญ
มันเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การเรียนรู้สำหรับพวกเราทุกคน ! ”
หยางโปรีบพูดว่า “ คุณชมเกินไปแล้ว ! ” ไอลีนโนเวล
ผู้อำนวยการเฉียนหยิบแก้วขึ้นมาดื่มหมดในคราวเดียวอีกครั้ง  หยางโปเลยต้องดื่มเป็นเพื่อนเขาไปแก้วหนึ่ง
เมื่อมีจุดเริ่มต้นแบบนี้ ต่อจากนั้นหยางโปก็จำใจต้องดื่มไปอีกหลายแก้ว
หยางโปกลับมาที่โต๊ะเหล้า แต่คนอื่นก็คิดที่จะบีบเขาให้ดื่มเหล้าอีก หยางโปรู้สึกไม่ค่อยมีความสุข ผู้เชี่ยวชาญเฒ่าพวกนี้อาวุโสกว่าเขา ประสบการณ์ที่มีก็ลึกล้ำกว่าเขา แต่อาศัยที่ตนมีอายุมากและทำเป็นผู้อาวุโส เที่ยวดูถูกคนอื่นในวงเหล้า บีบบังคับคิดที่จะให้เขาดื่มเหล้า เขาก็ทำได้แค่ต้องทนๆไป แต่คนจำนวนมากทำสงครามวงเวียนกันไปมาแบบนี้ เขาจึงทนต่อไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว !
หยางโปดื่มเหล้าไปไม่น้อยแล้ว รู้สึกค่อนข้างที่จะเวียนหัว เขาค่อยๆเคลื่อนย้ายพลังไหลเวียนที่อยู่ในเส้นลมปราณ ทันใดนั้นเขาก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์พุ่งออกมาจากร่างกาย แอลกอฮอล์ที่เขาเพิ่งดื่มเข้าไปไหลออกมาตามรูขุมขนของเขา !
หยางโปตกใจมาก มองดูแก้วที่อยู่ตรงหน้า จิตใจกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที เขายกแก้วขึ้นแล้วเติมเหล้าจนเต็มแก้ว
“ อาจารย์หลิว คุณเขียนหนังเรื่อง ( เครื่องลายครามราชวงศ์หยวน ) ในปี 1998 เล่มหนึ่ง ผมอ่านแล้ว หนังสือเล่มนี้เขียนได้ดีจริงๆ มันช่วยผมไว้ได้มาก ผมขอชนแก้วแสดงความยินดีกับคุณสักแก้ว ! ”
“ อาจารย์จาง ผมเคยไปฟังวิชาเรียนของคุณที่มหาวิทยาลัยตี้จิงมาคาบเรียนหนึ่ง ผมยังจำได้อย่างแม่นยำว่า ตอนนั้นบรรยายถึงการพัฒนาของปลอมร่วมสมัย มันมีประโยชน์มากจริงๆ ผมขอแสดงความเคารพ ! ”
……
หยางโปมีความจำที่ดีมาก หลายคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างก็เคยเขียนหนังสือเกี่ยวกับโบราณวัตถุหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกัน หยางโปอ่านมาเยอะ เพราะเขาสามารถระบุงานของทุกคนออกมาได้อย่างชัดเจน ทุกครั้งที่เข้าไปชนแก้วแสดงความเคารพ ล้วนใช้เหตุผลนี้ในการเข้าไปชนแก้วแสดงความเคารพ และไม่คิดที่จะหลบหน้าอีกแล้ว พวกเขาเหมือนกับหยางโป ชนแก้วแล้วแก้วเล่า !
หยางโปเดินไปรอชนแก้ววนไปวนมา เปลี่ยนสำนวนการพูดครั้งแล้วครั้งเล่า โต๊ะของพวกเขาได้สั่งเหล้ามาเพิ่มสิบกว่าขวด คนอื่นๆในงานต่างก็ดื่มเหล้าจนหน้าแดงหน้าดำกันไปหมดแล้ว
แต่หยางโปกลับยิ่งกระปรี้กระเปร่าขึ้นเรื่อยๆ !
ในช่วงเริ่มแรก ทุกคนยังชนแก้วดื่มอวยพรกันอยู่ แต่ภายหลัง ไม่มีใครกล้าดื่มต่ออีก เพราะทุกคนกำลังรอให้หยางโปมาชนแก้วด้วย
ก็ไม่รู้ว่าใครอาเจียนออกมาก่อน คนอื่นๆในงานจึงพากันอาเจียนตามอีกหลายคน !
ทุกคนต่างพากันมองมาที่โต๊ะนี้ด้วยสีหน้าที่แปลกใจ ทำไมดื่มมากขนาดนี้ หรือคนขี้เมาทุกคนถูกแยกให้มาอยู่ที่โต๊ะนั้นเพียงโต๊ะเดียว  คืนนั้น จึงต้องเปิดห้องพักให้ผู้เชี่ยวชาญที่เมาค้างนอนกันที่โรงแรม
หยางโปเดินออกไปข้างนอกอย่างสบายอารมณ์ พวกเขาทั้งโต๊ะ ถูกเขามอมเหล้าจนลุกไม่ขึ้นนอนอยู่ที่โรงแรมกันหมด มีเพียงเขาคนเดียวที่ออกมา
เช้าวันรุ่งขึ้น เรื่องราวใหญ่โตของหยางโปก็ได้แพร่กระจายไปในกลุ่ม แม้แต่คนที่ดื่มเหล้าวงเดียวกับเขาที่โต๊ะอาหารก็ยังรู้สึกหวาดกลัว ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านพ้นไปแล้ว เริ่มแรกทุกคนเห็นเขาเป็นรุ่นน้องจึงตั้งใจหยอกเขาเล่น ไม่คาดคิดเลยว่าหยางโปจะบีบพวกเขาแล้วไล่ชนแก้วจนเมากันทั้งโต๊ะ !
เฉาหยวนเต๋อเป็นคนโทรมาบอกข่าวนี้กับเขา ตอนที่เฉาหยวนเต๋อโทรมา หยางโปเพิ่งออกกำลังกายตอนเช้าเสร็จ มาอาบน้ำ และกำลังกินข้าวต้มอยู่
“ จะมาโทษผมก็ไม่ได้ พวกเขามันพวกนักเลง พูดคุยล้อเล่นสนุกปากกันในวงเหล้า คิดที่จะกดหัวผม ผมจะให้พวกเขาสมหวังได้ยังไง ? ” หยางโปกล่าว
เฉาหยวนเต๋อสะอึกกับคำพูดของหยางโป “ นี่นายพูดอะไร ? นักเลงอะไรกัน ทุกคนพูดเรื่องแบบนี้ในวงเหล้ามันก็เป็นเรื่องปกติ ปกตินายไม่ใช่คนพูดแบบนี้ ! ”
“ สบายใจได้ ” หยางโปกล่าว
เฉาหยวนเต๋ออดที่จะหัวเราะฮ่าๆดังลั่นไม่ได้ “ ชิงชัยเพื่อศักดิ์ศรีให้พวกเราจริงๆ ครั้งนี้นายทำได้งดงามมาก ! ”
เดิมหยางโปไม่ได้คิดเรื่องนี้อีกแล้ว วันนี้หลินหลินไม่อยู่บ้าน เพราะหยางโปไม่ยอมแต่งงาน
หลินคิดว่าปีหน้าคงไม่ได้อุ้มหลานแล้ว กลัวว่าจะไม่มีอะไรทำ จึงออกไปทำงานตั้งแต่เช้า
บอกว่าจะกลับไปเริ่มธุรกิจของตัวเอง
หยางโปเลยทำได้เพียงต้องสนับสนุน แต่รู้สึกว่าข้าวเช้าที่กินไม่ค่อยจะมีรสชาติเหมือนแต่ก่อน  เมื่อหลินหลินมาถึงบริษัท ก็จัดการเคลียร์งานในบริษัท จู่ๆก็ได้รับสายจากคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
“ สวัสดีครับ คุณหลิน ผมชื่ออี้มู่ พวกเราเคยพบกันแล้ว ! ”เสียงของชายคนหนึ่งดังมาตามสาย

หยางโปคิดว่าจิโร่ สึคาฮาระเก่งกาจมาก แต่เขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่าย แต่รู้สึกว่าจะมีแสงดาบวาบอยู่ในหัวตลอดเวลา !
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หยางโปถึงกับไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้เลย วันรุ่งขึ้นก็ถูกเฉาหยวนเต๋อโทรมาตาม เพราะคณะกรรมการประเมินวัตถุโบราณทางวัฒนธรรมกำลังจะจัดประชุมใหญ่ วิเคราะห์ข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และยังต้องทบทวนและ อภิปรายเกี่ยวกับการคุ้มครองและพัฒนาวัตถุโบราณทางวัฒนธรรมของชาติในช่วงสองปีที่ผ่านมา !
หยางโปใช้สถานะนี้ฟรีๆตลอดมา แน่นอนว่าสถานะนี้ก็นำผลประโยชน์มาให้เขามหาศาล
เมื่อต้องมารับภาระหน้าที่จริงๆ มันก็เป็นปกติที่เขาจะไม่มีทางปฏิเสธได้
หยางโปนั่งอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยคนผมขาวและมีริ้วรอย มีเขาคนเดียวที่อ่อนเยาว์และผมดกดำที่ยืนอยู่ที่นี่ !
โชคดีที่หลายคนรู้จักหยางโปดี รู้ระดับความสามารถของเขา และรู้ว่าเขาได้มีส่วนสำคัญในการปกป้องและวัตถุโบราณทางมรดกทางวัฒนธรรมกลับมาในช่วงสองปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่มีใครมีข้อสงสัยในตัวเขา
แม้แต่เจ้าภาพที่จัดการประชุมใหญ่ก็ยังแสดงทีท่าชื่นชมต่อเขา ทุกครั้งที่พูดคุยปรึกษาหารือกัน
ก็มักจะเรียกชื่อเขาให้มาแสดงความคิดเห็น เริ่มแรกทุกคนไม่เก็บเอามาใส่ใจ เพียงแต่หยางโปที่มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนในวัยแค่นี้ เมื่อต้องมาเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ ก็มีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้ไปมาหลายประเทศและยังเปิดพิพิธภัณฑ์เป็นของตัวเอง
จึงมีความคิดริเริ่มอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับปัญหาต่างๆมากมาย เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับปัญหาเหล่านี้ เขาจึงมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง !
ประชุมร่วมกันมาตลอดทั้งวัน ทำให้ทุกคนต่างมองเขาด้วยความชื่นชมขึ้นมาทันที !
งานเลี้ยงช่วงค่ำจบลง หยางโปเก็บข้าวของและกำลังจะเดินออกไป แต่กลับถูกขวางไว้
เขาถึงกับตกใจ และมีปฏิกิริยาตอบโต้ทันที “ อาจารย์เหมย คุณก็อยู่ที่นี่เหรอ ! ”
คนที่มาคือเหมยเฉาหนิง หยางโปได้ไปเยอรมนีกับเขาเพื่อพิสูจน์ยืนยันและประเมินถ้วยกระเบื้องเคลือบลายไก่ ตอนนั้นเหมยเฉาหนิงเป็นเพียงแค่นักวิจัย คิดไม่ถึงว่าเขาจะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย !
“ มิกล้า มิกล้า คุณเข้าร่วมองค์กรก่อนผม คุณเป็นแบบอย่างของผม ควรเป็นผมที่ขอคำปรึกษาจากคุณ สวัสดี อาจารย์หยาง ! ” เหมยเฉาหนิงยิ้มพลางเอ่ยปากทักทาย
หยางโปปัดมือทันที “ อาจารย์เหมย ผมได้ประโยชน์มากมายจากการไปทำงานร่วมกับคุณตั้งแต่แรก คุณก็รู้ดี ที่ผมมาเข้าร่วมกังองค์กรก่อนเพราะมีเหตุผลพิเศษ คุณนั่นแหละที่เข้ามาด้วยความสามารถที่แท้จริง พวกเราไม่ต้องมาชมกันไปมาแบบนี้แล้ว ! ”
เฉาหยวนเต๋อที่ยืนข้างๆชี้ไปทางเหมยเฉาหนิงและกล่าวว่า ” พวกนายน่าจะไม่เจอกันนานแล้ว ตอนนี้นายควรเรียกว่า ผู้อำนวยการเหมยถึงจะเหมาะสม เหมยเฉาหนิงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการแผนกพัฒนาผลิตภัณฑ์ของพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้ก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จแล้ว ! ”
หยางโปโค้งมือคำนับแสดงความยินดี “ ยินดีด้วย ! ”
เหมยเฉาหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ มันก็แค่ตำแหน่งข้าราชการเล็กๆเท่านั้น ถ้านับกันตามนี้จริงๆแล้ว ตอนนี้คุณดำรงตำแหน่งอยู่ในกรมมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติ และบังเอิญเป็นหัวหน้าของผมด้วยพอดี นั่นไม่ใช่ว่าทุกครั้งผมต้องเรียกคุณว่าผู้อำนวยการหยางหรอกเหรอ ? ”
“ เอาล่ะ พวกนายไม่ต้องชมกันไปมาแล้ว ผู้อำนวยการเหมยเป็นผู้อำนวยการคนใหม่อยากเชิญนายไปทานอาหารเย็นด้วย นายจะไปหรือไม่ไป ? ” เฉาหยวนเต๋อถาม
หยางโปพยักหน้า ” แน่นอน ต้องไปสิ ! ”
หยางโปรู้ดีว่า ที่เชิญมากินข้าวด้วยคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเงื่อนไขแฝงอยู่ บวกกับเฉาหยวนเต๋อ
ที่อยู่กับอีกฝ่าย ต้องมีเรื่องบางอย่างแน่ๆ ทุกคนต่างก็รู้ว่า เฉาหยวนเต๋อมีบุญคุณต่อหยางโปเมื่อครั้งอยู่ที่จินหลิง ดังนั้น ทุกครั้งที่มีเรื่องงานให้เขาทำ จึงมักจะดึงเฉาหยวนเต๋อมาเข้าร่วมด้วย ไอรีนโนเวล
แต่เฉาหยวนเต๋อเป็นคนรับผิดชอบเรื่องราวพวกนี้จึงหลบเลี่ยงไม่ได้ คงเหมือนกับเหมยเฉาหนิงเขาเป็นคนของพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม แต่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้กรมโบราณวัตถุทางวัฒนธรรม หน่วยงานเบื้องล่างจึงมักมีเรื่องขอร้องหน่วยงานเบื้องบนให้ช่วย ถ้าเป็นเรื่องงานในอนาคต จึงเป็นเรื่องยากที่เฉาหยวนเต๋อจะปฏิเสธได้
ดังนั้น เฉาหยวนเต๋อ จึงมักจะพาคนไปหาหยางโป แต่ส่วนใหญ่ก็เพื่อให้เกียรติเท่านั้น
ส่วนหยางโปจะตอบตกลงหรือไม่ เขาก็ไม่สนใจมากนัก เพราะเขาและหยางโปได้พูดคุยเรื่องนี้กันแล้ว
ทั้งสามคนเดินออกไปหาร้านหม้อไฟนั่ง
หลังจากดื่มกินกันไปได้สักพัก เหมยเฉาหนิงจึงกล่าวถึงตลาดทางวัฒนธรรมที่เพิ่งพัฒนาขึ้นที่เมืองภาพยนตร์ในช่วงนี้ และเอ่ยปากพูดว่า ” ผลิตภัณฑ์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรมของเมืองภาพยนตร์ คึกคักมีชีวิตชีวามาก สามารถรวมเข้ากับธีมต่างๆของพระราชวังได้ ผมคิดว่านี่อาจกลายเป็นรูปแบบใหม่หนึ่งของการทำกำไรสำหรับจุดท่องเที่ยวในอนาคตได้ ! ”
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคน เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนมีสีหน้ายิ้มแย้ม ก็ได้สติกลับมาทันที เขาหันไปมองหน้าเหมยเฉาหนิง “ ก่อนหน้านี้ผมได้ยินไม่ค่อยชัด ตอนนี้คุณได้เลื่อนขั้นในแผนกไหนของพิพิธภัณฑ์นะ ? ”
“ ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ! ” เหมยเฉาหนิงกล่าว
หยางโปรู้ในทันทีว่าเหมยเฉาหนิงน่าจะทำงานด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์โบราณวัตถุทางวัฒนธรรมในพระราชวังต้องห้าม ดังนั้นเขาถึงได้กล่าวถึงเรื่องเมืองภาพยนตร์ มองจากตรงนี้ ทั้งสองคนน่าจะรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองภาพยนตร์นั้นต้องเป็นฝีมือของเขาที่เป็นคนทำมันขึ้นมา !
“ พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามมีทรัพยากรอยู่จำนวนมาก และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าต้องการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมก็น่าจะค่อนข้างง่าย ” หยางโปเหลือบมองเหมยเฉาหนิง “ วันนี้คุณเป็นคนเลี้ยงข้าว ถ้าอยากจะถามอะไรถามมาตามตรงได้เลย ! ”   เหมยเฉาหนิงยิ้ม ” จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีคำถามมากนัก เพียงแค่ต้องการพูดคุยกับคุณ มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าได้ฟังคุณเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาให้ฟังสักหน่อย รูปแบบการพัฒนาของเมืองภาพยนตร์ในปัจจุบันประสบความสำเร็จอย่างมาก พวกเราทุกคนต่างก็อยากที่จะศึกษาเรียน
รู้ไว้ ! ”
เฉาหยวนเต๋อที่นั่งข้างๆ แล้วพูดคล้อยตามว่า ” นายอย่าปกปิดเพราะกลัวคนอื่นจะรู้เลยนะ ”
หยางโปพยักหน้า ” ผมก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ถ้าอย่างนั้นผมจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนั้นให้คุณฟัง แต่พวกคุณเป็นหน่วยงาน มีบางสิ่งบางอย่างอาจทำได้ไม่ง่ายนัก คุณต้องเตรียมใจไว้ ! ”
เหมยเฉาหนิงพยักหน้า
หยางโปพูดถึงวิธีการของเขาตอนที่อยู่เมืองภาพยนตร์ อันที่จริงก็ไม่มีอะไรจะพูดมากนัก  ส่วนใหญ่อยู่ที่การออกแบบผลิตภัณฑ์ ตราบใดที่การออกแบบผลิตภัณฑ์สามารถเป็นจริงได้
และทำให้นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวเกิดความรู้สึกว่านี่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่มีอยู่ชิ้นเดียว
และสามารถทำให้คนเห็นและนึกออกว่ามันอยู่ที่ไหน พวกเขาก็จะสนใจและกระตือรือร้น
เพราะอย่างไรซะของที่ระลึกในสถานที่ท่องเที่ยวภายในชาติก็คลับคล้ายคลับคลากันมาก !
หลังจากที่เหมยเฉาหนิงฟังประสบการณ์ของหยางโป ก็พูดขึ้นมาทันที “ มีประโยชน์มาก ! ”
หยางโปโบกมือ “ มันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ มันเป็นแค่ความคิดสร้างสรรค์ แค่ทุกคนคิดไม่ถึงเลยสักนิด แต่เมื่อทุกคนนึกขึ้นได้ มันก็ไม่เป็นที่นิยมกันมากเท่าไรแล้ว ”   “ มันคือความคิดสร้างสรรค์ ยังไงสิ่งแรกที่สามารถคิดขึ้นมาได้ นั่นแหละคือความสามารถ ”
เหมยเฉาหนิงกล่าว
เฉาหยวนเต๋อที่นั่งด้านข้างกล่าว ” เอาล่ะ พวกนายไม่ต้องประจบสอพลอกันแล้ว เรื่องนี้ถ้าพูดมันก็ง่าย แต่สำหรับเหล่าเหมยแล้ว อาจไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะยังไงซะนายก็อยู่ในระบบหน่วยงาน
ถ้าต้องการทำอะไรสักอย่าง ต้องพูดคุยสื่อสารกันให้มาก ! ”
เหมยเฉาหนิงรีบพยักหน้า “ ผมจะกลับไปรายงานเรื่องนี้กับคณบดี เขาน่าจะเห็นด้วย ”
“ ผมหวังว่าพวกนายจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงยังไงทุกอย่างมันก็จะยากในช่วงเริ่มต้น ในเมื่อคิดที่จะดำเนินการต่อ งั้นก็ต้องยึดมั่นเอาไว้ ! ” เฉาหยวนเต๋อพูดให้กำลังใจ
ทั้งสามดื่มกินพูดคุยกันอยู่นาน แม้ว่าทุกคนจะเสนอความคิดเห็นมากมายในที่ประชุม แต่พอมาพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ก็ดูสบายๆมากกว่า เฉาหยวนเต๋อถึงกับสบถด่า ออกมาตามตรง
” ก็แค่ข้าราชการคนหนึ่ง พวกนายไม่ต้องไปสนใจเขา ! ”

หยางโปทำอะไรไม่ถูกไปเลย ” ผมแค่อยากจะพูดคุยกับเขาเรื่องวิชากระบี่ แน่นอนผมรู้ดี
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสอนรูปแบบการใช้กระบี่ให้ผม ”
” คุณมาถามฉันก็ได้นะ ! ” เหยียนหรูหยูกล่าว
หยางโปอดที่จะมองเยียนหรูหยูด้วยใบหน้าที่อับอายไม่ได้ เขาถามอีกฝ่ายมาหลายครั้งแล้ว
แต่ทุกครั้งก็จบลงด้วยความล้มเหลวเรื่องราวที่น่าอับอายเช่นนี้สำหรับเขาแล้วมันทำให้รู้สึกยากที่จะเอ่ยปาก
เนื่องจากจิโร่ สึคาฮาระหายตัวไป หยางโปก็ไม่คิดที่จะออกตามหาตัวเช่นกัน
ตอนนี้ก็บ่ายโมงกว่าแล้ว พวกเขาทั้งสามกลับไม่มีอะไรทำ ในอดีต หยางโปอาจจะไปนั่งที่ร้านของหลิวมีดเดียว นับตั้งแต่ร้านหยกของเขาเปิดกิจการ หลิวมีดเดียวก็ดูเหมือนจะมีความรักที่ผลิบาน ไปลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองหยางเฉิงเลย
ลัวย่าวหัวแนะนำ ” เราไปดูที่หลิวหลีฉ่างกันไหม ? ”
“ หลิวหลีฉ่าง ? ” หยางโปชะงักไปครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าและกล่าวว่า
“ ช่างเถอะ หลิวหลีฉ่างไม่ได้เจริญมาก ไปเดินดูมาหลายรอบแล้ว ไม่ได้มีอะไรน่าดูเลย ”
ลัวย่าวหัวค่อนข้างจะหมดทางเลือก “ ไม่มีที่ให้ไปแล้วนะ ? นายมีเงินมากเกินไป ตอนนี้เลยดูถูกสถานที่เหล่านั้นไปแล้ว ! ”
หยางโปครุ่นคิดเล็กน้อย “ คิดไม่ออก ฉันยังมีอีกที่ที่อยากไป ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีเวลา แต่ตอนนี้
ดูเหมือนว่าจะพอไปได้แล้ว ! ”
ลัวย่าวหัวประหลาดใจมาก “ ที่ไหน ? ”   “ เหลียงหรูซิง ! ”
หยางโปและเหลียงหรูซิงไม่ค่อยได้ติดต่อกัน ก่อนหน้าที่เสวียนจงได้เชิญเขาเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนของชาวยุทธ์ที่นี่ เขาจึงได้รู้จักกับเหลียงหรูซิง แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเหลียงหรูซิง และโจวซินจะร่วมมือคบคิดกันทำร้ายเขาในภายหลัง ความแค้นนี้เขาลืมไปแล้ว แต่แก้แค้นเอาตอนนี้มันก็ไม่สาย !
เพียงแต่ว่าหยางโปไม่รู้ว่าเหลียงหรูซิงอาศัยอยู่ที่ไหน หลังจากครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย หยางโปก็โทรหาเสวียนจง และถามไปว่าเขาอยู่ที่ไหน
คิดไม่ถึงว่าเสวียนจงจะยังคงอยู่ในที่ตี้จิง หยางโปจึงได้ขับรถไปรับเสวียนจงที่โรงแรม
“ คุณน่าจะรู้ว่าเหลียงหรูซิงอยู่ที่ไหนใช่ไหม ? ” หยางโปถาม
เสวียนจงนิ่งอึ้งไป เขาเหลือบไปมองหยางโปและเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง ราวกับว่ากำลังชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียอยู่ เขาไม่ต้องการที่จะทำให้หยางโปขุ่นเคืองใจ และยิ่งไม่อยากทำให้เหลียงหรูซิงที่เป็นคนมีอำนาจบารมีในพื้นที่ขุ่นเคืองใจ !
หยางโปเข้าใจความคิดของเขาจึงพูดต่อไปว่า ” โจวซินไปแล้ว พ่อของเขามาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้และมาพบกับผมครั้งหนึ่ง เมื่อสองสามวันก่อนเขาได้พาโจวซินกลับไปแล้ว ”
หยางโปกลับไม่ได้พูดรายละเอียดลงลึกมาก แต่แค่คำพูดไม่กี่คำนี้ก็ทำให้เสวียนจงหน้าถอดสี เริ่มแรกเขาติดตามโจวซิน นั่นก็เพราะอยากเรียนรู้วรยุทธ และคิดที่จะฝ่าด่านปัจจุบันไปให้ได้
แต่พอคอยติดตามรับใช้ โจวซินกลับไม่ทำให้ได้รับประโยชน์มากเท่าที่ควร ตอนนี้ โจวซินจากไปแล้ว โดยที่ไม่ได้บอกกับเขาเลยด้วยซ้ำ คงทิ้งเขาไปอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว !
เสวียนจงลังเลใจเล็กน้อย เขาเหลือบมองหยางโป เขารู้ว่าหยางโปหมายถึงอะไร
หยางโปต้องการให้เขาเลือกข้าง เขาจะต้องตัดสินใจเลือก !   “ ผมรู้ที่อยู่ของเขา เดี๋ยวผมบอกคุณเอง ! ” เสวียนจงไม่ได้คิดนานนัก แต่ก็ตัดสินใจเลือกทันที เพราะเขาคิดว่าติดตามหยางโปจะมีความหวังมากกว่า !
“ ดี ! ” หยางโปพูด Aileen-novel
ไม่นาน รถก็เข้ามาจอดที่เรือนสี่ประสานหลังหนึ่ง ที่นี่เงียบสงบมาก หยางโปเหลือบมองเข้าไปข้างใน “ นี่คือบ้านของเหลียงหรูซิงงั้นเหรอ ? ”
เสวียนจงพยักหน้า ” เหลียงหรูซิงอยู่เป็นโสดมาตลอด ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าเขาจะอยู่ที่นี่หรือเปล่า
ปีก่อนผมกับเพื่อนๆที่ฝึกฝนวรยุทธเคยมากินข้าวที่บ้านของเขา ”
หยางโปพยักหน้า “ ตกลง ผมจะลองเข้าไปดูข้างในก่อน ”
หยางโปเปิดประตูรถและลงจากรถเพียงคนเดียว แสงสว่างวาบผ่านตาของเขาไป จากนั้นก็มองเห็นสภาพภายในลาน เขาเห็นเหลียงหรูซิงยืนอยู่ในสวนหลังบ้าน มือขวาถือดาบยันพื้น
ตัวเอนไปข้างหน้าเหมือนกับจุดศูนย์โน้มถ่วงของร่างกายเอนไปข้างหน้า
แต่ดวงตาของหยางโปกลับเบิกกว้าง เพราะเขาเห็นเลือดจำนวนมากไหลรินมาจากตัวของเหลียงหรูซิง !
หยางโปก้าวไปข้างหน้า ถีบประตูจนเปิดออก จากนั้นเขาก็ไปวิ่งไปที่สวนหลังบ้านทันที
ลัวย่าวหัวและคนอื่นๆที่กำลังนั่งอยู่ในรถ กำลังรอให้หยางโปมาเคาะประตู แต่กลับเห็นเขาใช้เท้าถีบเปิดประตู จากนั้นร่างก็หายวับเข้าไป พวกเขาจึงรีบลงจากรถและวิ่งตามเข้าไป
เหยียนหรูหยูเร็วที่สุด ไม่เห็นเท้าของเธอเคลื่อนไหวใดๆเลย ก็เข้ามาถึงในลานบ้านแล้ว
เธอเห็นหยางโปและเดินเข้าไปหา
ลัวย่าวหัวมองตามร่างเหยียนหรูหยู ก็อดที่จะพึมพำเบาๆไม่ได้ ” ช่างเหมือนปีศาจจริงๆ ! ”
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นเหยียนหรูหยูหันหน้ากลับมามอง ฝีเท้าของเขาช้าลงเล็กน้อยราวกับถูกฟ้าผ่า เมื่อเห็นเสวียนจงเดินตามมาข้างหลัง เขาจึงรีบกวักมือเรียก ” พวกเราเข้าไปด้วยกันเถอะ ! ”
เสวียนจงรีบอธิบายทันที ” คุณไม่ต้องกังวล ต่อไปผมจะติดตามศิษย์พี่หยาง ไม่หนีไปไหนแน่
นอน ! ”
“ ไม่เป็นไร ผมแค่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ ผมไม่ได้คิดว่าคุณจะหนีไปไหน ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว
ไม่นาน พวกเขาก็เข้ามาในสวนด้านหลัง ทุกคนต่างเห็นสภาพร่างกายของเหลียงหรูซิง
เห็นร่างกายที่ถูกแทงพรุนไปหมดของเขา แต่ยังไม่ล้มลง
หยางโปเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเหลียงหรูซิง มองไปที่ช่องเปิดด้านซ้ายตรงอก
เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
เหลียงหรูซิง ยังคงมีลมหายใจที่รวยริน หยางโปประคองให้เขานอนลงและยังคงรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะขัดขืนเล็กน้อย แต่เพราะมีเรี่ยวแรงที่น้อยมาก จึงไม่สามารถต่อต้านได้แล้ว
หยางโปมองหน้าเหลียงหรูซิงและถามไปว่า ” ใครเป็นคนลงมือ ? ”
เหลียงหรูซิงลืมตาขึ้นและชายตามองหยางโป ใบหน้าบิดเบี้ยว ราวกับว่าเขาได้ใช้กำลังทั้งหมดที่มีและพูดออกมาว่า ” ญี่ปุ่น… ”
พูดออกมาได้ครึ่งคำ เหลียงหรูซิงก็ตาเหลือกไร้ซึ่งลมหายใจ
หยางโปมองไปที่ศพของเหลียงหรูซิง ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าเขาอยากจะลงโทษเหลียงหรูซิงก็ตาม แต่ไม่ได้คิดที่จะฆ่าเขา แค่คิดไม่ถึงว่าจะมีใครชิงลงมือตัดหน้าเขาไปก่อนหนึ่งก้าว ที่สำคัญยังลงมือได้เหี้ยมโหดมาก !
เหลียงหรูซิงพูดแค่คำว่า ญี่ปุ่นสองคำ แต่ในหัวของหยางโปกลับผุดร่างของคนญี่ปุ่นที่อยู่บนเวทีนั้นขึ้นมาทันที เขาเคยเห็นแค่ความปราดเปรียวในการใช้กระบี่ของของจิโร่ สึคาฮาระ และมีเพียงทักษะกระบี่แบบนี้เท่านั้นที่จะเอาชนะเหลียงหรูซิงได้
เสวียนจงรีบไปที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นสภาพของเหลียงหรูซิง ก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที เขาก้าวเข้าไปช้าๆไปหยุดอยู่ด้านข้าง ” นี่… นี่มันเป็นไปได้ไง ? เหลียงหรูซิงเป็นประธานของชาวยุทธสันโดษทางภาคเหนือ ฝึกฝนอยู่ในขั้นหยินชี่จิงที่สมบูรณ์ ในโลกของผู้ฝึกหัดสันโดษแทบไม่มีคู่แข่งอยู่
มันจะเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง… ”
เสวียนจงไม่ได้พูดอะไรต่อ ในสายตาของเขาเหลียงหรูซิงมีขั้นวรยุทธระดับสูงสุดแล้ว แต่ก็ยังถูกฆ่าตายเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นคู่ต่อสู้ของเขาควรจะอยู่ในระดับไหนกัน ?
“ คุณจัดการเรื่องงานศพซะ ” หยางโปชี้ไปทางเสวียนจง
เสวียนจงพยักหน้าตอบรับ แต่กลับไม่พูดอะไร
หยางโปเหลือบไปด้านข้างแต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและถอนหายใจ
เขาไม่ค่อยจะคุ้นชินกับชีวิตของคนคนหนึ่งที่มลายหายไปแบบนี้
หยางโปจึงหันหลังและเดินออกไปด้านนอก ” คนญี่ปุ่นคนนั้นต้องการทำอะไรกันแน่ ? ”
“ นายหมายถึง คนญี่ปุ่นที่ร่ายรำกระบี่ทำอย่างนั้นเหรอ ? ” ลัวย่าวหัวตกใจมาก เพราะเขาไม่ได้ยินคำพูดสั่งลาสุดท้ายของเหลียงหรูซิง
หยางโปพยักหน้า “ ชายญี่ปุ่นคนนั้นร้ายกาจมาก ! ”

หยางโปอยากเห็นปฏิกิริยาของเหยียนหรูหยู แต่เวลานี้เขากลับทำใจที่จะหันกลับไปมองไม่ได้ เพราะกลัวว่าหากหันหลังกลับไปจะพลาดทักษะการใช้กระบี่ที่ยอดเยี่ยมไป เขาเบิกตากว้าง
มองดูการแสดงบนเวที !
ดาบในมือของจิโร่ สึคาฮาระโบยบินอย่างสง่างาม ท่วงท่างดงาม เห็นแสงสีเงินแวววับบนเวที
ซึ่งมันน่าเหลือเชื่อมาก
ลัวย่าวหัวนั่งอยู่ข้างๆหยางโป ถึงกับอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาว่า “ นายดูสิ วิชากระบี่ของเขาดูเหมือนกระบี่เก้าเดียวดายไหม ? ศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมและรวดเร็วที่สุดในโลกของวรยุทธ์ ! ”
หยางโปจ้องมองวิชากระบี่ที่อยู่ตรงหน้าและพยายามจดจำทุกกระบวนท่าเคลื่อนไหว เขารู้สึกว่าการเคลื่อนไหวแบบนี้ดูอึดอัดไปหน่อย แต่แฝงไปด้วยลักษณะแข็งแกร่งเฉพาะของญี่ปุ่น
แต่เมื่อนำวิชากระบี่ประเภทนี้มาเทียบกับทักษะกระบี่เทียนหลัวที่เขากำลังเรียนรู้อยู่ มันไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย !
ในตอนจบของวิชากระบี่ ก็ยิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ร่างของจิโร่ สึคาฮาระก็ยังดูเลือนรางมองไม่ชัด เสียงปรบมือในงานยิ่งดังกึกก้องขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน !
หยางโปเบิกตากว้าง พยายามจดจำการเคลื่อนไหวทั้งหมด แม้จะยากสักหน่อย แต่โชคดีที่ทักษะการใช้กระบี่ค่อยๆหยุดลง จิโร่ สึคาฮาระ ยืนถือดาบยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น
ทุกคนในงานยืนขึ้นและปรบมือให้กับการแสดงที่ยอดเยี่ยมนี้ ! เสียงปรบมือดังยาวไม่หยุด !
หยางโปนั่งหลับตาลงบนเวที เขากำลังนึกทุกท่วงท่าและย่างก้าวเมื่อสักครู่อย่างละเอียดถี่ถ้วน
มีเพียงรูปแบบการตวัดกระบี่เท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกสับสน ท่วงท่าอื่นๆมันไม่ยากอะไรสำหรับเขาเลย !
หยางโปลืมตาและหันมองไปทางเวที ในเวลานี้ การแสดงวิชากระบี่ก็ได้สิ้นสุดลง เกอิชาญี่ปุ่นคนหนึ่งได้ขึ้นมาแสดงบนเวทีต่อ
หยางโปหันกลับมามองเหยียนหรูหยู เมื่อเห็นเธอมองดูการแสดงตรงหน้าอย่างมีความสุข
สำหรับเธอแล้ว ของทั้งหมดนี้เป็นเรื่องแปลกใหม่ไปหมด
“ การแสดงวิชากระบี่เมื่อสักครู่ คุณว่าเป็นยังไงบ้าง ? ” หยางโปลองถามดูอย่างระมัดระวัง
เหยียนหรูหยู เหลือบมองหยางโปและตอบกลับไปว่า ” ดีมากเลย ! ”
“ ผมรู้สึกว่าวิชากระบี่ชุดนี้ไม่ด้อยไปกว่าวิชากระบี่เทียนหลัวเลย ดูยอดเยี่ยมมาก ” หยางโปกล่าวต่อ
เหยียนหรูหยูยังคงรับชมการแสดงบนเวทีต่อ ไม่สนใจหยางโปเลย ผ่านไปนานสักพักถึงได้พูดออกมาคำหนึ่ง ” นี่เป็นฝีมือดาบระดับแนวหน้าของประเทศญี่ปุ่น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นลูกหลาน ของวิชาดาบนี้มาเป็นคนร่ายรำให้ชมเอง จึงเป็นเรื่องปกติที่ยอดเยี่ยมมาก ขั้นวรยุทธ์ของคุณต่ำเกินไป จึงยังไม่สามารถเรียนวิชากระบี่เทียนหลัวได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะยังไม่เข้าใจรายละเอียดปลีกย่อยของมัน ! ”
หยางโปอึ้งอ้าปากค้างไปทันที เขามองไปที่เหยียนหรูหยู แต่คิดไม่ถึงว่า เธอจะพูดแบบนี้ออกมา วิชากระบี่เทียนหลัวยอดเยี่ยมมาก แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยสัมผัสมันได้เลยจริงๆ
รอจนการแสดของงเกอิชาจบลง เหยียนหรูหยูดูเหมือนจะสังเกตเห็นหยางโปที่ยังคงครุ่นคิดอยู่
จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา “ คุณก็อย่าไปคิดมาก สิ่งที่เขาแสดงมาทั้งหมดคือ ‘ ยอดวิชาดาบ ’ ของศาลเจ้าคาชิมะ ซึ่งถือได้ว่าเป็นยอดวิชาดาบของประเทศญี่ปุ่น แก่นแท้ของวิชาดาบคือรูปแบบการใช้ หากคุณเข้าใจถึงรูปแบบแรกได้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องจากนั้นอีกแล้ว ! ”
หยางโปหันไปมองเหยียนหรูหยูอีกครั้ง ด้วยสีหน้าประหลาดใจมาก เพราะในความเห็นของเขาแล้ว เหยียนหรูหยูเป็นคนจำพวกไม่รู้เรื่องราวของโลกภายนอก ไหนเลยจะนึกว่า เธอก็รู้เรื่องพวกนี้ด้วย
เหยียนหรูหยูไม่สนใจหยางโป เอาแต่สนใจดูการแสดงต่อไป
นี่เป็นการแสดงของคณะศิลปินญี่ปุ่นในจีน จึงไม่มีการจำหน่ายบัตรเข้าชม แค่มีภายในกระทรวงและหน่วยงานบางแห่ง เพราะหลายคนไม่ทราบ หยางโปเลยคิดว่าเป็นการแสดงเชิงพาณิชย์
เขาดูการแสดงสองรายการ และค่อยๆอดทนดูต่อ
หยางโปเกิดที่จินหลิง และเติบโตที่จินหลิง ความรู้สึกของเขาที่มีต่อญี่ปุ่นนั้นซับซ้อนและถึงกับพูดได้เลยว่าเกลียดชัง เพราะเขาไม่ยอมเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น และถึงขั้นที่ไม่เคยดูการแสดงแบบนี้มาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาสัมผัส เขาจึงรู้สึกไม่เลวทีเดียว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน การแสดงก็ได้จบลง ในงานมีเสียงปรบมือดังกึกก้อง หยางโปเองก็ลุกขึ้นปรบมือตามไปด้วย
เมื่อเดินออกจากโรงละคร ลัวย่าวหัวก็อดไม่ได้ที่จะขอเครดิต ” พวกนายคิดว่าการแสดงนี้เป็นยังไงบ้าง ? ”
หยางโปพยักหน้า ” ดีมาก พวกเขาแสดงแค่ที่นี้รอบเดียวเท่านั้นเหรอ ? ”
ลัวย่าวหัวหัวเราะดังลั่น “ ปกติการแสดงแบบนี้ จะมีการแสดงอยู่หลากหลายประเภท ยิ่งไปกว่านั้นจะแสดงติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน เมื่อเร็วๆนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นสัปดาห์ส่งเสริมวัฒนธรรมสำหรับการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างทั้งสองประเทศอะไรทำนองนี้แหละ ” Aileen-novel
หยางโปค่อนข้างจะสงสัย “ นายช่วยไปหาข้อมูลมาให้ฉันหน่อยได้ไหม นักดาบคนนั้นที่ทำการแสดงมีประวัติความเป็นมายังไง ? ”
ลัวย่าวหัวเหลือบมองไปที่หยางโป “ เมื่อตะกี้ฉันแค่ดูเพื่อความสนุกสนาน การแสดงของชายคนนั้นต้องมีวิธีพิเศษอะไรมากอยู่ใช่ไหม ? เขาเก่งเอามากๆเลยเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้า ” หลักแหลมมาก ”
เหยียนหรูหยูยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่ได้พูด
ลัวย่าวหัวตอบรับจากนั้นก็เริ่มต่อสายโทรออก
ทั้งสามคนชวนกันไปกินข้าว ก่อนที่จะหาร้านดีๆได้ ลัวย่าวหัวก็หันไปพูดกับหยางโปว่า
“ ได้ข่าวมาแล้ว ชายคนนั้นแสดงแค่รอบเดียวในวันนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นการแสดงที่สุ่มใส่เข้าไป เขามีสถานะสูงมาก ในคณะนักแสดงทั้งหมดนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะแสดงเพียงแค่ครั้งเดียวและไปแล้ว ”
หยางโปพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือกโดยที่ไม่ถามอะไรเพิ่มเติม
ทั้งสามคนเพิ่งเดินไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง หยางโปก็ได้ชี้มาทางฝั่งนี้ “ พวกเราเข้าร้านชิมอาหารเครื่องดื่มร้านนี้ก็แล้วกัน ”
ลัวย่าวหัวไม่ได้คัดค้านเช่นกัน ส่วนเหยียนหรูหยูไม่กิน ไม่ว่าจะเข้าไปที่ร้านไหน มันก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับเธอ แต่อย่างใด
แม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับอาการไม่ปกติของเหยียนหรูหยูมานานแล้ว แต่หยางโปก็ยังรู้สึกสงสัยมากว่าตัวตนของเหยียนหรูหยูเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้อดอาหาร ?
อาจเป็นเพราะเพิ่งดูการแสดงของคณะนักแสดง หลายคนจึงพากันมากินข้าวที่ร้านอาหารนี้
ไม่เหลือห้องวีไอพีให้แล้ว ทั้งสามคนจึงต้องนั่งที่ล็อบบี้
หลังจากนั่งลง และสั่งอาหาร หยางโปกำลังจะเอ่ยปากพูด จู่ๆลัวย่าวหัวก็สะกิดเขา
“ นายดูนั่นสิ ! ”
หยางโปมองไปตามทางที่ลัวย่าวหัวชี้ให้ดู ก็เห็นชายหนุ่มนั่งอยู่คนเดียวตรงมุม บนโต๊ะมีเครื่องอาหารวางอยู่สองจานและเหล้าหนึ่งเหยือก เขาคือ จิโร่ สึคาฮาระที่แสดงวิชาดาบเข้าพอดี !
หยางโปอยากจะเข้าไปนั่งคุยเรื่องวิชาดาบกับเขา แต่ก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างจะกะทันหันเกินไป
อีกทั้งยังรู้สึกว่าเข้าไปหาแบบนี้มันไม่ค่อยจะดี
ลัวย่าวหัวหันไปกระซิบไปกับเขา “ ฉันรู้สึกว่าชายคนนี้แปลกๆ ไม่ค่อยเข้าพวก นายอย่าไปดีกว่า ถ้าอีกฝ่ายลงมือทำอะไรขึ้นมา มันจะยุ่งยากเอาได้ ? ”
หยางโปครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้า แต่ไม่ได้เดินเข้าไปหา
หยางโปกินนิดหน่อย เขาไม่ชอบรสชาติของอาหารญี่ปุ่นเลยไม่ได้กินมาก เมื่อเงยหน้าขึ้น
ก็เห็นจิโร่ สึคาฮาระยืนขึ้นและเดินออกไป หยางโปก็จะตามไป
ลัวย่าวหัวยังคงกินอยู่ เมื่อเห็นหยางโปกำลังจะลุกขึ้น ดวงตาก็ลุกวาวขึ้นทันที เขาพูดเสียงอู้อี้
” นายจะทำอะไร ? ”
“ ตามเขาไป ! ” หยางโปพูด
ลัวย่าวหัวเบิกตากว้าง จ้องไปที่ชามและตะเกียบที่อยู่ตรงหน้าตัวเองและชี้ไปที่บะหมี่ในชาม
“ ไม่ต้องกินต่อแล้ว ไม่กินมื้อเดียวก็คงไม่ตายหรอก ! ” หยางโปกล่าว
พอพูดจบ หยางโปก็เดินออกไป ลัวย่าวหัวทำอะไรไม่ถูก เขากินบะหมี่ไปสองคำใหญ่ และทำได้เพียงวิ่งตามไป
แต่เมื่อออกจากร้านมา หยางโปกลับพบว่าร่างของจิโร่ สึคาฮาระหายไปแล้ว เขาวิ่งออกไปด้านนอกสองสามก้าว แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่าย เขาจึงอดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้
เหยียนหรูหยูที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดออกมาอย่างอดไม่ได้ “ ยอดวิชาดาบไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับคุณ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสอนรูปแบบการใช้กระบี่ให้คุณ ”

หยางโปหยิบกระบี่คมกริบที่ยังคงสั่นอยู่บนพื้นขึ้นมาและอดที่จะยิ้มไม่ได้ ไม่รู้ว่ากระบี่คมกริบเล่มนี้ทำมาจากวัสดุอะไร ถึงได้รู้สึกหนักเวลาถือไว้ในมือ
หยางโปสั่นเล็กน้อย กระบี่คมกริบสั่นจนเกิดเสียง ” ซิ่วซิ่ว ” แต่เวลากวัดแกว่งกลับไม่มีเสียงอื่นใด !
ทำให้หยางโปรู้สึกประหลาดใจมาก เขาคิดไม่ถึงว่าแค่การขู่กรรโชกเพื่อเรียกร้องเอาทรัพย์สินและผลประโยชน์ กลับได้กระบี่เล่มงามแบบนี้เล่มหนึ่งมา เขาเห็นว่ามีอักขระสองตัวอยู่บนตัวของกระบี่ เมื่อตรวจสอบดูอย่างละเอียดก็พบว่าเป็นตัวอักษร ” สันสกฤต ” นี่น่าจะเป็นชื่อของกระบี่ !
โจวเซี่ยงเฉิงพาโจวซินเดินออกประตูไป ทั้งสองคนเดินออกมาได้ไกลมาก โจวเซี่ยงเฉิงได้หยิบหนังสืออีก 2 เล่มออกมาดูอย่างระมัดระวังอีกครั้ง เขาพบว่าหนังสือทั้งสองเล่มไม่ได้เสียหายเลยแม้แต่น้อย จึงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
โจวซินยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกไม่พอใจเอามากๆ ” พ่อปล่อยเขาไปง่ายๆได้ยังไง ? ขนาดเราสองคนต่างก็อยู่ด้วยกัน ยังถูกเขาแบล็คเมล์เลย เราจะเอาหน้าตระกูลโจวไปไว้ไหน ? ”
โจวเซี่ยงเฉิงหันกลับไปมองหน้าโจวซิน และส่ายหัวให้เล็กน้อย ” แกเห็นเขาแค่คนเดียวหรือไง
ไม่ได้สังเกตเห็นอีกคนเลยหรือไง ? ”
โจวซินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ ในที่เกิดเหตุมีแค่พวกเราสามคน แล้วจะมีใครอีก ? ”
“ ที่แกไม่ได้สังเกตเห็นนั้น ไม่ได้หมายความว่าไม่มี พลังของคนคนนั้นถูกซ่อนไว้ แต่ฉันก็ยังค้นพบมัน ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ซ่อนตัวอยู่นั้นมีวรยุทธ์ที่สูงกว่าของฉันมาก ! ” โจวเซี่ยงเฉิงกล่าว
โจวซินตกใจนิ่งอึ้งไปทันที “ พ่อ มันจะเป็นไปได้ไง ! ในตระกูลของพวกเขาไม่มีผู้ฝึกพลังยุทธ์อยู่แล้ว ยังจะมีใครที่มีขั้นวรยุทธ์สูงกว่าพ่อไปอีกได้ยังไงกัน ? นอกจากนี้ ทำไมพ่อถึงต้องมอบกระบี่สันสกฤตให้เขาไปด้วย ? ”
โจวเซี่ยงเฉิงเงยหน้ามองโจวซิน ” การฝึกฝนของแกคงยังต่ำไป ถึงสัมผัสเรื่องปกติไม่ได้ ที่มาของสันสกฤตลึกลับซับซ้อน คุณปู่ของแกได้มันมาโดยบังเอิญ ฉันออกจากเขามาครั้งนี้ หนึ่งคือพาแกกลับ สองคือต้องการเอากระบี่นี้มาทิ้ง ! ”
ดวงตาของโจวซินเบิกกว้าง เขามองหน้าผู้เป็นพ่อ จู่ๆก็แปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย เขาดูเหมือนจะเข้าใจความหมายคำพูดของพ่อ ที่พาเขากลับไปเพียงแค่ผ่านทางมา ประเด็นหลักที่สำคัญคือนำกระบี่สันสกฤตออกมาทิ้ง !
คิดไม่ถึงว่าพ่อจะนำกระบี่หยกเล่มนี้ลงจากเขามาทิ้งด้วยตัวเอง มันน่าประหลาดใจจริงๆ !
หยางโปคาดเดาไปว่าอีกฝ่ายอาจเห็นความเก่งกาจของเขา ถึงได้ยอมเสียหน้านำกระบี่หยกมาแลกกับตำราลับ ดังนั้น เขาจึงใช้กระบี่หยกมาฝึกฝนวิชากระบี่เทียนหลัวอย่างมีความสุข จนตัวเองถึงรู้สึกพอใจ จากนั้นถึงได้กลับไปพักที่ห้อง
ต่อมา ชีวิตในแต่ละวันก็ผ่านไปอย่างเรียบง่ายและสมบูรณ์แบบ หยางโปฝึกฝนวิชากระบี่เทียนหลัวในระหว่างวันและฝึกลมปราณหยินชี่จิงในช่วงกลางคืน เพราะเหยียนหรูหยูกลับมาแล้ว
หยางโปจึงต้องแข่งกันแย่งแหล่งพลังกับเหยียนหรูหยู
ตาอ้วนหลิวและลู่เจียเฟยเดินทางไปภาคใต้ ทั้งสองคนก่อร่างสร้างธุรกิจของตัวเอง ทางหยางโปเองก็ลงทุนเงินจำนวนหนึ่ง
ลัวย่าวหัวหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝน ไม่มาหาเขาด้วยเช่นกัน อยู่บ้านทุกวันไม่ยอมออกไปไหน
หลินหลินอยู่ที่บ้านทั้งวันไม่มีอะไรทำ หลังจากอยู่ได้สองสามวัน ก็ออกไปทำงาน เธอมีธุรกิจของตัวเองจำเป็นที่ต้องดูแลมัน
หยางโปรู้สึกว่าตัวเองเกือบจะแตะขอบวรยุทธ์ขั้นเลียนชี่จิง แต่ในขั้นตอนนี้ ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่มีทางที่จะก้าวข้ามไปได้ ไอลีนโนเวล
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปถามเหยียนหรูหยู คิดไม่ถึงว่าเหยียนหรูหยูจะเพียงแค่ชำเลืองมองเขา ” ขยันฝึกฝน อย่าไปคิดมาก ”
หยางโปถึงกับนิ่งอึ้งไปทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ” คุณเหยียน คุณก็รู้ว่าการฝึกฝนนั้นยาวนานมาก
แต่ละก้าวที่ผ่านไปไม่รู้ว่าจุดจบจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ”
“ ถ้าอย่างนั้นนายจะไม่ฝึกก็ได้ ” เหยียนหรูหยูขึ้นเสียงใส่
หยางโปถึงกับสำลักพูดไม่ออกไปทันที
โชคดีที่ลัวย่าวหัวเดินเข้ามาขอคำแนะนำจากเขาในเวลานี้พอดี
หยางโปได้ตอบคำถามของเขา ลัวย่าวหัวได้ชายตามองไปที่หยางโป แล้วเหลือบมองเหยียนหรูหยูอีกครั้ง ” ช่วงนี้ฉันจะประสาทอยู่แล้ว พวกนายไม่ออกไปข้างนอกกันบ้างเลยหรือไง ? ”
“ แค่ไม่กี่วัน อนาคตวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ! ” หยางโปกล่าว
“ ฉันอยู่บ้านมาสิบกว่าวันแล้ว โอเคไหม ? แม้แต่แม่ยังไล่ฉันออกบ้านให้ไปตากแดด นายคิดว่าฉันมาหานายเพราะคิดถึงนายหรือไง ? ” ลัวย่าวหัวบ่นใหญ่
หยางโปเหลือบมองไปที่ลัวย่าวหัว ” ข้างนอกมีเรื่องอะไร ออกไปแล้วจะทำอะไรได้ ? ”
” มีเรื่องสนุกๆให้ทำตั้งมากมาย นายไม่รู้เลยหรือไง เมื่อเร็วๆนี้ มีคณะศิลปินญี่ปุ่นมาเปิดการแสดงที่ตี้จิง ได้ยินมาว่าน่าดูมาก นายอยากจะไปดูหน่อยไหม ? ” ลัวย่าวหัวกล่าว
“ คณะศิลปินของประเทศญี่ปุ่น ? ” หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วนึกถึงเกิร์ลกรุ๊ปหลายๆวงในประเทศญี่ปุ่น ดูเหมือนว่าคนญี่ปุ่นจะค่อนข้างชอบความน่ารักคิกขุ
“ เดี๋ยวฉันจะพาพวกนายไปดูเอง ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปหันไปมองเหยียนหรูหยู ” แล้วคุณล่ะ ? ”
เหยียนหรูหยูส่ายหน้า “ ฉันไม่ไป พวกคุณไปเถอะ ! ”
“ ไปด้วยกันเถอะ ได้ยินมาว่ามันสนุกมากเลยนะ ! ” ลัวย่าวหัวเอ่ยปากชวน ในที่สุดเขาก็เข้าใจความร้ายกาจของคนอย่างเยว่จวิ้นเหยาและเหยียนหรูหยูแล้ว เวลาพูดคุยกับพวกเธอ
เขาจะกลับกลายเป็นคนที่อ่อนโยนมาก จะเคลื่อนไหวมือเท้าทียังไม่กล้า !
ถ้าเป็นแต่ก่อน ลัวย่าวหัวคงเข้าไปลากตัวเหยียนหรูหยูไปแล้ว
เหยียนหรูหยูยักคิ้ว และพยักหน้าให้
ลัวย่าวหัวไม่ได้จัดการเรื่องนี้ไว้ เขาจึงออกไปคุยโทรศัพท์ขอให้คนอื่นซื้อตั๋วให้ทันที
หยางโปไม่ใส่ใจ พวกเขาพากันขึ้นไปนั่งบนรถ ในเมื่อลัวย่าวหัวเป็นคนชวน เขาก็ต้องจัดการมันได้
เมื่อทั้งหมดมาถึงที่โรงละคร การแสดงสดก็ได้ดำเนินไปกว่าครึ่งเรื่องแล้ว
หยางโปเห็นกลุ่มเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสั้นกำลังกระโดดโลดเต้นและร้องเพลงอยู่บนเวที บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข ทางด้านลัวย่าวหัวที่ยังไม่ทันนั่งลง ก็เริ่มโบกไม้โบกมือแล้ว
หยางโปมองสำรวจดูสภาพในงาน จู่ๆก็รู้สึกพูดไม่ออก จัดการแสดงแบบนี้เหมาะจริงๆแล้วงั้นเหรอ ?
เหยียนหรูหยูหันซ้ายหันขวา และนั่งลงอย่างว่าง่าย สายตาจับจ้องไปที่เวทีโดยไม่พูดอะไร
แต่หยางโปรู้สึกประหลาดใจมาก คนที่ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมอย่างลัวย่าวหัวจะชอบไม่ว่า แต่ทำไมเหยียนหรูหยูถึงชอบการแสดงแบบนี้ด้วยนะ ? เมื่อเห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ หยางโปก็ไม่รู้จะพูดอะไร จึงทำได้เพียงนั่งลงรับชมการแสดงด้วย
ไม่นาน การแสดงรอบนี้ก็จบลง พิธีกรขึ้นเวทีและรายงานการแสดงในรอบต่อไป นี่เป็นการแสดงวิชากระบี่ ของนักแสดงจิโร่ สึคาฮาระที่มาจากศาลเจ้าคาชิมะจิงกู
สำหรับการแสดงประเภทนี้ หยางโปไม่เก็บเอามาใส่ใจ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกว่ามันแตกต่างกันไปมากจากครั้งก่อนที่ไปญี่ปุ่น ถึงขนาดนำหญ้าวิเศษมาปลูกไว้ในบ้าน แค่เขาล้อมรั้วเหล็กกั้นไว้ไม่ให้คนในบ้านจับต้องก็พอแล้ว เขารู้สึกว่าการแสดงวิชากระบี่พวกนี้ มากสุดก็แค่มีความสวยงาม
ไม่นาน ชายหนุ่มสวมชุดขาวของญี่ปุ่นก็เดินขึ้นมา เขาถือฝักด้วยมือซ้ายแล้วมือขวาจับด้ามไว้
เดินมาหยุดอยู่กลางเวทีชักกระบี่ออกมา !
หยางโปเห็นแสงสีขาววาบวับหนึ่ง ทันทีที่ชักกระบี่ออกมา ชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นก็ตั้งกระบี่ตรง !
มีเสียงปรบมือในงานดังขึ้น ลัวย่าวหัวปรบมืออย่างแรง เพราะท่วงท่าที่ชักกระบี่ออกมานั้นเท่ห์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างที่ทุกคนกระพริบตา กระบี่ได้ถูกชักออกมาจากฝัก ดูเย่อหยิ่งและอวดดี ! ยิ่งมองไม่ชัดมันก็ยิ่งดูลึกลับน่าค้นหา !
ดวงตาของหยางโปกลับเบิกกว้าง เพราะเขาเห็นชัดเจนว่าในช่วงขณะที่ชักกระบี่ออกมานั้น
ดูเหมือนจะมีจังหวะที่อธิบายไม่ถูก ที่ทำให้คนมีอาการตกใจสั่นไปทั้งตัว !

เหยียนหรูหยูเพิ่งตื่นนอน มีสีหน้าท่าทีงัวเงีย ใบหน้าขาวสวยละมุมภายใต้แสงอาทิตย์ ผมหน้าม้าม้วนงอเล็กน้อย เกี้ยวอยู่ข้างหู ลดความเย็นชาลงและ แลดูน่ารักขึ้นมาก
เหยียนหรูหยูได้ยินคำร้องขอของหยางโปก็เงยหน้าขึ้นมองเขา ” คุณอยากเรียนวิชากระบี่ ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ใช่ ผมอยากเรียนวิชากระบี่สักแขนงหนึ่ง ”
เหยียนหรูหยูจ้องมองหยางโป ” มวยเทียนหลัวที่ฉันสอนคุณ ก็สามารถฝึกใช้กับกระบี่ได้ ผลลัพธ์ที่ได้แย่หน่อยก็เท่านั้น ฉันจะสอนวิชากระบี่เทียนหลัวอีกแขนงหนึ่งให้คุณก็แล้วกัน ”
หยางโปจ้องมองเหยียนหรูหยู ” วิชากระบี่เทียนหลัว มวยเทียนหลัวกับกระจกเทียนหลัว ทั้งหมดนี้คงไม่ใช่ความลับที่ไม่สามารถเผยแพร่แก่บุคคลอื่นได้ของตระกูลฉินของคุณหรอกนะ ? ”
เหยียนหรูหยูเงยหน้าขึ้น “ คุณไม่ยินดีที่จะเรียน ? ”
“ ไม่ ผมยินดี ! ” หยางโปรีบกล่าว
ทั้งสองมาที่สวนดอกไม้ที่อยู่ทางด้านหลังใหม่อีกครั้ง หยางโปยื่นกระบี่ให้ เหยียนหรูหยูรับกระบี่มาและเริ่มร่ายรำไปมา
เหยียนหรูหยูแต่งกายด้วยชุดสีขาวร่ายรำกระบี่อยู่ท่ามกลางดอกไม้ ในท่าที่สวยงาม ขึ้นร่ายรำอย่างคล่องแคล่วสวยงาม แต่หยางโปกลับรู้สึกหนาวสะท้านและเย็นยะเยือกท่ามกลางกระบี่ที่กวัดแกว่งไปมา
ไม่นาน เหยียนหรูหยูก็เก็บกระบี่ และหันไปมองหน้าหยางโป “ คุณจำได้ไหม ? ”
หยางโปอยากเรียนรู้และทำตามเหตุการณ์ในละครกำลังภายในมาก และบอกว่าเขาจำได้ทั้งหมดแล้ว แต่ตอนนี้เขาจ้องมองท่วงท่าของวิชากระบี่ ถึงแม้จะเบิกตากว้าง และเปิดเนตรดู แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ดูแล้วไม่เข้าใจ เขาจึงทำได้เพียงต้องพูดความจริงและพูดไปตามตรง ” มีหลายอย่างที่ไม่ค่อยเข้าใจ ”
เหยียนหรูหยูพยักหน้า และส่งกระบี่คืนไปให้
หยางโปทำตามท่วงท่าก่อนหน้านี้ของเหยียนหรูหยูและฝึกฝนใหม่อีกครั้ง ในขณะที่ทางด้านเหยียนหรูหยูก็คอยแนะนำท่วงท่าให้แก่เขาและคอยตอบคำถาม
เมื่อฝึกฝนมาได้สองรอบ หยางโปเหมือนจะเรียนรู้วิชากระบี่ได้ทั้งหมดแล้ว เขาสัมผัสได้ว่าวิชากระบี่นี้ดูซับซ้อนเอามากๆ ทุกกระบวนท่าดูเหมือนจะสามารถถอดและประกอบเข้าด้วยกันได้ใหม่หมด ยิ่งไปกว่านั้นลำดับของกระบวนท่าก็ตีมั่วซั่วได้ด้วยเช่นกัน
หยางโปเก็บกระบี่และหันมองไปที่เหยียนหรูหยู “ ผมสงสัยเกี่ยวกับคำถามนี้มาตลอด ในเมื่อพวกคุณมาจากตระกูลฉิน ทำไมคุณถึงไม่ได้แซ่ฉิน ? ”
ไม่รอให้หยางโปพูดจบ เขาก็สัมผัสได้ถึงอากาศเย็นยะเยือกที่ปะทะเข้ามา เขารีบก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว และเห็นแสงกระบี่ส่องแสงเป็นประกาย แสงสีเงินแวววับพาดผ่านเข้ามา
หยางโปตกใจมาก “ ต่อให้คุณไม่อยากตอบ ก็ไม่ควรทำแบบนี้หรือเปล่า ? ”
เหยียนหรูหยูไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ หันหลังกลับเข้าบ้านไปทันที เธอยังพักผ่อนไม่เพียงพอ
ยังคงต้องการพักผ่อนอยู่ ไอลีนโนเวล
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องฝึกฝนต่อไป
เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะเรียนรู้วิชากระบี่สักแขนงหนึ่งมาโดยตลอด อย่างน้อยเมื่อถือกระบี่หยก จะได้ไม่ต้องเก้ๆกังๆ ตอนนี้ในที่สุดก็ได้เรียนรู้วิชากระบี่แขนงหนึ่งสักที แต่เขากลับรู้สึกสูญเสียพลังไปเล็กน้อย เพราะวิชากระบี่ชุดนี้มันดูเหมือนค่อนข้างจะเกินความสามารถที่เขาจะเข้าใจได้ หรือว่าตอนนี้เขาได้รับการฝึกฝนที่ไม่เพียงพอ จึงเป็นเรื่องยากที่จะแสดงศักยภาพพลังของวิชากระบี่ทั้งชุดออกมาได้
หยางโปฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหงื่อเปียกชุ่มไปทั่วแผ่นหลัง
หยางโปถือกระบี่หยกและฝึกฝนเป็นครั้งสุดท้าย ในขณะที่กำลังจะกลับไปพักผ่อน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีลมแรงพัดมาจากด้านหลัง เขารีบหลบไปซ่อนทางด้านข้างทันที
หยางโปมองย้อนกลับไป ก็เห็นว่าโจวซินพ่อลูกยืนอยู่ข้างหลังเขาจริงๆ
อาการบาดเจ็บของโจวซินยังไม่หายดี ยังมีผ้าพันแผลบางส่วนอยู่บนตัว โจวเซี่ยงเฉิงก็มีอาการบาดเจ็บบนร่างกายเหมือนกัน ทั้งสองยืนตรงข้ามหยางโป และจ้องมองมาที่หยางโป
หยางโปมองดูพวกเขาพ่อลูก แต่ไม่ได้พูดอะไร
โจวซินจ้องไปที่หยางโป “ ต้องเป็นคุณแน่นอน ที่พรากโอกาสและโชคชะตาของผมไป ! ไม่อย่างนั้น คนป่าเถื่อนอย่างคุณที่เกือบจะละทางโลกมุ่งสู่ทางธรรม จะมีวิชาดาบที่สูงส่งได้ยังไง ? ”
หยางโปฉีกยิ้มและหันไปมองโจวเซี่ยงเฉิง แต่ไม่ได้พูดอะไร
โจวเซี่ยงเฉิงโบกมือและส่งสัญญาณไม่ให้โจวซินพูด เขามองไปที่หยางโป ” โจวซินพูดถูกไหม ? ”
“ ในเมื่อพวกคุณคิดว่านี่เป็นโอกาสและโชคชะตาที่ได้รับจากทะเลสาบซีหู ถ้าอย่างนั้น พวกคุณลองคิดดู ทำไมผมถึงได้รับวิชากระบี่แขนงหนึ่งที่ทะเลสาบซีหูได้ล่ะ ? เป็นไปได้ไหมที่ตอนนั้นสายฟ้าฟาดใส่ศีรษะของผม จากนั้นผมก็เข้าใจวิชากระบี่แขนงหนึ่งแล้วงั้นเหรอ ? ” หยางโปพูด
โจวเซี่ยงเฉิงผงะไปครู่หนึ่ง “ พูดมาตามตรง คุณไปเรียนรู้วิชากระบี่ที่เฉียบแหลมแบบนี้มาจากไหน ? ”
หยางโปเมินเขา เอาแต่ร่ายรำกระบี่แล้วพูดว่า ” ที่นี่ไม่ต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ทั้งสองท่านเชิญกลับไปเถอะ ! ”
“ คนไร้ยางอายอย่างคุณ ขโมยโอกาสและโชคชะตาของผมไป ผมไม่ปล่อยคุณไปแน่ ! ” โจวซินจ้องมองหยางโปเขม็ง ดูเหมือนไม่สามารถระงับความโกรธภายในใจของเขาได้
โจวเซี่ยงเฉิงจ้องมองหยางโปเขม็ง ” เกรงว่าคุณยังไม่ทราบถึงความแข็งแกร่งของตระกูลโจวเรา ถึงแม้คุณจะรู้จักกับจินอันซือไท่บนภูเขาเอ๋อเหม่ย คงช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าตอนนี้คุณส่งมอบตำราลับวิชาเรียกลมฟ้ามาให้ ผมก็จะถือว่าเรื่องที่แล้วก็แล้วกันไป ! ”
หยางโปมองหน้าโจวเซี่ยงเฉิง ” ครั้งก่อนคุณก็พูดแบบนี้ แล้วผลลัพธ์ล่ะ ? ”
โจวเซี่ยงเฉิงจ้องเขม็ง แต่ท้ายที่สุด เขาก็เป็นชายวัยสี่สิบห้าสิบปีแล้ว จึงไม่ได้คิดโจมตีเขาตามอารมณ์ที่เดือดพลุกพล่าน “ ในเมื่อคุณไม่คิดที่จะส่งมอบมันมาให้ ในอนาคตคงจะไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่ ”
หยางโปเหลือบมองโจวเซี่ยงเฉิง ” คุณควรถามโจวซินเพื่อทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ โจวซินคิดจะทำร้ายผมก่อน ผมได้ตำราเล่มนี้มาก็ไม่เข้าใจเนื้อหา ต่อให้พวกเราทะเลาะกันอยู่ที่นี่อีกมากแค่ไหน มันก็ไม่มีผลอะไร ผมคิดว่า สู้คุณเอาสิ่งของที่มีค่าเทียบเท่ากัน มาแลกกับของที่นี่จากผมดีกว่า ”
โจวเซี่ยงเฉิงจ้องมองหยางโป ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกว่าทำเช่นนี้มันดีกว่าหน่อย เพราะอย่างไรเสียโจวซินก็อยู่ข้างกายเขา หากมีความขัดแย้งเกิดขึ้นจริงๆ กลัวว่าอาจจะไม่มีทางปกป้องโจวซินได้
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก โจวเซี่ยงเฉิงก็ยังคงส่ายหน้า “ คุณส่งมอบวิชาเรียกลมฝนให้ผม ผมก็จะไม่ถือสาเอาความแล้ว ถ้าไม่ยอมให้ เกรงว่าเราคงต้องเป็นศัตรูกันแล้ว ! ”
หยางโปมองโจวเซี่ยงเฉิง และลังเลใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะเป็นชาวยุทธ และไม่กลัวอีกฝ่าย แต่ถ้าครอบครัวและเพื่อนสนิทของเขาประสบพบเจอเรื่องแบบนี้ คิดว่ามันอาจจะไม่ปลอดภัย
หยางโปลังเลใจไม่น้อย เขามองไปทางโจวเซี่ยงเฉิงและเห็นว่า โจวเซี่ยงเฉิงถือกระบี่เล่มหนึ่งอยู่ในมือ เขายิ้มและกล่าวว่า ” เอาแบบนี้ละกัน ส่งกระบี่ในมือของคุณมาให้ผม แล้วผมจะมอบตำราลับและยังมีตำราเวทย์ฟูลู่ทั้งหมดให้คุณ ! ”
โจวเซี่ยงเฉิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าหยางโปจะเสนอข้อเสนอเช่นนี้ แต่ถึงเขาจะรู้สึกลังเลใจไม่น้อย แต่ก็โยนกระบี่ในมือทิ้งไปทันที
กระบี่คมกริบสอดเข้าไปที่ปลายเท้าของหยางโปพอดี หยางโปฉีกยิ้มจางๆโยนหนังสือทั้งสองเล่มออกไปโดยไม่ลังเล
โจวเซี่ยงเฉิงหยิบหนังสือทั้งสองเล่มขึ้นมา พลิกดูสองสามหน้า และพยักหน้าช้าๆ เขาหันหลังกลับมาดึงตัวโจวซิน กระโดดข้ามกำแพงออกไป โจวซินถึงกับไม่ทันเอ่ยปากพูดอะไร
หยางโปมองดูพวกเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกชื่นชมยินดีอยู่ไม่น้อย โชคดีที่พวกเขาเคลียร์ความคับข้องใจที่มีต่อกันได้ ถ้าหากเขาไม่อยู่บ้าน พ่อแม่และญาติพี่น้องของเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้
ไม่รู้ว่าเหยียนหรูหยูเดินมาจากทางไหน เธอเหลือบมองไปทางที่ทั้งสองคนเดินจากไป
“ วิชาเรียกลมฝน ? ”
หยางโปพยักหน้า ยิ้มและกล่าว่า “ ผมยังเหลือเก็บไว้อยู่ คุณอยากอ่านดูหน่อยไหม ? ”
เหยียนหรูหยูส่ายหน้าและเดินกลับเข้าบ้านไปทันที “ ไม่สนใจ ! ”

หลินหลินสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ เธอสะกิดหยางโปให้เขาเดินออกไปข้างนอก
หยางโปกุมมือฮัวชิงหยุนไว้ เมื่อเห็นเธอค่อนข้างที่จะกังวลใจ ก็อดที่จะกระซิบเสียงเบาไม่ได้ “ สบายใจได้ เดี๋ยวผมจะเกลี้ยมกล่อมแม่เอง ! ”
ฮัวชิงหยุนมองหน้าหยางโป พยักหน้าและขานรับ “ อืม ! ”
หยางโปจึงได้เดินตามหลินหลินออกไป
เมื่อหลินหลินประจันหน้ากับหยางโป ” จะให้เธอกลับจินหลิงไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ งานแต่งของพวกลูกก็จะถูกเลื่อนออกไป ! ”
“ แม่ ต่อให้ต้องเลื่อนงานออกไป แล้วมันจะยังไง ? ตอนนี้ผมแก่แล้วเหรอ ? แม่คิดว่าจะรั้งชิงหยุนไว้ตอนนี้ มันจะดีจริงๆเหรอ ? ” หยางโปมองหน้าหลินหลิน “ แม่ก็น่าจะรู้นิสัยของชิงหยุนดี
เธอเป็นคนที่ไม่พูด แต่ในเมื่อพูดออกมาแล้ว นั่นก็หมายความว่านี่คือสิ่งที่เธออยากทำมันมากมาโดยตลอด ”
“ แต่จะให้ไปพูดกับทางคุณปู่ยังไง ? ”หลินหลินถาม
หยางโปโบกมือ “ แม่ ให้ผมจัดการเรื่องนี้เอง การทำอะไรโดยฝืนๆ มักได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี แต่งงานแบบนี้จะมีความสุขกันได้ยังไง ? ยิ่งไปกว่านั้น ชิงหยุนแค่ต้องการกลับไปเติมพลังให้ตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่ดี เราควรสนับสนุนเธอสิ ! ”
หลินหลินจ้องมองหยางโป มองดูอยู่สักครู่ก่อนที่จะส่ายหน้าและพูดว่า ” ในเมื่อลูกเตรียมใจไว้พร้อมแล้ว งั้นแม่ก็จะไม่พูดอะไรมาก เอาที่ลูกว่าก็แล้วกัน ”
ฮัวชิงหยุนไม่ได้เป็นอะไรมาก เธอพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลสามวันก็ออกจากโรงพยาบาล
แต่หลังจากกลับมาถึงเรือนสี่ประสาน เธอก็ยืนยันที่จะกลับจินหลิง หยางโปก็ไม่ได้ห้าม เขาได้ไปส่งฮัวชิงหยุนกลับจินหลิง
ที่เมืองจินหลิง หยางโปได้ไปตรวจสอบดูที่ไซต์ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ของเขา เมื่อเห็นว่าโครงสร้างโดยรวมของพิพิธภัณฑ์เสร็จสมบูรณ์และก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่ก็เป็นงานตกแต่งภายใน ซึ่งอาจจะใช้เวลานาน
หลูตงซิงรีบมาที่สถานที่ก่อสร้าง เขาอยู่พูดคุยกับหยางโปนานมาก โดยส่วนมากแล้วจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการฝึกบำเพ็ญ
หยางโปเหลือโสมพันปีไว้ให้เขาบางส่วน และบอกให้เขาเก็บซ่อนไว้ให้ดี จากนั้นถึงได้สั่งกำชับกับเขาไปอีกว่า “ ผมรู้สึกว่าช่วงนี้คุณเอาแต่โฟกัสอยู่กับการฝึกฝน แต่ยังไงผมก็ขอเตือนไว้ก่อนะ
จะเอาแต่ความเร็วแต่ไม่มีประสิทธิผล จะทำให้ยิ่งไม่บรรลุเป้าหมาย ”
หลูตงซิงพยักหน้า “ แค่ตอนนี้ฉันอายุมากแล้ว มีเวลาไม่มากแล้ว ”
“ สภาพปัจจุบันของคุณก็ดีมาก เวลาฝึกฝนก็มีโสมคนพันปีช่วย ผลลัพธ์น่าจะออกมาดี หากไล่ตามความเร็ว อาจไม่สามารถบรรลุความสำเร็จได้ นอกจากนี้ ขอพูดคำที่ไม่น่าฟังหน่อยนะ
คุณคิดว่าคนอย่างเรา สุดท้ายแล้วจะสามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้งั้นเหรอ ? ” หยางโปถาม
หลูตงซิงหยุดนิ่งครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง
หยางโปกล่าวต่อ “ สำหรับเราแล้ว การฝึกฝนเป็นเพียงเครื่องมือ ในเมื่อกำหนดแล้วว่าไม่สามารถเกินขอบเขตที่สูงเกินไปได้ สู้ทำตัวผ่อนคลายลงสักหน่อย ทำงานกับพักผ่อนให้สมดุลกัน บางทีแบบนี้อาจจะเร็วกว่าก็ได้”
หลูตงซิงมองออกไปด้านนอกแล้วพูดเปรยขึ้นว่า “ ช่วงนี้ฉันมักจะรู้สึกกระสับกระส่ายและหงุดหงิดบ่อยๆ คิดว่าคงเป็นเพราะสภาพจิตใจ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของนาย ”
หยางโปส่ายหน้า “ คุณก็คิดเองได้ เรื่องนี้มันไม่มีจำเป็นให้ผมต้องพูดมาก ”
หลูตงซิงถูกหยางโปโน้มน้าวจนอยู่หมัด จากนั้นเขาถึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ เพราะฉันกินโสมคนที่มีอายุกว่าร้อยปีไปจำนวนมากแล้ว ช่วงนี้เลยรู้สึกว่าโสมร้อยปีไม่มีผลลัพธ์อะไรแล้ว ฉันคิดที่จะหยุดมันไปสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง รอให้ผ่านไปสักพักค่อยมาใช้โสมคนพันปีอีกครั้ง ”
หยางโปจ้องมองหลูตงซิง อ้าปากแต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา พูดแค่ว่า “ ถึงแม้คุณจะเปลี่ยนไปโฟกัสที่การฝึกบำเพ็ญ แต่ผมแนะนำว่าคุณไม่ควรล้มเลิกที่จะทำธุรกิจ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องมีเงิน คุณก็น่าจะรู้ว่าพอมีเงินไม่ว่าคุณจะฝึกวรยุทธ์หรือทำอะไรก็ได้ ”
หลูตงซิงพยักหน้า เขาได้ซักถามคำถามบางอย่างกับหยางโปอีก จากนั้นก็ได้พาหยางโปไปกินข้าวเย็นด้วยกัน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะขอตัวลากลับ
หยางโปมองตามหลังของหลูตงซิงและอดส่ายหน้าให้ไม่ได้ หลูตงซิงปากบอกว่าจะหยุดใช้โสมคน แต่ถ้าหยุดขึ้นมาจริงๆ เขาจะรู้ว่า ความก้าวหน้าในการฝึกฝนจะช้าลงไปมาก พอถึงเวลานั้นเขาจะไม่สามารถห่างจากโสมคนได้เลย ! ไอรีนโนเวล
หยางโปคิดถึงบางเรื่องในอดีต ก่อนที่หลูตงซิงจะร่ำรวย เขาเคยเป็นโจรขโมยหลุมฝังศพมาก่อน แต่ต่อมาภายหลังก็ล้างมลทินทำตัวใสสะอาดแล้ว แต่เขายังมีความสนใจในเรื่องพวกนี้อยู่
แต่เวลานั้นหลูตงซิงก็มีเงินแล้ว มีมูลค่าทรัพย์สินหลายหมื่นล้าน เศรษฐีแบบนี้ ยังจะสนใจเรื่องโบราณวัตถุที่ขโมยขุดมาจากสุสานอยู่อีกหรือไง ?
ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลูตงซิงจะรู้เรื่องการฝึกบำเพ็ญมานานแล้ว หรือว่าเขาเคยสัมผัสกับเรื่องแบบนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อได้ตำราลับมา เขาก็แทบจะทนรอไม่ไหว
หยางโปอยู่ที่จินหลิงสองสามวัน เขาได้ไปพบกับฮัวชิงหยุนที่มหาวิทยาลัย มองจากระยะไกลก็เห็นเธอกับเพื่อนร่วมห้องหัวเราะต่อกระซิบด้วยกัน กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนในอดีต เขาจึงยิ้มตามเช่นกัน บางทีมันอาจจะหนักเกินไปที่จะอยู่เรือนสี่ประสาน มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกบีบบังคับจริงๆ
เมื่อหยางโปกลับมาถึงเมืองหลวงก็ไปหาชายชราที่บ้านเก่า ชายชราจ้องมองเขาขึ้นลงโดยที่ไม่พูดอะไรมาก โบกมือให้เขาออกไป
หยางโปก็ไม่คิดที่จะอยู่ต่อ ดังนั้นเขาจึงขอตัวกลับไป
แต่เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เมื่อหยางโปเปิดประตูจะออกไปออกกำลังกายตอนเช้า กลับเห็นเหยียนหรูหยูยืนอยู่นอกประตูเธอยังคงแต่งตัวด้วยชุดขาวเหมือนเมื่อก่อน และใบหน้าที่เย็นชา
หยางโปตกตะลึงขึ้นมาทันที “ คุณกลับมาแล้วเหรอ ? ”
เหยียนหรูหยูพยักหน้า ” ฉินตูฟูได้มาหาคุณหรือเปล่า ? ”
หยาโปส่ายหัว ” ไม่นะ ทำไมเหรอ ? คุณไปได้ข่าวอะไรมา ? ”
เหยียนหรูหยูมองหน้าหยางโปและลังเลเล็กน้อย ” ฉันได้ยินข่าวมาว่าเขาจะมาหาคุณ โชคดีที่ฉันมาเร็วกว่าไปก้าวหนึ่ง ”
หยางโปเหลือบมองเหยียนหรูหยู และเห็นว่าใบหน้าขาวของเธอดูเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย จึงอดถามไม่ได้ ” ช่วงนี้คุณไปไหนมา ? ”
เหยียนหรูหยูกลับไม่ตอบ เธอหันมองเข้าไปในบ้าน ” ช่วยจัดห้องให้ฉันสักห้อง ฉันอยากจะพักผ่อน ”
หยางโปพยักหน้าและไม่พูดอะไรต่อ
ไม่นานหยางโปก็เดินเข้ามาพร้อมกับเหยียนหรูหยูและจัดห้องพักให้เธอ
หลินหลินตื่นนอนและบังเอิญออกมาพบทั้งสองคนเดินเข้ามาพอดี เธอก็ชี้เข้าไปด้านใน
” ภูเขาน้ำแข็งคนนั้นใช่ไหม ? ”
หยางโปถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที เขาเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าเหยียนหรูหยูเดินตามหลังมา หลินหลินและ ฮัวชิงหยุนพูดคุยกัน ทั้งสองได้ตั้งสมญานามให้เหยียนหรูหยูว่า ” ภูเขาน้ำแข็ง ” เขาส่ายหัวอย่างจนปัญญา “ แม่ จะเรียกแบบนี้ไม่ได้แล้ว นี่คือคุณเหยียน ”
หลินหลินจ้องตาเขม็ง “ ตอนนี้ยิ่งนับวันลูกยิ่งแย่ลงทุกที แม่ถึงขนาดพูดอะไรไม่ได้เลยเหรอ ? ”
หยางโปรีบอธิบาย “ แม่ แม่รู้ประวัติความเป็นมาของเธอไหม ? ”
หลินหลินนิ่งเงียบไปสักพัก “ จะมีประวัติความเป็นมาอะไรได้ ? เธอคือพระโพธิสัตว์กวนอิมกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ เธอน่ะเก่งกาจมาก เหมือนโจวเซี่ยงเฉิงที่มาวันนั้น หรืออาจจะไม่ใช่คู่ปรับของเธอเลยด้วยซ้ำ ”
หลินหลินเบิกตาโต “ จะเป็นไปได้ไง ? ”
“ ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ? ”หยางโปกล่าว
หลินหลินไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
หยางโปออกไปฝึกซ้อมในตอนเช้าต่อ ฝึกต่อยมวยเทียนหลัวและตามด้วยจินกังจิง หยางโปฝึกจนร่างกายแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆเขายังจงใจใช้ท่วงท่าของมวยเทียนหลัวฝึกใช้กระบี่ ตัวเขาเองกลับรู้สึกคุ้นชิน มันน่าประหลาดใจมาก
เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าในอนาคตอาจจะต้องได้เผชิญหน้ากับฉินตูฟู จู่ๆหยางโปก็อยากจะเรียนรู้วิชากระบี่ขึ้นมาสักแขนงหนึ่ง เขากลับมาที่เรือนสี่ประสาน กินข้าวเช้าแล้ว และรอจนกระทั่งเหยียนหรูหยูตื่นนอน เขาจึงไปหาเหยียนหรูหยูและถามออกไปตามตรง ” คุณช่วยสอนวิชากระบี่ให้ผมสักแขนงหนึ่งหน่อยได้ไหม ? ”

  หลินหลินมีประสบการณ์มากว่า จึงใช้ให้แม่บ้านเอาน้ำแร่และผ้าเช็ดตัวมาให้ แล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถ เธอเปิดขวดน้ำแร่ออกบนรถแล้วเทลงบนผ้าเช็ดตัวโดยตรง บิดผ้าเช็ดตัวที่เปียก และวางไว้บนหน้าผากของฮัวชิงหยุน
เมื่อฮัวชิงหยุนถูกผ้าขนหนูเย็นโดนตัว ก็ตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมแขนของหยางโป แต่ยังไม่รู้สึกตัว
แสงกระพริบผ่านตาหยางโป เขามองสำรวจดูฮัวชิงหยุน จากบนลงล่าง กลับไม่เห็นอาการป่วยหรือรอยแผลเป็นใดๆ เขาจึงกอด ฮัวชิงหยุนไว้แน่น
หลินหลินนั่งอยู่ด้านข้าง “ ตอนกลางวันยังสบายดีอยู่เลย ทำไมจู่ๆ ถึงป่วยได้นะ ? ”
ไม่มีใครตอบคำถามเธอ หยางโปกอดฮัวชิงหยุนไว้ ขณะที่ชุยอี้ผิงก็ขับรถอย่างตั้งใจ เขาควบคุมความเร็วอย่างสูงสุด
ไม่นานฮัวชิงหยุนก็ถูกส่งถึงโรงพยาบาล ทันทีที่ชุยอี้ผิงกดโทรออกก็มีคนรู้จักช่วยเคลียร์ขั้นตอนการรักษาในโรงพยาบาลให้
ผลการตรวจออกมาอย่างรวดเร็ว หมอมองหน้าหยางโปแล้วพูดว่า “ คุณเป็นญาติคนไข้ใช่ไหม ?
พูดตรงนี้เลยนะ คนไข้ไม่ได้ป่วย แต่เป็นเพราะมีความกดดันทางจิตใจที่มากจนเกินไป ทำงานหนักสะสมมานาน เลยทำให้ร่างการมีการตอบสนองต่อความเครียด ”
หยางโปปตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ กดดันมากเกินไป ? ”
หมอเมินเขาแล้วพูดต่อว่า “ ป่วยก็เป็นเรื่องที่ดี ให้ผู้ป่วยพักผ่อนเยอะๆ พักสักสองสามวันอาการก็จะดีขึ้น โรคทางใจต้องการหมอยารักษาทางใจ นี่เป็นงานที่สมาชิกในครอบครัวของพวกคุณต้องทำ ”
หยางโปพยักหน้าลงทันที “ ครับ ! ”
เมื่อเดินออกมา หลินหลินก็รู้สึกมึนงงอยู่ไม่น้อย “ ชิงหยุนอยู่กับแม่ทุกวัน จะกดดันอะไรกัน ? ทำงานหนักเกินไปก็ไม่มีทางเป็นได้นะ แม่ไม่ได้ใช้ให้เธอทำอะไรเลย เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน ? ”
ชุยอี้ผิงที่ยืนอยู่อีกด้าน ” แต่ผมกลับคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องเป็นปัญหาทางด้านสภาพร่างกาย
บางทีอาจเป็นปัญหาทางจิตใจ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร แต่จากที่ผมวิเคราะห์ดู
คุณป้าว่าถูกต้องไหม ? ”
“ ชิงหยุนยังเรียนอยู่มหาลัย แต่ก็ตามหยางโปมาเมืองหลวง และไม่ได้เรียนต่อมหาลัยอีก รอแค่จะแต่งงานกับเขา แต่หยางโปก็มักจะออกไปทำธุระเป็นประจำติดต่อกันหลายวัน ทิ้งหญิงสาวไว้ที่บ้าน ใครใครก็ไม่มีความสุขกันทั้งนั้น ! ”
“ นอกจากนี้ ฐานะแบบนี้ของทางครอบครัวเรา และฐานะทางครอบครัวชิงหยุนอีก ? ถึงแม้ครอบครัวชุยของเราไม่มีความคิดที่จะต้องแต่งงานเป็นทองแผ่นเดียวกับคนระดับเดียวกัน
และคงไม่มีใครดูถูกชิงหยุน แต่หยางโปประสบความสำเร็จขนาดนี้ ขนาดคุณป้ายังพูดเลยว่า
แค่เขาก้าวขาออกจากบ้านไป ก็ดึงดูดให้สาวๆมาชอบแล้ว ฐานะแบบนี้ของเขา จะไม่มีสาวๆมาชอบได้ยังไง ? ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ชิงหยุนจะไม่รู้สึกกดดันมากหรือไง ? ”
หลินหลินถึงกับอึ้งพูดไม่ออกไปเลยทีเดียว เธอเหลือบมองหยางโป และหันไปมองชุยอี้ผิงอีกครั้ง
” สิ่งที่พูดมามันก็สมเหตุสมผล มันก็ถือว่าเป็นเรื่องจริงนะ ! ”
หยางโปตกตะลึงไปทันที เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้จากมุมมองนี้มาก่อนเลย เขาคิดแค่ว่าเขากับ
ฮัวชิงหยุนถือว่าเท่าเทียมกัน จึงไม่ได้คำนึงถึงจุดนี้ ตอนนี้เมื่อมาคิดๆดู อันที่จริงมันก็มีแนวคิดทางโลกมากมายอยู่จริงๆ บางทีมันอาจจะทำให้ฮัวชิงหยุนตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมากอย่างแน่นอน อาจเป็นเพราะเขาไม่ค่อยใส่ใจกับประเด็นเหล่านี้มากนัก
หลินหลินมองหน้าหยางโป ” ตอนนี้ลูกเข้าใจแล้วหรือยัง ? ”
หยางโปพยักหน้า ” อืม ผมเข้าใจแล้ว ! ” ไอลีนโนเวล
หลินหลินเหลือบมองเข้าไปข้างใน ” ชิงหยุนอยู่กับแม่มาตั้งนานแล้ว แม่ดูออกว่าเธอเป็นเด็กดี
แม่หวังว่าลูกจะหวงแหนเธอและรักเธอ ! ”
หยางโปพยักหน้าและมองไปทางห้องพักผู้ป่วย ฮัวชิงหยุนกำลังนอนอยู่บนเตียง คิ้วทั้งสองข้างย่นขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่บอบบางดูซีดเซียวมาก
บางทีนับตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกับหยางโป ฮัวชิงหยุนก็เริ่มหน้าซีดแล้ว แต่ในตอนนั้น ฮัวชิงหยุนกอด
หยางโปอยู่ เธอเลยฝืนยิ้มด้วยความดีใจ ดังนั้นจึงไม่มีใครทันสังเกตเห็น
หยางโปเดินไปที่ขอบเตียง และนั่งลง มองใบหน้าที่สวยหมดจดบนเตียงผู้ป่วย รู้สึกจิตใจค่อยๆสงบลง เขาจับมือของฮัวชิงหยุนไว้ ลูบไล้ไปมาเบาๆ นึกถึงครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน…
วันที่สอง แสงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า หยางโปรู้สึกได้ถึงการสั่นไหวเล็กน้อยบริเวณแขน นี่เป็นสิ่งน้อยมากที่เขาจะมีไม่ใช่การฝึกฝน แต่เป็นการนอนหลับยามข้ามคืน เขาเงยหน้าขึ้นและรู้สึกว่าแสงอาทิตย์แยงตาเล็กน้อย แต่เขากลับเห็นฮัวชิงหยุนดึงมือของเขาอยู่ ด้วยรอยยิ้มสดใสที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า
ภายใต้แสงแดดที่สดใส ใบหน้าของฮัวชิงหยุนสวยงามราวกับหยก หยางโปมองดูรอยยิ้มนี้และรู้สึกงี่เง่าขึ้นมาทันที
“ ฟื้นแล้วเหรอ ! ” หลินหลินเดินเข้ามาพร้อมกับอาหารเช้าในมือ
หยางโปหันกลับไปดู “ แม่ เอาอาหารอร่อยอะไรมาด้วยน่ะ ? ”
“ แม่กลับไปทำอาหารมาให้นิดหน่อย ชิงหยุนกินสักหน่อยก่อน ซุปไก่กำลังปรุงอยู่ กลับไปจะให้แม่บ้านเอามาให้ ” หลินหลินกล่าว
“ ขอบคุณค่ะคุณป้า ” ฮัวชิงหยุนพูดพลางส่งยิ้มให้
“ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง ? ” หลินหลินถามด้วยความเป็นห่วง
ฮัวชิงหยุนยิ้ม “ รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เมื่อวานหนูอาจจะโดนลมหนาวนิดหน่อย หลังจากดื่มไวน์ไปในตอนเย็นเลยรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะเป็นลมไป ”
“ เด็กน้อยเอ้ย ลำบากหนูแล้วจริงๆ ” หลินหลินกล่าว
ฮัวชิงหยุนส่ายหน้า “ คุณป้าพูดอะไรกันคะ ? ”
หลินหลินส่งยิ้มให้ “ ชิงหยุน ทั้งครอบครัวของเราคิดว่าหนูเป็นเด็กดีจริงๆ ป้าดูออกว่าหนูชอบเสี่ยวโปมาก ความสัมพันธ์ของพวกหนูก็ดีมาก ครอบครัวของเราไม่เคยคิดว่าครอบครัวเราไม่เหมาะสมกัน อนาคตในภายภาคหน้าถ้าแต่งงานกับเสี่ยวโปแล้ว ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็บอกป้าได้ ป้าจะช่วยแก้ไขปัญหาให้หนูเองทุกอย่าง ! ”
ฮัวชิงหยุนอายหน้าแดงและเอ่ยออกมาเบาๆ ” คุณป้า ! ”
หลินหลินยิ้ม ” ต่อไปมีอะไรก็บอกป้ามา พวกเราแม่ลูก มีอะไรที่ไม่สามารถพูดกันได้อีก ! ”
ฮัวชิงหยุนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะทุกข์ใจ
หยางโปสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ มีอะไร ? มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาตรงๆได้เลย ”
ฮัวชิงหยุนหันไปมองหน้าหยางโป ” ฉันต้องการกลับไปเรียนต่อให้จบหลักสูตรระดับปริญญาตรี ”
หยางโปตกตะลึง ” ทำไมคุณถึงมีความคิดแบบนี้ ? ”
“ ใช่ ก่อนหน้านี้ก็พูดกันและตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ? ” หลินหลินถาม
ฮัวชิงหยุนรู้สึกค่อนข้างที่จะลำบากใจ แต่ก็ยังคงตอบกลับมาว่า “ ที่หยางโปไปเมืองภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ หนูก็คิดและไตร่ตรองถึงปัญหานี้ หรือว่าหนูเป็นคนที่ไร้ประโยชน์เกินไปหรือเปล่า
ถ้าหนูสามารถทำอะไรได้บ้าง อย่างน้อยก็จะได้ไปที่เมืองภาพยนตร์กับเขาด้วยได้ แบบเดียวกับที่เขาเปิดบริษัท หนูก็สามารถช่วยเขาดูแลจัดการเรื่องกิจการของบริษัทได้ อย่างน้อย ก็จะได้ไม่ต้องเป็นกระวนกระวายอยู่แต่ในเมืองหลวง ! ”
หยางโปนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เขามองหน้าฮัวชิงหยุน ดูสีหน้าท่าทางจริงจังของเธอ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ฮัวชิงหยุนจะคิดแบบนั้น !
หลินหลินที่ยืนอยู่ข้างหลังหยางโปเผยอปากออก แต่สุดท้ายกลับไม่ได้พูดอะไร เธอยังจะพูดได้อีกหรือว่าไม่ให้ฮัวชิงหยุนเรียนต่อ ? ปล่อยให้เธอกลับบ้านมีลูกให้เธอเลี้ยง ?
ฮัวชิงหยุนเริ่มพูดมามันก็ดี เธอคงไม่ต้องการเป็นนกน้อยที่ถูกเลี้ยงอยู่ในกรงทอง และคงไม่ต้องการอยู่บ้านทุกวันโดยที่ไม่มีอะไรทำเลย ! เธอยังสาว เธอยังมีความทะเยอทะยาน และเธอยังหวังว่าตัวเธอเองยังมีคุณค่า !
หยางโปพยักหน้าให้ ” เอาล่ะ คุณพักผ่อนสักสองสามวันก่อน แล้วผมจะไปส่งคุณกลับจินหลิง เพื่อไปเรียนต่อ ! ”
“ ป้าว่าสู้มาเรียนที่เมืองหลวงดีกว่าไหม ? ย้ายมาเรียนเลยก็ได้ ” หลินหลินกล่าว
หลินหลินส่ายหน้า “ คุณป้า หนูคุ้นเคยกับจินหลิงแล้ว และยังมีเพื่อนร่วมชั้นอีกหลายคน ยิ่งไปกว่านั้นเวลาเรียนก็ไม่ถือว่านานมาก แค่ปีเดียวก็จะเรียนจบแล้ว ”

” ต้องขอบคุณสิ ” หยางโปกล่าว ” วันนี้เป็นวันที่ห้าของการขายแล้ว กระแสความร้อนแรงในการแย่งซื้อสินค้าค่อยๆลดลงแล้ว แต่ยอดขายรายวันยังคงพุ่งสูงมาก ฉันดูรายงานของเมื่อวานแล้ว ยอดขายสูงถึงสี่แสน ถ้าคำนวณจากตรงนี้ ยอดขายประจำปีคงเกินร้อยล้านได้ ”
แม้ว่าชุยอี้ผิงจะรู้ข้อมูลนี้มานานแล้ว แต่ก็อดที่จะตกใจไม่ได้ “ นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ต่อไปคงสามารถขยายการจัดจำหน่ายสินค้าให้ใหญ่ขึ้นได้ ถ้าด้วยวิธีนี้ ยอดขายก็จะยิ่งสูงขึ้น นี่มันเหมือนสร้างบริษัทผลิตเงินแห่งหนึ่งเลย ต้นทุนของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้คงไม่สูงมากใช่ไหม ? ”
“ เพราะมีความคิดสร้างสรรค์ ต้นทุนจึงไม่สูง กำไรจึงอยู่ที่ประมาณ 30% ถึง 40% ! ” หยางโปตอบ
ชุยอี้ผิงถอนหายใจเบาๆ ” นี่เป็นธุรกิจที่มีรายได้หลายสิบล้านต่อปี เมื่อสักครู่ที่ฉันชมนายว่ามีพรสวรรค์ทางด้านธุรกิจ ไม่มีอะไรผิดเลยสักนิดเลย นายลองคิดดู จะมีใครสามารถเริ่มต้นธุรกิจแบบสบายๆ แล้วทำรายได้เป็นหลายสิบล้านได้บ้าง ? ”
หยางโปส่ายหน้า ” นั่นเป็นเพราะฉันมีทรัพยากรอยู่ในมือมาก ตาอ้วนหลิวช่วยฉันแก้ปัญหาเรื่องจัดหาของ ลัวย่าวหัวช่วยฉันแก้ปัญหาช่องทางการขายฉันแค่ต้องจ้างคนมาออกแบบ ล้วนแล้วแต่พึ่งพาความช่วยเหลือจากทุกคนถึงทำออกมาได้ดี ฉันถึงให้หุ้นแก่พวกเขาคนละ 10% ของหุ้นทั้งหมดที่มี ”
ชุยอี้ผิงพยักหน้า ” นายทำถูกต้องแล้ว ! ”
เมื่อหยางโปกลับมาถึงบ้าน หลินหลินก็ได้จัดเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว เมื่อเห็นหยางโปเดินเข้ามา
ฮัวชิงหยุนก็รีบเข้าไปต้อนรับ และสวมกอด ด้วยสีหน้าท่าทางที่ตื่นเต้นไม่น้อย
หยางโปยิ้ม เขาตบหลังฮัวชิงหยุนเบาๆและกระซิบว่า ” เอาล่ะ ไม่เป็นไร ผมแค่ไปเที่ยวเล่นเท่านั้น ”
ฮัวชิงหยุนยังคงกอดหยางโปไว้แน่น โดยที่ไม่พูดอะไร
ผ่านไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะรู้สึกตัวว่าหลินหลินและชุยอี้ผิงก็อยู่ที่นั่นด้วย ฮัวชิงหยุนถึงได้คลายมือออก เธอมองสำรวจหยางโปขึ้นๆลงๆ ” คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม ? ”
“ ไม่เป็นไร คุณสบายใจได้ ” หยางโปพูดพลางยิ้ม
ฮัวชิงหยุนมองหน้าหยางโป และพยักหน้า ” ครั้งหน้าถ้าพบเจอเรื่องอะไร จะต้องบอกฉันนะ ”
“ อืม ผมจะไม่ปิดบังอย่างแน่นอน ” หยางโปตอบรับ
หลินหลินมองดูทั้งสองคนอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม และพูดว่า ” เหมาะสมกันจริงๆ ! ”
ฮัวชิงหยุนถึงได้ปล่อยมือ ใบหน้าแดงก่ำ
เมื่อทั้งสี่คนนั่งลง หลินหลินจึงหันไปถามหยางโปว่า ” ทำไมลูกกลับมาเร็วจัง ? ”
“ ผมทำภารกิจสำเร็จแล้ว ” หยางโปตอบ
หลินหลินเคยทำธุรกิจมาก่อน เป็นปกติที่จะรู้ดีว่าการทำธุรกิจนั้นยากมากโดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ของการเป็นผู้ประกอบการ หากไม่เข้าใจเคล็ดลับ ก็ไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้
” เป็นไปได้ไง ? ”
“ คุณป้า เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ พวกเราบอกให้เขาทำธุรกิจสั่งทำโบราณวัตถุ ให้บริการสั่งทำของให้กองถ่าย แต่พอเขาไปถึงเมืองภาพยนตร์ กลับเห็นโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ และพัฒนาผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์แก่เมืองภาพยนตร์เป็นการเฉพาะ ถึงแม้สิ่งที่ทำมันล้วนแล้วแต่เป็นของโบราณชิ้นเล็กๆ แต่ยอดขายดีเอามากๆ นี่แค่ไม่กี่วันก็สามารถทำกำไรได้แล้ว ” ชุยอี้ผิงอธิบาย
หลินหลินมองหยางโปด้วยความประหลาดใจ ” เก่งจริงๆ ! ลูกคิดเองใช่ไหม ? ”
“ มีคนอื่นช่วยผมเสนอความคิดน่ะ ” หยางโปตอบ
ฮัวชิงหยุนก็หันมามองเช่นกัน “ คนๆนั้นดีมากเลยนะ ช่วยคุณออกความคิดดีๆแบบนี้ด้วย เอาแบบนี้ดีไหม คุณเชิญเขามาทานข้าวกับเราสักมื้อดีไหม ! ”
หลินหลินก็พยักหน้า “ ใช่ เชิญเขามากินข้าวด้วยกันสักมือสิ ”
หยางโปพยักหน้า “ เขาเป็นนักแสดง งานค่อนข้างที่จะยุ่ง มักจะอยู่ที่เมืองภาพยนตร์ทั้งปี
จะมีเวลามาที่เมืองหลวงได้ไง ? ”
“ นักแสดงที่อาศัยอยู่ในเมืองภาพยนตร์ตลอดทั้งปีจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อยแน่ นายบอกมา ดูสิว่าพวกเรารู้จักไหม ? ” ชุยอี้ผิงยังถามด้วยความสงสัย ไอรีนโนเวล
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น เขาหันไปชำเลืองมองชุยอี้ผิง “ หวังลั่วตัน พวกคุณรู้จักไหม ? ”
“ เธอเหรอ ? ผู้หญิงคนนั้นสวยและมีเสน่ห์มาก ฉันเคยเจอมาครั้งหนึ่ง อนาคตจะต้องก้าวหน้ามากแน่ๆ ” ชุยอี้ผิงกลายเป็นประธานใหญ่ของบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ไปแล้ว จึงพูดแสดงความคิดเห็นออกมาคำหนึ่ง
ฮัวชิงหยุนมีสีหน้าท่าทีไม่ค่อยจะพอใจ เธอมองไปทางหยางโป “ นักแสดงผู้หญิงเหรอ ? งั้นก็เชิญมาได้สิ ! ”
หลินหลินโบกมือ ” ช่างเถอะ เขาก็เพิ่งบอก ในเมื่อยุ่งกันอยู่ คราวหน้ารอเธอมาที่เมืองหลวงแล้วค่อยคุยกันเถอะ ! ”
ชุยอี้ผิงสัมผัสได้ว่าบรรยากาศผิดปกติ เขาจึงรีบพูดคล้อยตาม “ ใช่ใช่ รอให้เธอว่างมา แล้วค่อยว่ากันอีกทีนะ ! ”
หยางโปไม่ได้พูดถึงหัวข้อนี้อีก แค่พูดถึงประสบการณ์บางอย่างที่เมืองภาพยนตร์ให้ฟังเท่านั้น
พูดถึงตอนที่เขาเพิ่งมาถึงเมืองภาพยนตร์และต้องการหาไกด์นำเที่ยว แต่กลับถูกเรื่องที่แผนกต้อนรับของบริษัทท่องเที่ยวพาตัวออกไป นอกจากนี้ยังพูดคุยเกี่ยวกับประเพณีท้องถิ่นอีก
ในขณะที่พูด หยางโปก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น เขาจึงก้มหน้าดู ” อ้อ คนที่พูดถึงเมื่อกี้ ผู้หญิงที่แผนกต้อนรับที่ช่วยผมหาร้านน่ะ ”
หยางโปรับสายและได้ยินจินหลันพูดมาตามสาย ” หยางโป คุณอยู่ที่ไหน ? ฉันเริ่มตกแต่งร้านแล้ว ฉันขายรถแล้ว และได้ไปยืมเงินแม่มาหลายหมื่น ถ้าฉันเกิดขาดทุนขึ้นมาจริงๆ ฉันจะต้องไปขอให้คุณช่วยแน่ๆ ”
” ทำไมต้องมาขอให้ผมช่วยด้วย ? ” หยางโปเริ่มทำอะไรไม่ถูก เพราะเขาเปิดลำโพงทุกคนจึงได้ยิน
“ ก็คุณเป็นคนส่งเสริมให้ฉันเปิดร้านเค้ก ถึงแม้ฉันจะบอกว่ามันเป็นแค่ความฝันของฉัน แต่คุณก็ไม่ควรผลักดันฉัน ! ” จินหลันพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “ รอฉันเปิดร้านเค้กแล้ว คุณต้องมาซื้อช่วยนะ ! ”
หยางโปยิ้ม “ ตอนนี้ผมกลับมาอยู่บ้านที่เมืองหลวงแล้ว แต่ถึงเวลานั้น ผมจะชวนเพื่อนๆไปอุดหนุนให้แน่นอน ! ”
เมื่อจินหลันได้ยินว่าเขากลับบ้านแล้ว ถึงได้บ่นพึมพำไม่กี่คำแล้ววางสายไป
หลินหลินหยุดตะเกียบและเงยหน้ามองหยางโป ” ทำไมแม่รู้สึกว่า ลูกไปครั้งนี้เจอแต่ผู้หญิงหมดเลยนะ ? ”
“ เป็นไปได้ยังไง ? ” หยางโปพูด “ มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ผมจะตัดสินใจได้ด้วยเหรอ ว่าจะเจอคนแบบไหน ? ”
หลินหลินจ้องหน้าเขา ” ต่อจากนี้ ลูกมีแผนที่จะทำอะไรไหม ? ”
ระหว่างพูดคุยกัน หลินหลินก็เขยิบตาไปทางฮัวชิงหยุน
หยางโปเพิ่งจะสังเกตเห็นใบหน้าที่ค่อนข้างซีดขาวของฮัวชิงหยุน เขารีบเข้าไปประคองฮัวชิงหยุน“ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”
ฮัวชิงหยุนส่ายหน้า “ ไม่เป็นไร แค่รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย ”
“ เดี๋ยวผมประคองคุณกลับห้องไปพักผ่อน ” หยางโปลุกขึ้น จะเข้าไปประคองฮัวชิงหยุนเดินกลับ
ฮัวชิงหยุนส่ายหน้า “ ไม่เป็นไร ฉันแค่รู้สึกไม่ค่อยสบาย พวกคุณพูดคุยกันไปเถอะ ฉันกลับไปที่ห้องเองได้ ”
“ เอาล่ะ เดี๋ยวผมไปส่ง ” หยางโปหันไปพูดกับฮัวชิงหยุน
หยางโปเดินประคองฮัวชิงหยุนกลับห้อง แต่พอหยางโปจับแขนฮัวชิงหยุน ก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างที่จะร้อน เขาหันหน้ากลับมามองฮัวชิงหยุน “ คุณตัวร้อน ? ”
ฮัวชิงหยุนเงยหน้ามองหยางโป ดวงตาเหลือกขาว อ้าปากแต่กลับพูดอะไรไม่ออก
จู่ๆหยางโปก็รู้สึกว่าตัวของฮัวชิงหยุนหนักขึ้นกว่าเดิม จากนั้นเธอก็ทรุดฮวบลงไปทั้งตัว
หยางโปตกใจมาก รีบคว้าตัวฮัวชิงหยุนไว้ และพลางตะโกนร้องเสียงดัง “ แม่ มาช่วยหน่อยเร็ว
อี้ผิง นายไปขับรถมา ชิงหยุนเป็นลมเราต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ! ”
หลินหลินกับชุยอี้ผิงต่างตกใจนิ่งเงียบไป แต่ก็ได้สติกลับมาทันที ต่างคนต่างกุลีกุจอแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตัวเอง

เป็นปกติที่หยางโปจะเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของหวังลั่วตันเข้า เขาชี้ไปข้างนอก ” เราออกไปเดินเล่นและพูดคุยกันดีไหม ? ”
ลัวย่าวหัวพูดขัดขึ้นอย่างรวดเร็ว ” ไม่ต้องไปเดินเล่นพูดคุยกันแล้ว มีนักท่องเที่ยวอยู่ที่นี่จำนวนมาก ลั่วตันมีชื่อเสียงขนาดนั้นจะต้องถูกถ่ายรูปบนท้องถนนอย่างแน่นอน ส่วนนายน่ะไม่เป็นไร
แต่เธอยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในวงการบันเทิงต่อไป ! ”
หวังลั่วตันหน้าแดง “ คุณกำลังพูดบ้าอะไรน่ะ ? ”
หยางโปตกใจเล็กน้อย และเข้าใจทันที หวังลั่วตันเป็นนักแสดง ถ้าออกไปต้องถูกคนถ่ายรูปอย่างแน่นอน หากรูปถ่ายกลุ่มของพวกเขาถูกเผยแพร่ไปในข่าว ย่อมจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับหวังลั่วตันแน่นอน
หยางโปชี้เข้าไปข้างใน “ งั้นพวกเราเข้าไปคุยกันข้างใน ! ”
หวังลั่วตันพยักหน้าและเดินตามเข้าไปข้างใน
กองถ่ายเหมาจองสถานที่ตรงนี้ไว้ทั้งหมดแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีใครอยู่ข้างใน พอทั้งสองเดินเข้าไปข้างใน หลายคนในกองถ่ายก็เห็นกันหมด แต่ไม่มีใครพูดอะไร มีหลายคนในกองถ่ายที่ชอบสอดรู้สอดเห็น แต่ก็เล่าวงหมุนเวียนกันอยู่แต่ในกองถ่าย ไม่มีใครไปเปิดเผยที่ไหนเช่นกัน
หลายคนลือกันว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาดูเหมือนว่าลูกชายเศรษฐีทั้งสองคนจะแย่งหวังลั่วตันกันอยู่ จึงทำให้มีความขัดแย้งกันขึ้น แน่นอนว่าทุกคนไม่เห็นความขัดแย้งนั้น แต่คิดไม่ถึงว่าลูกชายเศรษฐีที่พ่ายแพ้กลับมาแสดงบทบาทเป็นขอทานคนหนึ่งอยู่ในกองถ่าย ส่วนเบื้องหลังลูกชายเศรษฐีอีกคนก็ถูกทุกคนคาดเดากันไปต่างๆนานา เมื่อเห็นหยางโปเวลานี้ หลายคนต่างก็คาดเดากันไปว่าน่าจะเป็นชายคนนี้
เขตถนนกวางโจวมีสไตล์แบบสาธารณรัฐจีน ตรงหัวมุมมีร้านอาหารหนึ่งที่ถูกเหมาไว้แล้ว ข้างร้านมีสวนดอกไม้เล็กๆอยู่ที่หนึ่ง ทั้งสองจึงไปยืนอยู่ในสวน
หวังลั่วตันแต่งกายด้วยชุดโบราณสีชมพู ใบหน้าสวยสดงดงาม หยางโปที่ยืนอยู่ข้างๆ ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจางๆ หวังลั่วตันก้มหน้า มองดูดินโคลนใต้ฝ่าเท้าโดยไม่พูดอะไร
“ คุณ…ผม… ” หยางโปอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
หวังลั่วตันเงยหน้ามองเขา “ คุณจะไปเมื่อไหร่ ? ”
หยางโปมองไปที่หวังลั่วตัน ” ผมวางแผนที่จะออกเดินทางในช่วงบ่าย อยู่ที่นี่ก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำมากแล้ว แต่ก็ยังไงก็ขอบคุณสำหรับข้อเสนอแนะของคุณนะ ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดของคุณ
เกรงว่าผมคงไม่สามารถทำงานให้สำเร็จลุล่วงมาได้ด้วยดี”
หวังลั่วตันค่อนข้างที่จะลังเลใจ “ ตอนนี้ฉันเสียใจแล้วล่ะ ไม่ควรเสนอความคิดนั้นให้คุณเลย
แบบนี้คุณก็จะได้ทำภารกิจไม่สำเร็จ และคงจะไม่มีวันไปจากที่นี่ ”
หยางโปนิ่งอึ้งและมองไปที่สาวสวยตรงหน้า รู้สึกวุ่นใจขึ้นมาทันที เขาคิดไม่ถึงว่าช่วงระยะสั้นๆจะทำให้อีกฝ่ายเกิดมีความประทับใจที่ดีต่อเขาขึ้นมาจริงๆ
หวังลั่วตันเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน เธอไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าสารภาพคำพูดเช่นนี้ออกมาได้
แต่เธอก็ไม่คิดเปลี่ยนแปลงคำพูดของตัวเอง ช่วงนี้เธอยังสอบถามข่าวคราวบางอย่างจาก
ลัวย่าวหัวด้วยเหมือนกัน และได้รู้ถึงจุดประสงค์การมาของหยางโป เธอรู้สึกเสียใจไม่น่าเสนอข้อคิดเห็นให้ในตอนแรก แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
หยางโปยิ้มอย่าเก้อเขิน “ คุณเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง ในแวดวงนี้มีสิ่งสกปรกอยู่มากมาย แต่คุณคือสายน้ำที่ใสสะอาด หวังว่ามันจะยังคงอยู่กับตัวคุณตลอดไป ” ไอลีนโนเวล
เมื่อหวังลั่วตันได้ฟังคำพูดของหยางโปก็เงยหน้าขึ้นมองเขาและไม่พูดอะไรอีก ความหมายของ
หยางโปนั้นชัดเจนอยู่แล้ว เธอเองก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
หยางโปลังเลเล็กน้อย เขาหยิบนามบัตรในกระเป๋ากางเกงออกมาให้ใบหนึ่ง ในนามบัตรมีชื่อและช่องทางการติดต่อเขียนด้วยลายมือ เขายื่นมันให้แล้วกำชับไปว่า “ นี่คือข้อมูลติดต่อของผม ถ้ามีธุระอะไร คุณสามารถติดต่อผมได้โดยตรง ”
หวังลั่วตันค่อนข้างจะลังเล เธอรับนามบัตรและก้มหน้ามองดู แล้วเก็บอย่างระมัดระวัง จากนั้นถึงได้มองไปที่หยางโปและพยักหน้าให้
“ ตั้งใจถ่ายละครดีๆ ผมรอดูคุณอยู่นะ ในอนาคตคุณจะต้องมีชื่อเสียงมากขึ้นไปกว่านี้แน่ ! ” หยางโปพูดพลางยิ้ม
หวังลั่วตันมองไปที่หยางโป และส่ายหน้าช้าๆ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมาก
ทั้งสองต่างพากันเงียบไม่พูดไม่จาเดินกลับมา หวงเชิงอี้มองร่างทั้งสองคนอยู่ไม่ไกลห่างออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจ จากนั้นเธอก็หันไปมองหน้าหยานเฉียงอีกครั้งโดยที่ไม่พูดอะไร
ลัวย่าวหัวเห็นท่าทีของทั้งสอง เมื่อเห็นหยางโปเดินกลับมา ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยทักขึ้นมาว่า
” ฉันเพิ่งถ่ายรูปไปเมื่อสักครู่ เดี๋ยวกลับไปจะเอาไปขาย พวกนายลองเดากันดูสิว่าจะขายได้เท่าไหร่ ? ”
“ ฉันรู้แค่ว่ารูปขายไม่ออก แต่นายคงจะถูกขายไปแล้ว ” หยางโปตอบ
ลัวย่าวหัวส่ายหน้า “ เป็นไปไม่ได้ ? ”
หยางโปชี้ไปทางด้านหลัง “ เห็นไหม มีคนกำลังถ่ายรูปนายอยู่ตรงนั้น ! ”
ลัวย่าวหัวหันไปมองและเห็นว่ามีแฟนๆผู้หญิงหลายคนกำลังถ่ายรูปเขา อีกทั้งยังพูดคุยงึมงำกันถึงเรื่องบางอย่างอยู่ ดูสีหน้าท่าทางร่าเริงกันมาก
ลัวย่าวหัวรู้สึกเหลือเชื่อ “ ตอนนี้ฉันดังแล้วว่างั้น ? ละครเรื่องนี้ของฉันยังไม่ได้ออกอากาศเลย ทำไมถึงดังแล้วละ ? ฉันออกจะหล่อขนาดนี้ คงเป็นเพราะว่าฉันหล่อเกินไปแน่ๆ พวกเธอเลยเป็นแบบนี้กัน ! ”
พอพูดจบ ลัวย่าวหัวก็หันไปส่งเสียงให้กลุ่มแฟนคลับหญิง
หยางโปส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขามองไปด้านข้าง เห็นได้ชัดว่าดาราชายยอดนิยมคนหนึ่งมาเยี่ยมหาผู้กำกับเฉิน หยางโปรู้สึกเหมือนจะจำชายคนนั้นได้ แต่มันก็เท่านั้น เพราะเขาไม่เคยดูโทรทัศน์เลยด้วยซ้ำ
หยางโปหันไปพยักหน้าให้หวังลั่วตันและเดินตรงไปที่หน้าผู้กำกับเฉินอีกครั้ง ” บ่ายนี้ผมจะไปแล้ว ถ้าคุณมีอะไรก็ถามลัวย่าวหัวได้เลยนะ เขาจะติดต่อหาผมเอง ”
บทสนทนาถูกขัดจังหวะ นักแสดงนำชายหันกลับมามองด้วยความสงสัย
ผู้กำกับเฉินรีบพูดว่า ” เอาล่ะ คุณหยาง ช่วงนี้รบกวนคุณมากไปแล้วจริงๆ ต้องขอบคุณคุณมากด้วยเช่นกัน ”
หยางโปโบกมือ “ ตามนี้แหละ ! ”
หยางโปเข้าไปจับมือผู้กำกับเฉินและเดินออกมาจากกองถ่าย เขาเดินออกมาอยู่ด้านนอกฝูงชน จากนั้นหันหน้ามองกลับเข้าไปในกองถ่ายอีกครั้ง ก็เห็นหวังลั่วตัน ยังคงมองมาทางเขา
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ดูราวกับคนที่ถูกแกะสลักจากหยก
หยางโปหันหลังและเดินห่างจากไปไกล
เดินออกจากสนามบิน หยางโปก็ขึ้นรถ ชุยอี้ผิงเป็นคนมารับเขา ชุยอี้ผิงหันกลับมามองหยางโปและถอนหายใจ
หยางโปมองหน้าเขาอย่างสงสัย ” นายถอนหายใจหมายความว่าไง ? ”
“ นายคงไม่โทษฉันนะ ? ” ชุยอี้ผิงเอ่ยถาม
“ ทำไมฉันต้องโทษนายด้วย ? ” หยางโปถาม
ชุยอี้ผิงมองหยางโป เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้โกรธจริงๆ ถึงได้โล่งใจ ” เรื่องที่ฉันโกหกนาย นายก็รู้ดีว่าพวกเขาแต่ละคนนั้นคนเจ้าเล่ห์แค่ไหน วางแผนกันไว้แล้ว แต่กลับมาขอให้ฉันมาเป็นไม้กันหมาให้ ฉันถูกบีบบังคับจนไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ”
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจเรื่องนี้ดี ไม่ต้องกังวล ฉันไม่โทษนายหรอก ”
ชุยอี้ผิงผ่อนคลายลงทันที น้ำเสียงของเขาเองก็เต็มไปด้วยความสุข ” ฉันตกใจมาก แต่ทำไมนายถึงเจ๋งมากขนาดนี้ ? เพิ่งจะผ่านไปยี่สิบวันเอง นายก็ทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว มันน่าทึ่งมาก ! นายมีพรสวรรค์ทางธุรกิจจริงๆ ! ”
หยางโปส่ายหน้า ” นายก็ชมเกินไปแล้ว ข้อเสนอแนะนี้มีคนช่วยฉันคิด แต่มันก็ดีมากจริงๆ
แต่ยังไงการจะทำสิ่งหนึ่งให้สำเร็จได้ มันก็ต้องเสี่ยงและเกือบจะต้องละเมิดข้อบังคับของกฎหมาย ถึงแม้จะทำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางโบราณวัตถุ แต่มันก็แตกต่างไปจากการสั่งทำโบราณวัตถุอยู่บ้าง ”
ชุยอี้ผิงอดที่จะพูดออกมาไม่ได้ ” ใครเสนอความคิดล้ำค่านี้ให้นายกันแน่ นายจะต้องขอบคุณเขานะ มันสุดยอดมาก ”

  หยางโปมอบหมายเรื่องนี้ให้ลัวย่าวหัวไปจัดการ และไม่ได้ไปสนใจอีก
แต่นับตั้งแต่วันนี้ ลัวย่าวหัวก็ยิ่งมีงานยุ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ออกจากบ้านแต่เช้าตรู่และกลับมาดึก
น้อยมากที่จะได้ไปออกกำลังกายตอนเช้าในทุกๆวัน
ในมือของหยางโปค่อยๆมีแผนการออกแบบสะสมไว้จำนวนมาก และยังมีรายการของที่ระลึกอีกมากมาย ที่ทยอยถูกผลิตเป็นชุดๆออกมาทีละชิ้น ทางด้านหยางโปเองก็เริ่มเจรจาการค้ากับเมืองภาพยนตร์
เพราะมีลูกท่านหลานเธอจากตัวเมืองมาที่เมืองภาพยนตร์มาก่อน ดังนั้นถึงได้ตอบตกลงตามแผนของหยางโป แต่ตอนนี้ทั่วทุกย่อมหญ้าของเมืองภาพยนตร์ต่างลือกันเรื่องพ่อลูกของตระกูลหยานขอร้องอ้อนวอนหยางโป ดังนั้นเมืองภาพยนตร์จึงกระตือรือร้นกับคำขอของหยางโปมากขึ้น
ไม่นาน ก็มีการสั่งทำของที่ระลึกชุดแรกส่งมาถึงเมืองภาพยนตร์ หยางโปจึงเปิดช่องทางการขายของในเมืองภาพยนตร์ เพื่อให้ขายของที่ระลึกเหล่านี้ได้ดีขึ้น หยางโปจึงไม่เพียงแต่ทำงานหนักในการออกแบบเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเขายังออกแบบแหล่งกำเนิดของสินค้าของที่ระลึกทุกชิ้นอีกด้วย
เบื้องหลังของที่ระลึกทุกชิ้นล้วนมีตำนานเรื่องเล่า ด้วยวิธีนี้ ของที่ระลึกจึงมีความหมายแฝงทางวัฒนธรรมที่สอดคล้องกันไปด้วย
ของที่ระลึกอนุสรณ์สถานนี้กลับไม่ใช่ความคิดที่แปลกใหม่ แต่ถ้าของที่ระลึกอนุสรณ์สถานทุกแห่งในประเทศเหมือนกัน ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความเบื่อหน่ายทางสุนทรียะได้
หยางโปจึงปรับแต่งของที่ระลึกที่แตกต่างกันสำหรับจุดชมวิวแต่ละแห่งของเมืองภาพยนตร์ ด้วยวิธีนี้ จึงทำให้เกิดเป็นภูมิทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นมีเพียงหนึ่งเดียว
พอขายวันแรก ก็ไม่มีการตอบรับมากนักในสถานที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มมีการแย่งซื้อตามจุดชมวิวหลายแห่งขึ้น เพราะของที่ระลึกพิเศษเหล่านี้จะไม่มีขายในพื้นที่อื่น
หยางโปนั่งอยู่ในสำนักงานและดูรายงานในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาถอนหายใจด้วยความ
โล่งอก เขามาอยู่เมืองภาพยนตร์ได้นานกว่าครึ่งเดือนแล้ว นี่แค่ทำการขายได้ห้าหกวัน ก็เปลี่ยนการขาดทุนเป็นกำไรได้แล้ว เป้าหมายของการมาที่นี่ของเขาก็ถือว่าสำเร็จลุล่วงแล้ว
หลังจากที่หยางโปพักผ่อนอยู่พักหนึ่ง เขาก็ขึ้นรถและมุ่งหน้าไปยังเมืองภาพยนตร์
เมื่อมาถึงเมืองกวางโจว หยางโปก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบกันอยู่ข้างนอก เขารู้ว่าน่าจะมีคนถ่ายทำละครอยู่ข้างใน เขาเบียดตัวเข้าไปด้านข้างของฝูงชน จนในที่สุดก็เห็นสถานการณ์ข้างใน
เขาเห็นลัวย่าวหัวและหวังลั่วตันกำลังแสดงละครอยู่จริงๆ !
เห็นได้ชัดว่า ทักษะการแสดงของลัวย่าวหัวนั้นยังอ่อนหัดมาก และแม้แต่น้ำเสียงของคำพูดก็ยังดูค่อนข้างแข็งทื่อๆอยู่บ้าง แต่การแสดงออกแบบนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
หยางโปมองดู และตกตะลึงไปทันที เพราะเขาเห็นร่างที่คุ้นเคยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากลัวย่าวหัว
พอเขาจ้องมองดูดีๆ และเห็นชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้น ก็ทำเอาเขาอึ้งไปทีเดียว นึกไม่ถึงว่าคนคนนั้นจะเป็นหยานเฉียง !
เวลานี้ หยานเฉียงสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งและมีคราบสกปรกติดบนใบหน้า ดูดำคล่ำมาก ดูจนตรอกมาก เขาใช้ไม้เท้ายันพื้น อีกมือถือชามหักเดินมาด้านหน้าลัวย่าวหัว “ คุณผู้ชาย ขอข้าวกินสักมื้อ คุณผู้หญิง ขอข้าวกินสักมื้อ ! ”
หยางโปมองดูลักษณะท่าทางแบบนี้ของหยานเฉียง จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หยานเฉียงมีฐานะเป็นถึงทายาทของกลุ่มธุรกิจหยาน ซึ่งมีมูลค่าหลายหมื่นล้าน คิดไม่ถึงว่าจะถูกลัวย่าวหัวทำลายแบบนี้ มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกไปตลอดชีวิต ! ไอรีนโนเวล
หยางโปเฝ้าดูอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน จนกระทั่งผู้กำกับในหน้างานประกาศให้พักกินข้าว
หยางโปถึงได้เดินเข้าไปหา
ดูเหมือนผู้กำกับเฉินจะถูกคนที่อยู่ด้านข้างสกิดให้รู้ตัว เขาเงยหน้าขึ้นมองหยางโป รีบลุกขึ้นและเดินเข้าไปทักทายเขาอย่างรวดเร็วทันที ” คุณหยาง ยินดีต้อนรับ ! ”
หยางโปยิ้ม “ ผมแค่มาดู คุณไม่ต้องมากพิธีอะไรหรอก ”
เมื่อลัวย่าวหัวเห็นหยางโป ก็รีบโบกมือให้เขา เสื้อผ้าของเขาหนาเกินไป ผู้ช่วยของเขากำลังช่วยเขาถอดเสื้อนอกออก มันเลยทำให้เขาสบายตัวขึ้นมาหน่อย
ลัวย่าวหัวถอดเสื้อผ้าและวิ่งเข้ามาส่งยิ้มให้หยางโปและทักทาย “ เมื่อสักครู่นายเห็นการแสดงของฉันไหม เป็นยังไงบ้าง ? ทึ้งมากเลยใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้าชมเชย “ ไม่เลว ไม่เลวนะ ”
ลัวย่าวหัวดูภาคภูมิใจมาก “ ฉันบอกนายแล้วไง ว่าฉันน่ะเป็นคนมีพรสวรรค์ในโลกวรรณกรรมและศิลปะอย่างเห็นได้ชัด ต่อไปมีฉันอยู่ แวดวงศิลปะการแสดงจะมีเกียรติมากในอนาคต ! ”
หยางโปชี้ไปที่กองถ่ายละคร “ หาคนลงทุนได้แล้วเหรอ ? ”
ลัวย่าวหัวหัวเราะคิกคัก “ แค่เปลี่ยนตัวนักแสดงนำชายมาเป็นฉัน ต้องถ่ายทำเสริมตอนก่อนหน้าเยอะมาก ต้องเพิ่มเงินลงทุนเข้าไปอีกมาก บางอันก็เสริมเป็นค่าถ่ายทำ มันก็ต้องมีบ้าง แหะๆ
นั่นแหละเงินค่าตอบแทนของฉัน ! ”
หยางโปจ้องหน้าลัวย่าวหัว ” นายยังจะเอาเงินค่าจ้างอยู่อีกเหรอ ? ”
” จะไม่เอาเงินค่าจ้างได้ไง ? ไม่เอาค่าจ้าง งั้นฉันจะมาถ่ายละครทำไมกัน ? ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปปรายตามองลัวย่าวหัว แต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี เขากำลังครุ่นคิดอยู่ในใจว่า ทักษะการแสดงแบบนี้ของลัวย่าวหัว อยากแสดงบทบาทเป็นนักแสดงนำชาย อย่างน้อยเขาก็ต้องเอาที่จ่ายไปคืน คนอื่นถึงจะยอม
ลัวย่าวหัวไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ “ นายทายสิ เงินเดือนของฉันเท่าไหร่ ? ”
“ นายให้ค่ามิตรภาพหนึ่งหยวนงั้นเหรอ ? ” หยางโปถาม
ลัวย่าวหัวส่ายหัว ” นายอย่าดูถูกฉันเชียวนะ ! ”
หยางโปพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ งั้นก็หนึ่งล้าน ? ”
“ ผิด ห้าล้าน ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปจ้องหน้าเขา แต่ในที่สุดก็ไม่พูดอะไร เขาไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ควรพูด
ผู้ช่วยของลัวย่าวหัวนำอาหารกลางวันมาให้ เขาจึงยื่นให้หยางโป ” หลายวันมานี้ ฉันมีความสุขมากจริงๆ ถ่ายละครสนุกมาก ! ”
ผู้กำกับเฉินหันมามองหน้าลัวย่าวหัว แต่ไม่ได้พูดอะไร
หยางโปยิ้ม “ สนุกก็ดี ในเมื่อรู้สึกว่ามันสนุก งั้นก็ถ่ายทำต่อสิ จะเป็นการดีที่สุดถ้าถ่ายทำออกมาแล้วดูดี ”
ลัวย่าวหัวส่ายหน้า ” ช่างเถอะ ถ่ายทำเรื่องนี้ก่อนแล้ว ค่อยคุยเรื่องอื่นๆ กันทีหลัง ”
หลังจากพูดจบ ลัวย่าวหัวก็ชี้ไปข้างหลัง “ เห็นนายน้อยหยานรึยัง ตอนนี้เขาเปลี่ยนมารับบทเป็นขอทานแทนแล้ว ! ”
“ นี่คือสิ่งที่นายไปพูดคุยตกลงกันมาเหรอ ? ” หยางโปถาม
ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” ตอนนั้นไม่ว่ายังไงหยานเฉียงก็ไม่ยอมตอบตกลง แต่พ่อของเขาทำเพื่อฝึกฝนเขา ถึงได้บีบบังคับให้เขามา ”
หยางโปเหลือบมองหยานเฉียง เมื่อเห็นหยานเฉียงหันมายิ้มให้เขา หยางโปก็ถึงกับอึ้งไปเลย
และนึกขึ้นได้ว่า ถ้าตามปกติแล้ว คงคิดกันว่าชายคนนี้คงมีความอดทนมากแน่ๆ กลัวว่าในที่สุดแล้วมันอาจจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ได้
แต่หยางโปกลับไม่ใส่ใจ เพราะเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นภัยคุกคามต่อเขามากนัก
หยางโปหันไปมองลัวย่าวหัว ” ยังต้องใช้เวลาในการถ่ายทำกันอีกนานแค่ไหน ? ”
ผู้กำกับเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบตอบคำถามทันที “ อีกประมาณครึ่งเดือนก็คงจบแล้ว ”
หยางโปขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “ ผมกลัวว่าคงจะอยู่รอไม่ได้นานขนาดนั้น ผมจะไปจากที่นี่
และกลับไปที่เมืองหลวงแล้ว ”
ลัวย่าวหัวมองไปที่หยางโป “ รีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้า ” ก็ไม่ได้รีบร้อน จัดการเรื่องทางนี้แล้วเสร็จ ฉันยังต้องกลับไปจัดการเรื่องอื่นที่เมืองหลวงอยู่ ”
ลัวย่าวหัวเหลือบไปด้านข้าง ก็เห็นหวังลั่วตันยืนอยู่อีกด้าน เมื่อได้ยินหยางโปพูดว่าจะไปจากที่นี่ จู่ๆตาก็แดงก่ำ เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “ ใช่แล้ว คนที่ยุ่งอย่างนายอยู่ที่นี่แบบนี้ได้นานๆ มันก็ยากมากแล้ว ถ้างั้นฉันก็ไม่รั้งนายเอาไว้แล้วล่ะ ”
พอพูดจบ ลัวย่าวหัวก็ส่งซิกไปทางหวังลั่วตัน

  หยางโปขมวดคิ้วเหลือบมองอีกฝ่าย เหมือนไม่สนใจอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เขาหันไปพูดกับลัวย่าวหัว “ พวกเรากลับโรงแรมกันเถอะ ! ”
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ อืม ! ”
พอพูดจบ ทั้งสองก็หันหลังและเดินออกไปข้างนอกด้วยกันทันที
หยานจวงเซียนรู้สึกเป็นกังวล เขาคิดว่าฐานะอย่างเขานำลูกชายมาขอโทษหยางโปด้วยตัวเอง
มันก็ถือว่าไว้หน้ากันมากพอแล้ว หยางโปน่าจะเข้าใจและให้อภัย ทั้งสองฝ่ายคงพูดคุย กินดื่มกันอย่างมีความสุข ไหนเลยจะคาดคิดว่า สถานการณ์จะกลับกลายเป็นแบบนี้
แต่หยานจวนเซียนก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วและรีบไล่ตามหยางโปทั้งสองคนไปทันที
” คุณหยาง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมขอโทษอย่างจริงใจ คุณได้โปรดยอมรับคำขอโทษของผมด้วย ! ”
หยางโปไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ เขาหันไปพูดกับลัวย่าวหัว “ มันดึกมากแล้ว ฉันต้องการกลับไปพักผ่อน วันนี้ตอนอยู่ที่กองถ่ายเจอกับเหตุการณ์กระทบกระเทือนใจเลยรู้สึกไม่ค่อยจะสบายใจ ฉันอยากกลับไปพักผ่อน ”
เมื่อหยานเฉียงที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินที่หยางโปพูด ก็เกือบจะสบถด่าออกมา พูดแบบนี้มันหมายความว่าไง คนที่ถูกทุบตีในตอนนั้นคือเขา คนที่ตกใจกลัวก็ควรที่จะเป็นเขา หยางโปพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ?
หยานจวงเซียนรีบพูดขัดขึ้น “ อืม ดึกมากแล้ว คุณหยางรีบไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ผมจะจัดงานเลี้ยงขอโทษคุณให้ ”
หยางโปเข้าไปนั่งในรถ ไม่แม้แต่จะสนใจพวกเขา
เมื่อเห็นหยางโปจากไป หยานเฉียงก็พูดขึ้นทันที “ พ่อ เขามันปั้นน้ำเป็นตัว ผมต่างหากที่ตกใจกลัว ! ”
“ แกไม่ต้องพูดอีกแล้ว ถ้าเรื่องนี้เคลียร์ไม่จบ พ่อของแกได้ตายจริงๆแน่ ฉันนี่แหละที่จะต้องตกใจกลัว ! ” หยานจวงเซียนกล่าว
ในขณะที่พูด หยานจวงเซียนก็เดินกลับไปที่โรงแรม เขาเห็นผู้กำกับเฉินและคนอื่นๆ ยังคงยืนอยู่ที่
ล็อบบี้ จึงรีบเข้าไปทักทายและพูดอย่างเป็นกันเองว่า ” สวัสดีผู้กำกับเฉิน ! ”
……
หยางโปกลับไปที่โรงแรม หยิบกระจกแสงจันทร์ออกมา และเริ่มฝึกบำเพ็ญเพียร เขาคุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้นานแล้ว เขาจะรู้สึกไม่สบายตัวถ้าไม่ได้ฝึกฝนทุกวัน
เช้าตรู่ของวันที่สอง ลัวย่าวหัวไปเคาะประตูของหยางโป หยางโปก้มหน้ามองเวลา ตอนนี้เพิ่งจะตีสี่ เขาตกใจรีบเดินไปเปิดประตูให้ เห็นลัวย่าวหัวยืนอยู่หน้าประตู ด้วยทีท่าวางมาดเท่ห์
” เราไปออกกำลังกายตอนเช้ากันดีไหม ? ”
หยางโปเหลือบมองไปที่ลัวย่าวหัว ” นายป่วยหรือเปล่าเนี่ย ! ”
พอพูดจบ หยางโปก็ปิดประตูใส่อย่างแรง
จากนั้นลัวย่าวหัวก็เคาะประตูอีกครั้ง
หยางโปเปิดประตูอีกครั้งและเห็นว่าลัวย่าวหัวได้เปลี่ยนท่าทางแล้ว เขายืนตัวตรงอยู่นอกประตูและพูดกับหยางโปว่า ” ฉันมีเรื่องอยากจะถามนายน่ะ ”
“ ถ้ามีเรื่องจะคุยก็เข้ามา ทำไมนายต้องลีลามากมายขนาดนั้น ? ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวทำท่าเก้อเขิน ” มันเป็นกระแสนิยมน่ะ ”
หยางโปไม่สนใจเขา เขาเปิดไฟและหันไปพูดกับลัวย่าวหัว ” มีเรื่องอะไรกันแน่ ? ”
ลัวย่าวหัวชี้ไปที่ตำแหน่งล่างซ้ายของหน้าอกและพูดว่า ” ช่วงนี้ฉันรู้สึกเจ็บเล็กน้อยตรงบริเวณนี้
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ? ”
“ เจ็บตลอดเวลาเลยเหรอ ? ” หยางโปถาม Aileen-novel
“ ไม่ มันเจ็บตอนฝึกฝน พอพลังไหลวนมาถึงตำแหน่งนี้ก็จะเจ็บ ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปลังเลเล็กน้อย ใบหน้าค่อนข้างจะเคร่งขรึม “ นายลองบอกสถานการณ์การฝึกฝนล่าสุดให้ฉันฟังหน่อยสิ ฉันจะดูสิว่ามันเป็นอะไร ”
ลัวย่าวหัวพยักหน้าและเริ่มพูดถึงการฝึกฝนล่าสุดให้ฟัง
หยางโปขมวดคิ้วและพูดขึ้นทันทีว่า “ ก่อนหน้านี้ฉันกำชับนายไว้หลายครั้งแล้วว่าให้ใส่ใจทิศทางการเคลื่อนที่ของพลังงาน ก่อนหน้านี้ฉันได้ช่วยให้นายแก้ไขปัญหาทิศทาง ดูเหมือนว่านายจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเลย ”
ลัวย่าวหัวทำหน้าเหยเก ” ฉันให้ความสำคัญ แต่ก็ยังมีปัญหาเกิดขึ้นเล็กน้อย ”
“ ทิศทางพลังของนายมีปัญหา โชคดีที่นายพบมันทันเวลา จึงไม่มีปัญหาใหญ่ เดี๋ยวสักครู่ฉันจะบอกทิศทางที่ถูกต้องให้นาย ต่อไปในภายภาคหน้า นายก็แก้ไขมันหน่อยก็แล้วกัน ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวพยักหน้าขานรับทันที
หยางโปช่วยนวดให้ลัวย่าวหัวอยู่พักหนึ่ง ขจัดอาการบวมภายนอก และสอนวิธีการฝึกขั้นพื้นฐานให้แก่เขาอีกครั้ง ถึงได้แก้ปัญหาได้ ตอนนี้ฟ้าก็สว่างแล้ว
หยางโปลดมือลง เขาหันมองออกไปข้างนอก สวมเสื้อผ้า และกำลังจะออกไปวิ่ง ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังเข้ามา
ลัวย่าวหัวยิ้ม “ เดี๋ยวฉันไปเปิดประตูเอง ”
ทันทีที่เปิดประตู ก็เห็นหวังลั่วตันยืนอยู่นอกประตู เธอจ้องมองลัวย่าวหัว แล้วยื่นหน้ามองเข้าไปข้างใน ” นี่… ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ฉันมาเช้าไปหน่อย ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้ ”
ลัวย่าวหัวมองไปที่หวังลั่วตัน ” คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ? พวกเราเป็นอย่างที่คุณคิดจริงๆหรือไง ”
หยางโปเดินออกมาพอดี เขาเหลือบไปมองหวังลั่วตัน ” เกิดอะไรขึ้น ? ”
หวังลั่วตันเห็นสีหน้าของหยางโปที่ไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่เล็กน้อย ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง
” ไม่มีอะไร เมื่อคืนพวกคุณพักอยู่ด้วยกันเหรอ ? ”
“ ไม่ เขามาเช้ากว่าคุณนิดหน่อย มาเคาะประตูห้องผม อยากจะไปออกกำลังกายตอนเช้ากับผมน่ะ ” หยางโปตอบ
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ เราจะไปออกกำลังกายตอนเช้ากัน คุณอยากไปด้วยกันไหม ? ”
หวังลั่วตันสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกระโปรงสีดำ ใบหน้าบอบบางสวยงาม มองแวบแรกก็รู้ว่าแต่งตัวมาอย่างดี เธอก้มหน้ามองไปที่ปลายเท้า เธอสวมรองเท้าส้นสูงสีดำ เธอจึงรีบเก็บรองเท้าไปทางด้านหลัง ” อืมดีเลย ! ”
“ เสื้อผ้าคุณคงไม่เหมาะกับการออกกำลังกาย ไปนั่งรอพวกเราใต้ต้นไม้ก็พอ ” หยางโปพูด
หยางโปทั้งสองพาหวังลั่วตันไปที่ใต้ต้นไม้ในสวนสาธารณะ จากนั้นทั้งสองก็เริ่มออกกำลังกายตามจังหวะของใครของมัน
หวังลั่วตันรู้สึกเบื่อจะตายชัก เธอมองไปที่ทั้งสองฝึกมวย แต่ก็รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย
หลังจากออกกำลังกายตอนเช้า หยางโปทั้งสองก็กลับไปล้างเนื้อล้างตัวที่ห้อง ขณะที่หวังลั่วตันไปรออยู่ที่ร้านอาหาร
เมื่อหยางโปมาถึงร้านอาหาร เขาก็เห็นสองพ่อลูกมานั่งอยู่ข้างหวังลั่วตันแล้ว หยางโปถืออาหารเดินผ่านพวกเขาไปนั่งอีกฝั่งหนึ่งทันที
พ่อหยานและลูกชายมองหน้ากัน ทั้งสองทำได้เพียงส่งสายตาวิงวอนมองไปที่หวังลั่วตันเพื่อขอความช่วยเหลือ
หวังลั่วตันทำอะไรไม่ถูกทำได้แค่ต้องนั่งลงตรงข้ามหยางโป เธอค่อยๆรินนมให้หยางโป แล้วนั่งลงโดยไม่พูดอะไร
ผ่านไปนานพอสมควร หยางโปถึงได้เอ่ยปากพูด “ ผู้กำกับเฉินขอให้คุณมาใช่ไหม ? ”
หวังลั่วตันพยักหน้า ” คุณรู้ได้ยังไง ? ”
หยางโปไม่พูดอะไรมาก เขาเหลือบมองหวังลั่วตันและถอนหายใจเบาๆ “ ชื่อเสียงของคุณตอนนี้ก็ไม่ใช่น้อยแล้ว จะมัวสนใจภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ที่ไม่มีอนาคตไปทำไม ? ”
หวังลั่วตันยิ้ม “ เพื่อเงินไง ! ”
หยางโปส่ายหน้า ไม่พูดอะไรมาก เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำเพื่อเงิน
ไม่นาน ลัวย่าวหัวก็มาถึง เขาเห็นพ่อหยานและลูกชายนั่งอยู่ไม่ไกลออกไป จึงหันไปพูดกับหยางโป “ พวกเขามากันอีกแล้ว นายจะจัดการยังไง ? ”
หยางโปมองไปทางลัวย่าวหัว ” เรื่องนี้ก็ให้มันเป็นแบบนี้ไปแหละ ที่เหลือเดี๋ยวนายก็จัดการเอง ”
ลัวย่าวหัวมองไปที่หยางโปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ “ ให้ฉันจัดการ ? เดี๋ยวกลับไปฉันจะพูดเสียงดังๆ ทำให้ชื่อเสียงของนายเสียหาย แล้วนายอย่ามาตำหนิฉันนะ ! ”
“ อยู่ต่อหน้าตระกูลซุนฉันยังมีชื่อเสียงอยู่เหรอ ? ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ มันก็ใช่ ! ”

  รากฐานของตระกูลหยานอยู่ในตี้จิง เรื่องนี้หลายคนต่างก็รู้ดี ถึงกับมีลือกันทั้งเมืองและข่าวลือนั้นก็เป็นความจริง จึงทำให้ตระกูลหยานดูลึกลับมากยิ่งขึ้น
แต่เพราะมีความสัมพันธ์แบบนี้อยู่ ทำให้ตระกูลหยานทำตัวเย่อหยิ่งใช้อำนาจในทางที่ผิดในมณฑลเจ้อเจียงได้ มีน้อยคนนักที่จะกล้ายั่วยุทำให้ขุ่นเคืองใจ บางครั้งเมื่อครอบครัวหยานพบเจอกับปัญหาอะไรก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากนัก แค่พูดคำหยาบออกไป อีกฝ่ายก็จะไปสืบดู หลังจากสืบดูมาแล้ว ก็มักจะยุติการกระทำไปเอง
นี่คืออาวุธอันทรงอนุภาพของตระกูลหยาน ที่ไปแตะต้องไม่ได้ ถ้าเพียงแค่สัมผัสใส่ มันก็จะชี้เป็นชี้ตายของชีวิตได้เลย !
หยานเฉียงไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของพ่อ เขายังคงพูดกับตัวเองว่า “ พ่อครับ สบายใจได้ ในเมื่อพวกเขาหูตาว่องไว แค่ไปสืบดู เดี๋ยวก็จะยอมพ่ายแพ้ไปเองอย่างแน่นอน พ่อรอดื่มเหล้าขอโทษพรุ่งนี้ได้เลย ! ”
แต่พ่อหยานกลับไม่ตอบหยานเฉียง แต่กลับหันไปมองเขาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ จากนั้นถึงได้หยิบโทรศัพท์และกดโทรออก น้ำเสียงของเขาหายไปจากการวางอำนาจแบบเก่าและเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนมากขึ้น ” สวัสดียามเย็นเชี่ยนหยุน ! ”
หยานเฉียงคิดว่าพ่อของเขามีเมียน้อยอีกแล้ว กำลังจะแสดงอาการไม่พอใจ แต่ทันใดนั้นเขาก็จำตัวตนของอีกฝ่ายได้และเหงื่อก็เปียกชุ่มไปทั้งตัว
“ หยานจวงเซียน ช่วงนี้คุณไปสร้างปัญหาไว้หรือเปล่า ? ”
เมื่อพ่อหยานได้ยินคำพูดนี้ ก็มีเหงื่อเย็นๆไหลออกมาทันที ไม่มีใครเดาได้ว่าทำไมเขาถึงติดต่อกับทางตี้จิง มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ ครั้งนั้นเขาและภรรยาไปที่เมืองหลวง และพบกับสามีภรรยาคู่หนึ่ง บังเอิญสองครอบครัวคลอดลูกเหมือนกัน แต่ภรรยาของอีกฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตจากการคลอดลูก ดังนั้นภรรยาของเขาจึงช่วยเลี้ยงดูทารกแฝดคู่นั้นให้
ต่อมาครอบครัวนั้นก็ได้ดิบได้ดี พวกเขาก็ไม่เคยคิดที่จะเอาเปรียบอีกฝ่าย เพราะมิตรภาพนี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายติดต่อกันเป็นครั้งคราว ต่อมาเขาได้เริ่มทำธุรกิจในมณฑลเจ้อเจียงและไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ และบังเอิญซุนเชี่ยนหยุนมาเยี่ยม เมื่อคนอื่นๆรู้เข้า ธุรกิจของเขาก็กลายเป็นที่นิยมขึ้นมาทันที !
หยานจวงเซียนรู้ดีว่ามิตรภาพนี้ไม่มั่นคงนัก ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังที่จะรักษามันไว้อย่างดี เพราะกลัวว่าหากวันใดวันหนึ่งมันอาจเกิดขาดขึ้นมา ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินคำถามของซุนเชี่ยนหยุนก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที เขาจึงถามกลับไปอย่างอ่อนโยน ” เชี่ยนหยุน ขอคำใบ้หน่อยให้ผมหน่อยได้ไหม ? ”
“ คุณรู้จักชุยอี้โปไหม ? ” น้ำเสียงของซุนเชี่ยนหยุนถึงกับกัดฟันด้วยความแค้น เธอรู้สึกแย่กับชื่อนี้จริงๆ !
“ ชุยอี้โปนี้ใครกัน ? ” หยานจวงเซียนดูเหมือนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาไม่รู้จักอีกฝ่าย และคงจะไม่ได้ไปทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองใจ
ซุนเชี่ยนหยุนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ทันทีที่เธอได้รับสายจากหยางโปก็รู้สึกโกรธเคืองอย่างมาก แต่เธอก็รู้ว่าหยางโปนั้นร้ายกาจ แต่จะไม่รับสายก็ไม่ได้ เธอครุ่นคิดเล็กน้อย “ แต่ก่อนเขาชื่อหยางโป !
ในเมื่อไม่รู้จักงั้นก็ช่างมันเถอะ ! ”
คำพูดของซุนเชี่ยนหยุนดังก้องราวกับฟ้าผ่าในหูของหยานจวงเซียน ชื่อนี้ดังก้องอยู่ในหู เพราะลูกชายของเขาเพิ่งทำให้ขุ่นเคืองใจไป คือคนผู้นี้ !
น้ำเสียงของหยานจวงเซียนสั่นเทา ” เชี่ยนหยุน ดูเหมือนว่าผมจะรู้จักหยางโป ดูเหมือนว่าวันนี้
หยานเฉียงจะทำให้เขาขุ่นเคืองใจเข้าให้แล้ว ” ไอลีนโนเวล
“ นี่พวกคุณใช้ชีวิตกันจนเบื่อหน่ายแล้วใช่ไหม ? ทำไมคุณถึงไปทำให้เขาขุ่นเคืองใจ ? ”
เดิมทีซุนเชี่ยนหยุนก็รู้สึกค่อนข้างโกรธอยู่แล้ว เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
หยานจวงเซียนรีบพูดทันที “ คุณเชี่ยนหยุน คุณฟังผมอธิบาย… ”
ไม่รอให้หยานจวงเซียนพูดจบ ซุนเชี่ยนหยุนก็ตัดบทเขาด้วยคำพูดที่แข็งกร้าว “ ฉันไม่อยากได้ยินคำอธิบายจากคุณ และไม่จำเป็นต้องฟังคุณแก้ตัว คุณควรไปขอโทษเขาตอนนี้ และเดี๋ยวนี้
และต้องขอให้เขายกโทษให้ ถ้าเขาไม่ยอมให้อภัยคุณ ต่อไปคุณก็ไม่ต้องมาติดต่อกับตระกูนซุนอีก ! ”
หยานจวงเซียนตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง เขาถือโทรศัพท์ “ เชี่ยนหยุน… ”
จากนั้นไม่รอให้เขาได้เอ่ยปากพูด ก็มีเสียงยุ่งวุ่นวายดังตามสายมา ซุนเชี่ยนหยุนตัดสายไปแล้ว !
หยานเฉียงยืนขึ้นแล้ว เขามองไปที่พ่อ ” พ่อ เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมจู่ๆ พวกเราต้องไปขอโทษด้วย ทำไมพวกเราต้องไปขอโทษ ? พวกเราไม่ได้ผิดสักหน่อย ! ”
“ แล้วแกจะไปขอโทษไหม ? ” หยานจวงเซียนสีหน้าจริงจังและเข้มงวด
หยานเฉียงตกตะลึงไปทันที “ งั้นพ่อว่า ? ”
“ ตอนนี้แกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เราต้องรีบไปขอโทษกันคืนนี้ ” หยานจวงเซียนสั่ง
หยานเฉียงยิ้มอย่างขมขื่น “ พ่อ ต่อให้ต้องไปขอโทษ ก็ไม่ต้องรีบถึงขนาดนี้หรอกมั้ง ! ”
“ แกจะไปหรือไม่ไป ? ถ้าแกไม่ไป ฉันจะตีขาแกจนหักแล้วลากแกไปเอง ! ” หยานจวงเซียนพูดอย่างโกรธจัด
หยานเฉียงตกใจที่เห็นใบหน้าโกรธจัดของพ่อ เขาไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของพ่อมาก่อน !
……
หยางโปมองดูเวลา “ ใกล้จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เอาแบบนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าวพวกคุณเอง ถือว่าเป็นการปลอบขวัญก็แล้วกัน ”
หวังลั่วตันชายตามองทั้งสองคนอย่างลังเล
จู่ๆ หวงเชิงอี้ก็พูดอออกมา ” เอาล่ะพวกเราไปกันเถอะ ”
ผู้กำกับเฉินสีหน้าค่อนข้างทุกข์ใจ ดูเหมือนจะยังรู้สึกไม่สบายใจ ” ผมไม่ไปแล้วล่ะ… ”
หวงเชิงอี้ดึงผู้กำกับเฉินไว้ ” ไปเถอะ ไปด้วยกัน อดข้าวไป ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ! ”
ผู้กำกับเฉินไม่มีทางเลือก จึงทำได้แค่ไปกับพวกเขาเท่านั้น หวังลั่วตันยิ้มกรุ่มกริ่มและเดินตามไป
หยางโปและลัวย่าวหัว รู้สึกมั่นใจ ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงกินข้าวกันตามปกติ หวังลั่วตันและหวงเชิงอี้กินน้อยเพราะลดน้ำหนัก ผู้กำกับเฉินไม่มีกะจิตกะใจกินข้าวเลย เขาถือตะเกียบเขี่ยข้าว
ในชามไปมา ท้ายสุดก็ไม่ได้กินสักคำ
หยางโปและลัวย่าวหัวก็ไม่ได้ปลอบโยนเขาเช่นกัน พวกเขาต่างคนต่างกินข้าวของตัวเองและไม่ได้อธิบายอะไรมาก
ระหว่างทางกลับโรงแรม หวงเชิงอี้ก็ยังรู้สึกค่อนข้างที่จะกังวล ” ถ้าเกิดพรุ่งนี้ถ่ายทำกันไม่ได้ คงจะแย่แน่ ”
“ อย่างน้อยก็ยังได้นอนตื่นสาย ก็ถือว่าไม่เลว ! ” หวังลั่วตันค่อนข้างที่จะมีความสุข
ใบหน้าของผู้กำกับเฉินหม่นหมอง ไม่พูดอะไร
เมื่อพวกเขามาถึงล็อบบี้โรงแรม หยางโปทั้งสองกำลังจะแยกตัวเดินจากไป แต่กลับรู้สึกว่าเห็นเงาของคนสองคนมาปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาแวบๆ ทั้งสองถูกจู่โจมเข้ามาอย่างกระชั้นชิดจนทำให้รู้สึกหวาดกลัว จึงรีบหันกลับไปดูด้านหลังทันที แต่กลับเห็นหยานเฉียงและชายวัยกลางคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน
“ คุณหยาง ผมพาไอ้ลูกหมามาขอโทษคุณ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เจ้าลูกหมานี้ยังเด็กและโง่เขลา
ที่เข้าไปหาเรื่องคุณ ผมมาที่นี่เพื่อขอโทษคุณแทนเขา ” หยานจวงเซียนกล่าว
หยางโปมองชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าและขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยนี่คือคนที่บอกว่าไม่มีใครรวยกว่าเขางั้นเหรอ ?
ผู้กำกับเฉินและอีกสามคนที่กำลังจะหันหลังเดินจากไปต่างก็ตกใจนิ่งอึ้งไปทันที พวกเขาหันกลับมาก็เห็นหยานเฉียงก้มหน้าลงด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด และเห็นหยานจวงเซียนโค้งคำนับและขอโทษหยางโป ฉากนี้มันน่าทึ่งมาก !
ผู้กำกับเฉินมองไปที่ชายผู้หยิ่งผยองเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา กลับมาโค้งคำนับอย่างไม่คาดฝัน เมื่อเห็นว่าพวกเขาพ่อลูกทำท่าทีเคารพนอบน้อมแบบนี้ ก็รู้สึกตกตะลึงเป็นอันมาก นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? หรือว่า หยางโปจะเป็นขาใหญ่จริงๆ ?
หวงเชิงอี้มองไปที่หยางโปด้วยแววตาที่เปล่งประกายราวกับว่าเห็นเพชร เธอมองไม่ผิดจริงๆ
หยางโปมีอิทธิพลมาก ! หวงเชิงอี้เหลือบมองไปทางด้านข้างอีกครั้ง ก็พบว่าหวังลั่วตันหน้าแดงก่ำไปด้วยความตื่นเต้น จึงอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะแก่งแย่งกันอยู่ !

หยางโปนั่งฟังคำพูดที่กราดเกรี้ยวของพวกเขาพ่อลูก เขาก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น ” ผู้กำกับเฉิน คุณเอาโทรศัพท์มาให้ผมสิ ! ”
เมื่อหยานเฉียงได้ยินเสียงของหยางโป ก็ลุกพรวดขึ้นทันที ” เอาสิ คนแซ่เฉิน คุณเป็นพวกเดียวกับใครกันแน่ ก่อนหน้านี้ผมว่าแล้วคุณไม่ค่อยจะปกติ นี่คุณถือหางเข้าข้างกันอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ดูเหมือนว่า ต้องเป็นคุณที่กำลังชักใยอยู่แน่ๆ ! ”
“ พอได้แล้ว ! ” หยางโปกล่าวตำหนิ “ เถ้าแก่หยาน คุณเป็นคนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผมรู้ว่าหนทางที่คุณก้าวผ่านมามันโหดมาก และคงคิดว่าตัวเองสามารถเอามือปิดฟ้าและทำทุกอย่างในมณฑลเจ้อเจียงได้งั้นสินะ ? ”
เถ้าแก่หยานเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “ ผมไม่สามารถเอามือปิดฟ้าและทำทุกอย่างได้ แต่เชื่อมั่นว่าจะรับมือกับไอ้แมลงตัวเล็กอย่างคุณได้ ! ”
“ ไม่รู้ว่าใครให้ความมั่นใจแบบนี้กับเถ้าแก่หยาน ถึงได้กล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ ดูเหมือนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเถ้าแก่หยานจะราบรื่นเกินไปแล้ว ! ” หยางโปถือโทรศัพท์และเหลือบมองไปทางลัวย่าวหัว “ พรุ่งนี้ช่วงบ่ายเป็นอย่างช้า ผมคิดว่าเราคงได้พบกันอย่างแน่นอน ”
พอพูดจบ หยางโปก็ตัดสายทิ้ง
หยางโปเงยหน้ามองลัวย่าวหัว ” เรื่องนี้ให้นายจัดการก็แล้วกัน ”
ดวงตาของลัวย่าวหัวเบิกกว้าง ” ทำไม ? ทำไมฉันต้องมาเคลียร์ปัญหาตบท้ายอีกแล้ว ! ”
“ เพราะนายมีเส้นสายที่กว้างขวางและมีสายสัมพันธ์มากมาย ชื่อของคุณชายลัวดังไปทั่วประเทศ ส่วนฉันไม่ไหว ที่นี่ไม่มีใครที่รู้จักฉัน แล้วจะมาช่วยเรื่องของฉันได้ยังไง ? ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวไม่มีทางเลือก ” นายจะมาสนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้ทำไม สู้พวกเรากลับไปใช้ชีวิตที่มีความสุขดีกว่า… ”
ลัวย่าวหัวพูดมาได้ครึ่งทาง จู่ๆก็รู้สึกบางอย่างผิดปกติ เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นหวังลั่วตัน หวงเชิงอี้ และผู้กำกับเฉิน ต่างก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่พอใจ ทันใดนั้นเขาก็ได้สติกลับมาและรีบพูดทันที ” เอาล่ะ เรื่องนี้ปล่อยให้ฉันเป็นคนจัดการเองก็แล้วกัน ฉันจะจัดการมันอย่างดีแน่นอน ”
หยางโปยิ้ม “ คนเก่งย่อมทำงานหนักกว่าคนอื่น คุณชายลัวทำได้ดีในด้านนี้มาโดยตลอด ฉันเชื่อว่านายจะทำได้อย่างสวยงาม ! ”
ลัวย่าวหัวหันไปเหลือบมองหยางโป รู้สึกหมดหนทางมาก ” ฉันค้นพบว่า ตอนนี้นายยิ่งนับวันยิ่งเก่งกาจขึ้นนะ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ใช้ให้ฉันไปทำหมด ส่วนนายก็นั่งเก็บเกี่ยวผลสำเร็จของคนอื่นไป ”
หยางโปยิ้ม “ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันเต็มใจที่จะทำนะ ฉันเองก็อยากเป็นเหมือนคุณชายลัวที่ไปไหนก็มีแต่เพื่อน ไปไหนก็มีแต่คนเลี้ยงข้าว ประจบหน้าประจบหลัง ฉันไม่มีความสามารถแบบนั้นเลย ! ”
“ เอาเถอะ นายไม่ต้องมาสาดสิ่งสกปรกโสมมใส่ฉันอีกแล้ว แค่ฉันไปจัดการก็จบแล้วใช่ไหม ? ”
ลัวย่าวหัวพูดอย่างช่วยไม่ได้
หยางโปยิ้ม ” บริษัทอสังหาริมทรัพย์ มักจะมีจุดอ่อนอยู่มาก นายลองตรวจสอบดูก่อน ”
ลัวย่าวหัวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องควักโทรศัพท์แล้วเริ่มสอบถามข้อมูล
หวังลั่วตันมองหยางโปอย่างกังวลใจ “ ยังไงก็เป็นพวกอันธพาล เขาจะไหวไหม ? ” ไอลีนโนเวล
หยางโปส่ายหน้า ” พวกคุณน่ะ ยังไม่ค่อยรู้จักคุณชายลัวดี เขาเป็นคนในรัฐบาลใหญ่ มีเพื่อนมากหน้าหลายตาขนาดนั้น จัดการกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ถือว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ”
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่หยางโปกลับยังคงหันไปถามไถ่ผู้กำกับเฉิน “ ผู้กำกับเฉิน ธุรกิจการค้าของตระกูลหยานใหญ่โตขนาดไหนกันเชียว ? ”
ผู้กำกับเฉินคิดไตร่ตรองเล็กน้อย “ ตระกูลหยานทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาเป็นเวลานาน พวกเขาสร้างอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากไว้ในหยูหาง จากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินของบริษัทอย่างน้อยมีสองถึงสามพันล้าน ”
หยางโปพยักหน้า อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ยังพัฒนาไม่เต็มที่ สองถึงสามพันล้านถือว่าเป็นบริษัทขนาดใหญ่แล้ว ในมณฑลเจ้อเจียง อย่างน้อยก็เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่สามอันดับแรก ! หากไม่มีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังแล้ว เกรงว่าคงจะไม่สามารถทำอะไรได้มากมายขนาดนี้ !
ไม่นาน ลัวย่าวหัวก็เดินกลับมาพร้อมโทรศัพท์ เขาหันไปโบกมือให้หยางโป ” ฉันถามมาแล้วนิดหน่อย พวกเขามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับตระกูลซุน ”
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ ตระกูลซุนไหน ? ”
“ ซุนเหอจั๋ว ซุนเชี่ยนหยุน ” ลัวย่าวหัวตอบ
หยางโปเข้าใจทันที ไม่น่าละที่ลัวย่าวหัวจะรู้สึกยุ่งยาก พวกเขาทั้งสองคนก็ถือได้ว่ามีภูมิหลังทางครอบครัวที่แข็งแกร่ง แต่อย่างน้อยแล้วทั้งสองก็เทียบกับตระกูลซุนไม่ได้ ถ้าลัวย่าวหัวขอให้เพื่อนที่นี่กดตระกูลหยาน เกรงว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายดาย
หยางโปครุ่นคิดอยู่สักพัก “ เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง ! ”
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ นายมาเคลียร์เลย ! ”
หยางโปเดินถือโทรศัพท์ออกไป ขณะที่ลัวย่าวหัวเดินกลับมา หวงเชิงอี้ก็แทบรอไม่ไหวที่จะถาม
“ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ? เขาพูดว่าไงบ้าง ? ”
ลัวย่าวหัวส่ายหัว ” ไม่เป็นไร รอสักครู่ ให้หยางโปคิดหาวิธีก่อน ”
ผู้กำกับเฉินมีสีหน้าที่ค่อนข้างลำบากใจ ” ตระกูลหยานมีภูมิหลังที่ลึกมาก ? ”
“ เกือบจะใหญ่คับฟ้าแล้ว ” ลัวย่าวหัวกล่าวเสริม
ผู้กำกับเฉินจ้องเขม็ง เขาหันมองออกไปข้างนอก “ พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ แม้แต่คุณหยาง เกรงว่า เกรงว่าก็… ”
ลัวย่าวหัวส่ายหน้า “ ก็ไม่แน่ รอฟังข่าวจากเขาก่อนดีกว่า ! ”
สีหน้าของผู้กำกับเฉินเต็มไปด้วยความกังวล สำหรับเขาแล้ว ภูมิหลังของลัวย่าวหัวก็เพียงพอแล้ว แม้ว่าหยางโปจะมาออกโรงด้วยตัวเอง ก็ไม่มีผลอะไร ยิ่งไปกว่านั้น เส้นสายของตระกูลหยานใหญ่คับฟ้า ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะพูดจาแบบนี้ในมณฑลเจ้อเจียง เขาค่อนข้างจะเสียใจ บางทีเขาทำเพื่อหยางโปจนไปทำความขุ่นเคืองใจต่อตระกูลหยานเข้า มันดูจะไม่ค่อยคุ้มค่าสักเท่าไร
ในห้องเงียบกริบ หวังลั่วตันหลือบมองออกไปข้างนอกแล้วหันมามองหน้าผู้กำกับเฉินอีกครั้ง
อดไม่ได้ที่จะเริ่มรู้สึกกังวลใจ ถ้าเคลียร์เรื่องนี้ไม่ได้ก็ช่าง แต่ถ้าหยางโปเข้ามายุ่ง มันคงจะไม่ดีไปใหญ่
ไม่นานหยางโปก็เดินกลับมา ลัวย่าวหัวอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของหยางโปที่ดูผ่อนคลาย
ผู้กำกับเฉินหันไปมองหน้าหยางโป “ คุณหยาง เป็นยังไงบ้าง ? ”
หยางโปพยักหน้า ” ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้ผลเอง ”
ผู้กำกับเฉินอดที่จะตกใจไม่ได้ น้ำเสียงค่อนข้างสั่นเทา “ รู้ผล ? หมายความว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำต่อไปไม่ได้แล้ว ? ”
หยางโปยิ้ม “ ไม่ต้องห่วง คงแค่ครึ่งวัน พรุ่งนี้ค่อยคุยกันอีกที ”
หวังลั่วตันมองหยางโป และพูดคร่ำครวญขึ้นมาว่า “ คุณมีอะไรก็พูดออกมาตามตรงเลย จะซ่อนมันไว้ทำไม ? ”
หยางโปยิ้ม “ ผมพูดไปแล้วไม่ใช่หรือไง ? ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ ผมจะหัวเราะออกไหม ? ”
“ แต่ยังไงซะเขาก็มีอำนาจล้นฟ้า ” หวงเชิงอี้กล่าว
หยางโปส่ายหัว “ อำนาจล้นฟ้าอะไร ? ไม่เชื่อคุณก็ถามย่าวหัวได้ ตระกูลหยานที่บอกว่าที่มีอำนาจล้นฟ้า มันก็แค่เพื่อนที่เปลือยก้นโตมาด้วยกันกับลัวย่าวหัวก็เท่านั้น ! ”
“ ไป ไป ไป ! จะมีใครพูดได้น่ารังเกียจเท่านายได้อีกแล้ว ! ” ลัวย่าวหัวพูดอย่างไม่พอใจ
หยางโปหัวเราะ ไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก เขารู้ดีว่าพวกเขาไม่ยอมเชื่อ ต่อให้อธิบายไปมากแค่ไหน เกรงว่าจะทำให้ว้าวุ่นใจกันซะเปล่า รอพรุ่งนี้ดีกว่า !
หยานเฉียงนั่งมองพ่ออยู่บนโซฟา ” พ่อ ผมคิดว่าพ่อสุภาพเกินไปสำหรับพวกเขาแล้ว คนอย่างพวกเขา จะไปสุภาพด้วยทำไม ? ”
“ แกรู้ที่ไปที่มาของพวกมันไหม ? ” พ่อหยานถาม
หยานเฉียงส่ายหัว “ เป็นแค่เด็กหนุ่มสองคนเท่านั้น จะมีประวัติความเป็นมาอะไรกัน ? ”
“ แล้วที่แกออกไป ผู้คนรู้ได้ไงว่าแกเป็นลูกของฉัน ? ” พ่อหยานถาม
หยานเฉียงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ ผมไม่ใช่ลูกพ่อหรือไง ? ”
พ่อหยานไม่สนใจเขาและพูดต่อ “ ฉันไปสืบมาแล้ว ทั้งสองคนประวัติไม่ธรรมดา เมื่อคืนก่อน คุณชายสองสามคนจากตัวเมืองหลวงของมณฑลยังไปกินข้าวที่เหิงเตี้ยนกับพวกเขาเลย ”
ในขณะที่พูด โทรศัพท์ก็ดังขึ้น พ่อหยานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ใบหน้าก็ถอดสีไปทันที

ในสถานที่ถ่ายทำดูอึมครึมขึ้นมาทันที หน้าตาทุกคนดูอึดอัด ต้องรู้ว่าเงินค่าตอบแทนแต่ละตอนของหลายๆคนได้มาแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้าเงินลงทุนถูกถอดออกไปในครั้งต่อไป คงยากที่จะได้รับเงินค่าจ้าง
ผู้กำกับเฉินล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา เดินออกไปทางด้านข้าง และเริ่มโทรศัพท์
หวังลั่วตันมายืนข้างหยางโป “ คุณโอเคไหม ? ”
หยางโปส่ายหัว “ ยังดีนะ ที่ผมไม่เป็นไร ไม่โดนคุณใช่ไหม ? ”
หวังลั่วตันส่ายหน้า ใบหน้าสวยแดงระเรื่อเล็กน้อย “ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง ”
“ มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย ผมควรจะขอบคุณคุณที่คอยปกป้องผมซะมากกว่า ผมดีใจจริงๆ ”หยางโปส่งยิ้มให้ เขาเป็นเพียงคนนอกเท่านั้น เขาไม่สนใจหรอกว่าละครเรื่องนี้จะถ่ายทำต่อไปได้หรือไม่ สำหรับเขาแล้ว การที่อีกฝ่ายมาด่าว่าตัวเองแบบนี้ มันทนไม่ได้จริงๆ !
“ ละครถ่ายทำต่อไปไม่ได้แล้ว ฉันคงได้พักผ่อนแล้ว ” หวังลั่วตันยิ้ม
“ คุณถ่ายทำไปได้ครึ่งค่อนเรื่องแล้ว จะออกอากาศก็ไม่ได้ เงินก็ไม่ได้อีก คุณไม่กังวลใจสักนิดเลยเหรอ ? ” หยางโปหันมามอง
หวังลั่วตันยิ้ม “ ไม่เป็นไร คนเยอะออกขนาดนี้ ไม่ใช่ฉันแค่คนเดียวสักหน่อย รอให้ผู้กำกับมาสั่ง ยิ่งไปกว่านั้นแค่ฉันเสนอไอเดียให้คุณข้อหนึ่ง ก็ได้กำไลมาตั้งวงหนึ่งแล้ว มันก็ถือว่าได้กำไรแล้ว ฉันไปถามเพื่อนมา กำไลที่คุณให้มามีค่าไม่ต่ำกว่าแปดเก้าแสนเชียวนะ ! ”
หยางโปยิ้ม “ แปดเก้าแสน มากกว่าเงินเดือนของคุณเท่าไหร่ ? ”
“ พอฟัดพอเหวี่ยง ” หวังลั่วตันตอบ
หยางโปพยักหน้า ค่าตอบแทนของเธอก็ไม่ได้สูงมากนัก
ลัวย่าวหัวเดินเข้ามา ” ฉันค้นพบว่า ไม่ว่านายจะไปที่ไหนก็สร้างแต่ปัญหาไปซะทุกที่เลยนะ ?
นี่มันไม่ง่ายเลยนะที่ฉันจะได้บทละครมาสักบท นายดูสิ ถูกนายทำซะย่อยยับไปหมดแล้ว ”
หยางโปเหลือบมองไปที่ลัวย่าวหัว ” ขอฉันดูบทของนายหน่อยสิ มันมีสักกี่คำกัน ? ”
“ มีไม่กี่คำหรอก นายอย่าดูดีกว่า ” ลัวย่าวหัวรีบหยิบบทละครซ่อนไว้ในอ้อมอกด้วยความรวดเร็ว
หยางโปเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ใช้ประโยชน์ในระหว่างที่ ลัวย่าวหัวไม่ทันสังเกต แย่งบทละครมาดู ลัวย่าวหัวรีบเอื้อมมือออกไปคว้าไว้ แต่หยางโปกลับเห็นตัวอักษรบนนั้นแล้ว ด้านในเขียนข้อความไว้เรียบง่ายมาก
” ซื้อแตง แล้วถูกยิงล้มลงไปบนพื้น คว้ากริ๊งที่มือของ(หวงเชิงอี้) การปฏิวัติยังไม่สำเร็จ สหายยังต้อง… ”
หยางโปมองบทละครบนกระดาษ ที่อธิบายไว้อย่างคราวๆ แล้วเหลือบไปเห็นบทละครของจริงอีกครั้ง คำพูดมีทั้งหมดเพียงสิบสองคำเท่านั้น ลัวย่าวหัวได้พูดเพียงสิบคำเท่านั้น แล้วก็ ” ตาย ” !
ลัวย่าวหัวทำอะไรไม่ถูก “ ฉันก็ไม่ได้มีทักษะการแสดงอะไร ก็ทำได้แค่นี้แหละ ! ”
หวงเชิงอี้เดินเข้ามาในเวลานี้ ” ละครเรื่องนี้คงถ่ายทำกันไม่ได้แล้ว ผู้กำกับเฉินกำลังออกไปคุยโทรศัพท์ ดูเหมือนว่าจะมีความหวังไม่มากแล้ว ฉันว่า สู้คุณหยางลงทุนให้ดีกว่าไหม ! ”
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ ผมลงทุนงั้นเหรอ ? ”
ลัวย่าวหัวทั้งตกใจและปนดีใจจนพูดว่า ” นี่ถือเป็นวิธีที่ดีเลย นายยังมีบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์อยู่ในมืออีกแห่งไม่ใช่หรือไง ? นายลงทุนไปเลยมันก็สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้แล้วไม่ใช่หรือไง ? ”
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาหันกลับไปมองผู้กำกับเฉิน เมื่อเห็นว่าผู้กำกับเฉินคุยโทรศัพท์โดยใบหน้าที่ทุกข์ใจอยู่ “ รอถามผู้กำกับเฉินดูก่อน ถ้าเป็นไปได้ ฉันจะลงทุนให้ ”
ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” ถ้านายเป็นคนลงทุนให้จริงๆ ให้ฉันเป็นพระเอกนะ ”
หยางโปปรายตามองลัวย่าวหัว ” นายจะมาเป็นพระเอก ? ”
“ ฉันเป็นไม่ได้หรือไง ? ” ลัวย่าวหัวยืดอก
หยางโปมองไปที่หวังลั่วตัน ” คุณคิดว่าไง ? ”
หวังลั่วตันค่อนข้างที่จะลังเลใจ “ ฉันไม่รู้ ” ไอรีนโนเวล
หยางโปมองไปที่หวงเชิงอี้ หวงเชิงอี้ ก็พูดอย่างตรงไปตรงมา “ คุณทำไม่ได้ ทักษะการแสดงของคุณเกินจริงเกินไป มันเหมือนกับละครเวที อีกทั้งยังดูเกินจริงกว่าการแสดงบนเวทีไปอีก ทักษะการแสดงแบบนี้ในละครมันดูโดดเด่นเกินไป ”
ใบหน้าของลัวย่าวหัวปรากฏความยุ่งยากใจ ” สาวน้อย หน้าตาคุณก็ออกจะสวยนะ มีใครเคยบอกคุณไหมว่าปากของคุณมันช่างร้ายกาจเอามากๆ มันจะจำกัดการพัฒนาของคุณได้นะ ”
หวงเชิงอี้เอียงหน้ามอง “ จำกัดก็จำกัดไปสิ ”
หยางโปยืนยิ้มอยู่ข้างๆโดยไม่พูดอะไร
ไม่นาน ผู้กำกับเฉินก็กลับมาและพูดว่า ” เอาล่ะ วันนี้ทุกคนแยกย้ายกันกลับเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมารวมตัวกันที่นี่ ”
ลัวย่าวหัวรีบถามผู้กำกับทันที “ ผู้กำกับ จัดการว่าไง ? ไอ้คนปัญญาอ่อนนั่นยังจะกลับมาอีกไหม ? ”
ผู้กำกับเฉินรู้สึกไม่มีทางเลือกอื่น เขามองไปลัวย่าวหัว ” คุณไม่ต้องไปสนใจแล้ว ”
ลัวย่าวหัวยังอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่กลับถูกหยางโปคว้าตัวเขาและส่ายหน้าห้ามเขาไว้ เห็นได้ชัดว่า ผู้กำกับเฉินไม่ต้องการพูดอะไรมากที่นี่ ยังไงคนมากปัญหามันก็เยอะ
ไม่นานหยางโปทั้งสองก็ตามพวกเขากลับมาถึงที่โรงแรมและเข้าไปในห้องของผู้กำกับเฉิน
ผู้กำกับเฉินถึงได้เอ่ยปากพูด “ เกรงว่าครั้งนี้จะเกิดปัญหาขึ้นซะแล้ว คิดว่าพวกคุณคงจะยังไม่ค่อยเข้าใจ ละครเรื่องนี้ถ่ายทำขึ้นเพื่อหยานเฉียง พ่อของเขาลงทุนให้ยี่สิบล้าน เพื่อต้องการเติมเต็มความปรารถนาของเขาและทำให้เขาได้กลายเป็นดารา ”
จู่ๆหยางโปเหมือนพอจะเดาออก เขาเหลือบมองไปที่หวังลั่วตัน ทั้งคู่ต่างก็เป็นดารารุ่นเยาว์ที่โด่งดัง ค่าจ้างก็คงไม่น้อยทีเดียว สามารถเชิญสองคนนี้มาได้ ย่อมไม่มีทางที่จะหาพระเอกที่เหมาะสมกับสองคนนี้ได้ นอกจากจะตั้งใจหาดาราชายสักคนมาสวมบทบาท ถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“ เถ้าแก่หยานพูดว่าไงบ้าง ? ” หยางโปถาม
ผู้กำกับเฉินไม่มีทางเลือก “ เถ้าแก่หยานยังไม่ได้พบกับลูกชายของเขา เขาอยากจะพบกับลูกชายก่อนถึงจะตัดสินใจขั้นต่อไปได้ ”
ในขณะที่พูด โทรศัพท์ของผู้กำกับเฉินก็ดังขึ้น เขาก้มมองหน้าจอที่กระพริบ ลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็กดปุ่มรับและกดปุ่มขยายเสียง จากนั้นก็หันมาส่งสัญญาณให้หยางโป เพื่อให้ทุกคนเงียบ
จากนั้นก็ได้ยินเสียงเถ้าแก่หยานดังมาตามสาย ” น้องเฉิน ตอนนี้ลูกชายของผมกลับมาแล้ว
เมื่อสักครู่ผมได้ยินที่เขาเล่ามาแล้วเช่นกัน เรื่องนี้คุณทำไม่ถูกนะ ในเมื่อคุณเป็นผู้กำกับ คุณก็ต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของทุกคนในกองถ่าย ทำไมคุณไม่ปลอบใจและไต่ถามพระเอก
แต่กลับไปปลอบใจและถามไถ่คนนอก ”
ผู้กับเฉินรีบอธิบาย ” เถ้าแก่หยาน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เรื่องนี้อันที่จริงมันเป็นสิ่งที่ผมต้องรับผิดชอบจริงๆ ผมอยากจะขอให้คุณโปรดเมตตาด้วย ”
“ ถ้าคุณอยากให้เรื่องนี้จบโดยดี ก็แค่เรื่องง่ายๆ คุณให้คนที่ทุบตีลูกชายของผมคนนั้นเข้ามาขอโทษ เรื่องนี้ก็ถือว่าจบกัน ” เถ้าแก่หยานกล่าว
“ เขาไม่เพียงมาขอโทษ ฉันยังต้องต่อยเขาคืนทีหนึ่งเรื่องถึงจะจบ ! ” เสียงหยิ่งยโสของหยานเฉียงดังมาตามสาย
หยางโปอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
ผู้กำกับเฉินรู้สึกลำบากใจมาก ” เถ้าแก่หยาน คุณอาจไม่รู้สถานะของอีกฝ่ายดี ให้ผมแนะนำให้คุณรู้จักหน่อยไหม ! ”
“ ไม่จำเป็น ฉันไม่สนใจว่าสถานะของเขาจะเป็นอะไร ยังไงก็ตามเขาต้องไม่รวยไปกว่าผมแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นผมไม่สนว่าเขาจะมีสถานะอะไรเช่นกัน แต่ในถิ่นมณฑลเจ้อเจียง ไม่มีใครมีอำนาจไปมากกว่าผม ! ” เถ้าแก่หยานพูดอย่างโอ้อวดมาก ทุกคนในห้องต่างพากันตกใจไม่น้อย
หยางโปถลึงตาจ้องไปที่โทรศัพท์ เป็นคนที่หยิ่งผยองแค่ไหนกันเชียว ถึงได้พูดแบบนี้ออกมาได้ !
“ เถ้าแก่หยาน นี่… ถ้าเขาไม่ไปล่ะ ” ผู้กำกับเฉินถาม
“ ถ้าอย่างนั้นผมจะตีขาเขาจนหัก ! ” เถ้าแก่หยานกล่าว
“ ตีขาหักทั้งสามข้างเลย ! ” หยานเฉียงกล่าวเสริม

หยางโปก็ไม่รู้ว่าช่างแต่งหน้าทาอะไรบนใบหน้าของเขา มันดูเยิ้มๆเหนียวๆไปหน่อย แต่ก็ไม่มีเวลามาให้เขาคิดเรื่องนี้มาก ช่างแต่งหน้าตบไหล่แล้วพูดอย่างจริตจะก้านว่า “ ยังไม่รีบออกไปอีก
ไปรออยู่ข้างนอกนั้น ! ”
หยางโปกลัวจนขนลุกไปหมด เขารีบเดินออกไปและมาถึงที่สถานที่ถ่ายทำ
ลัวย่าวหัวล้ำหน้าเขาไปก้าวหนึ่ง ได้พบกับเด็กสาวหน้าตาดีคนหนึ่งที่กำลังท่องบทอยู่
เมื่อหยางโปเห็นพวกเขาจริงจัง ก็ไม่ได้เดินเข้าไปรบกวน แต่แค่ยืนอยู่ข้างมองดูอยู่ห่างๆ
ดูเหมือนเวลานี้เป็นช่วงพักผ่อน พระเอก นางเอก กำลังท่องบทกันอยู่ ทั่วทั้งกอง มีแต่พระเอก นางเอก ที่แต่งชุดหรูหรา คนอื่นนุ่งห่มเสื้อผ้าฉีกขาด มอมแมม นางเอกหยางโปก็รู้จักเช่นกัน
เธอคนนั้นคือหวังลั่วตัน หยางโปคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่กันหมด
ไม่ว่าเมื่อหยางโปจะยืนอยู่ที่ไหน ลัวย่าวหัวก็จะส่งยิ้มให้เขาอย่างมีชัย เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ได้บทตัวประกอบคนหนึ่งที่มีบทพูดมาครอง
หยางโปครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และวิ่งไปที่หน้าแผงขายผลไม้ ยิ้มแล้วถามว่า “ ครึ่งโลเท่าไร ? ”
เจ้าของแผงขายผลไม้เป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างผอมเพรียวหุ่นดี แต่เสื้อผ้าขี้ริ้วขี้เหร่ ก้มหน้าและไม่พูดอะไร เมื่อได้ยินหยางโปถาม ก็เงยหน้าขึ้นและฉีกยิ้มส่งให้ทันที ” ไม่เอาเงิน ”
หยางโปมองดูใบหน้ายิ้มแย้มที่น่ารักนี้ และถึงกับตกตะลึงไปทีเดียว ” หวงเชิงอี้ ทำไมคุณแต่งตัวแบบนี้ ? ”
หวงเชิงอี้หัวเราะลั่น ” แบบนี้ดูไม่ดีเหรอ ? ”
หยางโปมองไปที่เธอ ” มันน่ากลัวมาก ”
หวงเชิงอี้หัวเราะลั่น ” ฉันแสดงเป็นสายลับ กำลังทำงานอยู่ ”
“ คุณเป็นสายลับเหรอ ? สวยขนาดนี้ ไม่มีอะไรสกปรกติดบนใบหน้าเลย ชะเง้อชะแง้อยู่บนถนนแบบนี้ มันรู้สึกเหมือนหงส์ในหมู่กาจริงๆ แบบนี้มันจะดีจริงๆเหรอ ? ” หยางโปถาม
หวงเชิงอี้ยิ้มและพูดว่า “ แค่การแสดงน่ะ มันก็เป็นแบบนี้แหละ ! ”
หยางโปหัวเราะตาม “ เอาล่ะ ปกติผมไม่ค่อยชอบดูละครเท่าไหร่ ”
“ ดูออกเลย เพราะฉันรู้สึกว่าวันแรกที่กินข้าวด้วยกัน คุณไม่รู้จักฉันเลย ? ” หวงเชิงอี้ชายตามอง
หยางโป
หยางโปพยักหน้า “ ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ คุณดูออกด้วยเหรอ ? ”
“ เดาเอาน่ะ ” หวงเชิงอี้ก็ไม่รู้ว่าทำไม น้ำเสียงถึงดูไม่ค่อยจะไม่พอใจสักเท่าไร
เวลานี้เจ้าหน้าที่ภาคสนามก็เดินถือโทรโข่งตะโกนมาด้วยเสียงอันดัง ” ทุกคนแยกย้ายอยู่กับที่
ทุกคนเตรียมพร้อมกันแล้ว ! ”
หยางโปไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาควรจะยืนตรงไหน จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีคนข้างหลังกระชากตัวเอง “ คุณอย่าวิ่งไปมั่วซั่ว คุณเป็นแค่คนเดินสัญจรผ่านไปมา ”
หยางโปไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามแบบอย่างของคนอื่นและเดินไปมาตามท้องถนน
ยังมีหลายคนที่อยู่กับหยางโป ทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เลอะเทอะ เดินอย่างไร้จุดหมายมาบนถนนสายสั้นๆ ที่ยาวกว่าสิบเมตร
หลังจากนั้นก็เห็นพระเอกและนางเอกเดินเข้ามา ทั้งสองดูเหมือนจะกำลังพูดถึงอะไรบางอย่าง หยางโปตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง ก็ได้ยินพระเอกละครกำลังพึมพำนับเลข “ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก หนึ่ง สอง สาม…… ”
หยางโปตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปข้างหลัง พระเอกหนุ่มคนนั้นหล่อมาก แต่สีหน้าท่าทางกลับดูค่อนข้างเย่อหยิ่ง
“ หยุด ! หยุด ! หยุด ! ”
จู่ๆผู้กำกับเฉินก็หยิบลำโพงขึ้นมาและตะโกนออกมา ” คุณหยาง คุณเป็นแค่คนเดินสัญจรผ่านไปมา มันจะดีที่สุดถ้าไม่หันหน้ากลับไปมอง เมื่อสักครู่คุณเพิ่งถูกถ่ายเข้ากล้องไป ”
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากโบกมือให้ผู้กำกับเฉิน “ ผู้กำกับเฉิน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ! ”
ผู้กำกับเฉินกลับไม่สนใจชูมือขึ้น “ ถ่ายใหม่อีกครั้งสิ ! ”
ใบหน้าที่หล่อเหลาของพระเอกมีสีหน้าโกรธเกลียวอย่างปกปิดไม่มิด “ นี่ใครกัน ? ทำไมปัญญาอ่อนขนาดนี้ ทำไมเขาถึงถูกพาตัวมาที่นี่ได้ ? ” Aileen-novel
หวังลั่วตันได้รับของขวัญชิ้นใหญ่จากหยางโป ช่วงนี้ก็ได้ไปที่บริษัทมาหลายครั้ง ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที ” หยานเฉียง ระวังกิริยามารยาทหน่อย ! ”
หยานเฉียงทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ “ ผมมารยาทแย่หรือไง ? ผมจะเทียบตัวประกอบคนหนึ่งไม่ได้เลยหรือไง ? ”
“ หยานเฉียง ไม่มีใครด้อยกว่าใคร ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน ! ” หวังลั่วตันกล่าวต่อ
ทั้งสองไม่กลับไปประจำที่ตำแหน่งของตัวเอง แต่กลับยืนเถียงกัน มันจึงดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที หยางโปอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้ขึ้น
เมื่อได้ยินหยานเฉียงพูดต่อว่า ” พวกเรามาถ่ายทำกันแต่เช้า ก็เพื่อเพียงเพราะความผิดพลาดของตัวประกอบคนนี้หรือไง ? แล้วมาให้เราถ่ายทำกันใหม่อีกครั้ง ถ้าเขาไม่ใช่คนโง่ แล้วเขาเป็น
อะไร ? ”
หยางโปถูกด่าเพราะความผิดพลาดครั้งนี้ และรู้สึกค่อนข้างที่จะตกใจ แต่อีกฝ่ายพูดจาหยาบคายเอามากๆ เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา !
ผู้กำกับกเงยหน้าขึ้นและพูดด้วยเสียงอันดัง “ เหล่าหลิว คุณรีบไปดูสิ ! ”
หยานเฉียงทำฮึดฮัดไม่พอใจ “ ผมต้องมากลัวคุณในฐานะตัวประกอบหรือไง ? ”
ในขณะที่พูด หยานเฉียงยักไหล่แล้วเดินมาหาหยางโป ยังมีผู้ช่วยชายสูง เมตรเก้าสิบ ที่เดินตามเข้ามาหา คิดไม่ถึงว่าทันทีที่ผู้ช่วยชายใช้แรงก็รู้สึกว่าถูกรั้งไว้จากทางด้านหลัง เขาพยายามจะสะบัดทิ้ง แต่กลับถูกล็อคตัวเอาไว้
หยางโปส่ายหัวเล็กน้อยโดยที่ไม่คิดจะสนใจเลยด้วยซ้ำ
ในขณะที่ไหล่ของคู่ต่อสู้กระทบกัน หยางโปก็แค่เอียงตัวหลบไปทางด้านข้างเล็กน้อย หยานเฉียงถึงกับรับมือไม่ทัน พุ่งตรงเข้ามาข้างหน้า ! จนฝูงชนส่งเสียงร้องอุทานดังขึ้นทันที
เหล่าหลิวรีบวิ่งเข้ามาห้าม ” แยกย้ายเร็ว แยกย้ายกันเร็ว ! ”
หวังลั่วตันตกใจจนหัวใจไปอยู่ที่ตาตุ่ม กำลังจะเข้าไปขวางหยานเฉียงไว้ แต่กลับเห็นเขาล้มลงไปอยู่บนพื้นแล้ว เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามไปว่า “ หล่อแต่ไม่ฉลาดเลยนะ ! ”
หยางโปยิ้มแต่ก็ไม่พูดอะไร
หยานเฉียงล้มลงบนพื้น ผู้กำกับจึงรีบวิ่งเข้าไปหา เมื่อเห็นหยานเฉียงลุกขึ้นและยังจะพุ่งเข้าไปหา
หยางโป เขาก็รีบตะคอกเสียงดังใส่ทันที ” หยานเฉียง คุณจะทำอะไร ? ”
“ ผู้กำกับเฉิน เขาตีผม คุณต้องช่วยผมนะ ! ” หยานเฉียงพูดด้วยเสียงอันดัง
ผู้กำกับเฉินเหลือบมองหยานเฉียง รู้สึกเสียใจที่หลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าไม่ได้ เขาหันไปมอง
หยางโป ” คุณหยาง คุณโอเคใช่ไหม ? ”
เมื่อหยานเฉียงได้ยินคำนี้ ก็ตกใจทันที เขาล้มลงบนพื้น น่าจะแสดงความเสียใจกับเขาก่อนไม่ใช่หรือไง ?
หยางโปยิ้ม “ ไม่เป็นไร ”
ผู้กำกับเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ เอาล่ะ แยกย้ายกันได้แล้ว มารุมล้อมกันอยู่ที่นี่ทำไม ? ถ่ายทำกันต่อสิ ! ”
หยานเฉียงตะลึงเมื่อเห็นปฏิกิริยาแบบนี้ของผู้กำกับ เขาก็ตกใจนิ่งเงียบไปทันที นักแสดงในทีมของตัวเองถูกซ้อม แต่เขากลับไปปลอบใจคนอื่น ?
“ ผมไม่ถ่ายแล้ว ! ” หยานเฉียงสะบัดมือทิ้ง และโยนหมวกลงบนพื้น เขาถอดเสื้อคลุมออก
และเขวี้ยงทิ้งลงพื้นทันที “ คนแซ่เฉิน ผมจะบอกคุณให้เอาบุญนะ ผมไม่โอเค ไม่อยากถ่ายทำมันแล้ว และจะถอนเงินลงทุนออกเดี๋ยวนี้ ถอน ถอนให้หมด ! ”
ตอนนี้ในที่สุดผู้ช่วยของหยานเฉียงก็หลุดพ้นจากการฉุดดึงของลัวย่าวหัว และเดินตามหยานเฉียงออกไป
ผู้กำกับเฉินไล่ตามไปได้ไม่กี่ก้าว ก็หันมองไปรอบๆอีกครั้ง และหยุดเดินตามทันที จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกและหดกลับ เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังอยากจะรักษาศักดิ์ศรีไว้ !
หยางโปมองดูความยุ่งเหยิงในงาน อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว เขามองไปทางผู้กำกับเฉิน เมื่อเห็นใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขา “ ผู้กำกับเฉิน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ มาครั้งแรกก็ทำให้คุณวุ่นวายใหญ่เลย ”
ผู้กำกับเฉินส่ายหัวและถอนหายใจเบาๆโดยที่ไม่พูดอะไร

คนอื่นๆในงานต่างพากันส่ายหัว ไม่มีใครมีข้อคิดเห็นที่ดีกันเลยสักคน อย่างน้อยก็ไม่มีข้อเสนอใดที่ดีไปกว่าของหวังลั่วตันแล้ว
เมื่อหยางโปได้รับข้อคิดเห็นที่มีประโยชน์แบบนี้ ก็ดีใจและดื่มมากขึ้นไปอีก
เมื่องานเลี้ยงเลิกรา ทั้งเจ้าภาพและแขกเหรื่อที่มาต่างก็มีความสุขกัน
เพิ่งจะออกมาจากโรงแรม หยางโปก็เห็นตำรวจเข้ามาล้อมตัวเขาไว้ เขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
แล้วก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าขึ้นมา หยางโปเหลือบไปมองลัวย่าวหัว
” เรื่องนี้ยกให้นายจัดการก็แล้วกัน ”
ลัวย่าวหัวทำอะไรไม่ถูกไปเล็กน้อย เขาปรายตาไปทางตำรวจ ” เดี๋ยวก่อน ขอผมโทรศัพท์ก่อน ”
หยางโปหันหลังกลับไปขึ้นรถและไม่สนใจเรื่องนี้อีก
หวงเชิงอี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ” เกิดเรื่องอะไรขึ้น ? ”
“ ไม่มีอะไร เมื่อเช้ามีเรื่องทะเลาะวิวาทกับคนอื่นเล็กน้อยน่ะ เขาเคลียร์ได้ ” หยางโปกล่าว
ก็ไม่รู้ว่าลัวย่าวหัวโทรหาใคร ไม่นานก็เคลียร์เรื่องนี้จบ
วันที่สอง หยางโปอดทนทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญตลอดทั้งวัน ช่วงเย็นก็นัดผู้บริหารของเมืองภาพยนตร์มากินข้าวด้วยกัน
ลัวย่าวหัวค่อนข้างจะมีเส้นสายเยอะในแวดวง เขาพาลูกชายเศรษฐีของเมืองมาเป็นเพื่อน
เลยทำให้พูดกับเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นและกลุ่มนักธุรกิจในท้องถิ่นง่ายขึ้น เรื่องที่หยางโปพูดถึง สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่คุ้มที่จะเอ่ยถึงเลยด้วยซ้ำ
หยางโปประสบความสำเร็จในการพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงของเมืองภาพยนตร์ และยังดึงเมืองภาพยนตร์ไปร่วมลงทุนจัดตั้งขึ้นเป็นบริษัทใหม่ เขาเริ่มรับสมัครนักออกแบบกราฟิกในพื้นที่และดำเนินการออกแบบภาพลักษณ์บางส่วน
กุ้ยหลงจิ่วและคนอื่นๆ ต่างก็แยกย้ายกันกลับเช่นกัน ทีมงานรายการช่วยเหลือเขาเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่งานเลี้ยงอาหารค่ำมื้อนั้น จนถึงตอนนี้หยางโปก็คงไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริง
โชคดีที่หวังลั่วตันเสนอข้อคิดเห็นดีๆแก่เขา เลยทำให้เขามองทิศทางออก จะทำรายได้จากรายการไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทุกปีมีนักท่องเที่ยวมาที่เมืองภาพยนตร์จำนวนมาก การหารายได้จากนักท่องเที่ยวนั่นแหละง่ายที่สุด !
หยางโปเช่าสำนักงานในพื้นที่และลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ ทุกๆวัน เขาจะคอยตรวจตราแผนการออกแบบแต่ละอย่างของนักออกแบบกราฟิกของบริษัทและทำการคัดเลือกและยังได้เชิญคนอื่นๆ มาร่วมคัดเลือกด้วย
ตั้งแต่งานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งนั้น หยางโปและหวังลั่วตันก็ถือว่าเป็นคนรู้จักกัน ทั้งสองแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อกันไว้ คิดไม่ถึงว่าคนที่มาหาเขาบ่อยที่สุดกลับกลายเป็นหวงเชิงอี้ เมื่อหวงเชิงอี้เห็นแผนการออกแบบก็เสนอข้อคิดเห็นให้มากมาย ทำให้หยางโปรู้สึกขอบคุณเป็นอันมาก
หลังส่งหวงเชิงอี้กลับ หยางโปก็กลับมาที่ห้องทำงาน เขาเหลือบไปมองหน้าลัวย่าวหัว
” ฉันจำตอนอาหารค่ำนั้นได้ นายเอาแต่จ้องตาไม่กระพริบ ทำไมตอนนี้ดูหวาดกลัวไปแล้วล่ะ ? ”
ลัวย่าวหัวมองหยางโปตาขวาง “ ฉันกลัวงั้นเหรอ ? นี่ไม่ใช่ว่าฉันกลัวนะ นี่นายยังดูไม่ออกอีกเหรอว่าเธอชอบนาย ผู้หญิงคนนั้นตาสูงจริงๆ ไม่แม้แต่จะมองฉันด้วยซ้ำ เอาแต่มองคนที่หัวคิดดื้อรั้นอย่างกับท่อนไม้แบบนาย เธอไม่รู้สึกเบื่อหน่ายบ้างเลยหรือไง ? ”
“ คุณชายลัว ดื่มน้ำส้มสายชูไปมากแค่ไหนกันเนี่ย ? ทำไมถึงเปรี้ยวจัง ? ” หยางโปพูดพรางยิ้ม
ลัวย่าวหัวทำอะไรไม่ถูก เขาเหลือบมองที่หยางโป “ ไม่ใช่ว่าฉันว่านายนะ นายมองจุดประสงค์ของเธอไม่ออกเลยหรือไง ? ”
หยางโปมึนงง “ เรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ ฉันยังต้องกลับไปแต่งงานอยู่ ! ”
ลัวย่าวหัวมองหน้าหยางโป ด้วยความเกลียดชังที่หลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าไม่ได้ “ จะให้ฉันว่านายยังไงดี ผู้ชายอ่ะนะ ที่บ้านมีเมียอยู่แล้ว ยังจะมาหาเศษหาเลยนอกบ้าน ทำได้ขนาดนี้
ถึงจะเป็นชายชาตรีที่แท้จริง ! ”
“ ไม่น่าล่ะ ช่วงนี้ก็ว่าทำไมนายถึงไปมาเมืองภาพยนตร์ออกบ่อยๆ ทำไม ? ชอบใครคนไหนเข้าให้แล้วรึไง ? ” หยางโปถาม
ลัวย่าวหัวหันหลังเดินหนีไป ทิ้งให้เห็นเพียงเงาด้านหลังเลือนลาง “ ได้ นายคอยดูกันไปก่อน พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปดูอะไรสนุกๆ ”
หยางโปยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
พอตกกลางคืน หยางโปหยิบกระจกแสงจันทร์ออกมาอีกครั้ง เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางเหนือ เขาอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบซีหูมากนัก จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาว่าเหยียนหรูหยูคงจะไม่กลับมาหรอกนะ ?
แน่นอนว่าหยางโปก็ไม่อาจทิ้งความเป็นไปได้นี้ แต่ระยะห่างระหว่างที่ตรงนี้กับทะเลสาบซีหูประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบกิโลเมตร อีกฝ่ายไม่น่าจะสัมผัสถึงมันได้ ! ไอลีนโนเวล
เร็วๆนี้ หยางโปรู้สึกคราวๆ ว่าร่างกายของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอันมหาศาล ราวกับว่ามันกำลังจะทะลักออกมา เขาพยายามสงบสติอารมณ์และทำการเคลื่อนย้ายพลังไม่หยุดที่จะกดอัดมันไว้ แต่พอพลังผ่านแสงเปร่งประกายในดวงตาก็ถูกบีบอัดลงไปมากแล้ว เขาพยายามอย่างหนักมาทั้งคืน แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จ
เช้าวันที่สอง หยางโปพาลัวย่าวหัวออกกำลังกายตอนเช้าจนแล้วเสร็จ ลัวย่าวหัวก็ยิ้มและพูดว่า
” นายรีบไปอาบน้ำกินข้าว ฉันจะพานายไปยังสถานที่ถ่ายทำละคร ”
หยางโปตกตะลึงนิ่งอึ้งไปสักพัก “ สถานที่ถ่ายทำละคร ? ”
ลัวย่าวหัวเงยหน้าขึ้นอย่างหลงตัวเอง ” ถึงแล้ว เดี๋ยวนายก็รู้เอง ”
หยางโปค่อนข้างที่จะแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เขาไปอาบน้ำและกินข้าวเช้า และขึ้นรถไปกับลัวย่าวหัว
ทั้งสองคนมาถึงที่นี่ได้พักหนึ่งแล้ว หยางโปถึงกับรู้สึกคุ้นชินกับชีวิตที่นี่แล้ว ที่ที่เงียบสงบแบบนี้มันทำให้รู้สึกสบายใจ
ไม่นาน รถก็ขับเข้าไปในเขตถนนกวางโจว ลัวย่าวหัวหยุดรถ และล้วงหยิบป้ายอกออกจากกระเป๋าแล้วห้อยไว้ที่หน้าอก แล้วยื่นให้หยางโปอีกหนึ่งชิ้น
หยางโปประหลาดใจมาก “ นายไปเอามาจากไหน ? ”
“ มาที่เมืองภาพยนตร์ก็นานแล้ว ฉันก็ไม่ได้มาแบบไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ฉันไม่ได้เหมือนนายที่หมกตัวอยู่แต่ในบ้าน ตอนนี้ฉันจะเป็นดาราแล้ว ! ” ลัวย่าวหัวคุยโว้โอ้อวด ยกหางตัวเอง
หยางโปรู้สึกหมดคำพูดมาก มองดูเขาโดยที่ไม่พูดอะไร
ไม่นานลัวย่าวหัว ก็เดินเข้ามาพร้อมกับหยางโป เมื่อหยางโปเห็นผู้กำกับเฉินนั่งอยู่หน้ากล้อง สายตาก็เอาแต่จับจ้องไปที่การแสดงด้านใน
ทั้งสองก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนเช่นกัน ดูสถานที่ถ่ายทำละครกันอยู่สักพัก ผู้กำกับเฉินถึงละสายตาจากการแสดงนี้
เวลานี้ ลัวย่าวหัวเลยเดินเข้าไปหา “ อรุณสวัสดิ์ ผู้กำกับเฉิน ! ”
เมื่อผู้กำกับเฉินหันกลับมามองก็เห็นหยางโปและทั้งสองคน จึงรีบพยักหน้าให้ “ สวัสดีทั้งสองคน ตอนนี้มันก็สายมากแล้ว พวกเราเริ่มถ่ายทำกันตั้งแต่ห้าโมงเช้า ตอนนี้กำลังถ่ายทำกันไปได้สามชั่วโมงกว่าแล้ว ”
หยางโปตกใจ “ ลำบากแล้วจริงๆ ”
ผู้กำกับเฉินโบกมือ “ น้องลัว เมื่อวานคุณบอกว่าอยากได้ตัวประกอบสักคนใช่ไหม ? ผมเตรียมไว้ให้คุณแล้ว ”
“ จริงเหรอ ? ” ลัวย่าวหัวถามด้วยความประหลาดใจ
ผู้กำกับเฉินพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันไปกวักมือเรียกคนทางด้านข้าง “ เหล่าหลิว มานี่เร็ว ”
หยางโปเห็นชายร่างผอมอายุสี่สิบกว่าวิ่งเข้ามาหา “ ผู้กำกับเฉิน ! ”
ผู้กำกับเฉินชี้ไปที่ลัวย่าวหัว “ ผมแจ้งคุณแล้วไม่ใช่หรือไงว่าให้เหลือตัวประกอบไว้ให้เขาสักคน ? ”
เหล่าหลิวรีบกล่าวว่า ” คุณ เชิญตามผมมา ผมจะพาคุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้า ”
ผู้กำกับเฉินเหลือบมองหยางโปอีกครั้ง “ คุณหยาง คุณอยากจะลองดูสักหน่อยไหม ? ”
“ ผมเหรอ ? ” หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ปัดมือแล้วพูดว่า “ ไม่ต้องมั้ง ? ”
“ มาด้วยกันสิ ! ” ลัวย่าวหัวดึงชายเสื้อผ้าของหยางโปแล้วลากเขาไปที่ห้องแต่งตัวด้วยกัน
หยางโปมองดูเสื้อผ้าที่ค่อนข้างจะสกปรกที่อยู่ข้างหน้าด้วยความรู้สึกหมดทางเลือก แต่เขายังรู้สึกถึงสิ่งแปลกใหม่ เพราะยังไงซะ มันก็เป็นครั้งแรกที่ได้สวมบทบาทเป็นตัวประกอบ มันก็ยังรู้สึกแปลกใหม่เอามากๆ
เมื่อเหล่าหลิวเห็นว่าลัวย่าวหัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็ยื่นกระดาษขาวให้เขาแผ่นหนึ่ง “ นี่คือบทของคุณ ”
หยางโปเปลี่ยนเสื้อผ้าและยื่นมือไปทางเหล่าหลิว “ ผมมีบทไหม ? ”
“ คุณไม่มีบท คุณเป็นแค่คนสัญจรไปมา เดี๋ยวสักครู่ตอนเข้าฉากคุณต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ อย่าเที่ยววิ่งสะเปะสะปะ และอย่ามองไปรอบๆล่ะ อย่าจ้องมองไปที่กล้องเชียวนะ ได้ยินไหม ! ” เหล่าหลิวพูดด้วยเสียงอันดัง
หยางโปพยักหน้า นี่นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นตัวประกอบ

เดิมทีผู้กำกับเฉินเป็นคนถือตัว คิดว่าลัวย่าวหัวเป็นเพียงบุคคลตัวเล็กๆ แต่เมื่อได้ยินว่าเขาเป็นเจ้าของโรงประมูล ก็รีบหยิบแก้วเหล้าขึ้นแล้วพูดว่า ” มามา เรามาดื่มด้วยกันสักแก้ว ! ”
ลัวย่าวหัวและผู้กำกับเฉินดื่มด้วยกันแก้วหนึ่ง แต่แค่พริบตาเดียวก็กลายเป็นพี่น้องกันไปทันที
หวังลั่วตันรู้สึกแปลกใจไม่น้อย “ ไหนว่า จินหลิงชุนเป็นบริษัทของอาจารย์หยางไม่ใช่หรือไง ? ”
“ บริษัทนั้นเป็นของพวกเขาสองคน ! ” กุ้ยหลงจิ่วแนะนำ “ ผมขอแนะนำหยางโปอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เขาไม่ได้มีโรงประมูลแค่ร้านเดียว ยังมีร้านเครื่องประดับหยกอีกร้าน ที่ขายหยก อาจมีร้านในภาคใต้มากกว่า ช่วงนี้เขามาขยายธุรกิจที่เมืองภาพยนตร์ ต้องการทำธุรกิจเกี่ยวกับการสั่งทำโบราณวัตถุในการถ่ายทำภาพยนตร์ พวกคุณคนไหนพอมีช่องทาง สามารถแนะนำให้ได้นะ ! ”
หยางโปอดไม่ได้ที่จะชูนิ้วโป้งให้กุ้ยหลงจิ่ว เขากำลังกังวลว่าจะแนะนำตัวเองยังไง และจะพูดถึงจุดประสงค์ของเขาออกมายังไง คิดไม่ถึงว่า กุ้ยหลงจิ่วจะช่วยพูดให้เขา
สาวสวยอีกคนหนึ่งกลับทำหน้าเย็นชาและไม่พูดอะไร เมื่อได้ยินฐานะของหยางโป ก็อดไม่ได้ที่จะชายตามองมาทางเขา เมื่อเห็นว่าเขาหน้าตาธรรมดาและดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษสักเท่าไร
ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า ” ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับเครื่องประกับหยก เป็นร้านที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองหยางเฉิงใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ใช่ ร้านนั้นแหละ เพราะสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองหยางเฉิง ดังนั้นที่นั่นจึงมีสาขามากกว่า ”
“ ธุรกิจของอารย์หยางใหญ่โตขนาดนั้นแล้ว ทำไมยังสนใจมาทำธุรกิจขนาดเล็กที่เมืองภาพยนตร์อีก เท่าที่ฉันรู้มา ทุกปีมีจำนวนละครที่แต่งตัวด้วยชุดโบราณอยู่บางส่วน แต่ไม่ใช่ละครทุกเรื่องที่ต้องการสั่งทำเครื่องแต่งกาย มีบางส่วนที่มีทุนค่อนข้างน้อย บางทีอาจจะไม่สามารถจ่ายส่วนนี้ได้เลยด้วยซ้ำ ” สาวสวยกล่าว
หยางโปตกตะลึงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เขามาที่เมืองภาพยนตร์อย่างตื่นเต้น ทุกคนต่างมาสนับสนุนงานของเขา แม้กระทั่งเขาพูดอะไร ทุกคนต่างก็ช่วย ไม่มีใครเคยเตือนเขาถึงปัญหาจุดนี้ พอเขาได้ฟังอีกฝ่าย ก็นิ่งอึ้งไปทันที
เมื่อเห็นหยางโปเป็นแบบนี้ ลัวย่าวหัวรีบพูดขัดขึ้นมา “ ทำไมถึงไม่มีล่ะ ? เท่าที่ผมรู้มา ทุกปีจะมีการสั่งทำของไม่น้อยเลย เพียงพอสำหรับร้านเล็กๆให้อยู่รอดได้แน่ ”
เมื่อหยางโปได้ฟังคำพูดนี้ ก็แทบอยากจะอาเจียนเป็นเลือด ที่แท้ผ่านมาก็นานมาก แต่มีแค่เขาเพียงคนเดียวที่ไม่ค่อยเข้าใจปัญหานี้ แม้แต่ลัวย่าวหัวก็ยังรู้ถึงปัญหานี้ดี !
หวังลั่วตันดูเหมือนจะเห็นบางอย่างผิดปกติบนโต๊ะ เธอรีบคว้าตัวหวงเชิงอี้ไว้ โดยไม่ปล่อยให้เธอพูดอะไรอีก
หยางโปหันกลับมามองหน้ากุ้ยหลงจิ่ว “ อาจารย์กุ้ย ผมเชื่อคุณแล้วล่ะ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ทำการศึกษาตลาดเลย คุณคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่ร้านค้าเล็กๆของผมจะทำกำไรได้ ? ”
กุ้ยหลงจิ่วถูกเขาถามจนพูดอะไรไม่ออก เขาลังเลเล็กน้อย ” อันนี้ ผมขอแนะนำให้คุณหาข้อมูลก่อนดีกว่า ก่อนที่ตัดสินใจ ”
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหันมองไปที่หวงเชิงอี้ เขาไม่รู้จักอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายปากตรงกับใจ ทำให้เขารู้สึกประทับใจมาก
หยางโปชูแก้วเหล้าขึ้น “ ขอบคุณนะสาวน้อย เป็นคำพูดที่ปลุกให้คนตื่นจากความฝันได้จริงๆ
ตอนแรกผมคิดว่ามีความหวังมากที่จะได้กำไรกลับมาภายในปีนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าธุรกิจนี้ไม่ค่อยจะเหมาะสมสักเท่าไร ” Aileen-novel
หวงเชิงอี้มองหยางโปอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายลำบากในเรื่องเล็กน้อย ” แล้วคุณจะทำไงต่อ
ไป ? ”
หยางโปส่ายหน้า ” ผมไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ดีอะไรในตอนนี้ ”
ผู้กำกับเฉินนั่งลงข้างๆ หันมามองหน้าหยางโป จู่ๆก็รู้สึกแปลกๆ เขารู้สึกว่าทั้งโต๊ะดูเหมือนจะเห็น
หยางโปเป็นจุดศูนย์กลาง ทางลัวย่าวหัวไม่ต้องไปพูดถึงเลย แม้แต่กุ้ยหลงจิ่วก็เหมือนกัน และยิ่งไปกว่านั้นทุกคนก็ดูเหมือน จะให้ความใส่ใจกับธุรกิจของหยางโปมาก ธุรกิจของเขาดีขนาดนั้นเชียวเหรอ ?
หลังครุ่นคิดอยู่ได้สักพักผู้กำกับเฉินจึงสะกิดแขนของผู้กำกับหม่ามา “ ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนเป็นลูกชายเศรษฐีเลยนะว่าไหม ? ”
“ เป็นลูกชายเศรษฐีที่มีชื่อเสียงสมกับความสามารถจริงๆ อีกทั้งยังมีภูมิหลังที่ลึกมากอีกด้วย ”
ผู้กำกับหม่าพูดอย่างตรงไปตรงมา
ผู้กำกับหม่าเองก็ช่วยอะไรไม่ได้เช่นกัน หากหยางโปไม่ได้มีภูมิหลังที่ลึก เขาก็ไม่มาถ่ายทำรายการที่นี่หรอก และนับประสาอะไรจะให้หยางโปทำการโฆษณาอย่างโจ่งแจ้งในรายการอีก เรื่องนี้มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนะสิ
เมื่อหยางโปเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร ก็อดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้ “ ต้องขอบคุณทุกท่านสำหรับช่วงเวลานี้ ถ้าธุรกิจของผมขาดทุนงั้นก็ช่างมันเถอะ กลับไปผมจะลองคิดดูอีกครั้ง ว่าควรจะทำยังไงดี ! ”
พอพูดจบ หยางโปก็ชูแก้วเหล้าขึ้น ” ผมขอดื่มหมดแก้วแสดงความเคารก่อน ! ”
หวังลั่วตันนั่งลงข้างๆ ยกแก้วขึ้นจิบ “ คุณสั่งทำโบราณวัตถุ หลักๆแล้วทำเครื่องลายครามใช่ไหม ?หรือภาพวาด ? หรือของอย่างอื่น ? ”
หยางโปยิ้ม “ ได้หมด คุณหวังจะช่วยผมงั้นเหรอ ? ”
คิดไม่ถึงว่าหวังลั่วตันจะพยักหน้าและพูดว่า “ ฉันมีข้อคิดเห็นหนึ่ง ”
หยางโปชายตามองด้วยความสงสัย “ ข้อคิดเห็นอะไร ? ”
หวังลั่วตันยิ้ม “ ตัวฉันเองรู้สึกว่าข้อคิดเห็นนี้ไม่เลวเลย เถ้าแก่หยางคิดว่าจะเอาไปง่ายๆอย่างงั้นเลยเหรอ ? ”
หยางโปชะงักครู่หนึ่ง และทำท่าทีคล้อยตาม เขาเงยหน้ามองหวังลั่วตัน เมื่อเห็นว่าใบหน้าที่บอบบางของเธอสะอาดหมดจดราวกับหยก ก็ครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบกล่องเล็กๆ จากถุงข้างๆ ออกมา จากนั้นเขาก็เปิดกล่องเผยให้เห็นกำไลหยกชิ้นหนึ่งวางอยู่ด้านใน
กำไลหยกหยกชิ้นนี้ส่องแสงเจิดจ้าภายใต้แสงไฟมาก ทันทีที่หวังลั่นตันเห็นหยก ก็ถึงกับหลับตาไม่ลง เธอพอจะรู้ว่า กำไลหยกชิ้นนี้ราคาไม่ใช่ถูกๆเลย !
หยางโปวางกล่องไว้บนกระจกบนโต๊ะอาหาร “ ถ้าคุณบอกความคิดนี้ และทุกคนคิดว่าความคิดของคุณดี ถ้าอย่างนั้นกำไลหยกเม็ดน้ำแข็งนี้ก็จะตกเป็นของคุณ ! ”
เดิมทีหวังลั่วตันแสร้งสร้างสถานการณ์ตบตาเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามรีบรับปากตามข้อเรียกร้องของตัวเองเท่านั้น ไหนเลยจะคาดคิดว่า หยางโปจะเป็นคนใจป้ำแบบนี้ เธอจึงเต็มใจเป็นอย่างมาก และรู้ราคาของกำไลเม็ดน้ำแข็งเป็นอย่างดี
“ อาจารย์หยาง นี่มันก็แพงเกินไปมั้ง ! ” หวังลั่วตันทำหน้าไม่ถูก
หยางโปยิ้ม “ ไม่แพงเลย คุณต้องรู้ไว้ ผมเป็นคนขายหยก ในมือผมมีของอย่างอื่นไม่เยอะแต่มีหยกเยอะอยู่ ”
ทันทีที่หยางโปพูดคำนี้ หวังลั่วตันก็รู้สึกสบายใจขึ้น เธอพยักหน้าให้ “ คือฉันคิดแบบนี้นะ ในเมื่อเมืองภาพยนตร์มีพระราชวังออกมามากมายแบบนี้ และยังมีธีมเกี่ยวกับพระราชวังตั้งมากมาย คุณสามารถให้บริการเมืองภาพยนตร์ ในการสั่งทำอุปกรณ์ขนาดเล็กเวอร์ชันย่อชนิดต่างๆของธีมพระราชวังได้ ”
” ยกตัวอย่างเช่น พระราชวังของราชวงศ์ฉินและฮั่น คุณสามารถทำหุ่นกระเบื้องขนาดเล็กของฉินซีฮ่องเต้และสามารถสร้างนักรบและม้าดินเผาของฉินซีฮ่องเต้ได้ จะต้องมีคนชอบมันอย่างแน่นอน ”
จู่ๆ ในงานก็เงียบเสียงลง เพราะทุกคนกำลังนึกถึงแผนการของหวังลั่วตัน
“ นี่เป็นวิธีที่ดีเลย ! ” ลัวย่าวหัวเป็นคนแรกที่ปรบมือ
ต่อจากนั้นคนทั้งโต๊ะ ต่างก็พากันปรบมือให้ หยางโปขยับมือเบาๆและยื่นกำไลหยกในมือให้
ยิ้มและเอ่ยออกมาว่า “ คุณหวังวิธีนี้ดีเลย ขอบคุณมากจริงๆ ! ”
หวังลั่วตันหน้าแดง มองดูกำไลตรงหน้า “ นี่มันแพงเกินไป ”
“ ไม่แพงเลยสักนิด ข้อคิดเห็นนี้ของคุณดีมาก ผมคิดว่าของขวัญชิ้นนี้มันยังน้อยไป เดี๋ยวผมขอมอบของขวัญไปเพิ่มให้อีกหน่อย ” หยางโปกล่าว
หวันลั่นตันรีบพยักหน้า “ ไม่ต้องแล้วจริงๆ ไม่ต้องแล้ว ! ”
กุ้ยหลงจิ่วยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “ วันนี้ไม่เสียเที่ยวที่มา พวกคุณใครยังมีข้อคิดเห็นดีๆมาเสนอให้
หยางโปกระอักเลือดก้อนโตออกมากันอีกบ้าง ! ”

ถูฉีอยากพุ่งพรวดออกไปซื้อสลากกินแบ่งสักใบ ทำไมประจวบเหมาะขนาดนี้ ? ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ?
มีเสียงปรบมือดังขึ้นในงาน ถูฉีจึงทำได้แต่เพียงกัดฟันยืนขึ้น และถือกล่องไว้ในอ้อมแขน และเดินขึ้นไปบนเวที เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางหยางโป และเมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขา
เขาก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกเขาเยาะเย้ยอยู่ !
สวีอี้หมิงทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น ” สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณแซ่อะไร ? ”
“ ผมแซ่ถู ” ถูฉีตอบ
“ คุณถู ผมว่ากำไลหยกของคุณมันดูใหม่มาก ! ” สวีอี้หมิงถาม
ถูฉีพยักหน้า “ กำไลหยกนี้ผมกับภรรยาซื้อมาระหว่างไปเที่ยวที่มณฑลยูนหนานเมื่อปีที่แล้ว
จ่ายไปในราคาสามแสนกว่าหยวนในตอนนั้น ต่อมาผมคิดว่ามันอาจจะขาดทุนไปสักหน่อย
เมื่อเร็วๆนี้มีเพื่อนบางคนของผมเดินทางไปเที่ยวที่มณฑลยูนหนาน กำไลที่พวกเขาซื้อกลับมา
ต่างมีปัญหากันหมด ดังนั้นผมจึงคิดที่จะนำมาตรวจดู ! ”
สวีอี้หมิงเหลือบมองไปที่กล่องผ้า ” ผมไม่ค่อยรู้เรื่องหยก แต่ผู้เชี่ยวชาญของเรารู้ดี ดังนั้นผมจึงขอแนะนำอาจารย์หยางของเราให้รู้จัก คุณสามารถนำมันไปให้อาจารย์หยางดูได้ ! ”
ถูฉีตกตะลึงไปสักพัก เขาเพิ่งเห็นกับตาตัวเองว่าเป็นอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่ทำการประเมินและพิสูจน์ยืนยันหยกและสิ่งของเบ็ดเตล็ด จะเป็นหยางโปไปได้ยังไง ? นี่เป็นสถานการณ์ที่เขาไม่อยากพบเจอที่สุดในงาน !
เมื่อเห็นถูฉีลังเล สวีอี้หมิงก็รีบอธิบายทันที ” คุณหยางเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหยกและมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับหยก ”
สวีอี้หมิงเป็นพิธีกร จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่ช่วยทำการโฆษณาให้หยางโปง่ายๆ ดังนั้นระหว่างที่พูด จึงอดไม่ได้ที่จะทำมาเป็นพูดไปเรื่อยเปื่อย
แต่เวลานี้ ถูฉีกลับทนหน้าด้านเดินไปทางหยางโป เขารู้สึกว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดในการก้าวเดินของเขา มันไม่ง่ายเลยที่จะเดินไปหยุดอยู่ต่อหน้าหยางโป และมองดูรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของหยางโปได้ ถูฉีกล่าวออกมาว่า ” ลำบากอาจารย์หยางแล้ว ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหยางโปฉีกกว้างขึ้นไปอีก ถูฉีเกือบจะคิดไปว่าทีมงานถ่ายทำแกล้งเขา !
หยางโปก็ไม่คิดมาก่อนว่าถูฉีจะมายืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่เขาก็ไม่แย่แสมากนัก เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางขวัญหนีดีฝ่อของถูฉี
หยางโปหยิบกำไลหยกขึ้นมาดู “ กำไลชิ้นนี้ไม่เลวนะ ซื้อมาในราคาสามแสนหยวนถือว่าไม่ขาดทุน นี่เป็นกำไลหยกเนื้อแก้ววงหนึ่ง โปร่งใสดี ซื้อกำไลแบบนี้มาได้ ถือว่าสายตาดีมาก ”
“ โดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ราคาหยกได้เพิ่มขึ้นสูงมาก ยิ่งเป็นหยกระดับไฮเอนด์มากเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่าตัว ดังนั้นหากคุณมีหยกระดับไฮเอนด์อยู่ในมือ ก็เก็บสะสมไว้ได้ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆในอนาคต ” ไอลีนโนเวล
หยางโปพูดไปได้เพียงไม่กี่คำ แต่ถูฉีรู้สึกเหมือนผ่านไปครึ่งศตวรรษแล้ว สำหรับเขาแล้ว การที่เขายืนอยู่ที่นี่ และมีหยางโปค่อยยืนแสดงความคิดเห็นอยู่ต่อหน้า มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาคนหนึ่ง ที่ต้องมาเผชิญหน้าอยู่กับความสิ่งที่คุณครูกำลังวิพากษ์วิจารณ์ มันทำให้รู้สึกสับสนมากจริงๆ
แต่ถูฉีกลับไม่ทันได้ยินสิ่งที่หยางโปพูด เมื่อเขาเห็นกุ้ยหลงจิ่วหยิบไมโครโฟนขึ้นมาพูดสองสามคำ เขาก็รีบพยักหน้าทันที และเดินขึ้นไปหยิบกำไลตรงหน้า หันหลังและเดินออกไป เพิ่งเดินไปได้สองสามก้าว เขาก็เห็นพิธีกรเรียกเขาไว้ เขาถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็เห็นทุกคนในงานหัวเราะดังลั่น เขาก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เมื่อหันกลับมามองดู ถูฉีก็เห็นกุ้ยหลงจิ่วถือกล่องผ้าอยู่ในมือและกำลังจะยื่นมันมาให้เขา
เขาจึงเดินกลับไปหยิบกล่องผ้า ยิ้มและพูดว่า ” ขอบคุณ ”
ถูฉีเห็นกุ้ยหลงจิ่วพูดอะไรบางอย่างออกมาจากปาก แต่เขากลับได้ยินไม่ชัด จากนั้นในงานก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง
ถูฉีรู้สึกเหมือนตัวเองหูหนวก ไม่ได้ยินอะไรเลย เขาแทบรอไม่ไหวที่จะเดินออกไปข้างนอก
และออกไปจากสตูดิโอนี้ ใช้เวลาอยู่นานกว่าเขาจะหายดีและกลับมาเป็นปกติ
กุ้ยหลงจิ่วมอบกล่องผ้าให้ถูฉี ถือไมโครโฟนและพูดด้วยรอยยิ้ม ” คุณถูนี่คงดีใจเอามากๆ
มีคำอธิบายเมื่อกลับบ้านแล้ว ในที่สุดก็ไม่ต้องคุกเข่าอธิบายอะไรแล้ว ดังนั้นถึงได้ตื่นเต้นจนลืมหยิบกล่องไปด้วยเลย ”
มีเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะดังขึ้นในงาน ตามที่ผู้กำกับของทีมถ่ายรายการจัดสรรมา
การบันทึกรายการในวงบ่ายนี้จบลงเพียงเท่านี้
หยางโปหันไปหากุ้ยหลงจิ่ว และพูดขึ้นว่า ” คืนนี้อย่าลืมช่วยผมโปรโมทการขายด้วยนะ ”
กุ้ยหลงจิ่วพยักหน้า ” ไม่มีปัญหา ”
ผู้ชมด้านล่างเวทีค่อยๆ แยกย้ายกันไป ลัวย่าวหัวเดินเข้ามา ” คืนนี้วานแพลนไว้ว่าไง ? ”
“ คืนนี้จะไปกินข้าวเย็นกับดาราสาว ไปด้วยกันไหม ? ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวตาเป็นประกาย “ นายคิดว่าฉันเป็นเหมือนนายหรือไง ที่จะชอบงานสไตล์แบบนี้ ? ดาราสาวมันแปลกมากไหม ? นายนี่มันรู้น้อยเห็นน้อยพอได้เห็นก็ตื่นตาตื่นใจเชียว นายไม่รู้ ก่อนหน้านี้ฉันไปกินข้าวกับดาราสาวมาแล้วหลายคน ! ”
“ อ้อ ถ้าอย่างนั้นนายก็ลองนับดูสิ ” หยางโปพูดแซว
ลัวย่าวหัวส่ายหัว “ ยังจะนับอะไรอีก เยอะขนาดนั้น จะนับถูกได้ไง ! ”
หยางโปอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
สวีอี้หมิงเดินเข้ามาหาอย่างเร่งรีบ “ อาจารย์ทุกท่าน ไปกันเถอะ พวกเราไปทานอาหารเย็นด้วยกัน คืนนี้ทีมถ่ายทำได้จัดเตรียมสถานที่ไว้ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากทางเราได้เชิญดาราหลายท่านมาร่วมงานด้วย ยังคงต้องอาศัยบารมีอาจารย์ทุกท่านมารักษาหน้าไว้ให้ พวกเขายังได้พาเพื่อนมาด้วย เดี๋ยวสักครู่คงต้องเรียนเชิญพวกคุณมาประเมินและพิสูจน์ยืนยันให้เป็นการส่วนตัว ถ้าเป็นของดี อาจจะได้ขึ้นโชว์ในรายการของวันพรุ่งนี้ก็ได้ ”
ลัวย่าวหัวอดใจรอที่จะถามไม่ได้ “ มีใครอยู่ที่นั่นบ้าง ? ”
สวีอี้หมิงและลัวย่าวหัวก็ถือว่าเป็นคนรู้จักมักคุ้นกันแล้ว เขายิ้มและพูดว่า ” คุณชายลัว คุณใจร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
“ อี้หมิง แม้แต่คุณก็ล้อผม ไปไม่เป็นแล้วจริงๆ ” ลัวย่าวหัวกล่าว
ไม่นาน ทั้งคณะก็มาถึงโรงแรม นี่เป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่นี้ หยางโปก็เคยมาที่นี่มาก่อน พวกเขาเดินไปตามที่พนักงานบอก จนมาถึงห้องวีไอพี
อยู่ในห้องวีไอพีได้ไม่นานมาก จากนั้นก็เห็นกลุ่มคนเดินเข้ามากันอย่างยาวเหยียด ที่เดินนำหน้ามาคือผู้กำกับเฉินที่มาปรากฏตัวในช่วงบ่ายถัดจากผู้กำกับเฉินยังมีชายอ้วนวัยกลางคนซึ่งเป็นผู้กำกับของรายการ
ตามมาด้วยสาวสวยคู่หนึ่ง หนึ่งในนั้นคือหวังลั่วตัน อีกคนเป็นผู้หญิงผิวขาวสวย หยางโปรู้สึกค่อนข้างที่จะคุ้นหน้า เขาหันไปและคิดจะแนะนำให้ลัวย่าวหัวรู้จัก แต่คิดไม่ถึงว่าลัวย่าวหัวจะจ้องมองตาไม่กระพริบ
หยางโปรู้สึกอายมาก รีบหักหลบอย่างรวดเร็ว และเดินออกห่างเว้นระยะไปจากลัวย่าวหัว
ทุกคนต่างพากันทยอยยืนขึ้นจับมือกันทีละคน และกลับไปนั่งลงที่ตัวเองอีกครั้ง หยางโปและคนอื่นๆ นั่งลงที่โต๊ะหลัก คนที่มาทีหลังต่างก็ไปนั่งกันอีกโต๊ะ
ผู้กำกับหม่าของทีมรายการเป็นคนชูแก้วเหล้านำและพูดกับทุกคนว่า ” ผมในนามของรายการต้องขอขอบคุณทุกคนและขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของทุกท่าน ! ”
ผู้กำกับเฉินหัวเราะและกล่าวว่า ” ผู้กำกับหม่าเกรงใจเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเราก็ดูรายการนี้กันบ่อยๆ พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เข้ามาร่วมเป็นหนึ่งกับรายการนี้ ”
“ ขอบคุณผู้กำกับเฉิน ขอบคุณมากจริงๆ ! ” ผู้กำกับหม่ากล่าวต่อ
กุ้ยหลงจิ่วกล่าวขึ้นว่า ” ไม่จำเป็นต้องขอบคุณอะไรมาก แค่มองตาก็รู้ใจ ! ทุกคนมาดื่มด้วยกันสักแก้วดีกว่า ! ”
กุ้ยหลงจิ่วอายุมากแล้ว และยังมีฐานะที่สูง ทุกคนต่างก็ไว้หน้าเขา ผู้กำกับทั้งสองรีบพยักหน้าทันที ยกแก้วขึ้นดื่มด้วยกัน
ลัวย่าวหัวก็ค่อนข้างที่จะกระตือรือร้นเช่นกัน ยกแก้วชมกับผู้กำกับเฉิน ผู้กำกับหม่ารีบแนะนำทันที “ ท่านนี้คือผู้ถือหุ้นของ โรงประมูลจินหลิงชุน คุณหวังซื้อภาพวาดมาจากโรงประมูลจินหลิงชุนของเขามาใช่ไหม ? ถ้ามีอะไรปัญหาอะไร ก็ไปหาเขาให้รับผิดชอบได้ ! ”

จานลายคราลายดอกไม้ของผู้กำกับเฉินถูกประเมินและพิสูจน์ยืนยันว่าเป็นของปลอม แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีทุกข์ใจเลย แต่กลับทำให้ทุกคนในงานหน้าเหวอไปตามๆกัน
“ ปีที่แล้วผมซื้อเครื่องลายครามชิ้นหนึ่งมาจากเยอรมนีเป็นของปลอมเหมือนกัน คนต่างชาติฉลาดหลักแหลมเกินไป พวกเขาขายของดีให้คนของตัวเองหมด แต่กลับเลือกขายของปลอมพวกนี้ทั้งหมดให้พวกเรานักท่องเที่ยว ”
“ ปีที่แล้วผมก็เจอเรื่องแบบนี้ที่อเมริกาเหมือนกัน แต่ลูกเขยได้จ้างทนายความที่อเมริกาให้
ผมถึงสามารถคืนของปลอมไปได้ ! ”
“ ไม่ต้องไปพูดถึงต่างประเทศหรอก ขนาดอยู่ในประเทศยังซื้อโดนของปลอมกันเลย จะไปถึงต่างประเทศกันทำไม ? ”
หยางโปมองผู้กำกับเฉินที่เดินออกไปแต่ไม่ได้พูดอะไร เมื่อสักครู่ที่เขาสอดแทรกมุขตลกไป
ก็แค่อยากทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอับอายน้อยลง เพราะอย่างไรเสียการที่ผู้กำกับใหญ่คนหนึ่งซื้อของปลอมมาแบบนี้ มันคงพูดไม่ออกกันไปที่เดียว
โชคดีที่ผู้กำกับเฉินไม่ได้รู้สึกขายหน้ามาก เดินลงจากเวทีพร้อมกับนำเครื่องเคลือบลายครามลงไปด้วย
กุ้ยหลงจิ่วหันไปกระซิบกับหยางโป ” แผนการของคุณเราทุกคนรู้กันหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าอยากมาเปิดธุรกิจที่นี่หรือไง ? คืนนี้ไม่มีบันทึกรายการ พวกเรานัดพวกเขาไปกินข้าวด้วยกันนะ ! ”
หยางโปเหลือบมองออกไปข้างนอกและถอนหายใจเล็กน้อย “ น่าเสียดายที่คนไปแล้ว ”
“ ไม่ต้องกังวล พวกเขาไม่มีทางไปไหนแน่ ” กุ้ยหลงจิ่วกล่าว
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วนึกถึงที่สวีอี้หมิงพูดไว้ ถ้าไม่มีดารานักแสดง พวกเขาส่งบัตรเชิญไปให้ ยังมีใครจะไม่มาอีกหรือไง ?
จะว่ากันอีกนัยหนึ่งคือ ดาราพวกนี้ ได้รับคำเชิญมาจากทีมรายการทั้งหมด ! เพื่อแสดงความขอบคุณในค่ำคืนนี้ ทีมงานรายการต้องเชิญพวกเขามาร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกันอย่างแน่นอน !
จู่ๆ หยางโปก็นึกขึ้นมาได้ เขาจึงหันไปมองหน้ากุ้ยหลงจิ่วและส่ายหัวให้เล็กน้อย “ แผนการของพวกคุณมันช่างลึกล้ำมากจริงๆ ทำเอาผมเทียบไม่ติดเลย ! ”
กุ้ยหลงจิ่วหัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
ไม่นาน หน้าจอขนาดใหญ่ในงานก็กระพริบแสงระยิบระยับ มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งปรากฏอยู่บนนั้น หยางโปเหลือบมองและรู้สึกคุ้นตามาก นี่คือพระพุทธรูปของเจ้าของโรงแรมองค์นั้นไม่ใช่เหรอ ?
ดูเหมือนลัวย่าวหัวจะสังเกตเห็นรายละเอียดนี้ด้วยเหมือนกัน เขาเหลือบไปมองทางหยางโป
หยางโปชี้ไปที่นอกประตู และเห็นเจ้าของโรงแรมเดินอุ้มพระพุทธรูปเข้ามาจริงๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปิติยินดี พอเดินมาถึงใจกลางเวทีก็ถูกสวี่อี้หมิงขวางไว้
” สวัสดีครับ ทำไมผมได้กลิ่นอะไรหอมๆ ? ” สวีอี้หมิงเอ่ยถาม
เถ้าแก่หัวเราะลั่น “ นี่คือพระพุทธรูปจากโรงแรมของผม สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษมีประวัติศาสตร์มายาวนานหลายร้อยปี ผมอยากเชิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจดูให้หน่อย
ว่าพระพุทธรูปองค์นี้เป็นยังไงบ้าง ? ”
สวีอี้หมิงตกใจไปอยู่ครู่หนึ่ง “ คุณหมายความว่า คุณอันเชิญพระพุทธรูปที่คุณเคารพบูชาอยู่มาใช่ไหม ? ”
เถ้าแก่พยกหน้า “ ใช่ ! ”
สวีอี้หมิงมองหน้าเถ้าแก่ จากนั้นก็มองไปที่พระพุทธรูปอีกครั้ง ” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ! ”
พอพูดจบ เขาก็ชี้ไปที่ที่นั่งแขก “ คุณรีบเอาไปให้ผู้เชี่ยวชาญสองสามท่านดูเร็ว นี่มันเป็นโชคลาภของครอบครัวคุณมาหลายร้อยปีเชียว ! ” ไอลีนโนเวล
เจ้าของโรงแรมวางพระพุทธรูปลง แต่พอเงยหน้าขึ้นก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที
“ คุณ… ทำไมคุณถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ ? ”
หยางโปยิ้ม “ ทำไมผมจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ? ”
กุ้ยหลงจิ่วเหลือบตามอง ” คุณสองคนเคยรู้จักกันมาก่อนเหรอ ? ”
“ ไม่ ผมพักอยู่ที่ในโรงแรมของเขา เคยเจอหน้ากันสองสามครั้ง ” หยางโปตอบ
เจ้าของโรงแรมมองหยางโปแล้วฉีกยิ้มให้ เรื่องชกต่อยกันเมื่อเช้า ยังเคลียร์กันไม่จบ ตำรวจกำลังตามหาตัวหยางโปอยู่ คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ และยังดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในรายการประเมินและพิสูจน์ยืนยันอีก สถานะที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้
ทำเอาเขาแทบไปไม่ถูกเลยทีเดียว
กุ้ยหลงจิ่วยืนขึ้น และเดินไปรอบๆพระพุทธรูป ใช้ปลายนิ้วกดไปที่พระพุทธรูปอีกครั้ง หลังจากยืนยันวัสดุของพระพุทธรูปแล้วถึงได้นั่งลง
เจ้าของโรงแรมอดไม่ได้ที่จะมองไปทางกุ้ยหลงจิ่วด้วยความหวังอันล้นปรี่ คนส่วนใหญ่ที่มาถึงที่นี่ต่างก็คาดหวังกันว่าจะได้พบเจอกับโชคลาภ ส่วนใหญ่เกินกว่าครึ่งที่รายการถ่ายทอดออกอากาศทางโทรทัศน์ล้วนแล้วแต่สร้างรายได้มหาศาล มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ได้ร่ำรวย แต่ทั้งหมดมันเป็นเพียงแบบอย่างบางส่วน แต่สิ่งที่หลายคนคิดไม่ถึงคือรายการประเมินและพิสูจน์ยืนยันทั้งหมดสี่สิบห้านาที อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเจ็ดถึงแปดชั่วโมงในการบันทึกรายการ นี่เป็นเพียงการตระเตรียมเนื้อหาให้เพียงพอเท่านั้น ถึงจะทำการการบันทึกรายการได้ !
ถ้าวันนั้นโบราณวัตถุไม่มีคุณสมบัติเฉพาะ อาจต้องถ่ายทำรายการฉากเดียวนานกว่าสิบชั่วโมงเลยทีเดียว ทั้งหมดนี้มีความเป็นไปได้ การจะเลือกใช้รายละเอียดของคลิปช่วงไหน ล้วนแล้วแต่เป็นการพิจารณาโดยทีมผู้กำกับ
กุ้ยหลงจิ่วรู้ใจคนที่ทำการประเมินและพิสูจน์ยืนยันเป็นอย่างดี เขายิ้ม ” คุณเพิ่งบอกว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีอายุมาหลายร้อยปีแล้วทำไมถึงเชิญมาที่นี่แต่ทำไมไม่นำไปสักการะบูชาต่อ ? ”
เถ้าแก่ยิ้ม “ นี่คือสมบัติที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เลยอยากรู้ว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอมกันแน่ ”
“ ของจริงหรือของปลอม ? มันก็พูดยาก ถึงยังไงมันก็มีอายุหลายร้อยปี ดังนั้นจึงพูดไม่ได้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ! ” กุ้ยหลงจิ่วกล่าว
เจ้าของโรงแรมรีบพยักหน้า “ คุณพูดถูก ไม่มีของจริงหรือของปลอมมาแบ่งแยก ! ”
กุ้ยหรงจิ่วกล่าวต่อว่า “ ดูจากวัสดุแล้ว นี่คือวัสดุจากไม้การบูร ถึงแม้จะมีการเคลือบหนาอีกชั้น
แต่ยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ฝีมือการทำพระพุทธรูปองค์นี้ประณีตและดีมาก คุณสามารถนำกลับบ้านไปสักการบูชาต่อได้ ”
เจ้าของโรงแรมสับสนเล็กน้อย “ ผมไม่ค่อยเข้าใจ ความหมายของคุณคือ พระพุทธรูปองค์นี้ไม่ได้มีค่าอะไรอย่างงั้นเหรอ ? ”
กุ้ยหลงจิ่วพยักหน้า “ พระพุทธรูปองค์นี้ไม่ได้มีมูลค่าสูงมากนัก แต่ยังไงซะมันก็เป็นวัตถุโบราณที่สืบทอดต่อกันมาหลายร้อยปีแล้ว ถือว่าเป็นของที่มีคุณค่าทางจิตใจ ! ”
เจ้าของโรงแรมตกตะลึงไปในทันใด เขาพยักหน้าและอุ้มพระพุทธรูปกลับไปทันหลังจากฟังเสร็จ
กุ้ยหลงจิ่วมองดูเจ้าของโรงแรมเดินออกไป จากนั้นก็หันหน้ามามองหยางโป ” คุณมีความแค้นกับเขาใช่ไหม ? ทำไมผมรู้สึกว่าแววตาของเขาก่อนที่จะจากไปมันดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไร ! ”
“ มีไหม ? ” หยางโปมองหน้าเจ้าของโรงแรมอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายเดินออกไปนอกประตูแล้ว
ถูฉีนั่งลงบนเวทีและมองดูการประเมินและพิสูจน์ยืนยันบนเวที จู่ๆก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขานั่งอยู่ด้านล่างเวทีและรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังปกปิดความผิดพลาดอยู่ ดังนั้นจึงทำให้หยางโปมองไม่เห็นสถานการณ์ด้านล่างเวที และยิ่งมองไม่เห็นใบหน้าของเขาไปอีก
อาจเป็นเพราะเขาส่งใบสมัครช้าเกินไป ครึ่งค่อนวันกว่าจะมา รายการในช่วงบ่ายใกล้จะจบลงแล้ว ยังไม่มีคนเรียกชื่อเขาเลย มันทำให้เขาโล่งใจ เป็นเพราะหยางโปทำให้เขาแปลกใจเป็นอย่างมาก เมื่อวานเขายังคงโชว์พราวว่าเขาได้บัตรผ่านประตูต่อหน้าเขา ไหนเลยจะคาดคิดว่า วันนี้จะเห็น
หยางโปนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญ !
เขาโอ้อวดต่อหน้าผู้มีความสามารถสูง ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคทั้งมวล นี่ทำให้เขารู้สึกละอายจนไม่กล้าขึ้นไป เขาเฝ้าแต่ภาวนาอยู่แต่ด้านล่างเวที อย่าได้ให้เรียกชื่อเขาเชียว บางทีรอจนถึงพรุ่งนี้เขาก็จะสามารถหาคนในครอบครัวมาแทนเขาได้ แบบนี้เขาก็จะได้ไม่รู้สึกขายหน้า
เวลาใกล้จะจบลงโดยไม่รู้ตัว ถูฉีได้ยินแม้กระทั่งผู้กำกับบอกว่าเหลือคนสุดท้ายแล้ว เขานั่งตัวตรงด้วยใบหน้าที่มีความสุข เหลือเพียงคนสุดท้ายเท่านั้น เป็นไปได้ไหมว่าจะมาเป็นเขา ? เขาจะโชคดีแบบนี้ได้ยังไง ?
ถูฉีลืมตาขึ้นและจ้องไปที่หน้าจอขนาดใหญ่ในห้อง มีโบราณวัตถุต่างๆเลื่อนไปมาอยู่ด้านบน
เขาจ้องมองไปที่การเปลี่ยนแปลงในนั้น ทุกอย่าง ” หยุด ” ลงตามที่พิธีกรสั่ง ด้านบนหน้าจอขนาดใหญ่มีกำไลหยกวงหนึ่งปรากฏขึ้น
รอยยิ้มบนใบหน้าของถูฉีแข็งทื่อไปในทันที !

หวังลั่วตันเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ถือกล่องผ้าไว้ในอ้อมแขน เธอหันไปทักทายพิธีกร
” สวัสดี อี้หมิง ! ”
สวีอี้หมิงเบิกตากว้าง ” สวัสดี ลั่วตัน ผมแปลกใจมากจริงๆ ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่ ! ”
หวังลั่วตันยิ้มและพูดว่า ” มีอะไรให้น่าแปลกใจ ทุกปีฉันใช้เวลาเกือบทั้งปีมาถ่ายทำอยู่ที่นี่ เราก็รู้จักกันมาหลายปีแล้ว แต่มีโอกาสน้อยมากที่จะได้พบหน้ากัน หวังว่าทีมงานรายการของคุณจะมาที่เมืองภาพยนตร์ของเราบ่อยๆในอนาคต ! ”
สวีอี้หมิงยิ้มและพูดว่า ” คุณวางใจได้ ความปรารถนาของคุณ ผมจะบอกต่อให้หัวหน้ารายการทราบแน่นอน ! ”
ทำหลังจากพูดเล่นกันพอหอมปากหอมคอ สวีอวี้หมิงก็เหลือบมองกล่องผ้าในอ้อมแขนของ
หวังลั่วตัน ” กล่องใบนี้มีภาพวาดอยู่ด้านในใช่ไหม ? ”
หวังลั่วตันพยักหน้า ” ฉันซื้อภาพนี้มาจากร้านประมูลแห่งหนึ่งในจินหลิงเมื่อนานมาแล้ว ฉันนำมาลองตรวจดูหวังว่ามันจะไม่มีปัญหา ”
สวีอี้หมิงยิ้ม ” ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ดูแล้ว คุณนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญดูเลยดีกว่า ! ”
หวังลั่วตันพยักหน้าและนำกล่องผ้าเดินเข้ามา
กุ้ยหลงจิ่วหยิบกล่องผ้ามาแต่กลับไม่ได้เปิดออก เขาหันไปมองหวังลั่วตัน ” ผมมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง คุณอยากฟังไหม ? ”
หวังลั่วตันใจตกไปอยู่ตรงตาตุ่ม “ อาจารย์กุ้ย ฉันชอบคุณที่สุดแล้ว คุณอย่ามาทำให้ฉันตกใจกลัวเชียวนะ ภาพนี้ก็ราคาไม่เท่าไร แต่เป็นเงินสะสมที่ฉันเก็บมานานเลยนะ ! ”
กุ้ยหลงจิ่วอดหัวเราะไม่ได้ “ ผมขอถามคุณสักคำถามหนึ่ง เมื่อตะกี้ คุณบอกว่าประมูลมาจากโรงประมูลจินหลิงชุน ผมอยากจะถามว่าชื่อโรงประมูลนั้นคืออะไร ? ”
หยางโปที่นั่งข้างกันไม่มีทางอื่น เขารู้ถึงเจตนาของกุ้ยหลงจิ่วดี แต่ก็ไม่เลวที่ได้ทำการโฆษณาฟรี
หวังลั่วตันชายตามองมา “ ชื่อว่าจินหลิงชุน ”
กุ้ยหลงจิ่วดูสีหน้าเคร่งขรึม “ ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนี้ของผมยังคงเป็นจริง คุณหวัง ครั้งนี้คุณมาผิดที่แล้ว ”
หวังลั่วตันค่อนข้างจะแปลกใจ “ เกิดอะไรขึ้น ? ”
กุ้ยหลงจิ่วชี้ไปที่หยางโป ” อ้อ ท่านนี้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโรงประมูลจินหลิงชุน คุณว่าเขานั่งอยู่ที่นี่ ต่อให้มีของปลอมเราจะกล้าพูดได้ยังไง ? ”
หยางโปรีบประสานมือคารวะและอ้อนวอนขอความเมตตา “ อาจารย์กุ้ย ผมขอประสานมือโค้งคารวะให้เลย คุณอย่าเอ่ยถึงอีกนะ กลับไปทางรายการคงไปขอค่าโฆษณากับผมแน่ๆ ! ”
มีเสียงระเบิดหัวเราะดังลั่นขึ้นในงาน เดิมทีทุกคนเห็นว่าหยางโปดูเคร่งขรึมและจริงจัง แต่ไม่คิดเลยว่าจะพูดเล่นเป็น
กุ้ยหลงจิ่วยิ้มและทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า พูดแบบนี้อาจไม่ดีนัก แต่เขาก็ยังกัดฟันพูดต่อ
” ในเมื่อเป็นของจินหลิงชุน เดิมทีผมก็ไม่คิดที่จะทำการประเมินพิสูจน์ยืนยันให้ เพราะผมเข้าใจ โรงประมูลมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมาก ไม่มีทางมีของปลอมแน่นอน ”
” หยุด หยุด ! ” สวีอี้หมิงรีบพูดขัดขึ้น ” อาจารย์หยาง รีบไปจ่ายค่าโฆษณาที่หลังเวทีเร็ว ไม่อย่างนั้น คงไม่กล้าถ่ายทอดให้คุณออกฉากนี้แน่ ! ” ไอรีนโนเวล
หยางโปยิ้มและกล่าวว่า “ ผมจะรีบไปจ่ายให้เดี๋ยวนี้ ! ”
มีเสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งในงาน
กุ้ยหลงจิ่วหยิบภาพวาดออกมาจากกล่องผ้า “ เดิมทีผมตั้งใจจะให้อาจารย์หยางอธิบายให้ฟัง
แต่ในเมื่อเขาต้องการหลีกเลี่ยงข้อสงสัย งั้นผมก็จะมาเป็นคนพูดเอง ภาพวาดดอกไม้และนกของสวีเว่ย สมัยราชวงศ์หมิง ค่อนข้างอิสระ สไตล์การเคลื่อนไหวพู่กันอย่างอิสระพู่และดื้อรั้น วิธีการตวัดพู่กันที่ดูเป็นธรรมชาติและมีความอิสระ ”
“ คำพูดของสวีเว่ย เป็นคำพูดที่เป็นจริง จะว่าจริงก็จริงจะว่าไม่จริงก็ไม่จริง แต่รูปแบบการวาดภาพที่อิสระเสรีแบบนี้ มันถึงจะทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนจริง ภาพวาดนี้ของคุณ มีศิลปะและลีลาการวาดลวดลายที่มีความสอดคล้องและเป็นระเบียบ หมึกจากแปรงพู่กันเข้มจางเข้ากันได้ดี ท่วงทีการวาดภาพแบบนี้ของปรมาจารย์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือผลงานแท้ของสวีเว่ย ! ”
ถึงแม้หวังลั่วตันจะคาดเดาได้นานแล้ว แต่ก็อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ “ ขอบคุณอาจารย์กุ้ย ขอบคุณ ! ”
มีเสียงปรบมือดังขึ้นในงาน เสียงของสวีอี้หมิงก็ดังตามมาเช่นกัน ” อาจารย์หยาง คุณไม่คิดที่จะพูดอะไรสักคำเลยเหรอ ? ”
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงหยิบไมโครโฟนขึ้นมา ” ถ้าผมพูดขึ้นมา งั้นคงต้องทำการโฆษณาสักหน่อยแล้ว ผมกลัวว่าจะไม่มีเงินจ่ายค่าโฆษณาทีหลังนะสิ ถ้างั้นอย่าพูดเลยดีกว่า ! ”
“ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะช่วยพูดแก้ต่างลดราคาให้คุณสักหน่อย ” สวีอี้หมิงกล่าว
การมาถึงของดาราคนแรก ทำให้บรรยากาศในงานเกิดคึกคักขึ้นมาทันที ถัดมาดูเหมือนว่าระหว่างคนที่ขึ้นมาจะห่างกันอยู่แค่สองสามคน ก็จะมีดาราภาพยนตร์ขึ้นมาปรากฏตัว เรื่องแบบนี้มันทำให้งานดูตื่นเต้นเร้าใจคนแล้วคนแล้ว !
หยางโปนั่งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับดาราภาพยนตร์เหล่านี้อยู่ในงาน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
จนถึงช่วงบ่ายห้าโมงเย็น ก็มีดาราทยอยกันมาห้าถึงหกคน ชายวัยกลางคนหน้าตาสุดแสนจะธรรมดาคนหนึ่งเดินกอดเครื่องลายครามเข้ามา
สวีอี้หมิงเข้าไปทักทายเขา ” สวัสดีครับผู้กำกับเฉิน ! คิดไม่ถึงจริงๆ ว่ามาถึงเมืองภาพยนตร์แล้วจะพบเจอของที่มากที่สุดไม่ใช่โบราณวัตถุ แต่กลับเป็นผู้กำกับและนักแสดง ! ”
มีเสียงหัวเราะลั่นขึ้นมาในงาน แต่เขาก็พูดถูก มีผู้กำกับและนักแสดงมากมายอยู่ที่นี่
หยางโปยิ้ม ในที่สุดคนที่รอก็มาเสียที ปกตินักแสดงมักจะไม่สนใจอุปกรณ์การแสดง มีเพียงผู้กำกับเท่านั้นที่สนใจของพวกนี้ แน่นอนว่าส่วนมากแล้วจะเป็นผู้ช่วยผู้กำกับที่รับผิดชอบส่วนนี้ซะมากกว่า แต่จะดีกว่าไหมถ้าได้เจอตัวผู้กำกับใหญ่ ?
หยางโปจึงไม่สนใจว่าสวีอี้หมิงพูดอะไรกับอีกฝ่าย เงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าผู้กำกับเฉินเดินมาถึงหน้าโต๊ะแล้ว กุ้ยหลงจิ่วชี้ไปที่หยางโป ” เอาให้เขา ! ”
หยางโปมองผู้กำกับเฉินที่วางจานกระเบื้องลายครามลายดอกไม้ลง และหันไปพยักหน้าให้อีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ส่งยิ้มกลับคืนมาให้
แค่ก้มหน้าสำรวจดูอย่างละเอียดแป๊บเดียว หยางโปก็ตกตะลึงไปพักหนึ่ง ผู้กำกับใหญ่นี้คุณคงซื้อกลับมาจากแผงขายของริมถนนใช่ไหม ?
หยางโปช่วยอะไรไม่ได้ เขาจึงต้องหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากกุ้ยหรงจิ่ว
กุ้ยหลงจิ่วเข้าใจทันที เขายิ้มและพูดขึ้นว่า ” เมื่อสักครู่ผู้กำกับเฉินบอกว่าซื้อเครื่องลายครามชิ้นนี้กลับมาจากต่างประเทศ ประเทศอะไรนะ ? ”
“ ซื้อกลับมาจากร้านเล็กๆในญี่ปุ่น ” ผู้กำกับเฉินตอบ
กุ้ยหลงจิ่วถามไปอีกคำ จากนั้นถึงได้ชายตามองหยางโป และไม่พูดอะไรมากอีก
หยางโปพยักหน้าขอบคุณกุ้ยหลงจิ่วเป็นอันมาก จากนั้นก็หันกลับมาพูดว่า “ ผมก็เคยไปประเทศญี่ปุ่น และได้ไปเดินเยี่ยมชมร้านขายของเก่าของพวกเขามาด้วยเช่นกัน แน่นอน ยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือผมก็เคยไปมา และผมก็ได้ค้นพบปรากฏการณ์หนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไหน ของที่ขายในร้านขายของเก่า ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ของเก่าแท้ทั้งหมด ”
ผู้กำกับเฉินมองมาด้วยสีหน้าที่แปลกใจ “ ความหมายของอาจารย์หยางคือ ของโบราณวัตถุชิ้นนี้มีปัญหา ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ด้านล่างฐานของจานกระเบื้องลายครามลายดอกไม้ชิ้นนี้ ระบุด้านล่างของฐานไว้ว่า ‘ สร้างขึ้นในสมัยเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง ’ ลายมือของตรงฐานนี้มีปัญหา เพราะตรงฐานของราชวงศ์ชิงทั้งหมดใช้ตัวอักษรข่ายซูที่เป็นแบบเดียวกันหมด ฐานของวัตถุโบราณชิ้นนี้ กลับมีกลิ่นอายของศิลป์การเขียนพู่กันจีนในแบบฉบับตัวอักษรญี่ปุ่นที่เข้มข้น ไม่ทราบว่าผู้กำกับเฉินสังเกตเห็นไหม ? ”
ผู้กำกับเฉินจ้องไปที่ฐานของโบราณวัตถุและส่ายหัว “ ผมศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการเขียนอักษรจากพู่กันจีนไม่มากนักและยังไม่เข้าใจของพวกนี้อีกด้วย ก่อนหน้านี้ผมยังคิดเลยว่าร้านขายของเก่าในต่างประเทศคงจะเป็นของแท้ทั้งหมด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาก็หลอกคนเป็นเหมือนกัน ! ”
หยางโปยิ้ม “ ธุรกิจไง คนในโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อผลกำไรให้ตัวเอง มันก็เหมือนกัน
ใครจะรับประกันได้ว่าสินค้าจากต่างประเทศจะต้องเป็นสินค้าจากคนดี ”
หยางโปเพิ่งจะพูดจบ จู่ๆก็มีเสียงปรบมือจากในงานดังขึ้นมาอย่างคึกคัก

เจ้าของโรงแรมรีบเดินเข้ามาดู เมื่อเขาเห็นสถานที่ระเกะระกะไปหมด สีหน้าก็ดูกลุ้มใจไม่น้อย เขาเหลือบมองหน้าหยางโป แล้วก้มลงมองที่พื้นอีกครั้ง และรู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที
ลัวย่าวหัวชี้ไปที่พวกเขาทั้งสี่คนแล้วพูดว่า “ พูดจาไร้มารยาทมาก อายุปูนนี้มาได้ยังไง ?
ถูกอบรมสั่งสอนมาแบบนี้ ออกนอกบ้านมามีแต่จะโดนคนกระทืบตาย ! ”
เถ้าแก่ทำหน้าอึดอัดใจ รีบเข้าไปห้ามลัวย่าวหัวไว้ เพื่อไม่ให้เขาก่อเรื่อง เขาจึงพูดเกลี้ยกล่อมขึ้นว่า ” ทุกคนใจเย็นๆ ! อย่าโมโหเลย ! ”
ลัวย่าวหัวยังคงชี้ไปที่พวกเขาทั้งสี่ “ พวกเราอยากปรองดองกัน แต่ผู้ชายคนนี้สิชอบสร้างปัญหา ! ”
เถ้าแก่ไม่มีทางเลือกอื่น ” คุณผู้ชายครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ”
ชายวัยกลางคนถูกเตะอย่างแรงจนลุกไม่ขึ้นอยู่นาน เขากัดฟันพูดอย่างแค้นเคือง
“ แจ้งความ ต้องแจ้งความแน่ ฉันจะต้องให้พวกแกถูกจับส่งตัวไปที่สถานีตำรวจให้ได้ ! ”
“ ช่างหยิ่งยโสจริงนะ ผมละชอบคนที่หยิ่งผยองนักเชียว ! ” ลัวย่าวหัวพูดต่อ
หยางโปยื่นมือออกห้ามปรามลัวย่าวหัว “ นายไปดูที่ร้านก่อน ฉันต้องไปแล้วเช่นกัน ”
“ ไปแบบนี้เลยเหรอ ? ไม่ต่อยกันสักยกหรือไง ? ” ลัวย่าวหัวพูดด้วยความรู้สึกที่ไม่พอใจเอามากๆ
หยางโปโบกมือ เขาเหลือบมองอีกฝ่าย คำพูดของอีกฝ่ายนั้นมันน่ารังเกียจมากจริงๆ คำพูดแย่ๆ ทำร้ายจิตใจคนมากที่สุด แต่ก่อนหน้านี้เขาคนเดียวก็กินเยอะไป วันนี้เช้าบวกกับลัวย่าวหัวก็กินเยอะเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีซาลาเปาเหลือในบุฟเฟ่ต์เช้าอีก อีกฝ่ายหนึ่งจะบ่นว่าให้สักคำมันก็เป็นเรื่องปกติ แต่การพูดออกมาเพื่อทำร้ายจิตใจคนมันก็ไม่ถูก ให้บทเรียนไปก็พอ หยางโปไม่ได้คิดที่จะฆ่าจะแกงเขา
เถ้าแก่ทำหน้าไม่ถูก เดินไปส่งหยางโปทั้งสองคน ดูเหมือนเขามีอะไรจะพูดด้วย แต่กลับเหมือนจะไม่กล้า
หยางโปมองดูท่าทีที่อึดอัดใจ “ เถ้าแก่ คุณมีอะไรก็พูดมาตามตรง ไม่ต้องเก็บไว้ในใจ ”
เถ้าแก่ยิ้มเหยเก “ คุณหยาง คุณก็พักอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว คุณพักอยู่ที่นานไป มันก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี โรงแรมของเราเคยช่วยบริการเช่าบ้านให้ลูกค้า เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยวผมช่วยเช่าบ้านให้คุณดีไหม ? ”
หยางโปมองหน้าเถ้าแก่ เถ้าแก่เจ้าของโรงแรมอายุราวๆห้าสิบเศษ แก้มตอบ ดูเขาจะค่อนข้างเป็นคนซื่อๆ หยางโปก็พอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร มีอาหารเช้ากินฟรี ความอยากอาหารของเขาก็มากจนเกินไป จนทำให้เถ้าแก่รู้สึกว่ายากที่จะรับมือกับเขา เลยอยากให้เขาไปจากที่นี่
“ เถ้าแก่ คุณเป็นคนไม่มีเหตุผลเลยนะ นี่กำลังพยายามขับไล่พวกเราออกไปงั้นเหรอ ? ” ลัวย่าวหัวพูดอย่างไม่พอใจ
เถ้าแก่รีบโบกมือปัดอย่างรวดเร็ว “ ไม่ใช่ คุณอย่าได้คิดแบบนี้เชียวนะ ผมก็เป็นคนนอกพื้นที่เหมือนกัน พวกเรามาทำมาหากินกันที่นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมแค่แนะนำอย่างจริงใจ ถ้าจะอยู่ที่เมืองภาพยนตร์กันนานๆ เช่าบ้านแบบนี้มันจะสะดวกกว่าไหม ? ”
หยางโปหันไปมองหน้าเถ้าแก่ “ ไม่ต้องกังวล ไม่ทำเรื่องนี้ให้คุณลำบากใจ คืนนี้ผมจะกลับมาให้คำตอบกับคุณ ! ” ไอลีนโนเวล
เถ้าแก่ยกมือทั้งสองขึ้นประสานกันและโค้งคำนับให้หยางไม่หยุด ” เข้าใจกันก็ดีแล้ว ! ”
ลัวย่าวหัวยังอยากจะเอ่ยปากพูดอีก แต่กลับถูกหยางโปหยุดไว้ เขาส่ายหน้าให้เล็กน้อยส่งซิกให้รู้ว่าเขาไม่ต้องพูดอะไรอีก
ทั้งสองเดินออกจากร้านอาหาร แต่กลับได้ยินเสียงตะโกนตามหลังมา ” แกสองคนถ้ากล้าจริงก็อย่าเดินหนีสิ กล้าจริงรึเปล่า ! ”
ลัวย่าวหัวกัดปากเบาๆ “ ฉันจะกลับไปกระทืบมันอีกรอบ ”
หยางโปก้มหน้ามองดูเวลา “ ฉันไม่ทันแล้ว นายก็ไม่ต้องกลับไปแล้ว ปล่อยให้พวกเขาแจ้งความไป ! ”
ตอนที่หยางโปมาถึงที่สถานที่จัดงาน ผู้คนก็โอบล้อมสถานที่อัดรายการจนแน่นขนัดไปแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะเบียดตัวเข้าไปได้ เมื่อกุ้ยหลงจิ่วเห็นเขาก็รีบกวักมือเรียกและเอ่ยปากทันที
“ ทางนี้ ทางนี้ ! รอคุณคนเดียวเลย แต่ความคิดที่คุณเสนอมานั้นไม่เลวเลยจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเมืองภาพยนตร์จะมีของเก่ามากมายอยู่แบบนี้ ครั้งนี้รายการมีเนื้อหาที่จะถ่ายทำแล้ว ! ”
หยางโปยิ้ม “ รายการของพวกคุณก่อนหน้านี้ คิดแต่จะไปถ่ายทำแถวๆเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์พวกนั้น อันที่จริงยังสู้พื้นที่ที่เศรษฐกิจพัฒนาแล้วพวกนี้ไม่ได้เลย นี่เป็นปัญหาของพื้นฐานทางเศรษฐกิจ มีเพียงช่วงเวลาที่ดีที่สุดเท่านั้นที่จะเก็บสะสมของเอาไว้ นั่นเป็นเพราะว่าเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งที่แน่นนอน ถึงได้มีการเก็บสะสมของกันไว้ไง ! ”
สวีอี้หมิงยืนอยู่ด้านข้าง ” ได้สิ คุณหยาง คุณเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของคณะกรรมการประเมินมรดกทางวัฒนธรรม นี่เป็นตำแหน่งที่หลายคนในสายอาชีพนี้ใฝ่ฝันถึง คุณบอกเล่าประสบการณ์ให้เราหน่อยได้ไหม ว่าทำยังไงถึงจะไต่เต้าขึ้นมาถึงระดับของคุณได้ ? ”
“ คุณไม่มีทางขึ้นมาถึงได้เหรอ ? แต่ถ้าคุณสามารถหาสมบัติล้ำค่าอย่างตราหยกแผ่นดินกลับมาเหมือนผมได้ คุณก็มีโอกาส และยังมีโอกาสมากเป็นพิเศษอีกด้วย ! ” หยางโปกล่าว
สวีอี้หมิงรีบส่ายหน้าอย่างเร็ว ” ผมไม่ได้มีความสามารถพอที่จะตามหาตราหยกแผ่นดิน
ได้หรอก ! ”
ในขณะที่พูดต่อคุณกันอย่างเฮฮาอยู่นั้น หยางโปก็แต่งหน้าเสร็จ เขายืนขึ้นและเดินตามกุ้ยหลงจิ่วไป
ในช่วงเริ่มต้นของการอัดรายการ กุ้ยหลงจิ่วก็ขึ้นมาบนเวทีก่อน จากนั้นจึงทำการแนะนำผู้เชี่ยวชาญสามคนขึ้นมาบนเวที ถึงแม้หยางโปจะสวมแว่นตาสีดำ แต่ทุกคนในที่เกิดเหตุก็ตกตะลึงกันมาก
ถูฉีที่กำลังนั่งอยู่ในงานเวลานี้ ตาเบิกกว้างจับจ้องไปที่ตำแหน่งที่นั่งผู้เชี่ยวชาญในงาน เขาตกใจมากเมื่อเห็นใบหน้าที่ทั้งอ่อนเยาว์และคุ้นเคยนั้น เป็นไปได้ไงเนี้ย ?
ถูฉีนั่งอยู่ในแถวสุดท้าย เขาถือบัตรไว้ในมือและมองดูหยางโปกับพิธีกรโต้ตอบกันไปมาอย่างคล่องแคล่ว กระทั่งเครื่องลายครามชิ้นแรกที่นำขึ้นมา ก็เป็นหยางโปทั้งหมดที่ทำการปะเมินและพิสูจน์ยืนยัน และมีผู้เชี่ยวชาญอีกสองท่านคอยยืนยันให้เหตุการณ์ในงาน ทำเอาเขารู้สึกเหลือเชื่อ !
เขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญไปได้ยังไง ? ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวที่ร้านของตัวเอง ? ได้ยินมาว่าคำพูดของบรรดานักประเมินและพิสูจน์ยืนยันพวกนั้น ล้วนแล้วแต่ชอบปิดปังชื่อเสียงและตัวตน ชอบไป
ช้อปปิ้งตามร้านต่างๆ และมักจะชอบจับผิด เป็นไปได้ไหมว่าที่ร้านค้าของตัวเองก็มีรอยรั่วใหญ่ให้จ้องจับผิดแบบนี้เหมือนกัน ?
ตัวของถูฉีเองยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจเลย แต่เขารู้ดีว่าของเก่าในร้านของตัวเองล้วนแล้วแต่เป็นของปลอม จะถูกจ้องจับผิดได้ไง ? ถูฉีไม่สามารถยับยั้งความคิดที่เติบโตขึ้นมาอย่างป่าเถื่อนเหมือนวัชพืชของตัวเองลงได้ !
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หยางโปมาเข้าร่วมงานแบบนี้ ดังนั้นจึงชำนาญกับลู่ทางดีอยู่แล้ว เขาถึงกับสรุปหัวใจหลักของการดำเนินรายการได้ โบราณวัตถุทุกชิ้นล้วนแล้วแต่ต่างกัน แต่การสรุปหัวใจหลักของการดำเนินรายการทั้งหมดเหมือนกัน
ไม่นาน การประเมินและพิสูจน์ยืนยันโบราณวัตถุในช่วงเช้าก็จบลง เมื่อไม่ได้พบกับดารา ทำให้
หยางโปรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะในแผนของเขา มีเพียงดารามาถึงงานเท่านั้นที่จะสามารถทำให้ผลกำไรที่ได้จากการลงทุนลงแรงของเขาจะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงที่สุด !
ตอนเที่ยง ลัวย่าวหัววิ่งมากินข้าว หยางโปจึงได้เอ่ยปากถามคำถามนี้ที่โต๊ะอาหาร สวีอี้หมิงยิ้มและพูดว่า “ ไม่ต้องรีบร้อน ต่อให้ไม่มี ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดาราออกจะเยอะแยะแบบนี้
มีใครไม่กล้ารับคำเชิญของเราบ้าง ? ”
หยางโปตกตะลึงกับคำพูดบ้าอำนาจนี้ แต่เขาก็รู้ทันเช่นกัน ความจริงของเหตุผลนี้มันก็จริง
ถ้าส่งจดหมายเชิญไปจริงๆ จะไม่มีใครมากันหรือไง ?
ลัวย่าวหัวไม่ยอมกลับไปที่ร้าน ดังนั้นหยางโปจึงปล่อยให้เขาอยู่ในงาน
ช่วงบ่ายเพิ่งจะประเมินและพิสูจน์ยืนยันของไปได้แค่สองชิ้น ผู้หญิงในชุดกระโปรงสีดำก็เดินเข้ามา จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นในงาน และแม้แต่เสียงปรบมือก็ยังดังขึ้นกว่ามาก !
ปกติหยางโปไม่สนใจข่าวบันเทิงหรือรู้จักกับอีกฝ่ายเช่นกัน เขาทำได้แค่ฟังอีกฝ่ายแนะนำตนเอง ผู้หญิงชื่อหวังลั่วตัน ดูสวยสดงดงาม ดูสดใสมาก

 ตลอดทั้งวันไม่ได้อะไรมาเลย เพิ่งจะถึงบ่ายสี่โมงเท่านั้น ถูฉีแทบทนรอที่จะหันไปพูดกับหยางโปไม่ได้ ” วันนี้เราปิดร้านเร็วกันหน่อยไหม ? ”
หยางโปมองออกไปนอกร้าน เวลานี้ ท้องฟ้ายังคงสดใส เขาหันมองไปที่ถูฉี “ คุณมีธุระใช่ไหม ? ”
ถูฉีพยักหน้า ” ที่บ้านมีของดีอยู่สองอย่าง อยากเอาไปที่งานประเมินและพิสูจน์ยืนยันพรุ่งนี้ วันนี้ผมเลยอยากกลับไปพักผ่อนเร็วหน่อย บางทีพรุ่งนี้ไม่แน่ผมอาจจะมีโชคกับเขาบ้างก็ได้ ! ”
หยางโปยิ้ม “ เรื่องนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคลาภอะไร โบราณวัตถุของจริงมันก็ต้องเป็นของจริง
ไม่มีใครสามารถมาพูดได้ว่าเป็นของปลอม ! ”
ถูฉียิ้มและกล่าวว่า “ คืนนี้มีธุระจริงๆ ผมต้องปิดร้านแล้ว คุณว่าไง ? ”
หยางโปเหลือบมอง ถูฉีและพยักหน้าให้เล็กน้อย “ ผมคิดว่า ผมอยู่ที่นี่มาสองสามวัน เราทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างก็เบื่อหน้ากันแล้ว ผมคงจะไม่อยู่ที่นี่ให้คุณรำคาญใจแล้ว ผมวางแผนที่จะเช่าหน้าร้านในเมือง พรุ่งนี้ผมก็ไม่มาแล้ว ”
ถูฉีมองหน้าหยางโป “ นี่ ? ดูคุณพูดเข้าสิ อะไรต่างฝ่ายต่างก็เบื่อหน้ากัน ! ”
ถึงแม้จะพูดแบบนั้น แต่ภายใจของถูฉีก็เห็นด้วยมาก เพราะยังไงซะทั้งสองก็ไม่ค่อยถูกกัน จริงๆ แล้วเพราะเขาตกอยู่ในสภาพที่ถูกหยางโปบีบบังคับให้ตอบตกลง ทำให้เขายิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นไปอีก การที่อีกฝ่ายยอมจากไปแต่โดยดี เขาคงต้องจุดธูปไหว้พระจริงๆซะแล้ว
หยางโปเห็นใบหน้าที่ดีอกดีใจของถูฉี เขาก็ส่ายหน้าช้าๆและ ล้วงมือไปหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกจากกระเป๋ากางเกง “ นี่เป็นค่าเช่าสำหรับช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ผมคิดหักลบจากค่าเช่าทั้งปีให้คุณ มีแค่นี้ถ้าจะเอามากกว่านี้ไม่มีให้แล้ว ”
ถูฉีสามารถไล่หยางโปให้ออกไปได้ และไม่มาแย่งร้านนี้กับเขาอีก ก็รู้สึกพอใจมากแล้ว เขาโบกมือบอกปัด ” ไม่ต้องเกรงใจ ถือซะว่าสองสามวันนี้อยู่เป็นเพื่อนคุยกันก็พอ ตอนนี้ผมต้องรีบไปแล้วจริงๆ มะรืนนี้ค่อยมาเอาโต๊ะกับเก้าอี้ได้ไหม ? ”
“ ไม่ล่ะ โต๊ะและเก้าอี้ไม่กี่ตัวนี้เอาไว้ที่คุณนี่แหละ ! ” หยางโปพูดด้วยความใจกว้าง
ถูฉีปิดประตูเลื่อนลงอย่างดีอกดีใจและหันไปพูดกับหยางโปว่า ” เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่โรงแรมเอาไหม ? ”
หยางโปโบกมือ ” ถนนแค่นี้เอง ผมเดินกลับไปเองได้ ! ”
หยางโปเดินมือไขว้หลังกลับไปที่โรงแรม พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า สาดส่องให้เงาร่างของเขาดูทอดยาว
หลังจากเดินมานานกว่าสิบนาที หยางโปก็มาหยุดอยู่หน้าร้านร้านหนึ่ง หน้าร้านเปลี่ยนประตูใหม่ มีตัวอักษรหกตัวระบุไว้ด้านบน ” ร้านสั่งทำโบราณวัตถุหยางซื่อ ” เขียนไว้ และด้านล่างก็มีตัวอักษรเล็กๆอยู่อีกแถวหนึ่ง ตัวอักษรเล็กๆหลักๆแล้วเป็นข้อมูลการติดต่อ ไอรีนโนเวล
หยางโปเดินเข้าไปในร้าน ก็มีชายวัยยี่สิบกว่าคนหนึ่งนั่งอยู่ในล็อบบี้ ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองมาที่หยางโป ” เป็นไงบ้าง ? เรื่องที่ฉันจัดการ นายวางใจได้เลย ! ”
“ ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา ฉันพบว่านายจะกำเริบเสิบสานไปแล้วนะ ใช่ไหม ? ” หยางโปหันไปมองหน้า
ลัวย่าวหัวอดหัวเราะไม่ได้ “ ไม่รู้ว่าทำไม ฉันถึงอยากจะหัวเราะซะจริงๆ เมื่อนึกถึงวิธีการของคุณปู่ของนาย ฉันคิดว่ามันสร้างสรรค์มาก นี่คงเจาะจงเพื่อนายเป็นการเฉพาะเลย นี่คุณปู่คิดมานานแค่ไหน ถึงได้คิดแผนดีๆแบบนี้ที่จะผูกมัดนายไว้ที่นี่ออก ! ”
“ คุณปู่ที่บ้านของนาย ก็ไม่ใช่อยากจะขังนายไว้ที่ในเมืองหลวงเหมือนกันไม่ใช่หรือไง นายเองก็หนีออกมาแบบเดียวกันไม่ใช่เหรอ ? ” หยางโปอารมณ์เสียตอบกลับ
ลัวย่าวหัวยิ้มและพูดว่า ” แต่มันแตกต่างกัน ฉันทั้งหล่อและสง่างามอีกทั้งยังฉลาดขนาดนี้ ต่อให้อยู่ในเมืองหลวง ก็มีสาวน้อยสาวใหญ่ที่สังเกตเห็นกลิ่นอายบนตัวฉัน และถูกฉันดึงดูดไว้อยู่ดี
แต่เมื่อกี้นายไม่มีโอกาศอีกแล้ว สาวสวยคนหนึ่งเพิ่งเดินออกไปจากที่นี่ ! ”
“ นั่นเป็นคนที่ฉันส่งมา เพื่อคอยจับตาดูว่านายทำงานอยู่หรือเปล่า ! ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง “ จินหลันเป็นคนที่นายส่งมาเหรอ ? แบบนี้มันไม่สมเหตุสมผล !
นายไม่มีคุณสมบัติพอที่จะดึงดูดสาวสวยได้เลย ทำแบบนี้ได้ไง ? มารู้จักสาวสวยคนนี้ถึงที่นี่ได้ไง ? ”
หยางโปทำเป็นเมินเขา แค่เหลือบมองเขา “ พรุ่งนี้ ฉันจะไปเข้าร่วมรายการแล้ว พอถึงเวลานั้นจะมีคนจำนวนมากมาสอบถามข้อมูลที่นี่ เรื่องที่ฉันขอให้นายเตรียมไว้ นายเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง ? ”
“ ไม่ต้องห่วง ฉันติดต่อกับบริษัทโฆษณาแล้ว แค่นายไปปรากฏตัวในรายการพรุ่งนี้ รูปภาพในงานจะถูกตีพิมพ์ออกมาทันที นายตั้งตารอดูตอนนั้น ฉันลัวย่าวหัว ไม่ใช่คนที่มีแต่ชื่อเสียงจอมปลอม ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปเหลือบมองหน้าลัวย่าวหัว พยักหน้าและพูดว่า ” ชื่อเสียงของนายขึ้นอยู่กับการกระทำ ! ”
ลัวย่าวหัวเพิ่งจะมาถึงที่นี่เมื่อวานนี้ ก็ถูกหยางโปสั่งให้มาทำงาน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ลัวย่าวหัวจะทำออกมาได้ดีมาก อย่างน้อยสำหรับหยางโปแล้ว ต่อจากนี้ก็จะทำอะไรราบรื่นขึ้นมาก
วันที่สอง หยางโปเดินออกมาจากโรงแรมเพื่อออกกำลังกายตอนเช้าตรู่ ลัวย่าวหัวก็ตามเขาออกมาด้วย หยางโปรู้สึกแปลกใจมาก ” นายจะไปออกกำลังกายยามเช้ากับฉันงั้นเหรอ ? ”
ลัวย่าวหัวเงยหน้าขึ้น “ ทำไม ไม่ได้เหรอ ? แค่ออกกำลังกายยามเช้าก็ไม่อนุญาตให้ฉันไปออกกำลังกายด้วยเหรอ ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ แปลกจริงๆ ! ”
ลัวย่าวหัวเดินตาม หยางโปมาที่สวนสาธารณะใกล้ๆ จากนั้นเขาก็เริ่มฝึกฝนมวยไท่เก๊ก ท่วงท่าของ ลัวย่าวหัวยังคงแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ดูเลียนแบบได้เหมือนมาก
หยางโปมองดูอยู่พักหนึ่ง รู้สึกค่อนข้างแปลกใจที่พบว่า ลัวย่าวหัวได้เข้าสู่วรยุทธ์ขั้นหยิ่นชี่จิงแล้ว อีกทั้งยังฝึกฝนจนก้าวหน้าไปมาก
เมื่อลัวย่าวหัวเห็นท่าทีที่หยางโปแสดงออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความพอใจ “ เป็นไงบ้าง ? ฉันเป็นอัจฉริยะใช่ไหม ? ”
“ เป็นอวี่เหวินที่สอนนายมาใช่ไหม ? ” หยางโปถาม
ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” อวี่เหวินช่วยฉันนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของฉัน
พรสวรรค์ ! ”
หยางโปพยักหน้าช้าๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจลัวย่าวหัว ถ้าอวี่หวินเป็นคนช่วยเหลือมาจริงๆ มันก็คงไม่มีอะไร ขนาดเขา อวี่เหวินก็เป็นคนสอนมาเช่นกัน
ไม่นาน หยางโปก็กลับไปกินข้าวเช้าที่โรงแรม ลัวย่าวหัวกินซาลาเปาอย่างตะกละตะกลาม
เขาเหลือบมองไปทางหยางโป ” ตอนนี้ฉันมีความอยากอาหารมากจนน่าตกใจ แต่ความอยากอาหารของนายก็ยังมีมากกว่าของฉันมาก นายกินจนเถ้าแก่กลัวแล้ว ! ”
ในขณะที่พูด หยางโปก็ได้ยินชายวัยกลางคนพึมพำอยู่ข้างหลังเขา “ กินอย่างกับหมู กินเยอะแบบนี้ พวกเรามาทีหลังก็ไม่ได้กินกันแล้วนะสิ ! ”
หยางโปยืนขึ้นและหันมองไปที่ชายวัยกลางคน ” คุณพูดว่าอะไรนะ ? ผมไม่ได้ยิน ”
ชายวัยกลางคนตกใจมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าเขามีพรรคพวกอยู่สี่คน ก็มีความกล้าขึ้นมาทันทีและขึ้นเสียงสูงว่า ” ผมบอกว่าคุณกินอย่างกับหมู คุณได้ยินไม่ชัดหรือไง ? ”
“ เพี้ยะ ” มีเสียงดังคมชัดดังออกมา จู่ๆบนใบหน้าของชายวัยกลางคนก็มีรอยตบปรากฏเพิ่มขึ้นมาอีกรอย
หยางโปมองหน้าอีกฝ่าย ” หรือว่าคนที่บ้านของคุณไม่เคยอบรมสั่งสอนคุณมาก่อน ? ”
พอชายวัยกลางคนถูกตบ ก็โมโหเดือดดาลขึ้นมาทันที “ คุณอยากมีเรื่องหรือไง ? งั้นเราก็มาต่อยกันเลยสิ ! ”
ในขณะที่พูด ชายวัยกลางคนก็วิ่งกรูเข้ามา ชายสามคนที่อยู่ด้านข้างก็วิ่งกรูตามเข้ามาด้วยเช่นกัน
หยางโปยังไม่ทันที่จะลงมือ ก็สังเกตเห็นเงาหนึ่งโผล่เพิ่มมาอยู่ตรงหน้าเขา ลัวย่าวหัววิ่งเข้ามาและเตะไปที่แต่ละคนอย่างรวดเร็ว เขายังเลียนแบบเสียงของหลี่เสี่ยวหลงอีกด้วย เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วและว่องไวมาก !
มีเสียงร้องคร่ำครวญดังออกมาจากในที่เกิดเหตุ คิดไม่ถึงว่าชายทั้งสี่คนจะรับมือไม่ได้แม้แต่รอบเดียว แต่กลับถูกลัวย่าวหัวเพียงแค่คนเดียวจัดการจนล้มระเนระนาดลงบนพื้น !

  หยางโปให้ข้อมูลแก่ถูฉี ถูฉีได้รับข้อมูล ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่หยางโป “ คุณไม่เหมือนลูกเศรษฐี ปกติลูกคนรวยไม่สามารถเอาข้อมูลดังกล่าวมาได้ ”
หยางโปยิ้ม “ ถ้างั้นคุณคิดว่าผมเป็นใคร ? ”
ถูฉีจ้องมองหน้าหยางโปเขม็ง หัวล้านมีเหงื่อไหลซึมออกมาเล็กน้อย “ คุณมีภูมิหลังและมีอิทธิพล น่าจะมีประสบการณ์และผ่านอะไรมาอย่างโชกโชน ทำไมคุณถึงต้องมาทำธุรกิจอย่างเราด้วย ? ”
หยางโปไม่ได้พูดอะไรมาก ทำอย่างกับเขาจะบอกความจริงทุกอย่างได้งั้นแหละ ?
ถูฉีเริ่มสงสัยหยางโปมากขึ้นเรื่อยๆ เขานั่งตรงข้ามหยางโป และดื่มชากับเขา แต่ปากก็ยังถามถึงที่มาของเขาไม่หยุด
หยางโปปากแข็งมาก ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ซักถามเลยด้วยซ้ำ
ไม่นาน ก็ได้รับโทรศัพท์จากกุ้ยหลงจิ่ว ” ทีมรายการตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้จะไปที่เมืองภาพยนตร์กัน คุณเตรียมตัวไว้เลย ! ”
หยางโปอดที่จะดีใจไม่ได้ “ อะไรจะเร็วขนาดนี้ ? ”
กุ้ยหรงจิ่วหัวเราะ “ คุณเร่งมาตลอดไม่ใช่หรือไง ? มีผมคอยจับตาดูอยู่ จะไม่เร็วกันได้ยังไง ?
คุณเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้ให้พร้อมเลย พวกเราจะไปดื่มกินกัน ! ”
“ เอาน่า คุณวางใจได้เลย ไวน์ชั้นดีและอาหารเลิศรสเตรียมพร้อมไว้แล้ว ! ” หยางโปกล่าว
หยางโปกำลังดีอกดีใจเตรียมเรื่องที่กุ้ยหลงจิ่วจะมาถึง จินหลันก็ขับรถมาหา และไปถามหยางโป“ คุณรู้หรือเปล่า ? รายการประเมินและพิสูจน์ยืนยันโบราณวัตถุจะมาที่ของเรา คนทำโบราณวัตถุปลอมอย่างพวกคุณจะต้องถูกเปิดโปงกันหมด ! ”
หยางโปเงยหน้าขึ้นมองจินหลัน สาวน้อยดูหน้าตาสะสวย น่าจะแต่งเนื้อแต่งตัวก่อนแล้วถึงได้มาที่นี่
หยางโปยิ้มให้ “ คุณทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ ? ทำไมถึงมาที่นี่ได้ ? ”
“ ฉันจะลาออกแล้ว ! ” จินหลันตอบ
หยางโปนิ่งอึ้งไปสักพัก “ ทำไมถึงได้ลาออก ? ”
“ คุณพูดถูก ฉันต้องพยายามทำงานด้วยลำแข้งของตัวเอง จะพึ่งพาแต่พ่อแม่ไม่ได้ ! ฉันชอบทำเค้กมาก อยากจะเปิดร้านเค้กสักร้าน ก็ไม่เคยได้ทำจริงๆสักที ฉันคิดว่าจะขายรถทิ้งและบวกกับเงินเก็บที่มีอยู่เล็กน้อย ไปเรียนก่อนสักครึ่งปี แล้วค่อยกลับบ้านมาเปิดร้านเค้ก ! ” จินหลันตอบ
หยางโปมองดูจินหลันด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะแปลกใจ มองจนจินหลินหน้าแดง เขาถึงได้ชูนิ้วโป้งให้ “ คุณทำถูกต้องแล้ว คุณเป็นคนที่มีความเด็ดขาดมาก ผู้ชายปกติทั่วไปยังสู้คุณไม่ได้เลย ! ”
จินหลันหัวเราะ “ คุณไม่ต้องมาล้อฉันเล่นเลย คุณต่างหากที่เป็นคนมีความสามารถที่แท้จริง
เก่งกว่าฉันมาก ”
หยางโปหัวเราะร่าออกมา แต่ไม่ได้อธิบายอะไร
จินหลันมาเร็วไปเร็ว อย่างกับลมพัด
ถูฉีหันไปมองหน้าหยางโป “ คุณนี่ก็จริงๆเลยนะ เพิ่งมาถึงได้ไม่กี่วัน ก็จีบลูกสาวเจ้าของแล้ว ฝีมือสูงส่งจริงๆ ! ”
“ คุณพูดบ้าอะไร ! ตอนที่ผมเพิ่งมา จินหลันได้ช่วยผมไว้มาก ถ้าไม่ใช่เพราะจินหลัน ผมคงหาที่ปักหลักไม่ได้ ! ” หยางโปกล่าว
ถูฉีฮึดฮัดไม่พอใจ “ ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวคนสวยของเจ้าของบอกคุณ คุณก็คงไม่มาหาผมหรอกใช่ไหม ? คุณคงไม่รู้เรื่องสัญญาเช่าที่ใกล้จะหมดอายุ ? ”
หยางโปหัวเราะชอบใจ “ ไม่ต้องโกรธ เวลาแค่สามเดือน ไวอย่างกับกระพริบตา ถ้าคุณคิดว่าผมขัดหูขัดตา สามเดือนหลังจากนี้ พวกเราก็ไม่พบหน้ากันอีกแล้ว ! ” ไอรีนโนเวล
ถูฉีหันมามองหยางโปโดยที่ไม่พูดอะไร
หยางโปก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจเหมือนกัน
กุ้ยหลงจิ่วพร้อมพรรคพวกมาถึงอย่างที่พูด หยางโปได้จองโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในพื้นทีให้ และได้เชิญผู้เชี่ยวชาญและพิธีกรสองสามคนไปกินข้าวร่วมกัน
กุ้ยหลงจิ่วชี้ไปที่หยางโป และหันไปพูดกับพวกเขา “ ที่พวกเรามาเมืองภาพยนตร์ ทั้งหมดก็เป็นเพราะพ่อหนุ่มคนนี้ เดี๋ยวต้องมอมเหล้าเขาให้ได้ ทำให้เขาพูดออกมาตามตรง ลากพวกเรามาถึงที่นี่ มีเจตนาอะไรแอบแฝงอยู่กันแน่ ”
“ เอาสิ จะต้องทำให้เขาพูดออกมาตามตรงให้ได้ มาจีบสาวอยู่ที่นี่หรือเปล่า ? แล้วจะให้พวกเรามาเป็นไม้กันหมาให้ว่างั้น ! ” สวีอี้หมิงพูดพลางหัวเราะ
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น “ พวกคุณอย่าได้เดามั่วซั่วกันไปเรื่อยเปื่อยเชียวนะ ไม่มีเรื่องพวกนั้นจริงๆ ! ”
“ ถ้าไม่มีงั้นก็แสดงว่ามี ต่อให้แอบมี ก็มีไม่ใช่เหรอ ? ” หวู่กั่วเฉียงผู้เชี่ยวชาญด้านหยกกล่าว
หยางโปรีบปัดมือ “ พวกเรานั่งลงกันก่อน มันจะได้ง่ายเวลาที่ผมจะพูดเรื่องนี้อย่างละเอียดให้ฟัง
ที่เชิญทุกท่านมาในครั้งนี้ คืออยากให้ทุกท่านช่วยรักษาหน้าให้ผมจริงๆ แต่หลักๆแล้วก็เพื่อเรื่องธุรกิจ ”
ในระหว่างที่หยางโปพูดอยู่นั้นก็พลางยกกาน้ำชารินชาให้ทุกคนไปด้วย ถ่อมตัวเอามากๆ ยังไงซะครั้งนี้มันก็เป็นการขอร้องให้มาช่วยเป็นธุระให้
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น หยางโปก็ได้เล่าเรื่องที่ชายชรามอบหมายธุรกิจให้เขามาทำที่นี่ร่วมทั้งปัญหาและอุปสรรคที่พบเจอให้ฟัง
กุ้ยหลงจิ่วยิ้มพลางพูด “ คุณปู่ของคุณนี้ก็ช่างที่จะฝึกฝนคุณซะจริงๆ นี่อยากให้คุณเติบโตขึ้นมาในสถานที่ห่างไกล พวกเรามากันแบบนี้ไม่ใช่ว่าฝ่าฝืนคำสั่งของท่านผู้เฒ่าหรอกหรือไง ? ”
หยางโปพูดพลางยิ้ม “ อาจารย์กุ้ย เรื่องนี้จะนับว่าฝ่าฝืนคำสั่งได้ไง ? ผมไม่สามารถหาคนมาช่วยได้เชียวเหรอ ? การสั่งทำโบราณวัตถุ ผมก็ทำเองไม่ได้ ผมคนเดียวจะมาทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงได้ไง ผมทำเพื่อฝึกฝนทักษะ งั้นไม่ต้องรอนานหลายสิบปีถึงจะเปิดกิจการได้หรือยังไง ? ”
กุ้ยหลงจิ่วยิ้มและกล่าวว่า “ คุณนี่มันปากคอเราะร้ายจริงๆ ผมพูดไม่พ้นคุณหรอก แต่ในเมื่อคุณมีความคิดนี้แล้ว ถ้างั้นกลับไปผมจะเหลือที่นั่งแขกในงานเลี้ยงไว้ให้ที่หนึ่ง ”
สวีอี้หมิงรีบพูดว่า ” อาจารย์กุ้ยทำแบบนี้ไม่ดี ที่นั่งสำหรับแขกนี้ต้องเอาตามที่ผมว่าสิ นี่คุณจะมาแย่งที่คนอื่นที่ผมจัดไว้แบบนี้ไม่ได้ ! ”
หยางโปรีบเอ่ยขึ้น “ ไมตรีจิตที่ทุกคนมีให้ ผมจะจดจำไว้ ! ”
สวีอี้หมิงปัดมือ “ ผมแค่พูดเล่น พวกคุณอย่าได้ถือสาเชียวนะ ”
ทุกคนต่างพากันหัวเราะ ข้าวมื้อนี้กินกันอย่างเอร็ดอร่อยมาก
เช้าวันที่สอง หยางโปกลับมาจากการฝึกฝนตั้งแต่เช้าตรู่และพบว่าที่ประตูโรงแรมมีป้ายประกาศติดไว้อยู่แผ่นหนึ่ง ด้านบนระบุไว้ว่า รายการประเมินและพิสูจน์ยืนหยันโบราณวัตถุกำลังจะมาถึงที่นี่ พรุ่งนี้จะทำการแจ้งกำหนดการของทางรายการประเมินและพิสูจน์ยืนยันให้ทราบ
เมื่อหยางโปเห็นสิ่งนี้ ก็รู้สึกดีใจมาก ยิ่งรายการนี้มีอิทธิพลมากเท่าไรก็ยิ่งดี
เมื่อเดินเข้าประตูมา หยางโปเห็นเจ้าของโรงแรมกำลังเหยียบโต๊ะและพยายามจะดันเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งลงมา หยางโปตกใจนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง “ เถ้าแก่ คุณกำลังทำอะไรอยู่ ? ”
เจ้าของโรงแรมหันหลับมามอง “ จะมีการมาประเมินและพิสูจน์ยืนยันโบราณวัตถุที่นี่ไง ? เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งองค์นี้ที่ปกป้องตระกูลเรามาหลายร้อยปีแล้ว ผมอยากรู้ว่ามันอยู่ในชั่วยุคไหนกันแน่ ผมจะเชิญให้มาตรวจสอบดูถึงที่ ”
หยางโปนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ “ แบบนี้จะดีจริงไหมนะ ? ”
เจ้าของโรงแรมเดิมก็ไม่ได้สนใจเขาเสียด้วยซ้ำ ตั้งหน้าตั้งตาย้ายของลงมาต่อ
แสงสว่างวาบผ่านตาหยางโปไป พอกวาดตาอมอง รูปปั้นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาหลายร้อยปีจริงๆ แต่ก็ไม่ได้มีค่าอะไรมาก ในเมื่อเถ้าแก่ไม่เต็มใจที่จะฟัง เขาจึงไม่พูดอะไรมาก
เมื่อกลับมาถึงที่ร้าน ถูฉีก็ถือบัตรใบหนึ่งอยู่ในมือแล้วพลิกดูไปดูมา เขาจ้องมองบัตรและพูดพึมพำกับตัวเองว่า ” รายการประเมินและพิสูจน์ยืนยันนี้ ทำไมจู่ๆ ถึงมาที่เมืองภาพยนตร์ของเรานะ ? ”
หยางโปหันไปเหลือบมอง “ เอ๊ะ เพิ่งจะมีข่าว คุณก็ได้บัตรมาแล้วงั้นเหรอ ? ”
ถูฉีภาคภูมิใจอย่างปกปิดไว้ไม่มิด “ แน่นอน มันก็แค่ตั๋วใบเดียวไม่ใช่หรือไง ? ทำมาหากินอยู่ที่นี่มานานก็หลายปี ถ้าแค่บัตรใบเดียวแล้วเอามาไม่ได้ ถ้างั้นก็ไม่ต้องทำมาหากินกันแล้ว ! ”
พอพูดจบถูฉีก็หันไปเหลือบมองหยางโป ” ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่พี่ชายมีความสามารถไม่มากพอ เกรงว่าครั้งนี้จะพาคุณไปด้วยไม่ได้แล้ว ”
หยางโปยิ้มและโบกมือให้ “ ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมดูในร้านเอา เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอยู่ดี ”

หยางโปอดที่จะชื่นชมความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองไม่ได้ เขาก็ถือว่าแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างสร้างสรรค์ แต่ความคืบหน้าต่อจากนี้ ต่อให้หลังจากสามเดือนนี้เขาจะย้ายจากไป ก็จะมีธุรกิจติดสอยห้อยตามไปด้วย !
หยางโปโทรกลับไปที่บ้านอีกครั้ง เพื่อรายงานว่าเขาปลอดภัย จากนั้นถึงได้สบายใจ
เหิงเตี้ยนอยู่ท่ามกลางขุนเขา รายล้อมไปด้วยภูเขาที่ทอดตัวยาวเหยียด เขานั่งขัดสมาธิอยู่ในโรงแรม ตั้งสมาธิและฝึกฝน เขาติดอยู่ในขั้นวรยุทธ์หยินชี่จิงมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่เขากลับไม่ได้รีบร้อนอะไร เพราะเขารู้ดีว่าคนส่วนใหญ่ต่างก็จะติดกันอยู่ในขั้นนี้ มีบางคนที่ก้าวข้ามไปได้เลยและเข้าไปสู่ขั้นเลียนชี่จิง และมีบางคนที่ค่อยๆ ขัดเกลา ฝึกฝนจนชำนาญและประสบผลสำเร็จเอง !
ดูเหมือนทั้งสองวิธีนี้จะไม่มีข้อเสียและข้อดีที่แยกจากกัน แต่หยางโปเชื่อมั่นว่าหากเขาใช้วิธีที่สอง ตราบใดที่เขายอมทุ่มเท ก็จะได้รับผลตอบแทนกลับมา !
วันที่สอง หยางโปออกไปออกกำลังกายตั้งแต่รุ่งเช้า ฝึกซ้อมจินกังจิงและมวยเทียนหลัวร่วมกันไปสองรอบ รู้สึกว่ากล้ามเนื้อและผิวหนังของตัวเองกระชับแน่นขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจมาก
หยางโปกินข้าวเช้าแล้วออกไปเดินเล่นรอบๆ และพบเข้ากับร้านที่กำลังเปิดให้เช่าร้านหนึ่ง จึงทำการเซ็นสัญญาเช่าระยะยาว เขายืมใช้หน้าร้านของคนอื่น มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาวได้ !
จัดการเรื่องร้านจนแล้วเสร็จ ก็เกือบสิบโมงกว่าได้แล้ว หยางโปขอยืมรถไฟฟ้าจากเจ้าของโรงแรมมาคันหนึ่ง และรีบไปที่ร้านชายหัวล้าน ชายหัวล้านแบ่งให้เขาเช่าพื้นที่ประมาณหกตารางเมตร เมื่อเห็นเขามา ชายหัวล้านก็อดหัวเราะเยาะไม่ได้แล้วพูดว่า ” ต้องการให้ผมขายโต๊ะเก้าอี้ให้สักชุดไหม ? ”
หยางโปมองที่ประตูร้าน ดูเหมือนคนจะเยอะขึ้น เขาถึงกับส่ายหน้า “ ไม่ล่ะ เมื่อวานผมเตรียมของไว้พร้อมแล้ว ”
ชายหัวล้านส่ายหน้า ราวกับว่าไม่เชื่อ
แต่จู่ๆก็มีเสียงแตรดังเข้ามาจากนอกประตู และเห็นรถบรรทุกคันหนึ่งมาจอดอยู่ มีคนงานหลายคนลงมา หยางโปจึงเข้าไปทักทายและพูดคุยกับคนงานสองสามคำ บรรดาคนงานพากันยกโต๊ะ เก้าอี้ และชุดน้ำชา มาวางให้อย่างเรียบร้อย
หยางโปพลางทำความสะอาด พลางมองไปที่ชายหัวล้าน ” เถ้าแก่ถู ดื่มชาด้วยกันไหม ? ”
“ ชุดน้ำชาของคุณยังไม่ได้ล้างทำความสะอาด ใบชาก็ไม่มี ดื่มชาอะไรกัน ? ” ถูฉีถาม
หยางโปยิ้ม ประตูร้านหันไปทางทิศใต้ แดดส่องเข้ามาพอดี แดดส่องมาโดนหัวที่ล้านของถูฉี
ดูมันวาว “ ชุดน้ำชาพวกนี้ปลอดเชื้อ ส่วนใบชาใครบอกว่าไม่มีกัน ? ”
ก็ไม่รู้ว่าหยางโปไปหยิบกล่องใบชาจากไหนมาวางไว้บนโต๊ะ เขาหยิบกาต้มน้ำไปรองน้ำแล้ววางชุดน้ำชาทั้งชุดลง หยางโปเสียบไฟแล้วพยักหน้าให้ถูฉีรับรู้
ถูฉีมองดูหยางโปด้วยความแปลกใจ เขารู้สึกมึนงงมาก “ ทำไมผมรู้สึกว่าการกระทำของคุณ
ไม่เหมือนกับว่ามาทำธุรกิจเลย แต่เหมือนกับลูกชายเศรษฐีมากกว่า คุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเงิน แต่มาเพื่อเล่นสนุกกับชีวิตมากกว่า ! ”
หยางโปหัวเราะดังลั่นออกมา “ ผมไม่ใช่ลูกชายเศรษฐี แค่ทำงานหนักมาหลายปี มีเงินติดตัวอยู่เล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่อยากให้ตัวเองลำบาก แค่ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยไปเท่านั้นเอง ”
ไม่นาน ชาก็เดือด หยางโปจึงเทน้ำลงในถ้วยน้ำชา เอาน้ำต้มล้างใบชา จากนั้นกลิ่นหอมสดชื่นก็ลอยฟุ้งออกมา
ถูฉีจึงสูดดมเอาไปเต็มปอด “ ชาดี ! ”
หยางโปหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
ถูฉีมองไปทางหยางโป “ คุณเคยบอกว่า จะอยู่ที่นี่แค่สามเดือน แต่ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้ คุณคงไม่คิดมาลงหลักปักฐานที่นี่หรอกนะ ? ” Aileen-novel
“ คุณวางใจได้ บอกว่าจะเช่าที่คุณแค่สามเดือนก็คือสามเดือน คุณก็คิดซะว่าผมเป็นลูกชายเศรษฐีที่กำลังมาหาประสบการณ์ชีวิตก็พอ ! ” หยางโปกล่าว
ถูฉีมองเหลือบมองเขา แต่ไม่ได้พูดอะไร
หยางโปนั่งดื่มชาพูดคุยกับถูฉีสองวันติดต่อกัน แต่กลับไม่มีใครมาสั่งของ มีแค่บางครั้งที่ถูฉีออกไปพูดคุยโทรศัพท์สองสามสาย ทำเหมือนกับว่ากำลังจัดการเรื่องธุรกิจ
หยางโปรู้ดีว่าถูฉีอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว และคุ้นเคยกับธุรกิจนี้ดีอยู่แล้ว แม้แต่ธุรกิจบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องมาดูถึงที่ร้าน ก็สามารถสั่งซื้อได้เลย ยังไงซะวันแรกที่เขามาถึง ถูฉีก็ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญบางอย่าง การทำธุรกิจกับเขาจะต้องมีค่าคอมมิชชั่นให้ !
ทั้งสองดื่มชาและพูดคุยกันอย่างมีความสุข ก็ไม่เห็นว่าหยางโปจะมีท่าทางวิตกกังวลเลย
วันนี้ ในขณะที่ทั้งสองกำลังดื่มชากันอยู่ จู่ๆก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามา ” เหล่าถู ชีวิตช่างสบายเหลือเกิน ! ”
“ ผู้กำกับจาง ผมไม่ได้อยากว่างนะ อยู่เฉยๆหาเงินก็ไม่ได้ ” ถูฉีรีบบ่นว่า “ ผมหวังว่าผู้กำกับจางจะทำให้ผมมีข้าวกินสักมื้อ ! ”
ผู้กำกับจางเหมือนจะอายุสี่สิบกว่า มีหยวดเคราและไว้ผมยาว ดูเหมือนศิลปิน เขาส่งยิ้มให้
“ ผมยังคงต้องพึ่งพาให้คุณดูแลผมอยู่นะ ! ”
หลังจากทักทายกันไม่กี่คำ ผู้กำกับจางก็พูดเข้าประเด็น “ ผมต้องการสั่งหัวสัตว์สิบสองนักษัตร คุณพอจะรับทำไหม ? ”
“ ผู้กำกับจาง นี่คุณพูดอะไร อะไรว่าจะรับไม่รับทำ ? ขอแค่ผู้กำกับจางสั่งมา ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ผมก็จะทำให้คุณจนสำเร็จ มันก็แค่หัวสัตว์สิบสองนักษัตรไม่ใช่หรือไง ? ผมช่วยจัดการให้คุณได้นะ ! ” ถูฉีพูดพร้อมกับตบไปที่หน้าอก
ผู้กำกับจางมองถูฉี และส่ายหน้าเล็กน้อย “ คุณรับประกันได้ก็ดี แต่ผมก็ขอเตือนคุณไว้ก่อน จะต้องรับประกันว่าหัวสัตว์ทั้งสิบสองนักษัตรนี้จะเหมือนของจริง จำเป็นต้องเหมือนของจริงเพราะเราอาจจะต้องมีภาพถ่ายจากระยะใกล้ ! ”
ถูฉีหัวเราะดังออกมา “ คุณไม่ต้องกังวล ผมจะทำออกมาเพื่อให้คุณแน่นอน และไปส่งให้ที่กองถ่ายแน่นอน ! ”
หลังจากลังเลเล็กน้อย ถูฉีก็มองไปที่ผู้กำกับจาง ” ผู้กำกับจาง ไม่รู้ว่าคุณมีข้อมูลหัวสัตว์ทั้งสิบสองนักษัตรอยู่ไหม คุณก็รู้ว่ามีหัวสัตว์สองหัวที่เพิ่งได้กลับมา ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา มันทำออกมาได้ไม่ง่ายนัก ”
ผู้กำกับจางส่ายหน้า “ คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ คุณมาถามหาเอาที่ผม แล้วผมจะไปหามาจากไหนให้ ? ”
หยางโปนั่งข้างๆ ส่งเสียงไอเบาๆ ” ถ้าอยากรู้ข้อมูลพวกนี้ มาหาผมสิ ! ”
ถูฉีมองหยางโปอย่างระแวดระวังทันที “ เถ้าแก่หยาง นี่มันธุรกิจของผม นี่คุณหมายความว่าไง ? ”
หยางโปยิ้ม “ เถ้าแก่ถู พวกเราดื่มชาด้วยกันมาสองวันแล้ว ทำไมยังเห็นเป็นคนอื่นคนไกลกันไปได้ ? ”
“ ในเรื่องของธุรกิจ มันไม่มีใครเป็นอื่น เรื่องนี้เดิมทีมันเป็นของผมมาตั้งแต่แรก ! ” ถูฉีกล่าว
หยางโปยิ้ม “ ผมไม่ได้บอกว่าจะแย่งธุรกิจของคุณ ผมแค่อยากจะบอกข้อมูลบางส่วนของหัวสัตว์สิบสองนักษัตรให้คุณฟังก็เท่านั้น ! ”
ถูฉีจ้องหน้าหยางโป ด้วยใบหน้าที่ยังคงหวาดระแวง
ผู้กำกับจางกลับทำอะไรไม่ได้มาก สำหรับเขาแล้ว ตราบใดที่สามารถทำในสิ่งที่เขาต้องการให้ได้ก็พอ เขาหันมามองหน้าหยางโป “ ท่านผู้นี้คือ ? ”
“ ผมคือหยางโป ทำอาชีพเดียวกับเถ้าแก่ถู ช่วงนี้มาเปิดร้านค้าเล็กๆอยู่ที่นี่ หวังว่าจะอาศัยความสัมพันธ์และเส้นสายที่เถ้าแก่ถูมี เพื่อช่วยส่งเสริมธุรกิจให้ ” หยางโปกล่าว
“ สวัสดี เถ้าแก่หยาง คุณเป็นคนดูมีความรู้ความสามารถมาก ข้อมูลของหัวสัตว์สิบสองนักษัตรยังไม่ได้รับการประกาศอย่างครบถ้วน คุณเอามาได้ยังไง ? ” ผู้กำกับจางถาม
หยางโปหัวเราะกลบเกลื่อน “ มันก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แค่โบราณวัตถุทางวัฒนธรรมที่มีอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถาน ข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด ผมเอามาได้หมดนั่นแหละ ! ”
ผุ้กำกับจางจ้องหน้าหยางโป และมองไปที่ชายหนุ่มที่สีหน้าเยือกเย็นและสงบนิ่งที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นเขาก็เหลือบมองหน้าถูฉีอีกครั้ง แต่ก็ยังยื่นมือออกมาจับมือกับหยางโป ” หวังว่าจะมีโอกาสร่วมงานกันในครั้งต่อไป ! ”
หยางโปยิ้ม “ แน่นอน ! ”
ถูฉีนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างๆ

หยางโปอาศัยพูดข่มขู่ให้กลัว จนในที่สุดก็เช่าหน้าร้านมาจนได้ เถ้าแก่หัวล้านตกลงด้วยแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นหยางโปก็ต้องการเวลาเพียงแค่สามเดือนเท่านั้น เขาจึงไม่ได้จริงจังกับมันสักเท่าไร
หลังจากเช่าหน้าร้านมาได้แล้ว หยางโปจึงเซ็นสัญญากับเถ้าแก่หัวล้านทันที เขาถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีชื่อว่า ถูฉี
เมื่อจินหลันพาหยางโปกลับมาถึงโรงแรม เขาจึงจ่ายเงินค่าตอบแทนหนึ่งหมื่นหยวนให้อีกฝ่ายและพูดปลอบใจไปว่า “ สาวน้อย ที่คุณบอกว่าผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิง ในความเป็นจริงแล้ว แต่ละครอบครัวก็มีปัญหาที่แตกต่างกัน อันที่จริงเริ่มแรกผมก็ต้องเผชิญหน้ากับสภาพแวดล้อมเหมือนอย่างคุณ พ่อแม่บุญธรรมลำเอียงรักลูกชายตัวเองมากกว่า ผมจึงต้องออกไปหางานทำตัวคนเดียว ไม่กี่ปีมานี้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเล็กๆ ตอนนี้คุณก็มีชีวิตที่สุขสบายดีไม่ใช่หรือไง ?
ถ้าสามารถมีอิสระและอยู่คนเดียวได้ คุณยังต้องการอะไรอีก ? ”
จินหลันนิ่งเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง เธอมองหน้าหยางโปด้วยท่าทีสงสัย ” ตอนนี้คุณมีเงินอยู่เท่าไหร่
ฉันคิดว่าคุณสามารถเป็นแบบอย่างของฉันได้ ”
หยางโปอดหัวเราะไม่ได้ “ แบบนี้ก็ไร้รสนิยมเกินไป คุณคิดว่าความสำเร็จของใครสักคน สามารถวัดกันได้ด้วยเงินอย่างงั้นเหรอ ? ความแข็งแกร่ง สถานะ และการเงินของคุณมันก็เป็นเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ! สู้ๆ สาวน้อย ผมจะคอยดูคุณ ! ”
จินหลันหน้าแดงระรื่นเพราะถูกหยางโปว่าให้ แต่ก็รวบรวมความกล้าที่จะขานรับ ” อืม คุณไม่ต้องกังวล ฉันจะต้องเข้มแข็ง ภายภาคหน้าฉันต้องเหนือกว่าคุณให้ได้แน่นอน ! ”
หยางโปยิ้มและตอบกลับไปว่า ” ผมจะตั้งตารอคอย ! ”
หลังจากส่งจินหลันไปแล้ว หยางโปก็เปิดห้องที่โรงแรมห้องหนึ่ง จากนั้นถึงได้ต่อสายโทรหาตาอ้วนหลิว
“ ตอนนี้ผมเตรียมหน้าร้านไว้แล้ว คุณพูดไว้แล้วว่าจะหาคนมาทำงานให้ผมก่อนหน้านี้ คำพูดของคุณเชื่อถือได้ไหม ? ” หยางโปถามออกมาตามตรง
ตาอ้วนหลิวตกตะลึงนิ่งอึ้งไปสักพัก ” เป็นไปได้ไง ? ตอนนี้นายน่าจะเพิ่งไปถึงที่นั่นได้ไม่นานหนิ ? จะหาหน้าร้านได้เร็วขนาดนี้ได้ไง ? ”
“ อย่าพูดจาไร้สาระให้มันมากนัก ทำอย่างกับว่าผมจะหลอกคุณงั้นแหละ ? หาร้านได้แล้ว
ตอนนี้คุณบอกมา สรุปว่าต้องทำยังไง ? ” หยางโปถาม
ตาหลิวอ้วนครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ชุยอี้ผิงได้สั่งกำชับกับเขาไว้ว่าจะต้องขัดขวางเรื่องบางอย่างของหยางโป และต้องทำให้เขาทำงานยากขึ้น ทางที่ดีควรทำให้เขาอยู่ที่เมืองภาพยนตร์เหิงเตี้ยนไปเลย ทำให้เขาไปไหนไม่ได้ไปสักระยะหนึ่ง แต่ตอนนี้หยางโปโทรมาหาเขาแล้ว เขาก็พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะปัญหาที่ยากที่สุดของเรื่องนี้คือ จะหาตลาดยังไง ถ้าติดต่อกับบริษัทที่ถ่ายทำภาพยนตร์ไม่ได้ เกรงว่าคงจะไม่มีวิธีอื่นเช่นกัน !
สักพัก หยางโปก็ทนรอต่อไปไม่ไหว ตาอ้วนหลิวถึงได้ฉีกยิ้มและตอบกลับมา ” นายวางใจได้ ไม่ว่าคนที่มีความสามารถแบบไหนฉันมีหมดนั่นแหละ นายแค่เอาใบสั่งซื้อของลูกค้ามาให้ฉันก็พอ
แล้วฉันก็เอาของมาส่งให้นายถึงที่ได้เลย ! ”
หยางโปตกตะลึงไปในทันที ” ตาอ้วนหลิว คุณไม่มีของตัวอย่างมาเลยหรือไง ? ไม่มีรูปมาให้ดูเลยเหรอ ? มาคุยโอ้อวดกับคนอื่นว่าผมทำได้แบบนี้ แล้วใครเขาจะยอมเชื่อมั่นในตัวคุณ ? ”
ตาอ้วนหลิวยิ้มร่าออกนอกหน้า “ หยางโป นายเก่งที่สุด ฉันเชื่อว่านายจะเอาอยู่ ! ”
พอพูดจบ ตาอ้วนหลิวก็วางสายไปเลย เขากุมอกตัวเองแล้วพึมพำว่า “ ไอ้น้องชาย นายอย่าโทษฉันเลยนะ ฉันใช่ว่าไม่อยากช่วยนาย จริงๆแล้วมันเป็นคำสั่งของคุณปู่นาย ฉันไม่กล้าปฏิเสธ ! ”
หยางโปถือโทรศัพท์และฟังเสียงที่วุ่นวายมาตามสาย ถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที ! เขาอดไม่ได้ที่จะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งและสบถด่าอย่างหยาบคาย “ เจ้าบ้าอ้วนเอ้ย แม้แต่นายก็ขายฉันด้วยงั้นเหรอ ! ” Aileen-novel
หยางโปรู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องมีครอบครัวอยู่เบื้องหลังแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นแบบนี้ มันก็เกินไปที่ชุยอี้ผิงและตาอ้วนหลิวจะมาให้ความร่วมมือกันโดยปริยายแบบนี้ ทั้งคู่ต่างก็วาดฝันพูดซะจนเรื่องยากกลับกลายเป็นเรื่องซะง่ายดาย แต่พอหยางโปมาถึงหน้างาน พวกเขากลับปรับเปลี่ยนงานซะยากระดับนรกกันเลยทันที !
หยางโปเกือบจะโยนความรับผิดชอบทิ้งแล้วไปจากที่นี่ แต่เขาก็ยังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
นั่งลงครุ่นคิดอย่างละเอียด
รายการประเมินและพิสูจน์โบราณวัตถุกำลังออกอากาศทางโทรทัศน์ หยางโปขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นชายชราที่ดูกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา เขาจึงมานั่งครุ่นคิดดู จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ทำไมเขาถึงลืมสิ่งสำคัญไป เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการประเมินและพิสูจน์สมบัติและโบราณวัตถุ เป็นผู้เชี่ยวชาญแนวหน้าของโลกโบราณวัตถุ ยังจะมากลัดกลุ้มใจกับเรื่องพวกนี้อยู่อีกทำไม ?
เมื่อนึกถึงตรงนี้หยางโปก็ล้วงโทรศัพท์ออกมา แต่ไม่ว่าจะกดกี่ครั้งก็เปิดเครื่องไม่ได้ เขาจึงรีบเดินออกไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ ใส่ซิมและต่อสายโทรหากุ้ยหลงจิ่ว
“ สวัสดีครับอาจารย์กุ้ย ไม่ได้เจอกันนานเลย ! ” หยางโปเอ่ยปากทักทาย
กุ้ยหลงจิ่วหัวเราะร่า “ นานมากแล้วที่คุณไม่ได้ติดต่อผมมา ผมนึกว่าพอคุณได้ดีแล้ว คงลืมชายแก่คนนี้ไปแล้ว ! ”
หยางโปรีบตอบกลับทันที “ คุณอย่าได้พูดแบบนี้เชียว คุณออกจะงานยุ่ง ผมก็เป็นแค่คนที่ว่างไม่มีอะไรทำ กลัวไปรบกวนคุณเข้านะสิ ! ”
“ คุณก็อย่าได้พูดแบบนี้เชียว ว่ามา โทรหาผมมีเรื่องอะไร ? ” กุ้ยหลงจิ่วถาม
หยางโปหัวเราะกลบเกลื่อน “ อาจารย์กุ้ย คือแบบนี้นะ ผมอยากสอบถามคุณหน่อยว่า ตอนนี้คุณยังทำรายการอยู่หรือเปล่า ? รายการมีแผนที่จะมาถ่ายทำที่เหิงเตี้ยนสักสองสามรายการไหม ? ”
“ ไปเมืองภาพยนตร์ ? ถ้าไปที่นั่น มีของล้ำค่าอะไร ? ” กุ้ยหลงจิ่วรู้สึกสงสัยมาก “ คุณก็น่าจะรู้ดี ช่วงเวลาที่เมืองภาพยนตร์พัฒนาขึ้นมาอย่างแท้จริง เริ่มขึ้นในปีทศวรรษ1990 นี่เพิ่งจะสิบกว่าปี แต่ก่อนเป็นเพียงแค่หมู่บ้านเล็กๆบนเขาที่ยากจน ไหนเลยจะมีโบราณวัตถุให้ทีมงานในรายการประเมินและพิสูจน์ยืนยันโบราณวัตถุ ? ”
หยางโปยิ้มและกล่าวว่า “ อาจารย์กุ้ย คุณพูดแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย สถานที่ที่มีโบราณวัตถุจริงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นเมืองที่มีอารยะโบราณเสมอไป และไม่จำเป็นต้องมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ต้องการเพียงเข้าเงื่อนไขเดียวเท่านั้น ก็คือรวย ! ”
“ ถึงแม้ที่นี่เพิ่งจะพัฒนาได้ไม่นาน แต่ผู้คนของที่นี่มีเงิน พวกเขายังต้องการที่จะนำเงินไปลงทุน
ที่นี่ยังมีดาราดังอยู่อีกมากมาย และถึงกับมีดาราจำนวนไม่น้อยที่อาศัยอยู่ที่นี่อย่างถาวร คุณคิดว่าในมือของพวกเขาจะไม่มีโบราณวัตถุอยู่เลยหรือไง ? ถ้าหากตอนที่มาถ่ายทำรายการที่เมืองภาพยนตร์ แล้วมีดาราสักคนสองคนมาร่วมรายการด้วยได้ และพวกเขานำของโบราณมาด้วยหรือมีดาราเล็กๆสักคนสองคนที่ผู้ชมคุ้นตามาร่วมรายการด้วยอีก มันน่าจะยิ่งเป็นที่ดึงดูดและน่าสนใจกว่านี้ไหม ? ”
เมื่อกุ้ยหลงจิ่วได้ฟังคำพูดของหยางโป ก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า ” ความคิดนี้ดีมากจริงๆ แต่ผมตัดสินใจคนเดียวไม่ได้นะสิ ยังคงต้องปรึกษาเรื่องนี้กับสถานีโทรทัศน์ก่อน ”
“ อาจารย์กุ้ย ถ้าแบบนั้นก็รบกวนคุณให้รีบปรึกษาเรื่องนี้หน่อย ผมจะรอคุณอยู่ที่นี่ ! ” หยางโปกล่าว
กุ้ยหลงจิ่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและบ่นว่าให้ ” เจ้าเด็กนี่ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ จะต้องมีความลับที่บอกใครไม่ได้แน่ บอกมาผมไม่บอกใครหรอก ”
“ อาจารย์กุ้ย คุณไม่ต้องถามแล้ว ถ้าทำเรื่องนี้สำเร็จ ผมจะเชิญคุณดื่มที่เมืองภาพยนตร์ ผมนั่งรอคุณอยู่ที่นี่นะ คุณต้องทำได้ ! ” หยางโปกล่าว
“ เอาล่ะ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดและไปที่นั่นโดยเร็วที่สุดเพื่อไปดื่มกับคุณ ! ” กุ้ยหลงจิ่วกล่าว
พอหยางโปจัดการกับกุ้ยหลงจิ่วได้เรียบร้อยแล้ว ก็รู้สึกดีใจไม่น้อย เขารู้ว่าคำพูดของกุ้ยหลงจิ่วมีอิทธิพลในรายการมาก ถ้าเขาเสนอข้อคิดเห็น งั้นเรื่องก็ไม่ใช่ใกล้เคียงแล้ว ถ้าวางแผนรายการนี้สำเร็จ เขาก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญของรายการอีกครั้ง ธุรกิจในภายภาคหน้าก็จะเข้ามาหาไม่หยุด

จินหลันอดที่จะมองไปทางหยางโปไม่ได้ “ เปิดร้านที่นี่ คุณต้องรู้ไว้ก่อนนะ ที่นี่มีร้านเปิดอยู่มากแล้ว ถ้าคุณมาเปิดร้านอยู่ที่นี่ จะต้องเป็นเป้าให้ทุกคนกระหน่ำยิงแน่ ”
“ คุณไม่เข้าใจ ” หยางโปส่ายหน้า “ นี่เป็นผลพลอยได้อย่างหนึ่ง ทำไมโรงแรมหลายๆแห่งถึงได้ยอมเปิดเบียดกันอยู่กระจุกเดียว เพราะมีการแข่งขันย่อมมีการเปรียบเทียบ ลูกค้ายิ่งชอบไปในที่ที่คนพลุกพล่านแบบนี้ ถ้าไปเปิดในเมือง มันถึงจะเป็นเป้าโจมตี ! ”
หยางโปไม่ได้อธิบายต่อ เขาหันมองออกไปไกล และอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า ที่นี่ไม่มีหน้าร้านเหลือว่างอยู่แล้ว เขาอยากหาที่ตั้งร้านสักที่ เกรงว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
พอเดินเข้าไปใกล้อีกนิด หยางโปถึงพบว่า ร้านค้าที่นี่ดูเหมือนจะทำธุรกิจเหมือนกันหมดทุกร้าน ที่นี่มีแต่ร้านสั่งทำเครื่องแต่งกายโบราณที่ใช้ในการแสดง มีอยู่ร้านหนึ่งที่เน้นให้เช่าเฟอร์นิเจอร์โบราณ แต่ทันทีที่หยางโปเดินเข้าไปดู ก็พบว่าในร้านมีเพียงแจกันและถ้วยน้ำชาเท่านั้น มีของเก่าเยอะแยะที่ไหนกัน ?
เมื่อมาเห็นตรงนี้ หยางโปก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย เขาหันไปมองหน้าจินหลัน “ สาวน้อย ”
“ ฉันทำงานเสร็จแล้ว ฉันไปได้หรือยัง ? ” จินหลันเอ่ยปากถาม
หยางโปถูกพูดสกัดหน้าทันที เขามองหน้าจินหลัน และขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ สาวน้อย ผมยังไม่ได้จ่ายเงินให้เลย และอีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน รีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
“ คุณยังมีงานอยู่เหรอ ? ” จินหลันหันหน้ามามอง
“ คุณช่วยไปถามให้ผมหน่อยได้ไหม ที่นี่พอจะมีร้านที่ว่างอยู่ไหม ผมต้องการเช่าสักห้องหนึ่ง
ห้องเดียวก็พอแล้ว ” หยางโปกล่าว
จินหลันหันมามองหยางโป ด้วยสีหน้าที่แปลกใจไม่น้อย “ คุณยังจะทำอยู่อีกเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ทำไมจะไม่ทำ ? ผมว่ามีอนาคตจะตาย คุณมั่นใจได้ การทำธุรกิจประเภทนี้
ไม่มีทางขาดทุนแน่นอน ”
จินหลันส่ายหน้า “ ฉันจะไปถามให้เดี๋ยวนี้ ”
พอพูดจบ จินหลันก็เดินเข้าไป
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น เรื่องนี้มันไม่เหมาะกับเขาจริงๆ ยังไงซะธุรกิจที่เขาต้องทำมันต้องมาแข็งขันกับคนอื่น ถ้าเขาเข้าไป เกรงว่าคงมีอีกหลายคนที่ไม่พอใจ และคงถึงขั้นที่จะทำทุกวิถีทางที่จะขัดขว้างเขา แต่จินหลันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เด็กผู้หญิงที่น่ารักแบบนี้ คิดว่าหลายๆคนคงจะไม่ไล่เธอออกมาแน่ !
มองดูจินหลัน หยางโปก็นึกถึงลั่วชิง ลั่วชิงเป็นคนที่กระฉับกระเฉง ช่วยเขาจัดการเรื่องลงทุนที่เกาะ เซียวเหยามาโดยตลอด ร่วมถึงเรื่องเหมืองด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะยุ่งมาก เขาก็อยากให้ลั่วชิงติดตามเขามาด้วยจริงๆ
ไม่นาน จินหลันก็เดินออกจากร้านแรก เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย และเหลือบมองไปที่หยางโป จากนั้นก็เดินเข้าไปอีกร้านหนึ่ง ไอลีนโนเวล
เดินเข้าออกหลายร้านติดต่อกัน แต่ก็ไม่ได้รับอะไรมา จินหลันจึงเดินกลับมาและพูดขึ้นว่า
” ไม่มีใครยอมให้เช่า คุณทำใจเถอะ ! ”
หยางโปรู้สึกหมดสิ้นหนทาง “ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ คุณช่วยผมหาทางแก้ไขอีกครั้ง ต่อให้ต้องจ่ายเงินก็ไม่เป็นไร ! ”
จินหลันหันไปมองหยางโป “ คุณไม่กลัวที่ต้องจ่ายเงินจริงๆใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า “ คุณมีช่องทางใช่ไหม ? ”
จินหลันชี้ไปที่หน้าประตูร้าน และบังเอิญชี้ไปที่ร้านขายของเก่าร้านนั้นเข้าพอดี จากนั้นเธอจึงอธิบายไปว่า ” นั่นคือหน้าร้านของครอบครัวของฉัน และสัญญาเช่าร้านกำลังจะหมดลงแล้ว ”
หยางโปนิ่งอึ้งไปทันที “ ครอบครัวพวกคุณจะตกลงไหม ? ”
จินหลินไม่พูดมากอะไร แค่ถูนิ้วหัวแม่โป้งและนิ้วชี้เข้ากันเบาๆ
หยางโปได้สติกลับมา “ สัญญาเช่าจะหมดลงเมื่อไหร่ ? ”
“ ครึ่งเดือนหลังจากนี้ ! ” จินหลันตอบ
ในเมื่อหยางโปมาถึงแล้ว ก็ยังไม่สายเกินไปสำหรับสองสามวันที่ผ่านมา เขาพยักหน้า
“ ตกลง ผมจะไปคุยกับเขา ”
จินหลันนิ่งอึ้งไปทันที “ คุณคงไม่ไปพูดกับพ่อแม่ฉันเรื่องนี้นะ ? ”
หยางโปยิ้ม “ เรื่องนี้ ไม่ไปหาพ่อแม่คุณ มันคงจะพูดคุยกันได้ง่ายกว่า ”
พอพูดจบ หยางโปก็ชี้เข้าไปข้างใน “ ถ้าเข้าไปกับผม วันนี้ราคาค่าทำงานที่ลำบากของคุณ สามารถเพิ่มได้จนถึงหนึ่งหมื่นหยวน ! ”
จินหลินขมวดคิ้วขึ้น และเดินตามหยางโปเข้าไป
ไม่นาน หยางโปก็เดินเข้าไปในร้าน และสังเกตเห็นชายอ้วนหัวล้านที่อายุสี่สิบกว่าคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะ เมื่อเห็นหยางโปเดินเข้ามา ก็รีบผายมือเชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้น
“ สวัสดีครับ ผมรู้สึกว่าคุ้นหน้านะ คุณคือผู้กำกับเฉินใช่ไหม ? ”
หยางโปมองหน้าอีกฝ่ายและส่งยิ้มให้ “ ผมแซ่หยาง ” “ ผู้กำกับหยาง สวัสดี สวัสดี ” ตาอ้วนหัวล้านรีบยกเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆมาให้ และเชื้อเชิญให้หยางโปทั้งสองคนนั่งลง ชงชามาเสิร์ฟให้ จากนั้นถึงได้นั่งลง “ ผู้กำกับหยาง คุณอยู่คณะละครไหน ? ”
หยางโปยิ้ม “ ครั้งที่แล้วเคยใช้เครื่องลายครามของที่นี่ มันเปราะบางเกินไป ครั้งนี้ต้องเปลี่ยนเป็นของดีกว่านี้หน่อย ”
พอพูดจบ หยางโปก็สอบถามเกี่ยวกับสภาพราคาสินค้าในตลาดตอนนี้ของอีกฝ่ายหนึ่ง
เถ้าแก่อ้วนก็ถือว่าเป็นคนที่มีไหวพริบ รีบหยิบรายการขึ้นมาแล้วยื่นให้หยางโป และกระซิบบอกว่า “ น้องชาย เราต่างก็รู้จักมักคุ้นกันดี ทำตามกฎเดิมนั่นแหละ ! ”
หยางโปก้มดูรายการและสังเกตเห็นราคาด้านบน เขาไม่คุ้นชินกับของพวกนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเดากฎทั้งหมดนี้ไม่ออก เขาเหลือบมองหน้าอีกฝ่ายหนึ่ง “ กฎก่อนหน้านี้ ขาดอะไรไปหน่อยไหม ? ”
เถ้าแก่อ้วนหัวล้านยิ้มระรื่น ” น้องชาย เราทำแค่ธุรกิจเล็กๆ ทำเงินได้ไม่มาก ล้วนแล้วแต่อาศัยของจำนวนมากเพื่อลดราคาให้บางส่วน ถ้าเจอของเสียหายอีก ยังไม่รู้เลยว่าจะสูญเสียไปอีกมากน้อยเท่าไร ! ”
“ อ้อ ในเมื่อรู้สึกว่าขาดทุน ถ้างั้นก็มอบมันให้ผมสิ ! ” หยางโปกล่าว
ชายอ้วนหัวล้านส่ายหน้าปฏิเสธ “ พี่ชาย คุณมีความสุขแค่ไหนในฐานะผู้ช่วยผู้กำกับ มาติดต่ออุปกรณ์ประกอบฉากเหล่านี้ อย่างน้อยก็ได้ส่วนแบ่งไปแล้วห้าเปอร์เซ็นต์ ไหนเลยจะเหมือนกับพวกเรา กินมื้ออดมื้อ ไม่มีวันมั่นคง ”
หยางโปยิ้มและเงยหน้าชายอ้วนหัวล้าน ” ร้านนี้ของคุณใกล้จะหมดสัญญาเช่าแล้วใช่ไหม ? ”
ใบหน้าที่ร่าเริงของเถ้าแก่ก็หุบยิ้มลงทันทีลง เขาเหลือบไปมองหยางโป ” คุณเป็นใครกันแน่ ? ”
หยางโปหัวเราะ “ ผมเป็นใครมันไม่สำคัญ แต่คุณคิดว่าคำพูดเมื่อสักครู่นั้นของผมเป็นไงบ้าง ? ”
“ ประโยคไหน ? ”เถ้าแก่หัวล้านกล่าว
หยางโปพยักหน้าและก้มลงจิบชา จากนั้นถึงได้เอ่ยปากพูดว่า “ ยกร้านนี้ให้ผม ”
เถ้าแก่หัวล้านก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที “ นี่คุณกำลังคิดที่จะแย่งร้านของผมใช่ไหม คุณเป็นใครกันแน่ ? ผมไม่มีทางปล่อยร้านไปแน่ ! ”
หยางโปมองหน้าอีกฝ่าย “ พวกเราทั้งสองไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ผมก็ไม่คิดที่จะแย่งธุรกิจของคุณเช่นกัน ผมแค่อยากได้ร้านสักร้านหนึ่งมาใช้สักสามเดือน ถ้าคุณยินดีที่จะแบ่งร้านนี้ให้ผมครึ่งหนึ่ง ผมก็สามารถช่วยคุณจ่ายค่าเช่าได้สามเดือน ถ้าคุณไม่ยอม ผมจะไปหาเจ้าของ แล้วจ่ายค่าเช่าให้สองเท่า ถ้าสองเท่าไม่ได้ งั้นก็เพิ่มเป็นสามเท่า ! ”
เถ้าแก่หัวล้านนิ่งอึ้งไปทันที เขาคิดไม่ถึงว่าหยางโปจะตั้งใจเปิดร้านให้ได้ แต่สำหรับเขาแล้ว เวลาแค่สามเดือนมันไม่ได้นานมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือ หยางโปยินดีที่จะจ่ายค่าเช่าให้ เพราะค่าเช่าถือว่าเยอะมากสำหรับเขา !
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เถ้าแก่หัวล้านก็หันมองมาทางหยางโป “ น้องชาย ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้ว และยังไปหาลูกสาวของเถ้าแก่จินมาอีก แต่คุณต้องรับปากนะว่าเวลาแค่สามเดือน แค่สามเดือนเท่านั้น ! ”
หยางโปพยักหน้า “ คุณวางใจได้ บอกว่าสามเดือนก็สามเดือน ไม่เอาเปรียบคุณแม้แต่วันเดียวแน่นอน ! ”
“ อ้อใช่สิ คุณจะทำธุรกิจอะไร ? ” ตาอ้วนหัวล้านชายตามอง
“ รับสั่งทำโบราณวัตถุ ” หยางโปตอบ

จินหลันดูเหมือนจะอายุยี่สิบสาม หน้าตาสวยใสหมดจด รถของเธอสีแดง มีของเล่นจำนวนหนึ่งติดอยู่ด้านหลังรถ ดูทะเล้นและน่ารัก
เมื่อเข้ามานั่งในรถ หยางโปก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ เขาจึงหันกลับไปมองจินหลัน “ ผมวางแผนที่จะเปิดร้านที่นี่สักร้าน อยากทำความเข้าใจกับสภาพแวดล้อมของที่นี่ คุณพาผมไปทำความรู้จักมักคุ้นหน่อย ”
จินหลันหันมามองหน้าหยางโป “ เปิดร้าน ? เปิดร้านอะไร ? ”
ในขณะที่พูดคุยกัน จินหลันก็สตาร์ทรถและเคลื่อนรถไปข้างหน้า เธอดูเหมือนคนที่ขับรถมานานแล้ว เคลื่อนไหวได้ชำนาญมาก
“ ผลิตอุปกรณ์ประกอบฉากให้เฉพาะสำหรับบริษัทผลิตภาพยนตร์ ส่วนใหญ่จะเป็นการสั่งทำวัตถุโบราณบางจำพวก ” หยางโปกล่าว
จินหลันหันมามองหยางโป “ สั่งทำวัตถุโบราณ ? ทำไมฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้มีคนทำแล้วนะ แต่ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ เดี๋ยวฉันพาคุณวนดูก่อน เพราะยังไงซะก็วันละสามพันหยวน จะให้คุณเสียเปรียบไม่ได้ ”
หยางโปหัวเราะแต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร แต่ภายในใจกลับรู้สึกเป็นกังวล ถ้ามีคนทำธุรกิจด้านนี้แล้วจริงๆ กลัวว่าจากนี้มันคงจะยุ่งยาก เขาจะต้องเผชิญการแข่งขันจากเพื่อนร่วมธุรกิจเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนร่วมธุรกิจจำนวนมากยังเริ่มทำธุรกิจก่อนเขา ที่กลัวที่สุดคือร้านค้าบางแห่งสามารถให้บริการที่ครบถ้วนสมบูรณ์กว่า
“ คุณเป็นคนในพื้นที่ใช่ไหม ? ”หยางโปเอ่ยปากถาม
จินหลันหันมามองหยางโป “ อืม ! ”
หยางโปอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้า อืม สาวน้อยคนนี้ดูท่าจะหยิ่งผยองไม่น้อย ตอนนี้ไม่หลงเหลือมารยาทในการต้อนรับแขกอย่างสุภาพเมื่อสักครู่อยู่แล้ว แม้แต่ตอนที่เอ่ยปากพูด
ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีความอดทนเอาซะเลย !
“ ถ้าอย่างนั้นคุณก็คุ้นเคยกับเหิงเตี้ยนมากนะสิ พวกเราจะไปกันยังไง ? ต้องวนไปดูรอบๆพระราชวังทั้งหมดที่นี่เลยไหม ? มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าได้ผ่านย่านการค้า ให้ผมดูรายละเอียดว่ามีคนทำเรื่องนี้แล้วจริงๆ ” หยางโปไม่ถือสาเอาความและพูดต่อ
“ คุณไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง คุณแค่นั่งในรถอย่างสบายใจและมองออกไปนอกหน้าต่างก็พอ ” จินหลันพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ
หยางโปตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วจึงโต้ตอบกลับไป “ สาวน้อย ทุกวันที่คุณทำงานกดดันมากใช่ไหม ?ทำไมผมรู้สึกว่าคุณมีแต่สีหน้าที่แค้นใจ ”
จินหลันชะงักไปครู่หนึ่ง “ ไม่มีอะไร ไม่ใช่เรื่องของคุณ แค่รู้สึกรำคาญนิดหน่อยนะ คุณอย่าถือสาเลยนะ ! ”
หยางโปเหลือบมองอีกฝ่าย เมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายรู้สึกสำนึกผิดต่อการกระทำไม่น้อย ถึงได้พยักหน้า “ แยกแยะงานกับชีวิตส่วนตัวให้ชัดเจน อย่าคิดอะไรมาก ”
ในขณะที่พูด ทั้งสองก็มาถึงพระราชวังของราชวงศ์หมิงและชิง ขับรถวนไปรอบๆ ด้านนอกมาได้ครึ่งทาง ทำให้ลดระยะของจัตุรัสด้านนอกให้กระชับลงมาบางส่วน จากนั้นจินหลันจึงหันมามอง
หยางโป ” อยากจะลงจากรถไปดูหน่อยไหม ? นี่คือพระราชวังต้องห้าม ”
“ พระราชวังต้องห้ามไม่ต้องล่ะ ผมเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว พวกเราวนไปดูกันต่อเถอะ ” หยางโปกล่าว
“ คุณเป็นคนเมืองหลวงเหรอ ? ” จินหลันถาม.ไอลีนโนเวล.
หยางโปลังเลเล็กน้อย “ ผมเป็นคนจินหลิง ตอนนี้ก็ถือว่าคนตี้จิงครึ่งหนึ่ง อาศัยอยู่ที่นั่นอย่างถาวร ”
จินหลันขับรถไปตามถนน บนถนนมีรถไม่มากนัก แต่มีรถบัสหลายคัน บนรถบัสมีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศของประเทศกำลังนั่งรถเมล์อยู่ในเมืองภาพยนตร์ที่มียุคประวัติศาสตร์ในแต่ละยุคแต่ละสมัยแห่งนี้ ทุกปีจะมีภาพยนตร์และละครโทรทัศน์จำนวนมากมาถ่ายทำที่นี่ นักท่องเที่ยวก็มีจำนวนมากเช่นกัน
จินหลันขับรถมา เห็นได้ชัดว่าหน้าตาและท่าทีของเธอดูใจคอเหี่ยวแห้งมาก
หยางโปที่นั่งอยู่ข้างๆ และรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาจ่ายเงินเพื่อหาไกด์นำเที่ยว แต่ไม่ใช่หาคนที่ใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาหันไปมองจินหลัน “ สาวน้อย คุณมีอะไรในใจหรือเปล่า ?
พูดออกมาได้นะ เดี๋ยวผมช่วยคุณคิดหาทางออก ! ”
จินหลันเหลือบมองหน้าหยางโป และหันหน้ากลับมาอีกครั้งด้วยอาการที่ลังเลใจเล็กน้อยและพูดว่า ” ทางบ้านคุณก็เห็นผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิงด้วยหรือเปล่า ? ”
หยางโปตกตะลึงนิ่งเงียบไปทันทีเมื่อได้ยิน ” เรื่องนี้จะพูดยังไงดีนะ ? ครอบครัวของเราก็ดีอยู่นะ ทำไมผมรู้สึกว่าที่บ้านจะชอบผู้หญิงมากกว่า และดูเหมือนว่ามีสถานะที่สูงกว่าด้วยนะ ? ”
พอพูดจบ หยางโปก็ได้สติกลับมา “ ทำไม ? คุณไม่มีตัวตนอยู่ในในครอบครัวเหรอ ? ”
จินหลันลังเลเล็กน้อยและพยักหน้า ” ฉันเป็นคนเหิงเตี้ยนโดยกำเนิด แต่เดิมครอบครัวของเราสร้างอาคารสามชั้นและทำเป็นโรงแรม พ่อแม่ก็ถือว่ามีเงินออมอยู่บ้าง แต่ตอนที่ฉันอยู่มัธยมต้น
พวกเขาก็ไม่ยอมให้ฉันได้เรียนหนังสือต่อ ให้ฉันกลับบ้านมาดูแลโรงแรม ”
“ ฉันทำงานเป็นวัวเป็นม้าในโรงแรม พวกเขาให้เงินค่าขนมแก่ฉันทุกเดือน เมื่อสองสามปีก่อน
ฉันหนีออกมาทำงานด้วยตัวเอง จากนั้นถึงได้มีเงินเก็บ และซื้อรถคันนี้มา ตอนนี้ที่บ้านจะได้เงินปันผลจากเมืองแห่งภาพยนตร์เหิงเตี้ยนทุกสิ้นปี ยังมีห้องชุดสามห้องที่อยู่ในเมือง ตอนนี้พ่อแม่ของฉันต้องการให้ฉันแต่งงาน แต่พวกเขาไม่ยอมจ่ายค่าสินสอดทองหมั้นให้สักบาทเดียว ! ”
หยางโปนั่งอยู่ด้านข้างคนขับ เมื่อฟังที่หญิงสาวบ่นทุกข์ ก็เงียบไปครู่หนึ่ง “ ธรรมเนียมประเพณีของแต่ละที่แตกต่างกัน บางทีทางคุณอาจจะเห็นความสำคัญของผู้ชายมากกว่าผู้หญิงนิดหน่อย… ”
“ ไม่ใช่นิดหน่อยแล้วล่ะ มันเยอะมากต่างหาก ! คุณรู้ไหม ทางเรา เมื่อหญิงสาวแต่งงานออกเรือนไปแล้ว เพื่อนบ้านจะถามว่าไง ? พวกเขาจะถามว่า ลูกสาวของคุณถูกขายไปไหน ? คุณฟังคำพูดนี้สิ ขายไปที่ไหน ! ” จินหลันอดไม่ได้ที่จะโมโหเดือดดาล ใบหน้าดูเศร้าเสียใจมากขึ้น
หยางโปไม่รู้ว่าจะปลอบใจอีกฝ่ายยังไง เรื่องนี้มันทำให้เขาไม่รู้จะปลอบใจยังไงดีจริงๆ
“ ธรรมเนียมประเพณีแบบนี้ของพวกคุณ มันไม่ดีกับเด็กผู้หญิงเลยจริงๆ ! ”
“ ที่นี่ ต่างก็มีลูกก่อนจดทะเบียนสมรส จากนั้นถึงแต่งงาน คุณรู้ไหมว่าทำไม ? ” จินหลันมองหน้า
หยางโป
หยางโปนิ่งอึ้ง “ ไม่จัดงานแต่งเหรอ ? ทำไมถึงจัดงานแต่งกันช้าขนาดนั้น ? ”
“ เพราะที่บ้านฝ่ายชายต้องแน่ใจก่อน ว่าผู้หญิงจะให้กำเนิดลูกได้ไหม และยังเห็นความสำคัญของผู้ชายมากว่าผู้หญิงอีก ถ้าหญิงสาวคลอดลูกมาเป็นผู้หญิง ก็ไม่มีวันเงยหน้าขึ้นมาได้ ! ” จินหลันอดไม่ได้ที่จะสบถด่าออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่หยางโปได้ยินธรรมเนียมประเพณีแบบนี้ “ พวกคุณที่นี่ ต่างก็เป็นแบบนี้กันหมดเหรอ ? ”
จินหลันหันกลับไปมองถนน โดยที่ไม่ยอมพูดอะไรอีก เหมือนจะรู้สึกว่าไม่มีใครที่พอจะบอกเล่าความเศร้าโศกในใจของเธอไดh
หยางโปรู้สึกที่จะหมดหนทาง เขามองไปที่ถนนด้านหน้า ก็เห็นว่าห้องที่เรียงตัวกันเป็นแถว มีหลายร้านที่ทำเครื่องแต่งกายในซีรีย์และยังให้เช่าเฟอร์นิเจอร์ประเภทต่างๆอีกด้วย ห้องทั้งหมดใน
เหิงเตี้ยนเป็นห้องเปล่าๆ คนที่มาเช่าจะต้องออกแบบและตกแต่งขึ้นมาเอง
หยางโปยังเห็นฉากสีเขียวขนาดใหญ่ ที่เคลื่อนไหวบินโลดโผนหลายอย่าง ต่างก็ถ่ายทำกันอยู่ที่นี่
ไม่นานก็ขับผ่านเมืองซ่ง ผ่านเมืองฉิน จนรถมาจอดอยู่ข้างทาง พอหยางโปเงยหน้าขึ้นมอง ก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไป เพราะที่นี่มีตึกแถวเรียงกันเป็นแถว บนป้ายเขียนบอกไว้ว่า “ เช่าเครื่องแต่งกาย เฟอร์นิเจอร์และวัตถุโบราณ ! ”
เมื่อเห็นตึกแถวที่เรียงตัวกันเป็นแถวนี้ หยางโปก็ตกตะลึง ธุรกิจนี้จะว่างเปล่าได้ไง มันบ่งบอกอย่างชัดเจนแล้วว่ามีคนเริ่มทำธุรกิจนี้นานแล้ว ที่พวกเขาพูดถึงเรื่องนี้เพราะต้องการผูกมัดเขาไว้เท่านั้น !
จินหลังยืนอยู่ข้างๆ กวาดตาไปรอบๆ และหันไปถามหยางโปว่า ” คุณจะดูต่ออีกไหม ? ฉันคิดว่าไม่มีความจำเป็นแล้ว ที่นี่มีร้านค้าอยู่มากมายแล้ว คุณต้องไปเปิดร้านในเมือง ถึงจะหลีกเลี่ยงที่จะแข่งขันของพวกเขาได้ ”
หยางโปส่ายหน้าและพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง ” ผมจะเปิดมันที่นี่ ! ”

วันที่สอง หยางโปฟื้นตัวกลับมาเล็กน้อย เขาออกไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ตามวิธีการของตำราจินกังจิง หยางโปปรับสภาพกล้ามเนื้อและผิวหนัง ตามวิธีการข้างต้นของตำราเท่านั้น หยางโปรู้สึกว่าการออกกำลังกายประเภทนี้ค่อนข้างจะเชื่องช้า หากต้องการที่จะบรรลุทุกอย่าง อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสิบถึงยี่สิบปีได้ !
หยางโปไม่ก้าวหน้าในการฝึกฝน จึงรู้สึกค่อนข้างจะท้อแท้ เขาจึงฝึกมวยเทียนหลัวอีกครั้ง แต่ทันทีที่เขาฝึกมวยเทียนหลัว หยางโปก็รู้สึกว่าเนื้อและผิวหนังทั่วทั้งร่างร้อนรุ่มขึ้นมาทันที ทำราวกับว่ามีมดนับพันตัวอยู่ข้างในทำให้คนรู้สึกชาไปทั่วทั้งตัว !
หยางโปตกใจนิ่งอึ้งไป เขารีบหยุดการกระทำทันที เพราะกลัวว่าจะมีเกิดความผิดปกติขึ้นระหว่างนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาฝึกวรยุทธ์ทั้งสองแบบด้วยกัน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดปฏิกิริยานี้ขึ้น หรือเป็นเพราะว่าวรยุทธ์ทั้งสองชนิดนี้จะเข้าปะทะกัน ?
หยางโปลูบแขนของตัวเองทันที เขารู้สึกว่าเนื้อหนังไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ความรู้สึกชาและความร้อนรุ่มยังคงทำให้เขารู้สึกเสียวไม่หาย
หยางโปตกตะลึง เขายังคงวางท่วงท่าและฝึกมวยเทียนหลัวต่อ มวยเทียนหลัวมาจากเหยียนหรูหยู จินกังจิงมาจากอู๋เฉียง ทั้งสองไม่เกี่ยวกันแม้แต่น้อย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรวมกันมาทำร้ายเขา !
ทันทีที่เขาฝึกซ้อม หยางโปก็รู้สึกเสียวซ่าที่เนื้อและผิวหนังอีกครั้ง เขาอดกลั้นมันไว้ จากนั้นชกมวยเทียนหลัวทั้งชุดออกมา เขายิ่งรู้สึกว่าร่างกายร้อนขึ้น และยิ่งรู้สึกถึงพลังที่มีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกำลังจะแตกกระจาย !
พอต่อยท่วงท่าทั้งหมดของมวยออกมา ทันใดนั้นหยางโปก็ได้ยินเสียงแตกดัง “ เพลี้ย ” เข้าหูของตัวเอง หยางโปตกตะลึงนิ่งอึ้งไป จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าเนื้อและผิวหนังบนตัวดูกระชับขึ้นมา !
หยางโปรู้สึกได้ทันทีว่า วรยุทธ์ทั้งสองประเภทถ้าเอามาฝึกฝนร่วมกัน ดูเหมือนว่าผลที่ได้รับจะไม่ปกติธรรมดามาก !
หยางโปกลับไม่เข้าใจว่ามีเคล็ดลับอะไรอยู่ขั้นกลางระหว่างนี้ แต่สำหรับเขาแล้ว มันก็เพียงพอแล้ว !
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชุยอี้ผิงก็นั่งเจ้ากี้เจ้าการแบบไม่ให้ได้หายใจหายคอกันเลยทีเดียว นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารไม่หยุดที่จะพึมพำ “ วันนี้นายเดินทางไปที่หยูหางเลย รีบไปก่อตั้งบริษัทรับทำวัตถุโบราณ เร็วเข้า ภาพยนตร์และซีรีย์ทางโทรทัศน์ของบริษัทเรากำลังจะเริ่มถ่ายทำแล้ว นายต้องทำอะไรให้มันรวดเร็ว ! ”
หยางโปยังคงกินอยู่ วันนี้เขารู้สึกหิวอย่างน่าแปลก เขากินซาลาเปาไปยี่สิบลูก แล้วเงยหน้ามองไปที่ชุยอี้ผิง ” ถ้าบริษัทนี้ตั้งขึ้นแล้ว ก็ถือว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้วใช่ไหม ? ”
“ ไม่ได้ ต้องรอจนกว่าหักต้นทุนแล้วบริษัทเริ่มได้กำไรก่อน ถึงจะนับได้ว่าภารกิจเสร็จสมบูรณ์ ”
ชุยอี้ผิงกล่าว
หยางโปไม่ค่อยจะไม่พอใจ แต่กลับไม่ได้พูดออกมาตามตรง เขาเหลือบมองหลินหลิน
” เรื่องแต่งงานที่เตรียมการไว้ก่อนหน้านี้ ยังเตรียมตัวอยู่ ตอนนี้จะมาเริ่มทำธุรกิจอีก การกระทำและเป้าหมายอยู่ตรงข้ามกันจริงๆ ”
“ นายก็อย่าไปคิดมาก เรื่องงานแต่งเตรียมไว้นานแล้ว คุณปู่พูดไว้แล้ว หากธุรกิจนี้สามารถประสบความสำเร็จได้ ต่อไปก็ไม่ต้องสนใจนายแล้ว ! ” ชุยอี้ผิงกล่าว
หยางโปมองหน้าชุยอี้ผิง ” จริงเหรอ ? คุณปู่คงไม่โกหกเอาใจฉันแล้วครั้งนี้ให้นายมาหลอกฉัน แล้วคราวหน้ามาบอกว่าครั้งนี้ไม่นับอีกนะ ? “.ไอรีนโนเวล.
“ วางใจได้ ต่อไปไม่มีอีกแล้ว ต่อไปใครยังจะสามารถควบคุมนายได้อีก ! ” ชุยอี้ผิงกล่าว
หยางโปพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันไปมองหน้าตาอ้วนหลิว ” พวกเราไปหยูหางด้วยกัน เมืองภาพยนตร์ที่นั่นไม่เล็กเลย คุณจะมีช่องทางทำมาหากินที่กว้างกว่า พวกเราสองคนอยู่ด้วยกัน
ง่ายที่จะทำออกมาได้ดี ! ”
ตาอ้วนหลิวเหลือบมองชุยอี้ผิง และส่ายหน้าให้เล็กน้อย ” ครั้งนี้ฉันไม่ไปดีกว่า แต่ฉันสามารถช่วยแนะนำช่องทางให้นายได้ แต่รายละเอียดหลักก็ยังต้องเป็นนายที่ไปทำด้วยตัวเอง ! ”
หยางโปตาโต “ ไม่ได้จริงเหรอ ? ”
“ นายต้องไปคนเดียว ! ” ชุยอี้ผิงเตือน
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปเก็บข้าวของที่ห้อง เขาลากกระเป๋า
บอกลาหลินหลินและฮัวชิงหยุน และไปขึ้นเครื่องบิน
……
เมืองภาพยนตร์เหิงเตี้ยนนี้อยู่ห่างจากหยูหางระยะทางรถยนต์มากกว่าสองชั่วโมง เดิมทีที่นี่เป็นหมู่บ้านบนภูเขาเล็กๆ แต่ต่อมาค่อยๆ พัฒนากลายเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน
หยางโปลงจากรถและมองไปที่ตึกสูงในเมืองเล็กๆ ตอนนั้นเองที่เขานึกขึ้นมาได้ว่าเขาอยู่โดดเดี่ยวคนเดียวและไม่มีที่สำหรับตัวเองเลย จะเริ่มธุรกิจได้ยังไง ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หยางโปก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาชุยอี้ผิง และถามว่า “ ไม่ได้จัดเตรียมคนให้ฉันไว้เหรอ ? แล้วธุรกิจที่นายพูดถึงล่ะ ? นายต้องการทำวัตถุโบราณอะไรบ้าง ? มีใบสั่งซื้อไหม นายเอามาให้ฉันก่อน มีใบสั่งซื้อฉันจะได้ทำงานได้ ! ”
“ ใบสั่งซื้อ ? นายพูดถึงใบสั่งซื้ออะไร ? ” ชุยอี้ผิงทำเป็นไม่รู้เรื่อง
หยางโปชะงักไปครู่หนึ่ง จู่ๆเขาก็เกิดลางสังหรณ์บางอย่าง เขากำโทรศัพท์ไว้แน่น “ ไหนนายว่า บริษัทกำลังถ่ายทำซีรีย์เรื่องใหม่อยู่ จำเป็นต้องจำลองชุดเลียนแบบของโบราณขึ้นมาชุดหนึ่ง ?นายเอาใบสั่งซื้อมาให้ฉันซะ ”
ชุยอี้ผิงดูเหมือนเพิ่งจะรู้ตัว ” อ้อ นายกำลังพูดถึงเรื่องนี้อยู่เหรอ ? ฉันรู้แล้ว มันก็แค่ใบสั่งซื้อไม่ใช่เหรอ ? นั่นคือแผนการของบริษัทสำหรับปีหน้า รอถึงปีหน้า ฉันจะเอาใบสั่งซื้อนี้ให้นายอย่างแน่นอน ! ”
“ ชุยอี้ผิง นายหลอกฉัน ! ” หยางโปเพิ่งจะรู้ตัว อีกฝ่ายเพียงแค่ปั้นน้ำเป็นตัว พยายามหลอกให้เขามาซ่อนตัว !
ชุยอี้ผิงพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ เรื่องแบบนี้ นายจะมาโทษฉันไม่ได้นะ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวนายเอง ถ้าไม่ใช่เพราะนายสร้างปัญหาอยู่บ่อยๆ พวกเราจะคิดแผนการนี้ออกกันไหม ? แต่นายก็ไม่ต้องโมโหมากไป นายลองมาคิดๆดูสิ คิดหาทางให้ตัวเอง นายออกจะฉลาดขนาดนั้น ต้องมีวิธีมากกว่าความยากลำบากเสมอ ! ”
พอพูดจบ ชุยอี้ผิงพูดเพียงไม่กี่คำง่ายๆ แล้วก็วางสายไป
หยางโปมองไปที่ตลาดข้างถนนที่มีชีวิตชีวา ก็รู้สึกฉงนสนเท่ห์ไปชั่วขณะหนึ่ง นี่เขาควรจะทำยังไงต่อดี ?
หยางโปเดินวนไปตามถนน จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง หญิงสาวในชุดพนักงานสีดำออกมาต้อนรับเขา “ คุณผู้ชาย คุณจะไปท่องเที่ยวใช่ไหม ? คุณอยากไปทางไหนล่ะ ? ”
หยางโปส่ายหัว ” ช่วยผมหาไกด์นำเที่ยวสักคน ถ้าจะดีขอไกด์นำเที่ยวที่คุ้นชินกับพื้นที่ ”
หญิงสาวที่แผนกต้อนรับค่อนข้างจะสงสัย “ อันนี้ ไม่ค่อยเป็นไปตามระเบียบของเรา ”
” ผมจะจ่ายเงินให้ จ่ายเป็นรายชั่วโมง ” หยางโปต่อรอง ” ช่วยผมถามหน่อยว่า วันนี้มีใครพอมีเวลาบ้าง ที่จะสามารถพาผมเดินดูรอบๆที่นี่เพื่อแนะนำสถานที่ให้ได้ไหม ถ้ามีรถยนต์จะเป็นการดีที่สุด ”
หญิงสาวที่แผนกต้อนรับตะลึงนิ่งเงียบ “ ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน ทุกคนต่างก็ไม่มีเวลา ! ”
“ สามพันหยวนต่อวัน ” หยางโปกล่าว
หญิงสาวที่แผนกต้อนรับตะลึงไปครู่หนึ่ง “ คุณรอสักครู่นะ ”
พอพูดจบ หญิงสาวคนนั้นก็หันหลังเดินเข้าไปด้านใน ไม่นาน เธอก็เดินออกมาอีกครั้ง จากนั้นเธอก็หันไปพูดกับหยางโปว่า ” ไปกันเถอะ ! ”
หยางโปมองไปรอบๆตัวเธอ เมื่อไม่พบคนอื่นๆอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยไปว่า
“ แล้วคนล่ะ ? ทำไมไม่เห็นไกด์นำเที่ยวเลยล่ะ ? ”
“ ฉันเป็นคนท้องถิ่นที่นี่ คุ้นเคยมากกว่าไกด์นำเที่ยวซะอีก คุณยังต้องการไกด์นำเที่ยวอยู่ไหม ? ” หญิงสาวสอบถาม
หยางโปยิ้ม “ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ”
“ สามพันหยวนที่คุณพูดมายังคิดได้อยู่ไหม ? แค่แนะนำสภาพของที่นี่ เวลาเลิกงานตอนเย็น
ฉันขอเลิกงานตามปกติ ! ” หญิงสาวกล่าว
หยางโปพยักหน้า ” คุณสบายใจได้ ทุกสิ่งที่ผมพูดคิดได้หมด ! ”
หญิงสาวเหลือบมองหยางโป ” ฉันชื่อจินหลัน ”
“ ผมชื่อหยางโป ”

หยางโปตาเบิกกว้าง เขาหันไปมองตาอ้วนหลิว ” คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ ? ผมเป็นคนแบบนั้นหรือไง ? ”
“ แล้วนายใช่ไหมล่ะ ? ” ตาอ้วนหลิวพูดพลางยิ้ม
หลินหลินนั่งลงและตบไปที่โต๊ะอย่างแรง ” เอาล่ะ เรื่องนี้เอาตามนี้แหละ พวกเรารายงานเรื่องนี้กับคุณปู่ไปแล้ว และคุณปู่เองก็เห็นด้วย เรื่องนี้มอบหมายให้ลูกดูแลก็แล้วกัน ! ”
หยางโปหมดสิ้นหนทาง เขาไม่มีทางอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนได้จริงๆ แต่เขาก็ไม่อยากทำ เขาจึงทำได้เพียงหันไปมองหน้าชุยอี้ผิง ” ฉันจะลงทุนให้ นายเป็นคนดูแลจัดการ ส่วนเงินที่หามาได้ยกให้นาย ! ”
“ ฉันไม่ต้องการเงิน ฉันกำลังรอตอนแต่งงาน นายสัญญาว่าจะยกเครื่องประดับหยกครบชุดให้
เอาแค่ชุดเดียว ฉันก็สามารถสร้างครอบครัวได้แล้ว ต่อให้ในอนาคตไม่มีเงินแต่มันก็คุ้มค่า ”
ชุยอี้ผิงพูดออกมาอย่างไม่แยแส
หยางโปมองหน้าชุยอี้ผิง เขายังคงจำเรื่องนี้ได้ ตอนนั้นเขาให้สัญญาเรื่องนี้ไว้กับอีกฝ่าย คิดไม่ถึงว่าชุยอี้ผิงจะใช้เรื่องนี้เพื่อมาปิดปากของเขา !
“ ทุกคนต่างก็ขอให้ลูกรับดูแลเรื่องนี้กัน ทำไมถึงผลักไสมันออกไปอีก ? ” หลินหลินกล่าวด้วยความไม่พอใจ
หยางโปจึงต้องพยักหน้า ” งั้นก็ได้ พรุ่งนี้ผมจะเริ่มเตรียมตัว ”
หลังอาหารเย็น หยางโปกลับไปที่ห้องและหยิบกระจกแสงจันทร์ออกมา ด้วยท่าทีที่ค่อนข้างจะลังเลใจ จากนั้นเขาจึงต่อสายโทรหาเยว่จวิ้นเหยา หลังจากรอนานกว่าครึ่งชั่วโมงถึงมีสายโทรกลับมา
เยว่จวิ้นเหยาพูดอย่างมีคามสุข เธอทักทายกับหยางโปอย่างดีอกดีใจ
หยางโปพูดคุยกับเยว่จวิ้นเหยา แต่กลับรู้สึกลังเล เดิมทีเขาคิดที่จะคุยกับเยว่จวิ้นเหยาเกี่ยวกับเรื่องของวันนี้ แต่กลับรู้สึกว่ามันค่อนข้างที่จะเสียหน้าและไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี
แต่คิดไม่ถึงว่าเยว่จวิ้นเหยาจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามออกมาก่อน “ พี่ชายโป ฉันได้ยินมาว่า
เมื่อเร็วๆนี้พ่อของโจวซินได้ลงเขาไปแล้ว บอกว่าจะไปตามหาโจวซิน คุณคิดว่าเขาน่ารำคาญมาตลอดไม่ใช่เหรอ ? โจวซินจะจากไปแล้วในไม่ช้านี้ แบบนี้คุณก็จีบสาวได้อย่างมีความสุขแล้ว ! ”
หยางโปตะลึงไปครู่หนึ่ง ยิ้มพลางพูดว่า ” ไร้สาระ ฉันไม่ได้ไปตามจีบสาวสักหน่อย เหยียนหรูหยูถูกฉันเก็บมาจริงๆ ถ้าโจวซินคิดจะตามจีบก็ไม่เป็นไร แต่การที่เขาคิดจะมาทำร้ายฉันหลายๆครั้ง เรื่องแบบนี้ทนไม่ได้ ! ”
“ เกิดอะไรขึ้นกับเขา ? ” เยว่จวิ้นเหยาถามโดยที่มองไม่เห็น
หยางโปลังเลเล็กน้อยและพูดว่า ” โจวซินเขาร่วมมือกับคนอื่นๆ และมาเล่นงานฉัน ต้องการจับตัวฉันไว้ และพยายามค้นหาความลับของโอกาสและโชคชะตาของที่ฉันที่ได้จากทะเลสาบซีหูเมื่อครั้งก่อน ตรงกันข้าม เขากลับถูกฉันทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ฉันจึงได้ตำราลับของเขามา ตอนนี้เขาน่าจะยังอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ ! ”
หยางโปและเยว่จวิ้นเหยาไม่มีอะไรจะพูดกัน แม้แต่การพบกันครั้งก่อนในทะเลสาบซีหู เขาก็ได้สารภาพกับเยว่จวิ้นเหยาไปแล้ว ดังนั้น เยว่จวิ้นเหยาจึงรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเขาอย่างชัดเจนดี
เมื่อได้ยินคำอธิบายของหยางโป เยว่จวิ้นเหยาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “ พี่ชายโป ทำได้ดีมาก ! มันเป็นแบบนี้แหละ ฉันถึงดูถูกคนขี้ขลาดอย่างเขาที่สุด ตัวเองไม่ได้รับโอกาสและโชคชะตามาเอง กลับคิดที่จะแย่งชิงมันไปจากคุณ จะว่าไปแล้ว คุณก็ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลยเหมือนกันไม่ใช่หรือไง ? ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เยว่จวิ้นเหยาก็นึกขึ้นมาได้ ” คุณพูดว่าอะไรนะ ? คุณแย่งตำราลับของ โจวซินไป คงไม่ได้เอาวิชาเรียกลมฝนที่เหลืออยู่ไปหรอกนะ ? ”
“ เธอรู้ ? ” หยางโปเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ.ไอรีนโนเวล.
เยว่จวิ้นเหยาทำอะไรไม่ถูกไปเล็กน้อย ” พี่ชายโป ตอนนี้คุณหนีไปเถอะ หนีไปได้ไกลแค่ไหนก็หนีเท่าที่หนีได้ จะเป็นการดีที่สุดถ้าไปหาอวี่เหวิน อวี่เหวินน่ะเก่งมาก เขาสามารถปกป้องคุณได้ ! ”
หยางโปถึงกับได้สติกลับมาทันที แต่เขาก็ยังถามอีกว่า ” ทำไมต้องหนีด้วย ? ”
“ เพราะว่าพ่อของโจวซินลงจากภูเขาไปแล้ว คงต้องเป็นเรื่องนี้แน่ เขาถือว่าเป็นปรมาจารย์เลยนะ คุณไม่สามารถเอาชนะเขาได้ วิชาเรียกลมฝนที่ยังคงหลงเหลืออยู่เป็นรากฐานตระกูลโจวของพวกเขา หากตกไปอยู่กับคนอื่น ตระกูลโจวจะต้องกดดันมากแน่ๆ ! ” เยว่จวิ้นเหยากล่าว
หยางโปลังเลเล็กน้อย “ โจวเซี่ยงเฉิงเหรอ ? ”
“ คุณเคยพบกับเขาแล้ว ? ” เยว่จวิ้นเหยาประหลาดใจมาก
“ พวกเราต่อสู้ประชันฝีมือกันแล้ว ผลัดกันแพ้ชนะ ตอนนี้เขาไปแล้ว ” หยางโปกล่าว
เยว่จวิ้นเหยาเงียบและไม่พูดอะไรไปสักพัก เธอถอนหายใจออกมาอย่างแรง “ พี่ชายโป คุณนี่มันเก่งจริงๆ แม้แต่โจวเซี่ยงเฉิงก็ยังพ่ายแพ้ ! ”
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น “ ที่ฉันโทรหาเธอก็เพื่อขอคำชี้แนะจากเธอและต้องการให้เธอช่วยฉันคิดหน่อยว่า พอจะมีวิธีไหนบ้างที่จะสามารถหลบเลี่ยงการมารบกวนจากโจวเซี่ยงเฉิงได้ ? ”
เยว่จวิ้นเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ มีทางเดียวเท่านั้น นั่นคือการคืนวิชาเรียกลมฝนที่หลงเหลืออยู่คืนให้เขาไปซะ แต่ฉันคิดว่า ต่อให้คืนให้เขาไป เขาก็คงจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่ มีเพียงทางเดียวคือ ต้องสู้กับเขาจนเขายอมพ่ายแพ้ไปเองนั่นแหละ ! ”
“ แต่ถึงอย่างนั้นขั้นวรยุทธ์ของเขาก็สูงกว่าฉัน ถ้าเจอกันครั้งหน้าอีก ครั้งนี้เขารู้ไม้ตายสุดท้ายของฉันหมดแล้ว เกรงว่าครั้งหน้าฉันคงจะเอาชนะเขามาไม่ได้ง่ายๆ ” หยางโปกล่าว
หยางโปทำอะไรไม่ถูก เจตนารมณ์กระบี่ของเขาเป็นอาวุธที่มหัศจรรย์จริงๆ แต่ไม้ตายสุดท้ายสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว ครั้งต่อไปกลัวว่าอาจจะใช้ไม่ได้ดีแบบนั้นแล้ว
เยว่จวิ้นเหยาคิดอยู่นานแต่ก็คิดวิธีดีๆไม่ออก เธอลังเลเล็กน้อย “ เอาอย่างนี้ดีไหม ฉันจะลงเขาเดี๋ยวนี้ และไปร่วมมือต่อสู้กับคุณ ? ถ้าเราสองคนร่วมมือกัน จะต้องเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน ! ”
“ ช่างเถอะเธออย่าหุนหันพลันแล่นลงจากเขามา เพราะยังไงซะ เธอก็ยังเป็นตัวแทนของภูเขาเอ๋อเหม่ยซาน ถ้าลงจากเขามาจริงๆ มันจะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย มันจะไม่ดี ” หยางโปกล่าว
เยว่จวิ้นเหยาได้ฝึกฝนจนเข้าสู่วรายุทธ์ขั้นเลี่ยนชี่จิงแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น จะมาหุนหันพลันแล่นแบบนั้นต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เธอลังเลใจเล็กน้อย “ พี่ชายโป ที่ฉันพูดต่อจากนี้ คุณต้องจำไว้ให้ดีนะ มันเป็นข้อบกพร่องการต่อสู้ของตระกูลโจวทั้งหมด คุณแค่ต้องจำสิ่งเหล่านี้เอาไว้ แม้ว่าโจวเซี่ยงเฉิงจะมาสร้างปัญหาให้กับคุณ เกรงว่ามันคงจะไม่ง่ายขนาดนั้น ”
หยางโปใจตกไปอยู่ตรงตาตุ่ม เมื่อรู้ว่าสิ่งสำคัญกำลังจะมาถึง เขาคาดคิดไม่ถึงว่าการโทรไปครั้งนี้จะได้รับผลกลับมาเช่นนี้ “ ตกลง ฉันจะตั้งใจฟัง คำพูดพวกนี้ออกมาจากปากเธอและเข้าหูฉัน
ฉันจะไม่พูดออกไปอย่างแน่นอน ”
จากนั้นเยว่จวิ้นเหยาก็บอกเล่าเกี่ยวกับข้อบกพร่องบางประการในการฝึกฝนวรายุทธ์ของตระกูลโจวให้หยางโปฟัง
หยางโปมีอาการลังเลใจแต่ก็เอ่ยปากพูดออกมา “ ฉันก็มีวิชาแขนงหนึ่งที่อยากจะบอกกับเธอเหมือนกัน เธอฟังนะ จดเอาไว้ และอย่าเอาไปพูดข้างนอกล่ะ ”
เยว่จวินหยาอดที่จะสังสัยไม่ได้ “ นี่… ”
หยางโปไม่ได้มีความเกรงอกเกรงใจกับเยว่จวิ้นเหยา จึงพูดต่อไปว่า “ เตรียมกระดาษและปากกาให้พร้อม ฉันจะพูดแล้วเธอก็จดนะ ! ”
เยว่จวิ้นเหยาเป็นคนที่ฉลาดมาก เธอพอจะเดาออกว่าหยางโปพูดถึงอะไร แต่ก็อดที่จะจดจำสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดไม่ได้
หยางโปพูดด้วยสักพัก ถึงได้วางสาย
เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก วิชาเรียกลมฝนสำหรับเขาแล้ว มันก็ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรกับเขามากนัก เขาเชี่ยวชาญมันหมดแล้ว แต่ตระกูลโจวยอมตายเพื่อมาหาเขาเพราะวิชาบทนี้
มันก็เพียงพอแล้วที่จะเห็นคุณค่าของวิชานี้ เขาจึงต้องการถ่ายทอดวิชาบทนี้แก่เยว่จวิ้นเหยา !
ทันทีที่เยว่จวิ้นเหยาได้วิชามา ก็ก้มดูลายมือที่จดไว้ และอดไม่ได้ที่จะลังเลขึ้นมา เรื่องนี้สำคัญมาก ต่อให้เป็นเขาเอ๋ยเหมยซานก็มีวรยุทธ์ที่สมบูรณ์เพียงบทเดียว ตอนนี้เมื่อได้รับวิชาที่หลงเหลืออยู่อีกบทหนึ่งมา ถึงแม้จะเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกันมากับตระกูลโจว เกรงว่าอาจารย์ก็คงจะเห็นด้วยเช่นกัน !
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เยว่จวิ้นเหยาก็หยิบโน้ตขึ้นมาและรีบเดินตรงไปที่ห้องของอาจารย์อย่างรีบร้อนทันที
เมื่อวิ่งมาถึงหน้าประตูห้องของอาจารย์ เยว่จวิ้นเหยาก็เคาะประตูพอได้ยินเสียงขานรับมาจากข้างใน เธอจึงผลักประตูแล้วเดินเข้าไป อาจารย์กำลังนั่งสมาธิอยู่ใต้หน้าต่าง แสงจันทร์ส่องสว่างราวน้ำใส ตกกระทบลงบนบ่าของเธอ !

  หยางโปมองหน้าชุยอี้ผิงอย่างหมดทางเลือก “ ช่างเถอะ นายก็อย่ามาคิดอะไรมาก เรื่องนี้ก็เอาตามนี้แหละ เมื่อตะกี้ฉันก็พูดกับคุณปู่แล้ว นายมีเรื่องให้ทำตั้งเยอะแยะ งานบริษัทจัดการหมดแล้วใช่ไหม ? ”
ชุยอี้ผิงมองหน้าหยางโป จากนั้นผ่านไปสักพัก ถึงได้เอ่ยขึ้นมาว่า “ งั้นก็ได้ ฉันจะบอกพวกเขาไปว่า เรื่องนี้ก็เอาตามนี้ เรื่องที่บริษัทก็ดี ฉันจะจัดการเอง นายวางใจได้ ! ”
ในระหว่างที่พูดคุยกัน ชุยอี้ผิงก็หันมองไปทางด้านข้าง เมื่อเห็นตาอ้วนหลิวก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน
เขาก็หันไปหาตาอ้วนหลิว “ ใกล้ๆนี้บริษัทของเรากำลังจะถ่ายทำซีรีย์ย้อนยุค จำเป็นต้องใช้วัตถุโบราณบางอย่างมาประกอบฉาก คุณพอจะมีช่องทางไหม ? ”
ตาอ้วนหลิวเบิกตาโต “ ใช้วัตถุโบราณมาประกอบฉาก ? พวกนายนี่คิดกันออกมาได้จริงๆ ถ้าเกิดทำพังขึ้นมาจะทำยังไง ? ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกซีรีย์พวกนั้นหรอกนะ บางทีการลงทุนในซีรีย์เรื่องหนึ่ง
มันยังไม่พอกับวัตถุโบราณของใครสักชิ้นเลยด้วยซ้ำไป ! ”
“ จะเอาของจริงมาเล่นได้ไง เราต้องการแค่ของลอกเลียนแบบพวกนั้นเท่านั้น จะดีสุดคือสามารถสั่งทำไอ้ของพวกนั้นขึ้นมาได้ ”ชุยอี้ผิงกล่าว
ตาอ้วนหลิวพยักหน้า “ ถ้านายพูดแบบนี้ ฉันก็เข้าใจแล้ว แบบนี้ก็ง่ายมาก เรื่องนี้ให้ฉันจัดการให้ เดี๋ยวกลับไปฉันจะเอาช่องทางการติดต่อให้นายทีหลัง หรือเดี๋ยวฉันช่วยติดต่อไปให้นายเอง ! ”
“ ถ้างั้นก็ต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ คุณว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ตอนนี้พัฒนาขึ้นมาก โดยเฉพาะในธุรกิจภาพยนตร์และโทรทัศน์บางเมืองที่ค่อนข้างกระจุกตัวกันอยู่ เช่นเดียวกับที่ผมเพิ่งพูดถึงการสั่งทำของ อาจจะมีตลาดใหญ่รองรับอยู่ก็ได้ ? คุณสนใจที่จะทำด้วยกันไหม ? ”
ชุยอี้ผิงชำเลืองมองตาอ้วนหลิว และอดที่จะถามไม่ได้
ตาอ้วนหลิวแสดงสีหน้าดีใจ “ นายพูดแบบนี้ คงเป็นธุรกิจที่ดีจริงๆ เท่าที่ฉันรู้มา อุตสาหกรรมภาพยนตร์บางแห่งยังเคยเสนอให้บริการเช่าชุดผ้าโบราณ แต่พวกเขาไม่ได้เสนอที่จะสั่งทำให้
พวกเราสามารถทำอย่างละเอียดและลงลึกกว่าหน่อยได้ ”
ทั้งสองได้ตกลงกันและทำข้อตกลงกันต่อหน้าหยางโป
หยางโปรู้สึกไม่มีทางเลือกอื่น เขายังคงรู้สึกค่อนข้างที่จะอ่อนเพลียอยู่ เขามองไปที่ทั้งสองคน
” พวกคุณพูดคุยกันไปก่อน ผมจะกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องสักครู่ ตอนเย็นเราค่อยมาคุยกัน ”
พอพูดจบ หยางโปลุกขึ้นอย่างช้าๆ ชุยอี้ผิงอ้าปากแต่ไม่ถามอะไร เขารู้ว่าหยางโปเป็นคนที่มีแผนอยู่ในใจ ในเมื่อตัดสินใจที่แล้วว่าจะไม่บอกพวกเขา คงไม่ยอมพูดอย่างแน่นอน
ฮัวชิงหยุนวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว เธอประคองหยางโปกลับห้องด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
เมื่อหลินหลินเห็นหยางโปเดินออกไป ก็มองไปที่ชุยอี้ผิง ” อี้ผิง ตอนนี้เขาเป็นแบบนี้ควรทำยังไง
ดี ? ”
ชุยอี้ผิงส่ายหัว “ คุณป้า ผมก็อยากแก้ปัญหานี้เหมือนกัน แต่คุณป้าก็เห็นแล้ว ขนาดคุณปู่ยังทำได้แค่ฟัง แล้วผมจะทำอะไรได้ ? ”.Aileen-novel.
“ แต่จะปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ไม่ได้ แบบนี้มันอันตรายมาก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่พูด ป้ายังไม่รู้เลยว่าประตูถูกทุบจนเป็นแบบนั้น เวลานั้นเราไม่เห็น ชายคนนั้นโหดเหี้ยมมาก คนปกติทั่วไปไม่กล้าออกหน้ากันเลย ” หลินหลินกล่าว
เวลานี้ จู่ๆหลินหลินก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เธอมองไปที่ตาอ้วนหลิว ” ผู้ชายที่คุณหามา ถูกเขาถีบตัวลอยไปคนนั้น ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ? ”
ตาอ้วนหลิวมีสีหน้าเขินอายเล็กน้อย ตอนนั้นเขาไม่กล้าเข้าไปประจันหน้า ดังนั้นถึงได้คิดจะใช้เงินเพื่อหาคนมาช่วย แต่เขาคิดไม่ถึงว่าของดี จะดูดีแค่ภายนอกแต่ใช่ประโยชน์ไม่ได้ ถูกเขาถีบจนตัวลอยไปแบบนั้น สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าอับอายขายขี้หน้ามาก
“ ชายคนนั้นถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก เมื่อสักครู่ผมยืนยันกับโรงพยาบาลแล้ว ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ” ตาอ้วนหลิวกล่าว
ชุยอี้ผิงมองไปที่ตาอ้วนหลิว ” สถานการณ์เริ่มแรกมันเป็นยังไง เล่าให้ผมฟังทีสิ ”
ตาอ้วนหลิวเลยต้องเล่าเรื่องย้อนเหตุการณ์ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาให้ฟัง
หยางโปกลับมาถึงที่ห้อง พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าฮัวชิงหยุนที่ประคองเขามาเต็มไปด้วยความกังวล เขาจึงอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มให้ “ ไม่ต้องกังวล ไม่มีปัญหาอะไร คุณออกไปสักพักก่อน เดี๋ยวตอนเย็นผมก็ดีขึ้นแล้ว ”
ฮัวชิงหยุนเดินออกไปด้วยอาการที่อาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไป
หยางโปฝึกวิชาขับเคลื่อนพลังลมปราณต่อ ทำให้บาดแผลที่แขนของเขาหายดีแล้วกว่าครึ่ง
เมื่อนึกถึงการต่อสู้ในตอนเช้า เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ช่องว่างระหว่างขั้นวรยุทธที่แตกต่างกัน มันจึงไม่ง่ายที่จะชดเชยให้ฟื้นสภาพกลับมาได้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หยางโปก็ตื่นจากการฝึกซ้อม อาการบาดเจ็บภายในร่างกายหายเป็นปกติแล้วเกือบ 30% แต่ทั่วทั้งตัวยังคงดูเหนื่อยและไร้เรี่ยวแรง
หยางโปเดินออกมากินข้าวเที่ยง เขาพบว่าชุยอี้ผิงยังคงอยู่ที่นี่ เขาอดที่จะรู้สึกจนปัญญาไม่ได้ “ พวกคุณไม่ได้พูดคุยปรึกษากันเรื่องธุรกิจหรอกเหรอ ? ทำไมยังไม่เริ่มทำกันอีก ? ”
ชุยอี้ผิงมองหน้าหยางโป ” พวกเรากำลังรอนายอยู่ วางแผนไว้ว่าจะให้นายมาเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ ”
“ ให้ฉันเป็นผู้นำ ? ” หยางโปตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง เขามองไปทางตาอ้วนหลิว “ ทำไมถึงอยากให้ผมมาเป็นผู้นำล่ะ พวกคุณก็รู้ ผมไม่ใช่คนทำธุรกิจ ! ”
“ ถ้านายไม่ใช่คนทำธุรกิจ แล้วยังจะมีใครทำธุรกิจอีก ? ตอนนี้นายมีทรัพย์สินอยู่เท่าไหร่ ? ตัวนายรู้ไหม ? นายมีเหมืองหยกสองแห่งอยู่ในพม่า นายมีบริษัทเครื่องประดับของนายเองในประเทศ ลงทุนกับเกาะเสี่ยวเหยา ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่กำลังก่อสร้างอยู่อีกแห่ง
และยังมีตึกของตัวเองในโตเกียวประเทศญี่ปุ่นอีกที่หนึ่ง แบบนี้ นายยังทำธุรกิจไม่เป็นอีกงั้นเหรอ ? ” ชุยอี้ผิงมองหน้าหยางโปโดยที่พูดไม่หยุด
หยางโปตะลึงไปครู่หนึ่ง เขายังไม่ทันได้สนใจจริงๆว่าตัวเองมีทรัพย์สินมากมายแบบนี้ เขาชายตามองชุยอี้ผิง ” แต่มันเกี่ยวอะไรกับฉัน ? ”
“ พวกเราคิดว่านายไม่มีอะไรทำ ว่างมาก ดังนั้นถึงได้ไปก่อเรื่องขึ้นตั้งมากมายแบบนี้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ต้องส่งมอบงานนี้ให้ ” ตาอ้วนหลิวกล่าว
หยางโปส่ายหัว เขามองไปที่ตาอ้วนหลิว ” ไม่ได้ คุณมาทำดีกว่า ! ”
“ ฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้ฉันทำงานร่วมกับพี่ชายของแฟนนายอยู่แล้ว เรากำลังจะเริ่มโครงการของตัวเอง นายให้สัญญาว่าจะร่วมลงทุนกับเราไว้แล้ว คงไม่กลับใจนะ ? ” ตาอ้วนหลิวกล่าว
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น เขาทำได้เพียงมองหน้าตาอ้วนหลิว ชุยอี้ผิงเองก็ส่ายหัว “ ตอนนี้ฉันก็ต้องบริหารและขับเคลื่อนบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ นายก็รู้ ตอนนี้บริษัทพัฒนาไปเร็วมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์ตอนนี้เพิ่มขึ้นเร็วในทุกปี บริษัทของเราต้องใช้ประโยชน์จากที่หุ้นตรงนี้ขึ้นมาพัฒนาศักยภาพ ! ”
“ นายไม่ชอบมันไม่ใช่เหรอ ? ” หยางโปชายตามองชุยอี้ผิง
“ นายไม่ได้สอนฉันมาหรือไง ? หากไม่เปิดหูเปิดตา ฉันก็ไม่ต้องอยู่ในแวดวงนี้แล้ว ! ” ชุยอี้ผิง กล่าว
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น “ พวกคุณต่างก็มีงานอยู่แล้ว ผมก็มีธุรกิจมากมาย ไม่จำเป็นต้องดูแลจัดการหรือไง ? ผมก็ยุ่งเหมือนกัน ! ”
“ งั้นลูกก็ยุ่งมากสินะ ! ” หลินหลินเข้ามาพร้อมกับซุป แล้วเธอก็วางซุปลงบนโต๊ะ “ นี่เป็นการตัดสินใจร่วมกันของพวกเราที่คุยกันเมื่อช่วงบ่าย ลูกว่างจนไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ ถึงได้ไปยั่วยุคนอื่นที่มีอิทธิพลเยอะขนาดนี้ได้ ถ้าลูกยุ่งขึ้นมา คงจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ! ”
หยางโปตาโต เขาขมวดคิ้ว ไม่รู้จะอธิบายยังไง เขาจะพูดออกมาหมดเลยก็ไม่ได้อีก จึงพูดได้เพียงว่า “ แม่ พวกคุณไม่เข้าใจ เรื่องนี้ผมไม่ได้ไปหาเรื่อง แต่เป็นลูกชายของเขาต่างหาก ”
“ ดูเหมือนเขาจะอายุแค่สามสิบเท่านั้น ลูกชายของเขาจะอายุสักเท่าไรกัน ? นายคงไม่ได้ไปรังแกนักเรียนมัธยมต้นมาหรอกใช่ไหม ? แล้วให้เขามาหาเรื่องถึงที่บ้านเนี่ยนะ ? ” ตาอ้วนหลิวพูดออกมาด้วยความแปลกใจ

  ชุยอี้ผิงรีบเดินเข้ามาหา เมื่อเห็นชายชรากำลังลูบอยู่ที่รอยเว้าที่ประตูบ้านเขาก็ตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที
” นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมถึงได้มีรอยรุนแรงขนาดนี้อยู่ได้ ? ”
พอพูดจบ ชุยอี้ผิงก็เหลือบมองไปที่ชุยซื่อหยง ” พี่ใหญ่ ในกองทัพของพวกคุณก็มีบุคคลแปลกๆ จำนวนมากอยู่ พวกเขาสามารถทำแบบนี้ได้ไหม ? ”
ชุยซื่อหยงส่ายหัว “ ยากมาก พลังนี้ดูแข็งแกร่งเกินไป ราวกับพลังของวัวตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามาชนประตูอย่างกะทันหัน ! ”
ชายชราหันกลับไปมองชุยซื่อหยง ” พลังของวัวตัวหนึ่ง ? ”
ชุยซื่อหยงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า ” มีพลังมหาศาลแบบนี้อยู่จริงๆ ประตูนี้แข็งแรงมาก
มันใช้ส่วนผสมของเหล็กกล้าพิเศษมาหลอมรวมกัน ตอนแรกผมก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน ”
ชายชราอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขาผลักบานประตูใหญ่แล้วก้าวเดินเข้าไป
ชุยซื่อหยวนกลับไปคว้าตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังสำรวจอยู่ด้านนอกประตูและสอบถามโดยละเอียด ” เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่กันแน่ ? ”
“ พวกเราก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน ยังไม่รู้รายละเอียดที่ชัดเจน ทางเราได้รับแจ้งความว่ามีการชกต่อยกันที่นี่และมีคนได้รับบาดเจ็บ เมื่อเรามาถึงที่นี่ ก็ไม่มีใครอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว ” ตำรวจตอบ
“ คุณรู้จักคนในบ้านหลังนี้ไหม ? ทางเรากำลังจะเข้าไปสอบสวน ” ตำรวจสอบถาม
ชุยซื่อหยวนพยักหน้า ” ใช่ ต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ตรวจสอบอย่างชัดเจนถึงจะสบายใจ ”
พอพูดจบ ชุยซื่อหยวนก็เดินตามเข้าไปในเรือนสี่ประสาน
หยางโปรวบรวมพลังในร่างกายใหม่และค่อยๆฟื้นฟูสภาพร่างกายอีกครั้ง ทำให้เขามีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้าง ระหว่างเคลื่อนย้ายลมปราณ ก็มีเสียงดังรบกวนมาจากข้างนอก จากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังตามมา
หยางโปฟื้นพลังกลับมาบางส่วน เขาลุกจากเตียงและไปเปิดประตู ก็เห็นชุยซื่อหยวน ชุยอี้ผิง
ชายชราและลุงคนโตทั้งหมดยืนอยู่นอกประตู เขาจึงอดที่จะตกใจไม่ได้ “ ทำไม พวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่กันทุกคน ? ”
ใบหน้าชุยซื่อหยวนเต็มไปด้วยความโกรธ เขามองสำรวจดูหยางโปขึ้นลง เมื่อเห็นว่าบนตัวเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ ถึงได้โล่งใจ แต่เขายังคงจ้องมองหยางโปไม่วางตา ” มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ทำไมศัตรูถึงได้มาหาถึงที่บ้านได้ ? ทำเอาแม่แกตกใจกลัวไปหมด ! ”
หยางโปชะงักไปครู่หนึ่ง ถึงได้รู้ว่าต้องเป็นแม่ของเขาที่โทรเรียกพวกเขามาแน่ เขายิ้ม
“ พ่อ ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรผมจัดการเคลียร์ไปแล้ว ”
ชุยซื่อหยวนชี้ออกไปข้างนอกและถามว่า ” รอยเว้าที่ประตูใหญ่มันเกิดอะไร ? ”
“ อ้อ ไม่ทันระวังน่ะ เผลอทุบไปสองสามครั้ง ? ” หยางโปตอบ
สีหน้าของชุยซื่อหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ” เผลอทุบไปสองสามครั้ง ? ใช้กำปั้นทุบจริงๆเหรอ ? ”
เดิมหยางโปไม่ทันตั้งตัว เพราะเขาก็ไม่ได้ทันสังเกตเห็นว่าที่ประตูใหญ่มีรอยเว้าอะไร แต่เมื่อเห็นชุยอี้ผิงและทุกคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขาถึงตระหนักได้ว่าดูเหมือนเขาจะใช้เหล็กกล้าชนิดพิเศษทำประตู ปกติแล้วจะไม่มีคนธรรมดาทุบให้เกิดร่องรอยได้ !.ไอรีนโนเวล.
หยางโปหัวเราะกลบเกลื่อน “ เอาละ เรื่องราวมันก็ผ่านไปหมดแล้ว เดี๋ยวผมจะจัดการเอง ”
” ชุยอี้โป โปรดตอบคำถามของเรามา รอยเว้าที่ประตูเกิดจากกำปั้นใช่ไหม ? ” ชุยซื่อหยวนจองหน้าหยางโป และยืนหยัดในคำถาม ” อย่าคิดว่าเรามาหาแกที่นี่ในฐานะแขก ! ”
หยางโปค่อนข้างจะลังเลใจ เมื่อเห็นหลินหลินที่ไม่รู้ว่าเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอเดินมาด้วยสีหน้าที่กลัดกลุ้มใจ และหันมองมาทางหยางโป
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดว่า “ ใช่ เกิดจากกำปั้น ! ”
“ ลุงของแกเพิ่งพูดไปหยกๆ ถ้าคิดที่จะทุบจนให้เกิดรอยแบบนั้นออกมา จำเป็นต้องใช้ความแข็งแกร่งของวัวทั้งตัวเลย แกไปหาเรื่องศัตรูแบบไหนมากันแน่ และอีกฝ่ายมีความแค้นกับแกมากแค่ไหน ? ” ชุยซื่อหยวนจ้องหน้าหยางโปแล้วถามต่อ . . .
หยางโปรู้สึกหมดหนทาง “ พ่อ เรื่องบางอย่างมันก็อธิบายยาก มันพูดได้ไม่ชัดเจนอีกด้วย ”
“ ถ้าอย่างนั้นเราจะรออยู่ที่นี่ รอให้แกเรียบเรียงจนชัดเจน และรอให้แกชี้แจงเรื่องนี้ ต่อให้รอจนถึงพรุ่งนี้ พวกเราก็รอได้ ! ”
ท่าทีของชุยซื่อหยวนทำให้หยางโปเข้าใจทัศนคติของพวกเขาในทันที เขาจึงยอมอ่อนลงให้
และชี้ไปที่ห้องนั่งเล่น “ พวกเรามานั่งคุยกันดีกว่า ! ”
หยางโปกลับไม่ยอมอธิบายเรื่องราวนี้อย่างละเอียด แต่ถ้าไม่สามารถให้คำอธิบายได้ในตอนนี้ เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่ยอมแพ้และกลับไปกันง่ายๆแน่
เวลานี้ก็มีตำรวจเดินเข้ามา ต้องการสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดของสถานการณ์ ชายชราจึงตอบกลับไปเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเสียเวลา “ สหาย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ทางเราขอทราบสถานการณ์ก่อนแล้วอีกสักครู่จะให้คุณบันทึกไว้ทั้งหมดในภายหลัง ”
ดูเหมือนตำรวจจะจำตัวตนของชายชราได้ ” ท่านายพลชุย คุณจัดการธุระก่อนเถอะ พวกเรารอได้ ”
พอนั่งลงในห้องนั่งเล่น หยางโปก็ชายตามองชายชรา ลังเลเล็กน้อยและเอ่ยปากพูดขึ้นว่า
“ คนที่มาหาผมคนนั้นวันนี้อยู่ในสภาพที่คล้ายคลึงกับอวี่เหวิน ”
ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนไปอย่างมาก “ แกพูดว่าอะไรนะ ? ”
หยางโปทำได้แค่กัดฟันและตอบไปว่า “ ผมบอกว่าคนๆนั้นคล้ายกับอวี่เหวิน ”
ชายชราจ้องหยางโปตาเขม็ง ” แกเรียนกับอวี่เหวินมาแล้วใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า ” เรียนแล้ว ”
ชายชราจ้องหน้าหยางโปขึ้นลง แต่ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาส่ายหัวเล็กน้อยและถอนหายใจ
ทั้งสองถามตอบกันไปมา และหลังจากพูดกันไม่กี่คำ ชายชราก็ดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่าง
ทำเอาคนอื่นๆงงไปตามๆกัน เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งนี้หมายความว่าอะไรกันแน่ ?
“ อย่ามาทำเป็นแกล้งโง่ บอกมาตรงๆว่าทำอะไรมากันแน่ ! ” ชุยซื่อหยวนหจ้องหน้าหยางโปจากนั้นก็ซักไซ้ต่อ
ชายชรากลับปัดมือ “ ช่างเถอะ เขาไม่อยากพูด ก็ไม่ต้องไปถามเซ้าซี้อีก ต่อไปเรื่องของลูกก็ไม่ต้องถามอะไรมาก ”
พอพูดจบ ชายชราก็ยืนขึ้น เขาเหลือบมองหยางโปและถอนหายใจเล็กน้อย “ ที่แกไปอยู่กับเขา ฉันน่าจะคิดเรื่องนี้ได้ตั้งนานแล้ว แต่ตอนนั้นฉันเอาแต่หลอกตัวเอง คิดว่าแกคงไม่มีพรสวรรค์มากนัก คิดไม่ถึงว่า สุดท้ายแล้วแกจะเดินบนเส้นทางนี้จนได้ ”
หยางโปมองหน้าชายชรา “ คุณปู่ ผมไม่ได้จงใจโกหกนะ แต่เรื่องนี้มันพิเศษจริงๆ ปู่ยังจำตอนที่ผมถูกไล่ฆ่าได้ไหม ? เริ่มตั้งแต่นั้นมา ผมก็เริ่มเรียนรู้จากเขา ”
ชายชราจ้องมองหยางโป ด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างนิ่งเฉย ผ่านไปนานก่อนที่จะพูดออกมา
“ ลูกเอ๋ย ฉันรู้ แกอยู่ข้างนอกได้ทำสิ่งต่างๆไว้มากมาย ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่มีธุรกิจอย่างในวันนี้ แต่เมื่อแกเลือกเดินบนหนทางเส้นนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกกลัว เหตุผลที่ฉันบังคับให้แกแต่งงานก่อนหน้านี้ แค่อยากให้แกอยู่อย่างสงบ แต่ตอนนี้แกเป็นแบบนี้… ”
หยางโปมองชายชรา “ คุณปู่ ไม่ต้องกังวล ผมจะจัดการกับมันให้เรียบร้อย และจะไม่สร้างปัญหาให้กับครอบครัวเราแน่นอน ”
ชายชราถอนหายใจเล็กน้อยหันหลังและเดินจากไป
ชุยซื่อหยวนมองมาที่หยางโป ” กำลังพูดถึงอะไรอยู่กันแน่ ? ”
“ พ่อ ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ เรื่องนี้พ่อสบายใจได้ ” หยางโปกล่าว
ชุยซื่อหยวนมองหน้าหยางโปอย่างลังเล จากนั้นเขาก็จ้องตาเขม็งมองไปที่ชุยอี้ผิง แล้วเดินออกไป
ลุงเองก็เดินเข้ามาตบไหล่ของหยางโปแล้วเดินออกไปเช่นกัน
ในห้องจึงเหลือเพียงชุยอี้ผิงเท่านั้น เขามองหน้าหยางโปอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ” นายก็รู้ดี พูดออกมาตามตรง ฉันต้องแบกรับภารกิจอันหนักอึ้งในการแงะปากให้นายพูดออกมา ! ”

หลายคนทีล้อมรอบดูเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุ กำลังตื่นเต้นดีใจกับฉากที่ดูระทึกขวัญ พวกเขาต่างก็กำลังสงสัยกันอยู่ ทำไมไม่เห็นกล้องถ่ายอยู่ในที่เกิดเหตุเลย ถ้าทีมงานถ่ายทำที่นี่ ทำไมถึงไม่มีผู้กำกับอยู่ด้วย หรือว่าซีรีย์เรื่องนี้ซ่อนกล้องถ่ายเอาไว้ ?
จู่ๆ ก็มีคนสองคนพุ่งพรวดออกมาจากประตูโดยไม่คาดคิด คำพูดของหญิงวัยกลางคนทำให้พวกเขาแปลกใจกันมาก พวกเขาจ้องมองไปที่เกิดเหตุ และก้มหน้ามองไปที่กองเลือดบนพื้น !
“ นี่มันกองเลือดหนิ ? ”
” นี่… นี่คือเลือดจริงๆ ! ”
“ ดูแขนเขาเร็ว แขนของเขายังมีเลือดไหลหยดอยู่ นี่มันของจริงเหรอ ? ”
“ ช่างสมเป็นชายชาตรีจริงๆ ! มันน่าตื่นเต้นมาก นี่คือผู้ชายทางเหนือของเรา ซะใจมากจริงๆ ! ”
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มาโอบล้อมยืนดู ก้มดูเลือดบนพื้น ก็รู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ทำเหมือนกับว่าเขากำลังต่อสู้อยู่ในที่เกิดเหตุ
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้คนส่วนใหญ่ที่รายล้อมดูก็รู้ว่านี่เป็นการต่อสู้จริง จึงหันหลังและเดินหลีกเลี่ยง บางคนถึงกับยกหูโทรศัพท์แจ้งความ !
หยางโปเหยียดมือซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บอ้อมไปข้างหลัง แต่ดวงตากลับจ้องเขม็งไปที่โจวเซี่ยงเฉิง “ พวกคุณอย่าเข้ามา ถ้าพวกคุณเข้ามาก็เท่ากับเข้ามาทำร้ายผม ! ”
หลินหลินมองไปที่หยางโป เมื่อเห็นว่ามือซ้ายของเขาดูเหมือนจะขยับได้ยากมาก เมื่อมองดูดีๆก็ถึงกับเห็นได้ว่าแขนของเขาเหมือนจะดูบิดเบี้ยว เธอจึงอดที่จะตาแดงไม่ได้ !
ฮัวชิงหยุนกอดแขนของหลินหลินไว้ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ จ้องมองทางด้านนี้และถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปเลย
ตาหลิวอ้วนค่อยๆขยับตัวไปทางด้านข้างแล้วออกไปจากเรือนสี่ประสาน เขาเข้าไปขว้างหน้าคนที่เดินผ่านไปมาที่ต้องการจะเดินจากไป ” พี่ชาย ช่วยอะไรหน่อยนะ เดี๋ยวสักครู่มากับผม แค่พวกคุณตีคนที่ดาบหักได้ ต่อยโดนหนึ่งทีผมจ่ายให้หนึ่งพันหยวน ถ้าแทงโดน ผมจ่ายให้หนึ่งแสนเลย ! ”
“ แทงทีเดียวหนึ่งแสนหยวน ? ” ชายคนนี้ดูอายุราวๆยี่สิบปี สวมแว่นแลดูอ่อนโยน เขาตกใจทันทีเมื่อได้ยินตัวเลขที่ตาอ้วนหลิวพูดออกมา
ตาอ้วนหลิวพยักหน้า ” วางใจได้ ถ้าแทงตายผมจะรับผิดชอบเอง ! ”
“ ไม่ต้อง ไม่จำเป็น ! ” เมื่อได้ยินประโยคที่ตาอ้วนหลิวพูดเสริม ชายหนุ่มก็โบกมือและปฏิเสธไปทันที !
“ ถ้าแทงแล้วไม่ตาย แผลละแสน สองแผลก็สามแสน ถ้าสามแผลห้าแสน ! หากแทงโดนสี่แผล ล้านหนึ่ง ! ” ตาอ้วนหลิวเพิ่มตัวเลือกในการเจรจาทันที
ชายหนุ่มผมรองทรงสูงเปิดข้างที่เฝ้ามองดูเหตุการณ์อย่างตื่นเต้นดูเหมือนจะได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาจึงหันหลังและเดินเข้ามา “ ผมขอเข้าร่วมด้วย ถ้าพวกเราหลายคนต่างก็แทงโดน เอามารวมกันได้หรือเปล่า ? ”
“ ได้ ! ” ตาอ้วนหลิวพูดด้วยความตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ตาอ้วนหลิวหันกลับมาและกำลังจะกลับไปหยิบมีด คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มผมรองทรงสูงเปิดข้างได้ดึงมีดออกมาจากตัวหลายเล่มรอแล้ว ! “ พี่ๆน้องๆ สู้ๆพวกเรา อย่าแทงตรงจุดสำคัญ พยายามแทงไปที่ต้นขาและก้น แทงเข้าไปหลายๆครั้ง แล้วพวกเรามาแบ่งให้เท่าๆกัน ! ”
พอพูดจบ เขาก็ชายตามองไปที่ตาอ้วนหลิวอีกครั้ง ” ถ้าแทงโดนสิบครั้งล่ะ ”
“ สิบล้าน ! ” ตาอ้วนหลิวพูดอย่างมุ่งมั่นและเด็ดขาด.Aileen-novel.
เหมือนมีแสงสว่างรออยู่ตรงหน้าทุกคน ดวงตาลุกวาวเปล่งประกาย แต่พวกเขาทำเป็นเพิกเฉย จากนั้นก็ได้ยินชายหนุ่มผมรองทรงสูงเปิดข้างตะโกนเสียงดัง “ พี่น้องทุกท่านตามผมมา ! ”
ชายหนุ่มผมรองทรงสูงเปิดข้างพุ่งพรวดออกไป อีกสามคนที่เหลือก็เพิ่งจะวิ่งตามมาได้สองก้าว
จู่ๆก็หยุดชะงัก ทิ้งมีดในมือและหันหลังวิ่งไปนอกซอยทันที !
ชายหนุ่มผมรองทรงสูงเปิดข้างตะโกนเสียงอันดังโดยที่ไม่ทันได้สังเกตเห็นสถานการณ์ทางด้านหลังเลย เขายกมีดขึ้น และฟันไปทางโจวเซี่ยงเฉิง !
ที่ชายหนุ่มผมรองทรงสูงเปิดข้างเห็นการต่อสู้ระหว่างหยางโปทั้งสองคนเมื่อสักครู่ เขารู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น แค่รวดเร็วเท่านั้น นั่นเป็นเพราะในหัวของเขามีแต่ธนบัตรจำนวนมากที่แวบเข้ามา แทงโดนทีหนึ่งแสนหนึ่ง แทงสิบครั้ง สิบล้าน !
ไหนเลยจะคิดถึงว่า แค่โจวเซี่ยงเฉิงหันกลับมาถีบไปแค่ครั้งเดียว ชายหนุ่มทรงผมรองทรงสูงเปิดข้างหักหลบไปด้านข้าง เขาที่คิดว่าคงสามารถหลีกเลี่ยงการถีบนี้ไปได้ ยังไม่ทันได้ตอบโต้ ก็รู้สึกถูกโจมตีอย่างรุนแรง เขาจึงปลิวไปทางด้านหลังทันที !
หยางโปใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ โจมตีเข้ามา เขาพุ่งตัวเข้ามาพร้อมกับกระบี่หยกในมือ
โจวเซี่ยงเฉิงตอบสนองกลับอย่างรวดเร็ว หันกลับไปรับมือกับหยางโปทันที
ทั้งสองต่อสู้กันอีกครั้ง
ตาหลิวอ้วนมองไปที่ชายหนุ่มผมรองทรงสูงเปิดข้างที่ตัวลอยละล่องกลับมา ก็รีบหักหลบไปทางด้านข้างทันที เขาเห็นชายหนุ่มผมรองทรงสูงเปิดข้างล้มกระแทกลงกับพื้น ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เขาคิดออกมาได้แล้ว แต่นึกไม่ถึงว่ามันยังจะล้มเหลวอีก
หลินหลินและฮัวชิงหยุนดูการต่อสู้ของพวกเขาอย่างกังวลใจมาก
ไม่นานหยางโปก็รู้สึกได้ถึงเจตนารมณ์ของกระบี่ในจุดตันเถียนอีกครั้ง เขาเหลือบไปมอง
โจวเซี่ยงเฉิง แสยะยิ้มเล็กน้อย จากนั้นแสงสีเงินก็พุ่งออกมา
ดูเหมือนว่าโจวเซี่ยงเฉิงจะเตรียมพร้อมตั้งรับไว้แล้ว เขาดึงจี้หยกออกจากเอวและสกัดกั้นไว้ที่หน้าอก เมื่อแสงสีเงินและจี้หยกเข้ามาปะทะกัน ก็เกิดเสียงปะทะดัง “ เพลี้ย ” โจวเซี่ยงเฉิงกุมหน้าอก และถอยไปทางด้านหลัง !
โจวเซี่ยงเฉิงเหลือบมองหยางโป หันหลังและจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็ว
หยางโปกลับไม่ได้ไล่ตามคู่ต่อสู้ไป เขามองตามหลังของคู่ต่อสู้ที่หนีไป ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นร่างกายก็ค่อยๆอ่อนแรงและทรุดลง เขาอดไม่ได้ที่จะย่อตัวนั่งลงบนขั้นบันได !
หลินหลินและฮัวชิงหยุนรีบวิ่งเข้ามาประคองตัวหยางโปไว้ และคิดที่จะช่วยประคองเขากลับเข้าไป
หยางโปยกมือขึ้นห้าม “ ขอผมนั่งสักพักก่อน ! ”
ตาอ้วนหลิววิ่งกลับมาและมองดูท่าทางของหยางโป โดยที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง เขาตกใจมาก เดิมทีเขาคิดว่าชายหนุ่มผมรองทรงสูงเปิดข้างเมื่อสักครู่จะสามารถทนได้นานกว่านี้ คิดไม่ถึงว่าจะใช้การไม่ได้เลย !
“ นี่จะทำไงดี ? ทำไมชายคนนั้นจู่ๆถึงโผล่มาหาลูก เสี่ยวโป บอกคุณปู่ของลูกหน่อยไหม ให้หาบอดี้การ์ดมาเพิ่มให้อีกสองสามคน สภาพลูกแบบนี้ จะให้วางใจได้ยังไง ? ” หลินหลินอดที่จะพูดออกมาด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
หยางโปนั่งบนขั้นบันได รู้สึกว่าทั่วทั้งตัวไม่ได้เจ็บปวด แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้าย แต่การต่อสู้ครั้งนี้ก็กินพลังทั้งหมดของเขาไป ทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตัวของเขากำลังแตกสลายและไม่สามารถรวบรวมพลังออกมาได้ !
โดยเฉพาะการโจมตีครั้งสุดท้าย เจตนารมณ์ของกระบี่ทรงพลังมาก แต่ก็ใช้พลังไปจำนวนมากเช่นกัน หยางโปหยิบกระบี่หยกขึ้นมาและดูดซับพลังบางส่วนที่เหลืออยู่ในนั้น นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของขั้นวรยุทธ์ที่แตกต่างกัน มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต่อสู้ด้วยได้
หยางโปยื่นแขนออกมาขอให้หลินหลินและฮัวชิงหยุนช่วยพยุงเขากลับไปที่ห้อง หยางโปนำกระบี่หยกมาฝึกฝนอย่างระมัดระวังเพื่อฟื้นฟูพละกำลังกลับมา
หลินหลินครุ่นคิดไปมา แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะโทรพูดคุยกับชุยซื่อหยวนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้
ชุยซื่อหยวนตกใจมาก เขากำลังประชุมอยู่ เขาจึงรีบโทรหาชุยอี้ผิงทันที ชุยอี้ผิงกำลังอยู่กับพ่อของเขาพอดี จากนั้นเขาก็รีบโทรหาชายชราและรีบไปที่เรือนสี่ประสานทันที
ทันใดนั้น คนจากครอบครัวชุยก็รวมตัวกันมาที่เรือนสี่ประสานของหยางโป พอมาถึงนอกประตูใหญ่ ชุยอี้ผิงก็เห็นตำรวจกำลังตรวจพิสูจน์เลือดบนพื้น ก็อดที่จะหน้าถอดสีไม่ได้ เขาหันกลับมามองชายชรา ” คุณปู่ ไม่ต้องกังวล เสี่ยวโปน่ะคนดีผีคุ้ม คนทำดีย่อมไม่มีภัยกับตัวเอง ต้องไม่เป็นอะไรแน่ ! ”
ชายชราสีหน้าเคร่งขรึมเงียบไม่พูดอะไรสักคำ เขามองไปที่คราบเลือดบนพื้นและมองไปที่ประตูบ้านของหยางโปอีกครั้ง เขาจึงอดที่จะชักสีหน้าอย่างครุ่นคิดไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่าบนประตูใหญ่บ้านของหยางโป มีรอยฝังลึกจมลงไป มันเหมือนกับรอยชกจากกำปั้นของใครสักคน !

ประตูใหญ่ของเรือนสี่ประสานอยู่ไกลจากห้องนั่งเล่นระยะหนึ่ง เสียงเคาะประตูไม่ดังมากนัก ก่อนหน้านี้ก็มีแขกมาเยี่ยม แต่ส่วนใหญ่จะกดกริ่งประตู แต่เสียงเคาะประตูครั้งนี้กลับดังคมชัดและทรงพลัง มันดังเข้าหูหยางโปอย่างชัดเจน สิ่งนี้ทำให้เขาตกใจมาก !
แม่บ้านรีบวิ่งไปเปิดประตูให้ หยางโปยกมือขึ้น “ คุณไม่ต้องไปเดี๋ยวผมไปเอง ”
ตาอ้วนหลิวกำลังพูดอย่างมีความสุข เมื่อเห็นหยางโปที่จู่ๆก็ไปเปิดประตู ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ “ นายไปเปิดประตูทำไม ? หรือว่ามีแขกคนสำคัญมา ? ลัวย่าวหัวกลับมาแล้วใช่ไหม ? ”
หยางโปไม่พูดอะไร ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึม เดินตรงออกไปข้างนอก
ฮัวชิงหยุนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปจ้องมอง เธอจ้องมองไปที่หยางโป จู่ๆก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
หลังจากประสบพบเจอกับเรื่องพวกนี้ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เธอยิ่งรู้สึกว่าหยางโปลึกลับเกินไป
ดูเหมือนว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้บอกเธอ แม้แต่ตอนนี้ที่เขาออกไป สีหน้าบ่งบอกว่ามีเรื่องไม่สบายใจ แต่เขากลับไม่ยอมปริปากพูดออกมา
ยิ่งหยางโปเข้าใกล้ประตูใหญ่มากขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าทุกย่างก้าวหนักอึ้งขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังที่จู่โจมเข้ามา ความกดดันแบบนี้ดูเหมือนจะเป็นการปลดปล่อยพลังออกมา มันเป็นระดับวรายุทธ์ที่เขายังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน !
แสงสว่างวาบผ่านตาหยางโปไป พลังในร่างกายไหลวนไม่หยุด ทำให้ความกดดันเบาบางลงไปมากในทันที เขารีบสาวเท้าเดินไปที่ประตูและผลักเปิดประตูออก
มีชายวัยสามสิบกว่ายืนอยู่นอกประตู ชายผู้นี้ดูเด็กมาก เขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดา แต่หน้าตารูปลักษณ์คล้ายกับโจวซินมาก
หยางโปหันไปมองอีกฝ่าย “ สวัสดี ! ”
ชายคนนั้นพยักหน้า “ ผมโจวเซี่ยงเฉิง พ่อของโจวซิน คุณแทงเขาบาดเจ็บใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า “ สวัสดี ผู้อาวุโสโจว ! ”
“ คุณเป็นคนแทงเขาจนเข้าโรงพยาบาลใช่ไหม ? ” โจวเซี่ยงเฉิงไม่สนใจหยางโปเอ่ยปากถามต่อ
หยางโปตกตะลึง “ ผมเอง ! ”
พอพูดจบ ดวงตาของหยางโปก็เบิกกว้างและอ้าปากค้าง จากนั้นก็เห็นหมัดขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนเขาไม่สามารถต้านรับได้ !
หมัดนี้พุ่งเข้ามาอย่างแรง หยางโปสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายครั้งใหญ่ แสงสว่างวาบผ่านตาไป
พลังทั่วทั้งตัวเพิ่มขึ้นทันที เขาเผยปากออกเล็กน้อย เจตนารมณ์ของกระบี่ที่รวบรวมมาเป็นเวลานานพุ่งทะยานออกไป !.ไอลีนโนเวล.
หยางโปถึงกับไม่ทันได้ตั้งตัว ทันใดนั้นด้านหน้าก็ว่างเปล่า จากนั้นเขากับโจวเซี่ยงเฉิงก็ถอยห่างออกจากกันหลายฟุต เขากุมแขนไว้ และมีรอยเลือดตกอยู่บนพื้น เขามองไปที่หยางโป
” ที่คุณแทงโจวซินบาดเจ็บได้ ที่แท้ก็แค่อาศัยเพียงวิธีลอบโจมตีนี่เอง ! ”
“ คนเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างคุณ จะปล่อยไว้ไม่ได้แน่ วันนี้ฉันจะต้องทวงคืนความยุติธรรมกลับมาให้ได้ ! ”
โจวเซี่ยงเฉิงตะโกนเสียงดัง ปล่อยแขนขวาให้ห้อยแนบไปตามตัว จากนั้นเขาก็พุ่งพรวดเข้ามา !
หยางโปไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของโจวเซี่ยงเฉิงเป็นยังไง แต่เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่โจวเซี่ยงเฉิงตะโกนออกมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายแกล้งที่จะทำร้ายเขา ! เมื่อกี้ อีกฝ่ายลอบโจมตีก่อน แต่พอโจมตีล้มเหลว จึงหันกลับมายัดเยียดข้อหาให้เขา คิดไม่ถึงว่าคนตระกูล
โจวจะทำได้แค่นี้ คนสับปลับปลิ้นปล้อนเช่นนี้จะทำอะไรสำเร็จได้ ?
หยางโปโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาจ้องหน้าอีกฝ่าย ตวัดกระบี่หยกในมือข้างหนึ่งเข้าไปรับมือกับอีกฝ่าย !
หยางโปใช้มวยเย่วเจียถ่ายทอดพลังไปที่กระบี่หยกก่อน มันเป็นแค่กังฟูในโลกมนุษย์แล้วจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างไร มันเป็นเพียงแค่การต่อสู้กันชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น เขาแค่ชกไปที่ไหล่ของคู่ต่อสู้และผลักไปกระแทกเข้ากับประตูข้างหลัง จู่ๆหยางโปก็รู้สึกว่าอวัยวะภายในเหมือนถูกไฟไหม้ !
ถ้าเมื่อสักครู่ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีและหักตัวหลบไปเล็กหน่อย เกรงว่าเวลานี้คงถูกฝ่ายตรงข้ามฆ่าตายภายในหมัดเดียวไปแล้ว !
แขนซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บเจ็บปวดรวดร้าวมาก หยางโปยกมือขวาที่ถือกระบี่หยกอยู่ ยืนขึ้นและหันไปทางคู่ต่อสู้ “ โจวซินอายุมากกว่าผมไปหลายปี ถ้าคุณเป็นพ่อของเขา คงอายุห้าสิบปีกว่าแล้ว สามารถดูแลตัวเองได้ขนาดนี้ ถือว่ามีวิธีในการดูแลรักษาตัวเองที่ดีมาก ! ”
โจวเซี่ยงเฉิงจ้องหน้าหยางโปไม่วางตา “ ถ้าคิดจะมากวนประสาทฉันด้วยกลอุบายเล็กๆแบบนี้
ไม่มีทางซะหรอก ! ”
หยางโปยิ้มแล้วพูดตอบกลับไปว่า ” ถ้าคุณสามารถดูแลผิวของคุณเหมือนผู้หญิงได้แบบนี้ คงต้องมีผู้หญิงจำนวนมากที่อยากรู้แน่นอน คุณโจวผมคิดว่าพวกเราละทิ้งอคติแล้วมาทำธุรกิจนี้ด้วยกัน ไม่ดีกว่าเหรอ ? ”
ใบหน้าของโจวเซี่ยงเฉิงเต็มไปด้วยความโมโหเดือดดาล เขาจ้องมองหยางโปตาเขม็ง
“ แกหาเรื่องตายหรือไง ! ”
ผู้พูด โจวเซี่ยงเฉิงวิ่งพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
หยางโปรีบวิ่งตามเข้าไป เขาไม่มีทางถอยหนีไปได้ เพราะข้างหลังเขาคือแม่และแฟนสาวของเขา พวกเธอคือคนที่เขาต้องการปกป้องทั้งชีวิต เขาจะทิ้งพวกเธอไว้ตามลำพังได้ยังไง ?
หยางโปลืมกระบี่หยกในมือไปแล้ว และเริ่มต่อสู้ด้วยวิธีการของมวยเทียนหลัว !
ทั้งสองต่อสู้กันด้วยแขนข้างเดียว หยางโปถือกระบี่หยกในมือ อีกฝ่ายไม่สามารถทราบรายละเอียดของกระบี่หยกได้ จึงไม่กล้าเข้ามาใกล้เกินไป บวกกับหยางโปที่ยอมต่อสู้จนยอมตาย ทันใดนั้นก็ทำให้อีกฝ่ายทำอะไรห่วงหน้าพะวงหลังขึ้นมาทันที ! สักพักจึงทำให้หยางโปและคู่ต่อสู้มีฝีมือพอๆกัน !
มวยเทียนหลัวเหยียนหรูหยูเป็นคนสอนเขา หยางโปฝึกฝนทุกวัน ฝึกฝนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่เมื่อเริ่มการต่อสู้จริง ก็ยังรู้สึกไม่คล่องและสละสลวย เขาจึงค่อยๆเชี่ยวชาญมากขึ้น ควบคู่ไปกับความร่วมมือของกระบี่หยก จึงทำให้ไม่มีอันตรายไปชั่วขณะหนึ่ง
ด้านนอกประตูของเรือนสี่ประสานค่อนข้างจะเงียบสงบ เพราะปกติก็จะไม่มีใครมาที่นี่ แต่การต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นในนี้ ไม่นานจึงดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามาดู จนชกต่อยกันมาจนถึงขั้นที่รุนแรงและดุเดือด แต่ก็ยังมีผู้คนส่งเสียงร้องเชียร์อยู่ !
หยางโปไม่แน่ใจเกี่ยวกับขั้นวรยุทธ์ของคู่ต่อสู้ แต่เขาสามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่า ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้นั้นสูงกว่าเขามาก แต่การฆ่าเวลาแบบนี้ก็ขัดขวางความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าพลังของคู่ต่อสู้จะถูกปลดปล่อยออกมา แต่ก็ถูกพลังลึกลับในดวงตาของหยางโป
สกัดกั้นไว้หมด !
หยางโปเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ กระบี่หยกในมือทำให้คู่ต่อสู้กลุ้มใจมาก !
เพียงครู่เดียวเท่านั้น โจวเซี่ยงเฉิงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ไม่รู้ว่าเขาควักดาบสั้นออกมาจากไหน
มารับมือกับกระบี่หยกในมือของหยางโป !
“ แกร๊ก ! ” เสียงดังคมชัด โจวเซี่ยงเฉิงอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยไปทางด้านหลัง เขาก้มมองดูดาบสั้นในมือ ด้วยใบหน้าถอดสี เพราะดาบสั้นในมือของเขาถูกหยางโปฟันจนหักไปแล้วจริงๆ !
ผู้ชมหลายคนในที่เกิดเหตุปรบมือและตะโกนเสียงดัง ” ดี ! ช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ ! ”
“ การต่อสู้ที่นี่น่าตื่นเต้นกว่าบนเวทีมาก ! ”
“ ใช่ ฉันรู้สึกว่าพวกเขามีวรยุทธ์กันจริงๆ ในที่สุดตอนนี้ก็ได้ตัดสินผู้ชนะออกมาได้แล้ว เวลานี้
ผู้แพ้ต้องพูดอะไรที่แค้นเคืองก่อนจะจากไปแน่ใช่ไหม ? ”
โจวเซี่ยงเฉิงถูกหยางโปฟันจนดาบหัก เวลานี้เขาก็ไม่มีทางรับมือกับหยางโปได้ กำลังคิดที่จะพูดอาฆาตก่อนจากไป แต่เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ของคนรอบข้าง ก็เกือบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด !
เขาจ้องหน้าหยางโป “ คิดไม่ถึงว่าคุณที่มีวรยุทธ์อยู่ในขั้นปลายหยินชี่จิง จะแข็งแกร่งขนาดนี้ ! ”
ใบหน้าของหยางโปดูเคร่งขรึม บางทีคนอื่นอาจจะดูไม่ออก แต่เขารู้ดีแก่ใจว่าหากไม่พึ่งพาประโยชน์ของกระบี่หยก เขาอาจจะถูกคู่ต่อสู้ล้มลงกับพื้นไปแล้ว เขาจ้องหน้าฝ่ายตรงข้าม
แต่ไม่ได้พูดอะไร พลางกลั้นใจและเร่งฟื้นฟูร่างกายโดยเร็วที่สุด
หลินหลินและฮัวชิงหยุนไล่ตามพวกเขาออกมา และทันได้ก็เห็นเงาร่างของทั้งสองฝ่าย
แต่หลินหลินกลับเหลือบมองไปเห็นคราบเลือดกองหนึ่งบนพื้น และอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
” มีเลือดออกด้วย ! ”

หยางโปหันไปมองเถ้าแก่เหลียง “ สามล้านก็ได้ กระบี่หยกทางด้านนี้นะ ผมยังอยากเลือกอีกสองเล่ม !! ”
เถ้าแก่เหลียงส่ายหน้า “ ไม่ได้ เลือกได้แค่เล่มเดียว ! ”
หยางโปหัวเราะ “ ได้ เล่มเดียวก็เล่มเดียว ! ”
เถ้าแก่เหลียงตกตะลึง ใบหน้าดูไม่ดี แต่ท้ายที่สุด เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าจิตใจห่อเหี่ยวมาก
ตาอ้วนหลิวที่นั่งอยู่ด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะดังลั่นออกมา “ เหล่าเหลียง นี่คุณเจอเงินก้อนโตแล้วนะ ไม่ต้องเศร้าใจไป เดี๋ยวผมจะพาเงินก้อนโตก้อนนี้มาหาคุณอีกสองสามครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่า หลังจากนี้คุณจะไม่มีของเก็บไว้อีกแล้ว ! ”
เถ้าแก่เหลียงส่ายหน้า “ หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น ”
หยางโปวางกระบี่ทั้งสี่เล่มลงในกล่องและกำลังจะเดินออกไปจากที่นี่ แต่คิดไม่ถึงว่าตาอ้วนหลิวจะยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยไม่ไหวติง
“ นี่คุณเหนื่อยเหรอ ? ” หยางโปเหลือบมองตาอ้วนหลิว
ตาอ้วนหลิวยกมือขึ้น ” เหนื่อยอะไรเล่า ? ของดีๆในมือเหล่าเหลียงมีตั้งมากมาย นายจะรีบร้อนไปทำไมกัน ? ”
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาหันกลับไปมองหน้าเถ้าแก่เหลียง เมื่อเห็นเถ้าแก่เหลียงทำหน้าตกตลึง เขาก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “ ไม่มี ผมไม่มีของอยู่ที่นี่แล้ว กระบี่หยกทั้งหมดถูกพวกคุณเอาไปหมดแล้ว ! ”
ตาอ้วนหลิวส่ายหัว ” การพูดโกหกไม่ใช่นิสัยที่ดี เถ้าแก่เหลียง ขายให้ใครมันก็ขายเหมือนกันไม่ใช่หรือไง ? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า ? ”
“ ไม่มีแล้ว ” เถ้าแก่เหลียงยังคงพูดอย่างไม่พอใจ
ตาอ้วนหลิวยิ้มแต่ไม่พูดอะไรอีก
เถ้าแก่เหลียงไม่มีทางเลือกอื่น “ กระบี่หยกทั้งหมดในมือของผม นำออกมาให้พวกคุณดูกันหมดแล้ว คุณต้องการอะไรกันแน่ ? ”
ตาอ้วนหลิวยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่กลับไม่พูดอะไร
เถ้าแก่เหลียงไม่มีทางเลือกอื่น เขาจ้องหน้าตาอ้วนหลิว นอกจากต้องพูดว่า ” ที่ผมไม่มีแล้ว แต่ผมมีข้อมูลบางอย่าง อาจมีกระบี่หยกอยู่เล่มหนึ่ง พวกคุณอยากได้มันไหมล่ะ ? ”
“ แน่ใจใช่ไหม ? ”ตาอ้วนหลิวถาม
เถ้าแก่เหลียงส่ายหัว “ เรื่องแบบนี้มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณได้ยินผมพูด ทำไมผมถึงกล้ามั่นใจขนาดนี้ ? ถ้าหากพวกคุณต้องการล่ะก็ ให้เงินผมมาล้านหนึ่ง แล้วผมจะบอกข้อมูลให้คุณรู้ ”
ตาอ้วนหลิวจ้องหน้าเถ้าแก่เหลียง ” ถ้ามันมีค่าจริงๆ คุณไม่ไปเอง ? ยังจะรอให้เราไปอีกเหรอ ? ”
เถ้าแก่เหลียงส่ายหัวและฝืนยิ้มให้ “ ผมก็เป็นเพียงคนกลาง ข้อมูลแบบนี้ผมไปพิสูจน์หาความจริงไม่ได้ หลังจากที่พวกคุณได้ข้อมูลไป ก็ไปพิสูจน์หาความจริงกันเองก็จบ ”
ตาอ้วนหลิวชายตามองไปที่หยางโป ” คุณมั่นใจ ? “.ไอรีนโนเวล.
หยางโปค่อนข้างลังเลใจ “ เถ้าแก่เหลียง พอจะมีคำอธิบายที่เจาะจงกว่านี้ไหม พอจะระบุถึงตำแหน่งที่ตั้งได้ไหม หรือบอกรายละเอียดของกระบี่เล่มนั้นว่าเป็นกระบี่เล่มไหน มันโด่งดังและมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ไหม ? ”
เถ้าแก่เหลียงส่ายหัว “ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ข้อมูลพวกนี้ไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้ ถ้าไม่ใช่หลังจากที่พวกคุณซื้อไปแล้วเท่านั้น ผมถึงจะบอกพวกคุณได้ ”
“ งั้นก็ช่างเถอะ ไม่ซื้อแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ ! ” จู่ๆฮัวชิงหยุนก็พูดขึ้น เธอคว้าแขนของหยางโป “ ถ้ามันมีมูลค่ามากขนาดนี้ คิดว่าคนที่รู้ข้อมูลคนนั้นคงไปเอามาเองแล้ว มันต้องเป็นเพราะว่าที่นั่นอันตรายมากแน่ๆ คุณอย่าไปดีกว่า ใกล้ได้เวลากินข้าวเที่ยงแล้ว คุณป้าส่งข้อความมาตามหลายข้อความเร่งให้พวกเรากลับกันแล้ว ”
เดิมหยางโปก็ยังค่อนข้างรู้สึกตื่นเต้นและคิดที่จะซื้อข่าวนี้ แต่หลังจากได้ฟังที่ฮัวชิงหยุนพูด ก็นึกถึงความไม่ชอบมาพากลขึ้นมาทันที เขาพยักหน้าลง ” ช่างเถอะ ไม่ซื้อแล้ว ”
“ เอ๊ะ ? ” เถ้าแก่เหลียงผงะไปครู่หนึ่ง “ ไม่เอาแล้ว ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ช่างเถอะ ผมไม่เอาแล้ว ”
ในขณะที่พูดคุยกัน หยางโปก็เดินกอดกล่องออกไปข้างนอก ฮัวชิงหยุนตามหลังเขาไป
ดูมีความสุขไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด ที่สามารถหยุดหยางโปไม่ให้ไปเสี่ยงอันตรายได้ มันทำให้เธอดีใจมาก
ตาอ้วนหลิวที่เดินตามมาด้านหลังสุด เขาเหลือบมองไปที่เถ้าแก่เหลียง ” คุณก็แกล้งเสแสร้ง ทำพังเองกับมือเองนะ ผมบอกว่าจะพาเศรษฐีมาให้ ไม่ได้คิดที่จะให้คุณมาหลอกลวงเขาสักหน่อย ! ”
เถ้าแก่เหลียงพูดอย่างจนปัญญา “ ผมไม่ได้คิดที่จะหลอกลวงเขาจริงๆ ข้อมูลละล้าน มันไม่ได้ทำให้ขาดทุนจริงๆ ”
“ ข้อมูลเดียวล้านหนึ่ง ถ้าคุณได้รับข้อมูลมาแล้ว ทำไมคุณไม่ซื้อเก็บไว้เองล่ะ จะเหลือผลประโยชน์ทิ้งไว้ให้คนอื่นได้งั้นเหรอ ? ช่างเถอะ คุณเก็บไว้เองเถอะ ! ” ตาอ้วนหลิวกล่าว
ทั้งสามคนออกไปขึ้นรถ หยางโปก็หันไปมองหน้าตาอ้วนหลิว ” เขาพูดเรื่องจริงไหม ? เขามีข้อมูลอยู่ในมือจริงๆเหรอ ? ”
“ ต้องมีข้อมูลอยู่แน่นอน แต่คงไม่ลึกลับอย่างที่เขาพูด เงินล้านที่เรียกมา ก็คงเป็นแค่มุขตลก
พวกเราก็อย่าไปใส่ใจ ” ตาอ้วนหลิวกล่าว
หยางโปพยักหน้า “ เอาล่ะ ช่วงเช้าก็พอแค่นี้ก่อน ช่วงบ่ายพวกเราค่อยไปลุยกันต่อ ”
ตาอ้วนหลิวหันไปมองหยางโป ” นายต้องการทำอะไรกันแน่ บอกฉันมาสักคำสิ ถ้านายต้องการสะสมของไว้จริงๆฉันสามารถช่วยเสนอแนะให้นายได้ ”
“ ดี คุณวางใจได้ ผมจะจัดการมันให้ดีอย่างแน่นอน ” หยางโปกล่าว
ตาอ้วนหลิวทำอะไรไม่ถูกเลย เขาไม่รู้จริงๆว่าหยางโปหมายถึงอะไร ทำไมเขาถึงต้องสะสมกระบี่หยกไว้มากมายขนาดนี้ ?
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากเรือนสี่ประสานมากนัก ทั้งสามคนกลับไปกินข้าวกลางวันและไปอีกร้าน
แต่หยางโปก็ไม่พบกระบี่ที่เหมาะสม ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงต้องเปลี่ยนสถานที่
จนกระทั่งใกล้พลบค่ำ หยางโปถึงจะได้กระบี่มาเล่มหนึ่ง แต่เขาก็ไม่พอใจมากนัก แต่เขาก็ยังควักเงินซื้อกลับมา
กลับมาถึงเรือนสี่ประสานในช่วงเย็น กินข้าวอิ่มและจัดที่พักให้ตาอ้วนหลิวแล้ว หยางโปก็กลับไปที่ห้องคนเดียว เขาหยิบกระบี่หยกทั้งหมดที่ได้มาในวันนี้ออกมาแล้ววางไว้ตรงหน้าทั้งหมด
หยางโปสัมผัสได้ถึงแรงสั่นไหวของเจตนารมณ์กระบี่ในจุดตันเถียนอีกครั้ง มีแสงสว่างไสวกระพริบผ่านตาของเขาไป และสัมผัสถึงกระบี่หยกตรงหน้าที่สาดกระจายเจตนารมณ์กระบี่หยกออกมาและพุ่งตรงเข้ามาทางเขา !
ส่วนกระบี่เล่มอื่นๆยังดีกว่าหน่อย มีเพียงกระบี่หยกเล่มนั้นของเจิ้งเฉิงกงที่แฝงไปด้วยเจตนารมณ์ของกระบี่ที่ทรงพลังที่สุด เมื่อเจตนารมณ์ของกระบี่เล่มนั้นเข้าสู่จุดตันเถียนของหยางโป คิดไม่ถึงว่ามันจะพยายามเอาชนะเจตนารมณ์กระบี่ในจุดตันเถียนของเขา แต่ก็ไม่สามารถยืนหยัดและล้มเหลวจนถูกดูดกลืนและผนวกเข้าในรอบเดียว !
หยางโปดูดซับเจตนารมณ์ของกระบี่ทั้งหมด เขาสัมผัสได้ว่าเงาของกระบี่เล็กๆในจุดตันเถียนดูชัดเจนมากขึ้น !
หยางโปถึงกับอดคิดไม่ได้ หากกลืนกินเจตนารมณ์กระบี่เพิ่ม ต่อจากนี้ไปเงาของกระบี่เล่มนั้นคงจะปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์และถึงกระทั่งเป็นตัวเป็นตนออกมาหรือเปล่า ?
แน่นอน นี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น เขาเองก็ยังไม่กล้ายืนยัน
พร้อมกับเจตนารมณ์ของกระบี่ที่แข็งแกร่งขึ้น ในที่สุด หยางโปก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาทำร้ายโจวซินจนถูกส่งเข้าโรงพยาบาล เกรงว่าตอนนี้คนในตระกูลคงวิ่งหน้าตื่นมากันแล้ว
เมื่อถึงตอนนั้นคงจะลำบากน่าดู แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องปกป้องความปลอดภัยของคนในครอบครัวและตัวเอง !
เช้าวันที่สอง หยางโปนั่งกินข้าวเช้าที่บ้าน ฮัวชิงหยุนนั่งตรงข้าม ทางด้านตาอ้วนหลิวก็ยั่วยุเขาไม่หยุด ” วันนี้พวกเราไม่ไปเสาะหากระบี่หยกมาเก็บแล้วเหรอ ? อยากไปดูที่เมืองโบราณดูหน่อยไหม ? ฉันบอกนายเลยนะ ที่นั่นมีของดีๆอยู่เยอะมาก พวกเราลองไปดูกันไหม ? ”
หยางโปเหลือบมองตาอ้วนหลิว “ ข้อมูลของคุณออกจะแม่นยำขนาดนี้ คุณไปเอาของชิ้นนั้นมา ผมแค่จ่ายเงินก็จบแล้วไหม ? ”
“ ฉันจะไปรู้ได้ไง อะไรเป็นของจริงอะไรเป็นของปลอม ! ” ตาอ้วนหลิวกล่าว
หยางโปหัวเราะลั่น ในขณะที่กำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เขาตกใจแล้วนิ่งเงียบ
ในที่สุดอีกฝ่ายก็มาจนได้ !

เถ้าแก่เหลียงเบิกตากว้าง เขาหันไปมองหน้าหยางโป และหันกลับไปมองตาอ้วนหลิวอีกครั้ง
“ งานนี้ผมไม่ทำแล้ว ! ”
ตาอ้วนหลิวรีบพูดกล่อม “ เฮ้อ เหล่าเหลียง นี่คุณหมายความว่าไงนะ ? ”
เถ้าแก่เหลียงส่ายหน้า “ ธุรกิจนี้ทำกันต่อไม่ได้แล้วจริงๆ ถ้าคุณบอกว่าคนผู้นี้มาต่อรองราคา ผมก็พอจะรับได้หน่อย แต่ถ้าคุณมาต่อรองราคาเองจริงๆ ผมว่าไม่ทำดีกว่า ! ”
หยางโปที่นั่งอยู่ด้านข้าง มีสีหน้าตกใจ เขาไม่ค่อยเข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร เขาหันไปมอง
ฮัวชิงหยุน ฮัวชิงหยุนก็ส่ายหน้าให้เช่นกัน
ตาอ้วนหลิวดึงเถ้าแก่เหลียงเข้ามาหา “ เหล่าเหลียง คุณอย่าทำแบบนี้ เค้กอยู่ในมือแล้วไม่กิน
ต่อให้กินสักนิดสักหน่อย มันก็เป็นเค้กไม่ใช่หรือไง ? ”
เถ้าแก่เหลียงพูดไม่ออก เขาชายตามองตาอ้วนหลิว “ คุณต่อรองราคาให้มันเบาๆหน่อย อย่ามาตัดราคากันมากเกิน ! ”
เริ่มแรกหยางโปยังไม่ค่อยเข้าใจ ว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ แต่ต่อมา เขาก็เข้าใจทันทีว่า เพราะเขาจะได้เห็นการต่อรองครั้งหนึ่งที่ร้อนแรงและดุเดือดที่สุดในชีวิตนี้เอง !
ตาอ้วนหลิวพูดจนน้ำลายลอยฟุ้ง ระบุข้อบกพร่องแต่ละข้อออกมา พูดซะจนกระบี่สามเล่มนี้ไร้ค่า จนทำให้หยางโปเกิดภาพหลอนจนเขาไม่อยากได้กระบี่สามเล่มนี้อีกต่อไปแล้ว !
เริ่มแรกเถ้าแก่เหลียงยังคงยึดราคาเดิม แต่สุดท้าย ก็ยืนหยัดทนต่อไปไม่ไหวอีก แนวป้องกันก็ค่อยๆพังทลายลงโดยตาอ้วนหลิว ด้วยความพยายามอย่างไม่ลดละของเขา ในที่สุดราคาซื้อขายสุดท้ายของกระบี่สามเล่มนี้จึงเหลือเพียง สามหมื่นหยวน !
ฮัวชิงหยุนที่นั่งด้านข้าง ถึงกับอ้าปากค้าง เธอหันไปมองหน้าหยางโป “ ฉันกำลังคิดอยู่ว่า ครั้งหน้าถ้าไปซื้อเครื่องสำอาง ควรลากพี่หลิวไปด้วยกันไหม เขาต่อรองราคาได้เก่งมาก ”
หยางโปมองใบหน้าที่ซีดเผือกของเถ้าแก่เหลียง และพยักหน้าลงให้ “ เฉียบ เฉียบจริงๆ ! ”
เถ้าแก่เหลียงยกมือปัด “ สามหมื่นถูกเกินไป ไม่ได้ ไม่มีทาง !! ”
“ เมื่อครู่คุณตกลงแล้ว ตอนนี้มากลับคำได้ไง ? ” ตาอ้วนหลิวพูดอย่างโกรธเคือง
เถ้าแก่เหลียงดูไม่พอใจเอามากๆ แต่ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาอดที่จะส่ายหัวให้ไม่ได้
“ ผมไม่ควรต้อนรับคนอย่างคุณ นี่มาเพื่อทำให้ผมเสียเงินชัดๆ ! ”.ไอลีนโนเวล.
ตาอ้วนหลิวหัวเราะ “ พี่ชาย วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ถ้าเป็นคนอื่น ผมไม่มีทางมาออกหน้าให้แน่นอน ”
หยางโปนั่งฉีกยิ้มอยู่ด้านข้าง “ เอาล่ะ กระบี่สามเล่มนี้ผมเอาไปแล้วนะ ”
ตาอ้วนหลิวขึงตาให้หยางโป “ นายไม่จ่ายเงิน ก็เอาของไปเลยเหรอ ? ”
“ คุณไม่มีเงินเหรอ ? แค่สามหมื่นหยวนก็ไม่มีเลยเหรอ ? ” หยางโปถาม
ตาอ้วนหลิวตาโตจ้องหน้าหยางโป “ ถือว่านายเก่ง ต่อจากนี้อย่าหวังนะว่าฉันจะช่วยนายต่อรองราคาอีก ! ”
หยางโปหัวเราะดังลั่น เขาดูออกว่าตาอ้วนหลิว ดูเหมือนจะพอใจอย่างมากกับทักษะการเจรจาต่อรองของเขาและตั้งใจจะแสดงทักษะด้วยซ้ำไป
คิดไม่ถึงว่าเมื่อเถ้าแก่เหลียงได้ยินคำพูดประโยคนี้ ดวงตาจะเป็นประกายและพูดว่า “ ในเมื่อเถ้าแก่หลิวไม่ช่วยต่อรองราคาให้อีกแล้ว งั้นผมก็จะพูดตรงๆเลยละกัน ผมยังมีกระบี่อยู่สองสามเล่มอยู่ที่นี่ พวกคุณอยากดูอีกไหม ? ”
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาหันไปมองเถ้าแก่เหลียง “ ไม่มั้ง แผนการนี้ของคุณลึกล้ำเกินไปหรือเปล่า ? ”
หยางโปรู้ดีว่าของที่เอาออกมาทีหลังต้องเป็นของดีแน่นอน อีกฝ่ายวางแผนไว้นานแล้ว
ตาอ้วนหลิวโบกมือแล้วนั่งลงและมองไปที่โต๊ะ “ ให้ลูกน้องคุณช่วยชงชาให้ผมสักถ้วยสิ ผมจะไม่ต่อรองราคาด้วยแล้ว ”
เถ้าแก่เหลียงดีใจและหันหน้าตะโกนเข้าไปด้านใน ” ยกชาหลงจิ่งที่โปรดปรานของเถ้าแก่หลิวมากาน้ำชาหนึ่ง ให้เขาได้ดื่มชาดีๆหน่อย ! ”
ตาอ้วนหลิวรู้สึกพอใจมาก “ แบบนี้สิ ! ”
หยางโปตาเบิกกว้าง จู่ๆก็สัมผัสได้ว่า แผนการนี้ลึกซึ้งมาก ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นอุบายทั้งหมด
เขาถึงกับสงสัยว่าตาอ้วนหลิวคงรู้ถึงแผนการเหล่านี้อยู่ก่อนแล้ว และคงเตรียมการไว้เป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ เขาเริ่มต้นมาจากเด็กหนุ่มร้านขายวัตถุโบราณ คำกล่าวที่ว่า “ เสิร์ฟชา ”และ “ เสิร์ฟชาดี ” มันแตกต่างกันยังไงเขารู้ดี
หยางโปหันไปมองเถ้าแก่เหลียง “ เถ้าแก่เหลียง ไม่ต้องเกรงใจ นำกระบี่หยกออกมาให้ชมก่อนเถอะ ! ”
เถ้าแก่เหลียงก็ไม่ได้มีความเกรงใจ ยิ้มจางๆ “ เอาล่ะ คุณรอสักครู่ ”
หยางโปพยักหน้า เข้าใจว่าเถ้าแก่เหลียงจะเข้าไปตระเตรียมของแล้วนำออกมาให้ คิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่เหลียงจะตบมือช้าๆสามครั้ง เด็กหนุ่มนั้นก็นำกล่องใบเล็กๆใบหนึ่งออกมาให้แล้ว
หยางโปเบิกตากว้าง มันเป็นอุบายจริงๆ
ไม่นานกล่องก็ถูกเปิดออก หยางโปมองไปที่กระบี่หยกสามเล่มที่วางอยู่ข้างใน ถึงหันกลับมาให้ความสนใจกับของตรงหน้า
กระบี่สามเล่มนี้หนาและสว่างไสว ดูเหมือนมันยังจะดีกว่ากระบี่สามเล่มนั้นที่เขาเพิ่งคัดเลือกขึ้นมามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบี่เล่มหนึ่งที่ดูมีรอยขึ้นสนิม แต่ตอนที่หยางโปจับมัน กลับสัมผัสได้ถึงเจตนารมณ์ของกระบี่ภายในจุดตันเถียนที่สั่นไหวอย่างรุนแรง !
หยางโปแปลกใจมาก เขาจ้องไปที่กระบี่หยก ก็เห็นว่าที่ด้ามกระบี่ได้สลักอักษรคำว่า
“ จ้าวเหยียน ” เอาไว้
หยางโปนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้ามองไปทางเถ้าแก่เหลียง “ กระบี่หยกเล่มนี้เอามาจากไหน ? ”
เถ้าแก่เหลียงก็พอจะอ่านสีหน้าของหยางโปออกเช่นกัน เขาพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ คุณวางใจได้ กระบี่เล่มนี้ได้รับมอบมา ไม่ได้ถูกขุดขึ้นมา โจรมีช่องทางทำมาหากินของตัวเอง พวกเราคงไม่ไปยุ่งกับความคิดของเขาหรอก ! ”
ฮัวชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น เธอจ้องไปที่ด้ามกระบี่ ” อักษรนี้หมายความว่ายังไง ? ”
“ หมิงเหยียนเป็นนามของ เจิ้งเฉิงกง กระบี่เล่มนี้น่าจะเป็นกระบี่หยกของเจิ้งเฉิงกง ! ” หยางโปอธิบาย
ใบหน้าของฮัวชิงหยุนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอจ้องไปที่กระบี่ และมองไปที่กระบี่ขึ้นสนิม และอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า ” หลังจากขุดกระบี่ทองสัมฤทธิ์ของพระเจ้าโกวเจี้ยนแห่งแคว้นเอวี้ยออกมา มันก็ยังคงดูคมมาก กระบี่เล่มนี้ขึ้นสนิมแบบนี้ คุณภาพคงแย่มากใช่ไหม ! ”
เมื่อเถ้าแก่เหลียงได้ยินคำถามของฮัวชิงหยุน ก็ตกใจจนใจตกไปอยู่ตรงตาตุ่ม เขาไล่คนที่สามารถต่อรองราคาไปได้แล้ว คงไม่โผล่มาอีกคนหรอกนะ ?
เขารีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ แม่สาวน้อย จะมาพูดแบบนี้ไม่ได้ เหตุผลที่กระบี่ทองแดงบริสุทธิ์ทองเหลืองยังคงสามารถเก็บรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะ ไม่ได้สัมผัสกับอากาศ ดังนั้นจึงไม่สึกกร่อนและผุพังไป หากสามารถเก็บรักษากระบี่เล่มนี้ไว้ได้ดี มันจะต้องดีกว่ากระบี่เล่มนั้นแน่นอน ! ”
หยางโปหัวเราะ จากนั้นเขาได้หันไปมองเถ้าแก่เหลียง “ คุณเสนอราคามาสิ ! ”
เถ้าแก่เหลียงมองมาทางหยางโป ทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย “ สามสิบล้าน ! ”
“ สามสิบล้าน ? ” หยางโปตาลุกวาว “ จะเป็นไปได้ยังไง ? แม้ว่ากระบี่เล่มนี้จะมีค่าทางประวัติศาสตร์ แต่มันก็ไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น ! มากสุดก็หนึ่งแสน ! ”
“ เถ้าแก่ นี่คุณคิดจะมาล้อผมเล่นใช่ไหม ? ” เถ้าแก่เหลียงเอ่ยออกมา “ ต่อให้ผมนำไปประมูล
มันก็คงไม่ใช่ราคานี้ ”
หยางโปส่งยิ้มให้ “ เถ้าแก่เหลียง คุณพูดล้อเล่นก่อนนะ นี่มันเป็นเพียงกระบี่ขึ้นสนิมสามเล่มเท่านั้น ทำไมราคามันแพงขนาดนี้ได้ล่ะ ? ”
หยางโปก้มหน้ามองอีกครั้ง กระบี่ของเจิ้งเฉิงกงมีประวัติการต่อสู้รบราฆ่าฟันในสนามรบมามาก เจตนารมณ์ของกระบี่ที่แอบแฝงอยู่ เห็นได้ชัดว่าโดดเด่นกว่ากระบี่หยกอื่นๆ เขาจะไม่มีวันยอมปล่อยไปง่ายๆแน่ !
เถ้าแก่เหลียงลังเลเล็กน้อย “ สามล้าน นี่เป็นราคาที่ต่ำมากแล้ว ถ้าพวกคุณไม่เอา ก็ไม่ต้องมาต่อรองกับผมแล้ว จะลดให้ต่ำลงไปกว่านี้อีกคงไม่ได้แล้ว ! ”

พอเดินออกมาจากประตู ตาอ้วนหลิวก็รู้สึกแปลกใจมาก เขาอดไม่ได้ที่จะชายตามองไปทาง
หยางโป “ พวกเราแค่ดูกระบี่พวกนั้นเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ? ”
“ เพราะเขาดูแลกระบี่หยกไม่ถูกวิธี คุณก็เห็นแล้ว กระบี่หยกพวกนั้นถูกเก็บและวางไว้ในที่โล่ง ไม่ได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสม มันก็ต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา ” หยางโปกล่าว
ตาอ้วนหลิวพยักหน้าคล้อยตาม และพูดปลอบใจตัวเอง “ ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราเลย ! ”
ฮัวชิงหยุนยืนอยู่ด้านข้าง เธอหันไปมองหยางโป “ เมื่อตะกี้คุณไม่ได้จับเลยด้วยซ้ำ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ ผมก็ไม่รู้ ”
ฮัวชิงหยุนเหลือบมองหยางโป แต่ไม่ได้พูดอะไร เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมใน มันอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับหยางโป แต่เธอก็ไม่กล้ายืนยัน ยังไงซะ เรื่องนี้มันก็แปลกเกินไป ถ้าให้เธอบอกกับคนอื่นว่าหยางโปใช้สายตาจ้องมองจนกระบี่หัก กลัวว่าทุกคนจะคิดว่าตัวเธอมีปัญหาเอาได้ !
แต่ไม่รู้ทำไม ฮัวชิงหยุนถึงได้มีความคิดแบบนี้ มันไม่มีทางปกปิดไว้ได้เลย
หลังจากขึ้นมาอยู่บนรถใหม่อีกครั้ง หยางโปได้เลือกนั่งที่ทางเบาะด้านนั่งด้านหลัง เขารู้สึกถึงเจตนารมณ์ของกระบี่ในจุดตันเถียนและอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มเล็กน้อย เจตนารมณ์ของกระบี่ห้าหกเล่มถูกเขาดูดซับไปแล้ว เจตนารมณ์ของกระบี่เพิ่มและแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก !
ต่อจากนั้น ตาอ้วนหลิวก็ก้มหน้ามองไปที่สมุดบันทึกเล่มเล็ก และจัดสถานที่ให้ใกล้ขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งเป็นร้านขายวัตถุโบราณร้านหนึ่ง
“ เถ้าแก่หลิว ไม่ได้พบกันนานเลย คุณไม่ได้มาหาผมนานมากแล้ว ทำไม หรือว่ารวยแล้ว เลยไม่อยากมาเยี่ยมเยียนกันแล้ว ? ” เถ้าแก่วัยสี่สิบกว่า เมื่อพบกับตาอ้วนหลิว ก็เข้ามาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น
ตาอ้วนหลิวเดินเข้าไปจับมือกับอีกฝ่าย “ คุณคิดว่าถ้าผมรวยแล้ว ผมยังจะเห็นคุณอยู่ในสายตาอยู่ไหม ? ”
อีกฝ่ายหัวเราะดั่งลั่น “ ดี เดี๋ยวเที่ยงเราไปดื่มด้วยกันสักสองสามแก้วดีไหม ? ”
ตาอ้วนหลิวโบกมือ “ อ้อ ยังมีคุณชายอีกคนที่ผมต้องดูแลรับใช้ คุณมีกระบี่หยกอยู่ไหม นำมาให้หมด คุณชายผู้นี้มีเงิน !! ”
เถ้าแก่หันไปมองหยางโป แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสงสัยเลยแม้แต่น้อย “ ได้สิ จะเอามาให้ดูเดี๋ยวนี้ ! ”
หลังจากพูดด้วยเสียงอันดัง เถ้าแก่ก็เดินกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
หยางโปหันไปมองตาอ้วนหลิว “ ร้านนี้ไม่ได้ใหญ่นะ ! ”
ร้านนี้ดูเหมือนจะมีพื้นที่สิบกว่าตารางเมตร มีเคาน์เตอร์วางอยู่ที่หนึ่ง ทั้งสามคนจึงนั่งลง แต่รู้สึกว่าค่อนข้างที่จะเบียดเสียดกัน ดังนั้นหยางโปถึงได้เอ่ยถามออกมาแบบนี้
ตาอ้วนหลิวพยักหน้า “ นายก็ได้ชื่อว่าเป็นคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจนี้มานานแล้ว เรื่องบางเรื่อง
คนอื่นไม่เข้าใจ นายก็ยังจะไม่เข้าใจอีกเหรอ ? ”
หยางโปชายตามองตาอ้วนหลิว พยักหน้าให้เล็กน้อย เขาแค่นึกถึงก็เข้าใจแล้ว
ฮัวชิงหยุนที่นั่งอยู่ด้านข้างตกตะลึง จนเธออดที่จะถามไม่ได้ “ ทำไมเหรอ ? ”
หยางโปเลยต้องอธิบายไปว่า “ ธุรกิจเกี่ยวกับวัตถุโบราณนี้ ค่อนข้างแตกต่างกับธุรกิจอื่น สิ่งใดที่เป็นของดี ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนย่อมมีคนพยายามเสาะแสวงหาจนพบในที่สุด วงการของแต่ละที่ล้วนมีข้อจำกัด แค่มีของอยู่ในมือ ไปมาหาสู่กันนานๆ จะต้องสามารถดึงดูดเพื่อนร่วมธุรกิจเดียวกันมาได้ไม่น้อยแน่ ! ถึงแม้ร้านนี้จะดูไม่ใหญ่มากนัก แต่แหล่งที่มาของสินค้านั้นมีอยู่เยอะมาก บางทีร้านเล็กๆแบบนี้ อาจแค่ทำไว้เพื่อหลอกตาเท่านั้น ”
ฮัวชิงหยุนพยักหน้า และถามอีกครั้ง “ ถ้าไม่มีหน้าร้านจะซื้อสินค้าได้ยังไง ? ”
หยางโปชายตามองตาอ้วนหลิว จากนั้นเขาก็หันไปพิงเก้าอี้ และไม่ได้อธิบายอะไรอีก
ตาอ้วนหลิวไม่มีทางเลือกอื่น กระซิบบอกไปว่า ” เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องดึงดูดแหล่งที่มาของสินค้าเลย ! พวกเขามีช่องทางการจัดหาของตัวเอง คนประเภทนี้ติดต่อกับสำนักศาสนาและสำนักนักคิดต่างๆ หรือแม้แต่โจรปล้นสุสานจำนวนมากพวกนั้น ! “.ไอรีนโนเวล.
ตาอ้วนหลิวเหลือบมองฮัวชิงหยุน เมื่อเห็นท่าทางครุ่นคิดของเธอ ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
ฮัวชิงหยุนสำรวจดูการตกแต่งในร้านด้วยอาการตกใจ ทุกอย่างที่นี่ดูเรียบง่ายมาก โต๊ะเก้าอี้ทั้งหมดเป็นเพียงโต๊ะเก้าอี้ธรรมดาทั่วไป แต่เธอคิดไม่ถึงว่าจะมีกลุ่มโจรปล้นสุสานแอบแฝงตัวอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ !
ไม่นาน เถ้าแก่ก็เดินออกมา เขาหันไปส่งยิ้มให้หยางโป ” ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ทำงานล่าช้าไปหน่อย ผมมีของดีหลายอย่างอยู่ที่นี่จริงๆ เดี๋ยวผมจะโชว์ของดีให้ดู ! ”
ในขณะที่พูด เถ้าแก่ก็เดินตรงไปที่ประตูใหญ่ เมื่อไปถึงหน้าประตู เขาก็กดกริ่ง จากนั้นประตูม้วนก็ปิดลง ดูเหมือนว่ากำลังจะปิดร้านแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะคำอธิบายก่อนหน้านี้ของตาอ้วนหลิว เกรงว่าเวลานี้ฮัวชิงหยุนคงจะหวาดกลัวมาก แต่ถึงยังไงพอนึกถึงโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมที่ถูกขุดออกมาเมื่อสักครู่นี้ ฮัวชิงหยุนก็แอบรู้สึกประหม่าและตื่นเต้น
เถ้าแก่ยิ้มและปรบมือให้ จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมา ชายหนุ่มสองคนเดินนำกล่องใบหนึ่งมาวางไว้กลางร้าน เถ้าแก่ชี้ไปที่กล่อง ” นี่แหละ ! ”
หยางโปจ้องไปที่กล่องด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างจะแปลกใจ กล่องใบนี้ใหญ่กว่ากระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ไปเล็กน้อย เมื่อเห็นชายหนุ่มทั้งสองใช้แรงมากในการยกมา ข้างในคงมีกระบี่เต็มไปหมดแน่นอน !
ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวไปเปิดกล่องข้างหน้า แล้วยืนอยู่ข้างๆ
ในที่สุดหยางโป ก็เห็นของทั้งหมดภายในกล่อง นี่คือกล่องไม้ใบหนึ่งที่มีกองกระบี่วางอยู่ข้างใน หยางโปเห็นแม้กระทั่งคราบสนิมบนกล่องอีกด้วย !
หยางโปตกตะลึง “ ทั้งหมดนี้เลย ? ”
เถ้าแก่พยักหน้า “ คุณสามารถสำรวจดูอย่างละเอียดได้ ! ”
ตาอ้วนหลิวจ้องมองไปด้านใน “ เหล่าเหลียง ตอนนี้ธุรกิจของคุณใหญ่มาก ทำไมยังห่อของไม่เป็นอีก ถ้าคุณเก็บกระบี่พวกนี้ทั้งหมดไว้ในกล่องผ้าไหม อย่างน้อยมันก็จะขายได้ราคามากกว่านี้นะ ? ”
“ เถ้าแก่หลิว คุณคิดว่าผมจะขายให้ราคาต่ำๆหรือไง ? ” เถ้าแก่เหลียงถาม
ตาอ้วนหลิวอึ้งไปครู่หนึ่ง ฝืนยิ้มให้ ” ก็ถูก แค่ความสามารถของเถ้าแก่เหลียงอย่างคุณ แม้จะไม่บรรจุหีบห่อ ราคาขายก็ไม่มีทางถูกแน่ ”
หยางโปไม่สนใจที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน เขาเริ่มหยิบกระบี่หยกออกมาทีละเล่ม จากนั้นแสงสว่างไสวก็กระพริบผ่านตาของเขาไป ไม่นาน ก็สามารถระบุอายุของกระบี่ล้ำค่าออกมาได้ แน่นอน เขาสัมผัสได้ถึงเจตนารมณ์ของกระบี่ในใจที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และถึงขั้นทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มใจขึ้นมาทันที !
หยางโปรีบถอดหายใจ ค่อยๆลดความเร็วของการเต้นของหัวใจ เขาค่อยๆทยอยหยิบกระบี่ออกมาศึกษาทีละเล่ม
ไม่นานหยางโปก็คัดเลือกกระบี่หยกสามเล่มนี้มาจากกล่องด้านใน และวางไว้อีกด้าน กระบี่ทุกเล่มที่เขาหยิบขึ้นมา มักจะทำให้เขาใจเต้นแรง แต่เขาก็ไม่ได้กังวล ถ้าครั้งนี้กระบี่เกิดหักขึ้นมา คงยากที่อธิบายแล้ว
หลังจากที่หยางโปคัดเลือกเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นมองตาอ้วนหลิว “ เอากระบี่สามเล่มนี้ ”
ตาอ้วนหลิวตกตะลึงไปชั่วครู่ “ ให้ฉันไปต่อรองราคาให้งั้นเหรอ ? ”
“ อืม คุณไปคุย ” หยางโปกล่าว เขาไม่มีทางเสียเวลาไปพูดคุยเรื่องนี้แน่
ตาอ้วนหลิวทำตัวไม่ถูก “ เถ้าแก่เหลียง พวกเรามาพูดคุยกันหน่อยดีไหม ? ”
เถ้าแก่เหลียงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่หนึ่ง “ คุณชักชวนลูกค้าให้มาซื้อของอยู่ไม่ใช่เหรอ ? ทำไมคุณถึงมาต่อรองราคาให้ล่ะ ? ”
“ คนนี้เป็นเพื่อนสนิทของผม เพื่อนร่วมเป็นร่วมตาย สิ่งที่เขาสั่งมา ผมไม่ฟังไม่ได้ ! ” ตาอ้วนหลิวกล่าว

ตาอ้วนหลิวเดินตรงไปข้างหน้า จนเดินมาถึงศาลาริมสระน้ำ จึงเอ่ยปากพูดขึ้น “ สวัสดีครับ ผู้เฒ่าเหยียน ! ”
ผู้เฒ่าลุกขึ้นช้าๆ ยิ้มและพลางทักทาย “ เสี่ยวหลิวเหรอ ทำไมคุณถึงคิดมาหาผมถึงที่นี่ ? ผมไม่ได้มีของดีอะไรหรอกนะ ผมไม่อยากจะต้อนรับคุณ ! ”
ตาอ้วนหลิวยิ้มพลางตอบกลับไปว่า “ ท่านผู้เฒ่า คุณอย่ามาพูดเล่นกับผมเลย คุณวางใจได้ ครั้งนี้ไม่ใช่คนนอกจริงๆผมก็ไม่ได้แนะนำใครนานแล้ว คนที่มากับผมวันนี้เป็นเพื่อนสนิทของผมเอง ”
“ ได้ คุณก็อย่ามาบอกว่าเป็นเพื่อนสนิท ก่อนหน้าที่มาด้วยหลายคนนั้น มีคนไหนบ้างที่ไม่ใช่เพื่อนสนิทของคุณ ? ” ผู้เฒ่าเหยียนกล่าว
ตาอ้วนหลิวทำหน้าเหยเก “ ผู้เฒ่าเหยียน คำพูดนี้ของคุณทำเอาผมทำตัวไม่ถูกเลย ! ”
ผู้เฒ่าเหยียนโบกมือ “ พูดเล่นนะ พวกคุณรีบนั่งกันสิ ! ”
ตาอ้วนหลิวผายมือแนะนำหยางโป “ หยางโปคนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่ตายแท้กันได้ของผมจริงๆ
เขาอยากซื้อกระบี่หยกสักสองสามเล่ม ดังนั้น…… ”
ไม่รอให้ตาอ้วนหลิวพูดจบ ผู้เฒ่าเหยียนก็โบกมือปัดพลางพูดขัดขึ้นว่า “ เสี่ยวหลิว คุณก็ทำธุรกิจมานานหลายปี นิสัยของผมเป็นไงคุณก็น่าจะรู้ดี เช่นเดียวกับเรื่องแบบนี้ มันไม่จำเป็นที่จะต้องติดต่อผมมาเลย กระบี่หยกพวกนั้นเป็นชีวิตจิตใจของผม คุณคิดว่าผมจะมอบมันให้พวกคุณไหม ? ”
ตาอ้วนหลิวนิ่งอึ้งไปชั่วครู่หนึ่ง “ ผู้เฒ่าเหยียน มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร งั้นคุณเปิดให้พวกเราดูหน่อยคงได้นะ ? พวกเราไม่ซื้อ แค่ดูเท่านั้น ทั่วทั้งตี้จิงใครๆต่างก็รู้ว่าคุณมีเกณฑ์มาตรฐานในการเก็บสะสมกระบี่หยก ทุกคนรู้สึกภาคมิใจที่ได้ชื่นชมกระบี่ของคุณ ถ้าคุณเปิดให้พวกเราดูเป็นบุญตา ก็ถือว่าไม่เสียเปล่าที่มาครั้งนี้ ! ”
“ แค่ดู ? ” คุณเหยียนเอ่ยปากถาม
ตาอ้วนหลิวพยักหน้า “ ใช่ แค่ดู ”
ผู้เฒ่าถึงได้พยักหน้าตกลง “ งั้นก็ได้ ถ้าคุณพูดถึงเรื่องซื้ออีก ผมก็จะไล่คุณกลับ ! ”
“ คุณเหยียนสบายใจได้ ไม่พูดถึง ไม่พูดถึงอีกแน่นอน ! ” ตาอ้วนหลิวรับปาก
หยางโปจูงมือฮัวชิงหยุนเดินตามหลังสองคนนั้นไปที่ห้องเก็บคลังสมบัติ เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เดิมยังคิดว่ามีตาอ้วนหลิวคอยชี้นำ คงไม่มีทางที่จะซื้อกระบี่หยกมาไม่ได้ ไหนเลยจะคาดคิดถึงว่า เพิ่งจะออกมา ก็เกิดเรื่องไม่ราบรื่นขึ้นแล้ว อีกฝ่ายดูเหมือนไม่คิดที่จะขายของให้
ไม่นาน ทั้งหมดก็มาถึงห้องทางด้านข้างที่อยู่ติดกัน ผู้เฒ่าเหยียนเปิดประตู ทำการสแกนลายนิ้วมือกับประตูนิรภัยกันขโมยอีกรอบ จากนั้นถึงเข้าไปในห้องเก็บคลังสมบัติได้
ทันทีที่เข้ามาในคลังเก็บสมบัติ หยางโปก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้ง เพราะบนกำแพงทั้งสี่ของคลังสมบัติ มีตู้หนังสือขนาดใหญ่ตั้งอยู่ กระบี่หยกถูกจัดวางไว้อยู่ในตู้หนังสือ พอมองดูกระบี่หลายสิบเล่มนี้ หยางโปก็เข้าใจทันที ไม่น่าละทำไมตาอ้วนหลิวถึงพาตัวเองมาที่นี่ !
ผู้เฒ่าเหยียนชี้ไปที่ตู้หนังสือ “ กระบี่หยกทั้งหมดถูกเก็บวางไว้ตรงนี้ พวกคุณไปดูได้ ”
หยางโปยิ้มและพยักหน้าให้ “ ขอบคุณผู้เฒ่าเหยียนมาก ”
ในระหว่างที่พูด หยางโปก็สาวเท้าเดินไปด้านหน้าและสำรวจดูอย่างละเอียด
ฮัวชิงหยุนที่อยู่อยู่ด้านข้าง มองดูกระบี่ลักษณะต่างๆในห้อง แต่เธอกลับไม่รู้เรื่องพวกนี้ และไม่รู้ว่ากระบี่หยกพวกนี้ถูกหล่อขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร มีเพียงแค่ชื่นชมความงามของรูปทรงดาบเหล่านี้อย่างใสซื่อ
หยางโปจ้องมองกระบี่ จากนั้นแสงก็สว่างวาบผ่านตาไป และเห็นว่ากระบี่ส่วนใหญ่ที่นี่บนพื้นผิวมันวาว แสงวาววับเหล่านี้ดูแตกต่างกัน มีแม้กระทั่งแสงแวววับบางๆ บนพื้นผิวในบางส่วนของกระบี่หยก
แต่หยางโปกลับไม่สนใจ เขาเดินเข้าไปใกล้อีกนิด แสงแวววับของกระบี่โบราณส่องแสงเข้ามาในดวงตาของเขาอย่างต่อเนื่อง เติมเต็มพลังงานในดวงตา รอจนแสงแวววับหายไป หยางโปก็ใจกระตุก เจตนารมณ์ของกระบี่ในจุดตันเถียนก็สั่นไหวเล็กน้อย ต่อจากนั้น สายตาของหยางโปก็จับจ้องไปที่กระบี่โบราณอีกเล่มหนึ่งที่อยู่ตรงกลางและสั่นไหวตาม
จากนั้น หยางโปก็เห็นกระบี่โบราณเล่มนั้นปรากฏเป็นภาพลวงตากระบี่หยกเล่มหนึ่ง กระบี่หยกลวงตาดูเหมือนจะมีเจตนารมณ์ของกระบี่หยก แต่กลับไม่มีพลังงานมากนัก เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างที่จะอ่อนแรงและดูเหมือนว่าแค่ถูกลมเป่าก็จะปลิวหายไปตามลม และสลายไปในอากาศ.Aileen-novel.
เจตนารมณ์กระบี่เล่มนั้นสั่นสะท้าน พุ่งเข้าใส่ดวงตาของหยางโป และค่อยๆจมหายลงไปในจุดตันเถียน เจตนารมณ์ของกระบี่ในจุดตันเถียนสั่นไหวเล็กน้อย และกลืนกินเจตนารมณ์ของกระบี่เล่มนี้ไป !
หยางโปเงยหน้าขึ้น มองไปที่กระบี่โบราณตรงหน้า ก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้ง เพราะเขาเห็นได้ชัดว่า พื้นผิวของกระบี่โบราณเล่มนี้ดูเหมือนจะหมองคล้ำขึ้น ความน่าเกรงขามของกระบี่โบราณในอดีตนั้นได้มลายหายไปสิ้นแล้ว
เขาหันกลับไปมองผู้เฒ่าเหยียน ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ทันสังเกตเห็นเหตุการณ์นี้ หยางโปถึงได้ถอดหายใจอย่างโล่งอก เขาพอจะเดาได้ว่า หลังจากที่ถูกเขาดูดซับเจตนารมณ์ของกระบี่ไป อายุขัยของกระบี่เล่มนี้จึงสั้นลงไปมาก สิ่งนี้มันทำให้เขารู้สึกค่อนข้างจะละอายใจต่อการกระทำ
หยางโปจ้องมองกระบี่ที่อยู่ข้างหน้า ก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย เขาเหมือนจะตัวสั่นสะเทือนไปกับเจตนารมณ์ของกระบี่ในจุดตันเถียน ที่แสดงออกถึงความแข็งแกร่งและอ่อนแอของเจตนารมณ์กระบี่ จากนั้นเขาก็เลือกกระบี่อีกเล่มหนึ่งอีกครั้งและเริ่มดูดซับมัน
ไม่นาน หยางโปก็ดูดซับกระบี่ไปห้าหกเล่ม เขารู้สึกผิดต่ออีกฝ่าย จึงหยุดและหันกลับมามองผู้เฒ่าเหยียน “ ผู้เฒ่าเหยียน คุณไม่ลองคิดดูสักหน่อยเหรอ ? ”
ผู้เฒ่าเหยียนส่ายหน้า “ ไม่มีทาง เสี่ยวหลิวน่าจะรู้เรื่องนี้ดี ”
หยางโปจนปัญญา กำลังจะก้าวเท้าและเดินออกไป ก็ได้ยิงเสียง “ แกร๊ก ” แผ่วเบาดังเข้าหูมา เสียงนี้ดังอยู่ข้างหูของเขา แต่ดังราวกับฟ้าร้อง เขาหันกลับไปมอง และเห็นว่ากระบี่เล่มนั้นที่เขาเพิ่งเห็น หักกลางและร่วงตกลงบนตู้หนังสือ !
หยางโปเบิกตาโตทันที เขาจ้องมองไปที่กระบี่ที่อยู่ตรงหน้า ใจสั่นกระตุกอย่างแรง เขาไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆ !
ผู้เฒ่าเหยียนมองไปที่ตู้หนังสือ เมื่อเห็นกระบี่หักจากชั้นวางกระบี่ ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตกใจ “ เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ? เป็นไปได้ยังไง ! ”
ในระหว่างที่ตกใจ ผู้เฒ่าเหยียนก็รีบวิ่งไปด้านหน้า เขาจ้องมองไปที่กระบี่หยก “ นี่มันเป็นไปได้ไง ! ”
ตาอ้วนหลิวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น เขาวิ่งไปข้างหน้าเพื่อมองดูกระบี่ ” กระบี่เล่มนี้น่าจะอยู่ในช่วงราชวงศ์ชิง เวลาที่ล่วงเลยผ่านมาสองสามร้อยปี ไม่น่าขึ้นสนิมจนเสียไปทั้งหมดหนิ ! ”
“ แค่กๆ ! ” หยางโปแสร้งทำเป็นไอ และพูดเตือนสติ “ กระบี่เล่มนี้อยู่ในช่วงยุคราชวงศ์ถัง เมื่อสักครู่ผมแค่มองจากภายนอกก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ผมยังคิดที่จะซื้อมันเก็บไว้เลย คิดไม่ถึงจริงๆ ”
ผู้เฒ่าเหยียนจ้องมองไปที่กระบี่หยก ดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด
หยางโปรู้สึกจนปัญญา เมื่อสักครู่เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า เจตนารมณ์ของกระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งมาก แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็คิดไม่ถึงว่า หลังจากดูดซับเจตนารมณ์ของกระบี่ไปแล้ว จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ตาอ้วนหลิวรีบพูดปลอบโยน “ ผู้เฒ่าเหยียน กระบี่เล่มนี้ไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว คุณอย่าได้เสียใจไป คุณอยากให้ผมช่วยหาช่างหล่อกระบี่ให้และเชิญเขามาช่วยซ่อมให้หน่อยสักคนไหม ? ”
เวลานี้ผู้เฒ่าเหยียนกำลังรู้สึกเสียใจ เมื่อได้ยินคำพูดของตาอ้วนหลิว ก็ตะโกนด่าออกมาทันที
“ ไสหัวออกไป ! ถ้าไม่ใช่เพราะพวกคุณเข้ามา คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอย่างแน่นอน ! เสี่ยวหลิวคุณอย่ามาโทษว่าผมเป็นคนแล้งน้ำใจ คุณได้โปรดออกไปจากที่นี่ ออกไปเดี๋ยวนี้ ! ”
ตาอ้วนหลิวนิ่งอึ้ง “ ผู้เฒ่าเหยียน คุณอย่าเป็นแบบนี้ พวกเราแค่ดูเท่านั้น แค่ดูมันจะทำให้เสียหายได้จริงๆเหรอ ? ”
“ ไสหัวออกไป ! รีบไสหัวไป ! ” ผู้เฒ่าเหยียนสบถด่าด้วยความโมโห

ฮัวชิงหยุนฉีกยิ้มส่งให้ แต่ไม่ได้พูดอะไร
ไม่นาน อาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ทุกคนพากันรินเหล้า และเริ่มพูดคุยกัน
ตาอ้วนหลิวมีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน พอได้เอ่ยปากก็พูดไม่หยุด ประสบการณ์การตรวจสอบช่วงระยะเวลาหนึ่ง กลับถูกเขาพูดซ้ำซากไปมา แต่ก็ทำให้ผู้ฟังฟังกันอย่างเพลิดเพลิน !
หลังจากที่ลู่เจียเฟยฟังจบ ก็รู้สึกสงสัยมาก “ ทำไมฉันรู้สึกว่า พวกเราไม่ได้มีประสบการณ์อะไรที่โชกโชนขนาดนั้น ก็แค่ไปผับบาร์ และบังเอิญเจอกับสาวสวยสองคน และพวกเราพูดคุยกันไม่กี่คำ ทำไมหลังจากนั้นคุณยังทำเรื่องอะไรกับพวกเธอมากมายไปได้ ทำไมผมไม่รู้อะไรเลย ? ”
“ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่ไปตรวจสอบดูที่บริษัทฟีลด้าคอร์ปอเรชั่น ทำไมผมถึงไม่รู้ว่ารองประธานสาวสวยที่หน้าตาดูธรรมดาคนนั้นชอบคุณ ? เธอไม่ควรชอบผมมากกว่าหรือไง ? อย่างน้อยผมก็หล่อกว่านะ…… ”
ไม่รอให้ลู่เจียเฟยพูดจบ ตาอ้วนหลิวก็รีบตัดบทเขา “ นี่คุณจะมาเพื่อทำลายบรรยากาศใช่ไหม ?ทำไมผมพูดคำ คุณก็พูดขัดคำหนึ่ง หรือว่าที่ผมพูดไม่ใช่ความจริงหรือไง ? สิ่งที่คุณมองไม่เห็นนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นมาก่อน ! ”
“ สาวผมบลอนด์คนนั้นในผับ หลังจากนั้นเธอก็เดินออกไปกับผม เวลานั้นเธอกอดเอวผมไว้จริงๆ และเรียกผมว่าที่รัก ต้องการจะไปโรงแรมกับผม แต่ผมให้เกียรติเธอมาก เลยไม่คิดจะออกไปกับเธอ คุณไม่ทันเห็น มันไม่ได้แสดงว่าไม่เกิดขึ้นมาก่อน ”
แต่ลู่เจียเฟยกลับพูดขัดขึ้นต่อไปว่า “ นั่นก็แสดงว่าแม่สาวน้อยคนนั่นมาหาคุณเพราะเงิน คุณไม่ให้ เธอจึงคิดที่จะขายให้ ”
ตาอ้วนหลิวถลึงตาใส่ เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างที่จะโกรธ
หยางโปหัวเราะพลางพูดว่า “ เอาล่ะ เอาล่ะ ออกไปด้วยกันมาตั้งหลายวัน พวกคุณคงจะมีประสบการณ์กันมาอย่างโชกโชน ก็หวังว่าธุรกิจต่อจากนี้ของพวกคุณ จะเริ่มต้นได้ดีนะ ”
ลู่เจียเฟยอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้ม เห็นได้ชัดว่า ถ้าหยางโปเอ่ยปากพูดแบบนี้ออกมาได้ นั่นก็หมายความว่าเขาตกลงแล้ว อันที่จริงสำหรับโครงการนี้ การลงทุนทั้งหมดคือหนึ่งพันล้านหยวน จำเป็นต้องลงทุนเพียงแค่สามถึงห้าพันล้านหยวน ที่เหลือกู้เงินจากธนาคารทั้งหมดก็เพียงพอแล้ว
หลังจากพูดคุยเรื่องนี้กันจบ หยางโปก็เงยหน้ามองตาอ้วนหลิว และเอ่ยปากพูดออกมาว่า
“ คุณคุ้นเคยกับวงการนักสะสมในประเทศดี คุณรู้ไหมใครเก็บสะสมกระบี่หยกไว้เยอะๆ
กระบี่หยกแบบโบราณพวกนั้นน่ะ ? ”
“ กระบี่หยก ? ” ตาอ้วนหลิวตะลึงนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง “ ทำไมจู่ๆ นายถึงอยากได้ของเล่นพวกนั้น
หรือนายคิดที่จะสะสมกระบี่หยกโบราณขึ้นมา ? พิพิธภัณฑ์ของนายยังอีกนานกว่าจะแล้วเสร็จ
มาใจร้อนเอาตอนนี้แล้วว่างั้น ? ”
หยางโปค่อนข้างที่จะไม่มีทางเลือกอื่น “ ทำไมคุณถึงได้หยิ่งขนาดนี้นะ ? ตอนนี้ผมมีความสนใจในตัวกระบี่หยก คุณแค่บอกผมว่ามันมีที่ไหน มีใครบ้างที่สะสมไว้ ผมไปหาเองก็จบ ”
ตาอ้วนหลิวมองหยางโปอย่างพินิจพิเคราะห์ จากนั้นก็หันไปมองฮัวชิงหยุนอีกครั้ง “ ระยะนี้เขาไม่ได้กินยาผิดใช่ไหม ? แต่ก่อนเขาไม่ชอบของเล่นพวกนี้เลย ครั้งนี้ไม่ได้กินยาผิดตัวใช่ไหม ? ”
ฮัวชิงหยุนยิ้มจางๆ “ คุณวางใจได้ ฉันเป็นพยานให้เขาได้ เขาไม่ได้กินยาผิดตัว แต่ต่อให้กินยาผิดตัว ตัวเขาเองคงไม่ยอมรับว่าตัวเองกินยาผิดตัวแน่ ! ”
หยางโปจนปัญญา “ อย่ามาชักแม่น้ำทั้งห้า ตอนนี้บอกผมมา เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ? มีข่าวคราวแบบนี้บ้างรึเปล่า ? ”.ไอลีนโนเวล.
ตาอ้วนหลิวตบโต๊ะอย่างแรง “ นี่นายไม่เชื่อในความสามารถของฉันใช่ไหม มันก็แค่วัตถุโบราณ นายอยากได้ของอะไร ฉันก็สามารถหาผู้ซื้อและผู้ขายให้นายได้หมด ฉันอยู่ในแวดวงนี้มากนานหลายปี ถ้าเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ งั้นก็ไม่ต้องทำมาหากินกันแล้ว นายวางใจได้ จะเอาเมื่อไหร่
ฉันจะจัดการให้นายเลย ! ”
หยางโปพยักหน้า “ ดี คุณควรเริ่มเตรียมการในช่วงบ่ายนี้เลย พวกเราจะค่อยๆ ตามหามันจากระยะใกล้ไปไกล ”
ตาอ้วนหลินตาโต “ นายจะทำอะไรกันแน่ ทำไมต้องตามหากระบี่หยกเยอะขนาดนี้ ? ต้องการเปิดพิพิธภัณฑ์กระบี่วิเศษหรือไง ? ”
ลู่เจียเฟยที่นั่งอยู่ด้านข้างอุทานตามไปว่า “ กระบี่วิเศษ ( ต้าเป่าเจี้ยน ) หรืออาบอบนวด
( ต้าเป่าเจี้ยน ) ? ”
หยางโปปัดมืด “ อย่ามาคิดอะไรไร้สาระ เอาล่ะ คุณบอกมาละกันจะจัดการให้ได้เมื่อไร ! ”
ตาอ้วนหลิวมีอาการลังเลเล็กน้อย “ ฉันรู้มาว่ามีนักสะสมที่สะสมกระบี่มากมายอยู่เฉพาะบริเวณใกล้ตี้จิง แต่ตอนนี้บ่ายกว่าแล้ว หากไปเยี่ยมเขาในช่วงบ่ายจริงๆ จะดูเหมือนกะทันหันเกินไป การไปเยี่ยมแบบกะทันหัน ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร อีกฝ่ายจะต้องระแวดระวังตัว เป้าหมายยากที่จะบรรลุได้ ”
หยางโปตะลึงนิ่งอึ้งไปช่วงขณะ จากนั้นก็ตั้งสติได้ “ งั้นก็ได้ แล้วคุณคิดว่าควรทำยังไง ? ”
“ เอาอย่างนี้ละกัน เดี๋ยวช่วงบ่ายฉันจะติดต่อไปหาพวกเขาดูสักหน่อย ดูสิว่าพรุ่งนี้ใครพอมีเวลาบ้าง พวกเราค่อยไปเยี่ยมพรุ่งนี้ช่วงเช้ากัน แบบนี้จะดีกว่า ” ตาอ้วนหลินเสนอข้อคิดเห็น
หยางโพยักหน้าให้ “ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้างั้นก็เอาตามที่คุณว่าก็แล้วกัน ”
หลังจากที่ทั้งสี่คนกินข้าวดื่มกันแล้ว หยางโปก็รับพวกเขากลับมาที่เรือนสี่ประสาน และให้พวกเขาพักกันอยู่ที่นี่
เช้าวันที่สอง หยางโปก็ได้ไปเคาะประตูเรียกตาอ้วนหลิว เขาจึงเดินออกมาด้วยอาการงัวเงีย มือถือรายชื่อแผ่นหนึ่งและหันไปพูดกับหยางโป “ ฉันเรียบเรียงรายชื่อทั้งหมดทั้งคืนออกมาให้แล้ว
เมื่อวานช่วงบ่ายก็โทรไปนัดให้ก่อนแล้ว พวกเราออกไปกันตอนนี้เลยละกัน ! ”
“ ไม่เป็นไร ไม่ได้รีบร้อนจะไปตอนนี้ คุณกินข้าวเช้าก่อน แล้วพวกเราก็ค่อยไปกัน ! ” หยางโปกล่าว
ตาอ้วนหลิวพยักหน้า และไปกินข้าวเช้า จากนั้นถึงเดินไปนั่งในรถกับหยางโป ฮัวชิงหยุนก็เดินตามเข้ามานั่งด้วย
“ ลู่เจียเฟยล่ะ ? ” หยางโปเอ่ยถาม
ฮัวชิงหยุนหันมองไปทางห้องนอน “ เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปเคาะประตูเขา เขาบอกว่าจะนอนต่อ ”
“ ถ้างั้นก็ได้ พวกเราไปกันเถอะ ! ” หยางโปกล่าว
รถค่อยๆเคลื่อนตัวช้าๆออกจากเรือนสี่ประสานตาอ้วนหลิวมีสีหน้าที่ค่อนข้างสงสัย แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเรือนสี่ประสานหลังหนึ่ง เรือนหลังนี้ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แย่ไปหน่อย แต่เรือนดูหลังใหญ่กว่า
ตาอ้วนหลิวลงจากรถ และวิ่งไปกดกริ่งหน้าประตูใหญ่ จากนั้นก็มีชายแต่งกายเรียบร้อยคนหนึ่งวิ่งมาเปิดประตูให้
ตาอ้วนหลิวจึงรีบเอ่ยถามไปว่า “ สวัสดีครับ ผมแซ่หลิว เมื่อวานได้โทรนัดกับผู้เฒ่าเหยียนไว้แล้ว ”
ชายหนุ่มมองสำรวจดูตาอ้วนหลิวสักพัก “ เมื่อวานโทรมาประมาณตอนไหน ? ”
“ ช่วงบ่ายสองกว่าๆ ” ตาอ้วนหลิวตอบ
หยางโปยืนอยู่ด้านหลังตาอ้วนหลิว ก็รู้สึกแปลกใจมาก มันเห็นได้ชัดว่า ชายผู้นั้นที่อยู่ในบ้านจะต้องเก่งกาจมาก ไม่อย่างนั้นตาอ้วนหลิวจะไม่มีท่าทีแบบนี้เป็นแน่
อีกฝ่ายพยักหน้า และเดินกลับเข้าไปด้านใน
ตาอ้วนหลิว หันกลับมามอง “ คุณเหยียนเป็นทหารเก่า คุณสมบัติดีมาก เรียกได้ว่าเป็นแบบอย่างของคนที่มีคุณธรรม ”
หยางโปเข้าใจทันที “ ผมรู้แล้ว ”
ตาอ้วนหลิวหันไปมองหน้าหยางโปยิ้มๆ ทั้งสองส่งซิกให้กัน และพอที่จะเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายได้ดี
ไม่นาน ชายหนุ่มคนนั้นก็เดินออกมา และหันไปพูดกับทั้งสามคน “ ทั้งสามท่านตามผมมา ”
เรือนสี่ประสานหลังนี้มีพื้นที่มาก ด้านในมีศาลา ไม่ใช่เรือนสี่ประสานทั่วๆไป ใจกลางลานบ้านมีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ศาลากลางสระน้ำ
ตาอ้วนหลิวใช้แขนสะกิดหยางโปไปครั้งหนึ่ง และกระซิบว่า “ ท่านผู้นี้คือผู้เฒ่าเหยียน ”
หยางโปเงยหน้ามอง ก็เห็นว่าผู้เฒ่าเหยียนผมขาวโพลน ดูเป็นคนจิตใจมีเมตตามาก

  พ่อหยางทำหน้าตกตะลึง แม้แต่หยางหลางที่อยู่บนรถเข็นก็เบิกตาโต เหตุผลที่พวกเขามักแบล็คเมล์หยางโปเป็นเพราะพวกเขาคิดว่าจับจุดอ่อนของหยางโปได้ หยางโปเป็นคนให้ความสำคัญกับคนในครอบครัว ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จทุกครั้ง !
พวกเขาคิดมาเสมอว่าตราบใดที่ต้องการ ก็ต้องได้แน่นอน ดังนั้นทุกครั้งในอดีตที่คิดจะแบล็คเมล์ พวกเขาจึงไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไร มันจึงยิ่งทำให้พวกเขาไร้ยางอายมากขึ้นไปอีก แต่หลังจากที่
หยางโปเอ่ยปากบอกว่าเขาแทงโจวซินจนเข้าโรงพยาบาล มันทำให้พวกเขาอดที่จะตกใจไม่ได้ !
หยางหลางนั่งอยู่บนรถเข็น มีผิวเหลืองซีด เขาจ้องมองไปที่หยางโป ส่ายหัวและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ ช่างเถอะ ลืมมันไปเถอะ ในเมื่ออยู่ในโรงพยาบาล มันก็ถือว่าได้แก้แค้นแล้ว พ่อ เรากลับกันเถอะ ผมอยากกินซี่โครงหมูตุ๋น ! ”
พ่อหยางตะลึงไปครู่หนึ่งและรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ ใช่ โรงพยาบาลไม่ต้องไปกันแล้ว
เรากลับไปตุ๋นซี่โครงหมูกันเถอะ ! ”
ในขณะที่พูด พ่อหยางก็เข็นรถหยางหลางออกไปด้านนอก
หยางโปมองตามหลังทั้งสองคนที่เดินจากไป ขมวดคิ้วเล็กน้อย พ่อลูกคู่นี้หน้าด้านเกินไป
บังเอิญมาเจอตัวเองที่วิ่งตามมาเกรงว่าคงจะตามมาเพื่อขอเงิน !
ฮัวชิงหยุนที่ยืนอยู่ด้านข้าง กลับรู้สึกเคร่งเครียดไม่น้อย ” คุณแทงคนจนเข้าโรงพยาบาลจริงๆเหรอ ? ”
หยางโปส่ายหัวและตอบกลับไปว่า “ อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระที่ผมพูด ก็แค่ชกต่อยกันครั้งเดียวเท่านั้น ตอนนี้เขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร ! ”
ฮัวชิงหยุนมองหน้าหยางโปด้วยความเป็นห่วง ” เอาแบบนี้ดีไหม ฉันจะส่งคุณไปมอบตัวตอนนี้ ? ”
หยางโปตะลึงไปครู่หนึ่ง “ มอบตัว ? ไม่มั้ง มันไม่ใช่อาการบาดเจ็บร้ายแรงอะไร ผมส่งเขาไปที่โรงพยาบาลแล้วและยังสั่งให้คนมารักษาให้แล้ว คุณสบายใจได้เลย เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องไปคลี่คลายปัญหาที่สถานีตำรวจหรอก ”
ฮัวชิงหยุนเผยอปากเล็กน้อย ด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างจะลังเลใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
เธอถูกสั่งสอนมาให้รักในความยุติธรรม เมื่อพบเจอเรื่องแบบนี้ สิ่งแรกที่ต้องนึกถึงคือจะทำยังไงให้ หยางโปหลีกเลี่ยงที่จะต้องถูกดำเนินคดีให้ได้มากที่สุด วิธีการที่ดีที่สุดคือ ยอมรับผิดก่อน
หยางโปก็พอจะเข้าใจความคิดของฮัวชิงหยุน แต่ความขัดแย้งระหว่างเขากับโจวซิน ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการในโลกนี้ได้
ทั้งสองเดินเล่นในสวนสาธารณะด้วยกันและแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน ทุกคนต่างก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่พูดถึงเรื่องเมื่อสักครู่ แต่หยางโปมักจะรู้สึกว่า ฮัวชิงหยุนดูเหมือนจะมีอะไรอยู่ในใจ
มีช่องว่างระหว่างคนทั้งสอง เขาค่อนข้างที่จะสับสนและลังเลใจเป็นอย่างมาก ไม่แน่ใจว่าควรจะปล่อยให้ฮัวชิงหยุนเข้ามาในเส้นทางนี้ด้วยดีไหม
แต่หลังจากที่คิดมาตลอดทาง หยางโปก็ยังตัดสินใจที่จะยอมแพ้ ตอนนี้เขาทำอะไรได้อย่างจำกัด ยังไม่มีทางที่จะปกป้องความปลอดภัยของทุกคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตราบใดที่ฮัวชิงหยุนไม่ใช่ชาวยุทธ์ ต่อให้เป็นตระกูลโจวก็คงไม่มารบกวนเธอ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ฮัวชิงหยุนก็รู้สึกไม่ค่อยจะร่าเริง หลินหลินดูเหมือนจะสังเกตเห็น จึงอดไม่ได้ที่จะนั่งลงข้างเธอ ” ชิงหยุน หนูเป็นอะไร ? “.ไอลีนโนเวล.
ฮัวชิงหยุนชายตามองหลินหลิน “ คุณป้าว่าความคิดของหนูกับหยางโปแตกต่างกันมากเกินไปไหม ? ”
หลินหลินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ส่งยิ้มและพูดขึ้นว่า “ แตกต่างกันตรงไหน พวกเธออายุห่างกันไม่มาก และยังเป็นวัยรุ่นเหมือนกัน ถึงแม้ความคิดเห็นจะต่างกัน มันก็เป็นเรื่องปกติ หนูอย่าไปคิดมาก ”
หลินหลินยิ้มและพูดปลอบโยนไปสองสามคำ แต่ก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ
หยางโปกลับไปศึกษาและพลิกดู ( จินกังจิง ) ในห้อง หนังสือเล่มนี้เป็นวิชาลับของสำนักจินกัง ตั้งแต่ต้นจนจบ หยางโปอ่านออกแค่คำว่า ” กัง ” ตัวเดียวเท่านั้น !
คุณลักษณะพิเศษสุดของตำราเล่มนี้อยู่ที่ ” กัง ” ” การฝึกวรายุทธ์ควรฝึกฝนผิวหนังก่อน ฝึกผิวหนังควรฝึกฝนกล้ามเนื้อก่อน ” การฝึกฝนจินกังจิงจำเป็นต้องขัดเกลามาตั้งแต่อายุยังน้อย เริ่มจากผิวหนังไปจนถึงกระดูก หลังจากศึกษาดูดีๆ ขั้นตอนนี้จำเป็นต้องใช้เวลาในการฝึกฝนนานอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
หยางโปพลิกอ่านดูรอบหนึ่ง ก็อดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่น้อย เขาหวังว่าจะสามารถฝึกกังฟูที่ทรงพลังนี้ได้ วรยุทธ์ชุดนี้ของสำนักจินกัง จำเป็นต้องใช้เวลามาก ไม่ใช่จะสามารถเรียนรู้กันได้ในระยะเวลาอันสั้น
แต่อย่างไรก็ตาม หยางโปก็พลิกอ่านดูจนจบไปรอบหนึ่ง และได้รู้ข้อมูลเชิงลึกมากมาย นี่คือการฝึกฝนที่ให้มีทักษะและความแข็งแกร่ง ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างคล้ายกับมวยเทียนหลัว แต่แค่มวยเทียนหลัวจะรวมพลังที่นุ่มนวลไว้มากกว่า !
หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว หยางโปกลับไม่ได้เริ่มที่จะฝึกฝนฝนทันที เขารู้สึกว่าบางทีน่าจะเริ่มจากส่วนอื่นก่อน ไพ่ตายที่ใหญ่ที่สุดของเขาตอนนี้คือเจตนารมณ์ของกระบี่ ครั้งที่แล้วแค่ทำร้าย
ฉินตูฟู ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต หากคนที่มาจากตระกูลโจวเกิดเก่งกาจกว่า เขาก็จำเป็นที่จะต้องเสริมความแข็งแกร่งเจตนารมณ์ให้กับกระบี่
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หยางโปจึงติดต่อหาตาอ้วนหลิว ตาอ้วนหลิวอาศัยอยู่ที่จิงจินมาหลายปีแล้ว คุ้นเคยกับข่าวคราวของเส้นทางนี้ดี !
ตาอ้วนหลิวรับสาย ” ฉันกับลู่เจียเฟยกลับมาแล้ว เขาบอกนายก่อนใช่ไหม ? ที่โทรมาจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้พวกเราใช่ไหม ”
หยางโปตะลึงไปครู่หนึ่งและถือโอกาสพูดต่อว่า “ พวกคุณตรวจสอบกลับมาแล้วใช่ไหม ? ได้ความมากันว่าไงบ้าง ? ผมนึกว่าอีกหลายวันกว่าพวกคุณจะกลับมา ! ”
“ พวกเราไปกันตั้งหลายวันแล้ว ไปโน้นนี่กันจนกลับมาก็ช้ากว่ากำหนดแล้ว นายรีบจัดการเลย พวกเราเพิ่งลงจากเครื่องมา ! ” ตาอ้วนหลิวกล่าว
หยางโปยิ้ม “ ตกลง ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้ กลับไปแล้วจะส่งข้อความให้คุณทีหลัง ”
หยางโปออกไปหาฮัวชิงหยุน พูดถึงเรื่องงานเลี้ยงสังสรรค์ ฮัวชิงหยุนตอบรับ แต่หลินหลินไม่ได้ไปเข้าร่วมด้วย
หยางโปจองสถานที่และส่งข้อความถึงตาอ้วนหลิว แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร รออยู่ที่บ้านนานกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะออกเดินทาง
หยางโปทั้งสองคนรออยู่ที่โรงแรมนานกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนที่ตาอ้วนหลิวและลู่เจียเฟยจะมาถึงห้องวีไอพี
ทันทีที่พบกัน ตาอ้วนหลิวก็อดไม่ได้ที่จะบ่นว่าให้ “ ฉันอิจฉาคนอย่างนายที่มีแฟนสวยแบบนี้จริงๆ อีกทั้งยังรวยหลายหมื่นล้าน วันๆไม่มีไรทำ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือถูกตาต้องใจโครงการไหน แค่ขยับปาก พวกเราก็ต้องวิ่งวุ่นกันจนขาหัก แต่สุดท้ายเงินก็ยังถูกนายคว้าไปอีก นายมันเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตซะจริงๆ ! ”
หยางโปจ้องหน้าตาอ้วนหลิว ” ถ้าอย่างนั้นผมไม่ลงทุนแล้ว พวกคุณสองคนลงทุนกันไปเถอะ ยังไงซะ มันก็เป็นเงินไม่เท่าไร พวกคุณทำกันได้ ! ”
ลู่เจียเฟยที่ยืนอยู่ข้างๆพูดทันที “ อย่านะ พวกเราไปมาสองประเทศในยุโรปตะวันตกและไปเยี่ยมบริษัทมาสามแห่ง เดิมทีพวกเราวางแผนที่จะทำให้เล็กลงกว่านี้สักหน่อย จะได้รักษาสิ่งแวดล้อมกว่านี้หน่อย แต่ภายหลังพวกเราก็เปลี่ยนความคิดและรู้สึกว่า เรื่องนี้ควรจะทำให้มันดีหน่อย ดังนั้นพอมาคิดๆดูแล้ว คงต้องเพิ่มเงินทุนในโครงการนี้ขึ้นมาเป็นหลายเท่า ! ”
“ ห้าร้อยล้าน ? ” หยางโปหันไปมอง
ตาอ้วนหลิวยื่นมืออวบอิ่มออกมาแล้วพลิกฝ่ามือ ” สองเท่า ! ”
“ พวกคุณนี่ใจถึงกันจริงๆ ! ” หยางโปกล่าว เขาเป็นคนเสนอความคิดนี้ เดิมทีเขาคิดว่าคงจะใช้แค่ไม่กี่สิบล้าน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นหนึ่งพันล้าน หรือว่าพวกเขาคิดจะลากเขามาร่วมลงทุนด้วยกัน
ลู่เจียเฟยยิ้มและพูดว่า ” น้องเขย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ว่าไง ? อยากลงทุนด้วยสักหน่อยไหม ? ”
“ ได้สิ ผมจะลงทุนด้วยสิบล้านหยวน ” หยางโปกล่าว
“ แค่นี้เองเหรอ นายไม่อายหรือไง ? ” ตาอ้วนหลิวต่อว่า
หยางโปหัวเราะดังลั่น ” นี่คือสิ่งที่พวกคุณบอกว่าแค่นี้เองงั้นเหรอ ”
ลู่เจียเฟยอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางฮัวชิงหยุน ” ชิงหยุน เธอต้องดูแลเขาให้ดีนะ จะมาให้เขาทำตัวขี้เหนียวแบบนี้ไม่ได้ มันทำให้คนอยากจะกระทืบเขาได้ ! ”

หยางโปมองหน้าอู๋เฉียงและส่งยิ้มให้ เขายืนขึ้นและพูดว่า “ ฉันจะไปเอา ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) ออกมาให้นายลองดูก่อน ถ้านายมีเวลาก็นำ ( จินกังจิง ) มาให้ฉันดูก็แล้วกัน ”
อู๋เฉียงรีบตอบกลับ “ ผมจะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้ ”
พอพูดจบอู๋เฉียงก็ลุกขึ้นเช่นกัน
หยางโปตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาคิดว่าความลับในการฝึกฝนวรายุทธ์ของอู๋เฉียงจะเก็บซ่อนไว้ในที่ลับ แต่คิดไม่ถึงว่าอู๋เฉียงจะเก็บมันไว้ในเรือนสี่ประสานจริงๆ !
อู๋เฉียงเห็นปฏิกิริยาของหยางโปเช่นกัน เขาทำท่าทีขอโทษขอโพยเล็กน้อยและพูดว่า
“ ผมคิดว่าน้องสาวยังเด็กอยู่ คงไม่มีใครมาคอยจับผิด ดังนั้นจึงเก็บของทุกอย่างไว้ที่เธอ ”
หยางโปถึงจะเข้าใจ จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้ “ นี่เป็นความคิดที่ดี ”
หยางโปออกไป และกลับไปที่ห้อง และหยิบสำเนาของ ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) ออกมาให้
อีกทางอู๋เฉียงก็นำหนังสือหนังที่มีมุมไหม้เกรียมเล็กน้อยมาให้ หยางโปจึงแปลกใจเล็กน้อย
เขาทั้งสองแลกเปลี่ยนวิชายุทธต่อกัน
เวลานี้จู่ๆ หลินหลินก็เดินเข้ามา “ พวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่ ไปกินข้าวกันได้แล้ว รีบไปล้างมือกินข้าวเร็วเข้า ! ”
หยางโปโบกมือ “ ตอนนี้ไม่รีบ นายเอากลับไปศึกษาดู รอฉันอ่านจบแล้ว จะเอามาคืนให้นาย ”
อู๋เฉียงพลิกเปิดดูเพียงสองหน้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข เขามองไปที่หยางโป
“ ตามที่พ่อบอกผมมา ขั้นวรยุทธ์ระดับสูงสุดของตระกูลอู๋นั้นฝึกฝนกันถึงขั้นฝึกฝนการสลายแรง แต่คุณให้วิชายุทธ์บทนี้กับผม ดูเหมือนมันจะเกี่ยวข้องกับระดับพลังที่สูงกว่า ! ”
หยางโปพยักหน้า ” นายเอานำกลับไปแล้วค่อยๆศึกษาดู ! ”
อู๋เฉียงวางเอกสารสำเนาไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหนยิ่ง เมื่อสักครู่ที่เห็นหยางโปนำกระดาษสำเนามาให้ เขายังดูไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไร แต่หลังจากอ่านเนื้อหาแล้ว เขาก็รู้ว่าตัวเองได้กำไรแล้ว !
หยางโปก็ไม่ได้สนใจมาก เขานั่งลงหน้าโต๊ะมองดูฮัวชิงหยุนและกงเสี่ยวเจิ้งยกอาหารมาเสิร์ฟ จากนั้นทุกคนก็มานั่งที่โต๊ะและเริ่มกินข้าวกัน
หลินหลินเป็นผู้อาวุโสคนเดียวในโต๊ะ จึงต้องการความเป็นห่วงเป็นใยมาก เธอกระซิบถามสถานะของกงเสี่ยวเจิ้ง.ไอรีนโนเวล.
กงเสี่ยวเจิ้งยิ้มและพูดถึงเรื่องที่น่าสนใจบางอย่างในช่วงนี้แล้วพูดต่อว่า ” หนูอยากเป็นดาราดัง
แต่หนูรู้ว่าหนทางสายนี้มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น ดังนั้นหนูคิดว่าต่อไปในภายภาคหน้าจะต้องขยันให้มากขึ้น ศึกษาเพิ่มเติมและคิดไตร่ตรองให้มากกว่านี้ ! ”
อู๋เฉียงที่นั่งข้างๆ กล่าวเสริมไปว่า ” เสี่ยวเจิ้งมีพรสวรรค์มาก เธอแสดงได้ดีมากในแต่ละฉาก แม้แต่ผู้กำกับยังชมเธอเลย ”
กงเสี่ยวเจิ้งส่ายหน้าและพูดว่า “ เหตุผลที่ชมฉัน นั่นเป็นเพราะบทบาทที่ฉันได้รับเล่นไม่ได้มีความสำคัญอะไรขนาดนั้น คุณเป็นพระเอก บทบาทสำคัญที่สุด คงทำให้คุณกดดันมากแน่ๆ
แต่ยังไงก็ตาม ฉันก็ยังคิดว่าคุณมีศักยภาพมากกว่าฉัน ! ”
หลินหลินหัวเราะพลางพูดขึ้นว่า ” พวกเธอทุกคนล้วนแล้วแต่มีศักยภาพ ถ้าในอนาคตกลายเป็นดาราดังแล้วมาเป็นแขกที่บ้านเรานะ คงต้องสวมหน้ากากและแว่นกันแดดกันหมดแน่ ! ”
กงเสี่ยวเจิ้งหัวเราะดังลั่น “ ถ้ารอจนถึงเวลานั้นจริงๆ คุณป้าก็อย่าไล่พวกเราออกไปนะคะ ! ”
หลินหลินโบกมือ ” หนูไม่ต้องกังวล ไม่ไล่แน่นอน ! ”
สักพักทั้งเจ้าบ้านและแขกก็หัวเราะกันดังลั่น
ฮัวชิงหยุนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ช่วยคีบอาหารให้หยางโป หยางโปก็ยิ้มและช่วยเธอรินชาด้วยท่าทีรักใคร่กัน
หยางโปก็พอเดาความคิดของฮัวชิงหยุนออก เขาก็ไม่อยากให้ฮัวชิงหยุนเดาอะไรมั่วซั่ว ดังนั้นจึงตั้งใจแสดงความรักกับเธอ
เพราะไม่ได้ดื่มเหล้า จึงกินข้าวเที่ยงกันแค่ชั่วโมงกว่า กงเสี่ยวเจิ้งกับอู๋เฉียงอยู่ที่นี่กันสักพักก็ขอตัวกลับ
หลินหลินส่งพวกเขาและมองไปที่ฮัวชิงหยุน “ ชิงหยุน อู๋เฉียงเป็นเด็กดี เขาเคยเป็นบอดี้การ์ดของเสี่ยวโปมาระยะหนึ่งและปกป้องเขามาหลายครั้งมาก ถ้าไม่ใช่อู๋เฉียง เสี่ยวโปคงจากไปแล้ว ดังนั้น อู๋เฉียงออกไปทำงาน น้องสาวของเขาก็เลยยังพักอยู่ที่นี่ ”
ฮัวชิงหยุนรู้ว่าหลินหลินเข้าใจผิดจึงรีบอธิบายว่า “ คุณป้ากำลังพูดถึงอะไร ? หนูรู้เรื่องพวกนี้ดี
อู๋เฉียงยังไม่ค่อยมั่นคงนักในเวลานี้ ให้อู๋เยว่อยู่ที่นี่ก็สะดวกในการดูแล คุณป้าไม่ต้องกังวลใจไป หนูจะปฏิบัติต่อเธอเหมือนน้องสาวในไส้อย่างแน่นอน ”
หลินหลินลองเชิงถาม จากนั้นก็ส่งยิ้มให้และพูดต่อไปว่า “ อู๋เยว่เด็กคนนี้น่ารักจริงๆนะ แค่ช่วงนี้การบ้านเยอะเกินไปหน่อย จึงไม่มีเวลากลับมา อีกไม่กี่วันรอเธอปิดเทอม หนูก็คงได้พบกับเธอแล้ว ”
หยางโปรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าช้าๆเมื่อมองดูทั้งสองคน ถึงแม้เวลานี้เขาอยากจะอ่าน ( จินกังจิง ) อย่างละเอียดสักหน่อย แต่พอเขาครุ่นคิดสักพักก็ยังลุกขึ้นและเดินไปข้างนอก ” แม่ ชิงหยุน ผมจะออกไปเดินเล่นสักพักแล้วกลับมา ”
“ เดี๋ยวฉันไปกับคุณนะ ! ” ฮัวชิงหยุนลุกขึ้นทันที
หลินหลินโบกมือ “ พวกลูกไปเถอะ ! ”
หยางโปพาฮัวชิงหยุนเดินออกจากเรือนสี่ประสาน ฮัวชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะมองหยางโปด้วยความขุ่นเคืองใจ ” คุณป้าดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบฉันเท่าไหร่ ”
หยางโปนิ่งเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกแปลกใจมาก “ ช่วงที่ผมไม่อยู่ พวกคุณเข้ากันได้ดีมากไม่ใช่เหรอ ? อย่างกับแม่และลูกสาว เธอจะไม่ชอบคุณได้ไง ? ”
ฮัวชิงหยุนส่ายหน้า ” ฉันมันจะรู้สึกแบบนี้ ”
“ ถ้าอย่างนั้น อาจมีบางอย่างผิดปกติกับความรู้สึกก็ได้ คุณวางใจได้ ไม่ต้องคิดมาก ” หยางโปปลอบโยน
เมื่อต้องมาเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำยังไง จริงๆแล้วนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ทำความเข้าใจกับมันเท่านั้น
ทั้งสองเดินไปรอบๆสวนสาธารณะ อยากเดินไปไกลกว่านี้สักหน่อย แต่ทันทีที่พวกเขาเดินออกนอกประตูสวนสาธารณะ หยางโปก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมา “ หยางโป หยุดเดี๋ยวนี้นะ ! ”
หยางโปตกตะลึงไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่าเป็นใครที่ส่งเสียงตะโกนมาแบบนี้ !
หยางโปเงยหน้าขึ้นมองก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้ง เพราะเขาเห็นพ่อหยางผลักรถเข็นคันหนึ่ง
โดยมีหยางหลางนั่งอยู่ในรถเข็น หยางหลางดูซูบผอมลงไปมาก ใบหน้าดูซีดเซียว ทั้งสองคนค่อยๆ เคลื่อนตัวมาทางด้านนี้ มันดูน่าตกตะลึงจริงๆ
“ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ” หยางโปก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวด้วยสีหน้าแปลกใจ
พ่อหยางจ้องมองหยางโป “ อย่ามาเสแสร้งกับฉันอีก ฉันโทรหาแกตั้งหลายครั้งแล้ว แกตอบฉันว่าไง ? ถ้าแกพยายามทำให้ดีที่สุด เสี่ยวหลางจะกลายเป็นแบบนี้ได้ไง ? ”
หยางโปกล่าวว่า “ คุณจะพูดแบบนี้ไม่ได้ หลังจากที่ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณ ผมก็ติดต่อหาโจวซิน และขอให้เขาปล่อยหยางหลางทันที แต่เขาไม่ยอม ผมจะทำอะไรได้ ? ทำได้แค่ขู่เข็ญ และบีบบังคับ สุดท้ายโจวซินถึงได้ปล่อยตัวหยางหลาง ”
“ โจวซินบอกฉันหมดแล้วว่าเป็นเพราะท่าทีที่ไม่ดีของแก เขาถึงขังหยางหลางต่อ ! ” พ่อหยางกล่าว
เมื่อหยางโปได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ “ โจวซินพูดแบบนี้จริงๆเหรอ
ดูเหมือนว่าผมจะสุภาพกับเขาเกินไป ไป ผมจะพาคุณไปพบเขา ! ”
พ่อหยางตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ แกมันคบคิดกับเขา ถึงได้จับตัวหยางหลางไป ฉันไม่ใช่คนโง่ ที่จะเชื่อกลอุบายของแกได้ ”
หยางโปมองไปที่พ่อหยาง ” เกรงว่าคุณจะยังไม่รู้ ตอนนี้โจวซินอยู่ในโรงพยาบาล ถูกผมแทงไปหลายสิบครั้ง เสียเลือดไปมากและยังอยู่ในอาการโคม่า ! ”
พ่อหยางอึ้งไปชั่วครู่หนึ่งหลังจากได้ยินแบบนั้น “ อะไรนะ ? ”

ปัจจุบันหยางโปกำลังฝึกมวยเยว่เจีย มวยไท่เก๊ก และมวยเทียนหลัว ถึงแม้จะมีกระบี่หยกอยู่
แต่เขาก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านกระบี่แม้แต่น้อย ในทำนองเดียวกัน เขาก็สามารถใช้วิชาเรียกลมฝนได้ด้วยเช่นกัน แต่วิชานี้ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
แน่นอน ไพ่ที่ใหญ่ที่สุดของหยางโปอยู่ที่เจตนารมณ์กระบี่ของเขา เจตนารมณ์ของกระบี่ที่ซ่อนอยู่ในจุดตันเถียนเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ และมักจะสร้างความเสียหายให้กับศัตรูได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว นี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาจะพึ่งพาได้
กระจกเทียนหลัวเป็นเกราะกำบังที่ดีมาก แต่พื้นที่ป้องกันไม่ใหญ่นัก หยางโปมักจะรู้สึกเสมอว่ากระจกเทียนหลัวบานนี้น่าจะมีประโยชน์มากกว่านี้ แต่เขาไม่สามารถสำรวจตรวจตราดูได้ในช่วงนี้
หยางโปกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ถือถ้วยชา และอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ ความแข็งแกร่งของเขาค่อนข้างที่จะด้อยอยู่เช่นเดียวกับ ฉินตูฟูที่มีขั้นวรายุทธ์สูงกว่าเขาไปขั้นหนึ่ง ที่เขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ เพราะอาศัยจู่โจมอย่างฉับพลัน แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเหยียนหรูหยู
แค่ไม่รู้ว่าเหยียนหรูหยูอยู่ที่ไหนตอนนี้ ?
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หลินหลินก็เดินเข้ามา เธอเคาะไปที่โต๊ะ “ คิดอะไรอยู่ ? อ้อใช่แล้ว
ลืมบอกลูกไป อู๋เฉียงกลับมาแล้ว เขายุ่งมาก ติดต่อมาเมื่อเช้าเขาบอกว่าใกล้มาถึงแล้ว ! ”
หยางโปตกใจชะงักไปครู่หนึ่ง “ เขาไม่ได้ไปถ่ายทำภาพยนตร์หรอกเหรอ ? ทำไมถึงมีเวลามาอีกล่ะ ? ”
“ ภาพยนตร์ของเขาถ่ายทำจบลงไปแล้ว ทำไมจะไม่มีเวลา ? ” หลินหลินกล่าว
หยางโปอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว “ ช่วงนี้ยุ่งจนเวียนหัว ลืมไปหมดเลย ช่วงนี้อู๋เยว่เป็นยังไงบ้าง ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ ? ”
อู๋เยว่พักอยู่ในโรงเรียนไม่ได้กลับมาบ่อยนัก หยางโปกลับมาได้พักหนึ่งแล้ว ยังไม่ได้เจอหน้ากันเลย
“ อู๋เยว่ ไม่เป็นไร วันนี้เธอไม่ได้หยุด แม่คิดว่าคงต้องรอสิ้นเดือนสักสองสามวันถึงจะได้กลับมา ” หลินหลินกล่าว
ในขณะที่พูด หยางโปก็ได้ยินเสียงฝีเท้า เขาตกใจนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มพรางพูดว่า
“ เขามาแล้ว ! ”
หยางโปเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นอู๋เฉียงเดินเข้ามาจริงๆ
อู๋เฉียงสวมเสื้อโค้ทขนสัตว์สีดำตัดผมรองทรงสูง บนนิ้วสวมแหวนทองคำขาว สวมรองเท้าบูทหนังสีดำคู่หนึ่งดูทันสมัยยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นอู๋เฉียง หยางโปก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ จำได้ว่าครั้งแรกที่เจอกัน อู๋เฉียงดูค่อนข้างที่จะล้าสมัยและเชยเอามากๆ เมื่อเทียบกับปัจจุบัน มันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆ !
“ หล่อขึ้นทุกครั้งจริงๆ ! ” หลินหลินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม
อู๋เฉียงรีบส่งยิ้มและกล่าวว่า “ คุณป้า อย่าชมผมเชียวนะ เดี๋ยวผมจะหยิ่งยโสเอาได้ ! ”
ในขณะที่พูด อู๋เฉียงก็หันไปพยักหน้าให้หยางโป “ คุณหยาง ! ”
หยางโปโบกมือให้ “ จากนี้ไปนายก็จะเป็นดาราดังแล้ว อย่าเรียกอย่างนั้น เรียกชื่อผมก็พอ ”
อู๋เฉียงปัดมือปฏิเสธทันที “ ไม่ได้ ไม่ได้ ”
หยางโปยิ้มกุมมือแน่น จากนั้นก็หันไปมองทางด้านข้างอีกครั้ง อู๋เฉียงไม่ได้มาคนเดียว ข้างกายเขามีกงเสี่ยวเจิ้งเดินตามมาด้วย
กงเสี่ยวเจิ้งสวมกระโปรงสีสันสดใส สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว ปล่อยผมพาดบ่า ดูสดใสและน่ารัก เธอหันไปส่งยิ้มและพูดกับหลินหลิน ” สวัสดีค่ะคุณป้า ! “.ไอลีนโนเวล.
“ เสี่ยวเจิ้งก็มาด้วยเหรอ ! รีบนั่งลงเร็ว ! ป้าเตรียมอาหารอร่อยไว้เยอะเลย ! ” หลินหลินยิ้มพรางเอ่ยออกมา
กงเสี่ยวเจิ้งยิ้มตาหยี ” ขอบคุณค่ะคุณป้า ! ”
พอพูดจบ เธอก็หันไปทักทายหยางโปอีกครั้ง
หยางโปเชื้อเชิญให้พวกเขานั่งลง เวลานี้จึงมีคนนำชาเข้ามาเสริมให้
ดูเหมือนว่าฮัวชิงหยุนจะได้ยินเสียง จึงเดินออกจากห้องด้านหลัง เธอทักทายกับทั้งสองคน
ทำให้หยางโปรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ” พวกคุณรู้จักกันเหรอ ? ”
ฮัวชิงหยุนยิ้มและกล่าวว่า “ ช่วงก่อนที่คุณไม่อยู่บ้าน พวกเขาเคยมากันครั้งหนึ่ง ”
หยางโปพยักหน้า ” ถ้ามีเวลาก็มานั่งเล่น ผมไม่ค่อยอยู่บ้าน แม่ของผมอยู่คนเดียว จะรู้สึกเหงาอยู่ตลอด ถ้าพวกคุณมาหา เธอคงดีขึ้นมาก ! ”
กงเสี่ยวเจิ้งรีบพูด “ เดิมฉันก็กังวลว่าจะมารบกวนคุณป้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าต่อไปฉันต้องมารบกวนมากกว่านี้แล้ว คุณป้าทำอาหารอยู่เดี๋ยวฉันไปดูก่อนนะ ”
ฮัวชิงหยุนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง น้อยครั้งนักที่เธอจะลงมือเข้าครัว ไม่รู้ทักษะพื้นฐานการใช้มีดเลย เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับกงเสี่ยวเจิ้ง เดิมทีเธอก็ค่อนข้างจะระวังตัวอยู่แล้ว เมื่อเห็นเธอกระตือรือร้นขนาดนี้ จึงรีบลุกขึ้นเช่นกัน “ ฉันก็จะไปดูด้วย ”
หยางโปมองทั้งสองคนที่เดินออกไป ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดก็ไม่พูดอะไร จากนั้นเขาก็หันไปมองอู๋เฉียง ” ภาพยนตร์ถ่ายทำเสร็จแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง ? มีแผนที่จะทำอะไรต่อไหม ? ”
อู๋เฉียงพยักหน้าและกล่าวว่า “ ตอนแรกที่เข้ามาในวงการนี้ พอได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเสร็จแล้วจริงๆ ผมถึงเข้าใจว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ช้ากว่าที่วางแผนไว้สิบวัน
ที่สำคัญเป็นเพราะฝีมือการแสดงของผมแย่เกินไป ฉากเดียวต้องถ่ายกันหลายช็อต ”
หยางโปหัวเราะ “ นี่เป็นเรื่องปกติ เพราะนายยังไม่เคยแสดงภาพยนตร์มาก่อน ครั้งนี้แสดงออกมาได้มันก็ไม่เลวแล้ว แต่ยังไงซะ ก็ควรจะเรียนเพิ่มให้ดีขึ้นกว่านี้ ”
อู๋เฉียงกล่าวว่า ” อืม ผมพูดกับบริษัทแล้ว จะไปเรียนที่โรงเรียนภาพยนตร์สักระยะหนึ่ง ถ้าไม่มีทักษะพื้นฐาน ต่อให้มีโอกาสมากขึ้นแค่ไหน ก็คงไม่เป็นที่นิยม ! ”
“ ภาพยนตร์จะเข้าฉายเมื่อไหร่ ผมจะไปดู ” หยางโปพูด
อู๋เฉียงดูมีสีหน้าเขินอายเล็กน้อย ” เรื่องนี้ ยังไม่แน่ใจ เพราะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของผม ถ่ายทำได้ไม่ดีมากนัก คุณอย่าไปดูเลย รอเรื่องต่อไปเถอะ ผมจะเอาตั๋วหนังรอบปฐมทัศน์มาให้คุณแน่นอน ”
หยางโปหัวเราะดังลั่น “ ผมไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับวงการนี้มากนัก ไม่รู้ว่าแบ่งทักษะการแสดงยังไง แต่ผมคิดว่านี่ไม่ใช่ปัญหา ทักษะการแสดงของแต่ละคนจะดีได้นั้นจะเห็นได้ตั้งแต่การแสดงเรื่องแรก ทักษะการแสดงของบางคนต้องได้รับการขัดเกลา บางทีอาจจำเป็นต้องปล่อยเวลาให้ผ่านไปจนอายุสี่ห้าสิบปีได้ ทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องปกติ ! ”
อู๋เฉียงพยักหน้า “ ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ผมเตรียมใจพร้อมที่จะต่อสู้ไปนานๆแล้ว ! ”
“ นายมีพื้นฐานที่ดี ในอนาคตควรหาตลาดสำหรับหนังกังฟูไว้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ” หยางโปกล่าว
อู๋เฉียงยิ้ม “ ผมแค่อาศัยใช้กำลังที่มุทะลุดุดันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นลักษณะท่วงท่ากำลังภายในของสำนักจินกังก็ให้ความสำคัญกับการต่อสู้จริงมากขึ้น เอฟเฟกต์ในการถ่ายทำจริงนั้นไม่ค่อยจะดีนัก ”
“ สบายใจได้นะ พื้นฐานของคุณออกจะลึกล้ำ ผลลัพธ์ต้องออกมาดีแน่นอน ” หยางโปกล่าว
หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย หยางโปก็หันไปมองอู๋เฉียง ” ผมยังไม่ลืมที่จะถามเรื่องราวในก่อนหน้านี้ สำนักจินกังก่อตั้งมาได้กี่ปีแล้ว ? การฝึกฝนวรยุทธ์หลักของพวกคุณคืออะไร ? ”
อู๋เฉียงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาเชื่อใจหยางโปมาก จึงพูดขึ้นว่า “ สำนักจินกังมีประวัติความเป็นมาห้าหกร้อยปีมาแล้วมั้ง พ่อของผมจำได้ไม่ค่อยชัดสักเท่าไร ถึงยังไงซะสิ่งสำคัญของสำนักจินกังก็คือสืบทอดต่อกันมาจากตระกูลอู๋ของเราจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ได้มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรโดยละเอียด พ่อของผมเล่าให้ผมฟังว่า น่าจะมีอายุห้าหกร้อยปีได้ ”
“ สำหรับการฝึกฝนวิชาหลักของสำนัก ก็คือ จินกังจิง คุณอยากดูไหมล่ะ ? ” อู๋เฉียงหันหน้าไปหา
หยางโป
หยางโปชายตามองอู๋เฉียง แต่ไม่ได้ตอบกลับทันที เพราะเขารู้ดีว่าจินกังจิงเป็นมรดกตกทอดของตระกูลอู๋ ต่อให้อู๋เฉียงไม่มีเจตนาจะเห็นแก่ตัว แต่ก็คงจะไม่ค่อยเต็มใจให้สักเท่าไรเหมือนกัน
หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย หยางโปก็พูดขึ้นว่า ” ผมมี ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) เล่มหนึ่งอยู่ที่นี่
หลักๆแล้วจะพูดถึงหลักการฝึกฝนของลัทธิเต๋าเป็นหลัก พวกเรานำมาแลกเปลี่ยนกันดู ! ”
อู๋เฉียงถอนหายใจอย่างโล่งอก “ ตกลง ! ”

หยางโปเก็บจี้หยกและหนังสือทั้งสองเล่มไว้ โจวซินเอาแต่จ้องมองหยางโปอย่างหน้าซื่ออกตรม !
หยางโปมองหน้าโจวซิน และพูดอย่างโกรธเคือง ” คุณมองผมทำไม ? ”
ในขณะที่พูด มือข้างหนึ่งของหยางโปก็ถือกระบี่หยกไว้ แล้วแทงไปที่ไหล่ของโจวซินทันที
กระบี่หยกคมมาก เจาะทะลุกล้ามเนื้อไหล่ หลังจากที่ดึงออกมา ไหล่ของโจวซินก็เต็มไปด้วยสีแดง !
โจวซินกรีดร้อง “ ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ ! ”
หยางโปไม่สนใจโจวซินด้วยซ้ำไป พูดต่อไปว่า ” เมื่อกี้ตาข้างไหนที่มองมาที่ผม ? ผมจะแทงตาของคุณ ทำให้ตาสุนัขของคุณตาบอดสนิทไปซะ ! ”
โจวซินหลับตาปี้และส่ายหัวไม่หยุด ด้วยใบหน้าที่เจ็บปวดอย่างมาก !
หยางโปแทงไปมากกว่าสิบครั้ง เลือดที่ไหลหยดบนพื้นยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาอดที่จะขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ ผมจะไว้ชีวิตหมาตัวหนึ่งอย่างคุณชั่วคราวละกัน ! ”
พอพูดจบ หยางโปก็ดึงกระบี่หยกออกมาและต้องการเช็ดคราบบนเสื้อผ้าของ โจวซิน แต่เขาคิดไม่ถึงว่ากระบี่หยกกลับไม่มีรอยเลือดเลย !
หยางโปยืนขึ้นและเดินไปด้านนอก เดินมาได้ไม่ไกล หยางโปก็เห็นเหลียงหรูซิงยืนอยู่ตรงหน้า
ยืนอยู่คนเดียวดูโดดเดี่ยวอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงเดินเข้าไปหาเหลียงหรูซิง
“ เหลียงเต้าโหยว ให้คุณรอนานแล้ว ! ” หยางโปกล่าว
เหลียงหรูซิงมองไปทางหยางโป ” เมื่อสักครู่ทำให้ขุ่นเคืองใจ หยางเต้าโหยวโปรดยกโทษให้ด้วย ! ”
หยางโปมองหน้าเหลียงหรูซิง และพยักหน้าให้เล็กน้อย เมื่อสักครู่ทั้งสองไม่ได้บอกใบ้กัน
แต่เหลียงหรูซิงเป็นคนฉลาด เข้าใจประเด็นสำคัญอย่างรวดเร็ว และเลิกเป็นพันธมิตรกับโจวซิน ถอนตัวออกไปจากตรงนั้น จากนั้นถึงให้หยางโปลงมือ !
ถ้าเหลียงหรูซิงไม่ล่าถอยไป มันก็ค่อนข้างยากสำหรับหยางโปที่ต้องรับมือกับทั้งสองคนเพียงลำพัง !
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าจะวางตัวยังไง หยางโปจะไม่ให้ประโยชน์แก่อีกฝ่ายก็เป็นไปไม่ได้
เขาหยิบหนังสือสองเล่มออกมาแล้วเอ่ยปากพูดว่า ” หนังสือสองเล่มนี้ได้มาจากการค้นตัวโจวซิน พวกเราสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้ ”
เหลียงหรูซิงเหลือบตามองเขาด้วยสายตาที่เฝ้ารอคอย แต่กลับโบกมือให้อย่างรวดเร็ว
“ สำหรับเรื่องนี้ เป็นผมเองที่ทำผิด ผมต้องขอโทษหยางเต้าโหยวด้วย สำหรับการรับมือกับโจวซิน ผมไม่ได้ช่วยอะไร ของพวกนี้ผมรับไว้ไม่ได้ ! ”
หยางโปส่ายหน้า “ เหลียงเต้าโหยว การที่คุณปลีกตัวออกไป มันก็ได้ช่วยผมไว้มากแล้ว
คุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจ คุณเลือกไปเล่มหนึ่งเถอะ ! ”
เหลียงหรูซิง ยังคงโบกมือปฏิเสธไม่ยอมรับไว้.ไอรีนโนเวล.
หยางโปยิ้ม เขาเก็บหนังสือสองเล่มนั้นไว้ และหันไปพูดกับเหลียงหรูซิง “ พวกเราอย่าทำตัวสุภาพกันที่นี่อีกเลย ผมเก็บกลับไปศึกษาก่อนแล้วจะส่งมอบคืนให้คุณอีกครั้ง ไม่ทราบว่า คุณจะเชื่อใจผมไหม ! ”
เหลียงหรูซิงกล่าวอย่างรวดเร็วว่า ” ผมเชื่อใจเหลียงเต้าโหยวแน่นอน ! ”
หยางโปยิ้ม ” คุณไปก่อนเถอะ ผมตรวจสอบดูแล้วจะให้คนนำไปส่งมอบให้คุณทีหลัง ! ”
แม้เหลียงหรูซิงปากบอกว่าเชื่อใจ แต่จริงๆแล้ว ความไว้วางใจที่เขามีต่อหยางโปนั้นมีขีดจำกัด ยังคงไม่ลืมที่จะหันกลับไปมอง จากนั้นถึงได้จากไป
หยางโปยิ้มและออกไปพร้อมกับของ ก่อนจะไปจากที่นั่น หยางโปก็หันไปมองบอกบอดี้การ์ดแล้วกล่าวว่า “ ไปยืมโทรศัพท์มาเครื่องหนึ่งแล้วโทรไปที่โรงพยาบาล ให้พวกเขามาช่วยคน ! ”
ในขณะที่หยางโปพูด ก็เหลือบมองไปข้างหลังแวบหนึ่ง ประกายแสงวาววับผ่านตาไป เขามองทะลุกำแพงและเห็นสภาพข้างใน อาการบาดเจ็บของโจวซินส่วนใหญ่เป็นแค่อาการบาดเจ็บภายนอก ไม่ได้เสียเลือดร้ายแรง แต่เกรงว่าคงต้องพักฟื้นไปสักระยะหนึ่ง !
หยางโปหันกลับและไปจากที่นี่ ทำให้โจวซินอาการหนักขนาดนี้ เขาคงหยุดพักไปชั่วขณะหนึ่งได้ !
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ฮัวชิงหยุนก็รีบเข้าไปหาและเดินวนไปมารอบๆตัวมองขึ้นลงสำรวจอย่างพินิจพิเคราะห์ เมื่อเห็นว่าหยางโปไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
” โชคดีที่คุณไม่เป็นไร ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่เป็นไร คุณสบายใจได้ ”
ฮัวชิงหยุนจ้องมองหยางโป ” คุณไปทำเรื่องอะไรกันแน่ ? ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ? ”
หยางโปมีอาการลังเลเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปที่ฮัวชิงหยุน และไม่รู้ว่าควรจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอดีไหม แต่ก็กลัวว่ามันจะเป็นการยากที่เธอจะยอมรับมันได้
ฮัวชิงหยุนไม่รอให้หยางโปมีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็ส่ายหัว “ ช่างเถอะ ฉันจะไม่ถาม ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณอยากพูด ค่อยบอกฉันเอานะ ! ”
หยางโปรู้สึกค่อนข้างที่จะจนปัญญา “ คุณวางใจได้ รออีกสักพัก ผมก็จะบอกคุณ ”
หลินหลินเดินกลับมาและบ่นว่าให้ ” ทำไมลูกถึงได้ออกไปอีก ? ”
หยางโปกลับไม่ทันได้สังเกต ฮัวชิงหยุนก้มหน้าลงด้วยสีหน้าที่ดูผิดหวังมาก พวกเขาสนิทกัน
แต่ในบางเรื่องราวนี้ ฮัวชิงหยุนมักจะรู้สึกเสมอว่าหยางโปกับตัวเองมีอะไรกั้นกลาง หยางโปไม่ต้องการที่จะพูดออกมา เธอก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ สิ่งนี้มันทำให้เธอผิดหวังมาก
หยางโปรับมือกับหลินหลิน และติดจี้หยกมังกรไว้ที่กลางเอวของฮัวชิงหยุน
ฮัวชิงหยุนพูด ” ฉันมีจี้หยกอยู่แล้วชิ้นหนึ่งไม่ใช่เหรอ ? ”
“ จี้หยกชิ้นนี้ดีกว่า คุณเอาติดตัวไปทั้งหมดนั่นแหละ ” หยางโปอธิบาย
หลินหลินที่ยืนอยู่ไม่ไกล มองดูความสนิทสนมของทั้งสองคน ก็อดที่จะแอบอมยิ้มไม่ได้
หยางโปสนทนากับฮัวชิงหยุนอีกไม่กี่คำ ปลอบโยนเธอ จากนั้นถึงได้นำหนังสือสองเล่มเข้าไปในห้องหนังสือ
หยางโปนั่งลงและตั้งใจอย่างจดจ่อ เขาจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วสายตาจับจ้องมองไปที่หนังสือเล่มแรกบนโต๊ะ ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย หนังสือเล่มแรกไม่มีปก เขาทำใจให้สงบ เปิดหนังสือและเห็นหน้าแรกมีข้อความย่อๆอยู่ท่อนหนึ่ง
” เปลี่ยนกลางวันเป็นกลางคืน ขว้างถั่วใส่ทหาร กวัดแกว่งกระบี่กลายเป็นแม่น้ำ
เรียกลมเรียกฝน ! ”
หยางโปจ้องมองไปที่อักขระทั้ง 16 ตัว ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกร้อนรุ่มเลือดดิ้นพล่าน เนื้อหาที่บรรยายโดยอักขระทั้งสิบหกตัวนี้น่าจะเป็นทิศทางที่เขาศึกษาอยู่ เป็นช่องทางบรรลุเป็นเซียนอย่างแท้จริง !
หยางโปสงบสติอารมณ์แล้วหันกลับมาพลิกหน้าต่อไป ด้านในมีคำอธิบายคาถาเรียกลมฝนไว้อย่างละเอียด หยางโปเคยวาดท่วงท่ามังกรเดินทองบริสุทธิ์จนได้รับวิชาเรียกลมฝนมาแล้ว
จึงรู้จักวิชานี้อยู่แล้ว แต่พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้เขาเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้น และถึงกับสัมผัสได้ว่าถ้าหากตัวเองใช้มันอีกครั้ง จะเก่งกาจมากขึ้นกว่าเดิมอีกแน่นอน !
หยางโปนั่งอยู่แต่บนเก้าอี้ และจับจ้องไปที่เนื้อหาด้านใน หนังสือเล่มนี้มีเพียงไม่กี่หน้า เนื้อหาบางมาก เขาอ่านมันอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังพลิกจบในเวลาอันสั้น
วางหนังสือลง หยางโปก็มานั่งครุ่นคิด เขาพบว่าหนังสือเล่มนี้เน้นไปที่เนื้อหาเรียกลมฝน
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นประสบการณ์ของผู้อื่น ที่มีอยู่มากกว่าครึ่งในหนังสือ ตามเนื้อหาทั้งเล่มของหนังสือ ดูเหมือนว่าจะฝึกฝนวิชาทั้งหมดออกมาได้ไม่สมบูรณ์ แต่ก็ไม่เลวแล้วเหมือนกัน
เขาทำตามจากท่วงท่าของมังกรเดินทองบริสุทธิ์ หลังจากพยายามทำตามไม่หยุด ก็เข้าใจความหมายที่แอบแฝงบางอย่างอยู่ได้ แต่ความเข้าใจของทุกคนมันแตกต่างกัน การได้เห็นข้อคิดของอีกฝ่าย สำหรับหยางโปแล้วมันก็มีประโยชน์เป็นอย่างมากเช่นกัน
หยางโปพอที่จะเข้าใจ นี่คงเป็นสิ่งที่โจวซินกำลังพูดถึง ครึ่งหนึ่งของวิชาเรียกลมฝนของตระกูลโจว !
เขาหยิบหนังสืออีกเล่มขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ด้านในวาดยันต์ฟู่ลู่ไว้มากมาย มันไม่ได้เรียนรู้และเข้าใจได้ในระยะเวลาอันสั้นดังนั้นเขาจึงไม่ได้อ่านอย่างละเอียด
หยางโปเดินออกมาจากห้องหนังสือ บรรจุหนังสือที่ไม่มีปกเล่มนั้นลงในกล่องไม้ และใช้ให้บอดี้การ์ดนำมันไปมอบให้เหลียงหรูซิง
เขาคิดว่าโจวซินได้รับบาดเจ็บสาหัสหนักขนาดนี้ ครั้งนี้จะต้องมีคนจากตระกูลโจวมาแน่นอน ! เขาจำเป็นต้องเตรียมการบางอย่างไว้ซะแล้ว !

หยางโปมองหน้าโจวซิน เขาไม่คิดว่าโจวซินจะตึงเครียดขนาดนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วโจวซินก็มีตระกูลโจวที่ทรงอิทธิพลมากคอยหนุนหลังอยู่ !
เขาอดไม่ได้ที่จะเกิดอาการระแวดระวัง ถือกระบี่หยกไว้ในมือข้างหนึ่ง สายตาก็จับจ้องไปที่โจวซิน ” นำชิ้นส่วนวิชาเรียกลมฝนที่ไม่ครบสมบูรณ์ออกมา ! ”
โจวซินตกตะลึงครู่หนึ่ง สีหน้าอึดอัดใจ ” จะไปมีวิชาเรียกลมฝนที่ไหนกัน ทั้งหมดผมแค่โกหกคุณเท่านั้น ! ”
หยางโปจ้องหน้าโจวซินและไม่พูดอะไรมาก จากนั้นเขาก็ก้าวขึ้นไปข้างหน้าอีกก้าว
โจวซินตกใจผงะ ” ตกลง ผมจะบอก ! วิชาเรียกลมฝนมีค่ามากขนาดนี้ ผมไม่ได้เอาติดตัวมาแน่ เอาเก็บไว้ที่โรงแรม ! ”
หยางโปไม่พูดอะไรมาก จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว
โจวซินตื่นตระหนกในทันใด ชักของบางอย่างออกมาจากอก แล้วโยนทิ้งไปทันที ” ให้คุณ ! ”
หยางโปชะงักไปครู่หนึ่ง ระยะห่างที่ใกล้กันมากจนไม่สามารถรับรู้ได้ เขาก้มหน้าและมองเห็นกระดาษยันต์สีเหลืองแผ่นหนึ่งลอยผ่านไป !
กระดาษยันต์สีเหลืองดูเบาบาง ปลิวตรงมาทางเขา หยางโปรีบหันกระบี่หยกในมือไปทางยันต์อย่างรวดเร็ว !
“ ปัง ! ” หยางโปได้ยินเสียงปะทะดัง ทันใดนั้นเขาสัมผัสได้ถึงคลื่นความร้อนที่แผ่มากระทบ
ทำให้เขาเสียการทรงตัวไปในทันที ร่างเซล้มลงไปทางด้านหลัง !
ดวงตาของหยางโปเป็นประกาย และเห็นโจวซินเดินตรงมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้า
ข้างหลังเขามีเหลียงหรูซิงยืนอยู่ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองนัดกันไว้เพื่อรอหยางโปอยู่ที่นี่ !
หยางโปล้มลงกับพื้นอย่างแรง รู้สึกว่าอวัยวะภายในของเขาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
ทั้งคนนอนราบอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรง ร่างกายเจ็บปวดร้าวระบมไปทั้งตัว !
เขาพยายามลืมตาขึ้น มองเห็นกระดาษยันต์สีเหลืองที่ดูหมือนถูกจุดไฟ กลายเป็นเถ้าถ่าน
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง นี่คือคาถาฟู่ลู่ใช่ไหม ?
โจวซินเดินเข้ามาใกล้ “ หยางโป คุณยังต้องการวิชาเรียกลมฝนอยู่ไหม ? คุณคิดว่าวิชายุทธ์มันเอาไปได้ง่ายๆขนาดนั้นเลยหรือไง ? วิชายุทธ์ในโลกนี้มีสิบสองประเภท ได้มาสักอันก็สามารถเปิดสำนักขึ้นมาได้แล้ว ! วิชาเรียกลมฝนมันเป็นรากฐานของตระกูลโจวของผม แต่มันก็เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวที่ไม่ครบสมบูรณ์ที่ไม่สำคัญอะไร ต่อให้ตระกูลโจวของผมจะยืนหยัดอยู่มาได้เป็นพันปี คุณคิดว่าผมจะมอบมันให้กับคุณหรือไง ? ”
หยางโปจ้องมองโจวซิน ตกตะลึงนิ่งอึ้งไปหมด เขาคิดไม่ถึงเลยว่าวิชายุทธ์จะน่าหวงแหนถึงเพียงนี้ หากเป็นไปตามคำกล่าวของโจวซินจริงๆแล้ว ถ้างั้นในมือของเขาก็น่าจะมีวิชายุทธ์อยู่ถึงสิบสองประเภท งั้นเขาไม่กลายเป็นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ไปแล้วเหรอ ?
โจวซินคิดว่าหยางโปตกตะลึงเพราะตัวเอง เขามองไปที่หยางโป “ คุณมันก็เป็นแค่ผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษเท่านั้น ยังมีของอีกมากมายที่คุณไม่เข้าใจ ที่เข้าใจแบบงูๆปลาๆได้ก็แค่อาศัยเพียงการฝึกฝนขั้นวรยายุทธ์ถึงตอนนี้ คุณก็คิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่นแล้ว ผมอยากรู้จริงๆ ว่าคุณได้รับโชคอะไรในทะเลสาบซีหูกันแน่ ! ”
หยางโปลืมตาขึ้นและเห็นโจวซินนั่งยองๆ ในขณะที่เหลียงหรูซิงยืนอยู่ข้างหลังเขาโดยไม่พูดอะไร เมื่อได้ยินโจวซินพูดถึงคำว่า ” ได้รับโชค ” เหลียงหรูซิงก็อดที่จะทำตาโตไม่ได้ !
หยางโปยิ้มและในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมเหลียงหรูซิงถึงต้องร่วมมือกับโจวซิน เพราะโจวซินต้องบอก เหลียงหรูซิงแน่ว่าเขาเป็นผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษ เพราะได้รับโอกาสและโชคชะตา จึงมาถึงจุดนี้ได้ ถ้าพวกเขาร่วมมือกัน จะต้องแย่งโอกาสและโชคชะตาของหยางโปไปได้แน่ๆ !.Aileen-novel.
“ โจวเต้าโหยว เรื่องราวพวกนี้ผมก็ได้บอกคุณไปหมดแล้ว แต่คุณไม่ยอมเชื่อ ยังไงซะ เหลียงเต้าโหยวก็อยู่ที่นี่ ถ้าอย่างนั้นผมจะบอกพวกคุณว่าโอกาสและโชคชะตาที่ทะเลสาบซีหูอยู่ในมือคุณไง ! ” หยางโปกล่าว
โจวซินตกตะลึง เขามองไปที่ฝ่ามือ ไม่เข้าใจว่าหยางโปหมายถึงอะไร?
แสงสว่างวาบผ่านตาหยางโปไป ร่างกายก็ฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว
โจวซินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และจ้องมองไปที่หยางโป แต่เมื่อเห็นว่าเขายืนขึ้นแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างโกรธเคือง “ คุณหลอกผมเล่นเหรอ ? ”
หยางโปกลับไม่แย่แสโจวซินอีกต่อไป เขามองไปทางเหลียงหรูซิง และกล่าวออกมาว่า
“ เหลียงเต้าโหยว คุณกับผมต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษเหมือนกัน เรื่องบางเรื่องผมไม่ต้องพูด คุณก็น่าจะเข้าใจ คุณร่วมมือกับเขาคือ เท่ากับไว้วางใจคนที่ไม่ควรไว้วางใจ เมื่อกี้คุณก็ได้ยินเขาพูดแล้วว่า ตระกูลโจวมีประวัติศาสตร์และสืบทอดกันมานับพันปี ถ้าหากคุณได้รับผลประโยชน์มากมายมหาศาลจริงๆ คุณจะได้รับส่วนแบ่งอะไรไปบ้าง ? ”
เหลียงหรูซิงตกตะลึงนิ่งเงียบไปทันที ก่อนหน้านี้เขาหวั่นไหวไปกับข้อเสนอของโจวซินจริงๆ เพราะเขาคิดว่า หยางโปที่อายุน้อยขนาดนี้จะสามารถฝึกฝนจนถึงขั้นนี้ได้ยังไง จะต้องมีโอกาสและโชคชะตาพิเศษแน่นอน แต่ใจเขาก็คิดมาตลอด ว่าโอกาสและโชคชะตานี้มันคืออะไร !
หลังจากการที่ถูกหยางโปเตือนสติ เขาก็ตระหนักได้ว่าตระกูลโจวแข็งแกร่งมาก ต่อให้ได้รับโอกาสและโชคชะตามา ก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะได้รับประโยชน์ด้วยหรือไม่ !
“ คุณอย่าไปฟังเขาพูดเรื่องไร้สาระ เหลียงเต้าโหยว ตระกูลโจวของผมสืบทอดต่อกันมานับพันปี โอกาสและโชคชะตาของเขาจะเทียบได้กับสิ่งที่ตระกูลโจวสืบทอดต่อกันมาเหรอ ? ผมไม่สนใจโอกาสและโชคชะตาของเขา ! ” โจวซินกล่าว
หยางโปยิ้มเยาะพลางพูดว่า ” อ้อ โจวเต้าโหยวบอกว่าไม่สนใจ แต่ทำไมคุณถึงยังพายเรือไปที่ทะเลสาบซีหูในคืนที่มีพายุฝนฟ้ากระหน่ำ ? เรื่องนี้ไม่สำคัญใช่ไหม ? ”
โจวซินนิ่งอึ้งพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะตอบกลับไปว่ายังไง
หยางโปฟื้นสภาพกลับมาหมดแล้ว เขาชี้ไปที่โจวซินและประณามว่าให้ “ คุณมันเป็นคนเห็นแก่ตัว คุณต้องการทำร้ายผม แต่กลับดึงเหลียงเต้าโหยวเข้ามาพัวพันด้วย คุณรู้ดีว่านี่เป็นความแค้นของเขา ตราบใดที่เรายังจองเวรต่อกัน ถึงแม้ครั้งนี้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พวกเราก็ต้องพยายามอย่างไม่คิดชีวิต แต่คุณกลับมีแต่ได้กับได้อย่างเห็นๆ ! ”
โจวซินโกรธหยางโปจนปวดขมับไปหมด ” ผมก็เป็นแบบนี้คุณจะทำไม ? ”
หยางโปยิ้ม เขาหันหน้ากลับไปมองเหลียงหรูซิง “ เหลียงเต้าโหยว คุณคิดว่าควรจะจัดการยังไงดี ? ”
เหลียงหรูซิงมองไปที่หยางโปและโจวซินอีกครั้ง รู้สึกลังเลขึ้นมา สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าใครจะทำให้ใครขุ่นเคืองใจ ผลลัพธ์สุดท้ายก็ไม่ดีทั้งนั้น หยางโปมีศักยภาพ โจวซินมีภูมิหลัง เขาค่อนข้างที่จะลังเลใจหันหลังกลับและเดินไปจากที่นี่ !
ดวงตาของโจวซินเบิกกว้าง ” เหลียงเต้าโหยว ผมไม่ได้ตั้งใจ คุณอย่าไปฟังที่เขาพูดโกหก
เหลียงเต้าโหยว ! ”
เหลียงหรูซิงจากที่นี่ไป หยางโปหยิบกระบี่หยกออกมาอีกครั้งและหันไปโจมตีโจวซินทันที !
โจวซินตกใจผงะและทำได้เพียงหลบเท่านั้น กระบี่ไป่ต้วนของเหลียงหรูซิงถูกตัดขาด เขาไม่มีอาวุธ ภายใต้การโจมตีของหยางโป จึงไม่สามารถที่จะยืนหยัดทนต่อไปได้เลย ในไม่ช้าก็ถูกหยางโปแทงเข้าไปติดต่อกันหลายครั้งและล้มลงไปอยู่บนพื้น
โชคดีที่สถานที่นั้นอยู่ห่างไกล บอดี้การ์ดของหยางโปก็คอยดูแลอยู่ทุกหนทุกแห่ง จึงไม่มีบุคคลภายนอกเข้ามา
โจวซินนอนเป็นอัมพาตอยู่บนพื้น ใบหน้าซีดขาว และมีเลือดไหลนองอยู่บนพื้น เขาเงยหน้าขึ้นมองหยางโปอย่างไร้เรี่ยวแรง “ คุณจะฆ่าผมไม่ได้ ตระกูลโจวไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่ ! ”
หยางโปใช้เท้าเหยียบไปบนบาดแผลของอีกฝ่ายและมองดูโจวซินร้องตะโกนด้วยเสียงแหบพร่า หลังจากรอจนโจวซินหยุดไปชั่วครู่ หยางโปถึงได้เอ่ยปากพูดว่า “ ถ้าผมถูกพวกคุณจับตัวไป คิดว่าคงไม่ได้ถูกกระทำดีไปกว่านี้แน่ ใช่ไหม ? ”
โจวซินจ้องเขม็งมองไปที่พื้น ไม่กล้าสบตาหยางโป !
หยางโปไม่สนใจเสียด้วยซ้ำ เขาย่อตัวลง ค้นตัวโจวซิน ไม่นาน เขาก็พบจี้หยกรูปมังกร จี้หยกชิ้นนี้ดีกว่า เขาถึงกับสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังที่หน่าแน่นในใจกลางจี้หยก !
หยางโปยังค้นพบหนังสืออีกสองเล่ม เล่มหนึ่งมีปกที่น่ากลัว แต่ทั้งเล่มดูเหลือง อีกเล่มคือ
( ตำราฟู่ลู่ ) ภาพวาด้านในมีสัญลักษณ์ผีชนิดต่างๆอยู่ !

เพราะมีฮัวชิงหยุนทั้งสองคนอยู่ข้างกาย ดังนั้นเมื่อสักครู่หยางโปเลยไม่ได้อยู่ตรงนั้นนานมากเกินไป ตอนนี้เขาส่งทั้งสองคนขึ้นรถไปแล้ว เขาจึงอดทนอีกต่อไปไม่ได้แล้ว คิดที่จะรีบกลับไป !
เฉาหยวนเต๋อโบกมือให้ “ ระวังตัวด้วย ! ”
หยางโปโบกมือ “ วางใจได้ ผมจะระวังตัว ! ”
หยางโปมองรถที่ขับออกไป จากนั้นเขาก็หันหลังเดินกลับไปตามทางที่เขาเพิ่งมา
เพิ่งเดินออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว โทรศัพท์ของหยางโปก็ดังขึ้น เขาก้มลงมองก็เห็นว่ามันเป็นสายโทรเข้าของเยว่จวิ้นเหยา
“ หยางโป ทำไมจู่ๆคุณถึงคิดโทรมาหาฉัน ? ” น้ำเสียงของเยว่จวิ้นเหยาดูตื่นเต้นเล็กน้อย
หยางโปลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากว่า “ โจวซินเป็นคนยังไง ? ”
“ เขาเหรอ ? ก็พอใช้ได้นะ ! ” เยว่จวิ้นเหยาตอบ “ ทำไมเหรอ ? เขาทำอะไรให้คุณไม่พอใจใช่ไหม ! ”
หยางโปขมวดคิ้ว “ จิงอันซือไท่อยู่ไหม ? คุณนำโทรศัพท์ไปให้เธอหน่อยได้ไหม ”
“ นี่คุณรังเกียจฉันเหรอ ? ถึงกับไม่อยากคุยกับฉันเลยว่างั้น ! ” เยว่จวิ้นเหยากล่าว
หยางโปหมดทางเลือก ก็เลยต้องอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าให้ฟัง
เยว่จวิ้นเหยาโกรธมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ” นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ ? เขาทำแบบนี้จริงๆเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้า ” มีเรื่องนี้อยู่จริงๆ ผมแค่อยากปรึกษาจิงอันซือไท่หน่อยว่าผมควรตัดขาข้างหนึ่งหรือแขนขาทั้งสองข้างของเขาไหม ? ”
เยว่จวิ้นเหยาพูดอย่างโกรธเคือง “ ยังจะถามอีกทำไม ในเมื่อเขากล้าทำเรื่องแบบนี้ ก็คงเตรียมใจไว้แล้ว คงต้องยอมรับผลของการกระทำ คุณไม่ต้องกังวล ฉันจะช่วยพูดกับอาจารย์ให้ ! ”
“ อืม ผมเข้าใจแล้ว ! ” หยางโปขานรับ
เมื่อเยว่จวิ้นเหยาพูดแบบนี้ หยางโปก็พอที่จะเตรียมใจไว้แล้ว นั่นก็หมายความว่าความสัมพันธ์ระหว่างโจวซินและเขาเอ่อเหมยซานไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันมากนัก แต่ตอนที่จิงอันซือไท่ขอให้
หยางโปดูแลโจวซิน มันทำให้หยางโปรู้สึกพะว้าพะวัง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีความรู้สึกแบบนี้หลงเหลืออยู่แล้ว !
หยางโปรีบกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ที่นี่กลับว่างเปล่าไร้วี่แววคนอยู่แล้ว หยางโปจึงไปสอบถามเหตุการณ์ที่แผนกต้อนรับของโรงแรม.ไอลีนโนเวล.
แผนกต้อนรับของโรงแรมบอกไปตามตรงว่า “ ไปกันแล้ว งานของพวกเขาจบแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่ต่างออกไปกันแล้ว มีคนเหลืออยู่ในงานไม่กี่คนแล้ว ! ”
เดิมทีหยางโปคิดที่จะให้บทเรียนแก่โจวซิน แต่เวลานี้กลับทำอะไรไม่ได้ !
หยางโปจึงทำได้เพียงเดินกลับออกไปเท่านั้น เขาเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง ในขณะที่จะขึ้นรถอยู่นั้น พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นโจวซินยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เขานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จู่ๆก็รีบปิดประตูรถและกระโดดข้ามราวกั้นถนนพุ่งไปทางฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว !
เดิมทีโจวซินยังคงรู้สึกค่อนข้างที่จะสบายใจอยู่มาก แต่เมื่อเห็นหยางโปวิ่งตรงเข้ามา ก็นิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปทันที เขาเหลือบมอง และรีบขึ้นรถ เร่งสตาร์ทเครื่องยนต์ทันที !
เมื่อตอนที่หยางโปวิ่งเข้ามา อีกฝ่ายก็ออกไปแล้ว
หยางโปขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรมาก เรื่องนี้ต้องไม่จบลงแบบนี้แน่ คนที่เผชิญหน้ากับเขา เขาไม่มีวันปล่อยอีกฝ่ายไปแน่ !
แต่ถึงยังไง หยางโปก็ไม่ได้ไล่ตามไป แต่คิดที่จะกลับไปที่รถ
เขาเพิ่งเดินมาได้สองก้าว โทรศัพท์ก็ดังขึ้น และยังคงเป็นสายโทรเข้ามาของเยว่จวิ้นเหยา
แต่น้ำเสียงดูเย็นชากว่ามาก
“ สวัสดี หยางโปใช่ไหม ? ฉันจิงอัน ! ”
“ จิงอันซือไท่ สวัสดี ! ” หยางโปทักทายไปด้วยในขณะที่ถือโทรศัพท์ไว้ในมือ เขาคิดไม่ถึงเลยว่า จิงอันซือไท่จะโทรกลับมาเร็วขนาดนี้
จิงอันพยักหน้าแล้วถามกลับมาด้วยความสงสัย ” เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น ? ”
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องเล่าใหม่ให้ฟังอีกครั้ง เขาไม่ได้ใส่สีตีไข่เพิ่มเช่นกัน !
จิงอันกลับอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้ เรื่องนี้มันค่อนข้างยากที่จะแก้ไข ก่อนหน้านี้เธอเคยโทรมาขอให้หยางโปดูแลโจวซินให้ เธอมีหรือจะคิดว่า ผ่านไปยังไม่นาน โจวซินก็เริ่มที่จะคิดไม่ซื่อกับ
หยางโปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นถ้ามองจากจุดประสงค์ครั้งนี้แล้ว โจวซินน่าจะอิจฉาหยางโปและต้องการหาวิธีให้เขาฝึกฝนให้ได้โดยเร็ว
แต่วิธีการเหล่านี้สำหรับทุกคนแล้ว มันล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติล้ำค่าที่มีค่ามากมายมหาศาล ต่อให้เป็นตัวเธอเองก็คงไม่ยอมพูดเรื่องนี้ออกมาง่ายๆ นับประสาอะไรกับหยางโป เขาไม่มีหน้าที่อะไรที่ต้องมารับผิดชอบช่วยเหลือผู้อื่น !
“ อืม ฉันรู้เรื่องนี้แล้ว ” จิงอันซือไท่พูดแค่นี้ แล้วก็วางสายไป
หยางโปอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว จิงอันซือไท่หมายความว่าอะไร ?
พอกลับมาถึงบ้าน หลินหลินก็รีบเข้าไปต้อนรับเขา ดึงหยางโปพลิกไปพลิกมามองย้อนขึ้นลง
” เกิดอะไรขึ้น ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ”
หยางโปหัวเราะ “ แม่ ไม่ต้องห่วง ผมไม่เป็นไร ”
หลินหลินมองสำรวจขึ้นๆลงๆ เมื่อเห็นว่าเขาไม่เป็นไรจริงๆ ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เฉาหยวนเต๋อก็รออยู่ที่นี่เช่นกัน เมื่อเห็นหยางโปไม่เป็นไร ถึงได้ขอตัวกลับอย่างวางใจ
ฮัวชิงหยุนดึงหยางโปไว้ไม่ยอมปล่อยมือ ทำราวกับว่าถ้าปล่อยมือแล้วหยางโปจะไปอีก
หยางโปปลอบโยนอยู่นาน ถึงทำให้ฮัวชิงหยุนวางใจ
ก่อนกินข้าว หลินหลินลากหยางโปไปด้านข้างและกระซิบถาม ” ลูกก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว เรื่องบางเรื่องควรที่จะรู้ไว้ ลูกอย่าคิดอะไรบ้าๆเชียวนะ ! ”
หยางโปนิ่งอึ้งไม่ค่อยเข้าใจ “ แม่ ทำไมเหรอ ? เรื่องในครั้งนี้มันเป็นอุบัติเหตุ ผมไม่ได้คิดอะไรมากมาย ! ”
หลินหลินจ้องหน้าหยางโป ส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า ” ลูกกำลังจะแต่งงานเร็วๆนี้ ลูกอย่าได้ออกบวชเพื่อละทางโลกก่อนที่จะแต่งงานเชียวนะ ! ”
หยางโปตะลึงงัน แต่ได้สติกลับคืนมา เขาหัวเราะพลางพูดว่า “ แม่ ไม่ต้องห่วงนะ มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิด ! ”
หลินหลินถึงได้ยอมรามือ
ในเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้โจวซินเคยตามไล่ล่าเขา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า
เขาต้องไล่ล่าโจวซิน เพื่อทวงถามหาความยุติธรรมกลับคืนมา
โจวซินไม่คุ้นเคยกับตี้จิง เขาจึงต้องไปโน้นนี่ไปเรื่อยเปื่อย พบเจอกับใครก็คิดไปว่าเขาต้องมีปัญหาไปซะหมด เขากลัวว่าจะถูกหยางโปจับได้
แต่ความสัมพันธ์ของหยางโปในตี้จิงนั้นซับซ้อน เขาคลุกตัวอยู่ในกลุ่มเพื่อนฝูงไม่นาน ก็มีคนส่งข่าวโจวซินและพบตัวโจวซิน
ตอนที่หยางโปปรากฏตัวต่อหน้า โจวซิน โจวซินถึงกับตกใจจนใจตกไปอยู่ตรงตาตุ่ม เขาจ้องหน้าหยางโป ” คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไง ? ”
หยางโปมองไปที่โจวซิน ” เสวียนจงล่ะ ? ”
“ พวกเราสองคนแยกจากกันแล้ว ! ” โจวซินรู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะหยางโปได้ในเวลานี้ จึงทำได้เพียงพูดความจริง
หยางโปขมวดคิ้ว เขามองไปรอบๆ “ คุณมีเบอร์โทรเขาไม่ใช่เหรอ ? โทรไปเลยสิ ! ”
โจวซินค่อนข้างที่จะจนปัญญา ” ผมติดต่อไปแล้ว แต่เขาปิดเครื่อง ! ”
หยางโปจ้องหน้าโจวซินเขม็ง ” คุณควรจะรู้ไว้นะว่าผลของการกระทำในครั้งนี้คืออะไร ทำไมคุณถึงยังทำแบบนี้ ? หรือคุณคิดว่าพวกคุณจะทำมันสำเร็จได้ ? ”
โจวซินรีบส่ายหน้า “ เรื่องนี้มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ผมแค่คิดที่จะเล่นสนุกเท่านั้น ”
หยางโปมองไปที่โจวซิน ” อ้อ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้างั้นผมก็เข้าใจแล้ว ! ”
ในขณะที่พูด หยางโปก็เดินไปด้านหน้าและก้าวเข้าไปหาโจวซิน ” คุณคิดว่าผมควรทำยังไง ? ”
โจวซินตัวสั่นสะท้าน ดูเหมือนจะตัวสั่นไปทั้งตัว “ คุณปล่อยผมไปเถอะ คราวหน้าผมไม่กล้าทำอีกแล้ว ! ”
หยางโปจ้องหน้าโจวซินเขม็ง ” ครั้งหน้าไม่กล้าทำอีกแล้ว แต่ครั้งต่อไปล่ะ ? ”
หลังของโจวซินชนเข้ากับกำแพง ค่อยๆเลื่อนตัวทรุดลงด้านล่าง ดูหวาดผวามาก !

โจวซินเกือบจะเป็นบ้า เขาคิดไม่ถึงว่าหยางโปไม่มีจิตใจเมตตาเลยแม้แต่น้อย ไม่ยอมที่จะยื่นมือช่วยเหลือเลยสักนิด แต่เหลียงหรูซิงก็ยิ่งเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น เขาถึงกับรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย !
บังเอิญที่เวลานี้ เสวียนจงกลับมาพร้อมปากกาและกระดาษพอดี เมื่อเห็นบรรยากาศในที่เกิดเหตุ ก็เข้าใจขึ้นมาทันที เขายิ้มจางๆ ” ทุกคนมาอยู่ที่นี่กันหมดแล้วเหรอ ไป พวกเรากลับเข้าไปแล้วค่อยๆพูดคุยกันเถอะ ! ”
โจวซินถือโอกาสในขณะที่ทุกคนหละหลวมรีบวิ่งออกไปข้างนอกอีกครั้ง
เหลียงหรูซิงเตรียมพร้อมไว้แล้ว ครั้งนี้เขาเพิ่งความเร็วมากขึ้น วิ่งพรวดตรงไปที่โจวซินทันที !
โจวซินเหลือบมองไปทางด้านหลัง ด้วยดวงตาที่ดุร้าย ตวัดมือซ้ายเอื้อมไปทางด้านหลัง ยิงลูกศรที่ซ่อนไว้ดอกหนึ่งออกไป !
เหลียงหรูซิงหันตัวเอียงหลบลูกศร ความเร็วจึงลดลง แต่คิดไม่ถึงว่าโจวซินจะหันไปทางฮัวชิงหยุน !
หยางโปสังเกตเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา จึงรู้สึกโกรธมากเมื่อเห็นโจวซินทำแบบนี้
เขาคว้าฮัวชิงหยุนไว้และดึงเธอไปหลบอยู่ด้านหลัง ในเวลานี้พวกเขาโจมตีเข้ามาทั้งสองทางจริงๆ !
หยางโปตกใจจนหน้าถอดสี เขาคำนวณนับครั้งไม่ถ้วน คิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นการแสดงหลอกตาของพวกเขา จุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือตัวเขานั่นเอง ชิ้นส่วนของวิชาที่ไม่ครบสมบูรณ์ ทั้งหมดที่พูดข่มขู่ให้โจวซินเขียนบอกเล่าประสบการณ์ ทั้งหมดนั้นมันก็แค่ทำเพื่อให้เขาสับสนก็เท่านั้น !
หยางโปตอบสนองกลับอย่างรวดเร็ว เขาล้วงเข้าไปชักกระบี่หยกออกมา จากนั้นก็หันไปโจมตี
เหลียงหรูซิง ดูเหมือนว่าจะไม่สนใจท่าทีของโจวซินเอาซะเลย !
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ โจวซินก็ดีใจมาก เขายื่นฝ่ามือออกมา ทุ่มสุดแรงเพื่อหวังโค่น
หยางโปลงในคราวเดียว !
ทันทีที่ใช้กระบี่หยกจู่โจม เหลียงหรูซิงก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเป็นชาวยุทธ แน่นอนต้องรู้ว่ามีอาวุธแปลกๆบางอย่างที่ทรงพลังมาก เขาไม่กล้าดูถูกและมองข้ามกระบี่หยก จึงรีบหลบออกไปอย่างรวดเร็ว
โจวซินโจมตีด้วยฝ่ามือ หยางโปยกเท้าขึ้นถีบ ในขณะที่ฝ่ามือที่ทรงพลังกำลังจะปะทะเข้ากับเท้า อยู่นั้น คาดคิดไม่ถึงว่าเท้าของหยางโปจะเบี่ยงออกไปทางด้านข้างและถีบตรงเข้าไปที่หน้าอกของโจวซิน เมื่อแรงเก่าของโจวซินจบลง แต่แรงใหม่ยังไม่เกิด ถึงจะคิดหักหลบไปอีกทาง มันก็เป็นการยากที่จะพลิกตัวหลบทันได้ จึงถูกหยางโปถีบเข้าที่หน้าอกอย่างจังและล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้น !
เหลียงหรูซิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ทำให้การโจมตีช้าลง เรื่องก่อนหน้าที่พวกเขาพูดคุยปรึกษากันไว้.ไอลีนโนเวล.
ถึงข้อตกลงในการต่อสู้ของทั้งสองคน เขาจะรับหน้าที่โจมตีซึ่งหน้าเป็นหลัก โจวซินโจมตีเข้ามาจากด้านข้าง คาดคิดไม่ถึงว่า โจวซินไม่สามารถรับมือได้เลยแม้แต่อย่างเดียว กลับถูกหยางโปถีบจนล้มฟาดลงบนพื้น !
หยางโปถือกระบี่หยกไว้ในมือ มีฮัวชิงหยุนและเฉาหยวนเต๋ออยู่ข้างหลัง เขาไม่อยากเสียเวลาต่อสู้นาน จึงยิ่งโจมตีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เหลียงหรูซิงคอยหลบเลี่ยงอยู่ตลอดเวลา ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า เขาเอื้อมมือไปคว้าเก้าอี้จากด้านข้าง แล้วเขวี้ยงเข้าใส่หยางโป !
หยางโปยังคงใช้กระบี่หยกในมือโจมตีเข้ามาเหมือนเดิม และแทงตรงไปที่เก้าอี้ กระบี่หยกแทงทะลุผ่านเก้าอี้ กระบี่ของหยางโปฟันเก้าอี้จนพัง จากนั้นกระบี่หยกได้พุ่งตรงไปข้างหน้าและแทงเข้าไปโดนตัวของเหลียงหรูซิง !
เหลียงหรูซิงตอบสนองกลับอย่างรวดเร็ว ถอยร่นลงไปทางด้านหลัง แต่กระบี่หยกยังคงจมดิ่งอยู่ในตัวเขาหลายเซนติเมตร กระบี่หยกแทงทะลุ เลือดสดๆสาดกระเด็นไหลรินออกมา !
เหลียงหรูซิงถอยร่นลงไปอยู่ตรงมุมกำแพง เขาใช้มือข้างหนึ่งกุมแผลและมองไปทางหยางโปด้วยสีหน้าที่ตกใจ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ เสวียนจงจะเตือนพวกเขาแล้ว ว่าคงยากที่จะรับมือกับหยางโป
แต่คิดไม่ถึงว่าหยางโปจะเก่งกาจขนาดนี้ !
หยางโปปกป้องฮัวชิงหยุนทั้งสองคนให้เดินออกไปข้างนอก ใบหน้าของฮัวชิงหยุนเต็มไปด้วยความตกใจ เธอจับแขนของหยางโปไว้แน่น ” นี่จะทำอะไรกัน ? ทำไมพวกเขาถึงทำแบบนี้ ?
ฉันจะโทรแจ้งความเดี๋ยวนี้ ต้องแจ้งความเดี๋ยวนี้ ! ”
น้ำเสียงของฮัวชิงหยุนปนสะอื้น เธอไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน หยางโปจึงห้ามปรามเธอไว้ “ ไม่เป็นไร ! ”
เฉาหยวนเต๋อจับจ้องไปที่หยางโป แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจการกระทำเหล่านี้ แต่เขาก็ดูออกว่า การต่อสู้เมื่อสักครู่มันน่ากลัวจนขวัญหนีดีฝ่อมาก ! เขาเดินตามหยางโปไปอย่างกระชั้นชิด
เดินตัวแนบชิดไปกับกำแพง !
เวลานี้โจวซินพยุงตัวลุกขึ้น เขาเหลือบมองไปที่เหลียงหรูซิง จากนั้นก็เห็นรอยเลือดบนพื้น
แอบสบถด่าในใจ แล้วเหลือบมองไปทางหยางโป ” หยางโป คุณน่าจะรู้นะว่าผมหมายความว่าอะไร ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ เมื่อตะกี้คุณยังพูดถึงจิงอันซือไท่อยู่เลย ผมคิดว่าถ้าจิงอันซือไท่รู้เรื่องนี้เข้า
ก็ไม่รู้นะว่าจะอธิบายกับผมได้ไหม ! ”
สีหน้าของโจวซินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาจ้องมองหยางโป ” ถ้าอย่างนั้นก็รอจนกว่าคุณจะออกไปจากที่นี่ได้แล้วค่อยมาว่ากัน ! ”
พอพูดจบโจวซินก็ดึงกระบี่เล่มหนึ่งออกจากหลังและพุ่งโจมตีเข้ามา !
หยางโปยืนอยู่ตรงจุดนั้น โดยที่ไม่ขยับเขยื้อนจนกระบี่พุ่งแทงเข้ามา !
“ แกร๊ก ! ”
เสียงที่ดังคมชัด ใบหน้าที่มีความสุขของโจวซินแข็งทื่อทันที การโจมตีหยุดชะงัก กระบี่เล่มนี้ปะทะเข้ากับเอวหยางโปจนหัก !
โจวซินจ้องหน้าหยางโปด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง กระบี่หยกที่จับไว้ในมือ ไม่ได้ทำมาจากเหล็กธรรมดาทั่วไป แต่ตระกูลโจวหลอมมาจากเหล็กกล้าถึงร้อยเส้น กระบี่ชนิดนี้สามารถตัดขาดวัตถุส่วนใหญ่ได้ แต่คิดไม่ถึงว่า เมื่อมาอยู่ต่อหน้าหยางโปกลับเปราะบาง !
หยางโปฮึดฮัดไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายโจวซิน หันหลังและเดินจากไป
โจวซินมองตามหลังของหยางโปที่เดินจากไป ก็รู้สึกอกสั่นขวัญหาย พวกเขาวางแผนเรื่องนี้ไว้หลายวัน แต่คิดไม่ถึงว่า สุดท้ายแผนการจะล้มเหลวไม่เป็นท่า จากนั้นเขาก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ เพราะเขารู้ดีว่าหยางโปยังต้องมีไม้ตายอื่นอยู่แน่ !
เหลียงหรูซิงกุมแผลและเดินเข้ามาหา ” ไหนคุณว่าเขาไม่ค่อยมีฝีมือเท่าไรไง ? ”
“ ฝีมือของเขามีไม่มากก็จริง ปกติแล้วเขาจะไม่ชักกระบี่หยกออกมา ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะยืนยันได้ ! ” โจวซินอธิบาย
เลือดสดๆไหลออกมาจากปลายนิ้วของเหลียงหรูซิง โจวซินมองไปที่เหลียงหรูซิง ” พวกเราไปฟ้องเขาว่าจงใจทำร้ายกันเถอะ ! ”
เหลียงหรูซิงมองไปที่โจวซิน ไม่พูดอะไร ทั้งหมดนี้มันก็เป็นเพียงแค่คำพูดเวลาโกรธก็เท่านั้น
พวกเขาทั้งสองคนเข้ามาล้อมหยางโปไว้ แต่ก็ยังปล่อยให้เขาวิ่งหนีไปได้ ถ้าพูดเรื่องนี้ออกไปพวกเขาคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว !
เหลียงหรูซิงส่ายหัว “ ตอนนี้ผมต้องออกไปทำธุระสักพัก คุณก็ดูละกันว่าเรื่องนี้จะจัดการยังไง ! ”
พอพูดจบ เหลียงหรูซิงไม่รอให้โจวซินได้ทันพูดอะไร ก็หันหลังเดินไปทางสวนด้านหลังแล้ว เขารู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่โตอะไร ยังไงซะ หยางโปก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่จะว่าเป็นเรื่องเล็กก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ยังไงมันก็ต้องมีผลลัพธ์ตามมา ตอนนี้หยางโปไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้จะยุติลง !
โจวซินตกตะลึงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เขามองไปที่เสวียนจง ” ทั้งหมดเป็นเพราะความคิดของคุณ ตอนนี้คุณจะทำไงต่อ ? ”
เสวียนจงหมดสิ้นหนทาง เริ่มแรกเขาได้เตือนพวกเขาแล้วว่า หยางโปไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น ตอนนี้หยางโปจากไปแล้ว ปัญหาจึงตกมาอยู่ที่พวกเขาแล้ว !
“ พวกเราก็ต้องออกไปจากที่นี่เหมือนกัน ” เสวียนจงมองหน้าโจวซิน “ อย่างดีที่สุดคือคุณได้กลับบ้าน คุณก็รู้ หยางโปไม่มีทางยอมรามือแน่ ! ”
แต่หยางโปกลับไม่ได้ลงมือทำอะไร เขาพาทั้งสองคนขึ้นรถ ในระหว่างทางกลับ หยางโปก็ได้ต่อสายโทรหาเยว่จวิ้นเหยา
รออยู่นานมาก แต่ก็โทรไม่ติด หยางโปจึงรู้สึกค่อนข้างที่จะลังเลใจ “ หยุดรถก่อน ! ”
เมื่อรถหยุด หยางโปก็ลงจากรถทันที “ พวกคุณกลับกันไปก่อน ผมยังมีธุระที่ต้องไปทำ ! ”
ฮัวชิงหยุนตกตะลึง “ คุณอย่ากลับไป พวกเราไปด้วยกันเถอะ ! ”
หยางโปหัวเราะลั่น “ วางใจได้ ไม่ใช่เรื่องเมื่อสักครู่นั้น ! ”

โจวซินหันกลับมามอง เหลียงหรูซิงก็มีสีหน้าไม่พอใจ เขาแสยะยิ้ม ” ทำไม เหลียงเต้าโหยวจะบังคับให้ผมอยู่ต่อหรือไง ? ”
เหลียงหรูซิงจ้องหน้าโจวซิน “ โจวเต้าโหยว คุณมาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ เป็นแขกที่มาเองโดยมิได้รับเชิญ ตอนนี้คุณจะออกไปแบบนี้เลยเหรอ ? ”
โจวซินทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ “ คุณน่าจะได้ยินที่หยางโปแนะนำนะ ผมเป็นลูกหลานของตระกูลโจว อำนาจของตระกูลโจวไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษตัวเล็กๆเช่นคุณจะมาต่อเทียบเคียงด้วยได้ ต่อให้ขั้นวรยุทธ์ของคุณจะเก่งกาจแค่ไหน ต่อหน้าตระกูลโจวของเราแล้ว ก็เปรียบเสมือนมดเท่านั้น ! ”
เหลียงหรูซิงชักสีหน้าไม่พอใจ “ ต่อให้ตระกูลโจวของคุณจะแข็งแกร่งอีกสักเท่าไร คิดว่าเวลานี้คงจะมาใช้อำนาจเหนือใครไม่ได้หรอกมั้ง ? ”
โจวซินตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองเข้าไปในห้อง ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที ไม่มีใครในห้องช่วยเขาได้เลย ตอนนี้มีเพียงหยางโปเท่านั้นที่มีอำนาจที่จะพาเขาออกไป แต่หยางโปจะทำแบบนั้นไหม ?
โจวซินต้องการที่จะอยู่ต่อ แต่ก็รู้สึกว่าทนหน้าด้านอยู่ต่อไม่ได้ จึงมีอาการลังเลขึ้นมาทันที
เสวียนจงรีบลุกขึ้น เขาถือกาน้ำชาและรินชาให้โจวซิน ” โจวเต้าโหยว เรามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนเองไม่มีก็เพื่อต่างคนต่างก้าวหน้า แบบเดียวกับผู้อาวุโสเหลียงกล่าวมา จะหวงแหนในสิ่งที่ตัวเองรู้ไว้คนเดียวไปทำไม ! ”
ได้ยินแบบนั้นโจวซินถึงหาข้ออ้างเดินกลับเข้ามาได้ ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ
ตอนนี้วรยุทธ์ของเขาอยู่ในขั้นกลางของหยิ่นชี่จิง ยังด้อยกว่าเหลียงหรูซิงไปสองขั้น ถึงแม้ในมือเขาจะมีไพ่เหนือกว่า และมั่นใจ 50% ว่าจะออกไปได้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่า เมื่อถึงเวลาสุดท้ายแล้วหยางโปจะทำยังไง ถ้าหากหยางโปทำอะไรเลวร้ายลับๆขึ้นมา นั่นก็หมายความว่าเขาจะไม่สามารถออกไปได้แล้วไม่ใช่หรือไง ?
โจวซินมองไปที่เสวียนจง แต่ไม่ได้พูดอะไร ทั้งหมดต่างแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนเองไม่มี มันก็แค่การแสดงฉากหนึ่งเท่านั้น ก็เพื่อให้เขาเล่าให้อีกฝ่ายฟัง เขาไม่เชื่อว่าผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษคนหนึ่งจะมีประสบการณ์มากมายอะไร ตระกูลโจวสืบทอดต่อกันมาหลายร้อยชั่วอายุคน มีความลับทางวิชายุทธของบรรพบุรุษในตระกูลอยู่มากมาย ผู้อาวุโสในตระกูลทำตัวเป็นแบบอย่างทั้งคำพูดและการกระทำ มันก็ทำให้โจวซินมีประสบการณ์มากมายได้เช่นกัน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เหลียงหรูซิงไม่อาจเทียบได้ !
เหลียงหรูซิงมองโจวซินอย่างพินิจพิเคราะห์แต่ไม่พูดอะไร
เสวียนจงยิ้ม ” เชิญดื่มชา ! ”
โจวซินหันไปมองเสวียนจงและขมวดคิ้วขึ้น ” ผมคิดว่าถ้าคุณกอดขาของหยางโปไว้ มันจะทำให้คุณมีอนาคตมากกว่า ! ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสวียนจงแข็งทื่อไปทันที จากนั้นก็ยิ้มให้อีกครั้ง ” โจวเต้าโหยวพูดเล่นแล้ว ทุกวันนี้ การที่ผมคอยตามคุณต้อยๆ กอดขาคุณไว้นั่นแหละดีแล้ว ! ”
โจวซินส่ายหน้า ” ช่างเถอะ แล้วแต่คุณละกัน ! ”
เหลียงหรูซิงเคาะโต๊ะ ” โจวเต้าโหยว ในเมื่อเป็นวิชาของครอบครัวที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ ถ้างั้นก็เริ่มพูดเถอะ ! ”
“ พูดเรื่องอะไร ? ” โจวซินขมวดคิ้ว
เหลียงหรูซิงตอบกลับ “ ก็เกี่ยวกับเรื่องการฝึกฝนวรยุทธ์ขั้นหยิ่นชี่จิง ที่เริ่มจากการดึงพลังลมปราณเข้าสู่ร่างกาย หวังว่าโจวเต้าโหยวจะสามารถอธิบายให้ละเอียดหน่อย ! ”
สีหน้าของโจวซินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน อีกฝ่ายคิดที่จะแย่งชิงไปละสิ ประสบการณ์เหล่านี้ตระกูลโจวเก็บสั่งสมมาเป็นเวลาหลายร้อยปี จะให้อีกฝ่ายรู้ได้ยังไง ? นั่นมันไม่ใช่การขุดหลุมฝังศพตัวเองหรอกหรือไง ?
หยางโปที่นั่งข้างๆ อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ เขาพอจะเดาออก ก่อนหน้านี้เป้าหมายที่เหลียงหรูซิง
อยากเจอ น่าจะเป็นเขา แต่เมื่อเขาลากโจวซินเข้ามา เหลียงหรูซิงจึงคิดว่าโจวซินคงจะรับมือได้ด้วยง่ายกว่า จึงปล่อยเขาไป แต่จะปล่อยไปจริงไหม ตอนนี้ยังพูดไม่ได้
โจวซินนั่งอยู่หน้าโต๊ะยกถ้วยชาขึ้น จากนั้นเขาจึงเหลือบมองเหลียงหรูซิงและพูดขึ้นว่า ” ถ้าพูดถึงเรื่องนี้จริงๆ มันก็คงจะเยอะมากเกินไป ผมต้องการกระดาษและปากกาเพื่อเรียบเรียงซะหน่อย ”
เหลียงหรูซิงมองโจวซินและหันไปเชยคางให้เสวียนจง ” ประธานเสวียน คุณช่วยออกไปนำกระดาษและปากกามาสักหน่อยนะ “.ไอรีนโนเวล.
เสวียนจงลุกยืนขึ้นและเดินออกไป
เหลียงหรูซิงมองไปทางหยางโป ” หยางเต้าโหยว พวกเราต้องคุยกันหน่อยไหม ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ ผมเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษคนหนึ่งก็เท่านั้น จะเทียบเคียงกับตระกูล
โจวได้ยังไง ? แต่ ผมมักจะคิดว่ากิจกรรมแบบนี้มันน่าสนใจมาก ถ้าครั้งหน้าเหลียงเต้าโหยวจัดงานขึ้นอีก ต้องแจ้งให้ผมทราบด้วยนะ ! ”
เมื่อเหลียงหรูซิงเห็นหยางโปยืนขึ้น ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ มือทั้งสองข้างของเขาจับเก้าอี้ไว้แน่น
เส้นเอ็นปุดขึ้นที่แขน ทำท่าเหมือนจะลงมือ แต่ก็ยังลังเลใจ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ และปล่อยให้หยางโปและพรรคพวกออกไป
เมื่อโจวซินเห็นหยางโปเดินออกไปใกล้ถึงด้านนอกของประตูแล้ว ทันใดนั้นเขาก็รีบวิ่งไปที่ด้านนอกประตู
เหลียงหรูซิงรู้สึกว่าขั้นวรยุทธ์ของหยางโปพอๆกับเขา บางทีอาจจะไม่ง่ายนักที่จะรับมือด้วย ดังนั้นเขาจึงอนุญาตให้หยางโปและพรรคพวกออกไป แต่สำหรับโจวซินแล้ว เขาไม่มีทางปล่อยให้เขาจากไปอย่างง่ายดายแบบนี้แน่ !
“ จะหนีไปไหน ? ” เหลียงหรูซิงตะโกนเสียงดังก่อนที่จะพุ่งพรวดเข้าไปหา
แม้ว่าโจวซินจะเริ่มเร็วกว่า แต่เหลียงหรูซิงก็เร็วกว่า ตอนที่มาอยู่ปากประตูทางออก เหลียงหรูซิงก็เกือบตามมาทันโจวซินแล้ว คิดไม่ถึงว่าแค่โจวซินเตะเท้าขวาออกไป และไม่รู้ว่าใช้เทคนิคอะไร
ถึงได้พุ่งไปข้างหน้าได้หลายเมตรอย่างรวดเร็ว จนพุ่งพรวดมาอยู่ที่ด้านนอกประตูแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาเกือบจะพุ่งไปหยุดยืนอยู่ที่ด้านข้างของหยางโปและพรรคพวกแล้ว ! หยางโปรีบไปยืนอยู่ข้างหลัง ฮัวชิงหยุนทั้งสองอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องทั้งสองคนไว้
โจวซินยืนนิ่งไม่ได้วิ่งหนีไปไหนอีก
เหลียงหรูซิงที่วิ่งพรวดออกมา เมื่อเห็นฉากนี้เข้า ก็ถึงกับตกใจเล็กน้อย เขายิ้มอ่อนๆ
” หยางเต้าโหยว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ คุณสามารถออกไปก่อนได้เลย ”
“ หยางโปถ้าวันนี้คุณสามารถปกป้องผมให้ปลอดภัยได้ พรุ่งนี้ผมจะมอบตำราลับเล่มหนึ่งให้คุณ ! ” โจวซินกล่าว
หยางโปส่ายหน้า “ ช่างเถอะ คุณชายโจว พวกเราก็รู้จักกันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว คุณก็น่าจะพอเข้าใจนะว่าผมไม่ได้ขาดแคลนตำราลับ ”
“ เศษเสี้ยวของวิชายุทธเรียกลมฝน ! ” โจวซินอธิบาย
หยางโปตกใจนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ สีหน้าดูแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด “ เศษเสี้ยววิชายุทธ ? ”
โจวซินพยักหน้า “ ใช่ ! ”
หยางโปสังเกตเห็นว่าเหลียงหรูซิงที่วิ่งพรวดตามออกมาตาลุกวาว เขาจ้องมองโจวซิน ทำราวกับอยากกลืนกินโจวซิน !
วิชายุทธพบเจอได้ยากมาก บางคนถึงกับไล่ตามหาวิชายุทธมาตลอดชีวิต แม้แต่เศษเสี้ยวของวิชายุทธ มันก็ยากที่จะได้พบเจอ ถึงแม้เหลียงหรูซิงจะมีชื่อเสียงมากในการบำเพ็ญเพียรอยู่อย่างสันโดษ ก็แค่เคยได้ยินมา เมื่อได้ยินคำว่า ” วิชายุทธ ” เท่านั้น ก็ตาลุกวาวขึ้นมาในทันที !
หยางโปส่ายหน้าและพาฮัวชิงหยุนทั้งสองค่อยๆถอยห่างออกไป “ ช่างเถอะ ผมกลัวว่าถ้ามีของดีแล้วอาจจะไม่ปลอดภัย ไม่เอาดีกว่า ! ”
“ คุณ ! ” โจวซินตกตะลึงไปทันที เขาคิดว่าจะสามารถใช้วิชายุทธมาดึงดูดความสนใจของหยางโปไว้ได้และปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กันเอง แต่คิดไม่ถึงว่า ทันทีที่หยางโปเผชิญหน้ากับวิชายุทธ กลับไม่ตกหลุมพลาง !
“ ในเมื่อหยางเต้าโหยวไม่เต็มใจที่จะยอมรับมันไว้ ส่งมอบมันมาให้ผมก็ได้ ” เหลียงหรูซิงเดินเข้ามาช้าๆพลางเอ่ยปากพูด
โจวซินหัวเราะดังลั่น “ ล้อเล่นนะ จะมีเศษเสี้ยวของวิชายุทธอยู่ในมือของผมได้ยังไง ? ”
“ ผมค้นหาดูได้ ! ” เหลียงหรูซิงกล่าว
โจวซินรีบโบกมือทันที “ เหลียงเต้าโหยว คุณอย่าได้เข้าใจผิดเชียวนะ ผมไม่ได้มีวิชายุทธ์อยู่จริงๆ ต่อให้มีของดีพวกนี้อยู่ มีหรือจะเอาติดตัวมาด้วย ? ”
เหลียงหรูซิงยิ้มพลางพูดว่า “ ไม่เป็นไร ยังไงซะ กระดาษและปากกาก็เอามาให้แล้ว คุณก็แค่เขียนมันลงไปเงียบๆก็จบ ”
โจวซินอดไม่ได้ที่จะมองหยางโปและตะโกนเสียงดัง ” หยางเต้าโหยว คิดว่าจิงอันซือไท่คงเคยพูดกับคุณแล้วว่าให้คุณดูแลผม ! ”
“ ไม่นะ ? ” หยางโปปฏิเสธเสียงแข็ง

หยางโปและพรรคพวกเดินไปข้างหน้า พอเขามองย้อนกลับไปก็เห็นว่าโจวซินกำลังเดินเข้าไปดูของ และได้ยินคำพูดที่คุ้นหูเหล่านั้นของพวกเขา หยางโปก็อดยิ้มไม่ได้ เก่อเจียซิงคนนี้ช่างโกหกปลิ้นปล้อนเสียจริงๆ มีบางเรื่องที่พูดได้จอมปลอมมาก !
มีวัตถุโบราณมากมายอยู่ในงาน เฉาหยวนเต๋อซื้อจักจั่นหยกฮั่นปาเตาในสมัยราชวงศ์ฮั่น
กระจกทองสัมฤทธิ์ในสมัยราชวงศ์ถัง และหมอนแกะสลักฉือโจวของราชวงศ์ซ่ง ทางด้านหยางโปส่วนใหญ่ซื้อแต่หยก
ในบรรดาอาวุธวิเศษต่างๆ อาวุธวิเศษหยกมีปริมารมากที่สุด โดยเฉพาะอุปกรณ์ป้องกันตัวบางอย่าง หยางโปซื้ออาวุธวิเศษป้องกันตัวจากในงานมาชิ้นหนึ่ง อาวุธวิเศษชิ้นนี้มีความแข็งแกร่งกว่าที่ซื้อจากข้างนอกมาก
นี่คือหยกแกะสลักรูปหงส์ชิ้นหนึ่ง เวลาที่หยางโปถือไว้ในมือ ก็สัมผัสได้ถึงพลังที่ไหลเวียนอย่างรุนแรงอยู่ภายใน
หลังจากที่หยางโปซื้อมา ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก เมื่อดูจากสถานที่จัดงานแล้ว ที่นี่มีอาวุธวิเศษที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เพียงไม่กี่ชิ้น กระทั่งของบางชิ้นไม่สามารถที่จะเรียกได้ว่าเป็นอาวุธวิเศษได้ แม้แต่อาวุธจี้หยกรูปหงส์ในมือของเขาก็เป็นเพียงแค่อาวุธวิเศษที่ใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
แต่หยางโปกลับไม่ได้รู้สึกผิดหวัง ตรงกันข้ามกลับเข้าใจเรื่องบางอย่างมากขึ้น บางทีในโลกของพลังลมปราณ เดิมอาวุธวิเศษอาจขาดแคลนอยู่ก็ได้ สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ไม่ได้มีประสบการณ์เฉกเช่นเขา คงยากที่จะมารวบรวมอาวุธวิเศษไว้ในปริมาณมาก
หยางโปกำลังจะเดินจากไป แต่ก็ถูกโจวซินขวางไว้ เขามองมาทางหยางโป “ ผมยังรู้สึกว่าคุณน่าจะรู้ว่าเหยียนหรูหยูไปที่ไหน ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ ถ้าผมรู้ คงบอกคุณไปนานแล้ว ยังจะให้คุณคอยตามติดผมอยู่อีกหรือไง ? ”
โจวซินยังคงติดใจสงสัย “ บ้านของเหยียนหรูหยูอยู่ที่ไหน ? ”
“ ผมก็ไม่รู้ ” หยางโปตอบ
ในขณะที่พูด ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาชายคนนั้นมีผมหงอกขาว แต่ใบหน้าเรียบเนียนสะอาด ดูน่าจะอยู่ในวัยสามสิบต้นๆเท่านั้น แต่น้ำเสียงของเขาดูแก่มาก “ หยางเต้าโหย่ว
สวัสดี ผมเหลียงหรูซิง ”
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังที่พุ่งพล่านจากตัวของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการแสดงออกถึงการดูดซับพลังปราณเข้าสู่ร่างกายที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ! หยางโปได้พบกับชาวยุทธหลายท่านที่ดูดซับพลังเข้าสู่ร่างกาย แต่หลายคนเพิ่งจะเข้ามาสู่วงการไม่นาน คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับตัวบุคคลสำคัญเช่นนี้ในสถานที่แห่งนี้ !
“ สวัสดีเหลียงเต้าโหย่ว ” หยางโปเอ่ยทักทาย
เหลียงหรูหางยิ้ม ” หยางเต้าโหย่ว ไม่ทราบว่าไปนั่งในห้องรับแขกด้านในได้หรือเปล่า ? ”
หยางโปรู้สึกแปลกใจที่เจอเข้ากับบุคคลสำคัญที่ดูเหมือนจะมีขั้นวรยุทธ์เทียบเท่าตัวเองเป็นครั้งแรก เขาพยักหน้าและตอบกลับไปว่า “ เหลียงเต้าโหย่วเชิญนำทาง ”
เหลียงหรูซิงเดินนำหน้าหยางโป ไม่นาน ทั้งกลุ่มก็เดินเข้าไปในห้องรับแขกห้องหนึ่ง
โจวซินและเสวียนจงเดินตามมาจนถึงห้าห้องประชุม โจวซินมีอาการลังเลเล็กน้อย แต่เสวียนจงกลับเดินตามเข้าไป
โจวซินตกตะลึงไปครู่หนึ่งและรีบคว้าตัวเสวียนจงไว้อย่างรวดเร็ว ” ปกติคุณทำอะไรมักจะระมัดระวัง ทำไมวันนี้คุณถึงได้ประมาทเลินเล่อ ? เหลียงเต้าโหย่วผู้นั้นมีขั้นวรยุทธที่สูงมาก
เกรงว่าจะเหนือผมไปอีก ”
เสวียนจงพยักหน้า “ ผมรู้เรื่องนี้ ! ”.ไอรีนโนเวล.
โจวซินจ้องหน้าเสวียนจง “ คุณรู้แล้ว ทำไมยังจะเข้าไปหาเรื่องข้างในอีก ? ”
“ เพราะว่าผมกับเหลียงเต้าโหย่วเป็นศัตรูเก่ากัน ” เสวียนจงตอบ
โจวซินนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเสวียนจงเดินเข้าไปแล้ว เขาจึงทำได้เพียงก้าวเท้าเดินตามไป
เหลียงหรูซิงเชิญให้หยางโปนั่งลง และยกถ้วยชาขึ้นมาช่วยหยางโปรินชา น้ำชาใสและหอมมาก ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมตลบอบอวล หยางโปนั่งลงเงียบๆโดยที่ไม่พูดอะไร
ฮัวชิงหยุนนั่งด้านข้าง รู้สึกแปลกๆ เธอชายตามมองเหลียงหรูซิงแล้วมองไปที่หยางโปอีกครั้ง
และรู้สึกว่าคนสองคนดูเหมือนจะมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามีความคล้ายคลึงกันที่ตรงไหน เมื่อสักครู่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกหยางโปว่า ” เต้าโหย่ว ” จู่ๆเธอก็รู้สึกเหมือนได้เปิดหูเปิดตา !
สิ่งที่ทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันคือคุณสมบัติประจำตัวของพวกเขา คุณสมบัติประจำตัวที่สง่างามแบบนั้น ที่ทำให้สัมผัสได้ถึงความตื่นตะลึง !
หยางโปจะละทางโลกจริงๆเหรอ ?
เฉาหยวนเต๋อก็ขมวดคิ้วขึ้นเช่นกัน ก่อนหน้าที่เขาเตือนหยางโป ว่าอย่างจมปลักอยู่กับวิทยายุทธ์ คิดไม่ถึงว่าหยางโปจะทำเป็นไม่ได้ยินที่เขาพูด !
แต่พอเข้าไปในห้องรับแขกของคนอื่นในเวลานี้ พวกเขาก็ไม่รู้จะเอ่ยปากพูดอะไร
ไม่นาน เสวียนจงก็เดินเข้ามา และไปยืนอยู่ด้านข้าง แต่ไม่ได้พูดอะไร
โจวซินรีบเข้ามาโดยที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ และนั่งลงอย่างโอ้อวดโดยที่ไม่เอ่ยปากทักทายใดๆ
สายตาจับจ้องไปที่เหลียงหรูซิงทำราวกับว่าค้นพบอะไรบางอย่าง
เหลียงหรูซิงรินน้ำชาให้หยางโปทั้งสามคน จากนั้นก็เหลือบมองไปที่โจวซินอีกครั้ง
แต่ไม่ได้สนใจเขา แต่หันไปกวักมือเรียกเสวียนจง ” ประธานเสวียน รีบมานั่งเร็ว ! ”
เสวียนจงดูเกรงอกเกรงใจมาก “ ต่อหน้าผู้อาวุโสเหลียง ผู้น้อยไม่กล้า… ”
ไม่รอให้เสวียนจงพูดจบ เหลียงหรูซิงก็พูดขัดขึ้น ” อย่าดูถูกตัวเองมากเกินไป คุณเป็นถึงประธานของชุมนุมยุทธภพ ออกไปไหนมาไหน เป็นตัวแทนของศักดิ์ศรีและเกียรติ นั่งเถอะนะ ! ”
เสวียนจงมีอาการลังเลเล็กน้อยแต่ก็นั่งลง ยังไงซะ เขาก็ยังคงเลือกตำแหน่งที่ต่ำกว่า เมื่อเห็น
เหลียงหรูซิงรินชาให้เขา ก็รู้สึกค่อนข้างที่จะหวาดกลัว แต่เหลียงหรูซิงแค่ยิ้มให้เล็กน้อย และยังคงทำเหมือนเดิม
ไม่นานหลังจากรินชาให้ เหลียงหรูซิงถึงได้หันไปทางหยางโป ” ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเสวียนจงเอ่ยถึงหยางเต้าโหย่วมาก่อน พอมาเจอกันวันนี้ ช่างเป็นคนกล้าหาญจริงๆ ! ”
“ เหลียงเต้าโหย่วชมเกินไปแล้ว ” หยางโปไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงทำได้เพียงพูดออกมาอย่างเกรงใจ
เหลียงหรูซิงยิ้ม “ นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน ผมมุ่งมั่นฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ในตี้จิงมาก็นานหลายปีแล้ว ชาวยุทธส่วนใหญ่ในตี้จิง ผมรู้จักหมด แต่อย่างหยางเต้าโหย่วที่อายุยังน้อยและมีสติปัญญาเป็นเลิศอย่างนี้ พบเห็นได้ยากมาก ! ”
หยางโปเหลือบมองเหลียงหรูซิง “ เหลียงเต้าโหย่วฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ในโลกมนุษย์ ถือว่าเป็นแบบอย่างของผมเลย ! ”
เหลียงหรูซิงหัวเราะเสียงดังลั่น คำพูดเหล่านี้ก็แค่พูดเอาใจเท่านั้น เขายิ้ม “ หยางเต้าโหย่ว
ผู้บำเพ็ญเพียรในโลกใบนี้เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน ไม่ทราบว่าหยางเต้าโหย่วยินดีที่จะแบ่งปันกันไหม ? ”
“ แบ่งปันอะไร ? ” หยางโปเหลียวมองเหลียงหรูซิง
“ ข้าเหลียงหรูซิงฝึกฝนบำเพ็ญเพียรมาหลายสิบปีแล้ว ได้เห็นความรุ่งเรืองและเสื่อมถอยของแต่ละสำนักในยุทธภพมามาก ในสายตาของข้าเหลียงหรูซิงแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าแต่ละสำนักต่างก็หวงแหนวิชาของตัวเอง ถ้าหากทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้ มันคงเป็นบุญวาสนาของชาวยุทธในใต้หล้านี้ ! ” เหลียงหรูซิงกล่าว
หยางโปเข้าใจในทันที เขาได้พบกับผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษอีกครั้ง และอีกทั้งยังเป็นผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษที่มีพลังที่แข็งแกร่ง มันคงยากมากที่ท่านผู้นี้จะได้พบเจอกับคนที่มีวรยุทธในระดับเดียวกัน บวกกับหยางโปที่ยังอายุน้อย หลังจากที่คิดว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญ ดังนั้นเลยคิดที่แลกเปลี่ยนความรู้ด้วย
หยางโปหันหน้ากลับมามองโจวซิน ไม่มีถ้วยน้ำชาอยู่ตรงหน้าโจวซิน ดูเหมือนเหลียงหรูซิงจะจงใจไม่รินชาให้โจวซิน สิ่งนี้มันทำให้โจวซินค่อนข้างที่จะหงุดหงิด และแสดงสีหน้าไม่พอใจ
หยางโปเกิดความคล้อยตาม เขาผายมือไปทางโจวซิน “ เกรงว่าเหลียงเต้าโหย่วยังจะไม่ทราบตัวตนของเต้าโหย่วท่านนี้ โจวเต้าโหย่วเป็นลูกหลานของตระกูลโจว มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ติดต่อสัมพันธ์กับสำนักที่ซ่อนตัวมาก็มากมาย สู้มาพูดคุยกันไม่ดีกว่าเหรอ ”
เหลียงหรูซิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองหน้าเสวียนจง เสวียนจงพยักหน้าให้เล็กน้อย เขาจึงถือกาน้ำชาและคิดที่จะรินชาให้โจวซิน แต่นึกไม่ถึงว่าโจวซินจะไม่รับน้ำใจ “ ไม่ต้องล่ะ
ผมไม่ดื่ม แค่พูดคุยกันก็พอ ผมไม่ค่อยมีทักษะฝีมือ ไม่ได้มีประสบการณ์อะไร เกรงว่าไม่มีเรื่องอะไรจะพูดด้วย ทั้งสองท่านพูดคุยกันไปเถอะ ! ”
พอพูดจบ โจวซินก็ลุกขึ้นหันหลังและเดินจากไป
เหลียงหรูซิงชักสีหน้าทันที เขาอยู่ในตี้จิงมาก็หลายปี และยังเป็นที่เคารพของผู้คน มีหรือจะถูกหยามเกียรติแบบนี้มาก่อน จึงตะคอกเสียงดังออกมาทันทีว่า ” หยุดเดี๋ยวนี้นะ ! ”

หยางโปยืนอยู่ด้านข้าง นิ่งอึ้งอ้าปากค้าง เมื่อได้ยินเฉาหยวนเต๋อพูดกับอีกฝ่ายเพื่อคาดเวลาแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เฉาหยวนเต๋อเป็นคนเก่าคนแก่ที่อาศัยอยู่ในจินหลิงมานานหลายสิบปีแล้ว ถ้าคิดจะนำเรื่องพวกนี้มาหลอกเขามันก็ค่อนข้างที่จะยาก !
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเก่อเจียซิงหาเห่าใส่หัวถึงขนาดบอกรายละเอียดที่ตั้งของที่บ้านมันก็ยิ่งทำให้เฉาหยวนเต๋อมีข้อมูลอ้างอิงมากขึ้น
เก่อเจียซิงนิ่งอึ้งไปอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง ” คุณใส่ร้ายป้ายสีตระกูลเก่อของเราแบบนี้ คุณจะต้องพบกับผลการกระทำ ”
“ ผมสงสัยจริงๆ การที่คุณนำบรรพบุรุษของตัวเองมาหากินแบบนี้ มันจะได้รับผลกรรมตอบสนองคืนไหม ? ” เฉาหยวนเต๋อถาม
หยางโปสังเกตเห็นเจ้าของร้านแผงลอยข้างๆที่พูดแทนเก่อเจียซิง ก้มหน้างุดไม่พูดไม่จา
เมื่อฮัวชิงหยุนเห็นสถานการณ์พลิกกลับ ก็ตกตะลึงนิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นก็พูดตามว่า
“ ถนนหม่าเต๋าอยู่ใกล้บริเวณฟูจื่อเมี่ยว ถนนสายนั้นเคยมีบางตระกูลใหญ่อาศัยอยู่ แต่ไม่มีแซ่
เก่ออยู่เลย เมื่อเร็วๆนี้รัฐบาลเมืองวางแผนสร้างถนนโบราณสายใหม่ที่นั่น และเชิญอาจารย์ของฉันให้ไปเขียนโบรชัวร์ด้านมนุษยศาสตร์ พวกเราศึกษาดูประวัติศาสตร์ของที่นั่นแล้ว ไม่พบเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์แบบนี้มาก่อนเลย ! ”
เก่อเจียซิงถูกเปิดโปงอีกครั้ง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ในที่สุดก็พูดออกมาอย่างโกรธเคือง
” พวกคุณจะมาซื้อของหรือจะมาสร้างความวุ่นวายกันแน่ ? ”
เจ้าของร้านแผงลอยไม่กล้าคุกคามหยางโป และไม่กล้าพูดอะไร เรื่องที่หยางโปสับเสาด้วยดาบไม้เมื่อสักครู่ยังติดตาอยู่ เขามีหรือจะกล้าพูดอะไรแรงๆ ประโยคนี้มันไม่น่าโมโหเท่าที่พวกเขามาหลอกตัวเองเล่นหรอก !
เฉาหยวนเต๋อหัวเราะดังลั่น หันไปมองหยางโป ” นายจะเอาไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ผมคิดว่าลูกประคำเส้นนี้ไม่เลวนัก คุณเสนอราคามาสิ ! ”
เดิมที่หยางโปคิดว่าสามารถเปิดโปงอีกฝ่ายได้ อีกฝ่ายก็จะทำตัวซื่อสัตย์ แต่คิดไม่ถึงว่าเก่อเจียซิงจะมั่นใจในตัวเองขนาดนี้ ” ห้าล้าน ! ”
เฉาหยวนเต๋อที่ยืนอยู่ข้างๆตกใจทันที “ ห้าล้าน ? ”
เก่อเจียซิงพยักหน้า ” อย่าได้คิดเชียวนะว่าพวกคุณเก่งกาจกันมาก ของยังอยู่ในมือของผม
มันก็ยังขึ้นอยู่กับผมที่จะเสนอราคาขายให้อยู่ดี ”
คำพูดนี้พูดมาได้สมเหตุสมผลมาก เย่อหยิ่งจนหยางโปทั้งสามคนพูดไม่ออก !
เรื่องหลอกลวงถูกเปิดโปงออกมาแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยังคงหน้าด้านขนาดนี้ !
แต่หยางโปก็คิดตามทันที ในเมื่อตัวเองเปิดโปงอีกฝ่ายได้ แต่เขาเองยังคงยืนกรานที่จะซื้อของอยู่ มันก็แสดงให้เห็นถึงความต้องการของตัวเองด้วย ไม่น่าแปลกใจเลยที่อีกฝ่ายจะจับจุดอ่อนของเขาและขึ้นราคาได้ !
ฮัวชิงหยุนคว้าแขนของหยางโปไว้ เมื่อเห็นเขามีอาการลังเล จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เก่อเจียซิง
” คุณเป็นคนตระกูลเก่อจริงๆใช่ไหม ? เป็นทายาทของเก่อหงจริงๆใช่ไหม ? ”
เก่อเจียซิงพยักหน้า ” แน่นอน ”
ฮัวชิงหยุนกล่าวต่อไปว่า ” เก่อหงเป็นตัวแทนของลัทธิเต๋า เขามีความสำเร็จสูงมากในการปรุงยา เล่นแร่แปรธาตุ ในมือคุณมีสูตรยาอยู่ไหม ? ”
จู่ๆเก่อเจียซิงก็ได้มองไปที่ฮัวชิงหยุน ” คุณเดาออกได้ไง ? ”
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น เก่อเจียซิงก็ล้วงหยิบกล่องกล่องหนึ่งออกมาจากตัวจริงๆ เขาวางกล่องลงแล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่เกือบจะยุ่ยสีเหลืองออกมา “ นี่คือสิ่งที่ปู่ของปู่ของผมตกทอดลงมาให้ ครั้งนั้นหลังบรรพบุรุษของตระกูลเก่อได้กินยาเข้าไป ก็กลายเป็นเซียนไปเลย ! ”
หยางโปเหลือบมองแล้วขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ สูตรเม็ดแผ่นนี้ยิ่งปลอมเข้าไปอีก เพราะกระดาษแผ่นนี้ถูกปลอมเป็นของเก่า เดิมทีมันก็ไม่ใช่ของดีอะไร !
แต่ฮัวชิงหยุนกลับรับมาด้วยความสนใจและมองสำรวจดูอย่างระมัดระวัง
หยางโปก้มหน้ามองไปที่แผงลอย ยังมีอาวุธที่ทำจากหยกอยู่อีกหลายชิ้นที่วางอยู่บนแผงลอย
มันดูธรรมดามาก เขาสัมผัสได้ว่า เก่อเจียซิงมีพลังอยู่เพียงเล็กน้อยบนตัว เขายังไม่ได้เริ่มต้นเข้ามาในเส้นทางยุทธภพเลยเสียด้วยซ้ำ !.Aileen-novel.
“ หนึ่งล้าน ! ” จู่ๆ หยางโปก็เอ่ยออกมา
เก่อเจียซิงส่ายหัว “ ต่ำเกินไป เป็นไปไม่ได้ ! ”
หยางโปเงยหน้าขึ้นมองเก่อเจียซิง ” คุณลองคิดดูนะ ถ้าไม่ขายหนึ่งล้านให้ผม คุณจะขายให้ใครได้อีก ? ”
ในขณะที่พูด หยางโปก็คว้ามือฮัวชิงหยุนและคิดที่จะเดินจากไป
ฮัวชิงหยุนเปิดสูตรยาออกมาแล้ว ในขณะที่หยางโปกำลังจะเอ่ยปากตำหนิ จู่ๆเขาเหลือบไปเห็นว่ามีหญ้าแดงที่เป็นวัตถุดิบยาชนิดหนึ่งอยู่บนเม็ดยา เขาตกตะลึงไปทันที ที่อวี่เหวินได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่เพราะออกเสาะแสวงหาหญ้าแดงหรอกเหรอ ?
หยางโปหยิบสูตรยาขึ้นมา ” ผมขอดูก่อน ”
หลังจากสำรวจดูอย่างละเอียด ก็พบว่ามีสมุนไพรอยู่จำนวนมากที่ตัวเองไม่รู้จักและยังมีวัตถุดิบยาที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนอีกหลายชนิด หยางโปอดที่จะยักคิ้วขึ้นไม่ได้ เขาจึงรู้สึกค่อนข้างที่จะลังเลใจ
เก่อเจียซิงขยับปากกำลังจะลดราคา แต่คิดไม่ถึงว่าหยางโปจะเอยปากพูดว่า ” ตกลง ห้าล้าน แต่คุณต้องมอบสูตรยานี้ให้ผม ! ”
เก่อเจียซิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ดวงตาเบิกกว้างขึ้นทันใด จากนั้นเขาก็เก็บไปอีกครั้ง “ นี่… สูตรยานี้ของผมมีมูลค่าสูงมาก เดิมทีราคาก็ไม่น้อยกว่าห้าล้าน… ”
” ขายหรือไม่ขาย พูดมาคำเดียว ! ” หยางโปพูดกดดัน
เก่อเจียซิงยังจะยังลังเลอยู่อีกหรือ ” ตกลง ! ”
หยางโปโอนเงินให้ทันที ทำภารกิจครั้งแรกสำเร็จลุล่วง เขานำกล่องไม้ที่บรรจุสูตรยามาด้วย
เขาแค่เหลือบมองก็สัมผัสได้ว่ากล่องไม้นั้นมีอะไรแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เฉาหยวนเต๋อมองหน้าหยางโป ” นายนี่ไม่สนใจอะไรเลยจริงๆ นั่นมันเงินห้าล้านเลยนะ จ่ายไปแบบนี้เลยเหรอ ? ”
“ ไม่ใช่ว่าได้ของมาหรอกหรือไง ? ” หยางโปพูด
เฉาหยวนเต๋อส่ายหน้า ” หยางโป นายควรรู้ไว้นะ ความลุ่มหลงทำลายสติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเราแล้ว มันก็เป็นเหมือนกัน ฉันไม่อยากให้นายหลงติดอยู่กับวรยุทธ์จริงๆ
นายได้รับการศึกษามานานหลายปี น่าจะเข้าใจว่าบนโลกใบนี้ จะมีหนทางในการฝึกวรยุทธ์ที่ไหนกัน ? มันก็แค่การออกกำลังกายชนิดหนึ่งเท่านั้น นายอย่าได้หลงทางผิดเชียวนะ ! ”
หยางโปไม่คิดมาก่อนว่าเฉาหยวนเต๋อจะเดาถึงการฝึกบำเพ็ญเพียรของเขาได้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำ เขาก็พูดอะไรมากไม่ได้ จึงตอบกลับไปว่า “ คุณวางใจได้ ผมรู้ ”
เฉาหยวนเต๋อพยักหน้า ” ฉันพบเจอกับคนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมมามากแล้ว มีบางคนที่ละทางโลกที่หันไปบำเพ็ญเพียร อันที่จริงสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่สิ่งที่พึ่งปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นสำนักใด ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับการฝึกฝนมาจากในโลกนี้ทั้งนั้น ! ”
ฮัวชิงหยุนที่กอดแขนของหยางโปไว้ ก็อดที่จะกระชับมือแน่นขึ้นมาไม่ได้ “ คุณคงไม่คิดที่จะละทางโลกหรอกนะ ? ”
“ พวกคุณคิดกันไปถึงไหนแล้ว ! ผมยังไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อน พวกคุณสบายใจได้ ! ” หยางโปพูดปลอบประโลม
เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริงๆ ต่อให้เป็นเยว่จวิ้นเหยาและโจวซิน หรือกระทั่งเหยียนหรูหยูก็ยังต้องฝึกฝนในโลกมนุษย์ เขาไม่สามารถปล่อยวางข้าวของมากมายลงได้ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะละทางโลก
จากนั้นทั้งสามคนก็เดินลงไป โจวซินเดินตามหลังพวกเขามา เมื่อพบกับเก่อเจียซิงก็เอ่ยปากสอบถาม ” คนก่อนหน้านี้ซื้อของอะไรไป ? ”
“ สร้อยลูกประคำเส้นหนึ่ง ” เก่อเจียซิงพูดออกมาอย่างเฉยเมย
โจวซินขมวดคิ้วเล็กน้อย หยิบหยกยู่อี้ที่วางอยู่บนแผงลอยขึ้นมา และมองดูอย่างระมัดระวัง
หยกยู่อี้ชิ้นนี้ดูสะอาดมาก เนื้อของหยกก็ละเอียด
“ นี่คือของโบราณวัตถุที่ปรมาจาย์เก่อหงตกทอดลงมาให้ เวลานั้นปรมาจารย์เก่อหงบรรลุเป็นเซียน จึงทิ้งวัตถุไว้เพียงไม่กี่ชิ้น หนึ่งในนั้นคือหยกยู่อี้ชิ้นนี้ อาวุธวิเศษชิ้นนี้เป็นทั้งอาวุธโจมตีและป้องกัน เหมาะกับเต้าโหย่วมาก ” เก่อเจียซิงกล่าว
“ คุณเป็นทายาทของเก่อหงงั้นเหรอ ? ” โจวซินอดไม่ได้ที่จะมองเก่อเจียซิงอย่างสงสัยไม่ได้
เก่อเจียซิงพยักหน้า ” มีแซ่ว่าเก่อ เก่อเจียซิง เป็นลูกหลานรุ่นที่ 43 ของตระกูลเก่อ ”
เจ้าของแผงลอยด้านข้าง เสนอหน้าเข้ามาพูดขึ้นว่า ” คุณคงไม่รู้จักเจ้าของแผงลอยเก่อมาก่อน ใครๆต่างก็รู้เรื่องราวของเจ้าของแผงลอยเก่อกัน… ”

เสวียนจงที่ยืนอยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินที่หยางโปตอบกลับมา และเมื่อเห็นโจวซินหลงเชื่ออีกครั้งแล้ว เขาก็นิ่งอึ้งไปทันที
คิดไม่ถึงว่าโจวซินจะเชื่อคำพูดบ้าบอนี้ของหยางโปจริงๆ ! คาดคิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมเชื่อ !
เสวียนจงเอื้อมมือออกมาคิดที่จะเตือนสติโจวซิน แต่กลับเห็นหยางโปหันมาถลึงตาใส่เขา
เขาถึงกับเงียบไปทันที เขาอยากจะเป็นเพื่อนกับโจวซิน แต่กลับยิ่งอยากเป็นเพื่อนกับหยางโปมากกว่า เวลานี้ ถ้าไปเตือนโจวซิน คงจะเป็นศัตรูกับหยางโปอย่างไม่ต้องสงสัย มันจะยิ่งเป็นการทำให้หยางโปขุ่นเคืองใจ !
เสวียนจงอดที่จะนึกถึงผลทีตามมาแบบนี้ไม่ได้
ตระกูลของโจวซินมีธุรกิจขนาดใหญ่ เบื้องหลังก็มีอิทธิพลอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่เกรงกลัวหยางโปเลย และมักจะประกาศเป็นศัตรูกับหยางโป แต่ชุมนุมยุทธภพล่ะมีอะไร ?
ตอนที่ก่อตั้งชุมนุมยุทธภพขึ้นในฐานะพันธมิตรผู้ฝึกบำเพ็ญสันโดษ เสวียนจงก็อยากยืมใช้พลังของผู้อื่นเพื่อช่วยในการฝึกบำเพ็ญให้ตัวเขาเอง แม้กระทั่งทำความรู้จักกับชาวยุทธที่ทรงพลังมากกว่า !
แต่พันธมิตรคนที่ฝึกบำเพ็ญอยู่อย่างสันโดษที่มารวมตัวกัน ก็ช่วยอะไรเขาได้ไม่มากนัก แต่ยังไงซะเขาก็ได้มารู้จักกับโจวซินผ่านสิ่งนี้ ก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายเหมือนกัน พันธมิตรของคนผู้ฝึกบำเพ็ญสันโดษนี้มีสถานะสูงในโลกธุรกิจ แต่ถ้าคิดจะรับมือกับหยางโป กลับเป็นเรื่องที่ยาก !
หลังจากคิดอยู่นาน เสวียนจงก็ยังไม่เตือนโจวซิน แต่ปล่อยให้โจวซินคิดไปตามที่คาดเดาไว้
โจวซินมองไปที่หยางโป ” ไม่ใช่มั้ง พลังในวันนั้นมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผลแบบนี้ ! ”
หยางโปไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก แต่หันไปมองเฉาหยวนเต๋อทั้งสองคน “ ไปกันเถอะ พวกเราไปดูกันสิว่ามีสมบัติล้ำค่าอะไรอยู่บ้าง ! ”
เฉาหยวนเต๋อยิ้มและเดินตามไป
ฮัวชิงหยุนดึงหยางโปไว้ “ พวกคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน ? ฝึกบำเพ็ญเพียรอะไรกัน ? ”
หยางโปหันมองไปที่ฮัวชิงหยุน และมีอาการลังเลเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คิดที่จะบอก
ฮัวชิงหยุนเกี่ยวกับเรื่องราวพวกนี้และถึงกับที่ว่าไม่พูดอะไรเลย แต่เมื่อความจริงถูกเปิดเผย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดว่า “ ตอนนี้พูดอะไรมากไม่ได้ กลับไปจะอธิบายให้คุณฟังเอง ”
เฉาหยวนเต๋อเหลือบมองหยางโป จากนั้นก็หันกลับไปมองวัตถุในงานอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย วัตถุที่อยู่ที่นี่มีคุณภาพดีกว่าที่อยู่ชั้นล่างพวกนั้นมาก กระทั่งที่ว่าสามารถมองแวบแรกก็ดูออกเลยว่าเป็นของจริง แต่พวกมันต่างก็มีลักษณะเฉพาะเจาะจงบางอย่างที่เหมือนกัน คือของส่วนใหญ่ในงานกว่าครึ่งเป็นหยก นอกจากนี้ยังมีกระบี่หยกบางส่วน ของจำพวกเข็มทิศ ดูเหมือนของใช้ของนักพรต !
เฉาหยวนเต๋อยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เลือกลูกประคำเส้นหนึ่งในงานมา ลูกประคำเส้นนี้ดูเหมือนจะร้อยด้วยลูกปัดเป็นร้อยลูก ดูเส้นยาวมาก ลูกปัดแต่ละเม็ดกลมมน ไม่รู้ว่าเป็นวัสดุชนิดใด ไม่ใช่ทองคำหรือไม้ แต่พอสัมผัสดูก็กลับให้ความรู้สึกที่อบอุ่น !
เฉาหยวนเต๋อยื่นสายประคำให้หยางโป “ นายดูสิของชิ้นนี้เป็นไงบ้าง ? ”
หยางโปรับสายประคำมาคลำดูอย่างระมัดระวัง และขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ลูกประคำเส้นนี้ดูธรรมดา แต่เมื่อจ้องมองดูดีๆ กลับพบว่ามีความแปลกใหม่อื่นแฝงอยู่ ดูเหมือนจะมีชั้นแสงล้ำค่าอยู่ด้านนอกของลูกประคำ ชั้นแสงอันล้ำค่านี้ดูค่อนข้างอ่อน แต่แสงล้ำค่าอ่อนๆแบบนี้กลับทำให้คนรู้สึกถึงจิตใจที่ซื่อตรงและยิ่งใหญ่ !
หัวใจของหยางโปก็เหมือนน้ำ เขาหยิบลูกประคำมาดีดอย่างระมัดระวัง ลูกประคำทุกเม็ดที่ดีด
มันทำให้เขาสัมผัสถึงความกระจ่างแจ้งและความสงบภายในจิตใจได้อย่างแจ่มชัด ความรู้สึกนี้แปลกมาก เหมือนถูกพลังปาฏิหาริย์บางอย่างจับเคลื่อนย้าย !
“ เส้นประคำนี้ไม่เลวเลย ! ” หยางโปไม่ได้อธิบายอะไรมาก
เจ้าของแผงขายของเป็นชายวัยสามสิบกว่า มีของหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ข้างหน้า
เมื่อได้ยินหยางโปสอบถามราคา เขาก็เงยหน้าและหันไปเหลือบมอง ” สามล้าน ! ”
หยางโปตกตะลึงนิ่งงันไปครู่หนึ่ง “ สายประคำเส้นนี้มีต้นกำเนิดจากอะไร ทำไมมันถึงมีราคาแพงขนาดนี้ ? ”
เจ้าของแผงลอยมองหน้าหยางโป “ นี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ มีผลต่อการทำสมาธิ
( คัมภีร์ซ่างชิงจิง ) เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อปรมาจารย์เก่อหงปรุงยา เล่นแร่แปรธาตุเป็นครั้งแรก มักจะถือสายประคำไว้ในมือ ทุกวันนั่งอยู่ข้างเตายา เง็กเซียนฮ่องเต้เรียกหาทั้งปี ลูกประคำเส้นนี้มีพลังของปรมาจารย์เก่อหงอยู่ ! ”.ไอรีนโนเวล.
เมื่อหยางโปได้ยินเรื่องนี้ ก็ตกตะลึงไปทันที นี่มันเบี่ยงเบนตำนานเกินไปหรือเปล่า ? คนในวงการอุตสาหกรรมมักจะเบี่ยงเบนเปลี่ยนแปลงเรื่องราวขึ้น ดังนั้น ตอนนี้ทุกคนต่างก็เบี่ยงเบนเรื่องราวและร่วมกันแต่งเรื่องขึ้นมา ถ้าหากของชิ้นใดไม่สอดคล้องหรือมีในตำนานเรื่องเล่าขาน ของสิ่งนั้นก็จะไม่ใช่วัตถุโบราณ !
เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีการแต่งเรื่องราวขึ้นที่นี่ เก่อหงคือใคร เขาเป็นบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงของลัทธิเต๋าในราชวงศ์จินตะวันออก และเป็นที่รู้จักในเรื่องการปรุงยา เล่นแร่แปรธาตุ นี่มันเป็นเพียงสายประคำเส้นเดียวเท่านั้น ทำไมถึงลากเก่อหงเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ?
เมื่อได้ยินเฉาหยวนเต๋อก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ” เก่อหง ? คุณบอกว่าวัตถุแบบนี้ของคุณเป็นของ เก่อหง ? คุณแซ่อะไร ? ”
“ นี้คือของปรมาจารย์เก่อหง แซ่เก่อ เก่อเจียซิง เป็นทายาทรุ่นที่ 43 ของตระกูลเก่อ ” เจ้าของแผงลอยอธิบาย
เจ้าของแผงลอยที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็อธิบายตามว่า “ คุณหยาง ไม่แปลกใจเลยที่คุณใช้ความสามารถเข้ามา คุณคงไม่เคยติดต่อสัมพันธ์กับแวดวงนี้มาก่อนแน่ เรื่องราวของเจ้าของแผงลอยเก่อ ทุกคนต่างก็รู้ดี ”
“ อ้อ เรื่องอะไรเหรอ ? ” หยางโปอดไม่ได้ที่จะหันไปมองชายคนนั้น ซึ่งเป็นชายในวัยห้าสิบกว่า
ดูเหมือนชีวิตจะผ่านมรสุมร้ายแรงมาอย่างโชกโชน
“ ครั้งหนึ่งตระกูลเก่อเคยมีคนจำนวนมากคอยเซ่นไหว้ เป็นตระกูลที่เจริญรุ่งเรือง มีชื่อเสียงมากในมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียงในเวลานั้น ดูแลวัดลัทธิเต๋าในซูโจวและหางโจว แต่ต่อมาภายหลังในสมัยราชวงศ์ชิงตอนปลาย กองทัพญี่ปุ่นบุกเข้ามา ลูกหลานของคนสกุลเก่อมีคนหนุ่มสาวอยู่สิบแปดคนที่ทยอยเข้าร่วมกองทัพ เพื่อรับใช้ชาติติดต่อกัน คิดไม่ถึงว่าเพราะเหตุนี้จะทำให้ตระกูล
เก่อหมดสิ้นลูกหลานสืบทอดและเซ่นไหว้ต่อ คนหนุ่มสาวทั้งสิบแปดคนนี้ถูกแยกย้ายให้ไปประจำการในค่ายทหารคนละที่ แต่กลับทยอยล้มหายตายจากไปในการสนามสู้รบทีละคน ! ”
“ เพราะเหตุผลนี้ คนหนุ่มสาวเหล่านี้จึงล้มหายตายจากไปในสนามรบภายในหนึ่งเดือนอย่างคาดไม่ถึง ตระกูลเก่อยังไม่ทันรู้ตัวก็จบสิ้นลงแล้ว เพราะเหตุนี้ผู้นำของตระกูลเก่อจึงผมขาวโผนในชั่วข้ามคืน แต่โชคดีในตระกูลยังเหลือคนสืบทอดคนสุดท้าย ที่ยังคงทำการจุดธูปเซ่นไหว้บรรพบุรุษสืบทอดต่อมา ”
หยางโปหันกลับไปมองเก่อเจียซิง อดไม่ได้ที่จะให้ความเคารพกว่าเดิม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮัวชิงหยุนหันไปมองเก่อเจียซิงอีกครั้ง ” ขอแสดงความนับถือ ”
เก่อเจียซิงพยักหน้า และตอบกลับมาอย่างเฉยเมย “ เรื่องแบบนี้ ปกติผมจะไม่ให้คนนอกรู้ นี่เป็นธรรมเนียมของตระกูลเก่อ ก็หวังว่าพวกคุณจะไม่ปากมากนะ ”.ไอลีนโนเวล.
เฉาหยวนเต๋อกลับนิ่งอึ้ง เขาจ้องหน้าเก่อเจียซิง “ ขอสอบถามหน่อยนะ แต่ก่อนตระกูลเก่ออาศัยอยู่ที่เมืองไหน ? ”
เก่อเจียซิงหันไปมองเฮาหยวนเต๋อ ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย “ จินหลิง ถนนหม่าเต๋า ”
เฉาหยวนเต๋อนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ “ คุณก็อยู่ที่ถนนหม่าเต๋าเหรอ ? คุณอยู่ซอยเลขที่เท่าไหร่ ?
ตอนเด็กๆผมเคยได้ยินเรื่องตระกูลเก่อ แต่ก่อนบ้านเราอยู่ที่นั่น ”
“ บ้านของเราอยู่ที่ถนนหม่าเต๋า 12 ! ” เก่อเจียซิงตอบ
เฉาหยวนเต๋อไม่พูดอะไร เขาหันไปมองที่แผงขายของ และหันกลับมาจ้องหน้าเก่อเจียซิงอีกครั้ง และส่ายหน้าช้าๆ “ จินหลิงถนนหม่าเต๋าเป็นสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลจากฟูจื่อเมี่ยว แต่ก่อนผมก็อยู่ที่ถนนหม่าเต๋า 12 เหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะอยู่ในบริเวณเดียวกัน ”
เมื่อเก่อเจียซิงเห็นสีหน้าท่าทีของเฉาหยวนเต๋อ เขารู้สึกว่าตัวเองพูดเจาะจงเกินไป เขาจึงอธิบายไปว่า ” ถ้างั้นก็บังเอิญจริงๆ ! ”
เป็นไปอย่างที่คาดการไว้ ต่อมาก็ได้ยินเฉาหยวนเต๋อพูดต่อไปว่า “ ไม่บังเอิญ เวลานั้นตระกูลเฉาของเราก็ถือว่ามีเงินมีทอง ทั่วทั้งบริเวณบ้านเป็นของตระกูลเฉาเราหมดเลย แต่ผมไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลเก่อมาก่อน ไม่ทราบว่าเวลานั้นตระกูลของพวกคุณอาศัยอยู่บนฟ้าเหนือหลังคาบ้านเราหรือเปล่า ? ”

หยางโปไม่ใส่ใจกับสายตาในงานที่มองมา ดาบไม้ท้อในมือถูกยกขึ้นสูง พลังไหลรวมลงมาที่ดาบ หยางโปรู้สึกว่าแขนของตัวเองหลอมรวมเป็นหนึ่งกับดาบไม้ท้อ ความรู้สึกนี้แปลกมาก เหมือนกับดาบหลอมรวมกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของเขาไปแล้ว !
ดาบไม้ฟันลงไปบนเสาไม้อย่างราบรื่น หยางโปสัมผัสได้ถึงความราบรื่นของดาบไม้ท้อที่ตัดผ่านเข้าไปในลายไม้อย่างชัดเจน !
เสียงดัง “ ฉัวะ ” ทุกคนในงานเบิกตาโต ทุกคนเห็นชัดว่าดาบไม้ท้อในมือของหยางโปตัดผ่านเข้าไปในเสาไม้ ดาบไม้ท้อที่แสนจะบางเบาและเปราะบาง กลับตัดเข้าไปในเนื้อไม้หวางฮวาหลีที่เป็นไม้เนื้อแข็งได้ การเทียบความแข็งแกร่งแบบนี้ทำให้ทุกคนตกใจกันมาก !
โจวซินจับจ้องไปในที่เกิดเหตุ ดูมือของหยางโปที่คลายดาบไม้ท้อ ดาบไม้ตัดผ่านบนเสาไม้และติดอยู่ตรงนั้น เขาไม่เพียงถอนหายใจเบาๆอย่างอดไม่ได้ “ ความแข็งแกร่งของหยางโปเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ! ”
เสวียนจงมองไปที่เกิดเหตุ ไม่รู้ว่าควรจะตอบโจวซินว่ายังไงดี เขาไม่สามารถบอกได้ว่าครั้งนี้กับครั้งที่แล้วต่างกันมากน้อยเพียงใด แต่มันก็ทำให้เขาประหลาดใจทุกครั้ง เพราะในสายตาของเขาแล้ว พลังที่มีอยู่อย่างน้อยนิดของเขา คิดจะทำได้ถึงระดับนี้ มันยากที่จะจินตนาการจริงๆ !
เสวียนจงชายตามองโจวซิน ” เพิ่มขึ้นเยอะมากไหม ? ”
โจวซินส่ายหัว “ ไม่มากเท่าไหร่ ”
เสวียนจงถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก เขารู้สึกคลายกังวลกับคำตอบนี้ไปไม่น้อยทีเดียว เพิ่มขึ้นไม่มากนักนั้นมันก็มากโขทีเดียว
คิดไม่ถึงว่าโจวซินจะยังคงพูดต่อ “ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่สิ่งนี้ แต่เกี่ยวกับในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้ ที่หยางโปมีการพัฒนาขึ้นอีกครั้ง การพัฒนาแบบนี้ทำให้รู้สึกน่าหวาดกลัวจริงๆ คุณไม่ได้ก้าวหน้ามานานแค่ไหนแล้ว ? ”
เสวียนจงมีสีหน้าเรียบเฉยนิ่งงัน เจ็บปวดรวดร้าวใจ ทั้งหมดที่เขาศึกษาเรียนรู้ และคิดมาติดตาม
โจวซินก็เพื่ออยากได้ความก้าวหน้าและพัฒนาขั้นวรยุทธ์เพิ่มขึ้นโดยเร็วที่สุด แต่ถึงกระนั้น การที่เขาอยากก้าวหน้าขึ้น มันก็ยากเย็นแสนเข็ญ มันก็เป็นธรรมดาที่จะเข้าใจเหตุผลในคำพูดของ
โจวซิน !
“ เขาทำไมนะ ? เขาถือสิทธิ์อะไรถึงได้พัฒนาและก้าวหน้าไปได้เร็วขนาดนี้ ? ” เสวียนจงไม่ค่อยเข้าใจ เขาจ้องหน้าโจวซิน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีกับหยางโป อย่างน้อยก็จะได้เลือกทางเดินไว้ให้ตัวเอง แต่ความหมกมุ่นที่ตัวเขาไม่สามารถพัฒนาพลังให้ก้าวหน้ามานานหลายปี มันเลยทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้
โจวซินถลึงตาใส่ เขาจ้องไปที่หยางโป ” ใช่สิ เขามีสิทธิ์อะไรถึงได้พัฒนาและก้าวหน้าไปได้เร็วนัก ? เขาต้องได้รับโอกาสและโชคชะตาโอกาสจากทะเลสาบซีหูเมื่อครั้งก่อนแน่นอน มันต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เขาจะแซงหน้าผมไปได้ยังไง ? ”
ในงานเงียบกริบ หยางโปหันไปมองหน้ายามรักษาการ “ ตอนนี้พอได้หรือยัง ? ”
ยามรักษาการตัวสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร แต่ภายใต้ดาบไม้ของหยางโป เขาก็ก้มลงทันที
” คุณผู้ชายกรุณารอสักครู่ ผมจะไปเรียนเชิญสหายของคุณเข้ามาเดี๋ยวนี้ ! ”
พอพูดจบ ยามรักษาการดูเหมือนจะวิ่งเยาะออกไปจนสุดทาง สำหรับเขาแล้ว ความแข็งแกร่งแบบนี้มันเหนือความคาดหมายไว้จริงๆ หากหยางโปแจ้งว่ามีพละกำลังที่แข็งแกร่งแบบนี้เร็วกว่านี้
เขาก็คงจะไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่สักคำ
ไม่นานก็มีคนในที่เกิดเหตุมีปฏิกิริยาตอบกลับมา “ สวัสดีครับคุณผู้ชาย ผมหวังหวยตง คุณคือ ? ”
หยางโปเหลือบไปมองอีกฝ่าย อีกฝ่ายดูจะมีอายุประมาณสี่สิบกว่า ผมสั้น ดูท่าทางสง่างาม
เขาจึงพยักหน้าให้เล็กน้อย “ ผมหยางโป คุณมีธุระอะไรไหม ? ”
หวังหวยตงยิ้มและชี้ไปทางด้านหลัง “ คุณหยาง คุณก็เห็นแล้ว ในเมื่อคุณไม่แสดงฝีมือออกมา
แต่เลือกที่จะแสดงความแข็งแกร่งออกมาแทน ด้านหลังผมยังมีคนกลุ่มใหญ่ที่อยากจะมาพูดคุยกับคุณ แต่การกระทำนั้นมันเร็วไปหน่อยก็เท่านั้น ! ”.Aileen-novel.
หยางโปหันมองไปทางด้านหลังหวังหวยตง ก็พบว่ามีกลุ่มคนจำนวนมากวิ่งกรูกันมาทางด้านนี้จริงๆ เขาเหลือบมองหวังหวยตง ” คุณแน่ใจได้ไงว่าคุณจะพูดกับผมรู้เรื่อง ? ”
หวังหวยตงหัวเราะ “ ผมคือหวังหวยตง ฉายาของผมคือ ไป่เสี่ยวเซิงผู้รอบรู้ในยุทธภพ ไม่ว่าคุณจะอยากรู้เรื่องอะไร ผมก็สามารถตอบคุณได้ นี่เป็นข้อได้เปรียบของผม ! ”
หยางโปมีอาการลังเล จากนั้นก็ชี้ไปที่โจวซิน ” แล้วเขาเป็นใคร ? ”
หวังหวยตงผงะไปครู่หนึ่ง “ เขาเป็นใครงั้นเหรอ ? ”
“ เขาชื่อโจวซิน ” หยางโปตอบ
หวังหวยตงตกตะลึงนิ่งงันไปทันที รู้สึกทำอะไรไม่ถูกกันไปเลยทีเดียว เขาคิดว่าหยางโปจะถามเกี่ยวกับเรื่องในงานแต่คิดไม่ถึงว่าหยางโปจะถามถึงคน จนกระทั่งมีคนกลุ่มใหญ่ในงานเข้ามารายล้อม เขาก็ยังพูดอะไรไม่ออกสักคำ
“ สวัสดีครับ คุณผู้ชาย นี่นามบัตรของผมครับ ! ”
มีคนจำนวนมากเกินไปในงานที่ต้องการผูกมิตรกับหยางโป จนหวังหวยตงรู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา “ พวกคุณทยอยเข้ามากันทีละคนสิ ตอนนี้ผมกำลังพูดคุยกับคุณหยางอยู่นะ ”
“ ในเมื่อคุณอยากจะมาพูดคุยด้วย คุณรู้ความเป็นมาของเขาไหม ? ” หยางโปถาม
หวังหวยตงเงียบลงอีกครั้ง จนถูกกลุ่มฝูงชนเบียดจนถอยไปอยู่ที่ด้านหลัง หยางโปก็เอื้อมมือไปรับนามบัตรมามากมาย สำหรับเขาแล้ว นามบัตรเหล่านี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมาก แต่ในเวลาแบบนี้ เขาก็คงไม่สามารถไปสร้างความโกรธเกลียดและปฏิเสธที่จะไม่รับนามบัตรได้
ไม่นานหลังจากฮัวชิงหยุนและเฉาหยวนเต๋อทั้งสองก็ถูกนำตัวเข้ามา ยามรักษาการที่ดูแลอยู่ด้านนอกแสดงท่าทางเคารพนอบน้อม ทำให้พวกเขาแปลกใจมาก แต่เมื่อมาถึงในงาน มันก็ยิ่งน่าแปลกใจที่หยางโปเป็นที่ต้องการตัวมาก !
ฮัวชิงหยุนยังไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ผู้คนทำเหมือนไล่ตามดารานักแสดง
อยากทำความรู้จักกับหยางโป เธออดไม่ได้ที่หันไปมองเฉาหยวนเต๋อ “ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ”
เฉาหยวนเต๋อค่อนข้างที่จะลังเล ” หยางโปเป็นสมาชิกของคณะกรรมการประเมินโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมแห่งชาติและมีความสามารถระดับการประเมินวัตถุทางวัฒนธรรมอยู่สูงมาก เมื่อตะกี้เขาต้องแสดงฝีมือแน่ๆ ทำให้ทุกคนตกตะลึง และทำให้ทุกคนรู้ถึงระดับความสามารถของเขา
ถึงได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นน่ะสิ ! ”
ฮัวชิงหยุนค่อนข้างที่จะมึนงง “ แต่แบบนี้มันก็บ้ากันเกินไปแล้วไหม ? มันดูเหมือนอยากจะเข้ามาทำความรู้จักซะที่ไหนกัน นี่มันไล่ตามดาราชัดๆ ! ”
“ ดาราผู้ช่ำชอง เป็นดาราเหมือนกัน หยางโปเปรียบเสมือนเป็นดาราผู้ช่ำชอง ! ” เฉาหยวนเต๋อเดา
หลังจากนั้นไม่นาน หยางโปถึงได้หลบออกมาจากวงล้อมได้ เมื่อเขาเห็นฮัวชิงหยุนทั้งสองคน
ก็โบกมือให้พวกเขา
ฮัวชิงหยุนทั้งสองคนจึงเดินเข้ามาหา ” นี่คุณไปทำอะไรมา ? ”
“ ก็คนมีเสน่ห์ไง ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็มักจะมีแต่คนสนใจ ” หยางโปยิ้มพลางตอบ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอธิบายว่าเขาเพิ่งตัดเสาไม้มา
ฮัวชิงหยุนกลอกตาใส่ ” คุณมีเสน่ห์งั้นเหรอ คุณคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์มากไหม ? ”
เฉาหยวนเต๋อหันไปพูดกับหยางโป ” เจอของดีอะไรไหม ? ”
“ พวกเราลองไปดูกันเดี๋ยวก็รู้เองแหละ ! ” หยางโปพูด
ทั้งสามคนเดินไปที่แผงลอย โจวซินที่ยืนอยู่ข้างหลังฝูงชน เมื่อเห็นว่าในที่สุดหยางโปก็เดินมา
เขาก็มีอาการลังเลเล็กน้อยและหยุดหยางโปไว้ ” คุณไม่ได้พูดความจริง ! ”
“ ผมพูดโกหกอะไร ? ” หยางโปหันไปมองโจวซิน
โจวซินจ้องหน้าหยางโป “ เมื่อเทียบกับก่อนหน้าที่ ตอนที่อยู่หยูหาง คุณก้าวหน้าไปมาก
ถ้าตามปกติแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพัฒนาไปได้รวดเร็วขนาดนี้ คุณต้องได้รับโอกาสและโชคชะตามาจากหยูหางแน่นอน ! ”
“ โอกาสและโชคชะตา ? ” หยางโปเหลือบไปมองโจวซิน ส่ายหน้าและพูดว่า “ คุณคิดว่าผมจะได้รับโอกาสและโชคชะตามาใช่ไหม ? เกรงว่าวันนั้นคุณไม่ได้ใส่ใจกับการฝึกฝน นับตั้งแต่การฝึกฝนวันนั้นมา ผมก็รู้สึกว่า ความเร็วในการฝึกฝนของตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือว่านั่นคือโอกาสและโชคชะตา ? ”
ดวงตาของโจวซินเบิกกว้าง ถูกหยางโปหลอกเข้าให้อีกครั้งแล้ว “ จริงเหรอ ? ”

เฉาหยวนเต๋อเข้าใจว่าที่นี่คืองานจัดแสดงสินค้าวัตถุโบราณ แต่เมื่อเข้ามาเห็นสภาพแบบนี้ เขาก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย และอดไม่ได้ที่จะมองมาทางหยางโป “ ทำไมที่นี่ถึงมีโบราณวัตถุของจริงอยู่น้อยมากเลยล่ะ ? ดูเหมือนว่าข้อมูลที่ฉันได้มาจะผิดพลาดไป มีคนบอกฉันว่าอาจมีวัตถุโบราณของชาติอยู่ก็เป็นได้ ฉันถึงได้ลากนายมาที่นี่ด้วยไง ”
“ ลากผมมาทำไม ? จ่ายเงินงั้นเหรอ ? ” หยางโปพูดพลางยิ้ม
เฉาหยวนเต๋อไม่มีทางเลือกอื่น เขาจ้องหน้าหยางโป ” นายคิดกับฉันให้มันดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง ในสายตาของนาย ฉันเป็นคนแบบนั้นจริงๆหรือไง ? ”
หยางโปหัวเราะดังลั่น “ ล้อเล่นนะ คุณไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน แต่ใครเป็นคนบอกคุณว่าที่นี่มีของวัตถุโบราณ ? ”
เฉาหยวนเต๋อไม่มีทางเลือกอื่น “ อย่างที่นายรู้พวกเราในฐานะหัวหน้าแผนก ก็มีช่องทางอยู่มากมาย มักจะได้รับจดหมายรายงานจำนวนมากทุกวัน ตอนที่จดหมายฉบับนี้ถูกส่งมา ก็มีบัตรเชิญอยู่ในนั้น วันนี้ฉันไม่ค่อยยุ่งมากเลยมาดูน่ะ ”
หยางโปยักคิ้วขึ้น เขานึกว่าจะมีคนวงในที่รู้รายละเอียดของสำนักโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมอยู่ซะอีก แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายก็ไม่รับรู้อะไรเลยเช่นกัน
หยางโปมองไปรอบๆ ที่นี่มีเพียงห้องโถงนี้เท่านั้นที่ดูคึกคักและแปลกตา
ฮัวชิงหยุนถือจี้หยกและหันไปถามหยางโป ” ทำไมฉันรู้สึกว่าพอสัมผัสจี้หยกชิ้นนี้แล้วรู้สึกสดชื่น รู้สึกว่ามันแตกต่างไปจากจี้หยกชิ้นอื่นอย่างสิ้นเชิงเลยนะ ! ”
หยางโปยิ้ม “ จี้หยกนี้เดิมมันก็ความแตกต่างอยู่แล้ว คุณใส่ไปนานวันเข้าเดี๋ยวก็จะรู้เอง ”
หยางโปมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบโจวซินทั้งสองคน เขานิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ปกติแล้วพวกเขาก็น่าจะเดินเล่นอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือไง ?
แต่จู่ๆหยางโปก็นึกขึ้นมาได้ว่าสภาพแวดล้อมข้างในนั้นแย่มาก ฝูงชนก็พลุกพล่าน เสียงก็ดัง
ถ้าพวกเขาไม่อยากอยู่กันในนี้มันก็เป็นเรื่องปกติ แต่พวกเขาไปที่ไหนกันนะ ?
ดูเหมือนเฉาหยวนเต๋อก็ตระหนักถึงปัญหานี้ด้วยเหมือนกัน ” เพื่อนทั้งสองคนของนายไปไหนแล้ว ? ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับบัตรเชิญ ถ้าเป็นแบบนี้ พวกเขาอาจจะรู้เรื่องราวภายในดีกว่าเราก็ได้ ”
หยางโปพยักหน้า “ พวกเราออกไปดูกันก่อน ผมรู้สึกว่าพวกเขาเหมือนทิ้งเราไว้ ต้องรู้อะไรมาแน่นอน ? ”
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้องจัดงาน ยามรักษาการสองคนที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูก็เข้ามาขวางพวกเขาไว้ ” สวัสดีครับคุณผู้ชาย ที่นี่ไม่อนุญาตให้เข้าออกตามใจชอบ ! “.ไอลีนโนเวล.
หยางโปและเฉาหยวนเต๋อมองหน้ากัน ก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าน่าจะต้องมีสถานที่จัดงานอื่นอยู่แน่นอน ถึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พวกเขาถึงได้ห้ามไม่ให้คนข้างในออกไป ก็เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาค้นพบความลับนี้
หยางโปขมวดคิ้วขึ้น ” ผมกับเสวียนจงอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะออกไป และโทรมาเรียกให้ผมออกไป ”
ยามรักษาการทั้งสองคนมองหน้ากัน และมีอาการลังเลเล็กน้อย
เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ หยางโปก็ตระหนักได้ทันทีว่าทั้งสองคนนี้ต้องรู้จักเสวียนจงแน่นอน
อีกทั้งยังรู้ถึงสถานะของเขาอีกด้วย !
“ อะไรเนี่ย ? แขกของประธานเสวียนออกไปข้างนอกกันไม่ได้รึไง ? ” หยางโปพึมพำไม่พอใจ พลางก้าวเดินออกไป
ฮัวชิงหยุนเดินตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด เฉาหยวนเต๋อก็เดินตามออกมา ” ดูเหมือนว่าเพื่อนของนายจะมีอิทธิพลมากพอตัวอยู่นะ ! ”
หยางโปเหลือบมองเฉาหยวนเต๋อ ” ผมคิดว่าชุมนุมยุทธภพอาจเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มงานนี้ขึ้นมา ! ”
“ ชุมนุมยุทธภพ ? ” เฉาหยวนเต๋อค่อนข้างที่จะแปลกใจไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยจะเข้าใจความหมายของชื่อนี้มากสักเท่าไหร่
หยางโปโบกมือ ” องค์กรท้องถิ่นหนึ่งในหยูหาง คนอายุมากหน่อยที่เราเจอหน้าเมื่อสักครู่
คือประธานของชุมนุมยุทธภพ ! ”
หยางโปพูดเพียงไม่กี่คำ ก็มายืนอยู่บนทางเดินและมองไปรอบๆ แสงสว่างกระพริบวาบผ่านตาไป ทะลุผ่านกำแพงที่หนาทึบ หยางโปก็เห็นสภาพต่างๆ เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่นานก็พบโจวซินทั้งสองคน
“ ไป พวกเราขึ้นไปอีกชั้น ! ” หยางโปกล่าว
เฉาหยวนเต๋อประหลาดใจมาก ไม่รู้ว่าหยางโปที่เพิ่งจะเดินออกมา เอาความมั่นใจในตัวเองมาจากไหน จู่ๆก็รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน หรือเขาติดต่อกับสองคนนั้นแล้ว ?
เฉาหยวนเต๋อส่ายหัว เขาเชื่อในตัวหยางโป คิดว่าหยางโปคงไม่มาเล่นมุกนี้ เขาจึงรีบเดินตามขึ้นไปชั้นบน
เมื่อมาถึงชั้นบนของตึก หยางโปก็หาห้องจัดงานชั้นบนที่พวกเขาเคยอยู่มาก่อนเจออย่างรวดเร็ว เขามองไปที่หมายเลขประตู ก็เห็นว่ามียามรักษาการหลายคนยืนเฝ้าอยู่นอกประตู หยางโปจึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เฉาหยวนเต๋อกลับไม่ได้ตระหนักถึงปัญหานี้เลย เขายื่นบัตรเชิญให้ ยามรักษาการที่เฝ้าอยู่นอกประตูก็พูดจาอย่างเย็นชา “ ขอโทษด้วยคุณผู้ชาย ที่นี่เป็นงานเลี้ยงส่วนตัว บัตรเชิญของคุณไม่สามารถเข้ามาในนี้ได้ กรุณาออกไปด้วย ”
เฉาหยวนเต๋อตกตะลึง ” แล้วพวกเขาเข้าไปได้ยังไง ? ”
ยามรักษาการส่ายหน้า “ บัตรเชิญต่างกัน ของคุณเป็นสีอะไร ? ของคุณเป็นบัตรเชิญสีแดง
ที่ตรงนี้น่าจะเป็นที่ของบัตรเชิญสีเขียว ดังนั้นคุณจึงเข้าไปไม่ได้ ”
เฉาหยวนเต๋อยังคงคิดที่จะโต้เถียง แต่หยางโปกลับคว้าเขาไว้ จากนั้นหยางโปก็เหลือบมองไปทางยามรักษาการ ยามรักษาการที่นี่ร่างกายแข็งแรงกำยำมาก ถ้าพูดไม่เข้าหูมีแนวโน้มว่าอาจจะลงไม้ลงมือกันได้
หยางโปห้ามเฉาหยวนเต๋อไว้และเอ่ยออกมาว่า “ ถ้าผมเดาไม่ผิด ดูเหมือนที่นี่จะมีวิธีอื่นที่จะเข้าไปอยู่ ”
ยามรักษาการตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มองสำรวจหยางโปขึ้นลง และพยักหน้าลงเล็กน้อย
“ คุณผู้ชาย เชิญ ! ”
พอพูดจบ ยามรักษาการก็เชิญหยางโปให้เดินเข้าไป ในขณะที่เฉาหยวนเต๋อกลับถูกกั้นตัวไว้
ยามรักษาการยิ้ม “ ตราบใดที่คุณผ่านการทดสอบไปได้ ก็สามารถเข้าไปได้ ”
“ แล้วถ้าไม่ผ่านล่ะ ? ” หยางโปถาม
ยามรักษาการส่ายหน้า ” ถ้าไม่ผ่านก็เข้าไปไม่ได้ ”
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูงาน หยางโปก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเขาเห็นว่าบนโต๊ะทางด้านซ้ายมีดาบไม้วางอยู่เล่มหนึ่ง ด้านล่างดาบไม้มีเสาไม้ต้นหนึ่งวางอยู่ !
ห้องจัดงานที่นี่มีขนาดใกล้เคียงกับชั้นล่าง แต่จำนวนคนที่ยืนอยู่ในนั้นน้อยกว่ามาก มีเพียงยี่สิบสามสิบคนเท่านั้น พอหยางโปเดินเข้าไปก็ดึงดูดสายตาของผู้คนส่วนใหญ่ในทันที แต่เมื่อเห็นเขา หยิบดาบไม้ขึ้นมา ทันใดนั้นในงานก็เงียบลง ทุกคนต่างพากันมองมาทางเขา !
โจวซินเห็นร่างของหยางโปก็ตกใจมาก เขาหันไปมองเสวียนจง ” คุณเป็นคนบอกเขาใช่ไหม ? ”
เสวียนจงส่ายหัว “ ผมไม่ได้พูด ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่น่าจะมีบัตรเชิญ ไม่อย่างนั้น เขาจะมาตัดเสาไม้ได้ไง ! ”
โจวซินขมวดคิ้ว แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมาก ดาบไม้เป็นดาบไม้ท้อ เสาไม้เป็นเสาไม้หวางฮวาหลี ตามเนื้อไม้หวางฮวาหลี เนื้อแน่นและแข็งแรง ขนาดใช้ขวานตัดยังต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก นับประสาอะไรกับแค่ดาบไม้ท้อ ?
หยางโปหันหน้าไปมองยามรักษาการที่อยู่ข้างๆ “ ตัดให้เป็นรอยเดียวออกมาใช่ไหม ? ”
ยามรักษาการแสยะยิ้ม เผยให้เห็นฟันที่เรียงตัวสวย ” ไม่ใช่ ต้องตัดเป็นรอยลึกออกมาสามข้อนิ้ว ! ”
หยางโปชะงักไปครู่หนึ่ง สามข้อนิ้วมันลึกสามเซนติเมตรแล้ว ดาบเล่มนี้ก็กว้างแค่นี้ เขาลังเลเล็กน้อย หันไปข้างหลัง ประกายแสงกระพริบวาบผ่านตาไป หยางโปเห็นแสงกระพริบจางๆของล้ำค่ามากมายในงาน เขาจึงหันกลับมา และยกดาบไม้ท้อขึ้น !
ทุกคนในงานต่างจับตาดู รายการตัดเสาไม้นี้มีการตัดเดิมพันกันมาช้านาน แต่ไม่มีใครลองมาหลายปีแล้ว เพราะทุกคนต่างอยู่ในแวดวงเดียวกัน ถ้าไม่มีบัตรเชิญก็ไม่มากัน เช่นอย่างหยางโปที่มาเองโดยไม่มีบัตรเชิญ ก็มีกันอยู่น้อยมาก !

หยางโปเงยหน้าขึ้นก็เห็นโจวซินและเสวียนจงยืนอยู่ตรงหน้า แต่คนที่เอ่ยปากพูดคือเสวียนจง !
เฉาหยวนเต๋อยืนอยู่หน้าหยางโป นิ่งเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหยางโปด้วยความสงสัย เขานัดกับคนอื่นไว้แล้วเหรอ ?
เสวียนจงเดินเข้ามา ดูเหมือนว่าเพราะมีคนอื่นอยู่ในงานด้วย เขาจึงไม่ได้เรียกหยางโปว่า ” ศิษย์พี่ ” เขายิ้มและพูดว่า ” คุณหยาง ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะ ! ”
หยางโปพยักหน้า ” พวกคุณมากันเช้าจริงๆ หยางหลางล่ะอยู่ไหน ? ”
“ คุณหยางหลางกลับบ้านไปแล้ว พวกเราคงให้เขาอยู่ด้วยตลอดไม่ได้ ” เสวียนจงกล่าว
หยางโปพยักหน้าและกำลังจะเดินจากไป แต่โจวซินแทบจะทนรอไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไปว่า
” เหยียนหรูหยูล่ะ ? คุณเหยียนไปไหนแล้ว ? ”
“ คุณเหยียนไปแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าเธอไปไหนเหมือนกัน ? ” หยางโปตอบ
โจวซินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัวและพูดว่า ” เป็นไปได้ยังไง ? คุณคงไม่ซ่อน
คุณเหยียนไว้หรอกนะ ? หยางโป คุณไม่อยากให้คุณเหยียนเจอกับผมใช่ไหม ! ”
หยางโปอดที่จะขมวดคิ้วมองไปที่โจวซินไม่ได้ เขาขี้เกียจที่จะอธิบายให้ลูกท่านหลานเธอที่ไม่รู้จักคิดแยกแยะฟัง แต่ฮัวชิงหยุนจับมือเขาไว้แน่น เขาจึงต้องอธิบายไปว่า ” คุณเหยียนไปแล้วจริงๆ ผมไม่จำเป็นต้องโกหกคุณ ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่คุณเหยียนเลือกมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม คุณคิดว่าผมไม่อยากให้เธอพบกับคุณหรือไง ? มันจะเป็นไปได้เหรอ ? ”
โจวซินจ้องหน้าหยางโปด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
เขาและเสวียนจงไล่ตามมาจากจินหลิงหลายวันแล้วกลับไม่ได้อะไรมาเลย
ขนาดตอนนี้เหยียนหรูหยูไปไหนก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ นี่มันน่าอับอายจริงๆ !
เสวียนจงดึงโจวซินไว้ ทำได้เพียงหันไปพูดกับหยางโปว่า ” คุณหยาง เอาอย่างนี้ดีไหม คุณเข้าไปก่อน พวกเราจะรออยู่ที่นี่กันอีกสักครู่ ”
หยางโปพยักหน้า ” ตกลง ! ”
หยางโปเดินเข้าไป เฉาหยวนเต๋อก็มองมาด้วยความสงสัย “ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ”
“ ไม่มีอะไร ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา ! ” หยางโปพูด
เฉาหยวนเต๋อเหลือบมองและพยักหน้าให้เล็กน้อย “ ถ้ามีเรื่องอะไร บอกฉันได้นะ ! ”
หยางโปยิ้มและตอบกลับไปว่า ” ไม่ต้องกังวล ”
ทั้งสองเดินเข้าไปในงาน ที่นี่ออกแบบตกแต่งเหมือนตลาดนัดมากกว่า ในห้องประชุมขนาดใหญ่ วางข้าวของเหมือนตลาดการเกษตร บนพรมมีของเล่นนานาชนิดวางตั้งอยู่ ดูเก่าแก่มาก แต่ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นของปลอม !
เฉาหยวนเต๋อเอามือไขว่หลัง มองสำรวจดูด้วยความสนใจ ทำอย่างกับว่าสนใจวัตถุที่นี่มาก
ทางด้านหยางโปเดินพาฮัวชิงหยุนไปช้าๆ เขามองดูดาบและอาวุธทุกชนิดตรงหน้า มีกำไลเงินและจี้หยกมากมาย มีแม้กระทั่งของชิ้นหนึ่งที่ดูเหมือนห่วงวัชระ
ครั้งแรกที่ฮัวชิงหยุนพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เธอมองดูวัตถุที่อยู่ตรงหน้าพวกนี้ อดไม่ได้ที่จะกระซิบถาม “ พวกเข็มทิศ เครื่องรางของขลัง และหยกยู่อี้พวกนี้ ข้างนอกก็มีขายกันอยู่เต็มไปหมด อีกทั้งยังราคาไม่แพงด้วย กับที่ขายในโรงแรมใหญ่ที่นี่มันแตกต่างกันยังไง ? ”
หยางโปยังไม่ทันตอบ เจ้าของแผงลอยที่นั่งตรงหน้าพวกเขา ก็ทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ “ ของในนี้ต่างกันมาก ทำไมคุณถึงเปรียบเทียบอาวุธวิเศษของเรากับสิ่งของที่น่าขยะแขยงข้างนอกพวกนั้นได้ ? สาวน้อย ผมเตือนคุณด้วยความใจดีนะ จะกินอะไรสะเปะสะปะก็กินได้ แต่จะมาพูดจาไร้สาระไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้ ! ”
หยางโปขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เงยหน้าขึ้น ก็พบว่าเจ้าของแผงลอยดูจะอายุหกสิบเจ็ดสิบปี
หนวดเคราสีขาวเป็นพุ่มใหญ่ อาศัยที่ตนมีอายุมากและทำเป็นผู้อาวุโส เที่ยวดูถูกคนอื่นแสร้งทำเป็นว่าบ้าและโง่เขลา เสแสร้งทำเป็นนักพรตอาวุโส แต่นักพรตอาวุโสที่แท้จริงแล้ว จะมาตั้งแผงลอยอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?
ชายชราพูดเสียงดังขึ้น จึงดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง ทำให้ทุกคนต่างหันมามอง
“ ทำไมพูดแบบนี้ ? พูดแบบนี้ได้ยังไง ! ” เจ้าของแผงลอยข้างๆพูดโต้ตอบตามมาทันที
หยางโปก็พูดอย่างโกรธเคืองออกมาทันที “ เกี่ยวอะไรกับคุณ ? คุณตะคอกเสียงดังหาอะไร ? ”
เมื่อชายชราเห็นว่าเพื่อนร่วมงานของเขาที่พูดแทนเขาถูกหยางโปตวาดใส่ ก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที “ พ่อหนุ่มน้อย ต้องเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัว คุณทำแบบนี้ช้าเร็วจะต้องเสียใจ ! ”.ไอรีนโนเวล.
หยางโปชายตามองไปที่ชายชราและชี้ไปที่หยกยู่อี้ที่วางอยู่บนแผงตรงหน้าเขาและพูดขึ้นว่า
“ ผมไม่รู้หรอกว่าอะไรคืออาวุธวิเศษ แต่ผมรู้แน่ชัดว่าหยกยู่อี้ชิ้นนี้ทำมาจากแก้ว ห่วงวัชระวงนี้ก็ทำมาจากเหล็กเช่นกัน สำหรับจี้หยกก็เป็นหยกหนานหยาง ”
ชายชราชักสีหน้าใส่ “ พูดจามั่วไม่มีมูลความจริง ! ”
หยางโปจ้องหน้าชายชรา โดยที่ไม่พูดอะไรต่ออีก แต่ชายชรากลับไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว เป็นเพราะหยางโปอยู่กับของปลอมพวกนี้มานานมาก ดูแค่แวบเดียวก็ดูออกทันที ไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคใดๆเลย !
เจ้าของแผงลอยก้มหน้า ไม่กล้าเอ่ยปากพูด
เฉาหยวนเต๋อเดินกลับมาห้ามหยางโปและพลางเอ่ยพูดขึ้นมาว่า ” นายจะไปถือสาพวกเขาทำไม ? พวกเราไปที่อื่นกันเถอะ ไปเร็ว ทำไมฉันรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เหมือนการจัดแสดงวัตถุโบราณ แต่ดูเหมือนการจัดแสดงอาวุธวิเศษมากกว่า ”
หยางโปกลับไม่ได้บอกเขาไปว่า อันที่จริงนี่คืองานจัดแสดงอาวุธวิเศษ
จากนั้นทั้งสามคนก็เดินไปด้านหน้า ฮัวชิงหยุนรู้สึกเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หยางโปกวาดตามองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าอะไรคือของจริงอะไรคือของปลอม มีเพียงเฉาหยวนเต๋อเท่านั้นที่จะมองดูอย่างจริงจัง
ห้องประชุมใหญ่มาก ร้านแผงขายของหลายร้านรอบด้านของชายชราได้ยินสิ่งที่หยางโปพูดทั้งหมด และรู้ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นตอนที่เขายืนอยู่ตรงหน้า ทุกคนจึงดูไม่ค่อยจะต้อนรับสักเท่าไหร่
หยางโปก็ไม่ได้เก็บมากลุ้มใจ เขาบังเอิญเห็นของมีค่าถึงได้หยุดดู แต่มีไม่มากที่จะให้เขาหยิบขึ้นมาดูได้
ไม่นาน หยางโปก็หยุดเดินอีกครั้ง เขาหยิบจี้หยกปลาชิ้นหนึ่งขึ้นมา มองการแกะสลักของจี้หยกปลาแล้ว น่าจะเป็นของสมัยราชวงศ์ชิงยุคกลาง เป็นโบราณวัตถุชิ้นแรกที่หยางโปได้เห็น สิ่งที่สำคัญคือเขาสามารถสัมผัสพลังจากจี้หยกปลาได้จางๆ พลังแบบนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์
หยางโปนำจี้หยกปลาส่งให้ฮัวชิงหยุน ” ชอบไหม ? ”
ฮัวชิงหยุนมองก็เห็นว่าเส้นแกะสลักของจี้หยกปลานั้นชัดเจนและเป็นธรรมชาติ ทั่วทั้งตัวปลาดูเหมือนมีชีวิตอยู่จริงๆ สีหน้ามีความสุขไม่น้อย แต่เธอก็ค่อนข้างที่จะลังเลใจ “ มันจะแพงเกินไปหรือเปล่า ? ”
หยางโปโบกมือและไปต่อรองราคาจี้หยกปลากับเจ้าของ หยางโปเป็นมือโปรในเรื่องต่อรองราคา ไม่นาน ก็ต่อรองราคาจนลดลงมาได้ในราคาสามพันหยวนจากห้าหมื่นหยวน
เฉาหยวนเต๋อเพิ่งจะสังเกตเห็นเหตุการณ์ทางด้านนี้ เขามองไปที่จี้หยกปลา ” จี้หยกปลาชิ้นนี้แกะสลักได้ไม่เลว แต่วัตถุโบราณระดับนี้ไม่น่าจะดึงดูดความสนใจของนายมาได้นะ ? ”
หยางโปหัวเราะ “ ผมชอบ ก็เอาแต่ใจแบบนี้แหละ ! ”
เฉาหยวนเต๋อทำตาโต “ นายมีเงิน นายก็ถลุงเงินได้สินะ ! ”
หยางโปหัวเราะออกมา และไล่ตามไปอธิบาย “ ผมซื้อมันเพราะผมรู้สึกสบายเมื่อสัมผัสจี้หยกชิ้นนั้น ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย ”
“ นายก็คุยโวไปสิ ! ” เฉาหยวนเต๋อไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
หยางโปยิ้ม แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก
โบราณวัตถุในงานเป็นของปลอมซะส่วนใหญ่ สำหรับอาวุธวิเศษในตำนานที่เล่าลือกันมานั้นก็พบเห็นได้ยาก หยางโปและเฉาหยวนเต๋อเดินเข้าไปข้างใน เลือกหยิบของวัตถุโบราณออกมามากมาย เฉาหยวนเต๋อดูตื่นเต้นมาก แต่หยางโปกลับไม่ได้มีความคิดเห็นมากมายนัก
ไม่นาน ก็เลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้ชิ้นหนึ่งออกมาอีกครั้ง หลังจากชื่นชมดู หยางโปถึงได้พบว่า พวกเขาเดินมาตั้งแต่ต้นงานจนถึงท้ายงานแล้ว ในงานมีแผงขายของอยู่มากมาย แต่ทั้งสองกลับเลือกซื้อของกันได้เพียงไม่กี่ชิ้น และเลือกของกันอย่างค่อนข้างที่จะเข้มงวดกันมากๆ

เสวียนจงรีบพูดต่อ “ ใช่ งานแสดงสินค้าสำหรับชาวยุทธ ! ”
หยางโปค่อนข้างที่จะตกใจ เขาไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ เขาลังเลใจเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงย้อนถามเสวียนจงไปว่า ” คุณได้รับบัตรเชิญแล้วเหรอ ? ”
เสวียนจงพยักหน้าทันที “ ใช่ ผมได้รับมาแล้ว วันมะรืนนี้คุณพอมีเวลาไหม พวกเราไปที่นั่นด้วยกันไหม ? ”
หยางโปตอบตกลงไปด้วยความมึนงง เขารู้สึกค่อนข้างที่จะแปลกใจ ทำไมเขาไม่เคยได้ยินเรื่องงานแสดงสินค้ามาก่อน หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก หยางโปก็โทรไปหาอวี่เหวินและถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
อวี่เหวินมีท่าทีเอือมระอา “ นายอย่าไปที่นั่นดีกว่า งานแสดงสินค้าบ้าบออะไร มันก็แค่กลุ่มคนนอกที่ไม่รู้ว่าวรยุทธ์คืออะไรก็เท่านั้น ! นอกจากนี้ งานแสดงสินค้านี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย
ขั้นวรยุทธที่นายมีอยู่ในตอนนี้ยังต่ำเกินไป รอให้อนาคตขั้นวรยุทธ์สูงขึ้นมาแล้ว ก็จะได้ติดต่อสัมพันธ์กับชาวยุทธ์ที่แท้จริงเอง ”
เมื่อหยางโปได้ยินอวี่เหวินพูดแบบนี้ ก็เข้าใจทันที เขาพยักหน้าตอบรับ และไม่ถามอะไรมากอีก
หลายวันไม่เจอกัน หยางโปเลยไปช้อปปิ้งอยู่เป็นเพื่อนฮัวชิงหยุน พอพูดคุยกัน เขาถึงสัมผัสได้
ฮัวชิงหยุนอารมณ์ดีขึ้นมาก นับตั้งแต่ที่เขาพาเหยียนหรูหยูกลับมา ฮัวชิงหยุนก็ดูอารมณ์ไม่ค่อยดี หยางโปก็รู้สาเหตุดี แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
เหยียนหรูหยูและฉินตูฟูเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน มันเป็นสิ่งที่หยางโปคาดคิดไม่ถึง นามสกุลของพวกเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ในเมื่อพูดถึงตระกูลซีหูฉินซื่อ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่านามสกุลของ เหยียนหรูหยูต้องมีปัญหาอยู่แน่นอน
เรื่องราวมันค่อนข้างที่จะยุ่งยาก หยางโปเองก็คงไม่สามารถเข้าใจทุกอย่างได้ในชั่วครู่ชั่วยาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ระยะนี้ เพราะมีเหยียนหรูหยูอยู่ข้างกายเขา เขาเลยไม่มีเวลามาฝึกฝนวรยุทธ์ขั้นที่สองได้ เขารู้สึกใจหวิวๆ มีเพียงแต่เขาทะลวงผ่านขั้นหยินชี่ไปได้เท่านั้นถึงจะบรรลุถึงขั้นเลี่ยนชี่ได้ ถึงสามารถแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาได้
การอยู่เป็นเพื่อนฮัวชิงหยุนก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก หยางโปล้วงเครื่องประดับหยกสีเขียวมรกตออกมามอบให้ฮัวชิงหยุนในเวลานั้น ทำเอาเธอตกใจและดีใจเอามากๆ !
หยางโปมองดูสีหน้าท่าทางที่มีความสุขของฮัวชิงหยุน ก็รู้สึกมีความสุขมากเช่นกัน แต่เขามักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ขาดหายไปในความสัมพันธ์นี้ แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถบรรยายออกมาได้
แต่พอมาถึงเวลานี้แล้ว หยางโปกลับพูดอะไรออกมามากไม่ได้ แต่ในใจก็คิดว่า ฮัวชิงหยุนก็ไม่ได้ดูแย่ หน้าตาสวยขนาดนี้ อีกทั้งยังมีความประพฤติที่ดีว่านอนสอนง่าย เป็นตัวเลือกที่ดีของการเป็นภรรยา
วันที่สอง เสวียนจงโทรมาหาอีกครั้งเพื่อยืนยันเวลาและสถานที่กับหยางโป ทางด้านหยางโปก็ตอบกลับไปแบบขอไปที แต่กลับไม่คิดที่จะไปที่นั่น.ไอลีนโนเวล.
แต่ทันใดนั้น เฉาหยวนเต๋อก็โทรมาหาเขา
“ พวกเราไม่ได้ติดต่อกันนานมากแล้วนะ ทำไมนายไม่โทรหาฉันบ้างเลยล่ะ ? ” เฉาหยวนเต๋อบ่นว่าให้
หยางโปรู้สึกจนใจที่จะตอบ “ ทุกครั้งที่คุณโทรหาผม ก็มีแต่ธุระที่จะคุยด้วย คุณยังจะมาว่าผมอีก ! ”
เฉาหยวนเต๋อหัวเราะฮ่าๆชอบใจ ” เรื่องนี้จะมาโทษฉันไม่ได้เหมือนกัน มันก็มักจะมีแต่เรื่องอะไรเยอะแยะเข้ามาหา นายมันคนเก่งย่อมต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น ! “.ไอรีนโนเวล.
เมื่อพูดถึงคนเก่งย่อมต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น หยางโปก็นึกถึงสายที่โทรเข้ามาเมื่อวาน เขาไปหลงซูโกว ก็ถือว่าทำงานได้อย่างเสร็จสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานได้โทรหาเขา หัวหน้าก็ได้พูดคุยกับเขาสองสามคำ และมีหลายครั้งที่เอาแต่พูดถึงหัวข้อเรื่องคนเก่งย่อมต้องทำงานหนักกว่าคนอื่นนี้
หยางโปหัวเราะออกมา “ พวกคุณมันไร้ยางอายจริงๆ ผมไม่รู้จะว่าอะไรคุณแล้ว ! ”
เฉาหยวนเต๋อก็ไม่ได้ถือสาเช่นกัน เขาพูดต่อไปว่า “ เรื่องราวในครั้งนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แค่ช่วงนี้ฉันได้รับรายงานเบาะแสหนึ่งมา จะมีงานแสดงสินค้าวัตถุโบราณขึ้น ฉันอยากไปดูกับนาย
ถ้ามีของดีอยู่จริงๆ มหาเศรษฐีอย่างนายสามารถใช้เงินกวาดซื้อมาทั้งหมดได้ ”
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น “ คุณก็เป็นข้าราชการพลเรือนระดับสูงในระดับผู้อำนวยการสำนัก ทำไมถึงยังสนใจเรื่องซุบซิบนินทาแบบนี้อยู่ตลอด อีกทั้งยังกล้าหนีงานไปดูความครื้นเครง คุณว่าคุณมีคุณธรรมพอไหม ! ”
เฉาหยวนเต๋อตอบกลับ ” ฉันไม่ได้หนีงาน พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ เป็นวันพักผ่อนพอดี ไม่อย่างนั้น นายคิดว่าฉันจะมีเวลามาเล่นตลกกับนายหรือไง ! ”
“ ได้ ขนาดพูดคุณยังไม่พูดดีเลย ขนาดเรื่องสัพเพเหระคุณยังมาพาผมไปด้วยเนี่ยนะ ! ”
ทั้งสองคนพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย พอรู้จักกันนานเข้า ก็เลยเริ่มพูดเล่นกัน
หลังจากยืนยันเวลาแล้ว เฉาหยวนเต๋อก็บอกว่าพรุ่งนี้จะมารับเขาแต่เช้า แต่หยางโปกลับไม่สนใจ
วันที่สอง หยางโปพาฮัวชิงหยุนขึ้นรถไปกับเฉาหยวนเต๋อ เฉาหยวนเต๋อหันไปมองฮัวชิงหยุนและอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามมาด้วยความแปลกใจ “ โอ้ พ่อหนุ่มน้อยเก่งจริงๆนะ อย่างนายเนี่ย ยังสามารถหาภรรยาที่สวยขนาดนี้ได้อีกเหรอ ต้องทำบุญมากี่ชาติถึงจะได้มา นายต้องทะนุถนอมไว้ให้ดีๆนะ ! ”
ประโยคนี้ทำเอาฮัวชิงหยุนมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มด้วยความดีใจทันที เฉาหยวนเต๋อถึงกับหันไปกระพริบตาให้หยางโป
หยางโปรู้สึกพูดอะไรไม่ออก นับวันเฉาหยวนเต๋อก็ยิ่งชอบพูดเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ “ วันนี้วันเสาร์ คุณในฐานะหัวหน้าของหน่วยงาน ควรจะเป็นแบบอย่างไปทำโอที ! ”
เฉาหยวนเต๋องที่นั่งข้างคนขับ ก็หันมาโต้กลับทันที “ ทำไมฉันต้องไปทำโอที ? ถ้าฉันทำโอที นั่นก็หมายความว่าระหว่างวันที่ไปทำงานฉันเคลียร์ไม่เสร็จ มันก็จะแสดงให้เห็นว่าไม่มีความรับผิดชอบต่องานที่ทำ ! ”
หยางโปจ้องหน้าเฉาหยวนเต๋อ ” ทั้งหมดนั่นเป็นเงินภาษี คุณควรให้คนเสียภาษีได้ใช้เงินอย่างคุ้มค่า ! ”
เฉาหยวนเต๋อไม่ยอมแพ้ ” อะไรที่ฉันควรทำ ก็ได้ทำไปหมดแล้ว ถ้าฉันทำโอที มันจะเป็นการขอโทษลูกน้องของฉัน ทุกคนล้วนแล้วแต่มีครอบครัว พวกเขาลำบากกันมามากกว่าจะมีเวลาหยุดพักในช่วงสุดสัปดาห์ ควรจะอยู่เป็นเพื่อนภรรยาและลูกๆที่บ้าน ใช้เวลาทั้งวันไปกับการทำงาน
นั่นเป็นสิ่งที่ขาดความรับผิดชอบ ! ”
“ ข้ออ้าง ! ” ระหว่างที่พูดคุยหยางโปก็เถียงข้างๆคูๆ
เฉาหยวนเต๋อกลับหัวเราะฮ่าๆเสียงดังออกมา “ ฉันค้นพบว่า หลังจากที่เถียงกับนายจนชนะมาได้นั้น มันทำให้รู้สึกหยิ่งในศักดิ์ศรีทำให้ฉันรู้สึกสะใจจริงๆ ! ”
“ คุณมันไม่ได้เรื่องจริงๆ ! ” หยางโปกล่าว
เฉาหยวนเต๋อก็ไม่ได้ถือสาเอาความเช่นกัน เขาบอกทางให้คนขับรถ และพลางโต้เถียงกับหยางโปต่ออีกสองสามคำ
ฮัวชิงหยุนรู้สึกค่อนข้างที่จะแปลกใจ เธอพอจะมองออกว่าความสัมพันธ์ที่ลืมอายุตัวเองไปของคนคู่นี้ดีเอามากๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดหยอกกันเล่นแน่ๆ
หลังจากรถขับมานานกว่าครึ่งชั่วโมง ในที่สุดรถก็มาจอดอยู่ที่ด้านนอกโรงแรม หยางโปเงยหน้ามองขึ้นไปที่ชื่อของโรงแรม ” เซียนเต๋อ ” เขารู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหู ทันใดนั้นก็นึกถึงที่เสวียนจงพูดมาในสาย โรงแรมที่อีกฝ่ายพูดถึงไม่ใช่โรงแรมแห่งนี้หรอกเหรอ ?
มันบังเอิญขนาดนั้นจริงๆเหรอ ? งานแสดงสินค้าทั้งสองงานจัดขึ้นในโรงแรมเดียวกัน ?
ขณะที่หยางโปกำลังสงสัย เฉาหยวนเต๋อก็เดินเข้าไปแล้ว เขาเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตามเข้าไป
ฮัวชิงหยุนยืนอยู่ข้างๆ เหมือนจะสังเกตเห็นอาการหยางโปที่ดูแปลกๆไป จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
” เกิดอะไรขึ้น ? ”
หยางโปก็ไม่ได้ปิดบัง ตอบกลับไปว่า “ คุณยังจำเรื่องเมื่อวานที่ผมพูดกับคุณได้ไหม ? มีคนพูดถึงการจัดงานแสดงสินค้าหนึ่งกับผม และยังจัดงานในโรงแรมนี้ด้วยเหมือนกัน ”
ฮัวชิงหยุนก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน “ คงไม่ได้หมายถึงงานแสดงสินค้าที่เดียวกันหรอกนะ ?
ถ้าพวกเราเข้าไปแล้วพบกับคนที่โทรหาคุณอีกครั้ง มันคงอึดอัดน่าดู ”
หยางโปโบกมือ “ ไม่เป็นไร ผมหน้าด้าน เจอหน้ากันก็คงไม่รู้สึกอึดอัดหรอก ”
ในขณะที่พูด เฉาหยวนเต๋อก็ไปแสดงบัตรเชิญให้ดู และชี้ไปทางหยางโปสองคนนั้นอีกครั้ง เพื่อให้รู้ว่าพวกเขามาด้วยกัน
“ คุณหยาง คุณเป็นคนตรงเวลาจริงๆ มาซะเช้าเลย ! ” จู่ๆหยางโปก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

เมื่อเห็นฉินตูฟูกระโดดลงจากหน้าผา เหยียนหรูก็เหลือบมองแค่แวบเดียวเท่านั้น แต่ไม่หันกลับไปมองอีกเลย
เมื่อหยางโปกลับเข้ามานั่งในรถ จู่ๆ ก็รู้สึกดีใจขึ้นมา นี่มันคือความแตกต่างของขั้นวรยุทธ์ที่ต่างกันมาก แต่เขาก็ยังเอาชนะคู่ต่อสู้มาได้ แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญเพราะเขามีไม้ตายอยู่เยอะและกระบี่หยกก็ค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งกว่า
หยางโปอดที่จะนึกถึงการฝึกบำเพ็ญวรยุทธ์ทั้งหมดของตัวเองไม่ได้ จากที่เขาได้สัมผัสเรียนรู้มา เหมือนจะมีเพียงไม่กี่คนที่ใช้วรยุทธ์เป็น ถึงเขาจะมีวิชาเรียกลมฝนอยู่ในมือ แต่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ จะมีเวลามาแสดงความสามารถได้ยังไง ?
หลังจากคิดไตร่ตรองอยู่นาน หยางโปก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เหยียนหรูหยูอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเกล็ดบนแขนของฉินตูฟู เขาก็อดที่จะรู้สึกหนาวสั่นไม่ได้
เหยียนหรูหยูไม่ได้พูดอะไรเลยมาตลอดทาง ทำราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อกลับมาถึงตี้จิง ก็เป็นเวลาเช้าตรู่ของวันที่สามแล้ว หลินหลินและฮัวชิงหยุนมารอรับถึงสนามบิน เมื่อเห็นหยางโปไม่เป็นอะไร ทั้งสองคนถึงได้โล่งใจ ชายชราไม่ได้บอกเรื่องที่หยางโปได้รับบาดเจ็บให้รู้ ดังนั้นพวกเธอจึงไม่รู้กัน
ฮัวชิงหยุนชายตามองไปทางเหยียนหรูหยู ” ขอบคุณเธอด้วยนะที่ดูแลหยางโปมาตลอดทาง ! ”
เหยียนหรูหยูไม่ได้พูดอะไร ดูเหมือนจะไม่เข้าใจความหมายของฮัวชิงหยุน
ฮัวชิงหยุนเป้าประกาศอย่างโจ้งแจ้งว่าหยางโปมีเจ้าของแล้วส่วนเธอก็อย่าได้มาคิดเพ้อฝัน
แต่มีหรือที่เธอจะรู้ เหยียนหรูหยูไม่เข้าใจความหมายของประโยคนี้เลยเสียด้วยซ้ำ !
เมื่อทั้งกลุ่มกลับมาถึงบ้าน ก็ล้างเนื้อล้างตัว ไม่พูดอะไรกันมากแยกย้ายกันไปนอน
หยางโปรู้สึกสดชื่นหลังจากฝึกบำเพ็ญเป็นเวลาหลายชั่วโมง ตอนเช้าก็ไปออกกำลังกายมารอบหนึ่ง แต่ครั้งนี้ไม่รู้ทำไมเหยียนหรูหยูถึงไม่ได้ตามเขาไปออกกำลังกายตอนเช้าด้วย
เมื่อหยางโปกลับมาถึงบ้าน หลินหลินก็ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้ว เธอกับฮัวชิงหยุนมีสีหน้าที่ดูอ่อนเพลีย เมื่อคืนคงไม่ได้หลับพักผ่อนอย่างเพียงพอแน่นอน
หยางโปค่อนข้างซาบซึ้งใจ “ แม่ ตอนเช้าไม่จำเป็นต้องเตรียมอาหารเช้ามากมายขนาดนี้ กินไม่หมดหรอก ”
หลินหลินยิ้มและหันไปส่ายหน้าให้ “ ไม่เป็นไร แม่ว่างเลยไม่มีอะไรทำ ”
“ เมื่อคืนพวกคุณนอนหลับพักผ่อนกันไม่เพียงพอ เดี๋ยวพวกคุณกลับไปนอนพักผ่อนเถอะ
ผมจะไปหาคุณปู่ก่อน ” หยางโปพูด
หลินหลินพยักหน้า และเหลือบมองไปทางฮัวชิงหยุนอีกครั้ง ยิ้มและกล่าวออกมาว่า ” แม่น่ะแก่แล้ว อาจจะทนกับความเหนื่อยล้าไม่ได้ แต่ชิงหยุนยังเด็กอยู่ ลูกพาเธอไปที่นั่นด้วยได้ ! ”
เมื่อฮัวชิงหยุนได้ยินคำพูดนี้ ก็ส่งยิ้มน้อยๆและหันไปทางหยางโป ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความคาดหวัง !
ช่วงนี้หยางโปไม่ได้อยู่บ้านมาสักพัก คิดไม่ถึงว่าหลินหลินกับฮัวชิงหยุนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขนาดนี้ เขายิ้ม “ ครับ กินข้าวเสร็จแล้ว พวกเราจะไปด้วยกัน ”
หลังกินข้าวเช้า หยางโปก็ไม่เห็นเหยียนหรูหยูออกมา จึงมีอาการค่อนข้างที่จะสงสัย จากนั้นเขาก็ชายตาไปทางฮัวชิงหยุน “ คุณไปเคาะประตูเรียกหน่อยสิ ว่าเธอตื่นหรือยัง ผมเป็นผู้ชาย ไม่สะดวกที่จะเข้าไปในห้องของเธอ ”
เมื่อฮัวชิงหยุนได้ยินหยางโปบอกให้เธอไปเคาะประตู ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลของหยางโป ก็ยังเดินไปเคาะประตูของเหยียนหรูหยูให้
หลังจากเคาะประตูอยู่สักพัก แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ หยางโปไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดว่า ” คุณเปิดประตูเข้าไปดูหน่อยสิ “.Aileen-novel.
ฮัวชิงหยุนเอื้อมมือมาผลักเปิดประตู จากนั้นจึงหันไปพูดกับหยางโป ” ไม่มีใครอยู่ข้างใน ”
หยางโปขมวดคิ้วเล็กน้อยและเดินเข้าไปในห้อง ในห้องยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นหอมจางๆ นี่คือกลิ่นกายของเหยียนหรูหยู หยางโปเห็นว่ามีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ด้านบนเขียนไว้ด้วยอักษรภาษาจีนตัวเต็มสั้นๆด้วยอักษรสามคำ ” ฉันไปแล้ว ! ”
ฮัวชิงหยุนที่ยืนอยู่ข้างๆ น้ำเสียงดูน้อยเนื้อต่ำใจ “ คนก็ไปแล้ว คุณยังจะมองหาอะไรอีก ? ”
หยางโปพยักหน้า “ พวกเราไปกันเถอะ ! ”
พอมานั่งอยู่ในรถ หยางโปก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เหยียนหรูหยูไม่บอกสักคำอยู่ๆก็ไป หรือว่ามีเรื่องด่วนอะไร ? หรือว่าเธอจะไปช่วยชีวิตใคร ? แต่ทำไมเธอต้องมาถึงตี้จิงก่อนแล้วค่อยจากไป แทนที่จะไปช่วยเหลือผู้คนในตอนนั้นเลย ?
หยางโปคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ ฮัวชิงหยุนที่นั่งข้างๆมองดูท่าทีที่ใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของ
หยางโปก็ชักสีหน้าไม่ค่อยมีความสุข แต่กลับไม่พูดอะไรมาก
เมื่อมาถึงบ้านเก่า ชายชรากำลังทำงานอยู่ในสวนผักของเขา และเห็นหยางโปมองมาอย่างพินิจพิเคราะห์ “ บาดแผลหายเร็วจัง ? ”
หยางโปพยักหน้า “ คุณปู่ ทำให้เป็นห่วงแล้ว แค่บาดเจ็บเล็กน้อย เดี๋ยวก็หายดีแล้ว ”
ชายชราเหลือบมองฮัวชิงหยุน ” ช่วงนี้คุณปู่ของหนูเป็นยังไงบ้าง ? ”
“ สวัสดีค่ะคุณปู่ชุย คุณปู่ของหนูสบายดี ” ฮัวชิงหยุนรีบตอบกลับ
ชายชราพยักหน้า และมองไปทางหยางโป “ วันนี้แกพาแม่หนูนี่มาด้วย คืออยากจะบอกให้ฉันรู้ว่าแกตัดสินใจแล้วใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ตัดสินใจแล้ว ”
ฮัวชิงหยุนเหลือบมองหยางโปด้วยสีหน้าที่มีความสุข แต่ก็รู้สึกลังเลใจไม่น้อย แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
ปู่ชุยพยักหน้า “ ในเมื่อแน่ใจแล้ว งั้นก็เริ่มเตรียมตัว ! เดี๋ยวฉันจะจัดการให้ ”
หยางโปพยักหน้า เขาพูดคุยกับชายชราอีกสองสามคำก่อนที่จะขอตัวลา
ชายชราก็ไม่ได้ขอให้เขาอยู่ต่อ พูดเพียงว่า ” เรื่องราวในครั้งนี้จัดการได้ไม่เลว เรื่องบางอย่างไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต เพราะมันจะทำให้หลายคนตื่นตระหนกเอาได้ แบบนี้ไม่ดีมันไม่เอื้อต่อความมั่นคง ! ”
หยางโปพยักหน้า เขารู้ดีว่าในสายตาของผู้ใหญ่เหล่านี้ ความมั่นคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เขาพยักหน้าและขานรับ “ ครับ ! ”
ไม่นาน หยางโปก็พาฮัวชิงหยุนออกไปจากที่นั่น
ฮัวชิงหยุนดูเหมือนจะกังวลใจ “ คุณปู่ชุยให้เตรียมการอะไรเหรอ ? ”
หยางโปหันไปมองฮัวชิงหยุน ” เตรียมเรื่องงานแต่ง คุณวางใจได้ ผมจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม ”
ถึงแม้ฮัวชิงหยุนจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาจากหลินหลิน แต่เมื่อเห็นหยางโปพูดออกมาง่ายๆและถึงกับไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากนักแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง “ แต่งงาน ? คุณยังไม่ถามฉันเลยนะ ? ”
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาเพิ่งจะตระหนักถึงปัญหาจุดนี้ เขาไม่ได้หารือเรื่องนี้กับฮัวชิงหยุนจริงๆ แถมเธอก็ยังไม่ได้ตอบตกลง แน่นอน เขาเดาว่า บางทีฮัวชิงหยุนคงอยากให้ขอแต่งงานก่อน ?
หยางโปนิ่งเงียบ เขามองหน้าฮัวชิงหยุนและจับมือของเธอไว้ ” ผมเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว ”
“ คุณเตรียมอะไรไว้พร้อมหมดแล้วเหรอ ? ” ฮัวชิงหยุนเค้นถาม
หยางโปยิ้ม “ พรุ่งนี้เดี๋ยวคุณก็รู้เอง ”
ในขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น โทรศัพท์ของหยางโปก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและก้มลงมอง เป็นสายโทรเข้าจากโจวซิน เขาลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังกดรับสาย
“ หยางโป คุณกลับมาหรือยัง ? หยางหลางใกล้จะหิวตายอยู่แล้ว สรุปว่าคุณเป็นห่วงเขาบ้างไหมเนี่ย ? ” โจวซินพูดออกมาอย่างจนปัญญา เขาไม่ทันตงิดใจเลยด้วยซ้ำว่าหยางโปไม่ร้อนใจอะไรเลย เพราะเขาคิดว่า อย่างน้อยโจวซินคงจะไม่ปล่อยให้หยางหลางหิวตาย
“ คุณยังไม่ปล่อยตัวเขาอีกเหรอ ? ตำรวจท้องที่หาตัวคุณไม่เจออีกรึไง ? ” หยางโปเอ่ยถาม
โจวซินตกตะลึง “ คุณไม่คิดที่จะสนใจเขาเลยใช่ไหม ? ”
หยางโปไม่พูดอะไรมาก เขาถือโทรศัพท์และคิดที่จะกดตัดสายทิ้ง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังตามสายมาอีกครั้ง เขาขมวดคิ้ว จึงไม่ได้กดตัดสายทิ้ง
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก็ได้ยินว่าเสียงดังตามสายมาเปลี่ยนเป็นเสียงของอีกคน ” คุณหยาง
คุณหยาง ผมเสวียนจงจากชุมนุมยุทธภพ ! ”
หยางโปขมวดคิ้วเล็กน้อย “ สวัสดี ประธานเสวียน ! ”
เสวียนจงหัวเราะ “ คุณหยาง คือแบบนี้นะ จะมีการจัดงานแสดงสินค้าประจำปีขึ้นอีกครั้งในเร็วๆนี้ ไม่ทราบว่าคุณได้รับบัตรเชิญหรือยัง ? ”
“ งานแสดงสินค้าอย่างงั้นเหรอ ? ” หยางโปชะงักนิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง

หลังจากพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมาสองวัน หยางโปก็ออกจากโรงพยาบาล เหลียงหรงตกใจกับข่าวของหยางโปมาก เขาอยู่ที่หลงซูโกวตลอดเวลาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว ถึงขั้นเตรียมอาวุธไว้จำนวนมากตามคำแนะนำของหยางโป แต่ฉินตูฟูก็ไม่โผล่มาให้เห็นเลย
หยางโปกลับมาที่หลงซูโกวใหม่ และรออยู่อีกสองสามวัน แต่ฉินตูฟูก็ยังไม่มาปรากฏตัว เมื่อเป็นแบบนี้เขาจึงไม่อยู่รออีกต่อไป บอกลาเหลียงหรงจากนั้นหยางโปก็รีบกลับ
เมื่อรถขับไปถึงจุดที่อันตรายที่สุดของถนน จู่ๆก็มีร่างหนึ่งมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า หยางโปตกใจและกำลังจะให้คนขับรถหยุดรถ แต่เมื่อเพ่งสายตามอง หยางโปก็ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าฉินตูฟูจะยืนอยู่ต่อหน้า ในที่สุดเขาก็หายจากอาการบาดเจ็บในช่วงนี้และมาแก้แค้นหยางโปแล้ว !
หยางโปเหลือบมองเหยียนหรูหยู รู้สึกมั่นใจในตัวเอง แต่ก็มีอาการเดือดร้อนใจขึ้นเอง เขาคิดว่าในตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บ เหยียนหรูหยูคงจะไม่นิ่งดูดาย แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงเมื่อครั้งก่อนบอกกับเขาว่า เหยียนหรูหยูมีแนวโน้มที่จะทำแบบนั้น
แต่ไม่ว่ายังไง หยางโปก็ยังคงสั่งให้คนขับเบรกรถ และดึงเบรกมือ จอดรถบนทางลาดสูง
จากนั้นหยางโปก็ลงจากรถ
ฉินตูฟูสวมเสื้อผ้าที่สกปรกเลอะเทอะ ดูออกเลยว่าเสื้อผ้าของเขามีคราบเลือดติดอยู่ หรือแม้แต่เลือดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลที่กางเกงก็ยังคงติดอยู่ตอนนี้ !
ทั้งสองยืนประจันหน้ากัน หยางโปจ้องไปที่ฉินตูฟู ฉินตูฟูเองก็จ้องมองมาที่เขาเช่นกัน !
ฉินตูฟูจ้องมาที่หยางโป และพูดออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า ” แกเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ ! ”
หยางโปตอบกลับไปว่า ” ก็พอๆกัน ! ”
ในระหว่างที่พูด หยางโปได้ล้วงเข้าไปในอ้อมแขนและจับด้ามของกระบี่หยกไว้ จากนั้นก็มองไปที่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความระแวดระวัง !
แต่ฉินตูฟูกลับไม่คิดแม้แต่ที่จะลงมือเลยแม้แต่น้อย เขามองไปทางรถ ” เหยียนหรูหยู เธอจะไม่ออกมาอีกใช่ไหม ? ”
เหยียนหรูหยูนั่งอยู่ในรถ มีท่าทางลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังคงเปิดประตูและเดินออกมา เธอมองชุดของฉินตูฟูอย่างพินิจพิเคราะห์ และย่นคิ้วขึ้นน้อยๆ ดูท่าเหมือนจะขยะแขยงและรู้สึกไม่พอใจ
ฉินตูฟูกลับไม่เก็บเอามาใส่ใจเลยเสียด้วยซ้ำ ” เธอจะปกป้องเขาจริงๆใช่ไหม ? ”
“ พวกคุณตีกันไปเลย จะเป็นจะตาย ฉันก็ไม่สนใจหรอก ” เหยียนหรูหยูพูดออกมาอย่างประชดประชัน
หยางโปที่ยืนอยู่ข้างๆตาเบิกกว้าง เขามองไปที่เหยียนหรูหยู โดยที่ไม่สามารถเก็บซ่อนความผิดหวังบนใบหน้าเอาไว้ได้ เดิมเขาคิดว่าเหยียนหรูหยูจะอยู่ข้างตัวเอง คิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดแบบนี้ แต่ไม่นึกว่าทั้งสองคนจะรู้จักกัน นี่มันเป็นความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่ ?
ฉินตูฟูพยักหน้า ” แบบนี้ก็ดี ! ”
ในขณะที่พูดคุยกัน ฉินตูฟูก็พุ่งพรวดเข้ามาหา เหตุผลทั้งหมดที่เขาพูดออกมา นั่นก็เพื่อจะปิดปากเหยียนหรูหยู ไม่อยากให้เธอลงมือ ยังไงซะขั้นวรยุทธ์ของเหยียนหรูหยูก็แข็งแกร่งกว่าเขามาก !
หยางโปตกตะลึง ตอนนี้เขายังอยู่ในขั้นปลายหยิ่นชี่จิง แต่ฉินตูฟูกลับฝึกฝนมาจนถึงขั้นสุดท้ายของเลียนชี่จิงได้นานแล้ว ขั้นวรยุทธ์ที่ห่างไกลกันมากขนาดนี้ เขาต้องถูกบดขยี้อย่างราบคาบแน่นอน !
แต่ยังไงซะ ถึงอย่างนั้น หยางโปก็ยังคงดึงกระบี่หยกออกมาจากอกและโจมตีไปทางเขา เขาจะแสดงท่าทีว่าหวาดกลัวให้เห็นไม่ได้แม้แต่น้อย !
ครั้งก่อนฉินตูฟูเสียเปรียบเจตนารมณ์ของกระบี่ พอครั้งนี้เห็นหยางโปดึงกระบี่หยกออกมาจริงๆ ในตอนที่จะลงมือก็เกิดอาการเหมือนถูกมัดมือมัดเท้าไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในระหว่างที่ทั้งสองต่อสู้กันอยู่นั้น ต่างพยายามหลบเลี่ยงอันตรายที่เกิดจากอีกฝ่ายหนึ่ง เวลานี้ ทั้งสองฝ่ายต่างมีฝีมือพอๆกัน !.ไอลีนโนเวล.
เดิมทีหยางโปมีขั้นวรยุทธ์ด้อยกว่าอีกฝ่ายไปขั้นหนึ่ง แต่พอได้มาต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆแล้ว ทำให้เขารู้สึกเหนือกว่า ตอนนี้ตัวเองมีฝีมือสูสีกับอีกฝ่าย ถ้าตัวเองฝึกวรยุทธ์ไปได้ถึงขั้นเลี่ยนชี่จิง นั่นไม่ใช่หมายความว่าคงสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ได้เลยอย่างงั้นเหรอ ?
ต่อสู้กันไปได้ไม่นานนัก ทันใดนั้น หยางโปก็รู้สึกตาลาย อีกฝ่ายจึงหลบกระบี่หยกและชกเข้ามาที่หน้าอกของเขา หมัดนี้เร็วมากซัดเข้ามาอย่าแรง หยางโปตาเบิกกว้างทันที แต่ครั้งนี้เขาเตรียมการมาพร้อมกว่าเดิม อ้าปากแล้วตะโกนด้วยเสียงอันดัง ” ย๊ากกก ! ”
เห็นเพียงแสงสีเงินพุ่งเข้าหาหมัดและพุ่งพรวดออกมา !
ฉินตูฟูทำหน้าตกใจ คราวที่แล้วเขามองไม่ชัด คิดว่ามันเป็นอาวุธวิเศษของหยางโป และไม่ได้คิดมาก แต่ครั้งนี้พอได้มาเห็นชัดๆ เขาก็หยุดไม่ได้แล้ว เขาตัดสินใจไม่ชักหมัดกลับ ต่อยหน้าอกของ หยางโปไปตรงๆเลย !
“ ผัวะ ! ”
หมัดโดนตรงหัวใจของหยางโปเข้าพอดี แต่กลับเกิดเสียงทองและก้อนหินปะทะกัน แค่หยางโปส่งเสียงคำราม เลือดก็ไหลซึมออกจากมุมปาก และถอยร่นไปทางด้านหลัง !
ฉินตูฟูคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด แสงสีเงินผ่านหมัดของเขาพาดผ่านสะบักไป ทำให้ครั้งนี้ได้รับบาดเจ็บหนักกว่าเดิม !
ฉินตูฟูกอดแขนไว้ และหันไปมองเหยียนหรูหยู พร้อมตะคอกออกมาด้วยเสียงอันดัง ” เธอไม่ได้พูดไว้แล้วว่าจะไม่ช่วยเขารึไง ? ทำไมกระจกเทียนหลัวถึงไปอยู่บนหน้าอกของเขา ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ? ”
“ เขาเป็นคนมีวาสนา เขาเป็นคนพบกระจกเทียนหลัวเอง มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ” เหยียนหรูหยู ยังคงอธิบายด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
หยางโปมีกระจกเทียนหลัวมาสกัดกั้นพลังส่วนใหญ่ของเขา จึงได้รับบาดเจ็บเพียงแค่เล็กน้อย
เมื่อเห็นฉินตูฟูเป็นแบบนี้ เขาจะมีเหตุผลปล่อยอีกฝ่ายไปได้ยังไง ?
ฉวยโอกาสในขณะที่ฉินตูฟูและเหยียนหรูหยูพูดคุยกัน หยางโปรีบวิ่งไปข้างหน้า กวัดแกว่งกระบี่หยก คิดที่ฆ่าฉินตูฟูทิ้งไปซะ !
เวลานี้แม้ว่าฉินตูฟูจะมีขั้นวรยุทธ์สูงกว่าหยางโปไปขั้นหนึ่งแต่มันก็ไม่มีประโยชน์ ถูกหยางโปฟันจนร่นถอยหลังติดต่อกัน ไม่สามารถนำความเหนือกว่าของเขาออกมาใช้ได้ !
หลังจากนั้นไม่นาน ฉินตูฟูก็พูดด้วยความโกรธจัด ” แกมันรังแกคนอื่นมากเกินไปแล้ว ! ”
พอพูดจบ หมัดอีกข้างก็พุ่งเข้ามาอย่างไม่สนสิ่งรอบตัว !
หยางโปถือกระบี่หยกไว้ในมือ แกว่งลงไปอย่างแรงที่แขนของเขา แต่กลับไม่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของฉินตูฟู จู่ๆ บนแขนก็ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดขึ้นมาทันที กระบี่หยกมีแสงเกิดขึ้นจากการเสียดสีอย่างเงียบงัน !
หมัดของฉินตูฟูต่อยไปที่หน้าอกอีกด้านของ หยางโปอีกครั้ง แต่แค่ครั้งนี้ หยางโปไม่ได้ถอยกลับหรือแม้แต่ที่จะตอบสนองกลับ !
ดวงตาของฉินตูฟูเบิกกว้างขึ้นมาทันที จ้องมองไปที่แขนของตัวเอง จากนั้นก็เห็นแขนของตัวเองถูกตัดขาดออกจากปลายแขนไปด้วยตาตัวเอง !
กลิ่นเลือดสดๆลอยคละคลุ้งออกมา ฉินตูฟูอดที่จะคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวดไม่ได้ เขาจ้องมองหยางโป ใบหน้าก็ยิ่งดูบ้าคลั่งขึ้นมากกว่าเดิม !
หยางโปได้กลิ่นคาวเลือดลอยมาในอากาศ ถึงกับอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
แขนทั้งสองข้างของ ฉินตูฟูร่วงตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรง เขาหลบเลี่ยงการต่อสู้ ถอยร่นออกมาหลายก้าวแล้วพูดด้วยเสียงอันดัง ” เหยียนหรูหยู เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องหญิงคนโตของฉันนะ เวลาแบบนี้ เธอยังจะยืนมองดูอยู่เฉยๆอีกหรือไง ? ”
ใบหน้าที่ดูเย็นชาของเหยียนหรูหยู ดูค่อนข้างที่จะลังเลใจอย่างเห็นได้ชัด เธอหันไปมองหยางโป
ดวงตาของหยางโปเบิกกว้าง เมื่อนึกถึงเกร็ดที่จู่ๆก็โผล่ออกมาบนมือของอีกฝ่าย และหันมองไปที่ เหยียนหรูหยูอีกครั้ง ลูกพี่ลูกน้องหญิงคนโต ? นี่มันอะไรกันเนี่ย ?
หยางโปมองไปทางเหยียนหรูหยู ” เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องชายของคุณจริงๆเหรอ ? คุณมาเตือนสติเขาสิ ให้เขายอมจำนนต่อคดี ในเมื่อทำผิดพลาดไปแล้ว ก็ควรรับผิดชอบ ! ”
เหยียนหรูหยูค่อนข้างที่จะสับสน แต่กลับไม่เอ่ยปากพูด
ฉินตูฟูทำเสียงฮึดฮัดดูถูก ” ฉันรู้ ซีหูฉินซื่อไม่เคยมองฉันอยู่ในสายตา ในใจของพวกแก ก็ไม่เคยมีที่ให้พ่อของฉัน ! ”
ในขณะที่พูด ฉินตูฟูได้ใช้แขนข้างที่พิการของเขา กอดแขนข้างที่ขาดวิ่งไปที่ขอบหน้าผา จากนั้น เขาก็หันมาส่งยิ้มเยาะให้หยางโป หันหลังกลับแล้วทิ้งตัวโดดลงไปทันที !
หยางโปขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าจะปล่อยให้เขาวิ่งหนีไปได้ แต่ถ้าเขากระโดดจากหน้าผาลงไป
คงบาดเจ็บไม่น้อย เขาแปลกใจมาก ซีหูฉินซื่อคืออะไร ?

หยางโปเกลี้ยกล่อมหมอจนเลื่อนเวลาผ่าตัดออกไปได้ รอจนกระทั่งคนอื่นๆออกจากห้องผู้ป่วยไปแล้ว เหลือเพียงเหยียนหรูหยูที่อยู่ในห้องเท่านั้น
หยางโปถึงได้เหลือบมองไปที่เหยียนหรูหยู เขาอึกๆอักๆอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาจนเหยียนหรูหยูขมวดคิ้ว ทำเสียงฮึดฮัดหันหลังกลับและเดินออกไป
หยางโปรู้สึกละอายใจมาก แต่พูดอะไรมากไม่ได้ เหยียนหรูหยูอยู่ที่นี่เพื่อดูแลปกป้องเขา แต่เขากลับเชิญให้เธอออกไป มันยากที่จะเอ่ยปาก แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน
ประกายแสงวาบผ่านตาหยางโป และทำการรักษาอีกครั้ง
ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว หยางโปฟื้นตัวขึ้นมา เขาลุกขึ้นจากเตียงไปวิ่งออกกำลังกายมารอบหนึ่ง พอกลับมาถึงห้องผู้ป่วย ก็เห็นพยาบาลตัวน้อยที่มาดูแลรีบร้อนพะว้าพะวง เมื่อเห็นหยางโปเดินกลับมา นางพยาบาลตัวน้อยก็ถามออกมาอย่างกังวลว่า “ คุณไปไหนมา ? บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ยังจะออกไปวิ่งอีก ? ”
หยางโปค่อนข้างจะเขินอาย ยิ้มเหยเก “ ไม่เป็นไร ผมรู้ ”
“ คุณควรนอนเพื่อพักอาการ ! ” พยาบาลพูดด้วยความโกรธ
หยางโปมองหน้ารูปไข่ที่น่ารักของนางพยาบาลและส่งยิ้มให้ “ เอาล่ะ เอาล่ะ ! คุณช่วยไปตามหมอเจ้าของไข้มาให้ผมหน่อย และบอกว่าวันนี้ผมอยากตรวจร่างกายใหม่อีกครั้ง ”
นางพยาบาลตัวน้อยถลึงตามองมาที่เขา เมื่อพบว่าใบหน้าของเขาแดงก่ำมาก ดูแข็งแรงขึ้น ก็อดไม่ได้ที่จะถามไปอย่างสงสัยว่า “ นี่คุณเป็นอะไรไป ? ทำไมหน้าตาดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานมากเลย ? ”
หยางโปยิ้ม “ ผมมีวิธีออกกำลังกายที่บรรพบุรุษถ่ายทอดไว้ให้ สามารถรักษาโรคได้เป็นร้อย สาวน้อย ผมว่าคุณมีกระดูกที่วิเศษมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนวรยุทธ์ อยากเรียนรู้จากผมไหม ? ”
เวลานี้ เหยียนหรูหยูได้ผลักเปิดประตูและเดินเข้ามา และได้ยินคำพูดเหล่านี้เข้าพอดี เธอจ้องมองไปที่หยางโปด้วยใบหน้าที่แปลกใจ
พยาบาลตัวน้อยหน้าแดง จีบปากจีบคอ ” เชอะ คุณก็ได้แต่พูดจาไร้สาระ คิดที่จะหลอกฉัน ไม่มีทาง ! ”
เมื่อเห็นเหยียนหรูหยูนั่งอยู่ข้างๆ พยาบาลตัวน้อยก็รีบฟ้องทันทีว่า “ คุณรีบมาดูเขานะ ผู้ชายคนนี้เจ้าชู้ ยังคิดที่จะมาหลอกฉันอีก ! ”
แต่คิดไม่ถึงว่าเหยียนหรูหยูตอบจะตอบกลับไปว่า ” เขาพูดถูก เขามีวรยุทธ์จริงๆ คุณเห็นไหม เมื่อวานนี้เขายังดูเหมือนจะเป็นจะตาย แต่ตอนนี้กลับมีชีวิตอยู่และสบายดี ! ” นางพยาบาลตัวน้อยชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหันไปเผชิญหน้ากับหยางโป เธอจ้องเขม็ง “ จริงด้วย ! ”
หยางโปยิ้ม “ เอาล่ะ ช่วยไปพูดกับหมอให้หน่อยนะ ! ”
ตอนที่พยาบาลตัวน้อยเดินออกไปก็ยังมีสีหน้าท่าทางมึนงงอยู่ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าหยางโปทำแบบนี้ได้ยังไง !
หยางโปมองไปที่เหยียนหรูหยู ” คุณเรียนรู้ที่จะพูดเล่นเป็นกับเขาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ”
เหยียนหรูหยูนั่งลงโดยที่ไม่สนใจหยางโป และกลับมาเข้าสู่โหมดเย็นชาทันที ทำให้หยางโปไม่สามารถพูดในสิ่งที่อยากถามออกมาได้
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดว่า “ เมื่อวานฉินตูฟูได้รับบาดเจ็บ คุณก็น่าจะเห็นแล้ว
เขาจะรักษาอาการบาดเจ็บนานแค่ไหน ? ”
หยางโปพอจะเดาได้ว่าตอนที่เขาต่อสู้กันเมื่อวานนี้ เหยียนหรูหยูน่าจะอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ต่อมาพอฉินตูฟูได้รับบาดเจ็บ สาเหตุที่ไม่ได้ฆ่าเขา เหยียนหรูหยูเองก็อาจมีเหตุผลเช่นกัน ความคิดแบบนี้ ทำให้คนยากที่จะเข้าใจ ทำไมเหยียนหรูหยูถึงทำแบบนี้ ? เธอไม่สามารถไปช่วยหยางโปได้เร็วกว่านี้จริงๆเหรอ หรือไม่ก็ฆ่าฉินตูฟูทิ้งไปซะ ?.ไอรีนโนเวล.
หยางโปคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายแล้วยังไงเหยียนหรูหยูก็ช่วยชีวิตเขาไว้
ดูเหมือนว่าเหยียนหรูหยูไม่คิดที่จะสนใจหยางโปเลย รออยู่นานพอสมควร ถึงเอ่ยปากตอบกลับมาคำหนึ่ง “ อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสมาก เกรงว่าคงจะไม่หายและฟื้นตัวได้ไปอีกสักพัก ”
หยางโปพยักหน้าไม่พูดอะไร
ไม่นาน แพทย์เจ้าของไข้ก็เข้ามา เมื่อเห็นท่าทีที่แข็งแรงของหยางโปก็ถึงกับตกใจ แต่ก็ให้เขาเข้ารับการตรวจร่างกายใหม่อีกครั้ง การตรวจครั้งนี้ หยางโปมีสุขภาพที่แข็งแรงมากจริงๆ
แพทย์เจ้าของไข้ออกจากที่นี่ไปด้วยความมึนงงเป็นอย่างมาก แต่ระหว่างนั้นก็อยู่สนทนาด้วยสักพัก
นี้เป็นครั้งแรกที่หยางโปเผชิญหน้ากับอันตรายถึงกับชีวิต และเป็นครั้งแรกที่รู้สึกหวงแหนชีวิตตัวเอง ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เขารู้สึกไม่เคยชินและอึดอัดมาก
ดังนั้นเมื่อเหลียงหรงมาถึง หยางโปจึงจงใจถามเขาเป็นพิเศษว่า “ ได้ส่งหมาตำรวจไล่ตามเขาไปไหม ? ”
เหลียงหรงพยักหน้า “ ไม่ต้องกังวล ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้ต้องนำความยุติธรรมกลับคืนมาให้กับคุณให้ได้ ! ”
หยางโปส่ายหัว “ ถามหาความยุติธรรมกลับคืนมาให้ผม ผมไม่เก็บเอามาใส่ใจเท่าไหร่ แค่เขาฆ่าคนบริสุทธิ์ไปจำนวนมาก มันก็ทำให้ผู้คนโกรธแค้นกันจริงๆ ผมหวังว่าจะจับเขาให้ได้โดยเร็วที่สุด ! ”
เหลียงหรงพยักหน้าตอบรับ และสอบถามหยางโปเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บอย่างห่วงใย เขาไม่ได้อยู่ด้วยนานนัก หลังจากนั้นก็ของตัวกลับและจากไป
เหยียนหรูหยูเหลือบมองหยางโปด้วยสายตาที่ดูแคลน
หยางโปยิ้มและหันไปมอง “ ทำไม ? ”
“ หน้าซื่อใจคด ! ” เหยียนหรูหยูพูดอย่างเปิดเผย
หยางโปนิ่งเงียบ ไม่สามารถหาข้ออ้างปฏิเสธได้ เพราะเขาต้องการล้างแค้นให้ตัวเองจริงๆ แต่กลับพูดออกมาซะเด็ดเดี่ยวและองอาจผึ่งผายแบบนั้น เขาไม่มีข้ออ้างอื่นจึงไม่พูดอะไรอีก
บรรยากาศในห้องผู้ป่วยอึดอัดขึ้นมาทันที โชคดีที่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เขาก้มหน้าดูก็เห็นว่าเป็นสายโทรเข้ามาของโจวซิน เดิมทีเขาไม่คิดที่จะรับสาย แต่พอเขาชายตามองเหยียนหรูหยู
ก็กดรับสายไปอย่างไม่รู้ตัว
“ หยางโป ผมโจวซิน คุณอยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่โผล่หน้ามาสักที ? ” โจวซินเอ่ยปากถาม
หยางโปยิ้ม ” โจวซินเหรอ ตามหาผมมีธุระอะไร ? ”
“ พี่ชายของคุณอยู่กับผม เขาหิวโซมาเกือบสองวันแล้วใกล้จะไม่ไหวแล้ว พ่อของคุณไม่ได้โทรหาคุณหรือไง ? คุณไม่มีความเห็นอกเห็นใจสักนิดหนึ่งเลยหรือไง ? ” โจวซินกล่าว
หยางโปรู้เรื่องนี้นานแล้ว แต่เขาไม่คิดว่าโจวซินจะอดทนน้อยขนาดนี้ และโทรมาแล้ว เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ อ้อ คุณกำลังพูดถึงเรื่องนี้อยู่เหรอ ? ผมรู้แล้ว คุณไม่ให้เขากินข้าวจริงๆเหรอ ? ”
โจวซินทำเพื่อบีบบังคับหยางโป จงใจเปิดเสียงลำโพงโทรศัพท์ จากนั้นเขาก็หันไปวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆหยางหลางและส่งซิกให้รู้ หยางหลางไม่ได้กินข้าวมาสองวันแล้วเขาหิวจนตาลาย เมื่อเห็นโทรศัพท์วางลง มีหรือที่จะลังเล เขาพูดเสียงดังทันที “ หยางโป รีบมาช่วยฉันออกไปที ฉันอยากจะหนีไปจากสถานที่บ้าๆนี่ แกรีบมาช่วยฉันด้วย ! ฉันจะหิวตายอยู่แล้ว ! ”
โจวซินหยิบโทรศัพท์กลับคืน และหันไปพูดกับหยางโปว่า “ เป็นไง ? คุณจะกลับมาเมื่อไหร่ ? ”
“ โจวซินคุณให้ผมกลับไปมีธุระใช่ไหม ? คุยกันทางโทรศัพท์ก็ได้ ” หยางโปกล่าว
เมื่อเห็นหยางโปใจอ่อนให้ โจวซินก็ดีใจมาก ” คุณควรทำแบบนี้นานแล้ว ? ผมให้เวลาคุณสองวัน รีบกลับมาตี้จิง ไม่อย่างนั้นพี่ชายของคุณจะต้องหิวตาย ! ”
“ รีบกลับไปภายในสองวันเหรอ ? รีบร้อนเกินไปนะ ! ” หยางโปกล่าว
“ ไม่รีบร้อนเลย เวลาสองวันก็เยอะมากแล้ว ! ” โจวซินตอบกลับมาด้วยความภาคภูมิใจ
“ ช่างเถอะ ผมคงรีบกลับไปไม่ได้ ในเมื่อคุณจับตัวหยางหลางไว้แล้ว พวกคุณก็สนุกกันให้เต็มที่
ถ้ามีเรื่องอะไร รอผมกลับไปแล้วค่อยว่ากันอีกที ” หยางโปกล่าว
โจวซินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ขนาดเขาจับตัวหยางหลางไว้แล้ว หยางโปยังจะไม่ยอมกลับมาอีก ?
คิดไม่ถึงว่าหยางโปจะพูดต่อโดยไม่คิดว่า “ ผมยังยุ่งมาก เอาแบบนี้ก็แล้วกัน มีเวลาแล้วเราค่อยคุยกัน ! ”
พอพูดจบ หยางโปก็กดตัดสายทิ้ง จากนั้นเขาก็เหลือบมองเหยียนหรูหยู นารีเป็นเหตุจริงๆ ทั้งหมดที่โจวซินอยากจะพบเธอ ครึ่งหนึ่งคืออยากจะจีบเหยียนหรูหยู แต่ถ้าตามที่โจวซินพูดมา การได้มารู้จักกับเหยียนหรูหยูมันจะเป็นโอกาสและโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจริงๆเหรอ ?

หยางโปมองไปรอบๆ ไม่นานก็ตระหนักได้ว่า นี่คือห้องของเหยียนหรูหยูเขานิ่งเงียบและหันไปยิ้มให้เหยียนหรูหยู ” ผมยืมใช้สักครู่ คุณก็ไม่ต้องกังวล แป๊บเดียวเอง ”
เหยียนหรูหยูหันไปมองหน้าหยางโป หันหลังกลับและเดินออกไป
หยางโปก้มลงมองแขนตัวเอง ประกายแสงวาบผ่านตาไป มองผ่านเฝือกหนา เขาก็เห็นว่ามีรอยร้าวมากมายบนแขน และแม้แต่สถานที่หลายแห่งก็แตกหักไปหมด
หยางโปตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ในโรงแรมแทนที่จะอยู่ในโรงพยาบาล
แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ใส่ใจอะไรมากไม่ได้ ประกายแสงแวบวาบผ่านตาไป ประกายแสงทะลุผ่านเฝือกให้ความชุ่มชื้นแก่แขนอย่างต่อเนื่อง !
หลังจากผ่านการต่อสู้จากครั้งก่อนมา พลังภายในร่างกายของเขาก็เหลืออยู่ไม่มากนัก แต่โชคดีที่การใช้ประกายแสงไม่จำเป็นต้องใช้พลัง แต่พลังที่สะสมไว้ในกระบี่หยกก่อนหน้านี้หลั่งไหลเข้าสู่ภายในร่างกายของเขาไม่หยุด ให้ความชุ่มชื้นแก่อาการบาดเจ็บภายในของเขา ทำให้เขาดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลาที่ฉินตูฟูเข้ามาและหมายที่จะสังหารนั้น หยางโปไม่มีเวลาที่จะดึงกระบี่หยกออกมาและไม่สามารถที่จะโยกย้ายและรวบรวมเป้าหมายของกระบี่จากจุดตันเถียนออกมาได้ แต่สิ่งที่เขาคาดคิดไม่ถึง ก็คือพลังของกระบี่ในร่างกายนั้นไม่คิดว่าจะทรงพลังแบบนี้ ! และช่วยชีวิตของเขาไว้ได้ในคราวเดียว
ในระหว่างที่ครุ่นคิดดู รอยร้าวบนแขนของหยางโปก็ค่อยๆหายไป ความเจ็บปวดที่แขนก็ค่อยๆ หายไป แต่ประกายแสงก็รักษาเร็วมาก แค่ชั่วครู่เดียว อาการบาดเจ็บที่แขนของเขาก็หายและดีขึ้นกว่าครึ่งแล้ว
ในขณะนั้น หยางโปก็ได้ยินเสียงดังมาจากนอกประตู เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และลุกจากเตียงช้าๆยกเท้าขึ้นเตะไปที่ประตู เหยียนหรูหยูดูเหมือนจะได้ยินเสียงเตะประตู จึงหันกลับมามอง
เมื่อเห็นว่าสีหน้าท่าทีหยางโปดูเหนื่อยล้า เธอก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ คุณโอเคไหม ? ”
หยางโปส่ายหัว “ ไม่เป็นไร ”
“ หยางโป คุณรีบออกมาเร็วๆ ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล หลงซูโกวไม่สามารถรักษาอาการคุณได้ เมื่อคืนนี้เลยทำได้แค่เข้าเฝือกให้ ตอนนี้เรากำลังจะพาคุณไปโรงพยาบาลในเมือง ร่างกายของคุณไม่สามารถยืดเวลาอีกต่อไปได้แล้ว ” เหลียงหรงยืนอยู่ข้างนอกและพูดเสียงดังมาทางด้านนี้
หยางโปชายตามองเหยียนหรูหยู และเห็นว่าเธอมาขวางประตูไว้พอดี ขวางเหลียงหรงและคนอื่นๆไว้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งใจ เขามองไปที่เหลียงหรง “ เหลียงหรง ขอบคุณมาก คุณให้ผมเก็บข้าวของสักครู่ ผมจะไปกับคุณเดี๋ยวนี้ ”
“ ดี คุณรีบเก็บของเร็วเข้า ” เหลียงหรงกล่าว
หยางโปเดินกลับไปที่ห้องอีกครั้ง เหยียนหรูหยูขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ” ที่นี่ไม่ใช่ห้องของคุณ ! ”
หยางโปยิ้ม “ ขอบคุณมากเมื่อตะกี้ ”.ไอลีนโนเวล.
เหยียนหรูหยู ไม่สนใจเขาเลย และไม่ยอมพูดด้วยเช่นกัน มันก็จะดูเขินๆหน่อย
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอ่ยออกมาว่า “ คุณคิดว่า ฉินตูฟูได้รับบาดเจ็บ ช่วงนี้เขายังจะอยู่ที่นี่ต่ออีกไหม ? ”
เหยียนหรูหยูนิ่งเงียบ “ ฉันก็ไม่รู้จักเขาเหมือนกัน แต่ถ้าคุณเผชิญหน้ากับเขาครั้งหน้า คงตายแน่นอน ! ”
หยางโปพยักหน้าลงช้าๆอย่างไม่มีทางเลือก การขจัดภัยอันตรายให้ประชาชน ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเอง ตอนนี้สถานการณ์มันชัดเจนมาก ถ้าเขาไม่รีบออกไปให้เร็วที่สุด บางทีอาจจะไม่สามารถออกไปได้อีก ดังนั้นเขาจึงมีอาการลังเลเล็กน้อย แล้วมองไปทางเหยียนหรูหยู “ งั้นไปพักฟื้นรักษาตัวที่โรงพยาบาลสักระยะเถอะ ! ”
เหยียนหรูหยูพยักหน้าและไม่พูดอะไรมาก
ไม่นาน หยางโปก็สั่งให้เหยียนหรูหยูช่วยเขาจัดของ จากนั้นเขาก็เดินออกจากประตูและขึ้นรถไปพร้อมกับเหลียงหรง
เมื่ออยู่กันบนรถแล้ว และเห็นว่าหยางโปหลับตาลงพักผ่อน เหลียงหรงก็แทบทนรอไม่ไหวที่จะเอ่ยถาม ” เมื่อวานคุณได้พบกับฆาตกรตัวจริงมาใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ใช่ ฆาตกรตัวจริง ”
เหลียงหรงจ้องมองหยางโป “ ขนาดคุณยังไม่สามารถเอาชนะเขาได้ เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
หยางโปเหลือบมองเหลียงหรง “ ถ้าเป็นคุณ คุณก็เป็นได้แค่อาหารที่ส่งไปตายเท่านั้น ! ”
สีหน้าเหลียงหรงถอดสีไปทันทีแต่ก็ไม่เก็บเอามาใส่ใจ เขาตรวจสอบอาการบาดเจ็บของหยางโปเมื่อวานนี้ เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้นั้นรุนแรงมาก ในที่เกิดเหตุมีกองเลือดอยู่จำนวนมาก แต่กลับไม่ใช่ของหยางโป กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สองฝ่ายต่อสู้ด้วยมือเปล่า จนกระดูกหัก นี่มันพละกำลังอะไรกัน ถึงได้สู้กันจนถึงระดับขั้นนี้ ?
เหลียงหรงลังเลเล็กน้อย เขามองไปทางหยางโป ” ฆาตกรเป็นคนหรือผีกันแน่ ? ทำไมถึงได้เหี้ยมโหดแบบนี้ ”
“ ฆาตกรชื่อ ฉินตูฟู รักและชอบนำคนมาทำเป็นอาหารเลือด ” หยางโปอธิบาย “ เอาล่ะ คุณก็อย่าไปสนใจให้มันมากนัก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส คงไม่ฟื้นตัวขึ้นมาสักระยะหนึ่ง จากนี้ไป คุณจะทำยังไง ? ”
“ รายงานเบื้องบน ” เหลียงหรงกล่าว
หยางโปพยักหน้าหลับตาลงอีกครั้งและไม่พูดอะไรอีก
เวลานี้ในรถค่อนข้างที่จะเงียบ เหลียงหรงค่อนข้างที่จะสับสน เห็นๆกันอยู่ว่าคดีจบไปแล้ว
แต่ตอนนี้กลับต้องมาระบุตัวฆาตกรใหม่อีกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้น ฆาตกรผู้นี้ก็ยังมีพละกำลังมากระดับหนึ่ง มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถแก้ไขได้ เขาอดที่จะลังเลใจไม่ได้ถ้าเขารายงานให้เบื้องบนทราบจริงๆ เบื้องบนจะคิดยังไง ? จะให้เขาอยู่สอบสวนคดีนี้ต่อไปหรือเปล่า ?
หยางโปผล็อยหลับไป ในช่วงที่สะลึมสะลือ รอจนเขาตื่นขึ้นมา ก็มาถึงโรงพยาบาลแล้ว
เพิ่งจะเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย ชายชราก็โทรมา
“ เกิดอะไรขึ้น ทำไมแกถึงเข้าโรงพยาบาล ? ” ชายชราแทบทนรอที่จะเอ่ยถามไม่ได้
หยางโปไม่มีทางเลือก และไม่ได้ปิดบังไว้ “ ตอนที่ผมออกไปเดินเล่นคนเดียว เจอเข้ากับฆาตกรตัวจริง พวกเราต่อสู้กันอยู่พักหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างก็ได้รับบาดเจ็บ ”
ชายชรารู้สึกช่วยอะไรไม่ได้ ” นั่นแค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยหรือไง ? เห็นๆกันอยู่ว่าแกได้รับบาดเจ็บสาหัส แกอย่าพูดมาก พักฟื้นรักษาอาการบาดเจ็บดีๆ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้แกไป
แน่ ”
“ คุณปู่ ไม่ต้องห่วง ผมยังเป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยขนาดนี้ ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้เร็วมาก
สิบวันครึ่งเดือนก็หายดีแล้ว ปู่สบายใจได้ เรื่องนี้ก็อย่าไปบอกคนอื่น ช่วยผมเก็บเป็นความลับหน่อยนะ ” หยางโปกล่าว
ผู้เฒ่าชุยถือโทรศัพท์และไม่พูดอะไรไปซักพัก “ แกเป็นเด็กดี ”
“ คุณปู่ อย่าเสียใจไป มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร ปู่วางใจได้ ” หยางโปกล่าว
ผู้เฒ่าชุยยังคงสั่งกำชับไปอีกรอบ จากนั้นถึงได้วางหูไป
หยางโปอยู่ในโรงพยาบาลได้รับการปฏิบัติที่ดีมาก นอนเตียงเดียว มีพนักงานสาวแสนสวยสองคนที่ถ่ายทำภาพยนตร์ส่งมาดูแลอยู่เป็นเพื่อน แพทย์เจ้าของไข้ก็ไม่ได้ปิดบัง “ แขนทั้งสองข้างมีรอยร้าว มีรอยร้าวหนึ่งภายในร่างกายตรงม้าม อาการสาหัสมาก จำเป็นต้องผ่าตัดทันที ”
หยางโปตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ ไม่ใช่มั้ง อาการบาดเจ็บนิดเดียวเอง ยังต้องรับการผ่าตัดอะไรอีก ? ”
“ ฟังคุณหรือฟังผมดี ? คุณเป็นหมอ หรือผมเป็นหมอกันแน่ ? ” หมอตำหนิออกมาตามตรง
หยางโปเหลือบมองออกไปข้างนอก “ ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าแล้ว ผมเหนื่อยมาทั้งวัน ถ้าวันนี้ทำการผ่าตัด ผมกลัวว่าจะรับไม่ไหว เปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้ได้ไหม ”
แพทย์เจ้าของไข้เป็นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าคนหนึ่ง เขาจ้องมองหยางโปขึ้นลงอย่างพินิจพิเคราะห์ ด้วยสีหน้าแปลกใจ “ คุณอายุน้อยแบบนี้ ทำไมถึงไม่กลัวตาย ? คุณรู้ไว้เลยนะ ถ้าเลื่อนออกไปอีกแค่คืนเดียว ชีวิตก็จะตกอยู่ในอันตราย ! ”
“ หมอไม่ต้องห่วง ผมจะรับผิดชอบเอง ! ” หยางโปกล่าว

หยางโปหันมองเหยียนหรูหยู ” ทำยังไงดี จะเปิดประตูหรือไม่เปิดดี ? ”
เหยียนหรูหยูไม่สนใจหยางโปเลยด้วยซ้ำ นั่งฝึกฝนต่อไป
หลินซุนยังคงไม่หยุดเคาะประตู “ คุณเหยียน ผมเอากีวีที่คุณชอบกินที่สุดมาให้ ยังมีส้มและกล้วยด้วย จะไปหาซื้อผลไม้ที่นี่มันไม่สะดวกเลยนะ ! ”
หยางโปรู้สึกไม่มีทางเลือกอื่น เขาก็ไม่อยากสนใจผู้ชายที่อยู่ข้างนอกคนนั้น จะไปรู้ได้ไงว่าหลินซุนจะไม่ยอมหยุด “ คุณเหยียน คุณมาเปิดประตูให้หน่อย ถ้าคุณยังไม่เปิดประตูอีก ผมจะเข้าไปเองเลยนะ ! ”
หยางโปกำลังจะเอ่ยปากห้าม แต่คิดไม่ถึงว่าหลินซุนจะเร็วไปก้าวหนึ่ง เปิดประตูห้องเข้ามาแล้ว
พอหลินซุนเปิดประตูและเห็นว่าเหยียนหรูหยูนั่งอยู่บนเตียง ขณะที่ หยางโปยืนอยู่ข้างเตียง เหมือนกับว่ากำลังจะเดินมาทางนี้ เขาก็ตกใจนิ่งอึ้งไปทันที เหลือบมองไปที่หยางโป ตาของเขาเบิกกว้าง จ้องมองหยางโปเขม็ง แต่เขายังจำสิ่งที่พ่อพูดกับเขาได้ดี ภูมิหลังของหยางโปนั้นลึกกว่าเขามาก !
หลินซุนสงสัยมากว่าถ้าทั้งสองสนิทกันมากขนาดนี้ ทำไมก่อนหน้านี้ที่เขาตามจีบเหยียนหรูหยู หยางโปไม่พูดอะไรสักคำ ? หรือว่าเหยียนหรูหยูเป็นเมียน้อยของหยางโป และเขาก็แต่งงานแล้ว เพื่อจะได้อยู่กับเหยียนหรูหยู หยางโปถึงได้รับทำงานนี้เป็นพิเศษ แต่พวกเขาไม่สามารถอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผยได้ !
เวลานี้ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลินซุนทันที เมื่อนึกถึงคำพูดทั้งหมดของพ่อที่พูดมาทางโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ หลินซุนก็อดไม่ได้ที่จะต้องอดทนไว้ ลูกผู้ชายยืดได้หดได้ !
“ อ้อ ขอโทษที ผมเข้าผิดห้อง ” หลินซุนเอื้อมมือออกไปและรีบถอยออกไป
หยางโปกำลังจะเอ่ยปากอธิบาย แต่คิดไม่ถึงว่า หลินซุนจะออกไปแล้ว เขาทำอะไรไม่ถูก เลยไม่ได้อธิบายอะไรอีก เขาไม่มีทางวิ่งไล่ตามหลินซุนไปบอกกับเขาอีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อย่างที่เขาคิดแน่นอน
หยางโปรีบเดินออกจากห้องของเหยียนหรูหยูด้วยเช่นกัน เขาเดินไปตามถนนออกไปข้างนอกกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะไปที่ไหนต่อทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่ามีเงาดำแวบผ่านหน้าเขาไป เขาตกใจชะงักงัน ถอยร้นไปตามสัญชาตญาณสองก้าวก็เห็นว่ามีอีกคนหนึ่งยืนอยู่ในที่ที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้
คนคนนั้นดูเหมือนว่าอายุจะสามสิบกว่าแล้ว ใบหน้าดูเหี้ยมโหด เขาจ้องมองมาที่หยางโปโดยไม่พูดอะไร
หยางมองหน้าอีกฝ่าย ขมวดคิ้วขึ้นจางๆ “ คุณเป็นใคร ? ”
ชายคนนั้นจ้องมองหยางโป หัวเราะออกมาด้วยเสียงที่น่ากลัว พูดขึ้นว่า ” แกตามหาตัวฉันมาตลอดไม่ใช่เหรอ ? ฉันมาปรากฏตัวต่อหน้าแกจริงๆแล้วไง ทำไมแกถึงไม่รู้จักซะแล้วล่ะ ”
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาจ้องไปที่อีกฝ่าย และมองดูอย่างระมัดระวัง อีกฝ่ายหน้าตาดูธรรมดา
แต่คิ้วบางมาก ไม่ได้โหดเหี้ยมน่ากลัวอย่างที่เขาคิดไว้ แต่ไม่ใช่คนดีแน่นอน !
“ ทำไมแกถึงทำเรื่องแบบนี้ ! ” หยางโปจ้องหน้าอีกฝ่ายพูดขึ้นมาพร้อมทั้งขมวดคิ้ว
คิดไม่ถึงว่าเขาจะตอบสนองกลับหยางโปด้วยกำปั้น !
หยางโปสัมผัสได้ถึงลมแรงพัดเข้ามา เขาหันข้างเพื่อจะหลบ แต่กลับพบว่ากำปั้นของอีกฝ่ายนั้นพุ่งเข้ามาเร็วมาก ลมแรงปะทะเข้ามา เขาไม่สามารถแม้แต่จะหลบออกไปได้เลย !
นี่เป็นครั้งแรกที่หยางโปเผชิญกับสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าความตายอยู่ใกล้ตัวเองมากขนาดนี้ ในเวลานี้ เขาทำได้เพียงระดมพลังทั้งหมดให้พุ่งรวมไปที่กำปั้นทั้งคู่ ประกายแสงวาบผ่านตาของเขาไป หยางโปรู้สึกได้ว่ากำปั้นของตัวเองเต็มไปด้วยพลัง !
“ ปัง ! ”
กำปั้นคู่ของหยางโปปะทะเข้ากับคู่ต่อสู้ และเขาก็รู้สึกได้ว่ามีกำลังมหาศาลโจมตีเข้ามา
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังมหาศาลแบบนี้ พลังทั้งหมดของเขาดูเล็กลงไปทันที
“ กร๊อบ ! ”.ไอรีนโนเวล.
หยางโปได้ยินเสียงที่คมชัด จากนั้นเขาก็ถูกเหวี่ยงออกไป !
หยางโปตัวกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง และสำลักเลือดออกมา เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญกับความเหลื่อมล้ำของพลังอย่างมหาศาล เขารู้เลยว่าแขนทั้งสองข้างของเขาหัก ความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างรุนแรงจนทำให้เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรง พอชายตาขึ้นมอง ก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังเดินเข้ามาหาอย่างช้าๆ
ชายคนนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ พูดมาเพียงคำเดียว และไม่ยอมพูดอะไรอีก เขาค่อยๆเดินเข้ามา ราวกับว่าได้วางแผนไว้อย่างดีแล้วและคิดที่จะฆ่าทุกอย่างให้หมด !
หยางโปจ้องหน้าฝ่ายตรงข้าม ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง พลังเตลิดเปิดเปิง เขาพยายามควบคุมเส้นชีพจรที่มีอยู่จนนับไม่ถ้วนให้ไหลเข้าสู่จุดตันเถียนอย่างยากลำบาก เวลานี้ มีกระบี่หยกเล่มหนึ่งอยู่บนหน้าอกของเขาที่หลั่งพรั่งพรูพลังออกมาอย่างต่อเนื่อง พลังพรั่งพรูเข้าไปในร่างกายของเขา และหล่อเลี้ยงเส้นชีพจรที่แตกขาด
ตรงกลางจุดตันเถียน มีตัวกระบี่ลวงตาหมุนวนอยู่ตลอดเวลา คอยดูดซับพลังที่อยู่โดยรอบ
ขณะที่อีกฝ่ายเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ หยางโปก็กับสัมผัสได้ถึงลมหายใจของการสังหาร อีกฝ่ายเดินเข้ามาถึงตรงหน้าเขาและจ้องมองมาที่เขา และถึงขั้นที่ว่าไม่ยกมือขึ้นโค้งคำนับให้ แต่ยกเท้าขึ้นแล้วเตะออกมาทันที !
เมื่อลมพัดแรงปะทะเข้ามา หยางโปพยายามลืมตาโต เพ่งเล็งทิศทาง ในขณะที่เท้าสองข้างนั้นกำลังจะเหยียบลงบนศีรษะของเขา ลำแสงของกระบี่สีเงินก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ อ๊ากๆๆ ! ” เสียงกรีดร้องดังขึ้น หยางโปเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าอีกฝ่ายถอยร้นไปทางด้านหลัง กลิ่นเลือดคาวพุ่งออกมาปะทะหน้าของหยางโป กลิ่นคาวคละคลุ้งลอยมา ทำให้รู้สึกคลื่นไส้ !
อีกฝ่ายก้าวถอยหลังไปหลายก้าวและล้มลงบนพื้น เขาจ้องไปที่หยางโป ” ฉันจะไม่มีทางปล่อยแกไปแน่ ! ”
หยางโปเห็นกับตาตัวเอง ว่าเห็นแสงจากกระบี่โจมตีจนขาข้างนั้นของอีกฝ่ายอ่อนแรงและทรุดลง ราวกับว่าถูกดึงกระดูกออกมา ใบหน้าของอีกฝ่ายมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกมาอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมาก !
ในขณะที่พูด อีกฝ่ายก็กระโดดเขย่งเท้าข้างหนึ่งแล้วออกไปจากสถานที่เกิดเหตุ !
หยางโปถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้สึกว่าพลังในตัวถูกดูดพลังไปหมด ความเจ็บปวดที่แขนทำให้เขารู้สึกไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว !
เวลานี้ จู่ๆ หยางโปก็ได้กลิ่นหอมจางๆ เขาลืมตาขึ้นและเห็นชายกระโปรงสีขาวที่คุ้นตา เขาก็เข้าใจทันทีว่าทำไมชายคนนั้นถึงหนีไป เพราะคนที่ช่วยชีวิตเขามาแล้ว !
หยางโปหันไปยิ้มเหยเกให้เหยียนหรูหยู และแล้วก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้อีก เขาเป็นลมล้มลงหมดสติบนพื้นทันที
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หยางโปค่อยๆลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในโรงแรมในห้องเปิดไฟอยู่ เหยียนหรูหยูกำลังนั่งอยู่ข้างเขา มีกลิ่นหอมจางๆตรงปลายจมูก
หยางโปรู้สึกว่า แขนทั้งสองข้างเจ็บปวดและไร้เรี่ยวแรง เขาหันไปเหลือบมองเหยียนหรูหยู
” วันนี้ดีที่มีคุณ ถ้าคุณมาไม่ทัน เกรงว่าผมคงตายไปแล้ว ”
เหยียนหรูหยูส่ายหน้า “ คุณไม่เป็นไรหรอก คุณต่อสู้จนทำให้อีกฝ่ายหนีไปแล้ว ”
หยางโปลังเลเล็กน้อย “ คุณรู้จักเขาคนนั้นไหม ? เขาเป็นฆาตกรหรือเปล่า ? ”
ในที่สุดครั้งนี้เหยียนหรูหยูก็ไม่ได้ปิดบังอีก ” คนผู้นี้แซ่ฉิน ผู้คนรู้จักในนามฉินตูฟู เขาอยู่ในขั้นสุดท้ายของการฝึกวรยุทธแล้ว คิดไม่ถึงว่าคุณจะเอาชนะเขาด้วยตัวคุณเองได้ ! ”
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง “ ฉินตูฟู ? ทำไมถึงมีชื่อนี้อยู่ ? ฉินตูฟูหมายความว่าอะไร ? ”
“ ตูฟูเป็นคนฆ่าคนเยอะเหมือนผักปลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งชอบฆ่าเด็กที่ไม่มีอาวุธ และเขายังชอบกินเนื้อคนด้วย ” เหยียนหรูหยูอธิบายในระหว่างที่พูด สีหน้าของเธอเรียบเฉย ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
แต่เวลานี้หยางโปกลับนึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง กลิ่นคาวเลือดนั้นทำให้รู้สึกอยากจะอาเจียน“ ทำไมถึงมีคนแบบนี้อยู่ได้นะ เขาไม่ควรถูกเรียกว่าเป็นคนเลยด้วยซ้ำ ! ”
เหยียนหรูหยูเงียบโดยที่ไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก
หยางโปเหลือบมองเหยียนหรูหยู ด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างสับสน ” คือว่า ผมอยากจะอยู่เงียบๆหน่อยน่ะ คุณออกไปก่อนสักครู่ได้ไหม ? ”
เหยียนหรูหยูจ้องหน้าหยางโปด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจ

“ ผมทำธุระอยู่ข้างนอก ไม่สามารถกลับไปได้ช่วงนี้ ผมจะโทรคุยกับโจวซินเรื่องนี้ให้ ” หยางโปกล่าว
พ่อหยางกังวลใจมาก “ เฮ้ย แล้วเสี่ยวหลางล่ะจะทำยังไง ? ตอนนี้เขายังถูกจับตัวไว้อยู่ ยังไม่ถูกปล่อยตัวออกมาเลย ถ้าสองสามวันนี้แกไม่กลับมาจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเขาจะไม่อดตายหรือไง ? ”
“ อ้อ ถ้างั้นก็ให้หิวไป ! ” หยางโปกดวางสายทันที
พ่อหยางถือโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่โกรธจัด เขายกมือขึ้นคิดที่จะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง แต่ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกทำใจไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงส่ายหัวแล้วเดินจากไป
หยางโปย่นคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าโจวซินจะไล่ตามมาจนถึงตี้จิง และยังจับตัวหยางหลางไว้อีก แต่จะให้ทำไง หรือว่าโจวซินจะปล่อยให้หยางหลางหิวตายจริงๆ ? มากสุดก็คงแค่ให้บทเรียนเท่านั้น
หยางโปรู้ดีอยู่แก่ใจ จึงไม่ได้สนใจอะไรมาก เขาถึงกับว่าไม่โทรหาโจวซินเลย
ถ้าตามคำบอกกล่าวของเหลียงหรง จ้าวคังยอมรับสารภาพแล้วว่าเขาเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด ดังนั้นถ้าเขาจะสอบสวนต่อ นั่นก็เสมือนไม่ไว้หน้าคนอื่นๆ และต่อต้านผู้บังคับบัญชา ด้วยเหตุผลนี้หยางโปจึงค่อนข้างที่จะลังเลใจและคิดที่จะไปจากที่นี่ เพื่อไปที่อื่น
ก่อนจะจากไป หยางโปได้ขอร้องกับเหลียงหรงอยู่อย่างหนึ่ง
เหลียงหรงมองหน้าหยางโปด้วยความแปลกใจ ” อะไรนะ ? คุณจะขอพิจารณาคดีของจ้าวคังใหม่ ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ใช่ ผมอยากสอบปากคำเป็นการส่วนตัว ! ”
เหลียงหรงจ้องมองหยางโปด้วยความลังเล “ ถ้าอย่างนั้น คุณก็ต้องรู้นะ ว่าที่นี่มีกล้องวงจรปิดอยู่เต็มไปหมด ดังนั้น… ”
“ ไม่เป็นไร ” หยางโปตอบ
เหลียงหรงจึงจัดการให้อย่างรวดเร็ว ให้หยางโปเดินเข้าไปในห้องดำเล็กๆ และดำเนินการสอบสวนคดีจ้าวคัง
ทั้งสองนั่งแยกนั่งกันคนละฟาก หยางโปจ้องหน้าจ้าวคัง จากนั้นก็ดึงบุหรี่ออกมาแล้วแสดงท่าทีเอ่ยปากชวน ” อยากสูบบุรี่สักมวนไหม ? ”
จ้าวคังมีสีหน้าค่อนข้างบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็พยักหน้า
หยางโปใส่บุหรี่เข้าไปในปากของจ้าวคังแล้วจุดไฟแช็กให้ ในขณะที่จ้าวคังสูบบุหรี่ไปได้ครั้งหนึ่ง
ก็มีท่าทีผ่อนคลายและมีสีหน้ามึนเมาเล็กน้อย หยางโปจ้องมองจ้าวคัง แสงก็สว่างวาบผ่านตาไป จากนั้นก็พูดอย่างเคร่งขรึม “ จ้าวคัง ทำไมคุณถึงรับโทษแทนเขาด้วย ! ”
จ้าวคังลืมตาขึ้นด้วยใบหน้าที่รู้สึกสบายตัวและแข็งทื่อ ดวงตาทั้งคู่เลื่อนลอย ราวกับว่าถูกควบคุมไว้ เขาจ้องมองหยางโป ” ไม่ ผมไม่ได้ถูกควบคุมไว้ ผมเต็มใจที่จะอุทิศตัวเองให้กับเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ของผมเอง ! ”
หยางโปมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาจ้องจ้าวคังเขม็ง “ ใครเป็นนายของคุณ ? ในเมื่อเขาให้คุณทำในเรื่องที่ชั่วร้ายที่สุดได้ นั่นก็หมายความว่าเขาทอดทิ้งคุณได้ เวลานี้ คุณยังคิดแบบนั้นอยู่อีกเหรอ ? ”
จ้าวคังขึงตามองหยางโปอย่างบ้าคลั่ง “ ไม่มีทาง นายของฉันไม่มีทางทอดทิ้งฉันไปแน่ ฉันจะต้องออกไปจากที่นี่ได้อย่างแน่นอน ฉันจะต้องออกไปจากที่นี้ได้แน่นอน ! ”
หยางโปจ้องมองจ้าวคัง ” ใครเป็นนายของคุณ ? “.ไอรีนโนเวล.
“ นายของผมเป็นผู้รอบรู้และมีอำนาจทุกอย่าง เขาเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้ คนธรรมดาสามัญอย่างคุณไม่คู่ควรที่จะรู้จักเขา มดแมลงอย่างพวกคุณก็เป็นเพียงแค่อาหารเลือดก็เท่านั้น ! ” จ้าวคังกล่าว
หยางโปตกใจนิ่งอึ้งไปทันที เขาได้ยินคำว่า ” อาหารเลือด ” อย่างชัดถ้อยชัดคำ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ภายในใจของจ้าวคัง คงมีเพียงแค่อาหารเลือดเท่านั้น ! สิ่งนี้ทำให้หยางโปรู้สึกหวาดกลัวมาก
นี่มันสัตว์ประหลาดชนิดไหนกันเนี่ย !
“ อาหารเลือด คุณเคยกินคนงั้นเหรอ ? ” หยางโปจ้องหน้าจ้าวคังและเดินเข้าไปใกล้ทีละก้าว
จ้าวคังอ้าปาก เงยหน้าขึ้นหัวเราะ ทันทีที่เงยหน้าขึ้น เขาก็หลุดออกจากการควบคุมของหยางโปในทันที รอยยิ้มของเขาแข็งทื่อขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าจู่ๆเขาจะสังเกตเห็นการกระทำของหยางโปเข้า เขาหันกลับไปทางด้านข้าง ” คุณทำบ้าอะไร ? ”
เมื่อหยางโปสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของจ้าวคัง เขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ ผมไม่ได้ทำอะไรกับคุณมาก่อนเลย สิ่งที่คุณควรพูด ก็พูดออกมาหมดแล้ว เจ้านายของคุณไม่ได้รอบรู้และมีอำนาจไปซะทุกอย่าง ! ในเมื่อเขารู้ว่าคุณถูกจับกุมตัวไปแล้ว ทำไมถึงไม่มาช่วยชีวิตของคุณล่ะ ? ”
“ คุณมันน่ารังเกียจจริงๆ ! ” จ้าวคังกล่าว
หยางโปลุกยืนขึ้น ไม่พูดอะไรอีก หันหลังและเดินออกไป เขากลับไม่ได้รับข้อมูลที่เพียงพอ แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าผู้ร้ายตัวจริงมีอีกคน เจ้านายและอาหารเลือด คำสำคัญดังกล่าวนี้ ไม่ได้ทำให้หยางโปทายเบาะแสเพิ่มเติมได้มากขึ้น หรือว่านี่จะเป็นองค์กรลัทธินอกรีต ?
เหลียงหรงเข้ามาทักทายเขา “ ตอนเมื่อสักครู่ที่คุณสอบปากคำ ผมเห็นกระบวนการสอบสวนของคุณแล้ว คุณทำได้ยังไง ? เป็นไปได้ยังไง ? ”
หยางโปยิ้มเล็กน้อย “ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่คุณเชื่อ คุณก็จะทำมันได้แน่นอน ! ”
เหลียงหรงค่อนข้างที่จะเหลือเชื่อ เมื่อเห็นหยางโปไม่อยากที่จะพูดอะไรมาก เขาก็ถามอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้
“ ค้นหาบนเขามีข่าวคราวอะไรมาบ้าง ? ” หยางโปถาม
เหลียงหรงส่ายหัว “ ไม่มี ตอนนี้ยังไม่พบอะไรเลย ไม่พบบุคคลภายนอก คุณคิดว่าเมื่อคืนนี้มีใครออกไปจากหมู่บ้านและฆาตกรซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนใช่ไหมไหม ? ”
หยางโปลังเลเล็กน้อย “ เมื่อคืนนี้มีเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นที่อื่นไหม ? ”
เหลียงหรงส่ายหน้า “ ไม่มีรายงานพวกนี้มาเหมือนกัน ครึ่งเดือนก่อน ทั่วทั้งหลงซูโกวได้สร้างกลไกการรายงานตัวรายวันขึ้น จะต้องรวบรวมรายชื่อของเด็กทุกคนที่อยู่ที่บ้านเช้าเย็นทุกวันวันละสองครั้ง สถานการณ์ในเช้านี้ได้รับรายงานมาแล้วว่าไม่มีใครหายตัวไป ”
หยางโปขมวดคิ้ว จู่ๆก็รู้สึกจนปัญญาขึ้นมาทันที เขาพยักหน้า ” รอสักครู่ ผมขอคิดดูอีกครั้ง ”
หยางโปเดินกลับไป เคาะประตูห้องของเหยียนหรูหยู เมื่อได้ยินเสียงขานรับที่ชัดแจ่วดังมาจากข้างใน หยางโปถึงได้ผลักประตูและเดินเข้าไป
ห้องไม่ใหญ่ อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่นจางๆ นี่คือกลิ่นกายของเหยียนหรูหยู หยางโปเงยหน้าขึ้นมองเห็นเหยียนหรูหยูนั่งสมาธิอยู่บนเตียง ลืมตามองมาทางด้านนี้
เหยียนหรูหยูเห็นหยางโปเดินเข้ามา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ลืมตามองมาอยู่แบบนั้น ก่อนที่จะฝึกบำเพ็ญอยู่ในความเงียบต่อ
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่น เขาเดินไปที่ข้างเตียงและเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “ เมื่อคืนคุณน่าจะเห็นแล้วว่าใครคือคนที่อยู่บนภูเขา ? ”
เหยียนหรูหยูส่ายหน้า ” ฉันไม่รู้ ฉันมองไม่เห็น ”
หยางโปขมวดคิ้ว “ คุณเหยียน ผมไม่รู้ว่าว่าคุณมาจากไหน และถึงกับไม่เคยถามด้วยซ้ำว่าคุณเป็นใคร เพราะผมคิดว่าระหว่างเราต่างก็มีความเป็นส่วนตัวและควรเคารพซึ่งกันและกัน แต่เรื่องนี้ถ้าคุณไม่อยากพูด ระหว่างนี้คุณจะบอกผมได้ไหม คุณไม่อยากพูด หรือว่าพูดไม่ได้กันแน่ ? ”
เหยียนหรูหยูลืมตาขึ้น และเหลือบมองไปทางหยางโป ” เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะสามารถจัดการได้ ”
หยางโปตะลึงนิ่งเงียบไปทันที เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะจัดการได้ ประโยคนี้มันเจ็บปวดจริงๆ แต่มันก็แสดงให้เห็นปัญหาหนึ่งว่า เหยียนหรูหยูรู้ว่าคนที่อยู่บนภูเขาเป็นใคร เธอไม่อยากพูดเพราะอยากจะปกป้องหยางโป !
“ อีกฝ่ายแข็งแกร่งมากใช่ไหม ? ” หยางโปถาม
เหยียนหรูหยูลังเลเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าให้
หยางโปมองไปที่เหยียนหรูหยู และขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆล่ะก็ ต่อจากนี้ควรจะทำยังไงต่อไป ? ถ้าพิจารณาตามท่าทีของเหยียนหรูหยูแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะช่วยหยางโปรับมือกับอีกฝ่าย อย่างมากสุดก็แค่สามารถป้องกันความปลอดภัยของเขาได้ก็เท่านั้น
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น หยางโปก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เขาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงของ หลินซุนก็ดังขึ้นจากนอกประตู
“ คุณเหยียน คุณตื่นหรือยัง ? ผมเก็บผลไม้ป่ามาให้คุณเยอะเลย แถมยังเอาผลไม้มาให้เยอะด้วย ! ”

พ่อหยางที่ถือแก้วเหล้าอยู่ จู่ๆก็รู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา เขามีความสามารถนี้อยู่กับตัวแต่ไม่เคยได้นำมันออกมาใช้เลย สามารถคุยโวโอ้อวดต่อหน้าสาวสวยได้มันทำให้เขารู้สึกว่านี่แหละถึงจะเป็นชีวิตที่เขาต้องการ
ยิ่งดื่มเหล้ามากขึ้น คนก็ยิ่งพูดคุยกันสนุกสนานครึกครื้นมากขึ้นเท่านั้น พ่อหยางจ้องตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่พร่ามัว “ แม่สาวโจว ให้ผมไปส่งคุณที่โรงแรมไหม ? ”
หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าแซ่โจว ใบหน้าที่งดงามของเธอมีรอยยิ้มจางๆและแบมือออก
“ คุณอายุมากขนาดนี้แล้ว ยังมีกำลังวังชาอยู่อีกงั้นเหรอ ? ”
“ กำลังวังชาของผมจะเด็ดแค่ไหน ? รอถึงโรงแรม เดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง ว่าอะไรเรียกว่ากำลังวังชาที่เร่าร้อน ! ” พ่อหยางพูดไปพร้อมหัวเราะ
แม่สาวโจวยิ้มหวานส่งให้ เธอถือแก้วไวน์ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ดูมีความสุขมาก
เมื่อพ่อหยางเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่ายแบบนี้ ก็รู้แล้วว่าตัวทำสำเร็จแล้ว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข เขากำลังจะจูงมือหญิงสาวเดินจากไป จู่ๆก็มีใครบางคนพุ่งเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เขาจึงรีบหลบไปอย่างรวดเร็ว เขาโกรธมากและอดไม่ได้ที่จะสบถด่าออกมา ” ไอ้บ้า แกเป็นใคร มองไม่เห็นหรือไงว่ามีคนอยู่ตรงนี้ ? ”
พ่อหยางก้มหน้าลงและเหลือบไปเห็นอีกฝ่ายหนึ่งทรุดอยู่บนพื้น เขาคำรามออกมาอย่างไม่พอใจ และคิดที่จะไปจากที่ตรงนั้น แต่กลับได้ยินเสียงที่แผ่วเบาไร้ซึ้งเรี่ยวแรงดังมาจากพื้น “ พ่อ พ่อ พ่อต้องช่วยผมนะ ! ”
พ่อหยางตกตะลึงครู่หนึ่ง พอจ้องมองก็เห็นว่าเป็นหยางหลางที่นอนราบอยู่บนพื้น เขาตะลึงจนใจตกไปอยู่ตรงตาตุ่ม รีบเข้าไปพยุงตัวหยางหลางขึ้นมา “ เสี่ยวหล่าง นี่แกเป็นอะไรไป ? แกไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”
หยางหลางที่ถูกพยุงตัวลุกขึ้น “ พ่อต้องช่วยผมนะ โจวซินมันมาตามหาเราแล้ว ! ”
พ่อหยางเงยหน้าขึ้นและเห็นโจวซินพาคนเดินเข้ามาจริงๆ แต่ความสนใจของเขากลับไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาหันไปมองแม่สาวโจว แม่สาวโจวมองมาทางเขา กระทืบเท้าและเดินจากไป
เรื่องราวกำลังจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีแท้ๆแต่กลับพังพินาศไปหมด มันทำให้พ่อหยางเจ็บใจมาก เขาจ้องหน้าหยางหลางเขม็ง “ ทำไมเขาถึงหาตัวแกเจอ แล้วทำไมยังจะพาเขากลับมาด้วย ? แกทำร้ายฉันไม่เบาเลยนะ ! ”
โจวซินเดินนำลูกน้องเข้ามา สายตาก็จับจ้องไปที่พ่อหยาง “ คุณหยาง คุณนี่มีความสามารถจริงๆเลยนะ หลอกเอาซะผมมึนงงไปหมด และยังคิดว่าไม่มีใครรู้และคิดที่จะเอาเปรียบกันได้งั้นสิ ! ”
“ อย่านะ คุณโจว คุณอย่าพูดแบบนี้เชียวนะ ผมเป็นคนที่ซื่อสัตย์และไว้ใจได้เสมอมา จะหลอกคุณได้ไง ? ” พ่อหยางกล่าว
โจวซินทำเสียงเยาะเย้ยไม่พอใจ “ สำหรับคนแก่ที่ไม่รู้จักให้เกียรติตัวเอง และยังทำตัวจีบสาวตามแบบวัยรุ่น คุณทำตัวให้มันน่าเคารพหน่อยได้ไหม ? ”.Aileen-novel.
พ่อหยางหน้าแดง แต่กลับทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจเบาๆ ” นี่เป็นความต้องการทางร่างกายที่เอาชนะไม่ได้ ”
“ คำพูดที่ฟังดูดีพวกนี้ คุณเอามันกลับไปอธิบายให้ภรรยาของคุณฟังเถอะ ตอนนี้คุณแค่บอกผมมาว่าหยางโปอยู่ที่ไหนก็พอ ? ” โจวซินจ้องหน้าพ่อหยางและถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ห้วนจัด
พ่อหยางยิ้ม “ บอกคุณไปหมดแล้วไม่ใช่หรือไง ? เขาเป็นสมาชิกของคณะกรรมการประเมินวัตถุโบราณวัฒนธรรมแห่งชาติ คุณก็มีเส้นสายอยู่อย่างกว้างขวาง ต้องรู้จักที่นี่แน่นอน และสามารถทราบที่อยู่บ้านของเขาได้จากหน่วยของเขาได้ด้วยเหมือนกัน ! ไปหาที่บ้านของเขาเลยก็จบแล้วไหม ? ”
โจวซินจ้องหน้าพ่อหยาง ” ถ้ามันง่ายขนาดนั้น แล้วผมจะมาหาคุณทำไม ? ”
พ่อหยางเงยหน้ามองโจวซิน “ พูดตามตรงเลยนะ หยางโปกับผมได้ตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกกันไปแล้ว เขาไปไหนผมก็ไม่รู้ คุณถามผมแบบนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก สู้ออกไปตามหาข้างนอกดูดีกว่า ”
โจวซินจ้องหน้าพ่อหยาง แล้วหันไปเหลือบมองหยางหลางอีกครั้ง “ ตัดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกไปแล้ว ? ได้ เหตุผลแบบนี้ คุณก็สามารถเอาออกมาอ้างได้ ผมก็จะไม่พูดอะไรมากเหมือนกัน คุณมีลูกชายอยู่สองคน ตอนนี้ผมจะพาตัวไปด้วยคนหนึ่ง เจอกับหยางโปเมื่อไหร่ ผมก็จะนำตัวลูกชายมาคืนให้คุณอีกครั้งเมื่อนั้น ! ”
พ่อหยางตกใจ ” คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ถ้าหยางโปรู้ เขาจะต้องโกรธมากแน่ๆ ”
“ อ้อ งั้นก็ให้เขาโกรธกลับมาสิ ! ” โจวซินพูดอย่างเฉยเมย
สีหน้าหยางหลางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาเพิ่งหลบหนีออกมาจากเงื้อมมือของอีกฝ่ายได้
แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกจับตัวกลับไปอีกครั้ง เขารีบกอดขาของพ่อหยางไว้อย่างรวดเร็ว “ พ่อ พ่ออย่าทิ้งผมนะ พ่อให้แม่โทรหาหยางโปสิ ถ้าเขามีเวลาจริงๆ เขาจะต้องรีบมาแน่นอน ”
โจวซินจ้องหน้าพ่อหยาง ” อ้อ ลืมเตือนคุณไป ผมจับตัวลูกชายของคุณไป จะไม่ให้เขากินอะไร ส่วนเขาจะอดทนได้กี่วัน พวกคุณนับเอาเอง ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ลูกชายของคุณก็จะมีโอกาสหิวตายน้อยลงเท่านั้น ! ”
พอพูดจบโจวซินก็โบกมือ จากนั้นก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาด้านหน้า และพาตัวหยางหลางออกไป
พ่อหยางมองดูหยางหลางที่ถูกพาตัวไปตาต่อหน้าต่อตา เขาจ้องโจวซินเขม็ง “ พวกคุณปฏิบัติกับเขาดีๆหน่อย ผมจะรีบติดต่อหยางโปให้เร็วที่สุด จะติดต่อเขาเดี๋ยวนี้ ”
โจวซินฮึดฮัดไม่พอใจ โยนนามบัตรออกมาให้แผ่นหนึ่ง ” หลังจากที่เขากลับมา บอกให้เขาหามาหาผม ! ” พอพูดจบ โจวซินก็หันหลังกลับและเดินจากไป
พ่อหยางหยิบนามบัตรขึ้นมาดูอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว ผลกรรมตอบสนองกลับมาไม่น้อยเลย ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาโลภอยากได้อยากมี ก็คงจะไม่เจอกับเรื่องราวพวกนี้ !
พ่อหยางเดินตามออกไป เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาหยางโปทันที แต่เสียงตามสายอัตโนมัติกลับตอบกลับมาตามสาย ” ขออภัยค่ะ เบอร์ที่ท่านโทรหาไม่อยู่ในพื้นที่ให้บริการ โปรดติดต่อกลับอีกครั้งภายหลัง… ”
พ่อหยางนิ่งอึ้งไปทันที เขาค่อนข้างที่จะสับสน แต่ก็กดโทรออกอีกครั้ง แต่ก็ยังคงมีสายตอบรับกลับมาเหมือนเดิม มันทำให้เขาตกใจมาก หยางโปไปไหนกันนะ ?
……
หยางโปรับสายตอนนี้ก็เที่ยงกว่าแล้ว พอเขาเห็นสายพ่อหยางที่โทรมา ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและมีอาการลังเลเล็กน้อย แต่เขาก็ยังกดรับสาย
“ เสี่ยวโป แกอยู่ที่ไหน เมื่อคืนฉันโทรหาแกตั้งหลายครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบรับเลย ” พ่อหยางตอบกลับมาย่างรวดเร็ว
หยางโปไม่ตอบคำถามของเขา แต่ถามกลับไปว่า “ ที่คุณโทรมา แค่อยากถามเรื่องนี้เหรอ ? ”
เดิมทีพ่อหยางยังคิดที่จะเอ่ยปากถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอยู่สักสองสามคำ แต่เมื่อเห็นหยางโปพูดขวานผ่าซากแบบนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดว่า ” โจวซิน แกน่าจะรู้จักเขานะ เขาอยากไปหาแก แต่ก็หาตัวแกไม่เจอ ตอนนี้เขาจับตัวหยางหลางไว้ และบอกให้แกรีบไปหาให้เร็วที่สุด ”
“ โจวซิน ? ” หยางโปค่อนข้างที่จะแปลกใจ เขาไม่คิดมาก่อนว่าโจวซินจะไล่ตามมาจนถึงตี้จิง
“ อืม ผมเข้าใจแล้ว ”
พอพูดจบ หยางโปกำลังจะวางสาย แต่ทางพ่อหยางก็รีบพูดขัดขึ้นมาว่า “ อย่า อย่านะ แกอย่าเพิ่งรีบวางสายนะ ! ”
“ คุณยังมีธุระอะไรอีก ? ” หยางโปถาม
พ่อหยางรีบอธิบาย “ โจวซินบอกฉันว่า ถ้าแกไม่ติดต่อหาเขา เขาจะไม่ให้เสี่ยวหลางกินข้าว ! ”
หยางโปตกตะลึง “ เป็นไปไม่ได้ คุณไม่ต้องกังวล เขาไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก ”
“ เขากล้าสิ ทำไมเขาจะไม่กล้า นี่มันผ่านมาคืนหนึ่งแล้ว เสี่ยวหลางยังไม่ได้กินอะไรเลย ตอนนี้แกกินข้าวหรือยัง ? แกได้ยินเรื่องนี้ แกยังกินข้าวลงอยู่อีกงั้นเหรอ ? ” พ่อหยางเอ่ยถาม
หยางโปกำลังกินข้าวอยู่จริงๆ เขายิ้มและตอบกลับไปว่า ” ทำไมจะกินข้าวไม่ลงล่ะ ? ผมกำลังกินข้าวอยู่ตอนนี้ ! ”
พ่อหยางโกรธมากจนหรี่ตา “ แกยังจะกินข้าวอยู่อีกเหรอ ? หยางหลางไม่ได้กินข้าว แกยังจะกินข้าวลงอยู่อีกได้ยังไง ? แกยังเป็นคนอยู่… ”
พ่อหยางยกหูโทรศัพท์ คิดที่จะเอ่ยปากด่าทอ แต่พูดออกมาได้ครึ่งทาง เขาก็ต้องเงียบ เพราะเขารู้ดีว่าถ้าหยางโปอยู่ข้างนอก คงกลับมาไม่ทันแน่

ทุกคนหันไปมองหลินซุน ราวกับว่ากำลังมองคนโง่อยู่ ไม่ว่าหยางโปจะแย่แค่ไหน นั่นมันก็เป็นความสามารถของเขาเอง และที่สำคัญกว่านั้นคือ ในสถานที่เกิดเหตุนี้มีเพียงหลียงหรงเท่านั้นที่มีขั้นสูงกว่าหยางโป หลินซุนมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกคนอื่น ?
หลินซุนดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่เกิดขึ้นในสถานที่เกิดเหตุ เขาหันไปมองผู้คน และขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย หรือว่าเขาจะสู้หยางโปไม่ได้จริงๆงั้นเหรอ ?
“ เอาละจะกินข้าวกันก็กินกันเร็วๆ ทุกคนแยกย้ายกันได้แล้ว ! ” เหลียงหรงกล่าว
ทุกคนจึงพากันแยกย้าย จากนั้นหยางโปก็เหลือบมองไปทางเหลียงหรงและเดินไปที่โรงอาหาร
เหลียงหรงมองไปที่หลินซุน ” ผมตรวจสอบมาแล้ว เขาน่าจะเป็นคนที่มีภูมิหลัง ”
หลินซุนส่ายหน้า ” เขาจะเป็นคนที่มีภูมิหลังอะไรอยู่เบื้องหลังกัน ? ”
“ ฉันคิดว่า นายควรจะโทรหาพ่อของนายใหม่อีกครั้งนะ ยืนยันให้แน่ชัดว่าให้คุณตามจีบผู้หญิงหรือว่าหาเพื่อนกันแน่ ” เหลียงหรงกล่าว
หลินซุนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ” นี่คุณหมายความว่าอะไร ? ”
เหลียงหรงส่ายหัว “ คุณเรียนรู้เองก็แล้วกัน ”
พอพูดจบ เหลียงหรงก็หันหลังกลับและเดินจากไป
หลินซุนตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ในคำพูดของเหลียงหรง หรือว่าจะมีความเป็นไปได้ที่หยางโปจะมีประวัติความเป็นมา อีกฝ่ายอาจจะมีภูมิหลังที่ลึกซึ้งกว่าเขา ?
หลินซุนรู้สึกไม่ค่อยพอใจ สูดอากาศเย็นๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออก
หลังจากพยายามอยู่ครู่หนึ่ง หลินซุนก็กดวางสาย เขาตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที เขาจ้องเขม็งมองไปด้านหน้า ในที่สุดก็เข้าใจว่าสิ่งที่เหลียงหรงพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริง พ่อของเขาต้องการให้เขามาเป็นเพื่อนกับหยางโปจริงๆ !
แต่ตอนนี้เขาตามจีบเหยียนหรูหยู และทำให้หยางโปขุ่นเคืองใจ ต่อจากนี้เขาควรทำยังไงต่อไป ?
……
ครอบครัวของหยางหลางทั้งสามคนมาถึงตี้จิงแล้ว และอาศัยเงินที่หลอกโจวซินมากินอยู่ดี
ทุกอย่างดูน่าพอใจมาก ชีวิตแบบนี้ทำให้พวกเขามีความสุขกันมาก
หยางหลางถึงกับลุ่มหลงเพลิดเพลินในความสุขและติดลมจนไม่ยอมกลับบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาไปที่ไนท์คลับที่ซานหลี่ถุนในช่วงกลางคืน และหลังจากที่ได้พบกับสาวสวยที่นั่น หยางหลางก็ยิ่งไม่ยอมกลับอีก
พอพลบค่ำ หยางหลางทานอาหารเย็นกับพ่อแม่ จากนั้นเขาก็ส่งพ่อแม่กลับไปที่โรงแรมอีกครั้งและเดินออกจากห้องไป เดินมาได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกว่าไหล่ของเขาถูกตบ เขาตกใจหันหลังกลับไปมองอย่างรวดเร็ว ก็เห็นพ่อหยางยืนอยู่ข้างหลังเขา
“ พ่อ พ่อออกมาทำไม ? ” หยางหลางถามด้วยใบหน้าที่ผะอืดผะอม
พ่อหยางจ้องหน้าหยางหลาง มองขึ้นลงอย่างพินิจพิเคราะห์ “ เดินอยู่ข้างนอกมาวันหนึ่งเต็มๆแล้ว แกยังไม่เหนื่อยหรือไง ? นี่จะไปไหนอีก ? ”
“ ผมจะไปซื้อบุหรี่สักซอง ” หยางหลางตอบ
พ่อหยางจ้องหน้าหยางหลาง “ ซื้อบุหรี่สักซองใช่ไหม ? แกจะไปซื้อบุหรี่จริงๆ หรือจะแอบหนีเที่ยวกันแน่ ? ”
“ พ่อ ดูพ่อพูดสิ ผมจะทิ้งพ่อแม่ไว้ข้างหลังแล้วแอบออกไปเที่ยวเล่นคนเดียวได้ไง ? ” หยางหลางรีบอธิบายอย่างรวดเร็วเพราะเขากลัวว่าจะถูกพ่อจับได้
พ่อหยางส่ายหัวและตบไหล่ของเขา “ เสี่ยวหลาง แกน่ะยังหนุ่มยังแน่น จะทำตัวเหมือนคนแก่อย่างพวกเราไม่ได้ แกต้องรู้จักที่จะเรียนรู้และเที่ยวเล่นบ้าง แกต้องเรียนรู้ที่จะจีบสาว ค่ำคืนที่ยาวนาน แกไม่รู้สึกเหงาบ้างหรือไง ? ”.ไอรีนโนเวล.
หยางหลางพยักหน้าตาม “ มันก็เหงาจริงๆ พ่อมีที่ดีๆแนะนำให้ไปไหมล่ะ ? ”
พ่อหยางชายตามองหยางหลาง “ ไอ้เด็กเลว ยังจะหลอกฉันอยู่อีก ? หลายคืนนี้แกไม่ได้อยู่ที่โรงแรม ไม่ใช่มาเที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกหรือยังไง ? ยังไม่รีบนำทางไปอีก ? ”
เวลานี้หยางหลางไม่เข้าใจความหมายของพ่อ เขาคิดว่าพ่อหยางกำลังทดสอบเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไปว่า “ พ่อปล่อยผมไปเถอะนะ ต่อไปผมจะไม่ไปอีกแล้ว ”
“ ไม่ไป ? ” พ่อหยางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งและ ตบหัวของเขาไปทีหนึ่ง “ แกจะไม่ไปได้ยังไง ไม่ไปแล้วใครจะนำทางฉันไป ? ฉันก็อยากไปจีบสาวเล่นเหมือนกันนะ ! ”
หยางหลางเบิกตากว้าง เขาจ้องหน้าพ่อด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ “ พ่อ พ่อก็อยากไปด้วยเหรอ ? ”
“ ยังไม่รีบไปอีก ยังยืนอึ้งอยู่ทำไม ? ” ในขณะที่พูด พ่อหยางก็เดินนำออกไปด้านนอกแล้ว
หยางหลางส่ายหัวและยิ้มออกมา อดที่จะรู้สึกจนปัญญาไม่ได้ พ่อของเขาเป็นกระบี่คมไม่รู้เสื่อมจริงๆ !
ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงไนท์คลับ เวลานี้มันยังเช้าอยู่ คนในไนท์คลับจึงยังไม่ค่อยมากนัก พวกเขาเดินเข้ามาพร้อมกันเป็นคู่ชายหนุ่มและคนแก่ จนดึงดูดความสนใจจากบริกรในทันที
หยางหลางเหลือบมองไปทางพ่อ “ พ่อ พ่อว่าพวกเราห่างกันสักพักดีไหม ? ”
พ่อหยางจ้องหน้าหยางหลาง “ นี่แกรังเกียจฉันงั้นเหรอ ? ”
หยางหลางรีบโบกมือ “ พ่อ จะเป็นไปได้ไง ? พ่อเป็นพ่อของผมนะ ผมจะรังเกียจพ่อได้ยังไง ? ”
พ่อหยางพ่นลมไม่พอใจออกมา และพูดเสียงเบาไปว่า “ บอกฉันมา สั่งเหล้ายังไง ราคาของเครื่องดื่มที่นี่ราคาเท่าไหร่ ? ”
หยางหลางเบิกตาโตทันทีเมื่อได้ยินคำถามของพ่อ เขาหันไปมองหน้าพ่อด้วยใบหน้าตกตะลึง
เป็นเพราะคำถามที่พ่อของเขาถามมานั้นมีเป้าหมายที่ตรงไปตรงมาเกินไป เห็นได้ชัดว่าจะเริ่มลงมือแล้ว !
หยางหลางจึงทำได้เพียงต้องบอกข้อมูลเหล้าทั้งหมดที่เขารู้แก่พ่อหยาง
พ่อหยางพยักหน้าและโบกมือ “ เอาล่ะ แกไปได้แล้ว ไม่ต้องมาทำขายหน้าอยู่แถวนี้ ”
หยางหลางเดินไปทางด้านข้าง และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าไม่ใช่เพราะเขารังเกียจพ่อหยาง แต่เป็นเพราะพ่อหยางรังเกียจเขาเสียมากกว่า !
ดนตรีในไนท์คลับไพเราะและน่าเคลิ้บเคลิมมาก พ่อหยางยกเครื่องดื่มเดินทอดน่องไปมาด้านใน แม้ว่าเขาจะสวมชุดที่ดีที่สุด แต่ก็ยังดูเชยสำหรับที่นี่เกินไป อาจะเป็นเพราะอายุของเขา มันเลยทำให้เขาแต่งตัวออกมาได้ไม่ดี
พ่อหยางไม่มีทางเลือก หากเขาอายุน้อยกว่านี้สักยี่สิบปีได้ เขาจะต้องได้เป็นเจ้าบ่าวทุกคืนแน่นอน !
พ่อหยางเงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้า เขาก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสสีดำคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นผอมเพรียวรูปร่างอรชนอ้อนแอ้น ผมยาวพาดบ่า กำลังนั่งดื่มอยู่ที่บาร์ เขาอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มออกมาบนใบหน้า ถือแก้วเครื่องดื่ม แล้วเดินเข้าไปหา ” สาวน้อย ดื่มด้วยกันสักแก้วไหม ? ”
หญิงสาวคนนั้นเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอเบลอเล็กน้อย ใบหน้ารูปไข่เรียบเนียนและเปล่งปลั่ง
ทำให้คนอดใจไม่ได้ !
“ ปีนี้คุณอายุเท่าไร ? ” หญิงสาวคนนั้นเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
พ่อหยางหัวเราะ “ ผมเป็นชายหนุ่มที่ไม่รู้จักแก่ คุณเคยเห็นผู้ชายอายุสามสิบต้นๆที่หน้าตาแบบผมไหมล่ะ ? ”
หญิงสาวส่ายหน้า “ ไม่มั้ง คุณเพิ่งจะอายุสามสิบปีเองเหรอ ? ”
พ่อหยางถือโอกาสเข้าไปนั่งข้างหญิงคนนั้นแล้วจ้องตาเธอ “ คุณไม่เชื่อเหรอ ? คุณต้องรู้ไว้นะว่าในโลกใบนี้มีคนที่ต่อให้อายุมากแค่ไหนก็ยังหน้าเด็ก มีคนที่อายุยังน้อยแต่หน้าแก่มาก ต้องโทษพ่อแม่ที่ไม่ได้ทำให้ผมมีหน้าตาที่หล่อเหลา ! ”
หญิงสาวถูกพูดเล่นเอาใจจนหัวเราะคิกคัก ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ยังยอมที่จะพุดคุยกับพ่อหยาง นี่ทำให้พ่อหยางมีความสุขมาก เขาถือแก้วไวน์ ไวน์แดงที่ส่องแสงแวววับจากแสงไฟของบาร์ บรรยากาศดูลางๆมองไม่ชัด
หญิงสาวให้เกียรติมาก ชนแก้วกับพ่อหยาง “ คุณไม่ใช่คนตี้จิง ฟังจากสำเนียงแล้วดูเหมือนจะมาจากทางใต้ ? ”
“ ผมเป็นคนจินหลิง มาตี้จิงได้สักระยะหนึ่งแล้ว ” พ่อหยางกล่าว
หญิงสาวจ้องไปที่พ่อหยาง “ คุณอายุปูนนี้แล้ว ทำไมถึงอยากมาเที่ยวไนต์คลับอยู่อีกล่ะ ? ”
พ่อหยางหัวเราะ “ ทำไมผมจะมาเที่ยวไนต์คลับไม่ได้ล่ะ ? อายุไม่ได้เขียนไว้บนใบหน้า แต่เขียนไว้ในหัวใจ ตราบใดที่ใจยังสิบแปด คุณก็จะอายุสิบแปดตลอดกาล ! ”

หยางโปหลอกเหลียงหรง และลงเขาไปพร้อมกับเหยียนหรูหยู เขาหันย้อนกลับไปมอง นึกไม่ถึงว่าจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าที่เย็นชาของเหยียนหรูหยู ภายใต้แสงจันทร์ที่แจ่มใสและปลอดโปร่งราวกับน้ำ เหยียนหรูหยูงดงามเหมือนดอกบัวที่สั่นไหวดอกหนึ่ง จนหยางโปเหยียบเท้าลงกลางอากาศและเกือบจะล้มลงบนพื้น !
“ คุณหัวเราะ คุณหัวเราะอะไร ? ” หยางโปหันกลับไปมองและถามด้วยความสงสัย
เหยียนหรูหยูไม่ได้พูดอะไร แต่ยังคงเดินตามหลังหยางโป
ทั้งสองรออยู่ที่เชิงเขาเป็นเวลานาน ก่อนที่เหลียงหรงจะพาผู้คนลงมาจากเขา ซึ้งเวลานี้ท้องฟ้าด้านตะวันออกสว่างแล้ว
ทุกคนขึ้นรถและแยกย้ายกลับไปพักผ่อนที่ห้องใครห้องมัน
ในขณะที่เหลียงหรงกำลังเอียงตัวลงนอน ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาจึงเปิดประตู และเห็นไป่ชูซินยืนรออยู่นอกประตู ไป่ชูซินพูดอย่างค่อนข้างระมัดระวัง “ ผู้การเหลียง ขอโทษนะ รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณแล้ว ผู้นำของอำเภอต่างมากันแล้ว และยังนำคนมาด้วยเป็นร้อย ”
เหลียงหรงสะดุ้งตกใจ ยังไม่ทันรู้เรื่อง ” ผมพูดไปแล้วใช่ไหม อย่าให้ผู้นำในเมืองและในเขตมากัน ปล่อยให้พวกเขาทำงานกันตามสบาย ! ”
ไป่ชูซินมองเหลียงหรงด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ ผู้การเหลียง หลินซุนขึ้นไปบนภูเขาและหายตัวไปเมื่อคืนนี้ ตอนนั้นคุณขอให้ผมโทรไป พวกเขาจึงรีบมากันในช่วงดึกทันที ”
ไป่ชูซินมีสีหน้าลำบากใจ เหลียงหรงเป็นเจ้านายใหญ่ แต่สำหรับเขาแล้ว เจ้านายที่มาจากอำเภอไม่กี่คนนั้นถึงจะเป็นเจ้านายที่รับหน้าที่ดูแลเขาโดยตรง เขาเป็นฝ่ายโทรหาบรรดาเจ้านายแต่กลับกันถ้าทำให้พวกเขาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ จากนี้ไปเขายังจะมีหน้าทำงานต่ออยู่อีกได้ไหม ?
เหลียงหรงเพิ่งจะนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เขาพยักหน้า ” ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณพาผมไปพบพวกเขาสิ แต่ยังต้องค้นป่ากันต่อไป ”
หยางโปกลับไปที่ห้อง ล้างหน้าล้างตาเล็กน้อย เริ่มนั่งสมาธิอยู่บนเตียง กำลังจะเริ่มฝึกบำเพ็ญเพียร เขาก็ก้มลงมองโทรศัพท์แวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าลัวย่าวหัวโทรมาหา เขาจึงกดรับสาย
“ ฉันส่งมอบโสมคนพันปีไปให้ถึงแล้ว กำลังพูดคุยกับอวี่เหวินอยู่ เขามีเรื่องจะพูดกับนายน่ะ ”
พอพูดจบ หยางโปก็ได้ยินเสียงดังมาตามสายเปลี่ยนเป็นเสียงของอวี่เหวิน ” หยางโป ลำบากนายแล้ว โสมคนพันปี มันมีประโยชน์ต่อฉันมากจริงๆ ! ”
“ ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจ ตอนนี้นายฟื้นตัวกลับมาได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ? ” หยางโปเอ่ยถาม
อวี่เหวินยิ้ม ” ฟื้นตัวแล้ว 30% เพราะอายุมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ
ก็บำเพ็ญเพียรลดน้อยลงไปมาก ทำให้ฉันสูญเสียอายุขัยไปอย่างไร้ประโยชน์ เกรงว่าชีวิตนี้ฉันคงไม่ประสบความสำเร็จอะไรในชีวิตอีกแล้ว ”
หยางโปรู้สึกแปลกใจมาก “ นายมีความรู้เรื่องยาอายุวัฒนะไม่ใช่เหรอ ? ต้องการยาอายุวัฒนะอะไร ฉันช่วยนายรวบรวมได้ นายต้องดีขึ้นแน่นอน ไม่ต้องกังวลไป ”
อวี่เหวินส่ายหัวเล็กน้อย “ ช่วยไม่ได้แล้ว ครั้งนี้มันกะทันหันเกินไป สูญเสียอายุขัยไปมากเกิน ”
“ โสมคนพันปีสามารถเพิ่มอายุขัยได้ มันสามารถยืดอายุขัยของนายได้อย่างแน่นอน ” หยางโปกล่าว
“ เดิมทีที่พวกเราฝึกบำเพ็ญเพียรมันก็ขัดกฎสวรรค์เปลี่ยนชะตาชีวิตอยู่แล้ว จะมีชีวิตอยู่ได้กี่ปีไม่เพียงขึ้นอยู่กับการต่อสู้ของตัวเราเอง แต่ยังขึ้นอยู่กับเจตจำนงของสวรรค์ หยางโป ฉันหวังว่านายจะเข้าใจเหตุผลนี้ ไม่ใช่ว่าคนเราจะพิชิตและเอาชนะสวรรค์ได้ ! ” ในระหว่างที่อวี่เหวินพูดเสียงของเขาไร้เรี่ยวแรงมาก สูญเสียพละกำลังการต่อสู้ในอดีตไปอย่างสิ้นเชิง.Aileen-novel.
หยางโปแปลกใจมาก “ นายอย่าได้คิดไม่ตกเชียวนะ ! ”
อวี่เหวินหัวเราะ “ ไม่เป็นไร แค่มองทะลุมากขึ้น รู้สึกปล่อยวางบ้างแล้วก็เท่านั้น เอาล่ะ ไม่รบกวนนายแล้ว ฉันจะไปเตรียมตัวแล้ว ! ”
” อืม นายระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน ” หยางโปกล่าว
พอกดวางสาย หยางโปก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ อวี่เหวินเป็นบุคคลสำคัญที่เก่งกาจมากขนาดนั้น เวลานี้กลับแสดงอารมณ์แบบนั้นออกมา นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน หยางโปถึงได้ตั้งสติและเริ่มฝึกสมาธิด้วยจิตใจที่สงบ
พลังที่อยู่รอบตัวปลิวกระจาย หยางโปดูดซับพลังที่อยู่ทั้งสี่ด้าน เขาสามารถสัมผัสได้ว่า เหมือนจะมีหลุมดำหลุมหนึ่งที่คอยดูดซับพลังอยู่ด้านข้าง จนทำให้รอบกายของเขาเต็มไปด้วยพลังจำนวนมาก
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน หยางโปค่อยๆลืมตาขึ้น และเดินออกจากห้อง และเดินเข้าไปจนถึงในลานโรงแรม หยางโปเห็นหลินซุนถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนจำนวนมาก และกำลังถูกทุกคนยกยอปอปั้น จนทำให้เขารู้สึกตัวลอย
” เมื่อคืนนี้ผมองอาจห้าวหาญและเต็มไปด้วยกำลังวังชามากไปจริงๆ พอเห็นจ้าวคังยืนขวางทางอยู่ตรงหน้า ผมเลยพุ่งเข้าไปชนหน้าอกของเขาคนเดียวเลยทันที จากนั้นเขาก็ล้มลงบนพื้นและถูกผมจับกุมตัวไว้ ” หลินซุนกล่าว
หลายคนในที่เกิดเหตุรู้เรื่องเหตุการณ์เมื่อคืนนี้แล้ว แต่ก็ยังมีคนที่รู้ว่าเขาไม่ใช่คนจัดการแต่ก็ยังกล่าวชม ” หัวหน้าหลินองอาจห้าวหาญจริงๆ ที่สามารถจับกุมตัวฆาตกรได้ในครั้งนี้ ลำบากหัวหน้าหลินแล้ว กลับไปผมจะเขียนรายงานต่อเบื้องบนด้วยตัวเอง พวกเราต้องมอบรางวัลให้แก่ผู้กล้าหาญ ! ”
“ ใช่ ใช่ หัวหน้าหลินกล้าหาญต่อสู้กับผู้ร้าย และแล้วในที่สุดครั้งนี้ก็นำความสงบสุขกลับคืนสู่หลงซูโกวจนได้ ผมในนามของประชาชนหลงซูโกว ต้องขอบคุณพวกคุณเป็นอย่างมาก ! ”
“ ขอบคุณหัวหน้าหลิน ผมคิดว่าควรสร้างศาลเจ้าสักหลังไว้บนภูเขานี้ดีไหม ? ”
เมื่อหลินซุนได้ยินคำชมเหล่านี้ก็มีความสุขมาก แต่พอได้ยินว่าจะมีคนสร้างศาลเจ้าให้เขาจริงๆก็ตกใจมาก “ คุณอย่าได้ทำแบบนี้เชียวนะ ในฐานะนักปฏิวัติชนชั้นกรรมาชีพ พวกเรามีความเชื่อของเราเอง จะสร้างของพวกนี้ขึ้นมาไม่ได้ ! ”
เหลียงหรงยืนอยู่ข้างหยางโป ยิ้มให้ ” ทำให้คุณตลกขบขันแล้ว ”
หยางโปส่ายหน้า “ ผลการสอบสวนเป็นยังไงบ้าง ? ”
เหลียงหรงลังเลเล็กน้อย “ จ้าวคังยอมรับสารภาพแล้วว่าเด็กทุกคนที่ถูกฆ่าและหายตัวไปใน
หลงซูโกวทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของตัวเขาเอง ดังนั้นคนพวกนี้ถึงได้ดีใจกันแบบนี้ ! ”
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ” จ้าวคังยอมรับสารภาพแล้ว ? เป็นไปได้ยังไง ? ”
สีหน้าของเหลียงหรงเต็มไปด้วยความขมขื่น “ เบื้องบนประกาศให้รีบปิดคดีนี้โดยเร็วที่สุด เรื่องนี้ต้องอธิบายให้คนในท้องถิ่นเข้าใจ เพราะชาวบ้านตื่นตระหนกและหวาดกลัวกัน แม้แต่ตำบลและอำเภอโดยรอบก็เล่าลือกันไปทั่ว นักเรียนที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุต่างก็เลิกเรียนกันเร็วมาก พอเลิกเรียนก็จะถูกกักตัวอยู่แต่ในบ้านทันที จะต้องรีบกำจัดและคลี่คลายผลกระทบเหล่านี้ไปให้เร็วที่สุด ! ”
หยางโปตกตะลึงและส่ายหัวเล็กน้อย “ ถ้าฆาตกรตัวจริงยังไม่ถูกจับกุมตัว ถ้าในอนาคตก่ออาชญากรรมขึ้นมาอีก มันจะไม่ทำให้เกิดความหวาดกลัวมากไปกว่านี้อีกเหรอ ? ”
เหลียงหรงส่ายหน้า ” ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น งั้นก็ช่วยไม่ได้แล้วเหมือนกัน ”
ในขณะที่พูด หลินซุนก็เงยหน้าขึ้นมองเห็นหยางโป เขาเดินเข้ามาอย่างภาคภูมิใจ
” คุณเหยียนตื่นหรือยัง ? ”
หยางโปเหลือบมองไปที่อีกฝ่าย แต่ไม่ได้สนใจ
หลินซุนมีสีหน้าท่าทีไม่ค่อยพอใจ “ คนแซ่หยาง ผมถามคุณอยู่นะ ? ทำไมคุณไม่ตอบผมล่ะ ? ”
หยางโปเหลือบตามอง ” อ้อ คุณถามผมอยู่เหรอ ? ผมคิดว่าคุณกำลังถามผู้การเหลียงอยู่ซะอีก ”
เหลียงหรงฝืนยิ้มให้ “ หลินซุน พูดจาเกรงใจหน่อย ”
“ หลินซุนเป็นวีรบุรุษ ถ้าจะพูดจาไม่เกรงใจก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ! ” มีคนเดินขึ้นมาและเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
เหลียงหรงเหลือบมองและพบว่าอีกฝ่ายคือผู้นำท้องถิ่นคนสำคัญ เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ คุณหยางเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง มีสถานะไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณ ! ”
ได้ยินแบบนั้นก็เกิดความแตกตื่นขึ้นในสถานที่เกิดเหตุอย่างฉับพลัน จำนวนคนที่ยืนอยู่ที่นี่ล้วนเป็นผู้นำของอำเภอ คนที่อายุน้อยที่สุดก็สี่สิบกว่าปีแล้ว พวกเขาจ้องมองหยางโปตาเขม็ง ด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ เป็นเพราะหยางโปที่อายุน้อยเกินไป เจ้าหน้าที่ระดับสูงในวัยยี่สิบกว่า นี่มันอะไรกันเนี่ย ?
ถ้าสิ่งที่ผู้การเหลียงพูดมาเป็นความจริง เช่นนั้นอย่างหยางโป ถ้าทำงานอยู่ในองค์กรนานๆ พอถึงเวลาเกษียณ ก็สามารถก้าวขึ้นไปสูงถึงขั้นผู้บริหารระดับรัฐมนตรีได้เลยนะสิ !
ในสถานที่เกิดเหตุเงียบกริบ หลินซุนพูดออกมาอย่างไม่พอใจ “ ต่อให้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงแล้วยังไง ? ”

  หยางโปหยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาเหลือบมองเหลียงหรง “ หลังจากที่พวกเราขึ้นมาถึงบนยอดเขา
ก็ไม่เห็นเงาใครเลย ! ”
“ ศพยังอุ่นอยู่ น่าจะยังผ่านไปได้ไม่นาน รีบค้นหาทั่วเขาเดี๋ยวนี้ ! ” เหลียงหรงสั่ง
ในสถานที่เกิดเหตุมีเสียงดังอึกทึกขึ้นในทันที พ่อแม่ของเด็กเองก็วิ่งกันขึ้นมา เมื่อเห็นสภาพที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นก็เป็นลมล้มพับไปเลย !
เมื่อหยางโปเดินกลับมา ก็เห็นจ้าวคังถูกหลินซุนมัดตัวไว้ เขาก็มีอาการลังเลเล็กน้อย เมื่อเห็นคนด้านข้างถือขวดน้ำอยู่ เขาจึงยืมมันมาสาดใส่หน้าจ้าวคัง !
หลินซุนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที ” ผมจับตัวนักโทษได้ จะจัดการยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับผม นี่คุณกำลังทำอะไร ? ”
หยางโปไม่สนใจหลินซุนเลย เพราะเขาพบว่าการสาดน้ำใส่มันไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ เขาจึงอดที่จะหันไปทางเหยียนหรูหยูไม่ได้
เหยียนหรูหยูก้าวขึ้นไปข้างหน้า หลินซุนที่เดิมทียืนขวางอยู่ตรงหน้าหยางโป เมื่อเห็นเหยียนหรูหยูเดินเข้ามา เขาก็รีบหลบทางให้ เหยียนหรูหยูยกเท้าข้างหนึ่งเหยียบไปบนหลังจ้าวคัง จากนั้นก็ได้ยินจ้าวคังร้องครางออกมาเบาๆ และบริเวณหัวไหล่สั่นไหวเล็กน้อย
จากนั้น จ้าวคังก็ได้สติตื่นขึ้นมา เขามองไปรอบๆแต่ดวงตายังแดงเล็กน้อย
หลินซุนกลัวว่าเหยียนหรูหยูจะได้รับเจ็บ เขาจึงยกเท้าข้างหนึ่งเหยียบจ้าวคังไว้พร้อมทั้งทำเสียงฮึดฮัดเหยียดหยาม ” ตอนนี้คุณถูกจับกุมตัวไว้แล้ว บอกผมมา ทำไมคุณต้องทำร้ายเด็กผู้หญิงคนนั้น ? ”
จ้าวคังใช้มือทั้งสองข้างพยุงตัวลุกขึ้น หลินซุนไม่ทันสังเกตเห็น เลยถูกเขาตวัดพลิกตัวล้มลงบนพื้น !
เมื่อชาวบ้านจำนวนมากที่อยู่โดยรอบเห็นเหตุการณ์นี้เข้า ก็รีบพากันวิ่งกรูเข้ามาจับหลินซุนไว้ ทางด้านชาวบ้านอีกสี่คนก็เข้าไปจับตัวจ้าวคังกดไว้ เพียงแค่เขาใช้แรงสะบัดตัว ก็หลุดออกมาได้อีกครั้ง !
หยางโปยืนอยู่ด้านข้าง สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าในขณะที่จ้าวคังดิ้นหลุดไปได้นั้น ดวงตาทั้งคู่ของเขามีสีแดงเข้มมากยิ่งขึ้นไปอีก สวยหยาดเยิ้มมาก !
จ้าวคังลุกยืนขึ้น และหันมองไปรอบๆ เห็นเหยียนหรูหยูในชุดกระโปรงสีขาวอยู่ไม่ไกล เขาจึงรีบพุ่งเข้าหา
หลินซุนเพิ่งจะพยุงตัวลุกขึ้นได้ เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของจ้าวคังก็หน้าซีดเผือก ร้องตะโกนออกมาสุดเสียงทันที ” คุณเหยียนระวัง ! ”
หยางโปที่ยืนอยู่ข้างเหยียนหรูหยู เขากลับไม่ยืนมือเข้าไปขวางไว้ แต่มองดูจ้าวคังวิ่งพุ่งเข้ามาแบบนั้น
จ้าวคังขู่คำราม ด้วยสีหน้าที่ดุร้ายและหน้าหวาดกลัวพุ่งไปทางเหยียนหรูหยู จนทำให้ทุกคนกรีดร้องด้วยความตกใจ
เสียงกรีดร้องเพิ่งจะดังขึ้น จู่ๆก็อ้างปากค้างกันนิ่งเงียบไปทันที ทุกคนเห็นจ้าวคังวิ่งกรูเข้าไปอยู่ต่อหน้าเหยียนหรูหยู แยกเขี้ยวกางเล็บคิดจะจับตัวเหยียนหรูหยไว้ แต่กลับถูกมือเรียวยาวข้างหนึ่งชี้ยันไปที่หน้าผาก มือคู่นั้นขาวใสนวลผ่อง นิ้วมือหนึ่งอยู่ภายใต้แสงจันทร์ แลดูสะอาดตา
หยุดจ้าวคังไว้อย่างนั้น !
จ้าวคังแยกเขี้ยวกางเล็บพยายามจะเดินหน้า แต่สำหรับคนนอกดูแล้วการเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าและไร้เรี่ยวแรงมาก !.Aileen-novel.
หลังจากนั้นไม่นาน จ้าวคังก็ล้มลงหมดแรงไปอย่างช้าๆและหมอบราบไปกับพื้น !
เหลียงหรงรีบวิ่งเข้ามา และเห็นเข้ากับฉากนี้พอดี เขามองเหยียนหรูหยูตาโตด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หยางโปไม่สนใจคนอื่นๆ เขาสาดน้ำใส่หน้าของจ้าวคังอีกครั้ง จ้าวคังค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาคู่นั้นกลับมาปกติ เขาเหลือบมองหยางโปด้วยสีหน้าที่ดุร้าย !
“ มันใครกันแน่ที่ฆ่าเด็กผู้หญิง ! ” หยางโปจ้องมองจ้าวคังเขม็งและเอ่ยปากถาม
จ้าวคังจ้องไปที่หยางโปอย่างอาฆาต ” คุณไม่สมควรที่จะรู้ ! ”
หยางโปขมวดคิ้ว “ คุณเป็นคนช่วยเขาลักพาตัวเด็กผู้หญิง ? คุณเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ? ”
จ้าวคังหัวเราะฮ่าๆออกมาเสียงดังแต่ไม่ยอมพูดอะไร
เหลียงหรงมายืนอยู่ข้างหยางโป สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ ฆาตกรคืออีกคน ไม่ใช่จ้าวคังอย่างงั้นเหรอ ? ”
หยางโปไม่พูดอะไร เขาแปลกใจมาก อีกฝ่ายมีพลังอำนาจอะไร ถึงทำให้จ้าวคังกลายเป็นแบบนี้ไปได้ สามารถเพิ่มพลังขึ้นมาได้ในช่วงพริบตาเดียว กองทัพผ้าโพกหัวเหลืองสมัยโบราณก็เป็นแบบนี้ หรือว่าบันทึกทางประวัติศาสตร์มีอยู่จริง ? มีคาถาอาคมแบบนี้อยู่จริงๆ ?
เหลียงหรงสอบปากคำไปสองสามประโยค แต่เมื่อเห็นว่าจ้าวคังไม่ยอมตอบคำถาม เขาจึงต้องโบกมือให้ลูกน้องพาตัวจ้าวคังลงจากเขาไป จากนั้นเมื่อถึงตีนเขาแล้วค่อยตรวจสอบเอกสารใหม่อีกครั้ง
เมื่อเหลียงหรงเห็นหยางโปทั้งสองคนเดินลงเขา เขาก็รีบตามไปทันที เขาค่อนข้างมั่นใจว่าคนที่จับกุมตัวจ้าวคังไว้ได้ไม่น่าจะใช่หลินซุน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบต้องเป็นหยางโปทั้งสองคนที่พบเบาะแสและรีบมุ่งหน้าเข้ามาตรวจสอบดูก่อน สิ่งนี้แสดงให้เห็นปัญหาที่ชัดเจนและครบถ้วน มันถูกต้องแล้วที่เบื้องบนส่งหยางโปทั้งสองคนมาที่นี่
เหลียงหรงมีคำถามอยู่มากมาย เขาอยากจะไล่ตามหยางโปให้ทัน เพื่อจะได้คุยกับเขา แต่หยางโปที่เดินอยู่ด้านหน้ายิ่งเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนจะไม่สนใจเขาเอาเสียเลย !
เหลียงหรงไล่ตามหยางโปไม่ทัน จึงทำได้เพียงตะโกนเสียงดัง “ คุณหยาง รอก่อน ! ”
หยางโปเดิมทีไม่คิดที่จะรอเหลียงหรง เพราะเขาเดาได้แล้วว่าเหลียงหรงกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ในเมื่ออีกฝ่ายตะโกนเสียงดังออกมาแล้ว เขาจะไม่หยุดรอมันก็ไม่ได้
เหลียงหรงวิ่งตามมา และมีอาการหอบหายใจเล็กน้อย เขาเดินผ่านเหยียนหรูหยูอล้วเดินไปข้าง หยางโป มีอาการลังเลเล็กน้อยและถามไปว่า ” คุณหยาง คุณพอรู้ตัวฆาตกรแล้วใช่ไหม ? ”
ท่าทีของเหลียงหรงเปลี่ยนไปมาก ถึงกับใช้คำพูดที่ให้เกียรติ เขามองหยางโปและถึงขั้นมีอาการตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
หยางโปส่ายหัว “ ผมไม่รู้ว่าใครคือฆาตกรตัวจริง ”
เหลียงหรงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง เขามองหน้าหยางโป “ ท่าทีของจ้าวคังเมื่อตะกี้ดูแปลกมาก ระหว่างนั้นจู่ๆก็มีกำลังขึ้นมาอย่างมหาศาล ผมเคยได้ยินเรื่องเล่าลือกันมาว่ามีวิชาแปลกๆที่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นแบบนี้ได้ ไม่รู้ว่าคุณหยางพอจะเข้าใจไหม ? ”
หยางโปยังคงส่ายหัว “ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็น ”
เหลียงหรงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเหยียนหรูหยู ” แต่คุณเหยียนควบคุมอีกฝ่ายได้ด้วยนิ้วเดียว
ทำได้ยังไง ? ”
สีหน้าของเหยียนหรูหยูเฉยเมย ไม่แม้แต่จะปริปากพูด
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอธิบายแทน ” นี่เป็นเพราะจุดรับแรงแตกต่างกัน ทุกครั้งที่คุณค้นพบจุดสมดุลของร่างกายของคู่ต่อสู้ ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ”
เหลียงหรงทำหน้าสงสัย “ เป็นไปได้ยังไง ? ทำไมผมไม่รู้เลยล่ะ ? ”
“ พวกเรามาลองดูกันไหม ? ” หยางโปพูด “ คุณสามารถพุ่งเข้ามาหาผม เรามาลองดูกัน แล้วคุณก็จะรู้เอง ”
เหลียงหรงลังเลเล็กน้อย พยักหน้า และเอาหัวพุ่งเข้ามาหาหยางโปทันที !
เพราะฝึกฝนมา ความแข็งแกร่งของหยางโปจึงเพิ่มขึ้นมาก แม้ว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมจ้าวคังได้ แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเหลียงหรง เขายังมีความมั่นใจอยู่มาก เขาเหยียดนิ้วออกมาชี้ไปทางเหลียงหรง
เหลียงหรงดูเหมือนจะเตรียมพร้อมมาก่อนแล้ว เปลี่ยนทิศทางในระหว่างที่วิ่งเข้ามา ทำให้หยางโปไม่ทันระวังตัว แต่โชคดีที่เขาตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนตำแหน่งในช่วงพริบตา
และกดนิ้วลงบนกลางหน้าผากของเหลียงหรงสกัดกั้นเขาไว้ !
เหลียงหรงพยายามอย่างหนักที่จะเดินไปด้านหน้า แต่กลับไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรง เขารีบยอมแพ้อย่างเร็ว และเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเวียนหัวไม่น้อยเพราะว่าใช้แรง
“ นี่เป็นวิธีการที่ร้ายกาจมากจริงๆ ” เหลียงหรงพูดออกมาด้วยสติที่เลอะเลือน
หยางโปพยักหน้า ” จ้าวคังมีนิสัยที่อันตรายมาก เวลาสอบปากคำต้องระมัดระวัง ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีตัวการคอยสั่งการอยู่แน่นอน เขาน่าจะเป็นแค่ผู้สมรู้ร่วมคิด ”
เหลียงหรงพยักหน้าลงช้าๆ “ คุณหยาง ต้องขอบคุณคุณมาก มีคุณอยู่ที่นี่ พวกเราเลยทำงานกันง่ายมากขึ้น ”
“ คุณเกรงใจไปแล้ว ” หยางโปพูด “ ผมของตัวลงเขาก่อน ”
“ ได้ ! ” เหลียงหรงรีบตอบรับ เขามองหยางโปไปจากที่นี่ และทรุดตัวนั่งลงบนพื้นทันที เหตุการณ์เมื่อสักครู่ทำให้เขาเสียแรงไปมาก เวลานี้เหน็ดเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหวแล้ว !

ยิ่งเข้าใกล้ยอดเขามากขึ้น หยางโปก็สัมผัสได้ถึงพลังที่มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เขาถึงกับสามารถสัมผัสได้ถึงพลังจากทุกทิศทางที่มาบรรจบกันที่ด้านบนภูเขา ความเข้มข้นที่มาบรรจบกันนี้แข็งแกร่งกว่าเวลาที่เขาฝึกฝนหลายสิบเท่า !
เดิมทีหยางโปคิดว่ามันน่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง แต่ตอนนี้ เขาสัมผัสได้ว่านี่ไม่ใช่สมบัติล้ำค่า แต่มีความเป็นไปได้มากว่าจะมียอดฝีมือกำลังฝึกวรยุทธ์อยู่ที่นี่ !
หยางโปค่อนข้างจะหวาดหวั่น เขาไม่รู้ขั้นวรยุทธ์ของอีกฝ่ายเลย แต่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายจะต้องแข็ง
แกรงกว่าเขา ถ้าขึ้นไปถึงบนยอดเขาจริงๆแล้วทั้งสองฝ่ายเกิดมีข้อพิพาทต่อกัน เขาไม่เสียเปรียบหรอกหรือไง ?
แค่พอหันกลับมาเห็นเหยียนหรูหยู ทันใดนั้น หยางโปก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไม
หยางโปถึงมั่นใจว่าขั้นวรยุทธ์ของเหยียนหรูหยูสูงมาก !
เมื่อเข้าใกล้ยอดเขามากขึ้น ดวงตาของหยางโปก็เบิกตากว้าง คิดที่จะมองทะลุผ่านพุ่มไม้หนาทึบ มองดูสถานการณ์บนยอดเขา แต่เขากลับมองเห็นเพียงภาพหมอกหนาทึบเท่านั้น
ห่างจากยอดเขาไปเพียงไม่กี่ก้าว หยางโปเงยหน้าขึ้นมอง แต่กลับตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที
เพราะเขาสังเกตเห็นว่าพลังที่อยู่รอบตัวที่มาร่วมตัวกัน มลายหายวับไปในพริบตาแล้ว !
เขายังพบว่ายิ่งเข้าใกล้ยอดเขาเข้าไปเรื่อยๆ ต้นไม้ใบหญ้ายิ่งอุดมสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ และถึงกับอุดมสมบูรณ์กว่าที่ตีนเขาอีก สถานการณ์แปลกประหลาดนี้ทำให้เขายิ่งตื่นตัวมากขึ้น
ไม่นานนัก หยางโปก็มองเห็นยอดเขา สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตา คิดไม่ถึงว่าจะเป็นจ้าวคัง ชายหนุ่มคนนี้เคยคิดที่จะฉุดสาวมาแต่งงานด้วย เมื่อสักครู่ที่หายตัวไป ดังนั้น หยางโปจึงจำได้อย่างแม่นยำ !
จ้าวคังยืนอยู่หน้าทางเข้าเพียงแห่งเดียวบนยอดเขา ขวางทางเข้าไว้ เขาถือมีดยาวเล่มหนึ่งไว้ในมือ และก้มหน้ามองลงมาด้านล่าง !
หยางโปเงยหน้าขึ้นมองจ้าวคัง ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมทั้งพูดออกมาอย่างไม่พอใจ ” คุณมาทำอะไรที่นี่ ? ” จ้าวคังจ้องมองไปที่หยางโป “ คุณมาทำอะไรที่นี่ ? นี่มันอาณาเขตของหมู่บ้านหลงเว่ย ของเรา คุณมันเป็นคนนอก มาถึงนี่อยากตายหรือไง ? ”
หยางโปมองไปทางจ้าวคัง ” คนหนุ่มสาวอย่าใช้แต่อารมณ์อะไรก็จะตบจะตี แบบนี้มันไม่ดี ! ”
จ้าวคังกลับเยาะเย้ย ” ผมเห็นหมดแล้วว่าคุณเตะพ่อของผมที่ตรงตีนเขา คุณเป็นใครกันแน่ มาที่นี่ต้องการอะไร ? ”
“ ผมแค่อยากจะมาชมวิวยามค่ำคืนและปีนเขาเล่น ทำไมคุณต้องมาขวางทางผมเอาไว้ด้วย ! ” หยางโปกล่าว
จ้าวคังเยาะเย้ย “ บนเขาไม่ใช่พวกมดแมงอย่างคุณจะขึ้นมาได้ ลงจากเขาไปเดี๋ยวนี้ ผมยังสามารถปล่อยคุณรอดกลับไปได้ ไม่อย่างนั้น… ! ”
ดวงตาของจ้าวคังดุร้าย ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ “ ถ้าคุณอยากรนหาที่ตายด้วยตัวเอง ผมก็ทำให้คุณสมดั่งใจปรารถนาได้ ! ”.ไอลีนโนเวล.
ในขณะที่พูด มือทั้งสองข้างของจ้าวคังก็ถือมีดยาวไว้และฟันลงมาอย่างแรง !
หยางโปขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย โยนเหรียญที่เขาเตรียมไว้ในมือนานแล้วออกไป
“ กริ้ง ! ” เสียงดังคมชัด เหรียญกระทบโดนหน้าผากของจ้าวคัง ศีรษะของเขาส่ายไปมา รู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย แต่ก็เรียกคืนสติกลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถือมีดยาวและฟันลงไปอีกครั้ง !
หยางโปตกใจมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาใช้เหรียญเขวี้ยงใส่คน ต่อให้เขวี้ยงร้อยครั้งถูกร้อยครา
ปกติมักจะเขวี้ยงโดนแล้วสลบ แต่จ้าวคังดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าปกติมาก !
หยางโปเขวี้ยงเหรียญออกไปอีกครั้ง เหรียญกระแทกโดนหน้าผากของจ้าวคัง ร่างกายส่วนบนของจ้าวคังสั่นไหวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขายังคงยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง จากนั้นก็ฟันลงมาอีกครั้งเหมือนเดิม !
มันต้องมีอะไรแน่ !
แม้ว่าหยางโปจะสัมผัสได้ถึงปัญหา คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางรับเหรียญทั้งสองเหรียญได้ด้วยซ้ำ จ้าวคังต้องมีอะไรแน่ๆ !
หยางโปเข้าไปประชิดตัวอย่างเร็ว เขาหันข้างหลบคมมีด แล้วใช้มือตีไปที่หลังคอของจ้าวคัง
จ้าวคังร้องลั่นพร้อมล้มลงบนพื้น !
หยางโปถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกวักมือเรียกเหยียนหรูหยู ” พวกเราไปกันเถอะ ! ”
เขาเงยหน้าขึ้นและกำลังจะเดินจากไป แต่พอยกขาขึ้น หยางโปก็ตกตะลึง พอเขาก้มลงมองก็เห็นว่าจ้าวคังคว้าข้อเท้าของเขาไว้ มืออีกข้างเอื้อมออกมาพยายามที่จะกอดขาของเขาไว้ !
หยางโปตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแบบนี้ ร่างกายและพลังแบบนี้เกินค่าเฉลี่ยของคนธรรมดาทั่วไป !
เหยียนหรูหยูเดินไปด้านหน้าและเหยียบไปบนหลังจ้าวคังเบาๆ จู่ๆหยางโปก็รู้สึกว่าขาของเขาเบาสบายขึ้น จ้าวคังนอนราบอยู่บนพื้นโดยไม่เคลื่อนไหวใดๆอีก !
หยางโปถอนใจด้วยความโล่งอก ขมวดคิ้ว สถานการณ์แบบนี้มันแปลกมากจริงๆ ถึงขั้นที่ทำให้เขารู้สึกยากที่จะเชื่อ เห็นๆกันอยู่ว่าในช่วงบ่ายเขาสามารถโจมตีจ้าวคังให้สลบได้ในครั้งเดียว
แต่ตอนนี้มันกลับยากเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว ?
เขาสังเกตเห็นเหยียนหรูหยูดูเหมือนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก หรือว่านี่มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอด้วยเหมือนกัน ?
ครุ่นคิดอยู่ในใจสักพัก หยางโปก็ไม่รีรอสงสัยอะไรมากนัก รีบขึ้นไปบนแท่นตรงยอดเขา
เมื่อเดินอยู่บนพื้นที่ราบเรียบ ก็มองเห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆนอนอยู่กลางแท่น หยางโปก็ถึงกับตกตะลึงไปทันที เขาได้กลิ่นเลือดสดๆลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ เลือดนี้สดคาวมาก เขารีบวิ่งเข้าไปหาเด็กหญิงตัวเล็ก เมื่อเข้ามาอยู่ต่อหน้าเด็กหญิงตัวเล็ก เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้ เด็กหญิงตัวเล็กคนนี้นอนจมอยู่ในกองเลือดไปแล้ว !
ยอดเขาเป็นแท่นราบ หยางโปมองไปรอบๆแต่กลับมองไม่เห็นเงาอะไร เขารีบวิ่งไปที่ขอบของแท่นและมองลงไปที่ด้านล่างเขา นอกจากจุดไฟประปรายที่พวกเขาอยู่กัน ก็ไม่มีเงาคนอื่นอยู่เลย
เขาเดินไปรอบๆแท่นกลับไม่พบร่องรอยอะไรเลย !
เดินย้อนกลับไปที่ตรงหน้าของเด็กหญิงตัวเล็กใหม่อีกครั้ง หยางโปก็เห็นช่องโหว่ใหญ่ที่บริเวณหน้าอกของเธอ มองไปรอบๆรอยเลือด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหายใจไม่ออกและอึดอัด ท้ายที่สุดแล้วเขาก็มาช้าไปหนึ่งก้าว ในสถานที่เกิดเหตุไม่หลงเหลือเบาะแสอื่นใด ตอนนี้เขาถึงกับไม่สามารถหาเบาะแสอื่นๆจากพลังที่ปะปนอยู่ในบริเวณโดยรอบพบ
หยางโปเงยหน้ามองเหยียนหรูหยู “ เมื่อสักครู่คุณเห็นอะไร ? ”
เหยียนหรูหยูส่ายหน้าช้าๆ “ ไม่มี ”
“ บนภูเขามันคืออะไรขึ้นกันแน่ ? ทำไมพวกเขาถึงได้นำตัวเด็กที่ไร้เดียงสามาฆ่าแบบนี้ ? ”
หยางโปหันมองไปทางเหยียนหรูหยู
เหยียนหรูหยูไม่พูดไม่จาอะไร แสงจันทร์ส่องกระทบมาโดนตัวเธอ เพริศพริ้งและสวยงาม
ดูเย็นชาขึ้นไปอีกมาก
หยางโปไม่ถามต่ออีก เขาก้มหน้ามองไปที่เด็กหญิงตัวเล็ก และส่ายหน้าช้าๆ เขาคิดว่าจ้าวคังไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้ เพราะจ้าวคังไม่สามารถดูดซับเอาพลังไปได้เลย แต่มันยังจะมีใครอีก ? ผ่านไปได้ไม่นาน หลินซุนก็เดินขึ้นมา เขาเหนื่อยจนหอบ และเข้าไปจับตัวจ้าวคังไว้ และอดยิ้มออกมาไม่ได้
” ในที่สุดก็ถูกฉันจับตัวได้เสียที ! ”
เหลียงหรงอายุไม่น้อยแล้ว แต่กลับปีนเขาได้เร็วมาก เขาพาคนขึ้นไปบนภูเขา ก็พบหลินซุนที่กำลังจับกุมตัวจ้าวคังไว้พอดี ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นคนตีจ้าวคังสลบหมดสติอยู่บนพื้นด้วยตัวคนเดียว สิ่งนี้มันทำให้เขาภาคภูมิใจและมีความสุขมาก “ หลินซุน นายทำได้ดีมาก กลับไปจะต้องประกาศเกียรติคุณคุณความดีงามแก่นายแน่นอน ! ”
หลินซุนหัวเราะฮ่าๆ ภายใต้แสงจันทร์ พอที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเสื้อผ้าของเขาฉีกขาดไปหลายจุด บนตัวเต็มไปด้วยดินโคลนดูสกปรกมาก
เหลียงหรงปีนขึ้นไปบนแท่นบนยอดเขา ก็มองเห็นหยางโปและเหยียนหรูหยูยืนอยู่บนแท่น ไม่ไกลห่างจากพวกเขาไป และยังมีศพหนึ่งนอนอยู่ เขาตกใจผงะ วิ่งเข้าไปดูด้วยตัวเอง และอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้
“ ใครเป็นคนฆ่า ? ” เหลียงหรงถาม
หยางโปส่ายหน้าเล็กน้อยไม่พูดอะไร
เหลียงหรงไม่ได้ไปถามเหยียนหรูหยูเช่นกัน เพราะเขารู้ดีว่าตัวเองถามไปก็ไม่ได้คำตอบกลับมา แต่คำตอบของหยางโป มันทำให้เขาไม่พอใจเอามากๆ “ บนยอดเขามีแค่พวกคุณไม่กี่คน เด็กผู้หญิงเพิ่งจะเสียชีวิต พวกคุณไม่เห็นตัวฆาตกรกันจริงๆเหรอ ? ”

เกิดความโกลาหลขึ้นในที่เกิดเหตุ ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าความจริงของเรื่องนี้จะเป็นแบบนี้ !
ต้องการตามหาตัวจ้าวคัง แต่กลับหาตัวไม่พบ หยางโปจึงต้องพูดกับผู้ใหญ่จ้าว “ ลูกชายคนเล็กของคุณไปไหนกันแน่ ? ”
ผู้ใหญ่จ้าวหัวเราะ “ พวกคุณมันกลุ่มขยะ คุณคิดว่าลูกชายของผมจะแย่งชิงผู้หญิงของคุณไปไม่ใช่หรือไง ? ตอนนี้คุณคิดจะมาอาศัยอำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตัวอย่างงั้นเหรอ ต่อให้ผมต้องตกนรก ก็ไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่นอน ! ”
เหลียงหรงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาเคยได้ยินเรื่องฉุดสาวมาแต่งงานมาก่อนและรู้สึกเห็นด้วยกับวิธีนี้อยู่บ้าง
หยางโปไม่ตอบ แต่ถามต่อไปว่า “ ลูกชายของคุณซ่อนอยู่ที่ไหนกันแน่ ? ”
ผู้ใหญ่จ้าวเชิดหน้าขึ้น และไม่แยแสต่อหยางโปอีก
หยางโปอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ เขายังมีลูกชายอีกสองคน สอบปากคำทีละคน หาดูสิว่าจ้าวคังไปหาเด็กผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า ! ”
อุณหภูมิในยามข้ามคืนในช่วงต้นฤดูร้อนยังคงไม่สูงมากนัก มีลมกระโชกแรงพัดผ่านมา ยังคงทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวอยู่บ้าง
พ่อแม่ของเด็กสาวที่หายตัวก่อนหน้านี้รีบวิ่งเข้ามาหา หยางโปมองดูพวกเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ เห็นว่าสามีภรรยาคู่นี้อายุแค่สามสิบกว่าเท่านั้น ผู้ชายดูซื่อตรงและใจกว้าง สีผิวของผู้หญิงดูดำคล้ำเล็กน้อย แต่ก็ยังดูสวยมาก
“ เป็นพวกเขา พวกเขาต้องพาลูกสาวของฉันไปแน่ๆ ! ” เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ จู่ๆชายคนนั้นก็พูดเสียงดังออกมา
ที่เกิดเหตุก็เงียบกริบลงทันที ตำรวจที่กำลังสืบสวนเรื่องนี้อยู่ในที่เกิดเหตุ เขาตะโกนถามด้วยเสียงอันดัง ” คุณบอกว่าลูกสาวของคุณไม่รู้ว่าหายตัวไปได้ยังไงไม่ใช่หรือไง ? ”
ชายคนนั้นไม่สนใจตำรวจ แต่กลับเดินตรงไปที่หน้าเหลียงหรง เสียงดัง ” ตุ้บ ” คุกเข่าลง
” ท่านผู้นำ ขอร้องล่ะ คุณช่วยลูกของผมด้วย ! ”
เหลียงหรงเอื้อมมือไปพยุงพวกเขาขึ้นมา “ ตอนนี้พวกคุณเล่ามาให้ผมฟังดีๆสิ คำพูดเมื่อสักครู่ของพวกคุณหมายความว่ายังไงกันแน่ ? ”
“ เป็นเพราะครอบครัวของผู้ใหญ่บ้าน ลูกสาวของฉันเกิดมาหน้าตาสวย ตอนที่เธออยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จ้าวคังก็มาตามจีบเธอ แต่ลูกของเรายังเด็กมาก จะตอบตกลงไปได้ยังไง ? ต่อมา จ้าวคังก็มาไล่ตามจีบลูกสาวของฉัน และบอกว่าจะรอเธอ ! ” ชายคนนั้นพูดออกมา
“ ไม่นานช่วงก่อนหน้านี้ มีข่าวลือพวกนั้นแพร่กระจายไปทั่วหลงซูโกว จ้าวคังก็มาหาลูกสาวของฉันอีกครั้ง เขาบอกกับเธอว่าถ้าไม่คบกับเขา เขาจะทำให้ลูกสาวของฉันหายตัวไป ! หลังจากที่ลูกสาวของฉันกลับมา ก็มาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้สนใจ แต่จู่ๆเมื่อสองวันก่อนลูกสาวฉันก็หายตัวไป นั่นต้องเป็นเพราะถูกเขาเอาตัวไปแน่ๆ ! ”
เหลียงหรงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาชี้มือไปที่ท่ามกลางฝูงชน “ นายออกมานี่ เหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ใช่ไหม ? ”
ชายคนที่ถูกชี้หน้าเป็นผู้ชายวัยยี่สิบต้นๆ ดูเป็นคนจริงใจ เขาเดินออกมาช้าๆ “ จ้าวคังเป่าประกาศในโรงเรียนนานมาแล้วว่าเป็นเจ้าสาวของเธอ และจะไม่ยอมให้คนอื่นจีบเจ้าสาวของเขา ! ”
เหลียงหรงตกตะลึง เขาหันไปมองหน้าตำรวจ เหลือบมองแต่ไม่พูดอะไร
หยางโปมองไปบนภูเขา บนภูเขามืดมิด ไม่มีแม้แต่เงาคน !
เหยียนหรูหยูสะกิดหยางโป และหันไปส่งซิกให้เขาเล็กน้อย หยางโปรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และเดินตามเหยียนหรูหยูไปรอบนอกฝูงชน.ไอลีนโนเวล.
เหยียนหรูหยูลังเลเล็กน้อยและกระซิบบอก ” มีบางอย่างบนภูเขา ”
หยางโปตกตะลึงครู่หนึ่ง “ มีเรื่องอะไร ? ”
เหยียนหรูหยูไม่ได้พูดอะไรมาก พูดเพียงแค่ว่า ” คุณลองสัมผัสด้วยตัวเอง ”
หยางโปตกตะลึง เขาหลับตาลงเล็กน้อยและสัมผัสได้ถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่รอบตัว มีพลังอยู่ที่นี่มากกว่าในเมืองเยอะมาก เขาเงยหน้าขึ้นและมองขึ้นไปในภูเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เขากลับรู้สึกแตกต่างออกไปเล็กน้อย !
เพราะหยางโปเห็นพลังจำนวนหนึ่งร่วมตัวกันอยู่บนยอดเขา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง นี่เป็นสถานการณ์ที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน หรือว่าจะมีสมบัติล้ำค่าอยู่ที่นี่ ?
หยางโปมองไปทางเหยียนหรูหยู “ คุณบำเพ็ญเพียรขั้นสูงกว่าผม บนเขามีอะไรกันแน่ ? ”
เหยียนหรูหยูไม่แม้แต่จะคิด ส่ายหน้าตอบ ” ไม่รู้ ? ”
หยางโปนิ่งอึ้ง และพอที่จะเข้าใจว่าเหยียนหรูหยูต้องรู้แน่ๆ แต่แค่เธอไม่ยอมที่จะเอ่ยปากอธิบาย !
“ ผมจะขึ้นไปดูบนยอดเขา ! ” หยางโปพูด เขาหันหน้าเหลือบมองไปทางเหลียงหรง เมื่อเห็น
หลินซุนเดินตามเข้ามา เขาก็ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไรมาก หันหน้าเดินขึ้นไปบนเขาทันที !
หลินซุนไล่ตามเหยียนหรูหยูมา เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองมีความสนิทสนมกัน เหยียนหรูหยูเข้าไปกระซิบกับหยางโปอย่างใกล้ชิด เขาก็อดไม่ได้ที่จะมีอาการโกรธขึ้นมาเล็กน้อย ในขณะนี้ เมื่อเห็น
หยางโปกำลังวิ่งไปบนภูเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว นี่มันความหมายว่ายังไง ?
การสอบสวนคดีในสถานที่เกิดเหตุยังคงดำเนินต่อไป ทุกคนต่างดูกระตือรือร้น ครอบครัวของผู้ใหญ่จ้าวถูกจับทีละคนและดูเหมือนว่าชาวบ้านจะเริ่มไหวตัว ในไม่ช้าก็มีคนมาอยู่ต่อหน้า
เหลียงหรง และเริ่มเปิดเผยเรื่องราวที่ครอบครัวผู้ใหญ่จ้าวปกปิดไว้ เปิดเผยการกระทำของครอบครัวพวกเขาออกมา !
หลินซุนมองหยางโปและเหยียนหรูหยูเดินขึ้นเขาไปตาปริบๆ เขาไม่พูดอะไรมาก เดินตามขึ้นไป เขาจะดูสิว่าชายโสดหญิงโสดคู่นี้จะไปทำอะไรกันแน่ !
ผ่านไปนานสักพัก เหลียงหรงก็เดินไปหาหยางโป เมื่อครู่พบว่าทั้งสามคนหายตัวไป เขาก็ตกใจกลัวจนเหงื่อตกทันที จึงรีบเอ่ยถามออกมาเสียงดัง “ มีใครเห็นคุณหยางบ้างไหม ? ”
“ พวกเขาขึ้นไปบนภูเขาแล้ว ” มีชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้นมา
เหลียงหรงอึ้งไปครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะถาม “ ไปกันเมื่อไหร่ ขึ้นไปบนภูเขาจากทางไหน ? ”
“ ที่นั่นมีทางเดินเล็กๆอยู่ทางหนึ่ง พวกเขาขึ้นไปบนภูเขาจากทางนั้น ! ” ชาวบ้านตอบ
เหลียงหรงผงะไปครู่หนึ่ง มองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าหลินซุนหายตัวไป จู่ๆก็เป็นกังวลขึ้นมา
” มีชายวัยยี่สิบกว่าอีกคนหนึ่งที่ตามขึ้นไปด้วยใช่ไหม ? ”
เมื่อเห็นชาวบ้านพยักหน้า เหลียงหรงก็อดไม่ได้ที่จะรีบพูดขึ้นมาว่า “ ไป่ชูซิน ยังจะนิ่งอึ้งอยู่หาอะไร ? รีบส่งคนขึ้นไปบนภูเขา จะต้องตามหาตัวพวกเขาให้พบ ! ”
ไป่ชูซินรีบจัดหากำลังคนเพื่อให้พวกเขาถือคบเพลิงขึ้นไปบนภูเขา
เหลียงหรงค่อนข้างที่จะกังวล เพราะกลัวว่าทั้งสามคนจะเกิดเป็นอะไรไปบนภูเขา ทำได้เพียงเอ่ยเตือนด้วยเสียงที่ทุ่มต่ำ “ รีบรายงานเรื่องนี้ให้หัวหน้าเขตของคุณทราบ หนึ่งในนั้นมีลูกของท่านผู้นำในมณฑลอยู่ด้วย ! ”
ไป่ชูซินตกใจทันที เขามองไปที่เหลียงหรง ” ผู้การเหลียง นี่… ”
“ คุณคิดว่าผมจะโกหกคุณหรือไง ? ” เหลียงหรงกล่าว
พอพูดจบ เหลียงหรงเองก็รีบปีนขึ้นไปบนภูเขา
ไป่ชูซินชะงักไปครู่หนึ่ง และพลางเดินตามขึ้นเขาไป พลางหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออก
หยางโปเดินไปตามถนนบนภูเขาและเดินขึ้นไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่ได้พกอุปกรณ์ส่องไฟใดๆมาเลยก็ตาม แต่สายตาของหยางโปนั้นดีมาก สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน หลังจากเดินไปได้สักพัก เขาก็นึกถึงเหยียนหรูหยูขึ้นมาได้ เขาหันกลับไปมอง กลับเห็นเหยียนหรูหยูดูท่าทีสบายๆเดินตามหลังเขามา !
หยางโปตกใจนิ่งอึ้งไป ขณะที่เขาพลางเดินไปข้างหน้า และพลางหันกลับไปมองที่เท้าของ
เหยียนหรูหยู เมื่อเห็นว่าเธอไม่มีความจำเป็นแม้แต่จะก้มหน้าลงมองทางเลย กลับทำเหมือนเดินอยู่บนพื้นราบ มันก็ทำให้เขาทึ่งเอามากๆ !
หยางโปยิ่งมองลงไปด้านล่างอีกครั้ง ก็เห็นหลินซุนเดินตามหลังมา ใช้ทั้งมือและเท้า ตรวจสอบถนนบนภูเขาอย่างระมัดระวัง แค่พริบตาเดียว ก็ทิ้งห่างออกไปไกลแล้ว !
หยางโปเร่งความเร็วขึ้น เหยียนหรูหยูที่ตามหลังเขามา ทำตัวสบายๆเอามากๆ ไม่นานทั้งสองก็ทิ้งระยะห่างจากหลินซุนออกไปอย่างรวดเร็ว หยางโปเงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้า กลับพบว่ายิ่งมีพลังมารวมตัวกันตรงหน้ามากขึ้น !

ได้ยินแบบนั้นผู้ใหญ่จ้าวก็ดีดตัวลุกขึ้นยืนทันที ” นี่คุณหมายความว่าอะไร ? คุณสงสัยว่าผมพูดจาไร้สาระใช่ไหม ? ทุกคนในหมู่บ้านสามารถมาเป็นพยานให้ผมได้ พวกคุณต้องช่วยให้ความยุติธรรมในเรื่องนี้กับพวกเรานะ ! ”
ในขณะที่ผู้ใหญ่จ้าวพูดอยู่นั้น น้ำลายก็ฟุ้งกระจาย ดูตื่นเต้นเอามากๆ !
หยางโปเลิกคิ้วขึ้น เขาจ้องมองผู้ใหญ่จ้าว แต่ไม่พูดอะไร
ผู้ใหญ่จ้าวเบิกตากว้าง และแสดงสีหน้าโกรธเคือง เดินไปทางหยางโป แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้
ก็มีคนมาขว้างเขาเอาไว้ทันที !
ผู้ใหญ่จ้าวชี้หน้าหยางโป “ แม่แกสิ ถ้ากล้าพูดมากกว่านี้อีกแค่คำเดียวฉันจะหักขาแกทิ้งซะ ! ”
หยางโปไม่เคยกลัวคนอื่นข่มขู่มาก่อน เพราะเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำได้ แต่การถูกคนอื่นชี้หน้าด่าแม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถจะทนอยู่ได้ !
เขาชี้ไปที่ผู้ใหญ่จ้าว “ หักขาเขาซะ ! ”
คนที่หยุดผู้ใหญ่จ้าวในสถานที่เกิดเหตุไว้เป็นตำรวจท้องที่ทั้งหมด พวกเขาทั้งหมดเป็นคนรู้จักมักคุ้นกันดี ย่อมไม่ลงมือรุนแรงเกินไป ไม่มีใครฟังคำสั่งของหยางโปเลย
หยางโปขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไรมาก ตัวเขาเองเดินตรงไปและคว้าแขนของผู้ใหญ่จ้าวเอาไว้ !
เดิมทีผู้ใหญ่จ้าวก็ยังคิดถึงคนอื่นอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นหยางโปเดินมาใกล้ ก็ตกใจขึ้นมาทันที
” แกอย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา ! ”
หยางโปไม่สนใจเขาเลย เดินตรงไปข้างหน้า เขาผลักตำรวจที่กีดขว้างออกไป และเข้าไปดึงผู้ใหญ่จ้าวออกมา เตะเข้าที่หัวเข่า ทำเอาผู้ใหญ่จ้าวล้มลงบนพื้นทันที หยางโปก็กระทืบลงไปอย่างแรง
จากนั้นก็ได้ยินเสียง “ แกร๊ก ” ที่ดังคมชัด จากนั้นผู้ใหญ่จ้าวก็ร้องโอดครวญเสียงดังออกมา !
เมื่อลูกชายของผู้ใหญ่จ้าวได้ยินเสียงร้อง ก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยพ่อไว้แต่เวลานี้มันสายเกินไปแล้ว
หยางโปกระทืบขาของผู้ใหญ่จ้าวหักไปแล้ว “ ระวังปากคุณไว้หน่อยเถอะ อย่ามาพูดจาไร้สาระ ! ”
พอพูดจบ หยางโปก็ใช้แรงไปอีกเล็กน้อย สะบัดผู้ใหญ่จ้าวออกไปแล้ว
ผู้ใหญ่จ้าวล้มลงหมดท่านอนราบไปกับพื้นพร้อมคำรามต่ำ
ทุกคนในที่เกิดเหตุตกตะลึง ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แค่ชั่วพริบตา หยางโปก็หักขาของผู้ใหญ่จ้าวได้แล้ว !
ลูกชายของผู้ใหญ่จ้าววิ่งกรูเข้ามา ” ฉันขอสู้ตายกับแก ! ”
หยางโปถีบไปแค่ครั้งเดียว ก็ถีบเขาออกไปได้แล้ว ลูกชายของของผู้ใหญ่จ้าวทรุดลงอยู่บนพื้นกุมท้องและร้องดังลั่น
ที่เกิดเหตุโกลาหลวุ่นวายขึ้นมาเล็กน้อย ทุกคนยืนดูที่เกิดเหตุอยู่ด้านข้าง ตำรวจรีบพุ่งตัวเข้ามาคิดที่จะจับตัวหยางโปไว้ แต่เหลียงหรงกลับขว้างเอาไว้
หยางโปขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยและออกคำสั่งทันที “ คุณไปจับใครมาซักคนแล้วถามให้ชัดเจน
ว่ามีคนในหมู่บ้านหลงเว่ยหายตัวไปไหม ? ”.ไอรีนโนเวล.
ตำรวจนายหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหยางโป ตกใจเมื่อได้ยินคำสั่งนี้ นี่มันหมายความว่าไง ?
ทุกคนต่างมองไปที่หยางโป แต่เหลียงหรงกลับตะโกนสั่งว่า “ ทำตามคำสั่ง ไปทำเดี๋ยวนี้ ! ”
เหลียงหรงก็พาคนมาด้วยเช่นกัน ลูกน้องของเขารีบกรูกันเข้ามา แต่สองคนที่มาด้วย พวกเขากลับไม่ได้ไปอยู่ต่อหน้าทุกคน แต่กลับสอบสวนอยู่ตรงหัวมุมใกล้ๆ ไม่นาน ลูกน้องของเหลียงหรงก็วิ่งเข้ามา ” ผู้การเหลียง สอบถามมาแล้ว หลานสาวของผู้ใหญ่จ้าว เพิ่งเสียชีวิตจากอาการป่วยเมื่อสองวันก่อนและถูกนำตัวไปฝังแล้ว ”
เหลียงหรงขมวดคิ้ว “ ทำไมต้องแจ้งความเท็จเพื่อสร้างความตื่นตระหนกและหวาดกลัวด้วย ? ”
ในที่เกิดเหตุต่างเงียบกริบ ผู้นำของเมืองหลงซูโกวต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี
หยางโปที่ยืนอยู่ด้านข้าง หันไปพูดกับเฉียนกุ้ย ” เฉียนกุ้ย คุณมาอธิบายเรื่องนี้สิ ”
เฉียนกุ้ยตกใจนิ่งอึ้ง รู้สึกเหมือนถูกหลอก เขาหันกลับมามองหน้าหยางโป และพูดออกมาด้วยเสียงอันดังว่า ” บางทีอาจทำเพื่อหลอกเอาเงิน สำหรับครอบครัวที่หายตัวไปในครั้งนี้ รัฐบาลท้องถิ่นจะต้องมอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่งให้ ”
เหลียงหรงถึงได้เข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ เขาพยักหน้าเล็กน้อยและกำลังจะเอ่ยปากพูด ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งวิ่งลงมาจากเขา และเป็นลูกชายอีกคนของผู้ใหญ่จ้าวเข้าพอดี อีกฝ่ายยังไม่ทราบเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นในที่เกิดเหตุ แต่ตอนที่รีบวิ่งเข้ามาก็ตะโกนอย่างสุดเสียง “ พ่อครับ พ่อ หาศพของลูกเจอแล้ว แต่ แต่ หัวใจของลูกไม่มี มันถูกควักออกไปแล้ว เธอน่าเวทนาจริงๆ ! ”
ข้างหลังเขา มีชาวบ้านตามมาด้วยหลายคน พวกเขาแบกศพเข้ามา
เกิดความโกลาหลขึ้นในที่เกิดเหตุ ทุกคนถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าผู้ใหญ่จ้าวถึงขนาดขุดศพหลานสาวออกมา เพื่อจะหลอกเอาเงิน อีกทั้งยังเน่าไปแล้วอีกด้วย !
เหลียงหรงมองไม่เห็นศพเลยเสียด้วยซ้ำ แต่กลับโมโหเดือดดาลจนหน้าเขียวปุดไปแล้ว
” เดียรัจฉาน ! เดียรัจฉานจริงๆ ! ”
เวลานี้ตำรวจในสถานที่เกิดเหตุไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งแล้ว ต่างเข้าจับกุมผู้ใหญ่จ้าวและลูกชายของเขาทันที !
หยางโปที่ยืนอยู่ข้างๆขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้ใหญ่จ้าวมีลูกชายหลายคนจริงๆ ถูกจับกุมตัวในที่เกิดเหตุไปแล้วสองคน แต่ชายหนุ่มที่มาเกี้ยวพาราสีคนนั้นยังไม่ปรากฏเลย !
เหลียงหรงมองไปทางหยางโป “ ขั้นตอนต่อไปจะพาคนกลับไปสอบปากคำ คุณกลับไปพักผ่อนดีไหม ? ”
หยางโปมองไปท่ามกลางผู้คน ทุกคนดูค่อนข้างที่จะเหน็ดเหนื่อย ถูกเรียกให้ตื่นขึ้นมากลางดึก บวกกับที่เหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวัน เจ้าหน้าที่หลายคนแทบจะทนไม่ไหวกันแล้ว
“ คุณพาคนกลับไปก่อน ผมอยากสอบปากคำในที่เกิดเหตุ ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างจะมีลับลมคมใน ! ” หยางโปกล่าว
จู่ๆ หลินซุนก็ได้สติกลับมา เขาวิ่งไปหยุดอยู่หน้าเหยียนหรูหยู ” คุณเหยียน นอนดึกไม่ดีนะ เอาอย่างนี้ไหม ผมไปส่งคุณกลับห้องพักผ่อนก่อนดีไหม ? ”
เหยียนหรูหยูส่ายหน้า โดยไม่พูดอะไร
หลินซุนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง ! ”
หยางโปหันไปโบกมือให้ผู้คนในสำนักงานรักษาความปลอดภัย ” ซักถามอีกสองสามคนแล้วถามถึงเรื่องเมื่อหลายวันก่อนหน่อย ว่าสถานการณ์มันเป็นยังไงกันแน่ ? ”
คนของสำนักงานความมั่นคงที่รู้จักตัวตนของหยางโป พยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็มีตำรวจท้องที่อีก 2 นายตามมา พวกเขาสวมเครื่องแบบจึงดูยิ่งมีอำนาจมากขึ้น !
ไป่ชูซินยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน รู้สึกอับอายอย่างเห็นได้ชัด เขาในฐานะผู้นำท้องถิ่น ควรเป็นคนที่ออกคำสั่งในสถานที่เกิดเหตุ แต่กลับไม่ใช่เขา แต่เขาก็ไม่ได้คิดมาก แค่รู้สึกว่าคนหนุ่มอย่าง
หยางโปคงไม่สามารถทำหน้าที่ล้ำความสามารถของตัวเองได้ คงไม่ได้มีอนาคตอะไร
ผู้คนจำนวนมากรอกันอยู่ในกลางดึก
ไม่นานก็มีคนวิ่งเข้ามารายงาน ” ผลสอบปากคำออกมาแล้ว ผู้หญิงคนก่อนหน้านั้นหายตัวไป
จริงๆ ”
“ ผมลืมถามไปเลยว่าผู้หญิงคนนั้นอายุเท่าไหร่ ? ” หยางโปถาม
“ อายุประมาณสิบสองปี ” เมื่อเห็นในที่เกิดเหตุไม่มีใครตอบกลับมาสักคน เฉียนกุ้ยจึงกระซิบกระซาบออกมาคำหนึ่ง
หยางโปฮึดฮัดไม่พอใจ “ ผมอ่านแฟ้มคดีทั้งหมดแล้ว เด็กที่หายตัวไปมักจะอายุระหว่าง 4-6 ขวบ จะมีที่อายุ 12 ขวบได้ยังไง ? ตรวจดูให้ผมอีกครั้ง นับจำนวนคนในหลงเว่ยโกวดูสิ และดูสิว่ามีใครยังไม่อยู่ในหมู่บ้านบ้าง ? ”
ตามคำสั่งที่สั่งมา และความคืบหน้าของคดี เหลียงหรงก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องให้กลับไปอีก
เขาจัดการคนมาสับเปลี่ยนเวรยามและพักผ่อน เรื่องนี้ไม่สามารถตรวจพบในระยะเวลาอันสั้นได้ !
ดูเหมือนว่าการสูญสิ้นอำนาจของผู้ใหญ่จ้าวจะตกอยู่ในสายตาของชาวบ้าน
ในสถานที่เกิดเหตุก็มีคนเข้ามารายงาน ” ไอ้บ้าเอ้ย จ้าวคังหนีไปแล้ว ! ”
” ใครคือจ้าวคัง ? ”
“ เป็นลูกชายของผู้ใหญ่บ้าน เมื่อกี้ผมยังเห็นเขาในกลุ่มฝูงชนเลย แถมยังตามเราไปค้นหาคนบนเขาอีกด้วย พี่ชายใหญ่ของเขาขุดศพขึ้นมาจากพื้นดิน เขายังใช้มีดเขี่ยศพอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับหายตัวไปแล้ว ! ”

ทุกคนในที่เกิดเหตุมองหน้ากันเลิ่กลั่กทันที ถือแก้วเหล้ายืนอยู่ตรงหน้าเหยียนหรูหยู บรรดาคนที่อยากชนแก้วด้วยพวกนั้น ต่างมองไปทางเหลียงหรง เขามีสถานะสูงสุดที่นี่ ตามกฎการดื่ม มันควรจะเป็นเขาที่เป็นคนพูด !
เหลียงหรงจ้องทุกคนด้วยสีหน้าที่โกรธจัด ” กลับไปนั่งที่ ! คืนนี้ห้ามใครดื่มเหล้า ! กินข้าวอิ่มแล้ว คนที่ควรไปทำหน้าที่ล่วงเลยเวลาก็ไป คนที่ไม่ต้องทำงานล่วงเวลา เวลานอนตอนกลางคืนให้เฝ้าอยู่หน้าโทรศัพท์ เผื่อเกิดเรื่องฉุกเฉิน ทุกคนต้องรีบมาทันที ! ”
เหลียงหรงมีสีหน้าซีเรียส ดูเหมือนจะพูดกับคนพวกนั้น
คนที่จะไปชนแก้วด้วยในที่เกิดเหตุล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ในตำบล พวกเขารีบพากันวางแก้วเหล้าลง
บรรยากาศในสถานที่ค่อนข้างจะตึงเครียด ทุกคนต่างพากันก้มหน้ากินข้าว ไป่ชูซินรู้สึกเสียหน้ามาก เขาอยากที่ขอโทษเหลียงหรง แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดว่ายังไง
หลายคนในที่เกิดเหตุเงยหน้าขึ้นมองหลินซุนเป็นระยะๆ พวกเขาแปลกใจมากว่าชายหนุ่มคนนี้มีภูมิหลังความเป็นมายังไงกันแน่ ทำไมถึงกล้าเอ่ยคำพูดแบบนี้ออกมาได้ ?
แต่หลินซุนกลับไม่สนใจพวกเขาเลย เขาปอกเปลือกกีวีเสร็จ วางใส่จาน แล้วยกไปให้เหยียนหรูหยู ” คุณเหยียน นี่เป็นกีวีที่คุณชอบ ”
เหยียนหรูหยูก้มหน้าลงมองและขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนเธอจะไม่อยากกินของพวกนี้ แต่จู่ๆ เธอก็นึกถึงคำแนะนำของหยางโป และมีอาการลังเลเล็กน้อย จากนั้นเธอจึงหยิบกีวีขึ้นมากินชิ้นหนึ่ง
หลินซุนมีสีหน้าดีใจมาก นี่เป็นก้าวแรกที่เขาทำสำเร็จ ประสบการณ์ของเขามีมาอย่างโชกโชนถ้าเมื่อใดที่หญิงสาวยอมรับไมตรีครั้งแรก นั่นก็หมายความว่าสามารถทะลวงด้านป้อมปราการได้แล้ว !
หลายคนต่างมองไปที่หลินซุน แต่ทุกคนไม่ได้พูดอะไร แค่มองไปที่เหลียงหรงเป็นครั้งคราว
ใบหน้าของเหลียงหรงดูค่อนข้างบึ้งตึง เขารู้สึกว่าหลินซุนมีความเป็นไปได้ยากมากที่จะประสบความสำเร็จ มันทำให้เขารู้สึกลำบากใจมากกับการเดินทางมาครั้งนี้
เมื่อไม่ได้ดื่มเหล้ากัน ก็เลยกินข้าวกันเร็วมาก หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็มีคนมาจัดการให้พวกเขากลับไปที่ห้องใครห้องมัน
หยางโปกำลังเดินกลับไปที่ห้อง แต่กลับเห็นหลินซุนวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเหยียนหรูหยู
“ คุณเหยียน แสงจันทร์ส่องสว่างเจิดจ้าราวกับน้ำ แสงจันทร์งดงามมากแบบนี้ ในสภาพแวดล้อมที่สดชื่นแบบนี้ คุณอยากไปเดินเล่นกับผมไหม ? ”
เหยียนหรูหยูที่แต่เดิมไม่ได้สนใจเขาอยู่แล้ว ปิดประตูใส่ดัง ” ปัง ” ทันที
พอหลินซุนถูกปฏิเสธ เขาจึงยกมือขึ้นจะเคาะประตู แต่กลับถูกเหลียงหรงห้ามไว้
“ หลินซุนอย่ารบกวนคนอื่น แกรีบกลับไปพักผ่อนซะ ! ” เหลียงหรงกล่าว
หลินซุนทำอะไรไม่ถูก จึงทำได้เพียงกลับไปที่ห้องของตัวเอง
หยางโปเหลือบมอง และอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ห้องของเหยียนหรูหยู เขาคิดมาเสมอว่าเหยียนหรูหยูจะไม่สามารถทนได้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะสามารถทนได้
พอกลับมาถึงที่ห้อง หยางโปก็หยิบกระจกแสงจันทร์ออกมา นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง และเริ่มฝึกบำเพ็ญเพียร
ผ่านไปได้ไม่นานนัก จู่ๆหยางโปก็รู้สึกแปลกๆ เพราะเขารู้สึกว่าพลังรอบตัวเขาเบาบางลง และดูเหมือนว่าจะมีหลุมดำขนาดใหญ่หนึ่ง ดึงดูดพลังออกไปหมด ! สัมผัสได้อย่างบางเบา หยางโปก็ถึงกับตกตะลึงไปเลย เพราะทิศทางที่พลังมาบรรจบกันนั้น เป็นห้องของเยียนหรูหยูพอดี
ประสิทธิภาพในการฝึกฝนของหยางโปต่ำกว่ามาก แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก แต่กลับพยายามขัดเกลาพลังในร่างกายของตัวเองอย่างอดทน.Aileen-novel.
“ เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว มีเด็กหายไปอีกแล้ว ! ”
หยางโปกำลังฝึกฝน และจู่ๆก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากด้านนอก จึงอดไม่ได้ที่จะหยุดฝึกฝนต่อ ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งไปมาอย่างตื่นตระหนกด้านนอก หยางโปจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเดินออกไป
หยางโปเห็นคนจำนวนมากเดินเข้ามาโอบล้อมกัน เหลียงหรงจ้องชายหนุ่มชุดเครื่องแบบตำรวจ นายหนึ่ง “ มันเกิดขึ้นที่ไหน ? เมื่อไหร่ ? หายไปกี่คน ? ”
“ พวกเราเพิ่งจะได้รับแจ้งว่า มีเด็กผู้ชายจำนวน 5 คนในหมู่บ้านหลงเว่ยหายตัวไป ” นายตำรวจกล่าว
เหลียงหรงขมวดคิ้ว “ หมู่บ้านหลงเว่ย ? ”
เฉียนกุ้ยยืนอยู่ด้านข้างหยางโปพอดี กระซิบเสียงเบาว่า ” นั่นคือที่ที่พวกเราไปมา ! ”
” หลงซูโกว ? หมู่บ้านหลงเว่ย ? ” หยางโปขมวดคิ้ว ” ชื่อสถานที่แห่งนี้มีที่ไปที่มาอย่างเฉพาะเจาะจงมากไหม ? ”
เฉียนกุ้ยส่ายหน้า ” ชื่อของสถานที่แห่งนี้มีมานานมากแล้ว ว่ากันว่าในอดีตกาลสถานที่แห่งนี้มังกรเลื่อนผ่านมา นี่เป็นเพียงแค่ตำนาน เป็นคำพูดที่น่าขบขันและไม่มีแหล่งที่มาก็เท่านั้น ! ”
ไป่ชูซินดูเหมือนจะได้ยินคำพูดนี้เข้า ก็หันมามองอย่างรวดเร็ว “ นี่ไม่ใช่คำพูดที่น่าขบขันและไม่มีแหล่งที่มา ในอดีตมีผู้คนมากมายเคยเห็นมังกรมาก่อน ! ”
เหลียงหรงยืนอยู่ต่อหน้าฝูงชนและพูดอย่างเฉียบขาด “ ไป่ชูซิน คุณในฐานะผู้นำของหลงซูโกว
ในเวลาแบบนี้ ทำไมถึงเชื่อคำพูดที่น่าขบขันและไม่มีแหล่งที่มานี้อีก ? ”
“ ตอนนี้ให้ทุกคนมารวมตัวกัน พวกเราจะไปดูที่หมู่บ้านหลงเว่ยว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยกัน ! ”
เหลียงหรงกล่าว
เวลานี้ไม่มีใครนอนหลับกันแล้ว หลายวันมานี้ทุกคนพักทำงานกันอยู่ที่นี่ ทำให้ได้ขึ้นรถไปด้วยกันพอดี
เดิมทีหยางโปคิดว่าเหยียนหรูหยูจะไม่ออกมา แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะออกมาจริงๆ สะกิดหยางโปแล้วเขยิบตาไปทางด้านข้างเล็กน้อย
หยางโปชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เดินตามออกไป
“ ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ” เหยียนหรูหยูกล่าว
หยางโปรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ “ มีอะไรผิดปกติเหรอ ? ”
เหยียนหรูหยูส่ายหน้า โดยที่ไม่อธิบายอะไร สีหน้าท่าทีที่แสดงออกมาดูแปลกมาก
ในไม่ช้า ทั้งกลุ่มก็พากันขึ้นรถ เหลียงหรงกวาดตามองสำรวจ ” หลินซุนล่ะ ? หลินซุนอยู่ไหน ? ”
“ หลินซุนเมาเหล้า ลุกไม่ขึ้นครับ ” มีใครบางคนตอบแทนมา
เหลียงหรงมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ “ พวกเราออกเดินทาง ! ”
รถเปิดไฟหน้า ขับเคลื่อนไปด้วยความเร็วที่ช้ามาก ทั้งกลุ่มมาถึงที่หมู่บ้านหลงเว่ย เวลานี้ในหมู่บ้านก็สว่างไสวไปด้วยโคมไฟ กว้างไกลสุดสายตาสว่างไปด้วยคบไฟ
หลังจากลงจากรถ หยางโปก็เห็นผู้ใหญ่จ้าวนั่งอยู่ตรงนี้ ดูเหมือนค่อนข้างที่จะเศร้าโศกเสียใจ
ไป่ชูซินเดินไปตบไหล่ผู้ใหญ่จ้าว และพูดคุยกับเขาสักสองสามคำ คิดไม่ถึงว่าผู้ใหญ่จ้าวจะชักสีหน้าใส่ทันที เขาจ้องไปที่ไป่ชูซินตาเขม็ง และพูดด้วยอารมณ์โกรธเคือง “ มันเป็นความผิดของพวกเขา เป็นเพราะคนนอกอย่างพวกเขาที่นำโชคร้ายมาให้ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา หลานสาวของผมก็จะไม่หายตัวไป ! ”
หยางโปที่ยืนอยู่ด้านข้าง ขมวดคิ้วเล็กน้อย โดยที่ไม่พูดอะไร
เหลียงหรงก็หันไปมองหยางโป ” พวกคุณมีเรื่องกับเขาแล้วใช่ไหม ? ”
“ ลูกชายของเขามาขอความรักจากคุณเหยียนและถูกปฏิเสธ ” หยางโปอธิบาย พอพูดจบเขาก็มองออกไปยังสถานที่กว้างไกลสุดสายตาอีกครั้ง “ ก่อนที่เราจะจากไป พวกเขาจะทุบรถของเราแล้วยังเอาปืนลูกซองมายิงใส่ เกือบจะยิงโดนพวกเราแล้ว ! ” หยางโปอธิบาย
เหลียงหรงทำหน้าตกใจ “ อะไรนะ ? พวกเขาเอาปืนมายิงเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้า
“ บัดซบ ! ” เหลียงหรงสบถด่าออกมาคำหนึ่ง และเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หยางโปไม่ถือสาเหลียงหรง เขามองไปทางภูเขาที่กว้างไกลสุดสายตา บนภูเขาเต็มไปด้วยคบไฟ ไม่รู้ทิศทางที่แน่นอนเลย เขาขมวดคิ้วจางๆ นึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ ทำไมเด็กๆที่นี่ถึงได้หายตัวไปติดต่อกัน ?
ไม่รู้ว่าเหลียงหรงพูดอะไร ผู้ใหญ่จ้าวก็กระโดดยืนตัวตรงขึ้น ” เป็นไปไม่ได้ ! เว้นแต่คุณจะให้ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานกับลูกชายของผม ! ”
เหลียงหรงตกใจและตะโกนเสียงดัง ” แกร้องตะโกนหาอะไร ? คุณเหยียนเป็นคนที่ลูกชายของคุณจะสามารถเข้ามาพัวพันได้ด้วยไหม ? ”
ผู้ใหญ่จ้าวพูดอย่างไม่พอใจ ” ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ? ”
“ คุณเอารูปถ่ายเด็กมาให้เราดูหน่อย ” ไป่ชูซินกล่าว
ผู้ใหญ่จ้าวส่ายหน้า “ ไม่มี ครอบครัวของผมยากจน เด็กๆจึงไม่มีรูปถ่ายมาตั้งแต่เด็กแล้ว ! ”
หยางโปจ้องหน้าผู้ใหญ่จ้าว และทันใดนั้นก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า ” ผมว่าไม่ได้มีคนที่ว่ามานี้อยู่ในครอบครัวของคุณหรอก ! ”

หยางโปหันไปหาเฉียนกุ้ย และยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ หัวหน้าของพวกคุณกลับมากันเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
เฉียนกุ้ยส่ายหน้า “ คุณหยาง ผมเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น คุณก็อย่าได้ทำให้ผมลำบากใจเลยนะ พวกเรากลับกันเถอะนะ ? ”
หยางโปจ้องหน้าเฉียนกุ้ย “ ที่น่ากลัวกว่าสัตว์ร้าย มันคืออะไร ? ”
เฉียนกุ้ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันมองไปรอบๆ เขากัดฟัน “ คุณหยาง พวกเราขึ้นรถ แล้วผมจะบอกคุณ ! ”
หยางโปพยักหน้า และตามเฉียนกุ้ยขึ้นรถ ทางด้านเหยียนหรูก็นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ
หยางโปหันไปมองทางเฉียนกุ้ย จนเฉียนกุ้ยไม่มีทางเลือก ปล่อยให้ลุงคนขับรถทำหน้าที่ขับรถไป จากนั้นเขาก็เอ่ยปากอธิบาย “ สิ่งที่น่ากลัวกว่าสัตว์ร้ายคือใจคน ! ”
หยางโปจ้องมองเฉียนกุ้ยด้วยความนิ่งอึ้ง ไม่พูดไม่จา ประโยคนี้มันก็สมเหตุสมผลเอามากจริงๆ
“ ชาวบ้านที่นี่หัวโบราณ ผมกลัวว่าถ้าพวกเราอยู่ที่นี่นานไป กลัวว่าจะออกจากนี่ไม่ได้ ที่นี่ยังมีประเพณีฉุดสาวมาแต่งงาน คุณเหยียนสวยมาก ในชีวิตนี้ของผมก็ยังไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่สวยแบบนี้มาก่อน ผมกลัวพวกเขาจะฉุดสาวมาแต่งงาน ! ” เฉียนกุ้ยอธิบาย
หยางโปรู้สึกยากที่จะเชื่อเรื่องนี้ “ ฉุดสาวมาแต่งงาน ไม่น่ามีหรอกมั้ง ? ”
“ คุณหยาง คุณมาจากเมืองใหญ่ บางทีอาจจะเป็นการยากที่คุณจะเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีของที่นี่ แต่ผมไม่มีทางโกหกคุณแน่ ! ” เฉียนกุ้ยกล่าว
หยางโปพยักหน้า เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่มีทางโกหกตัวเองแน่ แต่กลางวันแสกๆแบบนี้ ถ้าอีกฝ่ายจะฉุดสาวมาแต่งงานจริงๆ จะไม่เกิดการต่อสู้กันเกิดขึ้นหรือไง ?
“ การฉุดสาวมาแต่งงานน่าจะผิดกฎหมายนะ ? ” หยางโปเอ่ยถามออกมาประโยคหนึ่ง
เมื่อเฉียนกุ้ยสัมผัสได้ว่ารถเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเล็กน้อย “ ที่นี่มันสถานที่ห่างไกล ต่อให้ต้องมาดูแลกวดขัน ไปแจ้งความเข้าจริงก็วันที่สองแล้ว เรื่องที่ควรทำก็ทำไปแล้ว วันที่สองก็ปรับความเข้าใจกันได้แล้ว ถึงขั้นที่ว่าวันนั้นก็สามารถไปจดทะเบียนสมรสกันได้แล้ว เมื่อพบเจอเข้ากับสถานการณ์แบบนี้ คุณว่าควรจะทำยังไงต่อล่ะ ? ”
หยางโปเบิกตาโต กำลังจะเอ่ยปากพูดมากว่านี้ แต่กลับรู้สึกว่ารถเบรกอย่างกะทันหัน เขารีบมองไปทางด้านหน้า และเห็นว่าด้านหน้ารถมีคนจำนวนมากยืนขว้างหน้ารถอยู่ ไม่ยอมให้รถขับผ่านไป
“ เกิดอะไรขึ้น ? ” เฉียนกุ้ยใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เปิดหน้าต่างรถมองออกไปด้านนอก
หัวหน้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง เขาหันมาหัวเราะฮ่าๆใส่เขา ” ฉุดมาให้ฉัน ! พาคนมาให้ฉัน ! ”
เฉียนกุ้ยตกใจมาก แต่เขารู้ดีว่าคนกลุ่มนี้ทำอะไรก็ได้ ถ้าทำให้คุณเหยียนหายตัวไปในที่นี่จริงๆ เกรงว่ากลับไปเขาคงไม่ต้องไปทำงานอีกแล้ว !
หยางโปเปิดประตูรถและเดินออกไป เขามองไปยังกลุ่มคนที่โอบล้อมอยู่รอบๆ พวกเขาถือกระบองเหล็กและแท่งไม้ไว้ในมือ วิ่งกรูกันเข้ามาทางด้านนี้ !
เฉียนกุ้ยปิดหน้าต่างรถและตะโกนเสียงดัง ” พวกเราไป ขับพุ่งออกไปเลย ! ”
“ คุณหยางออกไปแล้ว ! ” คนขับรถพูดด้วยเสียงอันดัง
เฉียนกุ้ยเพิ่งจะสังเกตเห็นสถานการณ์ของหยางโป เขาเหลือบมองไปทางหยางโป และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ จะอยู่ที่นี่ต่อเพื่ออะไร ? นี่คงออกไปกันไม่ได้แล้ว !.ไอลีนโนเวล.
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉียนกุ้ยก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรไปในตัวตำบลทันที !
“ ลุย ลงมือเลย ! ” มีเสียงร้องตะโกนดังออกมาในที่เกิดเหตุ หยางโปได้ยินแม้กระทั่งว่าเสียงของอีกฝ่ายคือหลานชายของผู้ใหญ่จ้าว แต่ก็ไม่รู้ว่าไปหลบสั่งการอยู่ตรงมุมไหนในที่เกิดเหตุ
หยางโปขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าคนในท้องถิ่นจะหัวโบราณกันได้ขนาดนี้ ในขณะที่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ กลุ่มของอีกฝ่ายก็วิ่งกรูกันเข้ามาแล้ว !
หยางโปเคลื่อนตัวเล็กน้อย มองเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้อย่างชัดเจน เห็นแต่ว่าเขาได้พุ่งเข้าไปในฝูงชนแล้ว
เฉียนกุ้ยตกตะลึงไปทันที เขารีบเปิดประตูรถ และลงจากรถ ถ้าหยางโปเกิดเป็นอะไรขึ้นมา
เขาคงไม่มีอะไรที่จะสามารถไปอธิบายให้หัวหน้าฟังได้ !
“ เหล่าจ้าว คนที่แซ่จ้าว ถ้าคุณกล้าที่จะฉุดสาวไปแต่งงาน ผมจะไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่ ! ” เฉียนกุ้ยตะโกนดังลั่น
เฉียนกุ้ยตะโกนเสียงดัง และรีบวิ่งเข้าไปที่ฝูงชน ก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าไปในฝูงชน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง เพราะเขาเห็นเงาคนวาบผ่านฝูงชนราวกับถูกลมแรงพัด ทุกคนปลิวล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว !
จากนั้น เฉียนกุ้ยก็เห็นหยางโปเดินกลับมาแล้ว หยางโปพยักหน้าให้เขา ” ขึ้นรถ พวกเราไปกันเถอะ ! ”
เฉียนกุ้ยนิ่งอึ้งชะงักไปครู่หนึ่ง และขานรับ ” อือ ! ”
เหยียนหรูหยูนั่งอยู่ในรถ มองออกไปข้างนอกอย่างเย็นชา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จู่ๆเธอก็ยื่นมือที่เรียวยาวออกมาแล้วชี้ไปที่หัวมุม “ นั่นอะไรน่ะ ? ”
หยางโปหันกลับไปมอง ก็เห็นหลานชายของผู้ใหญ่จ้าว กำลังเล็งปืนลูกซองมาทางด้านนี้ เมื่อหยางโปหันกลับไปมอง ชายกลุ่มนั้นก็ตื่นตระหนกพร้อมทั้งลั่นไกออกมาทันที !
เฉียนกุ้ยตกใจ หมอบลงบนพื้นทันที !
หยางโปมองดูกระสุนปืนลูกซองที่ผ่านข้างตัวไป เขาจึงหยิบเหรียญออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนมันออกไป !
“ กริ๊ก ! ” เหรียญถูกโยนไปที่กึ่งกลางหน้าผากของคู่ต่อสู้ด้วยเสียงที่ดังคมชัด เหรียญติดอยู่ด้านบนและตกลงมาอีกครั้ง เหลือเพียงรอยเครื่องหมายวงกลมสีม่วงแดง จากนั้นคนคนนั้นก็ค่อยๆล้มลง
เฉียนกุ้ยหมอบคลานอยู่บนพื้น เมื่อไม่ได้ยินเสียงกระสุนนัดที่สองตามมา จึงเงยหน้าขึ้นมอง
แต่กลับไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นหยางโปกวักมือเรียกเขา เขาก็รีบขึ้นรถตามไปทันที
รถแล่นไปได้ซักพักก็ออกมาจากหมู่บ้าน !
หยางโปหันไปมองเฉียนกุ้ย ” ที่นี่เป็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอ ? ”
เฉียนกุ้ยจนปัญญา “ คุณหยาง ที่นี่ไม่ดีเท่าในเมือง หลายคนไม่เคยไปโรงเรียนมาทั้งชีวิต พวกเขาไม่รู้กฎหมาย หัวโบราณ และถึงขั้นที่ป่าเถื่อนเลยก็ว่าได้ ! ”
หยางโปพยักหน้า และประหลาดใจมาก เขาเคยไปเฉียนโจวมาก่อน ประเพณีพื้นบ้านของที่นั่นก็เรียบง่ายกว่านี้ “ ทำไมพวกเขาถึงไม่จัดให้ชาวบ้านเพื่อออกไปค้นหาตามภูเขาหลังจากที่เด็กหายตัวไป ? ”
เฉียนกุ้ยชะงักไปครู่หนึ่ง “ ใช่ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ร้อนใจเลย โดยเฉพาะพ่อแม่ของเด็กที่หายตัวไปก็ไม่โผล่หน้ามาตั้งแต่ต้นจนจบ ! ”
เฉียนกุ้ยดูเหมือนจะจับเบาะแสอะไรบางอย่างได้ เขาคิดอย่างรอบคอบโดยไม่รู้ตัว รถก็ขับกลับเข้ามาถึงในเมืองแล้ว ท้องฟ้าเองก็มืดสนิทแล้ว
มองผ่านไฟรถ หยางโปก็สังเกตเห็นเหลียงหรงยืนอยู่นอกรถ ดูเหมือนว่ากำลังจะขึ้นรถ ทันทีที่ไฟรถสาดส่อง เขาก็หยุดเคลื่อนไหวในที่เกิดเหตุมีคนมากกว่าสิบคนมาปิดล้อมไว้
เมื่อรถหยุดลงช้าๆ ประตูรถของหยางโปก็ถูกโอบล้อมไว้ จากนั้นก็มีชายวัยกลางคนร่างอ้วนคนหนึ่งมาเปิดประตู ” สวัสดีครับคุณหยาง ผมไป่ชูซินเลขานุการของหลงซูโกว ”
หยางโปเดินออกมาจับมือกับอีกฝ่าย “ สวัสดีครับ ! ”
“ ขอบคุณคุณหยางที่เดินทางมาไกล เพื่อมาแก้ปัญหาให้กับประชาชนของเรา ผมในนามตัวแทนของประชาชนหลงซูโกว ต้องกราบขอบพระคุณคุณมากจริงๆ ! ” ไป่ชูซินกล่าว
อีกฝ่ายพูดอย่างเคร่งขรึม หยางโปจึงต้องพยักหน้าและพูดตอบกลับไป “ คุณเกรงใจไปแล้ว ”
หยางโปพูดตอบกลับคนอื่นๆด้วยความเกรงใจติดต่อกันอีกหลายคน ในงานมีผู้นำจากตัวอำเภอและในเมือง ยังไงซะเหลียงหรงก็อยู่ที่นี่ สำหรับรัฐบาลท้องถิ่นแล้วเขาก็ถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ !
หลังจากพูดอย่างเกรงอกเกรงใจกันไปแล้ว หยางโปก็เดินตามพวกเขาเข้าไปร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
นั่งอยู่ที่โต๊ะกินเลี้ยง ทันใดนั้นเหยียนหรูหยูก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คน ก่อนหน้านี้ที่อยู่ข้างนอก เธอสวมชุดสีขาว ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง เมื่อมาอยู่ภายใต้แสงไฟ ก็ยิ่งดูดีขึ้นไปอีก
คนทั้งกลุ่มมารวมตัวกันอยู่ที่ด้านหน้าของเหยียนหรูหยู อยากที่จะมาชนแก้วด้วย แต่เหลียงหรง
กลับวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะอย่างแรงเสียงดัง ” ปัง ” และเหลือบมองไปที่ทุกคน ” มันเป็นยังไง ? ”
คิดไม่ถึงว่าหลินซุนจะทำตามด้วย เขาตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง “ ไร้มารยาท ! ”

ตำรวจชะงักไปทันที หลังจากเกิดคดีนี้ขึ้น เขาก็รีบมาเลย เขาเชื่อในสัญชาตญาณว่าคดีหายตัวไปนี้น่าจะรวมเข้ากับคดีพวกนั้นได้ จึงไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการสอบสวนคดีปกติ ตอนนี้พอหยางโปเอ่ยทัก เขาถึงได้สติกลับมา
“ คุณหมายความว่ายังไง ? ” ตำรวจมองหน้าหยางโป
หยางโปมองหน้าตำรวจ “ ถ้านี่เป็นเพียงคดีธรรมดาทั่วไปล่ะ ? ”
ตำรวจค่อนข้างที่จะสับสน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เต็มใจที่จะดูแลรับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ ถ้าเขาทำตามข้อคิดเห็นก่อนหน้านี้ เขาก็สามารถจัดการคดีนี้รวมเข้าด้วยกันได้ แต่ตามวิธีการของหยางโป
เขาจะต้องยุ่งยากมากขึ้น
เฉียนกุ้ยรีบดึงตำรวจไว้และลากเขาไปอีกด้าน ” ถ้าทำตามวิธีการของหยางโป คุณวางใจได้ กลับไปผมจะรายงานเรื่องนี้ให้หัวหน้าทราบในภายหลัง พวกเขาจะติดต่อประสานงานกับสำนักงานของคุณเอง ”
ตำรวจมีสีหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ เขาเหลือบมองหยางโป ” ผมว่าชายคนนี้ไม่เหมือนกับว่ามาท่องเที่ยว แต่ดูเหมือนหัวหน้ามากกว่า ! ”
เฉียนกุ้ยจ้องมองเขา “ คุณไม่ต้องกังวล ผมจะรายงานเรื่องนี้ให้ทางหัวหน้าทราบแน่นอน ! ”
หยางโปได้ยินที่เฉียนกุ้ยพูดมาทั้งหมด แต่ก็ไม่ว่าอะไร เขาหันไปพูดกับผู้ใหญ่จ้าว “ เรื่องนี้จะตรวจสอบออกมาอย่างกระจ่างชัดเจนตอนนี้เลยไม่ได้ คุณช่วยพาผมไปดูรอบๆหมู่บ้านหน่อยได้ไหม ? ”
ผู้ใหญ่จ้าวมองหยางโปอย่างพินิจพิเคราะห์ เมื่อเห็นเขาอายุยังน้อย ดูเหมือนไม่ค่อยมีประสบการณ์มากนัก เขาก็อดที่จะลังเลไม่ได้
เฉียนกุ้ยมาอยู่ที่หลงซูโกวได้ไม่นาน แต่กลับกลมกลืนเข้ากับทุกคนได้ ” เหล่าจ้าวไปกันเถอะ
พวกเราไปเดินดูด้วยกัน ถือซะว่าไปเดินออกกำลังกาย ! ”
ผู้ใหญ่บ้านจ้าวไม่มีทางเลือกอื่น “ เจ้าหน้าที่เฉียน รู้ไหมคนในหมู่บ้านเราลำบากมากจริงๆ ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงในสภาพภูเขาแบบนี้ ตลอดทั้งปีต่างเติบโตมากับการกินมันฝรั่ง เลี้ยงดูลูกๆกันมาจนโต แต่อยู่ๆก็หายตัวไปแบบนี้ พ่อแม่เขาจะไม่รู้สึกเสียใจได้ยังไง ? ”
เฉียนกุ้ยพยักหน้า “ เหล่าจ้าว คุณก็เป็นคนเก่าคนแก่ของสมาชิกพรรคเหมือนกัน เรื่องบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องให้ผมพูดมาก คุณก็น่าจะเข้าใจดี คิดว่าเรื่องนี้รัฐบาลไม่สนใจหรือไง ? แรกๆพวกเราส่งคนจำนวนมากออกไปตามหาเด็กที่หายตัวไป ต่อให้เป็นตอนนี้ก็ยังมีเหล่าผู้กล้าอีกหลายร้อยคนกำลังค้นหาอยู่บนภูเขา พวกเขาใช้ชีวิตกันอยู่อย่างยากลำบากในป่าเพื่ออะไรกัน ? ”
เหล่าจ้าวพูดไม่ออกไปทันที เขาพยักหน้า ” เอาล่ะพวกเราไปกันเถอะ ”
หยางโปไม่พูดอะไรมาก พาเหยียนหรูหยูเดินตามไป
เวลานี้ พระอาทิตย์เป็นสีแดงใกล้ลาลับขอบฟ้าแล้ว เหยียนหรูหยูสวมชุดสีขาว พอแสงอาทิตย์สาดส่องมาบนตัวของเธอ ทำให้ผิวพรรณดูผุดผ่องและเรียบเนียน รูปร่างที่เหมือนนางฟ้าแบบนี้พอมาปรากฏกายอยู่ในหมู่บ้านก็ดึงดูดสายตาของทุกคนทันที
หยางโปและพรรคพวกเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาขว้างเหยียนหรูหยูไว้ และเริ่มร้องเพลงเต้นรำต่อหน้าเหยียนหรูหยูทันที !.ไอรีนโนเวล.
มีชายหนุ่มในที่เกิดเหตุมากกว่าสิบคน พวกเขาเข้ามาโอบล้อมและปรบมือช่วยกันอย่างกระตือรือร้น บรรยากาศในที่เกิดเหตุดูครึกครื้นมาก ผู้ชายที่เต้นรำไปรอบๆตัวเหยียนหรูหยู
ดูเหมือนจะอายุยี่สิบกว่า ผิวสีเข้ม ดูท่าว่าเขาจะสนใจเหยียนหรูหยูเอามากๆ เต้นรำหมุนรอบ
เหยียนหรูหยูไม่หยุด
แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านเหล่าจ้าวเองก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงประเพณีไปได้ ยืนร้องให้กำลังใจอยู่ด้านข้างตาม
ชายหนุ่มหยิบพวงมาลัยจากคอออกมา คิดที่จะคล้องคอให้เหยียนหรูหยู เฉียนกุ้ยที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับตกใจ เขาอ้าปากกว้างอยากจะเตือนเหยียนหรูหยู
แต่เหยียนหรูหยูกลับ ก้าวถอยหลังออกห่าง พอดีกลับหลบพวงมาลัยออกมาได้ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าค่อนข้างหงุดหงิด !
ทันใดนั้นเสียงในที่เกิดเหตุก็หยุดนิ่ง จากนั้นก็มีเสียงเชียร์ดังขึ้นมาอีกครั้ง ดูเหมือนชายหนุ่มคนนั้นจะไม่ยอมแพ้ เริ่มร้องเพลงเต้นรำต่อด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
หยางโปขมวดคิ้ว เดาว่ามันอาจจะเป็นประเพณีของที่นี่ เฉียนกุ้ยก็อธิบายอย่างรวดเร็ว “ นี่เป็นการจีบสาวที่ตัวเองชอบ ถ้าไม่อยากตอบรับ ก็อยู่ห่างๆได้ ”
เฉียนกุ้ยแสร้งทำทำเป็นพูดเสียงดัง เมื่อเหยียนหรูหยูได้ยินเสียงเตือน ก็รีบถอยหลังไปทันที
ชายหนุ่มหยุดเต้นรำ เขามองไปที่เหยียนหรูหยูด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างแปลกใจ และรู้สึกโกรธเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเฉียนกุ้ย และถามเสียงดังด้วยภาษาจีนกลางที่ค่อนข้างเน้นย้ำว่า
” คุณกำลังทำอะไร ? ”
เฉียนกุ้ยรีบปัดมือ “ ผมแค่อธิบายธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นของเราให้เพื่อนฟัง ไม่ได้ตั้งใจจะทำลาย ! เหล่าจ้าวก็เป็นพยานได้ ! ”
ผู้ใหญ่เหล่าจ้าวขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาชี้ไปที่ชายหนุ่มและเอ่ยปากแนะนำ ” นี่คือหลานชายของผม ”
จู่ๆเฉียนกุ้ยก็ทำหน้าเหยเกไปทันที เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
หยางโปขมวดคิ้วเล็กน้อย “ คุณจ้าว คุณเหยียนมีคนรักอยู่แล้ว หวังว่าคุณจะห้ามปรามหลานชายของคุณ ”
“ ห้ามปราม ? ห้ามปรามทำไม หยุดทำไม ? เขามีสิทธิที่จะเลือกคนรักด้วยตัวเอง นี่คืออิสระของเขา ! ” ผู้ใหญ่จ้าวกล่าว
หยางโปเหลือบมองอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าดำคล้ำเครียดเต็มไปด้วยความดื้อรั้น
เขาก็พอจะเข้าใจ คิดว่าเหล่าจ้าวคงจะถูกตาต้องใจสนใจเหยียนหรูหยูอยู่แล้ว และคิดที่จะเก็บ
เหยียนหรูหยูไว้เป็นหลานสะใภ้ !
“ คุณเหยียนก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธเช่นกัน ! ” หยางโปกล่าว “ ถ้าผู้ใหญ่จ้าวไม่นำทาง ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็จะไปกันเอง ! ”
“ ก็ดี พวกคุณจะไปก็ไปกันเลยสิ หวังว่าพวกคุณจะเดินทางปลอดภัย และอย่าถูกหมาป่า เสือ
และเสือดาวกัดกินไปก่อนล่ะ ! ” สีหน้าผู้ใหญ่จ้าวเต็มไปด้วยความโกรธ หันหลังกลับและเดินจากไปทันที
เฉียนกุ้ยมองตามหลังผู้ใหญ่จ้าวอย่างจนปัญญา เขาเดินตามไปสองก้าว พยายามที่จะเกลี้ยกล่อม แต่พอเขาหันกลับมามองหยางโป กลับหยุดเดินตาม เพราะจู่ๆ เขาก็นึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้
การเลื่อนตำแหน่งของเขา มันไม่เกี่ยวอะไรกับที่ตรงนี้ ตราบใดที่ดูแลหยางโปอย่างดี บางทีการเลื่อนตำแหน่งอาจเป็นแค่เรื่องคำพูดแค่คำเดียว !
คนอื่นในที่เกิดเหตุต่างพากันเดินจากไป เหลือเพียงหยางโปสามคนเท่านั้น
เฉียนกุ้ยยิ้มเหยเก ” ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมก็ไม่คิดมาก่อนว่าพวกเขาจะกล้าได้กล้าเสียขนาดนี้ ”
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่เป็นไร พวกเราไปดูรอบๆกันดีกว่า ! ”
เหยียนหรูหยูมีสีหน้าเรียบเฉยไม่พูดไม่จา และไม่ได้แสดงทีท่าโกรธเคืองอะไรออกมา บางทีเธออาจไม่เข้าใจความหมายของพวงมาลัยเลย แต่เป็นแบบนี้ก็ดี
หยางโปพาพวกเขาเดินไปรอบๆหมู่บ้าน หมู่บ้านนี้มีขนาดไม่ใหญ่ มีประชากรหลายร้อยกว่าครัวเรือนล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำและสภาพแวดล้อมเงียบสงบ หยางโปพยายามค้นหาสัตว์ร้ายจากภูเขาและผืนป่า แต่เขาพอมองไปรอบๆกลับไม่พบอะไรเลย
ท้องฟ้ามืดลง เฉียนกุ้ยก็หันไปพูดกับหยางโป ” คุณหยาง ผมดูเวลาแล้วมันก็ได้ที่แล้ว คืนนี้เรากลับไปพักในตัวตำบลกันเถอะ ตอนกลางคืนของที่นี่ไม่ค่อยปลอดภัย ”
“ ไม่ปลอดภัยอย่างงั้นเหรอ ? ” หยางโปแปลกใจมาก เขาหันไปมองเฉียนกุ้ยอย่างแปลกใจมาก “ ที่นี่มีสัตว์ดุร้ายอยู่งั้นเหรอ ? ”
“ มีของบางอย่างที่อันตรายกว่าสัตว์ร้าย ” เฉียนกุ้ยกล่าว
หยางโปยังคงงงงวย “ มันคืออะไร ? ”
เฉียนกุ้ยทำสีหน้าปั้นยาก “ คุณหยาง ในตำบลได้เตรียมสถานที่พักไว้ให้แล้ว อีกอย่างคุณก็ทำงานมาทั้งวัน แม้ว่าคุณจะไม่ใส่ใจ แต่คุณเหยียนคงหิวแล้ว อีกทั้งทุกคนต่างก็รู้กันว่าคุณมาถึงแล้ว
ผมโทรหาหัวหน้าแล้ว เวลานี้พวกเขาอาจจะกลับมากันแล้ว ”
เฉียนกุ้ยจงใจหลีกเลี่ยงหัวข้อนี้ มันยิ่งทำให้หยางโปแปลกใจมากยิ่งขึ้น

“ ผมจะพาพวกคุณไปดูเดี๋ยวนี้ ! ”
ในขณะที่พูด หยางโปก็ตามเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบดู
ในที่สุด หลินซุนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา “ คุณรอให้เราพักหายใจกันก่อนแล้วค่อยไปไม่ได้หรือไง มีเวลาทั้งคืน ต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
หยางโปเหลือบมองหลินซุนแต่ไม่ได้พูดอะไร
เหลียงหรงทำหน้าไม่ถูกไปเลยทีเดียว เขาหันไปจ้องหน้าหลินซุน จากนั้นก็มองไปทางหยางโป
” คุณหยาง เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนคุณเอง ! ”
เหลียงหรงอายุห้าสิบกว่าแล้ว ถึงแม้จะออกกำลังกายเป็นประจำ แต่หลังจากเดินทางมาอย่างเร่งรีบแบบนี้ ก็หมดแรงไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังดันทุรังลุกขึ้น คิดที่จะไปกับเขา
หยางโปปัดมือ “ ผู้การเหลียง ช่างเถอะ ให้เสี่ยวเฉียนพาผมไปก็พอแล้ว ”
เหลียงหรงลังเลเล็กน้อย เขาเรียกชายหนุ่มสองคนที่อยู่ข้างกายเขามาตลอดออกมา ” พวกแกไปกับคุณหยาง ถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับคุณหยาง ฉันจะให้พวกแกรับผิดชอบ ! ”
ทั้งสองขานรับพร้อมกัน ” ทราบ ! ”
น้ำเสียงดังกังวานและทรงพลัง หยางโปถึงได้สังเกตเห็นว่า คนกลุ่มนี้ดูค่อนข้างจะไม่ธรรมดา ติดตามข้างกายมาตลอดอย่างเงียบๆอาจมีที่ไปที่มา !
หยางโปไม่ได้ปฏิเสธและพาพวกเขาไปด้วย
หลินซุนอาเจียนออกมาสักพัก หลังจากดื่มไปน้ำสองอึก ถึงได้รู้สึกสบายตัวขึ้น เขามีอาการฮึดฮัดไม่พอใจ “ ผู้การเหลียงจู เด็กหนุ่มคนนี้จะมีความสามารถอะไร ถ้าไม่มีพวกเรา เขาคนเดียวจะค้นพบอะไรได้ ? ยิ่งไปกว่านั้น ก็แค่พักค้างแรมคืนเดียว มันจะเป็นอะไรไป ? ”
“ คืนนี้ถ้าเกิดมีใครเสียชีวิตขึ้นมาล่ะ ? ” เหลียงหรงตำหนิให้ ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าหลินซุนไม่เลวเลย แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกรำคาญอยู่ไม่น้อย พูดจาแบบนี้ได้ยังไง ?
คนที่มาต้อนรับหยางโปและพรรคพวกชื่อเฉียนกุ้ย เป็นเสมียนเล็กๆจากพรรคการเมืองและหน่วยงานราชการในตำบล เพิ่งสอบได้และมาอยู่ที่นี่เมื่อปีที่แล้ว ตามที่เขาเล่ามา ผู้นำทั้งหมดในตำบลถูกเรียกตัวไปประชุมที่ตัวอำเภอทั้งหมดเพื่อศึกษาเรียนรู้เรื่องการต้อนรับแขก
หยางโปหัวเราะลั่น เกรงว่าคนเหล่านั้นคงกำลังพิจารณาว่าจะต้อนรับพวกเขาและพรรคพวกยังไง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพื่อให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้น เขาจึงจงใจพูดถึงถนนบนภูเขาที่สูงชันแทน
เฉียนกุ้ยเปิดการสนทนาทันทีและอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “ ปีที่แล้วผมทำเพื่อสอบติดข้าราชการ เลยลงชื่อมาอยู่ที่ห่างไกลแบบนี้ ครั้งแรกตอนที่นั่งรถประจำทางมา ผมถึงกับช็อคไปเลย ว่าทำไมถึงยังมีถนนบนภูเขาแบบนี้อยู่ ? ”
“ คุณเป็นคนที่ไหน ? ” หยางโปถามอย่างสงสัย
” ผมเป็นคนจินเฉิง ” เฉียนกุ้ยตอบ
หยางโปพยักหน้า “ ที่นี่ภูเขาสูงชัน มาอยู่ที่นี่ได้ คุณถือได้ว่ามาฝึกหาประสบการณ์ในสถานที่ที่ยากลำบากที่สุดในแผ่นดินแม่แล้ว อนาคตยังอีกยาวไกล ! ”
เฉียนกุ้ยยิ้มเต็มใบหน้าและพยักหน้า ” ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ”
เฉียนกุ้ยพูดคุยไปแต่ก็ไม่ลืมที่จะมองไปทางเหยียนหรูหยู ระหว่างทางแอบสังเกตอย่างพินิจพิเคราะห์ แต่กลับไม่กล้าที่จะจ้องมองตรงๆ
คนขับรถเป็นคนในพื้นที่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องบอกทาง ทั้งกลุ่มเดินไปตามถนนบนภูเขาก็มาถึงยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา บนยอดเขาเขียวขจีและน้ำใสสะอาด
เฉียนกุ้ยมาที่นี่พร้อมกับหยางโปและพรรคพวก ไม่นานก็มาถึงนอกหมู่บ้าน ทันทีที่สามคนเดินมาถึงที่ด้านนอกประตู ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาล้อมเอาไว้.ไอลีนโนเวล.
“ พวกคุณเป็นใคร ? มาทำอะไรที่นี่ ? ”
“ ยกมือขึ้น อย่าขยับ ! ”
“ พวกเขาขโมยเด็กไปใช่ไหม ต้องเป็นพวกเขาแน่ๆ ! ”
เฉียนกุ้ยที่ยืนอยู่ด้านหน้า ตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ไม่รู้ว่าจะตอบสนองกลับยังไงไปชั่วขณะหนึ่ง
หยางโปไม่มีทางเลือกนอกจากต้องก้าวไปข้างหน้า และเขาอธิบายไปด้วยเสียงอันดังว่า
“ สวัสดีทุกคน ไม่ต้องตื่นตระหนกไป พวกเราไม่ได้มาขโมยเด็ก รัฐบาลของตำบลส่งพวกเรามา เพื่อมาทำความเข้าใจกับสถานการณ์ ทุกคนคิดดูนะ ถ้ามาขโมยเด็กจริง มีหรือจะกล้าหาญชาญชัยขนาดนี้ จะกล้ามาขโมยกลางวันแสกๆได้ยังไง ? ”
หยางโปอธิบายลากยาวไปประโยคหนึ่ง ทำให้บรรยากาศโดยรอบลดความตึงเครียดลง
เวลานี้เฉียนกุ้ยเพิ่งจะได้สติกลับมา เขารีบชี้ไปที่คนหนึ่งในนั้นอย่างรวดเร็วและพูดว่า
” ผู้ใหญ่จ้าว คุณยังจำผมได้ไหม ? ผมเสี่ยวเฉียนไง เสี่ยวเฉียนจากสำนักงาน ! ”
ชายชราในฝูงชนจ้องเฉียนกุ้ยตาเขม็ง วางไม้เท้าในมือลง “ เสี่ยวเฉียน นี่คุณเหรอ ? ”
เฉียนกุ้ยกระโดดออกไปและเอ่ยปากพูดอย่างรวดเร็ว “ เหล่าจ้าว วางอาวุธลงก่อน คนในหมู่บ้านเดียวกันได้ข่าวมาว่าเกิดเรื่องขึ้นที่นี่ จึงให้ผมมาตรวจสอบดู คุณก็รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น
คนในหมู่บ้านเดียวกันวุ่นวายกันแค่ไหน บรรดาผู้นำต่างวิ่งวุ่นนั่งไม่ติด พยายามหาตัวผู้กระทำผิดตัวจริง ดังนั้นจึงส่งผมมาทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ก่อน พรุ่งนี้อาจจะมีคนกลุ่มที่สองตามมา ”
เฉียนกุ้ยอธิบายไปสองสามคำ แต่จู่ๆก็สังเกตเห็นสีหน้าท่าทีของผู้ใหญ่บ้านจ้าวผิดปกติ เขารีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว ระดับขั้นของตัวเองต่ำเกินไป กลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าคนในหมู่บ้านเดียวกันไม่เห็นค่าของพวกเขา ดังนั้นจึงพูดไปแค่ไม่กี่คำ
สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านจ้าวมึนงงเล็กน้อย เขาโบกมือ ” เอาละ ทุกคนแยกย้ายกันไปก่อน ให้พวกเขาดูสถานการณ์ก่อน ”
ในขณะที่พูดคุยกัน ผู้ใหญ่บ้านจ้าวก็ชี้ไปที่หยางโปและพรรคพวก ” พวกคุณสองสามคนนี้คือ ? ”
เฉียนกุ้ยรีบอธิบาย ” นี่คือคุณหยาง เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม ช่วงนี้มาท่องเที่ยวที่พวกเราอยู่ เพราะเขามีความรู้ความเข้าใจในการสืบสวนอยู่บ้าง ดังนั้นผมจึงเชิญเขามา ”
ผู้ใหญ่บ้านจ้าวรีบเอ่ยออกมาทันที “ คุณหยาง ทำให้คุณต้องลำบากแล้ว ”
นี่เป็นข้อแก้ต่างที่พวกเขาคุยกันมาก่อนแล้ว แต่หยางโปกลับรู้สึกไม่ค่อยดี ” ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด ! ”
ผู้ใหญ่บ้านจ้าวพาทั้งกลุ่มเดินไปที่สวนหลังบ้านของครอบครัวนี้และพูดขึ้นว่า ” เสี่ยวเฉียนหายตัวไปตรงนี้เมื่อวานนี้ตอนเย็น เวลานั้นประมาณห้าหกโมงเย็น ทุกคนในครอบครัวกลับไปทำอาหาร จึงไม่มีใครในหมู่บ้านสังเกตเห็น แต่ภายหลังพบว่าเธอหายตัวไปแล้ว ”
หยางโปมองไปรอบๆ และอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับภูเขาและผืนป่า มีบ้านหลังคามุงอยู่ใกล้ๆ ดูยากจนมาก เป็นปกติที่จะไม่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ ตอนนี้ก็ถูกชาวบ้านเหยียบย่ำนับครั้งไม่ถ้วนไปแล้ว ยังจะมีเบาะแสอะไรหลงเหลืออยู่อีก ?
หยางโปยืนอยู่ที่เดิม และหลับตาลงเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่รอบตัว แต่กลับสังเกตไม่พบแม้แต่น้อย
เฉียนกุ้ยเดินไปรอบๆที่เกิดเหตุครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่เดินไปมา เขาก็จะคอยสังเกตหยางโป
เมื่อเห็นว่าในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้นมาก็อดไม่ได้ที่จะถามไปว่า “ สังเกตเห็นอะไรไหม ? ”
หยางโปส่ายหน้าเล็กน้อย “ ที่เกิดเหตุได้รับความเสียหายมากเกินไป หาเบาะแสอะไรไม่เจอเลย ”
พอพูดจบ หยางโปก็หันไปมองผู้ใหญ่บ้านจ้าว ” หายตัวไปประมาณเมื่อไหร่ ? มีเบาะแสอื่นอีกไหม ? ”
ผู้ใหญ่บ้านจ้าวส่ายหัว “ ประมาณหกโมงเย็น เวลานั้นครอบครัวเรียกให้เธอมากินข้าว แต่กลับพบว่าเด็กหายตัวไปแล้ว ”
“ นี่คือเด็กคนแรกที่หายไปจากหมู่บ้านของคุณใช่ไหม ? หยางโปจ้องหน้า
ผู้ใหญ่บ้างจ้าวพยักหน้า ” ใช่ครั้งแรก ”
หยางโปอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ไม่มีเบาะแสใดๆเลยในที่เกิดเหตุ มีตำรวจท้องที่ประจำการอยู่ใกล้ๆ เดินตามเข้ามา
เฉียนกุ้ยทักทายกับอีกฝ่าย ” ช่วงนี้พวกคุณลำบากกันแล้ว ! ”
ตำรวจส่ายหน้า “ ในช่วงเวลาพิเศษ มันไม่มีทางเลือก ลำบากมันก็ต้องทำนะ แต่กลับยังหาตัวฆาตกรไม่เจอ เรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยากนิดหน่อย ”
หยางโปเดินเข้าไป “ คุณปฏิบัติตามขั้นตอนการสอบสวนคดีปกติ ไหม ? ได้สอบถามพ่อแม่ของผู้สูญหายไหมว่ามีศัตรูอยู่หรือเปล่า ? ”

เสี่ยวหลินที่นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะกินข้าว เมื่อเห็นเหยียนหรูหยูกินผลไม้ไปสองสามชิ้น จึงรีบเอ่ยทัก
” คุณเหยียน คุณชอบกินผลไม้ใช่ไหม ? ผมเอากล่องกีวีใส่หีบมาด้วยหีบหนึ่ง กีวีเป็นของดี สามารถบำรุงผิวพรรณ เดี๋ยวผมไปเอามาให้ ! ”
เหลียงหรงมองผู้ช่วยคนเก่งของตัวเอง และรู้สึกอับอายมาก ตั้งแต่เสี่ยวหลินได้พบกับเหยียนหรูหยู ก็ขยันและกระตือรือร้นไม่หยุด แต่เมื่อเขาเห็นหยางโปไม่ได้พูดอะไรมาก ก็พอจะเข้าใจว่าทั้งสองไม่น่าจะเป็นแฟนกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรมากเช่นกัน
เหยียนหรูหยูขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ส่ายหน้าจะเอ่ยปากปฏิเสธ แต่เสี่ยวหลินกลับวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วแล้ว คนอื่นๆที่นั่งอยู่ข้างๆก็พากันอดหัวเราะไม่ได้
ไม่นาน เสี่ยวหลินก็นำผลกีวีกลับมาและพลางอธิบายไปด้วยว่า ” นี่คือผลกีวีจากตูเจียงเยี่ยนที่ดีที่สุดในประเทศ ผมตั้งใจนำมาด้วยกล่องหนึ่งเป็นพิเศษ ทุกคนล้วนมีส่วนแบ่ง ”
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น เหยียนหรูหยูกลับยืนขึ้นและเดินกลับเข้าห้องไป
ทำเอาเสี่ยวหลินนิ่งอึ้งไปทันที เขามองไปทางเหยียนหรูหยู ” คุณเหยียนนี่คุณ ? ”
หยางโปที่นั่งอยู่ด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ถ้าว่ากันตามปกติแล้ว ไม่ว่าผู้หญิงจะใจแข็งแค่ไหน ก็มักจะแพ้ให้กับผู้ชายที่เอาอกเอาใจ จะแค่หน้าด้านหน้าทนหน่อย ก็มักจะมีโอกาสจีบสาวติดเสมอ เกรงว่าเสี่ยวหลินก็คงคิดแบบนี้เช่นกัน แต่เขาไม่เข้าใจว่า ความคิดของเหยียนหรูหยูไม่สามารถตัดสินด้วยกฎเกณฑ์ปกติทั่วไปได้
เหยียนหรูหยูไม่สนใจเขาเลยเสียด้วยซ้ำ เดินกลับเข้าห้องไปเลย
เสี่ยวหลินลุกขึ้นยืน อยากจะตามไปอีกครั้ง แต่เหลียงหรงอดที่จะตะโกนห้ามไว้ไม่ได้ “ เสี่ยวหลิน กลับมา ! คุณเหยียนเหนื่อยมากแล้ว ต้องการพักผ่อน นายอย่าไปรบกวนเธอเลย ! ”
เสี่ยวหลินอ้าปาก แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
เหลียงหรงหันไปทางหยางโปและเอ่ยปากขอโทษ ” ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ทำขายหน้าคุณแล้ว ”
หยางโปส่ายหัว “ ทุกคนรีบไปพักผ่อนเถอะ หนทางพรุ่งนี้เดินทางกันลำบาก โดยเฉพาะคนขับรถทุกท่าน จะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ”
“ ผมจะจัดการให้เรียบร้อย ” เหลียงหรงกล่าว
หยางโปจึงไม่พูดอะไรมาก และเดินกลับไปที่ห้อง
รอจนหยางโปออกไปแล้ว เหลียงหรงก็กวักมือเรียกเสี่ยวหลินมาหา ” นายมากับฉัน ! ”
เมื่อทั้งสองคนเดินออกไป เสี่ยวหลินก็รีบยื่นบุหรี่ให้เหลียงหรงและช่วยจุดบุหรี่ให้เขา “ ผู้การเหลียง ผมไว้หน้าพวกเขามากแล้วนะ ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของผมบังคับให้ผมมาเข้าร่วมในครั้งนี้ ผมไม่มีทางมาแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีสาวสวยขนาดนี้อยู่ด้วย เธอสังกัดอยู่ในหน่วยงานของคุณใช่ไหม ? ”
เหลียงหรงเหลือบมองไปที่เสียวหลิน ” เสียวหลิน ฉันหวังว่านายจะระมัดระวังในการจัดการเรื่องนี้ให้มากขึ้น พ่อของคุณเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโฆษณาคณะกรรมการพรรคมณฑล แต่พวกเขาถูกเบื้องบนส่งตัวมา อีกทั้งยังมีภูมิหลังที่ลึกมาก ”
เสี่ยวหลินส่ายหัว “ ผู้การเหลียง คุณไม่ต้องกังวล ผมหลินซุนไม่ใช่คนไม่รู้ผิดชอบชั่วดี จะไม่สร้างปัญหาให้คุณอย่างแน่นอน ! ”
เหลียงหรงพยักหน้า “ เสี่ยวหลิน ภารกิจก่อนหน้านี้ คุณก็ไม่เคยได้เข้าร่วมมาก่อน ครั้งนี้พ่อของคุณให้คุณมาเข้าร่วม ได้บอกอะไรกับคุณไว้กันแน่ ? ”
“ พ่อของผมบอกว่า ให้ผมทำความรู้จักกับคนที่มาเข้าร่วม เดิมทีผมก็ยังไม่เต็มใจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า การที่ผมสามารถมาที่นี่ได้นั้น มันฉลาดมากจริงๆ พ่อของผมต้องการให้ผมมาหาคุณ.Aileen-novel.
เหยียนอย่างเห็นได้ชัด สาวสวยขนาดนี้ ต้องเป็นพ่อของผมที่วางแผนไว้ให้แล้วแน่ๆ ! ” หลินซุนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา
เหลียงหรงขมวดคิ้ว รู้สึกว่าประโยคนี้มีบางอย่างผิดปกติ แต่กลับไม่รู้ว่ามันผิดที่ตรงไหน
วันที่สอง ทั้งกลุ่มกินข้าวเช้ากันแล้วขึ้นรถ หยางโปคิดมาตลอดทางผ่านถนนบนภูเขามาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เมื่อรถแล่นมาอยู่บนถนน เขาถึงได้รู้ว่าถนนบนภูเขาก่อนหน้านั้น มันแค่ขี้ปะติ๋วเดียวเท่านั้นนับอะไรไม่ได้เลย
ข้างไหล่ทางเป็นหน้าผาสูงชัน เมื่อมองจากระยะไกล หยางโปยังรู้สึกค่อนข้างที่จะวิงเวียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรถกำลังขับแล่นตามถนนบนภูเขาที่คดเคี้ยว ตามขอบไหล่ทางยังสามารถมองเห็นเศษซากรถปรักหักพังบางส่วนได้
สีหน้าของหลินซุนค่อนข้างจะซีดเผือด เขามองไปที่คนขับ ” พี่จาง พวกเราขับช้าๆหน่อยเถอะ
ช้าหน่อย ! ”
คนขับรถจางดูสงบมาก เขาหัวเราะเหอๆและพูดขึ้นว่า ” อย่ากังวลไป ทำไมหน่วยงานถึงส่งผมมาขับรถให้ทุกคน นั่นเป็นเพราะผมเดินทางไปกลับถนนเส้นนี้มาหลายสิบครั้งแล้ว ”
คำพูดเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่คนขับกลับจับจ้องไปที่ถนน ไม่กล้าแม้แต่ที่จะคิดฟุ้งซ่าน
เหลียงหรงเหลือบมองหลินซุน และขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับไม่พูดอะไรมาก
ยิ่งไปข้างหน้ามากเท่าไหร่ ถนนบนภูเขาก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น หยางโปถึงกับสัมผัสได้ว่ารถกำลังขับไปข้างหน้าในแนวเกือบ 90 องศา ตอนที่รถพุ่งลง รถเหมือนกำลังบิน ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังนั่งรถไฟเหาะอยู่ !
ภายในรถดูค่อนข้างเงียบกริบอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนต่างกุมหน้าอก เพื่อไม่ให้ตัวเองกรีดร้องออกมา ถ้าอย่างนั้นคงจะขายหน้ามาก
รถไม่รู้ว่ารถหักเลี้ยวไปกี่รอบแล้ว แม้แต่หยางโปเวลานี้ก็เริ่มรู้สึกเวียนหัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผ่านหน้าผาสูงชันไป และดำดิ่งลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า มันล้วนทำให้ทุกคนหวาดผวากัน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดรถก็ลดความเร็วลง หยางโปได้ยินทุกคนในรถต่างก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
รถหยุดลงอย่างช้าๆ คนขับจางหันกลับมาส่งยิ้มให้ทุกคน ” ทุกคนหยุดพักก่อน ผมจะสูบบุหรี่สักหน่อย ”
พอพูดจบ โดยที่ไม่รอให้เหลียงหรงพยักหน้า คนขับก็ลงจากรถไปแล้วเรียบร้อย
ทุกคนก็เดินตามกันลงไป หยางโปเดินออกไป ถึงได้พบว่าที่นี่อยู่บนเนินเขาลูกหนึ่ง แต่เพราะเนินเขานั้นราบเรียบ ดังนั้นถนนช่วงนี้จึงราบเรียบและกว้างขวางกว่าเล็กน้อย ที่นี่มีรถจอดพักอยู่สองคันแล้ว
หยางโปมองไปที่คนขับและเห็นว่าเขากำลังสูบบุหรี่อยู่ พอมองออกไปไกลๆ ก็พอจะเข้าใจว่าการเดินทางในเมื่อสักครู่มันอันตรายเกินไป คนขับรถก็คงกดดันมากเช่นกัน
หยางโปกำลังมองดูสภาพของเหยียนหรูหยูในขณะนั้น ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอาเจียนดังเข้าหูมา เขาหันกลับไปมองก็เห็นหลินซุนหมอบอยู่ข้างทาง และเริ่มอาเจียนออกมา
เพื่อนร่วมงานของเขารีบยื่นขวดน้ำให้เขา พลางตบไหล่เขา แล้วกระซิบถามว่า “ คุณโอเคไหม ? ”
หลินซุนส่ายหัว แต่ใบหน้าดูเจ็บปวดมาก
หยางโปมองไปทางเหยียนหรูหยู เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเธอเป็นปกติ ไม่มีอากการเปลี่ยนแปลงใดๆ เธอยังคงไม่ลืมที่ทอดสายตามองออกไปไกล แลดูสง่างามและกระปรี้กระเปร่า !
หลังจากพักผ่อนกันได้สักพัก หลินซุนถึงได้รู้สึกสบายตัวขึ้น เขามองไปที่เหยียนหรูหยู ด้วยใบหน้าที่ดูค่อนข้างเศร้าใจเล็กน้อย เขายังสู้ผู้หญิงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ !
สิ่งสำคัญคือ เขาเทียบกับผู้หญิงที่ตัวเองชอบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ !
หลังจากขึ้นรถใหม่อีกครั้ง การเดินทางต่อจากนั้นก็ดูง่ายขึ้น จนถึงเวลาประมาณบ่ายสองโมงกว่า ทั้งกลุ่มก็ได้มาถึงหลงซูโกวและติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในท้องถิ่น
หยางโปต้องการให้ไปที่เกิดเหตุทันทีเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ แต่อีกฝ่ายกลับมีท่าทีค่อนข้างลำบากใจ “ ระยะทางมันค่อนข้างจะไกล กลัวว่าจะกลับมาไม่ทัน ”
หยางโปชะงักไปครู่หนึ่ง เขาอาศัยอยู่ในพื้นที่ราบ แม้ว่าจะเป็นข้ามเขตอำเภอหรือข้ามเขตจังหวัด เขาก็สามารถไปกลับได้ในวันเดียว มันยากที่เขาจะจินตนาการออกมาได้ นี่เป็นเพียงเมืองหนึ่งในเขตชนบท มันจะยากมากขนาดนั้นเลยเหรอที่จะไปกลับ !
“ อยู่บนเขาใช่ไหม ? ” หยางโปถาม
ผู้ประสานงานพยักหน้า ” บนภูเขา เมื่อคืนมีเด็กหายตัวไปอีกคนแล้ว ”
หยางโปตกใจมาก พวกเขาแค่มาช้าไปวันเดียว ” หายไปจากที่ไหน ? ”

คาดคิดไม่ถึงว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้ๆ มักจะพบกับรอยเท้าขนาดใหญ่ที่ลึกลับติดต่อกันในขณะไปล่าสัตว์บนเขา การค้นพบดังกล่าวนี้ ทำให้เมืองเล็กๆตกอยู่ในความตื่นตระหนก พวกเขาเดากันไปว่าเด็กที่หายตัวไปนั้นถูกสัตว์ร้ายตัวยักษ์ที่ไม่รู้จักกิน !
เพราะเหตุนี้ เรื่องนี้จึงทำให้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่พวกเขาก็ไม่พบเบาะแสใดๆ
หยางโปพลิกอ่านไปมาอยู่สองรอบ จนแน่ใจว่าไม่มีอะไรตกหล่น จากนั้นถึงได้หยิบกระจกแสงจันทร์ออกมาเพื่อฝึกฝน
ในเวลานี้ เหยียนหรูหยูกำลังนั่งอยู่บนเตียง แสงจันทร์ส่องประกายราวกับน้ำ ส่องแสงไปบนร่างกายของเธอ ผิวขาวเหมือนหยกสดใสพร่างพราว เธอขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ค่อยๆเอามือทั้งสองข้างประสานกันแน่น เปลี่ยนท่าทางไปมาไม่หยุด
ไม่นาน เหยียนหรูหยูก็ลดมือลง ขมวดคิ้ว เธอลังเลเล็กน้อยแต่ก็ไม่ลองอีก แต่กลับนอนลงบนเตียงและมีอาการตกตะลึงเล็กน้อย
เธอมองออกไปข้างนอก หลับตาลง และผล็อยหลับไป
เช้าวันที่สอง หยางโปออกไปออกกำลังกายตอนเช้าเช่นเคย เหยียนหรูหยูยังคงตามเขามาที่สวนดอกไม้ หยางโปเริ่มฝึกฝนมวยเทียนหลัว ทักษะการชกมวยชุดนี้เพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาขึ้นมาเล็กน้อย และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เขาสัมผัสได้ถึงพลังในร่างกายของเขาที่กระฉับกระเฉงขึ้นอย่างเต็มที่
หยางโปเหลือบมองเหยียนหรูหยูและทันใดนั้นก็พูดทักขึ้นมาว่า ” คุณเหยียน เรามาฝึกด้วยกันหน่อยไหม ? ”
เหยียนหรูหยู ผงะไปครู่หนึ่ง เธอหันมามองหยางโป แสดงความสีหน้าไม่พอใจ ” กันนาย ? ”
“ ลองดูแล้วจะรู้เอง ” ขณะที่พูด หยางโปก็วิ่งกรูเข้าไปหาแล้ว
เหยียนหรูหยูไม่ได้ขยับ เธอเพียงแค่จ้องไปที่ร่างของหยางโปเท่านั้น
หยางโปปล่อยหมัดเทียนหลัวออกมา แต่เหยียนหรูหยูแค่เหยียดมือออกมาเบาๆ จับหมัดของหยางโปด้วยมือเปล่า เมื่อเกิดเหตุการณ์แปลกๆแบบนี้ขึ้นในเกิดเหตุ เธอหยุดหมัดของหยางโปไว้ด้วยมือที่ขาวนวลเพียงข้างเดียว
หยางโปลดหมัดลงอย่างจนใจ “ ดูเหมือนว่ามันเทียบกันไม่ติดเลย ”
เหลียงหรงและลูกน้องกำลังออกกำลังกาย และเห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี ลูกน้องของเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “ ผู้การเหลียง ดูเหมือนว่ากองกำลังทหารสนับสนุนของเราท่านนี้จะไก่อ่อนไปหน่อยนะ ! ”
“ ถ้าไม่รู้จักพูด ก็ไม่ต้องพูดไร้สาระ ! ” เหลียงหรงตำหนิให้ เขารู้ที่มาที่ไปของหยางโปดี และยังได้ยินเบื้องบนเคยเอ่ยถึงมาแล้ว ว่ากันว่าจงหนานไห่ ( ที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลกลางและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรค ) ได้เชิญหยางโปมา บุคคลสำคัญแบบนี้ ต่อให้เป็นไก่อ่อน เกรงว่าก็คงมีเบื้องหลังที่น่าทึ่ง !
เป็นธรรมดาที่หยางโปจะได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ทำการฝึกซ้อมมวยไท่เก๊กต่อ และเก็บกระบวนท่า
เหลียงหรงเดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้องคนหนึ่ง ” คุณหยางต่อยมวยไทเก็กได้ดีมากทีเดียว ! ”
หยางโปพยักหน้า “ ผู้การเหลียง คุณก็ชอบออกกำลังกายเหมือนกันเหรอ ! ”
เหลียงหรงหัวเราะ “ พวกเราถือว่าเป็นทีมทหาร การออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็น พวกเราไปกินข้าวเช้ากันเถอะ เกรงว่าวันนี้คงต้องลำบากกับการเดินทางเอามากๆ ”
หยางโปพยักหน้า ” ตกลง ”
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังเหลียงหรงยังคงเชิดหน้าขึ้นและค่อนข้างที่จะดูถูกหยางโป แต่เขากลับสนใจเหยียนหรูหยูมาก เมื่อเห็นเหยียนหรูหยูนั่งอยู่ในห้องอาหาร แต่กลับไม่กินอะไรเลย เขาก็หยิบจานอาหารใบใหญ่เข้ามาวางไว้ตรงหน้าเหยียนหรูหยู “ คุณเหยียนกินอะไรสักหน่อยนะ วันนี้ต้องลำบากกันมาก ! ”
เหยียนหรูหยูเหลือบมองเขาและพูดเบาๆ ” ฉันไม่กินข้าวเช้า ”
ชายคนนั้นนิ่งเงียบไปทันที และพูดอย่างกังวลว่า “ ไม่กินข้าวเช้าได้ยังไง ? ไม่กินข้าวเช้าท้องไส้จะปั่นป่วนเอาได้ คุณรู้ไว้เลยนะ วันนี้เราต้องนั่งรถอย่างน้อยสิบกว่าชั่วโมง เกรงว่าระหว่างทางจะไม่ได้แวะกินอะไร… ”
หยางโปที่นั่งข้างๆมีสีหน้ายิ้มแย้ม และไม่ได้ห้ามปรามอะไร
“ เสี่ยวหลิน หยุดพูด ! รีบไปกินข้าวซะ เดี๋ยวแกก็ไปห่ออะไรไปกินระหว่างทางหน่อย เอาไว้ให้เรากินกันระหว่างทาง ! ” เหลียงหรงตำหนิให้ เขาทนดูลูกน้องหน้าด้านไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากให้มายุ่ง เสี่ยวหลินก็ยังจะเข้าไปยุ่งด้วยอีก !
เสี่ยวหลินมีสีหน้าแค้นใจ แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้า.ไอลีนโนเวล.
หลังกินอาหารเช้าได้ไม่นาน ทุกคนก็กลับไปจัดของกัน หยางโปดึงเหยียนหรูหยูเข้าไปในห้องแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ เรารู้จักกันมาก็หลายวันแล้ว ก็ถือว่าเป็นคนคุ้นเคยกัน ผมขอเตือนคุณหน่อยละกันนะ ในเมื่อเข้ามาอยู่ที่ตรงนี้ด้วยกันแล้ว ก็ต้องกินข้าว ถ้าคุณเอาแต่ไม่กินข้าวอยู่แบบนี้ต่อไป ในสายตาของคนปกติเราแล้ว มันคงแปลกประหลาดเอามากๆ หรือว่าคุณมีอะไรแอบซ่อนไว้จนไม่สามารถพูดออกมาได้หรือเปล่า ? ”
เหยียนหรูหยูชะงักงันไปครู่หนึ่งแต่ไม่พูดอะไร
” คุณกินผลไม้หน่อยก็ได้ ! ” หยางโปพูดต่อ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เหยียนหรูหยูก็พยักหน้าให้ ” อืม ! ”
หยางโปเกลี้ยกล่อมจนเหยียนหรูหยูตกลง จากนั้นถึงได้กลับไปที่ห้อง จริงๆแล้วเป็นเพราะ
เหยียนหรูหยูไม่ได้กินข้าวติดต่อกันมาหลายวันแล้ว คนในครอบครัวรู้เรื่องนี้มันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคนอื่นรู้เข้า ก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปพูดต่อกันว่ายังไง !
ยังไม่ถึงที่หมาย ท้องฟ้าก็มืดสนิท ถนนบนภูเขาข้างหน้าก็อันตรายมาก เหลียงหรงจึงต้องขอให้คนขับรถหยุดรถและพักค้างแรมกันที่นี่คืนหนึ่ง
เข้ามาพักในโรงแรมเล็กๆในหลินเจิ้น สภาพภายในที่พักดูค่อนข้างแย่อย่างเห็นได้ชัด แต่เถ้าแก่เนี้ยดูกระตือรือร้นมาก เธอรีบไปต้มน้ำร้อนให้ทุกคนล้างหน้าล้าตา และให้พ่อครัวทำอาหารให้
ทุกคนนั่งลงมือกินข้าวเย็นที่โต๊ะอาหาร ตอนเที่ยงเพราะต้องรีบเดินทางทุกคนจึงกินแต่ขนมปังบนรถเพื่อพอประทัง
เถ้าแก่เนี้ยอายุสี่สิบกว่า หน้าตาเหมือนสาวชาวบ้านทั่วไป เธอยกถ้วยชาเข้ามาให้ ด้วยสีหน้าที่เบิกบาน
หยางโปกินไปได้เล็กน้อย ก็หันไปมองเถ้าแก่เนี้ย “ เถ้าแก่เนี้ย พวกคุณค้าขายทางนี้ไม่เลวเลยนะ ! ถนนข้างหน้าสูงชันมาก เกรงว่าพอพลบค่ำ คงมีคนจำนวนมากมาพักค้างแรมที่ที่พักของคุณ ! ”
เถ้าแก่เนี้ยหัวเราะ พูดด้วยสำเนียงของคนเสฉวน ” โชคดีที่มีถนนสายนี้ ฉันจึงทำมาค้าขายกันได้เล็กน้อยๆ ”
“ ถ้าผ่านถนนบนภูเขาส่วนนี้ไปคือที่ไหนงั้นเหรอ ? ” หยางโปถาม
เถ้าแก่เนี้ยก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ “ หลังจากผ่านถนนบนภูเขาเส้นนี้ไป พวกคุณก็จะไปถึงหลงซูโกว พวกคุณจะไปไหนกันเหรอ ? พรุ่งนี้ก็ออกเดินทางเช้าหน่อยนะ ”
หยางโปยิ้มและถามว่า ” หลงซูโกวทำไมเหรอ ? ”
เถ้าแก่เนี้ยหันมองไปด้านข้างแล้วลดเสียงลง ” พ่อหนุ่มน้อย ฉันจะบอกคุณนะ เมื่อไม่นานมานี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่หลงซูโกว มันอันตรายมากเลนล่ะ ! ”
ถึงแม้หยางโปจะไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังพูดเสียงแผ่วเบาคล้อยตามไปด้วย ” อ้อ ? ผมก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นอู่ซงอยู่ในจินหยางกังที่กำลังจะไปต่อสู้กับเสือ ! ”
เถ้าแก่เนี้ยส่ายหัว “ พ่อหนุ่มน้อย คุณไม่ได้มีฝีมืออย่างอู่ซง อย่าทำมาเป็นโอ้อวดเชียวนะ
หลายคนเล่าต่อกันมาว่า มีปีศาจและสัตว์ประหลาดมาที่หลงซูโกว เรื่องนี้ฉันไม่สามารถพูดอะไรได้มาก คุณก็คิดไตร่ตรองเอาเองละกัน ”
หยางโปลังเลเล็กน้อยและหันมองไปทางเถ้าแก่เนี้ย “ ปีศาจและสัตว์ประหลาด ? ไม่ใช่มั้ง ทำไมตอนนี้ยังเชื่อเรื่องงมงายกันอยู่อีก ? ”
“ พ่อหนุ่มน้อย ฉันไม่ได้โกหกคุณนะ เราอยู่ใกล้หลงซูโกวมาก ถ้ามีข่าวคราวอะไร ก็รู้กันได้ง่ายมาก เรื่องนี้ฉันไม่ได้โกหกคุณ ฉันได้ยินมาว่าพบรอยเท้าของสัตว์ตัวยักษ์บนภูเขาอีกด้วย ” เถ้าแก่เนี้ยตอบ
เถ้าแก่เนี้ยโบกมือ ” ลืมมันไปซะ ถ้าพวกคุณเต็มใจไปก็ไปเถอะ ยังไงซะอะไรที่ควรบอก ฉันก็บอกไปหมดแล้ว ”
พอพูดจบ เถ้าแก่เนี้ยก็ออกไป
บรรยากาศในที่เกิดเหตุค่อนข้างตึงเครียด เหลียงหรงยิ้ม “ ไม่ต้องห่วง จะไปมีปีศาจและสัตว์ประหลาดอยู่ที่ไหนกัน ! ”

ซุนคุนหลินโกรธมาก เขาจ้องมองผู้เฒ่าชุยตาเขม็ง แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร ชายชราผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าเขา แค่กลุ่มเพื่อนร่วมรบของชายชราก็สามารถสาปแช่งให้เขาตายได้แล้ว !
ซุนคุนหลินฮึดฮัดไม่พอใจ หันหลังเดินออกไป
หยางโปและชายชราเดินออกไป เขาเหลือบมองหน้าชายชรา และเอ่ยปากพูดว่า “ ปู่ เรื่องนี้มันค่อนข้างมีลับลมคมใน ปู่ให้ผมไปดูเถอะนะ ”
“ แกเพิ่งเรียนรู้ทักษะมาได้ไม่เท่าไหร่ ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม ? ” ชายชราพูดด้วยความโมโหเดือดดาล
หยางโปไม่มีทางเลือก มันก็เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เข้าใจ เพราะเขาเรียนรู้ความสามารถกับ
อวี้เหวินมามากมายแล้ว เขาเลยทำได้เพียงตอบกลับไปว่า “ ปู่วางใจได้ ผมไม่เป็นอะไรหรอก ! ”
ชายชรายังคงไม่ค่อยพอใจ สะบัดแขนโยนนามบัตรใส่เขา “ ในเมื่อแกปีกกล้าขาแข็งแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ ! ”
พอพูดจบ ชายชราก็หันหลังเดินจากไป
หยางโปมองตามร่างเดินกะเผลกของชายชรา ก็รู้สึกรักอย่างสุดหัวใจ ความหมายของชายชราเขารู้ดี แต่เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างจะแปลกจริงๆ เขาก้มลงเก็บนามบัตรขึ้นมา และเดินกลับเข้าไปในห้อง เหล่าหูยังคงอยู่ด้านในรอเขาอยู่
ซุนคุนหลินยืนอยู่ไม่ไกล มองดูหยางโปด้วยรอยยิ้มจางๆ ลูกชายของเขาติดคุก เขาไม่มีทางให้
หยางโปอยู่อย่างเป็นสุขเช่นกัน แค่ให้เขาเดินทางไปที่พื้นที่เขตเสฉวน-กุ้ยโจว คิดว่าคงรอดกลับมายาก
เหล่าหูมาถึงจุดนี้ได้ คงไม่ใช่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแค่นั้น ระดับขั้นของเขายังสูงกว่าชุยซื่อหยวนไปหนึ่งขั้น มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยในการทำงาน เขาส่งเอกสารมอบรายละเอียดชุดหนึ่งให้หยางโป และสั่งกำชับไปว่า “ ทางเราจะจัดคนให้คอยช่วยเหลือนาย หลังจากนายไปถึงที่เกิดเหตุ จะต้องระมัดระวังตัวด้วย ”
หยางโปพลิกดูเอกสาร พยักหน้าและเอ่ยขึ้นว่า “ วางใจได้ ”
เมื่อกลับมาถึงเรือนสี่ประสาน หลินหลินก็ทำอาหารรอเต็มโต๊ะแล้ว หยางโปรู้สึกลังเลเล็กน้อย
เขาเรียกลัวย่าวหัวให้เข้าไปหาที่ห้องหนังสือ จากนั้นเขาก็หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก
และส่งมันให้ลัวย่าวหัวพร้อมกับพูดว่า “ ของชิ้นนี้ นายช่วยฉันเอาไปส่งให้อวี้เหวินที ”
ลัวย่าวหัวมองไปที่กล่อง “ นี่คืออะไร ? ทำไมห่อไว้ดีแบบนี้ ”
“ นี่คือโสมคนพันปี ” หยางโปตอบ “ นายวางใจได้ ของนายกับหลูตงซิงฉันแบ่งไว้ให้พวกนายแล้ว นี่คือส่วนของฉัน ถ้าให้คนอื่นเอาไปส่งให้ ฉันไม่วางใจ ”
ลัวย่าวหัวตาโต เขาหันไปมองหยางโป “ ยังเหลือไว้ให้ฉันด้วยใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า “ การดึงพลังลมปราณเข้ามาในร่างกาย มันเป็นขั้นตอนหนึ่งที่ซับซ้อน ส่วนตำราลับฉันได้ส่งมอบให้นายไปแล้ว รอหลังจากที่ไปถึงที่อเมริกาแล้ว นายก็เอา ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก )ออกมาให้อวี้เหวินดู แล้วให้เขาช่วยปรับบางส่วนให้ดีขึ้น นี่เป็นส่วนที่ฉันทำไม่ได้ ”
ใบหน้าของลัวย่าวหัวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ ดีเลย แล้วจะให้ฉันไปเมื่อไหร่ ? ”
“ วันนี้ตอนบ่าย นายรีบไปเลย ! ” หยางโปตอบ.ไอลีนโนเวล.
พลังของหยางโปดำเนินมาถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว ถ้าต้องการเข้าสู่ระดับต่อไปจริงๆ ก็ทำได้เพียงขัดเกลามันอย่างช้าๆ เขาไม่จำเป็นต้องใช้โสมอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะส่งมอบโสมให้ ตอนนี้เขากำลังจะไปที่เขตพื้นที่เสฉวน-กุ้ยโจวเร็วๆนี้ไม่รู้ว่าจะคลี่คลายสถานการณ์ได้เมื่อไหร่
เวลานี้จึงต้องให้ลัวย่าวหัวไปเป็นธุระให้เท่านั้น
ลัวย่าวหัวไม่ทันนึกถึงเรื่องพวกนี้เลย เมื่อเขาคิดขึ้นมาได้ว่าหยางโปแบ่งโสมไว้ให้เขา ก็อดที่จะมีสีหน้าเต็มไปด้วยความดีใจไม่ได้
หลังจากกินข้าวกลางวัน หยางโปก็ส่งคนไปส่งลัวย่าวหัว เมื่อเห็นแม่และฮัวชิงหยุนกำลังคุยกันอยู่ เขาจึงเข้าไปนั่งด้วยแต่จู่ๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
หลินหลินดูออกว่าหยางโปกลัดกลุ้มใจ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม ” เมื่อเช้าคุณปู่เรียกหาลูกเรื่องอะไร ? ”
หยางโปมีอาการลังเลเล็กน้อย “ คุณปู่มอบหมายงานให้ผมมางานหนึ่ง อยากให้ผมไปแถวเขตพื้นที่เสฉวน-กุ้ยโจวดูสักครั้ง ”
“ เขตพื้นที่เสฉวน-กุ้ยโจว ? ” หลินหลินรู้สึกประหลาดใจ “ ทำไมถึงได้มอบหมายงานแบบนี้ให้ลูก ? เขาต้องการให้ลูกไปทำอะไร ? ”
หยางโปลังเลเล็กน้อยและเอ่ยตอบไปว่า “ รายละเอียดเรื่องเป็นยังไง เขาก็ไม่ได้แจ้งมาอย่างชัดเจน แค่บอกว่าจะมีคนมารับผมเมื่อไปถึงที่นั่น จากนั้นถึงจะบอกกับผม ”
ฮัวชิงหยุนที่นั่งข้างๆ ” ฉันจะไปกับนาย บางทีอาจช่วยอะไรได้ ”
หยางโปส่ายหน้า “ เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ ฉันยังไม่ทราบรายละเอียด เธออยู่เป็นเพื่อนแม่ที่บ้านเถอะ สองสามวันฉันคงจะกลับมาแล้ว ”
ฮัวชิงหยุนเอ่ยขึ้นว่า ” ฉันไม่ไปถ่วงแข้งถ่วงขาคุณหรอก ”
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันก็กลับมา ”
ฮัวชิงหยุนอ้าปาก ยังอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่ก็ถูกหลินหลินคว้าตัวเธอไว้และส่ายหน้าชิงพูดก่อน ” ช่างเถอะ ”
หลินหลินหันไปมองหยางโป ” ในเมื่อคุณปู่สั่งมา แม่ก็จะไม่พูดอะไรมาก แล้วลูกจะไปเมื่อไหร่ ? ”
“ บ่ายนี้ ” หยางโปตอบ
แม้ว่าหลินหลินจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะรีบร้อนมากขนาดนี้ เธออดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ “ ครั้งนี้มีอันตรายไหม ? ”
“ แม่ไม่ต้องห่วง ” หยางโปพูดพร้อมทั้งส่งยิ้มให้
หลังจากเก็บข้าวของ หยางโปก็ลากกระเป๋าเดินทางขึ้นรถ เหยียนหรูหยูก็ขึ้นรถตามไปด้วย
เมื่อฮัวชิงหยุนเห็นเหยียนหรูหยูขึ้นรถ ก็มีสีหน้าบึ้งตึง แต่สุดท้ายแล้ว เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
หลังจากส่งหยางโปไปแล้ว ฮัวชิงหยุนก็ไม่สามารถรักษารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอไว้ได้อีกต่อไป ใบหน้าของเธอดูบึ้งตึงมาก
หลินหลินรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอแอบตำหนิหยางโปอยู่ในใจ แต่ปากกลับแก้ต่างให้ “ ชิงหยุน หนูไม่ต้องกังวลไป ครั้งนี้ปู่ใช้ให้เขาไปทำงาน เขาไม่มีทางทำอะไรตามใจชอบหรอก ”
ฮัวชิงหยุนหันมามองหลินหลิน พยักหน้าและไม่พูดอะไร
เมื่อเครื่องบินมาถึงจินเฉิง ท้องฟ้าก็มืดแล้ว เมื่อลงจากเครื่องบิน หยางโปทั้งสองก็ถูกพาไปอยู่ต่อหน้าคนกลุ่มหนึ่ง คนที่เป็นหัวหน้าอายุประมาณสี่สิบกว่าปี ดูท่าทางสง่างามมาก เขาเดินออกมาจับมือกับหยางโปและเอ่ยปากทักทาย ” สวัสดี ผมชื่อเหลียงหรงจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจินเฉิง ต่อจากนี้พวกเราจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลืองานของคุณ ”
หยางโปพยักหน้า ” สวัสดี หวังว่าพวกเราจะร่วมมือกันอย่างมีความสุข ”
เหลียงหรงยิ้มและเอ่ยออกมา ” นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมได้จัดเตรียมงานเลี้ยงรับตามประเพณีไว้แล้ว พวกเราไปกินข้าวกันก่อน กินอิ่มแล้วพักผ่อนให้สบาย พรุ่งนี้กว่าจะถึงที่หมายคงอีกนาน ”
พยักหน้าพยักหน้า “ กินง่ายๆก็ได้ ”
หยางโปเดินตามเหลียงหรงออกไป จากนั้นก็มีคนเข้ามารับกระเป๋าสัมภาระของพวกเขาไป
เมื่อเดินมาได้สักระยะหนึ่ง หยางโปก็ได้ยินเสียงบ่นตามหลังมา
“ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กหนุ่มที่ขนยังไม่ขึ้นเต็มตัว เฮ้อ เบื้องบนอยากให้คนปิดทองหลังพระก็ไม่น่าจะจัดการเรื่องแบบนี้นะ ”
“ โชคร้ายจริงๆที่คดีนี้ตกมาอยู่ในมือของฉัน หวังแค่ว่าจะสามารถไขคดีและกลับบ้านได้เร็วๆนะ ”
หยางโปขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร
เหลียงหรงค่อนข้างจะสุภาพ หยางโปไม่อยากดื่มเหล้า เขาก็ไม่พูดอะไรมาก ทั้งกลุ่มกินข้าวกันง่ายๆ และส่งหยางโปกลับไปที่โรงแรมเพื่อศึกษาแฟ้มคดีต่อไป
เรื่องนี้ดูมีลับลมคมใน เมืองเมืองหนึ่งแต่กลับเกิดคดีเด็กหายติดต่อกัน หลังจากที่ตำรวจได้รับรายงาน ก็ดำเนินการตรวจสอบและสอบสวนเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่พบเบาะแส แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ก่อนหน้านี้สักระยะหนึ่ง จู่ๆก็มีคนพบศพเด็กที่หายตัวไปบนภูเขาที่ห่างไกล แค่คาดคิดไม่ถึงตรงที่ว่าศพพวกนี้ต่างก็ถูกควักหัวใจออกไป !
รัฐบาลท้องถิ่นกลัวว่าจะเกิดความจลาจลวุ่นวายขึ้น ดังนั้นจึงปกปิดข้อเท็จจริง แต่เรื่องต่อจากนี้มันยิ่งทำให้พวกเขาประหลาดใจกันมากขึ้น

หยางโปมองไปในห้อง คนที่นั่งอยู่ในห้อง สามารถพูดได้ว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศได้เลย พวกเขานั่งอยู่ที่นี่ ไม่ได้นั่งสงบเสงี่ยมเหมือนอย่างในรายการโทรทัศน์ พวกเขามองสำรวจดูหยางโป ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่มีความหมายลึกซึ้ง
ท่านผู้นำที่นั่งอยู่หัวโต๊ะมีสีหน้ายิ้มแย้ม รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหุบลงเล็กน้อย “ เสี่ยวโป
ฉันเรียกชื่อนายแบบนี้ นายคงไม่ถือสานะ ”
หยางโปส่ายหน้า “ ท่านผู้นำเกรงใจไปแล้ว ”
ท่านผู้นำยิ้มจางๆ “ พูดกันถึงตำแหน่งงานราชการ นายคือเจ้าหน้าที่ระดับสูงในลำดับชั้นหน่วยงานของเรา ถือได้ว่าเป็นกำลังหลัก ขาดไปแค่ก้าวเดียว ก็สามารถเข้าสู่ตำแหน่งผู้ปฏิบัติงานระดับกลางและระดับสูงได้แล้ว นายยังอายุน้อย อนาคตในภายภาคหน้ายังอีกไกล ! ”
หยางโปยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน ถูกทุกคนมองดูอย่างพินิจพิเคราะห์ แต่กลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
แต่เมื่อได้รับคำชมแบบนี้จากท่านผู้นำ มันทำให้เขาหน้าแดงและมีเหงื่อซึมออกมาตรงบริเวณหน้าผาก ตัวเขาเองรู้ดีว่าตัวเองได้รับตำแหน่งของทางการนี้มาได้ยังไง “ ท่านผู้นำ ท่านชมเกินไปแล้ว ท่านพูดมาตามตรงเลยดีกว่า ว่าเป็นเรื่องอะไรกัน ถ้าท่านไม่พูด ผมรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ ”
เมื่อเห็นหยางโปเป็นแบบนี้ ท่านผู้นำก็หัวเราะลั่น “ ดีงั้นฉันก็ขอพูดตามตรงเลยก็แล้วกัน ”
“ หยางโป นายรู้จักอวี้เหวินไหม นายน่าจะรู้ว่ามีบางสิ่งในโลกนี้ที่อธิบายไม่ได้ และถึงกับมีพลังที่ลึกลับบางอย่างที่มนุษย์เราควบคุมไว้ไม่ได้ รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรมากในเรื่องนี้ จนถึงตอนนี้พวกเราก็ยังไม่มีวิธีที่จะรู้ที่มาที่ไปของพลังลึกลับนี้ได้ ”
ในขณะที่พูด ท่านผู้นำก็จ้องไปที่หยางโป เขาสังเกตเห็นว่าสีหน้าท่าทางของหยางโปไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ก็อดที่จะถอนหายใจเบาๆออกมาอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดต่อว่า ” หลังจากเกิดเหตุการณ์ลึกลับมากมายเกิดขึ้น รัฐบาลก็มักจะปิดกั้นข่าวสารดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกจากโลกภายนอก แต่เมื่อเร็วๆนี้ที่เขตพื้นที่ เสฉวน – กุ้ยโจว มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นติดต่อกัน ถึงขั้นมีข่าวลือมากมายเกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ต สิ่งนี้ทำให้เรามีความคิดริเริ่มในการทำงาน ”
“ ดังนั้น พวกเราจึงเชิญนายมา เพื่ออยากจะสอบถามนายว่า นายรู้ไหมว่าอวี้เหวินอยู่ที่ไหน ?
นายสามารถเชิญเขาไปที่เขตเสฉวน-กุ้ยโจวเพื่อค้นหาและตรวจสอบรายละเอียดของสถานการณ์ได้ไหม ? ”
หยางโปชะงักไปครู่หนึ่ง จากที่เขาได้ฟังท่านผู้นำพูดมาตั้งมากมาย คิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้สถานการณ์ของเขาดี คงคิดที่จะให้เขาออกหน้า หลังจากคุยกันมาครึ่งค่อนวัน ก็ยังต้องไปขอความช่วยเหลือจากอวี้เหวิน เขาเงยหน้าขึ้นและเอ่ยออกมาว่า ” ท่านผู้นำ เมื่อช่วงก่อนนี้สักระยะอวี้เหวินไปอเมริกาแล้ว อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ที่นั่น เกรงว่าอีกสักระยะหนึ่งกว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ ”
ได้ยินแบบนั้นท่านผู้นำก็ตกใจมากทีเดียว “ เขาบาดเจ็บได้ด้วยเหรอ ? ใครกันที่สามารถทำร้ายเขาได้ ? ”
คนอื่นๆในห้องต่างก็หันมามองหน้ากันด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว.ไอรีนโนเวล.
หยางโปก็แปลกใจเช่นเดียวกัน เขาคิดมาตลอดว่าอวี้เหวินน่าจะเป็นนักพรตที่ไม่ยุ่งกับทางโลก และไม่รับรู้เรื่องทางโลก แต่ตอนนี้ดูจากสถานการณ์แล้ว เกรงว่าหลายคนในห้องคงจะรู้จักเขา !
“ ท่านผู้นำ พวกคุณรู้จักอวี้เหวินได้ยังไง ? ” หยางโปยังคงเอ่ยปากถาม
ท่านผู้นำหันไปมองหยางโป ” เรื่องนี้มีคนรู้อยู่กันไม่มากนัก เมื่อหลายสิบปีก่อน เคยมีท่านผู้นำไปเยี่ยมเยียนอวี้เหวินและเชิญให้เขาไปที่แนวหน้าของเป่ยฉาวและทิ้งสูตรยาสำหรับการรักษาแผลไฟไหม้ไว้ ต่อมาก็มีการร้องขอความช่วยเหลือต่อคุณอวี้เหวินอยู่หลายครั้ง ขอให้เขากำจัดภัยพิบัติและแก้ไขปัญหาให้ ดังนั้นผู้นำระดับสูงเกือบทุกคน ดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้ แต่ทุกคนไม่ได้แพร่งพรายออกไปก็เท่านั้น ”
“ แต่ แม้ว่าคุณอวี้เหวินจะมีบุญคุณกับเรา แต่กลับไม่มีช่องทางติดต่อของเขา ทุกครั้งมักจะเจอกันโดยบังเอิญ เมื่อไม่กี่วันก่อนผมเพิ่งจะได้ยินผู้เฒ่าชุยเอ่ยถึงเรื่องที่คุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา
คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวมันจะบังเอิญแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าเขาดันไปที่อเมริกาจริงๆ ”
หยางโปสองจิตสิงใจ อ้าปากจะขานรับ แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น กลับเห็นชายชราถลึงตามองมาที่เขา ทันใดนั้น เขาก็รู้ทันทีว่าชายชราไม่ยอมให้เขาไปเสี่ยงอันตราย
ท่านผู้นำก็สังเกตเห็นอาการนี้เช่นกัน เขาแค่ยิ้มแต่กลับไม่พูดอะไรมาก ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงไม่อยากให้ลูกของตัวเองไปเสี่ยงเช่นกัน !
เมื่อซุนคุนหลินเห็นแบบนี้ ก็อดที่จะรู้สึกเหยียดหยามไม่ได้ จึงเอ่ยปากออกไปว่า “ ชุยอี้โปและคุณ
อวี้เหวินรู้จักกันมานาน น่าจะได้เรียนรู้ทักษะมาไม่น้อย ถ้าไปดูด้วยตาตัวเองได้น่าจะดีกว่า ”
ผู้เฒ่าชุยที่ไม่พูดอะไรมาตลอด เมื่อได้ยินที่ซุนคุนหลินพูด ก็นั่งนิ่งอยู่อีกไม่ได้แล้ว ” ซุนคุนหลิน นี่แกจะป่าวประกาศความแค้นกันใช่ไหม ! ”
ซุนคุนหลินหันกลับมองมา “ ผู้เฒ่าชุย จะพูดแบบนี้ไม่ได้ เหอจั๋วทำผิด เขาก็ได้รับโทษตามสมควรแล้ว มันคนละเรื่องกัน สหายชุยอี้โปในฐานะสมาชิกพรรคที่ดี ในสถานการณ์ที่เหนือบ่ากว่าแรงให้ไปทำเรื่องบางอย่าง มันก็ปกติไม่ใช่หรือไง ? ”
“ นี่เป็นเรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงไหม ? ” ผู้เฒ่าชุยตอบโต้กลับ
หยางโปยืนอยู่กลางห้องโถง เมื่อเห็นฉากแบบนี้ มันก็พอที่จะนึกภาพออก ถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาโต้เถียงกันระหว่างการประชุมเมื่อสักครู่ เกรงว่าเมื่อตะกี้ซุนคุนหลินคงถูกทุกคนรุมโจมตี !
ซุนคุนหลินส่ายหน้า “ ผมไม่ได้พูดอะไร ผมแค่คิดว่าจะให้เขาไปตรวจสอบดูสักหน่อย มันก็ไม่ได้มีอันตรายอะไรมากนัก ผู้เฒ่าชุย ผมก็ทำงานมานานหลายปี โปรดเชื่อมั่นจิตวิญญาณในพรรคของผม ! ”
ผู้เฒ่าชุยฮึดฮัดพูดเสียงเย็นชา “ คนอย่างแก ถ้าอยู่ในช่วงสงคราม คงถูกลากออกมายิงทิ้งเป็นร้อยครั้งแล้ว ! ”
“ คุณ ! ” ซุนคุนหลินโกรธจนพูดไม่ออก
มีเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นในห้อง ทุกคนต่างก็รู้จักกันดี และรู้ความคับแค้นใจและบุญคุณระหว่างทั้งสองดี มันเริ่มต้นมาจากตราหยกแผ่น ความขัดแย้งแบบนี้ มันไม่สามารถแก้ไขในหนึ่งหรือสองวันได้
ท่านผู้นำส่ายหน้าและยิ้มฝืนทน เขายื่นมือห้ามและพูดกับทั้งสองคน ” เรื่องนี้ ผมคิดว่าควรถามความเห็นของเสี่ยวโปดีกว่านะ ”
พอพูดจบ ท่านผู้นำก็มองมาทางหยางโป “ นายคิดว่าไง ? ”
หยางโปค่อนข้างที่จะสองจิตสองใจ ชายชรากำลังหันมาส่งสัญญาณให้เขาอย่างเอาเป็นเอาตาย เขามองไปทางท่านผู้นำ “ ผมพอจะรู้ได้ไหมว่ารายละเอียดของสถานการณ์เป็นยังไง ? ”
“ ที่เขตเมืองหนึ่งในเขตเสฉวน-กุ้ยโจว ช่วงนี้มีคดีเด็กหายติดต่อกัน หลังจากที่ตำรวจสอบสวนดูแล้วพบว่าเรื่องนี้แปลกมาก พวกเขาไม่มีทางตรวจสอบได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงรายงานไปยังกระทรวงความมั่นคง และส่งมาถึงฉันเมื่อวาน ” ท่านผู้นำกล่าว
หยางโปขมวดคิ้ว เขายังไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อน จึงมีอาการลังเล เขากำลังจะตอบตกลง
แต่ผู้เฒ่าชุยกลับยืนขึ้นและเอ่ยออกมาก่อนว่า “ เรื่องนี้มีความสำคัญมาก เสี่ยวโปต้องกลับไปคิดพิจารณาให้รอบคอบก่อน ถึงจะตัดสินใจได้ ”
ท่านผู้นำหัวเราะ “ แบบนี้ก็ดีนะ กลับไปผมจะให้เหล่าหูติดต่อคุณไปทีหลัง คุณก็ลองคิดดูดีๆอีกครั้ง เอาล่ะ ทุกคนต่างก็ยุ่งกันมาก แยกย้ายกันเถอะ ไม่ต้องมาประชุมกันที่ผมอยู่หรอก ! ”
ทุกคนกล่าวลาซึ่งกันและกันแล้ว ชายชราวัยห้าหกสิบปีคนหนึ่งก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหยางโป และยื่นนามบัตรให้เขา ” ผมเหล่าหู หลังจากที่คุณคิดดีแล้วค่อยโทรหาผม ”
หยางโปรับนามบัตร แต่กลับถูกชายชราแย่งไป ชายชราตอบกลับไปว่า “ ช่างเถอะ แกไม่ต้องไป ยังไงซะแกก็ไม่ได้มีความสามารถนั้น ไปก็ไร้ประโยชน์ ! ”
ซุนคุนหลินยืนอยู่ด้านข้าง “ ผู้เฒ่าชุย คุณอุทิศทั้งชีวิตให้แก่ประเทศ ผมรู้สึกเคารพและศรัทธาในตัวของคุณ แต่ชีวิตหลานชายของคุณมีค่า ลูกหลานของคนอื่นก็มีค่าเช่นกัน ! ”
“ เกี่ยวอะไรกับแก ? ผู้ใหญ่ระดับบนประพฤติมิชอบ ผู้น้อยระดับล่างก็จะเลียนแบบในทางเสีย
แกไม่มีสิทธิ์ที่จะมาพูดอะไรตรงนี้ ” ชายชราตะคอกใส่

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ซุนเชี่ยนหยุนหยิบโทรศัพท์มากดรับและส่งให้หยางโป ” ของนาย ”
หยางโปนิ่งอึ้งไปทันที “ ใคร ? ”
“ นายรับสายเดี๋ยวก็รู้เอง ” ซุนเชี่ยนหยุนกล่าว
หยางโปรับสาย “ สวัสดี ”
“ ชุยอี้โปใช่ไหม ? สวัสดี ผมเป็นเลขาของคุณชุย คุณเรียกผมว่าเหล่าลู่ก็ได้ คุณซุนใช้ให้ผมมาคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังไงซะ มันก็มีทางออกเสมอ ” เลขาลู่กล่าว
หยางโปขมวดคิ้ว “ ผมต้องการให้ซุนเหอจั๋วติดคุก ! ”
อีกฝ่ายดูเหมือนจะหน้าเหวอไปเลย แต่ก็เรียกคืนสติกลับมาอย่างรวดเร็ว “ สิ่งที่คุณต้องการมันก็สมเหตุสมผล เหอจั๋วทำเรื่องแบบนี้ ก็ควรรับผิดชอบ แต่ถ้าตอนนี้คุณตีเขาจนขาหัก ก็น่าจะต้องรับโทษตามกฎหมายด้วยเหมือนกันถูกไหม ? ”
หยางโปแสดงท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจ “ ความจริงใจที่คุณลู่มีให้ยังไม่เพียงพอนะ ! ”
เลขาลู่ยิ้ม “ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน พวกเราถอยกันคนละก้าว ตระกูลซุนจะไม่ติดใจเอาความคุณที่ทำให้ขาของเหอจั๋วหัก แน่นอนแค่ขาหักไม่สามารถตีราคากับชีวิตหนึ่งได้ ต่อไปตระกูลซุนจะส่งซุนเหอจั๋วเข้าคุกเองสามปี อย่างน้อยก็ให้เขาอยู่ในนั้นสามปี ! ”
หยางโปแปลกใจมาก เขาคิดว่าการโทรมาครั้งนี้ทั้งหมดก็เพียงเพื่ออ้อนวอนให้กับกับซุนเหอจั๋ว
แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยอมให้ได้มากแบบนี้ !
“ สามปีมันน้อยเกินไป ” หยางโปกล่าว.ไอลีนโนเวล.
เลขาลู่หัวเราะ “ คุณชุย ถ้าผมให้สัญญากับคุณสิบปีแปดปีจริง คุณจะเชื่อไหม ? ”
หยางโปอึ้งไปเล็กน้อย ส่ายหน้าช้าๆ นี่เป็นความจริง
เลขาลู่กล่าวต่อ “ ในขณะเดียวกัน ทางเราจะชดเชยความเสียหายให้กับครอบครัวของเหยื่อ
ส่วนเงินชดเชยเท่าไรนั้น คุณสบายใจได้ เงื่อนไขพวกนี้พอได้ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า เงื่อนไขของอีกฝ่ายถือว่ามีความจริงใจมาก แต่เขาแปลกใจอยู่อย่าง ตระกูลซุนมีอิทธิพลมากแบบนี้ จะยอมแพ้ง่ายๆได้ยังไง ?
แต่ยังไงซะหยางโปก็ไม่ได้คิดมาก “ ตกลง ถือว่าพวกคุณมีความจริงใจให้ ให้คนที่อยู่ข้างนอกถอยออกไปก่อน ! ”
เลขาลู่ยิ้ม “ คุณชุยร้ายกาจอย่างที่พูดกันจริงๆ ถ้าอย่างนั้น ผมจะให้คนถอยออกไปเดี๋ยวนี้ ”
จากนั้นไม่นาน หยางโปก็เห็นคนที่อยู่ด้านนอกถอยห่างออกไป เขาถึงได้ปล่อยตัวซุนเหอจั๋ว
และหันไปพูดกับซุนเชี่ยนหยุน “ หวังว่าพวกเธอจะทำอย่างที่พูดมานะ ! ”
ซุนเชี่ยนหยุนมองไปที่ซุนเหอจั๋วที่นอนอยู่บนพื้นด้วยท่าทางที่หายใจรวยริน ก็อดที่จะมองหยางโปอย่างเคืองแค้นใจไม่ได้ แต่ก็ไม่พูดอะไร
หยางโปไม่พูดอะไรมาก ขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา คิดที่จะช่วยส่งซุนเหอจั๋วไปโรงพยาบาล
แต่ซุนเหอจั๋วจ้องมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ พวกแกกลุ่มนี้มันไร้ประโยชน์ ยังมาทำอะไรที่นี่อีก ? ”
หยางโปขับรถกลับมาที่สถานีตำรวจก็เห็นหลินหลินและฮัวชิงหยุนยังคงคอยอยู่ที่นี่ ขณะที่
จางลี่หยงและภรรยากำลังนั่งอยู่ข้างใน กำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกันอยู่
เมื่อเห็นหยางโปกลับมา หลินหลินก็เข้าไปทักทาย “ เป็นยังไงบ้าง ? ”
หยางโปพยักหน้า ” แม่ พวกเรากลับกันเถอะ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง ”
“ ฆาตกรตัวจริงถูกจับตัวได้หรือยัง ? ” หลินหลินถาม
“ แม่อย่ากังวลไปเลย ฆาตกรตัวจริงถูกผมกระทืบจนขาหักไปแล้ว เดี๋ยวก็จะถูกส่งตัวมาที่นี่แล้ว ” หยางโปตอบ
หลังจากขึ้นรถ หยางโปก็เล่ารายละเอียดและแนะนำสถานะของซุนเหอจั๋วให้ฟัง
หลินหลินตกใจมาก ” ถ้าลูกบอกก่อนหน้านี้ และรู้ว่าครอบครัวของพวกเขามีอิทธิพลมากขนาดนี้ แม่จะไม่ปล่อยให้ลูกไปยุ่งด้วยเลย ”
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น โทรศัพท์ของหยางโปก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เห็นว่าเป็นสายโทรเข้ามาของชายชรา ก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กดรับสาย
“ คุณปู่ ” หยางโปหยุดรถข้างถนนแล้วเอ่ยปากพูด
ผู้เฒ่าชุยขานรับ “ ช่วงนี้อารมณ์ร้อนไปหน่อยนะ แต่ฉันก็ได้ยินเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน ลูกๆของตระกูลซุนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ก็ควรที่จะได้รับการสั่งสอน ควรที่จะติดคุก แต่แกก็ลงมือหนักไปหน่อย ! ”
“ คุณปู่ยังไม่รู้ ตอนนั้นแม่ของผมอยู่ด้านข้าง เกือบจะถูกรถชนเข้าให้แล้ว ” หยางโปอธิบาย
ผู้เฒ่าชุยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ แม่แกไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”
“ โชคดีที่เธอถูกบอดี้การ์ดดึงตัวหลบออกมา ดังนั้นเด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างหลังเธอเลยถูกชนเข้าอย่างจัง ” หยางโปกล่าว
ชายชราพยักหน้า ” อืม ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ตอนนี้แกพอจะมีเวลาไหม ? มาหาฉันหน่อยสิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกหน่อย ”
“ ตอนนี้ ? เดี๋ยวผมขับรถไปหา ” หยางโปพูด
“ ไม่เป็นไร แกกลับไปก่อน ฉันจะส่งรถไปรับแกเอง ” ชายชราพูด
หยางโปค่อนข้างแปลกใจ เพราะทุกครั้งที่ไปบ้านของชายชรา เขาจะขับรถไปเอง ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม หยางโปก็กลับไปที่เรือนสี่ประสาน ผ่านไปสักพักท่ามกลางฝูงชน ก็มีรถมารออยู่ด้านนอกประตู จากนั้นเขาก็ขึ้นรถไปเพียงลำพัง
คนขับรถเป็นชายร่างกำยำวัยสามสิบกว่า ดูเหมือนคนแปลกหน้า หยางโปอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ สวัสดี ทำไมผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อน ? ”
ชายคนนั้นเหลือบมองมาทางหยางโป แต่ไม่พูดอะไร ทำหน้าที่ขับรถต่อ
ไม่นานหยางโปก็พบว่าเส้นทางนั้นผิด นี่ไม่ใช่เส้นทางไปบ้านเก่า เขามองไปที่ชายร่างกำยำ
“ นี่พวกเราจะไปไหนกัน ? ”
ในที่สุดชายคนนั้นก็ตอบคำหนึ่ง “ กรุณาอย่าใจร้อน ! ”
ระหว่างการสนทนา รถคันนั้นก็ขับตรงไปยังใจกลางเมือง ไม่นาน รถก็ขับเข้าไปในบริเวณกำแพงสีแดง หยางโปรู้สึกแปลกใจมาก เพราะแต่ก่อนเขาเคยขับรถผ่านแค่ภายนอก ยังไม่เคยเข้ามาที่นี่เลย !
รถขับมาอย่างราบรื่นไม่มีสิ่งกีดขวางตลอดทาง ขับเข้ามาในจงหนานไห่ คิดไม่ถึงว่าตลอดทางไม่ถูกตรวจสอบเลย ทำให้หยางโปแปลกใจมาก เพราะเขารู้สึกว่าแม้แต่รถของชายชราก็คงไม่สามารถทำแบบนี้ได้ !
รถเข้าไปจอดอยู่ที่อาคารอิฐกระเบื้องสีเขียวหลังหนึ่ง จากนั้นคนขับก็วิ่งเข้ามาช่วยหยางโปเปิดประตูรถ และเชิญเขาเข้าไป
หยางโปอยากรู้อยากเห็นมาก มองสำรวจไปรอบๆ แม้ว่าที่นี่จะอยู่ในใจกลางเมือง แต่ภายในค่อนข้างเงียบสงบ ล้อมรอบด้วยอิฐสีเขียว กระเบื้องสีเขียว ต้นไม้เขียวชอุ่ม เขาเดินเข้าไปตามที่คนขับบอก
เมื่อเข้าไปในห้อง หยางโปกลับพบว่า ภายในมีการตกแต่งอย่างทันสมัย พอเงยหน้ามองขึ้นไป
เขาก็เห็นว่าตรงหน้ามีชายชราหลายคนนั่งอยู่ข้างหน้า ที่อยู่ท่ามกลางชายชรานั้น มีพ่อของ
ซุนเหอจั๋วอยู่ด้วย เขาถึงจะนึกขึ้นมาได้ ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อสักครู่จะจัดการด้วยวิธีอย่างนั้น !
หยางโปก้าวไปข้างหน้า “ คุณปู่ สวัสดี คุณลุงและคุณปู่ทุกท่าน ! ”
ทุกคนหัวเราะฮ่าๆดังลั่นออกมา ชายชราที่นั่งตัวตรงยิ้มแล้วพูดว่า “ เจ้าเด็กคนนี้หัวเจ้าเล่ห์นัก ! แต่ก็ยังเลือดร้อนอยู่มาก ในสายตาของพวกเราแล้ว พวกนี้ก็ยังเป็นเด็กอยู่เลย ในเมื่อทำผิดก็ต้องโดนลงโทษ แต่เสี่ยวโป วิธีการของนายมันก็ค่อนข้างรุนแรงเกินไปหน่อย คราวหน้าต้องระวังด้วยล่ะ ! ”
หยางโปเหลือบมองไปที่ซุนคุนหลิน เมื่อเห็นเขาหน้าเขียวปัด หยางโปก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย
” ใช่ ผมหุนหันพลันแล่นเกินไปจริงๆ ”
ซุนคุนหลินจ้องหน้าหยางโปเขม็ง เกือบจะกัดเขา นี่มันหุนหันพลันแล่นอย่างงั้นเหรอ ? หุนหันพลันแล่นจนสามารถหักขาทั้งสองข้างของซุนเหอจั๋วได้เลยเนี่ยนะ ?
แต่เป็นเพราะคนกลุ่มนี้อยู่ที่นี่ ซุนคุนหลินเลยต้องเก็บอาการเอาไว้ !
หยางโปมองดูทุกคนแล้วพึมพำอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าพวกเขาตามหาตัวเองด้วยเรื่องอะไร

ซุนเหอจั๋วไม่ได้พักอยู่กับพ่อของเขา มันเลยทำให้หยางโปและพรรคพวกทำงานได้สะดวกขึ้น
หยางโปกดกริ่งประตู และได้ยินเสียงแม่บ้านเอ่ยถามออกมาว่า “ ใครค่ะ ? ”
“ มาส่งพัสดุครับ ” หยางโปตอบกลับ
แม่บ้านก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นั่นเป็นเพราะว่าเขตชุมชนที่พวกเขาอยู่ค่อนข้างที่จะปลอดภัยเอามากๆ ไม่เคยเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมาก่อน เธอจึงเปิดประตูให้ แต่เมื่อเห็นหยางโปและพรรคพวกก็ถึงกับตกตะลึงไปทีเดียว “ พวกคุณเป็นใครกัน ? ”
ในระหว่างที่ถามอยู่นั้น ก็ดันประตูปิด
เมื่อหยางโปเห็นชุดขาวดำของแม่บ้าน ก็ตกใจนิ่งอึ้งไปทันที เพราะแม่บ้านคนนี้ดูแล้วคงอายุแค่ยี่สิบกว่าเท่านั้น หน้าตาก็สะสวยน่ารัก ไกลเกินกว่าจะเทียบได้กับการดูแลทำความสะอาดบ้านทั่วไป เขาอดที่จะคิดอะไรไม่ดีไม่ได้ หรือว่าซุนเหอจั๋วกำลังเล่นบทบาทสมมติอยู่
เมื่อเห็นอีกฝ่ายจะปิดประตู หยางโปก็ขวางประตูไว้ และเอื้อมมือไปดันประตูไว้และเดินเขาไปข้างใน
ในห้องรับแขก ซุนเหอจั๋วกำลังนั่งอยู่บนโซฟาดื่มชากับซุนเชี่ยนหยุน เขาเงยหน้ามองหยางโปด้วยอาการตกใจสีหน้าถอดสี “ นายเข้ามาได้ยังไง ? ”
หยางโปตรงปรี่เข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าซุนเหอจั๋วแล้วกระชากคอเสื้อของเขา “ ซุนเหอจั๋ว แกน่าจะรู้นะ ว่าฉันมาหาแกทำไม ! ”
ซุนเหอจั๋วหน้าซีดเผือด แต่ยังคงส่ายหน้า “ หยางโป ฉันกับนายไม่ได้มีความแค้นต่อกันมาก่อน นายคิดจะทำอะไร ? ”
หยางโปจ้องซุนเหอจั๋วตาเขม็ง “ แกกับฉันไม่ได้มีความแค้นต่อกันงั้นเหรอ ? ”
“ เพี้ยะ ! ” หยางโปตบหน้าไปหนึ่งที “ แกคิดบ้างไหม ว่าเด็กผู้หญิงที่ถูกแกขับรถชน เธอก็ไม่ได้มีความแค้นกับแกเหมือนกันน่ะ ? ”
ซุนเหอจั๋วช็อกไปทันที เขาจ้องหน้าหยางโป “ นั่นมันก็แค่คนผ่านทาง มันไปเกี่ยวอะไรกับนายได้ยังไง ? ”
ซุนเชี่ยนหยุนที่ยืนอยู่ด้านข้าง เพิ่งจะได้สติ เธอเดินเข้าไปข้างกายหยางโป และกระชากแขน
หยางโปอย่างแรง “ นายปล่อยเขานะ ฉันบอกให้นายปล่อยเขาไง นายได้ยินหรือเปล่า ! ”
ลัวย่าวหัวที่ยืนอยู่ด้านข้าง คว้าตัวซุนเชี่ยนหยุนไว้ และจับตัวไว้ไม่ให้เธอดิ้นหลุดออกมา
ซุนเชี่ยนหยุนกรีดร้องเสียงดัง “ ลัวย่าวหัว พวกนายคิดที่จะทำอะไร ? พวกนายจะทำอะไร ? ”
“ ประโยคนี้ เธอควรไปถามน้องชายของเธอดีกว่านะ ว่าเขาทำเรื่องอะไรมากันแน่ ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว
“ เหอจั๋วเขาทำไม ? วันนี้เขาออกไปข้างนอกมารอบหนึ่ง แต่ไม่นานก็กลับมาแล้ว ทำไมพวกนายทำกับเขาแบบนี้ ! ” ซุนเชี่ยนหยุนเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย
“ เพี้ยะ ! ”
หยางโปตบหน้าให้อีกทีหนึ่ง “ แกบอกพี่สาวของแกสิ ว่าแกไปทำเรื่องอะไรไว้ ! ”
พอโดนตบไปสองที แก้มทั้งสองข้างของซุนเหอจั๋วก็บวมขึ้นมา เขาน้ำตาคลอเบ้า พูดอ้ำอึ้งฟังไม่ชัด “ ใช่ฉันขับรถชนคน แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจทำจริงๆนะ ”
“ งั้นแกรู้ไหมว่าแกเกือบชนแม่ของฉันเข้าให้แล้ว ถ้าเธอไม่ถูกบอดี้การ์ดกระชากตัวไว้ วันนี้คนที่เกิดอุบัติเหตุคงเป็นแม่ของฉันไปแล้ว ! ” หยางโปจ้องหน้าซุนเหอจั๋วด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโห เขารู้สึกว่าซุนเหอจั๋วดูหมิ่นชีวิตและไม่หวงแหนชีวิตเลย
ซุนเหอจั๋วได้ยินแบบนั้นก็นิ่งเงียบไปทันที เขาไม่คิดมาก่อนว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ซุนเชี่ยนหยุนถูกลัวย่าวหัวจับตัวไว้ เธอลังเลเล็กน้อยและพูดเสียงแผ่วเบา “ ก็ไม่ได้ถูกชนนิ ? ”
“ ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอไปยืนอยู่ข้างถนนให้ฉันชนสักครั้งเอาไหม ถ้าเธอเคราะห์ดีหลบไปได้ นั่นก็ถือว่าเป็นโชคของเธอ ! ” หยางโปพูดออกมาด้วยความโมโห.ไอรีนโนเวล.
ใบหน้าของซุนเหอจั๋วบวมช้ำ เขาจ้องหน้าหยางโป และรวบรวมความกล้าออกมาจนในที่สุด
“ แล้วนายจะเอายังไง ? ”
หยางโปมองหน้าซุนเหอจั๋ว “ แกต้องรับผิดชอบในการกระทำครั้งนี้ ! ”
“ ไม่มีทาง ! ” ซุนเชี่ยนหยุนพูดเสียงดัง “ ตระกูลซุนของเรามีเขาเป็นลูกชายคนเดียว เขาจะติดคุกไม่ได้ ! ”
“ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ! ” หยางโปตอบกลับ
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกตัวบ้าน จากนั้นก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งวิ่งตามกันเข้ามา พวกเขาตกใจมากเมื่อเห็นสถานการณ์ในห้อง
มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งทำตัวอย่างกับเป็นคนโง่ เขาอุทานออกมา “ โจรปล้น ! ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้ปกติแล้วก็ไม่ได้รับการฝึกอบรมใดๆมา พวกเขารีบวิ่งกรูกันเข้ามาเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่เมื่อเห็นลัวย่าวหัวดึงตัวซุนเชี่ยนหยุนขึ้นมา พวกเขาก็หยุดอยู่กับที่ จากนั้นแต่ละคนก็พากันก้าวถอยหลัง
ซุนเหอจั๋วที่เดิมทียังรู้สึกดีใจอยู่บ้าง คิดว่าตัวเองจะหลุดรอดไปได้แล้ว แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ในที่เกิดเหตุ ก็สบถด่าออกมาทันที ” พวกสุนัขรับใช้ นี่ฉันจ่ายเงินไปเลี้ยงสุนัขหรือยังไงกัน ? พวกแกแต่ละคนทำไมถึงทำตัวโง่เขลาหวาดกลัวกันถึงขนาดนี้ ! ”
เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ในที่เกิดเหตุได้ยิน ก็ยิ่งหวาดกลัวกันเข้าไปใหญ่ พากันก้าวถอยหลังกลับทันที
หยางโปมองไปที่ซุนเหอจั๋ว ” แกมันก็แค่มีพ่อดีๆคนหนึ่งก็เท่านั้น ! ”
พอพูดจบ หยางโปกระชากคอเสื้อของซุนเหอจั๋วแล้วเดินออกไปข้างนอก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาปิดล้อมไว้ ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา เหมือนคนเดินผ่านไปมา แม่บ้านเด็กที่เปิดประตูให้ยังคงขดตัวอยู่ตรงนั้น ไม่พูดไม่จา ในห้องจึงดูค่อนข้างที่จะเงียบมาก !
“ หยางโป นายบ้าไปแล้วรึไง ? นายกำลังพยายามทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างตระกูลซุนและตระกูลชุยอยู่ใช่ไหม ? ” ซุนเชี่ยนหยุนตะคอกเสียงดัง
หยางโปเหลือบมองไปที่ซุนเชี่ยนหยุน ” ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับอำนาจตระกูลซุนของเธอแล้ว ! ”
หยางโปหันไปหาซุนเหอจั๋ว เขารู้ดีว่าด้วยอิทธิพลของตระกูลซุน ต่อให้ซุนเหอจั๋วถูกพาตัวส่งไปที่สถานีตำรวจ เกรงว่าตระกูลซุนก็จะใช้อำนาจพาเจ้าตัวออกมาได้เช่นกัน เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย !
ซุนเชี่ยนหยุนที่อยู่ด้านหลังหยางโปเอ่ยปากให้สัญญา “ หยางโป ฉันรับปากนายเลย ขอแค่นายปล่อยเหอจั๋วไป ฉันจะรีบส่งเขาไปต่างประเทศทันที จะไม่มีวันให้เขาได้กลับมาอีก ! ”
หยางโปส่ายหน้า “ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ! ”
ซุนเชี่ยนหยุนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ สิบล้าน สำหรับเด็กสาวที่โดนชนตาย ครอบครัวซุนของเราจะชดใช้ให้เธอสิบล้านหยวน ในทำนองเดียวกัน เราก็จะชดเชยให้แม่ของนายด้วยเงินสิบล้านหยวนเช่นกัน นายคิดว่าไง ? ”
“ เธอว่าฉันดูเหมือนคนไม่มีเงินรึไง ? ” หยางโปเอ่ยถาม
“ นายไม่ใช่คนไม่มีเงิน แต่พ่อแม่คนตายมันก็ไม่แน่ ! ” ซุนเชี่ยนหยุนพูดพร้อมทั้งจ้องหน้าหยางโป
หยางโปขมวดคิ้วขึ้น เขาไม่ยอมปล่อยซุนเหอจั๋วไปง่ายๆแน่ แต่เห็นได้ชัดมากว่า ตราบใดที่พ่อของซุนเหอจั๋วอยู่ในอำนาจ เขาไม่มีทางถูกลงโทษอย่างหนักแน่ๆ มีความเป็นไปได้ที่อาจแค่แสดงละครให้ผ่านๆไป ! คิดได้แบบนี้ หยางโปก็ยิ่งโกรธมากขึ้น “ พวกเธอมีเงินแล้วจะฆ่าคนเป็นผักปลาก็ได้อย่างงั้นเหรอ ? พวกเธอมีเงินจะหนีคุกไปได้หรือยังไง ? ”
หยางโปเหยียบไปบนขาซุนเหอจั๋วเพราะรู้สึกโกรธมาก ดังนั้นเขาจึงลงแรงหนักมาก !
“ อ๊ากก ! ” ซุนเหอจั๋วกรีดร้อง กอดขาของตัวเองไว้ ร้องโอ๊ดครวญเสียงดังออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าสยดสยอง !
ลัวย่าวหัวที่ยืนอยู่ด้านข้าง เบิกตาโต อดไม่ได้ที่จะรู้สึกยกนิ้วโป้งให้หยางโป หยางโปกล้าลงมือจริงๆ !
หยางโปไม่หยุด แต่เหยียบลงไปซ้ำอีกครั้ง ทำเอาซุนเหอจั๋วกรีดร้องออกมา จับขาทั้งสองและร้องไห้ออกมาทันที !
ดวงตาทั้งคู่ของซุนเชี่ยนหยุนแดงก้ำ เธอจ้องหน้าหยางโป “ นาย ! นายกล้าดียังไงมาทำแบบนี้ ! ”
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น เหยียนหรูหยูที่อยู่ด้านหลังก็สะกิดหยางโปและชี้ไปทางด้านนอก
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เห็นว่ามีทหารจำนวนมากเข้ามาโอบล้อมอยู่ข้างนอก พวกเขาแต่งกายด้วยชุดลำลอง วิ่งกรูกันเข้ามาทางด้านนี้
หยางโปหันกลับไปมองซุนเชี่ยนหยุน ” เธอโทรตามคนมางั้นเหรอ ? ”
ซุนเชี่ยนหยุนปฏิเสธขาเดียว “ จะเป็นไปได้ยังไง ? ”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ ซุนเชี่ยนหยุนก็ยังคงมองออกไปข้างนอก เหมือนกับว่ากำลังรอคอยการมาของใครสักคน !
หยางโปแน่ใจว่า คนที่อยู่ด้านนอกเป็นคนที่ตระกูลซุนส่งมา !

เมื่อได้ยินสิ่งที่ลัวย่าวหัวพูด ทุกคนก็ตกตะลึงนิ่งอึ้งไปหมด ตำรวจหันกลับมามองผู้กระทำความผิด เมื่อเห็นว่าเขาก้มศีรษะต่ำลงกว่าเดิม ตำรวจก็เริ่มเอะใจขึ้นมาในทันที
“ ผมต้องการนำตัวเขากลับไปสอบปากคำ ! ” ตำรวจกล่าว
ท้ายที่สุดตำรวจก็จากไปพร้อมกับผู้กระทำความผิด
หยางโปประหลาดใจมาก เขามองไปทางด้านข้างของตำรวจ “ คนร้ายคนนี้ถูกจับได้ตรงจุดเกิดเหตุหรือเปล่า ? ”
ตำรวจคนนั้นยิ้ม “ ผมก็ไม่แน่ใจ ”
ไม่นาน ก็ไม่มีใครอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว มีเพียงหยางโปและจางลี่หยงยืนอยู่ตรงนั้น
“ ผู้กระทำความผิดมาถึงก่อนหน้าผมไปก้าวหนึ่ง เขามารับผิดด้วยตัวเอง ! ” จางลี่หยงกล่าว
“ มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะเป็นแพะรับบาป ! ” หยางโปกล่าว
หยางโปอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและเหลือบมองไปยังห้องสอบสวน เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างที่จะแปลก เป็นความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ได้
แต่หยางโปไม่ใช่หยางโปคนเดิมในอดีตอีกต่อไปแล้ว สำหรับเรื่องนี้เขาไม่กลัว เพราะเขามีอำนาจพอที่จะเรียกร้องความยุติธรรมมากกว่า !
ไม่นานนายตำรวจคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องสอบสวน ” ผู้กระทำผิดยอมรับว่าเป็นคนขับรถชนแล้ว เราจะส่งเขาไปที่ศูนย์กักกันเดี๋ยวนี้เลย ! ”
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้ การกระทำที่นี่ถึงได้เร็วขนาดนี้ !
“ มีพยานในที่เกิดเหตุ พวกเราต้องการให้พยานมายืนยันตัวตนคนขับ ! ” จางลี่หยงกล่าว
ร้อยเวรเหลือบมองจางลี่หยงและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ” ที่ผมกำลังคุยกับคุณ คุณไม่เข้าใจเลยใช่ไหม ? ผู้ต้องสงสัยรับสารภาพแล้ว ตอนนี้พวกเราต้องการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม คุณในฐานะครอบครัวของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย สามารถเสนอ ร้องขอการชดเชยที่เกี่ยวข้องได้ แต่คุณได้โปรดเคารพกระบวนการจัดการคดีของเรา และเชื่อใจเจ้าหน้าที่ของเราที่รับผิดชอบคดีด้วย ! ” ร้อยเวรกล่าว
หยางโปเหลือบมองเข้าไปข้างใน เห็นว่าตำรวจกำลังมองมาทางด้านนี้ เมื่อเห็นหยางโปมองเข้ามา พวกเขาก็รีบหลบหน้าทันที
หยางโปอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีรายงานออกมาหลายฉบับที่บอกว่าพนักงานชั่วคราวเป็นแพะรับบาป เพราะเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเรื่องสกปรกโสโครกแบบนี้ในเวลานี้
คนเหล่านั้นต่างก็พากันไปหลบอยู่ข้างหลังและปล่อยให้พนักงานชั่วคราวมารับผิดแทน !
“ คุณปล่อยพวกเขาออกมาพูดกับผมสิ ! ผมไม่เชื่อ ! ” จางลี่หยงพูดเสียงดัง
“ คุณกรุณาอย่าโวยวายโดยใช่เหตุ เรื่องนี้ถ้าเอะอะจนเป็นเรื่องใหญ่ มันจะไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวคุณ ! ” ร้อยเวรกล่าวตักเตือน
จางลี่หยงกลับไม่สนใจอะไรมาก “ ลูกสาวคนเดียวของผมจากไปแล้ว ผมไม่มีความหวังอะไรในชีวิตนี้แล้ว ต่อให้ผมต้องตาย ก็จะช่วยเรียกร้องความยุติธรรมกลับคืนมาให้เธอให้ได้ ! ”
คำพูดของจางลี่หยงทำให้ร้อยเวรนิ่งอึ้ง ตำรวจที่ยืนอยู่ข้างใน เปิดประตู และกวักมือเรียกร้อยเวร ร้อยเวรที่กำลังจะคัดค้าน เมื่อเห็นว่าถูกกวักมือเรียก ก็รีบกลับเข้าไปหาทันที.Aileen-novel.
หยางโปหันไปทางลัวย่าวหัว ” ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ? ”
“ มีคนมาเกี่ยวข้องไง ! ” ลัวย่าวหัวเคยเป็นบุคคลในระบบมาก่อน จึงค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับการทำงานแนวหน้าของตำรวจ เขาจึงอธิบายให้ฟังว่า “ ปกติแล้ว ตำรวจแนวหน้าก็กลัวที่จะทำผิดพลาดเหมือนกัน บางคนมีมโนธรรมมาก แต่อย่างตอนนี้ ฉันเดาว่า เมื่อสักครู่ต้องมีผู้บังคับบัญชาโทรมา ขอให้พวกเขาปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ๆ ”
“ แค่โทรศัพท์สายเดียวของผู้บังคับบัญชา ยังจะใช้ได้มากกว่าหลักนิติธรรมจริงๆเหรอ ? ” หยางโปหันมามองลัวย่าวหัว
ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” ถึงแม้ไม่อยากยอมรับ แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นกันแบบนี้ ระบบในประเทศก็เป็นกันแบบนี้ ! ”
หยางโปตกตะลึง “ นายโทรไปเลย ! ”
เวลานี้จางลี่หยงวิ่งไปทุบประตูที่หน้าห้องสอบสวนแล้ว แต่ก็ไม่มีใครยอมที่จะคุยกับเขา แม้แต่ประตูห้องสอบสวนก็ไม่เปิดให้
ลัวย่าวหัววิ่งไปโทรศัพท์ ทางด้านหยางโปมองเข้าไปในห้องสอบสวนโดยที่ไม่พูดอะไร เขากำลังคิดว่า ถ้าเขาเป็นแค่สามัญชนคนธรรมดาทั่วไป เมื่อต้องมาเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเป็นเขาควรจะทำยังไงดี ?
ไม่นาน ลัวย่าวหัวก็วางสายไป เขามีอาการลังเลเล็กน้อยและมองไปที่หยางโป “ เรื่องนี้มีคนสั่งการมาจากส่วนกลาง ”
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขารู้อำนาจของลัวย่าวหัวดี เขาสามารถสอบถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆในระบบนี้ได้เกือบทั้งหมด ในเมื่อบอกว่ามาจากส่วนกลาง ก็ต้องใช่อย่างแน่นอน
“ ใคร ? ” หยางโปถาม
ลัวย่าวหัวกระซิบบอก “ คนที่ขับรถคันนี้ในเวลานั้นคือซุนเหอจั๋ว ”
หยางโปเงยหน้าขึ้นมองลัวย่าวหัว ” ซุนเหอจั๋ว ? ”
ลัวย่าวหัวพยักหน้าและไม่พูดอะไรมาก เป็นเพราะซุนเหอจั๋วที่มีอิทธิพลมากเกินไป ในตอนนั้นเพราะผู้เฒ่าชุยลงมือเอง ถึงได้ตีซุนเหอจั๋วได้ ภูมิหลังของตระกูลลัวธรรมดาสามัญมากไม่ได้มีเงินทองอำนาจและอิทธิพลอะไร
หยางโปพูดอย่างเยาะเย้ย “ ดูเหมือนว่ากระดูกที่หักของซุนเหอจั๋วเกือบจะหายดีแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ขับรถไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้ ? ”
ตอนนั้นซุนเหอจั๋วพ่อลูกพยายามแย่งชิงตราหยกแผ่นของเขาไป แต่กลับถูกผู้เฒ่าชุยตีจนเกือบตาย แขนขาหัก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ และยิ่งคิดไม่ถึงว่า วันนี้จะขับรถชนแล้วหนี เกือบจะชนหลินหลินเข้าให้แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขาจริงๆ !
หยางโปหันไปมองลัวย่าวหัว ” นายและซุนเชี่ยนหยุนคุ้นเคยกันดี นายน่าจะรู้นะว่าซุนเหอจั๋วไปที่ไหน ? ”
ลัวย่าวหัวค่อนข้างที่จะลังเล “ นายน่าจะรู้ ฉันและซุนเชี่ยนหยุนไปกันไม่ได้ พวกเราไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว ”
“ ครั้งนั้นนายคืนดีกับเธอแล้วไม่ใช่หรือไง ? ” หยางโปหันมองไปทางลัวย่าวหัว “ หลังจากนั้นฉันเลยไม่ได้ถามรายละเอียดกับนายเลย เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ”
“ พูดยากนะ พวกเราเหมือนไม่ใช่คนโลกเดียวกันเลย หลังจากคบกันได้สองสามวัน ก็แยกทางกันแล้ว ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปมองไปทางลัวย่าวหัว ” ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องตามหาซุนเหอจั๋วให้พบ !
ไอ้สารเลวนี่ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าขับรถชนแม่ของฉัน ! ”
ในขณะที่พูดกันอยู่นั้น หลินหลินก็รีบวิ่งไปหาฮัวชิงหยุน และภรรยาของจางลี่หยง ภรรยาของจางลี่หยงเดินขาอ่อนแรงอยู่ เธอยังคงวิ่งไปข้างกายจางลี่หยง ” ลี่หยง ลี่หยง ไม่ต้องทุบแล้ว มือของคุณมีเลือดไหลออกมาแล้วนะ ! ”
หยางโปที่ไม่คิดที่จะสนใจ เวลานี้ถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าผนังกำแพงเต็มไปด้วยเลือด !
หลินหลินมองดูเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุ ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางหยางโป ” เกิดอะไรขึ้น นี่มันอะไรกัน ? ”
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอธิบายไปเพียงว่า “ ผู้กระทำความผิดในห้องยอมรับสารภาพปลอมเป็นคนร้าย ”
หลินหลินเบิกตากว้าง “ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ ? หรือว่าพวกเขาไม่อยากจับคนร้ายตัวจริงใช่ไหม ? ”
หยางโปสับสนอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังอธิบายให้ฟังว่า ” ผู้กระทำความผิดมีคนหนุนหลังที่ค่อนข้างใหญ่ ”
หลินหลินตกตะลึง ใบหน้าลำบากใจ “ ถ้าคนหนุนหลังใหญ่ ถ้าอย่างนั้นก็ลืมมันไปซะ ! ”
หยางโปยิ้ม “ ไม่เป็นไร ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง ! ”
พอพูดจบ หยางโปก็หันมามองลัวย่าวหัวอีกครั้ง ” พวกเราเข้าไปกันเถอะ ! ”
ลัวย่าวหัวพยักหน้า
ทั้งสองขึ้นรถกันใหม่อีกครั้ง เหยียนหรูหยูเองก็ขึ้นรถตามไปอีกครั้ง หยางโปทำหน้าที่ขับรถไปตามที่ลัวย่าวหัวบอก ขับไปตามถนนชานเมือง
ไม่นานรถก็ขับมาถึงบริเวณบ้านหลังหนึ่ง หยางโปขับรถตามรถคันข้างหน้าเข้าไป ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตะโกนเสียงดัง รถหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง จากนั้นลัวย่าวหัวก็ชี้เข้าไปข้างใน “ ซุนเหอจั๋วน่าจะพักอยู่ที่นี่ ? ”
หยางโปเลิกคิ้วและเหลือบมองเข้าไปข้างใน แสงสว่างวาบผ่านตาไป จากนั้นเขาก็มองเห็น
ซุนเหอจั๋วกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น !
“ ไป พวกเราเข้าไปกันเถอะ ! ” หยางโปพูด

เวลานี้บอดี้การ์ดก็เดินเข้ามา เขามองไปที่หลินหลินด้วยสีหน้าเศร้าเสร้อย เขากระซิบเสียงเบา
” คุณผู้ชาย เด็กผู้หญิงสองคนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส หนึ่งในนั้นช่วยชีวิตไว้ไม่ได้ ”
หยางโปตกตะลึง “ เธอเสียแล้วงั้นเหรอ ? ”
บอดี้การ์ดพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก
หยางโปโบกมือ “ แล้วอีกคนล่ะ ? ”
“ บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ ” บอดี้การ์ดกล่าว
หยางโปมองเข้าไปข้างใน ด้วยความรู้สึกที่สับสน จากนั้น เขาเห็นประตูห้องผ่าตัดเปิดออก พยาบาลดันเตียงผ่าตัดเดินออกมา บนเตียงผ่าตัดมีผ้าขาวคลุมปิดอยู่ มองเห็นร่างใต้ผ้าขาวได้คลุมเครือ
หยางโปรู้สึกสับสนมาก อยากเข้าไปเปิดผ้าออกดู แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะอดโมโหไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีบอดี้การ์ดมาด้วย เกรงว่าคงที่นอนอยู่ที่นี่คงจะเป็นหลินหลินไปแล้ว !
“ คุณเป็นญาติผู้ป่วยใช่ไหม ? ” พยาบาลสอบถาม
หยางโปมีอาการลังเลเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ “ ผมขอดูหน่อยได้ไหม ? ”
พยาบาลเหลือบมองเขาโดยไม่พูดอะไร
หยางโปก้าวไปข้างหน้า เขาค่อยๆเปิดผ้าคลุมสีขาวออกช้าๆ เห็นใบหน้าที่บอบบางของเด็กหญิงวัยสิบสองสิบสามปี ดวงตาของเธอเบิกกว้าง เหมือนจ้องมองหยางโปอยู่แบบนั้น !
หยางโปรู้สึกปวดใจ เขาเอื้อมมือค่อยๆลูบตาเธอปิดลง ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาไม่มีทางทำแบบนี้แน่
แต่วันนี้เขารู้สึกว่าตัวเองควรทำแบบนี้ เพราะเด็กผู้หญิงคนนี้มารับเคราะห์แทนหลินหลิน !
แต่พอฝ่ามือของหยางโปลูบลง ดวงตาของเด็กหญิงตัวเล็ก ก็ยังคงเบิกโพลง !
พยาบาลที่ยืนอยู่ด้านข้าง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ” ยังเด็กอยู่เลย ”
หยางโปมองเด็กหญิงตัวน้อย “ หนูจากไปอย่างสบายใจเถอะนะ ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ปล่อยผู้กระทำความผิดไปแน่ ! ”
ในขณะพูด หยางโปก็ค่อยๆปิดตาของเด็กหญิงตัวเล็กอีกครั้ง ในที่สุดเธอก็ปิดตาลงและจากไปอย่างสงบ
พยาบาลคลุมผ้าขาวอีกครั้ง ตรงกลางผ้าขาวเต็มไปด้วยรอยเลือด มันดูบาดตามาก !
เมื่อเตียงถูกเข็นออกไป หยางโปก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมากันอย่างรีบเร่งดังมาจากด้านนอก ชั่วครู่ก็มีเสียงร้องไห้บีบหัวใจดังเข้ามาไม่ไกล ลูกคนหนึ่งก็คืออนาคตและความคาดหวังของครอบครัวหนึ่ง !
หยางโปเดินกลับไปที่ห้องผู้ป่วย เห็นหลินหลินพันแผลเสร็จแล้ว เธอหันมองมาอย่างร้อนใจ
“ เสี่ยวโป สาวน้อยสองคนนั้นเป็นยังไงบ้าง ? พวกเธอไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”
หลินหลินจ้องมองหยางโปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล น้ำตาเอ้อล้นอยู่ในเบ้าตา
เกือบจะร่วงหล่นลงมา.ไอลีนโนเวล.
หยางโปลังเลเล็กน้อย ส่ายหน้าแล้วเอ่ยออกมาว่า “ ไม่เป็นไร แม่สบายใจได้ ”
หลินหลินส่ายหน้า เธอชี้ออกไปข้างนอก ” ลูกไม่ต้องมาโกหกแม่หรอก เสียงร้องไห้ด้านนอกดังขนาดนั้น แม่จะไม่รู้ได้ยังไง ? ”
หยางโปก้าวไปข้างหน้าอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ตบไหล่แม่เบาๆ “ แม่ไม่ต้องเสียใจ เรื่องนี้ต้องลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างหนัก เพื่อช่วยพวกเขาเรียกร้องความยุติธรรมกลับคืนมา ! ”
หลินหลินยืนขึ้นและเดินออกไปข้างนอก ระหว่างทางเดิน เธอเห็นพ่อแม่ของเด็กร้องไห้อย่างขมขื่นและเจ็บปวด พ่อแม่ของเด็กดูเหมือนจะอายุสามสิบกว่า พวกเขากอดร่างของเด็กสาวไว้
แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด !
เมื่อหลินหลินเห็นฉากนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา เธอหันกลับมามองหยางโป ” เห็นพวกเขาแล้วทำให้แม่นึกขึ้นมาได้ ตลอดหลายปีมานี้ ทุกครั้งที่แม่คิดถึงลูก แม่ก็อดน้ำตาตกไม่ได้เหมือนกัน ! ”
หยางโปยืนอยู่ข้างกาย กอดแม่เอาไว้ “ แม่ ! ”
พ่อของเด็กได้สติกลับมาก่อน เขาดึงแม่ของเด็กไว้ “ จะต้องให้ผู้กระทำความผิดมารับโทษให้ได้ พวกเราไปที่สถานีตำรวจกันเดี๋ยวนี้ จะต้องเห็นพวกเขาจับผู้กระทำผิดมาด้วยตาตัวเองให้ได้ ! ”
แม่ของเด็กร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลอย่างเจ็บปวด “ เสี่ยวซียังเด็กมาก ทำไมเธอถึงจากไปแบบนี้ ! เสี่ยวซี ลูกอย่าทิ้งพวกเราไป ! ”
หลังจากร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดไปได้ไม่นาน ทันใดนั้นแม่ของเด็กก็เสียงเงียบหายไป
ทุกคนจึงมากรูกันเข้ามาดู และเห็นว่าเธอเป็นลมไปแล้ว
ยุ่งกันอยู่อีกพักหนึ่ง แพทย์ก็กดไปที่จุดใต้จมูก จนช่วยชีวิตแม่ของเด็กให้ฟื้นกลับมาได้
เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆ “ ฉันอยู่ที่ไหน ? ”
ทุกคนที่รายล้อมอยู่ อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา ความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกสาว คงเจ็บปวดรวดร้าวใจมากจริงๆ !
พ่อของเด็กขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ” ฉันจะต้องให้คนร้ายมารับโทษอย่างหนักให้ได้ จะต้องให้คนร้ายมารับโทษอย่างหนักให้ได้ ! ”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น ก็หันไปโค้งตัวก้มหน้าแสดงความเคารพต่อหมอ ” รบกวนทุกท่านช่วยดูแลให้ผมด้วย ผมจะไปที่สถานีตำรวจ ขอบคุณทุกท่านมากครับ ! ”
เขาวิ่งออกไปด้านนอกอย่างไม่ลังเลเลย !
หลินหลินที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นทุกการกระทำ เธอหันไปผลักหยางโป ” ลูกไม่ต้องสนใจแม่ ลูกรีบไปช่วยเถอะ จะต้องช่วยเขาให้ได้นะ ! ”
หยางโปได้สติกลับมา หันมาพูดกับฮัวชิงหยุน “ ดูแลแม่ดีๆนะ ฉันจะไปดูทางนั่นก่อน ! ”
ฮัวชิงหยุนพยักหน้า ” นายก็ระวังตัวด้วย คนพวกนั้นไม่ใช่คนดี ! ”
หยางโปพยักหน้าทันที “ ไม่ต้องกังวล ”
หยางโปรีบเดินออกไป ลัวย่าวหัวเองก็ไม่ลังเล รีบวิ่งตามออกไป เหยียนหรูหยูเองก็ตามออกไปด้วยเช่นกัน
ฮัวชิงหยุนมีสีหน้าไม่ค่อยชอบใจ เธอจ้องมองมองตามแผ่นหลังของเหยียนหรูหยู ด้วยสีหน้าที่ช้ำใจแต่ต้องฝืนทนไว้
หลินหลินตบมือของฮัวชิงหยุน ” ชิงหยุน อย่ากังวลไปเลย ผู้หญิงคนนี้เย็นชาเกินไป หนูไม่รู้สึกเหรอว่าเธอไม่กินข้าวเลย ? ”
ฮัวชิงหยุนหันมองไปทางหลินหลิน ” คุณป้า ถ้าหนูพูดอะไรอย่าถือสานะคะ ”
หลินหลินเอ่ยถาม “ มีเรื่องอะไรเหรอ ? ”
ฮัวชิงหยุนมองตามหลังเหยียนหรูหยูที่เดินจากไป และกระซิบเสียงเบาว่า ” ทุกครั้งที่หนูเห็นผู้หญิงคนนั้น เธอจะไม่กินข้าวเลย ”
หลินหลินตกตะลึงทันที แต่ก็ยังพูดปลอบโยนไปว่า ” หนูอย่าไปคิดมาก เรื่องนี้ให้หยางโปไปจัดการเองเถอะนะ ! ”
ฮัวชิงหยุนยังคงลังเลใจ แต่ก็ทำได้เพียงต้องอดกลั้นเอาไว้
หยางโปตามไม่ทันชายคนนั้น พอเขาลงมาที่ชั้นล่างตึก ชายคนนั้นก็ขึ้นไปนั่งอยู่ในรถแท็กซี่แล้ว
หยางโปจึงต้องพาลัวย่าวหัวและเหยียนหรูหยูขึ้นรถไล่ตามรถแท็กซี่ไป บนท้องถนนรถค่อนข้างที่จะติด โชคดีที่หยางโปมีทักษะในการขับขี่ที่ดีจึงสามารถที่จะไล่ตามมาทัน
เมื่อหยางโปและพรรคพวกหยุดรถและเข้าไปในสถานีตำรวจ พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายดังมาจากในสถานีตำรวจ หลังจากเข้าไปแล้ว หยางโปก็เห็นชายคนนั้นกำลังฉุดกระชากอีกคนหนึ่งไว้และตะโกนเสียงดังว่า “ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของแก เป็นเพราะแกลูกสาวของฉันถึงต้องตาย ! ”
“ จางลี่หยง คุณปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ ! ” ตำรวจรวมตัวกันเข้ามาดึงชายคนนั้นออกไป
จางลี่หยงจ้องมองอีกฝ่ายตาเขม็งด้วยความโกรธจัด “ เป็นเพราะแก ที่ทำให้ครอบครัวของฉันบ้านแตกสาแหรกขาด ! ”
หยางโปเงยหน้าขึ้นมองผู้กระทำความผิด อีกฝ่ายดูจะอายุราวๆสี่สิบกว่าปี เอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา
ตำรวจคนหนึ่งคว้าตัวจางลี่หยงเอาไว้ ” เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ ? เด็กถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไปแล้ว อาการเป็นยังไงบ้าง ? ”
“ เด็กตายแล้ว ” จางลี่หยงพูดด้วยความเจ็บปวด
ตำรวจสีหน้าเต็มไปด้วยอาการตกใจ เขามองหน้าจางลี่หยง ” ขอแสดงความเสียใจด้วย ! ”
หยางโปก้าวมาข้างหน้า เขามองมาทางตำรวจแล้วเอ่ยถามว่า “ รถคันที่ชนคนยี่ห้ออะไร ? ”
ตำรวจเหลือบมองหน้าหยางโป ” คุณคือ ? ”
“ แม่ของผมก็อยู่ในที่เกิดเหตุด้วยเวลานั้น เกือบถูกชนเข้าให้แล้ว แต่เธอโชคดีหน่อย ที่คนอื่นกระชากตัวออกไปก่อนเลยบาดเจ็บแค่เล็กน้อย หลังเห็นเด็กหญิงเสียชีวิต พ่อของเด็กผู้หญิงเลยรีบวิ่งออกมา แม่ของผมกลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเด็ก เลยให้ผมตามมาดู ” หยางโปกล่าว
ตำรวจพยักหน้าและรู้สึกประทับใจต่อหยางโปมากขึ้น จึงอธิบายให้ฟังว่า ” เป็นรถเฟอร์รารี่สีแดง ”
ลัวย่าวหัวที่ยืนข้างๆ ชี้ไปที่ผู้กระทำความผิดและสอบถามว่า ” ผมคิดว่าควรตรวจสอบตัวตนของผู้กระทำความผิดให้ละเอียด ผมคิดว่าเขาไม่มีทางมาขับรถเฟอร์รารี่ได้แน่ๆ ! ”

“ นี่คือเหยียนหรูหยู เป็นเพื่อนคนหนึ่ง ” หยางโปอธิบาย
หลินหลินมองสำรวจดูเหยียนหรูหยู และส่งยิ้มให้ “ แม่หนูคนนี้สวยจริงๆ ! ”
เหยียนหรูหยูหยักหน้าให้
หลินหลินก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ หันไปพูดคุยกับฮัวชิงหยุนต่อ ในสายตาของเธอแล้ว ฮัวชิงหยุนก็คือลูกสะใภ้ของเธอ ถึงแม้เหยียนหรูหยูจะสวยแค่ไหน แต่ก็เป็นคนนอก อีกทั้งยังไม่รู้ที่ไปที่มาอีก
ทางด้านลัวย่าวหัวก็ลากหยางโปไปอีกด้าน พูดคุยถึงรายละเอียดข้อสงสัยที่ประสบพบเจอกันมาในช่วงนี้
ในห้องจึงมีเพียงเหยียนหรูหยูที่ดูท่าเหมือนจะเบื่อหน่าย แต่เธอกลับไม่มีสีหน้าท่าทีว่าจะเก็บเอามาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เธอมองไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดูการอออกแบบตกแต่งภายใน ดูภาพวาดที่แขวนอยู่บนผนังของหยางโป
จนถึงเที่ยง อาหารก็ถูกยกมาเสริม ทุกคนถึงได้กลับมานั่งลงใหม่อีกครั้ง หลินหลินคีบอาหารให้
ฮัวชิงหยุน และหันมาช่วยคีบให้เหยียนหรูหยูอยู่ครั้งหนึ่ง “ แม่หนูทำไมไม่กินข้าวเลยล่ะ ? ”
“ ไม่มีอะไร ฉันไม่หิว ” เหยียนหรูหยูตอบกลับมาคำหนึ่ง
หลินหลินรู้สึกแปลกใจมาก เธอมองหน้าเหยียนหรูหยู และหันไปมองหน้าหยางโปอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างที่จะไม่พอใจ เธอคิดว่าเป็นเพราะเธอไม่สนใจเหยียนหรูหยู เลยทำให้อีกฝ่ายโกรธเอา
หยางโปทำอะไรไม่ถูก เขาจึงทำได้เพียงแก้ต่างให้ว่า “ แม่ ไม่มีอะไร คุณเหยียนมีนิสัยเย็นชาไปหน่อย เดี๋ยวถ้าเธอหิว ก็จะกินเอง แม่สบายใจได้ ”
หลินหลินชำเลืองมองเหยียนหรูหยู จากนั้นถึงได้เอ่ยปากพูดออกมาว่า “ แม่หนูเหยียน ไม่ต้องเกรงใจนะ ! ”
เหยียนหรูหยูพยักหน้า แต่ไม่พูดอะไร
หลังจากกินอาหารกลางวันกันแล้ว หลินหลินอยากพาฮัวชิงหยุนไปช้อปปิ้ง หยางโปที่กำลังจะตามไปด้วย แต่กลับถูกลัวย่าวหัวฉุดไว้ ลัวย่าวหัวได้หันไปพูดกับหลินหลินว่า “ คุณป้า ให้ผมยืมตัวหยางโปสักครึ่งวันนะ ผมมีเรื่องอยากให้เขาสอนสักหน่อยน่ะ ”
“ รีบร้อนขาดนั้นเลยเหรอ ? พวกเธอก็อยู่ด้วยกันทั้งวันไม่ใช่หรือไง ? จะสอนกันวันไหนมันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ ? ” หลินหลินรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เพราะเธออยากพาหยางโปออกไปข้างนอกด้วยแต่ลัวย่าวหัวกลับรั้งหยางโปไว้
ลัวย่าวหัวทนหน้าด้านหัวเราะออกมา “ คุณป้า เรื่องด่วนจริงๆ ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รั้งเขาไว้หรอก ”
ฮัวชิงหยุนก็ตามมาว่าให้ หลินหลินไม่รู้จะทำยังไง จึงตอบตกลงและปล่อยให้หยางโปอยู่ต่อด้วย
เดิมทีหยางโปก็ไม่อยากออกไปช้อปปิ้งด้วยอยู่แล้ว อยู่ต่อดีกว่า เขาจึงสั่งให้บอดี้การ์ดตามออกไปด้วย จึงไม่ได้เก็บเอามาคิด
คนที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรที่สุดในบ้านคือเหยียนหรูหยู หลังจากที่หยางโปจัดห้องให้เธอแล้ว เธอก็ไม่ออกมาง่ายๆ อยู่แต่ในห้องก็ไม่รู้ว่าทำอย่างไรอยู่
เนื่องด้วยลัวย่าวหัวขาดความเข้าใจเกี่ยวกับ ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) อยู่มาก หยางโปจึงต้องอธิบายให้เขาฟังอีกครั้ง ลัวย่าวหัวจึงตั้งใจฟังอย่างละเอียดกว่าเดิม
หลังจากอธิบายจบลงไปได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือของหยางโปก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากบอดี้การ์ด เขารู้สึกค่อนข้างที่จะแปลกใจ จึงกดรับสาย
“ คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงหลินเกือบถูกชนบนถนน ดีที่ถูกคนของเรากระชากตัวกลับมา แต่มีเด็กหญิงสองคนถูกชนในที่เกิดเหตุ คุณผู้หญิงหลินกำลังส่งเด็กหญิงสองคนนี้ไปที่โรงพยาบาล ! ”
บอดี้การ์ดรายงานสถานการณ์
หยางโปตกตะลึงทันที “ แม่ของฉันกับชิงหยุนไม่เป็นอะไรใช่ไหม ? ”
“ คุณฮัวก้าวช้าไปสองก้าว ไม่ได้เป็นอะไร คุณผู้หญิงหลินเกือบถูกชน ดีที่ถูกทางเรากระชากตัวกลับมาก่อนเลยล้มลงบนพื้น และได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ” บอดี้การ์ดรายงาน
หยางโปตอบกลับอย่างไม่ลังเล “ งั้นก็ดีแล้ว ฉันจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ พวกนายต้องดูแลคุณผู้หญิงให้ดีด้วยนะ ”
“ คุณผู้ชายวางใจได้ ! ”.ไอลีนโนเวล.
หยางโปวิ่งออกไปอย่างไม่ลังเล ทำเอาลัวย่าวหัวถึงกับตกใจ “ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมถึงได้วิ่งออกไปเร็วขนาดนั้น ? ”
“ แม่ของฉันเกือบถูกรถชน ตอนนี้ไปโรงพยาบาลแล้ว ” หยางโปพูดเสียงดัง
ลัวย่าวหัวลุกพรวดขึ้นมาทันที “ อะไรนะ ? เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ? แม่งเอ้ย ใครมันช่างกล้าขนาดนี้ กล้าชนแล้วหนีไปแบบนี้ได้ยังไง ? อย่าให้ฉันจับได้นะ จะกระทืบให้ตายคาที่เลย ! ”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ลัวย่าวหัวก็รีบวิ่งตามออกไป
แต่พอวิ่งเข้าไปในลานบ้าน ก็ทำให้หยางโปรู้สึกแปลกใจไม่น้อย คือเหยียนหรูหยูมายืนรออยู่ในลานบ้านแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะรอตัวเองอยู่ และเดินตามตัวเองไปที่รถ
“ คุณรู้เรื่องนี้เหรอ ? ” หยางโปถามด้วยความมึนงง
เหยียนหรูหยูมีอาการสับสน ส่ายหน้าและตอบกลับไปว่า ” รู้สึกนิดหน่อย แต่ไม่แน่ใจ ”
หยางโปตกตะลึง เขาแค่ถามออกไปเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าเหยียนหรูหยูจะรู้สึกแบบนี้จริงๆ
นั่นก็หมายความว่าเธอสามารถทำนายเหตุการณ์และรู้ล่วงหน้าได้ ความสามารถแบบนี้ เขายังไม่เคยสัมผัสกับมันมาก่อน !
รอจนลัวย่าวหัวขึ้นรถ หยางโปถึงได้ทำการสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ ถนนยังคงคล่องตัว หยางโปขับรถสลับไปสลับมาตลอดทาง และขับผ่านไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้มีคำสบถด่าตามหลังมาทันที
ปกติลัวย่าวหัวก็มักจะมาซิงรถเล่น แต่เขามักจะมาซิงรถกับคนอื่นๆนอกถนนวงแหวนที่ห้าและหกในยามวิกาล มีหรือจะมีประสบการณ์ซิงรถแบบนี้ในเมืองในระหว่างวันมาก่อน เขาสัมผัสได้ถึงวิวทิวทัศน์ที่ ถอยร้นห่างออกไปนอกกระจกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนอกหน้าต่าง ที่ห่างกันไม่กี่คืบที่เกือบจะเสียดสีเข้าให้แล้ว ทำเอาลัวย่าวหัวเกิดรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที
ปกติแล้วใช้เวลาขับรถมาครึ่งชั่วโมงกว่า แต่หยางโปขับมาแค่สิบนาทีก็มาถึงหน้าโรงพยาบาล หยางโปนำรถไปจอดไว้ในที่ที่ไม่กระทบต่อการจราจรและเดินลงมาจากรถ
บอดี้การ์ดมารออยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อเห็นหยางโปก็รีบวิ่งเข้ามาหา “ คุณผู้ชาย ! ”
หยางโปพยักหน้า “ รีบพาฉันไปเดี๋ยวนี้ ! ”
บอดี้การ์ดรีบหันหลังพาหยางโปเดินเข้าไปด้านใน และพลางอธิบายไปด้วยว่า “ คุณผู้หญิงไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ได้รับบาดเจ็บที่แขน แต่เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอสองคนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ”
หยางโปขมวดคิ้ว “ จับตัวคนก่อเรื่องได้หรือยัง ? ”
“ จับกุมตัวได้แล้ว ” บอดี้การ์ดรายงาน
หยางโปพยักหน้า และรีบเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ทางด้านลัวย่าวหัวเองก็พูดปลอบใจไปว่า
“ คุณป้าไม่เป็นอะไร นายสบายใจได้ ”
ไม่นานหยางโปก็ได้พบกับหลินหลิน เธอกำลังพันแผลอยู่ ฮัวชิงหยุนก็นั่งอยู่ข้างๆ กำลังอยู่เป็นเพื่อนเธอ เมื่อเห็นหยางโปเดินเข้ามา ฮัวชิงหยุนก็ลุกขึ้น น้ำตาไหลนองหน้า ก่อนหน้าที่หลินหลินได้รับบาดเจ็บ เธอก็คอยปลอบโยนอยู่ตลอด ตอนนี้เมื่อเห็นหยางโปกลับมาแล้วเธอก็อดกลั้นมันไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
หยางโปเดินเข้ามา โอบกอดฮัวชิงหยุนไว้ และมองไปทางแม่ เมื่อเห็นแขนของแม่ได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก แค่บาดแผลถลอก เขาถึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ แม่ไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”
หลินหลินส่ายหน้า แต่สีหน้าไม่สู้ดีนัก เธอโบกมือไปมา “ ลูกช่วยแม่ไปดูหนูสองคนนั้นให้หน่อย
ถ้าแม่ไม่หลบ รถคงไม่ชนพวกเธอ ! แม่มันก็แค่หญิงชราคนหนึ่ง อายุมากปูนนี้แล้ว ต่อให้ตายไปก็ไม่เป็นไร แต่แม่หนูสองคนนั้นอายุยังน้อย พวกเธอยังมีอนาคตที่สดใส ยังไม่ได้สัมผัสกับมันเลย ! ”
หยางโปเอ่ยออกมาทันที “ แม่อย่าพูดแบบนี้ เรื่องนี้จะโทษแม่ไม่ได้ ถ้าจะโทษต้องโทษคนที่ก่อเรื่อง ถ้าไม่ใช่คนก่อนเรื่อง ก็คงไม่เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น ! ”
“ ไม่ต้องสนใจแม่ รีบไปดูเร็วเข้า ! ” หลินหลินรีบคะยั้นคะยอ
หยางโปรีบพยักหน้าให้ และตบไปที่ไหล่ฮัวชิงหยุน ให้เธอคลายมือออก จากนั้นถึงได้ออกไปข้างนอก เขารู้ดีว่าแม่รู้สึกเสียใจต่อการกระทำ ถึงแม้เรื่องนี้มันจะไม่เกี่ยวกับเธอเลย
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องผ่าตัด หยางโปก็เห็นว่าไฟหน้าห้องผ่าตัดดับลงไปแล้ว เขาใจเต้นตึกตัก รู้สึกไม่ดีทันที

เสวียนจงนิ่งเงียบ เดินตามไป เขานึกว่าโจวซินมองเห็นหยางโปแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าพอเดินมาตรงหน้า เขากลับเจอกับครอบครัวที่มีอยู่ด้วยกันสามคนของหยางหลาง
เมื่อเจอกับกับโจวซิน หยางหลางก็ถึงกับใจตกไปอยู่ตรงตาตุ่ม เขาเบิกตากว้าง และหันไปสะกิดพ่อทันที “ พ่อ พ่อ ! พ่อดูสิ ! ”
พ่อหยางหันไปมองโจวซิน และส่ายหน้าให้เล็กน้อย “ ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว ! ”
หยางหลางยังคงกระวนกระวายใจ เขารู้สึกว่าพ่อของเขาโกงเงินคนอื่นไปตั้งมากมาย เวลานี้อีกฝ่ายคงจะไม่พอใจ ถ้าชกต่อยกันตรงนี้ขึ้นมาจริงๆ เขาจะวิ่งหนีออกไปได้ยังไง ?
โจวซินเข้าไปใกล้ขึ้น ก่อนหน้านี้เขาก็ยังรู้สึกโกรธอยู่ แต่เวลานี้กลับไม่ได้โกรธเลย เขามองไปที่
พ่อหยาง ” คุณหยาง พวกเราเจอกันอีกแล้ว ! ”
พ่อหยางยิ้ม “ คุณโจว บังเอิญจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอคุณที่นี่ คุณมีธุระใช่ไหม ? ”
เมื่อโจวซินเห็นว่าพ่อหยางหน้าด้านแบบนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอยู่บ้าง เขาจึงเอ่ยปากทักทาย
” ขอถามอะไรคุณสักเรื่องสิ หยางโปอยู่กับคุณใช่ไหม ? ”
พ่อหยางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ คุณกำลังพูดถึงไอ้ลูกเนรคุณคนนั่นเหรอ ? เขาทำไม ? เขารังแกคุณเหรอ ? ”
“ เปล่า เขาไม่ได้รังแกผม ผมแค่ตามเขามาและหลงทางกันในสนามบิน ” โจวซินกล่าว
พ่อหยางมองเขาด้วยความสงสัย “ ทำไมคุณถึงตามเขามา ? ”
โจวซินตะลึงไปครู่หนึ่ง และรีบเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว “ ไม่ ผมไม่ได้ตามเขามา ก่อนหน้านี้ผมอยู่ที่บ้านของเขา เขาขึ้นรถมาสนามบินก่อน เลยทิ้งผมให้ตามหลังมา ”
“ อ้อ ในเมื่อคุณเจอกับเขาแล้ว ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขาหรือไง ? ” พ่อหยางถาม
โจวซินนิ่งอึ้งไปทันที เขาใจร้อนจนสะเพร่าไปแล้วจริงๆ เขารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วต่อสายโทรหาหยางโปทันที
“ ขออภัยค่ะ โทรศัพท์ของหมายเลขนี้ปิดอยู่… ”
โจวซินอดที่จะเงยหน้ามองพ่อหยางไม่ได้ “ เขาปิดเครื่องไปแล้ว คุณรู้ไหมว่าเขาพักอยู่ที่ไหน ? ”
“ ไอ้ลูกเนรคุณนั่น เขาพักอยู่ที่ไหนผมจะไปรู้ได้ยังไง ? เอาล่ะ คุณไม่ต้องมารบกวนพวกเราแล้ว ครั้งนี้พวกเราจะไปท่องเที่ยวตี้จิงกัน ไม่ได้ไปหาเขา ” พ่อหยางกล่าว
โจวซินนิ่งเงียบไป “ คุณไม่ใช่พ่อของหยางโปใช่ไหม ? ”
“ ขอโทษนะ คุณคงจำคนผิดแล้วล่ะ หยางโปคือใคร ? ” พ่อหยางกล่าว
โจวซินรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหามาก คนไร้ยางอายที่อยู่ต่อหน้าเขาคนนี้ทำให้เขาได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ !
เสวียนจงที่ยืนอยู่ข้างหลังโจวซิน ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาคว้าแขนโจวซินไว้ และไปยืนอยู่ด้านหน้าแทน เขามองหน้าพ่อหยาง ” คุณหยาง เอาตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ก็แล้วกัน ที่อยู่ละแสน ! ”
เสวียนจงจ้องพ่อหยางตาเขม็ง หลังจากผ่านเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ มันทำให้เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พ่อหยางแสดงออกว่ารักเงินอย่างเห็นได้ชัด !
เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้จริงๆ ดวงตาของพ่อหยางลุกวาว เขาหันไปยิ้มให้เสวียนจง
“ ตอนนี้มันไม่ใช่ราคานี้แล้ว ราคาเพิ่มขึ้นแล้ว ”
“ เท่าไหร่ ? ” เสวียนจงเอ่ยปากถาม
พ่อหยางมีอาการลังเล เขามันมือโปรแล้ว รู้ดีว่าการขู่กรรโชกแบบนี้ควรจะทำแบบพอเหมาะพอควร จะให้อีกฝ่ายผิดสังเกตเกินไปไม่ได้ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง และกำลังที่จะเอ่ยปากพูดอยู่นั้น
ก็กลับถูกหยางหลางพูดตัดบทไปเสียก่อน “ ข้อมูลละล้าน ! ”
หยางหลางแสดงออกอย่างภาคภูมิใจ “ ผมรู้ที่อยู่ แค่จ่ายให้ผมมาได้ล้านหนึ่ง ผมก็จะยอมบอกคุณ ! ”
“ เพี๊ยะ ! ” พ่อหยางตบหัวหยางหลางไปทีหนึ่ง “ แกพูดจาไร้สาระอะไร ? จะเอาเป็นล้านได้ไง !
แกพูดบ้าอะไรเนี่ย ? ”
หยางหลางมองหน้าพ่ออย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ พ่อไม่ได้เอามากกว่าผมหรือไง ? ”
“ ข้อมูลล่ะสองแสนหยวน ” พ่อหยางตอบ.ไอรีนโนเวล.
เสวียนจงไม่สนใจ “ คุณเขียนข้อมูลมา ผมจะโอนให้สองแสนหยวน ! ”
หยางหลางที่ยืนอยู่ด้านข้างตาลุกวาว ครั้งนี้เขาเจอเข้ากับคนรวยเข้าแล้วจริงๆ อีกฝ่ายเงินไม่ขาดมือเลย !
พ่อหยางหัวเราะและตบไปที่ไหล่ของหยางหลาง “ แกมาเขียนสิ ! ”
หยางหลางนิ่งอึ้งไป เขาหันไปมองพ่อหยาง “ ผมก็ไม่รู้ ”
“ แกไม่รู้ แล้วแกกล้าที่จะเสนอราคาเป็นล้านเนี่ยนะ ! ” พ่อหยางพูดด้วยความโมโห
หยางหลางดูเหมือนจะไม่รู้อิโหน่อิเหน่ “ พ่อรู้อีกแล้วเหรอ ? ”
พ่อหยางถลึงตาโตใส่ เจ้าลูกชายหน้าโง่คนนี้ทำแผนหลุดอีกแล้ว เขาไม่รู้เลยว่าหยางโปอยู่ที่ไหน แต่มันก็ไม่ได้ขัดขวางช่องทางการต้มตุ๋นของเขาไปได้เลย !
“ มาเดี๋ยวผมเขียนเอง ! ” พ่อหยางหยิบกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง เขียนที่อยู่แล้วยืนให้
เสวียนจงรับกระดาษแผ่นนั้นมาดู “ นี่มันที่ไหนกัน ? ”
พ่อหยางอธิบายว่า ” หยางโปเป็นสมาชิกของคณะกรรมการประเมินพิสูจน์วัตถุโบราณทางวัฒนธรรมแห่งชาติ ถ้าพวกคุณหาหน่วยงานนี้พบ ก็สามารถหาตัวเขาพบได้ ! ”
เสวียนจงขมวดคิ้ว เขาโอนเงินให้ และไม่ขอที่อยู่จากพ่อหยางอีก เพราะเขาพอจะดูออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างหยางโปและพ่อหยางไม่ได้ราบรื่นเท่าที่ควร
แต่โจวซินกลับไม่ได้สังเกตเห็น เขามองหน้าพ่อหยางพร้อมกับเอ่ยปากว่า “ คุณนั่งเที่ยวบินไหน ?พวกเราเที่ยวบินเดียวกันหรือเปล่า นั่งไปด้วยกันไหม ? ”
พ่อหยางหัวเราะทันที “ ดีเลย พวกเราไปตี้จิงด้วยกันได้ ! ”
แต่เสวียนจงกลับดึงโจวซินไว้ เขาส่ายหน้าให้เล็กน้อย “ ช่างเถอะ พวกเราไปถึงตี้จิงแล้วค่อยว่ากัน ! ผมพอจะรู้จักคนที่ตี้จิงอยู่ เราสามารถหาเขาเจอได้ ! ”
โจวซินค่อนข้างที่จะสองจิตสองใจ จากนั้นก็พยักหน้าตอบรับ
หยางหลางโบกมือให้ “ ถ้างั้นก็เจอกันครั้งหน้าแล้วกันนะ ! ”
รอจนโจวซินจากไปแล้ว หยางหลางก็รีบหันมาอย่างร้อนรน “ พ่อ ถ้ารั้งเขาไว้ เราไม่ใช่ว่าจะยิ่งหาเงินได้มากกว่าหรือไง ? ”
พ่อหยางหันไปถลึงตาให้เขา “ โลภมากลาภหาย ! แกคิดว่าคนมีเงินไม่มีอิทธิพลหรือไง ? ถ้าแกขูดรีดเอามากไป แล้วเขาควักเงินเป็นล้านมาให้คนจัดการเรา แกคิดว่าจะไม่มีคนกล้าลงมืออย่างงั้นเหรอ ? ”
หยางหลางนิ่งอึ้งไปทันที เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยจริงๆ เขาคิดแค่ว่าสามารถหลอกใช้โจวซินไปยาวๆได้ !
……
ทางด้านหยางโปกลับไม่รู้เรื่องนี้เลย เขาลงเครื่องมา ขึ้นรถบอดี้การ์ด และมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนสี่ประสาน
เห็นได้ชัดว่าฮัวชิงหยุนค่อนข้างที่จะตื่นเต้น “ แม่ของคุณจะไม่ชอบฉันหรือเปล่า ? ”
“ ไม่มีทาง ? ” หยางโปพูดปลอบใจ “ แม่ก็เคยเจอกับคุณมาก่อนหน้านี้ คุณวางใจได้นะ
แม่มีความทรงจำที่ดีมากกับคุณ ! ”
ฮัวชิงหยุนยังคงกำชายเสื้อแน่น นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
หยางโปไม่พูดมาก นี่มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร แค่ฮัวชิงหยุนคิดตกไปก็เท่านั้น
ไม่นาน ทั้งกลุ่มก็มาถึงเรือนสี่ประสาน ฮัวชิงหยุนค่อนข้างจะสองจิตสองใจ หยางโปหัวเราะพร้อมพูดว่า “ ยังไงซะสะใภ้ที่น่าเกลียดก็ต้องเจอกับพ่อแม่สามีอยู่ดี ! ”
“ คุณสิที่น่าเกลียด ” ฮัวชิงหยุนสวนกลับทันควัน
ลัวย่าวหัวที่ยืนอยู่ด้านข้าง “ จริงๆเลย พวกนายสองคนนี่ทำมาเป็นลับล่อๆ นี่มาถึงหน้าประตูบ้านกันแล้วนะ ยังจะมาอายอะไรกันอีก ? รีบเข้าไปซะสิ ! ”
ส่วนเหยียนหรูหยูที่ยืนอยู่ข้างๆกลับมองสำรวจแค่เรือนสี่ประสานเท่านั้น ดูเหมือนจะค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น
เมื่อเปิดประตู จากนั้นทั้งกลุ่มก็พากันเดินเข้าไป
พอหลินหลินรู้ข่าว ก็มารอพวกเขาอยู่นานแล้ว เธอมานั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกเมื่อเห็นฮัวชิงหยุนเดินเข้ามา ก็ยิ้มหวานลุกขึ้น เข้าไปกุมมือของฮัวชิงหยุน “ ชิงหยุน ในที่สุดหนูก็มา ! ”
ฮัวชิงหยุนค่อนข้างที่จะเขินอาย “ คุณป้า ”
หลินหลินหัวเราะดังออกมา ดึงมือเธอให้ไปนั่งลงอย่างรักใคร่ พลางเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ ป้าใช้ให้เสี่ยวโปพาหนูมาที่บ้านตลอด เขาก็มักจะผลัดวันประกันพรุ่งว่ายุ่งอยู่นั่นแหละ เพิ่งจะพามาตอนนี้ ป้าเฝ้ารอจนร้อนใจไปหมดแล้ว ! ”
ฮัวชิงหยุนยิ่งอายเข้าไปอีก เธอก้มหน้าลงไม่พูดไม่จา
หลินหลินหันไปกวักมือเรียกลัวย่าวหัว “ ย่าวหัว ยังจะมาเกรงใจอะไรกันอีก ? รีบมานั่งสิ !
แม่หนูคนนี้คือ ? ”
หลินหลินหันไปมองเหยียนหรูหยูด้วยความแปลกใจ

หยางโปนั่งลงกินซาลาเปาไปสองลูก จากนั้นก็หันมองไปทางโจวซินอีกครั้งเมื่อเห็นเขายังคงยืนไม่กระดุกกระดิก ก็อดที่จะหยักคิ้วขึ้นมาไม่ได้ เขาคงไม่โง่ไปแล้วนะ ?
“ คุณล่ะ ? กินข้าวมาหรือยัง ? ” หยางโปหันไปถามโจวซิน
โจวซินส่ายหน้า “ ยัง จะกินทันที่ไหนกันล่ะ ผมมาตั้งแต่เช้าแบบนี้ ”
หยางโปอดไม่ได้ที่จะมองเขาด้วยความเห็นใจ โจวซินอยากจีบเหยียนหรูหยู มันคงเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากน่าดู ดูจากท่าทีของเหยียนหรูหยูตอนนี้ ก็เย็นชาเกินไป คิดที่จะหลอมละลายน้ำแข็งก้อนนี้ คงต้องใช้เวลาและกำลังเยอะมากจริงๆ
“ งั้นทำไมคุณยังไม่รีบกินอีกล่ะ ? ”หยางโปพูดเตือนสติ
โจวซินชำเลืองมองเหยียนหรูหยู เมื่อเห็นเหยียนหรูหยูเอาแต่จ้องมองนิ้วหัวแม่มือ โดยไม่สนใจตัวเองเลย เขาถึงกับกินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
ไม่นาน ฮัวชิงหยุนก็กินอิ่ม เธอหันมาทางหยางโป “ พวกเราจะไปกันเมื่อไหร่ ? ”
“ เฮ้อ ทำไมรีบร้อนขนาดนั้น ! ” ลัวย่าวหัวพูดปนยิ้ม
ฮัวชิงหยุนฮึดฮัดไม่พอใจ “ พวกคุณรวมหัวกันหลอกฉัน รอให้ถึงเมืองหลวงก่อนเถอะ ดูสิว่าฉันจะฟ้องว่าไง ! ”
ลัวย่าวหัวนิ่งอึ้งไปทันที “ หลอกคุณตรงไหนงั้นเหรอ ? ”
ฮัวชิงหยุนเหลือบตามองเหยียนหรูหยู แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
หยางโปที่เดิมทีนั่งดูความสนุกสนานอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินฮัวชิงหยุนพูดแบบนี้ ถึงกับชะงักงันไปทันที เพราะเขาเพิ่งจะค้นพบปัญหาแล้ว เพราะโจวซินตามจีบเหยียนหรูหยูอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังแสดงออกอย่างโจ้งแจ้ง มันทำให้ฮัวชิงหยุนเดาบางอย่างออกว่า ลัวย่าวหัวและเหยียนหรูหยูไม่ได้เป็นคู่รักกัน !
ลัวย่าวหัวยิ้มเหยเก “ ไม่ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฉันนะ ! ”
หยางโปใจตกไปอยู่ตาตุ่มทันที และอดไม่ได้ที่จะหันไปถลึงตาใส่ลัวย่าวหัว
โชคดีที่ลัวย่าวหัวหันไปสบตาหยางโปเข้า เขาจึงรีบเอ่ยปากอธิบาย “ พอผมไปอยู่ตรงหน้าเธอ
เธอก็ไม่ยอมสนใจผมเลยน่ะสิ ! ”
“ ฉันไม่เชื่อหรอก ! ” ฮัวชิงหยุนกล่าว
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ฮัวชิงหยุนก็ไม่ได้จ้ำจี้จ้ำไช เธอแค่ปรายตามองหยางโปเท่านั้น
หยางโปหมดทางแก้ตัว เพราะเขารู้ว่าคำโกหกนี้จะต้องถูกเปิดเผยเข้าสักวัน แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้ แต่ในเมื่อไม่ต้องปกปิดแล้ว เขาเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก พูดแค่เพียงว่า
“ พวกเราเก็บของ แล้วรีบไปกันเถอะ ! ”
โจวซินที่กำลังกินหัวเผือกอยู่ เมื่อได้ยินว่าหยางโปจะเก็บของ เขาก็นิ่งชะงักไปทันที
“ พวกคุณจะไปที่ไหนกัน ? ”
“ พวกเราจะกลับตี้จิง ” หยางโปตอบ
โจวซินนิ่งอึ้งไปทันที “ แล้วผมล่ะ ? ”
“ แล้วคุณทำไม ? ” หยางโปหันไปทางโจวซิน “ คุณไม่ออกไปเหรอ ? ”
โจวซินทำหน้าไม่ถูก “ ผมหมายถึง ผมจะไปตี้จิงกับพวกคุณ ”
หยางโปปัดมืออย่างไม่มีทางช่วยได้ “ ต้องขอโทษด้วยจริงๆพวกเราซื้อตั๋วไปแล้ว ไม่มีตั๋วเหลือ
วันหลังถ้ามีเวลา พวกเราค่อยมาพบกันใหม่ ”
โจวซินมองพวกเขาสองสามคนกำลังยุ่งกันอยู่ จู่ๆ ก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมา เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงหยิบโทรศัพท์กดสายโทรหาเสวียนจง “ ประธานเสวียน จองตั๋วเครื่องบินไปตี้จิงให้ผมที่หนึ่ง
หยางโปพวกเขาจะไปที่ตี้จิง ผมก็จะไปด้วย ”.ไอลีนโนเวล.
เสวียนจงทีกำลังอยู่ฝึกบำเพ็ญเพียรในโรงแรม เมื่อถูกโจวซินขัดจังหวะเข้า ก็รู้สึกโมโหมาก เวลานี้เมื่อได้ยินเสียงโจวซินที่ไม่แม้แต่จะถามไถ่ปลอบขวัญอะไรเลย แต่กลับมาออกคำสั่งกับตัวเอง
เขาก็อดไม่ได้ที่จะตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงที่โมโห “ ผมติดหนี้บุญคุณคุณหรือยังไง ? ”
พอพูดจบประโยคนี้ เสวียนจงก็นิ่งอึ้งไปเลย เขาถือโทรศัพท์ นิ่งเงียบอยู่ตรงนั้นและเกิดรู้สึกเสียใจต่อการกระทำ บางทีเพราะคำพูดนี้ อาจสร้างความไม่พอใจให้โจวซินได้ ถ้าแบบนั้นสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ ก็จะเสียเปล่าไปหมด !
โจวซินอึ้งไปเลยทีเดียว เสวียนจงทำตามคำร้องขอของเขามาโดยตลอด เขาก็เลยทำตามอำเภอใจ และไม่ทันคิดอะไรมาก แต่เมื่อได้ยินเสวียนจงพูดแบบนี้ ก่อนอื่นเขาก็ถึงกับตกตะลึง และรู้สึกโมโหมาก แต่เขาก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีที่เสวียนจงทำแบบนี้ ก็เพื่อคิดที่จะหาประโยชน์ ตอนนี้ไม่มีผลประโยชน์ให้แล้ว มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะรู้สึกไม่พอใจ
ถึงแม้จะรู้สึกไม่พอใจ แต่โจวซินก็รู้ดีว่าต่อจากนี้ตัวเองยังคงต้องการความช่วยเหลือจากเสวียนจงอยู่ เขายิ้มเยาะเย้ย “ ประธานเสวียน ตอนนี้คุณกำลังฝึกฝนอยู่ใช่ไหม ? ”
เสวียนจงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และตามมาด้วยความตื่นตระหนกระคนดีใจ คาดไม่ถึงว่าโจวซินจะไม่โมโห ที่เขาพูดแบบนี้ หรือว่าคิดที่จะชี้แนะสั่งสอนตัวเองจริงๆ ?
เสวียนจงรีบตอบกลับ “ ใช่ ผมกำลังฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ เมื่อสักครู่พอถูกขัดจังหวะทำให้ไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัวสักเท่าไหร่เลย ตวาดใส่คุณแบบนั้น ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ”
โจวซินหัวเราะ “ ไม่เป็นไร ผมแค่อยากจะเตือนคุณเรื่องหนึ่ง คุณไม่รู้จริงๆหรือว่า ผมจะไม่ฝึกบำเพ็ญเพียรในช่วงเวลากลางวัน ? ”
เสวียนจงนิ่งเงียบ เขาลองมาคิดดูดีๆ ก่อนที่จะเอ่ยปากตอบออกไป “ ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น ”
“ นั่นเป็นเพราะ จริงๆแล้วการบำเพ็ญเพียรเป็นการฝืนกฎสวรรค์ ผลในการฝึกฝนในช่วงเวลากลางวันไม่ดีเท่าช่วงกลางคืนการฝึกฝนในช่วงกลางคืน โดยเฉพาะในคืนพระจันทร์เต็มดวงจะดีที่สุด ! ” โจวซินกล่าว
เสวียนจงตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที สั่นเทาไปทั้งตัว คำพูดนี้มันมีเหตุผลอย่างฉะฉาน ทำให้เขานึกถึงสิ่งที่ประสบพบเจอในการฝึกฝนหลายปีมานี้ ดูเหมือนว่าจุดจำเพาะเจาะจงมันจะอยู่ตรงนี้
“ คุณพูดถูก แต่ผมฝึกบำเพ็ญเพียรมานานหลายปี ก็ยังเรียนรู้วิธีเบื้องต้นไม่ได้ คุณว่า ผมควรจะฝึกฝนยังไงถึงจะก้าวหน้าให้ได้เร็วขึ้นกว่านี้ได้บ้าง ? ” เสวียนจงสอบถาม
โจวซินเอ่ยปาก “ ผมกำลังจะไปที่ตี้จิง คุณอยากไปกับผมไหม ? ”
“ ไป ! ไป ! ผมจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ! ” เสวียนจงแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะเอ่ยออกมา
โจวซินหยิบโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ในที่สุดเขาก็ค้นพบกลเม็ดเล็กๆหนึ่งเข้าจนได้ ที่แท้
คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถใช้ความรู้เพียงน้อยนิดในการฝึกฝนนี้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาได้ !
แต่ยังไงซะ โจวซินก็ยิ้มไม่ออก เพราะหยางโปและพรรคพวกได้เก็บของกันเรียบร้อยแล้ว พากันเดินออกไปด้านนอกแล้ว มันก็เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีกแล้ว
“ คุณเหยียน ผมซื้อตั๋วเครื่องบินไปตี้จิงแล้ว เดี๋ยวพวกเราก็จะได้เจอหน้ากันแล้ว คุณต้องอยู่ที่
ตี้จิงรอผมนะ ! ” โจวซินกล่าว
เหยียนหรูหยูไม่ได้ถืออะไรไว้ในมือ เธอไม่แม้แต่จะเหลียวมองโจวซินเลยด้วยซ้ำ
เมื่อหยางโปไล่โจวซินออกไปได้แล้วก็ทำการล็อคประตู ทั้งกลุ่มขึ้นรถบริษัทที่รออยู่นอกประตู
แล้วจากไป ปล่อยให้โจวซินรออยู่ข้างนอกอาคารตามลำพัง
ผ่านไปสักพัก โจวซินถึงเห็นเสวียนจงขับรถเข้ามา เขาขึ้นรถและหันไปพูดกับเสวียนจงว่า
“ เร็วเข้า พวกเราต้องรีบกันหน่อย มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าตามรถของหยางโปทัน ไม่อย่างนั้นถ้าเปลี่ยนที่แล้วมันคงเป็นการยากที่จะตามหาเขาเจอ ! ”
เสวียนจงพยักหน้า “ อืม คุณนั่งดีๆนะ ผมจะขับเร็วหน่อย ”
ทำการตรวจตั๋วและขึ้นเครื่อง หยางโปเคยชินกับการเดินทางแบบนี้แล้ว ทางด้านฮัวชิงหยุนดูค่อนข้างที่จะตื่นเต้น ส่วนเหยียนหรูหยูก็ดูจะอยากรู้อยากเห็น เธอมองออกไปนอกหน้าต่างและขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ลัวย่าวหัวหันไปหาหยางโป “ พอมาลองคิดๆดู ฉันรู้สึกว่ามันตลกมาก โจวซินยังคิดที่จะตามเรามาตี้จิงอีก ฉันคิดว่าพอถึงตี้จิง เขาต้องหาเราไม่เจอแน่ๆ ”
“ มันก็ไม่แน่ ” หยางโปกล่าว
โจวซินรีบเดินทางมาที่สนามบิน และมองเข้าไปในท่ามกลางฝูงชมที่พลุกพล่าน จากนั้นเขาก็หันมามองเสวียนจง “ ทำยังไงถึงจะหาหยางโปและพรรคพวกเจอ รู้ไหมว่าพวกเขาไปไหนกัน ? ”
โจวซินหันมองไปรอบๆ คิดที่จะมองหาหยางโปและพรรคพวก
เสวียนจงจนปัญญา “ ค่อนข้างที่จะลำบากหน่อยนะ ผมจะลองดูสักหน่อย ”
โจวซินจ้องมองไปในกลุ่มฝูงคน จู่ๆ เบื้องหน้าก็ปรากฏร่างของคนคนหนึ่งที่คุ้นตาขึ้น เขานิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง พร้อมพูดออกมาว่า “ ไม่ต้องตามหาแล้ว ! พวกเราไปกันเถอะ ! ”

เหยียนหรูหยูไม่ได้พูดอะไรมาก เดินตรงไปด้านหน้า จนเดินมาถึงสถานที่ที่ฝึกซ้อมกันเมื่อวานนี้ หยางโปก็เริ่มฝึกมวยเทียนหลัว ในขณะที่หยียนหรูหยูก็ยืนอยู่ข้างๆ มองไปรอบๆ ดูเหมือนไม่มีอะไรทำ
หยางโปไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเหยียนหรูหยูจึงต้องตามตัวเองออกมา ในเมื่อเธอเดินตามมาแล้วไม่ทำอะไรเลย เมื่อวานเธอสอนมวยเทียนหลัวให้ตัวเอง หรือว่าวันนี้เธอยังจะสอนอะไรอื่นให้ตัวเองอีก ?
แต่รอกระทั่งหยางโปฝึกฝนจนแล้วเสร็จ เหยียนหรูหยูก็ยังไม่เอ่ยปากว่าไง
หยางโปก็ไม่ได้ถามอะไรเช่นกัน ทั้งสองเดินกันมาเงียบๆและเดินกลับมากันเงียบๆแบบนี้อีกครั้ง
ไม่นานก็เดินมาถึงชั้นล่างตึก หยางโปก็มองเห็นโจวซินมายืนรออยู่ที่ด้านล่างตึกแล้ว ฝูงชนที่รายล้อมอยู่รอบๆ แยกย้ายกันไปแล้ว มูลนกบนพื้นได้รับการทำความสะอาดไปแล้วรอบหนึ่ง
เมื่อโจวซินมองเห็นทั้งสองคนเดินกลับมา ใบหน้าก็มีรอยยิ้มผุดขึ้น “ คุณเหยียน คุณกลับมาแล้วเหรอ ! ”
หยางโปหันไปมองหน้าโจวซิน แล้วเบิกตาโต นี่มันเกิดอะไรขึ้น เพิ่งพบหน้ากันเมื่อวานเอง วันนี้ก็ตามมาจีบแล้วเหรอ ?
เหยียนหรูหยูไม่สนใจเขา แต่โจวซินยังยิ้มแย้มด้วยความดีใจ แบกหน้าเดินไปด้านหน้า พร้อมกับกระติกเก็บความร้อนในมือ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า ” คุณเหยียน ออกไปตั้งแต่เช้า คงยังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่ไหม ผมเอาซาลาเปาบรรจุไส้พร้อมน้ำซุปมาให้ รสชาติดีมากๆเลย คุณลองชิมดูไหม ? ”
เหยียนหรูหยูชำเลืองตาขึ้นมองเขา และขมวดคิ้วขึ้น แต่ไม่ได้พูดว่าอะไร
หยางโปทำหน้าไม่ถูก เลยพูดออกไปว่า “ โจวซิน นี่คุณคิดจะทำอะไร ? ”
โจวซินหัวเราะ “ ผมเป็นแฟนคลับผู้ซื่อสัตย์ของคุณเหยียน ผมตัดสินใจแล้วว่าในอนาคตจะเดินตามรอยเท้าของคุณเหยียน ไม่ว่าคุณเหยียนไปไหน ผมก็จะไปทุกที่ที่เธอไป !! ”
หยางโปเบิกตากว้าง เขาจ้องมองโจวซินขึ้นลงอย่างพินิจพิเคราะห์ หรือว่าโจวซินจะเข้าใจว่าเหยียนหรูหยูคือโอกาสและโชคชะตาที่ทะเลสาบซีหูขึ้นมาจริงๆ ?
แต่เมื่อคืนโจวซินพูดติดตลกว่าอยากจะแย่งชิงกระจกแสงจันทร์ของเขาไป หยางโปคงไม่ยอมปล่อยให้เขาทำสำเร็จง่ายๆแบบนี้แน่ เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก จึงหันไปมองไปทางด้านข้างและนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปากพูดออกมาว่า “ วันนี้เหยียนหรูหยูอารมณ์ไม่ค่อยดี เกรงว่าคุณยังจะไม่รู้ เมื่อคืน ทางเราเกิดเรื่องเลวร้ายเรื่องหนึ่งขึ้น มีนกกลุ่มหนึ่ง บินมาอยู่บนยอดตึก ทำเอาสภาพแวดล้อมของทั้งตึกสกปรกไปหมด ”
พูดไปหยางโปก็ชี้มือลงไปบนพื้น
โจวซินหันไปมองหน้าหยางโป และก้มหน้าลงมองพื้นอีกครั้ง เมื่อเห็นร่องรอยบนพื้น เขาก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย “ เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับผม ? ”
หยางโปหัวเราะ และกระซิบว่า “ เหยียนหรูหยูเป็นคนชอบสภาพแวดล้อมที่สะอาดเรียบร้อย
ถ้าคุณสามารถทำความสะอาดที่นี่ได้อย่างสะอาดหมดจด คิดว่าเธอคงจะดีใจมาก ! ”
โจวซินลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง และหันมองไปรอบๆอีกครั้ง เขาถึงพบว่า สภาพแวดล้มรอบๆชั้นล่างของตึกแย่มากจริงๆ
แต่โจวซินกลับไม่มีอาการลังเลเลย ตอบกลับไปทันที “ ตกลง ผมจะมาทำความสะอาดให้ ”
พอพูดจบ โจวซินก็ลงมือทำทันที
มีคนกำลังลากสายยางล้างพื้นอยู่ในบริเวณนั้นพอดี โจวซินจึงวิ่งเข้าไปหยิบสายยางฉีดล้างพื้นทันที
มีคราบสกปรกมากมายอยู่บนพื้น น้ำในสายยางกระทบพื้นฉีดเอาดินสีเหลืองกระเซ็นโดนตัวเขา แต่เขากลับไม่สนใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว
หยางโปมองดูสภาพในที่เกิดเหตุ และยิ้มออกมาจางๆ หันหลังและเดินกลับขึ้นตึกไป
เหยียนหรูหยู ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองแค่แวบเดียว แต่ไม่ได้พูดอะไร.ไอรีนโนเวล.
เมื่อเห็นหยางโปทั้งสองคนเดินเข้าไป โจวซินก็โยนยางในมือทิ้ง มองมันอย่างรังเกียจ และก้มหน้าดูเสื้อผ้าบนตัว ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าอาหารเช้าของเขายังคงวางอยู่บนพื้น เขาจึงรีบไปหยิบขึ้นมา และรีบตามเข้าไปในตึก
หยางโปทั้งสองเข้าลิฟต์ไปด้วยกัน ในขณะที่ประตูลิฟต์จะปิดลงอยู่นั้น หยางโปก็เห็นโจวซินวิ่งตามเข้ามา เขาไม่พูดอะไรมาก แต่มือข้างหนึ่งกลับแอบกดไปที่ปุ่มกดปิดอย่างเงียบๆ
ประตูลิฟต์ค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ ทำให้โจวซินอยู่ที่ชั้นล่างของตึก เหยียนหรูหยูดูเหมือนจะยิ้มออกมา ดูท่าเหมือนกับว่าจะชอบใจมาก
พอกลับมาถึงห้อง ลัวย่าวหัวก็ตื่นนอนแล้ว เขาซื้ออาหารเช้ามาวางไว้บนโต๊ะ เมื่อเห็นหยางโปกลับมา เข้าก็หันไปกวักมือเรียก “ เมื่อคืนมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ? ทำไมชั้นล่างตึกถึงได้มีขี้นกเยอะขนาดนั้น ? ”
“ นายลองเดาสิว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ? ”หยางโปถาม
ลัวย่าวหัวมีอาการสับสน เมื่อเห็นเหยียนหรูหยูเดินเข้าไปในห้องน้ำ เขาก็กระซิบเสียงเบาลงกว่าเดิม “ นายว่า ในเมื่อสามารถที่จะฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนได้ บนโลกใบนี้จะมีปีศาจอยู่จริงๆไหม ? ”
ได้ยินแบบนั้นหยางโปตกตะลึงทันที “ ปีศาจงั้นเหรอ ? ”
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ ใช่ ปีศาจ ! ฉันคิดว่าเหยียนหรูหยูเป็นปีศาจ เธอตามนายกลับมาจินหลิงได้สองวันแล้ว นายเคยเห็นเธอกินข้าวหรือยัง ? ถ้าคนปกติทั่วไปไม่ได้กินข้าวเป็นเวลานานแบบนี้
คงหิวตายไปแล้ว ! ”
หยางโปก็เห็นด้วยเช่นกัน เขาหันไปถามลัวย่าวหัว “ งั้นนายคิดว่าเธอเป็นปีศาจอะไร ? ”
“ ฉันคิดว่าเธอเป็นนกชนิดหนึ่ง ! ” ลัวย่าวหัวพูดอย่างกับเป็นเรื่องใหญ่
หยางโปตบไหล่ของเขาไปทีหนึ่ง “ อย่ามาพูดจาไร้สาระ กินข้าวเช้าแล้วเก็บของซะวันนี้พวกเราจะกลับตี้จิงกัน ”
ลัวย่าวหัวยังไม่ทันพูดอะไร จู่ๆก็เห็นประตูห้องน้ำเปิดออก เขาจึงรีบถาม “ กลับตี้จิงทำไม ? ”
“ แม่ของฉันอยากเจอชิงหยุนน่ะ ” หยางโปตอบ
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ ก็ถูกนะ นายรีบร้อนแต่งงานขนาดนี้ ควรที่จะพากลับบ้านสักครั้ง ”
หยางโปยิ้มให้แต่ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากล้างมือ และกำลังกินข้าวเช้าอยู่นั้น กริ่งประตูก็ดังขึ้น หยางโปจึงลุกไปเปิดประตู
ก็เห็นโจวซินยืนอยู่นอกประตู
โจวซินยิ้มเหยเก “ คุณเหยียนล่ะ ? ”
หยางโปชี้ไปทางด้านหลัง แต่โจวซินเบียดตัวเข้ามาแล้ว เขาไปหยุดยืนอยู่หน้าเหยียนหรูหยู
ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์วางกล่องข้าวลงบนโต๊ะ ยิ้มและเอ่ยออกมาว่า “ คุณเหยียน คุณดูสิ นี่เป็นของที่ผมไปเข้าคิวซื้อกลับมาแต่เช้าเป็นพิเศษเลยนะ ! ”
ในขณะที่พูด โจวซินก็ได้นำอาหารจำพวกติ่มซำในกล่องอาหารกลางวันออกมาแล้ว ซาลาเปาบรรจุไส้พร้อมน้ำซุป เค้กข้าวเหนียว โจ๊กเผือกหวานดอกกุ้ยฮวาและ ซุปเส้นหมี่เลือดเป็ด !
อาหารเช้าพวกนี้เป็นอาหารที่มีลักษณะเฉพาะของจินหลิง ดูน่าอร่อยมาก
เหยียนหรูหยูก้มหน้ามองอาหารพวกนี้ และหันไปทางด้านข้าง เธอส่ายหน้าให้เล็กน้อย
“ ฉันไม่หิว ”
เมื่อลัวย่าวหัวได้ยินคำนี้ ก็หันไปกระพริบตาให้หยางโป เห็นได้ชัดว่า เขาคิดที่จะพูดถึงเรื่องก่อนหน้าที่พูดกันนี้ เขามั่นใจว่าเหยียนหรูหยูเป็นปีศาจ เพราะเธอไม่กินข้าวเลย !
หยางโปไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ชำเลืองมองไปทางโจวซิน
โจวซินมีสีหน้าเขินอาย “ ไม่หิวก็กินสักนิดก็ได้นะ ! ”
เวลานี้จู่ๆ กริ่งประตูก็ดังขึ้น หยางโปจึงเดินไปเปิดประตู และเห็นฮัวชิงหยุนเดินเข้ามา ฮัวชิงหยุนถือกล่องอาหารมาด้วยกล่องหนึ่งอย่างเหนื่อยหอบ
หยางโปรีบเข้าไปรับกล่องข้าว “ ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือไง ? ผมจะไปรับคุณเอง ”
ฮัวชิงหยุนส่ายหน้า “ ไม่เป็นไร ยังไงซะฉันก็ไม่มีอะไรทำ ก็เลยถือโอกาสมาหาเลย ”
ในระหว่างที่พูด ฮัวชิงหยุนก็หันไปมองที่โต๊ะ “ ของกินเยอะมาก เมื่อกี้ฉันยังคิดจะซื้ออาหารเช้าให้พวกคุณอยู่เลย แต่มีของในมือเยอะเกินไป ก็เลยเอามาไม่ได้แล้ว คิดไม่ถึงว่าพวกคุณจะซื้อกันมาเรียบร้อยแล้ว ”
ลัวย่าวหัวรีบหันไปกวักมือให้ฮัวชิงหยุน “ เร็ว มากินข้าวด้วยกัน ! ”
ฮัวชิงหยุนขานรับ พร้อมทั้งเดินเข้าไปนั่ง
เหยียนหรูหยูลังเลอยู่เล็กน้อย จากนั้นก็ยกของกินตรงหน้ามาวางไว้ตรงหน้าฮัวชิงหยุนทั้งหมด
ฮัวชิงหยุนตื่นตะลึงอย่างคาดคิดไม่ถึงที่ได้รับความเมตตา “ ขอบคุณค่ะพี่สาว ! ”
โจวซินที่ยืนอยู่ด้านข้าง กลับทำหน้ามุ่ย

หยางโปนั่งรออยู่แต่ในห้องนั่งเล่น และรออยู่นานมาก เขาไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวใดๆ นี่ไม่เพียงทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เขาจึงเปิดหน้าต่าง และมองออกไปด้านนอก ด้านนอกเงียบกริบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนอย่างที่คาดการณ์ไว้
หรือว่าเขาอ่อนไหวเกินไป ?
หยางโปตกตะลึง เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง แต่มองแค่แวบเดียว เขาก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปเลย เพราะเขาเห็นเงามืดมิดอยู่เหนือศรีษะของเขา มันอยู่เหนือยอดตึกไปหลายสิบเมตรกลางอากาศ นกและแมลงกลุ่มหนึ่งเรียงแถวกันอย่างเรียบร้อยบนหลังคา ดูเหมือนพวกมันกำลังจ้องมองเหยื่ออยู่ แต่พวกมันแค่ก้มหน้ามองลงมาด้านล่าง แต่พวกมันไม่กล้าบินลงมา !
หยางโปจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านบนศีรษะ และถึงกับตกตะลึงไปเลย เมื่อสักครู่เขายังคิดอยู่เลยว่า ครั้งนี้คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ไหนเลยจะคิดไม่ถึงว่า จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น !
เขารีบไปปิดหน้าต่าง แต่ในใจก็กำลังคิดว่า หนอนแมลงพวกนี้จะเข้ามาชนหน้าต่างของเขาเหมือนครั้งก่อนอยู่อีกไหม ?
โชคดีเรื่องที่หยางโปเป็นกังวลไม่เกิดขึ้น รอจนกระทั่งหลูตงซิงฝึกฝนจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หยางโปถึงได้เปิดหน้าต่างออกมาอีกครั้ง หนอนแมลงที่อยู่ด้านนอกต่างก็กระจายหายไปแล้ว
เมื่อหลูตงซิงเห็นหยางโปรออยู่ด้านอกตลอดเวลา ก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก “ นายรีบไปพักผ่อนเถอะ ! ”
หยางโปพยักหน้า “ คุณไปล้างหน้าบ้วนปากหน่อย และก็รีบไปพักผ่อนเถอะ ! ”
“ ไม่เป็นไร ผมจะกลับไปตอนนี้ คนขับรถยังรอผมอยู่ที่ชั้นล่างของตึก ! ” หลูตงซิงเอ่ยปากปฏิเสธ
เมื่อหยางโปเห็นว่าหลูตงซิงเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว และดูเหมือนจะมีกลิ่นตัว เขาจึงอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ “ อาบน้ำก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ ! ”
หลูตงซิงโบกมือ และหันหลังเดินออกไป
หยางโปก็ไม่ได้เอ่ยปากเตือนมาก เดินกลับเข้าห้องและนั่งสมาธิต่อ
เช้าตรู่วันที่สอง หยางโปกำลังจะเตรียมตัวไปออกกำลังกาย จู่ๆ เหยียนหรูหยูก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับไปไม่ได้พูดอะไรมาก พาเหยียนหรูหยูเดินออกไปด้วย
แต่เพิ่งจะมาถึงชั้นล่างของตึก หยางโปก็ต้องตกตะลึงไปทันที เพราะเขาเห็นมีผู้คนจำนวนมากยืนอยู่ด้านล่างตึก ชายชราและหญิงชราในที่อาศัยอยู่ในเขตชุมชมจำนวนมากต่างพากันยืนอยู่ในสวนสาธารณะขนาดเล็ก กำลังพูดคุยกันเสียงดัง
“ นี่มันเกิดเรื่องวิบัติอะไรขึ้นกันเนี่ย ทำไมถึงได้มีขี้นกเยอะขนาดนี้ ? เมื่อวานตอนเย็นฉันตากผ้าห่มไว้ลืมเก็บ พอเช้าวันนี้มาดูอีกทีบนผ้าห่มก็เต็มไปด้วยขี้นกแล้ว ! ”
“ ของคุณก็แค่ผ้าห่มผืนเดียว แต่เสื้อผ้าของลูกสะใภ้ฉันนี่สิ ซื้อมาในราคาหลายพันหยวน มีขี้นกเต็มไปหมดเลย ! ”
“ ปีนี้มันเป็นปีหายนะอะไรกันเนี่ย ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้ ? นกพวกนี้บินมาจากไหนตั้งเยอะแยะ ? ฉันตื่นมาตอนเช้าก็เหยียบโดนขี้นกแล้ว ! ”
“ เหล่าซุน พวกคุณยังพอจะจำเขาได้ไหม ? วันนี้เช้าตอนที่ออกมา เขาเดินเหยียบใส่ขี้นกจนหกล้มขาหักไปแล้ว ! ”
หยางโปเดินผ่านไปทางด้านข้าง เมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้ ก็อดที่จะรู้สึกขอโทษไม่ได้ แต่เวลาแบบนี้ เขาก็คงไม่มีทางโดดออกไปบอกว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของเขา ต่อให้เขาอยากจะยอมรับแค่ไหน คนอื่นเขาจะเชื่องั้นเหรอ ?
เมื่อหยางโปก้มหน้าลงมองก็เห็นว่าใต้เท้าเต็มไปด้วยขี้นก เขาจึงทำได้พียงเดินเขย่งเท้าออกไป
แต่ต่อให้จะเป็นแบบนี้ มันก็ยากที่เขาจะเดินออกไปได้
หลังจากกระโดดออกไปได้ระยะหนึ่งแล้ว หยางโปถึงได้หนีจากบริเวณที่รายล้อมของขี้นกออกมาได้ เขาหันไปมองด้านหลังและไม่รู้ว่า เหยียนหรูหยูออกมาได้ยังไง ถึงได้มายืนอยู่ข้างหลังเขาได้
หยางโปไม่อยากถามจ้ำจี้จ้ำไชมาก เพราะเขาอยากจากไปให้เร็วที่สุด ในตอนที่กำลังจะออกไปจากที่นั่น ก็มีกลุ่มคนมาล้อมตัวชายวัยกลางคนคนหนึ่งเอาไว้ไอรีนโนเวล
“ ศาสตราจารย์หวางมาแล้ว เขาเป็นนักชีววิทยาที่มีชื่อเสียง หวังว่าเขาจะสามารถสรุปผลที่น่าเชื่อออกมาให้ได้ ! ”
“ ผมได้เชิญนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์ของเมืองมาด้วย ยังมีนักข่าวที่รายงานข่าวค่ำของจินหลิงมาด้วย เรื่องนี้จะต้องจัดการให้เรียบร้อย ! ”
“ ใช่ จะต้องให้ความเป็นธรรมกับเรา ! ”
เมื่อหยางโปได้ยินเรื่องราวพวกนี้ ก็หยุดอยู่กับที่ และหันหน้ากลับไปมองทางด้านหลัง
หยางโปเห็นนักข่าวรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ในที่เกิดเหตุ และยื่นไมโครโฟนสัมภาษณ์ให้ศาสตราจารย์หวาง พร้อมทั้งทำการสัมภาษณ์ “ ศาสตราจารย์หวาง เรื่องนี้มันคือปรากฏการณ์อะไรกันแน่ คุณพอที่จะอธิบายรายละเอียดให้ฟังได้ไหม ? ”
ศาสตราจารย์หวางสวมแว่นกรอบทอง เขาฉีกยิ้มส่งให้จางๆ ” เมื่อเช้านี้ตอนที่ได้รับโทรศัพท์
ผมก็รู้สึกประหลาดใจมาก เพราะเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นที่จินหลิงของเรามาก่อน หมายถึงปรากฏการณ์ที่กลุ่มนกมารวมตัวกันทางกายภาพ ”
“ ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้รับแจ้งข่าวสารอื่นๆ ไม่มีการอพยพของนกขนาดใหญ่ในเมืองใกล้เคียง
แต่ถ้าดูจากปริมาณมูลนกที่นี่แล้ว น่าจะมีนกมารวมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยากมาก ผมก็ได้รายงานปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้นไปแก่เบื้องบนแล้ว ในอนาคตอันใกล้ พวกเราจะเพิ่มการบันทึกและตรวจสอบการอพยพของนกอพยพที่อยู่โดยรอบมากขึ้น หวังว่าจะค้นหาสาเหตุได้ในเร็ววัน ”
หยางโปที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อได้ฟังคำอธิบายของผู้เชี่ยวชาญ ก็ส่ายหน้าเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไรมาก เขาหันหลังและเดินจากไป
แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ หลังจากที่นักข่าวสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว จะหันมา ไล่ตามไปหยุดอยู่ตรงหน้าหยางโป ” คุณผู้ชาย คุณเป็นเจ้าของอาคารนี้ใช่หรือเปล่า ? ”
หยางโปตกใจทันที แต่ก็ยังยอมรับตอบกลับไป “ ใช่ ผมเป็นเจ้าของตึกนี้ ”
“ สวัสดีค่ะ ขอสอบถามหน่อยนะคะ เรื่องเมื่อคืนวานคุณได้รับความเสียหายอะไรไหม ?
คุณคิดว่าเรื่องนี้มีสาเหตุความเป็นไปได้คืออะไรค่ะ ? ” นักข่าวสอบถาม
หยางโปครุ่นคิดสักพัก “ ผมเก็บของของผมเข้าห้องหมดแล้ว ดังนั้นเลยไม่มีอะไรเสียหาย
แค่เข้าออกไม่สะดวกเท่านั้น แต่สำหรับสาเหตุ ผมคิดว่าที่มูลนกมากระจุกตัวอยู่ด้วยกัน
บางทีอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้ ”
เมื่อศาสตราจารย์หวางได้ยิน ก็รีบอธิบายและโต้กลับไปอย่างรวดเร็ว “ นี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน จากที่ผมดู มูลนกพวกนี้เป็นของนกสายพันธุ์เดียวกัน จึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่นกจะอพยพ สำหรับการวิจัยนกอพยพของเราแล้ว มันเป็นทิศทางการวิจัยที่ดีมาก ”
หยางโปโบกมือ “ ผมก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็เชิญตามสบายนะ ! ”
พอพูดจบ หยางโปก็ไม่พูดอะไรอีก แต่ได้ยินศาสตราจารย์หวางพูดต่อไปว่า “ ในเมื่อเขาเป็นเจ้าของ แต่พวกเขากลับไม่เข้าใจถึงข้อเท็จจริง ยังคงต้องให้พวกเราโน้มน้าวอธิบายความจริงให้พวกเขาฟังอยู่ ! ”
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น จู่ๆศาสตราจารย์หวางก็รู้สึกว่าร้อนๆบนใบหน้า เขานิ่งอึ้งไปทันที จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปมา แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย แต่ทางด้านนักข่าวถึงกับนิ่งเงียบไปเลย
ศาสตราจารย์หวางรู้สึกค่อนข้างที่จะเสียใจ เขาเอื้อมมือไปแตะหน้าตัวเอง และยิ้ม
“ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ”
จากนั้นเขาก็ลดมือจากใบหน้าลงมา ศาสตราจารย์หวางถึงกับอึ้งไปเลย ดำปนขาว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นขี้นก !
“ จะเป็นไปได้ยังไง ? ทำไมมีขี้นกอยู่อีก ! ” พอศาสตราจารย์หวางเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นนกตัวหนึ่งบินออกไปไกล !
หลายคนในที่เกิดเหตุต่างพากันหัวเราะฮ่าๆเสียงดัง จู่ๆศาสตราจารย์หวางก็รู้สึกว่าเขาขายหน้ามาก !
หยางโปเหลือบไปมองทางด้านหลัง แต่กลับไม่ได้แยแส จากนั้นเขาก็เดินตรงไปด้านหน้า
พอเดินออกมาได้สักระยะ จนกระทั่งข้างกายไม่มีใครอยู่ หยางโปถึงได้หันไปมองเหยียนหรูหยู
” เมื่อตะกี้คุณทำใช่ไหม ? ”
เหยียนหรูหยูมองไปรอบๆ “ อะไรงั้นเหรอ ? ”
“ ผมถามว่า คุณเป็นคนให้นกขี้ใส่หน้าเขาใช่ไหม ? ” หยางโปถาม
เหยียนหรูหยูส่ายหน้า “ ฉันจะทำเรื่องอุบาทแบบนั้นได้ยังไง ? ”
หลังจากลังเลอยู่สักพัก หยางโปก็มองไปที่เหยียนหรูหยูอีกครั้ง “ เมื่อคืน ผมเห็นนกจำนวนมากบินมาหยุดอยู่บนท้องฟ้า พวกมันดูเหมือนจะกระโจนบินลงมา แต่ดูเหมือนว่ากำลังกลัวอะไรบางอย่าง อยู่ ? เป็นฝีมือคุณใช่ไหม ? ”

หลินหลินค่อนข้างที่จะแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด “ ไม่ต้องสนใจหรอกว่าใครจะปล่อยข่าว ใช่ว่าแม่จะว่าลูกนะ ลูกก็ลงมือช้าเกินไป ลูกดูอี้ผิงสิ ตอนนี้เขาอยู่ด้วยกันแล้ว เหลือแค่ไปจดทะเบียนสมรสกันเท่านั้น ลูกยังจะมารอดูเวลาอะไรอีก ”
หยางโปถึงกับทำอะไรไม่ถูก “ แม่ ทำไมถึงพูดแบบนี้ พวกเรารู้จักกันมานานหลายปีแล้ว ผมยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ ”
หลินหลินไม่รู้จะพูดอะไร “ เสี่ยวโป ลูกน่ะเป็นเด็กดี บางเวลาแม่ก็วางใจในตัวลูกมาก คิดว่าลูกอยู่ข้างนอกคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ยิ่งเป็นเด็กดีแบบนี้ เรื่องคบแฟนและมีลูกมันก็จะมีปัญหาอยู่เล็กน้อย ลูกลองคิดดูสิ ตอนเด็ก เด็กๆที่เกเรพวกนั้น พอโตมาก็รีบมีลูกกันแล้วไม่ใช่เหรอ ? ”
“ แม่ นี่…… มันไม่ควรพูดแบบนี้ ! ” หยางโปเอ่ยออกมาอย่างหมดสิ้นหนทาง
แต่หลินหลินก็ยังคงพูดต่อ “ เสี่ยวโป ลูกเป็นเด็กผู้ชายนะ บางครั้งแม่ก็คิดนะว่าถ้าลูกเจ้าชู้สักหน่อยก็คงดี แบบนี้แม่คงได้อุ้มหลานไปนานแล้ว ? ”
หยางโปฟังแม่พูดจู้จี้ พูดเยอะอยู่นานมาก อันที่จริงความหมายของเธอมีแค่เพียงเรื่องเดียว อยากอุ้มหลายเร็วๆ ดังนั้นหลินหลินเลยอยากให้หยางโปทำตัวเลวหน่อย
หยางโปรู้สึกจนปัญญามาก แต่กลับเข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นแม่ เธอปล่อยมือจากเรื่องธุรกิจไปมากแล้ว และเชิญผู้เชี่ยวชาญมาดูแลกิจการให้ ดังนั้นเธอจึงมีเวลาว่างมากขึ้น บวกกับกลุ่มเพื่อนที่คบค้าสมาคมกันทั้งหมดเป็นคนเอเชีย พอมาอยู่ที่เมืองหลวง ก็เลยมีเพื่อนแค่ไม่กี่คน หยางโปก็นานๆกลับไปที มันเลยเป็นการยากที่แม่จะหลบเลี่ยงความอ้างว้างและโดดเดี่ยวได้
“ แม่ สองสามวันนี้ผมน่าจะกลับไป พอถึงเวลานั้นเดี๋ยวผมจะพาเธอกลับไปพบแม่ แม่ว่าดีไหม ? ”หยางโปกล่าว
หลินหลินนิ่งอึ้งไปเลย “ จริงเหรอ ? ”
หยางโปหัวเราะดังออกมา “ ทำอย่างกับผมจะโกหกแม่งั้นแหละ ? ”
หลินหลินกล่าวว่า “ ชิงหยุนเป็นเด็กดี แม่ชอบเธอมาก พูดตามตรงเลยนะ ตอนที่แม่เจอกับลูกครั้งแรก ตอนนั้นแม่ยังคิดเลยว่าเด็กผู้ชายที่ซื่อๆพูดน้อยอย่างลูก กลัวว่าคงหาแฟนยาก ตอนนี้แม่ใกล้สบายใจแล้ว ! ”
“ แม่ นี่มันเป็นปัญหาทางสายตาของแม่เองนะ ” หยางโปกล่าว
มันไม่ง่ายเลยที่จะเกลี้ยกล่อมให้แม่วางสาย หยางโปถือโทรศัพท์อยู่อย่างลังเลใจ แต่ก็ยังกดต่อสายโทรหาฮัวชิงหยุน
……
พอโจวซินออกมาจากบ้านหยางโป ก็พบกับเสวียนจงที่ยืนรออยู่นอกประตู เสวียนจงแทบอดทนรอที่จะเอ่ยถามไม่ได้ “ คุณสอบถามอะไรมาได้บ้าง ? ผมรู้สึกว่าพลังของศิษย์พี่หยางลึกล้ำเหลือกำหนด น่าจะก้าวหน้าไปมากเขาคงไม่ได้รับยาอายุวัฒนะมาหรอกนะ ? ”
โจวซินส่ายหน้า “ คุณยังจำได้ไหม ? วันนั้นบนพื้นผิวทะเลสาบมีพลังที่แข็งแกร่งมาก เพราะเขาฝึกฝนอยู่บนพื้นผิวทะเลสาบ ถึงได้มีวรยุทธที่สูงขึ้น ”
เสวียนจงตกตะลึง “ เป็นแบบนี้เหรอ ? ”
โจวซินพยักหน้า “ นอกจากเรื่องนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ คุณก็เห็นนี่ ในบ้านเขายังมีอะไรอีกไหม ? ”
เสวียนจงค่อนข้างที่จะสับสน “ คุณไม่รู้สึกเลยหรือว่าผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างที่จะทำตัวแปลกๆ ? ”
“ แปลกเหรอ ? เหยียนหรูหยูสวยมากจริงๆ เหมือนกับชื่อของเธอเลย ใบหน้างดงามราวกับหยก ! ”เมื่อโจวซินพูดถึงเหยียนหรูหยู สีหน้าก็ดูเคลิบเคลิ้มขึ้นมาก..Aileen-novel
เสวียนจงหันไปมองโจวซิน ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขามักจะรู้สึกว่าโจวซินเป็นเพื่อนร่วมทีมที่โง่เขลาซะจริงๆ ทุกครั้งมันรู้สึกบอกไม่ถูก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สิ่งที่เขาให้ความสำคัญ กับสิ่งที่คนอื่นให้ความสำคัญ มันไม่เหมือนตรงกันเลย
“ คุณสัมผัสไม่ได้จริงๆเหรอว่าผู้หญิงคนนั้นมีลักษณะท่าทางที่ดีเกินไป บนตัวเธอมีกลิ่นของแม่ชีอยู่ ! มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเล็กน้อยที่ทำให้คุณไม่สามารถสัมผัสได้ ! ” เสวียนจงกล่าว
โจวซินส่ายหัว “ คุณคิดมากไปแล้ว ผมสัมผัสได้ว่าไม่มีพลังบนตัวเหยียนหรูหยู เธอเป็นเพียงหญิงสาวสวยธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ! ”
พอพูดจบ โจวซินก็อดไม่ได้ที่จะถูมือไปมา ดูค่อนข้างที่จะร้อนรนใจอยากจะลองตามจีบดูอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสักครู่เขาสนใจเหยียนหรูหยู เขาถึงกับคิดดีแล้ว ว่าจะหาโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ ต่อให้สภาพมันจะดูแย่ไปหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร แค่สะดวกมาหาเหยียนหรูหยูทุกวันได้เขาก็ยินดี !
เสวียนจงมองท่าทางของโจวซิน ก็อดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ เดิมทีเขาวางแผนที่จะวางเดิมพันหนักไปกับโจวซิน เขาต้องการลงทุนกับโจวซิน เพื่อที่เขาจะได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังโจวซินในอนาคต แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าโจวซินไม่มีความคุ้มค่าที่จะลงทุนด้วยเลย !
แต่ยังไงซะ เสวียนจงก็ยังเดินตามหลังโจวซินอย่างเต็มอกเต็มใจและเตรียมพร้อมที่จะทำงานให้
คืนนั้น หลูตงซิงมาหาเพื่อขอให้หยางโปสอนและอธิบายกับปัญหาเล็กๆบางอย่างที่พบในช่วงนี้ เพราะหลูตงซิงใช้โสมร้อยปีมาตลอด ครั้งนี้เขาจึงนำวัตถุดิบยามาด้วยจำนวนมาก เพื่อขอให้หยางโปช่วยต้มยาให้
เมื่อหยางโปเห็นวัตถุดิบยาของหลูตงซิง ก็เข้าใจทันทีว่าหลูตงซิงยังคงอดทนไม่ได้ คิดที่จะใช้โสมคนพันปี
หยางโปมองหลูตงซิงอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งอีกฝ่ายมีสีหน้าประหม่า หยางโปถึงเอ่ยออกมาว่า “ ระยะนี้คุณก้าวหน้าไปเร็วมาก ถ้าว่ากันด้วยเหตุผลแล้ว การใช้โสมพันปีมีผลดี
แต่คุณก็ต้องเข้าใจ ถ้าก้าวหน้าไปเร็วเกินไป มันจะไม่ดีต่อการฝึกฝนในภายภาคหน้าของคุณ ! ”
หลูตงซิงมีหน้าท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง เขามีอาการลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังเอ่ยปากพูดออกมา
“ นายก็รู้ ขั้นวรยุทธของฉันในตอนนี้ ฉันก็อายุไม่น้อยแล้ว ถ้ายังไม่รีบบรรลุ เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่มีความหวังอะไรแล้ว ! ”
หยางโปจ้องหน้าหลูตงซิง และส่ายหน้าให้เล็กน้อย แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายของหลูตงซิงดี หลูตงซิงอายุห้าสิบกว่าแล้ว ถ้าไม่รีบบรรลุ ถ้าอย่างนั้นทุกสิ่งอย่างที่เขาเพียรพยายามทำมา
มันก็จะไม่มีความหมาย
“ ตกลง ผมจะช่วยคุณ ! ” หยางโปกล่าว
หลูตงซิงเตรียมวัตถุดิบยาไว้เยอะมาก และมีบางส่วนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ มีบางอย่างที่มีมากเกิน หยางโปนำวัตถุดิบยามาคลุกรวมกัน เตรียมยาไว้ชุดหนึ่ง และนำโสมคนพันปีมาอีกครั้ง ใช้มีดหยกหั่นออกมาชิ้นหนึ่ง เมื่อทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมแล้ว เขาก็นำไปต้มในหมอตุ๋นยา
เหยียนหรูหยูดูเหมือนจะได้กลิ่นบางอย่างเข้า จึงเดินออกมาจากห้อง เธอหันมองไปทางห้องครัวและเดินกลับเข้าไปอีกครั้ง
ลัวย่าวหัวเดินออกมานานแล้ว เขาเดินกะโผลกกะเผลกตามหลังหยางโปมา “ หยางโป เมื่อไหร่ที่ฉันพอจะดื่มได้สักนิดหนึ่งบ้าง ? ”
“ นายอยากดื่มเหรอ ? ” หยางโปมองไปทางลัวย่าวหัว
ลัวย่าวหัวรีบพยักหน้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ อ้อ งั้นนายก็ต้มเองสิ ! ” หยางโปตอบกลับ
ลัวย่าวหัวหมดคำพูดไปทันที เขามองหน้าหยางโป “ ถ้าเราไม่ทำแบบนี้เหล่าหลูจะได้รับการบริการดีขนาดนี้ได้ยังไง ? ”
“ โสมเป็นของเหล่าหลู นายไปถามเขาดูสิ ” หยางโปเสนอให้
ลัวย่าวหัววิ่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลูตงซิง “ เหล่าหลู พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขนาดนี้…… ”
สรุปคือไม่รอให้ลัวย่าวหัวพูดจบ หลูตงซิงก็พูดตัดบทก่อน “ อ้อ งั้นเดี๋ยวเอาโสมให้คุณชิ้นหนึ่ง
คุณเอาไปชงชาดื่มก็แล้วกัน ! ”
ลัวย่าวหัวพูดอย่างขุ่นเคืองใจ “ พวกคุณนี่มันจริงๆเลย รังแกกันเกินไปแล้ว ! ”
ลัวย่าวหัวเองก็รู้ว่าตัวเขาเองไม่สามารถดื่มโสมคนพันปีได้ จึงไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจมากนัก
แต่เพื่อไม่ให้มโนฝันกลางวันไปวันๆ จึงหันหลังเดินกลับห้องไป
หยางโปปิดหน้าต่างทุกบานในห้อง ครั้งนี้เขาเทยาโสมคนพันปีออกมา แล้วให้หลูตงซิงดื่มไปรวดเดียว จากนั้นเขาก็ทำความสะอาดหม้อตุ๋นยาอย่างรวดเร็ว และเตรียมตัวให้พร้อม
แต่พอทำความสะอาดหม้อตุ๋นยาเสร็จ หยางโปก็ตกตะลึงไปทันที ตอนนี้เขาอยู่บนตึกสูง คงไม่ทำให้วุ่นวายไปทั้งตึกหรอกนะ ?

เหยียนหรูหยูเพิกเฉยต่อโจวซิน เธอแค่เหลือบมองหยางโป เมื่อเห็นเขาพยักหน้าตอบ เธอก็เดินกลับเข้าห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก
โจวซินมองเหยียนหรูหยูที่เดินออกไป จึงรีบหันหน้ามาทางหยางโปอย่างรวดเร็ว
“ หยางโป เธอเป็นใครเหรอ ชื่ออะไร ? เป็นคนที่ไหน ? ”
หยางโปยิ้มให้ แต่กลับรู้สึกแปลกใจ เขาคิดว่าพวกเขาน่าจะรู้จักกัน แต่ที่ไหนได้ โจวซินกลับไม่รู้จักเลย เดิมทีเขาวางแผนที่จะให้โจวซินพาเหยียนหรูหยูกลับไปด้วย แต่ตอนนี้โจวซินดูซื่อบื้อมาก
แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ !
“ เธอชื่อเหยียนหรูหยู ปกติก็พูดน้อยมาก ผมคิดว่าคุณสามารถลองพูดคุยกับเธอได้ ” หยางโปกล่าว
โจวซินหัวเราะ “ จริงเหรอ ? ”
เสวียนจงที่นั่งอยู่ด้านข้างปากอ้าค้างไปเลย ความสามารถที่จะทำให้งานนั้นประสบความสำเร็จได้นั้นไม่มี แต่ความสามารถที่จะทำให้งานพังพินาศนั้นมีอยู่มากมายจริงๆ หรือคิดว่าหนังสือโป๊เป็นตำราลับการฝึกคู่เข้าให้จริงๆ คนๆนี้มันนักเสี่ยงโชคชัดๆ !
“ โจวเต๋าโยว ในเมื่อคุณมาหาศิษย์พี่หยางได้อย่างปลอดภัย ผมยังมีเรื่องให้ต้องไปจัดการใน
หยูหางอยู่ ขอตัวกลับก่อนนะ ” เสวียนจงกล่าว
เสวียนจงต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อเตือนโจวซินให้ทำแต่เรื่องที่มีสาระ แต่คิดไม่ถึงว่าโจวซินเหมือนจะฟังไม่เข้าใจเลย แทบทนรอจะโบกมือให้เขาไม่ได้ “ ไม่เป็นไร คุณไปเถอะ ในเมื่อคุณมีธุระ ก็รีบไปทำเถอะ ! ”
เสวียนจงตาเบิกกว้าง จากนั้นถึงได้ค้นพบว่า เขาคบกับเพื่อนร่วมทีมที่โง่เง่าอย่างกับหมูจริงๆ
มีคนๆแบบนี้อยู่ด้วย ต่อให้เก็บไว้ข้างกาย เกรงว่าคงทำเรื่องอะไรคงไม่สำเร็จ เมื่อเทียบกับการทำงานของหยางโป เขารู้สึกว่านิสัยของทั้งสองคนไม่มีอะไรที่เทียบกันได้เลย !
“ งั้นตกลง ผมไปก่อนนะ ” เสวียนจงกล่าว
เสวียนจงยืนขึ้น เปิดประตู และเดินออกไป แม้แต่ไปส่งโจวซินก็ยังไม่คิดที่จะทำ !
ทันทีที่เสวียนจงออกไป โจวซินก็เหลือบมองไปที่ลัวย่าวหัว ” พี่ชายท่านนี้คือ ? ”
ลัวย่าวหัวเหลือบมองหยางโป เมื่อเห็นหยางโปพยักหน้าให้ เขาจึงลุกขึ้นและเดินกลับเข้าไปในห้อง แม้ว่าเขาจะมีความสนใจต่อหัวข้อต่อไปของทั้งสองคนมาก แต่เขาก็รู้ตัวเองดีว่ามันไม่เหมาะสม
รอจนในห้องเงียบแล้ว โจวซินก็หันมาหาหยางโปและพูดขึ้นว่า ” หยางโปคุณก็น่าจะรู้ดีว่าผมจะถามอะไรใช่ไหม ? ”
หยางโปหันมามองหน้าโจวซิน ” อ้อ คุณอยากถามอะไรล่ะ ? ”
โจวซินจ้องมองมาที่เขา “ คุณก็น่าจะรู้ดีนะว่าเหตุผลที่ผมรีบมาที่หยูหาง ก็เพื่อรับโอกาสและโชคชะตาที่เกิดขึ้นในทะเลสาบซีหู แต่วันนั้นมันไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่ปรากฏตัวขึ้นที่ทะเลสาบ โอกาสและโชคชะตานั้นกลับไม่ตกถึงผม ดังนั้นผมเลยอยากจะถามคุณว่า คุณได้รับโอกาสและโชคชะตานั้นไปใช่หรือเปล่า ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ ผมไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่คุณพูด แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมรู้ดี คือ ผมก็ไม่ได้รับโอกาสและโชคชะตาอะไรเลยเหมือนกัน ! ”
โจวซินจ้องมองหยางโป “ ผมรู้สึกได้อย่างชัดเจน ไม่เจอกันมาหลายวัน ขั้นวรยุทธของคุณดูเหมือนจะสูงขึ้นมาก ! ”
หยางโปยิ้ม “ ถ้าคุณพูดแบบนี้ งั้นผมก็พอจะนึกขึ้นมาได้แล้วจริงๆ วันนั้นตอนอยู่ที่พื้นผิวทะเลสาบ ไม่รู้ว่าคุณจะทันสังเกตเห็นไหม พลังบนพื้นผิวทะเลสาบแข็งแกร่งกว่าปกติมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พลังที่แข็งแกร่ง ความรวดเร็วในการดูดซับก็เร็วมากขึ้นเช่นกัน เพราะวันนั้นพลังของผมถึงได้เพิ่มขึ้นมามากทีเดียว หากนี่เป็นโอกาสและโชคชะตาแล้วละก็ ผมคงได้รับมันมาแล้วล่ะ ”
โจวซินตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาจำสถานการณ์ในวันนั้นได้ วันนั้นหยางโปนั่งสมาธิอยู่ในเรือจริงๆ ตอนนั้นเขายังคงหัวเราะเยาะว่าหยางโปโง่อยู่เลย มีหรือจะคิดว่า หยางโปจะได้รับโอกาสและโชคชะตาในเหตุการณ์ในครั้งนั้นไปจริงๆ !
โจวซินจ้องมองไปที่หยางโป ดูเหมือนว่าเขาจะสัมผัสได้ ว่าบนตัวของหยางโปจะมีพลังรายล้อมอยู่รอบตัว พลังแบบนี้มีเพียงวรยุทธขั้นที่ฝึกฝนสำเร็จลุล่วงสมบูรณ์แล้ว ถึงจะสัมผัสได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาจเป็นเพราะหยางโปไม่ได้เรียนรู้ลูกไม้ปกปิดอะไรบางอย่างไว้ ดังนั้น เขาถึงสัมผัสมันได้ !..ไอรีนโนเวล
“ คุณบรรลุถึงขั้นหยิ่นชี่จิงแล้วเหรอ ? ” โจวซินจ้องหน้าหยางโป ด้วยสีหน้าค่อนข้างแปลกใจ
หยางโปพยักหน้า ” ขาดไปอีกขั้น ”
โจวซินจ้องมองหยางโป และรู้สึกเสียใจ ก่อนหน้านี้ครอบครัวบอกเขามาตลอดว่าจะได้รับโอกาสและโชคชะตาบนทะเลสาบซีหู แต่กลับบอกรายละเอียดแก่เขาไม่ชัดเจน แต่เวลานี้พอมาเห็น
หยางโปประสบความสำเร็จในขั้นหยิ่นชี่จิงอย่างสมบูรณ์ เขาก็อดไม่ได้ที่จะบ่นว่า ถ้าเขารู้เรื่องนี้ล่วงหน้า เขาคงไม่พุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างไร้ทิศทาง !
โจวซินส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้และยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขามองไปที่หยางโปอีกครั้ง
“ ผมเห็นหนังสือสองสามเล่มวางอยู่บนชั้นวางหนังสือของคุณที่บ้าน ทั้งหมดเป็นตำราลับของคุณใช่ไหม ? ”
“ หนังสือเล่มไหน ? ” หยางโปถามอย่างสงสัย อันที่จริงเขารู้ว่าหยางหลางมีนิสัยชอบสะสมหนังสือประเภทนั้น หยางหลางถึงกับเอามันออกมาวางอย่างเปิดเผย แต่เมื่อเขาได้ยินว่าโจวซินซื้อหนังสือไปในราคาแสนหยวน ถึงกับรู้สึกมึนไปเลยทีเดียว เพราะเขาคิดว่าถ้าทำธุรกิจนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ แม้แต่คนที่พิการทางสมองก็คงจะร่ำรวยได้เช่นกัน !
โจวซินจ้องหน้าหยางโป เมื่อเห็นว่าเขามีสีหน้าท่าทางแปลกๆ จึงถามไปว่า “ ( บุปผาในกุณฑีทอง )และ ( รูปภาพภายใน ) ยังมี…. ”
ไม่รอให้โจวซินพูดจนจบ หยางโปก็หัวเราะลั่นออกมา เขามองหน้าโจวซิน “ คุณคิดว่าของพวกนี้เป็นตำราลับอะไร ? ตำราลับฝึกคู่ใช่ไหม ? ”
เมื่อโจวซินเห็นใบหน้าของหยางโปเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก็รู้ทันทีว่าตัวเองอาจทำพลาด เขาพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไร
“ ช่างเถอะ ในเมื่อซื้อมาแล้ว คุณก็เก็บมันไว้ดูเองเถอะ ! ” หยางโปกล่าว
หลังถามคำถามเหล่านี้แล้ว โจวซินก็หันไปมองหน้าหยางโป ” ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนของคุณใช่หรือเปล่า ? ”
“ คุณอยากจีบเธอว่างั้น ? ” หยางโปถาม
โจวซินพยักหน้า ” ผมรู้สึกว่าเธอสวยมากจริงๆ ! ”
หยางโปยิ้มและยกมือขึ้นดูเวลา “ วันนี้เอาตามนี้ก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวสักครู่ผมยังมีธุระอยู่ ถ้าคุณว่างค่อยมาหาล่ะกัน ! ”
โจวซินถามว่า “ คืนนี้พอจะว่างไหม ? ”
หยางโปนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง อีกฝ่ายดูมีสีหน้าร้อนใจเกินไปไหม ? เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองโจวซิน “ ขอเวลาอีกสองสามวัน รออีกไม่กี่วันถ้าผมว่างจะเชิญคุณไปกินข้าวกัน ”
โจวซินพยักหน้า จากนั้นถึงได้ลุกขึ้นและกล่าวคำอำลา
หลังจากที่ ส่งโจวซินกลับไปแล้ว ลัวย่าวหัวก็วิ่งออกมา ” เป็นยังไงบ้าง ? สำเร็จไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า “ หลอกได้แล้ว เจ้าคนนี้เซ้าซี้จริงๆ ! ”
ลัวย่าวหัวหยิบสมุดบันทึกออกมาแล้วยื่นให้หยางโป “ ประโยคนี้หมายความว่าไง ? ”
หยางโปชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเหลือบมองลัวย่าวหัวอีกครั้ง “ จริงจังขนาดนั้นเลย ? ”
“ นายก้าวหน้าไปกว่าฉันมากแล้ว ตอนนี้นายต้องจริงจังกว่าฉันแน่นอน ถ้าฉันยังไม่จริงจังอีก
มันก็จะสายเกินไป ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปยิ้มและอธิบายให้ลัวย่าวหัวฟังอีกรอบ
พอพลบค่ำ หยางโปก็ได้รับโทรศัพท์จากหลินหลิน หลินหลินที่เป็นฝ่ายทักทายก่อนแล้วถามต่อว่า ” แฟนของลูกอยู่กับลูกไหม ? ให้เธอรับสายหน่อย ! ”
หยางโปชะงักไปครู่หนึ่งและมองไปรอบๆ เวลานี้มีเขาเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ในห้องนอน ไม่มีใครอื่นอยู่อีกแล้ว ?
“ แม่ ไม่มีนะ คืนนี้ผมไม่ได้มีนัด เธอไม่ได้อยู่กับผม ” หยางโปตอบ
หลินหลินพูดอย่างกังวลใจ “ เสี่ยวโป ลูกต้องจำไว้นะว่าเราไม่กลัวว่าฝ่ายหญิงจะท้อง ไม่ต้องป้องกันนะ ถ้าเกิดมีลูกขึ้นมาจริงๆ แม่จะดีใจมาก พอถึงเวลาแม่จะเป็นคนเลี้ยงลูกให้เองนะ ! ”
“ แม่ แม่ไปได้ข่าวมาจากไหน ? ทำไมถึงมีข่าวแบบนี้หลุดออกมาได้ ? ” หยางโปถามอย่างจนปัญญา

“ ผมอยู่บ้าน ” หยางโปตอบ
โจวซินหัวเราะ ” ผมมาถึงชั้นล่างตึกบ้านคุณแล้ว คุณช่วยเปิดประตูให้เราหน่อยสิ ! ”
หยางโปครุ่นคิดเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ ได้ พวกคุณรอสักครู่ ผมจะเปิดประตูให้เดี๋ยวนี้ ”
หยางโปเดินออกไปกดปุ่มเปิดประตูให้ จากนั้นถึงได้หันมองทางเหยียนหรูหยู บางทีการมาของ อีกฝ่ายในครั้งนี้ อาจจะมาพาเหยียนหรูหยูไปด้วย !
ลัวย่าวหัวเดินออกมาด้วยความสงสัย ” ใครเหรอ ? ”
หยางโปอธิบายให้ฟัง ” เพื่อนคนหนึ่งของเยว่จวิ้นเหยา เขาเพิ่งลงมาจากเขา มีหลายเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ ถ้ามีเรื่องอะไร นายก็ไม่ต้องไปสนใจเขา ”
ลัวย่าวหัวยิ้ม “ นายวางใจได้ ”
ไม่นาน กริ่งประตูก็ดังขึ้น หยางโปจึงไปเปิดประตูให้ เมื่อเห็นโจวซินและเสวียนจงยืนอยู่นอกประตู เขาก็พยักหน้าและผายมือเชิญทั้งสองเข้ามา
โจวซินจ้องหยางโปเขม็ง สักพักถึงจะเดินตามหยางโปเข้ามา
หลังจากเดินเข้ามาในห้องแล้ว โจวซินก็ยังคงมองไปรอบๆตัวเอง เหมือนกับกำลังมองหาอะไรสักอย่าง
ทางเสวียนจงจึงทำได้เพียงเอ่ยออกมาอย่างเก้อเขิน ” ศิษย์พี่หยาง มาเยี่ยมหาอย่างกะทันหัน
ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ”
หยางโปส่งยิ้มให้ ” พวกคุณไม่ได้อยู่ที่หยูหางกันเหรอ ? หาที่นี่เจอได้ยังไง ผมจำได้ว่าไม่ได้บอกที่อยู่ให้พวกคุณรู้นะ ? ”
เสวียนจงเหลือบมองโจวซิน เมื่อเห็นว่าเขายังคงมองไปรอบๆอยู่ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอธิบายไปว่า ” พวกเราไปสอบถามที่อยู่มา โจวเต๋าโยวมีคำถามอยากจะถามคุณสักหน่อยนะ ”
พอพูดจบ เสวียนจงก็หันมองไปทางโจวซิน ” ใช่ไหมโจวเต๋าโยว ? ”
โจวซินนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ” คุณพูดว่าอะไรนะ ? ”
เสวียนจงทำอะไรไม่ถูกไปเล็กน้อย ” เมื่อสักครู่ผมบอกกับศิษย์พี่หยางไปว่าคุณมีคำถามอยากจะสอบถามเขา ถ้าคุณมีคำถามอะไร ก็เริ่มถามตอนนี้เลยสิ ! ”
โจวซินถึงได้ยิ้มออกมา “ ใช่ ผมมีคำถามสองสามข้อ อยากจะถามคุณสักหน่อยนะ ”
หยางโปมองหน้าอีกฝ่ายเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ อ้อ มีปัญหาอะไรเหรอ ? ”
โจวซินลังเลเล็กน้อย เขาจ้องหน้าหยางโป ” วันนั้น ทำไมคุณถึงไปปรากฏตัวอยู่ที่ทะเลสาบซีหู ? ”
“ อ้อ แล้วทำไมคุณถึงไปปรากฏตัวอยู่ที่ทะเลสาบซีหูล่ะ ? ” หยางโปจ้องหน้าอีกฝ่าย
โจวซินสะดุ้งตกใจ แต่ก็ได้สติกลับมา ในเมื่อตัวเองมีครอบครัวช่วยดูดวงโอกาสและโชคชะตาในครั้งนี้ให้เขาได้ ถ้าอย่างนั้นหยางโปก็อาจมีคนช่วยดูดวงให้เช่นกัน เยว่จวิ้นเหยาบอกว่าเขาไม่ได้มีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่มีอาจารย์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้จะเชื่อได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น !..Aileen-novel
โจวซินมีอาการลังเลเล็กน้อย “ ตอนนั้นคุณเห็นอะไรบ้างไหม ? ”
หยางโปจ้องโจวซินตาเขม็ง เขาไม่รู้ว่าคำตอบของเขาจะสร้างปัญหาให้กับอีกฝ่ายแค่ไหน แต่ยังไงซะ เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะถามเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหลังจากนั้น เขายิ้มและเอ่ยปากพูดว่า
“ ผมเห็นพื้นผิวทะเลสาบที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มองเห็น เรือลำเล็กที่อยู่ทางด้านนั้นของพวกคุณ และมองเห็นพวกคุณด้วย แถมยังมีฟ้าร้องและฟ้าผ่าอีก ”
โจวซินยังคงจ้องมองหยางโปอย่างไม่ล่ะสายตา อยากได้คำตอบบางอย่างจากความจำของเขา แต่คิดไม่ถึงว่าหยางโปจะไม่กระพริบตาเลย ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรจริงๆ
เมื่อเป็นแบบนี้ โจวซินก็อดไม่ได้ที่จะสับสนมากขึ้นไปอีก หลังจากตื่นขึ้นมาในทะเลสาบ ความคิดแรกของเขาคือต้องมาหาหยางโป เพราะเขาคิดว่าหยางโปน่าจะเป็นคนที่ได้รับโอกาสและโชคชะตาไป แต่ตอนนี้เมื่อมาสอบถามด้วยตัวเอง โจวซินกลับรู้สึกไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันยังไง เพราะเขาก็ไม่รู้แน่ชัดว่าแท้จริงแล้วโอกาสและโชคชะตานี้คืออะไรกันแน่ ?
มันเป็นตำราลับเล่มหนึ่ง ? หรือว่าเป็นอาวุธวิเศษ ? หรืออาจจะเป็นยาอายุวัฒนะที่สามารถเพิ่มพลังได้ ?
โจวซินหันไปมองหยางโป ” คุณไม่เห็นสิ่งอื่นบ้างเลยจริงๆเหรอ ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ สภาพแวดล้อมในตอนนั้นมีพลังอยู่มากมาย ผมฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอยู่ตลอดเวลา ไม่ทันได้สังเกตเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบ ยิ่งไปกว่านั้น เรือที่ผมนั่งมาก็ยังถูกคลื่นซัดจนพลิกคว่ำลงอย่างรวดเร็ว มองไม่เห็นอะไรเลย ”
เมื่อโจวซินฟังมาจนถึงจุดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมดสิ้นหนทาง เวลานั้นเขาเห็นเรือของหยางโปถูกคลื่นซัดจนพลิกคว่ำและเขาก็จมลงสู่ก้นทะเลสาบ คำตอบที่ได้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัดกลุ้มใจขึ้นมา
ลัวย่าวหัวที่นั่งอยู่ด้านข้าง เมื่อได้ฟังที่พวกเขาสนทนากัน ก็รู้สึกงุนงงขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พื้นผิวทะเลสาบอะไร พบของอะไร ? หรือว่า พวกเขาจะไปว่ายน้ำเล่นกันที่ทะเลสาบซีหู ?
เสวียนจงรีบพูดต่อ “ ศิษย์พี่หยาง เกรงว่าคุณจะยังไม่รู้แน่ชัด วันนั้นโจวเต๋าโยวไปว่ายน้ำที่นั่น
และตกลงไปในทะเลสาบ แต่วันนั้นบังเอิญเขาได้สูญเสียสิ่งที่บรรพบุรุษสืบทอดมาให้ ดังนั้น
ถึงได้แทบอดทนรอไม่ไหวที่จะตามหามันกลับมา ”
“ อ้อ จริงเหรอ ? ทำของหาย ? ” หยางโปเอ่ยถาม
โจวซินพยักหน้าลงอย่างหน้าด้าน “ ใช่ทำของหายไปชิ้นหนึ่ง วันนั้น ผมเอากระจกมาด้วยบานหนึ่ง มันคือกระจกแสงจันทร์ ”
ใบหน้าของหยางโปเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองหน้าโจวซิน ” กระจกแสงจันทร์เหรอ ? คุณแน่ใจใช่ไหม ? ”
โจวซินมีอาการสับสนเล็กน้อย “ ใช่ กระจกแสงจันทร์เป็นของผม นั่นเป็นโอกาสและโชคชะตาของผม ! ”
โจวซินดูเหมือนจะเข้าใจในทันที ในเมื่อวันนั้นไม่ได้มีของอะไรปรากฏขึ้น และยังไม่มีโอกาสและโชคชะตาอื่นปรากฏขึ้น ถ้าอย่างนั้นโอกาสและโชคชะตาของเขา อาจจะอยู่บนตัวของหยางโปก็ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ มันก็มีเพียงกระจกแสงจันทร์เท่านั้นที่ใช่ !
ในที่สุด ลัวย่าวหัวก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “ คุณบอกว่ากระจกแสงจันทร์เป็นของคุณ
คุณมีหลักฐานไหม ? แต่ผมเห็นกระจกแสงจันทร์อยู่ในมือเขามานานแล้ว ! ”
โจวซินชายตามองลัวย่าวหัว ” คุณเป็นใคร ? ”
ลัวย่าวหัวจึงตอบกลับไปว่า “ ไม่สำคัญหรอกว่าผมเป็นใคร ผมแค่รู้ว่าตัวเองไม่ชอบคนที่ชอบปั้นน้ำเป็นตัว ”
“ หยางโป คุณปล่อยให้เขาพูดแบบนี้เหรอ ? ” โจวซินมองหน้าหยางโป
หยางโปเทน้ำใส่แก้วดื่มแล้วพูดว่า ” โจวซิน คุณมันชอบปั้นน้ำเป็นตัว อยากให้ผมโทรหา
เยว่จวิ้นเหยาและถามเธอตอนนี้เลยไหม ? ”
“ จะถามเธอไปทำไม ? ต่อให้ถามเธอไป ผมก็ยังจะพูดเหมือนเดิม ! ” โจวซินกล่าว
หยางโปจ้องมองโจวซิน ” ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็จะโทรหาเธอ พวกเราจะได้มาพิสูจน์กันไปเลย ! ”
พอพูดจบ หยางโปไม่ลังเลเลยที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมา
“ คุณเป็นลูกผู้ชายไหม ทำไมต้องไปหาผู้หญิงมาตัดสินให้ด้วย ? ” โจวซินรีบเอ่ยออกมาทันที
หยางโปหันมองไปทางโจวซิน และส่ายหัวให้เล็กน้อย โจวซินยังอ่อนหัดเกินไป ไม่ได้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเหมือนอย่างเสวียนจง ทางเสวียนจงพูดเพียงไม่กี่คำ แต่สิ่งที่เขาพูดออกมา ก็ยังคงถึงจุดเป็นจุดตายมาก
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น จู่ๆประตูห้องก็เปิดออก เหยียนหรูหยูก็เดินออกมาจากห้อง
โจวซินที่แต่เดิมไม่ทันสังเกตเห็น แต่เมื่อเขาเห็นหยางโปหยุดนิ่งไป จึงหันกลับไปมองทางนั้น
เขาก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง เพียงแค่ชำเลืองมอง โจวซินก็รู้สึกหลงเสน่ห์ไปในทันใด !
เหยียนหรูหยูสวมชุดเดรสยาวสีขาว ที่ขาวราวกับหยก ใบหน้างดงามราวกับเดินอยู่ในภาพวาด
ทุกย่างก้าวทำให้ใจสั่นไหวไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ราวกับนางฟ้าที่ลงมาจุติยังโลกมนุษย์
โจวซินจ้องเหยียนหรูหยูตาเขม็ง จนลืมจุดประสงค์ที่เขามา ” คุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร ? ”
เหยียนหรูหยูไม่สนใจเขาเลย เธอหันไปมองหน้าหยางโป ” ฉันจะเอากระจกเทียนหลัวกลับ จะเอาให้ใครไม่ได้เด็ดขาด ! ”
หยางโปตกใจเล็กน้อย เขานึกไม่ถึงว่าเหยียนหรูหยูจะได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกันอยู่ในห้อง เขาพยักหน้าและขานรับว่า ” อืม ! ”
โจวซินกลับขำกลิ้ง ” คุณผู้หญิง กระจกเทียนหลัวคืออะไร ? สู้มอบให้ผมดูแลรักษาไว้ให้ไม่ดีกว่าเหรอ ? ”

พอรับสาย ก็ได้ยินเสียงหยางหลางดังมาตามสาย ” วันนี้เพิ่งจะมีคนมาที่บ้านเราสองคน พวกเขาบอกว่าเจอกันกับนายครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนกันมานาน ตอนนั้นลืมขอข้อมูลติดต่อของนายไว้ เลยมาหาเราที่บ้าน ”
ได้ยินแบบนั้นหยางโปก็ตกตะลึงนิ่งอึ้งทันที “ ใคร ? ”
” คนหนึ่งอายุราวยี่สิบกว่าๆ ดูค่อนข้างจะซื่อบื้อ ขอเข้าไปดูห้องนาย ฉันเลยพาเขาไปที่ห้องของฉัน และบอกไปว่าเป็นห้องของนาย คิดไม่ถึงว่าจะชอบหนังสือโป๊สามเล่มของฉันที่วางอยู่บนชั้นหนังสือ ท้ายที่สุดก็ซื้อมันไปในราคาเล่มล่ะแสน ” หยางหลางกล่าว
หยางโปยังคงรู้สึกไม่ค่อยจะเข้าใจ เพราะเขาไม่รู้จักคนแบบนี้จริงๆ นี่มันคนที่มีสภาพจิตใจแบบไหนกัน ? ถึงได้ยอมจ่ายเงินซื้อหนังสือโป๊สามเล่มไปในราคาสามแสนหยวนได้ ?
“ เขาชื่ออะไร ? ” หยางโปถาม
หยางหลางกล่าวว่า “ ฉันก็ไม่รู้ พวกเขาไม่ได้บอก ”
“ แล้วบอกไหมว่ามาตามหาฉันทำไม ? แล้วอีกคนมีลักษณะท่าทางยังไง ? ” หยางโปถาม
“ พวกเขาก็ไม่ได้บอกนะว่ามาหานายทำไม แต่ฉันคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องดี รู้สึกว่าพวกเขาแปลกมาก อีกคนอายุสามสิบกว่าดูปกติหน่อย ส่วนคนที่อายุยี่สิบกว่าจ่ายเงินล้านหนึ่งซื้อกระบี่ไม้ท้อไป ! ” หยางหลางกล่าว
หยางโปชะงักไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้สติกลับมา บทบาทของกระบี่ไม้ท้อ คือมีไว้เพื่อป้องกันและปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย คิดว่าคงไม่มีใครอยากได้กระบี่ไม้ท้อเล่มนี้ เท่าที่เขารู้ กระบี่ไม้ท้อเล่มนี้
หยางหลางซื้อมานานแล้ว มันแขวนอยู่ในบ้านมาตลอด ถ้ายอมจ่ายเงินเป็นล้านซื้อกระบี่ไม้ท้อเล่มนี้ได้ นั่นก็แสดงว่ารวยมาก อีกทั้งยังคงมีความสนใจในตัวกระบี่ไม้ท้อเอามากๆ !
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ของที่พบเห็นได้บ่อยๆพวกนี้ ก็คงไม่มีใครซื้อไป ก็คงจะมีแต่โจวซินเท่านั้น
มีแค่เฉพาะคนที่เพิ่งออกมาจากเขา ที่ไม่รู้อะไรเท่านั้นที่จะใช้เงินอย่างผิดที่ผิดทาง !
หยางโปถึงกับจินตนาการออกเลยว่า เรื่องนี้จะต้องถูกพ่อหยางพูดหว่านล้อมหลอกเอาแน่ๆ !
“ ฉันรู้แล้ว แล้วพวกคุณได้เอาที่อยู่ของฉันให้พวกเขาไปด้วยไหม ? ” หยางโปถาม
หยางหลางยิ้ม “ ก็เพราะให้ไปแล้วไง ฉันถึงได้โทรมาบอก ”
หยางโปถือโทรศัพท์ไว้ แต่กลับไม่สนใจ ในสายตาของเขาแล้ว ในเมื่อได้ผลประโยชน์ไปมหาศาลแบบนี้ พ่อหยางมีหรือจะไม่บอกที่อยู่ของเขาให้อีกฝ่ายรู้ ? เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นเหลือบมอง ไปที่เหยียนหรูหยู ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นเพราะเหยียนหรูหยู หรือว่าโจวซินจะมาตามเธอกลับไป ?..Aileen-novel
“ ถ้างั้นก็ขอบคุณมาก ” หยางโปกล่าวอย่างสุภาพ
หยางหลางหัวเราะแหะๆ “ ไม่ต้องขอบคุณหรอก พวกเราน่ะเป็นพี่น้องกัน ! ”
พอพูดจบ หยางหลางก็หยุดไปครู่หนึ่ง “ เสี่ยวโป ดูสิ ตอนนี้ฉันตกงานอยู่ ไม่มีที่สำหรับเปิดร้าน แล้ว นายเห็นแก่ความพยายามที่มาบอกข่าวให้นายรู้หน่อยได้ไหม โอนเงินให้ฉันสักแสนสิ
ฉันก็ไม่เอาเยอะหรอกนะ แค่แสนเดียวก็พอ ”
หยางโปอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ เขาจะเชื่อสุนัขจะไม่กินขี้แล้วได้ยังไงกัน ?
“ นายขายหนังสือไปสามเล่มแล้ว ทำไมยังเรียกว่าจนอยู่อีกล่ะ ” หยางโปพูดออกมาคำหนึ่งแล้วกดตัดสายไปเลย
เหยียนหรูหยูยังคงจ้องมองหยางโปเขม็ง เมื่อเห็นเขากดตัดสายทิ้ง สายตาก็จับจ้องอยู่แต่กับที่หน้าอกของเขาโดยไม่พูดไม่จา
หยางโปค่อนข้างจะลังเล แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดที่ถูกจ้องมอง เขาจึงถามออกไปว่า “ คุณอยากได้กระจกเทียนหลัวคืนใช่ไหม ? ”
เหยียนหรูหยูพยักหน้า ” ฉันอยากได้คืน ”
หยางโปรู้สึกทำใจไม่ค่อยได้ เขาลูบคลำไปที่หน้าอกตัวเอง ยิ่งฝึกฝนนานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสัมผัสถึงผลของกระจกแสงจันทร์มากขึ้นเท่านั้น กระจกแสงจันทร์สามารถรวบรวมพลังรอบตัวเขาและเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนให้แก่เขา และยังเพิ่มขั้นวรยุทธตามไปด้วย การรวมตัวของพลังประเภทนี้ ส่งผลทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย หยางโปก็มองไปที่เหยียนหรูหยู ” เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ผมจะคืนกระจกเทียนหลัวให้กับคุณ หลังจากนั้นผมก็จะไปส่งคุณกลับ ! ”
เหยียนหรูหยูจ้องหน้าหยางโปด้วยใบหน้าค่อนข้างแปลกใจ เธอดูออกว่าหยางโปทำใจที่จะคืนให้จริงๆ ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกว่าหยางโปขี้เหนียวเกินไป คิดไม่ถึงว่าจะถามเอาค่ารักษาพยาบาลกับเธอแต่ไม่คิดว่าหยางโปจะยินดีคืนกระจกเทียนหลัวให้เธอ !
เหยียนหรูหยูเห็นหยางโปเอื้อมมือออกมาลูบอก เธอก็กลับลังเลขึ้นมา เธอย่นคิ้วขึ้น ” ช่างมันเถอะ เก็บกระจกเทียนหลัวไว้กับคุณก่อน ของล้ำค่าที่มีพลังอยู่ จะต้องเป็นคนที่มีคุณธรรมเท่านั้นถึงจะครอบครองได้ ในเมื่อกระจกเทียนหลัวไปจากฉันแล้ว นั่นก็แสดงว่าไม่ใช่ของฉันแล้ว คุณเก็บไว้เถอะ ! ”
หยางโปเอื้อมมือไปลูบกระจกแสงจันทร์ เบิกตากว้าง เพราะเขาสัมผัสได้ว่ากระจกเทียนหลัว
ร้อนขึ้นมาเล็กน้อย นี่มันหมายความว่าอะไร ?
แต่เมื่อได้ยินที่เหยียนหรูหยูบอกว่าไม่เอาแล้ว หยางโปถึงได้โล่งใจ จากนั้นเขาก็ลดมือลง และมองไปทางเหยียนหรูหยู “ ในเมื่อไม่ต้องการกระจกเทียนหลัวแล้ว งั้นก็คงไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว
น่าจะจากไปได้แล้วใช่ไหม ? ”
หยางโปพูดแบบนี้ออกมาอย่างจำใจ ทางด้านเหยียนหรูหยูก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นกัน พอดีกับลัวย่าวหัวเดินสวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาวออกมา พลางเช็ดผมและพลางถามไปด้วยว่า
” ตอนเช้าพวกนายออกไปกันกี่โมง ? ทำไมนายถึงไปหาหลิวเหลียงอวี้ได้ ? ”
หยางโปอธิบายเกี่ยวกับเรื่องราวเมื่อเช้าให้ฟังคราวๆ
ลัวย่าวหัวอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตกใจ “ บ้าฉิบ หยางโปอย่าว่าฉันพูดจาไร้สาระนะ พ่อบุญธรรมของนายคนนี้ไร้ยางอายจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนะคนๆนี้หัวธุรกิจมาก วิธีแบบนี้ยังคิดออกมาได้ ? ตอนนั้นทำไมนายถึงเชื่อเขาและยอมให้เขายืมร้านไปได้กันนะ ? ”
หยางโปส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “ ฉันไม่มีทางเชื่อพวกเขาเหมือนกัน แต่นายก็รู้ พวกเขาหน้าด้านหน้าทนมากแค่ไหน เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ฉันเลยตอบตกลง ”
ลัวย่าวหัวหัวเราะเสียงดัง “ ถ้างั้นก็สมน้ำหน้านายแล้วล่ะ ! ”
เหยียนหรูหยูมองทั้งสองคน แล้วหันหลังเดินกลับเข้าห้องไป
ลัวย่าวหัวมองตามหลังเหยียนหรูหยู และหันมาเลิกคิ้วให้หยางโป ” ในที่สุดเธอก็ไปซะที เร็วเข้า นายรีบอธิบายตำราลับเล่มนั้นให้ฉันที ฉันอดทนมาทั้งวันทั้งคืนแล้วมันอึดอัดเอามากๆเลย ! ”
หยางโปพยักหน้า ” อืม ไปที่ห้องของนายแล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง ”
ลัวย่าวหัวรีบตอบรับทันที “ ดี ดี ! ”
หยางโปอธิบายให้หลูตงซิงฟังไปแล้วรอบหนึ่ง จนจดจำเนื้อหาของ “ คัมภีร์ไท่เก๊ก ” ได้ขึ้นใจแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องเปิดอ่านตำราลับอีก แค่อธิบายปากเปล่าก็ได้แล้ว
ลัวย่าวหัวทำตัวเหมือนเป็นนักเรียนประถม นอนคว่ำอยู่หน้าโต๊ะและจดบันทึกเนื้อหาสำคัญที่
หยางโปอธิบายให้ฟัง เขากระตือรือร้นมากสำหรับความรู้นี้ นี่เป็นความปรารถนาอันยาวนานของเขา จนในที่สุดวันนี้มันก็เริ่มเป็นจริงขึ้นมาแล้ว
ตำราลับเล่มนี้ไม่หนามาก หยางโปใช้เวลาสองชั่วโมงกว่า ก็ได้อธิบายเนื้อหาทั้งหมดจบ
เขากลัวว่าลัวย่าวหัวจะรีบร้อนที่จะลอง จึงรีบเตือนไปว่า “ อย่าลืมทบทวนเนื้อหาพวกนี้อีกสักสองสามรอบจนคุ้นชินแล้วก็อย่ารีบร้อนที่จะเริ่ม แม้ว่าจะช้าไปสองสามวันก็ตาม มันก็จะไม่เป็นอะไรฉันพูดแบบนี้ นายพอจะเข้าใจใช่ไหม ? ”
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ นายวางใจได้ ”
หยางโปกำลังจะพูดมากกว่านี้ แต่เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาและเห็นว่าเป็นสายโทรเข้าของโจวซิน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาจางๆ โจวซินมีเบอร์โทรติดต่อของเขานานแล้ว แต่ก็ยังพยายามตามหาบ้านของเขา คงกลัวว่าเขาจะไม่บอกที่อยู่ให้
แต่เวลานี้เกรงว่า โจวซินและเสวียนจง คงมาถึงชั้นล่างของตึกที่เขาอยู่แล้ว ถึงได้โทรมาหาเขา
พอหยางโปรับสายก็ได้ยินเสียงของโจวซินดังตามสายมา ” หยางโปคุณอยู่บ้านไหม ? ”

เสวียนจงมองหน้าพ่อหยาง และตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ” ตกลง ! ”
พ่อหยางอึ้งไปครู่หนึ่ง เพราะเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลง เขาอดหัวเราะไม่ได้ “ ถ้างั้นก็ดี
ผมจะรีบเขียนให้คุณเดี๋ยวนี้เลย ! ”
พ่อหยางเขียนที่อยู่ของหยางโป ร่วมทั้งที่อยู่บริษัทของหยางโปส่งให้เสวียนจงอีกครั้ง
เมื่อเสวียนจงก้มหน้าตรวจสอบและโทรบอกคนโอนเงินสองแสนหยวนให้พ่อหยางอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็จ้องหน้าพ่อหยาง และเตือนไปว่า ” ถ้าผมรู้ว่าที่อยู่ของคุณมีปัญหา ผมไม่ปล่อยคุณไปแน่ ! ”
โจวซินแสดงอาการฮึดฮัดไม่พอใจ แต่ยังคงยืนถือหนังสือสามเล่มและกระบี่ไม้ท้อลุกขึ้น และเดินออกไป
เมื่อเดินออกจากห้องมา โจวซินก็หันไปมองเสวียนจง ” อย่าปล่อยพวกมันไปง่ายๆเชียวนะ
คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าโกหกพวกเราแบบนี้ สมควรตายจริงๆ ! ”
เสวียนจงหันมาเหลือบมองโจวซิน และขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ” ผมคิดว่าเราควรเคลียร์ปัญหาของ
หยางโปกันก่อน ! ”
โจวซินชะงักไปครู่หนึ่งแล้วแสดงอาการฮึดฮัด แน่นอนเขารู้ถึงความหวาดระแวงและใจร้อนของเสวียนจงดี ขั้นวรยุทธของหยางโปก็แค่อยู่ในช่วงปลายของหยิ่นชี่จิง สูงกว่าเขาไปขั้นหนึ่งก็เท่านั้น แต่สำหรับเสวียนจงแล้ว กลับไม่มีทางที่จะรับมือกับมันได้ เขากลัวจะไปสร้างความรำคาญใจให้
หยางโป และถูกแก้แค้นเอา !
โจวซินเสียโง่จึงรู้สึกโกรธมาก แต่กลับไม่สามารถระบายออกมาได้ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างโกรธเคือง ” รอผมตามหาตัวหยางโปพบก่อน ผมจะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้ได้ ! ”
เสวียนจงชายตามองไปที่โจวซิน ” คุณแน่ใจใช่ไหมว่าหยางโปได้รับโอกาสและโชคชะตาครั้งนี้ไปจริงๆ ? ”
โจวซินพยักหน้า ” ใช่ เขานั่นแหละ ในเวลานั้น มีเพียงพวกเราสามคนอยู่ที่ทะเลสาบ ทั้งคุณและผมต่างก็ไม่ใช่ งั้นมันก็ต้องเป็นเขาแน่นอน ! ”
เสวียนจงขมวดคิ้ว “ ที่คุณพูดถึงโอกาสและโชคชะตามันคืออะไรกันแน่ ? แล้วจะยืนยันได้ยังไงว่าเขาได้รับโอกาสและโชคชะตาไป ”
โจวซินส่ายหัว “ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ถ้าเขาได้รับโอกาสและโชคชะตาไป พวกเราก็จะรู้เองอย่างแน่นอน ! ”
เมื่อเสวียนจงเห็นโจวซินไม่ยอมที่จะเอ่ยออกมา เขาก็ไม่ได้ถามมาก เขาเลือกได้เพียงเชื่อในตัว…ไอลีนโนเวล
โจวซินเท่านั้น เมื่อครั้งก่อน เขาเคยวางแผนให้โจวซินไปเล่นการพนัน คิดที่จะถือเอาโอกาสนี้มาบีบบังคับโจวซิน แต่คิดไม่ถึงว่าโจวซินจะลากหยางโปเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ความคิดที่เขาจะมาขอความช่วยเหลือจากตัวเองหายไป
ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าที่จะทำเป็นอวดฉลาดอีกต่อไป เพราะแผนการเล็กๆเหล่านี้ไม่สามารถนำออกมาใช้ได้จริง ถ้าเกิดครอบครัวของโจวซินรู้เรื่องนี้เข้า เขาก็จะจบเห่แน่
ทั้งสองขึ้นรถและรีบมุ่งหน้าเข้าเมือง
โจวซินนั่งพลิกสมุดทั้งสามเล่มดูในรถ และศึกษาดูอย่างระเอียดรอบคอบ แม้ว่าสิ่งที่เขาคาดเดาจะถูกเสวียนจงปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างแปลก ทำไมจู่ๆหยางโปถึงวางหนังสือสองสามเล่มนี้ไว้บนชั้นหนังสือโดยไม่มีสาเหตุ ?
……
หยางโปนั่งอยู่ในร้านของหลิวเหลียงอวี้จนถึงเที่ยง จากนั้นเขาก็โทรหาลัวย่าวหัวและตามให้เขาออกมากินข้าวด้วยกัน ทางด้านเขาก็พาหลิวเหลียงอวี้และเหยียนหรูหยูไปที่โรงแรมด้วยกัน
ลัวย่าวหัวรีบไปที่โรงแรม รอยหมองคล้ำรอบดวงตาของเขาจางลงเล็กน้อย เขาหันมองไปที่หยางโปและเอ่ยขึ้นว่า “ ทั้งหมดเป็นเพราะนาย ! ”
“ มันเกี่ยวอะไรกับฉัน ? ” หยางโปกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
ลัวย่าวหัวฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจและนั่งลง จากนั้นเขาถึงได้ทักทายกับหลิวเหลียงอวี้
” คุณหลิว เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ”
หลิวเหลียงอวี้พยักหน้า “ ไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว คุณเป็นเถ้าแก่โรงประมูลที่ใหญ่ที่สุดใน
จินหลิง ตามหาตัวเจอยากมาก พวกเราอยากคุยกับคุณเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจ แต่ก็หาตัวไม่เจอเลย ! ”
“ ถ้าพวกคุณอยากร่วมมือด้วย ไปหาเขามันก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง ? ไปหาที่โรงประมูลเลย
ผมไม่เชื่อหรอก ด้วยชื่อเสียงของคุณ พวกเขามีหรือยังจะกล้ารังแกคุณ ? ”ลัวย่าวหัวกล่าว
หลิวเหลียงอวี้หัวเราะเสียงดัง “ ผมบอกกับหยางโปไปแล้วเมื่อเช้านี้ ถือโอกาสในตอนที่เถ้าแก่ทั้งสองอย่างพวกคุณอยู่ที่นี่ ผมจะพูดซ้ำอีกครั้ง ในจินหลิงของเรามีร้านขายของโบราณวัตถุอยู่หลายแห่ง ช่วงนี้อยากจะส่งมอบของโบราณวัตถุในมือให้กับโรงประมูลของพวกคุณไปดำเนินจัดการประมูล ยังไงซะก็มีปริมาณค่อนข้างเยอะ ดังนั้นเลยอยากจะปรึกษาด้วย แต่ไม่รู้ว่าเถ้าแก่ทั้งสองท่านจะเสนอส่วนลดอะไรให้ได้บ้าง ? ”
ลัวย่าวหัวโบกมือ “ ได้ คุณหลิว คุณบอกหยางโปเกี่ยวกับเรื่องนี้ และให้เขาตัดสินใจเองเลยก็ได้ ”
“ ถ้าอย่างนั้นความหมายของเถ้าแก่ลัวคือ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดต่อหน้าคุณใช่ไหม ? ” หลิวเหลียงอวี้พูดปนยิ้ม
“ คุณอย่าได้คิดวางแผนหลอกผมเชียวนะ ความหมายของผมคุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ? ”
ลัวย่าวหัวเอ่ยขึ้น
หลิวเหลียงอวี้หัวเราะลั่น “ เอาล่ะ ไม่พูดมากแล้ว ! ”
หยางโปที่นั่งอยู่ข้างๆ มีสีหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา เขาคิดว่านี่มันไม่ใช่ปัญหา ตอนนี้เขาไม่สนเรื่องจำนวนเงินว่าจะเยอะหรือน้อยแล้ว ล่าสุดปริมาณหยกในเหมืองหยกของเขาที่พม่าค่อยๆ เพิ่มขึ้นกำลังการผลิตก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือก่อนที่เขาจะจากมา เรื่องคณะกรรมการเหมืองแร่หยกที่เขาเสนอจัดตั้งขึ้นมามีการพัฒนาเร็วขึ้นมาก
สามารถเปิดตลาดเหมืองหยกในพม่าได้ ถือว่ามีอำนาจมาก และมีสัดส่วน 20% ถึง 30%
ของทรัพยากรทางการเงินของทั้งประเทศ ดังนั้นหลังจากการจัดตั้งคณะกรรมการเหมืองแร่แล้ว
จึงมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและส่งเสริมให้ตัวแทนผลประโยชน์เข้าร่วมกับรัฐบาลระดับสูง
ทำให้บริษัทเหมืองแร่ได้รับผลกำไรมากมายมหาศาล
บริษัทเหมืองแร่ของหยางโป ก็พัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วมากเช่นกัน และทำให้เกิดกระแสเงินทุนหลั่งไหลเข้ามามากมาย ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงมีทรัพย์สินมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก จนตัวเขาเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่ามีเงินอยู่เท่าไหร่กันแน่
เรื่องของเหยียนหรูหยู ลัวย่าวหัวตอบตกลงอย่างเต็มใจ และถึงกับโทรหาผู้จัดการทันที จากนั้นทั้งกลุ่มก็สนทนากันอย่างถูกคอ
เมื่อกินกันอิ่มแล้ว หยางโปก็ได้ไปส่งหลิวเหลียงอวี้ ทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ในรถ หยางโปก็อดไม่ได้ที่จะชายตามองเหยียนหรูหยูที่นั่งด้านข้างคนขับ เพราะเมื่อสักครู่เธอไม่กินอะไรอีกแล้ว
ดื่มแค่น้ำเปล่าเท่านั้น
หยางโปคาดเดาบางอย่างอยู่ในใจ แต่กลับไม่ได้ถามอะไรมาก
เมื่อกลับไปถึงบ้าน ลัวย่าวหัวก็ไปอาบน้ำ เหลือเพียงหยางโปและเหยียนหรูหยูนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น หยางโปจึงหันไปมองเหยียนหรูหยู เขาลังเลเล็กน้อย “ คุณสอนมวยเทียนหลัวให้ผมแล้ว
ค่ารักษาพยาบาลก็ถือว่าได้คืนให้แล้ว ถ้างั้นผมจะไปส่งคุณกลับบ้านนะ ? ”
เหยียนหรูหยูชายตามองหยางโป ด้วยใบหน้าที่ดูเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด ” คุณอยากให้ฉันกลับขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
หยางโปนิ่งอึ้งและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ ไม่ใช่ ผมแค่คิดว่าครอบครัวของคุณอาจเป็นห่วง
โทรไปรายงานความปลอดภัยกับบ้านก็ดีนะ ”
เหยียนหรูหยูส่ายหน้า “ ไม่เป็นไร พวกเขารู้ ”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้ หยางโปก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี วันนี้พ่อหยางแค่ถูกเธอชายตามองแวบเดียวก็ตกใจกลัวมากแล้ว หยางโปรู้สึกว่าไม่ว่าตัวเองจะทำยังไง ก็คงทำถึงขั้นนี้ไม่ได้
หยางโปอยากให้อีกฝ่ายจากไปแต่กลับไม่รู้จะเอ่ยปากพูดยังไงดี
เหยียนหรูหยูเหลือบมองหน้าหยางโป ” กระจกเทียวหลัวของคุณมาจากไหน ? ”
หยางโปหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาจึงยิ้มเหยเกแล้วถามไปว่า ” คุณรู้ได้ยังไง ? ”
“ นั่นคือกระจกที่ฉันใช้มาตั้งแต่ยังเด็ก ต่อมาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆถึงหายไป ฉันคิดว่ามันถูกใครขโมยไปซะอีก ทำไมมันมาอยู่ที่คุณได้ล่ะ ” เหยียนหรูหยูเอ่ยปากถาม
หยางโปนิ่งอึ้งไปเลยทีเดียว เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าเรื่องราวจะกลับกลายมาเป็นแบบนี้ ” กระจกบานนี้ผมเจอมันเมื่อตอนที่ไปนั่งเรือเล่นอยู่ในทะเลสาบซีหูเมื่อหนึ่งปีก่อน ผมเห็นคนตกปลาหว่านแหจับปลาแล้วได้ติดมา จึงขอซื้อมันมาน่ะ ”
เหยียนหรูหยูจ้องหน้าเขา ” จริงเหรอ ? ”
“แน่นอน ” หยางโปค่อนข้างมีความมั่นใจและพูดเสริมขึ้นว่า “ ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านของคุณอยู่ที่ไหน จะไปขโมยมันมาได้ยังไง ? ”
ในขณะที่พูด โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง หยางโปเห็นว่าเป็นสายของหยางหลางที่โทรมา เขาอยากจะตัดสายทิ้ง แต่มาคิดๆดูแล้ว ก็ยังตัดสินใจที่จะกดรับสาย

หยางหลางที่ยืนอยู่ด้านข้างกระตุกมือพ่อทีหนึ่ง แต่พ่อหยางกลับเมินเขา แล้วพูดต่อไปว่า
“ หนังสือสามเล่มนี้เป็นของสะสมของหยางโป เขาจะต้องอ่านมันทุกคืนถึงจะนอนหลับ ส่วนกระบี่ไม้ท้อเล่มนี้ เหมือนว่านักพรตผู้หนึ่งจะมอบให้เขา ตอนนั้นนักพรตท่านนั้นบอกให้เขารักษามันไว้ให้ดี และบอกว่าอีกสามสิบปีให้หลังจะมารับเขาไปจากโลกมนุษย์ ! ”
พ่อหยางไม่เคยทำอะไรประสบความสำเร็จในชีวิตนี้เลย แต่เขามีสมองที่มีไหวพริบมาก แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องการของสิ่งนี้ แต่เขากลับรู้ดีว่า รถที่สองคนนี้ขับมาเป็นรถหรู ! ดังนั้นในระหว่างที่พูดคุยกัน จึงอดไม่ได้ที่จะพูดจาโอ้อวดเกินจริงไปมากทีเดียว !
เสวียนจงค่อนข้างจะไม่พอใจ แต่โจวซินกลับเชื่อทุกอย่าง เขาคิดว่ามีความเป็นไปได้มาก
อย่างในกรณีนี้ หยางโปจะต้องมีปัจจัยที่มาหลอกล่อให้ทำมาก่อนแน่ ไม่อย่างนั้นเขาจะศึกษาอยู่เพียงลำพังมาจนถึงจุดนี้ได้ยังไง
โจวซินพยักหน้า ” ถ้าอย่างนั้นคุณว่ามาสิ ของพวกนี้รวมกันแล้วได้เท่าไหร่ ? ”
“ หนังสือพวกนี้เล่มละหนึ่งแสน กระบี่เล่มนี้ล้านหนึ่ง ! ” พ่อหยางกล่าว
ในเวลานี้ หยางหลางถึงกับตกตะลึง พ่อส่งซิกให้เข้าไปเก็บกวาดห้องตัวเองและยังนำของเก่าที่เป็นของปลอมไปตั้งวางไว้อีก เพราะพวกเขาคิดว่าเพื่อนของหยางโปต้องชอบของโบราณวัตถุแน่นอน คงหลอกให้พวกเขาซื้อไปได้สักสองชิ้น แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะสนใจหนังสือลามกเล่มเล็กๆที่เขาสะสมไว้มานาน !
และสิ่งที่หยางหลางคิดไม่ถึงคือพ่อของเขาจะกล้าเสนอราคาที่สูงแบบนี้ ! ราคานี้มันแพงเว่อร์ไปจริงๆ !
เมื่อโจวซินได้ยินราคาที่เสนอมา ก็รู้สึกว่ามันแพงไปหน่อย เขาไม่รู้เรื่องเงินเลย แค่เคยเข้าร่วมการประมูลมาเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ครั้งนั้น ราคาที่เขาเสนอสูงกว่านี้มาก เขาที่กำลังจะพยักหน้าตอบตกลง แต่กลับถูกเสวียนจงขัดจังหวะก่อน
“ คุณหยาง ราคานี้ที่คุณเสนอมา มันไม่ค่อยจะยุติธรรมเอาซะเลย ! หนังสือสามเล่มนี้มันก็แค่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ทำไมราถึงแพงขนาดนี้ ? มากสุดหนังสือเล่มหนึ่งก็ควรจะแค่สิบหยวน ราคานี้ของคุณ เราไม่สามารถรับได้ ! ” เสวียนจงกล่าว
พ่อหยางเหลือบมองหน้าโจวซิน ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มและเอ่ยออกมาว่า “ ในเมื่อคิดว่ามันแพง ถ้างั้นก็ช่างเถอะ ยังไงซะมันก็เป็นของเสี่ยวโป ผมยังต้องเก็บไว้ให้เขา ! ”
หยางหลางที่ยืนอยู่ข้างหลังพ่อหยาง เริ่มจะกังวลใจขึ้นมาเล็กน้อย ต่อให้ลดราคาลง เขาก็เต็มใจที่จะขายมัน ของพวกนี้เดิมมันก็ไม่ได้มีราคาอะไรเลย ! เขาสามารถนำเงินไปซื้อคอมพิวเตอร์ และยังสามารถดูวิดีโอของญี่ปุ่นได้อีกด้วย มันดีกว่าหนังสือพวกนี้มาก !..Aileen-novel
“ ได้ พวกเราตกลง ! ” โจวซินมีความอดทนน้อย ไม่ต้องการที่จะต่อรองราคาอีกต่อไป จึงได้ตอบตกลงไป
เสวียนจงมองหน้าโจวซินด้วยสีหน้าตกใจ ” ของพวกนี้มันไม่ได้มีราคามากขนาดนั้น ! ”
“ ไม่เป็นไร ถือซะว่าพวกเรามอบน้ำใจไมตรีให้หยางโปก็แล้วกัน ! ” โจวซินกล่าวออกมาลอยๆ
เสวียนจงจนปัญญา จึงทำได้เพียงขอหมายเลขบัตรธนาคารจากพ่อหยาง จากนั้นจึงต่อสายโทรออกและจัดการให้คนโอนเงินให้ !
เมื่อได้ยินว่าพวกเขายอมที่จะจ่าย หยางหลางก็อดกลั้นความดีใจไว้ไม่ได้ เขาอดไม่ได้ที่จะมองพ่อด้วยความชื่นชม แต่ก่อนเขาคิดว่าพ่อของเขาฉลาดมากก็จริง แต่ขี้เกียจเกินไป ไม่ค่อยหาเงินมาได้เลย แต่ตอนนี้ เขากลับรู้สึกว่าพ่อของเขามีความสามารถยอดเยี่ยม แค่ของสัปปะรังเคพวกนี้ก็สามารถนำมาแลกเป็นเงินได้ล้านกว่าๆ เขามีเพียงคำ ” นับถือ ” ให้เท่านั้น !
ถือโอกาสในขณะที่โอนเงิน เสวี่ยนจงก็มองไปที่พ่อหยาง ” คุณหยาง ตอนนี้ คุณช่วยบอกเราได้ไหมว่าหยางโปอยู่ที่ไหนกันแน่ ? ”
พ่อหยางหัวเราะ “ แน่นอน พวกคุณวางใจได้ รอจนเราจ่ายเงินกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจะบอกที่อยู่ให้พวกคุณทราบทันที พวกคุณวางใจได้ จะต้องหาเขาเจอแน่นอน ! ”
เสวียนจงเหลือบมองไปที่พ่อหยาง และพยักหน้าให้เล็กน้อย
โจวซินถือกระบี่ไม้ท้อไว้ตลอด เขาพยายามถ่ายเทพลังเข้าไป อยากจะดูว่ากระบี่เล่มนี้เป็นยังไง
เสียงข้อความดัง “ ติ้ง ! ” พ่อหยางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะดังออกมา
“ เงินเข้าบัญชีแล้ว ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะบอกที่อยู่ของเขาให้พวกคุณทราบ ! ”
” เพล้ง ! ”
ในขณะที่พูดคุยกัน กระบี่ไม้ท้อก็เกิดเสียงดังขึ้น ทุกคนต่างหันกลับไปมอง และเห็นว่ากระบี่ไม้ท้อหักออกจากกันตรงกลาง !
พ่อหยางผงะไปครู่หนึ่งก่อน จากนั้นก็ตกใจมาก เขามองไปที่โจวซิน ” นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมพอมันไปอยู่ในมือของคุณมันถึงหักได้ล่ะ ? ”
โจวซินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ ” คุณโกหกผม ! ”
“ ผมจะโกหกคุณได้ยังไง ? ” พ่อหยางถาม
โจวซินจ้องหน้าพ่อหยาง ” นี่มันไม่ใช่อาวุธที่หยางโปทิ้งไว้ กระบี่ไม้ท้อนี้ไม่มีอะไรเลย ”
แต่พ่อหยางยังยืนกรานว่า “ นี่คืออาวุธที่เสี่ยวโปทิ้งไว้ เขาแขวนไว้บนหัวเตียงหลีกเลี่ยงความชั่วร้าย ตอนกลางคืนจะนอนหลับสนิทและไม่ฝันร้าย ! ตอนนี้คุณทำมันเสียหายแล้ว จะมาโทษผมไม่ได้ ! ”
โจวซินเต็มไปด้วยความโกรธ “ คุณกำลังโกหกผม ! ”
เสวียนจงมองดูสถานการณ์ในห้องและรู้สึกงงงวยมาก เขาสะกิดโจวซิน และหันไปกระซิบกับเขา
” ทำไมคุณถึงคิดจะซื้อสิ่งของพวกนี้ ? ”
“ ผมคิดว่านี่เป็นอาวุธของหยางโป ” โจวซินกล่าว
เสวียนจงมองหน้าโจวซิน ถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าโจวซินอาจจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้
“ ถ้ารู้ว่าคุณกำลังคิดแบบนี้อยู่ผมไม่น่าตอบตกลงเลย คนส่วนใหญ่ต่างก็แขวนกระบี่ไม้ท้อไว้บนหัวเตียง เพื่อใช้ปัดเป่าวิญญาณร้าย มันไม่ใช่อาวุธอะไรเลย ! ”
โจวซินถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เขาถือหนังสือไว้ในมือ “ แล้วหนังสือพวกนี้ล่ะ ? หรือว่าหนังสือพวกนี้ไม่ใช่ตำราลับการฝึกคู่ ? ”
เสวียนจงมองไปที่โจวซินด้วยสีหน้าท่าทางแปลกๆ เขาคิดไม่ถึงว่าโจวซินจะมีความคิดเช่นนี้
“ นี่น่าจะเป็นหนังสือธรรมดาทั่วไป จะเป็นตำราลับฝึกคู่ได้ยังไง ? ”
โจวซินตกตะลึง เขาคาดไม่ถึงว่าการที่ตัวเองพยายามอย่างหนัก กลับได้ของเล่นพวกนี้มา
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ “ พวกคุณอยากตายกันหรือไง ? ”
พ่อหยางจ้องหน้าโจวซินและพ่นน้ำเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจ ” ผมบังคับให้คุณซื้อหรือไง ? คุณคิดว่าตัวเองมีเหตุผลมากหรือไง ? ”
โจวซินสีหน้าเคร่งขรึม เขาฟาดมือตบไปบนโต๊ะ ” นี่คุณกำลังพยายามบังคับผม ! ”
เสวียนจงคว้าตัวโจวซินไว้ ” คุณอย่าลืมเรื่องหยางโป มันก็แค่เงินล้านเดียวเท่านั้น เป้าหมายของเราไม่ได้อยู่ที่นี่ เราต้องตามหาตัวหยางโปให้พบถึงจะถูก ! ”
โจวซินชักสีหน้า เขาจ้องหน้าพ่อหยาง “ ตอนนี้เขียนที่อยู่ของหยางโปมา ! ”
“ คิดว่าผมกลัวคุณหรือไง ? ” พ่อหยางตะคอกเสียงดัง เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ติดใจเอาความอีกต่อไป เขาจึงไม่พูดอะไรอีก หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา และเขียนที่อยู่ของหยางโปให้
รอจนกระทั่งพ่อหยางส่งมาให้ โจวซินก็คว้าที่อยู่และก้มหน้ามอง จากนั้นเขาก็ส่งต่อให้เสวียนจงอีกครั้ง เพราะเขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีประสบการณ์มากพอ จึงเสียเปรียบแบบนี้ !
เสวียนจงกวาดตามอง ” นี่คือที่อยู่ของเขา ? เขาไม่น่าจะมีที่อยู่แค่ที่เดียวหรอกมั้ง ? ยังมีที่อื่นที่เขาไปบ่อยๆอีกไหม ? ”
พ่อหยางเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองเสวียนจง ” ที่อยู่นี้เป็นที่อยู่ของเขา นี่เป็นบริการสำหรับการค้าขายเมื่อสักครู่ ถ้ายังต้องการที่อยู่อื่นอีก ข้อมูลล่ะแสนหยวน ! ”
พ่อหยางจ้องหน้าอีกฝ่าย เหมือนจะรู้ขอบเขตความอดทนของอีกฝ่ายดี แลดูค่อนข้างที่จะไร้ยางอายอย่างเห็นได้ชัด !
เสวียนจงจ้องหน้าพ่อหยางเขม้ง “ คุณหยาง คุณคงรู้ดีนะว่าตัวเองกำลังทำเรื่องอะไรอยู่ ! ”
พ่อหยางพยักหน้า “ แน่นอนผมรู้สิ ข้อมูลละหนึ่งแสน ! ”

พ่อหยางค่อนข้างจะตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด และได้อธิบายว่า “ หยางโปมักจะไม่คำนึงถึงพิธีเล็กๆน้อย เขาเป็นคนที่ไม่ใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆในชีวิตมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นห้องจึงรกมาก เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณเข้าไปดู ”
โจวซินรีบตามพ่อหยางและเสวียนจงไปอย่างกระตือรือร้น ถึงแม้เสวียนจงจะดูแปลกๆ แต่ก็ยังเดินตามไป
ไม่นาน พ่อหยางก็พาทั้งสองคนมาถึงที่ห้องหนึ่ง จากนั้นเขาก็ชี้เข้าไปข้างในแล้วพูดว่า “ นี่ไง ”
โจวซินพยักหน้าและผลักประตู ทันทีประตูเปิดออก เขาก็ถึงกับหน้าหงาย เพราะเขาได้กลิ่นเท้าเหม็นฉุนลอยปะทะเข้าจมูกมา นี่มันสถานที่อะไรกัน ? ที่ที่คนอยู่หรือเปล่า ?
พ่อหยางที่ยืนอยู่ข้างๆดูเหมือนก็จะได้กลิ่นเช่นกัน เขาหันหน้ากลับมาถลึงตาใส่หยางหลาง
จากนั้นก็มองไปที่โจวซินอีกครั้งแล้วอธิบายด้วยรอยยิ้มไปว่า “ เสี่ยวโปเจ้าเด็กคนนี้ ไม่คำนึงถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เรื่องเล็กน้อยพวกนี้เขาไม่เคยใส่ใจกับมันเลย ”
โจวซินหันมาพยักหน้าให้พ่อหยาง ” นี่แหละคนที่ทำการใหญ่ได้ ! ”
พ่อหยางพยักหน้าลงซ้ำๆ เห็นด้วยเป็นอย่างมาก “ ใช่ อย่ายึดติดกับเรื่องเล็กน้อยๆ คนแบบนี้ถึงจะทำการใหญ่ได้ ! ”
เสวียนจงยืนอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วขึ้น ? ไม่คำนึงถึงเรื่องเล็กน้อยๆ ? นี่มันปัญหาเรื่องสุขอนามัยส่วนบุคคลนะ คนที่สกปรกเลอะเทอะแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าพ่อหยางจะพูดซะสวยหรูว่าไม่ใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยๆ ทำให้รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยจริงๆ
โจวซินกลั้นหายใจเดินเข้าไป ห้องนี้ดูไม่ใหญ่ นอกจากเตียงหลังหนึ่งแล้ว ยังมีโต๊ะอยู่ตัวหนึ่ง
บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์อยู่เครื่องหนึ่ง ตรงบริเวณผนังมีชั้นวางหนังสือบนชั้นวางหนังสืออยู่ตัวหนึ่ง มีเพียงหนังสือไม่กี่เล่มวางอยู่บนชั้นวางหนังสือเท่านั้น และยังมีสิ่งของหลายอย่างวางอยู่
โจวซินรู้สึกสงสัยมาก จึงเดินไปที่ชั้นหนังสือ เขาดูหนังสือสองสามเล่มนั้นก่อน แม้ว่าจะไม่อยากเชื่อว่าหยางโปจะเก็บตำราลับของเขาไว้ที่นี่ แต่โจวซินก็ยังสำรวจดูอย่างละเอียด
มองแค่เพียงแวบเดียว โจวซินก็ตะลึงนิ่งเงียบไป หนังสือเล่มแรกคือ ( หวงตี้เน่ยจิง ) คัมภีร์ทางการแพทย์และสมุนไพรของจีน
เล่มที่สองคือ ( รูปภาพภายใน ) เล่มที่สามคือ ( บุปผาในกุณฑีทอง ) เล่มที่สี่คือ ( สุยหู่จ้วน )
โจวซินคิดอย่างรอบคอบ จากนั้นก็ยื่นมือไปหยิบ ( รูปภาพภายใน ) ขึ้นมา เขารู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นตำราลับในการฝึกฝนของหยางโป ภาพภายในน่าจะเป็นเส้นชีพจรภายในร่างกาย หนังสือเล่มนี้น่าจะพูดถึงหัวข้อการไหลเวียนของพลังลมปราณ
หยางหลางที่ยืนอยู่ข้างหลังพ่อหยาง ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อเห็นโจวซินกำลังจะหยิบหนังสือไปจริงๆ จึงยื่นมือออกมาห้ามโจวซินเอาไว้ !
พ่อหยางกลับคว้าแขนของเขาไว้ และหันไปจ้องหน้าเขา !
หยางหลางอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับกลืนมันลงท้องไป เขาเลยทำได้แค่มองดูเท่านั้น
พ่อหยางกลับถลึงตาใส่ เหมือนจะไม่ยอมให้เขาพูดออกมาง่ายๆ และยิ่งไม่ยอมให้เขาปริปากพูดอะไร หยางหลางทำได้เพียงเบิกตาโตมองโจวซินเท่านั้น
โจวซินหยิบ ( รูปภาพภายใน ) ขึ้นมาพลิกดู พลิกได้เพียงสองหน้าเท่านั้น เขาก็ถึงกับอึ้งไปเลยเพราะเขาเห็นคนเปลือยกายสองคนต่อสู้กันอยู่ข้างใน !
คิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นรูปโป๊ !..ไอรีนโนเวล
โจวซินถือหนังสือด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่าหยางโปที่อยู่ในฐานะผู้บำเพ็ญเพียรจะอ่านหนังสือพวกนี้ ? สิ่งนี้มันทำให้โจวซินรู้สึกเหลือเชื่อมาก เพราะในความรู้สึกของเขา
หยางโปไม่ใช่คนไม่เอาถ่าน เขาจะอ่านหนังสือที่ไร้ประโยชน์พวกนี้ได้ยังไงกัน ?
ในเมื่อยืนยันได้แบบนี้แล้ว โจวซินก็นำมาปะติปะต่อกัน สภาพภายในร่างกายของคนเรามันไหลเวียนบรรจบกันทั่วทั้งร่างกาย ถ้าพูดถึงสภาพภายในร่างกายมนุษย์ ถ้าพิจารณาจากเหตุการณ์ตอนที่หยางโปตัดชิ้นเหล็กอยู่หน้าประตูทางเข้าชุมนุมยุทธภพ ขั้นวรยุทธของหยางโปน่าจะสูงกว่าเขาไปเล็กน้อย มันน่าจะเป็นช่วงปลายของขั้นหยิ่นชี่จิง
ตามคำอธิบายของเยว่จวิ้นเหยา หยางโปไม่มีอาจารย์ถ่ายทอดวิชาให้ ผู้ฝึกฝนแบบนี้จะมีขั้นสูงกว่าเขาได้ยังไง แน่นอนว่าการฝึกฝนจากตำราจะต้องดีกว่า ! นี่คือเหตุผลที่โจวซินยืนยันที่จะเข้ามาเยี่ยมชม !
ตอนนี้ดูเหมือนว่า มีความเป็นไปได้เพราะวิชาฝึกฝนคู่ !
ใช่ เพราะการฝึกฝนคู่ของเขา มันเลยทำให้ความเร็วของการฝึกฝนเร็วขึ้นขนาดนี้ !
โจวซินคาดการไว้ในใจแล้ว เขาจึงยิ่งอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับหนังสือที่เหลืออยู่ไม่กี่เล่มนั้น !
โจวซินหยิบ ( บุปผาในกุณฑีทอง ) ขึ้นมาดูอัลบั้มภาพที่มีสีสันด้านในด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
สีหน้าท่าทางของเขาดูค่อนข้างจะตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เขาวางหนังสือลงบน
( รูปภาพภายใน ) นี่คือของที่เขาต้องการจะนำกลับไปด้วย
จากนั้นเขาก็ได้พลิกหนังสืออีก 2 เล่ม เขาวางนวนิยายสุยหู่จ้วนลงไปที่เดิม และคว้าเอา
( หวงตี้เน่ยจิง ) ไป
เสวียนจงที่ยืนอยู่ด้านข้าง เหลือบมองเนื้อหาภายในหนังสือ ด้วยสีหน้าท่าที่แปลกใจอย่างเห็นได้ชัด เขานึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าโจวซินต้องการที่จะทำอะไร
ไม่นาน โจวซินก็วางหนังสือสามเล่มไว้ด้านข้าง เขาหันมองเข้าไปในห้องและเห็นกระบี่ไม้ท้อแขวนอยู่บนหัวเตียงเล่มหนึ่ง !
โจวซินชี้ไปที่กระบี่ไม้ท้อบนหัวเตียง “ กระบี่ไม้ท้อเล่มนี้เป็นของหยางโปด้วยใช่ไหม ? ”
หยางหลางกำลังจะเอ่ยปากพูด พ่อหยางก็พูดขัดขึ้นและตอบไปว่า “ แน่นอนสิ นี่คือห้องของ
หยางโป ข้าวของที่อยู่ในห้องเป็นของเขาทั้งหมด ”
โจวซินพยักหน้า ” คุณช่วยเอากระบี่ไม้ท้อเล่มนี้ลงมาให้ผมดูหน่อยได้ไหม ? ”
“ ได้สิ เดี๋ยวผมเอาลงมาให้ ! ” พ่อหยางยิ้มและตอบรับทันที
โจวซินพยักหน้า กลิ่นในอากาศเหม็นหึ่ง ทำเอาอยากจะอาเจียน พ่อหยางที่ยืนอยู่บนเก้าอี้หยิบกระบี่ไม้ท้อลงมาให้ จากนั้นเขาจึงเอื้อมมือไปรับกระบี่ไม้ท้อมาสำรวจดูอย่างละเอียด
กระบี่ไม้ท้อเล่มนี้ดูเรียบง่ายไม่หรูหรา ดูเหมือนกระบี่ไม้ท้อจะถูกเช็ดถูมาเป็นเวลานาน พื้นผิวราบเรียบวาววับ โจวซินตวัดเล่นไปมาสองที รู้สึกว่ากระบี่ไม้ท้อเบาวิว เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากระบี่ไม้ท้อนี้จะเป็นยังไง แต่ในเมื่อเป็นของที่หยางโปทิ้งไว้ อาจมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นของดีก็ได้ !
โจวซินมองเข้าไปในห้องอีกครั้ง ในห้องยังมี ภาพเขียนและเครื่องลายครามวางไว้อยู่บางส่วน
แต่เขาไม่สนใจของพวกนี้ เขาถึงได้หันไปพูดกับพ่อหยางว่า “ คุณหยาง ของพวกนี้ยกให้ผมได้ไหม ? ”
เดิมทีพ่อหยางยังคงมีสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อได้ยินคำว่า ” ยกให้ ” คำนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ” ของพวกนี่เป็นของของเสี่ยวโปทั้งหมด ผมคงไม่มีสิทธิ์ยกให้ใครได้ ”
ถึงแม้เสวียนจงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าโจวซินคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่ แต่เขาก็ทำได้แค่คอยสนับสนุนเท่านั้น เขาหันมองไปที่พ่อหยาง และพูดด้วยรอยยิ้ม ” คุณหยาง พวกเราออกไปคุยกันด้านนอกเถอะ ! ”
พ่อหยางพยักหน้า ” แต่ของพวกนี้ต้องวางลงก่อน เพราะยังไงซะทั้งหมดนี้มันก็เป็นของเสี่ยวโป ”
โจวซินขมวดคิ้ว เขาคิดว่าพ่อหยางอาจรู้ว่าของของเขาเป็นของดี จึงดูร้อนร้น น้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นมาอย่างหลบเลี่ยงไม่ได้ “ ผมสามารถเอาของของเขาไปได้ นั่นมันก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติเขามากแล้ว ! ”
พ่อหยางเบิกตาโตมองโจวซิน “ คุณเป็นใคร ถึงพูดจายโสโอหังแบบนี้ ? ”
เสวียนจงรีบเอ่ยปากเตือนสติ ” เอาละ ทุกคนใจเย็นกันก่อน ผมว่านะ เรื่องนี้มันง่ายมาก เอาแบบนี้ละกัน คุณหยางคุณเสนอราคามา ถ้าเห็นว่ามันเหมาะสม เราก็จะเอาไป ”
พ่อหยางกวาดตามองไปรอบๆห้อง แล้วหันไปส่งซิกให้หยางหลางและกล่าวว่า “ พวกคุณอาจจะยังไม่รู้ ผมกับเสี่ยวโปมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ถึงแม้ว่าเราจะเป็นพ่อลูกกัน แต่ระหว่างเราให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ตอนนี้เขาก็โตแล้ว ข้าวของของเขา ผมไม่มีทางไปแตะต้องมันง่ายๆแน่นอน ”
สีหน้าของโจวซินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แลดูไม่พอใจมาก
แต่คิดไม่ถึงว่าคำพูดของพ่อหยางจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างกะทันหัน
“ แต่ยังไงซะ ในเมื่อพวกคุณต่างก็เป็นเพื่อนของเขาและดีกับเขาขนาดนี้ ผมก็คงจะไม่ไว้หน้าพวกคุณไม่ได้เช่นกัน ! ”

หยางหลางหน้าแดง เขาส่ายหัว “ ไม่เป็นไรหรอกนะ สบายใจได้ พวกเขาไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้แน่นอน พ่อเห็นไหม ? มีคนอื่นอยู่ข้างๆเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วย คงไม่ได้มาหาเราเพื่อหารือเรื่องธุรกิจแน่ๆ ”
พ่อหยางมองตรงไปเบื้องหน้า เมื่อเห็นว่ามีชายสองคนยืนอยู่ข้างๆเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจริงๆ และพวกเขาก็หันมองมาทางด้านนี้ “ อย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้า บางทีอาจมาทวงหนี้เราก็ได้ ? ”
“ จะเป็นไปได้ยังไง ? พ่อเป็นหนี้อย่างงั้นเหรอ ? ” หยางหลางมองไปที่พ่อหยาง
พ่อหยางส่ายหน้า “ ไม่มี ”
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ทั้งสองก็เดินใกล้เข้ามากกว่าเดิมแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโบกมือให้หยางหลาง ” นี่ขนาดร้องเรียกแล้วนะ ทำไมพวกคุณยังไม่รีบเดินมากันเร็วๆอีก ? ”
พอพูดจบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ชี้ไปที่ชายวัย 30 กว่าที่อยู่ข้างกาย ” สุภาพบุรุษท่านนี้มาหาพวกคุณน่ะ ! ”
หยางหลางหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายสวมเสื้อสีน้ำเงินเข้ม ลักษณะดูมีความรู้ทางศิลปะวรรณคดีมาก เขาจึงเดินเข้าไปหาและเอ่ยปากทักทาย ” สวัสดี คุณคือ ? ”
เสวียนจงหัวเราะออกมา ” สวัสดีคุณหยางหลาง ผมเสวียนจง ดีใจมากที่ได้พบกับคุณ ! ”
เสวียนจงเหมือนพอจะเดาออก หยางหลางและพ่อไม่ได้ฝึกบำเพ็ญเพียร ดังนั้นจึงทักทายด้วยความกระตือรือร้น แต่ไม่ได้เกรงอกเกรงใจมากเท่าที่ควร
หยางหลางตกใจอยู่ครู่หนึ่ง “ คุณเสวียน พวกเราไม่เคยเจอกันนะ ? คุณมาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่า ? ”
เสวียนจงส่งยิ้มและหันไปพยักหน้ากับพ่อหยางอีกครั้ง หลังจากนั้นถึงได้ตอบกลับไปว่า
“ คุณหยางหลาง ผมเป็นเพื่อนของหยางโป ก่อนหน้านี้เขาได้ไปเที่ยวที่หยูหาง พวกเราเลยรู้จักกันโดยบังเอิญ คุณหยางโปเป็นคนที่มีความรู้มาก คำพูดคำจาดูไม่ธรรมดา ทำให้ผมชื่นชมมาก
แต่ตอนนั้นพูดคุยกันได้เพียงไม่กี่คำ ผมลืมขอช่องทางติดต่อคุณหยางโปเอาไว้ ดังนั้นครั้งนี้จึงมาเยี่ยมคุณหยางโปถึงที่บ้านเลย ! ”
หยางหลางชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจึงตอบกลับไป ” คุณต้องการพบน้องชายของผมงั้นเหรอ ?
เขาอยู่ที่…”
พ่อหยางยืนฟังการสนทนาของทั้งสองอยู่ด้านข้าง แต่ดวงตากลับเปล่งเป็นประกาย เขารีบคว้าตัวหยางหลางแล้วดึงให้ไปอยู่ทางด้านหลัง จากนั้นพ่อก็หยางก้าวไปข้างหน้าแทน
“ สวัสดีคุณเสวียน ในเมื่อมาหาลูกชายผม ถ้างั้นก็ถือว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติของครอบครัวหยางของเรา สู้ไปพูดคุยกันในบ้านดีกว่าไหม ? ”
เสวียนจงส่งยิ้มให้ ” หยางโปอยู่บ้านหรือเปล่า ? ”
พ่อหยางกลับไม่ตอบคำถามนี้เลย แต่พูดด้วยรอยยิ้มไปว่า “ ไม่ว่าจะอยู่บ้านไหม ก็ต้องไปบ้านกันสักครั้ง ! ”
เสวียนจงทำอะไรไม่ถูก จึงทำได้เพียงส่งยิ้มให้ ” ตกลง แต่ยังมีเพื่อนอยู่ในรถของผมอยู่อีกคน เดี๋ยวผมจะไปบอกเขาก่อน ”
เสวียนจงวิ่งกลับไปหยุดอยู่ที่ข้างรถและพูดกับ โจวซิน ” พ่อของหยางโปเชิญพวกเราไปเป็นแขกที่บ้าน ”
“ แขก ? คุณแค่ถามที่อยู่ของหยางโปไปเลยก็พอ พวกเราไปหาเขาเองก็ได้ ทำไมต้องไปที่บ้านของเขาด้วย ? ” โจวซินกล่าวด้วยความไม่ค่อยพอใจ
เสวียนจงจนปัญญาจริงๆ ” เขาไม่ยอมตอบคำถามของผม ยืนยันที่จะเชิญพวกเราไปที่บ้านให้ได้ เขาออกจะมีน้ำใจขนาดนี้ จะไม่ไปได้ยังไง ? ”
โจวซินไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องก้าวลงมาจากรถ จากนั้นเขาก็เหลือบไปมองหยางหลางสองพ่อลูก “ คนธรรมดาสามัญทั่วไปแบบนี้ คุณยิ่งเกรงใจพวกเขา พวกเขาก็จะยิ่งไร้ยางอาย จะทำตัวเกรงอกเกรงใจไม่ได้เด็ดขาด ! ”
เสวียนจงยิ้มและล็อครถ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรมาก โจวซินไม่เหมือนคนปุถุชนธรรมดาทั่วไป
เขาเติบโตขึ้นมาในโลกนี้ แน่นอนที่ต้องรู้ว่า ต่อให้จะเป็นเด็กตัวเล็กๆก็มีช่วงเวลาที่หยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นกัน ในกรณีที่พ่อหยางไม่ยอมบอก เขาก็จะไปบีบบังคับไม่ได้เช่นกัน !
แต่ยังไงซะ โชคดีที่โจวซินลงจากรถมา ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรมาก..ไอลีนโนเวล
ทั้งสองเดินตามหยางหลางพ่อลูกเข้าไปในชุมชน ระหว่างทาง ก็พบกับหลายคนที่ทักทายกับ
หยางหลาง ดูท่าแล้วเหมือนเขาจะได้รับการยอมรับเหมือนกัน
ไม่นานก็กลับมาถึงบ้าน แม่หยางก็รีบออกมาทักทาย !
“ ตาแก่ ในที่สุดพวกคุณก็กลับกันมาแล้ว พวกคุณไปไหนกันมา ? ไปทำอะไรมา ? ” แม่หยางรับห่อของมาจากมือพ่อหยางและอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
พ่อหยางรู้สึกค่อนข้างที่จะไม่พอใจ “ คุณอยู่บ้านดีดีก็พอ จะถามมากมายไปทำไม ? ”
“ แม่ มีแขกมาเยี่ยมนะ แม่ไปชงชามาให้สักสองแก้วที ! ” หยางหลางกล่าว
แม่หยางถึงได้สังเกตเห็นเสวียนจงทั้งสอง เธอยิ้มให้จางๆและพยักหน้าแล้วหันหลังเดินไปชงชาให้
เสวียนจงยิ้มและพูดว่า ” ไม่ต้องกรงใจนะ ”
พ่อหยางเดินเข้าไปแล้ว และหันไปยิ้มและพูดกับทั้งสองว่า ” ทั้งสองท่านไม่ต้องเกรงใจนะ
เชิญนั่งๆ ”
โจวซินมองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ที่นี่ตกแต่งได้ไม่ค่อยหรูหรา ดูเรียบง่าย แต่ก็ถือว่าไม่เลว แต่ในใจของเขากำลังคิดว่า หยางโปเติบโตมาจากสถานที่แบบนี้จริงไหม ที่นี่จะมีของดีที่
หยางโปเหลือทิ้งไว้ไหมนะ ?
เสวียนจงนั่งลง เมื่อเขาเห็นโจวซินมองไปรอบๆก็ไม่ได้สนใจ เขาจึงหันกลับไปมองที่พ่อหยาง
” คุณหยาง นี่คือบ้านของหยางโปใช่ไหม ? ”
“ ผมเป็นพ่อของหยางโป คุณคิดว่านี่เป็นบ้านของเขาหรือเปล่าล่ะ ? ” พ่อหยางยิ้มพร้อมทั้งเอ่ยปากพูด
เสวียนจงหัวเราะลั่น ” แล้วหยางโปอยู่ไหนเหรอ ? ”
พ่อหยางยิ้ม “ พวกคุณมาหาหยางโปเพื่ออะไร ? ”
เสวียนจงยิ้มและพูดว่า ” คุณหยาง เมื่อสักครู่ผมก็ได้อธิบายไปแล้ว ผมกับเขาถือได้ว่าเคยเจอกันมาแค่ครั้งเดียว ไม่ได้ทิ้งข้อมูลการติดต่อไว้ให้กันเลย เลยต้องมาหาถึงที่นี่ ”
พ่อหยางกำลังจะถามเขาว่า หาที่นี่พบได้ยังไง แต่โจวซินที่เงียบมาตลอด จู่ๆกลับเอ่ยปากพูดออกมา ” ห้องของหยางโปอยู่ที่ไหน ? พวกเราขอเข้าไปเยี่ยมชมหน่อยได้ไหม ? ”
พ่อหยางตะลึงไปครู่หนึ่ง “ ห้องของหยางโป แน่นอนได้สิ แต่ห้องของเขาค่อนข้างจะรก จำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดสักหน่อย ”
พอพูดจบ พ่อหยางก็ตบไหล่หยางหลาง ” แกช่วยไปทำความสะอาดห้องให้น้องชายของแกหน่อย ! ไป ไปเดี๋ยวนี้ ! ”
หยางหลางชะงักไปครู่หนึ่ง และได้สติกลับมา จึงรีบพยักหน้าให้ “ ครับ ผมจะไปทำความสะอาดเดี๋ยวนี้ เก็บกวาดเสร็จแล้วจะเรียกพวกคุณเอง ”
แม่หยางออกมาพร้อมกับถ้วยชา เมื่อเห็นหยางหลางรีบเดินจากไป เธอก็ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า “ นี่แกจะไปไหน ? ”
หยางหลางตอบกลับไปคำหนึ่งว่า “ ไม่มีอะไร ! ”
แม่หยางวางถ้วยชาลงตรงหน้าแขกและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ เชิญดื่มชาได้เลยนะ อย่าได้เกรงใจ ”
โจวซินนั่งลงและมองไปที่พ่อหยาง ” หยางโปออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ”
พ่อหยางเอ่ยปากตอบไปว่า “ ไม่ เมื่อวานเขายังอยู่ที่บ้าน คุณก็รู้ว่าเขาชอบของโบราณ ชอบเอาของทุกอย่างมาไว้ในบ้าน ในบ้านเลยมีสิ่งของของเขาหลงเหลืออยู่ในบ้านจำนวนไม่น้อย ”
“ อ้อ ? เขาเป็นคนเชี่ยวชาญในการพิสูจน์ยืนยันโบราณวัตถุอย่างงั้นเหรอ ? ” โจวซินเอ่ยปากถาม
พ่อหยางพยักหน้า “ แน่นอน ? ลูกชายคนนี้ของผมเป็นคนที่ถ่อมตัวมาก หลายต่อหลายครั้งที่เขาไม่ยอมแนะนำตัวตนของเขา เขาเป็นสมาชิกของคณะกรรมการประเมินโบราณวัตถุแห่งชาติ
เขาถึงกับไม่ยอมบอกผม เป็นผมที่ได้ยินมาจากคนอื่นพูดกัน ”
โจวซินหันมองไปที่สวียนจง เสวียนจงจึงพยักหน้าและพูดเสียงกระซิบด้วยว่า ” สถานะนี้สูงส่งมาก มีคนถูกเรียกแบบนี้ในประเทศไม่เกินร้อยคน ! ”
โจวซินพยักหน้า ” แม้ว่าผมจะอายุพอๆกับหยางโป แต่ผมก็ชื่นชมหยางโปเอามากๆ
เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เยี่ยมชมสถานที่ที่เขาเติบโตขึ้นมา ! ”
เสวียนจงอดไม่ได้ที่จะมองหน้าโจวซิน เกิดอะไรขึ้นกับโจวซิน ทำไมเขาถึงพูดจาแบบนี้ ?
พ่อหยางหัวเราะ “ คุณสบายใจได้ ลูกชายของผมคนนี้น่าเชื่อถือมากทีเดียว ผมเชื่อใจเขาเสมอ ! ”
ไม่นาน หยางหลางก็เดินกลับมาและเอ่ยปากออกมาบอกว่า ” เอาล่ะเสร็จแล้ว ! ”

“ พวกคุณขนของทุกอย่างที่นี่ไปเลย ผมไม่เอาของอะไรของพวกคุณทั้งนั้น ! ” หยางโปชี้ไปรอบๆ พร้อมทั้งพูดออกมา
พ่อหยางถึงกับโมโหขึ้นมาทันที “ เสี่ยวโป แกจะทำแบบนี้ไม่ได้ ต่อให้แกไม่สงสารฉัน แกก็ต้องสงสารพี่ชายของแก เขาไม่มีงานทำ เอ้อระเหยลอยชายอยู่ข้างนอกแบบนี้ทุกวัน แกก็ถือซะว่าหางานหนึ่งให้เขาทำก็แล้วกัน ! ”
หยางโปหันไปมองหน้าพ่อหยาง ” ทำอย่างกับผมไม่ได้ให้โอกาสเขางั้นแหละ ? ผมช่วยเขาหางานทำที่โรงประมูล แล้วเขาปฏิบัติกับผมยังไง ? เขาขโมยเงินของผมและหนีไป ที่เขาทำหมายความว่าไง ? ไม่พอใจกับงานเหรอ ? ในเมื่อไม่พอใจก็ไม่ต้องทำ ทำไมถึงทำแบบนี้ ! ”
พ่อหยางนิ่งอึ้งพูดไม่ออก สิ่งที่หยางโปพูดมามันก็จริง ก่อนหน้านี้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ
เขาจึงมีอาการลังเลเล็กน้อย “ ถ้าอย่างนั้นแกก็ช่วยเขาหางานใหม่อีกสักงานสิ ? ”
“ พ่อ พ่อไม่ต้องขอร้องเขาหรอก ผมไม่อยากทำงาน ไปทำงานในบริษัท มันมีอะไรดีกัน
ก็แค่ได้เงินเดือนตายตัวก้อนหนึ่ง ไม่มีวันรวยหรอก ! ” หยางหลางกล่าว
พอพูดจบ หยางหลางก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เหยียนหรูหยู “ ผมคิดว่าแต่งงานก่อนแล้วค่อยสร้างเนื้อสร้างตัวดีกว่า ! ”
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น หยางหลางก็อดไม่ได้ที่สาวเท้าเดินไปด้านหน้าสองก้าว และกำลังจะเข้าไปใกล้เหยียนหรูหยู แต่พ่อหยางกลับทำหน้าสยดสยองรีบก้าวไปคว้าตัวหยางหลางไว้ทันที
และสบถด่าเสียงดัง “ ไอ้สารเลว นั่นมันแฟนของน้องชายแกนะ แกคิดจะทำอะไร ? ”
พ่อหยางดึงหยางหลางออกไปข้างนอก ดูเหมือนก่อนหน้านี้จะตกใจกลัวเกินไปจนไม่กล้าหยุดอยู่ตรงนั้น
หยางหลางพยายามที่จะอยู่ต่อ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่เป็นดั่งใจ
หลิวเหลียงอวี้ยืนอยู่ด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะมองหยางโปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ” พ่อและพี่ชายของคุณนี่มัน… ทำให้คุณลำบากจริงๆ ”
หยางโปส่ายหัวอย่างจนปัญญา “ ช่างมันเถอะ พวกเราออกไปกันดีกว่า เดี๋ยวผมจะหาคนมาเปลี่ยนกลอนประตูและล็อคที่นี่เอาไว้ ”
หลิวเหลียงอวี้พยักหน้า “ งั้นก็รีบทำเลย อย่าให้พวกเขาบุกเข้ามาก่อเรื่องได้อีก ! ”
หยางโปไม่มีเบอร์ช่างเปลี่ยนกลอนล็อคประตู หลิวเหลียงอวี้จึงช่วยเรียกคนงานให้เข้ามาเปลี่ยนกลอนล็อคประตูให้ จากนั้นหยางโปถึงได้ทำการล็อคประตู
หลิวเหลียงอวี้หันไปยิ้มให้หยางโป และเอ่ยปากชวนไปว่า ” ตามผมไปนั่งพักที่ร้านไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า ” ได้สิ พอดีเลยจะได้ไปดูที่ร้านของคุณสักหน่อย ”
ส่วนทางด้านเหยียนหรูหยูกลับไม่ได้พูดอะไรมาก แค่เดินตามหลังหยางโปไปอย่างเงียบๆ
เมื่อขับรถมาถึงที่จี๋หยาถาง ก็มานั่งอยู่ที่ล็อบบี้ หยางโปก็หวนนึกถึงครั้งแรกที่เขามาที่นี่ เวลานั้น เขายังเด็กมาก คิดแค่ว่าอาศัยสายตาคู่นี้ก็จะหาเงินและสามารถรักษาโรคของพ่อหยางได้แล้ว ตอนนั้น หลิวเหลียงอวี้และเฉาหยวนเต๋อก็นั่งอยู่ที่นี่ พวกเขาได้ให้ความช่วยเหลือหยางโปไว้มากมาย !
เมื่อหยางโปเอ่ยถึงเรื่องนี้ หลิวเหลียงอวี้ก็เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก
……
โจวซินก้าวลงจากรถ และมองไปรอบๆ จากนั้นก็มองไปทางเสวียนจงอีกครั้ง ” คุณเช็คมาแล้วว่า หยางโปอยู่ที่นี่ใช่ไหม ? ”
เสวียนจงพยักหน้า ” ทำอย่างกับผมจะโกหกคุณงั้นแหละ ? ”
โจวซินขมวดคิ้วเล็กน้อย ยังไงซะที่นี่ก็เป็นเขตตัวเมืองของมณฑล ถึงแม้จะเป็นเขตตัวเมืองของจินหลิง แต่ก็ยังดูมั่งคั่ง “ คุณไม่ใช่บอกว่าทะเบียนบ้านของเขาอยู่ในเขตชนบทหรอกเหรอ ?
อย่างเขาก็ดูไม่หมือนคนยากจนอะไร น่าจะพักอยู่ในตัวเมืองจินหลิงนะ ? ”
เสวียนจงส่ายหน้า “ รายละเอียดเป็นยังไง ผมก็ไม่รู้แน่ชัด ผมแค่ค้นหาตามทะเบียนบ้านของพวกเขาเท่านั้น ครั้งก่อนเขามากับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจินหลิง ตอนนี้พวกเรากำลังตามหาเบาะแสเล็กๆน้อยๆรีบค้นหาบ้านเขาให้ได้โดยเร็วที่สุดกันก่อนเถอะ ! ”
โจวซินไม่ค่อยจะพอใจ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมาก
ทั้งสองพบเขตชุมชนตามที่อยู่ที่ทั้งสองคนเคยตรวจสอบมาก่อน จากนั้นทั้งสองก็ได้ขับรถ
เมอร์เซเดส-เบนซ์มาจนถึงที่ประตูทางเข้าเขตชุมชน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหยุดรถไว้ “ รถของพวกคุณไม่ใช่รถคันที่เคยอยู่ในชุมชนใช่ไหม ? ”
เสวียนจงยิ้ม และหยิบบุหรี่อย่างดีซองหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้ “ ลุงยาม ขอถามคุณสักเรื่องหนึ่งสิ เขตชุมชนของพวกคุณมีคนชื่อหยางโปไหม ? ”..ไอรีนโนเวล
“ หยางโป ไม่รู้จัก ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูเหมือนจะอายุห้าสิบกว่า ใบหน้าหมองคล้ำ เขาขยับตัวเล็กน้อยและรับบุหรี่ไปใส่ไว้ในกระเป๋า
เพราะบทบาทของบุหรี่ซองนี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงถามไปอย่างมีน้ำใจอีกว่า
“ คนที่พวกคุณตามหาอยู่ในชุมชนนี้ใช่ไหม ? เขามีสมาชิกในครอบครัวหรือเปล่าล่ะ ? ”
เสวียนจงนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็นำข้อมูลก่อนหน้านี้ออกมา ” พ่อของเขาชื่อว่าหยางเจียนหมิง พี่ชายชื่อว่าหยางหลาง ดูเหมือนว่าหยางหลางเพิ่งจะออกจากคุกมา ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็พูดขึ้นทันทีว่า “ ถ้าคุณพูดแบบนี้ ผมก็รู้แล้ว หยางหลางอยู่ในชุมชนของเราจริงๆ ตอนที่เขาเพิ่งออกมา ครั้งแรกที่กลับมา ผมสั้นมาก ตอนนั้นผมถามอยู่นานเลยทีเดียว ที่แท้ก็บ้านของพวกเขานี่เอง ! ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังจะพูดมากกว่านี้ จู่ๆเขาก็รู้สึกว่ามีคนจับแขนเขาไว้ พอเขาหันกลับมาก็พบว่าเพื่อนร่วมงานจับเขาไว้อยู่จริงๆ เพื่อนร่วมงานหันไปส่งซิกให้เขา
” หยุดพูดเถอะ คนมากันแล้ว ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังไม่รู้ตัว ” ใครมา ? ”
เขาหันหลังมองกลับไปที่นอกประตู ก็เห็นว่าหยางหลางพ่อลูกกำลังเดินมาจากด้านนอก เขาจึงฉีกยิ้มออกมา “ เถ้าแก่ คุณดูสิ คนมากันแล้วไม่ใช่เหรอ ? ”
เสวียนจงรีบยื่นหน้าออกมานอกหน้าต่างรถและหันไปมองทางด้านหลัง เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามา เขาก็โยนบุหรี่อีกซองให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกครั้ง “ ขอบคุณนะ ! ”
ทำเอาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหัวเราะ ยิ้มแก้มปริกันเลยทีเดียว
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโบกมือสั่งให้รถหยุดที่ด้านนอกประตูชุมชน และหันไปกวักมือเรียกหยางหลางพ่อลูก “ หยางหลาง หยางหลาง มานี่สิ มีคนมาตามหาพวกคุณอยู่ ! ”
พ่อหยางและหยางหลางทั้งสองคนรู้สึกแย่มาก พวกเขาวางแผนสำหรับแผนการนี้มากันหลายวัน ถึงกับคิดทุกแผนไว้อย่างดีทุกขั้นตอน และตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่แล้ว ว่าจะลงมือทำกันเพียงแค่สัปดาห์เดียว พวกเขาก็จะแยกย้าย ! แต่คิดไม่ถึงว่า แค่เปิดร้านวันแรก ก็ถูกหยางโปจับได้และไล่พวกเขาออกไปกันแล้ว !
“ ไอ้ลูกนอกไส้ ! ”
พ่อหยางอดไม่ได้ที่จะด่าว่า และหันไปถ่มน้ำลายลงข้างถนน
ทันใดนั้นก็ได้ยินคนในชุมชนเรียกชื่อหยางหลาง พ่อหยางจึงหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็เห็นว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของชุมชนกำลังโบกมือให้เขาทั้งสอง
เมื่อพ่อหยางเห็นหยางหลางเดินก้มหน้าตลอด เขาจึงตบไปที่ไหล่ของหยางหลาง ” เสี่ยวหลาง
ดูเหมือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ทางด้านโน้นจะเรียกแกอยู่นะ ช่วงนี้แกไปทำอะไรไม่ดีมาหรือเปล่า ? ”
“ ไม่มีนะ ผมจะทำเรื่องไม่ดีได้ยังไงกัน ? ” หยางหลางส่ายหน้าพูด
พ่อหยางจ้องไปที่หยางหลาง “ แกแน่ใจนะ ? แกไม่ได้ไปขโมยชุดชั้นในของแม่ม่ายหลี่บ้านข้างๆเข้าหรอกนะ ? ไม่ได้ฆ่าแม่ไก่ของคุณยายเหลียงที่ชั้นล่างไปใช่ไหม ? ”
หยางหล่างส่ายหัว “ พ่อ พ่อพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน ? ทำไมพ่อถึงไม่เชื่อใจผม ? ผมเป็นคนแบบนั้นเหรอ ? ผมไม่ได้ขโมย แต่ผมเอามาเลยต่างหาก ! ”
พ่อหยางจ้องหน้าหยางหลาง ส่ายหัวและถอนหายใจออกมาเบาๆ “ แกวิ่งหนีไปเถอะ ฉันคิดว่ายามคงจะมาเอาเรื่องกับแก ”
หยางหลางหันมองไปทางประตู “ พ่อไม่ต้องกังวลนะ ไม่มีใครรู้หรอก พวกเขาไม่มีทางเจอแน่นอน ! ”
“ พวกเขาหาไม่เจอ แล้วทำไมฉันรู้ล่ะ ? ” พ่อหยางกล่าว
หยางหลางนิ่งอึ้งไปทันที “ ใช่ พ่อรู้ได้ไง ? ”
“ มีคนมาหาถึงที่บ้าน บอกว่าแกขโมยของเขา บอกว่าแกใช้ไม้ไผ่ขโมยชุดชั้นในของเขา แกไม่อายหรือไง ? ” พ่อหยางจ้องหยางหลางตาเขม็ง เขาเกลียดและเจ็บใจมากที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ !

  เมื่อหยางโปได้ฟังคำพูดของพ่อหยาง ก็รู้สึกว่าอุณหภูมิในรถลดลงอีกครั้ง เขารีบหันไปพูดกับ
เหยียนหรูหยูว่า “ อย่าใจร้อน ไม่ต้องกังวลไป เขาแค่พูดจาไร้สาระ ! ”
พ่อหยางรีบพูดขัดขึ้นว่า ” ฉันไม่ได้พูดจาไร้สาระ ฉันจริงจัง ! ”
เมื่อหยางโปเห็นเหยียนหรูหยูชักสีหน้า เขาก็รู้สึกว่าคงหมดหนทางช่วยชีวิตชายแก่ที่เรียกร้องหาความตายคนนี้ได้แล้ว เขาจึงเงียบทันที โดยที่ไม่พูดไม่จาอะไร
เหยียนหรูหยูหันมองไปทางด้านหลัง โดยที่ไม่พูดอะไร
หยางโปถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เขายังคิดว่าเหยียนหรูหยูสั่งสอนพ่อหยาง แต่คิดไม่ถึงว่าจะมองแค่แวบเดียวเท่านั้น
ไม่นาน เหยียนหรูหยูก็หันหน้ากลับมา แต่ก็ยังคงไม่พูดอะไร
หยางโปยิ้ม และคิดที่จะสตาร์ทรถขับออกไปจากที่แห่งนี้ แต่จู่ๆเขาถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว
เพราะเขารู้สึกว่าหลังรถเงียบมาก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางเบาะหลัง เมื่อเห็นพ่อหยางที่นั่งอยู่เบาะหลังตาแข็งทื่อ และเอาแต่จ้องมองมาทางด้านหน้า ด้วยสีหน้าท่าทีที่หวาดกลัว !
“ คุณทำอะไรเขา ? ” หยางโปหันไปมองเหยียนหรูหยู
เหยียนหรูหยูเหลือบมองหน้าหยางโป “ ฉันก็แค่ทำให้เขาหุบปากเท่านั้น ”
หยางโปหันหน้ากลับมาอีกครั้ง แต่กลับเห็นพ่อหยางหน้าซีดขาว กระหืดกระหอบออกมาอย่างแรง
หยางโปไม่ได้พูดอะไร และถึงกับไม่ถามอะไรมาก เขานึกถึงปฏิกิริยาของลัวย่าวหัวเมื่อวาน จู่ๆเขาก็อยากเห็นดวงตาของเหยียนหรูหยูขึ้นมา แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้ดู
ไม่นาน หยางโปก็ขับรถกลับมาถึงที่ร้าน และเห็นว่าจำนวนคนในร้านลดน้อยลงไปมาก
หลิวเหลียงอวี้กำลังนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างจะกดดันเอามากๆ
เมื่อเห็นหยางโปเดินกลับเข้ามา หลิวเหลียงอวี้ก็รีบเอ่ยถามทันที “ เป็นยังไงบ้าง ? คนไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่เป็นไร ”
หยางโปปล่อยให้พ่อหยางลงจากรถตอนที่อยู่ข้างนอกแล้ว เพื่อให้เขาไปตามหาหยางหลาง
ส่วนตัวเขาเองย้อนกลับมาสะสางเรื่องที่ค้างคาทางนี้
“ เป็นยังไงบ้าง ? ยังเหลืออยู่กี่คน ? ” หยางโปหันไปสอบถามหลิวเหลียงอวี้
หลิวเหลียงอวี้ส่ายหัว วางของในมือลงและหันไปพูดกับทุกคนว่า ” รอสักครู่นะ ผมขอไปปรึกษากับเขาสักสองสามคำ ทุกท่านอย่าได้ร้อนใจไป จะต้องได้รับเงินคืนแน่นอน ”
มีอีกห้าหกคนที่กำลังต่อแถวอยู่ พวกเขาดูค่อนข้างกังวลใจมาก ถึงแม้พวกเขาจะรู้จัก
หลิวเหลียงอวี้ดี แต่ก็ยังคงบ่นว่าให้ ” เถ้าแก่หลิว คุณต้องรีบหน่อยนะ ! พวกเรารออยู่ที่นี่มานานมากแล้ว ! ”
หลิวเหลียงอวี้หัวเราะและขอโทษขอโพยกันไปสองสามคำ จากนั้นถึงได้ดึงหยางโปออกไปอีกด้าน ” ไม่ไหวนะ พวกเขาไม่ได้ทำบัญชีไว้เลย ดังนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าของพวกนี้มีมูลค่าอยู่เท่าไหร่
พวกเขาเสนอราคากันสูงมาก เงินที่มีอยู่ที่นี่คงไม่พอแน่นอน ”
หยางโปมองเข้าไปข้างในร้าน ยังเหลือคนอยู่ห้าหกคนด้านใน เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ ไม่เป็นไร คุณคืนเงินไป เก็บใบเสร็จที่พวกเขาเขียนด้วยลายมือไว้ให้ดี ผมจะไปเบิกเงินมาให้ ! ”
หลิวเหลียงอวี้พยักหน้า “ งั้นคุณก็รีบไปรีบมาล่ะ ! ”..ไอรีนโนเวล
หยางโปไปที่ธนาคารใกล้ๆ และใช้บริการตู้วีไอพีกดเงินสดมาสองแสนหยวน โชคดีที่มีจำนวนตัวเลขที่เขียนไปให้ไม่มากนัก จึงจ่ายคืนไปให้เพียงห้าหมื่นหยวนเท่านั้นก็เคลียร์ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
หยางโปถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อมองดูของเก่าในห้องที่เต็มไปหมด เขาถึงกับขมวดคิ้วขึ้นจางๆ ของพวกนี้เป็นของปลอมทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์ !
คิดไม่ถึงว่าคนแก่พวกนี้จะหลอกได้ง่ายมากขนาดนี้ อาศัยแค่ชื่อๆหนึ่ง ก็สามารถหลอกลวงพวกเขาทั้งหมดได้แล้ว อีกทั้งยังมีคนอีกจำนวนมากที่ถึงขั้นยอมควักเงินหลายหมื่นหยวนออกมาซื้อของกันอีกด้วย !
หยางโปมองไปทางหลิวเหลียงอวี้ “ วันนี้ต้องขอบคุณคุณมากๆเลยนะ ! ถ้าไม่ใช่คุณที่โทรบอกผม เกรงว่าผลที่ตามคงไม่ต้องนึกถึงกันเลย ”
หลิวเหลียงอวี้ส่ายหน้า “ ผมก็แค่บังเอิญพบเข้า ผมยังคิดเลยว่าคุณกลับมาแล้ว เลยเดินเข้ามาสอบถาม โทรไปถามคุณเรื่องนี้ทีหลัง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ”
หยางโปรู้สึกค่อนข้างที่จะอับอายขายขี้หน้า การมีคู่พ่อและพี่ชายที่แปลกประหลาดแบบนี้
มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเลือกได้ แต่เมื่อต้องมาเผชิญกับเรื่องแบบนี้ มันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หลิวเหลียงอวี้พูดพร้อมรอยยิ้ม “ คุณก็อย่าไปคิดอะไรมากอีกแล้ว ในเมื่อเรื่องก็คลี่คลายลงแล้ว
ก็ปิดร้านต่อไปเถอะ ไม่ต้องให้พวกเขายืมแล้ว ”
หยางโปพยักหน้า “ วางใจได้ ต่อไปจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก ”
กำลังจะพูดคุยกันมากกว่านี้ จู่ๆเหยียนหรูหยูก็เดินออกมา จากนั้นเธอก็มองเข้าไปในห้อง ทางด้านหลิวเหลียงอวี้ที่ไม่เคยพบกับเธอมาก่อน จึงเอ่ยปากถามไปว่า “ แม่สาว ที่นี่ไม่ขายของแล้ว ”
“ คนๆนี้เป็นเพื่อนของผมเอง เข้ามาดูสิ ” หยางโปรีบเอ่ยปากอธิบาย
หลิวเหลียงอวี้หันไปมองหยางโปด้วยรอยยิ้มเหยเก แต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
หยางโปกำลังจะเอ่ยปากอธิบาย พอเงยหน้าก็เห็นพ่อหยางและหยางหลางทั้งสองคนเดินเข้าประตูใหญ่มา พ่อหยางเดินเอามือไขว่หลังเข้ามาอย่างสบายอารมณ์ ดูหยิ่งผยองมาก ดูไม่เหมือนถูกไล่ออกไปเลยสักนิด
หยางหลางเดินตามมาด้านหลัง ก็เหมือนเดิมแบบนี้แหละ เขายิ้มจางๆเดินเข้ามา
พ่อหยางเหลือบมองไปที่โต๊ะ เมื่อเห็นว่ามีเงินสดเหลืออยู่บนโต๊ะแสนกว่า ก็ตาโตขึ้นมาทันที
“ หยางโป แกก็น่าจะรู้ดีนะ ช่วงนี้เสี่ยวหลางมีชีวิตที่ไม่ดีมากนัก พวกเราจะทำธุรกิจนี้ มันก็ไม่ง่ายดาย ของเก่าและของตกแต่งในร้านขายของโบราณวัตถุนี้ล้วนถูกพวกเราซื้อมาในราคาแพง ฉันคิดว่าภายภาคหน้าแกอาจจะกลับมาเปิดร้านใหม่อีกแน่นอน เอางี้ละกัน ของพวกนี้ยกให้แกทั้งหมดก็แล้วกัน ! ”
หยางโปเหลือบมองพ่อหยาง ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ “ ยกให้ผม ? ถ้างั้นคุณคิดที่จะขายเท่าไหร่ ? ”
หยางหลางก้าวมาข้างหน้า “ พวกเราเป็นพี่น้องกัน มาพูดเรื่องเงินมันทำร้ายจิตใจกันเกินไป ! ”
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น หยางหลางก็เดินเข้าไปประชิดตัวเหยียนหรูหยูแล้ว เขาจ้องมอง
เหยียนหรูหยูไม่วางตา “ สวัสดีสาวสวย ทิ้งเบอร์โทรติดต่อไว้ให้กันหน่อยสิ ! ”
เหยียนหรูหยูชายตามองเขา แต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร พ่อหยางก็รีบเขาไปดึงเขากลับมาอย่างทุลักทุเล “ แกทำอะไรน่ะ ? ”
หยางหลางหันไปหาพ่อ “ พ่อ ? พ่อไม่ใช่ว่ารบเร้าผมให้หาแฟนมาตลอดหรือไง ? นี่ผมจีบผู้หญิงคนหนึ่งทำตามที่พ่อสั่งไว้เลยนะ ! ”
พ่อหยางส่ายหน้า ด้วยใบหน้ายังคงหวาดกลัว “ ใครก็ได้ แต่เธอคนนี้ไม่ได้ ! ”
“ ทำไมล่ะ ? หรือว่าเขาเป็นแฟนของเสี่ยวโป ? ” หยางหลางรู้สึกไม่ค่อยจะพอใจ
พ่อหยางค่อนข้างที่จะโมโห “ ฉันไม่สนใจหรอกว่าเธอจะเป็นใคร แต่แกจีบเธอไม่ได้ ! ”
หยางหลางค่อนข้างจะแปลกใจ แต่เวลานี้ เขาก็พูดอะไรมากไม่ได้
พ่อหยางเหลือบมองไปทางเหยียนหรูหยู จากนั้นก็หลบไปทางด้านข้าง จากนั้นถึงได้มองไปทาง
หยางโป เขาชี้ไปบนโต๊ะ “ ที่นี่ตกแต่งเสียเงินไปสองแสนกว่าหยวน แกเอาเงินที่อยู่บนโต๊ะให้พวกเรา พวกเราก็จะคืนที่นี่ให้แก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราก็ยังขาดทุนไปมากโขอยู่ ”
หยางโปมองหน้าพ่อหยาง แต่ไม่พูดว่าอะไร เขารู้สึกว่าพ่อหยางดูเหมือนจะไม่รู้ว่าอะไรคือความหน้าด้านไร้ยางอาย
การซ่อมแซมตกแต่งที่นี่พวกเขาตกแต่งหรือยังไงกัน ? นี่มันของตกแต่งเดิมที่มีอยู่แล้ว พวกเขาแค่ซื้อของเก่าในตลาดมา ชั้นวางของสองสามตัว ซื้อโต๊ะและเก้าอี้มาอย่างละตัว ร่วมกับภาพวาด เครื่องลายครามปลอมพวกนั้น มากสุดก็แค่ลงทุนไปไม่กี่พันหยวน ! จะเป็นแสนหยวนไปได้ยังไงกัน
“ พวกคุณไม่จบกันใช่ไหม ? ” หยางโปจ้องหน้าพ่อหยางและเอ่ยปากถาม
พ่อหยางถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที เขารู้ดีอยู่แก่ใจ หยางโปเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบพูด ถึงขั้นที่ว่าไม่ว่าเขาจะเอ่ยปากขออะไร หยางโปก็ไม่เคยปฏิเสธ แต่ทำไมรอบนี้เขาถึงพูดแบบนี้ออกมาได้

หยางโปเหลือบมองพ่อหยางแต่ไม่ได้สนใจเขา จากนั้นก็หันมองไปที่ทุกคนแทน ” ผมหยางโปเป็นเถ้าแก่ร้านสืออี๋ถาง ร้านนี้แอบอ้างเอาชื่อร้านและถือวิสาสะนำป้ายชื่อร้านของผมมาใช้
สำหรับของโบราณวัตถุในร้านจะเป็นของจริงหรือของปลอมผมไม่สามารถรับประกันใดๆได้
หวังว่าทุกท่านจะรับรู้เอาไว้โดยทั่วถึงกันด้วย ”
เพราะคำพูดนี้ของหยางโป จึงเกิดความโกลาหลขึ้นในร้านทันที ทุกคนต่างก็พากันหันหน้าไปมองที่พ่อหยาง
“ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? เถ้าแก่หยาง คุณไม่ใช่เหรอที่รับประกันว่าคุณมาดูแลร้านแทนลูกชาย ?ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ ? ”
” ฉันต้องการคืนสินค้า รีบคืนเงินให้ฉันเร็วเข้า ! ”
“ ไอ้แก่ต้มตุ๋น โชคดีนะที่ฉันไม่ได้ซื้อ ! ยังมีไอ้คนที่กล่าวอ้างว่าเป็นพี่ชายของถ้าแก่หยางนั่นอีก
คน คนล่ะ ? เขาไปไหนแล้ว ? ”
“ ผู้ชายคนนั้นหนีไปแล้ว ! ”
หยางโปถูกผู้คนดันให้เข้าไปอยู่กลางฝูงชน รอบด้านรายล้อมไปด้วยชายชราและหญิงชรา
เขาจึงใช้แรงไม่ได้ จึงถูกฝูงชนเบียดให้เข้าไปอยู่ในร้าน เมื่อได้ยินเสียงของฝูงชน เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองออกไปด้านนอก และได้เห็นว่าหยางหลางวิ่งหลบหนีออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว !
หยางโปมองเข้าไปด้านในอีกครั้ง เห็นพ่อหยางนั่งอยู่หน้าเครื่องคิดเงิน ผมเผ้ารุงรัง รายล้อมไปด้วยกลุ่มคน หัวของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ปิดลิ้นชักที่ใส่เงินไว้แล้วตะโกนเสียงดังออกมาว่า
“ ในเมื่อซื้อไปแล้ว ต่างฝ่ายต่างยินยอมซื้อขายไม่คืนเงิน พวกคุณไม่ต้องมาบังคับขอเงินจากฉัน ฉันไม่รับของคืนแน่นอน ! ”
พ่อหยางนอนราบลงบนโต๊ะทันที พยายามที่จะปกป้องลิ้นชักเอาไว้
เวลานี้ทุกคนในร้านต่างก็ไม่พอใจกันขึ้นมาแล้ว พวกเขาพากันตะโกนโวยวายว่าให้ “ เถ้าแก่หยาง ถ้าคุณไม่คืนสินค้าให้อีก ฉันจะแจ้งความแล้วนะ คุณมันเป็นคนหลอกลวง ! ”
หยางโปยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ถูกโอบล้อมไปด้วย หลายคนพากันยื่นมือออกมาขอเงินคืนจากเขา
ในร้านเกิดเหตุการณ์ชุลมุนเอะอะเสียงดัง และทันใดนั้นก็มีคนตะโกนเสียงดังออกมาว่า
“ ไม่ได้การแล้ว ผู้เฒ่าหยางเป็นลมหมดสติไปแล้ว เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือดด้วย ! ”
หยางโปหันมองไปที่พ่อหยางทันที และเห็นว่าเขานอนอยู่บนโต๊ะโดยมีเลือดไหลเล็กน้อยออกมาตรงมุมปาก !
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ หยางโปก็ปล่อยผ่านไปไม่ได้ เขาตะโกนเสียงดังออกมา
“ ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวลไป ผมหยางโปอยู่นี่ขอสัญญาว่าผมจะคืนเงินให้ทุกคน ในเมื่อทุกคนไม่เชื่อใจเขา แล้วยังจะไม่เชื่อใจผมอีกหรือไง ? ทุกคน ได้โปรดรอสักครู่ ผมจะไปส่งเขาที่โรงพยาบาลก่อนและจะคืนเงินพวกนี้ให้ทุกคนทันที ! ”
ทุกคนจึงหลีกทางให้ แต่ก็ยังมีคนมาขว้างเขาไว้แล้วพูดว่า “ คุณแน่ใจนะว่าจะคืนเงินให้พวกเรา ? ”
หยางโปค่อนข้างที่จะร้อนใจ “ มันจะเป็นอย่างนั้นอย่างแน่นอน ”
เมื่อแยกตัวออกมาจากฝูงชนได้ หยางโปก็เข้าไปประคองพ่อหยางลุกขึ้นและเอามือไปไว้ตรงปลายจมูกของเขาเล็กน้อย เมื่อพบว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาจึงไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้แล้ว
จึงจำเป็นต้องแบกร่างของพ่อหยางไว้บนหลังพาเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับพูดเสียงดัง
” ทุกคนหลบทางหน่อย หลบหน่อย ! ”
หยางโปเดินแบกพ่อหยางออกไป แต่เพิ่งเดินออกประตูมา ก็พบเข้ากับหลิวเหลียงอวี้พอดี เขาจึงรีบเอ่ยทักไปว่า “ ช่วยผมดูร้านหน่อยนะ และถือโอกาสช่วยผมคืนสินค้าทั้งหมดที่ทุกคนซื้อให้หน่อย ”
หลิวเหลียงอวี้มองเข้าไปในร้าน และมึนงงไปทันที ” นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ”
หยางโปส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “ เดี๋ยวคุณเข้าไปแล้วก็รู้เอง ”
หลิวเหลียงอวี้จึงจำเป็นที่จะต้องเดินเข้าไปในร้านเพื่อไปทำความเข้าใจกับสถานการณ์
หยางโปแบกพ่อหยางเข้าไปนั่งเบาะหลัง เหยียนหรูหยูถึงหันกลับมาชายตามองไปทางด้านหลังรถแต่ไม่พูดอะไร
หยางโปรีบเดินไปที่ประตูหน้าทันที เปิดประตู และสตาร์ทรถ รีบขับมุ่งหน้าตรงไปที่โรงพยาบาล
แต่รถเพิ่งขับมาได้ไม่ไกล หยางโปก็ได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากด้านหลัง เขาจึงเหลือบมองไปทางเบาะหลัง ก็เห็นพ่อหยางที่ลุกขึ้นนั่งแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้..Aileen-novel
หยางโปชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆขับรถไปหยุดลงข้างถนน
“ ตื่นแล้วเหรอ ? ” หยางโปเอ่ยปากถาม
พ่อหยางยิ้มเหยเก “ ตื่นแล้ว ”
หยางโปจึงเหลือบมองไปทางเบาะหลังอีกครั้ง เขาเห็นว่ามุมปากของพ่อหยางถูกทำความสะอาดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเมื่อสักครู่เขาเสแสร้งทำออกมาเท่านั้น !
“ สนุกไหม ? ” หยางโปถาม
ใบหน้าของพ่อหยางเย็นชา “ แกไปส่งฉันกลับ ฉันจะไปตามหาหยางหลาง ”
“ เขาไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปไหน คุณมีเบอร์โทรเขาไหม ? ” หยางโปมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เหตุการณ์เมื่อสักครู่ ถ้าควบคุมไว้ไม่ดี กลัวพ่อหยางคงจะตกอยู่ในอันตราย คิดไม่ถึงว่าหยางหลางจะเป็นคนแรกที่หนีไป ลูกชายแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าพ่อหยางจะเห็นค่าเอามากๆถึงขนาดนี้ !
“ เสี่ยวหลางเป็นคนกตัญญูรู้คุณมาตลอด เหตุผลที่เขาหนีไปตั้งแต่เนิ่นๆ ก็เพื่อรักษาสายเลือดให้ตระกูลหยางของเรา ! ” พ่อหยางเอ่ยปากพูดออกมา
หยางโปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ นิ่งอึ้งไปทันที เขาคิดไม่ถึงเลยว่าพ่อหยางจะคิดหาข้อแก้ต่างให้
หยางหลางแล้ว !
“ พวกเราจะไม่กลับไปแล้วใช่ไหม ? ” จู่ๆเหยียนหรูหยูก็พูดขัดขึ้นมา
พ่อหยางที่นั่งเบาะหลังไม่ทันสังเกตเห็น เวลานี้ถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่เบาะหน้ารถ เขาเอียงตัวมอง ก็เห็นว่าหญิงสาวสวมเดรสขาวถ้ามองจากด้านข้าง สวยไร้ที่ติมาก จู่ๆเขาก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมาทันที
พ่อหยางเอ่ยปากถาม “ เสี่ยวโป ถ้าฉันจำไม่ผิด แกน่าจะมีแฟนแล้วใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า “ มีแล้ว ”
“ แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ? ” พ่อหยางถามต่อ
หยางโปขมวดคิ้ว เขาหันหน้ามองไปที่เหยียนหรูหยู ” คนนี้คือเพื่อนของผม ”
พ่อหยางยิ้มเจ้าเล่ห์ “ นี่เพื่อนแกเหรอ ? เพื่อนกันน่ะดี คนอยู่ในสังคม ก็ต้องมีเพื่อนหลายๆคน ! ”
พอพูดจบ พ่อหยางก็หัวเราะออกมาทันที “ เสี่ยวโป แกว่า เสี่ยวหลางก็อายุมากแล้วแต่ยังไม่มีแฟน แม่แกกับฉันก็ร้อนใจกันมากๆ ทำไมฉันกับเสี่ยวหลางถึงได้ทำแบบนี้ นั่นไม่ใช่เพราะอยากจะหาเงินเยอะๆหรอกหรือไง ? หาเงินมาเยอะหน่อย เพื่อเก็บเป็นเงินสินสอดให้เขาไง ! ”
หยางโปที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับ ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขาจำได้ที่หยางหลางพูดเมื่อกี้ได้ชัดเจนว่า ต้องการหาเงินเป็นค่าสินสอดให้เขาต่างหากล่ะ !
“ อ้อ งั้นเลยทำแบบนี้ได้งั้นเหรอ ? ” หยางโปพูด
พ่อหยางหัวเราะอย่างแห้งๆ “ แกฟังที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือไง ฉันอยากจะบอกว่า ในเมื่อแกมีแฟนอยู่แล้ว และยังมีเพื่อนผู้หญิงที่สวยอย่างนี้ แกดูสิ พอจะลองแนะนำเพื่อนผู้หญิงคนนี้ให้กับ
เสี่ยวหลางได้ไหม ถ้าสามารถนัดดูตัวกับสาวสวยคนนี้ได้ เขาจะต้องดีใจมากแน่ๆ ! ”
สายตาของหยางโปทอดมองไปเบื้องหน้า รถหยุดนิ่งลงบนถนนอย่างเงียบๆ เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าอุณหภูมิภายในรถลดลงหลายองศา แม่คุณทูนหัวที่นั่งอยู่ข้างๆเขาไม่ได้จะหยอกล้อเล่นได้ง่ายๆนะ !
หยางโปขมวดคิ้วและหันไปมองหน้าเหยียนหรูหยู อ้าปากขึ้นเหมือนจะพูดอะไร แต่แค่เห็นใบหน้าที่สวยงามของเหยียนหรูหยูที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งพันปี เขาก็กลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ
“ เป็นไปไม่ได้ ! ” หยางโปตอบอย่างมุ่งมั่นเด็ดขาด
พ่อหยางไม่พอใจขึ้นมาทันที “ เสี่ยวโป แกเป็นน้องนะ ไม่ว่าก่อนจะทำอะไร แกก็ต้องคิดถึงพ่อแม่และพี่ชายของแก่ให้มากกว่านี้ ไม่ว่าเรื่องอะไร แกก็ต้องยอมให้พี่แกเล็กน้อย เขาลำบาก ไม่ได้เป็นคนมีการศึกษา ตอนนี้ไม่ได้มีหน้าที่การงานดีๆทำเลย ! ”
“ แกเป็นคนมีแฟนแล้ว แกยังพูดเองเลยว่า คนนี้เป็นเพื่อนผู้หญิงของแก ต่อให้แกแนะนำให้รู้จักกับพี่ชายของแก แล้วมันจะยังไง ? เสี่ยวโป แกจะเห็นแก่ตัวแบบนี้ไม่ได้ ! ”

  หยางโปหันกลับมามองเหยียนหรูหยู ” ผมจะเอากุญแจให้ เดี๋ยวคุณกลับไปที่ห้องก่อน ผมจะไปเคลียร์ธุระสักหน่อย ”
เหยียนหรูหยูมองหน้าหยางโป ส่ายหน้าและกล่าวว่า ” ฉันจะไปกับคุณด้วย ”
“ ไม่ต้อง คุณเป็นผู้หญิง ไปแล้วมันจะไม่สะดวก ” หยางโปกล่าว
เหยียนหรูหยูส่ายหน้า “ ใช่เหรอ ? ฉันคิดว่าไปกับคุณมันจะดีกว่า ”
“ ไม่จำเป็น ไม่จำเป็นจริงๆ มันอันตรายเกินไป ผมกังวลเรื่องความปลอดภัยของคุณ ” หยางโปกล่าว
เหยียนหรูหยูมองหยางโปขึ้นลง ” ทำอย่างกับคุณไปเองแล้วจะปลอดภัยงั้นแหละ ? หรือว่าคุณเอาชนะฉันได้ ? ”
หยางโปอ้าปากค้างไปทันที เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับผู้หญิงแบบนี้ เขาไม่มีแรงสู้ด้วยจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสักครู่ตอนที่เหยียนหรูหยูเพิ่งจะเอาชนะเขามาได้อย่างง่ายดายมันทำให้เขาพูดไม่ออกไปเลยทีเดียว !
“ ถ้างั้นก็ได้ เดี๋ยวคุณไปกับผม แต่เมื่อไปถึงแล้ว คุณอย่าพูดอะไรนะ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง
ตกลงไหม ? ” หยางโปถาม
เหยียนหรูหยูไม่ค่อยจะพอใจ แต่ก็ยังพยักหน้าและตอบไปว่า ” คุณนี่มันน่ารำคาญจริงๆ ! ”
หยางโปหัวเราะ แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
ทั้งสองไม่ได้กลับไปที่ห้อง แต่ตรงไปยังห้องใต้ดินเลย ขับรถและรีบมุ่งหน้าไปที่ร้านขายโบราณวัตถุ
หยางโปเหลือบมองเหยียนหรูหยู เมื่อเห็นว่าเธอสวมชุดเดรสขาวนี้อยู่ตลอด ดูเหมือนว่าเขาจะจำได้ว่าตอนนั้นชุดนี้ยังไม่ได้ซัก
เมื่อเห็นหยางโปเอาแต่จ้องมองที่ชุดของเธอ เหยียนหรูหยูก็หันไปถลึงตาใส่เขา
หยางโปยิ้มและเอ่ยถาม “ ผมแค่อยากจะถามหน่อยว่าชุดนี้คุณไม่จำเป็นต้องซักเหรอ ? ”
หยางโปแค่มีความคิดผิดแปลกแหวกแนวไปเท่านั้น จึงหลุดปากถามออกไป คิดไม่ถึงว่า
เหยียนหรูหยูจะพยักหน้าให้ “ ชุดเดรสตัวนี้ไม่จำเป็นต้องซัก ”
หยางโปถึงกับตกตะลึง พวงมาลัยรถถึงกับสะดุดเอียงตัวไปเล็กน้อย เขาหันไปมองหน้า
เหยียนหรูหยู “ ชุดเดรสขาวขนาดนี้ ทำไมถึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซักทำความสะอาดล่ะ ? ”
“ เพราะมันจะไม่มีวันสกปรก ! ” เหยียนหรูหยูตอบ.ไอรีนโนเวล
เธอดูไม่เต็มใจที่จะอธิบายรายละเอียดสักเท่าไร พูดเพียงประโยคเดียว และไม่พูดอะไรมากอีก
หยางโปเหลือบมองเหยียนหรูหยูอีกครั้งโดยที่ไม่พูดอะไร เสื้อผ้าชุดหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องซักทำความสะอาด มันทำให้เขานึกถึงครั้งหนึ่งที่ตัวเองเคยได้รับชุดเฉินสุ่ยเฉวี่ยน แค่เปียกน้ำเท่านั้นมันก็จะทำให้คนรอบข้างเขารู้สึกเย็นสบาย แต่เสื้อตัวนี้ กลับไม่จำเป็นต้องซักทำความสะอาดเลย
มันมหัศจรรย์มากเกินไป
แต่ยังไงก็ตาม หลังจากแปลกใจอยู่ครู่หนึ่ง รถก็แล่นมาถึงนอกร้านขายโบราณวัตถุแล้ว
พอหยางโปลงจากรถก็มองเห็นว่าร้านขายของโบราณวัตถุเปิดอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นอักษรสามตัว สืออี๋ถางถูกแขวนไว้ที่เดิมใหม่แล้ว แต่อักษรทั้งสามนั้นเขียนได้ไม่ดีนัก ดูค่อนข้างบิดเบี้ยวน่าเกลียด
เวลานี้ มีผู้คนจำนวนมากรายล้อมอยู่นอกร้านขายของโบราณวัตถุแล้ว หลายคนต่างพากันมาเข้าแถวอยู่กันที่ด้านนอกร้านขายของโบราณวัตถุ บางคนถึงกับตะโกนเข้าไปในร้านว่า
“ เถ้าแก่หยาง ทำไมถึงเปลี่ยนไปล่ะ ? ”
“ เฮ้เฮ้ น้องชายของผมมีธุระ เลยใช้ให้ผมกับพ่อมาช่วยสองสามวัน ทุกท่านไม่ต้องกังวลไปต่อแถวเดินเข้าไปข้างใน โบราณวัตถุพวกนี้โดนหยางโปซื้อมาจากทุกที่ทั่วประเทศ หยางโปของเราทำธุรกิจ ไม่หลอกลวงทั้งคนชราและเด็ก ซื่อสัตย์สุจริตและมีศักดิ์ศรี ทุกท่านวางใจได้ ! ”
หยางโปยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองดูหยางหลางที่หันมือโบกออกมาข้างนอก ข้างร้านยังมีป้ายขนาดใหญ่สองสามป้าย ” ยินดีฉลองการเปิดร้านใหม่ ” และ ” วันเปิดร้านใหม่รับส่วนลด 50% ! ”
หยางโปจ้องมองไปในงานด้วยอารมณ์โมโหเดือดดาล เขาจำได้อย่างแม่นยำว่า ตอนที่เขาขนของออกไปจากร้าน พวกเขาพ่อลูกไม่ได้พูดแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าแค่ชั่วพริบตาพวกเขาจะเปิดร้านขายของโบราณวัตถุขึ้นมาใหม่อย่างไม่คาดฝัน และแม้แต่การออกแบบภายในร้านก็เกือบจะเหมือนกัน !
พวกเขาใช้ชื่อร้านขายของโบราณวัตถุมาเป็นเครื่องมือฉ้อโกง !
หยางโปเดินตรงไปด้านหน้า หยางหลางที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู เป็นคนแรกที่เห็นหยางโป
เขาตกใจจนรีบหันกลับไปมองพ่อทันที แต่เวลานี้พ่อหยางมัวแต่ยุ่งกับการเก็บเงินอยู่ มีหรือจะทันสังเกตเห็นเขา
หยางหลางรีบเบียดตัวออกมาจากฝูงชน เขาเข้าไปขวางหยางโปไว้ ” เสี่ยวโป แกมาได้ยังไง ?
จะกลับมาดูใช่ไหม ? ”
“ น้องชาย น้องชายที่แสนดีของฉัน ฉันรู้ว่าแกมีความห่วงใยร้านขายของโบราณวัตถุของแก
พ่อกับฉันเดาว่า แกเปิดร้านมานานหลายปีแล้ว จะต้องคิดกลับมาเปิดใหม่ขึ้นมาอีกครั้งอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเราคิดกันว่าสามารถช่วยให้แกสมหวังได้ แกดูสิ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
ที่นี่ยอดเยี่ยมมากเลยใช่ไหม ? ”
หยางหลางยิ้มแย้ม พูดจาเรื่องไร้สาระหลอกลวงทั้งเพ เพื่อที่จะหาทางหลีกเลี่ยงให้ผ่านพ้นไป แต่หยางโปกลับไม่ใช่คนที่จะหลอกลวงได้ง่ายๆ สายตาของเขาจ้องไปที่หยางหลางเขม็ง
หยางหลางหัวเราะเบาๆ “ เสียวโป อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้สิ พวกเราครอบครัวเดียวกัน
เงินที่หามาได้ ไม่ใช่ใช้ร่วมกันหรือยังไง ? แกก็รู้ พ่อติดหนี้แกมาตลอด ดังนั้นเลยคิดมาตลอดว่าจะหาเงินให้ได้สักหน่อย เพื่อซื้อห้องชุดให้แกที่จินหลิง จะเป็นการดีที่สุดคือจะได้เตรียมเงินสินสอดในวันแต่งงานให้แกไง ! ”
หยางโปจ้องหน้าหยางหลางเขม็ง ” อ้อ ใช่เหรอ ? คือจะช่วยเตรียมไว้ให้ฉันหรือช่วยเตรียมไว้ให้นายกันแน่ล่ะ ? ”
หยางหลางแลดูสีหน้าอึดอัดใจมาก “ แน่นอน ช่วยเตรียมไว้ให้แกไง ! ”
หยางโปส่ายหัว “ ในเมื่อช่วยเตรียมไว้ให้ฉัน ถ้างั้นก็อย่าเลย ฉันไม่ต้องการให้เขาเตรียมเงินสินสอดไว้ให้ ฉันหาเองได้ ”
หยางหลางนิ่งเงียบไปทันที “ ไม่ แกยังไม่ต้องรีบร้อนไป เงินสินสอดเตรียมไว้ให้ฉันนะ ”
หยางโปหันไปมองหน้าหยางหลาง ” ในเมื่อพวกคุณต้องการเปิดร้านขายของโบราณวัตถุ
ทำไมก่อนหน้านี้ไม่บอกฉัน ”
“ พวกเรายังไม่ทันบอกไง ? เดิมทีวางแผนไว้ว่าจะเปิดร้านปิ้งย่าง แต่ต่อมา คิดไปคิดมามันไม่คุ้มทุน เปิดร้านขายของโบราณวัตถุมันจะได้กำไรมากกว่า ” หยางหลางกล่าว
หยางโปส่ายหัว “ ทั้งหมดไม่ใช่แบบนี้ ! พวกคุณน่าจะวางแผนกันไว้นานแล้ว พวกคุณแอบอ้างเอาชื่อของฉันมาเปิดร้านขายของโบราณวัตถุ หลอกลวงผู้คนมากมาย ฉันไม่มีทางปล่อยให้พวกคุณเปิดมันต่อไปอีกแน่นอน ! ”
หยางหลางตกตะลึงไปเลยทีเดียว “ แกจะใจจืดใจดำแบบนี้จริงๆเหรอ ? เสี่ยวโป แกเป็นน้องชายของฉันนะ สายสัมพันธ์พี่น้องของพวกเราที่มีมาเป็นเวลาหลายปี นายยังจำช่วงที่แกลากฉันออกมาจากบ่อนได้ไหม ฉันรู้ว่าแกทำเพื่อฉัน อยากให้ฉันเปลี่ยนเป็นคนดี ตอนนี้ ฉันเปลี่ยนตัวเองมาเป็นคนดีจริงๆแล้วไง กลับตัวกลับใจมาเป็นคนดีใหม่ แกให้โอกาสฉันสักครั้งไม่ได้เหรอ ? ”
หยางโปหันไปมองฝูงชน “ ถ้าฉันให้โอกาสนายครั้งหนึ่ง แล้วคนอื่นๆล่ะ ? นายเห็นไหม มีชายชราและหญิงชรามากมายอยู่ที่นี่ เงินออมทั้งชีวิตของพวกเขา มีไว้เพียงเพื่อซื้อของโบราณวัตถุของจริงเก็บไว้ให้ลูกหลาน แล้วพวกคุณกำลังทำอะไรอยู่ ? ”
“ เอาล่ะ พวกเราผิดไปแล้วจริงๆ แกมันคนมีคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ ! ” หยางหลางกล่าวออกมาอย่างประชดประชัน
หยางโปเองก็หมดความอดทนนานแล้วเช่นกัน เขาถอนหายใจด้วยความไม่พอใจ เดินไปยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน และตะโกนเสียงดังออกมาว่า ” ผมคือหยางโป อดีตเถ้าแก่ของร้านสืออี๋ถาง
ตอนนี้ผมอยากจะบอกทุกคนว่าร้านนี้… ”
“ เสี่ยวโป นั่นแกจะทำอะไร ? ” พ่อหยางสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวด้านนอกก็ยืนขึ้น แต่เมื่อเขาได้ยินหยางโปกำลังจะเปิดเผยทุกอย่างในร้าน เขาก็มีสีหน้าโกรธเดือดดาลขึ้นมาทันที
“ นี่แกกำลังจะทำอะไร ? แกเป็นคนเปิดร้านนี้เอง ในเมื่อแกขอให้เรามาช่วยแกดูแล แต่ตอนนี้แกคิดจะขับไสไล่ส่งเราไปงั้นเหรอ ? ” พ่อหยางตำหนิอย่างรุนแรง
ทุกคนที่เกิดเหตุต่างหันไปมองที่หยางโป อันที่จริง ส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ไม่รู้จักหยางโปกัน หรือแม้แต่ได้ยินชื่อของเขามาก่อน แต่ทันทีที่ได้ข่าวว่าสืออี๋ถางเปิดร้าน ถึงได้พากันมาที่นี่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น !

“ นายไม่ได้สังเกตเห็นจริงๆเหรอ ว่าดวงตาของเหยียนหรูหยูทั้งใหญ่และแวววาว ดวงตาทั้งคู่ เหมือนโคมไฟที่เปล่งประกาย ตอนที่ฉันจ้องมองดวงตาคู่นั้นของเธอเมื่อสักครู่ รู้สึกว่ามันสวยมากจริงๆ ! ” ลัวย่าวหัวพูดไปพร้อมรอยยิ้ม
หยางโปส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น เขาคิดว่าลัวย่าวหัวจะพูดอะไร ไม่คิดว่าจะเป็นเนื้อหาพวกนี้
“ เอาล่ะ นายไปพักผ่อนเถอะ ! ”
หยางโปไล่ให้ลัวย่าวหัวออกไปและกลับไปที่ห้อง แต่เขากลับไม่รู้จักตัวตนของเหยียนหรูหยูเลย
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่าเหยียนหรูหยูไม่ได้เป็นอันตราย
หยางโปวางกระจกแสงจันทร์บนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นถึงได้เริ่มนั่งสมาธิบนเตียงและค่อยๆฝึกฝนบำเพ็ญเพียร
พลังบางๆค่อยๆไหลมาอยู่วนเวียนรอบตัวเขา และแทรกซึมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หยางโปมองจุดตันเถียนจากความรู้สึกภายใน และอดยิ้มน้อยๆออกมาไม่ได้ หากบอกว่าเป็นโอกาสและโชคชะตาที่จะได้พบกับเหยียนหรูหยูในครั้งนี้แล้วละก็ นั่นก็แสดงว่าที่เขาได้ฝึกฝนและดูดซับพลังจำนวนมากในทะเลสาบในเวลานั้น ก็ถือว่าเขาได้รับโอกาสและโชคชะตาแล้ว !
เวลานี้ พลังในจุดตันเถียนของหยางโปก็มีขนาดเกือบเท่าไข่แล้ว โดยพื้นฐานแล้ว เขามั่นใจได้แล้วว่า แค่ขัดเกลาต่อไปอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขาก็สามารถเข้าสู่ขั้นฝึกฝนได้ แน่นอนว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน !
หลังจากจิตใจสงบลง หยางโปก็ค่อยๆดูดซับพลังที่มีอยู่รอบตัวเขา วันนี้ไม่รู้ว่าทำไม เขารู้สึกว่าเหมือนมีพลังกระจายตัวอยู่ในอากาศเข้มข้นและยังกระฉับกระเฉงมาก ทำให้เขาดูดซับพลังได้เร็วมากขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้น หยางโปผลักประตู กำลังจะออกไปออกกำลังกายตอนเช้า แต่กลับเห็นลัวย่าวหัวนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ตาทั้งคู่ดำเป็นหมีแพนด้า เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยางโป
” นายจะออกไปข้างนอกเหรอ ? ”
“ นายไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลยใช่ไหม ? ” หยางโปรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ ของที่นายให้ฉันมา มันลึกล้ำเกินไป ฉันอ่านมันทั้งคืนแต่ก็ไม่เข้าใจ นายพอมีเวลาที่จะช่วยอธิบายให้ฉันฟังสักรอบไหม ? ”
“ ความสามารถในการเข้าใจของนายแข็งแกร่งมาก ไม่ต้องรีบร้อน ลองดูอีกครั้ง ” หยางโปพูดล้อเลียน
ลัวย่าวหัวส่ายหน้า “ ไม่ได้การแล้ว ฉันค้นพบว่าความรู้ทั้งหมดในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ใช่ไม่ได้ อย่างน้อยต้องระดับปริญญาเอก ฉันถึงจะทำได้ ”
“ อ้อ แต่นายได้คะแนนเต็มเลยนะ ” หยางโปพูดพร้อมรอยยิ้ม
ลัวย่าวหัวมองหน้าหยางโป “ ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันจะไปอาบน้ำและนอนสักหน่อย ทนฝืนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ ”
ลัวย่าวหัวลุกไปอาบน้ำ หยางโปก็ไม่พูดอะไร จากนั้นก็หันหลังเดินออกห้องไป
ในขณะที่เปิดประตู และหยางโปกำลังจะปิดประตูอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงของเหยียนหรูหยูดังมาจากทางข้างหลัง ” รอฉันก่อน ฉันจะออกไปกับคุณ ”
หยางโปหันกลับไปก็เห็นเหยียนหรูหยูเดินมาในชุเดรสขาว ดูเหมือนเธอจะรักชุดเดรสกระโปรงขาวตัวนี้มาก !
คงไม่ใช่เพราะไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนหรอกนะ ?
หยางโปชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็ได้สติกลับมา เขาแค่ซื้อชุดนอนสีชมพูให้อีกฝ่าย เริ่มแรกเหยียนหรูหยูรังเกียจมันมาก ไม่ยอมใส่ เดิมทีหยางโปก็ไม่ได้ตั้งใจจะพาเธอไปด้วย แต่เมื่อคิดได้แบบนี้
พาเธอออกไปซื้อเสื้อผ้ามาเปลี่ยนใส่สัก 2 ตัวก็ดี
ทั้งสองออกไปด้วยกันและเดินไปจนถึงริมทะเลสาบในสวนสาธารณะใกล้ๆ หยางโปก็เริ่มฝึกมวยเยว่เจีย ในขณะที่เหยียนหรูหยูนั่งลงด้านข้าง คอยมองดูเขา ดูเหมือนเธออยากรู้อยากเห็นมาก.Aileen-novel
“ เว่อร์เกินไป น่าเกลียดจริงๆ ! ” จู่ๆเหยียนหรูหยูก็เอ่ยปากพูดออกมา
เป็นธรรมดาที่หยางโปจะได้ยิน แต่เขาไม่สนใจทำเป็นไม่ได้ยิน ศิลปะการต่อสู้นี้เขาได้รับถ่ายทอดมาจากปู่ของเยว่จวิ้นเหยา เขาไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้อื่น จริงๆก็เป็นปกติที่จะไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้เหมือนกัน
เมื่อเหยียนหรูหยูเห็นว่าหยางโปไม่สนใจ เธอก็อึ้งไปเล็กน้อย และไม่พูดอะไรอีก
พอหยางโปฝึกมวยไท่เก๊กเสร็จ สุดท้ายเหยียนหรูหยูก็เอ่ยปากพูด “ ฉันจะสอนศิลปะการต่อสู้แขนงหนึ่งให้คุณ ถือเป็นค่ารักษาพยาบาล ! ”
หยางโปตัวแข็งทื่อไปทันที เขามองเหยียนหรูหยูขึ้นลงอย่างพินิจพิเคราะห์ ” คุณ ? คุณจะสอนผมงั้นเหรอ ? ”
เหยียนหรูหยูพยักหน้า ” คุณไม่อยากเรียนเหรอ ? ”
หยางโปจ้องมองเหยียนหรูหยู ” คุณจะสอนอะไรผม ? ”
“ มวยเทียนหลัวแข็งแกร่งกว่าวิชาป้องกันตัวของคุณมาก ” เหยียนหรูหยูกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
หยางโปค่อนข้างที่จะสงสัย “ ศิลปะการต่อสู้นี้ใช้ได้จริงๆเหรอ ? ”
เหยียนหรูหยูทำเสียงไม่พอใจ และเข้ามาประชิดตัวแล้ว หยางโปตกใจจนถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสถึงความอำมหิตจากเหยียนหรูหยู และยังไม่ทันที่จะก้าวถอยหลัง
เหยียนหรูหยูก็มาประชิดอยู่ด้านข้างของเขาแล้ว
หยางโปรู้สึกได้ถึงลมที่พัดเข้ามาปะทะ มือเย็นๆมือหนึ่ง สัมผัสมือของเขา จากนั้น เขายังไม่แม้แต่จะตอบสนองกลับ ก็ล้มลงบนพื้นแล้ว !
“ นี่คือมวยเทียนหลัว ” เหยียนหรูหยูกล่าว
หยางโปรู้สึกเหมือนถูกทุ่มลงพื้น เขาเจ็บปวดมาก เขาเงยหน้าขึ้นมองเหยียนหรูหยู ” ตกลง ! ”
เหยียนหรูหยูพยักหน้า ” ดี ! ”
ต่อจากนั้น เหยียนหรูหยูก็สาธิตมวยเทียนหลัวและอธิบายรายละเอียดให้ฟังรอบหนึ่ง จากนั้นถึงได้ชำเลืองมองไปทางหยางโป ” ทำเป็นแล้วใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า ” ผมขอทำให้ดูก่อนสักรอบหนึ่งนะ คุณช่วยผมแก้ไขให้ถูกต้องหน่อยนะ ”
ความจำของหยางโปดีมากส่วนใหญ่จำได้ทั้งหมด ไม่นานก็ฝึกฝนเรียนรู้มวยเทียนหลัวได้
หลังจากที่เหยียนหรูหยูแก้ไขไปสองรายละเอียด ถึงได้พยักหน้าให้
หยางโปฝึกฝนมวยเทียนหลัว ช่วงเริ่มแรกเขายังไม่ค่อยที่จะเห็นด้วย แต่ในขณะที่เขาฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า หยางโปก็สัมผัสได้ถึงความลึกล้ำของมวยเทียนหลัว ทุกกระบวนท่าและทุกรูปแบบสามารถถ่ายถอดองค์ประกอบหลักที่สำคัญออกมาได้ หลังจากเอามารวมกันแล้วความยากก็จะทวีคูณเป็นสองเท่า !
พอฝึกทำตามกระบวนท่าของของมวยเทียนหลัว หยางโปก็สัมผัสได้ถึงความเร็วของพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และเขายังรู้สึกได้ถึงพลังงานโดยรอบที่พุ่งเข้ามาทางทิศที่เขาอยู่อย่างเบาๆ ศิลปะการต่อสู้นี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะช่วยเรื่องการฝึกฝนได้จริงๆ !
หยางโปประหลาดใจมาก หลังจากที่เขาเก็บกระบวนท่า ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางเหยียนหรูหยู เขางุนงงเป็นอย่างมาก ค่ารักษาพยาบาลก็ไม่ได้มากมายอะไร ทำไมอีกฝ่ายถึงมอบของขวัญราคาแพงขนาดนี้ให้เขาด้วย ?
ถ้าพูดถึงเรื่องบุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้ แม้แต่ตัวของหยางโปเองยังไม่กล้ายอมรับเลย เพราะเขารู้ดีว่า ถ้าหากอีกฝ่ายนำเอามวยเทียนหลัวออกมาให้ได้จริงๆ นั่นก็หมายความว่า อีกฝ่ายจะไม่มีอันตรายถึงชีวิตตอนที่อยู่ในทะเลสาบ !
เมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าที่ประหลาดใจของหยางโป เหยียนหรูหยูกลับไม่ได้อธิบายอะไร
เธอจ้องไปที่หยางโป จู่ๆก็เอ่ยปากถามออกมาว่า ” ทำไมกระจกเทียนหลัวถึงมาอยู่ในมือของคุณได้ ? ”
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ กระจกเทียนหลัว กระจกเทียนหลัวคืออะไร ? ”
จู่ๆเธอก็หลุดพูดออกมาอย่างรวดเร็ว แต่หยางโปกลับใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะเขาตระหนักได้ถึงปัญหาหนึ่ง เขามีกระจกอยู่ในมือจริงๆ แต่ถูกเขาเรียกว่ากระจกแสงจันทร์มาโดยตลอด
เวลานี้มันก็อยู่ที่กระเป๋าหน้าอกของเขา !
เหยียนหรูหยูไม่ได้พูดอะไร เธอแค่จ้องมองไปที่หน้าอกของหยางโป
หยางโปแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ” อ้อ วันนี้อากาศดีมาก ผมพาคุณไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะเอาไหม ? ”
เหยียนหรูหยูยังคงไม่พูดไม่จา แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าอกของหยางโป
ทำเอาหยางโปทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่กำลังจะสารภาพ จู่ๆโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาก้มลงมอง ปรากฏว่าเป็นสายโทรเข้าของหลิวเหลียงอวี้ พวกเขาไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้ว
หลิวเหลียงอวี้มีเรื่องอะไรถึงได้โทรหาเขา ?
“ หยางโป ทำไมคุณเปิดร้านขายวัตถุโบราณใหม่แล้วล่ะ ? คุณอยู่ที่ร้านหรือเปล่า ? ”
หลิวเหลียงอวี้ถาม
หยางโปรู้สึกค่อนข้างที่จะแปลกใจ “ ร้านขายวัตถุโบราณกลับมาเปิดใหม่แล้ว ? ชื่อป้ายที่ประตูเขียนว่าชื่อร้านอะไร ? ”
“ ยังคงเป็นสืออี๋ถางนะ ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ! ” หลิวเหลียงอวี้กล่าว
หยางโปเข้าใจขึ้นมาในทันที “ ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้ ! ”

หยางโปพยักหน้า ” ถ้านายอยากจะเรียนก็ได้นะ ช่วงนี้ฉันกับหลูตงซิงได้ตำราลับมาเล่มหนึ่ง
สอนนายให้ฝึกบำเพ็ญเพียรได้ ”
ลัวย่าวหัวมีสีหน้าดีใจมาก ” จริงเหรอ ? ได้จริงๆเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ได้ นายวางใจได้ ! ”
“ แล้วเราจะเริ่มกันเมื่อไหร่ ? ” ลัวย่าวหัวถามอย่างอดไม่ได้
หยางโปครุ่นคิดเล็กน้อย “ เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวกลับไปฉันจะเอาตำราลับมาให้นาย
และรอให้นายอ่านสักสองสามวันก่อนแล้วค่อยมาพูดกันอีกที ”
ลัวย่าวหัวมีสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แทบจะอดทนรอไม่ไหวอย่างเห็นได้ชัด
“ เร็วเข้า เร็วเข้า ! ยังจะรออะไรอยู่อีก ? สติปัญญาอย่างฉัน ตอนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง
ปีที่สอง ฉันได้คะแนนเต็มหมดเลย มีคะแนนแบบนี้ ดูแวบเดียวก็เข้าใจแล้ว ! ”
หยางโปมองหน้าลัวย่าวหัวอย่างจนปัญญา แต่ก็ไม่พูดอะไร
จัดห้องให้ลัวย่าวหัวแล้ว และเก็บกวาดของอีกนิดหน่อย หยางโปก็เรียกให้เหยียนหรูหยูไปกินข้าวด้วยกัน เขาพอจะเดาได้ว่าที่เหยียนหรูหยูติดตามเขามาน่าจะเหมือนกับเยว่จวิ้นเหยา
ที่อยากจะมาสัมผัสกับประสบการณ์ในโลกภายนอก
แต่หยางโปกลับไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาฝึกฝนหาประสบการณ์ในโลกภายนอก และถึงกับไม่เข้าใจเหตุผลในจุดนี้เสียเลยด้วยซ้ำ สำหรับเขาแล้ว ถ้ามีจิตใจที่ใสบริสุทธิ์สม่ำเสมอ ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญเพียรไม่ใช่ว่าจะยิ่งเร็วขึ้นกว่าหรอกเหรอ ? การมาฝึกฝนหาประสบการณ์ในโลกอันกว้างใหญ่นี้ ถ้าหากเกิดตกอยู่ในห้วงแห่งความรักขึ้นมา ก็จะไม่มีทางจดจ่ออยู่แต่กับการฝึกฝนได้
แถมมันก็จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก !
ในใจก็พอที่จะคาดเดาได้ หยางโปจึงวางแผนนัดฮัวชิงหยุนออกมาด้วย เพื่อพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดตามมาในภายหลัง อย่างน้อยก็จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์อย่างเยว่จวิ้นเหยาครั้งก่อน
เมื่อได้ยินหยางโปเรียกให้เธอออกไปกินข้าว เหยียนหรูหยูก็เงยหน้าขึ้นมองหยางโป ” ฉันไม่หิว ”
“ ไม่หิวงั้นเหรอ ? ” หยางโปนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง “ ทำไมไม่หิวล่ะ ? เมื่อวานคุณไม่ได้กินข้าว
วันนี้ก็ไม่ได้กินมาทั้งวัน จะไม่หิวได้ยังไงกัน ? ”
เหยียนหรูหยูยังคงส่ายหน้า “ พวกคุณออกไปกินข้าวเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน ถ้าฉันหิว ฉันจะหากินเอง ”
ลัวย่าวหัวถูกตำราลับที่หยางโปพูดให้ฟังดึงดูใจ เวลานี้คิดแค่ไปจะกินข้าวเย็นให้เสร็จให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อกลับมาเอาตำราลับมาไว้ในมือ ดังนั้นเขาจึงรีบพูดเร่งเร้า “ สาวน้อย เร็วหน่อย คนเราไม่กินข้าวไม่ได้นะ ! ยังไงซะคนเราก็ต้องกินข้าว ! ”
ไม่รู้ว่าประโยคไหนที่ไปสะกิดใจเหยียนหรูหยูเข้า เธอถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง “ อ้อ งั้นก็ไปกินข้าวกัน ”
ลัวย่าวหัวหันไปเลิกคิ้วให้กับหยางโปและพูดด้วยรอยยิ้ม “ เป็นไงล่ะ ? นายทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ? ”
หยางโปรู้สึกสะกิดใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมาก
ไม่นาน ทั้งสามคนก็ลงจากตึกมาขึ้นรถ หยางโปพาพวกเขามาถึงที่โรงแรม ฮัวชิงหยุนได้มานั่งรออยู่แล้วในห้องวีไอพี
เมื่อเห็นหยางโปเดินเข้ามา ฮัวชิงหยุนก็รู้สึกทั้งแปลกใจและดีใจเอามากๆ รีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ” นายกลับมาแล้วเหรอ ! ”
หยางโปยิ้ม “ ฉันกลับมาแล้ว ”
หยางโปกำลังจะเอ่ยปากพูดมากกว่านั้น แต่จู่ๆก็เห็นฮัวชิงหยุนหุบยิ้ม เขาจึงหันกลับไปดูเมื่อเห็น ลัวย่าวหัวและเหยียนหรูหยูเดินตามเข้ามา เขาก็รีบเอ่ยปากแนะนำทันที “ ลัวย่าวหัว คงไม่ต้องแนะนำแล้ว นี่คือคุณเหยียนหรูหยู เธอเป็นเพื่อนของย่าวหัว ”
ฮัวชิงหยุนฝืนยิ้มออกมา แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่เหยียนหรูหยูตลอดเวลา “ สวัสดี ”
เหยียนหรูหยูดูไม่ค่อยจะคุ้นชินกับผู้คน พยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร..ไอรีนโนเวล
จากนั้นทุกคนต่างก็แยกย้ายไปนั่งที่ตัวเอง หยางโปสั่งอาหารแล้วถึงได้เริ่มพูดคุยกัน
บทบาทที่หยางโปเชิญลัวย่าวหัวกลับมาก็ปรากฏออกมาในที่สุด เขาพูดแทรกไม่หยุดทำให้บรรยากาศในโต๊ะอาหารไม่ดูอึดอัดจนเกินไป
อาหารถูกทยอยนำมาเสิร์ฟทีละอย่าง ลัวย่าวหัวคอยคะยั้นคะยอให้เหยียนหรูหยูกินให้มากๆหน่อย เหยียนหรูหยูจึงพยักหน้าตอบ แต่กลับไม่หยิบแม้แต่ตะเกียบขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ ดื่มเพียงน้ำเท่านั้น จ้องมองแต่อาหารบนโต๊ะ โดยที่ไม่พูดอะไร
ฮัวชิงหยูมองเหยียนหรูหยูอยู่สักพัก จากนั้นถึงได้กระซิบเสียงเบากับหยางโป ” ฉันคิดว่าเธอมีลักษณะคล้ายกับเยว่จวิ้นเหยา ”
“ จะเป็นไปได้ยัง ? ” หยางโปเอ่ยออกมา แต่เขากลับแอบหวาดหวั่น เพราะเขารู้สึกว่าเหยียนหรูหยูมีลักษณะท่าทีเหมือนคนที่ฝึกฝนพลัง แต่บนตัวของเธอกลับไม่มีร่องรอยของพลังอยู่เลยแม้แต่น้อย มันน่าแปลกเกินไป
เมื่อเห็นว่าเหยียนหรูหยูไม่ยอมกินข้าว ลัวย่าวหัวก็รินเครื่องดื่มให้เธออย่างเอาใจอีกครั้ง
จากนั้นก็ยกไปวางไว้ตรงหน้าให้เธอ
เหยียนหรูหยูแค่ยกขึ้นมาดื่มไปหนึ่งอึก แต่น้ำผลไม้ค่อนข้างรสเปรี้ยว เธอจึงดื่มไปแค่อึกเดียว
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะบ้วนออกมา ” นี่มันคืออะไร ? ”
“ น้ำส้มไง ทั้งเปรี้ยวทั้งหวาน อร่อยมากเลยนะ ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว
เหยียนหรูหยูส่ายหน้า ” ฉันดื่มน้ำเปล่าดีกว่า ! ”
บรรยากาศดูค่อนข้างจะจืดชืดและเย็นชา ท่าทางที่เย็นชาของเหยียนหรูหยู ทำให้ทุกคนรู้สึกค่อนข้างที่จะอึดอัด
ลัวย่าวหัวหัวเราะ “ ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ที่แท้คุณก็ชอบแค่น้ำเปล่านี่เอง ! ”
ฮัวชิงหยุนเหลือบมองไปที่เหยียนหรูหยู ” ฉันยังคิดว่าเธอดูคล้ายกับ เยว่จวิ้นเหยามากจริงๆ ”
“ เหมือนเหรอ ? ฉันดูไม่เห็นออก แต่ย่าวหัวก็ลำบากแล้วล่ะ ” หยางโปกล่าว
ฮัวชิงหยุนพยักหน้าและหันไปทางลัวย่าวหัวอย่างเห็นใจ การตามจีบผู้หญิงแบบนี้ มันคงลำบากมากจริงๆ !
ลัวย่าวหัวรู้สึกไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เขาหันไปเขยิบตาให้หยางโปแล้วหันไปเอาอกเอาใจเหยียนหรูหยูต่ออีก
แต่เหยียนหรูหยูกลับไม่ยอมร่วมมือกับเขาสักเท่าไร
หลังจากกินข้าวเย็น หยางโปก็ส่งฮัวชิงหยุนกลับมหาลัย จากนั้นถึงได้เหลือบมองลัวย่าวหัว “ ลำบากนายแล้ว ”
ลัวย่าวหัวรู้สึกขุ่นเคืองใจ ” ฉันคิดว่าที่นายพูดมา ไม่มีความน่าเชื่อถือเลยสักนิด ”
“ วางใจได้ เดี๋ยวกลับไป ฉันจะเอาให้นายเอง ” หยางโปกล่าว
เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน หยางโปก็หยิบ ( คัมภีร์ไท่เก๊ก ) ส่งให้ลัวย่าวหัว ” อ่านดูดีๆ เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้นายฟังอีกรอบ รอจนนายไม่สงสัยแล้ว ค่อยมาเริ่มกัน ”
“ ต้องซับซ้อนขนาดนั้นเลยเหรอ ? อาศัยแค่ประสบการณ์ของฉันที่ได้คะแนนเต็มตอนเรียนอยู่ชั้นประถม มันไม่จำเป็นต้องซับซ้อนขนาดนั้นเลย ! ” ลัวย่าวหัวเอ่ยออกมาอย่างไม่สนใจ
แม้จะพูดแบบนี้ แต่ลัวย่าวหัวก็ยังรับตำราลับมาอย่างระมัดระวังด้วยใบหน้าที่มีความสุขและตื่นเต้น
หยางโปรู้ดีว่าลัวย่าวหัวไม่ใช่คนทำอะไรบุ่มบ่าม ดังนั้นเขาจึงวางใจมากเช่นกัน
เหยียนหรูหยูไปอาบน้ำ ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยชอบสบู่อาบน้ำในห้องน้ำพวกนั้นสักเท่าไร
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็สวมชุดเดรสขาวชุดนั้นอีกครั้ง
แสงไฟในห้องนุ่มนวล ขับให้สีผิวที่ขาวของเหยียนหรูหยูนั้นดูใสและเรียบเนียน ดูเหมือนจะเปล่งประกายออร่าออกมาทั้งตัว
เหยียนหรูหยูเหลือบมองมาทางด้านนี้ และดูเหมือนจะเห็นตำราลับในมือของลัวย่าวหัวเข้า
แต่แค่ชำเลืองมองโดยที่ไม่พูดอะไร และเดินกลับเข้าไปในห้อง
หยางโปถึงกับทำอะไรไม่ถูก เมื่อหันกลับไปเห็นลัวย่าวหัวมีสีหน้าอาการตกใจ เขาจึงตบไหล่ของเขาไปทีหนึ่ง “ ตื่น ตื่น ! ”
ลัวย่าวหัวหันกลับมามองหยางโปด้วยสีหน้าท่าทีตกใจ “ เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน ?
น่ากลัวมาก น่ากลัวมากจริงๆ ! ”
หยางโปนิ่งอึ้งไปทันที เมื่อสักครู่แค่เหยียนหรูหยูเดินผ่านหน้าพวกเขาไปเท่านั้น มันจะมีอะไรให้ต้องตกใจกัน ?
“ เมื่อสักครู่เหยียนหรูหยูไง สวยออกขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าเธองามล่มเมืองหรอกหรือไง ? มันจะน่ากลัวไปได้ยังไงกัน ? ” หยางโปกระซิบถาม
ลัวย่าวหัวส่ายหัว ” นายไม่เห็นเหรอ ? ”
“ เห็นอะไร ? ” หยางโปมองหน้าลัวย่าวหัวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ

หยางโปไม่ค่อยจะเต็มใจให้เหยียนหรูหยูขึ้นรถด้วยสักเท่าไร รถขับตรงมุ่งหน้าไปยังจินหลิง
แต่หยางโปกลับเริ่มรู้สึกปวดหัว เขาจะจัดการให้เหยียนหรูหยูไปอยู่ที่ไหนดี ?
ช่วงนี้เขาเพิ่งจะเอาใจฮัวชิงหยุนจนยอมคืนดีด้วย ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติ
ถ้าในกรณีแบบนี้ ถ้าเขาพาสาวสวยคนหนึ่งกลับมาด้วยอีกครั้ง และบอกไปว่าเขาเก็บกลับมาได้ เกรงว่าคงจะไม่มีใครเชื่อ !
เหยียนหรูหยูเข้าไปนั่งในรถและมองไปรอบๆด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แต่กลับไม่เอ่ยปากถามอะไร
หยางโปคิดอยู่ครู่หนึ่งและหันไปพูดกับอีกฝ่ายว่า ” หลังไปถึงจินหลิงแล้ว คุณก็ไปพักอยู่ที่หอพักของบริษัทและทำงานในบริษัทนะ ”
เหยียนหรูหยูหันไปมองหน้าหยางโป และส่ายหน้าช้าๆ ” ฉันไปพักอยู่ที่บ้านของคุณไม่ได้เหรอ ? ”
หยางโปตกตะลึงและถามกลับไปว่า “ คุณเป็นผู้หญิง จะไปพักอยู่บ้านผมได้ยังไง ? ”
“ ทำไมจะอยู่ไม่ได้ ? คุณจะกินฉันหรือยังไง ? ” เหยียนหรูหยูชายตามอง
หยางโปหันไปมองเหยียนหรูหยู เขากลับไม่ได้สัมผัสถึงกลิ่นอายของพลังจากตัวอีกฝ่าย
เธอเป็นเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่หยางโปกลับรู้สึกแปลกๆอยู่ตลอดเวลา
“ ไม่ได้ ถ้าแฟนของผมเห็นเข้า แล้วเข้าใจผิดขึ้นมาจะทำยังไง ? ” หยางโปกล่าว
แต่ดูเหมือนเหยียนหรูหยูจะไม่ค่อยเข้าใจ ” เธอจะเข้าใจผิดอะไร ? ”
หยางโปไม่ได้พูดอะไรมาก เขามองออกไปนอกหน้าต่างรถ และแน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้มีที่ไปที่มาไม่ธรรมดา จำเป็นจะต้องรับมือให้ดี
หยางโปคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงโทรหาลัวย่าวหัว โทรศัพท์เพิ่งดังขึ้นได้ไม่นาน ลัวย่าวหัวก็รับสายทันที
“ นายอยู่ที่ไหน ? ” หยางโปถามAileen-novel
เสียงของลัวย่าวหัวดูอืดอาดอย่างเห็นได้ชัด “ ฉันก็อยู่ที่เมืองหลวงน่ะสิ นายไปจีบสาวที่จินหลิงก็ไม่พาฉันไปด้วย ฉันล่ะเบื่อจริงๆ ! ”
“ นายพอจะมีเวลาไหม มาที่จินหลิงหน่อยสิ ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากให้นายช่วย ” หยางโปพูด
ลัวย่าวหัวทั้งแปลกใจและปนดีใจในทันที “ จริงเหรอ ? นายมีเรื่องอยากจะขอให้ฉันช่วย ? ”
หยางโปพยักหน้า ” มีเรื่องจริงๆ ”
“ ถ้างั้นนายขอร้องฉันสิ ถ้านายไม่ขอร้องฉัน ฉันจะไปช่วยนายได้ยังไง ? ” ลัวย่าวหัวพูดล้อเล่น
หยางโปหัวเราะและเอ่ยปากพูดออกมาว่า ” มีสาวสวยอยู่กับฉันคนหนึ่ง นายจะมาหรือไม่มา ? ”
“ สาวสวย ? เป็นไปไม่ได้ ? นายกลับไปนัดดูตัวไม่ใช่หรือไง ? จะมาแนะนำสาวสวยให้ฉันรู้จักได้ยังไง ? ” ลัวย่าวหัวยากที่จะเชื่อใจ
“ นายไม่เชื่องั้นเหรอ ? ” หยางโปถาม
ลัวย่าวหัวค่อนข้างที่จะลังเลใจ “ นายพูดจริงๆใช่ไหม ? ”
โดยไม่ต้องรอให้หยางโปพูดอะไร ลัวย่าวหัวแทบจะอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา “ นายรอเดี๋ยวก่อน ฉันจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้เลย ! ”
หยางโปมาจากหยูหางกลับมาถึงจินหลิง ต้องใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงกว่า ทางด้านลัวย่าวหัวจองตั๋วเครื่องบินตามหลังมาในอีกสองชั่วโมง บวกกับเวลาที่หยางโปต้องมารอที่สนามบิน
เขาจึงมารออยู่ที่สนามบินแค่ครึ่งชั่วโมงกว่า ลัวย่าวหัวก็มาถึงยังที่หมาย
เมื่อมาถึงสนามบิน หยางโปก็ได้พบกับลัวย่าวหัวตรงบริเวณทางออก
ลัวย่าวหัวอารมณ์ดีมาก เขาวิ่งเข้ามาหาอย่างตื่นเต้น “ ไหนสาวสวยล่ะ ? สาวสวยอยู่ที่ไหน ? ”
หยางโปตบไหล่เขาแล้วพูดว่า “ นายก็เป็นคนที่มีแฟนอยู่แล้ว ทำไมถึงหิวกระหายขนาดนี้ ? ”
ลัวย่าวหัวหัวเราะ “ นายก็น่าจะรู้ดี ว่าช่วงนี้ฉันถูกคุณปู่กักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้าน ต่อให้มีนัดเดทกับแฟนสาว ก็คงไปหาได้ไม่กี่ครั้ง ! ”
เหยียนหรูหยูที่นั่งคอยอยู่ในรถเธอไม่ได้ลงจากรถ หยางโปจึงชี้ไปทางที่รถจอดอยู่ ” ไปสิ เดี๋ยวฉันจะพานายไปดู ”
เพื่อเปิดโอกาสให้ลัวย่าวหัว ให้เขาได้สร้างสัมพันธ์กับเหยียนหรูหยู หยางโปเลยไปทำหน้าที่เป็นคนขับรถ ลัวย่าวหัวจึงเข้าไปนั่งเบาะหลังด้วยความตื่นเต้นและกระดี๊กระด๊า เขาเปิดประตู
และกำลังจะนั่งลง จู่ๆก็ได้ยินเสียงตะคอกถามมาจากข้างใน ” คุณเป็นใคร ? ”
ลัวย่าวหัวเงยหน้าขึ้นมองและถึงกับตกตะลึงไปเลยทีเดียว เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่สวมชุดนอนสีชมพู ผิวขาวนวลราวหิมะ ดวงตาคู่ที่มีชีวิตชีวาและทรงพลัง ทำให้คนมองแล้วอดไม่ได้ที่จะลุ่มหลงในดวงตาของเธอ !
แบบนี้มันไม่ใช่ว่าสวยแล้ว นี่มันสวยจนล่มเมืองได้เลยเชียวละ !
ลัวย่าวหัวแทบรอไม่ไหวที่จะด่าหยางโป หญิงสาวสวยขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะทำตัวหยาบคายมากแบบนี้ ทำไมไม่บอกเขาล่วงหน้าให้เร็วกว่านี้ !
ลัวย่าวหัวยิ้มแห้งๆ “ น้องสาว สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนสนิทของหยางโป เขาไม่ได้บอกคุณเหรอว่าจะมารับผมที่สนามบิน ”
เหยียนหรูหยูหันไปมองหยางโป เมื่อเห็นเขาหลับตาเพื่อพักสายตา ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
” ให้เขามานั่งตรงนี้ ! ”
ลัวย่าวหัวถึงกับช็อคไปเลยทีเดียว ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หันไปมองหน้าหยางโป
“ นี่นายหมายความว่าไง ? นายได้เธอแล้ว แล้วจะให้ฉันมาทำอะไร ? ”
หยางโปส่ายหน้าและหันไปพูดกับเหยียนหรูหยู “ เขาเป็นเพื่อนสนิทของผม ปล่อยให้เขานั่งสักครู่ แล้วผมจะอธิบายให้คุณฟังนะ ผมมีแฟนแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ดังนั้นคุณต้องแกล้งเป็นแฟนของลัวย่าวหัว ”
“ แฟน ? ” เหยียนหรูหยูหันไปเหลือบมองลัวย่าวหัว และขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ ถ้าฉันไม่ยอมล่ะ ? ”
“ ถ้างั้นคุณก็ไปพักอยู่กับผมไม่ได้ ” หยางโปพูด
เธอไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพยักหน้า ” ได้ ”
ลัวย่าวหัวจ้องมองหยางโป ” นายเอามาเป็นตัวอะไรเนี่ย ? ในเมื่อนายจีบเธอก็ต้องรับผิดชอบสิ
จะให้ฉันมาช่วยนายปกปิดไม่ได้นะ ? เห็นฉันเป็นคนแบบนั้นหรือไง ? จะรังแกเมียเพื่อนไม่ได้
ฉันเป็นคนมีหลักการนะ ! ”
หยางโปส่ายหน้า “ เธอไม่ใช่แฟนของฉัน เข้าใจไหม ? ”
ลัวย่าวหัวค่อนข้างจะงุนงง “ ในเมื่อเธอไม่ใช่แฟนของนาย แล้วทำไมนายยังต้องพาเธอกลับบ้านด้วยล่ะ ? ”
หยางโปจนปัญญา “ นายไปถามเธอเอาสิ ”
เหยียนหรูหยูเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ ลัวย่าวหัวจึงทำได้เพียงเข้าไปนั่งในรถโดยที่ไม่พูดอะไร
เมื่อรถขับมาจนถึงเขตชุมชน หยางโปก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ยังมีอีกสองคนที่อยู่ในบ้าน เขาจึงรีบต่อสายโทรหา แต่ชุยอี้ผิงทั้งสองคนกลับไปที่เมืองหลวงแล้ว
บ้านของหยางโปมี 3 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น ห้องละคนพักกันอยู่ได้พอดี
หลังจากจัดห้องให้เหยียนหรูหยู หยางโปก็ลากลัวย่าวหัวไปอีกด้านและกระซิบเสียงเบาว่า
“ ไม่ต้องพูดอะไร ฉันจะพูดนายฟังอย่างเดียวก็พอ ! ”
ลัวย่าวหัวเหลือบมองหน้าหยางโปด้วยความประหลาดใจมาก แต่ก็ยังพยักหน้าลง
“ ผู้หญิงคนนี้มีที่ไปที่มาที่ไม่ธรรมดา และฉันก็ช่วยเธอมา ” หยางโปกล่าว
“ ช่วยมา ? ” ลัวย่าวหัวตาเบิกกว้าง พูดขัดขึ้น
หยางโปรีบปิดปากของเขา “ เบาๆหน่อยสิ ! ”
หยางโปหันมองไปทางห้องของเหยียนหรูหยูอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยาอะไร ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นเขาก็กระซิบว่า ” ผู้หญิงคนนี้มีปัญหามากกับที่มาที่ไป ฉันสงสัยว่าเธออาจจะมีความเป็นมาเหมือนเยว่จวิ้นเหยา ! ”
“ เยว่จวิ้นเหยา ? ” ลัวย่าวหัวเบิกตาโต รู้สึกค่อนข้างแย่ เขายังพอจะจำได้ดีว่าตอนที่เยว่จวิ้นเหยามาถึงครั้งแรก เขาถูกเยว่จวิ้นเหยากระทืบเอาหลายครั้ง !
“ ความหมายของนายคือ เธอก็เป็นเหมือนนายใช่ไหม ? ” ลัวย่าวหัวจ้องหน้าหยางโป
หยางโปพยักหน้า “ ใช่ ”
ลัวย่าวหัวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ ฉันว่าแล้วไหมล่ะ บนโลกใบนี้คงไม่มีแค่นายคนเดียวที่เพี้ยนไปแล้ว นายช่วยสอนให้ฉันเปลี่ยนเป็นคนเก่งขึ้นมาหน่อยได้ไหม ? ”
“ นายต้องการฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างงั้นเหรอ ? ” หยางโปถาม
ลัวย่าวหัวหันไปมองหยางโป ” นายจะสอนฉันแล้วใช่ไหม ? ”

หยางโปเหลือบไปมองหญิงสาว ถึงแม้อีกฝ่ายจะดูหน้าตาสะสวย แต่เขาก็ไม่มีความคิดอื่นนอกจากนี้ เขารู้เรื่องหนึ่งดีว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีปัญหากับที่ไปที่มาแน่ !
จู่ๆก็มีคนตัวเป็นๆปรากฏตัวขึ้นในทะเลสาบซีหู ในขณะที่ฟ้าแลบและฟ้าร้องอยู่ ในสภาพแวดล้อมที่อันตรายแบบนี้ คนปกติทั่วไปจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ? ผู้หญิงที่ร่างกายอ่อนแอคนหนึ่ง จะกล้าเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นได้ยังไง ?
หยางโปยังคงจำโอกาสและโชคชะตาที่เยว่จวิ้นเหยาเคยบอกกับตัวเองได้ชัดเจน อีกฝ่ายปรากฏตัวอยู่ในเรืออูเผิงของโจวซิน ถ้าพูดกันตามหลักแล้ว โอกาสและโชคชะตานี้ควรเป็นของโจวซิน
แต่ระหว่างนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้ตกมาเป็นของเขา แต่ไม่ว่าเขาจะมองอีกฝ่ายยังไง
แต่ก็ไม่คิดว่าโอกาสและโชคชะตาของเขาจะขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายได้
และก็เป็นเรื่องปกติที่มันจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยินยอมให้อีกฝ่ายทำงานเพื่อเขา ถ้าเอาคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาไว้ข้างกาย เขาไม่มีทางวางใจได้อย่างแน่นอน !
หญิงสาวมีสีหน้าโกรธขึ้นมาเล็กน้อยเพราะโดนหยางโปปฏิเสธ แต่ไม่รู้ว่าทำไม ตัวเธอเองถึงได้พยายามระงับความโกรธไว้ เธอจ้องหน้าหยางโป และเอ่ยปากพูดว่า “ คุณคงยังไม่รู้จักฉันดีพอ ฉันชื่อ เหยียนหรูหยู อาศัยอยู่ริมทะเลสาบซีหูในหยูหาง ฉันคิดว่าฉันสามารถทำงานที่คุณมอบหมายให้ได้ ! ”
หยางโปมองไปที่อีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าหน้าขาวนวลของอีกฝ่ายค่อยๆมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา ก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ ช่างเถอะ ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลคืนแล้ว หลังจากคุณออกจากโรงพยาบาลแล้วก็รีบกลับบ้านไปเถอะ ! ”
“ ไม่ได้ ! ” เหยียนหรูหยูพูดขึ้นมาทันที “ ในชีวิตนี้สิ่งที่ฉันไม่ชอบคือการติดหนี้บุญคุณคน !
ฉันจะช่วยคุณทำงานเพื่อจ่ายหนี้คืนให้ ! ”
หยางโปยังคงปฏิเสธ “ ไม่ต้องแล้วจริงๆ ”
“ ฉันเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น ” เหยียนหรูหยูกล่าว
หยางโปจ้องมองอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแสดงความจริงใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาถึงได้พยักหน้า “ งั้นก็ได้ เดี๋ยวกลับไปผมจะจัดการหางานของคุณให้ ! ”
หยางโปโทรหาหลูตงซิง และขอให้เขาส่งคนมารับตัวเหยียนหรูหยู เขาอยากให้เธอเข้าไปทำงานในบริษัทของหลูตงซิง แต่เขากลับไม่อยากพาผู้หญิงคนนี้กลับไปด้วย
ทุกอย่างถูกจัดการไว้อย่างเหมาะสม เหยียนหรูหยูถูกส่งขึ้นรถ ทางด้านหยางโปก็นั่งอยู่ในรถ
และวางแผนที่จะกลับไปที่จินหลิงให้เร็วที่สุด
“ ตูม ตูม ตูม ” มีเสียงเคาะกระจกรถดังเข้ามาจากด้านนอก หยางโปจึงหันกลับไปมอง ทันใดนั้นถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที เพราะเหยียนหรูหยูยืนอยู่นอกหน้าต่างรถ เธอยังคงสวมชุดนอนสีชมพูที่หยางโปซื้อให้
หยางโปลดกระจกรถลง “ มีอะไร ? ”
เหยียนหรูหยูจ้องหน้าหยางโป “ ฉันมาลองคิดๆดูแล้ว คิดว่ามันจะปลอดภัยกว่าถ้าติดตามไปกับคุณ ”
หยางโปถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว “ คุณจะไปกับผม ? ปลอดภัย ? ล้อเล่นอะไรเนี่ย ? คุณเป็นผู้หญิง และยังเป็นผู้หญิงที่สวยมากอีกด้วย ผมเป็นผู้ชาย เป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง คุณคิดว่ามันจะปลอดภัยหรือไง ? ”
เหยียนหรูหยูพยักหน้าลงอย่างจริงจัง “ ใช่ ตามคุณไปปลอดภัยกว่า ”
หยางโปถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เดิมทีเขาคิดว่ากำจัดอีกฝ่ายไปได้แล้ว มีหรือจะคิดว่าอีกฝ่ายจะตามเขามาเร็วขนาดนี้
“ งานของผมค่อนข้างที่จะซับซ้อน ผมเกรงว่าคุณจะไม่สามารถช่วยอะไรได้ ” หยางโปเอ่ยปากปฏิเสธอีกครั้ง
“ ไม่เป็นไร ฉันเรียนรู้ได้ ” เหยียนหรูหยูกล่าว
ในเมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนี้แล้ว หยางโปก็ไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ เขาจึงทำได้เพียงพยักหน้า
” เอาล่ะ คุณขึ้นรถมาสิ ”
……
โจวซินแช่ตัวในทะเลสาบซีหูมาทั้งคืน และตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ เขาเกือบจะสำลักน้ำตายอยู่ในทะเลสาบ เขาดื่มน้ำในทะเลสาบไปหลายอึก ถึงได้รู้สึกว่าตัวเองอ่อนล้าไปทั้งตัว แขนขาทั้งสี่ข้างไม่มีเรี่ยวแรง ศีรษะบวม !
โจวซินรู้ว่าตัวเองป่วยแล้ว โอกาสและโชคชะตาที่พูดกันไว้อย่างดี แต่กลับไม่ได้มาในครั้งนี้ มันทำให้เขาค่อนข้างที่จะเสียใจ แต่เขากลับไม่รู้แน่ชัดว่าโอกาสและโชคชะตานั้นคืออะไรกันแน่Aileen-novel
ด้วยเหตุนี้ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก
เขาเดินกะโซซัดโซเซกลับมาจนถึงชุมนุมยุทธภพ เมื่อเห็นเสวียนจง โจวซินก็พูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ” เร็วๆเข้า ฉันอยากอาบน้ำร้อน ! ”
เสวียนจงจ้องมองโจวซินตาเขม็ง แต่ก็ยังคงมีความเคารพยำเกรงต่อโจวซินอยู่มาก เขาจึงรีบจัดการให้ โจวซินสามารถรู้เหตุการณ์เมื่อวานล่วงหน้าได้จะต้องมีคนที่มีความสามารถที่ทรงพลังคอยชี้แนะอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน บุคคลสำคัญแบบนี้จะทำให้ขุ่นเคืองใจไม่ได้ !
พอโจวซินได้แช่ตัวอยู่ในน้ำ จึงรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวขึ้นมาก แต่ก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่ที่ไม่สามารถขจัดไปได้ เขาคิดไม่ออกจริงๆ เขาทำตามที่ครอบครัวสั่งไว้ทุกอย่าง ทำไมถึงผิดพลาดได้นะ ?
หลังจากครุ่นคิด โจวซินก็ตัดสินใจที่จะสอบถามดู เขาจึงหันหน้าตะโกนออกไปข้างนอกเสียงดัง
” เสวียนจงช่วยเอาโทรศัพท์มือถือมาให้ผมเครื่องหนึ่งที ! ”
เสวียนจงที่ยืนอยู่ข้างนอก อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อได้ยินเสียงเรียก นี่คิดจะเรียกใช้เขาอย่างกับเป็นคนรับใช้เลยงั้นสิ !
เมื่อโจวซินเห็นว่าเสวียนจงไม่สนใจ จึงตะโกนเสียงดังออกมาอีกครั้ง ” เสวียนจง คุณรีบนำโทรศัพท์มาให้ผมเร็วหน่อย ผมจะโทรกลับบ้าน ! ”
เสวียนจงรู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ แต่กลับปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน เขาเป็นเพียงผู้ฝึกฝนสันโดษคนหนึ่งเท่านั้น เดิมทียังวางแผนที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากตำราลับลัทธิเต๋าของโจวซิน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลังจากที่โจวซินเป็นบุคคลสำคัญ เกรงว่าต่อให้อยากจะแสวงหาผลประโยชน์
ในอนาคตก็คงมีปัญหาที่ไม่จบไม่สิ้น !
เสวียนจงยืนโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่เข้ามาให้โจวซิน
โจวซินรับโทรศัพท์แล้วบ่นว่า ” ทำไมมันช้าขนาดนี้ ? ”
” โทรศัพท์ของผมก็ตกลงไปในทะเลสาบเหมือนกัน โทรศัพท์เครื่องนี้ผมไปขอยืมเขามา ” เสวียนจงกล่าว
โจวซินพยักหน้า “ อืมเข้าใจแล้ว คุณออกไปก่อน ผมจะโทรหาที่บ้านเพื่อรายงานเรื่องความปลอดภัยหน่อย ”
เสวียนจงหน้าถอดสีไปเล็กน้อย เนื่องจากคำพูดของโจวซินนั้นทำร้ายจิตใจเกินไป แต่ก็ยังต้องทำตามคำสั่ง เขาเป็นถึงประธานของชุมนุมยุทธภพ ต่อให้ทั้งมณฑลเจ้อเจียง ก็ยังมีผู้คนนับไม่ถ้วนที่แห่กันมาให้เกียรติเขา แต่ตอนนี้กลับต้องมาทนรับความอัปยศอดสูแบบนี้ !
เสวียนจงเหลือบมองไปที่โจวซิน ระงับความไม่พอใจไว้ และเดินออกไป
โจวซินกลับไม่รู้ตัว เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วต่อสายโทรหาที่บ้าน ไม่นาน โทรศัพท์ก็โทรติด
“ ฮัลโหล ท่านปู่ใช่ไหม ? ” โจวซินเอ่ยปากถาม
“ ใช่ฉันเอง ! ” น้ำเสียงแก่ชราหนึ่งดังมาตามสาย
โจวซินรีบเอ่ยปากพูดทันที “ ท่านปู่ ผมรอแล้วแต่ไม่พบกับโอกาสและโชคชะตาเลย
แช่น้ำอยู่ในทะเลสาบซีหูมาทั้งคืน แต่ก็ไม่ได้มา หรือว่าปู่คำนวณผิดไป ? ”
อีกฝ่ายถึงกับตกใจไปทันที “ เป็นไปได้ยังไงกัน ? ฉันจะคำนวณผิดไปได้ยังไง ? ถ้าคำนวณตามเข็มทิศฮวงจุ้ยมันเห็นได้ชัดว่าโอกาสและโชคชะตามาถึงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมันระบุว่าเป็นแก
แกจะไม่ได้มันมาได้ยังไง ? นี่มันเป็นไปไม่ได้ ! ”
“ ท่านปู่ มันเป็นโอกาสและโชคชะตาแบบไหนกันนะท่านปู่ ท่านปู่บอกผมมาสิ ผมจะลองคิดหาวิธีดู ” เมื่อโจวซินได้ยินว่าโอกาสและโชคชะตามาถึงแล้ว ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที
“ ฉันทำนายออกมาได้ว่า นี่คือโอกาสและโชคชะตา แต่มองไม่เห็นรายละเอียดของเรื่องราว ”
ปู่ตอบ โจวซินค่อนข้างที่จะร้อนใจแล้วบ่นว่าให้ “ แต่ท่านปู่ แต่ผมไม่ได้รับโอกาสและโชคชะตานั่นเลย เดิมทีผมก็บอกแล้วไง ว่าให้เรามาด้วยกัน มันต้องดีกว่านี้มากแน่ๆ พวกคุณก็จะให้ผมมาคนเดียว ตอนนี้ดูสิเกิดปัญหาขึ้นแล้วไหมล่ะ ? ”
“ เรื่องนี้มันต้องดูที่พรหมลิขิตของแก ในเมื่อไม่ได้มา งั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องพูดกันแล้ว โจวซิน
แกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ จะมัวมาพึ่งพาให้ที่บ้านคอยช่วยเหลือไม่ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ
สถานะอย่างฉันไม่เหมาะสมที่จะไปที่ทะเลสาบซีหู ฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดขึ้น !
ตอนนี้แกยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่พอ งั้นก็ให้ฝึกฝนหาประสบการณ์อยู่ข้างนอกไปก่อนสักระยะแล้วค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน ! ”
พอพูดจบเขาก็วางสายไปเลย
โจวซินจับโทรศัพท์ไว้และอดไม่ได้ที่จะเขวี้ยงมันทิ้ง “ ฝึกฝนหาประสบการณ์ ฝึกฝนหาประสบการณ์มันจะมีประโยชน์อะไรได้ ? ”

โจวซินทำตามที่คนในครอบครัวสั่งกำชับมา เมื่อมาถึงยังที่นัดหมาย เขาถึงขั้นที่ว่ารออยู่บนเรือ
อูเผิงนานมาก เพียงเพื่อรอโอกาสและโชคชะตาที่จะมาถึง แต่ท้ายที่สุดในเวลานั้น เขากลับไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้ ถูกเกลียวคลื่นซัดตกลงไปในทะเลสาบ
พื้นผิวทะเลสาบที่กว้างใหญ่ ดูเหมือนไม่มีข้าวของอะไรอยู่เลย ลมหนาวพัดมา โจวซินรู้สึกหนาวสะท้าน เขารออยู่ในน้ำเงียบๆ โดยหวังว่าจะได้รับโอกาสและโชคชะตาที่น่าเลื่อมใสศรัทธา
เมื่อหยางโปพายเรือมาได้ครึ่งทาง ก็พบกับคนพายเรือที่กำลังใช้มือพายไม้กระดานเรือมา
เขาดึงคนพายเรือขึ้นมาบนเรือ และพลางปลอบโยนไปว่า ” คุณวางใจ เรือเสียไปผมก็จะชดใช้ให้คุณ ! ”
คนพายเรือที่เพิ่งได้รับการช่วยเหลือจากหยางโป รีบเอ่ยออกมาว่า “ เถ้าแก่ คุณเป็นคนดี ผมก็ใช่ว่าจะไม่รู้ดีชั่ว เรือล่มเพราะอุบัติเหตุ ทำเอาคุณเปียกไปทั้งตัว มีเหรอที่ผมยังจะเอาเงินคุณอยู่อีก ! ”
หยางโปโบกมือ “ ถ้าไม่ใช่เพราะผมยืนกรานที่จะไปดู คุณก็คงไม่ได้รับความสูญเสีย คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว สบายใจได้ ”
คนพายเรือรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจ เขามองไปที่ท้องเรือ เมื่อเห็นผู้หญิงชุดขาวนอนอยู่ในท้องเรือ
ก็ถึงกับตกตะลึงไปทันที “ นี่…นี่คือ ? ”
หยางโปยิ้ม “ เพื่อนของผมเอง เธอเข้ามาเร็วกว่าเรา บอกว่าจะเข้ามาถ่ายรูป ผมเลยรีบตามเข้ามาหาเธอ คิดไม่ถึงว่าเรือของเธอก็จะพลิกคว่ำเหมือนกัน กล้องถ่ายรูปก็หายไปหมดแล้ว ”
“ อัยยะ เด็กผู้หญิงคนนี้เปียกไปหมดแล้ว ทำไมยังนอนหลับอยู่อีกล่ะ ? แบบนี้จะเป็นหวัดเอาได้นะ ! ” คนพายเรือเอ่ยปากทักท้วง
“ ผมคลุมเสื้อผ้าให้เธอแล้วนะ ? ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่หรอกมั้ง ? ” หยางโปพูด
คนพายเรือส่ายหัว ” เสื้อผ้าของคุณก็เปียก มันจะไปอุ่นได้ยังไง ? ”
” บนเรือไม่มีเสื้อผ้าแห้งอยู่เลย เรารีบกลับเข้าฝั่งกันเร็วๆดีกว่า ” หยางโปกล่าว
คนพายเรือพยักหน้า ” ถ้าอย่างนั้นก็ดี พวกเราสองคนมาสลับกันพายเรือดีกว่า น่าจะเร็วกว่านี้ เดี๋ยวผมพายไปก่อนสักพัก ”
คนพายเรือเดินเข้ามาหยิบไม้พาย 2 อัน และขยับไม้พายอย่างรวดเร็วและกระฉับกระเฉง
เขาเชี่ยวชาญในการพายเรือมากกว่า ทันใดนั้นความเร็วของเรือก็เพิ่มขึ้นในทันที ลมพัดผ่าน
หูหยางโปถึงกับสัมผัสได้ถึงสายลมอ่อนๆที่หนาวเหน็บที่พัดผ่าน.ไอลีนโนเวล
ทั้งสองสลับไม้พายกัน ต่างคนก็ต่างพยายามกันอย่างเต็มที่ ดังนั้นเรือจึงเร็วขึ้นมาก ไม่นาน
ก็สามารถมองเห็นฝั่งแล้ว
เพราะเรือถูกพัดไปไม่รู้กี่เมตร พอมาถึงฝั่ง หยางโปถึงเพิ่งจะรู้ว่าทิศทางนั้นห่างออกไปไกลจากจุดชมวิวมาก มือถือของหยางโปเสีย เขาจึงจำเป็นที่จะต้องยืมมือถือ เพื่อโทรหาคนขับรถ จากนั้นไม่นานก็มีรถขับเข้ามา
หยางโปอุ้มหญิงชุดขาวเข้าไปในรถ จากนั้นจึงหันไปมองคนพายเรือและพูดว่า “ ทิ้งช่องทางการติดต่อเอาไว้ให้หน่อย ผมจะส่งคนมาชดใช้ค่าเสียหายให้คุณ ”
คนเรือรีบเอ่ยออกมาอย่างสุภาพว่า “ ไม่ต้องแล้ว ไม่ต้อง ”
หยางโปยิ้ม “ รีบเอามาเถอะ ! ผมยังต้องพาเธอไปส่งโรงพยาบาลอยู่ ”
คนพายเรือทิ้งข้อมูลติดต่อไว้ให้ แต่สีหน้ากลับค่อนข้างเขินอายและประหม่า หยางโปยิ้มและหันหลังขึ้นรถจากไป
สั่งให้คนขับรถรีบมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาล หยางโปถึงได้โทรหาหลูตงซิง และขอให้เขาช่วยส่งคนจากบริษัทนำเงินมาให้ เดิมทีเขาก็ไม่มีเงินติดตัวมาก สมุดเช็คก็หายไปแล้ว เงินที่จะไปโรงพยาบาลยังไม่มีเลย
ไม่นาน หยางโปก็มาถึงโรงพยาบาลและนำตัวหญิงสาวชุดขาวไปที่แผนกฉุกเฉิน โดยมีพนักงานของบริษัทหลูตงซิงเป็นคนจ่ายเงินให้ หยางโปให้ข้อมูลติดต่อของคนพายเรือแก่อีกฝ่ายหนึ่งและขอให้อีกฝ่ายเร่งนำเงินไปจ่ายให้ ถึงได้รู้สึกสบายใจ
เวลานี้ หยางโปเพิ่งจะตระหนักได้ว่า เขาก็เปียกโชกไปทั้งตัว และยังไม่มีเวลาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย ในขณะที่กำลังจะออกไปซื้อเสื้อผ้าอยู่นั้น หมอในห้องฉุกเฉินก็เดินออกมาพอดี และกล่าวคำหนึ่งออกมาว่า “ คนไม่เป็นอะไร คุณไปเอาชุดเสื้อผ้าที่สะอาดใหม่มาเปลี่ยนให้เธอหน่อยก็แล้วกัน ”
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง “ ครับ ! ครับ ! ”
หยางโปเลยต้องออกไปข้างนอกเพื่อซื้อชุดนอนมาชุดหนึ่ง และขอให้พยาบาลช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หญิงสาว ส่วนตัวเขาเองก็ซื้อชุดกีฬามาชุดหนึ่งมาเปลี่ยน
หญิงสาวคนนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้หลับไม่ตื่นสักที หยางโปก็อดทนรอทั้งคืนไม่ไหวเช่นกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น หยางโปได้มาที่โรงพยาบาล เพื่อมาตรวจร่างกายอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีพบปัญหาอะไร เขาไม่อยากอยู่ต่ออีก จึงคิดที่จะเชิญพยาบาลมาดูแล แต่ในขณะที่พูดคุยปรึกษากันเสร็จและกำลังจะจ่ายเงินอยู่นั้น จู่ๆพยาบาลก็ชี้ไปที่ด้านหลังของเขา ” ตื่นแล้ว เธอตื่นแล้ว ! ”
หยางโปหันหลังกลับไปดู ก็เห็นว่าหญิงสาวที่สวมชุดขาวตื่นแล้ว สีหน้าของเธอเรียบเฉย
แววตาค่อนข้างที่จะสับสนและงงงวยมองมาที่หยางโป “ คุณเป็นใคร ? ”
พยาบาลอดไม่ได้ที่จะหันมามองหยางโป “ เธอความจำเสื่อม ? ”
หยางโปส่งยิ้มให้ “ คุณออกไปก่อน ผมขอคุยกับเธอสักหน่อย ”
พยาบาลค่อนข้างที่จะลังเล แต่ก็ยังเดินออกไป
หยางโปหันไปมองที่หญิงสาวชุดขาว “ พวกเราไม่ได้รู้จักกัน ผมช่วยชีวิตคุณมาจากในทะเลสาบซีหู คุณยังจำได้ไหม ทำไมคุณถึงไปอยู่ในทะเลสาบซีหูได้ล่ะ ? ครอบครัวของคุณอยู่ที่ไหน มีช่องทางการติดต่อไหม เดี๋ยวผมช่วยติดต่อให้ ”
หญิงสาวไม่สนใจเขา แต่กลับก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเอง จากนั้นก็เหลือบมองไปที่หยางโปอย่างไม่เป็นมิตร
“ พยาบาลเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ผมไม่ได้เปลี่ยนให้ ” หยางโปเอ่ยขึ้นมา
หญิงสาวหยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย และมองไปที่ชุดนอนของตัวเอง “ น่าเกลียดจริงๆ ! ”
หยางโปรู้สึกค่อนข้างที่จะอึดอัดใจ เขามองหญิงสาวตาเขม็ง “ บ้านของคุณอยู่ที่ไหน ? ”
หลังจากเงียบไปนาน หญิงสาวถึงได้เอ่ยปากพูดออกมาว่า “ อยู่ที่ทะเลสาบซีหู ”
หยางโปตอบ “ ทะเลสาบซีหูอยู่ห่างออกไปจากที่นี่ไม่ไกลนัก เดี๋ยวสักครู่ผมจะไปส่งคุณเอง ”
หญิงสาวหันมามองหยางโป และส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชาและเอ่ยออกมาว่า “ คุณช่วยฉันไว้งั้นเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้า แต่กลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายเย็นชาเกินไปหน่อย “ ผมเอาข้าวเช้ามาให้แล้ว
เดี๋ยวผมเอามาให้คุณกินหน่อยก็แล้วกัน ”
หยางโปหยิบโจ๊กและซาลาเปาที่ซื้อมาวางไว้ตรงหน้าหญิงสาว “ คุณกินข้าวเช้าก่อนนะ
แล้วเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณกลับบ้าน ”
หญิงสาวจ้องมองอาหารเช้า ด้วยใบหน้าที่แปลกใจ ผ่านไปนานสักพักถึงได้เอ่ยปากออกมา
“ ฉันไม่หิว ”
หยางโปมองหน้าหญิงสาวแล้วส่ายหน้าช้าๆ “ งั้นก็ได้ เดี๋ยวผมไปส่ง ”
หญิงสาวส่ายหน้า “ ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องไปส่ง ฉันกลับเองได้ ”
หยางโปรู้สึกว่าหญิงสาวดูท่าทางมีพิรุธ เขาจึงเอ่ยปากไปส่งเธอถึงสองรอบแล้ว คิดไม่ถึงว่าเธอจะกลับไม่ตอบรับน้ำใจ แต่หยางโปก็ไม่อยากถามอะไรมาก พยักหน้าให้ “ อืมงั้นก็ได้ ผมยังมีธุระอยู่ ส่วนนี่เป็นใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลของที่นี่ ส่วนนี่เป็นเลขบัญชีธนาคาร ถ้าคุณไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ก็กรุณาโอนเข้ามาในบัญชีนี้ก็แล้วกัน ”
หญิงสาวนิ่งอึ้งไปทันที เธอเงยหน้ามองหยางโป และชี้ไปที่กระดาษพวกนี้ ด้วยสีหน้าที่แปลกใจ “ ให้ฉันจ่ายเงินงั้นเหรอ ? ”
หยางโปมองหน้าอีกฝ่าย ค่ารักษาพยาบาลพวกนี้บริษัทหลูตงซิงเป็นคนออกให้ทั้งหมด
เขาไม่สนใจด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายแสดงกิริยามารยาทแบบนี้ เขาเลยรู้สึกว่าควรเอาค่ารักษาพยาบาลกลับคืนมา !
“ หรือว่าคุณไม่ควรจ่ายเงินหรือยังไง ? ” หยางโปมองหน้าอีกฝ่าย
หญิงสาวมองมาทางหยางโปด้วยสีหน้าที่สับสน “ ฉันไม่มีเงิน ”
“ ไม่เป็นไร คุณสามารถเลื่อนไปชำระเงินช้าหน่อยก็ได้ ” หยางโปกล่าว
หญิงสาวนิ่งอึ้งไปทันที จากนั้นเธอก็พูดออกมาด้วยเสียงที่เย็นชา “ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันจะช่วยคุณทำงาน คุณก็ให้เงินเดือนฉันเอามาจ่ายหนี้ก็แล้วกัน ”
แต่หยางโปกลับส่ายหน้า “ ไม่ได้ ”

หยางโปสัมผัสได้ว่าพลังระหว่างท้องฟ้าและพื้นดินเพิ่มพูนมากขึ้น เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์และพยายามดูดซับพลังของฟ้าดิน พลังแบบนี้ยังดีกว่าการกินโสมพันปีมาก !
เสียงฟ้าคำรามนั่น แต่เบื้องหน้ากลับมืดลงเรื่อยๆ ถึงแม้คนพายเรือจะถูกกระตุ้นด้วยเงินของ
หยางโปแต่ท้ายที่สุดตอนนี้เขาก็เริ่มกลัวขึ้นมา เขาหยุดพายเรือ และอดที่จะตัวสั่นสะท้านไม่ได้
ยืนมือออกไปตรงหน้าถึงกับมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้าแล้ว ฟ้าผ่าฟ้าแลบทั่วท้องฟ้า เสียงฟ้าผ่าเหมือนดังก้องอยู่ข้างหู มีเพียงแสงวาบขาวของฟ้าแลบแทรกอยู่ระหว่างกลางเท่านั้นถึงจะมองเห็น
เรืออูเผิงอีกลำได้
ระยะห่างระหว่างเรือทั้งสองลำนั้นอยู่ไม่ไกลกันมากนัก เรืออีกลำจอดนิ่งสนิทอยู่กับที่นานแล้ว
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชาวประมงบนเรือค่อนข้างที่จะหวาดกลัว และกำลังกรีดร้องด้วยความตกใจ
หยางโปรู้สึกได้ถึงพลังในร่างกายไหลเวียนอย่างปลอดโปร่ง ถึงกับทำให้เขาเห็นภาพลวงตา
แค่เขายินยอม เขาก็สามารถถ่ายทอดพลังของวิทยายุทธทั้งสิบสองแขนงของรูปปั้นมังกรเดินทองบริสุทธิ์ออกมาได้อย่างเต็มที่ ภาพลวงตาแบบนี้ทำให้คนเกิดความรู้สึกพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน !
พลังจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายทำให้กลุ่มพลังที่อยู่ภายในร่างกายของหยางโปขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กลุ่มพลังขยายใหญ่เท่าขนาดไข่ไก่อยู่นั้น จู่ๆก็มีรัศมีของแสงหนึ่งปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาและพุ่งเข้าไปที่กลุ่มพลัง ต่อจากนั้นกลุ่มพลังก็หดตัวลงอีกครั้ง
จากนั้นหยางโปก็ดูดซับพลังต่อ
ในระหว่างวงจรแบบนี้ หยางโปก็สามารถเห็นว่าพลังภายในร่างกายของตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ทันใดนั้น หยางโปก็รู้สึกตัวสั่นเล็กน้อย พอเขาลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นว่ามีความมืดมิดกลุ่มก้อนหนึ่งอยู่ตรงหน้า แต่คลื่นลมกลับพัดรุนแรงขึ้น เรืออูเผิงที่อ่อนแอและลำเล็กเปรียบเสมือนใบไม้ใบหนึ่ง กำลังถูกซัดอยู่ท่ามกลางคลื่นลมที่ปั่นป่วนไม่หยุด
คนพายเรือหันมาตะโกนบอกหยางโป “ คุณผู้ชาย เข้าไปในท้องเรือเร็วเข้า คุณนั่งอยู่บนหัวเรือมันอันตราย ! ”
หยางโปหันมองไปที่คนพายเรือ ฉีกยิ้มเล็กน้อยและตอบเสียงดังไปว่า “ ไม่เป็นไร ไม่เป็นอันตรายหรอก ผมว่ายน้ำเก่งมาก ! ”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น คลื่นลูกใหญ่ก็ซัดเข้ามา หยางโปคว้าขอบเรือไว้แน่น ถึงได้ไม่ถูกซัดให้ร่วงตกลงไป แต่ก็เปียกโชกไปทั้งตัว
เขามองไปข้างหน้าและเห็นว่าโจวซินและเสวียนจงทั้งสองคน กำลังยืนอยู่บนหัวเรือ ดูเหมือนจะมองออกไปไกล
หยางโปมองตรงไปด้านหน้า แต่ฟ้าร้องและฟ้าแลบยังคงดำเนินต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนฟ้าร้องและฟ้าแลบจะยิ่งหนักขึ้นกว่าเดิม ทันทีที่ฟ้าร้องและฟ้าแลบฟาดลงมา สายฟ้านั้นก็มีขนาดใหญ่พอๆกับอ้อมกอดของผู้ใหญ่คนหนึ่งเลย !
หยางโปถึงกับตกใจไปทันที ทำไมถึงมีสายฟ้าที่ใหญ่ขนาดนี้ ?
หยางโปจ้องมองออกไปไกล ท้องฟ้าและพื้นดินเงียบสงัด สายฟ้าที่ฟาดลงมานี้ ทำให้ท้องฟ้าและพื้นดินสว่างไสวไปในทันที หยางโปดูเหมือนจะมองเห็นบางอย่างซ่อนอยู่ในม่านหมอกคลับคล้ายคลับคลาอยู่ไกลๆ แต่มองเห็นไม่ค่อยชัดจากระยะไกล !
เสียงฟ้าร้องดังสั่นสะเทือนตามมา ทันใดนั้นหยางโปก็เห็นคลื่นสูงเท่าหัวซัดเข้ามาตรงหน้า
เรืออูเผิงที่ลำเล็กๆไม่สามารถทนอยู่ภายใต้ท้องฟ้าและผืนน้ำอันกว้างใหญ่นี้ได้อีกต่อไป
เกิดเสียง “ แคร๊ง ” ดังขึ้นอย่างคมชัด แม้ว่าหยางโปจะจับขอบเรือไว้แน่นก็ตาม แต่ก็รั้งไว้ไม่อยู่
ทั้งคนและเรือต่างก็พลิกคว่ำลงไปในทะเลสาบ.Aileen-novel
โจวซินเห็นเรืออูเผิงของหยางโปพลิกคว่ำ ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาชี้ไปทางด้านหยางโป
และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะฮ่าๆดังออกมา “ ได้รับผลกรรมที่น่าเวทนาจริงๆ เรือพลิกคล่ำแล้ว ! ”
เสวียนจงที่ยืนอยู่ด้านข้าง จับขอบเรือไว้แน่น พยายามทำให้ตัวเองอยู่อย่างมั่นคงขึ้นมาบ้าง
เขาได้แต่มองดูหยางโปที่ตกลงไปในทะเลสาบ เขาหันไปเหลือบมองโจวซิน และส่ายหัวเล็กน้อย คนคนนี้ช่างใจจืดใจดำเสียจริงๆ หยางโปเดินทางมาเป็นร้อยกิโลเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้
แต่ตอนนี้กลับถูกเขาซ้ำเติม
เสวียนจงรู้สึกเศร้าเสียใจ ทำได้แต่โทษตัวเองที่ไม่มีความสามารถมากพอ ทุกอย่างที่ถูกเรียกขานว่าโอกาสและโชคชะตา ก็ทำได้เพียงมองฟ้าแลบฟ้าร้องทั่วฟ้าเมื่อสักครู่ตาปริบๆ ไม่ได้ฝึกฝนมาตอนนี้เลยไม่มีโอกาสแล้ว !
เสียง ” ซ่า ” ดังมา เกลียวคลื่นลูกหนึ่งก็ซัดเข้ามา เสวียนจงหันไปเหลือบมองโจวซิน มือค่อยๆคลายออกช้าๆ จากนั้นร่างของเขาก็ถูกคลื่นซัดลงไปในทะเลสาบ !
หยางโปถูกซัดลงไปในทะเลสาบ แต่กลับไม่ได้สัมผัสถึงความรู้สึกพิเศษใดๆ เขาสามารถหายใจในน้ำได้ การอยู่ในน้ำหรือบนฝั่งไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก เขาเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นคนพายเรือกอดไม้กระดานเรือไว้ พยายามว่ายเข้าฝั่ง เขาแค่มองดูแต่ไม่ได้ว่ายขึ้นไปช่วย คนพายเรือว่ายน้ำเก่ง ไม่น่าจะมีอันตรายอะไร
ในทะเลสาบค่อนข้างที่จะเงียบ ไม่มีคลื่น และไม่มีฟ้าร้องและฟ้าแลบ แต่จู่ๆหยางโปก็ค้นพบว่า ตัวเองโง่จริงๆที่มาผิดทาง ถ้าด้วยความสามารถในการว่ายน้ำของตัวเอง ถ้าว่ายน้ำจากในทะเลสาบไป ไม่ใช่ว่าจะสะดวกกว่าหรอกเหรอ ?
เมื่อหยางโปว่ายน้ำขึ้นมาบนผืนน้ำทะเลสาบ ก็ตัดสินใจที่จะกำหนดทิศทางและตำแหน่ง
และเดินไปทิศทางที่เกิดฟ้าร้องและฟ้าแลบในทะเลสาบ ฝูงปลาอยู่เหนือศีรษะของเขา ดูเหมือนจะไม่มีปลาแหวกว่ายอยู่ที่ก้นทะเลสาบเลย หรือว่าด้านหน้าจะมีของล้ำค่าอะไรถือกำเนิดขึ้น ?
หลังจากเดินมาเป็นเวลานาน แต่หยางโปก็ไม่พบอะไรเลย แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นกลับเห็นฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่ที่จู่ๆก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ ดูเหมือนว่าทั้งฝูงปลาจะได้รับสัญญาณบางอย่าง
จากนั้นปลาทั้งหมดต่างพากันแตกกระจายไปรอบๆ และว่ายกลับไปในทะเลสาบ
หยางโปตกใจ เขารีบว่ายน้ำขึ้นไปที่พื้นผิวทะเลสาบอีกครั้ง เขาเงยมองขึ้นมองไปรอบๆ พื้นผิวของทะเลสาบนิ่งสงบ ฟ้าร้องและฟ้าแลบหายไปแล้ว ลมและคลื่นหยุดลง ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับมาสงบอีกครั้ง
หยางโปรู้สึกค่อนข้างที่จะสับสน ของล้ำค่าล่ะ ? โอกาสและโชคชะตาล่ะ ?
ร่างของโจวซินหายไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว โอกาสและโชคชะตาที่เยว่จวิ้นเหยากล่าวถึงในสาย บ่งบอกถึงที่ตรงนี้ใช่ไหม ? โอกาสและโชคชะตานี้มันหมายถึงอะไรกันแน่ ?
จู่ๆหยางโปก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะไปทางไหนดี ในเมื่อไม่ได้อะไรมาเลย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหันหลังกลับ เมื่อยืนยันทิศทางได้แล้ว หยางโปจึงว่ายไปข้างหน้าต่อ
หลังจากว่ายน้ำมาได้สักพัก จู่ๆหยางโปก็หยุดชะงักไปทันที เพราะตรงหน้าเขา มีเรืออูเผิงลำหนึ่งลอยลำอยู่ เขาดูออกว่าเรืออูเผิงลำนี้เป็นเรือลำเดียวกับของโจวซิน เขาจึงไปแนบอยู่ข้างเรือ
และจ้องมองเข้าไปข้างใน ไม่เห็นโจวซิน แต่สภาพภายในเรือทำเอาเขาถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไปเลย
เพราะเขาคาดคิดไม่ถึงว่าจะเห็นผู้หญิงสวมชุดขาวคนหนึ่งอยู่ในเรืออูเผิง หญิงสาวนอนอยู่ในท้องเรือ ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมเหมือนกับว่ากำลังนอนหลับอยู่ !
หยางโปเกิดอาการลังเลเล็กน้อย จึงปีนขึ้นไปบนเรือ เขาวางมือลงปลายจมูกเพื่อตรวจสอบลมหายใจของผู้หญิงคนนั้นและสัมผัสได้ว่ายังมีลมหายใจอยู่ เขาถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นหยางโปถึงได้สังเกตอีกฝ่ายอย่างพินิจพิเคราะห์
ผู้หญิงคนนี้น่าจะอายุประมาณ 20 ปี ผิวขาวนวล ใบหน้าสวยมาก คิ้วโค้ง จมูกโด่ง ริมฝีปากแดงดูค่อนข้างจะซีดเซียว แต่แก้มทั้งสองข้างกลับแดงระรื่นขึ้นมาเล็กน้อย ดูแล้วยังมีชีวิตอยู่
หญิงสาวเปียกโชกไปทั้งตัว ยิ่งโชว์รูปร่างส่วนโค้งส่วนเว้าออกมาชัดกว่าเดิม หยางโปวางมือบนหน้าผากของหญิงสาวสองเบาๆ โชคดีที่ไม่ได้เป็นไข้
หยางโปหันไปมองอีกฝ่ายและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกลังเล มันเป็นเดือนพฤษภาคมพอดี บวกกับอากาศที่ไม่ดี เพราะสาเหตุนี้ข้างนอกจึงค่อนข้างที่จะหนาวเย็น เขาจึงถอดเสื้อมาคลุมร่างกายให้อีกฝ่าย จากนั้นถึงได้หยิบไม้พายเรือขึ้นมาขยับ
ฝีมือการพายเรือของหยางโปไม่ค่อยดีนัก โชคดีที่เขามีพลังบนตัวเยอะ ทุกครั้งที่ลงแรงพายเรือจึงไม่ช้ามากนัก เป็นเพราะมีการฝึกบำเพ็ญเพียรมาอย่างยาวนาน จึงค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน พื้นผิวของทะเลสาบที่สงบนิ่งก็เกิดเสียง ” ซ่า ” ดังออกมา จากนั้นโจวซินก็โผล่หัวออกมาบนผืนผิวน้ำของทะเลสาบ เขาก็มองไปรอบๆ แต่มองไม่เห็นเรืออูเผิง และมองไม่เห็นแม้แต่อะไรเลย มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมึนงง

หยางโปหันมองไปรอบๆ สีท้องฟ้าและผืนน้ำที่นี่ ทั้งผืนฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล มองไม่เห็นสภาพโดยรอบเลย ดูเหมือนท้องฟ้าและผืนดิน จะมีเพียงเรืออูเผิงสองลำที่ลอยลำอยู่เท่านั้น
เวลานี้ โจวซินทั้งสองคนก็มองเห็นทางด้านหยางโปแล้วเช่นกัน โจวซินถึงกับหน้าถอดสีด้วยความตกใจ “ เขามาได้ยังไง ? คุณเป็นคนบอกเขาใช่ไหม ? ”
“ จะเป็นผมไปได้ยังไง ? ” เสวียนจงส่ายหน้า “ ผมกล้ายืนยันเลยว่า มีเพียงพวกเราสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ”
โจวซินจ้องเสวียนจงตาเขม็ง “ เขาแอบตามเรามา ? ”
เสวียนจงหันมองไปทางหยางโป เมื่อเห็นว่าเขาดูเหมือนจะไม่ได้มองมาทางด้านนี้ คล้ายกับว่าไม่ได้สังเกตเห็นสถานการณ์ทางด้านนี้เสียด้วยซ้ำ ถึงขั้นเริ่มนั่งสมาธิบำเพ็ญเพียร
“ อาจเป็นเรื่องบังเอิญ ? ”
โจวซินส่ายหัว ทำเสียงฮึดฮัดแล้วพูดว่า “ เมื่อวานไม่ควรโทรหาเขาเลย ! ”
เสวียนจงคลายไหล่ลง ไม่ได้พูดอะไร
โจวซินจึงหันไปมองหน้าเสวียนจง “ ประธานเสวียน คุณอย่าคิดนะว่าผมไม่รู้ว่าคุณอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เกรงว่าคุณจะยังไม่รู้ว่าพ่อของผมเป็นใคร แต่คุณก็น่าจะเห็นแค่ผมโทรกริ๊งเดียวก็สามารถเรียกหยางโปมาได้ นี่มันไม่ใช่สาเหตุเพราะผมแน่นอน ผมกับเขาไม่ได้รู้จักมักคุ้นกัน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพ่อของผม ! ”
เสวียนจงพยักหน้า “ โจวเต๋าโยว ผมรู้ดีว่าคุณมีอาจารย์คอยชี้แนะสั่งสอน และมีอิทธิพลพอตัว
ไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่เช่นกัน สถานที่แห่งนี่ยิ่งเข้าไปด้านใน พลังก็จะยิ่งหนาแน่นขึ้น มันมีอะไรอยู่กันแน่ ? ”
โจวซินหัวเราะออกมา “ โอกาสและโชคชะตา ! ”
“ โอกาสและโชคชะตา ? ” เสวียนจงถามออกมาด้วยความสงสัย
โจวซินเหลือบมองเสวียนจงจากนั้นก็ส่ายหัวเล็กน้อย ” เมื่อเอ่ยถึงโอกาสและโชคชะตา
มันก็จะไม่ใช่โอกาสและโชคชะตาอีกต่อไป ”
เสวียนจงยิ้มและพยักหน้า “ ก็จริงนะ ”
พอพูดจบ ทั้งสองก็พากันเงียบ
หยางโปที่กำลังนั่งอยู่บนเรืออูเผิง ไม่หยุดที่จะขับเคลื่อนพลังงานหยิ่นชี่ พลังโดยรอบพุ่งเข้าหาเขาอย่างบ้าคลั่ง การฝึกฝนแบบนี้ยังแข็งแกร่งกว่าที่เขาใช้กระจกแสงจันทร์หลายเท่าตัว
หยางโปกำลังแข่งกับเวลาเพื่อฝึกฝน คนพายเรือเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิดรอบตัว อดไม่ได้ที่จะลังเลและร้องตะโกนออกมา “ เถ้าแก่ เถ้าแก่ ! ”
หยางโปเงยหน้าขึ้นก็เห็นคนพายเรือตะโกนเรียกเขาอยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะถามไปว่า
” เกิดอะไรขึ้น ? ” คนพายเรือเป็นชายร่างกายกำยำในวัยสี่สิบ ดูผิวจะดำไปหน่อย มักจะพายเรือพาลูกค้ามาที่นี่ตลอดทั้งปี วันปกติทั่วไปจะตกปลาหาเงิน เขาหันมองไปที่หยางโป ” เถ้าแก่ ตอนนี้มืดมากแล้ว ผมกลัวว่าฝนจะตกหนัก เดี๋ยวพายุจะแรงขึ้นมันจะกลับไปยาก ”
หยางโปหันมาส่งยิ้มให้คนพายเรือและพูดว่า “ ทะเลสาบตะวันตกเป็นเพียงทะเลสาบชั้นใน
ต่อให้มีลมแรง คงไม่รุนแรงมากนักหรอก ”
คนพายเรือดูค่อนข้างจะเป็นกังวล “ ลมไม่แรง แต่พอถึงเวลานั้นอาจจะระบุทิศทางไม่ได้ กลัวว่าจะกลับไปไม่ได้น่ะสิ ”
หยางโปยิ้ม “ ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องกังวล แบบนี้ก็ดีแล้ว ราคาโดยสารเรือที่เราตกลงกันก่อนหน้านี้ ผมจะเพิ่มเงินให้คุณสิบเท่า ”
คนพายเรือพึมพำ ” เรื่องเงินน่ะมันไม่ใช่ปัญหา ”
“ ยี่สิบเท่า ” หยางโปพูดต่อ เขาเข้าใจดี เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้ามีเงินพอ มันก็ไม่เป็นปัญหาเช่นกัน
ในที่สุดคนพายเรือก็หยุดบ่น “ ยี่สิบเท่า นี่พูดกันไว้แล้วนะ ! ”
หยางโปพยักหน้า ” คุณไม่ต้องกังวล พอถึงฝั่งผมจะเอาให้ ”
หลังจากปลอบใจคนพายเรือ หยางโปก็หันมองออกไปไกล เห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลง ก้อนเมฆสีดำก็พัดเข้ามาใกล้ตัวเมือง แต่เรืออูเผิงของพวกโจวซินกลับพายเรือห่างออกไปไกล ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายกลับทำให้เกิดความล่าช้า ทำให้ห่างจากกันอย่างมาก…ไอรีนโนเวล
หยางโปนึกถึงสิ่งที่เยว่จวิ้นเหยาสั่งกำชับไว้ โอกาสและโชคชะตา !
โอกาสและโชคชะตานี้คืออะไรกันแน่นะ ?
ในขณะที่เรือแล่นไปข้างหน้าอยู่นั้น ก็มีปลาจำนวนนับไม่ถ้วนพากันแหวกว่ายออกมาบนผืนทะเลสาบ สิ่งมีชีวิตในน้ำเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกร้องเรียกให้ออกมา และดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกดึงดูดจากพลังในอากาศ กระโดดโลดเต้นขึ้นมาไม่หยุด
แค่ครู่เดียว ก็มีปลาแหวกว่ายขึ้นมาเต็มผืนน้ำทะเลสาบ ปลาพวกนี้โดดโลดเต้นอยู่บนผืนน้ำทะเลสาบ ทำให้ความเร็วของเรืออูเผิงที่แล่นอยู่ในทะเลสาบช้าลง ถึงกระทั่งที่ว่าทุกครั้งที่เจ้าของเรือพายเรือ ก็จะพายไปโดนปลาที่แหวกว่ายอยู่จำนวนมากนั้น
คนพายเรือบนเรืออูเผิงของโจวซินถึงกับโยนพายทิ้งแล้วหันไปหยิบแหจับปลาบนเรือออกมา
เพื่อคิดที่จะจับปลา จนทำเอาโจวซินกระทืบเท้าและสบถด่าว่า “ ฉันจ่ายเงินให้แกมาพายเรือให้ ไม่ใช่ให้แกมาจับปลา ! ไอ้สารเลว ถ้าแกหว่านแหโยนลงไป ฉันก็กล้าที่จะฆ่าแกทิ้งซะเหมือนกัน ! ”
ชาวประมงที่อยู่กับโจวซินเป็นชายวัยห้าสิบกว่าปี เขาหันมองไปทางโจวซิน ทั้งสองฝ่ายจึงเผชิญหน้ากันเพราะเหตุนี้ !
ชาวประมงก็มีโมโหขึ้นมาเล็กน้อย “ ผมมาพายเรือให้พวกคุณจะได้เงินสักเท่าไหร่กัน ?
ผมทอดแหจับปลาแค่ครั้งเดียว ยังหาเงินได้มากกว่าซะอีก ทำไมผมจะไม่ทอดแหล่ะ ?
ถ้าพวกคุณไม่ยอม งั้นก็ลงไปจากเรือเดี๋ยวนี้เลย ! ”
“ แก ! ” โจวซินชี้ไปที่ชาวประมงด้วยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยว
เสวี่ยนจงรีบพูดขึ้น “ เอาล่ะ ใจเย็นลงก่อน คุณไม่ต้องจับปลาแล้ว แค่รับผิดชอบงานในครั้งนี้ให้ออกมาอย่างเรียบร้อยสวยงาม กลับไปผมจะเอาเงินให้หมื่นหยวนเพื่อชดเชยสิ่งที่คุณสูญเสียไปเอง ! ”
“ ทำไมต้องให้เงินเขาด้วย ? ไม่ต้องให้เขา ! ” โจวซินพูดอย่างโกรธจัด
เสวียนจงดึงโจวซินเอาไว้ ” คุณเงียบก่อน ฟังผมนะ เรื่องของเรามันสำคัญกว่า ! ”
ในที่สุดชาวประมงก็ยอมที่จะประนีประนอมให้ แต่เพราะแบบนี้ ชาวประมงก็ไม่ยอมที่ออกแรง บวกกับปลาในทะเลสาบเลยทำให้เรืออูเผิงเคลื่อนไปข้างหน้าได้ยากขึ้น
หยางโปมองเห็นสถานการณ์ตรงหน้าจากระยะไกล เขาจึงหันไปยิ้มให้กับคนพายเรือที่มีอาการลังเลอยู่ “ คุณสบายใจได้ ไม่ต้องรีบไปจับปลา หลังจากกลับไปผมจะให้เงินชดเชยคุณเองอีกสองหมื่นหยวน ”
คนพายเรือรีบพูดว่า ” ไม่ ไม่ต้อง นั่นมันมากเกินไป ”
หยางโปโบกมือ “ คุณไม่ต้องปฏิเสธ นี่คือสิ่งที่คุณสมควรได้รับ ”
คนพายเรือก็หัวเราะออกมาทันที เผยให้เห็นฟันขาว “ งั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณเถ้าแก่มาก ”
“ไม่ต้องขอบคุณผม คุณก็ไม่ต้องวิตกกังวลเกินไป ที่นี่มีฝูงปลาอยู่มากมาย ต่อให้ใช้แรงมากเท่าไหร่ ก็คงไม่มีทางที่จะเดินหน้าไปได้เร็ว ! ” หยางโปกล่าว
คนพายเรือยิ้มและพูดว่า ” คุณรอดูผมก็แล้วกัน ! ”
พอพูดจบ เจ้าของเรือก็ดันพายออกอย่างแรง เพราะมีคำมั่นสัญญาของหยางโป เจ้าของเรือก็พยายามอย่างเต็มที่ แม้ว่าความเร็วจะลดช้าลงไปมากเพราะฝูงปลา แต่กลับเร็วกว่าเรือของโจวซินมาก
หยางโปมองออกไปไกลและขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย โอกาสและโชคชะตาครั้งนี้หมายถึงอะไรกันแน่ ? ทำไมฝูงปลาถึงมีสภาพแบบนี้ ? ทำไมถึงมีพลังมากมายขนาดนี้อยู่ที่นี่ ?
ทั้งหมดนี้มันยากที่จะได้รับคำตอบและไม่มีใครมาตอบคำถามให้เขาได้ เขาจึงทำได้เพียงมองออกไปไกล และฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ในใจ
หลังจากหลับตาฝึกฝนไปได้เพียงครู่หนึ่ง จู่ๆหยางโปก็รู้สึกใจสั่น และเขาก็ลืมตาขึ้นและมองไปข้างหน้าทันที มองเห็นสายฟ้าฟาดแยกท้องฟ้าออกจากกัน ราวกับว่าแยกท้องฟ้าตั้งแต่ด้านบนลงมาด้านล่างออกจากกัน อย่างกับจะแบ่งทั้งท้องฟ้าออกเป็นสองส่วน !
ฟ้าแลบเป็นประกายสว่างไสว แสงฟ้าแลบแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้าทำให้ผู้คนรู้สึกถึงพลังที่อกสั้นขวัญหาย !
จากนั้นก็มีเสียงระเบิดดัง ” ตูม ” เสียงฟ้าร้องดังขึ้น หยางโปรู้สึกเหมือนว่ามีเสียงลูกกระสุนปืนใหญ่ระเบิดอยู่ข้างหูตัวเอง หูทั้งสองข้างอื้อไปทันที !

หยางโปหันไปมองหลูตงซิง “ คุณคิดว่าโจวซินคนนี้เป็นคนยังไง ? ”
หลูตงซิงนิ่งอึ้งไปทันที เขาเข้าใจความหมายของหยางโปดี ก่อนหน้านี้เขาคิดมาตลอดว่า
ในเมื่อหยางโปสงสัยเสวียนจงแต่ทำไมยังมอบหมายเรื่องนี้ให้เสวียนจงเป็นคนไปตรวจสอบอยู่อีก ? ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่ใช่หยางโปประมาท แต่เพราะเขาไม่คิดที่จะสอบสวนเรื่องนี้ลงลึกไปกว่านี้ !
สำหรับโจวซินนั้น หลูตงซิงถึงกับส่ายหน้า “ โจวซินดูเหมือนจะไร้เดียงสา แต่กลับฉลาดแกมโกงเหมือนสุนัขจิ้งจอก เขาชอบเล่นการพนันและประเวณี มีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดี ! ”
หยางโปพยักหน้า ” ถ้าเรื่องนี้ไม่สามารถสอนบทเรียนให้เขาได้ ผมคิดว่าเขาคงไม่มีวันโตขึ้นอีกแล้ว ! ”
หลูตงซิงพยักหน้า “ นายพูดถูก เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็สามารถทำให้เขาเติบโตขึ้นได้ ก่อนหน้านี้นายบอกว่าเขามีความสัมพันธ์บางอย่างกับคุณเยว่จวิ้นเหยา แต่ตอนนี้มาคิดๆดูแล้ว
เขาแตกต่างจากคุณเยว่อย่างสิ้นเชิง คุณเยว่ใสซื่อไร้เดียงสา ไหนเลยที่คนอย่างเขาจะเทียบติด
ได้ ? ”
หยางโปเอ่ยปากพูด “ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ถ้าเขายังต้องการอยู่ที่ชุมนุมยุทธภพต่อ เราก็ไม่ต้องพูดอะไร และกลับจินหลิงเลยก็จบ ”
หลูตซิงพยักหน้า “ ตกลง ! ”
ทั้งสองถึงได้แยกย้าย หลูตงซิงกลับไปที่ห้อง นำชิ้นส่วนโสมอายุกว่าร้อยปีที่นำมาด้วยใส่เข้าไปในปาก และเริ่มฝึกฝนอย่างอดทน โสมอายุนับร้อยปีต้นนี้หยางโปได้สั่งกำชับให้เขาเตรียมมาด้วยนานแล้ว พลังของยาโสมพันปีแข็งแกร่งเกินไป เขาทนรับไม่ไหว โสมคนอายุร้อยปี ดีกว่าเยอะ
เช้าวันรุ่งขึ้น หยางโปออกไปฝึกมวยเยว่เจียในสวนสาธารณะใกล้ๆ และเริ่มเรียนรู้วิทยายุทธเรียกลมฝน ในระหว่างที่เขาฝึกฝนวางท่วงท่าอยู่นั้น กลับไม่ได้ใช้พลังเลย แต่ยังคงสามารถสัมผัสได้ถึงลมพัดเบารอบๆตัวได้
จากนั้น หยางโปก็วาดท่วงท่าตาม มังกรเดินตัวที่สอง มังกรเดินชุดนี้เป็นวิทยายุทธเต๋าบทหนึ่ง
นี่เป็นชุดที่หยางโปได้ตรวจสอบยืนยันมานานแล้ว แค่ไม่มีคำอธิบายเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น มันยากมากที่จะฝึกฝนทั้งหมดออกมาได้ ท่วงท่าของมังกรเดินตัวที่สอง เขาเรียนรู้ท่วงท่าตามอยู่หลายเดือน แต่ก็ยังรู้สึกยากเย็นแสนเข็ญ
แน่นอน ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ ระดับที่บรรลุถึงของเขายังไม่เพียงพอ ดูเหมือนมันยากที่จะถ่ายทอดออกมา
หลังจากพยายามลองมาหลายครั้ง แต่ก็ยังคงล้มเหลวอยู่ดี แต่หยางโปไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับมันมานานแล้ว เขาหดมือกลับมาและวางมือลง และยืนนิ่งอยู่กับที่
หลูตงซิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล ถึงได้เดินเข้ามา ” นี่นายฝึกฝนอะไรอยู่งั้นเหรอ ? ”
“ เป็นศิลปะการต่อสู้แขนงหนึ่งน่ะ คุณปู่เย่วจวิ้นเหยาสอนศิลป์การต่อสู้ให้ผม อันที่จริงถ้าคุณฝึกมวยไท่เก๊ก มันอาจจะมีผลดีต่อการฝึกพลังมากกว่านะ ” หยางโปกล่าว
หลูตงซิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงเมื่อสักครู่ที่หยางโปฝึกรำมวยไท่เก๊กอยู่ เขาก็พยักหน้าลงเล็กน้อย ” ตกลง กลับไปฉันจะไปเรียนไท่เก๊ก ”
เมื่อทั้งสองกลับมาถึงโรงแรม หลังจากกินอาหารเช้าแล้ว หยางโปกลับไม่เห็นโจวซินมาหา
เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ เวลาแบบนี้ โจวซินไม่ควรรีบมาขอบคุณสักหน่อยหรอกหรือไง ?
นี่มันน่าจะเป็นมารยาทและความเคารพขั้นพื้นฐานที่สุด อย่างน้อยเมื่อวานนี้ก็เป็นเพราะหยางโป เขาถึงไม่ต้องจ่ายหนี้ห้าสิบล้านที่ค้างชำระอยู่..Aileen-novel
หลูตงซิงถือคอมพิวเตอร์ กำลังเคลียร์งานผ่านทางอีเมล จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นมองหยางโป “ เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดในบ้านพักตากอากาศเมื่อวานหลังนั้น ทั้งหมดใช้ไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะในห้องที่เลอะเทอะไปหมด ตอนนี้ฉันกำลังจัดทีมวิศวกรไปซ่อมแซมตกแต่ง ถ้าซ่อมแซมและตกแต่งเสร็จแล้ว ก็จะขายออกไปเลยนะ ? ”
หยางโปนิ่งไปครู่หนึ่ง กำหมัดแน่น “ เอาไว้ก่อน ตกแต่งใหม่ น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ”
หลูตงซิงหัวเราะ ” นายก็ใช้แก้ขัดไปก่อน เมื่อเร็วๆนี้บริษัทของฉันเพิ่งซื้อที่ดินดีๆในแถบชานเมืองมาแปลงหนึ่ง มันล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ ฉันวางแผนที่จะสร้างบ้านพักตากอากาศสองสามหลังอยู่ที่ริมแม่น้ำ ถึงตอนนั้นเดี๋ยวจะเก็บไว้ให้นายหลังหนึ่ง ”
หยางโปพยักหน้าให้ ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจมากนัก “ งั้นคุณก็เหลือไว้ให้ผมหลังหนึ่งละกัน ! ”
หลูตงซิงพยักหน้า “ ตกลง ! ”
ทั้งสองจึงนั่งรออยู่ในร้านอาหาร
จนกระทั่งถึงเที่ยง โจวซินก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็น หยางโปทั้งสองเก็บของเล็กน้อยก่อนที่จะจากไป
จู่ๆ เยว่จวิ้นเหยาก็โทรมา เสียงของเยว่จวิ้นเหยาเบามาก เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างที่จะรีบร้อน
“ คุณไม่ต้องพูดนะ ตอนนี้ฟังที่ฉันพูดก็พอ ยังจำเรื่องเมื่อวานที่ฉันบอกกับคุณ เป้าหมายที่โจวซินไปที่หยูหางได้ไหม คือเขาต้องการไปเสาะแสวงหาโอกาสและโชคชะตาหนึ่ง ”
หยางโปถือโทรศัพท์ไว้แต่ตอบกลับไปคำหนึ่งว่า “ อืม ” โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ
ฟังแต่เยว่จวิ้นเหยาพูดต่อ ” เมื่อกี้ฉันแอบได้ยินที่อาจารย์ของฉันคุยกัน โอกาสและโชคชะตาใกล้มาถึงแล้ว น่าจะภายในสองวันนี้ มันจะดีที่สุดถ้าคุณอยู่ที่หยูหางต่อ เผื่อว่าโอกาสและโชคชะตานี้จะตกเป็นของคุณ มันมีความเป็นไปได้สูงมากเช่นกัน ! ”
หยางโปค่อนข้างจะตกใจ “ โอกาสและโชคชะตาอะไร ? ”
“ โอกาสและโชคชะตาฟ้าเป็นผู้กำหนด ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ เอาล่ะ ฉันต้องวางสายแล้ว ”เยว่จวิ้นเหยารีบตัดบท เธอพูดแค่ไม่กี่คำจากนั้นก็วางสายไป
เมื่อเห็นหยางโปถือโทรศัพท์ยืนเงียบๆไม่พูดไม่จา หลูตงซิงก็มองมาที่เขา “ เกิดอะไรขึ้น ? ”
“ ไม่กลับแล้ว ผมต้องรออยู่ที่นี่ก่อน ” หยางโปเอ่ยออกมา
หลูตงซิงรู้สึกค่อนข้างที่จะแปลกใจ “ รอ ? รออะไร ? ”
“ ผมก็ไม่รู้ เยว่จวิ้นเหยาเพิ่งจะโทรมาหาผม ไม่ได้บอกอะไรชัดเจนเหมือนกัน แค่ให้ผมรออยู่ที่นี่อีกสองวัน ” หยางโปตอบ
หลูตงซิงขมวดคิ้ว “ รออีกสองวัน มันจะมีอะไร ? ”
ในเมื่อรับสายแล้ว หยางโปก็ไม่คิดที่จะจากไป แต่เป็นหลูตงซิงที่รอไม่ไหว เพราะที่บริษัทของเขามีงานยุ่งมาก เขาจำเป็นต้องกลับไปสะสางงาน เขาพูดกับหยางโปไม่กี่คำ จากนั้นก็ขอตัวกลับไปก่อน ก่อนที่จะจากไปก็ได้จัดการเตรียมรถจากบริษัทสาขาที่อยู่ในหยูหางให้หยางโปคันหนึ่ง
หลังจากรอมาได้ครึ่งวัน หยางโปก็ไม่สนใจที่จะอยู่รอต่อไปอีก เขาโทรหาฮัวชิงหยุนและชุยอี้ผิงทีละคน บอกข่าวพวกเขาเรื่องที่เลื่อนการเดินทางกลับ
หลังจากนั้น เขาก็ได้รับสายจากตาอ้วนหลิว พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่พาลู่เจียเฟยไปตรวจตราดูโรงงาน ทั้งสองตัดสินใจว่าจะร่วมหุ้นกันทำรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์แต่จำเป็นต้องนำเข้าอุปกรณ์ติดตั้งมาจากเยอรมนี คงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
หยางโปรออยู่ที่โรงแรมสักพัก แต่รออยู่ไม่นานมาก จากนั้นก็เดินออกมาหาข้าวกลางวันกินที่ข้างถนน จากนั้นได้ให้คนขับรถพาตัวเองไปส่งที่ทะเลสาบด้านตะวันตก
ทิวทัศน์ที่สวยงามของหยูหางอยู่ที่ทะเลสาบตะวันตก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หยางโปมาที่นี่
เวลายามเช้า ท้องฟ้ายังคงแจ่มใสมาก พอเที่ยงวัน ท้องฟ้าก็มืดครึ้มขึ้นมาทันที จนกระทั่งเวลาที่
หยางโปมาถึงที่ทะเลสาบตะวันตก ก็มีละอองฝนตกโปรยปรายลงมาแล้ว
ทะเลสาบตะวันตกที่ตกอยู่ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายสวยงามมาก นักท่องเที่ยวก็เบาบางลงไปบางส่วน หยางโปเช่าเรือมาลำหนึ่ง จากนั้นก็พายเรือเข้าไปในทะเลสาบ เรืออูเผิงค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากชายฝั่งที่มีเสียงผู้คนพูดคุยกัน และค่อยๆเหลือเพียงเสียงเรือที่พายอยู่บนน้ำเท่านั้น
หยางโปกำลังนั่งอยู่บนเรืออูเผิง ท้องฟ้าและผิวน้ำเป็นสีเดียวกันถึงแม้จะอยู่ห่างไกลกัน ทิวทัศน์สวยงามมาก ใจของเขาก็สงบลงตามไปด้วย พลังหยิ่นชี่เริ่มไหลเวียน พลังงานที่มีเต็มรอบตัวหลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของเขา
แต่จู่ๆ หยางโปก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันที เพราะเมื่อสักครู่เขาสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าเป็นเพราะพลังที่อยู่รอบตัวมีอยู่อย่างมากมายนั่นเอง ถึงขั้นที่ว่ามีมากกว่าปกติทั่วไปถึงสิบเท่า !
ในขณะที่กำลังจะคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนอยู่นั้น หยางโปก็เงยหน้าขึ้นกลับเห็นว่ามีเรืออูเผิงลำหนึ่งลอยลำอยู่ไม่ไกลออกไป บนเรือมีคนสองคนยืนอยู่บนเรือ พอดีว่าเป็นโจวซินกับเสวียนจงนี่เอง !
คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะอยู่กันที่นี่ !

เสวียนจงที่นั่งอยู่ข้างๆ หน้าถอดสีไปทันที เขาชำเลืองมองหวังเต๋า เพียงแต่หวังเต๋าไม่หันมามองหน้าเขาเลย
หยางโปหันไปพูดกับหวังเต๋าว่า “ เมื่อวานเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ? ”
หวังเต๋าพยักหน้า “ วันนี้ผมได้รับรายงานจากลูกน้อง เลยสั่งให้ไปตรวจสอบดูคร่าวๆ พวกเขาเปิดดูกล้องวงจรปิดของเมื่อวาน เมื่อวานตอนที่เพื่อนท่านนี้เล่นพนันอยู่ มีคนมาตีสนิทด้วย จากนั้นก็พาเขาไปที่ห้องวีไอพี ในระหว่างนั้นก็มีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้น และได้เจอกับเพื่อนโป๊กเกอร์สองสามคนเข้าโดยบังเอิญ พวกเขาเลยเล่นไพ่ด้วยกัน ”
“ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนที่เล่นไพ่กับโจวซินทั้งหมดเป็นพวกเดียวกันใช่ไหม ? ” หยางโปถาม
หวังเต๋าพยักหน้า “ เป็นพวกเดียวกัน แน่นอนว่าพวกเขายังยุยงให้โจวซินมายืมเงินจากบ่อนอีก เพราะมีชุมนุมยุทธภพเป็นคนรับประกันให้ ดังนั้นทางบ่อนจึงไม่ลังเล เลยให้ยืมเงินไป ”
หยางโปเหลือบมองหวังเต๋า ” แล้วหลังจากนั้นล่ะ ? หลังจากยืมเงินห้าสิบล้านไปแล้วล่ะ ? ”
“ หลังจากยืมเงินห้าสิบล้าน บ่อนคาสิโนคิดว่ามันมีความเสี่ยง จึงได้ติดต่อไปที่ชุมนุมยุทธภพ
เวลานั้นชุมนุมยุทธภพบอกว่าจำนวนเงินมากเกินไป พวกเขาไม่ยอมค้ำประกันให้ ต่อมาถึงได้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ” หวังเต๋าชี้แจง
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น โทรศัพท์ของหวังเต๋าก็ดังขึ้น เขาหันไปส่งซิกให้หยางโปเล็กน้อย
รับโทรศัพท์ และพูดสั้นๆไม่กี่คำ จากนั้นหวังเต๋าก็หันมามองหยางโป “ เป็นสายโทรเข้าจากพ่อของคุณพอดีเลย ”
หยางโปพยักหน้าจากนั้นเขาก็รับสาย
ชุยซื่อหยวนกล่าว ” หวังเต๋าเป็นเพื่อนที่โตมากับฉันตั้งแต่ยังเด็ก แกต้องเรียกเขาว่าลุง ก่อนหน้านี้เขาโทรหาฉัน บอกว่ามีเรื่องขัดแย้งกับแกนิดหน่อย เรื่องมันเป็นมายังไง ? ”
“ ไม่มีเรื่องอะไร แค่เพื่อนคนหนึ่งของผมเป็นหนี้เขาอยู่นิดหน่อย ตอนนี้ตกลงกันได้แล้ว ” หยางโปกล่าว
ชุยซื่อหยวนก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ” เวลาไปทำอะไรนอกบ้าน สำคัญที่สุดคือต้องรู้จักที่จะปรองดอง การยอมแพ้จะทำให้เรื่องสงบ ถ้าไม่ยอมแพ้เรื่องก็จะวุ่นวาย ”
หยางโปพยักหน้า รู้สึกค่อนข้างที่จะไม่พอใจ “ ไม่เป็นไร ผมรู้หมดแล้ว ”
“ ฉันยังพูดไม่จบประโยคท่อนหลัง ถ้าเจอเข้ากับปัญหาจริงๆ ก็อย่ากลัว แกจำไว้นะแกยังมีฉันและปู่คอยหนุนหลังแกอยู่ ทำมันอย่างกล้าหาญและมั่นใจ ! ” ชุยซื่อหยวนกล่าว
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาไม่นึกเลยว่าชุยซื่อหยวนจะพูดแบบนี้เป็นด้วย เขารู้สึกค่อนข้างตื้นตันใจ“ อืม ผมเข้าใจแล้ว ! ”
“ ถ้าอย่างนั้นแกก็ทำธุระต่อไปเถอะ เรื่องที่ปู่ของแกบังคับให้แกแต่งงาน แกก็ไม่ต้องกังวลไป
อย่าไปให้ความร่วมมือ หาคนที่ตัวเองชอบ และชอบแกด้วย ต่อให้สุดท้ายแล้วหาคนที่ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เรื่องจิ๊บๆแค่นี้อยู่จีนสักปี แค่แกมีทายาทสืบทอดให้ได้ ต่อไปต่อให้แกอยากจะทำอะไรก็ได้ทั้งหมด ! ” ชุยซื่อหยวนกล่าว
เมื่อหยางโปฟังประโยคครึ่งท่อนแรก ก็ยังรู้สึกว่าไม่เลวเลย แต่พอมาฟังท่อนหลัง ก็เหมือนกับถูกบีบบังคับทางอ้อมนิดๆ “ ตกลง ผมเข้าใจแล้ว พ่อสบายใจได้ ”
ชุยซื่อหยวนบอกว่าจะวางสาย แต่ก็ยังพร่ำบ่นไปอีกยกใหญ่ จากนั้นถึงได้วางสายไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
หวังเต๋ายิ้มและมองไปทางหยางโป ” ความสัมพันธ์ของคุณกับราชาพนันเหอเป็นยังไงบ้าง ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ก็ดีนะ ”..ไอลีนโนเวล
หวังเต๋าหัวเราะ “ อย่างนั้นเหรอ ผมได้ยินมาว่าราชาพนันกำลังวางแผนที่จะสร้างเกาะเซียวเหยาบนชายหาดในมาเลย์ เพื่อก่อสร้างบ่อนคาสิโนใหม่ นี่เป็นโครงการใหญ่เลยทีเดียว ไม่ทราบว่าคุณพอจะรู้เรื่องไหม ? ”
หยางโปมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ แต่ก็พยักหน้าให้เล็กน้อย “ ผมรู้เรื่องแผนการเกาะเซียวเหยา ! ”
หวังเต๋าหัวเราะ “ ไม่ทราบว่าคุณเข้าร่วมด้วยหรือเปล่า ? โครงการนี้มีโอกาสพัฒนาและก้าวหน้าไปอีกไกลมาก ผมอยากมีส่วนร่วมด้วยมาตลอด แต่ผมไม่ได้ติดต่อสัมพันธ์อะไรกับราชาพนันเหอ ดังนั้นเลยอยากจะขอให้คุณช่วยแนะนำให้รู้จักสักหน่อย ”
แม้ว่าชุยซื่อหยวนจะบอกว่าเขากับหวังเต๋าโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก แต่หยางโปก็ไม่ได้ไว้หน้าอีกฝ่ายมากนัก “ เถ้าแก่หวัง ประมาณปีก่อน ผมเคยจัดงานระดมทุนขึ้นที่เมืองหลวง ประเด็นหลักๆในเวลานั้นคือระดมทุนสำหรับโครงการนี้ ”
หวังเต๋าตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ มีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ ? ผมอยู่ที่หยูหางมาตลอด
มีเพียงช่วงเทศกาลปีใหม่เท่านั้น ที่กลับไปเมืองหลวง ทำไมผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยล่ะ ? ”
หยางโปยิ้มและพูดว่า “ คุณไปลองสอบถามดูก่อนก็ได้ เริ่มแรกมีการระดมเงินกันจำนวนหนึ่ง ต่อมา เงินทุนที่จำเป็นสำหรับโครงการเกาะเซียวเหยาก็เพียงพอแล้ว เกรงว่าตอนนี้จะไม่ขาดแคลนเงินทุนอะไรแล้ว ถ้าคุณติดต่อผมมาก่อนหน้านี้ก็คงจะดี ”
หวังเต๋าส่ายหัวเล็กน้อยและถอนหายใจออกมาเบาๆ ” เป็นแบบนี้นี่เอง ! ”
หยางโปรู้สึกอึดอัดกับเรื่องของโจวซินอย่างพูดไม่ออก เขาไม่อยากพูดคุยกับหวังเต๋ามากไปกว่านี้ จึงเอ่ยปากตัดบทไปว่า “ เอาแบบนี้ล่ะกัน พวกเราแลกเบอร์โทรติดต่อกันไว้ดีไหม เดี๋ยวผมจะช่วยถามราชาพนันเหอให้ ถ้าหากยังมีช่องว่างอยู่ ผมจะติดต่อคุณมา ”
“ ดีเลย ดีดี ! ” หวังเต๋ารีบตอบรับ
ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อซึ่งกันและกัน จากนั้นก็แยกทางกัน หยางโปถึงหันไปมองหน้าโจวซิน ” เมื่อสักครู่ที่เถ้าแก่หวังพูดมา ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงใช่ไหม ? ”
โจวซินทำหน้าไม่ถูก เมื่อสักครู่ที่หวังเต๋าพูดมาทั้งหมด เขาก็คิดไตร่ตรองดูแล้ว แต่ตอนนี้มาคิดๆดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง ดูเหมือนว่าเขาจะถูกคนอื่นหลอกใช้ตั้งแต่แรกแล้ว !
แต่โจวซินก็ยังคงรู้สึกว่ายากที่จะรับได้ เขาส่ายหน้าแล้วเอ่ยออกมาว่า ” ไม่น่าจะใช่นะ ? ”
หยางโปไม่สนใจเขา เขาหันไปทางเสวียนจง ” ประธานเสวียน คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ ? ”
เสวียนจงเหมือนจะใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อถูกหยางโปเรียกชื่อ เขาก็ถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ ศิษย์พี่หยาง เรื่องนี้แล้วแต่ศิษย์พี่จะจัดการ ”
หยางโปเหลือบมองเสวียนจง ด้วยแววตาที่ค่อนข้างล้ำลึกอย่างเห็นได้ชัด อันที่จริงเขาสงสัย
เสวียนจง แต่แค่ไม่มีหลักฐานอะไรอื่นเท่านั้น !
“ เอาล่ะ เรื่องนี้มอบหมายให้ประธานเสวียนไปจัดการก็แล้วกัน ! ” หยางโปกล่าว
เสวียนจงมีสีหน้าดีใจ “ คุณหยางวางใจได้ ผมจะจัดการให้เรียบร้อยแน่นอน ”
หยางโปพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันไปทางโจวซิน “ วันนี้ อาจารย์ของคุณโทรมาหาผม บอกว่าคุณตกอยู่ในอันตราย คุณกลับไปก็อย่าลืมโทรไปรายงานว่าไม่เป็นอะไรหน่อยก็แล้วกัน ”
ใบหน้าโจวซินเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “ พวกเธอรู้กันหมดแล้วเหรอ ? ”
หยางโปไม่แยแส แต่หันไปมองหน้าเสวียนจงแทน “ ประธานเสวียน เรื่องนี้ต้องรบกวนคุณแล้ว ! ”
เสวียนจงรีบพูดทันที ” เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่ผมควรทำ ในฐานะที่โจวเต๋าโยวเป็นสมาชิกชองชุมนุมยุทธภพ เกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ในศูนย์บัญชาการของชุมนุมยุทธภพ มันเป็นความผิดพลาดของผมเอง ผมจะต้องค้นหาความจริงให้ได้โดยเร็วที่สุด ! ”
หยางโปพยักหน้า “ ถ้างั้นก็ดี ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถอะ ! ”
เสวียนจงเชิญหยางโปพักอยู่ที่ทำการสมาคม หยางโปอ้างว่าไม่อยากวิ่งไปมา จึงทำการเปิดห้องในโรงแรมนอน
หลูตงซิงรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ “ นายไม่คิดว่าชุมนุมยุทธภพมีปัญหาหรือไง ? ฉันรู้สึกว่าที่พวกเขาอยากให้โจวซินอยู่ต่อเพราะมีจุดประสงค์ ”
หยางโปเหลือบมองหลูตงซิง และตอบกลับไปว่า ” คนอย่างคุณกับผม ต่างถือว่าเป็นผู้ฝึกฝนอยู่อย่างสันโดษ ไม่มีตำราหรือเคล็ดลับการฝึกอบรมที่สมบูรณ์ และยังไม่มีอาจารย์ที่เชี่ยวชาญมาคอยอยู่ชี้แนะ ดังนั้นเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเส้นทางการบำเพ็ญเพียรที่ยากลำบากในแต่ละประเภท เป็นเรื่องยากที่จะมีคนมาตอบคำถามให้ ดังนั้นพวกเขาจึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้ากับตำราลับของลัทธิเต๋าของจริง ! ”
หลูตงซิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ” ความหมายของนายคือ พวกเขาต้องการวางแผนล้วงความลับของ
โจวซิน ? อยากได้วิทยายุทธของเขา ? ”
หยางโปพยักหน้า “ นี่เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น ยังต้องการหลักฐานมาพิสูจน์อยู่ ”
“ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้างั้นนายรีบให้โจวซินไปกับเสวียนจงทำไม นี่มันไม่ใช่เอาเนื้อเข้าปากเสือหรอกหรือไง ? ” หลูตงซิงถาม

  โจวซินที่ยืนอยู่ด้านข้าง เดินไปมาอย่างร้อนใจ เขาหันไปมองหยางโปและเห็นว่าเขาวางชิปโป๊กเกอร์ลงด้านข้างอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน และโยนชิปลงไปบนโต๊ะพนัน ดูทำตามอำเภอใจมาก !
เห็นได้ชัดว่าโจวซินทำหน้าไม่ถูก เขาคิดมาตลอดว่าแค่อาศัยสถานะของเขา แม้ว่าหยางโปจะไม่เต็มใจ แต่ก็คงแสร้งทำเป็นไม่สนใจเงินห้าสิบล้าน และคงเอาเงินให้อย่างว่านอนสอนง่าย
ใครจะคาดคิดได้ว่าหยางโปจะทำแบบนี้ นี่มันไม่ใช่ตบหน้าเขาชัดๆอย่างนั้นเหรอ ?
ในสายตาของโจวซินแล้ว เขาฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างถูกต้อง มีภูมิหลังทางอำนาจของครอบครัวสำนัก คนอย่างหยางโปที่เลือกฝึกฝนอย่างป่าเถื่อนไม่มีทางเทียบติดได้ ไหนเลยจะคาดคิดไม่ถึงว่าหยางโปจะทำแบบนี้ !
ปาเกอทำเสียงเยาะเย้ย และนั่งลงรอดูสถานการณ์
เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการพนันประเภทนี้ หยางโปมักจะรู้สึกว่ากำลังรังแกเด็กอยู่
เขาแข็งแกร่งเกินไป มองแค่แวบเดียวก็สามารถมองเห็นตัวเลขบนโต๊ะออกแล้ว เขาเพียงแค่ลงเดิมพันก็สามารถเอาชนะได้แล้ว
หยางโปไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่เหมือนกัน ดังนั้นจึงทุ่มลงไปหนักมาก เกมแรก ก็ทุ่มไปถึงสามแสนเพื่อทดสอบดูก่อน แต่ก็เอาชนะมาได้สามแสนเช่นกัน เกมที่สองหยางโปวางเงินเดิมพันไปเลย
หนึ่งล้านบนไพ่ นี่เป็นเงินชดเชยถึงห้าเท่าเลยก็ว่าได้ !
ความใจกว้างของหยางโป ทำให้หน้าผากของเจ้ามือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาเหลือบมองหยางโปจากนั้นก็ก้มลงมองมือของตัวเองอีกครั้ง แต่ในที่สุดก็ต้องเปิดไพ่ออก
“ ตองสาม ! ” เจ้ามืออุทานออกมา
หยางโปมองเจ้ามือโยนชิปลงตรงหน้าตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
ถัดมาอีกหลายรอบ หยางโปก็ยังคงรักษาความได้เปรียบดั้งเดิม แต่รับรองว่าได้เงินทุกรอบแน่นอนแค่เขาควบคุมจังหวะได้ดี ทุกรอบก็ชนะได้เงินเป็นล้าน
ไม่นานก็มีชิปวางกองอยู่ตรงหน้าหยางโปประมาณยี่สิบถึงสามสิบล้านได้ ถึงกับมีคนสังเกตเห็นและเริ่มเดิมพันชิปตาม
เจ้ามือหน้าซีด เหงื่อเต็มหน้า ทุกครั้งที่จะเปิดไพ่ เจ้ามือก็ดูเป็นกังวลและตื่นเต้นไปซะหมด
แต่ยังไงซะ สถานการณ์แบบนี้ก็ยืนหยัดอยู่ต่อได้ไม่นาน ปาเกอก็เดินเขามาเอง ปาเกอไปยืนอยู่ข้างหลังเจ้ามือและตบไปที่ไหล่เขาเบาๆ ” แกมานี่ เดี๋ยวฉันเอง ! ”
เจ้ามือรีบก้าวหลบ และเอนตัวพิงโต๊ะเกมอย่างอ่อนแรง หยางโปทำให้เขารู้สึกกดดันมาก
ทำให้เขาแบกรับมันไว้ไม่ไหว ตอนนี้ปาเกอออกหน้าเอง เมื่อสักครูมันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายไปบ้าง
ปาเกอมีสีหน้าท่าทีที่เคร่งขรึม เขาเห็นเหตุการณ์ในจุดเกิดเหตุนานแล้วและถึงกับส่งคนไปตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดตรงโต๊ะพนัน แต่เห็นแค่ว่าหยางโปไม่ได้มีท่าทีพิรุธว่าโกง ! เขาถึงได้ออกหน้าด้วยตัวเอง !
ปาเกอลูบหัวล้านของตัวเองไปมา ” คุณแซ่อะไร ? ก่อนหน้านี้ประมาทไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าคุณผู้ชายจะเก่งมากแบบนี้ ! ”
หลูตงซิงยืนอยู่ข้างๆถึงได้ยิ้มและเอ่ยออกมาว่า ” เขาเคยชนะมาแล้วสามพันล้านที่ฮ่องกง
อยู่ที่มาเก๊าราชาพนันยังถือว่าเขาเป็นพี่น้องด้วยเลย แถมพวกเขายังทำธุรกิจร่วมกันอีกด้วยนะ ”
ปาเกอถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง เขาดูไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ “ ฉันจะเป็นคนเขย่าเอง ! ”
พอพูดจบ ปาเกอก็วางลูกเต๋าสามลูกลงตรงหน้า จากนั้นเขาก็หันไปมองหน้าหยางโป
” ลูกเต๋าสามลูกนี้ถ้าคุณเดาได้ว่าเป็นตัวเลขอะไร ห้าสิบล้านก็ถือว่าจบกัน !.ไอลีนโนเวล ”
หยางโปเหลือบมองอีกฝ่าย ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะได้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้หลังจากที่เขาเชี่ยวชาญในพลังอย่างแท้จริงแล้ว กลับกันเขาไม่อยากที่จะต่อสู้ด้วยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทองอะไร จึงเต็มใจที่จะแก้ปัญหาให้จบโดยเร็วที่สุด ” ถ้าอย่างนั้นก็ดี ! ”
ปาเกอมีสีหน้าท่าทีเคร่งเครียด เขาวางลูกเต๋าสามลูกลงไปในถ้วยลูกเต๋าแล้วใช้มือเขย่าไปสองครั้ง จากนั้นถึงได้เริ่มกวัดแกว่งไปมา
ตรงโต๊ะพนันเงียบกริบ ท่าทีเมื่อสักครู่ของหยางโป ทำเอาทุกคนตกใจมากที่หลูตงซิงพูดมามันทำให้ทุกคนรู้สึกสงสัย แต่เมื่อเห็นการกระทำของหยางโป หลายคนก็ยังเต็มใจที่จะเชื่อ
เสียงของลูกเต๋านั้นคมชัดมาก ปาเกอจงใจแกว่งไปแกว่งมาอย่างรวดเร็ว ตาของเขาจับจ้องไปที่
หยางโปเขม็ง อยากจะดูจริงๆว่าหยางโปจะโกงยังไง แต่เขากลับเห็นหยางโปเหมือนจะไม่ขยับเขยื้อนเลย มีเพียงแค่ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ยิ่งหยางโปแสดงทีท่าแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เขาตกใจมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ปาเกอก็วางถ้วยลูกเต๋าลงตรงหน้า เขามองไปที่หยางโปและผายมือส่งซิกให้
หยางโปก้มมองแวบเดียว “ สี่สามหนึ่ง ! ”
ปาเกอมีสีหน้าที่เคร่งขรึม เขาเองก็ส่ายไปมาอย่างไม่เป็นจังหวะ ถึงกับเดาไม่ออกว่าข้างในนั้นมีสภาพเป็นยังไง เขาวางมือลงบนถ้วยลูกเต๋าด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างประหม่า
โจวซินที่ยืนอยู่ข้างๆจับจ้องถ้วยลูกเต๋าตาไม่กระพริบ แต่กลับอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหยางโปด้วยความรู้สึกที่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก !
มือของปาเกอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ สีหน้าดูค่อนข้างตึงเครียด เขาอยากจะผ่านช่วงเวลานี้ไปเร็วๆ มันทรมานมากจริงๆ !
“ เหล่าปา ! ”
จู่ๆก็มีเสียงตะโกนดังออกมาจากในบ่อน ปาเกอรีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วมือก็คลายตามออกมาเช่นกัน “ เต๋าเกอ ! ”
หยางโปหันกลับไปมอง ก็เห็นชายวัยกลางคนวัยสี่สิบกว่าคนหนึ่ง เขาสวมชุดกีฬาสีดำ
มีบอดี้การ์ดตามหลังมาด้วยหลายคน
เมื่อเต๋าเกอเห็นหยางโปมองมา ก็รีบเผยรอยยิ้มออกมาทันที “ อี้โป พวกเราคนกันเอง เพราะไม่ยอมประนีประนอมกัน จึงต้องมาปะทะกันให้เกิดความเสียหาย ! ”
หยางโปหยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขามองหน้าอีกฝ่าย “ คุณคือ ? ”
“ ผมคือหวังเต๋าไง ! ” เต๋าเกอหัวเราะดังออกมา “ ถ้าคุณไม่รู้จักผมก็เป็นเรื่องปกติ ผมกับพ่อของคุณเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ! ”
หยางโปจ้องมองอีกฝ่าย และพยักหน้าให้ เขาก็ไม่เคยไปทำความรู้จักกับกลุ่มเพื่อนของ
ชุยซื่อหยวนมาก่อน แต่คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้โกหกเขา
เต๋าเกอหัวเราะ และหันไปโบกมือให้รอบตัว “ เอาล่ะๆ แยกย้ายกันเถอะ อี้โป ไปกันเถอะ
ในเมื่อมาถึงหยูหางแล้ว ผมก็ต้องขอเลี้ยงข้าว ไม่อย่างนั้นพ่อของคุณต้องด่าผมแน่ๆ ! ”
หยางโปหันชี้ไปทางด้านหลัง “ แล้วบ่อนคาสิโนล่ะ ? ”
เต๋าเกอหัวเราะและตอบว่า “ อี้โป นี่คุณจะตบหน้าผมหรือไง ? ทุกอย่างเป็นความเข้าใจผิดกันนะ เข้าใจผิดกันไปหมด ถ้ารู้ว่าเขาเป็นคนของคุณ เรื่องนี้คงจบไปนานแล้ว ไหนเลยจะมีเรื่องที่ต้องมาปะทะกันแบบนี้ ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องรบกวนคุณแล้ว ”
เต๋าเกอฉีกยิ้มให้ทันที “ ไม่รบกวนเลย พวกเราไปกันเถอะ ! ”
บรรยากาศที่เกิดเหตุเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนรู้สึกโล่งใจไปทันที และแม้แต่คนที่จะมารับชมละครดีๆก็ยังเสียอารมณ์ไปตามๆกัน ปาเกอหันมองไปทางหยางโป และคนอื่นๆก็เดินจากไป จากนั้นก็ก้มลงมองโต๊ะพนันอีกครั้ง เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นจึงเปิดถ้วยลูกเต๋า
“ สี่สามหนึ่ง เล็ก ! ”
ปาเกอเบิกตาโต เขาจ้องมองไปที่ลูกเต๋าสามลูก มองดูตัวเลขที่คุ้นเคยทั้งสามนี้ คิดไม่ถึงว่าหยางโปจะเดาถูกจริงๆ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อสักครู่ถ้ามันถูกเปิดออกมาจริงๆ เงินห้าสิบล้านก็จะถูกยกเลิกหักลบกลบหนี้กันไปจริงๆ !
แต่แค่ปาเกอเงยหน้าขึ้นมอง เถ้าแก่ก็รีบเข้ามาต้อนรับด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาซะแล้ว
หวังเต๋าเจ้าของบ่อนคาสิโนมาด้วยตัวเอง ทำให้โจวซินรู้สึกมีหน้ามีตามาก แต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่คุยกับหยางโป นี่ทำให้เขาไม่ค่อยชอบใจนัก
ทั้งกลุ่มพากันเดินออกไปและนั่งลงที่หน้าโต๊ะอาหารในโรงแรม ในที่สุดโจวซินก็มีโอกาสที่จะเอ่ยปากพูด “ เต๋าเกอ ลูกน้องพวกนี้ของคุณไม่ค่อยมีศีลธรรมสักเท่าไหร่ เมื่อวานโกงเอาจนผมต้องเสียเงินไปห้าสิบล้าน ไม่อย่างนั้นหยางโปก็คงไม่ต้องมาถึงที่นี่ ”
เต๋าเกอรีบเอ่ยปากพูดทันที “ เรื่องเมื่อวาน ผมตรวจสอบมาอย่างละเอียดแล้วเหมือนกัน
มีคนอยู่เบื้องหลังจริงๆ ”
หยางโปขมวดคิ้ว และเงยหน้าขึ้นมองหวังเต๋า

คนที่ดูแลประตูด้านข้างสวมเสื้อเชิ้ตเขียว หันมามองดูพวกเขาสองสามคน “ ที่นี่เป็นที่ส่วนบุคคล จะเข้าไปโดยพลการไม่ได้ ”
หยางโปหันกลับไปมองหน้าโจวซิน โจวซินจึงยิ้มและก้าวเข้าไปหา ” พี่ชาย ผมมาจ่ายหนี้
ช่วยไปแจ้งปาเกอให้ทีนะ ”
ชายเสื้อเชิ้ตเขียวชายตามองโจวซิน ” คุณชื่ออะไร ? เป็นหนี้อยู่เท่าไหร่ ? ”
โจวซินกล่าวว่า “ 50 ล้าน โจวซิน ! ”
ชายเสื้อเชิ้ตเขียวอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองโจวซิน มองขึ้นลงอย่างพินิจพิเคราะห์อีกครั้ง
จากนั้นก็พยักหน้า ” ผมรู้ชื่อของคุณ กรุณารอสักครู่ ”
พอพูดจบชายเสื้อเชิ้ตเขียวก็หันหลังไปเปิดช่องเล็กๆที่ผนังด้านข้าง หยิบโทรศัพท์แบบมีสายจากด้านในออกมาแล้วทำการกดหมายเลขโทรออก
“ ปาเกอ โจวซินมาแล้ว บอกว่าจะมาจ่ายหนี้ ”
ชายเสื้อเชิ้ตเขียวฟังคำตอบที่ดังมาตามสายและตอบกลับไปว่า ” พวกเขามีมาด้วยกันหลายคน ให้พวกเขาเข้าไปหมดเลยไหม ? ”
ไม่นาน ชายเสื้อเชิ้ตเขียวก็วางสาย และหันไปโบกมือให้พวกเขา ” เข้าไปสิ ปาเกอให้พวกคุณเข้าไปได้ ”
โจวซินพยักหน้า อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าท่าทางดีอกดีใจ
หยางโปหันกลับไปเหลือบมองโจวซินพร้อมทั้งขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เยว่จวิ้นเหยามีความใสซื่อบริสุทธิ์และดูเป็นธรรมชาติ แต่เธอไม่ได้มีกลอุบายอะไร ไม่มีทางมีความคิดที่ไม่ดี แต่โจวซินที่ดูภายนอกไร้เดียงสา แต่ถ้าดูจากความอ่อนไหวต่อสิ่งล่อตาล่อใจและสิ่งยั่วยุแล้ว
คนคนนี้ดูไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย !
สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ห้าสิบล้านไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ สำหรับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว มันเป็นตัวเลขที่สูงเสียดฟ้าเลยทีเดียว แต่พอเขาโทรหาหยางโป กลับสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่ฟังดูค่อนข้างสมเหตุสมผล แม้แต่ตอนนี้ หยางโปก็ยังไม่ได้ยินแม้แต่คำขอบคุณจากปากเขาเลยสักคำ !
โจวซินแสดงออกแบบนี้ ทำให้หยางโปไม่ค่อยจะพอใจ จึงตัดสินใจเด็ดขาดว่าหลังจากนี้ไปจะไม่มีทางสนใจคนแบบนี้อีกแล้ว
หยางโปเดินตามโจวซินเข้าไป แต่ก็ยังคงเป็นทางเดินที่ทอดยาวไปอีกช่วงหนึ่ง ไม่นาน ก็มีแสงสว่างขึ้นมาตรงหน้า แสงไฟในห้องนั้นเจิดจ้า มีขาเรียวยาวเรียงแถวปรากฏขึ้นมาตรงหน้า ทำให้ตาลุกวาวเป็นประกาย
” ยินดีต้อนรับ ! ”
มีเสียงร้องตะโกนดังออกมาพร้อมกัน เสียงดังคมชัด สง่างามมาก ทำเอาผู้คนรู้สึกหลงใหลไม่น้อย
โจวซินเดินไปข้างหน้าอย่างดีอกดีใจ และหันไปส่งยิ้มให้พวกผู้หญิงที่สวมชุดกี่เพ้า
“ ผมมาหาปาเกอ ”
ผู้หญิงหนึ่งในนั้นเดินเข้ามาหา เธอมีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นและสง่างาม ยิ้มพร้อมทั้งเอ่ยออกมาว่า
” คุณโจว ฉันได้รับแจ้งเอาไว้แล้ว เดี๋ยวฉันจะพาพวกคุณไปเอง ! ”
โจวซินรีบส่งยิ้มให้และตอบกลับไปว่า “ ดีเลย ดีเลย ! ”
เดินตามผู้หญิงคนนั้นเข้าไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มาถึงหน้าลิฟต์ รออยู่สักครู่จากนั้นก็พากันขึ้นลิฟต์ไป
ผู้หญิงคนนี้มีหน้าตายิ้มแย้ม ช่วยบริการกดลิฟต์ให้ทุกคนไปจนสุดทาง หยางโปสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าลิฟต์กำลังเคลื่อนตัวเลื่อนลงไป
ไม่นาน ทั้งกลุ่มก็เดินออกจากลิฟต์และสัมผัสได้ถึงเสียงดังอึกทึกครึกโครมทันที หยางโปมองเข้าไปด้านในก็เห็นโต๊ะหลายสิบโต๊ะวางอยู่ในห้องโถงใหญ่ ข้างในมีแสงไฟสว่างเจิดจ้า
ผู้หญิงคนนั้นพาพวกเขาทั้งกลุ่มเดินอ้อมไปทางด้านข้าง และไปหยุดลงตรงที่มีป้ายที่เขียนไว้ว่า
” เขตสำนักงาน ห้ามบุคคลภายนอกเข้า ” ” ทุกท่าน โปรดรอสักครู่ ฉันจะเข้าไปรายงานให้ปาจ่งทราบที่ห้องทำงานสักครู่ ”
ในขณะที่พูด ผู้หญิงคนนั้นก็หันมาโค้งคำนับให้ทุกคนเล็กน้อย จากนั้นถึงได้หันหลังเดินเข้าไปข้างใน
หยางโปค่อนข้างที่จะสงสัย เขาหันไปมองหน้าโจวซิน ” ใครคือปาเกอ ? ”
“ ปาเกอก็คือคนที่ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบสถานที่นี้ เขาอยู่ในลำดับที่แปด ปกติทุกคนมักเรียกเขาว่าปาเกอ ” โจวซินตอบ
หยางโปเหลือบมองหน้าโจวซิน ” คุณไม่รู้จักเขางั้นเหรอ ? ”
เสวียนจงยิ้ม “ เพราะผมรู้จักเขาน่ะสิ ดังนั้นเขาถึงเห็นแก่หน้าผมบ้าง เลยไม่รีบร้อนที่จะมาคิดบัญชีกับโจวซิน ”
ไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็เดินออกมา เธอยิ้มและกล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดี ผายมือออกและพูดว่า
” ปาจ่งเรียนเชิญทุกท่านให้เข้าไปได้ ”
โจวซินเดินนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว หยางโปเดินตามมาด้านหลังเขาติดๆ พากันเดินเข้าไปในห้องทำงานห้องหนึ่ง
เนื่องจากอยู่ชั้นใต้ดิน เพื่อประหยัดพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ สำนักงานนี้จึงมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก บนผนังมีภาพวาดภูมิทัศน์ขนาดใหญ่แขวนอยู่ หยางโปแค่เหลือบมองแวบเดียวก็รู้ว่าภาพวาดทิวทัศน์เหล่านี้ไม่ใช่งานชิ้นเอกที่มีชื่อเสียงอะไร นี่น่าจะใช้เพื่อปรับภูมิทัศน์ในการมอง
ชายหัวล้านวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่กลางห้องทำงาน เขาหมุนเก้าอี้ไปมาและหันมองมาทางด้านนี้ “ คุณโจว ? ในที่สุดคุณก็มา ! ”..ไอรีนโนเวล
โจวซินยิ้มและนั่งลงตรงข้ามอีกฝ่าย ” ปาเกอ คุณดูสิ ผมก็เป็นคนซื่อสัตย์เหมือนกันนะ !
ในเมื่อสัญญากับคุณแล้วว่าจะจ่ายเงินคืนให้ ก็ไม่มีทางลืมแน่นอน ! ”
ปาเกอหัวเราะฮ่าๆเสียงดัง ” โจวซิน พวกเราพบกันเป็นครั้งแรก พี่น้องกันก็ต้องมีบ้างที่ต้องระมัดระวังตัว แต่คุณก็รู้ดีว่าบริษัทนี้ไม่ใช่ของผม ผมเป็นเพียงแค่คนคนหนึ่งที่ยากจนและเข้ามาทำงานก็เท่านั้น ! ”
โจวซินไม่เก็บเอามาใส่ใจ “ อืม ไม่เป็นไรผมก็เข้าใจคุณเหมือนกัน ”
ปาเกอยิ้ม “ คุณเลือกเอาล่ะกัน พวกคุณจะจ่ายเป็นเช็คหรือโอนเงินดี ? ”
โจวซินหันกลับมามองหยางโป จากนั้นถึงได้ลุกขึ้นยืน เขามองหน้าหยางโป
” เราจะจ่ายเงินกันแบบไหนดี ? ”
หยางโปเหลือบมองโจวซินโดยความรู้สึกที่ไม่พอใจเอามากๆ จากนั้นเขาก็มองไปทางปาเกออีกครั้ง ” นอกเหนือจากเช็คหรือโอนเงิน ยังพอมีวิธีชำระเงินด้วยวิธีอื่นอยู่อีกไหม ? ”
ปาเกอนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย “ วิธีอื่น ? แล้วคุณมีวิธีอะไรล่ะ ? ”
หยางโปเอ่ยปากพูดออกมาว่า ” ชิปโป๊กเกอร์ ! ”
“ ชิปโป๊กเกอร์ ? ” ปาเกอหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ เขาหันไปมองหน้าหยางโป
“ หมายความว่ายังไง ? ”
หยางโปชี้ไปที่ด้านนอก “ ชิปโป๊กเกอร์ที่อยู่ข้างนอกพวกนั้น ? ”
ปาเกอถึงกับนิ่งอึ้งไปเลย เพราะยังคงไม่เข้าใจความหมายของเขาดีพอ
โจวซินที่ยืนอยู่ด้านข้าง คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก มีเพียงใบหน้าของหลูตงซิงที่มีรอยยิ้มแปลกๆผุดออกมา
“ ผมไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคุณ เอาแบบนี้ไหม คุณพูดเจาะจงมาเลยดีกว่า ? ” ปาเกอเอ่ยขึ้น
หยางโปไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาเดินตรงออกไปข้างนอก จากนั้นเขาก็หยิบบัตรธนาคารออกมา รูดเงินหนึ่งล้านเพื่อแลกชิป แล้วเดินไปที่โต๊ะพนัน
เมื่อปาเกอเห็นการกระทำของหยางโป ก็ตกตะลึงก่อนจากนั้นถึงได้สติกลับมา
จริงๆแล้วคือหยางโปต้องการนำเงินที่เล่นพนันชนะในบ่อนเพื่อมาชำระหนี้พนัน !
ปาเกอมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เขาหันไปมองหน้าโจวซิน ” นี่คือมารยาทของพวกคุณงั้นเหรอ ? นี่คือวิธีจัดการของคุณใช่ไหม ? ”
โจวซินก็ตกตะลึงไปเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงว่าหยางโปจะจัดการด้วยวิธีแบบนี้ !
เสวียนจงที่ยืนอยู่ด้านข้าง เขาเงียบมาตลอด เพราะเขาต้องการดูละครฉากนี้ คิดไม่ถึงมาก่อนว่า จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในจุดเกิดเหตุ หยางโปมั่นใจมากแบบนี้ มั่นใจถึงขนาดที่ว่าจะสามารถทำเงินได้มากขนาดนั้นเชียวหรือ ?
เสวียนจงอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองหลูตงซิง ก่อนหน้านี้เขาเคยตรวจสอบพบสถานะของหลูตงซิงแล้ว ” เถ้าแก่หลู ศิษย์พี่หยางมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
ปาเกอเองก็อดไม่ได้ที่จะหันมองมาทางด้านนี้เช่นกัน เขาจ้องมองหลูตงซิงตาเขม็งและพูดว่า
“ในเมื่อเขาหยิ่งผยองแบบนี้ ผมจะดูสิว่าเขามีความสามารถถึงไหนกันแน่ ? เกรงว่าพวกคุณยังไม่ทราบเบื้องหลังของเถ้าแก่บ่อนคาสิโนแห่งนี้ เถ้าแก่ของเราเก่งเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครใน
หยูหาง ! ”
หลูตงซิงชายตามองไปที่ปาเกออย่างดูถูกเหยียดหยาม ” จริงเหรอ ? ”
ปฏิกิริยาตอบสนองกลับแบบนี้ ทำให้ปาเกอโกรธมาก ” ผมแค่อยากจะบอกคุณ ก็แค่นั้นแหละ ! ผมจะดูสิว่าวันนี้พวกคุณจะออกไปกันได้ไหม ! ”

หยางโปไม่ได้รู้สึกว่าเขามีภาระผูกพันกับโจวซินมากนัก พวกเขาก็แค่เจอกันโดยบังเอิญ
แม้ว่าโจวซินและเยว่จวิ้นเหยาจะรู้จักกัน และถึงแม้อาจารย์ของเยว่จวิ้นเหยาจะโทรมาเองก็ตาม หยางโปก็ยังไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองต้องมารับผิดชอบอะไร
ตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากโจวซิน หยางโปก็รู้สึกแปลกๆ และรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะซับซ้อน ดังนั้นเขาจึงรีบไปมาหา แต่พอมาเห็นฉากตรงหน้านี้ เขาอยากจะหันหลังกลับและเดินจากไปจริงๆ !
ในเวลานี้ จานชามในห้องระเนระนาดไปหมด โจวซินโอบกอดหญิงสาวสองคนไว้ในอ้อมแขน กำลังดื่มเหล้าอยู่ ฉากตรงหน้าไม่น่าดูเอาซะเลย
หลูตงซิงที่ยืนอยู่ข้างๆยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขาหันหน้ามองไปที่หยางโป
” เกิดอะไรขึ้น ? ” หยางโปส่ายหัว ” ช่างเถอะ พวกเราอย่าไปสนใจเลย ” หลูตงซิงถึงกับอึ้งไปเลยทันที เขารู้ดีว่าหยางโปผู้นี้เป็นคนใจดีมีเมตตา เขารีบมาหาทันทีหลังจากได้รับโทรศัพท์จากโจวซิน ตอนนี้พอมาอยู่ถึงประตูแล้ว เขากลับคิดที่จะถอยหนี นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? เสวียนจงก็งงเช่นกัน
เขาหันกลับไปมองหน้าหยางโป ” คุณหยาง นี่คุณคิดที่จะไม่สนใจเขาแล้วใช่ไหม ? ”
หยางโปไม่พูดอะไร เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาเยว่จวิ้นเหยาอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เป็นเยว่จวิ้นเหยาที่เป็นคนรับสาย ตอนที่เธอรับสาย ดูจะตื่นเต้นไม่น้อย
“ พี่ใหญ่โป คุณสบายดีไหม ? ”
“ ฉันสบายดี ! ” หยางโปหัวเราะ รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก เขาคิดไม่ถึงว่าเยว่จวิ้นเหยาจะรับจริงๆ
“ พี่ใหญ่โป อาจารย์ของฉันบอกว่าเคยโทรหาคุณมาก่อนหน้านี้แล้ว บอกว่าคุณต้องโทรกลับมาแน่นอน และให้ฉันรออยู่ที่นี่ ! ” เยว่จวิ้นเหยากล่าว
หยางโปพยักหน้า “ ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง ? ฝ่าด่านได้หรือยัง ? ”
“แน่นอน ก็ฉันเป็นอัจฉริยะไง ตอนนี้คุณคงตามฉันไม่ทันแล้วล่ะ ! ” เยว่จวิ้นเหยายิ้มพร้อมทั้งกล่าวไปด้วย
หยางโปถือโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เขาดีใจแทนเยว่จวิ้นเหยาเช่นกัน ตอนที่เขาพบกับ
เยว่จวิ้นเหยาเธออยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของขั้นหยิ่นชี่แล้ว หลังจากขัดเกลาอย่างยากลำบากมาปีสองปี ในที่สุดตอนนี้ก็ฝ่าด่านได้แล้ว มันพบได้ยากมากจริงๆ !
“ เธอเป็นอัจฉริยะจริงๆ ! ” หยางโปยิ้มพร้อมทั้งพูดไปด้วย
เยว่จวิ้นเหยาดูมีความสุขมาก ” คุณก็อย่าได้ขี้เกียจ เมื่อไหร่ที่คุณตามฉันทัน ฉันจะพาคุณมาเที่ยวเอ๋อเหม่ยซาน แม้ว่าที่นี่จะน่าเบื่อไปหน่อย แต่ทิวทัศน์ในภูเขาก็สวยงามมากจริงๆ ! ”
หยางโปยิ้ม “ ดีเลย งั้นฉันคงต้องสู้ๆแล้วล่ะ ”
ไม่ได้เจอกันนานอีกทั้งยังไม่ได้คุยโทรศัพท์กันเลย เยว่จวิ้นเหยาดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
ถามนั้นถามโน้นไม่หยุด สอบถามสถานการณ์ของเขา
หยางโปยืนถือโทรศัพท์อยู่ในลานบ้าน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตอบคำถามของเขา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ประตูห้องถูกเปิดออก โจวซินเดินออกมาจากในห้อง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดูเหมือนจะค่อนข้างเมา
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางหยางโป พร้อมกับเดินออกมา
หยางโปลืมตาขึ้นมองไปที่เขา แต่ไม่กลับไม่สนใจใยดีกับเขาจากนั้นก็คุยโทรศัพท์ต่อ
หลังจากนั้นไม่นาน เยว่จวิ้นเหยาถึงได้จำที่อาจารย์สั่งไว้ได้ “ พี่ใหญ่โป ศิษย์พี่โจวซินดูเหมือนจะลงมาจากภูเขาไปแล้ว อาจารย์ของฉันให้เขาไปที่หยูหาง โดยบอกไปว่าเขามีโอกาสอยู่ที่นั่น
แต่ก่อนศิษย์พี่โจวซินดีกับฉันมาก ฉันเลยเล่าเรื่องของคุณให้เขาฟัง คุณเจอกับเขาแล้วใช่ไหม ? ”
หยางโปเหลือบมองโจวซินและพยักหน้า ” ฉันพบกับเขาแล้ว โจวซินก็อยู่บนเอ๋อเหม่ยซานด้วยใช่ไหม ? ”
“ เขาไม่ใช่ เขาเป็นลูกชายเอ๋อเหม่ยซานน่ะ แต่ก่อนเขามักจะช่วยฉันนำของอร่อยและของเล่นจากล่างเขาขึ้นมาให้ฉัน ถ้าคุณเจอเขา ช่วยดูแลเขาให้ฉันหน่อยนะ ! ” เยว่จวิ้นเหยากล่าว
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาคิดไม่ถึงว่าเยว่จวิ้นเหยาจะอ้อนเป็นกับเขาด้วย ถ้าเป็นแต่ก่อน
เธอไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้ออกมาแน่ !..Aileen-novel
หยางโปรู้สึกค่อนข้างสับสน “ อาจารย์ของเธออยู่ข้างๆใช่ไหม ? ”
“ อาจารย์ไม่อยู่ ” เยว่จวิ้นเหยาตอบ
หยางโปขมวดคิ้ว เดิมทีเขาตั้งใจที่จะเล่าเรื่องสถานการณ์ทางนี่ให้กับอาจารย์ของเธอฟัง
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยู่ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางยอมพูดเรื่องนี้กับเยว่จวิ้นเหยาแน่นอน
“ อ้อ ไม่อยู่เหรอ ? ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ โจวซินเกิดเรื่องนิดหน่อยะ ฉันเลยมาเคลียร์ให้หน่อยน่ะ ” หยางโปกล่าว
“ เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ ? ” เยว่จวิ้นเหยาถาม
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่มีอะไร ไม่ได้มีปัญหาใหญ่โตอะไร ฉันจัดการแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว ”
เยว่จวิ้นเหยาไม่ได้ถามอะไรมาก “ งั้นก็ช่างเถอะ เขาเป็นคนไร้สมอง คุณก็ช่วยเขาหน่อยล่ะกัน ! ”
หยางโปยิ้ม “ ตกลง ฉันต้องไปทำธุระแล้ว ถ้าเธอมีเวลาก็โทรหาฉันบ่อยๆก็แล้วกัน ! ”
“ อืม บนภูเขาไม่มีสัญญาณ วันนี้อาจารย์พาฉันลงเขามา ฉันถึงโทรหาคุณได้ ต่อไปฉันจะลงจากเขามาบ่อยๆก็แล้วกัน ” เยว่จวิ้นเหยายิ้มกรุ่มกริ่มพร้อมทั้งเอ่ยปากพูด
หยางโปเกิดสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย “ วันหลังเธอยังจะลงเขามาอีกไหม ? ”
“ มาสิ แน่นอนต้องมาสิ แต่ตอนนี้ฉันเพิ่งฝ่าด่านมาได้ไม่นาน ยังคงต้องการฟื้นตัวให้แข็งแรง
เกรงว่าคงต้องใช้เวลาสักระยะ ” เยว่จวิ้นเหยากล่าว
หยางโปตอบรับ และพูดคุยกันอีกสองสามคำ จากนั้นก็วางสายไป
หยางโปเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปทางโจวซิน เมื่อเห็นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยอาการตั้งตารอคอย ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ เมื่อกี้คุณกำลังทำอะไรอยู่ ? ”
โจวซินยิ้มแห้งๆ ” ผมเหรอ ? เมื่อกี้ผมรู้สึกกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย ก็เลยเล่นสนุกครู่หนึ่งน่ะ ! ”
หยางโปเหลือบมองโจวซิน ” เล่นพนันเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ”
โจวซินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ เพิ่งเรียนน่ะ ”
“ ห้าสิบล้านเนี่ยนะ ? ” หยางโปจ้องหน้า
โจวซินพยักหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูค่อนข้างอึดอัด “ พอแพ้เข้ามากๆก็เลยเป็นกังวล
ถ้าไม่ใช่เพราะประธานเสวียนเตือนสติผมไว้ ผมคงเสียไปมากกว่านี้แน่ ! ”
หยางโปเหลือบมองหน้าโจวซิน อดไม่ได้ที่จะหยักคิ้วขึ้น ” บ่อนอยู่ที่ไหน ? ”
โจวซินถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมาทันที เขาจะเอาเงินที่ไหนมาได้มากขนาดนี้
ในเมื่อหยางโปถามแบบนี้ งั้นก็หมายความว่าจะจ่ายหนี้ให้เขา ” เดียวผมพาคุณไปที่นั่นเอง ! ”
หยางโปพยักหน้า ” ไปสิ พวกเราไปดูด้วยกัน ”
หลูตงซิงยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ” นายมีเงินติดตัวพอไหม ? ฉันพอจะมีอยู่นิดหน่อย ”
หยางโปยกมือขึ้นห้ามเขาไว้ ” ไม่เป็นไร คุณสบายใจได้ ผมมีเงินพออยู่ ”
หลูตงซิงจึงไม่พูดอะไรมาก ฐานะทางสังคมตอนนี้ของหยางโปสูงกว่าเขาด้วยซ้ำ แค่เวลานี้
หยางโปไม่เห็นเงินอยู่ในสายตาเท่านั้น เงินห้าสิบล้านสำหรับเขาแล้วไม่ใช่เรื่องยากอะไร
แต่หลูตงซิงก็ยังเหลือบมองโจวซิน เมื่อสักครู่ตอนที่หยางโปคุยโทรศัพท์เลยไม่ทันสังเกตเห็น
แต่เขาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีผู้หญิงสองคนอยู่ในห้องของโจวซิน ถ้วยชามในห้องเลอะเทอะกระจัดกระจาย เห็นได้ชัดว่าตอนที่พวกเขารีบมาที่นี่กัน โจวซินกำลังหาความสุขใส่ตัวอยู่ !
เสวียนจงที่อยู่ด้านข้างก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน
ไม่นาน กลุ่มของเขาก็พากันมาถึงที่โรงแรมแห่งหนึ่ง โจวซินชี้ไปที่โรงแรมแล้วพูดว่า ” อยู่ที่นี่ ”
หยางโปมองสำรวจโรงแรมและขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ ทำไมกล้าทำอะไรโจ่งแจ้งขนาดนี้ ?
เล่นพนันในโรงแรม ไม่มีใครแจ้งความกันเลยเหรอ ? ”
โจวซินเดินเข้าไปข้างในและอธิบายว่า ” ผมพาคุณไปที่นั่นเดี๋ยวก็รู้เอง ” หยางโปขมวดคิ้วและเดินตามเข้าไป
พอเดินเข้ามาก็พบว่าโรงแรมแห่งนี้มีความไฮโซมาก ตรงล็อบบี้มีโคมระย้าหรูหราห้อยอยู่
ภายในตกแต่งอย่างหรูหรามากด้วยเช่นกัน เมื่อเดินตามโจวซินผ่านโรงแรม เดินผ่านทางเดินหนึ่งมา และเดินมาจนถึงหน้าประตูหนึ่งที่อยู่ทางด้านข้าง ทั้งหมดก็พากันหยุดลง

หลูตงซิงหันหลังกลับมาดู อดไม่ได้ที่จะหัวเราะฮ่าๆเสียงดัง “ มันก็แค่บ้านพักตากอากาศเองไหม ?นายวางใจส่งมอบบ้านพักตากอากาศหลังนี้ให้ฉันเถอะ ฉันจะตกแต่งใหม่แล้วประกาศขายให้ เดี๋ยวกลับไปฉันจะมอบให้นายอีกหลังหนึ่ง ”
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่ต้อง เพราะยังไงซะผมก็มาไม่บ่อย ”
หลูตงซิงยื่นมือออกไปห้ามเขาไว้ “ ไม่ต้องเกรงใจ วันนี้ฉันอารมณ์ดี ไม่มีปัญหาใดๆทั้งนั้น ”
หยางโปหันไปมองหลูตงซิง และพยักหน้าให้ จากนั้นก็ตอบตกลง บ้านพักตากอากาศแค่หลังเดียวสำหรับหลูตงซิงแล้ว ไม่ได้มีความกดดันอะไร
หยางโปกำลังจะถามรายละเอียดกับหลูตงซิง จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
ก็ทำเอาหยางโปถึงกับตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าคนที่โทรมาจะเป็นโจวซิน
หยางโปเดามาตลอดว่าโจวซินได้รับการแนะนำผ่านมาจากเยว่จวิ้นเหยา แม้แต่ครั้งแรกที่เจอกัน โจวซินยังพูดติดตลกเลยว่าเขามีเนตรเซียนทะลุมิติ เวลานั้นทำเอาหยางโปตกใจมาก แต่แน่นอนว่าภายหลังเขาก็ได้รู้ว่าโจวซินไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ได้
หลังจากรับสาย ก็ได้ยินเสียงโจวซินดังมาตามสายว่า ” หยางโป คุณอยู่ที่ไหน ? มาช่วยผม
เร็วเข้า ! ”
หยางโปตกตะลึงไปทันที “ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ? ”
อีกฝ่ายหนึ่งดูเหมือนจะเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ” ศิษย์พี่หยาง คุณยังจำผมได้ไหม ? ” หยางโปตะลึงไปครู่หนึ่ง ” เสวียนจง ? เกิดอะไรขึ้น ? ” เสวียนจงยิ้ม
” ศิษย์พี่หยาง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมก็ใช่ว่าจะกักตัวโจวเต๋าโยวเอาไว้นะ แต่เขาอยู่ที่นี่กับผมมานานแล้ว กินดื่มอาหารและเหล้าชั้นดีทุกวัน มองหาแต่ผู้หญิงที่สวยที่สุด ถึงกับหลับนอนกับดาราดังที่เป็นตัวท็อปอันดับสองคนหนึ่ง เรื่องพวกนี้ผมไม่คิดอะไรมากเลย ! ”
“ แต่เขาเรียนรู้นิสัยแย่ๆจากลูกน้อง และหนีไปเสี่ยงโชคเล่นการพนัน จนเสียเงินห้าสิบล้าน
เถ้าแก่ของเขามาหาถึงที่ชุมนุมยุทธภพ เขาให้ผมไปใช้หนี้ให้ ศิษย์พี่หยาง คุณก็น่าจะรู้ดี
ชุมนุมยุทธภพเป็นของทุกคน ทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดก็มีไม่ถึงห้าสิบล้าน ในกรณีแบบนี้
จะให้ผมไปหาเงินที่ไหนมาจ่ายหนี้ให้ ? ”
หยางโปถือโทรศัพท์แนบหูฟังที่เสวียนจงเล่ารายละเอียดให้ฟัง ด้วยใบหน้าที่แปลกใจ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าโจวซินจะกลายเป็นเหมือนนักต้มตุ๋นพเนจรและทำเรื่องพวกนี้ออกมาได้
แต่ยังไงซะ หยางโปก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที เพราะเขารู้สึกว่าเรื่องนี้อาจไม่ง่ายขนาดนั้น โจวซินอาจจะชอบเล่นสนุกไปบ้าง แต่ไม่น่าจะไปยืมเงินห้าสิบล้านมาได้ !
“ อีกฝ่ายให้จ่ายหนี้เมื่อไหร่ ? ” หยางโปถาม
เสวียนจงหัวเราะ “ ไม่เป็นไร ศิษย์พี่หยาง แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อสักครู่ผมโทรหาประธานโจว ของกรีนกรุ๊ปแล้ว แค่คุณเอ่ยปากเท่านั้น เขาก็จะส่งเงินมาให้ ”
หยางโปขมวดคิ้ว “ ไม่ต้องแล้วล่ะ วันนี้ผมจะไปรับเขา ”
เสวียนจงตกตะลึงทันที ” ศิษย์พี่หยาง คุณไม่จำเป็นต้องมาด้วยตนเอง ” ” ไม่เป็นไร วันนี้ผมจะไปถึงค่ำหน่อยนะ ในเมื่ออีกฝ่ายมาขอเงิน คงไม่ทำร้ายโจวซินเช่นกัน คุณช่วยผมดูหน่อยนะ ”
หยางโปเอ่ยปากขอร้อง
เสวียนจงรีบตกลงทันที…ไอลีนโนเวล
หลูตงซิงค่อนข้างที่จะรู้สึกแปลกใจ “ เกิดอะไรขึ้น ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น ? ”
หยางโปอธิบายเรื่องนี้ให้ฟังเล็กน้อย แต่หลูตงซิงกลับรู้สึกโกรธมาก “ เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของเสวียนจงแน่ๆ แม้ว่าโจวซินจะรักสนุกไปหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้คุ้นเคย ถ้าไม่มีใครชักนำเขาไป
เขาก็จะไปปนเปื้อนกับสิ่งพวกนี้ได้ยังไง ”
หยางโปพยักหน้าตอบรับ แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก “ คุณช่วยโทรไปจัดการรถให้คันหนึ่งนะ ผมจะไปที่หยูหาง ”
“ พวกเราไปด้วยกันนี่แหละ ” หลูตงซิงกล่าว
พอพูดจบ หลูตงซิงก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออก
ไม่นาน คนขับก็ขับรถมาหา จากนั้นทั้งสองก็ขึ้นรถ หลูตงซิงที่เพิ่งจะดึงดูดพลังเข้าไปภายในร่างกาย ก็เลยดูค่อนข้างที่จะตื่นเต้น แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้า ก็มีอาการตามหลังมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เลยเผลอหลับไปในตอนที่นั่งอยู่ในรถ
หยางโปใจลอย อยากจะโทรหาเยว่จวิ้นเหยา แต่กลับติดต่อไม่ได้
ในขณะที่ลังเลอยู่นั้น เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเยว่จวิ้นเหยา
“ ฉันเป็นอาจารย์ของเยว่จวิ้นเหยา คุณคือหยางโปใช่ไหม ! ”
เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเสียงของผู้หญิงที่ดังตามสายมา น้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยน
ฟังดูแล้วเหมือนผู้หญิงวัยยี่สิบกว่าๆ หยางโปเข้าใจมาตลอดว่าอาจารย์ของเยว่จวิ้นเหยาน่าจะอายุสี่ห้าสิบปี เช่นเดียวกับอาจารย์หญิงพวกนั้นที่อยู่ในซีรีย์ ที่ค่อนข้างมีนิสัยที่โหดร้าย แต่คิดไม่ถึงว่าน้ำเสียงอาจารย์จะเด็กขนาดนี้ !
“ ใช่ผมหยางโป สวัสดีอาจารย์หญิง ! ” หยางโปกล่าวทักทาย
“ อืม ! ” อาจารย์หญิงขานรับ “ หยางโป เมื่อไม่กี่วันก่อน ศิษย์พี่ของจวิ้นเหยาลงเขาไปที่หยูหางเพื่อตามหาคุณ ช่วงนี้ไม่มีข่าวคราวเลย จู่ๆฉันก็เกิดฉุกคิดขึ้นมาได้ เลยทำการทำนาย พบว่าเขาตกอยู่ในอันตรายอยู่ช่วงนี้ เขาอยู่ห่างจากคุณไม่ไกล ถ้าคุณพอมีเวลา ไปช่วยเขาสักครั้งสักหน่อยนะ ! ”
หยางโปรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าอาจารย์ของเยว่จวิ้นเหยาจะเก่งกาจมากแบบนี้
แต่ยังไงซะ เขาก็ไม่ได้ลังเลพูดไปอย่างรวดเร็ว “ อาจารย์หญิงโปรดวางใจ ตอนนี้ผมกำลังอยู่ระหว่างทางแล้ว คงจะได้เจอเขาเร็วๆนี้ ”
อาจารย์หญิงพยักหน้า “ โจวซินเป็นศิษย์ของยุทธภพ เขาเติบโตมาบนเขากับเยว่จวิ้นเหยาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะฉลาดเพียงน้อยนิด แต่ยังไม่มีประสบการณ์มากพอ ดังนั้นก็ยังต้องขอให้คุณช่วยดูแลเขาด้วย อย่าให้เขาได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับทางโลก ”
เวลานั้นหยางโปก็ค่อนข้างที่จะลังเลใจ แต่เขายังไม่ได้อธิบาย พูดแค่ว่า “ ผมจะดูแลเขาให้เอง ”
หยางโปเดินทางออกจากบ้านพักตากอากาศ ก็เป็นเวลาบ่ายกว่าแล้ว ตอนที่มาถึงที่นี่เขาและ
หลูตงซิงยังไม่ได้กินข้าวกันเลย แต่พวกเขาก็ยังไม่หิวเช่นกัน
จนถึงห้าหกโมงเย็น รถที่ขับมาก็มาถึงหยูหาง มาถึงถิ่นของชุมนุมยุทธภพ
เมื่อมาถึงชุมนุมยุทธภพ หยางโปก็มองเห็นรางรถไฟชิ้นนั้นวางอยู่ด้านนอก ร่องรอยบนนั้นก็ยังคงชัดเจนอยู่มาก หลูตงซิงที่เดินตามเขามา ได้กระซิบเสียงเบาว่า ” เข้ามาที่นี่สองครั้ง
แต่รู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย ! ”
หยางโปหัวเราะ บ่งบอกว่าความเข้าใจก่อนหน้านี้หลูตงซิงไม่เคยเข้าวงการนี้มาก่อน
เขาจึงรู้สึกกังวลมาก แต่ท้ายที่สุดก็เข้ามาในวงการนี้แล้วในตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว
ทั้งสองยืนอยู่หน้าประตู แต่ก่อนที่จะเคาะประตู ประตูก็ดันเปิดออกก่อน เสวียนจงเดินออกมาแสดงความเคารพ ” ศิษย์พี่หยาง ต้องขออภัยด้วยจริงๆ รบกวนคุณแล้วครั้งนี้ ” หยางโปพยักหน้าให้เล็กน้อยและมองไปที่ด้านหลังเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ” แล้วโจวซินล่ะ ? ”
” เขากำลังพักผ่อนอยู่ ” เสวียนจงกล่าว
หยางโปขมวดคิ้วและเหลือบมองเข้าไปข้างใน “ พักผ่อน เขาทำเรื่องอะไร ทำไมถึงได้เหนื่อยขนาดนี้ ? ”
เสวียนจงหัวเราะ ” ศิษย์พี่หยาง ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยพลังก็มักจะทำในสิ่งที่คนหนุ่มสาวควรทำเสมอ ”
“ ผมจะไปดูเขาหน่อย ” หยางโปพูด
เสวียนจงทำหน้าปั้นยาก เขาหันไปมองหยางโป “ ศิษย์พี่หยาง เกรงว่ามันจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นะ ”
“ ไม่มีอะไรที่ไม่สะดวก พวกเราไปดูกันเถอะ ! ” หยางโปกล่าว
เสวียนจงอ้าปาก แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมาก ทำได้เพียงเดินนำหน้าเข้าไปข้างใน
หยางโปเดินตามเสวียนจงเข้าไป ชุมนุมยุทธภพไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ยังคงเงียบสงบอย่างกับอยู่ในป่าไผ่
ในไม่ช้า เสวียนจงก็พาหยางโปไปที่ห้องหนึ่งทางด้านข้าง เขาชี้เข้าไปข้างใน “ เขาอยู่ข้างใน ”
เสวียนจงยืนอยู่ที่นั่น และชี้เข้าไปข้างในเท่านั้นแต่กลับไม่ได้เดินเข้าไปข้างใน
หยางโปขมวดคิ้ว เขาเหลือบมองเข้าไปข้างในด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเคร่งขรึม

สองวันต่อมา ชุยอี้ผิงทั้งสองคนก็ออกไปเข้าร่วมทำกิจกรรมทุกวัน ในขณะที่หยางโปก็อยู่บ้านฝึกบำเพ็ญเพียรคนเดียว
ในระหว่างวันไม่สามารถใช้กระจกแสงจันทร์ได้ หยางโปจึงฝึกฝนได้ช้าลงมาก เขาหยิบโสมคนพันปีออกมา หั่นออกชิ้นเล็กๆ แล้วใส่เข้าไปในปากของเขา ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าพลังไหลเวียนออกมาราวกับน้ำที่ไหลริน
การฝึกบำเพ็ญขั้นหยิ่นชี่ สิ่งสำคัญคือต้องอาศัยการสะสมของพลัง โสมคนพันปีสามารถทำให้วงจรการฝึกของหยางโปสั้นลงได้
หลูตงซิงมาหาทุกคืน เขานำปัญหาที่เขาครุ่นคิดมาทั้งวันมาตั้งคำถาม ทางด้านหยางโปก็ได้ตอบคำถามไปอย่างละเอียด คำถามทั้งหมดที่เขาถามมานับวันก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ
สองวันต่อมา หยางโปรู้สึกว่าหลูตงซิงเกือบพร้อมที่จะฝึกซ้อมแล้ว ดังนั้นจึงพาเขาไปที่วิลล่าที่อยู่เขตชานเมือง
บ้านของหยางโปที่เขตชานเมืองอยู่ในทำเลที่ดีมาก มันล้อมรอบไปด้วยภูเขาและแม่น้ำและมีพลังเติมเต็มมากเพียงพอ เขานำสมุนไพรจำนวนมากมาด้วย โสมคนพันปีมีฤทธิ์แรงเกินไป จำเป็นต้องทำให้มีภาวะความเป็นกลาง
หยางโปจัดการกับหลูตงซิงเรียบร้อย เพื่อให้เขาได้สัมผัสถึงพลังอย่างลึกซึ้ง จากนั้นเขาก็เดินไปที่ห้องครัวและใส่สมุนไพรลงในหม้อทีละอย่าง จากนั้นก็นำรากของโสมพันปีที่เขาเตรียมไว้ใส่ลงไป
เมื่อกลับมาถึงที่ห้อง หยางโปได้กำชับกับหลูตงซิงไปอีกครั้งและพูดถึงข้อควรระวังทั้งหมดให้ฟังอีกรอบ หลังจากที่หลูตงซิงท่องตามซ้ำอีกรอบ หยางโปถึงได้วางใจ
ทั้งสองมาถึงวิลล่าในตอนเช้า กระทั่งเที่ยงจนได้กลิ่นที่เข้มข้นจากหม้อตุ๋นยาโชยมา หยางโปถึงได้ดับไฟและยกหม้อตุ๋นยาตรงไปยังห้องที่หลูตงซิงอยู่
อวี่เหวินเคยให้สูตรยากับเขาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ หยางโปถือหม้อตุ๋นยา และเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่คุกกรุ่นอยู่ข้างในได้ดี พลังพวกนี้ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวจนอยู่ไม่สุข
เมื่อนำยาเข้ามาในห้องแล้ว ก็ทำการเทลงในชามยื่นให้หลูตงซิง จากนั้นหยางโปถึงได้กำชับไปว่า
” ร้อนสักหน่อยนะ แต่คุณต้องดื่มรวดเดียวให้หมด ! ”
หลูตงซิงรับชามมาถือไว้ และหันไปพยักหน้าให้หยางโป เขาหายใจเข้าลึกๆและเงยหน้าขึ้นดื่มน้ำซุปหมดในรวดเดียว
“ กลั้นหายใจเอาไว้ ! ” หยางโปพูดด้วยเสียงอันดัง
หลูตงซิงหลับตา และทำตามที่หยางโปบอก เขาสัมผัสได้ถึงพลังและดูดซับพลังเข้าไป
หยางโปยืนอยู่ด้านข้าง เขาสามารถสัมผัสได้ว่า มีพลังที่หนาแน่นเคลื่อนไหวอยู่บนตัวหลูตงซิง
แต่พลังนี้ไม่คงที่ บางทีก็แข็งแกร่งบางทีก็อ่อนแอ เวลานี้หลูตงซิงก็ดูดซับพลังได้ยากเช่นกัน
จากนั้น หลูตงซิงก็เหมือนถูกโจมตีอย่างหนัก ใบหน้าแดงก่ำ เส้นเลือดบวมปูดขึ้นบนหน้าผาก ร่างกายสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด !
“ ทำใจให้สงบ ! ” หยางโปตะคอกใส่ด้วยเสียงอันดัง มือข้างหนึ่งตบลงไปตรงกลางกะโหลกศีรษะ !
พอถูกตบเข้า หลูตงซิงก็ดูเหมือนจะระบายออก ใบหน้าที่แดงก่ำก็ค่อยๆสงบลงและฟื้นตัว พลังงานที่รายล้อมอยู่นอกกายของเขา ค่อยๆคงที่และถูกเขาดูดซับเข้าไป…ไอลีนโนเวล
หยางโปถึงได้โล่งใจ “ สำเร็จก้าวแรกแล้ว ต่อจากนี้ก็จะดีขึ้นมาก ”
หยางโปที่นั่งอยู่ด้านข้าง รอคอยอย่างอดทน แต่เมื่อนั่งไปได้เพียงครู่หนึ่ง หยางโปก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ พอแนบหูฟัง ก็มีเสียงดังกรอบแกรบเข้าหูมา
หยางโปรีบลุกขึ้นทันที เปิดประตู และเดินออกไป จู่ๆเขาก็ตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าจะเห็นหนู
งู กระต่ายป่า และแมลงต่างๆอยู่ทั่วห้อง !
หนูพวกนี้วิ่งวุ่นไปมารอบๆห้อง วิ่งไปทั่วทุกมุมห้อง ขณะที่งูก็ขดตัวอยู่บนโซฟา พอเจอกับหนู
ไม่ต้องถามเลย ในระหว่างนั้นแมลงจำนวนมากก็กระโดดโลดเต้นไปมาไม่หยุด !
พอหยางโปเปิดประตู แมลงพวกนี้ ต่างพากันหันหน้ามาทางเขาเกือบพร้อมๆกัน ราวกับว่าเขาเปิดกล่องแพนดอร่าออกมาอย่างนั้น !
จากนั้น ก็ดูเหมือนว่าสัตว์ตัวเล็กๆเกือบทั้งหมดจะวิ่งกรูกันมาทางเขา !
ถึงแม้หยางโปจะมีกำลังที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตเล็กๆพวกนี้
เขาก็ยังคงรู้สึกตกใจกลัว เขาจึงรีบปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว
“ ปัง ! ปัง ! ปัง ! ”
จู่ๆประตูไม้ของห้องก็ถูกกระแทกเสียงดัง หยางโปจินตนาการออกได้เลยว่าสัตว์ตัวเล็กๆพวกนั้นคงชนประตูไม้เข้ามาอย่างแรงในเวลานี้ !
หยางโปรู้สึกแปลกใจ เขาจึงรีบมองไปที่หน้าต่างด้านนอก หน้าต่างมีงูและหนอนปีนป่ายขึ้นมาเต็มไปหมด ดูน่าขยะแขยงมาก !
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?
หยางโปแปลกใจมาก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ !
หยางโปมองดูภายในห้องอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่มีใครอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน แต่มันก็ได้รับการทำความสะอาดอย่างสะอาดหมดจดอยู่ตลอดเวลา ไม่มีทางมีของที่จะมากระตุ้นสัตว์พวกนี้ได้
หรือว่าเป็นเพราะการฝึกฝนของหลูตงซิง ?
แต่เมื่อมองลงไปที่โถทรายสีม่วงที่วางอยู่บนพื้นมาตลอดทั้งคืน หยางโปก็รู้ทันทีว่าเป็นเพราะโสมคนพันปี ! ต้องเป็นโสมคนพันปีแน่ๆที่ดึงดูดสิ่งมีชีวิตเล็กๆพวกนี้มา !
หยางโปรู้ว่าโสมคนพันปีมีพลังที่ไม่ธรรมดาอยู่ ถ้าหลูตงซิงอาศัยเพียงการฝึกฝนด้วยตัวเอง
และคิดที่จะเข้ามาในเส้นทางนี้ เกรงว่าอาจต้องใช้เวลานานหลายเดือน แต่เวลานี้ เมื่อมาพึ่งพิงผลของโสมคนพันปี เขาจึงสามารถเข้ามาในเส้นทางนี้ได้ และมันก็สามารถที่จะดึงดูดสิ่งมีชีวิตน้อยๆพวกนั้นที่อยู่ข้างนอกเข้ามาได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติเช่นกัน
ประตูไม้ถูกกระแทกเสียงดังปังปัง เสียงข้างนอกก็ดังขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน หลังจากที่หลูตงซิงฝึกฝนอยู่พักหนึ่ง ก็ลืมตาขึ้นและเห็นสภาพนอกหน้าต่าง เขาถึงกับตกใจและรีบถอยหลังหนีทันที
“ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ” หลูตงซิงตกใจจนหน้าถอดสี เขาหันไปถามหยางโปทันที
หยางโปชี้ไปทางหม้อตุ๋นยาที่วางอยู่บนโต๊ะชาด้านข้าง “ เป็นเพราะสิ่งนี้น่ะ ! ”
หลูตงซิงหันกลับไปมองหมอตุ๋นยา “ หมอตุ๋นยางั้นเหรอ ? ”
“ เพราะโสมคนพันปีที่อยู่ข้างใน ! ” หยางโปตอบ
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น เสียงชนประตูก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ หยางโปถึงกับได้ยินเสียงไก่ตัวผู้
เป็ดและเสียงสุนัข ที่นี่ยิ่งดูคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ
“ พวกเราจะทำยังไงกันดี ? ” หลูตงซิงค่อนข้างพะว้าพะวัง ถึงมันจะไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต
แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตเล็กๆพวกนี้มันก็ยังทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวอยู่ดี
หยางโปหัวเราะร่า “ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะโยนหม้อตุ๋นยานี้ออกไปข้างนอก จากนั้นพวกเราก็วิ่งพรวดกันออกไปก็พอ ! ”
หลูตงซิงเหลือบมองไปทางหน้าต่าง พื้นที่ตรงนั้นถูกครอบครองไว้หมดแล้ว มันปิดบังแสงอาทิตย์ด้านนอกจนหมด ทำให้ในห้องดูค่อนข้างที่จะมืดสลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว
หลูตงซิงพยักหน้า หายใจเข้าลึกๆ “ นายโยนมันออกไปเลย ! ”
หยางโปยืนอยู่หลังประตู จากนั้นก็ปลดล็อค และดึงประตูห้องออกอย่างแรง !
“ เพล้ง ! ”
ด้านนอกประตูมีกองงู แมลง และหนูจำนวนมากเล็ดลอดเข้ามาในห้องขณะที่ประตูเปิดออก !
ศัตรูธรรมชาติในอดีตพวกนี้ ดูเหมือนจะมีเป้าหมายเดียวกันในเวลานี้ ต่างพากันทยอยหลั่งไหลเข้ามาในห้อง !
ถึงแม้หยางโปจะเตรียมใจไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้
ก็ยังยืนนิ่งอึ้งไปอยู่พักหนึ่ง เขาแกว่งมือ และโยนหม้อตุ๋นยาออกไปไกล ! เมื่อหันกลับมาเห็น
หลูตงซิงตกใจนิ่งอึ้งอยู่กับที่ เขาก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังว่า “ วิ่งเร็วเข้า ! วิ่งออกไป ! ”
เมื่อหลูตงซิงได้ยินเสียงตะโกนของหยางโป ก็รีบเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าหยางโปรีบวิ่งพรวดออกไปแล้ว เขาจึงรีบวิ่งตามออกไป !
ทันทีที่หม้อตุ๋นยาถูกโยนออกไป ทิศทางของสัตว์ตัวเล็กๆในที่เกิดเหตุก็เปลี่ยนทิศทางไปอย่างกะทันหัน พวกมันต่างทยอยกันไปทางหม้อที่ถูกโยนทิ้งไป ทำให้หยางโปทั้งสองคนมีโอกาสที่จะหลบหนี พวกเขาเหยียบงูและแมลงใต้เท้า และวิ่งหนีออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
หลังจากวิ่งออกไปไกลมาก หยางโปถึงได้หันกลับมามอง หลูตงซิงวิ่งเหยาะตามมาช้าๆ
เขาหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า
หลูตงซิงชี้ไปที่รองเท้าของหยางโป “ รองเท้าของนายเต็มไปด้วยเลือดแล้ว ! ”
หยางโปก้มหน้าลงมอง สะบัดรองเท้าที่อยู่บนเท้าเขวี้ยงออกไป และอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้
“ คงต้องขายวิลล่าหลังนี้ทิ้งซะแล้ว ”

หยางโปหันไปมองหน้าพ่อหยาง “ กุญแจและของที่อยู่ข้างใน พวกคุณสามารถเลือกมาได้อย่างหนึ่ง ”
พ่อหยางยังคงรู้สึกโกรธ เขาจ้องหน้าหยางโป “ แก แกจะยอมใจกว้างให้เสี่ยวหลางหน่อยไม่ได้หรือไง ? เขาเพิ่งออกมาจากข้างในนั้น อยากที่จะสร้างเนื้อสร้างตัว แกในฐานะน้องชาย จะสนับสนุนหน่อยไม่ได้หรือไง ? ”
หยางโปมองเข้าไปในห้อง ในห้องเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้มะฮอกกานี มันไม่สามารถใช้เป็นร้านขายปิ้งย่างได้ เขาอดไม่ได้ที่จะมองหน้าพ่อหยาง ” พวกคุณคิดจะทำธุรกิจอะไรกันแน่ ? ”
พ่อหยางกัดฟันพูด “ ก็ปิ้งย่างไง ! ”
หยางโปส่ายหน้า “ ใช่ไหม ? ”
“ นี่แกไม่เชื่อใจฉันหรือไง ? ” พ่อหยางถาม
หยางโปกำลังจะเอ่ยปากถามคำถามอีกสองสามข้อ ด้านนอกก็มีรถบรรทุกขับเข้ามาคันหนึ่ง
เป็นคนที่หลูตงซิงส่งมาพอดี หยางโปกวักมือเรียกพวกเขาให้รื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทั้งหมดในร้านออกไป และขอให้พวกเขาถอดป้ายที่ประตูออกด้วย จากนั้นถึงได้ยื่นกุญแจส่งมอบให้
หยางโปจ้องหน้าหยางหลาง ” ในเมื่ออยากจะทำธุรกิจ งั้นก็ตั้งใจทำ เลิกเล่นการพนัน
การพนันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ”
หยางหลางตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ แกวางใจได้นะ ต่อไปฉันไม่มีทางไปเล่นการพนันอีกแน่นอน ! ”
หยางโปกลับไม่เชื่อคำพูดโกหกของหยางหลาง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาตอบรับ “ อืม ”
ไปคำหนึ่งแล้วก็ไปจากทันที
พ่อเลี้ยงหยางมองตามหลังหยางโปไป และอดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง “ ไอ้คนอกตัญญู ! ”
หยางหลางมองออกไปข้างนอกและมองกลับเข้าไปที่ในร้านที่ว่างเปล่าอีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะมองหน้าพ่อ “ พ่อ ไอ้คนอกตัญญูเอาของไปทุกอย่างไปหมดแล้ว แม้แต่ป้ายก็เอาไป ถ้ารู้ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้นะ พวกเราก็พูดกับเขาไปตามตรงเลย ให้เขาทิ้งของพวกนี้เอาไว้ให้ ”
พ่อหยางส่ายหัว “ เป็นไปไม่ได้ ที่เขาจะเหลือทิ้งไว้ให้ ! ”
“ แล้วเราจะทำยังไงต่อกันดี ? ” หยางหลางถาม
พ่อหยางลังเลเล็กน้อย “ ฉันให้แกถ่ายรูปป้ายไว้ แกถ่ายไว้หรือเปล่า ? ”
“ ถ่ายแล้ว ” หยางหลางตอบ
พ่อหยางพยักหน้า ” ดี ถ่ายไว้แล้วก็ดี พวกเราไปสั่งทำป้ายใหม่ได้ ตราบใดที่ป้ายพร้อม โต๊ะ เก้าอี้พวกนั้น ก็หาซื้อสินค้ามือสองเหล่านั้นมาใหม่ได้ ”
หยางหลางตอบสนองทันที “ ใช่แล้ว แบบนี้ก็จะยิ่งประหยัดเงินไปอีก ! แต่ไม่รู้ว่าชื่อเสียงหลังจากนี้จะเป็นยังไง ธุรกิจของไอ้คนอกตัญญูก่อนหน้านี้ดีมาก ผมเคยเห็นมันมาก่อน ตอนที่พวกเราอยู่ข้างนอกกัน ก็เคยได้ยินคนกล่าวถึงมาไม่น้อย ธุรกิจเขาดีอย่างนี้ แค่พวกเราเปิดกิจการ
จะต้องมีลูกค้าประจำเก่าๆมาเยอะแน่นอน ”
พ่อหยางดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เขาตบไหล่หยางหลางและกล่าวว่า ” ฉันเคยบอกแก่เสมอว่า
ทำเรื่องอะไรต้องใช้สมอง ถ้าเริ่มแรก เราบอกไปว่าเราจะเปิดร้านขายของเก่าขายของปลอม
ไอ้คนอกตัญญูนั่นจะยอมให้กุญแจเราไหม ? แน่นอนว่าไม่มีทาง ดังนั้นต่อหน้ามันเราต้องเล่นละครเพื่อกลบเกลื่อน แกดูสิ ตอนนี้มันเชื่อแล้วไหมล่ะ ? ”
หยางหลางพยักหน้า “ พ่อ ก็ยังเป็นพ่อนะที่เก่ง ! ”
“ คนที่เก่งไม่ใช่ฉัน ถ้าฉันเก่งจริง คงทำเงินได้มากมาย ไอ้คนอกตัญญูนั่นถึงเก่งของจริง
เขาเพิ่งออกมาทำธุรกิจได้ไม่กี่ปี ก็มีกิจการใหญ่โตแบบนี้แล้ว ! ” พ่อหยางกล่าว
หยางหลางส่งเสียงฮึดฮัดดูถูก “ พ่อ ถึงไอ้คนอกตัญญูนั่นจะร่ำรวย แต่มันก็ยังเป็นไอ้คนอกตัญญูอยู่ดี ! ”
เมื่อหยางโปกลับมาถึงที่รถ ฮัวชิงหยุนก็ดูแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด ” ทำไมพวกเขาถึงทำแบบนี้ ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก และไม่ต้องเอ่ยถึงอีก ”
ฮัวชิงหยุนเหลือบมองหยางโป เมื่อเห็นว่าเขาไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้อีก จึงไม่พูดอะไรมากอีก แต่เวลาที่มองดูเขา แววตาก็แฝงไปด้วยความสงสารอย่างหลบเลี่ยงไม่ได้ เธอรู้ภูมิหลังของหยางโปดี แค่คิดไม่ถึงว่าพ่อบุญธรรมของเขาจะเป็นคนแบบนี้ !…Aileen-novel
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น หลูตงซิงก็โทรมาหาถามรายละเอียด หยางโปเลยอธิบายไปสองสามคำ ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หยางโปจึงไม่มีอารมณ์ไปไหน เขาส่งฮัวชิงหยุนกลับไปที่หอพัก
จากนั้นก็กลับมาที่บ้าน
ชุยอี้ผิงกำลังต้มซุปอยู่ที่บ้าน เมื่อหันมาเห็นหยางโปกลับมา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและเอ่ยทักขึ้นมา“ ฉันคิดว่านายจะไม่กลับมาแล้วซะอีก ทำไม เจอกับปัญหายากเข้าให้หรือไง ? ”
หยางโปส่ายหัว “ มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แค่นายไปพูดกับหงซิ่วซิ่ว ว่าอย่าเอาช่องทางติดต่อของฉันให้ไปก็พอ ”
ชุยอี้ผิงหัวเราะ “ นายวางใจได้นะ ครั้งหน้าไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแน่ เกรงว่านายคงยังไม่รู้ ก่อนมา คุณปู่ลากเราไปที่ห้องและสั่งกำชับไว้ว่า จะต้องทำทุกอย่างให้นายแต่งงานให้ได้เร็วที่สุด ”
หยางโปรู้สึกแปลกใจมาก “ ก่อนที่นายจะมา คุณปู่พูดถึงเรื่องนี้อีกแล้วเหรอ ? ”
ชุยอี้ผิงพยักหน้าและตอบไปว่า “ แน่นอน นายคิดว่าฉันจะโกหกนายงั้นเหรอ ? ”
“ แล้วพวกนายหมายความว่ายังไง คงไม่ถูกตาต้องใจใครเข้าให้แล้วหรอกนะ ? ” หยางโปถามออกมาตามตรง
ชุยอี้ผิงยิ้มอย่างเขินอาย “ ซิ่วซิ่วคิดว่านักข่าวคนนั้นดูดีมาก เลยอยากช่วยดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง ? คิดไม่ถึงว่านายจะไม่ชอบ ดังนั้น เรื่องนี้เลยจบโดยที่ไม่มีบทสรุป ”
หยางโปเบิกตากว้าง “ ทำไมพวกนายไม่ถามความคิดเห็นของฉันมาตามตรง ? แบบนี้มันจะไม่ ดีกว่าไหม ? ”
ชุยอี้ผิงยิ้มและพูดว่า “ พวกเราก็กลัวนายจะเขินไงล่ะ ? ว่าไปแล้ว แบบนี้มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร ถ้านายยอมให้สัมภาษณ์กับเธอ พูดคุยกับเธอให้มากขึ้นและเพิ่มความเข้าใจ บางทีมันอาจจะสำเร็จก็ได้ ? ”
หยางโปมองหน้าชุยอี้ผิงอย่างจนปัญญา ” นายรู้ไหมว่าฉันได้คืนดีกับฮัวชิงหยุนแล้ว และฉันก็เพิ่งกลับมาจากไปหาเธอ ”
ชุยอี้ผิงมองหยางโปขึ้นและลง ” ทำไมนายไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ? ถ้านายพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจน มีเหรอที่พวกเราจะทำเรื่องวุ่นวายนี้กัน ซิ่วซิ่วยังคงรู้สึกค่อนข้างกังวลใจ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายน้องชายคนนี้อย่างนายเข้า ! ”
หยางโปส่ายหน้าไปมา “ เดิมมันก็ไม่มีปัญหาใหญ่โตอะไร ! ”
เวลานี้หงซิ่วซิ่วเพิ่งจะเดินออกมา ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ยินที่หยางโปพูด เมื่อเห็นหยางโปเธอก็เข้าไปทักทายก่อน ” เสี่ยวโป ฉันช่วยนายสมัครนัดบอดดูตัวรายเดือนแล้ว นายพอจะมีเวลาว่างเมื่อไร ? ”
หยางโปถึงกับอึ้งไปสักพัก เขาจ้องไปที่หงซิ่วซิ่ว ” นัดบอด ? ทำไมถึงคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ ”
“ สิ่งนี้พบได้บ่อยๆในสวนสาธารณะ ฉันเพิ่งกลับมาจากทะเลสาบซวนหวู่ ที่นั่นเป็นที่นิยมมากและมีผู้หญิงที่ฉลาดเฉียบแหลมอยู่มากมาย ” หงซิ่วซิ่วนั่งลงจิบชา และพักผ่อนสักครู่
หยางโปถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปเลยทีเดียว เขาหันไปมองหงซิ่วซิ่ว “ เกิดเรื่องนี้ขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ? ”
“ ไม่นานนี้เอง คือเมื่อกี้นี้เอง ฉันช่วยสมัครให้นายแล้ว ถ้ามีคนโทรมา นายก็ไปตามเวลาก็ได้แล้ว ” หงซิ่วซิ่วกล่าว
หยางโปหันไปมองหน้าหงซิ่วซิ่ว ” นี้คุณไม่รู้หรือว่าผมมีแฟนแล้ว ? ”
“ อะไรนะ ? นายมีแฟนแล้วงั้นเหรอ ? ” หงซิ่วซิ่วค่อนข้างตกใจ แต่เธอก็ตอบกลับมาทันที
“ ไม่ใช่ว่าคุณปู่ไม่พอใจหรอกเหรอ ? ก็เลยหาคนเพิ่มอีกสองสามคน ลองดูสิ มันต้องมีที่เหมาะกับนายสักคนแน่ ! ”
หยางโปรู้สึกจนปัญญาจริงๆ “ นี่มันไม่ใช่การเลือกบ้าน หรือสินค้า ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน ! ”

พ่อหยางส่งเสียงเยาะเย้ย “ ไม่มีอะไร แกพูดมาดีกว่า จะเอากุญแจให้ฉันไหม ? ”
หยางโปขมวดคิ้ว เขาชำเลืองมองไปที่พ่อหยาง เขารู้จักสองพ่อลูกนี้ดี รู้ว่าพวกเขาไม่มีวันมายืนอยู่ที่นี่โดยไม่มีสาเหตุแน่นอน ผู้คนที่มารุมล้อมดูอยู่ที่นี่ คงไม่ใช่เพียงเพราะมาดูใบหน้าที่หล่อเหลาของพวกเขาแน่ ต้องมีเหตุผลอื่นอยู่แน่ๆ
หยางโปทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ เดินไปด้านหน้า
หยางหลางรีบยืนขว้างหน้าของหยางโปไว้ “ เฮ้ เฮ้ เสี่ยวโป นายอย่าไปดูเลย ไม่มีอะไรหรอก
ที่นี่มันเป็นพื้นที่ร้านของนาย พวกเราจะมาทำอะไรได้ ? ”
ในขณะที่พูด หยางโปก็จูงแขนฮัวชิงหยุนมาถึงที่หน้าร้านแล้ว เมื่อเห็นรูปที่ติดอยู่ด้านนอกร้าน หยางโปก็ถึงกับหน้ามืดทันที
คิดไม่ถึงว่าหยางหลางสองพ่อลูกจะติดรูปใบหนึ่งที่บานเลื่อนของเขา และวางภาพสกปรกไว้ตรงนั้น !
“ นี่มันหมายความว่ายังไง ? ”
หยางโปหันไปมองหยางหลาง และชี้ไปที่ภาพวาดบนประตู
ทุกคนรอบตัวต่างพากันหัวเราะเสียงดัง แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่นี่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบ ที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกขบขัน !
หยางหลางเบะปากยิ้มกระตุกรอยแผลเป็นบนใบหน้า ทำให้เขาหัวเราะได้ค่อนข้างที่จะน่าเกลียด เขาชี้ไปที่ภาพวาดบนผนังแล้วพูดว่า “ ไม่มีอะไร เราแค่ติดเล่นสนุกๆเท่านั้นเอง ! ”
“ งั้นถ้าฉันจะเอาไอ้นั่นติดไว้บนหน้านายล่ะ ? ” หยางโปถาม
หยางหลางนิ่งเงียบไปเลย เพราะรู้ดีว่าพวกเขาผิดตั้งแต่แรก จึงไม่พูดอะไรมาก
มีคนที่อยู่ด้านข้างจำหยางโปได้ และรู้ดีว่าเขาเป็นเจ้าของร้านนี้ จึงรีบเตือน “ เถ้าแก่หยาง พวกเขาเพิ่งจะติดของพวกนี้ที่นี่ อีกทั้งยังร้องตะโกนเสียงดัง บอกว่าคุณไร้ยางอายและเป็นหนี้พวกเขาไม่ยอมใช้หนี้คืนอีกด้วย ? ”
หยางโปหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “ พวกเขายังพูดอะไรอีก ? ”
“ เรื่องนี้ผมก็ไม่แน่ใจ เถ้าแก่หยาง เริ่มแรกธุรกิจของคุณดีขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำต่อ น่าจะมีอนาคตที่ดีกว่า จะมาเป็นหนี้พวกเขาอยู่ได้ยังไง ? ยิ่งไปกว่านั้น ดูท่าทางของพวกเขาแล้วไม่เหมือนกับเป็นคนดี ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ก็เพื่อป้องกันพวกเขา ถ้าเกิดพวกเขาเข้าไป
คุณจะต้องสูญเสียมากแน่ๆ ! ”
หยางโปจึงรีบขอบคุณอีกฝ่าย แล้วโบกมือให้ทุกคน “ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของทุกท่าน ผมรู้จักสองคนนี้ พวกเขาสมองมีปัญหานิดหน่อย ขอให้ทุกคนยกโทษให้ด้วย แยกย้ายกันเถอะ แยกย้ายกันเถอะ ! ”
หลายคนคงคิดว่าเมื่อสักครู่นั้นมันเป็นการแสดง ดังนั้นจึงมามุ่งดูกันด้วยความสนใจ
ตอนนี้หยางโปเริ่มมาไล่ทุกคนไปแล้ว ทุกคนก็ไม่เกรงใจ ต่างพากันแยกย้ายกันกลับไปทันที
ไม่นาน คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุก็ทยอยลดลง หยางโปถึงได้หันมองไปที่พ่อหยาง ” ในเมื่ออยากได้
ร้าน โทรหาผมก็ได้ ทำไมต้องมาหาเรื่องถึงที่นี่ ? ”
“ นี่พวกเรามาหาเรื่องเหรอ ? พวกเรากำลังช่วยแกดึงดูดความสนใจ ตราบใดที่มีคนรู้ว่าร้านนี้ของแกมีคน วันหลังก็จะมาซื้อของที่นี่ แกเข้าใจไหมหะ ! ” พ่อหยางพูดเสียงดัง
เมื่อหยางโปได้ยินแบบนี้ ก็พูดไม่ออกไปทันที เขาจ้องมองพ่อหยาง “ คุณดึงดูดผู้คนแบบนี้เนี่ยนะ ? นี่พวกคุณกำลังมาสร้างเรื่องตลกทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะซะมากกว่า อันที่จริงพวกคุณไม่ได้ต้องการมาทำธุรกิจกันจริงๆหรอก ! ”
“ แล้วแกคิดว่าอะไรคือการทำธุรกิจ ? ในเมื่ออยากให้เรารู้ว่าอะไรคือการทำธุรกิจ ถ้างั้นก็รีบส่งมอบกุญแจมาให้สิ ยังไงซะร้านนี้นายก็ไม่ขายของอีกแล้ว เก็บไว้ก็เสียเปล่า ปล่อยมาให้พวกเราเถอะ ! ” พ่อหยางกล่าว
หยางโปมองไปที่ทั้งสองคน ” พวกคุณต้องการเปิดร้านอะไร ? ”
“ เปิดร้านปิ้งย่าง ” หยางหลางกล่าว
พ่อหยางส่ายหัว “ ไม่ พวกเราต้องเปิดร้านขายผลไม้ มันจะง่ายกว่าหน่อย ”
“ ร้านปิ้งย่างดีกว่า ลูกค้าจะเยอะ ” หยางหลางกล่าว
พ่อหยางเบิกตาโต “ แกจะกินดื่ม ปิ้งย่างทุกวันเลยหรือไง ? ”..Aileen-novel
หยางหลางโต้เถียง “ พ่อ พ่อแก่แล้วตามยุคสมัยไม่ทัน ปิ้งย่างหาเงินได้เยอะมากเลยนะ ! ”
“ ฉันบอกว่าให้ทำอะไรก็ทำตามนั้น ! ” พ่อหยางถลึงตาใส่
หยางโปยืนมองทั้งสองคนทะเลาะกันอยู่ข้างๆ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่มองเขาเลยด้วยซ้ำ
แม้แต่ตอนนี้ เขาก็ยังไม่ได้แสดงจุดยืนอะไร พวกเขาพากันคิดไปเองแล้วว่าร้านแห่งนี้เขาต้องมอบมันให้หยางหลางอย่างแน่นอน !
ฮัวชิงหยุนที่ยืนอยู่ข้างกาย กะซิบถามเสียงเบา “ นี่คือพ่อบุญธรรมของนายงั้นเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ใช่ ”
ฮัวชิงหยุนมองไปที่หยางหลางสองพ่อลูกด้วยความสงสัย จากนั้นก็มองไปที่หยางโปอีกครั้ง
และถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่หยางโปไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าหยางโปเป็นเหมือนพวกเขา ที่เห็นแก่ตัวกันแบบนี้ มันก็เป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวมาก !
หลังจากการโต้เถียงกันเป็นเวลานาน ทั้งสองก็ดูเหมือนค่อนข้างที่จะเหนื่อย พ่อหยางหันมามองหน้าหยางโป ” ทำไมแกยังไม่หยิบกุญแจออกมาล่ะ ? ”
“ พวกคุณตัดสินใจกันได้แล้วใช่ไหม ? สรุปว่าจะเปิดร้านอะไร ? ” หยางโปถาม
“ เปิดร้านปิ้งย่าง ! ” พ่อหยางกล่าว
หยางหลางมีรอยยิ้มผุดขึ้นตรงใบหน้า “ ใช่ มันควรจะเป็นแบบนี้นานแล้ว พ่อ พ่อต้องรู้นะว่าการเปิดร้านปิ้งย่าง แน่นอนว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่อยากจะกินอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ พวกคุณก็ทำได้เหมือนกัน นี่ผมคิดเผื่อทุกคนเลยนะ ! ”
หยางโปยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ ในเมื่อจะเปิดร้ายปิ้งย่าง พวกคุณเรียนทำปิ้งย่างกันมาแล้วหรือยัง ? ”
“ ฉันทำได้ ! ” หยางหลางพูดเสียงดัง “ นายน่าจะรู้ดีนะ แต่ก่อนฉันกินปิ้งย่างบ่อยมาก เพื่อนๆ ล้วนขอให้ฉันทำปิ้งย่างให้ พวกเขาทุกคนต่างยกย่องความสามารถของฉัน ! ”
หยางโปขมวดคิ้ว เขาเงยหน้าขึ้นมอง ป้ายร้านวัตถุโบราณยังอยู่ที่นั่น เขาจึงไม่สามารถที่จะปฏิเสธอีกฝ่ายได้ ” เอาแบบนี้แล้วกัน พวกคุณมาพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ผมจะทำความสะอาดที่นี่ก่อนแล้วค่อยส่งมอบให้พวกคุณ ”
“ ตกลง พรุ่งนี้เมื่อไหร่ ? ” หยางหลางรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ราวกับว่าจะเริ่มเปิดร้านปิ้งย่างแล้ว
แต่พ่อหยางกลับคัดค้าน “ ไม่ได้ ไม่ได้ ต้องเอามาให้วันนี้ แกก็รู้ดีว่าเวลาเป็นเงินเป็นทอง
หยางหลางไม่ได้ทำงานมานานแล้ว จำเป็นต้องช่วยหางานที่มั่นคงให้เขา เพื่อให้เขายุ่งกับการทำงาน ! ”
หยางหลางหันไปมองหน้าพ่อ ด้วยความรู้สึกหงุดหงิด พ่อก็จริงๆเลย ทำไมต้องรีบร้อนให้เขาทำงานด้วย ?
“ จำเป็นต้องให้เขาส่งมอบมาให้ได้ วันนี้ถือว่าเราจับตัวเขาไว้ได้แล้ว ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่มาล่ะ
เราจะไปเอากุญแจยังไง ? ” พ่อหยางกระซิบกระซาบ
หยางโปได้ยินแม้กระทั่งเสียงของพ่อหยาง เขารู้สึกหงุดหงิดมาก แต่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก และขอให้หลูตงซิงส่งรถบรรทุกมาขนของ
เมื่อหยางโปเปิดบานประตูเลื่อนขึ้น พวกเขาสี่คนก็เดินกันเข้าไป
พ่อหยางมองดูเครื่องเรือนในร้านเมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ไม้มะฮอกกานี ก็เอ่ยปากพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า “ อันนี้ดี วางไว้เป็นโต๊ะปิ้งย่าง แค่เห็นก็ดูดีแล้ว ! ”
หยางโปเหลือบมอง “ ไม่ได้ ตัวนี้ต้องย้ายออกไป ใช้ทำเป็นโต๊ะปิ้งย่างมันสิ้นเปลืองเกินไป ”
“ จะสิ้นเปลืองได้ยังไง สิ่งนี้สามารถปรับปรุงคุณภาพของร้านปิ้งย่างได้ ! ” พ่อหยางกล่าว
หยางโปยังคงส่ายหน้า “ ไม่มีทาง พวกคุณอย่าแม้แต่ที่จะคิด ของทุกสิ่งที่นี่จะต้องถูกขนออกไปทั้งหมด ! ”
“ เก้าอี้สองตัวและโต๊ะชาหลายตัวนี้ทิ้งไว้ตรงนี้ ถ้าแขกมาก็สามารถจิบชาได้ ! ” พ่อหยางกล่าวต่อ
หยางโปส่ายหน้า “ ร้านปิ้งย่างเต็มไปด้วยน้ำมัน แน่นอนว่าต้องมีโต๊ะอาหารอยู่แล้ว จะมีที่ดื่มชาได้ยังไง ? ”
“ แกต้องการทำอะไรกันแน่ ? นี่ก็ไม่ให้ นั่นก็ไม่ให้ ! ” พ่อหยางเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว

หลังจากกินข้าวอิ่ม หลูตงซิงก็ถือโอกาสจัดการสะสางงานที่บ้านเลย และยังนำหนังสือปัญหาเล่มที่เขาเตรียมเอาไว้ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าหยางโปให้เขาดู
หยางโปพลิกดูแผ่นพับของหลูตงซิง ก็เห็นเขาเขียนคำถามไว้มากมาย ทั้งหมดเป็นคำถามที่เขาพบในการฝึกฝน แต่ข้อมูลเหล่านี้สำหรับหยางโปแล้ว มันไม่ใช่ปัญหาเลย เขามองแค่แวบเดียว จากนั้นก็วางมันลง
เมื่อหลูตงซิงเห็นหยางโปวางคำถามเหล่านี้ลง ก็อดไม่ได้ที่จะถาม “ นายไม่มีปัญหากับคำถามพวกนี้เลยเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้า ” ก็ถือว่าดี ”
เมื่อเห็นหยางโปตอบมาแบบนี้ หลูตงซิงก็หยุดอ่านเอกสาร และเดินตรงเข้ามาเพื่อขอคำแนะนำจากหยางโป
หยางโปก็ไม่ถือสา อธิบายปัญหาทั้งหมดอย่างละเอียดอีกรอบ เพราะเขาผ่านขั้นตอนนี้มาแล้ว และพบปัญหาเหล่านี้มาแล้วทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน
ทางด้านหลูตงซิงที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
ถึงยังไงซะ หลูตงซิงก็สัมผัสกับของพวกนี้ได้ไม่นานเท่าไร ดังนั้นจึงมีคำถามเกิดขึ้นได้ง่าย
หยางโปใช้เวลาไปมากกว่าครึ่งชั่วโมงในการอธิบายคำถามทั้งหมดอย่างชัดเจน
ทันใดนั้น หลูตงซิงก็ตัดบทถามออกมาเลยว่า ” ฉันจะเริ่มฝึกได้เมื่อไร ? ”
“ อย่ารีบร้อนไป คุณควรพิจารณาประเด็นคำถามทั้งหมดให้ชัดเจนก่อน และรอจนกว่าจะฝึกซ้อม จะได้ไม่ต้องมาวิตกกังวลจนเกินไป ” หยางโปกล่าว
“ ฉันมักจะรู้สึกว่ามีคำถามอยู่เยอะมาก เรื่องบางอย่างก็คิดแล้วไม่เข้าใจ หรือว่าฉันจะไม่มีวันฝึกฝนได้ ? ” หลูตงซิงรู้สึกสงสัย
หยางโปส่ายหน้า “ คุณต้องผ่อนคลาย ผมเข้าใจสถานการณ์ของคุณดี ถ้าตามคำถามของคุณ
ผมสามารถวินิจฉัยสถานการณ์ที่คุณพบเจออยู่ได้ รอเมื่อไรที่คุณถามลึกกว่านี้ ก็สามารถฝึกฝนได้แล้ว เมื่อเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ในอนาคตเมื่อลงทุนลงแรงน้อย แต่ผลตอบแทนที่ได้ถือว่ามากเป็นทวีคูณ ! ”
หลูตงซิงพยักหน้า “ ที่พูดมามันก็ใช่ ไม่เป็นไร ฉันจะฟังที่นายว่าก็แล้วกัน ”
หยางโปกำลังจะพูดอีกสองสามคำ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เมื่อก้มหน้าลงมอง ก็เป็นชุยอี้ผิงนี่เองที่โทรมา
หยางโปหันไปส่งซิกให้หลูตงซิง และรับโทรศัพท์
ชุยอี้ผิงดูจะค่อนข้างจะเป็นกังวล ” เสี่ยวโป นายไปไหนแล้ว ? ”
“ อ้อ พอฉันออกจากบ้านก็ถูกนักข่าวคนเมื่อวานตามตื้อ ฉันอยากจะสลัดเธอทิ้ง ตอนนี้ฉันเลยออกมาแล้ว ” หยางโปกล่าว
ชุยอี้ผิงทำตัวไม่ถูก ” ไม่มั้ง นายจะทิ้งพวกเราไว้ที่นี่แบบนี้เลยเหรอ ? นี่มันไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ ? ”
“ กุญแจวางยู่บนโต๊ะอาหาร นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกนายมาที่จินหลิงกันแล้ว ถนนหนทางก็คุ้นเคยดี กุญแจรถก็อยู่บนโต๊ะอาหารด้วยเหมือนกัน เดี๋ยวรอสักพักพวกนายก็ขับรถออกไปหาอะไรกินกันเองนะ ” หยางโปกล่าว
ชุยอี้ผิงทำได้เพียงตอบรับ เขาวางสายอย่างไม่เต็มใจและเหลือบมองไปที่หงซิ่วซิ่วและเหอจี
” ช่วยไม่ได้ เขาจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว ”
เหอจีอดผิดหวังอยู่บ้างไม่ได้ “ ฉันมันแย่มากเลยเหรอ ? พวกคุณไม่เห็นตอนที่ฉันไล่ตามทัน
เขาตกใจจนขึ้นรถหนีไป ไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด ! ”..ไอลีนโนเวล
“ คุณไม่ต้องกังวลไป ครั้งหน้าผมต้องสั่งสอนเขาแน่ ! ” ชุยอี้ผิงกล่าว
หงซิ่วซิ่วจ้องมาที่เขา “ นักข่าวเหอ คุณก็เห็นแล้ว พวกเราทำกันเต็มที่แล้ว ตอนนี้มันก็สายมากแล้ว วันนี้พวกเรายังมีเรื่องให้ต้องออกไปทำอยู่อีก ”
หงซิ่วซิ่วเอ่ยปากไล่แขกทางอ้อม เหอจีเลยทำได้เพียงต้องขอตัวลากลับไปก่อน
ชุยอี้ผิงมองตามเหอจีที่เดินออกไปและอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ เมื่อวานเป็นเพราะคุณช่วยคนอื่นสัมภาษณ์แทนเสี่ยวโป ทำไมตอนนี้ไม่ช่วยอีกล่ะ ? ”
“ ฉันแค่อยากจะลองดู ว่าเสี่ยวโปชอบแบบนี้ไหม ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชอบมันเลย ไม่อย่างนั้นคงจะไม่หนีแบบนี้ ” หงซิ่วซิ่วพูด “ นี่ฉันไม่ได้ทำเพื่อตัวคุณเองหรอกหรือไง เพื่อช่วยคุณทำภารกิจให้เสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีไง ? ”
ชุยอี้ผิงมองไปที่หงซิ่วซิ่ว ” กลอุบายนี้ของคุณลึกล้ำเกินไปไหม ? ”
หงซิ่วซิ่วทำเสียงฮึดฮัดดูถูก ” ถ้าไม่มีกลอุบายอยู่เลยสักนิด แล้วจะเอาเหอจีอยู่ได้ยังไง ? ”
หยางโปกลับไม่รู้เรื่องนี้เลย เขาขับรถของหลูตงซิงมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง หลังจากรับฮัวชิงหยุน
ออกมาแล้ว เขาก็วางแผนที่จะพาฮัวชิงหยุนไปซื้อของ ในเมื่อจีบกันอยู่ มันก็ต้องทำตัวเหมือนเป็นคู่รักสิ
เห็นได้ว่าฮัวชิงหยุนมีความสุขมาก เธอนั่งอยู่ในรถและพูดไม่หยุดเลย
ทั้งสองคนเดินเล่นอยู่ในห้าง ฮัวชิงหยุนไม่ได้ซื้ออะไรเลย แต่ดูมีความสุขอยู่ตลอดเวลา
หลังจากเดินเล่นมารอบหนึ่ง ฮัวชิงหยุนก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เธอหันไปเสนอกับหยางโป
“ นายมีร้านขายวัตถุโบราณอยู่ร้านหนึ่งไม่ใช่เหรอ ? พวกเราไปร้านขายวัตถุโบราณกันดีไหม ? ”
“ ในร้านไม่มีของดีอะไรแล้ว ” หยางโปพูด
“ ไม่เป็นไร พวกเราแค่ไปดู ฉันคิดว่าร้านของนายน่าสนใจมาก ” ฮัวชิงหยุนกล่าว
หยางโปพยักหน้า “ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ เราไปด้วยกันเลย ”
พอขับรถมุ่งหน้ามาที่หน้าร้านวัตถุโบราณ หยางโปก็เห็นว่ามีผู้คนมารุมล้อมอยู่นอกร้านจำนวนมาก ทำให้เขารู้สึกค่อนข้างแปลกใจ ทั้งสองจึงลงจากรถแล้วเดินตรงไปที่ร้าน
เมื่อเข้าใกล้ขึ้นมาหน่อย หยางโปถึงได้มองทะลุผ่านฝูงชน และเห็นหยางหลางและพ่อหยาง
ทั้งสองยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หยางโปต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อได้มาเห็นพวกเขาพ่อลูกปรากฏตัวขึ้นที่นี่อีกครั้ง มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เพราะการมาถึงของพวกเขานั้นหมายความว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่ !
พวกเขามาที่นี่เพื่อมาหาเรื่อง !
หยางโปคว้าแขนของฮัวชิงหยุนไว้ ” พวกเราไม่เข้าไปกันแล้ว ไปกันเถอะ ! ”
แม้ว่า ฮัวชิงหยุนจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ยังคงเดินตามหยางโปกลับไป
ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินกลับ ก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านหลังตามมา “ พ่อ ! พ่อ ! หยางโปอยู่ที่นั่น ! เขาอยู่ที่นั่น ! ”
“ อยู่ไหน ? เขาอยู่ที่ไหน ? ” พ่อหยางถามเสียงดัง
ทั้งสองผละออกจากฝูงชน หยางหลางมองเห็นหยางโปและตะโกนเสียงดังว่า
” หยางโป หยางโป ! แกหยุดเลยนะ ! หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ ! ”
หยางโปอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางด้านหลัง อาการบาดเจ็บบนหน้าของหยางหลางยังไม่หาย ยังดูค่อนข้างที่จะบวมช้ำ ตอนที่ไล่ตามมาขาก็เดินโซซัดโซเซ แต่เดินเร็วทีเดียว
ในเมื่อถูกเห็นเข้าแล้ว หยางโปก็ไม่สามารถจากไปได้ง่ายๆอีก จึงทำได้เพียงดึงฮัวชิงหยุนให้หยุดเดินก่อน
ไม่นาน หยางหลางก็ไล่ตามพวกเขาทั้งสองมาทัน
พ่อหยางดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อย “ แกเห็นเราแล้วจะวิ่งหนีทำไมหะ ? ทำอย่างกับพวกเราจะกินแกอย่างงั้นแหละ ? ”
หยางโปขมวดคิ้ว “ แล้วผมวิ่งหนีไปแล้วหรือยัง ? ”
พ่อหยางถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที
หยางหลางยิ้มเหยเก “ เสี่ยวโป มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันกับพ่อมาที่นี่ในวันนี้ เพราะเห็นว่าร้านของนายก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ตอนนี้นายก็ไม่ค่อยอยู่ที่จินหลิงบ่อยนัก คิดว่าร้านนี้คงไม่ค่อยได้ใช้ ดังนั้นพวกเรา แค่คิด แค่คิดว่า… ”
ในขณะพูด สีหน้าของหยางหลางก็แสดงรอยยิ้มที่เขินอายออกมาเล็กน้อย สองมือถูไปมา
สีหน้ายิ้มอย่างอึดอัดใจ
แต่พ่อหยางกลับไม่สนใจอะไรมากนัก “ พูดสิ จะอายอะไร แกก็บอกเขาไปสิว่าเราต้องการใช้พื้นที่ร้านของเขาทำธุรกิจ เขาจะไม่ให้ได้ยังไง ? ”
หยางโปเหลือบมองไปที่พ่อหยาง จากนั้นก็มองไปที่ฝูงชน และถามออกมาด้วยความสงสัย
“ เมื่อกี้พวกคุณทำอะไรอยู่ ? ทำไมถึงมีคนจำนวนมากมารุมล้อมอยู่แบบนี้ ? ”
พ่อหยางตกตะลึงนิ่งอึ้งในทันทีและไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไร

เหอจีจ้องหน้าหยางโปไม่วางตา “ คุณหยาง คุณอย่าทำแบบนี้สิ การสัมภาษณ์เสร็จเร็วมาก
แถมไม่ทำให้คุณเสียเวลามากอีกด้วย คุณคิดว่าจะได้ไหม ? ”
หยางโปกางแขนออก เห็นได้ชัดว่าไม่อาจที่จะช่วยเหลือได้ “ คุณผู้หญิง มันไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำ แต่มันเป็นเพราะว่าสถานะของผมมีขีดจำกัด ถ้าคุณกลับไปตรวจสอบดูสถานะของผมแล้วจริงๆ คุณจะตัดความคิดไปจากผมแน่นอน ! ”
หยางโปคุยโอ้อวดไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้ทำไม วันนี้เขารู้สึกเหมือนจะสนใจที่จะพูดคุยเรื่องพวกนี้กับอีกฝ่ายและไม่ได้รู้สึกรำคาญเช่นกัน
เหอจีจ้องมองหยางโป “ ในเมื่อคุณไม่ยอมให้ฉันสัมภาษณ์ และยังไม่ยอมช่วยฉันติดต่อหลูตงซิงให้ยอมสัมภาษณ์ แล้วคุณต้องการอะไรกันแน่ ? ”
หยางโปยิ้ม “ ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว หรือว่าคุณอยากกลับบ้านไปกับผม ? ”
เหอจีมองหยางโปตั้งแต่หัวจรดเท้า “ คุณกล้าที่จะพาฉันกลับบ้านไหมล่ะ ? ”
“ ทำไมจะไม่กล้า ? ” หยางโปตอบ
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น หยางโปก็ถือโอกาสกดปุ่มสวิตซ์ของลิฟต์ไปด้วย
เหอจีก็ไม่รู้สึกกลัวเช่นกัน และเดินตามหยางโปมาถึงชั้นบนตึกบ้านของเขาจริงๆ จนกระทั่งหยางโปเปิดประตูบ้าน เหอจีก็เดินตามหลังเขามาตลอด
หยางโปเปิดประตูมา ก็เห็นชุยอี้ผิงทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาดูโทรทัศน์อยู่ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ทั้งสองก็พากันหันหน้าไปมอง
“ คนคนนี้เป็นใคร ? ” ชุยอี้ผิงจ้องมองเหอจี ด้วยความรู้สึกแปลกใจ
หยางโปนิ่งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็หันหน้ากลับไปมอง “ ผมลืมถามชื่อคุณไปเลย คุณชื่อว่าอะไรนะ ? ”
“ ฉันชื่อเหอจี เป็นนักข่าว อยากจะมาสัมภาษณ์คุณหยางสักครั้งหนึ่งนะค่ะ ” เหอจีเอ่ยปากพูด
ชุยอี้ผิงจ้องมองอย่างสำรวจ ก็อดที่จะหัวเราะร่าไม่ได้ “ ฉันว่าแล้วไหมล่ะ นี่มันต้องไม่ใช่เรื่องจริงแน่นอน ”
หงซิ่วซิ่วลุกขึ้น กล่าวต้อนรับอย่างเป็นกันเอง “ เข้ามาสิ คุณผู้หญิง รีบมานั่งเร็ว กินผลไม้กันก่อน ! อี้ผิง คุณไปต้มน้ำหน่อย ”
“ อืม ” ชุยอี้ผิงยิ้มพร้อมทั้งยืนขึ้น และเดินเข้าห้องครัวไป
เหอจีตกตะลึงไปสักพัก เดิมทีเธอคิดว่าหยางโปจะพักอยู่คนเดียวซะอีก คิดไม่ถึงว่า ในบ้านยังจะมีคนอื่นอยู่อีก อีกทั้งยังเป็นกันเองมากแบบนี้
หยางโปยิ้มให้แต่ก็ไม่ได้สนใจเหอจี เขาเปลี่ยนรองเท้า และเดินไปนั่งบนโซฟา จากนั้นก็หยิบแตงโมชิ้นหนึ่งขึ้นมากัดกิน
เหอจีถึงเพิ่งจะรู้ตัว และหันไปส่งยิ้มอย่างเขินอายให้หงซิ่วซิ่ว “ คุณไม่ต้องทำตัวเกรงใจขนาดนั้น ไม่ต้องเกรงใจนะ ”
หงซิ่วซิ่วดึงมือเหอจีให้เข้ามานั่ง ยิ้มและกล่าวว่า “ รีบนั่งลงเร็ว อยากสัมภาษณ์เสี่ยวโปเหรอ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี เขาจะไม่ยอมตอบตกลงได้ยังไงกัน ? ”
เมื่อได้ยินหงซิ่วซิ่วพูดเช่นนี้ เหอจีก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที เธอรู้สึกว่าตัวเองหาทิศทางที่ถูกต้องเจอแล้ว “ ใช่ นี่เป็นเรื่องที่ดี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคุณหยางถึงไม่ยอมให้สัมภาษณ์ ! ”
เวลานี้ชุยอี้ผิงก็เดินกลับมา เขายกกาน้ำชาเข้ามาหา และหันไปขยิบตาให้หยางโป
หยางโปส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ คุณต้องการสัมภาษณ์หลูตงซิงมากกว่า เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ ? ”
พอพูดจบ หยางโปก็ชี้มือไปทางชุยอี้ผิง “ เห็นผู้ชายคนนี้ไหม ? บุคคลผู้นี้ถึงจะเป็นบุคคลสำคัญที่คุณอยากจะสัมภาษณ์ นักวาดภาพชื่อดัง ตอนนี้ยังเป็นประธานผู้บ้าอำนาจของบริษัทสื่อบันเทิงอีก นี่คือคู่รักที่สมบูรณ์แบบในใจของสาวๆเลยก็ว่าได้ ! ”
“ เสี่ยวโป นี่นายพูดบ้าอะไรเนี่ย ! ” ชุยอี้ผิงรีบตะคอกว่าให้
หยางโปหันหน้ากลับไปมอง เมื่อเห็นหงซิ่วซิ่วทำหน้าไม่พอใจมองมา เขาก็รีบหัวเราะกลบเกลื่อน “ เอาล่ะ ก็เห็นเป็นแขกแล้วกัน ครั้งหน้าถ้าอยากจะสัมภาษณ์ ให้ไปหาหลูตงซิงนะ ”..ไอลีนโนเวล
เหอจีอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าหงซิ่วซิ่ว “ เขาเป็นใครกันแน่ ทำไมพอได้ยินเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ ก็ทำราวกับว่าจะทำร้ายเขาอย่างนั้นแหละ ”
หงซิ่วซิ่วยิ้ม แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร ในเมื่อหยางโปไม่ยินยอมที่จะพูด มันก็เป็นปกติที่เธอจะไม่พูดอะไรมาก
เหอจีเป็นนักข่าวมานานหลายปี เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้เห็นผู้คนมามากมายในโลก
เมื่อเห็นหงซิ่วซิ่วพูดทักทายมาบ้าง เธอก็หันไปคุยกับหงซิ่วซิ่วแทน และคิดที่จะหลอกถามคำถามกับเธอ แต่คิดไม่ถึงว่า หงซิ่วซิ่วจะไม่ตกหลุมพราง ไม่ว่าจะทำยังไงก็หลอกถามอะไรเธอไม่ได้เลย
ทางด้านชุยอี้ผิงก็หนีไปอาบน้ำ หยางโปก็นั่งเบื่อไม่มีอะไรทำ ก็เลยไปอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำกลับมาก็ยังเห็นทั้งสองคนยังคงพูดคุยกันอยู่
หยางโปจึงไม่สนใจพวกเธอเดินกลับเข้าห้องนอนไปเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากหยางโปลุกจากการนั่งสมาธิ ก็อาบน้ำล้างหน้าอย่างเรียบง่าย ในตอนที่กำลังจะออกไปฝึกฝนยามเช้าตรู่ที่สวนสาธารณะ กลับเห็นเหอจีเดินตามหลังเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
หยางโปอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้ เขาหันหน้าไปมองเหอจีก็เห็นในมือของเธอถือกล้องถ่ายอยู่
ก็อดไม่ได้ที่จะถามไปว่า “ คุณคิดที่จะทำอะไรกันแน่ ? ”
เหอจีแกว่งกล้องถ่ายในมือไปมา “ ไม่มีอะไร คุณทำธุระไปเถอะ ฉันแค่อยากจะถ่ายทำกิจวัตรในแต่ละวันของเศรษฐีเท่านั้น ”
หยางโปถึงกับตกตะลึงไปทีเดียว และนึกขึ้นมาได้ ถึงกับตามติดเขามาได้ ก็คงมีแค่ชุยอี้ผิงเขาสองคนนั่นแหละ แต่ชุยอี้ผิงไม่มีทางทำอะไรน่าเบื่อแบบนี้ ถ้างั้นก็คงเป็นหงซิ่วซิ่วที่หลุดเปิดเผยข้อมูลของเขา ! คิดไม่ถึงว่าแผนการเมื่อคืนของเหอจีจะได้ประโยชน์ เขาถูกหงซิ่วซิ่วทรยศเข้าให้แล้ว
หยางโปไม่สนใจเธอ เขาเร่งฝีเท้าและวิ่งตรงไปข้างหน้า
เมื่อเลี้ยวไปตรงบริเวณหัวมุมถนนของเขตที่พัก หยางโปก็ต่อสายโทรหาหลูตงซิง แล้วใช้ให้เขาส่งคนมารับ
หลังจากโทรศัพท์ หยางโปก็ยืนรออยู่ที่เดิม หลังจากนั้นไม่นาน เหอจีก็ไล่ตามเขามาทัน
เมื่อเธอเห็นหยางโปหยุดอยู่ที่เดิม ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ
“ ขอบคุณมากที่คุณรอฉัน ! ”
ในระหว่างที่พูด เหอจีก็กระหืดกระหอบออกมาด้วยความเหนื่อย มือที่ถือกล้องไว้ตลอดสั่นไหวเล็กน้อย เธอเงยหน้ายืนตัวตรง และกดเปิดดูกล้อง กลับเห็นว่ารูปภาพที่ถ่ายออกมาเลือนลางเพราะมือสั่น
เธอดูท้อแท้อยู่ไม่น้อย และหันมาพูดกับหยางโป “ คุณหยาง ขอสัมภาษณ์แค่ครั้งเดียว คุณจะหลบทำไมกัน ? ”
หยางโปฉีกยิ้มให้ “ นี่ผมไม่ใช่ว่ารอคุณอยู่หรือไง ? ”
เหอจีมองหน้าหยางโป ด้วยความระแวดระวัง “ คุณคงไม่หลอกฉันนะ ? จะยอมให้ฉันสัมภาษณ์จริงๆใช่ไหม ? ”
หยางโปหัวเราะ “ คุณไปหาหลูตงซิงไม่ได้หรือไง ? ”
“ ฉันก็อยากไปมาก แต่คุณหลูเขาไม่ยอม ” เหอจีกล่าว
ในระหว่างที่พูดคุยกันนั้นเหอจีก็เห็นหยางโปกวักมือ รถเมอร์เซเดสสีดำคันหนึ่งก็มาจอดอยู่ข้างๆ เขา
เธอคิดไม่ถึงว่าจะเห็นหยางโปจะหันมาโบกมือให้เธอ จากนั้นก็ขึ้นรถไปและออกไปจากที่นี่เลย !
คิดไม่ถึงว่าเขาจะจากไปแบบนี้ จากไปแบบนี้เลย !
เหอจีก้มหน้าลงมองมือถือตัวเอง นึกถึงคำพูดที่หงซิ่วซิ่วพูดกับตัวเองเมื่อคืนมาคำหนึ่ง
ทุกเช้าหยางโปจะตื่นขึ้นมาออกกำลังกาย เธอเลยตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ แล้วรีบลงมารอที่ด้านล่างตึก จนรอหยางโปมา แต่คาดคิดไม่ถึงว่าจะถูกหยางโปทิ้งแล้วหนีไปแบบนี้
หยางโปขึ้นรถแล้วรีบมาที่บ้านของหลูตงซิง และถือโอกาสกินข้าวเช้ากับหลูตงซิงซะเลย
หลูตงซิงดูตกใจเอามากๆ เขาเอาแต่จ้องมองชุดฝึกวรยุทธสีขาวบนตัวหยางโป
“ ทำไมมาหาฉันตั้งแต่เช้าตรู่เลยล่ะ ? ”
“ คุณยังจำนักข่าวสาวคนเมื่อวานได้ไหม ? ” หยางโปถาม
หลูตงซิงพยักหน้า และเอ่ยถามกลับไปว่า “ ที่อยู่ตึกเดียวกับนายในเขตที่อยู่อาศัยเดียวกัน คงไม่ไปตามรังควานนาย เพื่อไปขอข้อมูลติดต่อฉันหรอกนะ ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ใช่นะสิ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้คุณต้องรับผิดชอบ ! ”
หลูตงซิงหลุดหัวเราะออกมา “ งั้นก็ดีเลย ถ้าอย่างนั้นนายก็มาพักอยู่กับฉันเลย ! พอดีเลย
ฉันก็มีเรื่องราวไม่น้อยที่จะขอคำชี้แนะจากนายด้วย ! ”

ตอนที่ 943 ผมเป็นคนขับรถของเขา
หยางโปเปิดเผยชื่อที่แท้จริงของตัวเอง ดูเหมือนจะกระตุ้นความทรงจำของทุกคน เถ้าแก่ทั้งสี่คนในงาน คิดไม่ถึงว่าจะมีสามคนที่จำเขาได้คลับคล้ายคลับคลา
พวกเขาชักชวนหยางโปพูดคุยเรื่องวัตถุโบราณ และพูดคุยกันถึงงานประมูลของจินหลิงชุน
ถ้าตามที่ชุยอี้ผิงคาดการณ์ไว้ งานเลี้ยงครั้งนี้ น่าจะเจอเข้ากับปัญหาบางอย่าง เขาลากหยางโปมาด้วย ก็เพื่อที่อยากจะให้เขาได้เห็นว่างานแบบนี้มันไม่ได้ง่ายดาย แต่ไหนเลยคาดไม่ถึงว่า
หยางโปเพิ่งมาถึงก็จะได้รับการต้อนรับที่ดีเอามากๆ โดยเฉพาะอย่ายิ่ง สีหน้าท่าทีของเถ้าแก่พวกนี้ที่กระตือรือร้นกันมาก
หยางโปถือโอกาสนี้เสนอจุดประสงค์ของความร่วมมือ และก็ไม่ได้มีอุปสรรคมากนัก พวกเขาพากันตอบตกลงด้วยดี
หลังจากดื่มเหล้าไปสองสามแก้ว ก็มีคนหนึ่งใช้โอกาสนี้เอ่ยปากถาม ” เถ้าแก่หยาง พวกเราอยากรู้จริงๆวัตถุที่แท้จริงของโรงประมูลจินหลิงชุนมีอัตราส่วนอยู่ที่เท่าไร ? ถ้าเทียบกันแล้วพวกเราก็ถือได้ว่าเป็นลูกค้าที่ซื่อสัตย์และไว้ใจได้ ”
หยางโปหัวเราะ “ ถ้าบอกคนอื่นผมขอพูดเลยว่า 100% แน่นอน แต่มีบางเรื่อง พูดไปตามจริงมันก็ไม่เห็นเป็นไร มันก็เป็นแบบเดียวกับการประมูลที่สำคัญในช่วงฤดูใบไม้ผลิและการประมูลในฤดูใบไม้ร่วง มันจะไม่มีของปลอมอยู่เลย เพราะผมจะรีบกลับไปดำเนินการประเมินพิสูจน์และยืนยันด้วยตนเอง ”
“ แบบเดียวกับการประมูลในเวลาปกติทั่วไป โดยพื้นฐานแล้วจะไม่มีของปลอม ของหนึ่งในร้อยชิ้นสามารถเลือกของปลอมขึ้นมาได้สักชิ้น ถือว่าร้ายแรงมากแล้ว หากพวกคุณโชคร้ายขึ้นมาจริงๆ และซื้อได้ของปลอมก็ไม่ต้องบ่น แค่กลับมาหาผมรับรองว่าจะรับคืนสินค้าให้ ! ”
“ เถ้าแก่หยาง ช่วงนี้ผมคิดที่จะซื้อผลงานภาพวาดของจิตรกรหมิงและชิงเพื่อนำไปเป็นของขวัญ ไม่ทราบว่า เถ้าแก่หยางพอจะแนะนำให้ผมสักชิ้นได้ไหม ? ” ในที่สุดเถ้าแก่คนนั้นก็เปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาออกมา
“ ได้สิ พรุ่งนี้พวกเราไปที่นั่นด้วยกัน ” หยางโปยิ้มพร้อมกับตอบกลับไปด้วย
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนพูดคุยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งงานเลี้ยงจบลง แต่ก็ยังมีคนมาถามคำถามกับหยางโปอยู่
เมื่อเดินออกจากโรงแรม ชุยอี้ผิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ นี่มันอะไรกัน ? ทำไมพอฉันแนะนำนายให้คนอื่นรู้จัก ก็มักจะมีคนมาพูดคุยกับนาย ตอนที่คนอื่นแนะนำฉัน ทำไมไม่มีใครเหลียวแลฉันเลย ? ”
หยางโปอดหัวเราะไม่ได้ “ เพราะชื่อเสียงของนายยังไม่โด่งดังพอไง ฉันเคยเปิดร้านวัตถุโบราณในจินหลิง ตอนนี้ก็ยังมีโรงประมูลอยู่อีกแห่งหนึ่ง และยังเคยได้เข้าร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการพิสูจน์ยืนยันของเก่ามาก่อน ถือว่ามีชื่อเสียงมากในวงการ แล้วนายคิดว่าตัวเองจะมีชื่อเสียงอะไรบ้างล่ะ ? ”
ชุยอี้ผิงนิ่งอึ้งไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า ” ช่างเถอะ ฉันไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร ”
หยางโปยิ้มและกล่าวว่า “ ใช่ รอเมื่อนายมีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ก็จะเป็นเหมือนฉันเองนั่นแหละ เดี๋ยวก็มีคนมาล้อมหน้าล้อมหลัง และมีคนเต็มใจเคารพและศรัทธานายเองนั่นแหละ ”
เมื่อกลับมาถึงที่ชั้นล่างของตึกที่พัก ทั้งสองกำลังจะขึ้นไปชั้นบน จู่ๆ ก็มีผู้หญิงชุดขาววิ่งพรวดมาหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน ชุยอี้ผิงถึงกับตกใจจนใจตกไปอยู่ตาตุ่ม ” ผีหลอก ! “.ไอรีนโนเวล
ทางหยางโปเห็นหน้าอีกฝ่ายอย่างชัดเจนแล้ว นั่นคือผู้หญิงที่ชื่อเหอจี ที่เขากับหลูตงซิงเคยเจอเมื่อช่วงเช้า
ผู้หญิงคนนั้นสวมเสื้อและกระโปรงสีขาว แต่งหน้าอ่อนๆ เธอดูเขินอายเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะทำให้ชุยอี้ผิงตกใจกลัว
“ คุณกำลังรอหลูตงซิงอยู่ใช่ไหม ? เขาไม่อยู่ที่นี่กับผม ปกติก็จะไม่มาที่นี่ ผมคิดว่าคุณคงตามหาคนผิดแล้ว ” หยางโปพูด เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายอยากที่จะสัมภาษณ์หลูตงซิง เกรงว่าอยากจะหว่านเสน่ห์หลูตงซิงซะมากกว่า !
เหอจีรีบเอ่ยออกมาทันที “ สวัสดีค่ะ ฉันไม่ได้คิดที่จะมาหาคุณหลู แต่ฉันอยากมาพบคุณ ตอนเช้ารีบร้อนเกินไปหน่อย ลืมถามชื่อคุณไปเลย ”
หยางโปส่ายหัว “ ไม่จำเป็น ผมไม่จำเป็นต้องตอบ และอีกอย่างคุณก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้ ถ้าอยากรู้อะไร ให้ไปถามหลูตงซิงเอาดีกว่านะ ”
เหอจีถูกหลูตงซิงปฏิเสธมาแล้วในช่วงเช้า และเธอรู้สึกว่าทนหน้าด้านอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว สำหรับผู้หญิงที่หน้าตาสวยอย่างเธอ ปกติถ้าเอ่ยปากที่จะขอสัมภาษณ์ใคร ไม่มีทางที่จะถูกปฏิเสธแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่า เธอถูกหลูตงซิงปฏิเสธไปเมื่อช่วงเช้า ครั้งหนึ่งไม่ว่า แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะถูกหยางโปปฏิเสธอีกครั้ง !
“ คุณผู้ชาย คุณคิดว่าถ้าฉันตามหาคุณหลูพบ ยังจะต้องมาหาคุณอีกไหม ? ” น้ำเสียงของเหอจีดูค่อนข้างแข็งกระด้างเวลาพูด
ชุยอี้ผิงเดินเข้ามา เห็นได้ชัดว่าโมโหอยู่ไม่น้อย “ นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย ? เธอเป็นใครอีก ? ”
หยางโปชี้ไปทางเหอจี “ เธออยากมาดักรอหลูตงซิง เมื่อช่วงเช้าหลูตงซิงมีธุระมาหาฉัน
พอดีเจอกับเธอเข้าโดยบังเอิญ ดังนั้นคืนนี้จึงมาดัดรอพบเขาเป็นการเฉพาะ ”
ชุยอี้ผิงถอนหายใจอย่างโล่งอก “ ทำเอาฉันตกใจหมดเลย ฉันนึกว่าเจอผีซะอีก ! หลูตงซิงก็จริงๆเลย แล้วเธอมาหาเขาทำไม ? ”
“ ฉันจะมาสัมภาษณ์เขา ? คุณช่วยฉันติดต่อหาเขาได้ไหม ? ” เหอจีหันไปชายตามองชุยอี้ผิงและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ ผมไม่รู้จักเขาหรอก คุณไปหาหยางโปเถอะ พวกเขาสนิทกันมาก พวกเขาร่วมหุ้นทำธุรกิจด้วยกัน ผมเป็นเพียงคนมาทำงานให้เขาเท่านั้น ! ” ชุยอี้ผิงกล่าว
พอพูดจบ ชุยอี้ผิงก็หันไปพูดกับหยางโป “ ฉันจะขึ้นไปบนตึกแล้ว นายเคลียร์เรื่องให้จบล่ะ ”
ชุยอี้ผิงจากไปโดยไม่มีความภักดี ทิ้งหยางโปให้เผชิญหน้ากับเหอจีคนเดียว
เหอจีดูเหมือนจะค่อนข้างโกรธ “ ทำไมคนอย่างพวกคุณถึงทำแบบนี้ ? มันก็แค่ช่วยทิ้งช่องทางการติดต่อให้ฉันเอง ? แค่ฉันติดต่อหลูตงซิงได้ ฉันก็ไม่มีทางตามตื้อคุณแน่ๆ ”
หยางโปส่ายหน้า หันหลังเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างรวดเร็ว
เหอจีมองตามหลังหยางโป จู่ๆก็นึกนึกถึงคำพูดเมื่อสักครู่ของชุยอี้ผิงขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าเธอเกือบจะมองข้ามเศรษฐีอีกคนไป หยางโปกับหลูตงซิงเป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจด้วยกัน
นั่นก็หมายความว่า หยางโปร่ำรวยเกือบจะพอๆกับหลูตงซิง มันเพียงพอที่จะบ่งบอกถึงความร่ำรวยของเขาได้แล้ว
“ คุณหยาง คุณหยาง ช้าก่อน ! ” เหอจีวิ่งตามไป
หยางโปยืนอยู่ในลิฟต์ และหันไปส่งยิ้มให้คนที่อยู่ด้านนอกเล็กน้อย จากนั้นก็กดปุ่มสวิตซ์ปิด ประตูลิฟต์ทั้งสองบานก็ปิดตัวลงอย่างช้าๆ
เสียงดัง “ ติ้ง ” หยางโปเห็นประตูลิฟต์ที่กำลังปิดลงช้าๆหยุดชะงักลง ร้องเท้าส้นสูงสีแดงข้างหนึ่งกำลังถูกประตูลิฟต์หนีบเข้าให้
ประตูลิฟต์เปิดออก หยางโปก็เห็นเข้ากับใบหน้าหนึ่งที่แสนจะเจ็บปวด เวลานี้เขาจึงไม่สะดวกที่จะกดปิดประตูลิฟต์ลงอีกครั้ง จึงทำได้เพียงกดสวิตซ์เปิดประตูค้างไว้ “ คุณผู้หญิง คุณตามผมมามันก็ไม่มีประโยชน์ คุณพักอยู่ชั้นไหน พวกเราขึ้นไปพร้อมกันไหม ? ”
เหอจีจ้องหน้าหยางโปตาเขม็ง และเกือบที่จะสบถด่าออกมา เมื่อตะกี้เป็นเพราะคุณปิดประตูใส่ ไม่อย่างนั้น เท้าของฉันก็คงไม่ถูกหนีบหรอก !
แต่ยังไงซะ เหอจีก็ไม่ได้ด่าออกมา เธอมองหยางโปขึ้นลงอย่างพินิจพิเคราะห์ จากนั้นก็ก้าวไปด้านหน้าสองก้าว เพื่อหยุดประตูลิฟต์ไว้ และเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ คุณหยาง ฉันขอสัมภาษณ์คุณได้ไหม ? ”
“ จะสัมภาษณ์ผม ? ผมไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม ? ” หยางโปรู้สึกแปลกใจไม่น้อย “ คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร ? ”
“ คุณคือหยางโปไง ! ” เหอจีตอบ “ คุณกับเถ้าแก่หลูร่วมหุ้นทำธุรกิจด้วยกัน ต้องเก่งมากเหมือนกันแน่นอน ! ”
หยางโปยิ้ม “ คุณผู้หญิง ผมคิดว่าคุณคนไม่รู้สถานะของผม ผมก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีคุณสมบัติอะไรที่พอจะให้สัมภาษณ์ได้ ต่อให้มาสัมภาษณ์ผม คุณก็น่าจะไม่รู้ว่าควรจะถามปัญหาอะไรดี ”
เหอจีดูไม่ค่อยจะเชื่อ “ จะเป็นไปได้ยังไง ? ถ้าอย่างนั้นคุณบอกมาได้ไหม คุณกับหลูตงซิงทำธุรกิจอะไรร่วมกัน ? ”
หยางโปหัวเราะดังขึ้น “ ผมเป็นเพียงคนขับรถของหลูตงซิงเท่านั้น ”

หยางโปนั่งอยู่ตรงข้ามฮัวชิงหยุน “ เธอคิดว่าเธอผิดที่ตรงไหน ? ”
ฮัวชิงหยุนมีอาการลังเลเล็กน้อย “ พฤติกรรมของพวกเขาเวลานั้น อันตรายเกินไปจริงๆ ไม่ควรที่จะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆแบบนั้น ”
หยางโปจ้องหน้าฮัวชิงหยุน หลังจากผ่านไปสักพัก ถึงได้ส่ายหน้าและเอ่ยขึ้นมาว่า
“ ใจของเธอไม่ได้คิดแบบนี้ ”
ฮัวชิงหยุนจึงหันไปมองหน้าหยางโป “ ในเมื่อนายรู้ว่าฉันคิดยังไง แล้วทำไมยังลังเลกับปัญหานี้อยู่อีกล่ะ ? ”
หยางโปจ้องมองฮัวชิงหยุน จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมา “ ก่อนหน้านี้ เธอเคยบอกกับฉันมาก่อนว่าอยากออกไปดูโลกภายนอกกลับฉัน แต่เธอต้องรู้ให้แน่ชัดเรื่องหนึ่งก่อนว่า โลกภายนอกนั้นมีแต่อันตราย แล้วฉันก็เคยถูกไล่ฆ่าและเคยเจอกับการปล้นจี้มาก่อน ทุกครั้งต่างก็เดินอยู่บนเส้นแห่งความตายเสมอ ”
“ วันนั้น ฉันขับรถกันกระสุนมา สำหรับเธอแล้ว มันคงเป็นการสิ้นเปลือง เธอคงคิดแน่นอนว่า สถานที่แบบจินหลิงที่ปลอดภัยออกขนาดนี้ สถานที่ที่ไม่ต้องมาคำนึงถึงว่าจะมีอันตรายอะไร
แต่คิดไม่ถึงว่าฉันยังจะขับรถกันกระสุนมาอีก นี่มันเป็นการสิ้นเปลืองเอามากๆ ! แต่สำหรับฉันแล้ว นี่มันไม่ใช่การสิ้นเปลือง ฉันแค่ต้องการปกป้องตัวเองและปกป้องความปลอดภัยของคนที่อยู่ข้างกายฉันเท่านั้น ! ”
ฮัวชิงหยุนมองหน้าหยางโปตาไม่กระพริบ ด้วยสีหน้าที่ประทับใจ ดูเหมือนเธอจะจินตนาการไม่ถึงประสบการณ์ที่หยางโปได้ประสบพบเจอมา เธอไม่เคยคิดถึงเลยด้วยซ้ำ ว่าหยางโปจะพบเจอกับเรื่องมากมายขนาดนี้ “ นายอยู่ข้างนอก เคยถูกตามไล่ฆ่ามาด้วยเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ใช่ ไล่ฆ่า ! แบบถือมีด ถือปืน มีดจริง ปืนจริง แล้วก็ตายจริงๆ ! ในสถานการณ์แบบนั้น ถ้ามีเมตตากับศัตรู ก็เปรียบเสมือนการไม่รู้จักรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเอง ! ”
“ ฉันผิดไปแล้ว ! ” ฮัวชิงหยุนจ้องมองหยางโป เหมือนจะเข้าใจเหตุผลทั้งหมดที่หยางโปทำไปแบบนั้นแล้ว
หยางโปพยักหน้า “ ตอนนี้ในเมื่อเธอก็รู้แล้ว ว่าการที่ติดตามไปกับฉัน อาจจะพบเจอกับเรื่องราวมากมาย แล้วเธอยังจะยอมไปกับฉันอยู่อีกไหม ? ”
“ ฉันยินยอม ! ” ฮัวชิงหยุนตอบ “ ฉันอยากไปกับนาย ! ”
หยางโปหัวเราะดังออกมา ในที่สุดทั้งสองก็คืนดีกันและกลับไปเป็นเหมือมเดิมแล้ว ทั้งสองมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน ทำให้ทั้งสองเกิดการเข้าใจผิดกันขึ้น เมื่อสามารถปรับความเข้าใจกันได้และเข้าใจซึ่งกันและกัน มันก็น่าจะเข้ากันได้ดีกว่าแต่ก่อน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อนข้างเจิดจ้า ทั้งสองนั่งพูดคุยกันอยู่ในร้านกาแฟ
พอดีกับเวลานี้มีสายโทรเข้ามาจากชุยอี้ผิง เขาโทรมาแจ้งว่าพาหงซิ่วซิ่วมาถึงสนามบินแล้ว
หยางโปจึงพาฮัวชิงหยุนไปรับชุยอี้ผิงทั้งสองคนที่สนามบิน
“ ทำไมนายถึงมีเวลามา ? ” หยางโปมองหน้าชุยอี้ผิง และถามออกมาอย่างสงสัย
ชุยอี้ผิงที่ทำหน้าที่ขับรถ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า “ เถ้าแก่อย่างนายยังมีเวลาจีบสาวเลย
หรือว่าผู้จัดการตัวเล็กๆคนนี้จะหาเวลาว่างไม่ได้บ้างหรือไง ? ”
พอพูดจบ ทุกคนก็พากันหัวเราะ
หญิงสาวทั้งสองแอบกระซิบกระซาบกันอยู่หลังรถ ทางด้านหยางโปกับชุยอี้ผิงก็พูดคุยกัน
“ ตอนนี้บริษัทกำลังขยายธุรกิจในจินหลิง อู๋เฉียงและกงเสี่ยวเจิ้ง จะมาดำเนินการโปรโมตภาพยนตร์ที่จินหลิง ดังนั้นฉันเลยต้องรีบมาเตรียมการล่วงหน้าน่ะ ” ชุยอี้ผิงกล่าว
“ ภาพยนตร์ถ่ายทำเสร็จแล้วเหรอ ? ทำไมเร็วขนาดนี้ ? ” หยางโปรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ
ชุยอี้ผิงงส่ายหัว “ ยัง จะเร็วขนาดนั้นได้ยังไง ? ถ่ายทำไปได้แค่ครึ่งเดียวเอง พอดีว่ามีรายการยอดฮิตทางนี้ ฉันเลยส่งพวกเขาสองคนมาเข้าร่วมเป็นสีสันน่ะ ”.ไอลีนโนเวล
“ รายการยอดฮิตสามารถจัดการได้ตามอำเภอใจแล้วงั้นเหรอ ? ” หยางโปหันมองไปทางชุยอี้ผิง
ชุยอี้ผิงหัวเราะ “ พูดไม่ได้เลยว่า วิธีการสอนของนายมีประโยชน์จริงๆ ฉันใช้มันไปสองครั้ง
พวกเขาก็กุลีกุจอมาเชิญฉันไปร่วมงานแล้ว ! ”
“ ใช่ไหม ฉันบอกแล้วไง พวกเราไม่ได้ไปขโมยใครมา และยิ่งไม่ได้ไปปล้นจี้ใครมา ก็แค่ใช้ประโยชน์จากสถานะของตัวเองเท่านั้น โดยเฉพาะทรัพยากรบางอย่าง ถ้าใช้ประโยชน์อย่างสมเหตุสมผล มันก็จะมีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้น ! ” หยางโปหัวเราะพร้อมทั้งพูดไปด้วย
ชุยอี้ผิงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
เพราะทั้งสองคนยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง หยางโปก็พาพวกเขาทั้งสองมาสั่งอาหารที่โรงแรมเลย
ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและสนิทสนมกัน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดื่มเหล้า ทุกคนอยู่คุยพูดเล่นกันไม่กี่คำ ก็เริ่มลงมือกินข้าวอย่างเป็นอิสระไม่มีข้อผูกมัดใดๆ
“ คืนนี้นายพอจะมีเวลาว่างไหม ? ” ชุยอี้ผิงเอ่ยปากถาม
หยางโปหันไปมองเขา “ ทำไม ? มีธุระอะไรเหรอ ? ”
ชุยอี้ผิงพยักหน้า “ เจ้าภาพสำนักพิมพ์ทางนี้เชิญฉันไป ฉันเลยถือโอกาสจะพานายไปด้วย
นายช่วยฉันสาธิตเป็นแบบอย่างให้ฉันดูอีกครั้งสักหน่อยนะ ! ”
หยางโปอดหัวเราะไม่ได้ “ นายนี่มันไม่ยอมลดตัวลงเลยนะ ”
หลังจากกินข้าวอิ่ม หยางโปก็ไปส่งฮัวชิงหยุนกลับบ้านก่อน จากนั้นถึงได้พาฮัวชิงหยุนทั้งสองคนกลับมาที่บ้าน
เมื่อเข้ามาในบ้านหยางโป หงซิ่วซิ่วก็อดที่จะมองซ้ายมองขวาดูไม่ได้ “ ที่นี่ตกแต่งได้ไม่เลวเลยนะคุณเข้าใจออกแบบตกแต่งมากเลยทีเดียว ”
หยางโปฉีกยิ้ม อดที่จะรู้สึกภาคภูมิใจไม่ได้ “ ห้องนี้ผมไม่ใช่คนออกแบบตกแต่ง ผมใช้เงินโบราณเหรียญหนึ่งแลกมาน่ะ ”
“ ใช้เงินโบราณเหรียญหนึ่งแลกมา ? ” ชุยอี้ผิงตกใจมาก ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย
หยางโปพยักหน้า “ ใช่ ฉันใช้เงินเหรียญหนึ่งแลกมา ”
ชุยอี้ผิงเดินไปมาในห้องรอบหนึ่ง ทำการคำนวณประมาณพื้นที่ทั่วไป สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตกใจ “ ทำเอาคนอิจฉาเลยจริงๆ ทำไมเรื่องดีๆแบบนี้ไม่ตกมาที่ฉันบ้างนะ ? ”
“ พอแล้ว คุณพูดหลายรอบแล้ว มันก็ตามนี้แหละ ” หงซิ่วซิ่วพูดพร้อมกับยิ้มไปด้วย
ชุยอี้ผิงส่ายหน้า “ ฉันก็ยังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ดี ! ”
ทำเอาหยางโปถึงกับหัวเราะออกมา แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก “ ฉันยังมีวิลล่าอยู่อีกหลังหนึ่งอยู่ที่เขตชานเมือง ไม่ค่อยได้ไปพัก ฉันสามารถเอากุญแจให้พวกนายได้ ครั้งหน้าถ้าพวกนายมา
ก็ไปพักผ่อนกันที่นั่นได้ ”
ชุยอี้ผิงกำลังจะตอบรับ แต่หงซิ่วซิ่วกลับปฏิเสธไปว่า “ ไม่ต้อง ไม่ต้อง ”
“ วันหลังถ้าฉันมาทำงานที่จินหลิง อาจจะได้ใช้ ! ” ชุยอี้ผิงเอ่ยปากคัดค้าน
แต่ทางด้านหงซิ่วซิ่วยังคงส่ายหน้า “ จะให้คุณมีความคิดอะไรไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว ถ้าเกิดคุณแอบเลี้ยงดูอีหนูไว้ในบ้านล่ะ ? ”
“ จะเป็นไปได้ไง ? ” ชุยอี้ผิงรีบพูดค้านออกมาทันที
หยางโปหัวเราะ แต่ไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้เอากุญแจให้ชุยอี้ผิงด้วย
เมื่อทั้งสองเก็บของเข้าที่แล้ว ทุกคนก็มานั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องรับแขกกันสักพัก หยางโปก็ได้โทรสั่งอาหารเย็นมา เพราะตอนเย็นเขาต้องไปงานเลี้ยงกับชุยอี้ผิง ดังนั้นอาหารทั้งโต๊ะจึงสั่งมาให้หงซิ่วซิ่ว
เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้ว หยางโปทั้งสองคนถึงได้ลุกขึ้น และพากันขับรถไปที่โรงแรม
เมื่อมาถึงห้องวีไอพี ผู้คนก็นั่งกันเต็มห้องแล้ว มีทั้งนักแสดงและเถ้าแก่ของทางนี้อยู่ ชุยอี้ผิงจึงเดินไปจับมือกับเถ้าแก่สองสามคนนั้นและเอ่ยปากแนะนำหยางโปให้รู้จัก
“ ท่านนี้คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเราชุยอี้โป ! ”
เถ้าแก่สองสามคนนั้นเข้ามาจับมือทักทายด้วยความกระตือรือร้น มีหนึ่งในนั้นที่หันมาถามกับเขาว่า “ ทำไมผมรู้สึกว่าเขาดูคุ้นตามากเลยนะ ? ”
หยางโปหัวเราะ “ ผมเป็นผู้ถือหุ้นของโรงประมูลจินหลิงชุน พวกเราอาจจะเคยเจอกัน ”
“ โรงประมูลจินหลิงชุน ? อ้อ ผมนึกออกแล้ว พวกเราเคยพบกันที่นั่น คุณคืออาจารย์หยางที่ทำหน้าที่พิสูจน์ยืนยันโบราณวัตถุใช่ไหม ? ” คนคนนั้นถามต่อ
หยางโปพยักหน้า “ พวกคุณเรียกผมว่าหยางโปก็ได้ ”
“ อ้อ ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง ! ผมก็รู้จักชื่อของคุณเหมือนกัน ! ” มีอีกคนหนึ่งพูดคล้อยตาม
“ ผมจำได้ว่าเหมือนจะมีร้านโบราณวัตถุอยู่ เหมือนว่าผมจะเคยซื้อของจากร้านของคุณด้วยนะ ! ”

  เมื่อหยางโปเห็นหญิงสาวจ้องมองหลูตงซิงตาเขม็ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปขยิบตาให้หลูตงซิง
หลูตงซิงก็นิ่งไปเล็กน้อย “ ทำไมมีอะไร ? ”
เวลานี้ลิฟต์หยุดลงพอดี ถึงชั้นที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่พอดี แต่เธอกลับยังคงจ้องมองหลูตงซิงตาไม่กระพริบ “ สวัสดีค่ะ คุณคือเถ้าแก่หลูใช่ไหม ? ”
หลูตงซิงหันมามองหน้าอีกฝ่าย พยักหน้ายิ้มและตอบกลับไปว่า “ สวัสดีครับ ผมหลูตงซิง ”
ผู้หญิงดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ถึงกับลืมที่จะออกจากลิฟต์ “ คุณหลู สวัสดีค่ะ ! ฉันเหอจี ทำงานอยู่ที่สำนักข่าว ฉันนับถือคุณมาก ฉันเป็นแฟนคลับของคุณเลยนะ ”
หลูตงซิงถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว “ ผมไปมีแฟนคลับตั้งแต่เมื่อไรกัน ? ”
เหอจีฉีกยิ้มให้ “ คุณหลู คุณให้ช่องทางติดต่อกับฉันไว้ได้ไหม ? ฉันขอสัมภาษณ์คุณสักครู่ได้หรือเปล่า ? ”
หลูตงซิงหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ส่ายหน้าและตอบกลับไปว่า “ คุณผู้หญิง ผมไม่ได้อยากจะปฏิเสธจริงๆนะ แต่ผมไม่มีเวลาจริงๆ ”
เหอจีตกตะลึง หันไปมองหน้าหยางโป “ คุณผู้ชายท่านนี้ คุณจะสอนคุณหลูทำอะไร ?
ขอเวลาฉันสักครู่ได้ไหม ? ขอเวลาให้ฉันสักครึ่งชั่วโมงสักหน่อยได้ไหม ? ”
หยางโปฉีกยิ้มส่งให้ “คุณผู้หญิง เรื่องที่จะขอสัมภาษณ์ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม แต่ขึ้นอยู่กับคุณหลู ”
“ ติ้ง ” เสียงดังขึ้น ลิฟต์ก็ได้หยุดลงอีกครั้ง หลูตงซิงรีบเดินออกไป “ เร็วเข้า เร็วๆหน่อย ”
หยางโปหันไปส่งยิ้มให้เหอจีอย่างช่วยไม่ได้ “ คุณดูสิ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมเลย ”
พอพูดจบ หยางโปก็เดินออกไป
เหอจีเดินตามไปอย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยปากพูดไปด้วย “ คุณหลู แค่รบกวนเวลาครู่เดียว ไม่นานเลยค่ะ ”
หยางโปเปิดประตู และเดินเข้าไป หลูตงซิงก็เดินตามหลังมา เขาขวางเหอจีเอาไว้ “ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ช่วงนี้ผมยุ่งมาก ไม่มีเวลาเลย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน อาทิตย์หน้าพวกเรานัดกันสักหน่อย อาทิตย์หน้าผมพอมีเวลาว่าง ผมจะต้องไปหาถึงที่แน่นอน ”
พอพูดจบ หลูตงซิงก็เดินเข้าไปในห้อง แม้แต่ชื่อของหญิงสาวก็ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะถาม
หญิงสาวยืนกระทืบเท้าไปมาอยู่หน้าประตู สายตาจับจ้องไปที่ประตูห้อง พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “ ในอนาคตฉันจะต้องทำให้พวกคุณมาขอร้องให้ฉันสัมภาษณ์ให้ได้แน่ ”
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่หญิงสาวก็ยังคงรออยู่ด้านนอก
เมื่อหยางโปทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้อง หลูตงซิงก็แทบอดทนรอไม่ไหวที่จะนำคัมภีร์ลับออกมา และหันไปถามกับหยางโปว่า “ ประโยคแรกหมายความความว่าอะไรกันแน่ ? ”
หยางโปไม่พูดอะไรมาก เขารับคัมภีร์ลับมา และวางมันลงไปบนโต๊ะ “ ผมจะอธิบายให้คุณฟังก่อนรอบหนึ่งถึงสาเหตุในการบำเพ็ญเพียรพื้นฐานของเรา ”
หยางโปอธิบายให้ฟังทั้งช่วงเช้า จากนั้นเขาก็มองดูเวลา และหันไปพูดกับหลูตงซิงว่า
“ พวกนี้ก็พอประมาณแล้ว คุณฟังแล้วพอที่จะเข้าใจไหม ? ”
หลูตงซิงถือปากกาไว้จดทุกอย่างที่หยางโปบอกตลอด เขาพยักหน้าและพูดว่า
“ ก็เกือบหมดแล้วนะ ฟังที่นายอธิบายให้แบบนี้แล้ว ฉันคิดว่า ต่อจากนี้ฉันคงสามารถบำเพ็ญเพียรด้วยตัวเองได้แล้ว ”
หยางโปส่ายหน้า “ คุณอย่าได้ใจไป และอย่าได้ใจร้อนที่จะฝึกฝน คุณต้องรู้เรื่องหนึ่งไว้ว่าถ้า ต้องการแต่ความเร็ว ไม่ดูประสิทธิผล จะทำให้ยิ่งไม่บรรลุเป้าหมาย การฝึกฝนก็เช่นเดียวกัน
ถ้าเดินทางผิด ก็อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ! ”Aileen-novel
หลูตงซิงพยักหน้า “ อืม ฉันเข้าใจแล้ว ”
“ ไม่ต้องรีบร้อนเกินไป คุณต้องสัมผัสพลังให้ได้ก่อน รอจนคุณมีพื้นฐานที่แน่นอนแล้ว ผมจะใช้โสมคนพันปี มาเตรียมไว้เพื่อดึงพลังให้คุณ ” หยางโปกล่าว
ได้ยินแบบนั้นหลูตงซิงก็ตื่นเต้นไม่น้อย “ ดี ดี ดี ! ”
หลังจากพูดเตือนสติหลูตงซิง หยางโปถึงได้เอ่ยปากพูดออกมาว่า “ ช่วงบ่ายผมนัดกับฮัวชิงหยุนไว้ ไม่เชิญคุณไปกินข้าวด้วยแล้ว ”
หลูตงซิงหัวเราะออกมา “ ไม่เป็นไร นายมีธุระก็รีบไปเถอะ ! ”
เมื่อทั้งสองเดินออกประตูมา ก็เห็นผู้หญิงที่เจอเมื่อตอนเช้า ยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู และรีบเดินปรี่เข้ามาหา “ คุณหลู สวสดีค่ะ คุณพอมีเวลาไหม ? ฉันอยากเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ ! ”
หลูตงซิงหันไปมองหน้าอีกฝ่าย อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นว่า “ คุณผู้หญิง ต้องขอโทษด้วยจริงๆวันนี้ผมไม่มีเวลาจริงๆ รอครั้งหน้าก็แล้วกันนะ ! ”
เหอจีชักสีหน้าขึ้นมาเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงยืนหยัดที่จะพูดต่อ “ คุณหลู กิจการของบริษัทคุณนับวันยิ่งเยอะขึ้น ชื่อเสียงก็ยิ่งโด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ การให้สัมภาษณ์เยอะๆก็จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิสัมพันธ์ให้แก่บริษัทด้วยนะ ! ”
หลูตงซิงฉีกยิ้มให้ “ พวกเราไม่ได้ขาดแคลนเงินน้อยนิดนี้ ! ”
เหอจีถึงกับนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปเลยทีเดียว เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับมหาเศรษฐีแบบนี้
พูดถึงเรื่องเงินมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
“ คุณหลู คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ ! ” เหอจีเดินตามหลังทั้งสองและตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง
หลูตงซิงไม่สนใจอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ เขาเดินตรงเข้าลิฟต์ไปเลย
เหอจีก็ยังคงเดินตามหลังมา “ คุณหลู แบบนี้เอาไหม ฉันเอานามบัตรของฉันให้คุณ ถ้าเมื่อไรที่คุณมีเวลา ติดต่อฉันมาได้เลย ”
หลูตงซิงถึงยอมรับนามบัตรของอีกฝ่ายมา และหันไปพยักหน้าให้อีกฝ่าย “ ผมจะรับพิจารณาเรื่องนี้ไว้ ถึงแม้ผมจะไม่มีเวลาให้สัมภาษณ์ แต่ผมก็จะให้คนในบริษัทติดต่อกลับไปหาแน่นอน ”
เหอจีถึงได้เลิกตามตื้อทั้งสองคน แต่เธอกลับถือโอกาสนี้หยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาบรรณาธิการ
“ บรรณาธิการ ฉันพบข่าวใหญ่หนึ่งเข้าให้แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะพบเขตที่อยู่ของเรา ฉันเจอกับหลูตงซิง ! ” ทันทีที่โทรติด เหอจีก็แทบอดทนรอไม่ไหวที่จะเล่าให้ฟัง
บรรณาธิการรู้สึกไม่ค่อยที่จะเข้าใจ “ เจอแล้วยังไง ? ”
“ บรรณาธิการ คุณไม่คิดที่จะเชิญเขามาสัมภาษณ์สักหน่อยเหรอ ? วันนี้ฉันพูดกับเขาไปหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมตอบตกลง แต่ท้ายที่สุดก็รับนามบัตรฉันเอาไว้ บอกว่าจะจัดการเรื่องที่จะให้สัมภาษณ์ ” เหอจีกล่าว
“ ต่อให้รับไว้แล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะยอมให้สัมภาษณ์นะ ? ”บรรณาธิการตอบมาด้วยความลังเล
เหอจีหัวเราะและพูดต่อว่า “ ถึงแม้เขาจะไม่ยอม แต่วันนี้มีชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่ข้างกายเขา ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาก หลูตงซิงถึงขั้นขอร้องให้อีกฝ่ายสอนบางอย่าให้ ฉันคิดว่า
ถ้าสามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับชายหนุ่มคนนั้นได้ จะต้องได้สัมภาษณ์อย่างแน่นอน ”
“ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง ? หลูตงซิงสร้างเนื้อสร้างตัวมาเองมือเปล่า หรือว่าจะเป็นลูกชายนอกสมรสของเขา ? ” บรรณาธิการกล่าว
เหอจีจึงตอบกลับไปว่า “ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ฉันเชื่อว่า ต้องหนีไม่พ้นเงื้อมมือของฉันไปได้แน่ๆ ”
หยางโปรีบมาถึงที่ด้านนอกของมหาลัย นำรถไปจอดและเดินมาที่ด้านล่างหอพักทันที จากนั้นถึงได้โทรหาฮัวชิงหยุน เมื่อฮัวชิงหยุนรับสายก็รีบเดินลงมาจากหอพักทันที
เมื่อเจอกับหยางโป เห็นได้ชัดว่าฮัวชิงหยุนก็รู้สึกตื่นเต้น เธอจ้องมองหยางโปผ่านไปสักพักถึงได้เอ่ยปากพูดออกมา “ นายมาแล้วเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้าให้ “ ฉันมาแล้ว พวกเราไปนั่งเล่นข้างนอกกันไหม ? ”
ฮัวชิงหยุนพยักหน้า และเดินตามหยางโปออกไป เธอเอาแต่ก้มหน้า ดูแล้วเหมือนกับภรรยาตัวน้อยที่กำลังเขินอายอยู่
เมื่อเดินตามหยางโปออกมาด้านนอก ทั้งสองก็หาร้านกาแฟแห่งหนึ่งนั่ง
ฮัวชิงหยุนสวมเสื้อสีขาว ท่อนล่างสวมกระโปรงลูกไม้สีชมพู ดูสดใสและงดงาม เธอนั่งอยู่ในร้านกาแฟแต่แค่พริบตาเดียวก็ดึงดูดสายตามากมาย
“ สองวันมานี้เธอไปสถานีตำรวจมาใช่ไหม ? ”หยางโปถาม
ฮัวชิงหยุนนิ่งอึ้งไปสักพัก แต่ก็ยังพยักหน้าและตอบกลับไปว่า “ ฉันไปมารอบหนึ่ง แค่ไปเยี่ยมเท่านั้น ”
หยางโปไม่ได้พูดอะไร นั่งอยู่ตรงข้ามและคนกาแฟไป
ฮัวชิงหยุนมองหน้าหยางโป ด้วยสีหน้าท่าทีที่ซับซ้อน “ เรื่องเมื่อครั้งก่อน ฉันรู้แล้วว่าทำผิด
เป็นเพราะฉันที่คิดผิดไป ”

ตอนที่ 940 ใบหน้าบ่งบอกความเป็นเศรษฐี
แต่หยางโปไม่เต็มใจที่จะสั่งสอนพวกเขาพ่อลูกอีกแล้ว สำหรับหยางหลางแล้ว ก็แค่นึกถึง แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
หลูตงซิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง แสดงสีหน้าตกใจ เห็นได้ชัดว่าไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีเรื่องน่าเหลือเชื่อแบบนี้
“ พวกเราไปกันเถอะ ” หยางโปกล่าว
คนทั้งกลุ่มเดินจากไปพร้อมกับหยางโป ทิ้งให้หยางหลางอยู่ที่นี่ หยางหลางประคองตัวลุกขึ้นจากพื้นด้วยความยากลำบาก ถอดร้องเท้าข้างซ้ายออกอย่างทุลักทุเล ใบหน้าแสยะยิ้มออกมา
เขาหยิบเงินจากพื้นรองเท้าออกมา เงินธนบัตรใบร้อยหยวนสามสี่ใบ ปากก็บ่นพึมพำ
“ พวกแกไก่อ่อนไปหน่อย มีเงินอยู่ในมือซะอย่าง ฉันไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว ! ”
หยางหลางลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบาก และหันหน้าเดินกลับไปที่โรงงาน
จากนั้นไม่นาน หยางหลางก็เดินกลับเข้าไปในบ่อนอีกครั้ง แต่กลับเห็นพี่ถังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้หน้าประตูโรงงาน กำลังดูดบุหรี่อยู่
หยางหลางจึงรีบเข้าไปทักทาย “ พี่ถัง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ น้องชายที่บ้านไม่รู้เรื่อง ทำเอาบ่อนของคุณวุ่นวายไปหมด ผมต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะ ! ”
เมื่อพี่ถังเห็นว่าหยางหลางกลับมา ก็กุลีกุจอลุกขึ้น “ พี่หลาง คุณชายหลาง คุณพูดเกรงใจเกินไปแล้ว ! คุณอย่าได้เกรงใจเชียวนะ ”
หยางหลางรู้สึกแปลกใจและตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย หรือจะเป็นเพราะว่าหยางโปมาที่นี่ พอพี่ถังได้เห็นครอบครัวที่หนุนหลังเขาอยู่เลยรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างงั้นเหรอ ?
“ พี่ถัง ชมเกินไปแล้ว ! ” หยางหลางพูดด้วยความเกรงใจ “ พวกเรารู้จักกันมาก็นานหลายปี
ไม่ต้องเกรงใจ ผมเข้าไปก่อนนะ ”
พี่ถังกลับสาวเท้าก้าวเข้ามาด้านหน้าหยางหลาง “ พี่หลาง คุณจะมาทำร้ายพี่น้องกันไม่ได้นะ ! ”
“ เกิดอะไรขึ้น ? ” หยางหลางเอยถามด้วยความงงงวย
พี่ถังรีบอธิบายไปว่า “ คุณไม่รู้สินะ ก่อนที่สองสามคนนั้นจะจากไป ได้เดินมาเตือนผมไว้
ถ้าให้คุณเข้าไปในประตูนี้อีกครั้ง เขาจะตัดแขนผมออกข้างหนึ่ง ! ”
หยางหลางถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที ส่ายหน้าและพูดขึ้นว่า “ คุณอย่าไปเชื่อถือคำพูดไร้สาระของเขา พวกเขาไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก ผมเป็นพี่ชายของเขา ถ้าผมเอ่ยปาก มีหรือเขาจะไม่ฟัง ? ”
พี่ถังก้มลงมองหยางหลางอย่างพินิจพิเคราะห์ โดยที่ไม่พูดอะไร
หยางหลางก้มหน้าลงมองใบหญ้าที่ติดอยู่บนตัวเขา จู่ๆก็คิดถึงร่องรอยบาดเจ็บบนใบหน้าขึ้นมา อีกฝ่ายเห็นรูปลักษณ์ที่น่าเวทนาแบบนี้ของเขา ก็คงไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขาแน่นอน
หยางหลางมีสีหน้าตกใจ เงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่ถังและหันไปมองด้านหลังจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
เมื่อหยางโปออกไปจากที่ตรงนี้ก็ได้ต่อสายโทรหาแม่หยาง “ ให้บทเรียนกับลูกชายของคุณแล้ว ครั้งหน้าไม่ต้องให้ผมช่วยสั่งสอนแล้วนะ ยังไงซะเขาก็เป็นลูกชายของคุณเอง ไม่ใช่ลูกชายของผม ”
หยางโปรังเกียจทุกการกระทำของพ่อหยางมาก ตอนนี้เขาคิดเพียงว่าอยากไปจากบ้านหลังนี้เท่านั้น ดังนั้นในระหว่างที่พูดคุยกัน จึงดูไม่ค่อยทีจะให้ความเกรงใจสักเท่าไร
แม่หยางถือโทรศัพท์ ด้วยอาการตกตะลึง “ อ้อ อืม ! ”Aileen-novel
หยางโปจึงรีบวางสายไปทันที เขานั่งอยู่ในรถหลูตงซิง โดยที่ไม่ตอบรับคำเชิญของหลูตงซิง
แต่เลือกกลับไปที่บ้าน
คืนนั้น พระจันทร์กระจ่างใส หยางโปหยิบ ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) มาศึกษาดูอย่างละเอียด
ก่อนหน้านี้ หยางโปคิดมาเสมอว่า ( วิทยายุทธหยิ่นชี่ ) ง่ายดายมากก็แค่สอนคนให้เรียนรู้ที่จะดึงพลังในธรรมชาติให้เข้ามาในร่างกายให้เป็น เขาก็คิดมาโดยตลอดว่าไม่มีปัญหาอะไร
แต่เมื่อมาอ่าน ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) แล้ว เขาถึงได้เข้าใจความโชคดีของตัวเอง คัมภีร์เล่มนี้ดูแล้วธรรมดามาก สำหรับวิธีการสัมผัสถึงพลังรวมทั้งการดึงดูดพลัง ทั้งหมดถูกอธิบายไว้อย่างรวบรัดมาก ถึงกับทำเอาคนอ่านไม่รู้ว่าพูดถึงอะไร
แต่หยางโปคุ้นชินกับมันแล้ว ดังนั้นจึงเข้าใจบทความที่ซ่อนอยู่อย่างเลือนรางข้างในดี แต่ถ้าคนที่ไม่เคยสัมผัสกับข้อมูลพวกนี้มาก่อน ต้องดูไม่ออกอย่างแน่นอน และถึงขั้นที่ว่าลูบหัวกันเลยทีเดียว
อ่านดูตั้งแต่ต้นจนจบ หยางโปก็วาง ( คัมภีร์ไท่เก๊ก ) ลง ถึงได้เข้าใจความยากลำบากของผู้ที่ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอยู่อย่างสันโดษว่าเป็นยังไง
สำหรับผู้ที่ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอยู่อย่างสันโดษแล้ว คัมภีร์ลับที่ฝึกวิทยายุทธของพวกเขา เดิมก็ไม่ครบสมบูรณ์ ในสภาพที่ไม่มีอาจารย์อยู่ ก็ยากที่จะฝึกฝนออกมาให้ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ต้องเดินทางคดเคี้ยวกันมาก นี่คงจะเป็นสาเหตุที่ขั้นวรยุทธของพวกเขาไม่สูงกัน
เมื่อคิดได้แบบนี้ หยางโปก็รู้สึกนับถือผู้ที่ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอยู่อย่างสันโดษไม่ได้ ที่สามารถฝึกฝนจนมีพลังขึ้นมาได้ มันเป็นพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง และวาทศิลป์ที่ยอดเยี่ยมในชีวิตแล้ว ถ้าเพิ่มวิทยายุทธที่สมบูรณ์แบบให้พวกเขา พวกเขาก็อาจจะบรรลุไปถึงขั้นที่สูงขึ้นไปอีก
หยางโปหันไปมองอีกด้านหนึ่งอีกครั้ง โสมคนพันปีอยู่ข้างกายเขา แต่เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
อวี่เหวินยังอยู่ที่อเมริกา สภาพร่างกายของเขาคงยังฟื้นตัวกลับมาไม่เต็มที่ โสมคนพันปีน่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขามาก เพียงแต่ ถ้าเอาให้เขาไปแล้วจริงๆ หยางโปก็ยังรู้สึกค่อนข้างลังเล
โสมคนต้นนี้ หลูตงซิงเป็นคนประมูลมาได้ ถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาครึ่งหนึ่ง โสมคนที่หลูตงซิงประมูลมาได้ แน่นอนว่าคงอยากใช้ประโยชน์จากโสมคนพันปี ความพยายามเพียงแค่ครั้งเดียว
ก็สำเร็จโดยไม่มีการหยุดพัก และประสบความสำเร็จในการฝึกฝนพลัง
ส่วนโสมที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งเป็นของเขา สำหรับเขาแล้ว ส่วนผลของโสมคนพันปีก็มีประโยชน์มากเช่นกัน ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสุดท้ายของหยิ่นชี่ และเขาต้องการพลังจำนวนมาก หากมีโสมคนพันปี ก็จะช่วยประหยัดเวลาไปได้มาก
หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่นาน หยางโปก็ยังตัดสินใจที่จะเก็บโสมคนพันปีเอาไว้เอง
เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น หยางโปก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเหลือบมอง
เมื่อเห็นว่าเป็นสายของฮัวชิงหยุน เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ และรู้สึกใจอ่อนขึ้นมา
หลังจากรับสายก็ไม่มีเสียงใดๆเลย จนหยางโปต้องเอ่ยปากทำลายความเงียบขึ้นก่อนว่า
“ เธอโอเคไหม ? ”
ดูเหมือนฮัวชิงหยุนจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว จึงตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา “ ก็ดีนะ ”
“ นายกลับมาจากไปทำธุระหรือยัง ? ” ฮัวชิงหยุนเอ่ยปากถาม
หยางโปพยักหน้า “ ฉันกลับมาถึงที่จินหลิงแล้ว พรุ่งนี้เธอพอมีเวลาไหม พวกเรามาคุยกันหน่อย ”
“ ว่าง ถ้างั้นพวกเราเจอกันพรุ่งนี้เลย ” ฮัวชิงหยุนตอบกลับ
หยางโปถึงกับนิ่งอึ้งไปสักพัก เพราะคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะวางสายเร็วขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่พูดอะไรมาก
เช้าวันที่สอง หยางโปตื่นขึ้นมาแล้ววิ่งไปฝึกวิทยายุทธที่ข้างทะเลสาบ ฝึกมวยเยว่เจียฉวน ก็รู้สึกสบายเนื้อตัวขึ้นมาก จากนั้นถึงได้ไปกินซาลาเปาไส้ไก่ และเดินกลับที่พักอย่างสบายใจ
เมื่อกลับมาถึงด้านล่างตึก หยางโปก็เห็นหลูตงซิงมารออยู่ในนั้นแล้ว เมื่อเขาเห็นหยางโป ก็เดินเข้ามาทักทายอย่างร้อนรน “ นี่มันหมายความว่าอะไรกันแน่ ? ทำไมฉันอ่านแล้วไม่เข้าใจเลยสักนิด ! ”
หยางโปหันไปมองหน้าหลูตงซิง เมื่อเห็นดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ ใบหน้าวิตกกังวล ก็อดไม่ได้ที่จะพูดปลอบโยน “ ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวผมจะอธิบายให้คุณฟังเอง ”
หลูตงซิงยังพูดด้วยความใจร้อนว่า “ เมื่อคืนผมศึกษาดูมาทั้งคืน อยากรู้ว่าคัมภีร์เล่มนี้มีความหมายว่าอะไร ตัวอักษรในนั้น ฉันเข้าใจหมด แต่พอเอามาวางไว้รวมกัน ฉันก็ไม่รู้จักแล้ว ”
หยางโปหัวเราะ “ ไม่ต้องใจร้อนไป ”
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ทั้งสองก็เข้าไปในลิฟต์ แต่ในลิฟต์ยังมีผู้หญิงรูปร่างผอมบางหน้าตาสะสวยอยู่คนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะได้ยินสิ่งที่หลูตงซิงพูด จึงชายตาไปมองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
หลูตงซิงดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำไป เอาแต่คำนึงพูดถึงแต่เรื่องตัวเอง
“ หยางโป ฉันส่งมอบทุกอย่างให้นายไปหมดแล้วนะ ธุรกิจฉันก็ยอมวางมือหมด วันหนึ่งอย่างน้อยก็หาเงินได้หลายล้านนะ ! ”
ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วขึ้นแน่น เห็นได้ชัดว่าหมดความอดทน เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองมาที่
หลูตงซิง แต่เธอก็ต้องตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที

ตอนที่ 939 กระทืบมัน
หยางหลางถูกจับตัวมาส่งไว้ตรงหน้าหยางโป หยางโปกวาดตามองดูเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ “ ตอนนี้รู้จักแล้วใช่ไหม ? ”
หยางหลางยิ้มอย่างเก้อเขิน เขาเหลือบมองหน้าหยางโปยิ้มเหยเก “ เสี่ยวโป นายทำไมมาเยี่ยมฉันถึงที่นี่เลยล่ะ ? ”
“ นายคิดว่า ฉันมาเยี่ยมนายงั้นเหรอ ? ” หยางโปปเอ่ยถาม
หยางหลางนิ่งอึ้งไปสักพัก พูดด้วยความแปลกใจปนดีใจ “ นายมาเยี่ยมพ่อกับแม่เหรอ ! แบบนี้ก็ดีเลย ! เสี่ยวโป นายรู้ไหม ? ช่วงที่นายไม่อยู่ พวกเขาคิดถึงนายมากแค่ไหน ! ”
“ คิดถึงรอยิ้มของนาย คิดถึงเสื้อกันหนาวของนาย คิดถึงกางเกงสีขาวของนาย กลิ่นกายของนาย !เสี่ยวโป นายก็น่าจะรู้ดี พวกเรารักนายขนาดไหน นายกลับมาเถอะ พวกเรามาอยู่ด้วยกัน
ทุกวันตื่นมา แม่ทำกับข้าว นายก็ไปช่วยอยู่ข้างๆ ทุกวันหลังนายกลับมาจากโรงเรียน แม่ก็มักจะสอนนายทำอาหาร ฉันจำได้เวลานั้น นายมักจะพูดเสมอว่านายมีการบ้านเยอะ ไม่มีเวลา…… ”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น หยางหลางจู่ๆก็หยุดพูด ตัวเขาเองรู้ตัวแล้ว ว่าเขาได้พูดผิดไปแล้ว
หยางโปไม่พูดอะไรมาก โบกมือจากนั้นก็มีคนมาพาตัวหยางหลางออกไป
เมื่อคนกลุ่มนั้นออกมาจากห้องในโรงงาน เลขาหลิวก็เหลือบมองมาที่พี่ถัง “ อาถัง ครั้งต่อไปถ้าเจอสองคนนั้นเมื่อสักครู่อีก จะต้องวางตัวให้เหมาะสมนะ แต่ก่อนฉันกับนายหัวเราะต่อกระซิบกัน ทั้งหมดนี้มันไม่เป็นอะไร ฉันก็ไม่เคยถือสาจะเก็บเอามาใส่ใจ แต่ถ้านายกล้าที่จะทำแบบนี้กับสองคนนั้น นายก็หาเรื่องตายดีๆนี่เอง ! ”
พี่ถังถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไป สีหน้าซีดขาว เขาหันมือชี้ไปด้านนอก “ คนสองคนเมื่อสักครู่นั้นเป็นใครกัน ? ”
“ คุณไม่ต้องสนใจอะไรมาก อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องไปรู้ว่าสองคนนั้นเป็นใคร สิ่งที่คุณควรรู้มีแค่เรื่องเดียว แค่พวกเขาพูดมาแค่เพียงคำเดียวก็สามารถเอาชีวิตของคุณได้แล้ว ! ” เลขาหลิวจ้องหน้าพี่ถัง ถอนหายใจอย่างดูถูก และเอ่ยขึ้นว่า “ อย่าได้คิดเชียวว่าผมกำลังพูดเล่นกับคุณอยู่ ! ”
พี่ถังรีบพยักหน้าลง “ เลขาหลิวว่าไง ผมก็จะทำตามและฟังคำแนะนำของเลขาหลิวทุกอย่าง ! ”
เลขาหลิวพยักหน้า “ ต่อไปไม่ต้องให้หยางหลางมาเล่นพนันอีก ถ้าถูกจับได้อีกครั้ง นายจะถูกตัดขาทิ้งไปเลยข้างหนึ่ง ! ”
พี่ถังตกตะลึง รีบพยักหน้า และรีบรับปากทันที “ ผมจะฟังที่เลขาหลิวพูดทุกอย่าง ! ”
เลขาหลิวพยักหน้า หันหลังแล้วเดินออกไป
พี่ถังลูบเหงื่อบนหน้าผาก ด้วยท่าทางที่หวาดผวาแม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านพ้นไปแล้ว
หม่าจือที่ยื่นอยู่ข้างเขา เมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นของพี่ถัง ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย “ พี่ถัง คนๆนั้นเป็นใครกัน ? ทำไมถึงได้หยิ่งผยองขนาดนี้ ? ”
“ เพี๊ยะ ! ” พี่ถังตบหน้าหม่าจือไปทีหนึ่ง “ เรื่องที่ไม่รู้อย่าไปพูดมั่วซั่ว ! แค่คำพูดแกเมื่อตะกี้
แขนของแกก็หายไปข้างหนึ่งได้แล้ว ”
หม่าจือก้มหน้าลงทันที และไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีกเลย
พี่ถังโบกมือ “ เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่ต้องมองกันแล้ว เล่นไพ่ก็เล่นกันไป ! ”
ทุกคนต่างเพ่งมองไปที่พี่ถัง เมื่อเห็นว่าเรื่องราวในวันนี้กลับตาลปัตร ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก
หยางโปและพรรคพวกพาหยางหลางออกมา ที่รอบๆมีแต่ทุ่งนา ไม่มีแม้แต่เงาคน หยางหลางถึงกลับเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา “ เสี่ยวโป นายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ พวกเราโตมาด้วยกัน ผูกพันกันมานาน ตอนนั้นนายยังจำได้ไหม ? ตอนนั้นนายไม่มีสมุดทำการบ้าน ฉันยังเอาสมุดทำการบ้านให้นายเลย ! ”
หยางโปจ้องหน้าหยางหลาง ส่ายหน้าและพูดขึ้นว่า “ ใช่นายเอาสมุดการบ้านให้ฉัน แต่ฉันยังได้ว่า เวลานั้นนายต้องการให้ฉันช่วยทำการบ้านให้ พอทำการบ้านนายเสร็จ ถึงได้ใช้สมุดการบ้านมาทำของฉันเอง ! ”
“ ใช่ ! ตอนนั้นฉันทำเพื่อนายนะ ฉันทำเพื่อให้นายได้ฝึกบทเรียนของมัธยมต้นก่อนไง ! ”
หยางหลางตอบ
หลูตงซิงที่อยู่ด้านข้าง กลับฟังไม่เข้าหู เตะไปที่เอวหยางหลางไปทีหนึ่ง “ นายไม่อายบ้างหรือไง ? ”
หยางหลางที่ถูกเตะจนไปนอนกองอยู่บนพื้น เขากุมเอวไว้ และไม่หยุดที่จะร้องโอดครวญ
“ อัยยะ เจ็บมาก เจ็บมากจริงๆ ฉันทนไม่ไหวแล้ว รีบพาฉันไปส่งโรงพยาบาลเร็วเข้า ! ”
“ เสี่ยวโป ! เสี่ยวโป ! ขอร้องล่ะ นายช่วยฉันที ! ต้องช่วยฉันให้ได้นะ ! ”
“ เสี่ยวโป ! ถ้านายไม่ไปส่งฉันที่โรงพยาบาล ต่อจากนี้จะเอาหน้าไปเจอพ่อแม่ได้ยังไง ?
นายลองคิดดูดีๆสิ นายจะต้องคิดให้รอบคอบนะ ! ”
หยางหลางโอดครวญไม่หยุด ดูเหมือนจะเจ็บปวดมาก
หยางโปยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเย็นชา โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ เขาเอาแต่จ้องมองหยางหลางแบบนี้
หยางหลางคร่ำครวญอยู่สักพัก แต่ก็ไม่ได้ยินหยางโปมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับใดๆเลย จึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นหลายคนที่อยู่รอบตัวต่างมีแววตาที่เย็นชา แต่หยางโปกลับยืนกอดอกมองดูเฉยๆอยู่ข้างๆ.ไอลีนโนเวล
ในที่สุดหยางหลางก็หยุดร้องคร่ำครวญ เขานวดคลึงบริเวณเอว แต่อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา
“ ดีขึ้นหน่อยแล้ว ไอ๊หยา เถ้าแก่หลู คุณเป็นถึงเถ้าแก่ใหญ่ เท้าทองคำของคุณแพงกว่าชีวิตเล็กๆของผมอีก คุณอย่าทำแบบนี้เลยนะ ! ”
หลูตงซิงจ้องมองหยางหลาง ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ ผมไม่เตะอีกแล้ว ผมรู้สึกว่าทำแบบนี้มันจะทำให้รองเท้าผมสกปรก ”
หยางหลางยิ้มอย่างดีอกดีใจ “ เถ้าแก่หลู คุณอย่าชมผมแบบนี้สิ ! ”
หยางโปยืนอยู่ด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หยางหลางหน้าด้านหน้าทนจริงๆ
อีกทั้งยังไร้ยางอายสิ้นดี !
หยางโปไม่ยอมที่จะเอ่ยปากพูดอะไรแม้แต่คำเดียว โบกมือและพูดขึ้นว่า “ กระทืบ ! ”
หยางหลางที่นอนอยู่บนพื้น ตัวเต็มไปด้วยดินโคลน เมื่อได้ยินคำนี้ จู่ๆก็หน้าซีดขาวขึ้นมาทันที
เขาจ้องหยางโปตาเขม็ง “ เสี่ยวโป นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ! ”
หยางโปหันหน้าไปทางด้านข้าง แต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
จากนั้นผู้ชายร่างกำยำหลายคนที่อยู่ตรงบริเวณนั้น ต่างพากันรวมตัวกันหันมาทักทายหยางหลาง
ถึงแม้ทุกคนจะไม่รู้แน่ชัดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของหยางโปและหยางหลาง แต่ที่ทั้งสองคนพูดกันเมื่อสักครู่ ก็พอทำให้ทุกคนเดาเบาะแสบางอย่างได้ ดังนั้นตอนที่ลงมือ ก็พยายามที่จะยั้งมือไว้บ้าง เพื่อเหลือทางหนีทีไล่ไว้
หยางหลางถูกกระทืบจนร้องโวยวายไม่หยุด แต่กลับไม่กล้าพูดมากสักคำ
ผ่านไปสักครู่ หยางโปก็โบกมือขึ้น คนที่ลงมือต่างพากันยั้งมือ หยางหลางโผล่หัวออกมาจากกลางฝูงชน เวลานี้ ใบหน้าของเขาบวมปูดเขียวช้ำ คิดว่าบนตัวก็คงไม่ต่างกัน
หยางโปจ้องมองหยางหลางตาเม็ง “ ยังจะไปเล่นพนันอยู่อีกไหม ? ”
มุมปากของหยางหลางบวมช้ำมาก พูดไม่ค่อยชัด “ ไม่ไปแล้ว ต่อไปก็จะไม่ไปอีกแล้ว ”
หยางโปพยักหน้า “ เอาเงินมาจากไหน ? ”
“ เงินอะไร ? ” หยางหลางตอบ
หยางโปจ้องหน้าหยางหลาง “ ฉันพูดถึงเงินที่นายเอาไปเล่นพนัน เอามาจากไหน ? นายหาเงินมาเอง หรือว่าไปขโมยมา ? ”
หยางหลางรู้สึกไม่ค่อยพอใจ “ นายพูดแบบนี้ได้ยังไง ฉันก็เอาเงินมาจากบ้านสิ พูดออกมาได้ยังไงว่าขโมยมา ? ”
“ นายเอามาจากบ้าน ? แต่พ่อกับแม่ต่างก็ไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่ขโมยมาหรือยังไง ? ” หยางโปกล่าวตำหนิ
หยางหลางรู้สึกโมโห “ นายกำลังพูดจาไร้สาระอะไรอยู่ เงินพนันนี้ ฉันไม่ได้เอามาจริงๆ มันเป็นเงินที่พ่อให้ฉันมา เขาเอาเงินให้ฉัน และบอกกับฉันให้ใช้ตามใจเลย ถ้าใช้เงินหมดแล้ว พวกเราสามคน ก็ไปขอทานที่เขตเมืองจินหลิงกัน ตอนนี้ขอทานก็หาเงินกันได้เยอะแล้ว ”
หยางโปจ้องมองหยางหลางตาเขม็ง ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว นี่มันพ่อแบบไหนกัน คิดไม่ถึงว่าจะพูดแบบนี้ออกมาได้ !

หยางโปลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับสาย
“ เสี่ยวโป แกอยู่ที่ไหน ! ” แม่หยางถาม
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ ผมอยู่นอกเมือง มีเรื่องอะไรไหม ? ”
แม่หยางตกใจ ดูเหมือนจะค่อนข้างลังเลใจ แต่ในที่สุดเธอก็เอ่ยปากพูดออกมา
“ หยางหลาง เขาออกมาแล้ว ”
หยางโปครุ่นคิดเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเวลาพอประมาณแล้ว ” อ้อ ออกมาแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องดีนะ ”
แม่หยางจับโทรศัพท์ไว้ “ เขาเพิ่งออกมาได้ไม่กี่วัน แต่ตอนนี้เขาได้ขโมยเงินในบ้านไปเล่นพนันอีกแล้ว ไม่ว่าฉันจะทำยังไงก็หยุดเขาไว้ไม่ได้ แกรู้จักใครในวงการนักเลงไหม เชิญใครสักคนไปสอนบทเรียนให้เขาหน่อยได้ไหม ? ”
“ สอนบทเรียนให้เขา ? ” น้ำเสียงของหยางโปเต็มไปด้วยความแปลกใจ “ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ทำอย่างนี้บ่อยๆหรอกเหรอ ? ผมจำได้ว่าตอนแรกคุณพูดว่าไงนะ คุณบอกว่า ปล่อยเขาไปเถอะ ยังไงซะก็แค่เล่นพนันนิดๆหน่อยๆ ที่บ้านจะล้มจมได้ยังไง ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางโป แม่หยางก็ตกตะลึงไปทันที คำพูดพวกนี้เธอเคยพูดมาก่อนก็จริง
แต่มันก็เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ตอนนั้น หยางหลางไม่เรียนหนังสือแล้ว วันๆไม่มีอะไรทำ เล่นพนันก็ไม่ได้เยอะมาก เธอเสียใจที่หยางหลางไม่สามารถไปเรียนได้แล้ว ดังนั้นจึงปล่อยเลยตามเลย
คิดไม่ถึงว่าหยางโปจะเอ่ยถึงเรื่องเก่าๆในเวลานี้ เธอจึงไม่รู้จะตอบยังไงดี
หยางโปถือโทรศัพท์ไว้โดยที่ไม่พูดอะไรเช่นกัน เขายังคงรอคอยคำตอบ
หลังจากแม่หยางตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง “ แกก็น่าจะรู้สถานการณ์ที่บ้านดี เงินทองก็ไม่ค่อยดีนัก หากปล่อยให้เขาแพ้พนัน วัยชราของเราจะต้องอยู่กันอย่างลำบากมาก เสี่ยวโปเห็นแก่วันวานนะ ช่วยเราด้วยนะ ! ”
หลังจากผ่านไปสักพัก หยางโปถึงได้เอ่ยปากพูดออกมาว่า “ ตอนนี้ผมอยู่ที่อื่นอยู่ วันนี้กลับไปถึง ผมจะไปดูเขาให้ ! ”
แม่หยางรีบเอ่ยปากขอบคุณทันที “ ขอบคุณ ! ขอบคุณ ! ”
ในขณะที่พูดคุยกัน แม่หยางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย
หยางโปวางสายและไม่พูดอะไร เขารู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่แม่หยางเอ่ยปากขอบคุณเขา !
ตอนนั้น เขาซื้อบ้านให้ครอบครัวหนึ่งห้อง แม่หยางไม่ได้เอ่ยปากขอบคุณ และตอนที่เขาพา
หยางหลางออกมาจากบ่อน แม่หยางก็ไม่ได้เอ่ยปากขอบคุณ จนกระทั่งเขาพยายามวิ่งรวบรวมเงินเมื่อพ่อหยางล้มป่วยลงอย่างกระทันหัน แม่หยางก็ไม่ได้เอ่ยปากขอบคุณเช่นกัน !
ตอนนี้ เพราะเรื่องนี้ แม่หยางกลับเลือกที่จะเอ่ยปากขอบคุณ !
หยางโปส่ายหัว เรื่องบางเรื่อง พวกเขาก็เข้าใจมันเมื่อสายเกินไป
หลูตงซิงที่นั่งด้านข้างเอ่ยปากถาม ” มีอะไรเหรอ ? ”
หยางโปหันมองไปที่หลูตงซิง ” ต้องไปหาเรื่องชกต่อยน่ะ คุณจะไปด้วยไหม ? ”
หลูตงซิงถึงกับตกใจผงะ ” หาเรื่องชกต่อย ? คิดไม่ถึงว่าอย่างนายเนี่ยนะจะไปหาเรื่องชกต่อย
ไม่ ฉันไม่ไป นายแข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าฉันไปหาเรื่องชกต่อยกับนาย ก็จะเป็นภาระซะเปล่าๆ ”
หยางโปรู้สึกจนปัญญา “ คุณคิดไปถึงไหนแล้ว หยางหลางอยู่ที่บ่อน คุณช่วยเตรียมคนไปจับตัวเขาออกมา แล้วให้บทเรียนสักหน่อย ”
หลูตงซิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “ เป็นเขาเองเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันก็สบายใจ ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ หรือว่ารอจนกว่าเรากลับไปแล้วค่อยไปจัดการดี ? ”
“ คุณเตรียมคนไว้ก่อน รอเรากลับไปถึง ก็ไปกันเลย ” หยางโปกล่าว
หลูตงซิงพยักหน้า “ ได้ ฉันจะเตรียมคนไว้ให้ก่อน ! ”
หลูตงซิงจึงโทรไปเตรียมการไว้
ขับรถจากหยูหางจนมาถึงจินหลิงต้องใช้เวลากว่าสามชั่วโมง หยางโปและคนอื่นๆ ออกเดินทางกันในช่วงเช้าและมาถึงจินหลิงเวลาประมาณ 11 โมงกว่า
หลังจากกินข้าวกลางวันง่ายๆ หยางโปก็โทรไปหาแม่หยางและสอบถามรายละเอียดของสถานที่ที่หยางหลางอยู่
หลังจากขับรถมาอีกนานกว่าหนึ่งชั่วโมง กลุ่มของพวกเขาก็มาถึงลี่สุ่ย และรถเข้ามาจอดอยู่ในโรงงานร้างแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง
มีคนยืนอยู่นอกประตูโรงงานร้าง แต่ทุกคนที่หลูตงซิงพามาด้วยล้วนมีฝีมือ ลงมือแค่สองคนก็เอาอยู่แล้ว
เมื่อเข้าไปในโรงงาน ในลานโรงงาน หยางโปก็ได้ยินเสียงดังโหวกเหวกดังออกมาจากข้างใน
เขาจึงพาคนเดินตรงเข้าไป
ภายในตัวอาคารโรงงานเต็มไปด้วยควัน มีบรรยากาศที่เลวร้ายมากอย่างเห็นได้ชัด ด้านในมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งรวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะและยังมีบางคนที่ถอดเสื้อเปลือยท่อนบนเล่นไพ่อยู่
ในห้องมีเสียงโห่ร้องกันเสียงดัง
ดูเหมือนว่าไม่มีคนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางด้านนี้เลย จึงตะโกนด้วยเสียงอันดังออกมา
” พวกคุณเป็นใคร ? คนเยอะแบบนี้อยากจะมาหาเรื่องหรือไง ! “.Aileen-novel
มีเสียงโห่ร้อง และทุกคนก็ยืนขึ้นและมองมาทางด้านนี้
หยางโปชายตามองไปที่หยางหลาง “ ออกมา ! ”
หยางหลางเป็นคนโง่เขลา เมื่อเห็นทางด้านหยางโปมีคนอยู่กันหลายคน ก็ตกใจกลัวมากจนเข้าไปซ่อนตัวอยู่ข้างในและพลางตะโกนเสียงดังออกมา ” พวกคุณเป็นใคร ? ผมไม่รู้จักพวกคุณ ! ”
หยางโปจ้องมองไปที่หยางหลาง ” นายพูดซ้ำอีกครั้งได้นะ ”
หยางหลางตกใจในทันที และไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
ท่าทีที่โง่เขลาของหยางหลางเมื่ออยู่ในบ่อนทำให้คนรู้สึกดูถูกเหยียดหยาม แต่ในฐานะเป็นพี่ใหญ่ในบ่อนแห่งนี้ พี่ถังที่เป็นหัวหน้าใหญ่กลับไม่กล้าที่จะคลายความระมัดระวังตัวลง เขาจ้องหยางโปตาเขม็ง “ พวกคุณเป็นใคร ? หยางหลางเป็นหนี้เงินคุณใช่ไหม ? ถ้าไม่ใช่ติดหนี้ ก็เรียนเชิญพวกคุณออกไปเถอะ ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกคุณ ! ”
หลูตงซิงมีลูกน้องอยู่เยอะมาก แต่ครั้งนี้เลือกมาด้วยแค่สิบกว่าคน ถ้าเทียบกับคนในที่เกิดเหตุยังมีหน่อยกว่า แต่พี่ถังไม่ยอมทะเลาะด้วยเพื่อให้บ่อนวุ่นวาย ดังนั้นในขณะที่พูดคุยกันก็ยังมีความสุภาพอยู่บ้าง
“ คุณสามารถถามเขาได้ว่าทำไมผมถึงมาหาเขา ” หยางโปกล่าว
เมื่อเห็นพี่ถังมองมา หยางหลางก็กัดฟัน “ ผมไม่รู้จักเขา ! ”
พอพี่ถังตบโต๊ะ ก็เกิดเสียงดังเอี้ยดอ๊าดขึ้นในบ่อน มีหลายคนที่ลุกขึ้นยืน เมื่อพวกเขายื่นมือออกมา ก็หยิบมีดออกมาจากใต้โต๊ะด้วย บรรยากาศในที่เกิดเหตุจึงดูเคร่งเครียดขึ้นมาก !
หยางหลางมีสีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ ในขณะที่เขากำลังได้ใจอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินใครบางคนจากอีกฝ่ายหนึ่งตะโกนขึ้นมา “ อาถัง คุณมีชีวิตอยู่พอแล้วใช่ไหม ? ”
พี่ถังค่อนข้างที่หงุดหงิด เพราะนานมากแล้วที่ไม่มีใครเรียกเขาด้วยชื่อนี้ เขายกมือขึ้นเพื่อหยุดลูกน้องและเงยหน้าขึ้นมอง แค่เพียงเหลือบมอง เขาก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไปเลย คนที่เรียกชื่อเขา เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมแว่นขอบทอง สวมชุดสูทดำ ดูมีรูปลักษณ์ที่สง่างาม !
แต่พี่ถังกลับหน้าถอดสีไปเล็กน้อย เพราะเขาจำได้แม่นว่าคนๆนี้เป็นเลขาของประธานใหญ่กลุ่มบริษัทชูวี่เชิง แต่ก่อนเขาอยู่ด้วยไม่ได้ ยังไปเป็นลูกน้องกินอยู่กับคนคนนี้ เขาจึงรู้อำนาจของอีกฝ่ายดี !
พี่ถังรีบยืนตัวตรงขึ้นทันที “ เลขาหลิว คุณมาที่นี่ได้ยังไง ? ”
เลขาหลิวทำเสียงเย้ยหยัน หันไปแนะนำให้รู้จักกับหยางโปและหลูตงซิง ” คนนี้คืออาถัง เคยทำงานอยู่ในบริษัทของเรามาระยะหนึ่ง ถือว่าเป็นคนที่เชื่อฟังดี ”
หยางโปพยักหน้าเล็กน้อย เขารู้ดีว่าเบื้องหลังของนักพัฒนาทุกคนมีกลุ่มอันธพาลที่ถูกใช้เพื่อเวนคืนที่และย้ายที่อยู่ บางทีอาถังอาจทำงานประเภทนี้อยู่
หลูตงซิงพยักหน้า ” วันนี้ให้ฟังตามที่หยางโปสั่งทุกอย่าง ! ”
หยางโปพยักหน้าและไม่พูดว่าอะไร แต่เลขาหลิวรู้ทันทีและหันไปพูดกับอาถังว่า “ อาถัง ยังต้องให้ฉันสอนคุณว่าต้องทำยังไงอยู่อีกหรือเปล่า ? ”
อาถังชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าลงทันที “ เลขาหลิววางใจได้ ! ”
พอพูดจบ เขาก็โบกมือ และทันใดนั้นก็มีคนสองคนรีบลุกขึ้นเข้าไปจับตัวหยางหลางเอาไว้ทันที
หยางหลางตกใจกับการเปลี่ยนแปลงในบ่อนนานแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าพี่ถัง ที่ตัวเองภาคภูมิใจ
เมื่ออยู่ต่อหน้าหยางโปก็กลับกลายเป็นแค่เพียงเสือกระดาษตัวเดียว เขาแค่ใช้เลขาเล็กๆคนหนึ่ง แค่คำเดียวก็จัดการกับพี่ถังได้แล้ว !
คนอย่างพี่ถังที่ทำได้ทุกอย่าง คิดไม่ถึงว่าก็จะมีช่วงเวลาที่พ่ายแพ้เป็นเหมือนกัน !

  เมื่อโจวซินเห็นว่าอีกฝ่ายถือหยกยู่อี่ออกมา เดิมทียังรู้สึกร้อนใจอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเห็นแสงสว่างของหยกยู่อี่ ก็หัวเราะเยาะดังออกมาทันที ” มันก็แค่ของที่อ่อนแอและแตกหักง่าย ! ”
ในขณะที่พูด โจวซินก็ยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกไป
ทุกคนต่างพากันมองไปที่ทั้งสองคน นักธุรกิจหลายคนจ้องมองไปทางจุดเกิดเหตุตาไม่กระพริบ
หลังจากพวกเขาได้ศึกษาวัตถุนิยมทางประวัติศาสตร์มาเนิ่นนานหลายปี มันก็เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อของเหล่านี้ แต่แสงสว่างแวววาวที่หยกยู่อี่เปล่งแสงออกมา มันก็ไม่ได้หลอกลวงผู้คน !
เสียงที่ดังกึ่งก้องในจินตนาการไม่ดังขึ้น มีเพียงคนที่ถือหยกยู่อี่คนนั้นร้องโอดโอยจากนั้นก็ได้ยินเสียง “ เพล้ง ” ดังคมชัดตามมา
หยกยู่อี่ร่วงลงบนพื้น แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ !
นักพรตที่ถือหยกยู่อี่อยู่ ร้องโอดโอย ก้าวถอยหลังและล้มตัวลงบนพื้นทันที !
ผ่านไปสักพัก ก็ไม่มีเสียงใดๆดังแลดลอดออกมาจากในจุดเกิดเหตุ ทุกคนต่างจ้องมองไปตรงจุดเกิดเหตุ อยากจะเอ่ยปากพูด แต่กลับไม่รู้จะพูดอะไรดี
โจวซินประสบความสำเร็จในการโจมตีแค่ครั้งเดียว เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ ” ผมว่าอะไรนะ ? ไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา หรือว่าผมพูดผิดไป ? ”
คนอื่นๆมีสีหน้าปั้นยาก แต่พวกเขาก็จ้องมองไปที่โจวซินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ
ก่อนที่กลุ่มของหยางโปจะมาถึงกัน เสวียนจงได้แนะนำพวกเขาทั้งสามคนเอาไว้แล้ว ดังนั้นทุกคนจึงพอจะจำโจวซินและคิดกันไปว่าเขาอาจจะเป็นลูกผู้ลาภมากดี
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า แค่ฝ่ามือเดียวของโจวซินก็ทำให้นักพรตที่ถือหยกยู่อี่ร่วงลงไปบนพื้นได้ หรือว่าโจวซินก็จะเป็นยอดฝีมืออีกคนเช่นกัน !
ทุกคนต่างพากันจ้องมองไปที่โจวซินด้วยสีหน้าที่แปลกใจ ราวกับว่าได้ค้นพบยอดฝีมือคนหนึ่งที่แข็งแกร่งมากที่กำลังแสร้งทำเป็นอ่อนแอแล้วค่อยตะครุบเหยื่อเมื่อเผลอ เวลานี้พวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงดี !
เสวียนจงรีบก้าวขึ้นไปด้านหน้า ประสานมือโค้งคำนับแล้วเอ่ยออกมาทันที “ คิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่
โจวจะมีฝีมือเก่งกาจแบบนี้ เสียมารยาทแล้วจริงๆ ! ”
โจวซินยิ้มและโบกมือ ” ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง ! ”
มุมปากของนักพรตคนนั้นมีเลือดซึมออกมา เขาลุกขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ ศิษย์พี่โจว ผู้น้อยเพลี่ยงพล้ำล้วงเกินท่านไปแล้ว โปรดอย่าได้ถือสาไปเลย ! ”
โจวซินโบกมือทำเป็นใจกว้าง “ แค่เรื่องเล็กน้อย คุณก็อย่าไปใส่ใจกับมันมากนัก ”
บรรยากาศในงานเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ทุกคนต่างพากันเดินเข้าไปโอบล้อมโจวซิน
โจวซินก็ทำตัวไม่สุภาพเช่นกัน ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ก็ชี้ไม้ชี้มือแตะเท้าไปมา และคุยโวโอ้อวด
ทางด้านหยางโปและหลูตงซิงกลับนั่งดูความครึกครื้นอยู่ด้านข้าง
โจวเสี่ยวปินประธานใหญ่ของกรีนทัวร์เดินถือแก้วไวน์เข้ามาทางด้านข้างของโจวซิน
” ศิษย์พี่โจว ผมขอชนแก้วกับคุณสักแก้ว ผมขอยกหมดแก้วเพื่อแสดงความเคารพก่อน ! ”
โจวซินยิ้มและพูดว่า ” ของพวกนี้มันก็แค่ของธรรมดาทั่วไปเท่านั้น วันหลังถ้ามีเวลา ผมจะพาไปดื่มเหล้าเลิศรส คุณถึงจะได้รู้ว่าอะไรกันแน่ที่เรียกว่าเหล้าชั้นยอด ”
โจวเสี่ยวปินรีบพยักหน้า “ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณศิษย์พี่แล้ว ศิษย์พี่ คุณกับผมต่างก็แซ่โจว
ไม่แน่นะเมื่อห้าร้อยปีก่อนเราอาจเป็นครอบครัวเดียวกัน ! ”
โจวซินสีหน้าบึ้งตึ้งทันที “ เมื่อห้าร้อยปีก่อน พวกเราไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกัน ปู่ของผมมีอายุยืนสามร้อยปี และพ่อของผมก็มีอายุยืนหนึ่งร้อยแปดสิบปี พวกเขาล้วนเป็นเซียน เมื่อห้าร้อยปีก่อนครอบครัวพวกคุณอยู่ที่ไหนกัน ? ”
โจวเสี่ยวปินทำหน้าไม่ถูก รีบพูดแก้ตัวทันที “ เป็นผมเองที่เอื้อมเกินฐานะ สมควรถูกลงโทษ
ผมขอดื่มสามแก้วเพื่อเป็นการลงโทษ ! ”
ทุกคนต่างตกตะลึงกับการกระทำของโจวซิน การฝึกฝนพลังสามารถยืดอายุขัยได้ นี่เป็นความรู้ทั่วไปที่ทุกคนรู้กันมาช้านาน แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นคนที่อายุยืนยาวมีอยู่จริง แต่ปู่ของโจวซินกลับมีอายุถึงสามร้อยปีนี่มันเกินกว่าที่ทุกคนจินตนาการไว้ซะอีก !
หยางโปที่ยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยืนมองดูการแสดงของโจวซิน
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า คำโกหกกึ่งจริงครึ่งเท็จของโจวซินนี้ มีเสน่ห์อย่างที่สุด พวกเขาอดที่จะเชื่อคำพูดของเขาไม่ได้
งานเลี้ยงกินเวลานานกว่าสามชั่วโมง หยางโปและหลูตงซิงถึงได้ลากโจวซินออกมา เขากลัวว่า
โจวซินจะเมา แล้วพูดอะไรผิดเข้า และหลุดเปิดเผยภูมิหลังทั้งหมดของเขา
เมื่อกลับมาถึงโรงแรม หยางโปถึงได้รู้สึกโล่งใจ จากนั้นพวกเขาต่างก็แยกย้ายกลับไปที่ห้องพักใครห้องพักมันเพื่อพักผ่อน
หยางโปแอบคัดลอก ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) เก็บไว้อยู่ในห้องเงียบๆ และตั้งใจจะมอบคัมภีร์เล่มนี้ให้ หลูตงซิง แต่เขาก็สามารถแอบคัดลอกอีกสองสามเล่ม เพื่อมอบให้เพื่อนคนอื่นๆได้
ในวันที่สอง หยางโปและหลูคงซิงก็ไปที่ธนาคารเพื่อไปรับโสมคนด้วยกัน จากนั้นถึงได้ไปเคาะประตูของโจวซิน
โจวซินสะลึมสะลือเดินออกมา “ มีอะไรเหรอ ? ”
“ ตอนนี้พวกเราต้องไปจากหยูหางแล้ว คุณคิดจะทำอะไรต่อ ? ” หยางโปถาม
โจวซินแปลกใจมาก ” ทำไม ? หยูหางมีอะไรสนุกมากมาย ทำไมคุณถึงรีบกลับขนาดนั้นด้วยล่ะ ? ”
“ พวกเรากำลังจะไปกันตอนนี้แล้ว คุณคิดจะทำอะไรต่อ ” หยางโปถามต่อ
โจวซินนิ่งอึ้งไปทันที เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าหยางโปมาที่นี่เพื่อมาแจ้งข่าวแก่เขา แต่ไม่ได้มาถามความคิดเห็นของเขา หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย เขาก็ส่ายหัวแล้วตอบกลับไปว่า “ ผมไม่ไป ผมอยากอยู่ที่นี่ต่อ ชุมนุมยุทธภพยังมีอะไรสนุกๆอยู่ ! ”
หยางโปชายตามองโจวซินขึ้นลง แล้วส่ายหัวเล็กน้อย ” โจวซิน คุณน่าจะรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ คุณก็น่าจะรู้สภาพของหยกยู่อี่ดี ระวังตัวเองด้วย ”
โจวซินหัวเราะออกมา ” ไม่ต้องกังวล วิทยายุทธของผมสูงกว่าพวกเขามาก เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไม่สามารถชนะพวกเขาได้ ”
หยางโปส่ายหน้า หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วยื่นให้กับเขา “ เห็นว่าคุณไม่มีโทรศัพท์มือถือ
ผมก็เลยซื้อมือถือให้คุณเครื่องหนึ่งผมบันทึกเบอร์โทรติดต่อเก็บไว้ให้ในเครื่องแล้ว ถ้าคุณมีอะไรก็โทรหาผม ผมจะรีบมาหา.. ”
โจวซินยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม “ คุณวางใจเถอะ ไม่มีเรื่องแน่นอน ”ไอรีนโนเวล
เมื่อหยางโปเห็นว่าโจวซินไม่สนใจใยดี ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาไม่มีประสบการณ์ ดังนั้นเขาจึงมักจะรู้สึกว่าตัวเองสามารถจัดการทุกอย่างได้ หยางโปพูดไปก็ไร้ประโยชน์
หยางโปและหลูตงซิงทั้งสองนำของขึ้นรถแล้วรีบเดินทางมุ่งหน้ากลับจินหลิงทันที
ในระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ หยางโปได้ยื่นคัมภีร์ลับที่คัดลอกไว้เงียบๆเมื่อคืนนี้ส่งให้ โดยที่เขาไม่ได้พูดอะไร หลูตงซิงยิ้มและยื่นมือไปรับ โดยที่ไม่พูดอะไรมาก เรื่องแบบนี้ แม้แต่คนขับก็ไม่ควรให้เขาได้ยิน
ในที่สุด หลูตงซิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา “ หยกยู่อี่ชิ้นนั่นมีปัญหาใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า ” มีปัญหา คล้ายของโบราณที่ทำปลอมขึ้นมา หยกยู่อี่ชิ้นนั้นเป็นของปลอม ”
หลูตงซิงเบิกตากว้าง “ นั่นก็หมายความว่า ความสามารถของโจวซินไม่ได้มีอยู่มากเท่าไรน่ะสิ ? ”
“ พลังของเขาถือว่าค่อนข้างดี แต่ถ้าเมื่อคืนนี้เป็นของจริง เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน ” หยางโปกล่าว
หลูตงซิงส่ายหัว ” ถุยถุย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง งั้นก็อันตรายแล้ว คนอย่างเขาไม่เหมาะที่จะอยู่ที่
หยูหางต่อ นักเลงอย่างชุมนุมยุทธภพ ไม่ใช่จะรับมือได้ง่ายๆ เรื่องเมื่อวานนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดที่จะวางอำนาจกับพวกเรา ! ”
หยางโปพยักหน้า ” นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ให้เขา แต่พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้มาก เขาก็เห็น แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการฟังคำแนะนำของเรา ”
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น โทรศัพท์ของหยางโปก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและก้มหน้ามองดู และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว สายโทรเข้ากลับกลายเป็นแม่บุญธรรม ไม่รู้ว่าเธอมีธุระอะไร

โจวซินพูดซะยกใหญ่ และแนะนำหยางโปเป็นอย่างมากให้ซื้อ เขาคาดหวังมาก โดยคิดว่าหยางโปจะต้องฟังคำแนะนำของเขา แต่คิดไม่ถึงว่าหยางโปแค่ส่ายหน้า โดยที่ไม่ตอบสนองใดๆ เลยทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะทำสีหน้าที่ค่อนข้างลำบากใจ
“ คุณไม่ชอบมันงั้นเหรอ ? ” โจวซินถาม
หยางโปไม่มีทางเลือก เดิมเขาคิดว่าโจวซินแกล้งทำเป็นเสแสร้ง แต่คิดไม่ถึงว่าความฉลาดทางอารมณ์ของเขาไม่ถึงจริงๆ เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามไปว่า ” คุณมองดูดีๆ หยกยู่อี่ชิ้นนี้เป็นยังไงบ้าง ? ”
โจวซินรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ เขามองไปข้างหน้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาจ้องมองด้วยสองตา
แล้วหลับตาลงเล็กน้อย
ไม่นานโจวซินก็มองด้วยความสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ ” เป็นไปได้ยังไง ? ”
“ อะไรคือเป็นไปได้ยังไง ? ” หยางโปถาม
โจวซินส่ายหัวเล็กน้อย “ คิดไม่ถึงว่าจะทำแบบนี้ได้ด้วย ! ”
หยางโปหัวเราะ อันที่จริง เขาก็คิดไม่ถึงว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกปลอมแปลงได้ด้วยเหมือนกัน
และไม่รู้ว่าพวกเขาใช้วิธีการใดกันแน่ ถึงได้ทำให้หยกยู่อี่ชิ้นนี้มีพลังปนเปื้อนอยู่ หยกยู่อี่ชิ้นนี้ใช้ทำเป็นจี้หยก แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆก็สามารถยืดอายุให้ยาวนานขึ้นได้ แต่สำหรับคนที่ฝึกฝนเลี่ยนชี่แล้ว กลับไม่มีผลพวงอื่นใดจะเข้ามาโจมตีได้ !
แต่คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุมองกับดักนี้ไม่ออก ไม่ช้าก็ตกลงหลุมพราง
หยางโปทั้งสามคนนั่งนิ่งเฉยไม่สนใจใคร และเฝ้าดูพวกเขาใช้เงินจับจ่ายกัน
โจวซินเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่ค่อยจะพอใจ “ ผมจะเอาตัวไปเทียบกับคุณได้ยังไง ? อาจารย์ของผมแข็งแกร่งกว่าคุณ ช่วงระยะเวลาการบำเพ็ญเพียรก็นานกว่าคุณ สำหรับขั้นปัจจุบันของผมก็ยังสูงกว่าคุณ ผมจะแย่กว่าคุณไปได้ยังไงกัน ? ”
หยางโปเลยถือโอกาสนี้ถาม “ ตอนนี้คุณอยู่ขั้นไหนแล้ว ? ”
“ อยู่ระหว่างกลางขั้นหยิ่นชี่ ! ” โจวซินพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
หยางโปจึงถามต่อไปว่า “ ตอนนี้เยว่จวิ้นเหยาล่ะ อยู่ถึงขั้นไหนแล้ว ? ”
“ เธอเหรอ ? เกรงว่าน่าจะเข้าสู่ขั้นเลี่ยนชี่แล้ว ” โจวซินกล่าวด้วยความเศร้าใจ “ เยว่จวิ้นเหยาช่วงชิงกับใครไม่เป็น เธอเกิดมาพร้อมกับจิตใจที่งดงามและใสซื่อ จดจ่ออยู่แต่การบำเพ็ญเพียร เหมาะสมที่สุดสำหรับการฝึกฝน อย่างพวกเราเนี่ยเทียบเธอไม่ติดเลย ! ”
หยางโปพยักหน้า จู่ๆก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาบ้าง ตอนนี้เขาเกือบจะอยู่ในขั้นปลายหยิ่นชี่แล้ว
พลังภายในร่างกายรวมตัวกันเล็กกว่าขนาดไข่ไก่เพียงเล็กน้อย ยังห่างจากการบรรลุผลอยู่ก็ค่อนข้างมาก ถ้าเป็นแบบนี้ เขาก็แข็งแกร่งกว่าโจวซินมาก แค่โจวซินไม่ได้สังเกตเห็นก็เท่านั้น
สำหรับเยว่จวิ้นเหยาแล้ว ตอนที่เธอจากไป ก็ได้บรรลุขั้นหยิ่นชี่ไปแล้ว อาจารย์เรียกตัวเธอกลับไป น่าจะเพื่อให้ฝ่าด่านไปอีกขั้น ถ้าสามารถฝ่าด่านไปได้เร็วขนาดนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
โจวซินไม่รู้ว่าหยางโปกำลังคิดอะไรอยู่ นึกไปว่าเขายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของขั้นหยิ่นชี่ ก็แสดงทีท่าพึงพอใจอย่างปิดไว้ไม่อยู่ “ คุณไม่รู้เหรอ การฝึกฝนบนภูเขามันยากลำบากแค่ไหน ลงเขามา
ก็ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวว่าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรได้อีก ตอนนี้คุณดูคนในงานพวกนี้สิ คนที่มี
ขั้นวรยุทธสูงสุด ก็มีแต่เสวียนจงแล้ว แต่เขาก็แค่อยู่ในขั้นฝึกฝนหยิ่นชี่ในระยะแรกเท่านั้น
ส่วนคนอื่นๆส่วนใหญ่ที่อยู่ในงาน อันที่จริงพวกเขาแค่เริ่มมีพลังกันนิดหน่อยก็เท่านั้น ! ”
หยางโปมองหน้าโจวซิน ” ทำไมพวกเขาทั้งหมดถึงตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ? ”
“ เมื่อกี้คุณไม่ได้ยินเหรอ ? ในยุคที่ใกล้จะถึงการสิ้นสุด พลังระหว่างสวรรค์กับโลกนั้นเบาบางลง
ที่สามารถฝึกฝนต่อไปได้ ก็ถือว่าได้รับการโปรดปรานจากสวรรค์และโลกแล้ว ถ้าคิดอยากจะมีฝีมือ มันยากเอามากๆ คุณคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนผมหรือไง เป็นอัจฉริยะที่ค้นพบได้ในพันปีนี้น่ะเหรอ ? ” โจวซินกล่าว
หยางโปมองดูท่าทางภาคภูมิใจของโจวซิน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
ไม่นาน หยกยู่อี่ชิ้นสุดท้ายก็ถูกประมูลขายไปได้ในราคา 200 ล้านหยวน ในเวลาเดียวกันนั้นเสวียนจงก็ประกาศจบงานประมูลลง
หยางโปที่นั่งอยู่ด้านล่างเวที อดที่จะรู้สึกเสียใจไม่ได้ เขาวิ่งมาอย่างมีความหวัง อันที่จริง ไม่ใช่แค่โสมคนและบัวหิมะเท่านั้น เขาคิดที่จะเสาะแสวงหาเพื่อนที่เดินสายทางเดียวกัน แต่คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีแค่คนนอก
ทางด้านหลูตงซิงกลับมีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เขาหันไปกระซิบกับหยางโป “ พวกเรารีบไปกันเถอะ
นายรีบไปนำคัมภีร์ลับมาให้ฉันด้วย ฉันแทบทนรอไม่ไหวแล้ว ”
หยางโปหัวเราะ “ ไม่ต้องรีบร้อนไป การบำเพ็ญเพียรไม่ได้สำเร็จได้ในวันเดียว เวลานี้คุณรีบร้อนแบบนี้ มันไม่เหมาะสำหรับการฝึกฝน คุณต้องรู้ว่า ถ้าเกิดใจร้อนไปแล้วพลังเกิดไหลเวียนไปผิดทาง มันก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ! ”
หยางโปพูดทีเล่นทีจริง อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้มีคัมภีร์ลับใดๆอยู่ในมือเลย เขาจึงทำได้เพียงยืดเวลาออกไปเท่านั้นเพื่อที่จะช่วงชิงเวลาที่จะส่งมอบต่อให้หลูตงซิงช้าลง
แต่หลูตงซิงกลับเชื่อมั่นทุกอย่าง เพราะหยางโปพูดอย่างมีเหตุผล
ทั้งสามคนลุกขึ้นและพากันเดินไปด้านหลังเวที เพื่อชำระเงินเอาโสมพันปี
ในขณะที่กำลังจะจากไป เสวียนจงก็ได้มาหยุดพวกเขาเอาไว้ ” ศิษย์พี่หยาง ศิษย์พี่หลู ไม่ทราบว่าคืนนี้พวกคุณพอมีเวลาว่างกันไหม ? ผู้บำเพ็ญเพียรสองสามท่านของชุมนุมยุทธภพจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าวในคืนนี้ เลยอยากจะเรียนเชิญท่านทั้งสองมาเข้าร่วมด้วย ”
โจวซินที่ยืนอยู่ด้านข้าง “ ทำไมไม่เชิญผมด้วยล่ะ ? ”
เสวียนจงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้สติกลับมา ” แน่นอนว่ายังมีคุณโจวด้วย ”
โจวซินทำเสียงเยาะเย้ยเบาๆ บ่งบอกถึงความพึงพอใจ
หยางโปก็อยากพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมบำเพ็ญเพียรในสายทางเดียวกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยักหน้าตอบตกลง
หลังจากส่งโสมคนพันปีไปไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารในพื้นที่แล้ว หยางโปและพรรคพวกก็รีบไปที่โรงแรมริมทะเลสาบตะวันตก….ไอลีนโนเวล
โรงแรมนี้อยู่ไกลจากชุมชนไปหน่อย เสวียนจงจัดให้คนมาคอยต้อนรับอยู่นอกซอยเป็นการเฉพาะ
เพื่อมานำทางพวกเขาให้เข้าไปในโรงแรม ในโรงแรมมีกลิ่นอายความโบราณ ทั้งหมดถูกตกแต่งด้วยรูปแบบโบราณทั้งหมด
เมื่อเดินเข้ามาในห้องวีไอพี หยางโปก็เห็นว่ามีคนจำนวนมากนั่งอยู่กันแล้ว ทั้งหมดเคยเจอกันในงานประมูล มีหลิวเต๋าโยวที่ผมขาวโพลน ยังมีโจวเสี่ยวปินประธานใหญ่กรีนทัวร์ที่ประมูลได้คัมภีร์ลับไป มีนักพรต และเศรษฐี
หยางโปรู้สึกแปลกใจ เพราะเขาคิดไม่ถึงว่า คนหนึ่งที่ขายคัมภีร์ลับ กับอีกคนที่ซื้อคัมภีร์ลับไปต่างก็อยู่ที่นี่ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พวกเขาอาจจะจงใจขึ้นราคาและโกงราคาในงาน ?
เมื่อเสวียนจงเห็นสีหน้าท่าทีของหยางโปก็รีบอธิบายทันที ” หลิวเต๋าโยวและศิษย์พี่หยาง มาใหม่ในวันนี้เหมือนกัน แต่แค่เขานั่งรถมาคันเดียวกับเรา เลยมาถึงก่อนเล็กน้อย ”
หยางโปพยักหน้าและไม่พูดอะไรมาก
สีหน้าท่าทีที่เย็นชาของหยางโป ทำให้บางคนในที่เกิดเหตุไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก
” ศิษย์พี่หยาง ? เขาก็เป็นแค่เด็กน้อยที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมก็เท่านั้น นับประสาอะไรกับความยากลำบากในการบำเพ็ญเพียรในเขามานานนับปี จะถูกเรียกว่าศิษย์พี่ได้ยังไง ? ”
เสวียนจงกำลังจะเอ่ยปากไกล่เกลี่ย โจวเสี่ยวปินก็พูดขัดขึ้นแล้วว่า ” ไม่ทราบว่าศิษย์พี่หยางกำลังฝึกฝนคัมภีร์ลับอะไร ถึงได้มียาขนานวิเศษ พวกเรามาแลกเปลี่ยนแบ่งปันกันสักหน่อยดีไหม
จะได้พัฒนาและก้าวหน้าไปพร้อมกัน ”
หยางโปสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ ” ไม่ทราบว่านี่เป็นงานเลี้ยง
หงเหมินหรืองานเลี้ยงต้อนรับแขก ? ”
โจวซินที่นั่งอยู่ข้างๆ หมดความอดทนไปนานแล้ว ” หยางโป พวกเราไปกันเถอะ จะไปสนใจคนพวกนี้ไปทำไมกัน ? พวกเขาไม่เข้าใจกฎเลยแม้แต่น้อย คัมภีร์ลับของคนอื่นจะให้ดูกันง่ายๆได้ยังไง ? ”
สีหน้าของคนอื่นๆที่นั่งอยู่ในห้องถอดสีไปทันที “ คุณพูดว่าอะไรนะ ? ”
โจวซินฮึดฮัดเย็นชา ” ที่ผมพูดไปหมายพวกคุณ แล้วมันยังไงล่ะ ? ”
นักพรตคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในนั้น นำหยกยู่อี่ออกมาและหันหน้ามองมาทางโจวซิน ” มีหยกยู่อี่ชิ้นนี้อยู่พอดี ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ฉันจะให้แกดูเป็นบุญตาสิว่า ศิษย์พี่ที่แท้จริงมันเป็นยังไง ! ศิษย์พี่จริงๆฝึกฝนมาอย่างหนักนานนับสิบปีที่อยู่แต่ในป่าลึกในเขา ! แต่ไม่ใช่อาศัยแค่ปากเดียวบุกเข้ายึดอำนาจ ! ”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ชายคนนั้นก็ถือหยกยู่อี่ และพุ่งเข้ามาโจมตี เขาถ่ายทอดพลังลงไปใน
หยกยู่อี่ หยกยู่อี่ก็เปล่งแสงสว่างแวววับออกมา !

ตอนที่ 935 หยกยู่อี่
หยางโปถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว วิทยายุทธเรียกลมฝน มังกรเดินทองคำบริสุทธิ์ชุดนั้นที่อยู่ในมือของเขา ก็มีวิทยายุทธแบบนี้อยู่ไม่ใช่เหรอ ?
มีเสียงหายใจเข้าออกดังขึ้นในงาน แม้แต่โจวซินที่ตาสูงแต่ความสามารถไม่ถึง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ วิทยายุทธ ? เขาคิดว่าเขาเป็นใคร ? ถึงได้ต้องการมีวิทยายุทธแบบนี้เอาไว้ ! ”
หยางโปชายตามองไปทางโจวซิน ” วิทยายุทธยากที่จะได้มาเหรอ ? ”
โจวซินทำเสียงเย้ยหยันเบาๆ ” แน่นอนว่าวิทยายุทธนั้นยากที่จะได้มา โดยปกติทั่วไปแล้วพวกเราใช้แค่คาถา ทั้งหมดเป็นเพียงกลเม็ดเล็กๆ ส่วนวิทยายุทธที่แท้จริง สามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้ ! ไหนเลยที่ชาวบ้านอย่างพวกนี้จะมีไว้ครอบครองกันได้ ? ”
ทุกคนที่อยู่รอบตัวโจวซิน ต่างจ้องมองมาที่เขาและ แสดงสีหน้าไม่พอใจ แต่วิทยายุทธมันก็มีค่ามากจนไม่มีใครในงานตอบคำถาม
หยางโปตกใจมาก เมื่อนึกถึงมังกรเดินที่ยังมีอยู่สิบเอ็ดชิ้น กล่าวคือ เขายังมีวิทยายุทธอีกสิบเอ็ดแขนงที่ต้องเรียนรู้ เขาอดไม่ได้ที่จะตั้งหน้าตั้งตารอ
หลูตงซิงอยากได้โสมคนพันปีมาไว้ครอบครองมาก เขาหันไปมองโจวซิน ” คุณเรียนรู้วิทยายุทธมาใช่ไหม ? ”
จู่ๆ โจวซินก็ตกตะลึง สีหน้าปั้นยาก พูดเสียงตะกุกตะกัก ” ผม… ผมยังไม่เคยเรียน แค่กำลังจะเริ่มเรียน ! ”
หลูตงซิงหัวเราะแต่ก็ไม่ถามอะไรอีก
หยางโปที่กำลังนั่งข้างๆ ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ ประธานเสวียน คุณก็น่าจะรู้นะว่าพวกเรามีวิทยายุทธที่ไหนกัน แม้แต่คนที่มีคาถาก็มีอยู่เพียงไม่กี่คน คุณลองถามดูก่อน สามารถนำของดีๆอย่างอื่นมาแลกเปลี่ยนได้ไหม ? ”
ประธานเสวียนเงียบไปชั่วครู่ ” ถ้าอย่างนั้น คุณมีคัมภีร์ลับดีๆอยู่หรือเปล่า ? ”
คนที่ตอบคำถามคนนั้นถึงกับนิ่งอึ้งไปเลย “ ผมมีเงิน ”
เสวียนจงหัวเราะ ” พี่ชาย คุณต้องรู้นะว่ามีคนที่นั่งอยู่ในงาน มีกี่คนที่ไม่มีเงิน ? ทุกคนล้วนมีทรัพย์สินมากมาย แต่โสมคนพันปีมีแค่ต้นเดียว ดังนั้นคงไม่คุ้มค่าที่จะมาประมูลด้วยเงินสดหรอกนะ ? ”
“ ผมยินดีประมูลในราคา100 ล้าน ขายบนเวทีเลยได้ไหม ! ” ชายคนนั้นกล่าว
เสวียนจงตกตะลึงถึงกับนิ่งอึ้งไป โสมคนพันปีนต้นนี้คนอื่นมอบหมายมาให้เขาช่วยประมูลแทนให้ เวลานั้น พูดกันอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาคนนั้นต้องการแลกของดีๆมาสักชิ้น เพื่อเริ่มต้นหรือเพื่อคาถาก็ได้ แต่ไม่สามารถประมูลด้วยเงินสดได้
“ เป็นยังไงบ้าง ? ประธานเสวียน ถ้าไม่ตกลง ผมยังสามารถเพิ่มราคาให้ได้อีก ผมยินดีที่จะจ่ายให้ในราคาที่สูงกว่านี้ ! ” คนคนนั้นกล่าว
เสวียนจงส่ายหัว ” หวังเต๋าโยว ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผู้ขายขอให้ผมนำมาช่วยประมูล และได้พิจารณาถึงสถานการณ์นี้มานานแล้ว เขาต้องการเพียงของที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้ได้เท่านั้น
และไม่ได้ต้องการเงิน ”
ชายคนนั้นค่อนข้างดูจะกลัดกลุ้มใจ “ แบบนี้เขาไม่ใช่ทำให้พวกเราลำบากหรือไงกัน ? ”
เสวียนจงเปลี่ยนของติดต่อกันหลายชิ้นแล้ว แต่ทุกคนก็ยังไม่สามารถนำออกมาได้ ในงานดูเงียบไปครู่หนึ่ง เสวียนจงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว “ ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่สนใจโสมคนพันปีต้นนี้กันมากเท่าที่ควร ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องนำออกไปจากการประมูลแล้ว ”
“ ประธานเสวียน คุณลดระดับความต้องการลงหน่อยได้ไหม พวกเราทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกฝนบำเพ็ญตบะกันเอง เดิมทีก็ไม่ได้มีอาจารย์อะไร อยากเอาวิทยายุทธ คาถาหรือแม้แต่คัมภีร์ลับออกมาแลกกับโสมคนพันปี มันก็เป็นการยากสำหรับทุกคนจริงๆ ” มีคนในงานตะโกนเสียงดังออกมา
เสวียนจงมีอาการลังเลใจ “ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน รอสักครู่ ผมขอโทรไปสอบถามดูก่อน ”
เสวียนจงเดินลงจากเวที จากนั้นเขาก็เดินไปทางด้านหลัง ถึงได้หยิบโทรศัพท์มากดโทรออก
ผ่านไปไม่นาน เสวียนจงก็เดินกลับขึ้นไปบนเวที ” เอาล่ะ เอาอย่างที่ทุกคนต้องการ ตอนนี้มาใช้เงินสดประมูลกันเถอะ ! “Aileen-novel
ในงานดุเดือดขึ้นมาทันที และถึงขั้นเสนอราคาประมูลกันไม่ทัน ราคาก็ได้เพิ่มสูงขึ้น
ภายในไม่กี่รอบ ราคาประมูลในงานก็เพิ่มขึ้นเป็น 50 ล้าน ! มูลค่าของโสมคนพันปีสำหรับคนในงานแล้ว ยิ่งสูงขึ้นกว่าเดิมไปอีก อย่างไรก็ตาม ของดีที่สามารถยืดอายุให้ยืนยาวได้ ทุกคนต่างก็ต้องการมัน
“ 80 ล้าน ” หยางโปยื่นข้อเสนอตามที่คาดคะเนไว้
ในงานไม่ได้มีการผ่อนคลายลงจากเพราะเขาเสนอเพิ่มราคา ตรงกันข้าม กลับยิ่งเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม
หลูตงซิงเข้าร่วมกลุ่มสู้ประมูลราคา พลางเสนอขึ้นราคาและพลางถอดใจ “ ทุกคนบ้ากันไปแล้ว ทุกคนบ้ากันไปแล้วจริงๆ ! ”
ราคาประมูลในงานดำเนินไปอย่างเข้มข้นและดุเดือด กินเวลานานกว่า 20 นาที จนในที่สุดราคาก็พุ่งสูงถึง 200 ล้านหยวน ถึงได้หยุดลงไปชั่วครู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หลูตงซิงจ้องไปที่โสมคนเบื้องหน้า และหันไปขอคำแนะนำจากหยางโป ” ซื้อดีไหม ? ”
” ซื้อสิ ! อีกทั้งยังต้องซื้อมันมาให้ได้อีกด้วย ! ” หยางโปกล่าว ” พวกเราช่วยกันซื้อ ท้ายสุดก็มาแบ่งเท่าๆกัน คุณคิดว่าตัวเองจ่ายไปแค่ครึ่งราคาเท่านั้นก็พอ ”
เมื่อหยางโปพูดแบบนี้ หลูตงซิงก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น เขาไม่คิดว่าหยางโปจะเอาเปรียบเขา แม้ว่าโสมคนพันปีจะดี แต่ก็ต้องการวิธีการกินที่ถูกต้อง นอกจากนี้ หยางโปยังเคยพูดแล้วว่าจะให้คัมภีร์ลับ
( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) แก่เขา มันก็เป็นเรื่องปกติที่โสมต้นนี้จะต้องแบ่งครึ่งเท่าๆกัน !
การประมูลโสมคนพันปีกินเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง และในที่สุดก็ถูกหลูตงซิงประมูลไปได้ในราคา 350 ล้านหยวน ซึ่งเป็นราคาที่สูงเสียดฟ้า !
หยางโปถึงได้รู้อำนาจทางการเงินของในงานใหม่ เศรษฐีพวกนี้มีอำนาจและเงินหนามาก !
เสวียนจงมองไปทางหยางโป ส่งยิ้มให้เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อโจวซินเห็นหลูตงซิงได้โสมคนพันปี ก็อดที่จะแอบอิจฉาไม่ได้ ในสายตาของเขาแล้ว
โสมคนพันปีต้นนี้ ก็เป็นของดีชิ้นหนึ่งอยู่ !
ต่อจากนั้นก็เป็นการแลกเปลี่ยนข้าวของอีกสิบกว่าชิ้น หรือถูกประมูลไป หยางโปและพรรคพวกกลับไม่ได้ของอะไรกันมาเลย
หลังจากประมูลสมุนไพรที่หายยากต้นหนึ่งไป เสวียนจงก็เดินขึ้นไปบนเวทอีกครั้ง ในงานจึงเงียบเสียงลงอีกครั้ง
ใบหน้าของเสวียนจงดูค่อนข้างแอบตื่นเต้น “ อันที่จริง ผมเต็มใจมากที่จะขึ้นมายืนอยู่บนเวที เพราะนี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ต้องมีของดีๆส่งขึ้นมาแน่ ของในวันนี้ เห็นได้ชัดว่ามันค่อนข้างพิเศษ ”
ในขณะที่พูดนั้น ได้มีคนยกถาดยื่นส่งขึ้นมาให้ เสวียนจงคลี่ผ้าสีแดงบนถาดออก และยกถาดมาแนะนำ ” นี่คือศาสตราวุธชิ้นหนึ่ง ! ”
เดิมทีหยางโปทำเป็นเมิน แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็เงยหน้าขึ้นมองทันที และเห็นว่ามีชิ้นส่วนของ
หยกยู่อี่อยู่ในถาดชิ้นหนึ่ง หยกยู่อี่ดูบริสุทธิ์และขาวโพลน
แต่เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ หยางโปก็แสดงสีหน้าท่าทางแปลกๆ เขาเห็นว่าถึงแม้ภายนอกหยกยู่อี่จะถูกรายล้อมไปด้วยพลัง แต่ที่จริงแล้ว กลับกลายเป็นแค่ความสวยงามภายนอกเท่านั้น
หลูตงซิงแอบรู้สึกตื่นเต้น เขาดึงหยางโปไว้ ” พวกเราลองดูหน่อยดีไหม ? ”
หยางโปส่ายหัวโดยที่ไม่พูดอะไร
โจวซินจ้องมองไปที่หยกหยกยู่อี่ เขาสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาของหยางโปจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกมาด้วยความอยากรู้ ” หยกยู่อี่ชิ้นนี้ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ทำไมคุณถึงไม่สนใจล่ะ ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ ผมไม่เข้าใจ ”
โจวซินไม่เข้าใจความหมายของประโยคนี้เลยด้วยซ้ำ เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ ถ้าไม่เข้าใจก็ถามผมสิ ผมรู้นานแล้วว่าคุณไม่เข้าใจ ของพวกนี้คุณสัมผัสมาน้อย เห็นแล้วจะเข้าใจได้ยังไง ? ”
หยางโปเหลือบมองโจวซิน
โจวซินดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เขาพูดต่อไปว่า ” หยกยู่อี่ถือได้ว่าเป็นอาวุธของลัทธิเต๋า
อาวุธชิ้นนี้เป็นอาวุธโจมตี ดูแล้วไม่เลวเลย แน่นอน มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับกระจกของคุณได้ กระจกบานนั้นของคุณป้องกันการโจมตีของศัตรูได้ อาวุธชิ้นนี้ใช้เพื่อโจมตี คุณประมูลมาเถอะ ! ”
หยางโปจ้องโจวซินตาเขม็ง ส่ายหัวเล็กน้อยโดยที่ไม่พูดอะไร

ตอนที่ 934 ปล่อยคัมภีร์ลับ
หลูตงซิงมองวิธีการฝึกวรยุทธตาไม่กระพริบ เขาจะต้องชนะสิ่งนี้ให้ได้ !
ราคาในงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่นี่ไม่ขาดแคลนคนรวย แม้แต่หยางโปก็ยังแอบเห็นคนรวยพวกนั้น พวกเขาทั้งหมดเข้ามาพร้อมกับนักพรต เวลานี้ ยิ่งบ้าคลั่งกันมากขึ้นเรื่อยๆ
“ สามล้านห้า ! ”
“ สี่ล้าน ! ”
ราคาในที่จัดงานยังคงเพิ่มขึ้น หลูตงซิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ สิบล้าน ! ”
ในงานเงียบกริบไปทันที หลายคนต่างพากันชายตามองมาที่หลูตงซิง อันที่จริงแล้ว หลายคนต่างก็จำหลูตงซิงได้ ถึงแม้จะสงสัยว่าเขามาได้ยังไง แต่ทุกคนก็ระงับความคิดนั้นไว้อย่างรวดเร็วและจดจ่อครุ่นคิดกันว่ายังควรที่จะเพิ่มราคาขึ้นอีกไหม !
“ สิบเอ็ดล้าน ! ” อีกคนเสนอเพิ่มราคาขึ้นไปอีก
หลูตงซิงค่อนข้างจะร้อนใจและคิดที่จะเสนอเพิ่มราคา แต่หยางโปกลับเอื้อมมือไปหยุดเขาไว้
ส่ายหัวแล้วเอ่ยเตือนไปว่า ” ไม่ต้องเสนอเพิ่มราคาขึ้นแล้ว ”
หลูตงซิงแปลกใจมาก เขามองมาที่หยางโป“ ทำไมเหรอ ? ”
“ ผมมีคัมภีร์ลับเล่มนี้อยู่ในมือ ” หยางโปกล่าว
ดวงตาของหลูตงซิงเบิกกว้าง และเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะถ้าหยางโปมีคัมภีร์ลับเล่มนี้อยู่จริงๆ ทำไมถึงไม่นำออกมาให้มันเร็วกว่านี้ ?
ถึงแม้ในใจจะคิดแบบนี้ แต่หลูตงซิงก็ยังเลือกที่จะเชื่อใจหยางโป เพราะเขาเชื่อว่า หยางโปไม่นำเรื่องนี้มาโกหกเขาอย่างแน่นอน
โจวซินชำเลืองมองไปด้วยแววตาที่แปลกใจ แต่กลับไม่ได้คิดอะไรมาก
ในเวลาที่ทุกคนคิดว่าการประมูลจะจบลงแล้ว จู่ๆก็มีคนจำนวนมากเข้ามาร่วมแก่งแย่งเสนอราคา และแข่งขันกันอย่างดุเดือดยิ่งขึ้นกว่าเดิม !
หลูตงซิงมองไปบนเวที ด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องระงับอาการไว้
การแข่งขันกินเวลานานกว่าสิบนาที ราคาในหน้างานได้เพิ่มขึ้นสูงเป็นแปดสิบล้านก่อนที่จะหยุดลง ราคาดังกล่าวทำเอาผู้คนอ้าปากค้างกันไปเลยทีเดียว
สีหน้าของหยางโปก็เต็มไปด้วยความตกใจเช่นกัน เดิมทีเขาคิดว่าคัมภีร์เล่มนี้จะมีราคาเพียงสิบยี่สิบล้านเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีราคาถึงแปดสิบล้าน ! หากเป็นแบบนี้ การที่เขากำลังฝึกบำเพ็ญหยิ่นฉีซู่อยู่นั้นมันก็ประเมินค่าไม่ได้เลยน่ะสิ ?
หลูตงซิงเหลือบมองมาทางหยางโป แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ถาม เขาคิดว่าหยางโปคงจะไม่โกหกเขา !
หลังจากเสวียนจงประกาศจบการประมูลขาย ในงานก็เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมาทันที ทุกคนไม่มีใครคิดถึงมาก่อนเลยว่าคัมภีร์ลับแบบนี้จะสามารถขายได้ถึงราคาเท่านี้ !
หลิวเต๋าโยวตื่นเต้นพอได้รับเงินโอนเข้าบัญชี ไม่นานก็ออกจากที่นี่ไปพร้อมกับบอดี้การ์ดสองคน
คนที่ตื่นเต้นที่สุดกลับเป็นคนที่ซื้อคัมภีร์ลับนี้ไป ดูเหมือนเขาจะอายุแค่สี่สิบกว่าปีเท่านั้น
หันมาประสานมือโค้งคำนับให้ทุกคนแล้วพูดว่า ” เพราะทุกท่านยอมอ่อนข้อให้ผมถึงได้ชนะ ! ”
หลูตงซิงทำเสียงเยาะเย้ย เอ่ยปากแนะนำ ” คนๆนี้คือเถ้าแก่ใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นขนาดใหญ่ในหยูหาง ”
หยางโปพยักหน้า “ เงินน้อยนิดแค่นี้ จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่อะไร ”
“ ถ้านายไม่ขวางฉันเอาไว้ อย่างน้อยคัมภีร์ลับเล่มนี้ก็จะถูกเพิ่มราคาขึ้นไปอีกหลายร้อยล้านในวันนี้ ! ” หลูตงซิงในฐานะเศรษฐีท้องถิ่น เป็นธรรมดาที่ต้องจะมีความหยิ่งผยองในตัวเอง
หยางโปก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจเช่นกัน เขาไม่ได้สนใจเงินพวกนี้มานานแล้ว จึงเป็นปกติ ที่จะคิดว่าเงินไม่กี่ร้อยล้านไม่เยอะ แต่เมื่อสักครู่เขาได้แอบท่องจำเนื้อหาของคัมภีร์ทั้งเล่มนี้ไว้อย่างเงียบๆ แล้ว
“ ไม่ต้องใจร้อน ” หยางโปกำหมัดแน่น “ ตอนนี้ได้คัมภีร์ลับมามันก็ไม่ใช่เรื่องดี ”
หลูตงซิงชายตามองหยางโป ด้วยสีหน้าที่งงงวย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยถาม
ไม่ช้า เสวียนจงก็เรียกชื่อคนที่อยู่ลำดับต่อไป เขาเป็นชายวัยสามสิบกว่าๆ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าทันสมัย เขานำเลียนเทียนฉื่อเล่มหนึ่งที่สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษของครอบครัวขึ้นมาด้วย
ฉื่อจื่อทำจากไม้ถง พื้นผิวดูมันวาว ดูคล้ายกับศาสตราวุธชิ้นหนึ่ง
ชายคนนี้มีความต้องการไม่มาก แค่หวังว่าจะใช้เลียนเทียนฉื่อแลกกับคอนโดสักห้อง
แสงสว่างวาบผ่านตาหยางโป เขาจ้องไปที่ชายคนนั้น พลังที่อยู่ด้านข้างชายคนนั้นเบาบางมาก
มีอยู่แค่เพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น สัมผัสได้ถึงพลังแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับเลียนเทียนฉื่อ
มีกลิ่นอายของพลังอยู่จริงๆ แต่เป็นเพราะใช้มานานถึงได้มีพลังของคนใช้ปนเปื้อนอยู่ด้วย
ดังนั้นอาจทำให้คนเกิดภาพหลอนเข้าใจผิดขึ้นมาได้ แต่ถึงอย่างนั้น แต่ถึงจะเป็นแบบนี้
ก็มีคนในงานเสนอแลกเปลี่ยนเทียนเลียนฉื่อกับคอนโดห้องหนึ่งอยู่ดี
เมื่อโจวซินเห็นของพวกนี้ ก็เชิดหน้าขึ้น ดูเหมือนจะมีทีท่าดูถูกเหยียดหยาม
หยางโปที่นั่งอยู่ด้านข้าง สังเกตดูท่าทางที่เขาแสดงออก ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ แต่เขาก็ยังถามไปว่า “ ถ้าผมจำไม่ผิด คุณเคยบอกว่า คุณสามารถพิสูจน์ยืนยันของพวกนี้ได้ใช่ไหม ? ”ไอรีนโนเวล
โจวซินหัวเราะ ” คุณกำลังพยายามจะทดสอบผมอยู่ใช่ไหม ? ”
สีหน้าของเขาดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ ของพวกนี้ควรค่าให้ผมพิสูจน์ยืนยันด้วยเหรอ ?
ชิ้นแรกเรียกกันว่า ( คัมภีร์มวยไทเก๊ก ) ชื่อก็ไม่เลวนะ แต่ก็เป็นเพียงวิธีการฝึกวรยุทธระดับเริ่มต้นทั่วไปก็เท่านั้น ชิ้นที่สองเลียนเทียนฉื่อ เหอเหอ แบบนั้นเรียกว่าเลียนเทียนฉื่อได้ด้วยเหรอ ? ”
คำพูดของโจวซินดูเย่อหยิ่งมาก แต่ทุกคำพูดก็ไม่มีอะไรผิดเลย มันค่อนข้างมีเหตุผล
หยางโปขมวดคิ้วเหลือบมองโจวซิน ” ทำไมคุณถึงรับไม่ได้ ? ”
โจวซินเหลือบมองหน้าหยางโป ” คือแบบนี้นะ ผมกล้าพูดได้เลยว่า มูลค่าโดยรวมของทุกชิ้นที่อยู่ในนี้ รวมกันแล้วมันก็ไม่มีค่าเท่ากับกระจกแสงจันทร์ของคุณ ! ”
เมื่อพูดถึงกระจกแสงจันทร์ โจวซินก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที “ เดี๋ยวนะ ทำไมเมื่อคืนคุณถึงต้องปิดประตูแน่นหนาขนาดนั้น ? ผมแค่อยากเข้าไปนั่งเล่นในห้องของคุณเท่านั้น คุณทำอะไรอยู่งั้นเหรอ ? ”
หยางโปเหลือบมองโจวซิน “ จริงเหรอ ? ”
โจวซินเงยหน้าขึ้น ” ก็แค่อยากใช้กระจกแสงจันทร์หน่อยก็เท่านั้นเอง ? คุณก็ขี้เหนียวเกินไปไหม ? ”
หยางโปไม่ได้อธิบายอะไรมาก
ถัดมา ก็มีของถูกนำขึ้นไปด้านบนอีกสองสามชิ้น รวมถึงโสมคนร้อยปีและสมุนไพรเหอโส่วอูร้อยปี ของพวกนี้ราคาไม่สูงมากนัก ต่างถูกโจวซินกดราคาต่ำจนเลอะเทอะ
หยางโปหันไปมองหลูตงซิง “ ได้ข่าวมาผิดหรือเปล่า โสมคนพันปีไม่เห็นโผล่มาเลยนะ ”
หลูตงซิงส่ายหัว ” ฉันเองก็ไม่รู้ว่าข่าวนี้จริงมากแค่ไหน ”
ในเวลาที่หยางโปรู้สึกค่อนข้างผิดหวังอยู่นั้น เสวียนจงก็เดินขึ้นไปบนเวที ” ของชิ้นต่อจากนี้ คิดว่าทุกคนคงรอมาเป็นเวลานานแล้ว ในยุคที่ใกล้จะถึงการสิ้นสุด ความยากลำบากในการฝึกฝนนั้นเหนือที่จะจินตนาการได้ ถ้าคิดที่จะพัฒนาและก้าวหน้ามันก็ยากมากจริงๆ วันนี้ทั้งหมดที่ผมจะเสนอให้ล้วนแล้วแต่เป็นโสมที่สามารถช่วยในการฝึกฝนวรยุทธได้ ! โสมคนพันปี ! ”
” ว้าว ! ”
ทันใดนั้นในงานก็ดูเดือดพล่านขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนต่างพากันมองไปข้างหน้าและเห็นใครบางคนถือกล่องไม้มะฮอกกานีส่งขึ้นมา เสวียนจงเดินไปข้างหน้าแล้วทำการเปิดกล่องไม้มะฮอกกานีออก จากนั้นก็นำโสมที่วางอยู่ข้างในหันไปทางทุกคน !
โสมคนต้นนี้ใหญ่มากมันมีรูปร่างเหมือนมนุษย์เลย
เสวียนจงจ้องมองไปที่ทุกคน ” ประสิทธิภาพของโสมคนพันปีไม่ธรรมดา ก่อนการฝึกแต่ละครั้ง
อมโสมพันปีชิ้นหนึ่ง การฝึกฝนจะเพิ่มระดับความเร็วขึ้นมาก ! พวกเราในฐานะพันธมิตรที่แยกตัวกันฝึกฝนวรยุทธ และผู้คนจำนวนมากด้านล่างเวทีต่างก็เป็นคนที่อาภัพ พวกเราฝึกฝนบำเพ็ญกันมาได้ช้ามาก ถ้าหากได้โสมคนพันปีมา แค่ใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียวการฝึกฝนคงได้ผลเป็นสองเท่า ! ”
“ ประธานเสวียน คุณไม่ต้องพูดมากแล้ว รีบพูดมาเร็ว พี่ชายท่านนี้ต้องการอะไร ? ”
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวทีแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะลุกขึ้นกันแล้ว โสมคนพันปีหายากมาก
มันมีสรรพคุณในการยืดอายุ สำหรับทุกคนแล้ว มันหาได้ยากมากจริงๆ !
เสวียนจงยิ้ม “ เจ้าของโสมคนพันปี หวังว่าจะสามารถใช้โสมต้นนี้แลกกับวิทยายุทธที่สามารถเรียกลมฝนได้ ! ”

ตอนที่ 933 งานประมูล
หยางโปพบว่าการที่ตัวเองรับโจวซินเอาไว้มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ผู้ชายคนนี้ปากมากเกินไป ตั้งแต่เริ่มกินข้าวเช้าเขาก็ไม่หยุดพูดเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างที่โจวซินพูดก็กินข้าวไปด้วย แต่ก็ยังพูดเป็นต่อยหอย มันน่าทึ่งมากจริงๆ !
ในไม่ช้า หยางโปทั้งสามก็ขึ้นรถและรีบไปที่ชุมนุมยุทธภพ
หยางโปและหลูตงซิงคุยกันเรื่องชุมนุมยุทธภพ ในขณะที่โจวซินที่นั่งอยู่ข้างคนขับ จู่ๆก็หันหน้ากลับมา ” โอ้ ชุมนุมยุทธภพเป็นเพียงองค์กรขนาดเล็กที่แยกตัวฝึกบำเพ็ญเพียรกันเอง มันไม่ได้มีอิทธิพลอะไรมากนัก ! ”
หลูตงซิงถึงกับตกใจไปทันที แต่เมื่อเขานึกถึงท่าทีที่เคารพนอบน้อมของเสวียนจงเมื่อวาน
ถ้าเป็นอย่างนั้น หยางโปก็ต้องเก่งกว่าคนพวกนั้น ที่โจวซินพูดมาแบบนี้ ก็ไม่อาจจะปฏิเสธว่าไม่ดีทั้งหมดได้ ยังถือว่ามีดีอยู่บ้าง
หยางโปกลับโบกมือและเอ่ยขึ้น ” จะประมาทพวกเขาไม่ได้ เพราะคนที่สามารถตัดเหล็กได้ล้วนเป็นคนนอก คนที่มีความสามารถจริงๆ น่าจะอยู่ในบัญชีรายชื่อของชุมนุมยุทธภพแล้ว ”
โจวซินยังคงทำท่าเอ้อระเหยลอยชาย “ ใช่ว่าผมจะดูถูกคนพวกนั้นหรอกนะ แค่คุณคนเดียวก็สามารถจัดการพวกเขาทั้งหมดได้แล้ว ! ” ได้ยินแบบนั้นหยางโปขมวดคิ้ว ไม่ได้สนใจเขาอีก
ไม่นาน ทั้งสามคนก็มาถึงสถานที่จัดงาน และยังไม่ทันที่จะแสดงบัตรเชิญ เสวียนจงก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว ” ศิษย์พี่หยาง ศิษย์พี่หลู ยินดีต้อนรับ ! บัตรเชิญไม่ต้องแล้ว ! ”
หยางโปและทั้งสามเดินตรงเข้าไปข้างใน เสวียนจงเหลือบมองไปทางโจวซิน และพบว่าชายชุดเต๋าเขียวค่อนข้างคุ้นตา จู่ๆก็นึกถึงชายคนเมื่อวานออก เขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับทันที
แต่ในเมื่อโจวซินมากับหยางโป เสวียนจงจึงพูดได้เพียงไม่กี่คำ ” ท่านนี้คือ ? ”
โจวซินดูค่อนข้างภาคภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด “ เมื่อวานคุณไม่ให้ผมเข้าไปไม่ใช่เหรอ ? วันนี้ก็ยังตามเข้ามาแล้วไง ? ”
หยางโปตบไหล่เขาและหันไปอธิบายกับเสวียนจงว่า ” เขามากับผม เมื่อวานเขาอยากจะลองดูด้วยตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่าจะไม่ผ่านการทดสอบ ”
เสวียนจงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มในทันที ” ที่นี่มีเทคนิคเล็กๆน้อยๆบางอย่างอยู่จริงๆ แต่สำหรับศิษย์พี่หยางแล้ว ฝีมือสูงส่งแบบนี้ไม่ควรที่จะกล่าวถึง “ไอลีนโนเวล
หยางโปรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ แต่กลับไม่ได้เอ่ยถามอะไรมาก
ไม่นาน ก็ผ่านลานบ้านมา และผ่านป่าไผ่แห่งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงเสียดสีซู่ซ่าของใบไผ่ พวกเขาทั้งหมดก็มาถึงที่สวนด้านหลัง ที่นี่มีห้องประชุมขนาดใหญ่อยู่ ด้านในยังคงเป็นแบบโบราณ เฟอร์นิเจอร์ไม้มะฮอกกานี ภาพวาดโบราณและตัวอักษรโบราณ ในห้องประชุมมีเก้าอี้วางอยู่หลายสิบตัว
ตอนที่หยางโปและคนอื่นๆเข้ามา ก็มีคนนั่งอยู่ในห้องโถงแล้ว 20-30 คน ท่ามกลางพวกเขา
มีคนรู้จักสวมชุดฉางเผ่า เมื่อทุกคนได้ยินเสียงจึงหันหน้ากลับไปดู เมื่อเห็นโจวซินเดินนำคนเข้ามาด้วยตัวเอง บางคนก็ถึงกับแสดงสีหน้าอดแปลกใจไม่ได้
เสวียนจงเป็นประธานใหญ่ของชุมนุมยุทธภพ เขามีฐานะไม่ธรรมดา แต่ต่อหน้าชายหนุ่มกลับ แสดงอากัปกิริยาแบบนี้ มันทำให้รู้สึกตกใจจริงๆ !
ชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร ?
เมื่อโจวซินเห็นว่าทุกคนต่างหันมองมา เขาก็รีบเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหยางโป และแสร้งทำเป็นก้มหน้าประสานมือคารวะให้กับทุกคน ” คารวะเต๋าโยวทุกท่าน ! ”
“ คารวะเต๋าโยว ! ” ชายชราที่สวมชุดเต๋าสีเทาแบบเขาหันมาแสดงคารวะตอบเขา
หยางโปมองดูฉากนี้ ก็อดที่จะรู้สึกขำไม่ได้ เพราะผู้คนส่วนใหญ่ในงานล้วนแต่งกายด้วยชุดสมัยใหม่ พิธีกรรมโบราณ และการเรียกขานกันแบบนี้ ดูค่อนข้างต่างไปจากพวกเดียวกันเด่นชัดไปหน่อยไหม
เสวียนจงชายตามองโจวซินอย่างช่วยไม่ได้และหันไปแนะนำให้ทุกคนรู้จัก ” สามคนนี้เป็นเพื่อนร่วมฝึกวรยุทธที่มาใหม่โดยเฉพาะหยางเต๋าโยว ที่ฝึกฝนบำเพ็ญมาอย่างไม่ธรรมดา ”
เพราะโจวซินมายืนอยู่ด้านหน้า ทุกคนเลยคิดว่าโจวซินคือหยางเต๋าโยว ดังนั้นจึงมุ่งความสนใจไปที่เขา
หยางโปหัวเราะเยาะเบาๆแต่ไม่ได้อธิบายอะไรมาก แต่กลับมองหาที่นั่งกับหลูตงซิงและพากันนั่งลง
โจวซินโบกมือให้ทุกคนโดยไม่สนใจคนอื่น ทำราวกับเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ผ่านไปสักพัก
ถึงได้นั่งลง และหันไปกระซิบกับหยางโป “ คนพวกนี้กระตือรือร้นกันมากจริงๆ คุณว่าพวกเขาคิดว่าผมเก่งมากใช่ไหม ! ”
หยางโปอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองโจวซิน ” ใช่ คุณเพิ่งรู้ตัวเหรอ ? ”
โจวซินค่อนข้างหลงตัวเอง “ ที่แท้คุณก็รู้เหมือนกันเหรอเนี่ย ! ”
หลูตงซิงสกิดหยางโปแล้วกระซิบเสียงเบา “ คนคนนี้เป็นใครกันแน่ ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่ต้องไปสนใจเขามาก ”
หลูตงซิงพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก
ไม่นานก็มีอีกหลายคนเข้ามา เสวียนจงก็เดินขึ้นไปบนเวที จากนั้นเขาก็หันไปโค้งคำนับให้ทุกคนและกล่าวออกมาว่า “ ขอบคุณเต๋าโยวทุกท่านที่มาร่วมงาน การประมูลประจำปีของชุมนุมยุทธภพได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง จุดประสงค์หลักของงานประมูลคือ เพื่อให้ทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนสื่อสารกัน ต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนเองไม่มีและร่วมกันพัฒนาการฝึกฝนของตนเองในยุคที่ใกล้จะถึงการสิ้นสุดนี้ ”
“ กฎของการประมูลง่ายมาก ในงานส่วนใหญ่แล้วเป็นเพียงคนธรรมดา บางคนต้องการสมบัติและมีบางคนที่ต้องการเงิน ทุกคนนำสิ่งของของตัวเองออกมา และเลือกในสิ่งของที่ตัวเองอยากได้ แล้วเสนอราคาร่วมกัน คนที่ประมูลได้ราคาสูงที่สุดก็เอาของไป ”
พอพูดจบ เสวียนจงก็ก้มมองลงไปที่ผู้คนด้านล่าง ” มาเริ่มกันที่หลิวเต๋าโยวกันก่อนนะ ! ”
เสวียนจงเดินลงจากเวที ต่อมาก็มีผู้เฒ่าผมหงอกวัย 70 ปีคนหนึ่งเดินขึ้นเวที เขาสวมชุดจงซานจวงแบบเก่า มีใบหน้าดำถมึงทึง ดูค่อนข้างล้าสมัย เมื่อเดินขึ้นไปบนเวที ก็ดูค่อนข้างเฉื่อยชาอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเขาก็เหลือบมองลงมาด้านล่างเวที
“ นักพรตเฒ่าฝึกวรยุทธมาก็ห้าสิบกว่าปีแล้ว ห้าสิบปีมานี้ สุขุมรอบคอบและมีความระมัดระวัง พากเพียรฝึกฝนทุกวันไม่มีหยุด หวังว่าสวรรค์ย่อมตอบแทนคนขยันหมั่นเพียร ในช่วง 20 ปีเริ่มแรก ทุกวันนักพรตผู้เฒ่าจะมีความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อย ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมานี้ พลังเริ่มเบาบางลงเรื่อยๆ การฝึกฝนบำเพ็ญจึงยากที่จะพัฒนา ทำให้นักพรตเฒ่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแต่งงานมีลูก ”
“ หลังจากมีภรรยาและลูกชายแล้ว นักพรตเฒ่ารู้สึกว่าชีวิตในโลกนี้น่าเบื่อเกินไป จึงเลือกที่จะหย่าขาดกับภรรยาและเดินทางเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขาลึก และเริ่มฝึกฝนอีกครั้ง วันนี้สามสิบปีมาแล้ว นักพรตเฒ่าก็ยังไม่คืบหน้า จึงกลับมาที่บ้าน ภรรยารูปร่างหน้าตาแก่ชราไปแล้ว
และบรรดาลูกๆต่างก็โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ”
“ นักพรตเฒ่ามีความรู้สึกลึกๆคิดว่าการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรเป็นอันตรายต่อผู้คน ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการส่งต่อวรยุทธให้คนรุ่นหลัง แค่เพียงหวังว่าวรยุทธนี้จะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้สักเล็กน้อย เพื่อเลี้ยงดูลูกๆและชดเชยให้คนในครอบครัว ”
มีเสียงถอนหายใจดังออกมาจากในงาน หลายคนต่างมีประสบการณ์ที่ผ่านมาเหมือนนักพรตเฒ่า ฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายสิบปีต่างก็ไม่มีความก้าวหน้า ในระหว่างนั้นก็พบเจอแต่กับความยากลำบากที่เหนือบรรยายจริงๆ
หยางโปขมวดคิ้ว เขาจ้องมองหลิวเต๋าโยว และสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายแค่น่าจะเข้าสำนักมา
และมีความรู้สึกว่าพลังไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขา แค่สามารถฝึกฝนสมรรถภาพทางกายได้ก็เท่านั้น จึงทำให้เขาฝึกฝนได้แค่ผิวเผิน !
เสวียนจงเดินไปที่ด้านหน้าเวที เพื่อชมวิธีการฝึกวรยุทธแล้วรับช่วงต่อ ” หลิวเต๋าโยวประมูลขาย วรยุทธ ( คัมภีร์มวยไทเก๊ก ) แลกเปลี่ยนกับเงินสด ไม่ทราบว่าเต๋าโยวท่านใดสนใจ ! ”
ทันทีที่เสวียนจงพูดออกมา หยางโปก็สัมผัสได้ว่าหลูตงซิงที่อยู่ข้างๆเขาหายใจแรง หลูตงซิงอายุไม่น้อยแล้ว และเขาก็ต้องการฝึกวรยุทธมาโดยตลอด แต่หยางโปไม่สามารถถ่ายทอดวรยุทธ
ให้เขาได้ ตอนนี้เมื่อมีวรยุทธอยู่ตรงหน้า เขาจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง !
โจวซินเหลือบมองมาแล้วเบะปาก แต่กลับไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
“ หนึ่งล้าน ! ” หลูตงซิงเสนอขึ้นมาก่อน
“ หนึ่งล้านห้า ! ”
” สองล้าน ! ”
ราคาในหน้างาน ดูค่อนข้างปั่นป่วน หยางโปจ้องมองวรยุทธที่อยู่บนเวที จากนั้น แสงก็สว่างวาบผ่านตาไป ทะลุผ่านกระดาษทำให้เขามองเห็นเนื้อหาที่อยู่ด้านใน อันที่จริงแล้วข้างในเป็นเพียงวิธีการฝึกวรยุทธแขนงหนึ่ง มันเป็นเพียงแค่การฝึกระดับเบื้องต้น และมันไม่สามารถฝึกฝนถึงระดับสูงได้
แต่วรยุทธแบบนี้ก็เพียงพอสำหรับหลูตงซิงแล้ว !

ตอนที่ 932 ผมอยากนอนคุณ
ลู่เจียเฟยยังคงถือโทรศัพท์ไว้และ ยังคงสั่งกำชับ ” ชิงหยุนเป็นผู้หญิงที่เปราะบาง นายก็ช่วยระมัดระวังหน่อย ”
ฮัวชิงหยุนมารับสาย ” หยางโปฉันรู้ว่าตัวเองผิดไปแล้ว เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง แต่พวกเขาก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน ”
ลู่เจียเฟยที่ยืนอยู่ข้างๆ กระวนกระวายใจมาก “ อย่าพูดถึงเพื่อนร่วมชั้นของเธอ อย่าพูดถึงพวกเขาอีก ! ”
หยางโปขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ ฉันควรคำนึงถึงความรู้สึกของเธอ และไม่ควรทำแบบนี้ ”
“ ถ้าอย่างนั้น นายช่วยทำใจกว้างหน่อยได้ไหม ถ้าฟ้องร้องพวกเขาขึ้นมาจริงๆ พวกเขาจะต้องถูกไล่ออก ทั้งชีวิตก็ต้องจบสิ้น ! ” ฮัวชิงหยุนดูเหมือนจะได้ยินความหวังจากคำพูดของหยางโปดังลอดมาตามสาย เธอยังคงช่วยขอร้องให้เพื่อนร่วมชั้นของเธอ
ลู่เจียเฟยที่ยืนอยู่ด้านข้าง แย่งโทรศัพท์มาอีกครั้ง แต่คราวนี้ ฮัวชิงหยุนจับไว้แน่น เขาจึงแย่งมาไม่ได้ เขาจึงต้องใช้แรงแย่งมา เขาเอาโทรศัพท์แนบหูแล้วพูดกับหยางโป ” ตอนนี้ชิงหยุนรู้สึกค่อนข้างสับสน นายอย่าไปฟังเธอพูดจาไร้สาระ ฉันจะวางสายก่อนนะ นายไปทำธุระเถอะ ! ”
พอพูดจบ ลู่เจียเฟยก็ถือโอกาสกดวางสายไปทันที
หยางโปถือโทรศัพท์ และถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ไม่พูดไม่จา
“ พี่ ทำอะไรของพี่น่ะ ! ” ฮัวชิงหยุนรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
ลู่เจียเฟยจ้องหน้าฮัวชิงหยุน ” เธอรู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไป ? เพื่อนพวกนั้นของเธอทุบรถของหยางโป ถ้าไม่ใช่เพราะรถของเขาแข็งแรงพอ บางทีวันนั้นเขาอาจจะเป็นคนที่โดนทุบ
คนสารเลวแบบนี้ เธอคิดว่าควรจะได้รับการอภัยไหม ? ”
ฮัวชิงหยุนจ้องหน้าลู่เจียเฟย “ พี่ชาย พวกเขาทั้งหมดเป็นเพื่อนในมหาลัยเดียวกันกับฉันนะ
ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน พวกเขาก็ไม่มีทางไปทุบรถ ถ้าพวกเขาถูกไล่ออกขึ้นมาจริงๆ แล้วฉันจะกลับไปมหาลัยได้ยังไง จะให้ฉันทำตัวยังไง ! ”
ลู่เจียเฟยส่ายหัว “ เธอคิดว่าถ้าเธอมีใจเมตตากว่านี้ มันคงดีกว่านี้ใช่ไหม ? เธอคิดว่าเธอใจดีกว่านี้ พวกเขาจะรู้สึกซาบซึ้งใจงั้นเหรอ ? พวกเขากล้าใช้ก้อนอิฐทุบรถ มันไม่มีอะไรที่พวกเขาไม่กล้าทำอีกแล้ว ! ชิงหยุน เธอต้องมองสีหน้าที่แท้จริงของพวกมันให้ออก ! ”
“ ชิงหยุน เธอรู้ไหม ? เมื่อกี้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันแย่งโทรศัพท์ของเธอ แน่นอนว่าหยางโปเขาจะต้องตอบตกลงเงื่อนไขของเธอไปแล้ว แต่ ต่อไปในอนาคตพวกเธอก็จะไม่มีทางไปด้วยกันได้อีกแล้ว เขาจะไม่มีวันกลับมาหาเธออีก ไม่มีทางอีกต่อไป ! ”
สีหน้าของฮัวชิงหยุนเต็มไปด้วยความตกใจ “ ทำไมล่ะ ? ”
ลู่เจียเฟยส่ายหัว “ ชิงหยุน เธออย่าไปสนใจกับคำพูดของคนพวกนั้นมากนัก ต่อให้ทำเพื่อหยางโปก็ตาม เธอก็ต้องกัดฟัน ลงโทษพวกเขาอย่างหนัก เพราะพวกเขาเกือบจะทำร้ายหยางโปเลยนะ ! ”
ฮัวชิงหยุนตกตะลึงนิ่งเงียบไป เธอมองหน้าลู่เจียเฟย และพูดอะไรไม่ออกไปเป็นเวลานาน
ลู่เจียเฟยมองดูเธอ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมาก เรื่องนี้ยังไงซะสุดท้ายแล้ว เธอก็ต้องคิดได้เอง
หยางโปถอนหายใจเบาๆ เขาวางโทรศัพท์ลง สงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย นั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงและเริ่มนั่งทำสมาธิ
ไม่ช้าพลังก็รวมตัวกันพุ่งมาทางหยางโป ทำให้เขารู้สึกสบายตัว
ในขณะที่เขากำลังฝึกฝนอยู่นั้น ทันใดนั้น หยางโปก็ได้ยินเสียงเคาะประตู และเขาก็สติหลุดออกจากสมาธิทันที “ ใคร ! ”
“ ผมเอง ผมเป็นศิษย์น้องของคุณเอง ! ” โจวซินกล่าว
หยางโปขมวดคิ้ว “ นอนหลับแล้ว มีธุระพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ! ”
“ ศิษย์พี่ สงสารผมเถอะ ในวันที่อากาศหนาวแบบนี้ คุณคงไม่ปล่อยให้ผมนอนแข็งอยู่ข้างนอกหรอกนะ ! ” โจวซินเอ่ยปากขอร้อง
หยางโปเหลือบมองกระจกแสงจันทร์และขมวดคิ้วขึ้น “ คุณเข้ามาไม่ได้ รีบกลับไปพักผ่อนซะ ! ”
“ ศิษย์พี่ คืนนี้ผมอยากพักอยู่กับคุณ ! ” โจวซินพูดเสียงดัง
โจวซินดูเหมือนจะตั้งใจทำเสียงดังมาก เสียงก็แผ่กระจายออกไป จนห้องข้างๆได้ยินกันทั่วหน้า ทุกคนรู้สึกขนลุกขนพอง ผู้ชายสองคนพักอยู่ด้วยกัน ถุยถุย…
เป็นธรรมดาที่หยางโปจะได้ยิน ทำเอาตกใจนิ่งอึ้งไปสักพัก และรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย
จึงพูดไปอย่างโกรธเคือง “ ถ้าคุณกล้าพูดจาไร้สาระอยู่อีก ผมจะออกไปกระทืบคุณเดี๋ยวนี้ ! ”
“ คุณมาสิ ! มาเลย มากระทืบผมสิ ! ” โจวซินตะโกนเสียงดัง
หยางโปจินตนาการได้เลยว่า ถ้าไอ้คนชั้นต่ำที่สวมชุดเขียวของลัทธิเต๋านอกประตูคนนั้น ถูกทุบตีอย่างสาหัส ! แต่ เขาก็รู้ถึงปัญหาเช่นกัน โจวซินต้องการเข้ามาอาจเป็นเพราะเขาต้องการใช้กระจกแสงจันทร์ !
จมูกเหมือนหมาจริงๆ อยู่ไกลขนาดนี้ยังจะได้กลิ่นอีก !
หลังจากคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้ว หยางโปก็ไม่สนใจอีกฝ่ายอีก นั่งขัดสมาธิและฝึกฝนอย่างอดทน เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่มีวันทุบประตูและพังเข้ามาได้ ถ้าทุบประตูจริงๆแล้วล่ะก็ เยว่จวิ้นเหยาก็คงไม่แนะนำเขามา !
“ หยางโป คุณมันไอ้สารเลว ไสหัวอออกมาให้ผมเดี๋ยวนี้นะ ! แอบหักหลังผม ผมจะต้องฆ่าคุณให้ได้ ! ”
“ อย่าซ่อนตัวอยู่ข้างใน รีบมาเปิดประตู คุณคงคิดว่าทำเป็นหูหนวกแล้วจะหลบหน้าได้งั้นเหรอ ? คุณหลบไม่ได้หรอก ออกมาเจอผมเดี๋ยวนี้นะ ! ”
“ หยางโป ถ้าคุณไม่ออกมา ผมจะเตะประตูแล้วนะ ผมจะตะโกนด่าอยู่ที่นี่ทั้งคืนเลย ! ”
คิดไม่ถึงว่าเมื่อ โจวซินเห็นหยางโปไม่ตอบ ก็จะยืนด่าอยู่นอกประตูเหมือนมนุษย์ป้า
“ ไสหัวออกไป ! ทำไมมีผู้ชายแบบคุณอยู่นะ รบกวนเวลานอนของคนอื่นไม่รู้หรือไง ? ”
“ นี่มันวิปริตมาก วิปริตจริงๆ ! ”
“ กระทืบเขาให้ตายไปเลย แล้วให้เขาไสหัวออกไป ! ”
โจวซินทำให้คนที่พักอาศัยอยู่ในห้องที่อยู่รอบข้างโกรธ พวกเขาต่างพากันทยอยเปิดประตูทีละคนและเขวี้ยงของแต่ละอย่างใส่ โจวซิน !
“ แกนแอปเปิ้ล ? ไม่ ! ”
“ บ้าเอ้ย คุณเขวี้ยงใส่ผมไม่ได้นะ ! ”
โจวซินทำให้ผู้คนโมโหเดือดดาลกันมากๆ เขาหลบเลี่ยงเศษขยะที่เขวี้ยงเข้ามาหา แต่สีหน้ากลับดูมีความสุขเอามากๆ ดูเหมือนว่าเขาทำทุกอย่างไปเพื่อความสนุกสนาน
“ นี่คืออะไร ? ทำไมมันเปื้อนเลือด ? ผ้าอนามัย ! ”
โจวซินจับของบางอย่างได้ และมองเข้าไปใกล้ๆ และตกตะลึงผงะไปทันที “ จบเห่แล้ว เสี่ยวเหยียคงต้องโชคร้ายแล้ว ใครทำเรื่องไร้ศีลธรรมแบบนี้ ! ”
โจวซินเขวี้ยงออกไปอย่างแรง “ ของสิ่งนี้อัปมงคลมาก เสี่ยวเหยียยังหนุ่มและหล่อเหลา
คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาแปดเปื้อนด้วยของแบบนี้ หลายวันนี้คงเล่นสนุกไม่ได้แล้ว ! ”
โจวซินทำหน้าเซ็ง เดินกลับไปที่ห้อง ถอดเสื้อผ้าออกแล้วรีบเข้าห้องน้ำทันที
บนระเบียงทางเดินกลับมาสงบเงียบเหมือนเดิม เหลือเพียงกองขยะ
เช้าวันรุ่งขึ้น หยางโปกำลังนั่งกินข้าวเช้าอยู่ในห้องอาหาร โจวซินก็วิ่งเข้ามาหาอย่างโกรธเคือง “ หยางโป เมื่อคืนคุณทำอะไรลงไป ? ทำไมไม่เปิดประตู ? ”
หยางโปเหลือบมองเขา “ ทำไมผมต้องเปิดประตูด้วย ? ”
โจวซินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ ผมจะมาคุยกับคุณ เพื่อมารยาท แน่นอน คุณต้องเปิดประตูสิ ! ”
” อ้อ ดึกมากแล้ว ผมหลับไปแล้ว ” หยางโปพูด
โจวซินพูดอย่างโกรธเคือง ” คุณยังไม่ได้นอนชัดๆ คุณกำลังฝึกบำเพ็ญตบะอยู่ ! ”
หยางโปส่ายหน้า “ คุณมีตาที่มองทะลุได้ไม่ใช่เหรอ ? คุณมองเห็นทุกอย่างชัดเจนหมด
ไม่ใช่หรือไง ? คุณไม่เห็นหรือไงว่าผมนอนอยู่บนเตียงแล้วยังจะเข้ามาทำอะไร ? ”
หลูตงซิงนั่งข้างๆ สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มองดูทั้งสองโต้เถียงกัน เขาก็ได้ยินเสียงดังเมื่อคืนนี้ด้วยเช่นกัน
“ คุณกำลังฝึกฝนพลังอยู่ คุณ… คุณกำลังใช้กระจกแสงจันทร์ของคุณอยู่ ! ” โจวซินกล่าวตำหนิ
หยางโปส่ายหน้าอีกครั้ง “ คำนี้คุณพูดผิดแล้ว กระจกแสงจันทร์ของผมถูกใช้อยู่ แต่ผมวางมันไว้ข้างเตียงเพื่อให้แสงสว่างแก่ผม ยิ่งไปกว่านั้น วางกระจกแสงจันทร์ไว้ข้างเตียงยังสามารถฟื้นฟูสภาพผิวได้อีกด้วย ผมทำแบบนี้ไม่ได้งั้นเหรอ ? ”
ได้ยินแบบนั้นโจวซินพูดไม่ออกไปทันที !

ตอนที่ 931 โจวซิน
หยางโปหันมองไปทางด้านหลังก็เห็นว่าชายหนุ่มที่สวมชุดนักพรตเขียวคนนั้น เดินออกมาจากด้านหลังของสองคนนั้น
เมื่อชายคนนั้นเดินเข้ามาก็ไม่ได้ทำตัวห่างเหินเป็นคนอื่นคนไกลเลย “ ศิษย์พี่ทั้งสอง ในเมื่อเข้ามาข้างในได้กันแล้ว ยังจะให้น้องเล็กไปลองฟันอยู่อีก ไม่ซื่อสัตย์และจริงใจเลยจริงๆ ! ”
หยางโปรู้สึกแปลกๆ เขาหันไปมองหน้าหลูตงซิง เมื่อเห็นว่าเขาก็ทำสีหน้าเต็มไปด้วยความมึนงงเช่นกัน ก็รู้ทันทีว่าทั้งสองต่างก็ไม่รู้จักอีกฝ่าย !
“ คุณคือ ? ” หยางโปเอ่ยปากถาม
ชายชุดนักพรตเต๋าเขียว แสร้งทำเป็นร้องห่มร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ” ศิษย์พี่ หรือว่าพี่ไม่รู้จักผมแล้ว ? คุณไม่รู้จักผมจริงๆเหรอ ? ผมเป็นศิษย์น้องของคุณไง ? ! ”
หยางโปมั่นใจว่าตัวเองไม่รู้จักอีกฝ่าย เขาจึงแกล้งทำเป็นเล่นละครตาม “ คุณ… คุณคือศิษย์น้องเฉินหยางสำนักซงซานใช่หรือเปล่า ? ”
ชายชุดนักพรตเขียวทำสีหน้าดีใจมาก “ ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ ! ในที่สุดคุณก็จำผมได้ ! ศิษย์น้องมาจากซงซาน ขึ้นรถไฟมาเป็นครั้งแรก เพื่อมาหาท่านที่หยูหาง ยังไม่ได้กินข้าวสักมื้อเดียว ก็มารอท่านอยู่ตรงนี้ ศิษย์น้องลำบากมาก ศิษย์น้องช่างเป็นคนอาภัพจริงๆ ! ”
ในขณะที่พูดคุยกัน ชายชุดนักพรตเขียวก้าวมาข้างหน้า พยายามที่จะสวมกอดหยางโป
หยางโปเอียงตัวหลบไปด้านหลัง ชายชุดนักพรตเขียวก็หันกลับมา กอดหลูตงซิง และบีบน้ำหูน้ำตาออกมา
หลูตงซิงเกิดมาในชนชั้นรากหญ้า แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาก็อยู่ดีกินดีมานานแล้ว เมื่อเห็นชายชุดนักพรตเขียวเช็ดน้ำมูกบนเสื้อผ้าของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้ารังเกียจ แต่เขาคิดที่จะหลบแต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
หยางโปแปลกใจมาก เขาสัมผัสได้ว่า บนตัวของอีกฝ่ายไม่มีพลังขับเคลื่อนอยู่เลย แต่เห็นได้ชัดว่าทักษะฝีมือของอีกฝ่ายไม่ได้อ่อนแอเลย เขาคว้าปลอกคอเสื้อด้านหลังชายชุดเขียวไว้ แล้วเหวี่ยงไปอีกทาง
ชายในชุดเต๋าเขียวยิ่งไม่พอใจ ร้องไห้และพูดออกมาว่า “ ศิษย์พี่ คุณทำแบบนี้ได้ยังไง ? ผมเป็นศิษย์น้องของคุณนะ ? ”
หยางโปส่ายหัว “ คุณจำคนผิดแล้ว ผมไม่มีศิษย์น้องที่ชื่อเฉินหยาง ”
ชายในชุดเต๋าเขียวตะลึงไปชั่วครู่แล้วก็พูดออกมาด้วยความหงุดหงิดและอับอาย
“ คุณหลอกผมเหรอ ? ”
หยางโปขมวดคิ้ว “ พูดมาตามตรง ทำไมถึงโกหก ? ”
ชายชุดเต๋าเขียวจ้องหน้าหยางโป “ พวกคุณได้รับจดหมายเชิญแล้ว จดหมายเชิญแต่ละฉบับสามารถพาคนเข้าไปด้วยได้สองคน ผมหวังว่าจะได้เข้าไปกับคุณ ! ”
หยางโปขมวดคิ้ว “ คุณเป็นใครกันแน่ ? ถ้าคุณแสดงตัวตนที่แท้จริงของคุณออกมาไม่ได้
ทำไมผมต้องพาคุณเข้าไปด้วย ? ”
“ ผมเป็นศิษย์น้องของคุณจริงๆ คุณต้องเชื่อผม ! ” ชายชุดเต๋าสีเขียวเอ่ยขึ้น
หยางโปเหลือบมองเขาและรู้สึกว่าคนคนนี้จิตใจไม่ค่อยปกติ เขาจึงหันไปส่งเขยิบตาให้หลูตงซิง
” พวกเราไปกันเถอะ ! ”
ชายชุดเต๋าเขียวรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ เมื่อเห็นว่า หยางโปไม่ยอมสนใจตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “ ผมช่วยคุณพิสูจน์ยืนยันมูลค่าของสิ่งของแต่ละอย่างในการประมูลได้ ! ”
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หยุดเดินและหันกลับไปมอง
เมื่อเห็นว่าชายในชุดเต๋าเขียวดึงดูดความสนใจของหยางโป เขาก็พูดต่อว่า “ ผมมีดวงตาคู่หนึ่งที่มองทะลุได้ ผมสามารถมองเห็นข้อมูลของทุกสิ่งได้ และผมยังสามารถยืนยันอายุของทุกชิ้นได้ แม้กระทั่งของล้ำค่าบางอย่าง ผมก็สามารถดูออกได้ ! ”
หยางโปตกใจตัวสั่นไปทั้งตัวยืนอยู่ตรงนั้น เขาคิดไม่ถึงมาก่อนว่าในโลกนี้ยังจะมีคนที่เหมือนเขาหลงเหลืออยู่ อีกฝ่ายก็มีดวงตาเนตรเซียนอันล้ำค่าอีกคู่เช่นกัน และยังสามารถมองทะลุสมบัติได้อีกด้วย ?
เมื่อเห็นว่าหยางโปนิ่งเงียบ ชายชุดเต๋าเขียวก็พูดอย่างภาคภูมิใจทันที “ เป็นยังไงบ้าง ? ”
หลูตงซิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำเสียงฮึดฮัดเย็นชา “ หยางโป นายเชื่อจริงๆเหรอ ? เขาแค่พูดเรื่อยเปื่อยไปเท่านั้นเอง ! ”
หยางโปที่ตกตะลึงอยู่นั้น ก็ได้สติกลับคืนมา เหตุผลที่เขามีเนตรเซียน ก็เพราะความบังเอิญ
มีเรื่องบังเอิญมากมายในโลกนี้ มันไม่ใช่การคาดเดามั่วๆได้ ?
เขาเงยหน้าขึ้นมองชายชุดเขียว ” งั้นก็ดี ในเมื่อคุณพูดแบบนี้ ผมมีของบางอย่างอยู่ที่นี่ คุณลองดูให้หน่อย ”
พอพูดจบ หยางโปก็หยิบหยกขาวแกะสลักออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้
ชายชุดเขียวเหลือบมองแล้วเงยหน้าพูด “ ผมไม่แม้แต่จะมองดูสิ่งของทางโลกพวกนี้ คุณไม่ต้องเอามันออกมา มันเป็นการดูหมิ่นผมชัดๆ ! ”
หยางโปถึงได้มั่นใจ ” พวกเราไปกันเถอะ ”
ในระหว่างที่ชายชุดเขียวภาคภูมิใจอยู่นั้น ก็ได้ยินหยางโปกำลังจะจากไป ทันใดนั้นก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ คุณมีกระจกบานหนึ่งอยู่กับตัว ! ”
หยางโปตะลึงงันอีกครั้ง เขาหยุดสาวเท้า แต่ไม่ได้หันกลับไป ความรู้สึกนี้เหมือนกับถูกจับได้
แต่เขาก็รู้ตัวทันที กระจกแสงจันทร์ถูกเขาเก็บไว้ในกล่อง ไม่ได้นำออกมาเลยด้วยซ้ำ
อีกฝ่ายมองเห็นได้ยังไงกัน ?
หยางโปรู้สึกสงสัย เขาจึงหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่าย “ กระจกอะไร ? ”
“ กระจกแสงจันทร์ ” ชายชุดเขียวกล่าว
หยางโปหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง และค่อนข้างลังเล มีไม่กี่คนที่รู้ความลับของกระจกแสงจันทร์ของเขา มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถสัมผัสมันอย่างใกล้ชิดได้ นั่นคือเยว่จวิ้นเหยา กล่าวคือ
อีกฝ่ายรู้จักเยว่จวิ้นเหยา อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาต่อกันอีกด้วย !
“ เอาล่ะ อย่าไปสนใจเขาเลย ! ” หลูตงซิงเร่งเร้า
หยางโปส่ายหน้า หันหลังเดินกลับไป เขายื่นมือออกไป “ ผมหยางโป ”ไอรีนโนเวล
ชายชุดเขียวนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ดูเหมือนจะไม่รู้วิธีจับมือ แต่เขาก็ยังคงยื่นมือออกไปให้ “ ผมโจวซิน ”
ในเวลานี้ กลับเป็นหลูตงซิงที่เป็นฝ่ายตกตะลึง เขาไม่เข้าใจ แต่เขาก็รู้ดีว่าหยางโปคงไม่ทำอย่างนี้โดยไม่มีสาเหตุอย่างแน่นอน
จากที่มีสองคนก็เปลี่ยนมาเป็นสามคน โจวซินดูเหมือนจะคุ้นเคยและคุยโวไม่หยุด
ทางด้านหยางโป และหลูตงซิงก็นั่งฟังอยู่ด้านข้าง
เมื่อมาถึงโรงแรม หลูตงซิงก็ลากหยางโปไปอีกด้าน ” นี่ใครกัน ? ”
“ ผมไม่รู้จัก ! ” หยางโปตอบ
หลูตงซิงตกตะลึง “ คุณไม่รู้จัก แล้วคุณจะพาเขากลับมาทำไม ? ”
หยางโปจึงอธิบายไปว่า ” เขารู้จัก เย่วจวิ้นเหยา น่าจะเป็น เย่วจวิ้นเหยา ที่แนะนำเขาให้มาหาผม ”
หลูตงซิงดูไม่ค่อยเข้าใจ “ เป็นไปได้ยังไง เขารู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ที่นี่ ? ”
“ คุณยังจำ อวี่เหวินได้ไหม ? ” หยางโปเอ่ยขึ้นมา
หลูตงซิง ตกตะลึงไปในทันที เขาก็รู้จักอวี่เหวินเช่นกัน และรู้ดีว่า อวี่เหวินมีความสามารถในการทำนาย เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็เงียบไปเล็กน้อย
ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับเข้าไปในห้อง ในที่สุดหยางโปก็กำจัดโจวซินออกไปได้สักที เขากลับไปที่ห้อง ทำความสะอาดเนื้อตัวเล็กน้อย และหยิบกระจกแสงจันทร์ออกมา แค่นึกขึ้นมาได้ว่าโจวซินอาจจะอยู่รอบๆนี้ เขาก็เกิดอาการลังเลขึ้นแต่ถึงยังไงซะ ท้ายที่สุดแล้วก็วางกระจกแสงจันทร์ไว้ใต้ขอบหน้าต่างอยู่ดี
หยางโปหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรหาฮัวชิงหยุน
โทรศัพท์เพิ่งดังขึ้นก็โทรติด มีเสียงฮัวชิงหยุนร้องไห้ดังมาตามสายอย่างรวดเร็ว
“ หยางโป นายอยู่ที่ไหน ! ”
หยางโปตกตะลึง ” เธอไม่เป็นไรใช่ไหม ? เธออยู่ที่ไหน ? ”
ฮัวชิงหยุนกล่าวว่า ” ฉันอยู่ที่บ้าน ”
ลู่เจียเฟยแย่งโทรศัพท์แล้วพูดอย่างรวดเร็ว “ หยางโป เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าฉันว่าให้นายนะ นายอดทนหน่อยไม่ได้หรือไง ? ชิงหยุนยังเด็ก ยังไม่รู้เรื่อง เธอเพียงต้องการช่วยเพื่อนตัวเองเพราะความคิดที่ใสซื่อ แต่นายไม่สามารถอดทนที่จะเตือนเธอหน่อยหรือไง ? ”
หยางโปรู้สึกสับสน “ ที่จริงเป็นผมเองที่ทำไม่ดี คุณเอาโทรศัพท์ให้เธอหน่อยสิ ”

ตอนที่ 930 งานชุมนุมยุทธภพ
“ ฮ่าๆ ! ” หลูตงซิงตบไหล่หยางโป และหัวเราะเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
หยางโปมองดูร่องรอยใต้ดาบและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ในที่สุดเขาก็สามารถพิสูจน์การคาดเดาของตัวเองได้แล้ว ก่อนหน้านี้เขาเดาว่าในโลกใบนี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีแค่เขาและ
อวี่เหวินสองคนเท่านั้นที่ฝึกพลัง ยังจะต้องมีคนอื่นๆที่ฝึกฝนพลังอยู่ด้วยอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับกระบี่เล่มนี้ น่าจะมีไว้ให้คนที่ฝึกฝนพลังใช้ คนธรรมดาไม่สามารถตัดชิ้นเหล็กเข้าได้เลย มีเพียงฝึกฝนพลังถึงจะเข้าถึงระดับนี้ได้
ไม่นาน คนอื่นๆในที่เกิดเหตุก็มีปฏิกิริยาตอบสนองและจู่ๆ ก็มีเสียงดังโหวกเหวกขึ้น
“ เฮ้ เพื่อน ช่วยพาฉันเข้าไปหน่อยได้ไหม เดียวฉันให้เงินคุณหนึ่งแสนหยวนเลย ! ”
” ฉันให้สามแสน แค่คุณแบ่งโควตาให้ผมที่หนึ่ง ! ”
“ หกแสนถ้าหกแสนล่ะ ว่าไง ? ”
หยางโปตกใจมาก เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าในงานจะบ้าคลั่งกันขนาดนี้ ทำเหมือนกับว่าเป็นงานประมูล
ชายที่ยืนอยู่ข้างชิ้นเหล็กคนนั้น ผายมือไปทางหยางโปและเชิญให้เขาเข้าไปข้างใน
หยางโปค่อนข้างแปลกใจ เขาพาหลูตงซิงเดินผ่านฝูงชนและเดินเข้าไปในคลับเฮาส์
โชคดีที่พนักงานในที่เกิดเหตุได้ขวางฝูงชนที่บ้าคลั่งไว้เบื้องหลังพวกเขา ทั้งสองถึงได้หลุดออกมาได้ และเดินตามกันเข้าไป
เมื่อเดินเข้ามาในคลับเฮาส์ ด้านในมีลานอยู่แห่งหนึ่ง ชายคนนั้นเดินเข้ามาประสานมือคารวะ
หยางโป ” คารวะศิษย์พี่ ! เสวียนจงมีตาหามีแววไม่ ศิษย์พี่โปรดยกโทษให้ด้วย ! ”
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ ทำซะเหมือนซีรีย์กำลังภายใน
หลูตงซิงก็ตกตะลึงเช่นกัน ทั้งสองเป็นเพียงบุคคลภายนอก แม้ว่าจะอ้างตัวเองว่าเป็นลูกหลานของยุทธภพ แต่ยุทธภพของพวกเขาก็ยังคงเป็นแค่สังคม มีหรือจะเคยพบเจอกับพิธีรีตองแบบนี้มาก่อน ?
โชคดีที่หยางโปไหวตัวทันและรีบตอบกลับไปว่า “ เกรงใจไปแล้ว ! คุณชื่อ เสวียนจงใช่ไหม
ทำไมคุณถึงเรียกผมว่าศิษย์พี่ล่ะ ? ”
เสวียนจงรู้สึกแปลกเล็กน้อย แต่ก็ยังรีบอธิบายไปว่า ” เพราะศิษย์พี่มีพลังที่แข็งแกร่งที่สุด
ก่อนหน้านี้ทุกคนที่มาที่นี่ทั้งหมด ต่างก็แย่กว่าท่านมาก ”
หยางโปพยักหน้า แต่ก็ยังรู้สึกแปลกใจมาก เพราะคนที่เขาพบเจอทั้งหมดอย่างอวี่เหวินและ
เยว่จวิ้นเหยา พวกเขาล้วนแข็งแกร่งกว่าตัวเอง คิดไม่ถึงว่าพอเขามาอยู่ที่นี่ จะกลับกลายเป็นศิษย์ผู้มากฝีมือไปได้ แต่เขาไม่กล้าโอ้อวด เลยถามต่อไปว่า ” พวกคุณเป็นองค์กรอะไร ? การประมูลครั้งนี้เกี่ยวข้องกับอะไร ? ”
เสวียนจงรีบโบกมือส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ด้านข้าง ” ศิษย์พี่ พวกเราเป็นพันธมิตรผู้ฝึกฝนที่ไม่เป็นทางการ ชื่อว่างานชุมนุมยุทธภพ พวกเราทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกพลัง จุดประสงค์ของการก่อตั้งคือเพื่อสามารถแลกเปลี่ยนสื่อสารระหว่างกันและพัฒนาไปด้วยกัน ! ”
หยางโปแปลกใจมาก เขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ จากนั้นเขาก็ถามต่อว่า “ แล้วที่พวกคุณทำการทดสอบการฟันเหล็กนอกประตู ทำไปเพื่ออะไร ? ”
เสวียนจงยิ้มและตอบกลับไปว่า ” ศิษย์พี่ คิดว่าคุณคงพอจะเดาได้ เหตุผลในการจัดงานนี้ขึ้นมา
ก็เพื่อเป็นการดึงดูดพวกเดียวกัน เพราะมีเพียงพวกเดียวกันเท่านั้นที่จะผ่านระดับนี้ไปได้ ”
หยางโปพยักหน้า ที่จริงแล้วเขาก็พอจะเดาถึงจุดตรงนี้ได้ แต่เมื่อคิดถึงการประมูลเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นหยางโปขมวดคิ้ว เสวียนจงก็รีบอธิบาย “ การประมูลน่ะมีขึ้นแน่นอน รุ่นพี่โปรดวางใจ
ทุกปีเราจะจัดการประมูลขึ้นหนึ่งครั้ง เพื่อแลกเปลี่ยนสื่อสารกัน และสามารถใช้โอกาสนี้ดึงดูดสมาชิกใหม่ให้เข้ามาร่วมได้ ”
หยางโปชายตามองเสวียนจง ” แล้วคุณอยู่ในงานชุมนุมยุทธภพ คือ… ”
เสวียนจงอธิบายอย่างรวดเร็ว ” ผมเป็นเพียงแค่คนที่มาทำงานแทนคนหนึ่งเท่านั้น เพราะมีคนจำนวนมากอยู่ในสมาคม ทุกคนต้องการผู้ดูแล ผมเป็นคนที่อยู่ในองค์กรบ่อยที่สุด ”
หยางโปมองหน้าอีกฝ่าย ” เสียมารยาทไปแล้วจริงๆ ! ที่แท้คือประธานเสวียนนี่เอง ! ”
เสวียนจงรีบพูดขึ้นว่า ” คุณอย่าทำแบบนี้เด็ดขาด ผมเป็นแค่คนมาทำงานแทนคนอื่นๆคนหนึ่งก็เท่านั้น ”
พอพูดจบ เสวียนจงก็เงยหน้าขึ้นมองหยางโปและถามไปด้วยความอยากรู้ว่า ” ศิษย์พี่ ยังไม่ได้ถามชื่อแซ่ของคุณเลย ”
“ ผมแซ่หยาง นี่คือ เพื่อนที่ดีของผม แซ่หลู ” หยางโปเอ่ยปากแนะนำ
“ สวัสดี ศิษย์พี่หลู เสียมารยาทไปแล้วจริงๆ ” เสวียนจงรีบเอ่ยออกมา “ ต้องขอโทษด้วยสำหรับการต้อนรับที่ไม่ดี ! ”
หลูตงซิงรีบเอ่ยขึ้น “ ผมก็แค่ทำงานแทนคนอื่นเหมือนกัน ”
“ ศิษย์พี่หลู คุณนี่ล่อเล่นเก่งจริงๆ ” เสวียนจงกล่าวอย่างสุภาพ และรีบเชิญทั้งสองให้เดินเข้าไปข้างในทันที
เมื่อก้าวเข้ามาในลานบ้าน หยางโปก็รู้สึกค่อนข้างแปลกใจ ที่นี่ถูกตกแต่งด้วยสวนโบราณทั้งหมด มีศาลาและกระถางไม้ไผ่ ดูมีกลิ่นอายของความโบราณ
“ ที่นี่ไม่เลวจริงๆ ” หยางโปกล่าวชม
เสวียนจงเชิญทั้งสองไปนั่งในห้องรับแขก ที่นี่เป็นสถานการณ์ที่งดงามแบบโบราณ เฟอร์นิเจอร์ไม้มะฮอกกานี มีภาพวาดวิวทิวทัศน์แขวนอยู่บนกำแพง และยังมีชุดน้ำชาสีน้ำเงินขาววางอยู่บนโต๊ะ ทุกอย่างดูคลาสสิกและน่าสนใจ
เสวียนจงรินชาแล้ววางไว้ตรงหน้าทั้งสองคนและเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ ศิษย์พี่หยาง คือแบบนี้นะ ตอนนี้ผมจะทำการลงทะเบียนง่ายๆให้คุณก่อน รอพรุ่งนี้คุณก็สามารถมาได้เลย แน่นอนว่าที่นี่ยังมีลานบ้านอีกแห่งหนึ่ง คุณสามารถพักอยู่ที่นี่ก็ได้ ”
หยางโปพยักหน้าลงเล็กน้อย ยกน้ำชาขึ้น หรี่ตาทั้งคู่ลงเล็กน้อย และทำการสำรวจตรวจตราดู
หยางโปรับรู้ได้ถึงพลังเจือจาง ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ เส้นใยของพลังที่อยู่โดยรอบเสวียนจง ความรู้สึกนี้ดูจะอ่อนแอมาก แต่ก็ไม่ถึงกับที่จะตรวจไม่พบ
เสวียนจงมีพลังอยู่ไม่มาก ดูเหมือนจะบางเบามาก !
หยางโปสามารถตัดสินได้อย่างง่ายดาย เขาเคยตรวจสอบดูเยว่จวิ้นเหยาและอวี่เหวินมาก่อน
พลังรอบตัวของพวกเขาดูมีพลังมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
เสวียนจงหยิบบัญชีรายชื่อและเอ่ยปากถามว่า ” ศิษย์พี่หยาง ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไร ”
“ ผมชื่อหยางโป ”
หลังจากมีอาการลังเลอยู่เล็กน้อย เสวียนจงก็เอ่ยถามว่า “ แล้วอาจารย์ล่ะ ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ เรื่องนี้จำเป็นต้องบอกไหม ? ”
เสวียนจงรีบตอบกลับไปว่า ” แน่นอนคุณไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ ”
หยางโปพยักหน้าโดยที่ไม่พูดอะไร
เห็นได้ชัดว่าเสวียนจงดูค่อนข้างจะผิดหวัง เขาหันไปมองหน้าหยางโป ” ถ้าอย่างนั้นผมก็จะเขียนไปว่าเป็นสำนักลับ ได้ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า “ ได้ ”
เสวียนจงชายตามองไปทางหลูตงซิง ” ศิษย์พี่หลู ไม่ทราบว่าท่านชื่อแซ่อะไร ? ”
หลูตงซิงหันไปตอบเสวียนจง ” เรียกผมว่า คุณหลูเลยก็ได้ ”
เสวียนจงยิ้มอย่างเขินอาย เขียนชื่อของเขาแยกไว้อีกที่ จากนั้นก็ยื่นป้ายหมายเลขให้พวกเขาและอธิบายว่า ” ป้ายหมายเลขนี้เป็นป้ายที่คุณจะประมูลของในวันพรุ่งนี้ ”
“ ขอโทษนะการแลกเปลี่ยนประมูลของพรุ่งนี้ หลักๆที่สำคัญคืออะไรบ้าง ? ” หยางโปถาม
“ หลักๆเลยจะเป็นการฝึกพลัง กลยุทธ์และพลังอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ยาอายุวัฒนะพวกนี้
สิ่งที่ต้องเตือนคุณไว้ก่อนคือ การแลกเปลี่ยนของเรา คู่กรณีซื้อขายไม่ตกลงกันในสกุลเงิน
แต่ชำระกันเองด้วยสินค้าราคาเดียวกันเพื่อให้ทราบถึงการซื้อและขายสินค้าแต่ถ้าหากคุณเสนอจำนวนเงินให้ได้มากพอก็ได้เหมือนกัน ” เสวียนจงอธิบาย
หยางโปพยักหน้า เขามีความรู้สึกเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับของเหล่านี้ และถึงกับแอบรอคอยด้วยความหวัง “ ขอบคุณมากที่เตือนสติ ”
เสวียนจงจ้องมองหยางโป ด้วยสีหน้าท่าทีที่เคารพนับถือ สำหรับเขาแล้ว หยางโปเป็นเพียงชายหนุ่มจากสำนักลับในโลกของเกมเท่านั้น อายุแค่นี้ แต่กลับมีพลังที่แข็งแกร่งแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่พบเจอได้ยากจริงๆ แน่นอน มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าสามารถได้รับประโยชน์บางอย่างมาจากเขา
หยางโปไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เขาและหลูตงซิงเดินออกไปทางประตูหลัง
เพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินคนเอ่ยทักขึ้นมาว่า ” ทั้งสองท่าน โปรดรอก่อน ! ”

ตอนที่ 929 ตัดเหล็ก
เมื่อเดินเข้ามาด้านในตัวอาคาร จะเป็นเคาน์เตอร์หน้า หยางโปทั้งสองรีบมาที่หน้างาน
ก็เห็นผู้คนจำนวนมากรายล้อมอยู่ด้วยกัน
“ เฮ้ ไม่ต้องรีบร้อนเข้าไปด้านใน หยิบหมายเลขแล้วไปต่อแถว ! ”
มีพนักงานคนหนึ่งขวางทั้งสองคนไว้ น้ำเสียงฟังชัดว่าไม่ค่อยพอใจ
หลูตงซิงดึงมือหยางโป เดินไปข้างหน้าอย่างดีอกดีใจ หลังหยิบหมายเลขจากเครื่องหยิบหมายเลขอัตโนมัติ ถึงได้อธิบายอย่างละเอียดว่า ” อย่าไปทะเลาะกับพวกเขา คนที่นี่ล้วนหยิ่งผยอง
ต่อให้นายมีอำนาจแค่ไหน เมื่อไหร่ที่นายไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง พวกเขาก็จะไม่ยอมให้นายเข้าไป ”
หยางโปรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ “ นี่เป็นองค์กรอะไร ? ”
หลูตงซิงส่ายหน้า “ ฉันก็ไม่รู้แน่ชัด ฉันแกะรอยมาก็หลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายก็ตกม้าตาย
เอาล่ะ อยู่ที่นี่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้อีก ! ”
ในระหว่างที่พูดคุยกัน ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นในสถานที่เกิดเหตุ หยางโปจึงหันกลับไปมอง
ก็เห็นมีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากท่ามกลางฝูงชนด้วยท่าทีเสียใจ ส่ายหัวและถอนหายใจไม่หยุด “ เฮ้อ วันสุดท้ายแล้ว ก็ยังไม่สามารถฟันให้เกิดรอยออกมาได้เลย ”
หยางโปมองหลูตงซิงด้วยความแปลกใจ “ ที่เขาพูดหมายความว่าอะไร ? ”
“ ในหนึ่งวันทุกคนมีโอกาสฟันได้แค่ครั้งเดียว และลองได้แค่ครั้งเดียว เขาน่าจะลองมาหลายครั้งแล้ว ! ” หลูตงซิงกล่าว
“ ทำไมถึงมีคนรู้ข่าวกันเยอะขนาดนี้ ” หยางโปถาม
หลูตงซิงส่ายหน้า “ นายคิดว่าฉันเป็นไป่เสียวเซิงที่รู้หมดทุกอย่างหรือไง ฉันก็แค่บังเอิญไปถามข่าวคราวมาเท่านั้น เดิมทีฉันก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ถึงกับมาลองฟันดูด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง แต่พอฟันแล้วมันก็ไม่มีแม้แต่รอย แต่หลังจากนั้น ก็เห็นคนใช้แค่กระบี่ฟันลงไปเบาๆ ก็เกิดรอยขึ้น ฉันถึงได้เชื่อ เป็นไปได้มากว่าที่นี่อาจจะมีของดีอยู่จริงๆ ”
หยางโปพยักหน้าและเดินไปทางกลุ่มผู้คน
เมื่อเดินเข้ามาถึงใจกลางฝูงชน หยางโปก็เห็นว่า ใจกลางฝูงชน มีพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ และกำลังเก็บบัตรคิว ชายร่างใหญ่ในวัยสามสิบคนหนึ่งยื่นบัตรคิวให้ และก้าวเท้าเดินไป
ก้มลงหยิบกระบี่ขึ้นมาจากชั้นวางด้านหน้า ยกกระบี่ขึ้นจากนั้นก็ถือกระบี่ไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง และทำมือทำไม้ชี้ไปที่เหล็กชิ้นหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า
หยางโปจ้องมองไปที่ชิ้นเหล็กที่อยู่ตรงหน้า ชิ้นเหล็กเป็นส่วนหนึ่งของรางรถไฟ ด้านบนมีร่องรอยหลงเหลืออยู่มากกว่าสิบรอย ร่องรอยเหล่านี้มีที่ลึกและตื้นบาง
ผู้ชายคนนั้นยกกระบี่ขึ้น ทำเหมือนกับพยายามถือกระบี่ไว้อย่างสุดความสามารถ จากนั้นก็ฟันลงไปอย่างแรง
“ ติ้ง ! ” เสียงกระทบดังเสียดสีเข้ามาในหู กระบี่สัมผัสเข้ากับชิ้นเหล็ก เกิดเป็นประกายไฟ
และเสียงที่แสบแก้วหู
ผู้ชายคนนั้นจับกระบี่ทั้งสองมือไว้แน่นแล้วทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง เขาหอบหายใจอย่างหนัก
เงยหน้าขึ้นมองไปด้านหน้า เมื่อเห็นบนชิ้นเหล็กเกิดเป็นรอยกระแทกเพียงเล็กน้อย ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ
หยางโปจ้องมองชิ้นเหล็กไม่วางตา เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีเพียงรอยสีขาวขีดข่วนตื้นๆบนชิ้นเหล็กเท่านั้น แต่เห็นไม่ชัด
“ โมฆะ ” คนที่ยืนอยู่ข้างรางรถไฟยังไม่ทันลืมตา ก็หลุบตาลงแล้วตอบกลับมาอย่างเย็นชา
มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นในสถานที่เกิดเหตุ ทุกคนต่างพากันเสียดาย
หลูตงซิงตบไหล่หยางโป ” เห็นไหม ฉันเคยลองมาแล้วครั้งหนึ่ง แขนชาไปหมด แต่ก็ไม่มีแม้แต่ร่องรอยเลยแม้แต่นิดเดียว ”
หยางโปยิ้มและพยักหน้า ” ไม่ต้องกังวลไป ผมจะลองดู ”
ชายวัยกลางคนที่อยู่ถัดจากหยางโป เหลือบมองหยางโปแวบหนึ่ง ก่อนจะเบะปากพูด
“ ไอ้น้องชาย เริ่มแรกหลายคนต่างก็เชื่อมั่นในตัวเองเหมือนแกนั่นแหละ แต่ตอนนี้พวกนั้นต่างก็กลับกันไปหมดแล้ว ”
“ ผมจะลองดู ” หยางโปเอ่ยออกมา
ในขณะที่พูดอยู่นั้น ก็มีอีกคนเดินขึ้นไป ชายคนนั้นแต่งกายด้วยชุดคลุมสีฟ้า ดูเหมือนอายุเพียง
20 ปีกว่าๆเท่านั้น เขาหยิบกระบี่เหล็กขึ้นแล้วตะโกนกู่ร้องออกมาว่า ” อู๋เลี่ยงเทียนจวิน ” จากนั้นก็ยกกระบี่ขึ้นฟันลงไปอย่างแผ่วเบา
นัยน์ตาของหยางโปเบิกกว้าง พูดตามตรง เขาไม่คิดว่าการใช้เรี่ยวแรงมหาศาลจะมีรอยปรากฏขึ้นมาได้ แต่การแสดงท่าทีที่ผ่อนคลายแบบเดียวกับนักพรตเต๋าที่อยู่ตรงหน้าต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกตกใจ
“ ติ๊ง ! ” เสียงกระบี่เหล็กกับท่อนเหล็กกระทบเกิดเสียงที่ไม่ค่อยดังออกมา มือของนักพรตเต๋ายกกระบี่เหล็กฟันลงไปบนชิ้นเหล็ก และรักษาท่วงท่านี้เอาไว้ แต่กลับไม่ขยับเขยื้อน
รอจนเสียงที่แผ่วเบาจางหายไป ก็เห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนักพรตเต๋า เขายกกระบี่เหล็กขึ้นมาเบาๆ และหันไปพูดกับคนที่ยืนอยู่ข้างกระบี่เหล็ก ” สำเร็จ ! ”
หยางโปจ้องไปที่รอยตื้นๆที่ปรากฏออกมาให้เห็นเพียงเล็กน้อยตรงหน้า สีหน้าท่าทีดูค่อนข้างแปลกใจ เขาหันไปมองนักพรตเต๋า แล้วมองไปที่ชายผู้ที่คอยดูและที่ยืนอยู่ด้านข้างชิ้นเหล็กคนนั้นอีกครั้ง
ชายคนนั้นยิ้มเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “ สร้างเรื่องโกหกหลอกลวงผู้อื่น สอนจระเข้ว่ายน้ำ ยังไม่รีบไสหัวออกไปจากที่นี่อีก ! ”
ทันใดนั้นนักพรตเต๋าก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงอันดังทันที ” นี่คือกฎของพวกคุณเหรอ กฎของพวกคุณใครก็ตามที่ฟันแล้วมีรอยขึ้นมาได้ ก็จะได้รับอนุญาตให้เข้าไป ตอนนี้ผมก็ฟันเป็นรอยออกมาแล้ว ทำไมยังไม่ยอมให้ผมเข้าไปอีกล่ะ ? ”
คนรอบข้างก็พากันพูดคล้อยตามด้วยเช่นกัน “ ใช่ เขาฟันเป็นรอยแล้ว ทำไมคุณยังไม่ให้เขาเข้าไปอีก ? อาจารย์น้อยท่านนี้ก็ดูเก่งกาจนะ ! ”
“ เอากล้องวีดีโอหน้างานมาเปิดสิ ! ” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
นักพรตเต๋าถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเมื่อเห็นว่ามีคนยกแล็ปท็อปเข้ามา เขาก็ถึงกับชะงักงันไปทันที เขาหันหลังเดินออกไปโดยไม่พูดจาอะไร
ยังมีคนที่มองไม่ออก “ นี่มันอะไรกัน ? นี่มันคืออะไร ? ”
“ คุณดูไม่ออกหรือไง นี่เป็นแผนสกปรกของเขา เขาใช้กระบี่ฟันลงไปที่รอยเดิม ”
เวลานี้ถึงได้มีบางคนที่เริ่มจะรู้ทัน
ต่อจากนั้น ก็มีอีกหลายคนที่เข้าไปลอง แต่ก็ต้องพ่ายแพ้กลับมาทุกครั้ง
ไม่นาน ก็วนมาถึงหยางโปจนได้ เขาเดินลัดผ่านฝูงชนเข้ามา ยื่นหมายเลขของตัวเองให้
หลูตงซิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็ส่งเสียงกระซิบให้ “ สู้ๆนะ ”
หยางโปส่งยิ้มให้และเดินตรงไปด้านหน้าและก้มลงหยิบกระบี่ พอกระบี่อยู่ในมือ หยางโปก็รู้สึกแตกต่างกัน นี่มันไม่ใช่แค่กระบี่เหล็กเท่านั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นวัสดุอะไร ไม่ใช่ทองคำและก้อนหิน ลูบดูแล้วค่อนข้างอุ่น
ถ้าต้องการใช้กระบี่เล่มนี้ฟันให้เป็นรอยขึ้นมา มันคงยากมากจริงๆ แม้ว่าหยางโปจะเชื่อมั่นว่าพลังของตัวเองสามารถฟันให้เกิดเป็นรอยขึ้นมาได้ แต่เขาก็ยังไม่กล้าลอง เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว อีกทั้งยังมีแค่โอกาสนี้แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เมื่อเห็นหยางโปลังเล ชายคนนั้นก็อดที่จะเอ่ยเตือนออกมาไม่ได้ “ เร็วเข้า ยังมีคนรออยู่นะ ! ”
“ พ่อหนุ่ม อย่ารอช้า รีบฟันเลยสิ ยังไงซะคุณก็ฟันไม่เข้าอยู่ดี ยังจะลังเลอะไรอยู่อีก ? ”
“ ใช่ พ่อหนุ่ม อย่าลังเล หลับตาแล้วฟันมันลงไป แขนชาไปพักเดียวเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ! ”
“ เฮ้ย ฉันมาที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว ยังไม่เห็นใครที่สามารถฟันจนมีรอยขึ้นมาได้เลย ฉันสงสัยว่าร่องรอยเหล่านี้คงถูกปลอมแปลงขึ้นมาแน่ๆ ! ”
หยางโปเพิกเฉยต่อพวกเขา เขายกดาบขึ้น ทำตามการเดาครั้งก่อนของตัวเอง พลังไหลเวียนออกจากมือไหลทะลักลงไปในดาบ จากนั้นเขาก็ใช้แรงฟันลงไปอย่างแรง
“ เคร้ง ! ” เสียงปลายดาบจมลงในชิ้นเหล็ก คาดคิดไม่ถึงว่ามันจะลงลึกกว่ารอยทั้งหมด !
ในงานเงียบกริบ ยกเว้นเสียงหอบหายใจหนัก ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอื่นอีก !
หลูตงซิงยืนอยู่ข้างหลังหยางโป เขาจ้องมองไปที่ชิ้นเหล็กที่อยู่ด้านหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ !
ชายคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างชิ้นเหล็ก เบิกตาโต ดวงตาทั้งคู่เป็นประกาย เขาหันไปประสานมือโค้งคำนับไปทางหยางโป “ ยินดีด้วย ! ”
สองสามคนที่เอ่ยปากพูดเมื่อสักครู่ ต่างพากันหุบปาก พวกเขาจ้องมองไปในงาน เวลานี้ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรขึ้นมาทันที

ตอนที่ 928 ลงโทษอย่างเฉียบขาด
เดิมทีหยางโปยังคิดที่จะปล่อยพวกเขาไป แต่เมื่อได้ยินคำนี้ก็พูดออกมาด้วยความโกรธทันที
“ ช่างเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักทนายของผมก็จะมาจัดการปัญหานี้เอง ”
หยางโปลงบันทึกประจำวัน ทางด้านหลูตงซิงที่ไปรับฮัวชิงหยุนแล้วก็รีบตามมาและ
ยังพาทนายมาด้วย
เมื่อตำรวจเห็นกลุ่มของพวกเขาเดินเข้ามากัน ก็คิดที่จะไกล่เกลี่ยมั่วๆไป เพื่อสะสางเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว จึงพูดโน้มน้าวใจไปว่า “ คุณหยาง ในเมื่อรถของคุณไม่ได้เสียหายอะไร เรื่องนี้ก็ให้พวกเขาชดใช้เงินให้ก็แล้วกัน ถือว่าให้บทเรียน พวกเราจะแจ้งให้ทางมหาลัยทราบ ให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลอบรมสั่งสอน ”
“ พวกเราไม่ชดใช้เงินให้ เขาถือว่าตัวเองเป็นอะไร ถึงได้ขับรถมาถึงมหาลัยของเรา และยังมาจีบรุ่นพี่ของเราอีก โอ้อวดเกินไปแล้ว ” ยังมีนักศึกษาคนหนึ่งที่ยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง สบถด่าเสียงดังออกมา
หยางโปไม่คิดที่จะปรับความเข้าใจด้วยนานแล้ว เขาหันไปมองหลูตงซิง “ ให้ทนายมาเคลียร์ก็แล้วกัน เดี๋ยวกลับไปผมจะแจ้งให้ศูนย์รถทราบและอธิบายรายละเอียดความเสียหายของรถคันนี้เพื่อตรวจสภาพเอง ”
หลูตงซิงพยักหน้า “ แบบนี้ก็ดีนะ สายมากแล้ว พวกเราควรไปกันได้แล้ว ”
ฮัวชิงหยุนนั่งอยู่ข้างกายหยางโป จับมือของเขาไว้ และถามออกมาด้วยความกังวล
“ รถคงไม่น่าเสียหายมาก นายก็ให้พวกเขาชดใช้เงินให้เถอะนะ ! ”
หยางโปส่ายหน้า “ เดี๋ยวศูนย์รถก็จะส่งคนมาแล้ว เธอสบายใจได้ เรื่องนี้เธอไม่ต้องสนใจหรอก ”
หลิวหมิงหยุนนั่งอยู่ด้านข้าง รู้ดีว่าเรื่องนี้เกิดมาจากตัวเอง เขาจำเป็นต้องรับผิดชอบการชดใช้นี้ ดังนั้นเขาจึงเผชิญหน้ากับภาระหน้าที่ที่จะเข้ามาและแบกรับอย่างไม่ลังเลใดๆทั้งสิ้น
“ รถที่ถูกทุบเสียหาย ถ้าซ่อมคงเสียไม่เท่าไหร่ ผมจะชดใช้ให้สองเท่าเลย จบไหม ?
อีกอย่าง รถของคุณคงไม่ต้องให้คนของศูนย์มาหรอก ให้ร้านซ่อมหรือตัวแทน 4s Shop ส่งคนมาตรวจสอบดูก็ได้แล้วมั้ง ? ”
หยางโปส่ายหน้า โดยที่ไม่พูดไม่จา
“ คุณจะชดใช้ให้สองเท่า ? รถคันนี้เป็นรถที่ดัดแปลงกันกระสุน แค่ค่าดัดแปลงภายนอกก็จำเป็นต้องใช้เงินหลายหมื่นหยวน คุณคิดว่าคุณชดใช้ให้สองเท่าไหวไหม ? ”หลูตงซิงเอ่ยปากพูด
หลิวหมิงหยุนถึงกับช็อคไปเลยทันที เดิมเขาคิดว่ามันมีปัญหาอยู่ เพราะไม่ว่าจะทุบรถยังไงมันก็ไม่พัง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า รถคันนี้จะเป็นรถกันกระสุนจริงๆ !
เสียงร้องไห้ “ ฮือๆ ! ”ดังออกมา ในที่เกิดเหตุมีเด็กปีหนึ่งคนหนึ่งร้องไห้เสียงดังขึ้น เมื่อสักครู่เขาเป็นคนที่ทุบเยอะที่สุด
“ นายจะร้องไห้ทำไม ผู้ชายอกสามศอก ร้องไห้ไปมันจะมีประโยชน์อะไร ? ” อีกคนเอ่ยปากสั่งสอน
เด็กผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา “ ฉันเรียนกฎหมายอยู่ ถ้ารถเสียหาเกินห้าพันหยวน พวกเราอาจถูกจำคุกได้ ! ”
เมื่อคนอื่นได้ยินคำพูดนี้ มันก็เหมือนกับสายฟ้าฟาด เดิมทีพวกเขาแค่ทำเพื่อสายสัมพันธ์พี่น้อง เลยไปทุบรถ ไหนเลยจะทันคิดว่าจะถูกจับจำคุก ถ้าถูกจับไปจำคุกจริงๆ พวกเขาก็ต้องถูกมหาลัยไล่ออก อนาคตภายภาคหน้าก็จบสิ้นกันพอดี !
หยางโปดึงฮัวชิงหยุนลุกขึ้น “ พวกเราไปกันเถอะ ”
หลูตงซิงเองก็ลุกยืนขึ้นตามและเดินออกไปด้านนอก
มีนักศึกษาคนหนึ่งลุกพรวดขึ้นมา กางแขนทั้งสองข้างออก คิดที่จะขวางหยางโปไว้
“ คุณไปไม่ได้ ถ้าคุณไม่ยกโทษให้พวกเรา คุณก็ออกไปไม่ได้ ”
หยางโปไม่สนใจเขาด้วยซ้ำไป คิดแค่ว่าคนพวกนี้ไม่รู้กฎหมายกันจริงๆ ตอนที่ทุบรถ ไม่ได้คำนึงผลที่ตามมาเลยด้วยซ้ำ !
เขาเดินอ้อมชายคนนั้นไปและดึงฮัวชิงหยุนเดินออกไปด้านนอก
แต่ฮัวชิงหยุนกลับดิ้นให้หลุดออกมา แต่ดิ้นไม่หลุด เธอรู้สึกค่อนข้างสับสน และเอ่ยปากขอร้องอย่างเศร้าเสียใจ “ มันก็แค่ไม่เท่าไหร่ สำหรับนายแล้วขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก นายให้อภัยพวกเขาเถอะนะ ! พวกเขายังเด็กอยู่เลยไม่รู้อะไร แถมพวกเขายังมีอนาคต ! ”
หยางโปรู้ความคิดของฮัวชิงหยุนดี และก็พอจะเข้าใจ แต่เขากลับไม่ตอบตกลง “ ตอนนี้ให้ฉันยกโทษให้พวกเขา พวกเขาเป็นนักเรียนที่ไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรเลยหรือไง ? คนอายุยี่สิบปีแล้ว
เธอยังพูดออกมาได้ว่าพวกเขาไม่รู้อะไรอย่างงั้นเหรอ ? ”
“ เธอลองคิดดูดีๆนะ ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ขับรถกันกระสุนมา แต่เป็นแค่รถธรรมดาทั่วไป ถ้าพวกเขาทุบไปบนกระจก รถคงถูกทุบพังไปหมดแล้วใช่ไหม ? และคงทุบฉันจนได้รับบาดเจ็บอยู่ในรถในที่เกิดเหตุไปแล้ว แล้วทำไมเวลานั้นไม่เห็นพวกเขาใจอ่อนบ้างเลยล่ะ ? ”
หยางโปทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจและคลายมือออก “ เธอคิดดูดีๆนะ ถ้าคิดที่จะขอร้องแทนพวกเขาและคิดวิ่งเต้นเพื่อพวกเขาจริงๆ เธอก็สามารถอยู่ต่อได้ ! ”
ฮัวชิงหยุนตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที ดวงตาทั้งคู่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา “ ฉัน……ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ฉันแค่รู้สึกว่า ในเมื่อนายไม่ได้เสียหายมาก พวกเขาก็คงอยากที่จะขอให้นายยกโทษให้…… ”
“ เธอคิดว่าพวกเขากำลังขอให้ฉันยกโทษให้อยู่เหรอ ? ” หยางโปถาม
ฮัวชิงหยุนนิ่งอึ้งไป เมื่อนึกถึงท่าทีที่รุ่นน้องชายพวกนั้นแสดงออก คำพูดที่หลุดออกมาจากปากพวกเขา มันก็ไม่น่าฟังจริงๆ และถึงกับมีบางคนที่ไม่ยอมรับความผิดของตัวเองอีกด้วย !
แต่เรื่องนี้เริ่มต้นมาจากเธอ ถ้าเป็นเพราะเหตุผลนี้จริงๆ แล้วทำให้รุ่นน้องชายพวกนี้ติดคุก
เธอคงเสียใจต่อการกระทำนี้และอยู่อย่างไม่เป็นสุขไปตลอดชีวิต
ฮัวชิงหยุนลังเลและสับสน เธอหันหน้าไปมองหยางโป ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยอาการขอร้อง
แต่หยางโปกลับไม่สนใจ แค่เดินออกไปข้างนอกโดยไม่หันกลับมามอง ดูเหมือนกำลังรอให้เธอตัดสินใจ
หลูตงซิงยืนรออย่างเงียบๆอยู่ด้านข้าง
หลังจากนั้นสักพัก ฮัวชิงหยุนก็มองไปทางหยางโป “ ช่างเถอะ ฉันอยู่ต่อดีกว่า ! ”ไอรีนโนเวล
หยางโปชายตามองฮัวชิงหยุน และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังไม่น้อย “ ถ้าอย่างนั้นเธอก็อยู่ต่อเถอะ ! ”
หยางโปไม่ได้อธิบายอะไรมากเช่นกัน หันหลังเดินจากไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
เขามาจากตี้จิงจนมาถึงจินหลิงเพื่อมาหาฮัวชิงหยุน นั่นก็เพราะอยากอยู่กับเธอ แต่การตัดสินใจเลือกในครั้งนี้ มันทำให้เขามองเรื่องบางอย่างชัดเจนขึ้น แต่มีเพียงบางเรื่องเท่านั้นที่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ยังคงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปได้
หลูตงซิงส่ายหน้า แต่ไม่ได้เอ่ยปากเตือนอะไร ถ้าฮัวชิงหยุนแยกตัวจากไปกับหยางโป
มันจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด บางที่แบบนี้ หยางโปอาจจะยกโทษให้คนพวกนั้นได้
แต่เรื่องของความรู้สึก บางทีมันก็ต้องอาศัยจิตสำนึกของตัวเอง
ไม่นาน หยางโปก็เข้ามานั่งในรถ และเขาก็หันไปพูดกับหลูตงซิง “ พวกเราไปกันเถอะ ! ”
หลูตงซิงเห็นใบหน้าที่เรียบเฉยของหยางโป แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งแสดงว่าเขาโกรธมาก
ทางด้านฮัวชิงหยุนที่ตัดสินใจอยู่ต่อ กลับมีเสียงตะโกนดังโหวกเหวกโวยวายขึ้นในที่เกิดเหตุ
เมื่อนักศึกษาจำนวนมากรู้ว่าอาจจะต้องถูกจับขังคุก ต่างก็พากันตกใจกลัว และทะเลาะกับตำรวจ และหยิบโทรศัพท์ออกมาพูดเสียงดังแจ้งกับผู้ปกครอง
เธอที่ยืนมองทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายกันอยู่ตรงนั้น จู่ๆก็เกิดรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา เธอไม่มีปัญญาเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของหยางโปได้ ยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีวิธีช่วยเหลือพวกเขาได้
“ ทั้งหมดเป็นเพระเธอ ทั้งหมดต้องโทษผู้หญิงคนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ พวกเราก็ไม่ต้องไปทุบรถของเขาหรอก ! ” จู่ๆก็มีนักศึกษาคนหนึ่งตะโกนเสียงดังออกมา
สายตาของทุกคนต่างมองไปที่ฮัวชิงหยุน “ ใช่ เป็นเพราะเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ พวกเราก็คงไม่ต้องมาอยู่ที่นี่ ! ”
ฮัวชิงหยุนพยายามอธิบายอย่างสุดความสามารถ แต่เสียงของเธอเบาเกินไป จึงไม่มีใครได้ยินที่เธออธิบาย ทุกคนจึงถูกจับขังคุก เรื่องนี้ทำให้ทุกคนตกใจกลัวกันมาก
……
เช้าวันรุ่งขึ้น หยางโปยังคงอารมณ์ไม่ค่อยดี เขาทำหน้างอนั่งอยู่ในรถ เดินทางมากับหลูตงซิงจนถึงเขตชานเมืองของหยูหาง ที่นี่มีคลับส่วนตัวแห่งหนึ่ง ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกลางป่า ดูค่อนข้างหลบๆซ่อนๆอย่างเห็นได้ชัด
ตอนที่ทั้งสองมาถึงสถานที่เกิดเหตุ ที่นี่ก็มีคนมากันไม่น้อยแล้ว

ตอนที่ 927 ทุบรถ
“ หลิวหมิงหยุนถูกกระทืบเหรอ ? ” สีหน้าของหยางโปเต็มไปด้วยความแปลกใจ
ฮัวชิงหยุนมองหยางโปอย่างสงสัย ” นายไม่รู้เหรอ ? ”
หยาง โปส่ายหัว “ คิดไม่ถึงเลยว่า จะมีเรื่องน่ายินดีแบบนี้ ! คนแบบเขา หน้าตาหล่อเหลาและยังเป็นประธานนักศึกษาอีก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ยังจีบสาวเก่งมากอีกด้วย คนแบบนี้ถ้าจะถูกกระทืบมันก็เป็นเรื่องปกติ ”
ฮัวชิงหยุนอึ้งไปครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก จริงๆแล้ว เธอสงสัยว่าหยางโปเป็นคนทำ
แต่ในเมื่อหยางโปไม่ยอมรับ เธอก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเธอรู้ดีว่าตัวเองจะมาทะเลาะกับหยางโป เพราะเหตุนี้ไม่ได้ แบบนี่จะทำให้หยางโปเข้าใจผิดได้
“ พวกเราต้องไปหยูหางคืนนี้ บางทีอาจจะต้องอยู่จนถึงวันมะรืนนี้ หรืออีกวัน เธออยากกลับไปเก็บเสื้อผ้าก่อนไหม ? ” หยางโปถาม
ฮัวชิงหยุนพยักหน้า “ งั้นเดี๋ยวฉันไปเก็บเสื้อผ้าก่อน ”
“ ไป เดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอ ” หยางโปขับรถไปส่งฮัวชิงหยุนที่ด้านล่างของหอพัก เธอเดินไปเก็บเสื้อผ้า ทางด้านหยางโปก็รออยู่ด้านล่าง
หยางโปมีรถสองคันอยู่ที่จินหลิง ทั้งหมดล้วนเป็น รถวอลโว่ ต่อมาเขาก็ได้ดัดแปลงรถเป็นรถกันกระสุน รถคันนี้ดูไม่เด่น แต่จริงๆแล้วปลอดภัยมาก
ระหว่างที่รอ หยางโปก็เห็นใครบางคนเดินเข้ามาพร้อมกับก้อนอิฐจากกระจกมองหลัง จากกระจกมองหลัง เห็นได้ชัดเจนว่าคนๆนั้นดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บและใบหน้าของเขาบวมช้ำ
หยางโปหัวเราะเบาๆ และรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครทันที เขาคนนั่นคือหลิวหมิงหยุนนั่นเอง !
คิดไม่ถึงว่าเขายังจะกล้าเข้ามาอีก อีกทั้งยังถือก้อนอิฐรีบวิ่งเข้ามาแบบนี้ !
หยางโปที่กำลังนั่งอยู่ในรถ ก็ไม่ได้ขยับเขยื้อน เมื่อเห็นหลิวหมิงหยุนวิ่งมา และยังตะโกนเข้ามาในรถ “ ไอ้บ้าที่นั่งอยู่ข้างใน ออกมาเดี๋ยวนี้นะ แม่งเอ้ย คิดไม่ถึงว่าจะกล้ามาจีบฮัวชิงหยุน
แกไม่รู้หรือไงว่าฮัวชิงหยุนเป็นผู้หญิงของฉัน ? ”
หยางโปเหลือบมองออกไปข้างนอก และขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่กลับไม่ขยับเลย
หลิวหมิงหยุนมองไม่เห็นภายในรถ เห็นแค่เงาร่างคนตะคุ่มๆแล้วตะโกนเสียงดังใส่ว่า
” ใครอยู่ในนั่น ไอ้คนขี้ขลาด กล้าออกมาไหม ! ”
หยางโปขมวดคิ้ว ลดกระจกรถลง และมองออกไปข้างนอก “ หลิวหมิงหยุน คุณยังหาเรื่องไม่พออีกหรือไง ? ”
หลิวหมิงหยุนเห็น หยางโปนั่งอยู่ข้างใน เขาถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไป เหตุการณ์เมื่อวานยังคงติดตา เมื่อคิดถึงบทเรียนที่ผ่านมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เขาได้ข่าวมาเลยรู้ว่าฮัวชิงหยุนนั่งรถกลับมาแล้ว เขาจึงรีบวิ่งมาด้วยความโมโห มีหรือจะทันได้คิดอะไรมาก ?
คนที่พุ่งตัวเข้ามาพร้อมกับหลิวหมิงหยุน เป็นนักศึกษาใหม่ทั้งหมด พวกเขาเพิ่งเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยและรู้ว่าจะเป็นการดีถ้าติดตามหลิวหมิงหยุน ดังนั้นเมื่อเห็นหลิวหมิงหยุนกวักมือเรียก พวกเขาทั้งหมดก็หยิบก้อนอิฐมาจากสวนดอกไม้และวิ่งกรูกันเข้ามา
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทีของหลิวหมิงหยุน ทุกคนก็มีอาการลังเลและไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อดี
เวลานี้ไม่รู้ว่ามีใครตะโกนเสียงดังออกมา ” คนคนนี้บ้าคลั่งเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะกล้าตะคอกใส่ประธานของเรา พวกเราทุบมัน ! ”
” ทุบ ! ”
มีคนตะโกนสั่งเสียงดัง มีบางคนที่อ่อนไหวทำตามอย่างรวดเร็ว ทุบอิฐในมือลงบนรถทันที
” ปัง ! ปัง ! ปัง ! ”
เสียงก้อนอิฐทุบรถจนเกิดเสียงดัง
หยางโปตอบสนองกลับอย่างเร็ว กดปุ่ม จากนั้นกระจกก็เคลื่อนขึ้น เขานั่งอยู่ในรถฟังเสียงดังรบกวนข้างนอก โดยไม่ได้รู้สึกโกรธเลย เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรแจ้งความ
หอพักหญิงที่ชั้นล่างเสียงดังเอ๊ะอ๊ะโวยวายมาก เมื่อสาวๆหลายคนได้ยินการเคลื่อนไหวทางด้านนี้ ต่างก็พากันมาดูที่ระเบียง
“ รถถูกทุบแล้ว รถที่จอดอยู่ชั้นล่างถูกทุบแล้ว ! ”
ฮัวชิงหยุนที่กำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่ จู่ๆก็ได้ยินเพื่อนร่วมห้องตะโกนเสียงดังที่ระเบียง ฮัวชิงหยุนกลับไม่รู้ว่าเป็นรถของหยางโป เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดออกมาว่า “ รถใครถูกทุบนะ ทำไมมีคนทุบรถล่ะ ? ”
“ ถูกทุบจริงๆนะ รถสีดำคันหนึ่ง ดูอนาถมาก หลายคนต่างพากันเอาอิฐทุบ ! ”
ฮัวชิงหยุนตกตะลึงครู่หนึ่ง จำได้ว่ารถของหยางโปก็เป็นสีดำเช่นกัน เธอจึงรีบถามขึ้นไปว่า
“ รถคันที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หรือเปล่า ? ”
“ ใช่ ที่จอดอยู่ชั้นล่างของหอพัก ใต้ต้นสนใหญ่ต้นนั้นแหละ ” เพื่อนร่วมห้องกำลังดูอย่างสนุกสนานพร้อมทั้งตอบกลับมา
ฮัวชิงหยุนตกตะลึงนิ่งอึ้งไปเลย จนไม่สนใจแม้แต่จะเก็บข้าวของ วิ่งลงไปข้างล่างด้วยความรวดเร็ว รู้สึกตื่นตระหนกไปหมด “ หยางโปอยู่คนเดียว ขออย่าได้รับบาดเจ็บเลยนะ ! ”
เมื่อวิ่งลงไปมาถึงด้านล่างหอพัก ฮัวชิงหยุนก็รีบวิ่งไปที่รถสีดำทันที เธอเห็นหลิวหมิงหยุน
ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ทั้งตกใจและหวาดกลัว น้ำตาไหลทะลักออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
เมื่อเข้าไปใกล้อีกหน่อย เธอก็พบว่าถึงแม้คนพวกนั้นจะทุบรถแรงแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่ารถจะไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลย มีเพียงสีพื้นผิวรถถลอกเท่านั้น
มีคนจำนวนมากรายล้อมอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ และดูเหมือน หลิวหมิงหยุนเพิ่งจะรู้ตัว
ถึงได้ห้ามนักเรียนคนอื่นๆไว้ แต่เวลานี้ สีของผิวรถถูกทำลายไปแล้ว !
หยางโปมองดูฉากนี้ ส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไร เสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังเข้าหูมา
หยางโปถึงได้ยอมเปิดประตูรถ จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่หลิวหมิงหยุน โดยไม่พูดอะไรสักคำ แล้วเดินตรงไปหาฮัวชิงหยุนทันที
หลิวหมิงหยุนโกรธแต่ไม่กล้าพูดอะไร คนอื่นๆที่มากับเขา รู้ดีว่าฮัวชิงหยุนคือคนที่หลิงหมิงหยุนตามจีบอยู่ มีบางคนถือก้อนอิฐอยากจะวิ่งเข้ามา แต่กลับถูกเพื่อนร่วมชั้นห้ามไว้
“ นายโง่หรือไง รถคันนี้ทุบยังไงก็ไม่พังเลย ! ”
“ เกิดอะไรขึ้นทุบไปขนาดนั้นไม่เป็นอะไรเลยเหรอ ? ” ชายคนนั้นตะลึงไปครู่หนึ่ง
“ โง่จริงๆ นั่นก็แสดงว่ารถคันนี้ดีน่ะสิ นี่อาจจะเป็นรถปรับแต่งมาอย่างดี และกันกระสุนด้วย ”
ชายคนนั้นตะลึงนิ่งอึ้งไปเลย เขาได้ยินเสียงไซเรนของตำรวจ ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองชายที่อยู่ข้างๆ “ เราหนีกันเถอะ ! ”
“ ไม่เป็นไรนายสบายใจได้ พวกเขาไม่กล้าลงมือทำอะไรหรอก พวกเรามีกันตั้งเยอะ
ทุกคนต่างก็ทำ กฎหมายไม่ลงโทษหรอก ”
เดิมทีหยางโปก็ไม่ได้สนใจพวกเขาอยู่แล้ว เขาเดินไปยืนอยู่ข้างฮัวชิงหยุน และจับมือเธอไว้
” อย่าร้องไห้ ไม่เป็นไร เธอไปเก็บของต่อเถอะ อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยไปกัน ”
ฮัวชิงหยุนมองไปที่หยางโป ” นายอย่าไปทะเลาะกับพวกเขานะ ”
“ วางใจได้ ไม่หรอก ” หยางโปพูดด้วยรอยยิ้ม
ฮัวชิงหยุนยังคงไม่วางใจ เธอจ้องไปที่หยางโป ” ขอฉันดูก่อน เสื้อผ้าไม่ต้องรีบร้อนไปเก็บหรอก ”
หยางโปก็ไม่ได้พูดอะไรมาก พยักหน้าให้
จากนั้นตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุ หยางโปก้าวไปข้างหน้าเพื่ออธิบายสถานการณ์ให้ฟัง
ตำรวจจึงเกลี้ยกล่อมไปว่า “ นี่มันในโรงเรียน และอีกอย่างรถของคุณก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก
ถ้าคุณไม่อยากเอาเรื่อง… ”
หยางโปตัดบททันที “ คุณควรพาทุกคนไปที่โรงพักของพวกคุณก่อนดีไหม ? ”
ตำรวจชะงักไปครู่หนึ่ง และพูดอย่างไม่เต็มใจมากนัก “ งั้นก็ตามนี้ ! ”
หยางโปหันไปพูดกับฮัวชิงหยุน ” เธอไปเก็บของก่อน เดี๋ยวสักครู่จะทีคนมารับตัวเธอในภายหลัง เธอขึ้นรถไปกับเขา ฉันจะไปเจอกับเธอระหว่างทางอีกที ”
ฮัวชิงหยุนค่อนข้างเป็นกังวลจึงพูดขึ้นว่า ” คงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกนะ ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่ต้องกังวลไป ”
ไม่นาน คนกลุ่มนี้ก็พากันมาถึงสถานีตำรวจ หลิวหมิงหยุนก็เดินเข้ามาหาและเอ่ยขึ้นว่า
” ช่างเถอะนะ เดี๋ยวฉันจะจ่ายค่าชดใช้ให้คุณเอง ”
“ ชดใช้เงินอะไร ? พวกเราไม่ต้องชดใช้เงิน ! ” เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ข้างหลังตะโกนเสียงดัง

ตอนที่ 926 คุณทำใช่ไหม
หยางโปเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย เขารู้สึกว่าค่อนข้างคุ้นตา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครุ่นหนึ่ง ก็นึกถึงตัวตนของอีกฝ่ายออก อีกฝ่ายน่าจะเป็นนักแสดงสาวตัวรองที่แสดงในซีรีย์ที่ฉายทางโทรทัศน์ที่โด่งดังอยู่ในช่วงนี้ ถ้านับกันแล้วก็น่าจะเป็นนักแสดงสาวหมายเลขสองได้เลย
หยางโปสังเกตอย่างพินิจพิเคราะห์ รูปร่างดีมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผิวของอีกฝ่ายดีมาก
เชิญหญิงสาวคนนี้มาได้ หลูตงซิงคงต้องจ่ายเงินไปไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงแม้จะไม่สนใจ
แต่ก็จะฟุ้งเฟืองแบบนี้ไม่ได้
หยางโปพยักหน้าให้ อีกฝ่ายจึงยิ้มและถือโอกาสเดินลงมาในบ่อน้ำพุร้อน
“ คุณแซ่อะไรคะ ? ” ดาราสาวถาม
“ ผมแซ่หยาง ” หยางโปตอบกลับ เขามองหน้าอีกฝ่าย “ ผมควรจะเรียกคุณว่ายังไงดี ? ”
“ คุณเรียกฉันว่าซีจวินก็ได้ ” ดาราสาวตอบ
หยางโปพยักหน้า ” เป็นคนที่ไหนเหรอ ? ”
“ ฉันเป็นคนหยูหาง ” นักแสดงสาวตอบ
“ อ้อ ? หยูหาง เป็นสถานที่ที่ดีเลย ” หยางโปพูด เขาค่อนข้างสับสนกับที่หลูตงซิงเพิ่งบอกมา
พรุ่งนี้จะไปที่หยูหาง แต่ตอนนี้กลับพาคนหยูหางเข้ามา หรือว่าอยากจะพาเธอไปที่นั่นด้วย ?
เมื่อซีจวินเห็นหยางโปเงียบไปก็ยิ้มจางๆและพูดขึ้นว่า ” คุณหยางต้องมีความทรงจำดีๆต่อหยูหางแน่เลยใช่ไหม ? ”
หยางโปส่ายหน้า ” ก็ไม่ถือว่าใช่ แค่นึกถึงเรื่องบางอย่างน่ะ ”
“ ผมเคยดูซีรีย์ที่คุณแสดง ดูไปสองตอนแล้ว ” จู่ๆหยางโปก็เปลี่ยนเรื่องคุยทันที
ซีจวินเม้มปากยิ้ม “ หลายคนต่างก็เคยดูซีรีส์ที่ฉันแสดง ”
” ผมเปิดบริษัทสื่อบันเทิงหนึ่งอยู่ที่เมืองหลวง แต่มอบหมายการบริหารจัดการงานให้คนอื่นดูแลเป็นหลัก ดังนั้น ผมเลยยังคงสนใจวงการบันเทิงอยู่พอสมควร ” หยางโปกล่าวต่อ
“ บริษัทสื่อบันเทิงไหน คุณบอกมาสิ ดูสิว่าฉันพอจะรู้จักไหม ” ซีจวินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ จินหลิงชุน ” หยางโปตอบ
ซีจวินสังเกตหยางโปอย่างพินิจ ” บริษัทนี้ฉันเคยได้ยินอยู่ ดูเหมือนจะเพิ่งก่อตั้งขึ้นได้ไม่นาน
ได้ยินว่าเถ้าแก่ของพวกเขามีภูมิหลังและมีอำนาจมากด้วยเช่นเดียวกัน ”
หยางโปหัวเราะ มองแววตาที่ไม่ไว้วางใจของอีกฝ่ายออก แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ “ คุณไม่เชื่อเหรอ ? ”
ซีจวินส่ายหน้า “ แค่รู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อเกินไป ทำไมบริษัทที่มีภูมิหลังแบบนี้ถึงได้มีเถ้าแก่ที่ยังอายุน้อยขนาดนี้ ? ”
หยางโปเปล่งเสียงหัวเราะ เขามองสังเกตดูอีกฝ่าย “ อันที่จริงแล้ว ด้วยคุณสมบัติที่มีอยู่ของคุณ ถ้าไม่มีโอกาสพิเศษแล้วละก็ เกรงว่าทั้งชีวิตนี้อาจจะไม่มีหวังที่จะพัฒนาไปต่อได้อีก ”
ซีจวินดูเหมือนจะฟังความหมายที่หยางโปเอ่ยถึงออก เธอค่อยขยับเข้าไปใกล้อีกเล็กน้อย
” อ้อ ? ถ้าอย่างนั้นคุณหยางพอจะมีวิธีสอนฉันได้ไหม ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ ผมไม่มีวิธีสอนคุณหรอก คุณก็อย่าได้คิดมาก ”
ซีจวินจ้องมองหยางโปด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความเสียใจ เธออยากจะกลายเป็นนักแสดงหญิงแถวหน้า แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถจะทำมันได้โดยอาศัยความขยัน แต่ยังต้องการความช่วยเหลือจากคนที่มีอำนาจและชื่อเสียง เมื่อสักครู่ตอนที่ยางโปเอ่ยคำนั้นออกมา ทำเอาเธอรู้สึกใจเต้นแรงมาก คิดว่ามันอาจเป็นโอกาสของตัวเธอเองที่มาถึงแล้วก็เป็นได้ !
ถึงแม้จะมีความรู้สึกลังเลอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังพยายามแสดงทีท่ายอมรับ เธอถึงขั้นที่คิดว่าจะหาทางลัดเพื่อให้ตัวเองบรรลุตามเป้าหมายที่ตัวเองคาดหวังไว้ ยังไงซะคนหนุ่มสาวอย่างหยางโป
ก็ยังดีกว่าชายชราพวกนั้นมาก
เธอจ้องหยางโปตาไม่กระพริบ ” คุณคงไม่โกหกฉันหรอกใช่ไหม ? ”
“ ผมจะโกหกคุณไปเพื่ออะไร ? ” หยางโปยิ้มพร้อมกับพูด
“ คุณคิดที่จะหลอกเอาเงินและหลอกให้ฉันเสียตัว ! ” ซีจวินเอ่ยออกมาด้วยความหวาดระแวง
หยางโปหัวเราะฮ่าๆเสียงดัง “ กดนาฬิกาของคุณดูสิ ชั่วโมงล่ะเท่าไหร่ ? ”
ซีจวินเกิดอาการลังเลอยู่ครู่หนึ่งโดยที่ไม่พูดอะไร ค่าบริการของที่นี่สูงมาก นอกจากนี้ ห้องวีไอพีนี้ของหยางโป ราคาอย่างต่ำก็แสนหยวน มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย ถ้าคิดที่จะเข้ามารีสอร์ทแห่งนี้ โดยที่ไม่มีฐานะที่มั่นคง
ซีจวินตอบสนองกลับอย่างเร็ว ใบหน้าแดงระรื่นขึ้นเล็กน้อย
หยางโปหัวเราะออกมา “ ไม่มีอะไรมาก คุณอย่าเข้าใจผิด ผมก็แค่อยากจะคุยกับคุณเท่านั้น
ผมอยากทำความเข้าใจกับวงการบันเทิงสักหน่อย ยังไงซะผมก็ถือว่าเป็นเถ้าแก่คนหนึ่งที่จำเป็นต้องเรียนรู้ให้เยอะขึ้น ”
ซีจวินจ้องมองหยางโปด้วยความสงสัย ในระหว่างที่สงสัยอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามาทางด้านหลัง เธอจึงหันกลับไปมอง เมื่อเห็นผู้หญิงอีกคนเดินเข้ามาและชายที่เดินตามเข้ามานั้น เธอก็จำได้ว่าเป็นลูกค้าที่มาที่นี่บ่อยๆ นักธุรกิจผู้มั่งคั่งของเมืองจินหลิงนั้นเอง
หลูตงซิง จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเข้ามาใหม่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าซีจวินอยู่ห่างจาก
หยางโป ก็อดที่จะอารมณ์เสียไม่ได้ ” คุณซีจวิน ผมสั่งไว้ว่ายังไง ”
ซีจวินตกใจผงะ รีบลุกขึ้นทันที ” ขอโทษค่ะคุณหลู ! ”
หยางโปค่อนข้างแปลกใจ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง ไม่รู้ว่าหลูตงซิงสั่งอะไรไว้กันแน่
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลูตงซิงรีบเอื้อมมือเรียวยาวมาลูบหลังของเขา ” คุณหลูใจเย็นๆ ซีจวินมาที่นี่เป็นครั้งแรก คุณทำให้เธอตกใจกลัวมากแล้ว ครั้งต่อไปเธอคงไม่มีทางมาที่นี่อีกแน่ๆ ”
หลูตงซิงส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ “ ผมไม่สนอะไรมากหรอก ผมจ่ายเงินไป แล้วได้บริการแบบนี้มาเหรอ หรือว่าผมจ่ายเงินซื้ออาหารให้หมาอย่างงั้นเหรอ ? ”
นี่เป็นครั้งแรกที่หยางโปเห็นหลูตงซิงโมโหเดือดดาลแบบนี้ เหมือนกับว่าเขากำลังตำหนิผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ อานุภาพประดุจอัสนีบาตฟาดเปรี้ยงๆ ทำเอาคนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่
อึมครึม
หยางโปยิ้มจางๆ “ จัดการธุระเรียบร้อยแล้วเหรอ ? ”
หลูตงซิง พยักหน้า “ จัดการแล้ว ขอโทษด้วยจริงๆ ครั้งหน้าฉันจะหาคนที่เก่งและชำนาญงานกว่านี้มาให้ ”
หยางโปโบกมือ “ คุณคิดว่าหาที่เก่งและชำนาญงานแล้ว ผมจะชอบมันเหรอ ? ”
หลูตงซิงหัวเราะออกมา “ เรื่องนี้ก็จริงอยู่ ”
เขาโบกมือขึ้น “ เอาล่ะ เข้ามาใกล้ๆหน่อย แล้วช่วยคุณหยางนวดตัว เขาไม่ได้กินคุณซะหน่อย
คุณจะหลบไปไกลขนาดนั้นทำไม ? ต่อให้กินคุณ คุณก็ต้องหาเงินได้มากมาย เขาเปิดบริษัทสื่อบันเทิง ถึงแม้บริษัทไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่เขามีเงินเยอะนะ ต่อให้เอาเงินฟาด มันก็สามารถทำให้คุณกลายเป็นดาราดังอันดับหนึ่งได้เลย ! ”
หยางโปส่ายหน้า “ คุณนี่มันจริงๆเลย ผมคิดว่าแต่ก่อนคุณไม่ได้ใช้เงินฟาดคนแบบนี้เลยนะ
เอาเงินมาฟาดคนมันซะใจมากใช่ไหม ? ”
“ ตอนนี้ต่อให้ฉันเอาเงินฟาดหัว ก็ทำไม่สำเร็จ ! ” หลูตงซิงกล่าว
หยางโปส่ายหัว “ ไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวผมจะลองดู มันน่าจะใช้ได้ ”
ต่อมา ก็มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาจากการแนะนำของคนกลาง บรรยากาศเลยดูสนุกน้อยลงมาก
แต่หยางโปกลับรู้สึกเซ็งและเบื่อหน่ายเอามากๆ
จากนั้นพวกเขาก็ไปนวดตัวอีกครั้ง อาบน้ำ และรอจนลู่เจียเฟยออกมา จากนั้นก็ออกไปจากที่นั่น
ลู่เจียเฟยดูตื่นเต้นมาก “ ที่นี่สบายมากจริงๆ เมื่อไหร่พวกเราจะมากันอีก ? ”
หยางโปมองเขาขึ้นและลง “ คุณถือว่าสบายแล้ว คุณอ่านบิลดูแล้วหรือยัง เถ้าแก่หลูถึงกับกระอักเลือดเลยทีเดียว ”
ลู่เจียเฟยยิ้มเหยเก “ ที่นี่ดีจริงๆ ”
หยางโปนั่งรถตัวเองและโบกมือให้หลูตงซิง พวกเขาตกลงที่จะออกเดินทางกันเร็วหน่อย
และจะไปหยูหางกันในคืนนี้ แต่เขาต้องไปหา ฮัวชิงหยุนที่มหาลัยก่อน ขณะที่ทางด้านหลูตงซิง
ก็กำลังกลับไปเตรียมตัวที่บริษัท
ไม่นาน รถของหยางโปก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน จากนั้นเขาก็โทรหาฮัวชิงหยุน ฮัวชิงหยุนก็เดินออกมาหา
ฮัวชิงหยุนเข้าไปนั่งในรถ ” ทำไมนายถึงมาที่นี่ในเวลานี้ ? ”
“ พรุ่งนี้ยังมีเรียนอีกเหรอ ? ” หยางโปถาม
ฮัวชิงหยุชายตามองมา ” แน่นอน พรุ่งนี้มีเรียนอยู่ ทำไมนายมีธุระเหรอ ? ”
“ ผมว่าจะไปที่หยูหางหน่อยน่ะ คุณอยากตามไปกับผมด้วยไม่ใช่เหรอ ? ก็เลยมาถามคุณดูน่ะ ” หยางโปพูด
ฮัวชิงหยุนลังเลเล็กน้อยแต่ก็ตอบตกลง “ อืม ”
พอพูดจบ เธอก็เงยหน้าขึ้นมองหยางโป ” เมื่อคืนหลิวหมิงหยุนถูกกระทืบ ใช่คุณทำหรือเปล่า ? ”

ตอนที่ 925 บริการวีไอพี
หยางโปหันมองไปที่หลูตงซิง ” คุณได้ข่าวมาใช่ไหม ? ”
หลูตงซิงพยักหน้า แต่เขาส่งสายตาเหลือบไปทางลู่เจียเฟย โดยไม่ได้พูดอะไรมาก แต่กลับเปลี่ยนหัวข้อเรื่อง “ ตอนนี้ฐานรากของพิพิธภัณฑ์ก่อสร้างไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปจากนี้ก็คงจะรวดเร็วขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการตกแต่งในขั้นตอนสุดท้าย พิพิธภัณฑ์มีกฎที่ค่อนข้างเข้มงวด เกรงว่าคงจะตกแต่งได้ไม่ง่ายดายนัก ”
“ ไม่เป็นไร รอได้ ” หยางโปตอบ
หลูตงซิง ชายตามองหยางโป ” วันนี้พอมีเวลาไหม ขอคุยกับนายสักเรื่องสิ ”
“ ด่วนไหม ” หยางโปถาม
หลูตงซิงตอบว่า “ ด่วนมาก ”
หยางโปมีอาการลังเลเล็กน้อย “ งั้นเราหาที่คุยกันสักที่ดีไหม ”
หลูตงซิงพยักหน้า ” ไป เดี๋ยวฉันพานายไปแช่ตัว ! ”
พอพูดจบ เขาก็ชายตามองลู่เจียเฟย “ ไปด้วยกัน ผมรู้จักอยู่ร้านหนึ่ง มันดีมาก ลองดูแล้วจะรู้ ”
เมื่อลู่เจียเฟยได้พบกับหลูตงซิง ก็แอบรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ยังไงซะ หลูตงซิงก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนักธุรกิจในจินหลิง และถือได้ว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่ไม่เป็นสองรองใคร เมื่อเขาได้ยินหลูตงซิงเอ่ยทักแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามไปว่า ” ที่ไหนเหรอ ? ”
หลูตงซิงหัวเราะออกมา ” ถึงแล้วเดี๋ยวคุณก็รู้เอง ”
ลู่เจียเฟยขับรถของตัวเอง ทางด้านรถของหยางโปก็มอบหมายให้กับเลขาของหลูตงซิงรับผิดชอบ จากนั้นเขาก็เข้าไปนั่งในรถกับหลูตงซิง
“ ดูค่อนข้างจะลึกลับนะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ? ” หยางโปถาม
หลูตงซิงส่ายหน้า “ เรื่องนี้ค่อนข้างจะยุ่งยากหน่อย ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ! ”
พอพูดจบ หลูตงซิงก็ขยิบตาไปที่คนขับที่อยู่ด้านหน้า
หยางโปรู้สึกสงสัยมาก ตามหลักแล้ว คนขับและเลขาทั้งสองคนจะเป็นคนที่หลูตงซิงไว้วางใจมากที่สุด แต่ตอนนี้เขากลับไม่ไว้ใจแม้แต่พวกเขา นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้สำคัญมาก !
ไม่นานรถก็แล่นเข้าไปในหุบเขาลูกหนึ่ง เมื่อเข้าประตูมาก็เห็นอาคารหลังหนึ่งเหมือนกับ
รีสอร์ทตากอากาศตั้งตระหง่านอยู่
” ที่นี่บรรยากาศดีมาก ” ลู่เจียเฟยมองออกไปนอกรถ ด้านนอกภูเขาเขียวขจี ทิวทัศน์สวยงาม
ที่สำคัญที่สุดคือที่นี่เงียบสงบมาก
หลูตงซิงหัวเราะเสียงดังออกมา ” นี่คือรีสอร์ทที่ดีที่สุดในจินหลิง ”
เมื่อรถหยุดลง ทั้งสองก็ลงจากรถทีละคน ลู่เจียเฟยเดินลงจากรถตามลงมา จากนั้นเขาก็เดินเข้าไป ” นี่คือรีสอร์ทกลางหุบเขาใช่ไหม ? ”
หลูตงซิงพยักหน้า ” เป็นยังไงบ้าง ? ”
“ มันดูดีจริงๆ ! ” ลู่เจียเฟยดูค่อนข้างตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด “ ได้ยินมาว่าที่นี่บริการดีมากเช่นกัน ถึงขั้นว่ามีบริการระดับวีไอพีเลยนะ ? ”
หลูตงซิงยิ้มอย่างรู้เท่าทัน “ ไม่ต้องกังวล วันนี้มีค่าใช้จ่ายอะไร ผมจะเป็นคนจ่ายเองทั้งหมด ”
“ จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน ? ” ลู่เจียเฟยกล่าว
หลูตงซิง โบกมือ “ ในเมื่อเป็นเพื่อนของหยางโป นั่นก็ถือว่าเป็นเพื่อนของผม คุณไม่ต้องกังวลไป ที่นี่ปลอดภัยมาก พวกเราเข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ ”
ทางด้านหยางโปกลับไม่รู้จักสถานที่แห่งนี้ แต่เขาสามารถเดาบริการบางอย่างของที่นี่ได้จากน้ำเสียงที่สนทนากันอย่างคลุมเครือ บริการระดับวีไอพี กลัวว่ามันจะไม่ธรรมดาน่ะสิ
ไม่นานทั้งสามคนก็เดินเข้าไป ทันทีที่เข้าประตูมาก็มีหญิงสาวมารอต่อแถวเรียงกันขนาบข้างทั้งสองแถวในชุดสีแดงและโค้งคำนับทักทาย
มีพนักงานมานำทางพาพวกเขาแยกเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องส่วนตัว จากนั้นหยางโปก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินสวมเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวออกมา
เมื่อเห็นหลูตงซิงและลู่เจียเฟยเดินออกมากันแล้ว หยางโปจึงเข้าไปในห้องอาบน้ำกับพวกเขา
ทุกคนราดตัวด้วยน้ำร้อนก่อนถึงจะลงไปในสระน้ำพุร้อน
ที่นี่คือห้องวีไอพี ด้านในจึงไม่มีใครอยู่ หลังจากแช่ตัวอยู่ได้พักหนึ่ง ลู่เจียเฟยก็ร้อนรนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ” เมื่อไหร่เราจะดำเนินรายการต่อไป ”
หยางโปยิ้มและหันหน้าไปมอง “ รายการต่อไป ? ”
หลูตงซิงหัวเราะ เขากดปุ่มที่อยู่ด้านข้าง พนักงานสาวเสิร์ฟเดินเข้ามา หลูตงซิงก็ชี้ไปที่ ลู่เจียเฟย
“ ช่วยผมสร้างความบันเทิงให้กับพี่น้องคนนี้หน่อย ไม่ว่าเขาอยากได้อะไร ก็ให้จดเข้าบัญชีของผมให้หมด ให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เขาและให้บริการที่น่าพึงพอใจที่สุดกับเขาด้วย ”
พนักงานเสิร์ฟสาวดูเหมือนจะรู้จักหลูตงซิงดี พยักหน้าและตอบกลับไปว่า ” เถ้าแก่หลู ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะ ! ”
พอพูดจบ ลู่เจียเฟยก็เดินตามเธอออกไปข้างนอก
ลู่เจียเฟยเดินไปถึงประตู จู่ๆก็หันกลับมามองหยางโป “ พวกเขาคงไม่ร่วมกันหลอกเอาเงินจากเราหรอกนะ ? ค่าใช้จ่ายของที่นี่สูงมาก ”
หยางโปโบกมือ “ ไม่ต้องกังวล ในเมื่อเถ้าแก่หลูบอกว่าจะเป็นเจ้าภาพ คงจ่ายไหวแน่นอน
ต่อให้คุณจะใช้เงินไปหลายแสนหยวน ก็ไม่เป็นไร ”ไอรีนโนเวล
ลู่เจียเฟยถึงได้วางใจ ” แบบนี้ก็ดีเลย พวกคุณคุยธุระกันเถอะ ผมไปนวดตัวก่อน ”
หยางโปมองตามหลังของลู่เจียเฟย และส่ายหัวเล็กน้อย การนวดที่ว่า ไม่น่าจะธรรมดาซะแล้ว
หลูตงซิงอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “ นายไม่ต้องกังวล ฉันพาลูกค้ามาที่นี่บ่อยๆ ที่นี่ค่อนข้างสะอาด ”
หยางโปมองไปที่เถ้าแก่หลู ” ผู้หญิงที่นี่เป็นคนต่างชาติหมดเลยใช่ไหม ”
หลูตงซิงส่งเสียงหัวเราะ “ นายสนใจไหม ? อยากได้สักคนรึเปล่า ? ”
หยางโปส่ายหน้า “ มาคุยเรื่องที่คุณเพิ่งพูดไปดีกว่า ! ”
หลังจากลังเลเล็กน้อย หลูตงซิงก็หันมองไปรอบๆและกระซิบว่า “ ฉันได้ข่าวมาว่า เร็วๆนี้จะมีการประมูลขึ้นที่หยูหาง ในระหว่างการประมูลจะมีโสมคนพันปีและดอกบัวหิมะหมื่นปีมาปรากฏ
แต่จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่ได้บัตรเชิญน่ะสิ ”
หยางโปรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ เพราะเขารู้ความสามารถของหลูตงซิงดี ปกติแล้วเช่นบัตรเชิญงานประมูลพวกนี้ เขาสามารถเอามาได้อย่างแน่นอน ” พวกเขาต้องการอะไร ? ”
“ พวกเขาไม่อยากได้เงินมากนัก แต่จะต้องทำเรื่องหนึ่งให้สำเร็จให้ได้ คือพวกเขาเสนอให้ตัดก้อนหินด้วยกระบี่เหล็กที่จัดหามาให้ ” หลูตงซิงกล่าว
“ กระบี่เหล็กตัดก้อนหิน ? ” หยางโปแปลกใจมาก “ ถ้ามีกำลังวังชามาก ก็น่าจะสามารถตัดก้อนหินได้แล้วสิ ? ”
หลูตงซิงจ้องหน้าหยางโป ” นายรู้ไหมว่านายกำลังพูดถึงอะไร ? ใช้กระบี่เหล็กตัดก้อนหิน
นายลองเองเดี๋ยวก็รู้ ”
“ คุณลองดูแล้วใช่ไหม ? ” หยางโปถาม
หลูตงซิงพยักหน้า ” ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพวกเขาเสนอให้ใช้กระบี่เหล็กอะไร แต่ฉันก็ได้หากระบี่เหล็กที่ดีที่สุด ลองมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่สามารถตัดก้อนหินได้ ทิ้งเพียงร่องรอยขีดข่วนเอาไว้เท่านั้น ”
หยางโปขมวดคิ้ว “ ถ้าอย่างนั้นก็แปลกแล้วล่ะ แล้วเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะเริ่มการทดสอบ ? ”
” การประมูลจะเริ่มขึ้นวันมะรืนนี้ เส้นตายคือวันพรุ่งนี้ ” หลูตงซิงกล่าว
หยางโปพยักหน้า “ คุณเคลียร์งานของตัวเองไปก่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้พวกเราค่อยไปด้วยกัน ”
“ นายมีวิธีใช่ไหม ? ” หลูตงซิงถาม
หยางโปยิ้มและพูดว่า “ ผมจะมีวิธีอะไรกัน ผมมีแค่กำลัง ไม่มีอะไรเลย ! ”
หลูตงซิงจ้อง หยางโปอย่างสำรวจตรวจตรา จากนั้นก็หัวเราะออกมา ” ตกลง ฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้ ”
หลูตงซิงไม่ได้แช่ตัวต่อแล้ว เขาลุกขึ้นและเดินออกไปด้านนอก ทันใดนั้นเขาก็หันหน้ากลับมา
“ ฉันจะโทรไปสั่งงานที่บริษัทหน่อย นายแช่ตัวไปก่อน เดี๋ยวฉันจะช่วยหาคนให้มาอยู่เป็นเพื่อนคุยกับนายให้ ”
“ ไม่ต้องแล้ว ผมแช่ตัวคนเดียวได้ ” หยางโปปฏิเสธ
หลูตงซิงหัวเราะแต่ไม่พูดอะไร
เพียงครู่เดียวหลังจากที่เขาจากไป ในห้องก็มีหญิงสาวสวยสวมชุดบิกินี่คนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง เธอมีรูปร่างผอมเพรียว ผิวขาว ดูสวยมาก เธอเดินไปที่หน้าสระ และก้มลงใช้มือตักน้ำขึ้นมา
” หนุ่มหล่อ อยากให้อยู่เป็นเพื่อนคุยไหม ? ”

ตอนที่ 924 กระทืบกลับ
หยางโปต่อยทั้งสองลงบนพื้นอย่างสะอาดหมดจด เขาจ้องมองไปที่ชุดของคนทั้งสอง ดูเหมือนจะเป็นนักศึกษา เขาเหยียบลงบนหลังชายที่ถือกระสอบ “ ให้ฉันแจ้งตำรวจตอนนี้เอาไหม ?
บอกมาพวกแกมาขโมยอะไร ? ”
พอพูดจบ หยางโปก็หยิบกระเป๋าเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วกดลงบนนิ้วของเขา
จากนั้นก็โยนลงพื้น !
อีกคนต้องการจะช่วยชีวิตคนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า แต่เมื่อเห็นฉากนี้ก็ตกตะลึงไปทันที ใจดำมาก !
คนที่ถูกเหยียบไว้นั้นมีความแข็งกร้าวมาก “ งั้นแกก็ลองโทรแจ้งตำรวจดูสิ ! ”
หยางโปหัวเราะเยาะและตอบกลับไปว่า ” ดี หนักแน่นดีนิ ฉันชอบผู้ชายที่หนักแน่นแบบนี้แหละ ! ”
เขาหยิบมือถือออกมากดเลื่อนดู “ โทษขโมยของ น่าจะถูกตัดสินจำคุกไม่กี่ปี ไม่เห็นจะเป็นไรเลยแค่ให้ฉันเพิ่มเงินให้พวกแกอีกสักหน่อย บางทีอาจจะหาเงินได้สองสามแสนหยวนเลยทีเดียว
แต่หลังจากออกมาคงน่าเวทนาหน่อยนะ พวกแกสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี้ได้คงไม่ง่ายนัก
พ่อแม่ที่บ้านยังรอพวกแกกลับบ้านไปแสดงความกตัญญูอยู่นะ… ”
” อย่าแจ้งตำรวจ ! ” อีกคนร้องตะโกนเสียงดัง ” คุณต้องการอะไรกันแน่ ? ”
หยางโปหัวเราะ และเงยหน้ามองอีกฝ่าย ” ฉันแค่อยากรู้ว่า ใครส่งพวกแกมากันแน่ ? ”
“ พวกเราอยากมากันเอง ” ชายหนุ่มที่ถือกระสอบอยู่ตอบ
อีกคนเป็นคนขี้ขลาดอย่างเห็นได้ชัด ” หลิวหมิงหยุนมาปรับทุกข์กับเรา เขาบอกกับเราว่าถ้ากระทืบคุณได้ เขาจะให้เงินเราหนึ่งหมื่นหยวน ! ”
หยางโปส่ายหัว “ ฉันมีค่าแค่หนึ่งหมื่นหยวนเท่านั้นจริงๆเหรอ ? ”
“ ไม่กล้าแล้ว คราวหน้าก็ไม่กล้าอีกแล้ว ” ชายขี้ขลาดคุกเข่าลงบนพื้น ร้องขอความเมตตา
หยางโปหัวเราะ “ ทุกคนทำอะไรต่างก็เพื่อเงินทองกันทั้งนั้น ฉันเข้าใจพี่น้องอย่างพวกนายดี
เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันจะให้พวกนายหนึ่งหมื่นหยวน แล้วช่วยฉันไปกระทืบเขาที ! ”
“ แบบนี้… แบบนี้มันไม่ค่อยดีมั้ง ! ” ชายขี้ขลาดพูด
ชายที่ถือกระสอบอยู่ กลับตอบตกลงทันทีว่า “ มีอะไรไม่ดี ฉันจะไปซื้อผ้าปิดจมูกเดี๋ยวนี้
เดี๋ยวสักครู่พวกเราไปกระทืบเขากัน ! ”
หยางโปยกเท้าขึ้นและหยิบกระเป๋าเงินออกมา เงินในนั้นมีไม่ถึง 10,000 หยวน เขาจึงฉีกเช็คใบหนึ่งแล้วเอ่ยออกมาว่า “ รับเช็คได้ไหม ? ”
” รับ ! ”
“ ดี ! ตรงไปตรงมาดี ! ” หยางโปเซ็นเช็คและส่งให้อีกฝ่าย “ พวกเราไปที่นั่นด้วยกัน ”
หยางโปเดินตามพวกเขาไป จนเดินมาถึงด้านหน้าอาคารหอพักหลังหนึ่ง หยางโปจึงเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้และเริ่มรอ
อันที่จริง หยางโปก็กำลังคิดอยู่ว่า ทั้งสองอาจจะแอบนำเงินของเขาหนีไปแล้ววิ่งกลับเข้าไปในหอพักเพื่อไปเรียกคนมาเพิ่ม ถ้าเป็นแบบนี้ต่อให้หยางโปอยากจะสั่งสอนพวกเขาแค่ไหน
เกรงว่ามันคงยากเอามากๆ
โชคดีที่ทั้งสองถือว่าเป็นคนมีสัจจะ รออยู่แต่นอกหอพักเท่านั้น
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง จู่ๆก็มีคนสองคนเดินมาจากข้างนอก พวกเขาเมามาย กอดคอกันร้องเพลง “ น้องสาว ผมก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ก้าวไปข้างหน้า อย่าหันหลังกลับ… ”
หยางโปดูออกว่าหนึ่งในนั้นคือหลิวหมิงหยุน
สองคนที่รออยู่นอกประตูตอบสนองอย่างรวดเร็ว พวกเขาพากันวิ่งตรงมาที่ริมฟุตบาทอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองช่วยกันใช้ถุงกระสอบคลุมตัวหลิงหมิงหยุนไว้ทันที เมื่อหลิวหมิงหยุนและเพื่อนถูกใส่เข้าไปข้างใน ก็อดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนเสียงดังออกมา
“ พวกแกเป็นใคร ? พวกแกจะทำอะไร ? พวกเราเป็นเพียงแค่นักเรียนจนๆ ไม่มีอะไรให้ปล้น ! ”
“ รีบปล่อยฉันนะ พวกแกรู้ไหมว่าพ่อของฉันเป็นใคร ? รู้ไหมว่าลุงของฉันเป็นใคร ? ถ้าโดนฉันจับได้ พวกแกไม่รอดแน่ ! ”
ทั้งสองดูเหมือนจะมีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนมาก หลังจากที่พวกมันยัดคนใส่กระสอบเสร็จแล้ว ก็ดึงเชือกที่ปากกระสอบและปิดปากกระสอบทันที และทำการพันรอบทั้งสองไว้อย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้พวกเขามีทางหนีหลุดรอดไปได้ !
คนหนึ่งฉุดคนหนึ่งผลัก ผลักจนหลิวหมิงหยุน ทั้งสองคนเข้าไปในพุ่มไม้ด้านข้าง
พวกเขาใส่หน้ากากอยู่ จึงไม่เอ่ยปากพูดอะไร ลงมือเตะต่อยและกระทืบทันที !
หยางโปที่ยืนอยู่ด้านข้าง มองทั้งสองคนกระทืบคนอย่างบ้าคลั่ง เขาเหลือบมองเล็กน้อยจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หยางโปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็โทรหาตาอ้วนหลิว ปรึกษาหารือเรื่องเปิดโรงงานกำจัดขยะด้วยกัน ทางด้านตาอ้วนหลิวก็สนับสนุนเขามากเช่นกัน แต่เขากลับไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่การลงทุนสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่ปัญหาเลย
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ลู่เจียเฟยก็รีบมาเอารถ “ เมื่อคืนเป็นไงบ้าง ? ”
“ เมื่อคืนขอบคุณคุณมากจริงๆ ” หยางโปพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อลู่เจียเฟยเห็นหยางโปมีสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก็ดีใจมาก “ ดูเหมือนว่าพวกนายจะกลับมาคืนดีกันแล้ว วันนี้นายจะไปหาเธอไหม ? ”
หยางโปครุ่นคิดเล็กน้อย “ ตอนเที่ยงผมค่อยไปหาเธอเอา เดี๋ยวสักพักผมต้องออกไปทำธุระสักหน่อย ”
“ ไปไหนเหรอ ? ” ลู่เจียเฟยอยากรู้มาก
“ ผมกำลังคิดที่จะสร้างพิพิธภัณฑ์สักแห่งหนึ่ง ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ผมจะไปดูที่ไซต์งานสักหน่อย ” หยางโปกล่าว
“ นายจะสร้างพิพิธภัณฑ์เหรอ ? ” ลู่เจียเฟยตกใจมาก “ พิพิธภัณฑ์มันไม่ใช่โครงการทั้งหมดของรัฐบาลหรอกเหรอ ? นายจะสร้างมันขึ้นมาได้ยังไง ? ”
หยางโปยิ้ม “ คุณอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ ในประเทศยังมีพิพิธภัณฑ์เอกชนอยู่อีกหลายแห่ง ”
“ ฉันจะไปดูกับนายด้วย ฉันไม่เคยเห็นโครงการแบบนี้มาก่อนเลย ” ลู่เจียเฟยยิ้มและกล่าวออกมา
หยางโปพยักหน้า ” ดีเลย เดี๋ยวตามหลังรถผมมาเลย ”
หยางโปไม่ได้ไปที่ไซต์ก่อสร้างนานมากแล้ว เขารู้รายละเอียดและความคืบหน้าของสภาพโครงการจากภาพถ่ายมาโดยตลอด เมื่อเขามาถึงหน้าไซต์งาน เขาถึงได้เห็นการก่อสร้างโดยรวมทั้งหมด
สำหรับพิพิธภัณฑ์ทั้งหมดแห่งนี้ หยางโปได้มอบให้กับหลูตงซิงเป็นคนดูแล ทางด้านหลูตงซิงก็ได้เชิญนักออกแบบมาและได้เชิญผู้ประมูลเพื่อมาดำเนินการก่อสร้าง สิ่งที่หยางโปต้องจ่ายมีเพียงแค่เงินลงทุน ไม่บอกไม่ได้เลยว่า เพราะความช่วยเหลือจากหลูตงซิง จึงทำให้หยางโปหมดห่วงไปมากเลยทีเดียว
เมื่อเขามาถึงหน้างาน เขตก่อสร้างถูกปิดล้อมไว้ทุกด้าน หยางโปเดินเข้าทางประตูใหญ่
และเห็นว่าฐานของไซต์งานถูกสร้างเอาไว้แล้ว โครงสร้างอาคารถูกก่อสร้างขึ้นสูงห้าหกเมตรแล้ว
ลู่เจียเฟยจ้องมองสิ่งปลูกสร้างหลังนี้ด้วยความแปลกใจอยู่ไม่น้อย “ นายเริ่มสร้างตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ”
“ เริ่มมานานแล้ว ” หยางโปตอบ
ลู่เจียเฟยมองไปรอบๆ “ ฉันรู้สึกว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ของนายคงต้องขาดทุนแน่นอน รอบๆบริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนนิยมเข้ามา การคมนาคมขนส่งก็ไม่สะดวกสบาย เกรงว่าต่อไปในอนาคตคงจะมีคนมาเยี่ยมชมไม่มากนัก ! ”
หยางโปพยักหน้า “ ไม่เป็นไร พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังเหลือเวลาอีกสองปีถึงจะเปิดทำการ
ใกล้ๆนี้มีรถไฟใต้ดินอยู่สายหนึ่ง อยู่ใกล้ที่นี่มาก ”
“ นายรู้ได้ยังไง ? ” ลู่เจียเฟยมองหน้าหยางโป ด้วยความรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ
หยางโปส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไร
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีรถเมอร์เซเดส-เบนซ์สีดำเข้ามาจอดอยู่ข้างหลังทั้งสองคน
พอหยางโปหันกลับไปก็เห็นหลูตงซิงกำลังลงจากรถมา
“ พิพิธภัณฑ์สร้างขึ้นมาได้ ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณคุณก่อนเลยนะ ! ” หยางโปรีบเข้าไปทักทาย
หลูตงซิง เหลือบมองฐานรากของสิ่งปลูกสร้าง ” คุณมันก็ได้แต่พูดแบบนี้ โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินสักแดงเดียว ผมลงทุนลงแรงไปมากเพื่อพิพิธภัณฑ์ของคุณ คุณจะไม่แสดงน้ำใจอะไรสักหน่อยเลยจริงๆเหรอ ? ”
“ หลังจากพิพิธภัณฑ์สร้างเสร็จ คุณก็จะได้เป็นรองภัณฑารักษ์ ” หยางโปกล่าว
หลูตงซิงส่ายหน้า “ รองภัณฑารักษ์ ? ผมไม่ทำ กลับไปคุณช่วยผมซื้อของดีๆ สักสองสามอย่างก็พอแล้ว ”
“ คุณอยากได้อะไร ? ” หยางโปถาม
“ โสมคนพันปี บัวหิมะพันปี อาหารเสริมที่ยอดเยี่ยมพวกนี้ มันสามารถทำให้ผมมีอายุที่ยืนยาวได้ ! ” หลูตงซิงกล่าว
“ ผมไม่มีของพวกนี้หรอก ! ” หยางโปตอบ
” ผมมี ! ” จู่ๆหลูตงซิงก็เอ่ยขึ้นมา

ตอนที่ 923 คืนดีกัน
หยางโปรู้ดีว่าฮัวชิงหยุนกำลังหึงหวงเยว่เหยาอยู่ เธอคิดว่าไม่ว่าหยางโปไปไหนก็มักจะพาเยว่เหยาไปด้วยทุกที่ จึงรู้สึกไม่ชอบใจเอามากๆ !
แต่เมื่อต้องมาเผชิญกับปัญหานี้เข้าจริงๆ หยางโปก็สับสนไม่น้อย เขารู้ดีว่าฮัวชิงหยุน แค่ต้องการได้ยินเขาพูดว่า เยว่เหยาจะไม่มีทางกลับมาอีก แม้ว่าจะโกหกเธอ ฮัวชิงหยุนก็มีความสุขมาก ! แต่หยางโปกลับรู้สึกค่อนข้างอึดอัดใจ โดยมักจะรู้สึกเสมอว่า เขาหลอกอีกฝ่ายมาโดยตลอด
จึงทำให้เขารู้สึกลำบากใจ
ฮัวชิงหยุนหน้าถอดสีไปเล็กน้อย เธอจ้องมองหยางโปเขม็ง ” หยางโปนายคิดอะไรอยู่กันแน่ ?
นายอยากคบกับเยว่เหยาใช่ไหม ? ”
หยางโปมองไปที่ฮัวชิงหยุน จากนั้นเขาก็เหลือบไปที่ลู่เจียเฟย ” พี่เฟย ช่วยไปซื้อบุหรี่ให้ผมหน่อย ”
ลู่เจียเฟยหันมามองหยางโปด้วยความรู้สึกแปลกใจ หยางโปไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน เขาเอื้อมมือไปลูบกระเป๋า ด้านในมีบุหรี่อยู่หนึ่งซอง ในขณะที่เขากำลังจะหยิบมันออกมา แต่จู่ๆเขาก็รู้ทัน
“ ได้ ฉันจะออกไปซื้อบุหรี่ ”
เมื่อเห็นหยางโปแยกพี่ชายลูกพี่ลูกน้องออกไป ฮัวชิงหยุนก็จ้องมองหยางโปเขม็ง
“ ว่ามา สรุปแล้วนายต้องการจะพูดอะไร ? ”
หยางโปมองหน้าฮัวชิงหยุน และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงหยิบกระบี่หยกออกมาจากในอกแล้วยื่นให้ “ อันที่จริง กระบี่หยกเล่มนี้คือเหตุผลที่ หยวนเฉิงเฟยไล่ฆ่าฉัน ”
ฮัวชิงหยุนรับกระบี่หยกมาวางไว้บนฝ่ามือ กระบี่หยกเล่มนี้มีความยาวไม่เกิน 10 เซนติเมตร
มันดูใสราวน้ำแข็งและสวยงามมาก
“ ทำไม ? ” ฮัวชิงหยุนมองหน้าหยางโป
หยางโปดึงกระบี่หยกจากฝ่ามือของเธอกลับมา พลังเริ่มไหลเวียน จากนั้นพลังค่อยๆถ่ายทอดเข้าไปในกระบี่หยก เขาค่อยๆยกกระบี่หยกขึ้นและตัดตรงลงไปที่ถ้วยน้ำชากระเบื้องทันที
กระบี่หยกตัดลงตรงกลางถ้วยกระเบื้องไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาระหว่างนั้น เหมือนน้ำแข็งและหิมะที่กำลังละลาย ถ้วยชาก็ค่อยๆแบ่งครึ่งออกจากกันเป็นสองชิ้น
“ แกร๊ก ! ” เสียงดังคมชัด ถ้วยกระเบื้องร่วงหล่นลงบนโต๊ะ
ฮัวชิงหยุนถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นภาพนี้ เธอมองไปที่กระบี่หยกในมือของหยางโปตาไม่กระพริบ
ไม่ว่ายังไง ก็คาดไม่ถึงอยู่ดีว่าจะได้มาเห็นฉากแบบนี้ !
หลังจากนั้นสักพัก ฮัวชิงหยุนถึงได้เงยหน้าขึ้นและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
” นี่คือ… นี่คือสิ่งที่นายเคยพูดมาก่อนหน้านี้ พลังที่มีอยู่เหนือโลกนี้ใช่ไหม ? ”
หยางโปได้ยินอย่างชัดเจนว่าเสียงของ ฮัวชิงหยุนค่อนข้างสั่นเทา เขายื่นมือออกไปเกาะกุมมือของฮัวชิงหยุนไว้เบาๆ “ ไม่ต้องกังวลไป ไม่มีอะไร อวี่เหวิน เธอน่าจะรู้จักอวี่เหวินดี เขาเป็นผู้ฝึก
วรยุทธ์อีกทั้งยังเป็นรุ่นพี่ของฉันด้วย เริ่มแรกเขาเป็นคนพาฉันเข้าสำนักและเรียนรู้การฝึกวรยุทธ์ ”
ฮัวชิงหยุนจ้องมองหยางโปตาเขม็ง มองขึ้นและลงอย่างพินิจพิเคราะห์ ” พวกนายบินเหาะเหินเดินอากาศได้ด้วยหรือเปล่า ? ”
“ จะเป็นไปได้ยังไง ? ” หยางโปยิ้มและเอ่ยออกมา “ เธอมั่นใจได้เลย พลังแบบนี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากจนเกินไป มันจะปรากฏขึ้นเมื่อตอนใช้มันเท่านั้น ”
เมื่อเห็นหยางโปแบ่งปันความลับสุดยอดแบบนี้ให้ ฮัวชิงหยุนก็รู้สึกดีขึ้นมาก เธอหันไปถาม
หยางโปว่า ” แล้วนายเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟัง มันหมายความว่าอะไรกันแน่ ? เยว่เหยาก็เป็นคนฝึกวิทยายุทธ์ด้วยใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า “ เธอลงมาจากภูเขาเอ๋อเหม่ย อาจารย์ของเธอเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจมาก เหตุผลที่เธอลงเขามา เป็นเพราะอาจารย์ของเธอต้องการให้เธอมาฝึกฝนอยู่ในโลกมนุษย์ปุถุชน ดังนั้นเธอจึงต้องค่อยติดตามฉันในช่วงเวลานั้น คืออยากให้ฉันช่วยสอนเธอ ”
ฮัวชิงหยุนมองหน้าเขา ” ถ้าเธอเป็นผู้ฝึกพลังเหมือนกัน พวกนายก็จะยิ่งเป็นคู่ที่เหมาะสมกันกว่านี้อีกไม่ใช่หรือไง ? ”
หยางโปส่ายหัว “ สำหรับฉันแล้ว ฉันเป็นผู้ฝึกพลังอยู่แล้ว ฉันมีความสามารถที่จะปกป้องเธอได้ พวกเราถึงจะเหมาะสมกัน ”
ฮัวชิงหยุนมีสีหน้าแอบดีใจ แต่กลับไม่ได้พูดอะไร แต่ยังไงซะหยางโปก็เห็นได้ชัดว่าเธออารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว
“ ฉันอยู่ปีสามแล้ว ฉันสามารถยื่นขอออกไปฝึกงานได้ ไม่ว่านายจะไปที่ไหน ฉันก็จะตามนายไปทุกที่ ! ” ฮัวชิงหยุนกล่าว
หยางโปรู้สึกตกใจปนดีใจ “ จริงเหรอ ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ ? ”
“ หรือว่านายอยากให้ฉันเปลี่ยนใจ ? ” ฮวาชิงหยุนเบะปากทำหน้าบึ้งกลับ
หยางโปอดหัวเราะไม่ได้ “ ถ้าเธอไม่เปลี่ยนใจ งั้นก็ไม่เปลี่ยนใจ ”
ไม่นาน ลู่เจียเฟยก็กลับมาพร้อมกับบุหรี่ซองหนึ่ง เมื่อเห็นหยางโปทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุข
ก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ เขาจึงหันไปแอบยกนิ้วโป้งให้หยางโป
ดึกหน่อย ลู่เจียเฟยก็มีสายโทรเข้า และหันไปพูดกับทั้งสองคนว่า “ มีงานเลี้ยงสังสรรค์ นัดเจอกับกลุ่มเพื่อนน่ะ คืนนี้ต้องดื่มเหล้าแน่นอน ถ้าอย่างนั้นฉันไม่เอารถไปแล้วนะ ทิ้งรถไว้ให้พวกนายก็แล้วกัน ”
หยางโปรับกุญแจมาและหันไปยิ้มให้ลู่เจียเฟย “ ตอนกลางคืนระวังตัวหน่อย ”
หยางโปขับรถพาฮัวชิงหยุนไปทานอาหารเย็นใต้แสงเทียน จากนั้นจึงพาเธอไปเดินเล่นรอบๆสวนสาธารณะใกล้ๆ
“ ฉันต้องกลับแล้ว ดึกมากแล้ว มหาลัยจะปิดประตูแล้ว ” ดูเหมือนฮัวชิงหยุนจะรู้ตัวว่าค่อนข้างดึกแล้ว จึงรีบเอ่ยออกมา
“ ไม่เป็นไร เธอไปนอนกับฉันที่โรงแรมก็ได้ ” หยางโปพูด
ฮัวชิงหยุนจ้องหน้าหยางโป “ นายมีอพาร์ทเม้นท์อยู่ไม่ใช่เหรอ ? มีบ้านและวิลล่าอยู่ ทำไมต้องพักที่โรงแรมด้วย ? ”
หยางโปหัวเราะ “ โรงแรมสะดวกกว่า ! ”
“ พักโรงแรมมันสิ้นเปลืองเงินทองน่ะสิ ! ” ฮัวชิงหยุนกล่าว
“ ตกลง งั้นคืนนี้ฉันจะย้ายกลับไปพัก ” หยางโปตอบ อันที่จริงแล้ว เขายังไม่ได้จองโรงแรมเลย อพาร์ทเม้นท์ของเขาทำความสะอาดเป็นประจำ ดังนั้น ถ้าย้ายกลับไป ก็สามารถอยู่ได้เลย
หยางโปขับรถมาส่งฮัวชิงหยุนนอกประตูมหาลัย จากนั้นเขาก็จอดรถไว้ข้างนอกแล้วไปส่ง
ฮัวชิงหยุนถึงชั้นล่างของหอพัก ฮัวชิงหยุนชี้ไปทางด้านหลัง “ เฮ้ มีผู้หญิงสวยๆ อยู่ตรงนั้น ! ”
หยางโปมองไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว และทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่าถูกจูบเข้าที่แก้มครั้งหนึ่ง
อย่างนุ่มนวล เขาหันกลับไปมองฮัวชิงหยุน
ใบหน้าของฮัวชิงหยุนแดงก่ำ เธอทำตาโตจ้องมองหยางโปและพูดอย่างเสียงดุไปว่า “ หากครั้งหน้ายังมีปฏิกิริยาแบบนี้อีก งั้นก็ไม่ใช่จูบแก้มแล้วนะ ฉันจะให้รางวัลนายด้วยการตบหน้าทีหนึ่ง ! ”
หยางโปหัวเราะ “ ใครให้เธอโกหกฉันแบบนี้ ผู้คนก็มักจะหันหน้ามองตามสิ่งที่คนอื่นพูดโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าจะไม่หันหน้าไป นั่นก็ต้องบังคับตัวเองไม่ให้หันไป วิธีนี้ไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เอาซะเลย ! ”
ฮัวชิงหยุนส่ายหน้า “ ฉันไม่สน ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องถูกลงโทษ ! ”
พอพูดจบ ฮัวชิงหยุนก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก กระโดดโลดเต้นกลับไปทันที
หยางโปเหลือบมองหอพักแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป
มหาลัยแห่งนี้มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ต้นไม้โอเรียนเต็ลทั้งสองข้างทางนั้นต้นหนาเท่าผู้ใหญ่คนหนึ่งที่สามารถโอบรอบได้ หยางโปเดินไปตามถนน เหลือบมองดูแสงไฟริบรี่ของตึกหอพักที่อยู่ไกลออกไป อดรู้สึกทอดถอดใจไม่ได้ เวลานั้นถ้าเขาเข้าเรียนมหาลัย มันจะเป็นยังไงนะ ?
ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น ทันใดนั้น หยางโปก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าในความมืด จู่ๆก็มีคนสองคนวิ่งออกมาและพุ่งตรงเข้ามาหาเขาทันที ! หนึ่งในนั้นยังถือกระสอบอยู่ในมืออีกด้วย !
ลักพาตัว !
นี่เป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของหยางโป แต่เขาก็ปฏิเสธออกไปอย่างรวดเร็ว การลักพาตัวในโรงเรียน ไม่มีทางที่จะพาเขาออกไปได้อยู่แล้ว อีกทั้งยังถือกระสอบซึ่งเห็นได้ชัดว่าอยากจะกระทืบเขาแน่นอน !
ในไม่ช้า ทั้งสองคนก็พุ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าเขา คนที่มือทั้งสองข้างว่างเปล่าอยู่นั้น วิ่งตรงเข้าหา
หยางโป แต่กลับถูกหยางโปเตะออกไป
อีกคนถือกระสอบคิดที่จะเอาคลุมหัวหยางโปไว้ แต่หยางโปกลับเอียงตัวหลบไปด้านข้างเล็กน้อย และเตะไปอย่างแรง จนเตะเข้าเอวของฝ่ายตรงข้ามทีหนึ่ง ทำเอาอีกฝ่ายหน้าถึงกับหงายลงกับพื้น !

ตอนที่ 922 คนขี้หึง
ลู่เจียเฟยจ้องมองไปทางฮัวชิงหยุน เมื่อเห็นว่าเธอกับเขาคนนั้นยังคงรักษาระยะห่างกันอยู่
ถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ” ฉันว่าแล้วไหมล่ะ ชิงหยุนจะต้องวางตัวเป็นอยู่แล้ว ”
หยางโปเดินตรงเข้าไป ลู่เจียเฟยจึงพูดเตือนสติว่า ” นายต้องใจเย็นๆนะ ! ”
เมื่อเดินเข้ามาได้ไม่ไกลจากฮัวชิงหยุน หยางโปก็หยุดอยู่ตรงหน้า
ฮัวชิงหยุนดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง เธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นหยางโปยืนอยู่ตรงหน้า
ก็อดที่จะหยุดก้าวเท้าไม่ได้
ผู้ชายที่ยืนอยู่กับฮัวชิงหยุนให้ความสนใจกับปฏิกิริยาของฮัวชิงหยุนมาตลอด เมื่อเห็นเธอหยุดเดิน ก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง แต่เมื่อเห็นหยางโป หน้าตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
จนต้องก้าวเท้าถอยหลังกลับไปสองก้าวและชนเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ด้านหลัง
ทุกคนไม่รู้ว่าทำไมฮัวชิงหยุนและหลิวหมิงหยุน ถึงได้มีปฏิกิริยาแบบนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะมองตามเธอ เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้า ทุกคนต่างก็รู้สึกมึนงง
“ ชิงหยุน เขาเป็นใครเหรอ ? ทำไมหลิวหมิงหยุนถึงได้ตกใจกลัวแบบนี้ ? ”
เมื่อหลิวหมิงหยุนได้ยินคำนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเองที่อ่อนไหวเกินไป บทเรียนครั้งก่อน ทำให้เขาลืมไม่ลง แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจู่ๆหยางโปก็จะมาปรากฏตัว
ฮัวชิงหยุนจ้องมองหยางโปตาไม่กระพริบ ด้วยสีหน้าท่าทีที่ค่อนข้างสับสน ” ฉันไม่รู้จักเขา ”
หยางโปเดินเข้าไป จากนั้นเขาก็หันไปส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมชั้นของฮัวชิงหยุน ” ขอโทษด้วยนะ
ช่วงนี้ชิงหยุนอารมณ์ไม่ค่อยดี ผมขอคุยกับเธอหน่อย ”
“ ฉันไม่รู้จักคุณ ” ฮวาชิงหยุนเหลือบมองหยางโปแล้วเอ่ยปากพูด
“ ชิงหยุน เรามาคุยกันสักหน่อยนะ ” หยางโปกล่าว
“ คุณเป็นใครเหรอ ในเมื่อชิงหยุนบอกแล้วว่าไม่รู้จักคุณ ทำไมยังหน้าด้านแบบนี้อยู่ ! ” เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างฮัวชิงหยุนพูดออกมาอย่างหมดความอดทน
หยางโปไม่โกรธเพราะเหตุผลนี้ เขายิ้ม “ ชิงหยุน เราไปคุยกันหน่อยได้ไหม ? ”
ฮัวชิงหยุนไม่ได้พูดอะไร
เพื่อนร่วมชั้นชายสองคนยืนขึ้น พวกเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าฮัวชิงหยุน เพื่อขวางหยางโปเอาไว้ จากนั้นก็มีรอยยิ้มเยาะเย้ยผุดขึ้นบนใบหน้าของชายคนหนึ่ง ” พี่ชาย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ
คุณกลับไปก่อนดีกว่านะ ! ”
หยางโปจ้องมองไปที่ฮัวชิงหยุน ” ชิงหยุน เธอไม่ยอมที่จะให้โอกาสฉันอีกสักครั้งจริงๆเหรอ ? ”
ฮัวชิงหยุนยังคงเงียบ เธอหลบอยู่กลางกลุ่ม ดวงตาแดงก่ำไม่พูดไม่จา
ลู่เจียเฟยที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกมือไม้อ่อนไปหมด เขาอยากจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือ
แต่กลับรู้สึกว่าถึงตังเองช่วยไปมันก็คงไม่ได้ผล ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกว่าการกระทำเมื่อสักครู่เป็นการทรยศต่อน้องสาวลูกพี่ลูกน้อง จึงรู้สึกละอายใจเพราะเหตุนี้
แต่ยังไงซะ เขาก็เปลี่ยนใจและคิดว่าที่ตัวเองทำแบบนี้ ก็เพื่อคำนึงถึงความสุขทั้งชีวิตของน้องสาวลูกพี่ลูกน้อง จะดีกว่าไหมถ้าเขาหาคนที่ดีที่สามารถพึ่งพิงได้ให้น้องสาวสักคน เมื่อคิดได้อย่างนี้เขาก็รู้สึกโล่งใจ
ลู่เจียเฟยก้าวไปด้านหน้า และเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฮัวชิงหยุน ” ฉันเป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเธอ อยากคุยกับเธอสักหน่อยน่ะ ”
หลิวหมิงหยุนไม่กล้าต่อว่าหยางโป แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับลู่เจียเฟย เขาก็ไม่สนใจอะไรมากมาย ” คุณเป็นใคร ? โผล่มาจากไหนอีก ? ”
ลู่เจียเฟยหน้าหงายไปทันที จากนั้นก็คว้าตัวฮัวชิงหยุนเอาไว้ ” ฉันขอคุยกับเธอหน่อย ”
“ คุณปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ ! ” หลิวหมิงหยุนตะคอกด้วยความโกรธ
ฮัวชิงหยุนเหลือบมองไปที่หลิวหมิงหยุน ” เขาเป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง ”
พอพูดจบฮัวชิงหยุนก็เดินออกจากกลุ่มเพื่อนและเดินออกไปพร้อมกับลู่เจียเฟยทันที
หลิวหมิงหยุนหน้าถอดสี เขาฉวยโอกาสในขณะที่ฮัวชิงหยุนอารมณ์ไม่ดี เชิญผู้หญิงทั้งหอพักของ
ฮัวชิงหยุนมาฉลองวันเกิด และถึงกับเลือกเวลาเป็นช่วงพักเที่ยงเป็นการเฉพาะ ก็เพื่อเชิญ
ฮัวชิงหยุนออกมาร่วมงาน แต่ตอนนี้ฮัวชิงหยุนกลับออกไปแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าหยางโปจะมาในเวลานี้ !
หลิวหมิงหยุนต้องการที่จะระบายอารมณ์ เขาชายตามองไปที่หยางโป แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่กึ่งยิ้มกึ่งเฉยชาของเขา เขาก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ ตกตะลึงอยู่ตรงสถานที่เกิดเหตุทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่เพื่อนร่วมชั้นของหลิวหมิงหยุนเห็นเขามีปฏิกิริยาแบบนี้ เมื่อเห็นฮัวชิงหยุนเดินตามคนอื่นไป ทุกคนตามก็พากันพูดโน้มน้าวเขา ” รีบตามไปเร็วเข้า ! ประธานหลิว คุณรีบตามไปสิ ! ”
หลิวหมิงหยุนส่ายหน้า เหม่อลอยด้วยความตกตะลึงแข็งทื่อราวกับไม้สลักรูปไก่โดยไม่พูดอะไร
ฮัวชิงหยุนและลู่เจียเฟยเดินหลบออกมาอีกด้าน ” พูดมาสินายต้องการอะไรกันแน่ ? “ไอรีนโนเวล
ลู่เจียเฟยชี้ไปทางหยางโปและพูดอย่างนักเลงโตว่า “ เขาอยากคุณกับเธอ ”
ฮัวชิงหยุนหันไปมองหน้าหยางโป ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยอาการดูถูก “ นายมาหาฉันทำไม ?
นายไม่สนใจฉันแล้วไม่ใช่หรือไง ? ”
หยางโปจ้องมองฮัวชิงหยุน ” เธอผอมลงไปมากเลยนะ ”
ฮัวชิงหยุนไม่ได้ตอบอะไร
ลู่เจียเฟยที่ยืนข้างๆมองดูทั้งสองคน เมื่อเห็นว่าทั้งสองต่างไม่พูดไม่จา เขาก็รู้สึกค่อนข้างจะทนไม่ไหว แต่กลับไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
ฮัวชิงหยุนส่ายหน้า ” ฉันจะผอมหรือไม่ผอม เกี่ยวกับอะไรกับนาย ? ”
หยางโปจ้องหน้าฮัวชิงหยุนตาเขม็ง ” อันที่จริงเรื่องก่อนหน้านี้มันเป็นปัญหาของฉันเอง
เธอจะเรียนจบเมื่อไหร่ ? ”
“ นายจะถามฉันไปทำไม ? ” ฮัวชิงหยุน ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ ช่วงนี้ฉันต้องไปรอบโลก ฉันคิดว่ามีหลายที่ที่พวกเราสามารถไปด้วยกันได้ ” หยางโปกล่าว
ฮัวชิงหยุนมองหน้าหยางโปนิ่ง ” ไม่พาเยว่เหยาของนายไปด้วยแล้วเหรอ ? ”
“ เยว่เหยาเธอกลับไปแล้ว ” หยางโปตอบ “ เธอชอบเธอมากไม่ใช่เหรอ ? ”
“ ใครชอบเธอกัน ? ไม่ใช่นายเหรอที่ชอบเธอ ! ” ฮัวชิงหยุนเอ่ยออกมา “ ฉันรู้สึกว่านายนั่นแหละที่ชอบเธอจริงๆ หรือว่าเธอไม่คบกับนายแล้ว นายเลยเหงาใช่ไหม ? ถึงได้กลับมาหาฉัน ? ”
“ ไม่ใช่ ” หยางโบส่ายหัว “ เราหาที่สักที่ เดี๋ยวฉันจะเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ช่วงนี้ให้เธอฟังเองดีไหม ? ”
“ ฉันไม่อยากฟัง ฉันไม่สนใจ ! ” ฮัวชิงหยุนตอบกลับ
ถึงแม้จะพูดอย่างนั้น แต่เธอก็ยังเดินออกไปและหันไปพูดกับเพื่อนร่วมชั้นของเธอ ” ฉันมีธุระสักหน่อยนะ ขอตัวออกไปก่อนนะ ทุกคนรีบกลับไปเถอะ ไม่ต้องรอฉันแล้ว ”
หลิวหมิงหยุนมองตามหลังของฮัวชิงหยุนที่เดินจากไป ใจก็อยากจะไล่ตามไปแต่กลับไม่กล้า
เขาจึงต้องมองฮัวชิงหยุนเดินจากไปตาปริบๆแบบนี้
“ ประธานหลิว คุณเป็นอะไร ? ถ้าเจอกับคู่แข่ง ต้องกล้าต่อสู้กับเขา คุณมั่นใจได้เลย พวกเราทุกคนจะอยู่ข้างคุณเอง ! ”
“ ประธานหลิวสู้ๆ ฉันคิดว่า ฉันยังมองว่าคุณมีดีอยู่ ชิงหยุนหน้าตาดีขนาดนี้ จะไปชอบผู้ชายธรรมดาๆแบบนั้นได้ยังไง ? ”
“ ฉันคิดว่าเขาไม่ได้เป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไป พวกเธอไม่ได้สังเกตเห็นเหรอ คนเมื่อสักครู่
ดูเหมือนจะเป็นคนที่สื่อกำลังรายงานข่าวอยู่ ที่ปกป้องสมบัติของชาติไว้บนเครื่องบินเมื่อเร็วๆนี้ ”
“ พอนายพูดแบบนี้ ก็ดูเหมือนมากจริงๆ ! ”
“ เป็นเขา ดูเหมือนว่าฉันจะจำได้ว่าคนๆนั้นเป็นคนจินหลิง ! ”
……
หยางโปทั้งสามคน มองหาร้านน้ำชาแห่งหนึ่งและเข้าไปนั่งอีกครั้ง
หยางโปดื่มชาและอธิบายเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทีละเรื่องให้ฟังอย่างรอบคอบ เมื่อได้ยินว่าอวี่เหวินได้รับบาดเจ็บ ผมและเคราเปลี่ยนเป็นสีขาว ฮัวชิงหยุนก็ตกใจมาก แม้ว่าเธอจะไม่เคยพบกันมาก่อน แต่เธอก็รู้ว่าอวี่เหวินเป็นเหมือนเซียน
เมื่อได้ยินว่าหยางไปถึงประเทศญี่ปุ่นและได้เข้าไปในบ้านประธานของสมาคมอินากาวะ
ฮัวชิงหยุนถึงกับมีเหงื่อเย็นๆผุดออกมาแทนเขาเลย และยังได้ยินอีกว่าเขาได้พบกับที่ซ่องสุมของพระโรคจิต เธอก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตื่นตกใจออกมา
สุดท้าย เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ล่าสุด และเมื่อเอ่ยถึงว่าได้ต่อสู้กับคนร้ายอย่างกล้าหาญบนเครื่องบิน ฮัวชิงหยุนก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตกใจไม่หยุด
เล่ามาจนท้องฟ้าเริ่มมืด หยางโปถึงจะเล่าจบ ลู่เจียเฟยมองดูหยางโปและกล่าวว่า
“ ประสบการณ์ของนายเยอะมากจริงๆ ”
ทางด้านฮัวชิงหยุนก็ชายตามองไปที่หยางโป ” เยว่เหยาจะยังกลับมาไหม ? ”

ตอนที่ 921 งานเลี้ยงวันเกิด

ลู่เจียเฟยทําหน้ามุ่ย “ นายคงไม่คิดให้ฉันนั่งรถสามล้อแล้วเดินไปตามถนนและตรอกซอกซอยเพื่อเก็บขยะทุกวันหรอกใช่ไหม ? เมื่อครั้งปฏิรูปและเปิดประเทศมีคนจํานวนไม่น้อยที่อาศัยเก็บขยะเลี้ยงชีพ และเก็บของโบราณวัตถุได้มากมาย ถึงกับทําเงินได้จํานวนมากแต่ตอนนี้จะมีของโบราณวัตถุหลงเหลืออยู่ที่ไหนอีกกันล่ะ”

หยางโปอดหัวเราะไม่ได้ “ ผมไม่ได้บอกว่าเราต้องการทําแบบนั้นซะหน่อย ! ”

“ แล้วนายหมายความว่ายังไง ? ” สู่เจียเฟยหันหน้ากลับมามอง

“ ความหมายของผมคือ เราจะเปลี่ยนขยะให้เป็นเงิน ที่สําคัญคือเราจะรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นก็แยกโลหะที่มีค่าออกมาจากขยะอิเล็กทรอนิกส์อีกที ” หยางโปอธิบายให้ฟัง

ลู่เจียเฟยย่นคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ นี่มันมันยากไปหน่อยมั้ง ? นายรู้ไหมฉันไม่ได้เป็นสถาบันวิจัยอะไรพวกนั้นไม่เข้าใจเรื่องราวพวกนี้หรอก”

หยางโปยิ้มและตอบกลับไปว่า ” ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์รู้วิธีสร้างบ้านหมดไหม ? 4

คู่เจียเฟยนิ่งอึ้งไปทันที “ ในเมื่อนายพูดแบบนี้แล้ว แน่นอนว่าต้องมีเบาะแสมาแล้วใช่ไหม ?

หยางโปพยักหน้า ” ถ้าคุณอยากทําธุรกิจนี้จริงๆ ผมสามารถจัดการให้คุณไปเยี่ยมชมและเรียนรู้ได้ จากนั้นพวกเราก็นําเข้าสายการผลิตมาจากต่างประเทศ”

ลู่เจียเฟยมีอาการลังเลเล็กน้อย “ มันจะทําเงินได้สักเท่าไหร่กัน ?”

“ โรงงานเล็กๆ ยังสามารถทําเงินได้หลายล้านต่อปี โรงงานของเราจะใหญ่กว่ามาก ตอนนี้มีบริษัทแบบนี้อยู่ในประเทศไม่เกินสิบแห่งคุณคิดว่าไง ? ” หยางโปหันไปถาม

“ ตกลง งั้นก็ทํา !” สู่เจียเฟยพูดพร้อมกับพยักหน้า

ลู่เจียเฟยให้ข้อมูลติดต่อตาอ้วนหลิวแก่เขาและอธิบายไปว่า”อีกไม่กี่วันคุณติดต่อคนคนนี้ไป แล้วให้เขาพาคุณไปเรียนรู้ต่อไปพวกเราสามคนจะร่วมหุ้นกันในโครงการนี้ ถ้าในอนาคตทําเงินได้มากพวกเราก็ค่อยเปิดโรงงานใหม่อีก !”

* ตกลง ! ” คู่เจียเฟยดีใจมากเมื่อวานหยางโปโทรหาเขาวันนี้ก็มาบอกไอเดียกับเขาแล้ว

ทั้งสองสั่งอาหารมากินแต่ไม่ดื่ม พลางกินกันไปพลางพูดคุยกันไป

หยางโปหันมองหน้าคู่เจียเฟย “ ช่วงนี้ชิงหยุนสบายดีไหม ?”

“ เธอเหรอ ” ลู่เจียเฟยเหลือบมองไปที่หยางโป“พวกนายทะเลาะกันใช่ไหม ? จากนั้นก็เลยไม่ได้ติดต่อกันสินะ ?”

หยางโปพยักหน้า “ หลังจากทะเลาะกันผมก็ยุ่งมากตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย”

“ ชิงหยุนเธอเสียใจมากๆ เมื่อเร็วๆนี้ครอบครัวกําลังคิดที่จะแนะนําให้เธอไปดูตัว”ลู่เจียเฟยกล่าว

หยางโปใจตกไปอยู่ตาตุ่ม “ นัดดูตัวเหรอ ? ตอนนี้เธอยังเรียนไม่จบมหาลัยเลย ทําไมถึงต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วยล่ะ ?”

“ เธอทนทุกข์ทรมานทุกวันแบบนั้น จมปลักอยู่แต่จุดเดิมๆต้องให้รอนายอยู่หรือไง ! ” คู่เจียเฟย

มองหน้าหยางโปและพูดอย่างเยาะเย้ย หลังจากนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง หยางโปก็ถามขึ้นว่า ”ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ?”

* อยู่ที่มหาลัย ” สู่เจียเฟยตอบ

หยางโปรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย “ ผมกินอิ่มแล้ว ตอนนี้พวกเราไปดูเธอที่มหาลัยดีกว่า !”

คู่เจียเฟยส่ายหน้า เขามองหน้าหยางโปราวกับว่าจงใจจะถ่วงเวลาเขา ” ฉันยังกินไม่เสร็จ

รอฉันอีกสักพักเดี่ยวก็อิ่มแล้ว ”

“ คุณเร็วหน่อยสิ ” หยางโปพูดทักท้วง ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่เขาก็เร่งไม่ได้ ผลที่ตามมา

คู่เจียเฟยกลับกินช้าๆเนิบๆ ดูเหมือนจะกินอย่างตะกละตะกลาม แต่กลับกินช้ายิ่งไปกว่าเดิมอีก

ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นหยางโปมีท่าทางดูกังวลมาก อู่เจียเฟยถึงได้กินอิ่ม เช็ดปากแล้วพูดว่า

“ ไป พวกเราไปกันเถอะ ! ”

เมื่อขึ้นรถของลู่เจียเฟยแล้ว ก็มุ่งหน้าขับตรงไปที่มหาลัยของฮัวชิงหยุนเลยทันที ลู่เจียเฟยนงอยู่บนเบาะคนขับ ตาก็เหลือบมองดูหยางโปไปด้วย “ ธุรกิจก็ส่วนธุรกิจนะ แต่เรื่องของชิงหยุนเราก็ต้องมาพูดคุยกันให้ชัดเจนและตรงไปตรงมา ”

หยางโปรีบพยักหน้า “ คุณว่ามาได้เลย”

ลู่เจียเฟยจึงเอ่ยปากพูด” นายก็รู้สภาพครอบครัวของชิงหยุนดี รู้ดีว่าเธออ่อนไหวและเปราะบางมากกว่าผู้หญิงทั่วไป เธอสวย แต่เธอก็ภาคภูมิใจในสิ่งนี้เสมอมา เธออ่อนโยนและใจดีกับคนอื่นฉันหวังว่านายจะสามารถรักและทนุถนอมเธอ ปกป้องเธอ และอย่าทําร้ายเธอก็พอแล้ว !”

หยางโปพยักหน้า “ ผมไม่มีทางทําร้ายเธอ ”

ในขณะที่พูดกันอยู่นั้น จู่ๆ หยางโปก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เพราะว่าตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ผู้หญิงดีๆ อย่างฮัวชิงหยุนเขาก็ไม่ได้ชอบ แต่ถ้าเขาต้องแต่งงานขึ้นมาอย่างกระชั้นชิดจริงๆ

เขาก็รู้สึกค่อนข้างลังเล ดูเหมือนจะปล่อยวางไม่ได้

อะไรที่กันที่เขาปล่อยวางไม่ได้ ?

ตัวของหยางโปเองก็พูดไม่ชัด เพราะมักจะรู้สึกเสมอว่ายังไม่ถึงเวลา แต่ยังไงซะ มันก็ยากที่จะพูดคําพูดแบบนี้ออกมาในเวลานี้ นอกจากนี้ ต่อให้เขาจะขอแต่งงานไปตามตรงแต่หญิงสาวจะยอมตอบตกลงไหม ?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หยางโปก็ตระหนักได้ทันทีว่าเงื่อนไขที่ชายชราเสนอมาว่ามีช่องโหว่ใหญ่หนงอยู่ถ้าหญิงสาวไม่ตอบตกลง การแต่งงานก็จะไม่เกิดขึ้น ?

ไม่นานรถก็มาจอดอยู่นอกประตูมหาวิทยาลัย

หยางโปกดโทรออกหมายเลขของฮัวชิงหยุน “ ขออภัยค่ะ ขณะนี้หมายเลขที่คุณเรียก กําลังติดสายอยู่ ”

หยางโปนั่งอยู่ในรถยกโทรศัพท์หันไปทางลู่เจียเฟย ” เธอติดสายอยู่ เดี๋ยวผมค่อยโทรหาอีกครั้ง”

“ นายส่งข้อความไปหาเธอสิ ถ้าเธอเรียนอยู่และเปิดโหมดห้ามรบกวนละ นายจะไม่รอเสียเปล่าเหรอ ? ” สู่เจียเฟยเตือน

หยางโปพยักหน้าและส่งข้อความถึงฮัวชิงหยุน

หลังจากรอนานกว่าสิบนาที ฮัวชิงหยุนก็ยังไม่ตอบข้อความใดๆกลับมา หยางโปจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก

“ ขออภัยค่ะ ขณะนี้หมายเลขที่คุณเรียก กําลังติดสายอยู่”

เมื่อได้ยินเสียงเสียงคอลเซ็นเตอร์นี้ตอบกลับ หยางโปก็ถึงกับอึ้งไปเลย เขาถือโทรศัพท์และพูดออกมาว่า ” เธอบล็อกผมไปแล้ว !”

ลู่เจียเฟยชายตามองหยางโป “ สมน้ําหน้านายแล้ว ! “

* ช่วยโทรหาเธอให้ผมหน่อย ” หยางโปขอร้อง

คู่เจียเฟยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรออก

“ ซิงหยุน ฉันลู่เจียเฟยนะ ” ลู่เจียเฟยโทรติดอย่างรวดเร็ว

“ เธออยู่ที่มหาลัยไหม ?”

“ ไม่อยู่เหรอ ถ้างั้นตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ?”

“ อะไรนะ ? งานวันเกิดเพื่อนร่วมชั้น พวกเขาชวนพวกเธอไปกินข้าวเที่ยงด้วย ตอนนี้เธออยู่ที่โรงแรมข้างนอก ? โรงแรมไหน ?”

“ ฉันเหรอ ไม่ได้มีเรื่องอะไร แค่มาหาเธอมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ ไม่ได้มีเรื่องใหญ่โตอะไร งั้นฉันจะไปหาเธอนะเอ้อ ฉันจะไปหาตอนนี้เลยนะ “

คู่เจียเฟยถามที่อยู่ของเธออย่างชัดเจน และหันไปมองหยางโป “ เธออยู่ที่โรงแรมจินหลิงฉันโทรหาให้ครั้งหนึ่ง ส่วนแบ่งหุ้น 5% นะ”

“ โอเค แล้วแต่คุณ ” หยางโปตอบอย่างเฉยเมย

โรงแรมจินหลิงเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่มีชื่อเสียงมากในจินหลิง ราคาไม่ถูกเลย

หยางโปมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

หลังจากผ่านไป 20 นาที รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม ลู่เจียเฟยยื่นกุญแจให้คนเฝ้าประตู

และพาหยางโปเดินเข้าไป พลางพูดว่า “ ฉันเดานะ ต้องเป็นวันเกิดของเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงแน่นอนชิงหยุนมีนิสัยค่อนข้างเย็นชาคงจะไม่เต็มใจมาร่วมงานวันเกิดของเพื่อนร่วมชั้นผู้ชาย แน่ๆ ”

“ เป็นของเพื่อนร่วมชั้นชาย ” หยางโปกล่าว

“ เป็นไปได้ไง ? ฉันเป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเธอมากว่า 20 ปีแล้ว นายเพิ่งรู้จักเธอได้แค่ปีเดียวนายจะรู้จักเธอดีแล้วว่างั้น หรือฉันรู้จักดีกว่า ?” อู่เจียเฟยรู้สึกไม่ค่อยพอใจขึ้นมาเล็กน้อย

หยางโปหยุดเดิน ” ผมเห็นแล้ว ”

คู่เจียเฟยตกใจชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหันไปมองด้านข้าง อย่างที่คาดคิดไว้จริงๆเขา เห็นนักเรียนเดินกลุ่มหนึ่งเข้ามา คนที่เดินนําเป็นเพื่อนร่วมชั้นชาย ดูออกเลยว่าเขาเพิ่งจะสระผมมาทุกคนต่างก็เดินกรูเข้าไปหาเขา แต่ข้างกายเขามีฮัวชิงหยุนยืนอยู่

ตอนที่ 920 เก็บขยะ

หยางโปกําลังจะไปที่จินหลิง และกําลังสับสนอยู่กับความคิดนี้หลังจากรับภารกิจของชายชรามาหยางโปก็รู้สึกสับสนเขาถึงกับคิดที่จะขัดขืนคําสั่งของชายชราอีกด้วย

แต่หลังจากคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วหยางโปก็ต้องยอมแพ้ความคิดของชายชราจริงๆแล้วมันก็ค่อนข้างยากที่จะยอมรับได้แต่เขาก็ทําเพื่อสายเลือดและทายาทของตระกูลชุย บางที่อาจไม่จําเป็นต้องแต่งงานในวันนั้นแต่อย่างน้อยก็ต้องพยายามทําให้คนชราเห็นถึงความมุมานะอุตสาหะและทําให้ชายชรามีทางลงในเวลานั้น !

ถ้าแบบนี้ หยางโปจําเป็นต้องคิดทบทวนให้รอบคอบซะแล้ว อู่อีที่เพิ่งแยกจากเขาไป

จะต้องถูกคัดออก ถ้าเขาบอกปูว่าเขาจะแต่งงานกับผู้หญิงญี่ปุ่นคนหนึ่ง และยังเป็นว่าที่ประธานของสมาคมอินากาวะอีกด้วย เกรงว่าคุณปูจะต้องตีขาเขาหักแน่ๆ

สําหรับเยาจขึ้นเหยาแล้ว เธอยังเด็กเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่ครั้งก่อนที่โทรคุยกัน

พวกเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย อยากจะติดต่อหาก็ติดต่อไม่ได้

สําหรับถั่วชิง อันที่จริงก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเธอมีรูปร่างหน้าตาดีและยังสามารถช่วยจัดการธุรกิจได้ตลอด ทั้งสองถือว่าเข้ากันได้ดีแต่ก็มีความสัมพันธ์แบบเจ้านายและลูกน้องเสมอมาดังนั้นหยางโปจึงไม่ได้คิดอะไรมาก

ฮัวชิงหยุน เป็นคนที่ชายชราจัดหามาให้ และที่สําคัญชายชราก็พึงพอใจกับเธอมาก

หยางโปคิดอยู่ครู่หนึ่ง มีเพียงตัวเลือกคนนี้เท่านั้นที่ดูจะค่อนข้างเหมาะสมหน่อย

หยางโปครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็เหลือบมองดูเวลา หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรหาลู่เจียเฟย

ดึกมากแล้ว ตอนที่ลู่เจียเฟยรับสาย ทางนั้นมีเสียงดังรบกวน จนหยางโปพอที่จะได้ยินเสียงเพลงแผ่วเบาดังเข้าสายมา

“ สะดวกคุยไหม ? ” หยางโปถาม

ลู่เจียเฟยดูดื่มจนเมาแล้วเล็กน้อย “ สะดวก สะดวก ! “

4 ช่วงนี้ธุรกิจเป็นยังไงบ้าง ? ” หยางโปเอ่ยปากทักทาย

ลู่เจียเฟยหัวเราะและตอบไปว่า “ ช่วงนี้ธุรกิจดีมาก ครั้งก่อนที่นายช่วยฉันแนะนําช่อง ทางธุรกิจทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอนนี้มียอดขายดีเอามากๆช่วงนี้ฉันทําเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียวเลยออกมาพักผ่อนสักหน่อยนะ !”

หยางโปยิ้ม “ หาเงินได้เป็นเรื่องที่ดี พรุ่งนี้ผมจะไปจินหลิง ถ้าคุณพอมีเวลา เรามาปรึกษาหารือกันเรื่องร่วมหุ้นทําธุรกิจหน่อยได้ไหม !”

* จริงเหรอ ? พวกเรามาร่วมหุ้นทําธุรกิจประเภทไหนกันดีล่ะ ? ทําธุรกิจอะไรดี ? ” เมื่อลู่เจียเฟยได้ยินว่าหาเงิน ก็หายเมาไปครึ่งหนึ่งแล้ว

หยางโปคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาอย่างลังเลว่า “ ในเมื่อเป็นการหาเงิน มันจะดีกว่าที่จะหาวิธีที่ง่ายและสะดวกสักอย่างเอาแบบนี้ก็แล้วกันพรุ่งนี้รอเราเจอกันแล้วค่อยคุยกันอีกที ”

คู่เจียเฟยค่อนข้างใจร้อน แต่หยางโปไม่ยอมคุยด้วย เขาจึงพูดอะไรมากไม่ได้ จึงได้แต่ตอบกลับไปว่า ” อึมงั้นเจอกันพรุ่งนี้ !”

เมื่อวางสายแล้ว หยางโปก็นั่งอยู่บนโซฟาดูลังเลอยู่ไม่น้อย เมื่อสักครู่เขาแค่พูดไปลอยๆเท่านั้นไหนเลยจะคิดว่าอีกฝ่ายจะถือเอาคําพูดของเขาเป็นจริงเป็นจังไปได้ เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะหาเงินได้จากที่ไหน ?

ถ้ารู้ว่าอะไรหาเงินได้ง่ายดาย หยางโปคงทําเองไปนานแล้ว จะอยู่รอจนถึงตอนนี้เหรอ ?

คิดไปคิดมา หยางโปก็ถึงกับส่ายหัว หยิบกระจกแสงจันทร์ออกมา นั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงและลุกขึ้นนั่งสมาธิ

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หยางโปได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างรีบร้อน เขาเงยหน้าขึ้นและเหลือบมอง

“ เข้ามาสิ !” ตาอ้วนหลิวเดินเข้ามา ในอ้อมแขนของเขากอดกล่องเล็กๆเอาไว้ “ นําของมาให้นายแล้วฉันออกมาตั้งแต่เช้าเลยนะ”

หยางโปยิ้มและพูดว่า ” ลําบากแล้ว”

ตาอ้วนหลิวจึงตอบกลับไปว่า “ อย่ามาพูดจามั่วชั่ว พอได้ของมาไว้ในมือ ฉันก็อยากรู้มาตลอดว่าข้างในมีอะไรอยู่ ตอนนี้เปิดเลยได้ไหม ? ”

หยางโปพยักหน้า “ เปิดสิ อันที่จริงมันก็ไม่มีค่าอะไรอยู่แล้ว ”

ตาอ้วนหลิวแทบรอไม่ไหวที่จะเปิดกล่อง เขาจึงเปิดกล่องและชะโงกหน้ามองเข้าไปด้านใน

หยางโปรู้ดีว่าสิ่งที่เขาสามารถนํากลับมาด้วยได้ ก็จะนํากลับมา ทั้งหมดจะถูกเขานําติดตัวกลับมาเองที่เหลืออยู่นั้นเอามาด้วยไม่ง่าย ด้านในกล่องหลักๆคือหม้อสี่เหลี่ยมดอกบัวและนกกระเรียนทองสัมฤทธิ์สมัยราชวงศ์ฮั่นส่วนของชิ้นอื่นๆน่าจะยังมีกล่องใส่มาอยู่อีก

ตาอ้วนหลิวเปิดกล่องออก และเห็นหม้อทองสัมฤทธิ์ทรงสี่เหลี่ยมเข้าให้จริงๆ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ ฉันนึกว่ามันจะเป็นหัวของสัตว์สิบสองนักษัตรซะอีก ”

“ เรื่องที่นายเข้าใจมีอยู่ออกจะมากมาย ” หยางโปกล่าว

หยางโปไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้มากนัก เขาเดินออกไปดู กล่องก็ถูกลากเข้ามาไว้หมดแล้วเขาจัดหาคนย้ายกล่องไปไว้ที่ห้องใต้ดินเขาเหลือบไปดูอีกครั้งเมื่อเห็นว่าด้านในไม่มีอะไรเสียหายจึงไม่ได้เปิดออกมาดู

“ กินข้าวเช้าหรือยัง ? ” หลินหลินเดินออกมา และหันไปถามตาอ้วนหลิว

ตาอ้วนหลิวส่ายหน้า ” ยังเลยครับ ผมรีบมาที่นี้แต่เช้าเพื่อที่จะมากินข้าวเช้าฟรีที่นี่เลย “

นั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหาร หยางโปก็ขอคําชี้แนะเกี่ยวกับปัญหาเรื่องธุรกิจกับตาอ้วนหลิวเขาก็อธิบายสถานการณ์คราวๆให้ฟัง

ตาอ้วนหลิวหลุดหัวเราะออกมาทันที “ นายนี่มันจริงๆเลย เพื่อเอาใจว่าพี่เขย ก็ไม่ควรทํางขนาดนี้ไม่ใช่หรือไง ?”

หยางโปส่ายหัว “ พวกเราไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้ว”

รอยยิ้มบนใบหน้าตาอ้วนหลิวแข็งกระด้างทันที “ ฉันคิดว่านายไม่จําเป็นต้องรีบร้อนไปหาถึงขนาดนี้ ลองถามดูก่อนดีไหม เผื่อว่าฉันหมายถึงว่า ถ้าเธอมีแฟนแล้ว นายควรจะวางตัวยังไง ?

หยางโปตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที เขาไม่ได้คิดถึงเหตุผลนี้เลยจริงๆ

“ ลูกไม่ต้องห่วงไปเถอะ เธอไม่มีแฟนหรอก เรื่องนี้แม่รู้ดี ” หลินหลินกล่าว

หยางโปหันควับไปมองหลินหลินทันที “ แม่พูดอะไรน่ะ ? แล้วแม่รู้ได้ยังไง ? “

“ แน่นอนแม่รู้สิ แม่ติดต่อกับเธอมาโดยตลอด เรามักจะโทรคุยกันตลอด ” หลินหลินตอบ

หยางโปถึงกับนิ่งอึ้งไปเลย ” แม่คุยกับเธอ คุยอะไรกัน ?”

“ แม่เหรอ แม่ก็พูดเรื่องลูกน่ะสิ พูดถึงเรื่องของลูก เธอก็พูดถึงเรื่องในโรงเรียนของเธอ

ทําไม พวกเราพูดคุยกันไม่ได้เหรอ ? ” หลินหลินถาม

หยางโปมองหน้าหลินหลิน เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าแม่จะทําแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเธออยากช่วยหยางโปปกป้องแฟนสาวเอาไว้

“ อึมงั้นก็ดี เดี๋ยวสักครู่ผมจะไปที่จินหลิง ” หยางโปพูด เขาจะทําให้แม่ผิดหวังไม่ได้ !

ตาอ้วนหลิวคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ ฉันมีโครงการหนึ่งอยู่ น่าจะทําเงินได้ แต่มีปริมาณทางเทคนิคหน่อย ตอนนี้มีสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มากมายที่จะถูกทิ้งไม่ใช่เหรอ ? พวกนายสามารถเปิดโรงงานรับรีไซเคิลอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้วทิ้งก็ได้ สกัดโลหะที่มีมูลค่าสูงที่อยู่ด้านในออกมานี่ถือเป็นธุรกิจที่ได้กําไรมากมหาศาลเลยทีเดียว !”

หยางโปครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ โครงการนี้จําเป็นที่จะต้องพิจารณาถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อ มด้วยใช่ไหม ?”

“ จําเป็นต้องพิจารณา แต่กําไรเยอะมาก แม้ว่าจะไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่มันก็ทํากําไรได้มากเหมือนกันก่อนหน้านี้ฉันบังเอิญไปเยี่ยมชมโรงงานหนึ่งมา ” ตาอ้วนหลิวกล่าว

“ ดี งั้นโครงการนี้ก็แล้วกัน ! ” หยางโปตอบตกลง

หลังกินข้าวเช้าเสร็จ หยางโปก็แอบจัดของ แล้วให้ตาอ้วนหลิวพาเขาไปส่งที่สนามบิน

หลังลงจากเครื่อง หยางโปก็ได้ติดต่อหาลู่เจียเฟย เขาจึงเรียกแท็กซี่รีบมาตามนัดหมายที่โรงแรมทันที

เมื่อมาถึงโรงแรม หยางโปก็นั่งลงจิบชา สู่เจียเฟยจึงหันมองมาที่เขาและอดไม่ได้ที่จะบ่นว่าให้

“ นายไม่ได้ติดต่อชิงหยุนมานานแค่ไหนแล้ว ? ”

หยางโปค่อนข้างลําบากใจ “ ก่อนหน้านี้เคยทะเลาะกัน ดังนั้นหวังว่าคุณจะ ช่วยไกล่เกลี่ยให้เลิกทะเลาะกันได้”

คู่เจียเฟยพยักหน้า “ ที่นายบอกว่าจะมาร่วมหุ้นส่วนทําธุรกิจด้วยกัน มันคือธุรกิจอะไร ? ”

“ เก็บขยะ” หยางโปกล่าว

ลู่เจียเฟยถึงกับตกใจ“อะไรนะ?เก็บขยะ ?”

ตอนที่ 919 ฉันจะไปจินหลิง

หยางโปยิ้มจางๆแต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร

หานเสี่ยวผิงกลับตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะรู้สึกค่อนข้างอึดอัดใจอยู่บ้าง แต่เขายังหันไปมองหน้าชายหัวล้าน “ เสี่ยวกง คุณไปนั่งที่โต๊ะข้างๆนั่น !”

กงหัวล้านตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อสักครู่เขายังตั้งคําถามอยู่ คิดไม่ถึงว่าจะพลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที เขาคิดไม่ถึงว่าคุณหานจะให้เขาถอยออกมา และยังปล่อยให้เขาไปนั่งที่โต๊ะด้านข้างโดยไม่ให้เกียรติเลยแม้แต่น้อย !

หน้าของกงหัวล้านแดงระรื่นขึ้นมาทันที เขามองหน้าหานเสี่ยวผิง “ คุณหาน นี่ “

“ คุณไปนั่งที่โต๊ะนั่นซะ !” หานเสี่ยวผิงพูดต่อ

กงหัวล้านรู้สึกหน้าแตก เขาชายตามองหานเสี่ยวผิง ไม่กล้าที่จะโต้เถียง แต่กลับรู้สึกไม่พอใจ

เขายืนขึ้น มีอาการลังเลเล็กน้อยและยังถามไปว่า ” ทําไม ? เขาถือสิทธิ์อะไรมานั่งอยู่ตรงนี้กัน ? “

“ ถืออภิสิทธิ์ที่เขามีเงิน !” หานเสี่ยวผิงตะโกนเสียงดัง

พอพูดจบ น้ําเสียงของหานเสี่ยวผิงก็อ่อนลงเล็กน้อย “ คุณหยางมีบริษัทเครื่องประดับหยกมูลค่า สองหมื่นล้านหยวนอยู่ในมือ ปีที่แล้วสามสิบเปอร์เซ็นต์ของหยกคุณภาพสูงในประเทศขายจากบริษัทของเขา เขายังมีบริษัทประมูลอยู่อีกแห่ง และยังติดสิบอันดับแรกของประเทศ!ตอนนี้คุณหยางต้องการเข้าสู่วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ เบื้องหลังมีกระทรวงวัฒนธรรมหนุนหลังอยู่

คุณคิดว่าผมควรเอาใจคุณหรือเอาใจคุณหยางดีล่ะ ?”

กงหัวล้านตะลึงไปชั่วขณะ เขาคิดมาก่อนว่าหยางโปต้องมีคนหนุนหลังอยู่แน่นอน แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนร่ํารวยและประสบความสําเร็จแบบนี้ !

บริษัทหยกมูลค่าสองหมื่นล้านหยวน นี่มันแนวคิดอะไรกัน ? ปัจจุบันบ็อกซ์ออฟฟิสในประเทศมีเพียงแค่เจ็ดแปดพันล้านต่อปีเท่านั้น รายได้สุทธิของหยางโปนั้นเทียบเท่ากับรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศทั้งประเทศถึงสามปีเลยทีเดียว!

กงหัวล้านถึงกับตกตะลึงช็อคไปเลยทีเดียว เขานิ่งอึ้งไปในงานและคิดที่จะเดินถอยออกมา

แต่กลับรู้สึกหน้าหงายและตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

หยูกังยืนอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม เขารู้ดีว่าหยางโปเก่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะพัฒนาได้เร็วขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของหยางโป แข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก !

ในงานเงียบกริบ กงหัวล้านยังคงเดินไปนั่งลงที่โต๊ะทางด้านขวา หยูกังจึงมีที่นั่งว่างในที่สุด

แต่เมื่อนั่งลงจริงๆ เขากลับเหมือนนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีเข็มทิ่มแทง เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับหยางโป มันทําให้เขารู้สึกเงยหน้าไม่ขึ้น!

หานเสี่ยวผิงชายตามองไปทางหยางโป ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนจะไม่ได้โกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ เขาชายตามองหยางโป “ เมื่อเร็วๆนี้มีสื่อรายงานข่าวมากมาย อันที่จริงแล้วพวกเราอยากรู้มากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบนเครื่องบิน ? ถ้าถ่ายทําเป็นภาพยนตร์ได้ต้องเยี่ยมมากแน่ๆ !”

หยางโปหัวเราะ “ เกือบมีเหตุทําให้เครื่องบินตก เหตุการณ์จริงอันตรายมาก ถ้าใครที่นี่เต็มใจที่จะถ่ายทําจริงๆ ผมก็ยินดีที่จะจัดหาวัสดุมาให้”

เมื่อสักครู่หยางโปวางมาดนิ่งอยู่ตลอด แต่เวลานี้พอพูดคุยด้วยแล้วกลับทําให้ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่เมื่อได้ฟังเขาเอ่ยถึงเรื่องบนเครื่องบิน ทุกคนต่างก็พากันตั้งใจฟัง !

ทุกคนปฏิบัติต่อชุยอี้ผิงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่ชุยอี้ผิงจะเข้าร่วมงานเลี้ยงต่างๆ แม้ว่าทุกคนจะรู้ดีว่าเขามีภูมิหลังที่แข็งแกร่งมาก แต่ใครมันจะไม่มีความสัมพันธ์กันบ้างล่ะ ดังนั้นจึงเคารพเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่แคร์มากเท่าไร แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่ามีเจ้าของเงินรายใหญ่หนุนหลังเขาอยู่ท่าทีของผู้กํากับหลายท่านก็เป็นกันเองมากขึ้นทันที !

กงเสี่ยวเจิ้งที่กําลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ เธอรู้สึกถึงว่าสีหน้าท่าทีของดาราดังที่นั่งอยู่ข้างเธอ เปลี่ยนแปลงไปทันทีอย่างเห็นได้ชัด ดาราดังหญิงที่ชื่อหลี่ดูเป็นมิตรมากขึ้น ถามเธอว่าเธอแสดงบทอะไรมาบ้าง เมื่อได้ยินว่าเธอยังเป็นมือใหม่ ก็ปฏิบัติตัวดียิ่งขึ้นไปอีก

“ เสี่ยวเจิ้ง คุณไม่ต้องกังวลไป บริษัทของคุณไม่มีศิลปินที่เซ็นสัญญาอะไรด้วย ถ้าคุณเปิดตัวครั้งแรกจะต้องเป็นดาราหญิงอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน อนาคตจะต้องโด่งดังมีชื่อเสียงมากแน่ๆ !”

กงเสียวเจิ้งรู้สึกค่อนข้างเขินอาย “ ยังไม่ทันเริ่มเลย บริษัทเพิ่งจะเริ่มโครงการเอง”

“ คุณวางใจได้ ทําไมผู้บริหารของบริษัทถึงพาคุณมาที่นี่ ? นั่นเพราะให้ความสําคัญกับคุณ

ในอนาคตคุณต้องเป็นคนสําคัญอย่างแน่นอน !”

แม้แต่ดาราสาวที่ถามเธอไปเมื่อครู่นี้คนนั้น ก็ยกแก้วไวน์เดินเข้ามาหา “ เสี่ยวเจิ้งคุณอย่าเก็บเอาไปใส่ใจเลยนะ เมื่อสักครู่ไม่มีอะไรจริงๆ หวังว่าถ้าคุณกลับไปจะช่วยพูดแก้ต่างให้สักสองสามคําคุณวางใจได้ ต่อไปในอนาคตไม่ว่าพบเจอกับเรื่องราวอะไร มาหาฉันได้ตลอด ถ้าช่วยได้ฉันก็จะพยายามทําให้ดีที่สุด !”

กงเสี่ยวเจิ้งรู้ดีว่านี่เป็นเพราะเห็นแก่หยางโป ทุกคนถึงทําแบบนี้ แม้ว่าจะรู้สึกถือสา แต่เธอก็ไม่แสดงออกเธอยกแก้วขึ้นและชนแก้วกับอีกฝ่าย

ทางด้านโต๊ะของหยางโปมีความกลมกลืนกันมากขึ้น ทุกคนตามเข้าไปรายล้อมพูดคุยกับหยางโปหลังจากผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน หยางโปก็เล่าถึงประสบการณ์ก่อนหน้านี้ให้ฟัง

จึงดูมีชีวิตชีวาขึ้น

กงหัวล้านที่นั่งอยู่ทางโต๊ะขวามือ เริ่มแรกทุกคนก็ยังเป็นห่วงความรู้สึกของเขา จึงไม่กล้าพูดเสียงดังแต่พอผ่านไปสักพักก็ไม่มีใครสนใจความรู้สึกของเขาอีกต่อไป !

งานเลี้ยงครั้งนี้ ต่างฝ่ายต่างสนทนาพูดคุยกันอย่างมีความสุข

ก่อนที่จะขอตัวกลับ หยางโปและโปรดิวเซอร์สองคนได้พูดคุยกันเกี่ยวกับการลงทุนในภาพยนตร์สองเรื่อง เพราะหยางโปไม่ดื่มเหล้า เขาจึงเปลี่ยนมาดื่มน้ําผลไม้แทน ในงานก็ไม่มีใครคัดค้านสักคน

หลังจากงานเลี้ยงจบลง หยางโปและพรรคพวกทั้งสามคนได้รับนามบัตรจํานวนมากเมื่อนมานั่งในรถ หยางโปก็หันหน้าไปทางชุยอี้ผิง “ ก่อนหน้านี้ตอนที่นายมาเข้าร่วมงานเลี้ยงก็เป็นแบบนี้ใช่ไหม ? ”

ชุยอี้ผิงส่ายหน้า “ ก่อนหน้าที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง ไม่ค่อยได้พูดคุยกับพวกเขาสักเท่าไร

เพราะบริษัทมีขนาดเล็ก ! “

หยางโปช้าเลืองมองชุยอี้ผิง “ บอกตามตรงนะ ฉันไม่เคยเห็นนายทําธุรกิจมาก่อน ตอนนี้เห็นกับตาตัวเองแล้ว อันที่จริง นายไม่ได้ขาดอะไรเลย แค่นายเอาลูกท่านหลานเธอในตี้จิงมาอ้าง

ทุกอย่างก็จะราบรื่นไปได้ด้วยดี !”

ชุยอี้ผิงค่อนข้างลังเล “ ฉันขอคิดทบทวนดูอีกครั้งก็แล้วกัน”

หยางโปพยักหน้า ” เอาล่ะ นายก็ไปลองคิดดูก็แล้วกัน “

กงเสี่ยวเจิ้งที่นั่งอยู่ด้านข้าง รู้สึกค่อนข้างแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก

พอส่งกงเสี่ยวเจิ้งกลับที่พักแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

เมื่อกลับมาถึงบ้าน หยางโปก็ได้รับสายจากตาอ้วนหลิว

“ นายกลับมาแล้วเหรอ ? ” ตาอ้วนหลิวถาม

* เพิ่งกลับมาได้สองวัน นายไม่ได้ดูข่าวเหรอ ? ” หยางโปถาม

ตาอ้วนหลิวส่ายหัว “ ฉันไม่ค่อยได้ดูโทรทัศน์เลย วันนี้พอเห็นข่าว ถึงทราบข่าวนี้ ของที่นายมอบหมายให้ฉันไปจัดการครั้งก่อน ได้มาแล้วนะ เก็บไว้ที่ฉันมันไม่ค่อยปลอดภัยนายจะเอามันไปเลยไหม ? ”

สิ่งของที่หยางโปนํากลับมาจากญี่ปุ่นและอเมริกาไม่เหมาะที่จะเปิดเผย ดังนั้นเริ่มแรกเขาจึงมอบหมายให้สมาคมอินากาวะช่วยเขาส่งของกลับมาทางน้ํา แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้

“ นายเก็บมันไว้ให้ฉันก่อน แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปเอา ” หยางโปพูด

ตาอ้วนหลิวพยักหน้า ” ก่อนหน้านี้ฉันได้โทรหาลัวย่าวหัว ฉันรู้เรื่องของอวี่เหวินแล้ว ในเมื่อเขายินยอมที่จะทําแบบนั้น มันต้องมีเหตุผลสําหรับตัวเขาเองแน่ๆ นายก็อย่าไปคิดมาก ”

หยางโปพยักหน้า ” ไม่ต้องกังวลไป ฉันเข้าใจเขา”

“ พรุ่งนี้นายมีเวลามารับของไหม ? ” ตาอ้วนหลิวถาม

หยางโปลังเลเล็กน้อย “ พรุ่งนี้นายว่างไหม ? นายส่งมาเลยก็ได้ ฉันไม่ไปหาแล้ว ”

“ ทําไม ? นายยุ่งอยู่เหรอ ? ” ตาอ้วนหลิวถาม

หยางโปมีอาการลังเลเล็กน้อย “ ฉันว่าจะไปที่จีนหลิงสักหน่อยนะ ว่าจะไปเยี่ยมใครซักคน”

* ไปหาสาวสวยใช่ไหม ? ถ้านายตอบว่าใช่ ฉันจะรีบไปเมืองหลวงเอาไปส่งให้ที่บ้านพรุ่งนี้เลย ! ” ตาอ้วนหลิวกล่าว

หยางโปตอบทันที “ ใช่ ! ”

ตอนที่ 918 ประณาม

จู่ๆบรรยากาศในสถานที่ก็อึดอัดขึ้นมา เพราะไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าคนที่มาจะหลุดคําพูดแบบนี้ออกมาได้ !

ดูเหมือนจะสัมผัสได้ว่าบรรยากาศที่โต๊ะหลักมีบางอย่างผิดปกติ โต๊ะทั้งซ้ายและขวาต่างเงียบเสียงลงทันทีพวกเขาเหลือบมองไปทางคนที่เดินเข้ามาในห้องโถงก็เงียบลงทันที

กงเสียวเจิ้งมองมาทางหยางโป เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วมองไปรอบๆอีกครั้ง เธอเดินตามหยางโปทั้งสองเข้ามาก็ไม่มีใครเข้ามาทักทายเธอเพราะตอนนี้เธอยังไม่ใช่แม้แต่ดาราแต่คนที่นั่งรอบตัวเธอทั้งหมดล้วนเป็นดาราดัง!

กงเสี่ยวเจิ้งจ้องไปที่หยางโปด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างประหม่า เพราะกลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งขึ้นในงาน

หยางโปนั่งนิ่งมาก ไม่ได้ตื่นตัวลุกขึ้นและไม่ได้ตื่นตัวที่จะเข้าไปทักทายเลยสักนิด!

“ ผู้กํากับหยู จะให้คุณไปนั่งที่โต๊ะด้านข้างได้ยังไง? โต๊ะนี้ใครควรนั่ง ใครไม่ควรนั่ง หรือยังมีคนไม่รู้ตัวเองอีก”ผู้กํากับหัวล้านคนหนึ่งลุกขึ้นพูด

สายตาของทุกคนหันมองไปทางหยางโปอีกครั้ง ทําเหมือนว่าโต๊ะนี้มีแค่เพียงสถานะอย่างเขาเท่านั้นที่ไม่เหมาะสม !

หยางโปไม่ได้พูดอะไร โต๊ะหลักมีเพียงผู้กํากับหรือโปรดิวเซอร์นั่งอยู่ชายหัวล้านก็เป็นผู้กํากับหนุ่มที่มีชื่อเสียงในประเทศคนหนึ่งแต่แค่หยางโปไม่รู้จักเขาเท่านั้น

“ ทําไมคุณหน้าด้านขนาดนี้ ผมพูดขนาดนี้แล้วหรือว่าคุณยังไม่เข้าใจใช่ไหม? ” เมื่อผู้กํากับหัวล้านเห็นว่าหยางโปไม่ขยับก็ลุกขึ้นและชี้ไปที่หยางโปทันที

ทุกคนต่างมีความคิดที่จะรอดูละครนี้กัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้อนรับคนนอกผู้นี้อย่างหยางโป

แต่ก็ยังมีไม่น้อยคนที่ระบุชื่อเสียงเรียงนามผู้กํากับหัวโล้นได้ !

ในงานยิ่งมีความอึดอัดเพิ่มมากขึ้นไปอีก หยางโปจิบชาเงยหน้าขึ้นเหลือบมองไปที่ผู้กํากับหัวล้านแต่ไม่ได้พูดอะไรจากนั้นก็มองไปที่หยูกัง!

หยูกังที่ยืนอยู่ที่นั่น เหงื่อทั่วหน้าผาก เขารู้สึกว่าเสื้อข้างในเปียกซึมไปหมดแล้ว เขาไม่ควรมาที่นี่ไม่ควรรับคําเชิญงานเลี้ยงหลังจากที่เขาพูดคํานั้นออกมา ก็รู้สึกว่าบรรยากาศในห้องไม่ปกติ

เขารู้สึกเสียใจต่อการกระทําทันที

เขาไม่ควรพูดคํานั้นออกมา! เขารู้สึกว่าตอนที่ตัวเองพูดออกมานั้นมีความจริงใจมาก แต่คนอื่นกลับรู้สึกว่าคําพูดนั้นของเขาพูดเพราะโกรธพวกเขาคิดว่าเป็นเพราะหยูกังไม่มีที่นั่ง

ถึงได้เอ่ยขึ้นมาว่าจะไปนั่งที่โต๊ะด้านข้าง! พวกเขาเข้าใจตัวเองผิดไปหมด!

หยูกังหันไปมองหยางโป เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เขาเป็นผู้กํากับชาวฮ่องกง ตอนนั้นเขากับกัวฉาวอวี่เคยมีเรื่องกันมาก่อนและไปทําให้หยางโปขุ่นเคืองใจเข้า จึงถูกเขาสั่งสอนเวลานั้นเขายังรู้สึกเสียใจที่ไปทําให้ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่โกรธเคืองเข้า ตอนนี้เมื่อเขาได้มาพบกับหยางโป

ดูเหมือนเขาจะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนรน!

เวลานี้เมื่อหยูกังเห็นผู้กํากับหัวล้านชี้มือไปที่หยางโป และเห็นหยางโปหันหน้ากลับมามองเขา

ทําเอาหัวใจของเขาเกือบจะหลุดออกมา เขาจึงรีบโบกมืออย่างรวดเร็วและพูดออกว่า

“ ไม่ ไม่ ผมอยากไปนั่งโต๊ะที่อยู่ทางด้านข้างเองจริงๆ! คุณหยางนั่งอยู่ที่นี่เหมาะสมแล้ว! ”

สีหน้าของหยูกังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาถึงกับกลัวว่าคนอื่นจะพูดอะไรที่ทําให้เขาแย่ไปกว่านี้ออกมา !

เมื่อผู้กํากับหัวล้านเห็นแบบนี้กลับโกรธจัด เกือบจะชี้นิ้วไปที่หน้าผากของหยางโปเข้าให้แล้ว

“ ผมกําลังว่าให้คุณอยู่ คุณได้ยินไหม? ”

หยูกังเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เขาจึงโบกมืออีกครั้ง “ ผู้กํากับกง คุณไม่ต้องพูดอีกแล้ว

ผมจะไปเดี๋ยวนี้ จะไปเดี๋ยวนี้ !”

พอพูดจบ หยูกังก็เดินตรงไปนั่งที่โต๊ะทางด้านซ้าย!

ผู้กํากับกงหัวล้านถึงกับตกใจไปทันที เขาต่อว่าหยางโป แต่ทําไมผู้กํากับหยูกังถึงทําแบบนั้น!

แต่ในเวลานี้หัวของเขาเต็มไปด้วยความคิดที่อยากจะขับไล่หยางโปออกไป จึงไม่ทันคิดอะไรมาก

” คุณเป็นผู้กํากับจากไหน? หรือคุณเป็นโปรดิวเซอร์จากที่ไหน ทําไมคุณถึงมานั่งอยู่ตรงนี้อย่างน่าไม่อายแบบนี้”

คนอื่นๆที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหลัก สังเกตเห็นความผิดปกตินานแล้ว เมื่อสักครู่เห็นหน้าผากของหยูกังเต็มไปด้วยเหงื่อเห็นได้ชัดว่ากลัวมาก แล้วเขากลัวใคร? เขาเป็นผู้กํากับดังชาวฮ่องกงชายหัวล้านก็เพิ่งได้รับความนิยมได้ไม่นาน สถานะของทั้งสองแตกต่างกันมากเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลัวผู้กํากับกง!

มีเพียงความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น เขากําลังกลัวชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่คนนี้ ชายหนุ่มคนนี้ต้องมีที่มาที่ไปที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน !

ไม่มีใครในที่เกิดเหตุเตือนผู้กํากับกง ทุกคนแค่นั่งดูการแสดง รู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังอยู่ในใจราวกับว่ากําลังรอคอยการแสดงใหญ่ที่จะเริ่มต้นขึ้น!

กงเสี่ยวเจิ้งนั่งอยู่ที่โต๊ะทางด้านขวา จู่ๆก็รู้สึกถึงความตึงเครียดขึ้นมา ถ้าหยางโปถูกไล่ออกไปจริงๆต่อไปในอนาคตเธอคงอยู่ยากในวงการนี้!

ดาราสาวสวยแซ่หลีที่นั่งโต๊ะเดียวกัน จู่ๆก็หันมามองเธอและถามด้วยน้ําเสียงที่อ่อนโยนและทุ่มต่ําว่า“สาวน้อยเมื่อกี้เห็นเธอเดินเข้ามาพร้อมกับเขา ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครงั้นเหรอ?”

“ เขาเป็นเถ้าแก่ของบริษัทเรา” กงเสี่ยวเจิ้งรีบตอบอย่างค่อนข้างปลาบปลื้มใจ

ดาราสาวที่แซ่หลี่มีสีหน้าท่าที่อ่อนโยนมาก “ทําไมฉันรู้สึกคุ้นตาจังเลย ”

“ เถ้าแก่ของเราเพิ่งนําหัวงูทองสัมฤทธิ์กลับมาจากสหรัฐอเมริกา มีข่าวรายงานจากสื่อมากมายคุณคงเห็นข่าวนี้มาบ้างใช่ไหม? ” กงเสี่ยวเจิ้งกล่าว

ดาราสาวที่แซ่หลี่ก็คิดออกขึ้นมาในทันที “ เขานั่นเอง คนๆนี้น่าฟังมาก !”

คนอื่นๆที่โต๊ะนี้ต่างทยอยหันไปมอง ในงานมีบางคนที่พอจะเข้าใจ และแน่นอนว่าก็มีบางคนที่ไม่เข้าใจเมื่อได้ยินว่ากงเสี่ยวเจิ้งมากับหยางโป มีบางคนถึงกับถามตรงๆออกมาว่า

” เถ้าแก่ของคุณไร้สมองมากจริงๆ? เขาเป็นแค่เจ้าของบริษัทสื่อบันเทิงเล็กๆแห่งหนึ่งเท่านั้นยังกล้าต่อกรกับผู้กํากับกงอีก?”

“ คุณดูสิ ผู้กํากับหยูถึงกับถูกเขาไล่ไปแล้ว เขานี่มันไม่มีมนุษย์สัมพันธ์เลย ต่อไปในอนาคตวงการนี้จะสั่งสอนเขาเองว่าควรวางตัวยังไง!”

เสียงของดาราสาวค่อนข้างดัง ทุกคนในห้องต่างก็ได้ยิน เมื่อชุยอี้ผิงได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขานิ่งเงียบไม่พูดอะไรมาตลอด เพราะเขารู้ดีว่าหยางโปจะต้องมีทางออกแต่เขาไม่เข้าใจว่าทําไมหยางโปถึงต้องทําแบบนี้

หยางโปส่ายหัวเบาๆ ” หยูกัง !”

หยูกังเดิมนั่งอยู่ที่โต๊ะนักแสดงชาย เมื่อได้ยินเสียงนี้ก็ลุกขึ้นเสียงดัง ” เอี้ยด “ และรีบวิ่งไปหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าหยางโป ด้วยน้ําเสียงสะอื้น “ คุณหยาง คุณเรียกผมใช่ไหม ?”

“คุณอธิบายให้ชายหัวล้านฟังหน่อยสิว่าทําไมผมถึงต้องนั่งที่โต๊ะนี้” หยางโปชี้ไปที่ชายหัวล้าน

หยูกังมีสีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขายังคงจําได้แม่น ตอนนั้นที่เกิดความขัดแย้งกับหยางโปขึ้นคิดว่าเขาเป็นคนโง่ถึงแม้จะไม่อยากทําให้ชายหัวล้านขุ่นเคืองใจ แต่เขาก็ยังเอ่ยปากพูดออกมาว่า“ผมนับถือคุณหยางมากและยังเคารพคุณหยางมากด้วยเหมือนกันด้วยความจริงใจจากก้นบึงของหัวใจของผม !”

“ ผมนับถือคุณมากจริงๆ ” หยูกังพยายามคิดอย่างหนักและพบว่าเขาไม่ค่อยรู้เรื่องของหยางโปมากนักความทรงจําที่มีต่อหยางโปมากที่สุดคือเขาเอาชนะกัวฉาวอวี่สามพันล้านหรือจะต้องพูดเรื่องพวกนี้จริงๆ ?

หานเสี่ยวผิงโบกมือ ขัดจังหวะของหยูกัง เขาหันไปมองหน้าหยางโป”คุณหยาง ครั้งนี้ไว้หน้าผมสักครั้งเถอะนะอย่าได้สนใจเสี่ยวกงเลย เขาไม่เคยพบเจอกับโลกภายนอกต้องขอโทษคุณด้วยจริงๆ !”

ทันทีที่คําพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็ตกตะลึงหานเสี่ยวผิงที่เงียบมาตลอด ทําให้ทุกคนคิดว่าหยางโปไม่มีความสําคัญอะไรแต่หลังจากได้ยินคําพูดนี้ ก็ไม่มีใครคิดว่าหยางโปไม่สําคัญอีกต่อไปแล้วแต่เป็นเพราะหานเสี่ยวผิงไม่กล้าที่จะเข้าไปแทรกแซง!

ตอนที่ 917 ไปงานเลี้ยง

“ ฉันจะเอาผัดมันฝรั่งนั่น !”

* ฉันจะเอาเต้าหู้เหวินซือ!”

ดูเหมือนหลังจากที่ทุกคนเข้ามา ต่างก็ต้องการอาหารสองอย่างนี้ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้กันอยู่แล้ว

หยางโปที่นั่งอยู่ด้านข้าง มีสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแลดูมีความสุขเอามากๆ

กงเสี่ยวเจิ้งมองมาทางหยางโป จากนั้นก็หันไปมองดูเต้าหู้เหวินซื้ออีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า”เต้าหู้นี้ใช้เครื่องหั่นออกมาใช่ไหม? ทําไมมันบางขนาดนี้? “

“ ฉันเป็นคนหั่นเอง ” หยางโปตอบ

กงเสี่ยวเจิ้งตกใจ “ เป็นไปได้ยังไง ? จะนั่นเต้าหู้ออกมาบางขนาดนี้ได้ยังไง ?”

หยางโปจึงทําได้เพียงอธิบายไปว่า “ ความชํานาญย่อมก่อให้เกิดความประณีต ”

“ คุณเคยเป็นเชฟเหรอ ? ” กงเสียวเจิ้งถาม

หยางโปส่ายหน้า “ เธอคงคิดว่าฉันเป็นเชฟละสิ แต่ฉันไม่ใช่เชฟจริงๆฉันเคยทําหยกแกะสลักมาก่อนเลยใช้มีดบ่อยๆ ตอนนี้เลยมีความเคยชินในการใช้มีด ดังนั้นเวลานั่นผักอะไรพวกนี้มันจึงดูง่ายดายเอามากๆ ”

กงเสี่ยวเจิ้งยังคงรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อเกินไปเธอมองหยางโปขึ้นลงอย่างสํารวจตรวจตรา

“ คุณเคยทําแกะสลักมาก่อน แต่ตอนนี้มานั่นเต้าหู้ มันต่างกันมากเลยนะหยกแข็งแต่เต้าหู้

มันจะมาเปรียบเทียบกันได้ยังไง?”

หยางโปหัวเราะ “ เธอแค่ลองใช้มีดบ่อยๆดู มันก็เหมือนกันนั่นแหละ”

ชุยอี้ผิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง มองดูสีหน้าท่าทีของทั้งสองคน ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า

“ เดิมหยางโปก็เป็นคนมีความรู้รอบด้านอยู่แล้วเลยทําได้หมด ทําเอาพวกเราขายหน้ากันมากทีเดียว! ”

หยางโปยิ้มและพูดว่า “ ทําไมขายหน้าล่ะ ? วันนี้ทุกคนกินอาหารที่ฉันทําเองกับมือ ต้องคิดกันแน่นอนว่าประธานชุยต้องทําอาหารอร่อยเหมือนกัน พรุ่งนี้ประธานชุยจะลงมือทําอาหารเองไหมนะ ?”

ชุยอี้ผิงถึงกับหลุดหัวเราะฮ่าๆออกมาเสียงดัง

รอจนกระทั่งโรงอาหารมีคนนั่งใกล้เต็มแล้ว ชุยอี้ผิงจึงลุกขึ้นยืนส่งเสียงปรบมือสองครั้งและขอให้ทุกคนเงียบเสียงลง ” บางที่หลายคนอาจได้ยินมาบ้างแล้วว่าวันนี้ประธานหยางที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานมาที่บริษัท เพื่อแสดงความขอบคุณต่อทุกคน จึงตั้งใจทําอาหารสองอย่างมาให้เป็นพิเศษแม้ว่าอาหารสองอย่างนี้จะถือได้ว่ารสชาติพอกินได้เท่านั้น แต่ก็เป็นการแสดงออกถึงน้ําใจของเขาพวกเรามายินดีต้อนรับประธานหยางให้เขาออกมากล่าวอะไรกับทุกคนหน่อยดีไหม? “

“ ดี ! ” มีเสียงปรบมือเสียงแสดงความยินดีขึ้นในหน้างาน

หยางโปยืนขึ้นและหันไปมองดูทุกคน “ ผมเป็นเจ้านายที่ไร้ความสามารถคนหนึ่ง จริงๆแล้วนับตั้งแต่บริษัทเปิดตัวมานี่ก็เป็นครั้งที่สองที่ผมมาที่บริษัท ผมรู้สึกปลาบปลื้มใจมากที่เห็นบริษัทพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องและเจริญเติบโตขึ้นมาอย่างสวยงาม ผมต้องขอบคุณทุกคนไว้ณที่นี่ด้วย! ”

“ ประธานหยาง นี่เป็นสิ่งที่ควรจะเป็น! ” มีใครบางคนที่อยู่ด้านล่างพูดเยินยอและร้องตะโกนออกมา

หยางโปยิ้ม” อันที่จริงแล้ว ที่ผมมีทุกวันนี้ได้เพราะความสามารถของทุกคน บางทีถ้าเปลี่ยนพนักงานไปอีกกลุ่มผมอาจจะทําแบบนี้ไม่ได้! ที่ต้องขอบคุณมากที่สุดคือชุยอี้ผิง ช่วงนี้เขาทํางานหนักมาก วันนี้ที่มาก็เพื่อมาเจอกับทุกคนแน่นอน ถ้าใครมีปัญหาอะไรก็เข้ามาหาผมได้

ไม่พูดมากแล้ว เชิญทุกคนลองชิมอาหารที่ผมทําให้ดูสิว่าถูกปากกันไหม ?”

มีเสียงปรบมือดังขึ้นด้านล่าง ทุกคนต่างพากันตื่นเต้นมาก แต่กลับไม่ได้รู้สึกดีใจมากเท่าที่ควรหลายคนคิดว่าหยางโปจะนําสวัสดิการใหม่ๆบางอย่างมาให้ซะอีก

รอจนกระทั่งหยางโปนั่งลง ชุยอี้ผิงก็เหลือบมองมาที่เขา “ นายตั้งใจจะนําสวัสดิการ

มาให้ทุกคนไม่ใช่เหรอ? ทําไมไม่พูดล่ะ ?”

หยางโปหัวเราะ “ เรื่องนี้ มอบให้นายดีกว่า !”

ชุยอี้ผิงส่ายหน้า ” นายก็ใช่ว่าจะไม่รู้ซะหน่อย”

หยางโปโบกมือ “ ไม่ต้องรีบ หลังจากคืนนี้ นายอยากจะทําอะไรก็ตามแต่ใจนายเลย!”

กงเสี่ยวเจิ้งที่นั่งอยู่ด้านข้าง เหลือบมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะเคยใช้ชีวิตอยู่ที่ฮ่องกงมาสักพักเธอกับอู่เฉียงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก จึงเป็นเรื่องปกติที่จะรู้ว่าระหว่าง

หยางโปและชุยอี้ผิงเป็นญาติกัน แค่เวลาที่พวกเขาพูดกันมักจะหลบๆซ่อนๆ ทําให้คนไม่ค่อยเข้าใจ

ชุยอี้ผิงเงยหน้าขึ้นมองกงเสี่ยวเจิ้ง” เสี่ยวเจิ้ง คืนนี้มีงานกินเลี้ยง คุณเตรียมตัวด้วยนะ “

กงเสี่ยวเจิ้งเงยหน้าขึ้นมองขุยอี้ผิงด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เพราะชุยอี้ผิงไม่เคยพาเธอไปเข้าร่วมงานแบบนี้มาก่อนหรือว่าเขามีกติกาซ่อนเร้นอะไร?

กงเสี่ยวเจิ้งมีสีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อย “ ประธานชุย ฉันไม่ไปได้ไหม ?”

“ คืนนี้คุณมีธุระหรือเปล่า? “ ซุยอี้ผิงถาม

กงเสี่ยวเจิ้งมีอาการลังเล “ ไม่มี”

“ ไม่เป็นไร งานเลี้ยงอาหารค่ํา ก็มีดารานักแสดงคนอื่นๆมาร่วมงาน แค่กินเลี้ยงกันเท่านั้น”

หยางโปกล่าว

กงเสี่ยวเจิ้งพยักหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ยังรู้สึกค่อนข้างเป็นกังวล ยังไงซะเรื่องราวในแวดวงนี้เธอก็เคยได้ยินมามากมาย เช่นพาไปกินเลี้ยงอาหารค่ําด้วย แล้วดื่มมากเกินไปจนทําให้เกิดเรื่องขึ้นมันก็มีอยู่ไม่น้อย!

ช่วงบ่ายหยางโปอยู่ที่บริษัทตลอด เขาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัท แต่เรื่องราวทั้งหมดเขากลับไม่ค่อยรู้สึกสนใจ

ไม่นานก็ถึงช่วงพลบค่ํา ทั้งสามคนก็ขึ้นรถรีบเดินทางไปที่โรงแรมทันที

ก่อนหน้านี้ชยอี้ผิงก็เคยร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ํามานับครั้งไม่ถ้วน จึงนําทางหยางโปไปที่ห้องวีไอพีด้วยความชํานาญลู่ทางตอนที่เดินเข้ามา มีคนมาถึงห้องวีไอพีกันจํานวนไม่น้อยแล้ว

เมื่อหยางโปเห็นในห้องวีไอพีมีคนมากันจํานวนไม่น้อยแล้ว ภายในห้องแยกเป็นสามโต๊ะ

โต๊ะทางด้านซ้ายมีแต่นักแสดงชายนั่งอยู่ ด้านขวามีแต่นักแสดงผู้หญิง ส่วนโต๊ะตัวกลางมีแต่คนวัยกลางคนที่อายุสี่ห้าสิบปีนั่งอยู่ นี่น่าจะเป็นที่นั่งของผู้กํากับ

กงเสี่ยวเจิ้งเดินไปทางขวา ในขณะที่ชุยอี้ผิงและหยางโปพากันไปนั่งลงตรงกลาง

ชุยอี้ผิงทักทายกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง ในขณะที่หยางโปก็พยักหน้าลงเล็กน้อยและกล่าวทักทายไปว่า “ สวัสดี !”

มีเพียงตอนที่เจอกับหานเสี่ยวผิงเจ้าของบริษัทฟิล์มกรุ๊ปคอร์เปอเรชั่นเท่านั้น หยางโปถึงได้เข้าไปจับมือกับอีกฝ่าย

คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่กลับรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ทุกคนก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ทําได้เพียงแค่มองไปที่หยางโปอย่างพินิจพิเคราะห์

แต่หานเสี่ยวผิงรู้ภูมิหลังของหยางโปเป็นอย่างดี บุคคลผู้นี้เป็นคนที่มีเงินมากมหาศาล

เขายิ้มและเอ่ยปากแนะนํา “ ท่านนี้คือหยางโป บางทีพวกคุณอาจไม่ทันสังเกตเห็น เขาเป็นนักธุรกิจผู้รักชาติที่ได้รับการรายงานมากที่สุดจากสื่อในช่วงนี้ เขาเป็นคนที่นําหัวงูทองสัมฤทธิ์กลับคืนมา”

ทุกคนต่างก็หันไปมองหยางโปและเอ่ยปากทักทายด้วยสองสามคํา แต่ก็ยังทําเป็นเฉยเมย

หานเสี่ยวผิงทําอะไรไม่ถูกไปเล็กน้อย เขาไม่สามารถบอกกับทุกคนอย่างชัดเจนเกี่ยวกับตัวตนและภูมิหลังของหยางโปได้

ชุยอี้ผิงและหยางโปเพิ่งนั่งลงได้ไม่นาน ก็มีคนเข้ามานั่งอีกสองคน ล้วนเป็นผู้กํากับที่มีชื่อเสียง

ทุกคนพูดคุยกันอย่างมีความสุข แต่มีบางคนที่มักจะชําเลืองมองไปที่หยางโปทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจดูเหมือนว่ามีอะไรเกิดขึ้น

หยางโปไม่สนใจเลย เพราะเขาก็ไม่ชอบงานแบบนี้อยู่แล้ว ทุกคนต่างพากันคุยโว้โอ้อวด

มันสิ้นเปลืองเวลาจริงๆ แต่เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ชุยอี้ผิงอยู่ต่อเขาจึงต้องทนนั่งอยู่ต่อไป

ไม่นานประตูห้องวีไอพีก็เปิดออกมาอีกครั้ง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามา ทันทีที่เดินเข้าประตูมาก็ได้ยินสําเนียงกวางตุ้งของเขา ” ขอโทษด้วยจริงๆต้องขอโทษด้วยที่ผมมาสาย! ”

หลายคนต่างพากันเข้าไปทักทายคนที่มาอย่างกระตือรือร้นทําเหมือนกับว่าบุคคลที่เข้ามานี้มีพื้นเพใหญ่โตมาก

หยางโปยังคงนั่งจิบชาอยู่กับที่ไม่ได้หันไปมองทางด้านชุยอี้ผิงก็เข้าไปทักทายอีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้นเช่นกัน

คนที่เข้ามายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะ เมื่อเห็นโต๊ะที่นั่งเต็มแล้วก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าทําไมไม่มีที่ว่าง

เวลานี้ สายตาของทุกคนหันไปทางหยางโปและเห็นได้ชัดว่ามีเพียงคนเดียวที่เป็นส่วนเกินของที่นี่คือหยางโป ที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ

คนที่เข้ามาหันมองไปตามสายตาของทุกคนเมื่อเห็นใบหน้าของหยางโปอย่างชัดเจน ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ “ในเมื่อที่นั่งเต็มแล้ว ผมนั่งที่โต๊ะทางซ้ายก็ได้!”

ตอนที่ 916 อาหารเลิศรส

หยางโปยิ้มและเริ่มลงมือทําเต้าหู้เหวินซื้อตามคําแนะนําทันทีเต้าหู้นุ่มเตรียมเอาไว้ให้นานแล้ว

ดูเหมือนแม่บ้านทั้งสองคนเดิมทีก็คิดที่จะทําเต้าหู้เหวินซื้ออยู่แล้วเมื่อเห็นฝีมือการใช้มีดของหยางโปจึงคิดจะปล่อยให้เขาทํา

สิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับการทําเต้าหู้เหวินชื่อคือการนั่นเต้าหู้หยางโปล้างมีดในน้ําเพื่อไม่ให้เต้าหู้เกาะมีดจากนั้นเขาถึงน้ําเต้าหู้ออกมาวาง

ชุยอี้ผิงยืนอยู่ข้างๆ จ้องมีดทําครัวที่อยู่ในมือของหยางโปตาไม่กระพริบหวังว่าจะได้เห็นทักษะการใช้มีดที่แตกต่างกัน

หยางโปไม่ได้ทําให้ชุยอี้ผิงผิดหวังเลย ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เต้าหู้จากนั้นมีดทําครัวในมือก็ตัดลงไปที่เต้าหู้ดูเหมือนว่าทุกๆการสับลงไปของมีดจะสลับซ้ํากับทิศทางของมีดมือของเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ

จนในที่สุด ก็เห็นเพียงความมันวาวของคมมีดที่สว่างวาบอยู่กลางอากาศเท่านั้นถึงกับเห็นมีดทําครัวไม่ชัดเห็นเพียงความมันวาวของเงามีดเท่านั้น!

ชุยอี้ผิงเบิกตากว้าง ดวงตาทั้งคู่กระพริบถี่ นี่มันน่าทิ้งมาก !

แม่บ้านสองคนที่กําลังทําอาหารอยู่ต่างพากันตกตะลึงพวกเขาหันไปมองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง !

ที่ด้านนอกห้องครัวมีพนักงานมาฟังข่าวพวกเขายืนอยู่ที่หน้าประตูจ้องมองไปที่ทักษะการใช้มีดถึงกับตะลึงอ้าปากค้าง เจ้านายคนนี้เจ๋งสุดๆไปเลย!

ไม่นาน การเคลื่อนไหวของหยางโปก็ช้าลงและค่อยๆหยุดลง

ชุยอี้ผิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยออกมาว่า “ นายเป็นเชฟมาก่อนหรือเปล่า?”

“ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ทําอาหารบ่อยนัก ” หยางโปเอ่ยออกมามองดูเต้าหู้นุ่มๆที่อยู่ตรงหน้าทําเอาเขารู้สึกพึงพอใจมาก

ชุยอี้ผิงจ้องไปที่เต้าหู้บนเขียง เต้าหู้ทั้งชิ้นดูไม่บุบสลายมันทําให้เขาประหลาดใจมาก

” นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”

พนักงานที่ยืนอยู่นอกห้องครัวต่างก็พากันวิ่งกรูเข้ามาพวกเขารายล้อมอยู่หน้าโต๊ะและจ้องมองไปที่เต้าหู้บนโต๊ะทันที

“ ตัดไม่ถูกหรือเปล่า ? ทําไมยังคงรักษาสภาพเดิมได้ล่ะ !”

“ เป็นไปไม่ได้ ฉันเพิ่งเห็นว่ามีดนั่นโดนเต้าหู้ไปนะ !”

หยางโปหันหน้ากลับมามองโดยที่ไม่ได้พูดอะไรมากตามกฏและระเบียบของบริษัท พวกเขาไม่สามารถทิ้งภาระหน้าที่โดยพลการแต่วันนี้เขามาที่นี่ด้วยตัวเองทุกคนต่างก็รู้สึกสงสัย

เขาจึงไม่ได้พูดอะไรมาก

“ ยกน้ํามาให้ผมกะละมังหนึ่งหน่อยสิ ” หยางโปสั่ง

แม่บ้านในโรงอาหารเตรียมอ่างน้ําเล็กๆไว้เรียบร้อยแล้วอีกทั้งยังยกน้ําขึ้นมายืนรออยู่ด้านข้างแล้วแต่แค่มีคนมายืนรายล้อมอยู่ในบริเวณนี้มากเกินไปจึงไม่สามารถที่จะเดินเข้ามาได้

เมื่อได้ยินคําสั่งของหยางโป ทุกคนต่างก็รีบหลบไปด้านข้างและปล่อยให้ยกน้ําเข้ามา

หยางโปถือเต้าหู้ไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกมือถือมีดช้อนเอาเต้าหู้ทั้งหมดลงไปในน้ํา

เต้าหู้สไลด์ไปตามใบมีดและไหลลงไปในน้ําในตอนที่เส้นเต้าหู้หลายพันเส้นลงไปในน้ําก็กระจัดกระจายออกไปทันทีเส้นเต้าหู้แต่ละเส้นดูบางราวกับเส้นผม !

หยางโปหยิบตะเกียบคู่หนึ่งแล้วคนไปในน้ําเบาๆเส้นเต้าหูในน้ําค่อยๆแตกกระจายออกจากกัน

ดูหนาแน่นขึ้นมาก !

“ นี่มัน !” ชุยอี้ผิงจ้องมองไปที่ภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าประหลาดใจเขานึกไม่ถึงเลยจริงๆ

ว่าจะเกิดปรากฏการณ์แบบนี้ขึ้น!

“ เป็นไปได้ยังไงเนี่ย !”

“ คุณพระ! ทักษะการใช้มีดของประธานหยางน่าทึ่งจริงๆ!”

“ ครั้งหนึ่งฉันเคยเห็นคนนั่นเต้าหู้ที่ร้านอาหารฮวยตอนนั้นเขานั่นเร็วมากแต่ก็ไม่เร็วเท่าประธานหยางและที่สําคัญที่สุดคือเต้าหู้ที่เชฟคนนั้นนั่นออกมาก็ไม่บางเท่าของประธานหยางเต้าหู้ที่หั่นแล้วดูมีสัดส่วนดีมากเหมือนกับถูกตัดออกมาด้วยเครื่อง !”

มีเสียงอุทานดังขึ้นในสถานที่เกิดเหตุทุกคนต่างตกใจกับทักษะการใช้มีดที่เก่งกาจของหยางโป

หลังจากนั้นสักพัก ชุยอี้ผิงก็โบกมือขึ้น “ เอาล่ะๆ แยกย้ายกันไปทํางานได้แล้วไม่ต้องมายืนเอ้อระเหยอยู่ที่นี่!”

หลังพูดติดต่อกันสองสามรอบ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปแต่ข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งบริษัทประธานหยางที่ไม่มาปรากฏตัวมาเป็นเวลานานลงมือทําอาหารให้ทุกคนกินด้วยตัวเอง!

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือทักษะการใช้มีดของประธานหยางนั้นยอดเยี่ยมมากถึงขั้นเป็นเชฟระดับดาวได้เลย

เมื่อข่าวแบบนี้แพร่กระจายออกไป ก็ทําให้ทั้งบริษัทคึกคักขึ้นมาทันที อันที่จริงมีการเล่าลือกันถึงตัวตนของหยางโปในบริษัทมานานแล้วโดยเฉพาะเมื่อไม่นานนี้เองที่หยางโปนําหัวงูทองสัมฤทธิ์กลับมายังประเทศจีนยิ่งทําให้บริษัทมีหน้ามีตาแค่หยางโปไม่ค่อยให้สัมภาษณ์เขาเป็นคนที่ถ่อมตัวมากถึงขนาดมีพนักงานบางคนไม่รู้ด้วยซ้ําว่าหยางโปหน้าตาเป็นยังไง

“ คุณได้ยินไหม ? ประธานหยางที่ไม่เคยเห็นหน้าคาตามาก่อนคิดไม่ถึงว่าจะมาที่บริษัทและยังลงมือทําอาหารกลางวันให้พวกเราด้วย !

“ ไม่ใช่มั้ง ประธานหยางที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกาคนนั้นน่ะเหรอ ?”

“ ทักษะการใช้มีดของประธานหยางเก่งมาก ฉันเห็นมือของเขายกมีดแล้วสับลงฉับฉับมีดทําครัวตวัดขึ้นลงเห็นแค่แสงสีเงินกระพริบผ่านตาเท่านั้นเต้าหู้ทั้งก้อนดูสมบูรณ์แบบไม่บุสลายเลยแม้แต่น้อย ”

“ ประธานหยางเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดมาก ฉันต้องแต่งงานกับเขาให้ได้ ผู้ชายแบบนี้จะถึงจะเรียกว่าเป็นชายโสดเพชรตัวจริง !”

บรรดาพนักงานมีความคิดที่แตกต่างกันออกไป ทุกคนต่างก็อยากให้หยางโปนําสิ่งที่เป็นประโยชน์มาให้แน่นอนว่าสําหรับพนักงานหญิงบางส่วนแค่เถ้าแก่หน้าตาหล่อเหลาก็เพียงพอแล้ว!

หยางโปเตรียมอาหารกลางวันไว้อย่างประณีต และยุ่งอยู่จนถึงเที่ยง

เพราะได้ยินว่าวันนี้หยางโปจะกินข้าวเที่ยงอยู่ที่โรงอาหาร ทุกคนจึงคิดที่จะสร้างความประทับใจดีๆให้กับเขาทุกคนจึงวางแผนที่จะมาที่โรงอาหารช้ากว่าปกติเล็กน้อย

เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงก็ยังไม่มีใครมา หยางโปมองออกไปข้างนอกและหวังว่าจะมีคนมาก่อนเวลา

ชุยอี้ผิงกลับทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาดื่มซุปไปสองชามแล้ว และอดที่จะยกนิ้วให้ไม่ได้

” ซุปนี้ปรุงได้ดีมาก ทําเอาฉันถึงกลับได้กลิ่นหอมหวานจากเต้าหูเหวินซือเลยทีเดียว !”

“ พูดจาชี้ชั่วจริงๆ!” หยางโปพูด

ชุยอี้ผิงเหลือบมองออกไปข้างนอกและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ แต่ละคนนะ จริงๆเลย

ปกติเวลากินข้าวมักจะวิ่งมาเข้าแถวก่อนเวลาหลายนาที ตอนนี้ทํามาเป็นวางมาด มีประโยชน์ไหมเนี่ย ? ”

ชุยอี้ผิงกดสายโทรตาม “ พวกคุณไม่กินข้าวเที่ยงกันแล้วใช่ไหม ?”

“ พวกเราจะถึงแล้ว ” หลังจากได้รับสายของชุยอี้ผิง ทุกคนถึงกับรีบวิ่งกรูกันมาที่โรงอาหาร

คนแรกที่ถึงโรงอาหาร คิดไม่ถึงว่าจะเป็นกงเสี่ยวเจิ้ง พอเธอเลิกเรียนก็รีบมาทันที เธอไม่รู้เรื่องที่หยางโปเป็นคนเข้าครัวทําอาหารเลยด้วยซ้ํา

เมื่อมาถึงโรงอาหาร และเห็นหยางโปนั่งรออยู่แล้ว กงเสี่ยวเจิ้งก็มองไปในโรงอาหาร

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ เธอถึงกับอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงนิ่งอึ้งไปเลยทีเดียว

แม่บ้านในโรงอาหารกวักมือเรียกเธอ “ เร็วเข้า รีบเข้ามาเร็ว ถ้าช้ากว่านี้ พวกเขาจะมาถึงกันหมดนะ ! ”

กงเสี่ยวเจิ้งโบกมือให้หยางโป และเลือกอาหารตามคําแนะนําของแม่บ้านในโรงอาหาร

เธอตักผัดมันฝรั่งนั่นฝอยและเต้าหู้เหวินซื้อให้เป็นพิเศษ จากนั้นเธอจึงยกอาหารมานั่งที่โต๊ะของหยางโปแล้วนั่งลงข้างๆเขา

“ คุณทําอาหารเหรอ ? ” กงเสี่ยวเจิ้งมองหน้าหยางโป เห็นได้ชัดว่าตกใจมาก

หยางโปพยักหน้า ” เธอลองชิมดูสิ รสชาติน่าจะไม่เลวนะ”

กงเสี่ยวเจิ้งคีบเส้นมันฝรั่งขึ้นมา เส้นมันฝรั่งพวกนี้นั่นได้ดีมาก ดูเป็นสัดเป็นส่วนมาก

เธอใส่เข้าไปในปากเพื่อลองชิมดู เผ็ดร้อนปานกลาง รสชาติกําลังดี รู้สึกไม่เลวเลยทีเดียว !

“ อร่อย! ” กงเสี่ยวเจิ้งเอ่ยปากชม

หยางโปรู้สึกค่อนข้างภาคภูมิใจ “ เส้นมันฝรั่งผัดนี้มันเป็นงานถนัดของฉันอยู่แล้ว ดูเหมือนว่ารสชาติไม่เลวเลยทีเดียว ! ”

ชุยอี้ผิงนั่งมองทั้งสองคนอยู่ด้านข้าง ยิ้มจางๆโดยที่ไม่พูดอะไร

ในระหว่างที่กําลังคุยกันอยู่นั้น พนักงานจํานวนมากต่างก็พากันวิ่งกรูเข้ามา

ตอนที่ 915 ฝีมือการใช้มีดที่ล้ําลึก

กงเสี่ยวเจิ้งดูตื่นเต้นมากกับการมาถึงของหยางโป เริ่มแรกเป็นหยางโป ที่พาเธอมาที่ตี้จึง

และก็เป็นหยางโปที่ช่วยเธอให้ได้มาใช้ชีวิตในเส้นทางนี้ บริษัทถึงกับส่งเธอไปให้ทีมงานที่ฮ่องกงเพื่อศึกษาเรียนรู้เป็นเวลาถึงหลายเดือน!

ในใจของกงเสี่ยวเจิ้งเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณหยางโป เธอคิดว่าหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหยางโป เกรงว่าเธอจะยังคงอยู่ในเมืองนั้น และอาศัยวิธีการที่ไร้ยางอายเพื่อกลับไปตอบแทนสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าอยู่

“ ประธานหยาง นี่คือห้องทํางานของประธานชุย ฉันต้องไปเรียนแล้ว ตอนเที่ยงคุณพอมีเวลาไหม ? ฉันอยากเลี้ยงข้าวคุณ ! ” กงเสียวเจิ้งกล่าว

หยางโปมองดูหญิงสาวที่มีชีวิตชีวาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ก็รู้สึกอดยิ้มไม่ได้ “ ตอนเที่ยงฉันจะกินข้าวที่โรงอาหาร ถึงเวลานั้นมากินด้วยกันสิ !”

กงเสี่ยวเจิ้งพยักหน้า “ ถ้างั้นก็ได้ !”

เมื่อส่งกงเสี่ยวเจิ้งไปแล้ว หยางโปก็ไปเคาะประตูห้องทํางานของชุยอี้ผิงและเดินเข้าไป

ชุยอี้ผิงกําลังจัดการกับงานอยู่ พอเงยหน้าขึ้นเห็นหยางโปเดินเข้ามา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดออกมาว่า ” ในที่สุดนายก็มา เมื่อกี้น่าจะเดินดูไปมารอบหนึ่งแล้วใช่ไหม ? ชอบสาวคนไหนของเราหรือเปล่า ?” “ ฉันเป็นสมภารกินไก่วัดหรือไง? ” หยางโปถาม

ชุยอี้ผิงมองสํารวจขึ้นลง “ ก็นายนั่นแหละ”

ในขณะที่พูด ชุยอี้ผิงก็รินน้ําชาให้หยางโปแก้วหนึ่ง และเชิญให้เขานั่งลง จากนั้นถึงได้เอ่ยปากพูดว่า “ อันที่จริงแล้ว ที่เชิญนายมาคือฉันมีเรื่องจะพูดกับนายสักหน่อยน่ะ”

หยางโปนั่งบนโซฟาและมองสํารวจไปรอบๆ ห้องทํางานของชุยอี้ผิงไม่ใหญ่ แต่ดูเป็นระเบียบมาก มีกระถางต้นไม้สีเขียวจัดวางอยู่หน้าโต๊ะทํางานสองสามต้น ทําให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

หลังจากจิบชาแล้ว หยางโปถึงได้ชายตามองไปที่ชุยอี้ผิงอย่างไม่รีบร้อน” มีเรื่องอะไร?”

ชุยอี้ผิงมีอาการลังเลเล็กน้อย “ ฉันอยากลาออก”

หยางโปนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมองชุยอี้ผิง “ บอกฉันได้ไหมสาเหตุคืออะไร ? ”

ชุยอี้ผิงครุ่นคิดอยู่สักพัก “ ฉันคิดว่าฉันไม่เหมาะกับการทําธุรกิจ ฉันไม่ชอบการพบปะสังสรรค์และกินเลี้ยง ทุกครั้งที่ต้องมาเผชิญหน้ากับสีหน้าและรอยยิ้มในแต่ละรูปแบบ และกฎเกณฑ์ต่างๆบนโต๊ะกินเลี้ยง ฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก!”

หยางโปมองหน้าชุยอี้ผิง มองใบหน้าที่เผยความเจ็บปวดบางส่วนของเขาออกมา จึงพยักหน้าลงเล็กน้อย “ ฉันเข้าใจ นายไม่ชอบจัดการกับความสัมพันธ์ระหว่างคน นายต้องการเผชิญหน้ากับกระดานวาดภาพทุกวันอย่างเป็นอิสรเสรีใช่ไหม? ”

ชุยอี้ผิงพยักหน้า “ ใช่ ! “

หยางโปมองไปที่ชุยอี้ผิง บริษัทก่อตั้งขึ้นจากความต้องการของชายชราที่อยากจะฝึกฝนชุยอี้ผิง เพื่อไม่ให้เขาหมกมุ่นอยู่แต่กับการวาดภาพไปซะหมด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ผลจริงๆ

ตรงกันข้ามกลับทําให้ชุยอี้ผิงมีความรู้สึกรังเกียจ

หยางโปไม่ได้แปลกใจมากนัก เรื่องราวทั้งหมดที่ชุยอี้ผิงเล่าให้เขาฟัง น่าจะอยากให้เขาเอ่ยปากพูดเรื่องนี้กับชายชรา เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเงยหน้ามองชุยอี้ผิง “ คืนนี้มีงานเลี้ยงไหม? ”

ชุยอี้ผิงพยักหน้า ” คืนนี้มีงานเลี้ยง เป็นการทานข้าวเย็นร่วมกันของผู้กํากับและโปรดิวเซอร์หลายคนในอุตสาหกรรมนี้ “

ใครคือบุคคลที่สําคัญที่สุดในคืนนี้ ? ” หยางโปชายตามองมาทางชุยอี้ผิง

หานเสี่ยวผิง” ชุยอี้ผิงตอบ

หยางโปไม่ค่อยรู้เรื่องวงการภาพยนตร์ในประเทศมากนัก แต่เขารู้ว่าหานเสี่ยวผิงเป็นบุคคคลสําคัญ เขาควบคุมการนําเข้าภาพยนตร์ในประเทศและส่งผลกระทบต่อกําหนดการภาพยนตร์ในประเทศ

“ งานเลี้ยงคืนนี้ฉันจะไปเป็นเพื่อนนายเอง” หยางโปกล่าว

ชุยอี้ผิงหันไปมองหน้าหยางโปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย จู่ๆก็รู้สึกแปลกใจปนดีใจ

” ดีเลย พวกเราไปด้วยกัน! “

หยางโปไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมชุยอี้ผิง เพราะเขารู้ดีว่าชุยอี้ผิงจะไม่เอ่ยถึงปัญหานี้ออกมาอย่างง่ายดาย เขาต้องคิดไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบแล้ว

ถ้าทําตามข้อตกลงที่ให้ไว้กันก่อนหน้านี้ พอหยางโปมาถึงโรงอาหาร ชุยอี้ผิงได้เตรียมเครื่องปรุงไว้ให้พร้อมแล้ว เขาจึงเหลือบมองไปที่หยางโป” เมื่อวานนี้นายบอกว่าจะแสดงฝีมือ ฉันเลยให้ครัวซื้อส่วนผสมเพิ่มเติมมาให้เป็นการเฉพาะ”

หยางโปพยักหน้า เขาเดินเข้าไปและมองสํารวจอย่างละเอียด

หยางโปรู้วิธีทําอาหาร อีกทั้งยังมีฝีมือการทําอาหารที่ดีมากอีกด้วย แต่มีเคล็ดลับการทําอยู่ไม่เยอะ เขาคิดอยู่นาน จึงคิดที่จะทําผัดมันฝรั่งฝอยแบบง่ายที่สุด!

แต่เมื่อชุยอี้ผิงได้ฟังหยางโปบอกชื่อรายการอาหารก็ถึงกับตกตะลึงไปทันที เขาเบิกตากว้างมองหน้าหยางโป “ ผัดมันฝรั่งฝอย ? นายแน่ใจนะว่าจะทําผัดมันฝรั่งฝอย? ”

หยางโปพยักหน้า “ ทําไม? มีปัญหางั้นเหรอ? ”

ชุยอี้ผิงส่ายหน้า “ ฉันเชิญนายมาอย่างยากลําบาก แต่ตอนนี้นายกลับบอกว่าจะทําผัดมันฝรั่งหั่นฝอย ทําไมฉันรู้สึกว่าเหมือนฉันจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดหวังที่อยู่ในใจของทุกคนได้นะ?”

หยางโปหัวเราะ “ อย่าเพิ่งรีบร้อนพูดแบบนี้ ดูจบแล้วค่อยพูด !” โรงอาหารของบริษัทจ้างแม่บ้านมาสองคน พวกเธอกําลังเตรียมอาหารกลางวันอยู่พอดี เมื่อได้ยินว่าหยางโปกําลังจะเตรียมอาหารกลางวัน ก็รีบเข้ามาลงมือช่วยทันที แม่บ้านคนหนึ่งหยิบมันฝรั่งออกมาและกําลังจะทําการปอกเปลือก

แต่หยางโปรีบห้ามไว้และพูดว่า “ ป้าทั้งสอง พวกคุณไปทํางานเถอะ หากฝีมือทําอาหารของผมไม่ได้เรื่อง ทําอาหารดีๆออกมาไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้น ยังต้องพึ่งพาฝีมือของพวกคุณอยู่นะ”

“ เถ้าแก่ลงมือทําเอง ฝีมือจะแย่ได้ยังไง” ป้าคนหนึ่งพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม

หยางโปยิ้ม เขาหยิบมันฝรั่งขึ้นมาและปอกเปลือกออกทันที การเคลื่อนไหวของเขาดูเชื่องช้ามาก อย่างกับชายแก่คนหนึ่ง

ชุยอี้ผิงที่ยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “ นายเคยเข้าครัวไหมเนี่ย ? นายคงไม่ใช้เวลาสองชั่วโมงในการปอกเปลือกและนั่นมันฝรั่งหรอกนะ ? ถ้าอย่างนั้นพวกเราคงจะไม่ได้กินผัดมันฝรั่งฝอยของนายแล้วล่ะ! ”

หยางโปถือมีดไว้ในมือโดยที่ไม่พูดอะไร แต่มีดในมือยิ่งนั่นเร็วขึ้นเรื่อยๆ มีดในมือของเขาทําราวกับบินได้ เปลือกของมันฝรั่งต่างก็บินตามไปพร้อมกับมัน

แค่พริบตาเดียว มันฝรั่งลูกหนึ่งก็ถูกปอกเปลือกจนแล้วเสร็จ

ชุยอี้ผิงถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย “ นายเคยฝึกมาก่อนหรือเปล่า? ”

หยางโปไม่ได้สนใจ ปอกเปลือกมันต่อไป

ไม่นาน หยางโปกปอกเปลือกมันฝรั่งเสร็จ เขาเงยหน้าขึ้นมองซุยอี้ผิง “ ใช้เวลาไปนานเท่าไหร่ ? จะเสียเวลาไหมตอนนี้ ? ”

ชุยอี้ผิงสังเกตเห็นแล้วว่าหยางโปดูเหมือนจะมีทักษะการทําอาหารอยู่บ้าง เขาพยักหน้าลง

“ ไม่เลว แต่ฉันยังต้องดูทักษะการใช้มีดของนายก่อน !”

หยางโปไม่ได้อธิบายว่ายังไง เขาวางมันฝรั่งลงบนเขียง แล้วนั่นเป็นชิ้นอย่างช้าๆก่อน จากนั้น มีดทําครัวในมือก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ใบมีดตัดมันฝรั่งออกเป็นชิ้นเล็กละเอียด เส้นมันฝรั่งพวกนี้แต่ละเส้นละเอียดมาก อีกทั้งยังได้สัดส่วนดีมาก !

ชุยอี้ผิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ตะลึงอ้าปากค้างไปเลยทีเดียว เขาหยิบมันฝรั่งเส้นหนึ่งฉีกออกดู

ดูเส้นที่บางราวกับเข็ม ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมอยู่ไม่น้อย “ ฉันค้นพบว่านะ คนบางคนเกิดมาก็เก่งมาก ไม่ว่าเรื่องทําครัวก็ทําได้ดีเช่นกัน ! ”

หยางโปเมินเขา สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่มันฝรั่งตรงหน้า ทันใดนั้นก็พบว่า สายตาดี มีประโยชน์มากจริงๆ เขาไม่ได้รับการฝึกฝนมาก่อน เหตุผลที่เขาสามารถตัดออกมาได้สัดส่วนอย่างแม่นยํา นั่นเพราะเขามองเห็นได้อย่างชัดเจน !

แม่บ้านที่ทํางานในโรงอาหารถึงกับตกใจนิ่งอึ้งไปเหมือนกัน พวกเธอยืนดูหยางโปกวัดแกว่งมีดทําครัวไปมา ถึงกับอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ นี่มันเร็วเกินไปหรือเปล่า? ”

“ ฉันว่านะ นี่นายไม่ได้อยากทําอาหาร นี่อยากมาอวดทักษะการใช้มีดซะมากกว่าละมั้ง ?” ชุยอี้ผิงหยอกล้อขําๆ

“ ฉันคิดว่า สู้คุณทําเต้าหู้เหวินซือดีกว่านะ ” จู่ๆแม่บ้านคนหนึ่งที่เสนอออกมา

ตอนที่ 914 กลับบริษัท

ชายชราส่ายหน้า “ ถ้าแกสัญญากับฉันได้ว่าชีวิตนี้จะไม่ออกจากเมืองจิงอีก แกอยากแต่งงานเมื่อไหร่ก็แต่งเมื่อนั้น”

หยางโปรู้สึกจนปัญญา เพราะเขารู้ดีว่าครั้งนี้ชายชราโกรธเข้าแล้วจริงๆ ในเมื่อมันก็ไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งก่อนเขาก็ถูกตระกูลวอล์คเกอร์ของอเมริกาตามไล่ฆ่า ชายชราต้องลงทุนลงแรงส่งเขาไปอยู่ในกองทัพ ให้เขาได้ซ่อนตัวไปอยู่พักหนึ่ง

แต่ดีที่ครั้งนั้นมีเรื่องตื่นตกใจแต่ก็ไม่ได้รับอันตราย ชายชราก็ไม่รู้รายละเอียดของการไล่ล่าที่แน่ชัด รู้แค่มีเรื่องราวนี้ แต่ครั้งนี้มันต่างกัน ครั้งนี้เกิดขึ้นที่ระดับความสูงหนึ่งหมื่นเมตรกลางอากาศ

ไม่มีแม้แต่ที่ให้หลบซ่อนเลย ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้น ก็จะตายกันยกลําเครื่องบิน มันยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรอดมาได้ !

ถึงแม้จะพอเข้าใจความรู้สึกของชายชรา แต่หยางโปก็ยังรู้สึกว่ามันกระทันหันเกินไป

ชายชราไม่ให้โอกาสเขาคัดค้านเลย เขาหันไปหาชุยอี้ผิงทันที ” อี้ผิง เรื่องนี้มอบหมายให้แกไปจัดการ ถ้าสามารถหาคนที่มีความรู้สึกได้ก็จะยิ่งดี แบบเดียวกับสาวน้อยฮัวชิงหยุนนั่นก็ไม่เลวนะ หลังจากนั้นเขายังพาเยว่จริ้นเหยากลับมาด้วยไม่ใช่เหรอ ? แบบนี้ก็ได้ !”

“ ถ้าเขาไม่ยินยอม ก็ให้เขาหาเอาจากในบริษัท พวกแกไม่ใช่มีบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์หรอกหรือไง มีสาวสวยออกจะมากมาย จะต้องมองหาคนประเภทที่ไร้เดียงสาหน่อย ที่กําลังเข้ามาทํางานในสายอาชีพนี้ ”

ก่อนหน้านี้ชุยอี้ผิงยังคงจมอยู่กับอาการตกใจที่เกิดจากกระบี่หยก จู่ๆเมื่อได้ยินหัวข้อการสนทนาเปลี่ยนไปเป็นการบังคับแต่งงาน เขาจึงไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาและหงซิ่วซิ่วยังไม่ได้แต่งงานกัน คนอย่างเขาที่แต่งงานช้าไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไร แต่ต่อจากนั้นก็คาดคิดไม่ถึงว่าชายชราจะมอบหมายเรื่องนี้ให้เขาจริงๆ !

คิดไม่ถึงว่าจะให้เขาตามหาเอาจากในบริษัท ดูจากเงื่อนไขพวกนี้ ไม่เหมือนบังคับให้แต่งงาน

แต่เหมือนคัดเลือกสาวงามซะมากกว่า !

ชุยอี้ผิงมีท่าที่ลังเลใจ “ คุณปู่ ทําแบบนี้มันไม่ดูโหดร้ายไปหน่อยเหรอ” ชายชราส่ายหน้า

“ มีอะไรโหดร้ายกัน ให้เวลาเขามามากพอแล้ว ตัวเองไม่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีจะมากังวล เอาตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์ !”

” มีกําหนดเวลาไหม ? “ ชุยอี้ผิงถาม

ชายชราลังเลเล็กน้อย “ ตอนนี้ก็ปลายเดือนเมษายนแล้ว จะเป็นการดีที่สุดถ้าแกยืนยันแน่ชัดในช่วงเดือนมิถุนายนและแต่งงานในช่วงเดือนกรกฎาคม !”

“ แต่งงานเดือนกรกฎาคม !” หยางโปมีสีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “ คุณปู่ ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้”

“ ฉันคิดว่าพอดี ไม่ได้รีบร้อนเป็นพิเศษ ตอนนั้นองค์กรของพวกเราจัดการแนะนําตัวให้

ปกติแล้วครึ่งเดือนก็สามารถแต่งงานกันได้แล้ว มีเหรอจะเหมือนตอนนี้ ต้องคบกันก่อนหลายปี ทําอย่างกับวิ่งมาราธอน ! ” ชายชรากล่าว

หยางโปรู้สึกหมดหนทาง “ คุณปู่ ยุคสมัยมันต่างกัน ตอนนี้มันต่างออกไปจากอดีตแล้ว”

ชายชราส่ายหัว “ ยุคสมัยต่างกัน แต่ความรู้สึกจริงใจมีเหมือนกัน”

พอพูดจบ ชายชราก็มองตรงไปที่ซุยอี้ผิง” อี้ผิง เรื่องที่ฉันใช้ให้แกไปทําได้ยินชัดเจนแล้วใช่ไหม ? ”

ชุยอี้ผิงยิ้มตาหยี ” คุณปู่ ไม่ต้องกังวล ปู่อยากให้หาหลานสะใภ้แบบไหน ผมจะหาแบบนั้นมาให้

ดูโทรทัศน์เมื่อไหร่ ถ้าคิดว่าผู้หญิงคนไหนสวย ผมช่วยนัดเจอกับหยางโปให้ได้หมด !”

หยางโปตกตะลึงอ้าปากค้าง เขามองหน้าชุยอี้ผิงตาเขม็ง “มีใครเป็นเหมือนนายกัน ? “

ชายชราโบกมือ “ เรื่องราวก็เอาตามนี้ ฉันจะไม่พูดอะไรมาก พวกแกวางแผนให้ดี ฉันจะรอดื่มเหล้าแสดงความยินดีในงานแต่งงานในวันที่ 1เดือนกรากฎาคมก็แล้วกัน ! ”

ชุยอี้ผิงพยักหน้า “ เอาล่ะ ผมจะพยายามทําเรื่องนี้ให้ดีที่สุดก็แล้วกัน !”

หยางโปยังอยากจะเถียง แต่กลับถูกชุยอี้ผิงลากตัวออกไป

“ นี่นายกําลังทําอะไร นายยังไม่ได้แต่งงานเลย ฉันจะรีบร้อนหาอะไร ? ” หยางโปพูดอย่างเสียไม่ได้

ชุยอี้ผิงหัวเราะฮ่าๆ “ สมน้ําหน้านายแล้วล่ะ คุณปูคงคิดว่านายหาเรื่องเก่ง ถ้านายอยู่เงียบๆ ไม่ไปไหน ไม่มีอันตรายอะไร เขาคงไม่บังคับให้นายแต่งงานหรอก”

หยางโปส่ายหัวจนปัญญาไม่พูดอะไรมาก

ชุยอี้ผิงชายตามองไปที่หยางโป ” ภารกิจนี้ลําบากมาก แต่ปัญหาหลักคือนาย นายว่ามาดีกว่าฉันควรจะทํายังไงดี ? ตอนนี้นายจะไปหาผู้หญิงเอง หรือให้ฉันเปาประกาศ หาสาวดีๆในแวดวงให้มาคบกับนายดี ? ”

“ ในแวดวง ? นายมีผู้หญิงดีๆที่ไหนกัน ? ” หยางโปถาม

ชุยอี้ผิงส่ายหน้า “ นายวางใจได้ ตราบใดที่ฉันแนะนําให้นายรู้จักจะต้องเช็คดูก่อนแน่นอน

นายสบายใจได้ !”

“ อย่า อย่า ! ขอฉันคิดดูก่อน” หยางโปกล่าว

ชุยอี้ผิงตบไหล่ของหยางโป” อันที่จริง ฉันคิดว่าฮัวชิงหยุนเป็นหญิงสาวที่ดีคนหนึ่ง นายลองพิจารณาดูหน่อยสิ ”

หยางโปรู้สึกจนปัญญามาก “ ได้ พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน !”

หลังจากใช้เวลาอยู่ที่บ้านเก่ามาสองสามชั่วโมง ฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้ว ชายชราถึงขนาดที่ไม่ใช้ให้อยู่กินข้าวด้วย

เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลินหลินก็นั่งกินข้าวที่โต๊ะอาหารเย็นคนเดียวแล้ว เมื่อเห็นหยางโปกลับมา

ก็รู้สึกแปลกใจมาก “ ทําไมลูกถึงไม่กินข้าวเย็นที่บ้านเก่า ?”

หยางโปรู้สึกหมดทางออก “ อย่าพูดถึงมันอีกเลย คุณปูบังคับให้ผมแต่งงาน ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างโกรธเอาด้วย”

“บังคับให้แต่งงาน ? ” หลินหลินรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ “อ้อ อี้ผิงไม่เด็กแล้ว ควรแต่งงานได้แล้ว ”

“ ไม่ใช่เขา แต่เป็นผมที่ต้องแต่งงาน ความหมายของเขาคือ อยากให้ผมเริ่มเตรียมตัวตอนนี้

ยังไงซะ ก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนจะต้องจัดการให้เรียบร้อยภายในวันที่ 1 กรกฎาคมจะต้องแต่งงาน ! ” หยางโปพูดด้วยความทุกข์ใจ

หลินหลินมองหยางโปสํารวจขึ้นลง อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ ถ้าอย่างนั้นมันก็ดีมากไม่ใช่เหรอ ? แม่คิดว่าแต่งงานแต่เนิ่นๆจะดีมาก รีบมีเจ้าตัวเล็กตัวอ้วนๆเร็วๆ แม่จะช่วยลูกเลี้ยงเอง”

“ แต่ทําไมถึงต้องรีบร้อนขนาดนั้น !” หยางโปเอ่ยออกมาอย่างช่วยไม่ได้

หลินหลินยิ้มและพูดว่า “ เอาล่ะ ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ บางทีบุพเพสันนิวาสอาจจะมาถึงในเร็วๆนี้ ลูกหิวแล้วใช่ไหม เดี๋ยวแม่จะไปทําอาหารเพิ่มอีกสักสองอย่างให้”

หยางโปโบกมือทันที “ แม่ไม่ต้องยุ่งยากแล้ว อาหารพวกนี้ก็พอแล้ว”

วันที่สอง หยางโปได้เดินทางไปที่บริษัทสื่อบันเทิงของเขา

บริษัทสื่อบันเทิงแห่งนี้เป็นทรัพย์สินของเขา แต่เขากลับมาที่นี่น้อยมาก นี่เป็นครั้งที่สองที่เขามาที่บริษัท ครั้งแรกมาเมื่อตอนที่ทําการเปิดตัวบริษัท

หยางโปเดินเข้ามาในบริษัท ดูเหมือนหญิงสาวที่แผนกต้อนรับจะจําเขาไม่ได้ “ สวัสดีค่ะ คุณผู้ชาย คุณมาหาใครค่ะ ? ”

“ ผมมาหาชุยอี้ผิง” หยางโปตอบ

หญิงสาวที่แผนกต้อนรับมีใบหน้าที่สวยงาม แต่งหน้าอย่างละเอียดอ่อน เธอมองหยางโปขึ้นลงอย่างสํารวจตรวจตรา ” คุณได้นัดเอาไว้ไหม ?

“ งั้นผมขอนัดหมายหน่อยก็แล้วกัน ” หยางโปกล่าว

หญิงสาวแผนกต้อนรับกําลังที่จะเอ่ยปากพูด ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอสวมแว่นตาสีดําขนาดใหญ่ปกปิดใบหน้าเกือบทั้งหมด ผิวของเธอขาวเนียนราวกับหิมะ จมูกโด่งสูง ริมฝีปากที่บอบบางและงดงามปรากฏออกมา ดูแล้วน่าจะเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง

เธอเดินผ่านแผนกต้อนรับและเหลือบมองไปทางหยางโป ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจ แต่เธอก็ก้าว ถอยหลังมาทันทีและหันกลับมามอง “ ประธานหยาง ? ”

หยางโปที่กําลังจะกดสายโทรออกก็เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นกงเสี่ยวเจิ้งถอดแว่นตาดําออกก็เผย ให้เห็นใบหน้ารูปไข่ที่สวยงาม ใบหน้าของเธอแดงระรื่นเล็กน้อย ดูเหมือนจะค่อนข้างตื่นเต้น “ ประธานหยาง ใช่คุณจริงๆด้วย !”

หยางโปยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับคําเรียกขานนี้ เขาพยักหน้า “เสี่ยวเจิ้ง จะไปถ่ายหนังเหรอ ? ”

กงเสี่ยวเจิ้งเดินเข้ามาพอดี ” ไม่ วันนี้บริษัทได้จัดหาครูสอนบุคลิกภาพมาให้ เลยต้องเรียนเต้น “

“ อาศัยที่ยังเด็กอยู่ ต้องเรียนรู้ให้มากๆนะ” หยางโปกล่าว

“ประธานหยาง คุณจะเข้าไปไหม ? ” กงเสี่ยวเจิ้งถาม

หยางโปพยักหน้า “ถูกห้ามเอาไว้อยู่น่ะ ”

ในเวลานี้ แผนกต้อนรับก็จําตัวตนของหยางโปได้ในที่สุด “ ประธานหยาง ต้องขอโทษด้วยจริงๆฉันเพิ่งมาใหม่ ยังไม่เคยพบกับคุณมาก่อน !”

หยางโปยิ้มและโบกมือให้ “ไม่เป็นไร”

ตอนที่ 913 บังคับแต่งงาน

ชุยอี้ผิงและหยางโปพูดคุยกันทั้งบ่าย จวบจนค่ําถึงได้ขอตัวกลับ ก่อนจะกลับเขาได้เตือนหยางโปไปว่า ” คุณปูถามหานายมีเรื่องจะพูดด้วย เย็นนี้นายไปหาหน่อยก็แล้วกัน !”

หยางโปพยักหน้า ถึงรู้ว่านี่คงจะเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ชุยอี้ผิงมาหาวันนี้ !

หยางโปไม่รอช้า พอชุยอี้ผิงกลับไปได้ไม่นาน เขาก็บอกกับหลินหลินและออกไปทันที

เมื่อมาถึงบ้านเก่า หยางโปก็เห็นว่าชุยอี้ผิงมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า

“นายจะมา ทําไมไม่บอกฉันมาตามตรง พวกเราจะได้มาด้วยกัน !”

ชุยอี้ผิงยิ้มและตอบกลับไปว่า ” ฉันไปทําธุระก่อนถึงจะมาที่นี่ ใครจะไปรู้ว่านายจะช้าขนาดนี้

ชายชรากําลังทําสวนอยู่ในสวนผัก หยางโปทักทายกับชายชรา จากนั้นก็นั่งลงจิบชาอยู่ข้างๆ

สวนผักมีขนาดไม่ใหญ่ แต่ชายชราก็มักจะชอบไปคลุกอยู่ด้านในสวนมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่ยอมให้คนอื่นมายุ่ง นานวันเข้า ทุกคนก็เคยชินกับนิสัยของชายชรา จึงมีโต๊ะน้ําชาอยู่ข้างสวนผักไว้เพื่อนั่งรออยู่ตรงนี้เป็นการเฉพาะ

หลังจากชายชรายุ่งอยู่กับงานได้สักพัก ก็ล้างมือและหยิบชาที่หยางโปชงให้ขึ้นมาจิบอีกใหญ่ก่อนที่จะหันมาสํารวจมองหยางโปก่อนจะพูดว่า “ เล่าเรื่องตอนที่แกอยู่ที่อเมริกามาให้ฟังมาทั้งหมด ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างที่มีปัญหา ”

หยางโปเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาตอนที่อยู่อเมริกาให้ฟัง แต่เขาปกปิดความสามารถของ

อวี่เหวินเอาไว้ บอกไปแค่ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้

ชายชราขมวดคิ้ว “ แกหมายความว่า แกแน่ใจว่าคนที่ตามไล่ฆ่าแกครั้งนี้เป็นใครโดยเฉพาะ อย่างยิ่งเป้าหมายของเขาในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อหัวงูทองสัมฤทธิ์ แต่เพื่อของอย่างอื่น ? มันคืออะไร ?

หยางโปลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหยิบกระบี่หยกออกจากกระเปาแล้ววางลงบนโต๊ะ “ กระบี่หยก ”

ชายชราหยิบกระบี่หยกขึ้นมาสํารวจดูอย่างละเอียด “ นี่มันก็ไม่ได้มีอะไรเลยหนิ ? ”

หยางโปส่ายหัว ” ผมก็ไม่ค่อยรู้แน่ชัดว่ากระบี่หยกเล่มนี้มีไว้ใช้เพื่ออะไร”

“ ถ้าอย่างนั้นแกก็มอบกระบี่หยกเล่มนี้ให้ฉัน ฉันจะเชิญเพื่อนเก่าสักสองสามคนมาช่วยแกตรวจสอบดู” ชายชรากล่าว

หยางโปลิ้งไปเล็กน้อย กระบี่หยกเล่มนี้มีมูลค่ามาก ถือได้ว่าเป็นกระบี่เล่มแรกที่เขาเห็นว่ามีพลังอยู่เลยก็ว่าได้ กระบี่หยกเล่มนี้ไม่ธรรมดาเอามากๆ ตอนนี้เขายังไม่มีเวลามาศึกษากระบี่หยก แน่นอนว่าจะส่งมอบไปตามใจชอบไม่ได้ !

เมื่อเห็นหยางโปดูเหมือนจะไม่เต็มใจ ชายชราก็ได้อธิบายไปว่า “ แกวางใจได้ ไม่เกิดปัญหาขึ้นแน่นอน”

“ คุณปู ผมคิดว่าอวี่เหวินอาจใช้กระบี่หยกเล่มนี้ได้บางทีหยวนเฉิงเฟย อาจจะคิดแย่งชิงกระบี่หยกเล่มนี้เพื่ออวี่เหวินก็เป็นได้ ” หยางโปพูดโกหก

ชายชราจ้องหน้าหยางโปอยู่นานก่อนจะเอ่ยปากพูดออกมา “ แกนี้นะ แค่ไม่ยอมพูดความจริงออกมา แกต้องรู้เอาเลยไว้นะ ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องมาถึงชีวิตของแก ฉันแค่ต้องการทราบปัจจัยที่คุกคามถึงความปลอดภัยในชีวิตของแกเท่านั้น ถ้าแกไม่ให้ความร่วมมือ แล้วจะทําให้ฉันสบายใจได้ยังไง ?”

ชุยอี้ผิงก็พูดเกลี้ยกล่อมอยู่ด้านข้างเช่นกัน “ ฉันก็รู้สึกว่าเรื่องที่นายพูดมาพวกนี้ ดูย้ําๆอึ้งๆไปหมด และยังดูค่อนข้างมีข้อขัดแย้งกันอยู่”

หยางโปค่อนข้างสับสน เขาไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องการฝึกฝนพลัง แต่ชายชราเป็นคนที่มีหลักครองธรรมในสังคม และเคยพบกับอวี่เหวินมาก่อน เขาพอจะรู้จักอวี่เหวิน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะหลอกเขาได้

หลังจากลังเลเล็กน้อย หยางโปก็หยิบกระบี่หยกขึ้นมา พลังงานกลางจุดตันเถียนวิ่ง พลุกพล่านพลังก็ค่อยๆถ่ายถอดเข้าไปในกระบหยกอย่างแผ่วเบา หยางโปสามารถสัมผัสคลื่น พลังรัศมีในอากาศได้อย่างชัดเจน พลังดูเหมือนจะสั่นไหวเล็กน้อย ทําให้กระบี่หยกในมือของเขาดูเหมือนจะมีพลังไร้ขีดจํากัด เขาถึงกับสัมผัสได้ถึงภาพลวงตาจางๆตราบใดที่เขาเหวี่ยงกระบี่หยกออกไป

มันสามารถตัดข้าวของทุกอย่างออกจากกันได้ !

หยางโปมองไปทางโต๊ะ จากนั้นเขาก็ถือกระบี่หยกไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ฟันลงไปที่ถ้วยบนโต๊ะทันที

ไม่มีเสียงโลหะอะไร หรือแม้แต่เสียงรบกวนใดๆ เหมือนใช้กระบี่หยกผ่าเต้าหูออกจากกัน

ทุกอย่างก็เรียบร้อย !

ถ้วยลายครามแตกออกเป็นสองส่วน น้ําชาไหลรินออกจากถ้วยเศษเครื่องลายครามตกลงบนโต๊ะเสียงดังคมชัด

ในสถานที่เกิดเหตุเงียบกริบ ชายชราและชุยอี้ผิงทั้งสองตามองไปบนโต๊ะอย่างไม่กระพริบตา

โดยที่ไม่เอ่ยปากพูดอะไร

สีหน้าของชุยอี้ผิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขารู้สึกเหลือเชื่อ นี่มันทําได้ยังไง ต่อให้หยิบกระบี่คมกริบกวัดแกว่งไปมาอย่างแรง มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทําให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ นี่มันปลอมเกินไป ทําอย่างกับว่าเป็นเวทมนตร์ !

แต่ชุยอี้ผิงรู้ดีว่านี้ไม่ใช่เวทมนตร์ เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้า อีกทั้งยังเป็นหยางโปที่เป็นคนทําเองอีกด้วย เขามาเร็วกว่าหยางโปเล็กน้อย ก็ยิ่งเห็นชัดว่าแก้วที่นี่ไม่ได้เสียหายอะไรเลย !

หลังจากผ่านไปสักพัก ชายชราถึงได้มองหน้าหยางโป ” แกเรียนกับอวี่เหวินมาแล้วใช่ไหม ?”

หยางโปมองไปที่ชายชราด้วยความแปลกใจ “ คุณปู่ รู้ได้ยังไง ?”

ชุยอี้ผิงมองไปที่ชายชราเช่นกัน เขาดูไม่ค่อยจะเข้าใจ

ชายชราจ้องหน้าหยางโป “ หลังจากที่พบกับอวี่เหวินครั้งแรก ฉันก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เหมือนกับเซียน ไม่น่าจะมีศิลปะการต่อสู้แบบคนธรรมดาทั่วไป และอยู่นอกเหนือจากที่พวกเรารู้และ ความเข้าใจตอนนี้เมื่อได้มาเห็นกระบี่หยกเล่มนี้ฉันก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น”

หยางโปไม่รู้จะแก้ตัวยังไง แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร

ชุยอี้ผิงมองไปที่หยางโป “ หรือว่ากระบี่หยกเล่มนี้ จะเป็นกระบี่เซียนในตํานาน ? ”

หยางโปส่ายหน้า “ ไม่ขนาดนั้น แค่มีความยอดเยี่ยมหน่อยก็เท่านั้น เหตุผลหลักคืออะไรฉันก็ไม่ค่อยรู้”

ชายชราจ้องมองหยางโปก่อนจะส่ายหัวและถอนหายใจยาวออกมา “ ช่างเถอะ เรื่องนี้ฉันไม่ถามอะไรมากแล้ว แต่ถ้าต่อไปภายภาคหน้า ถ้าแกเดินบนเส้นทางที่ต่างกัน ก็ต้องระมัดระวังตัวเอาไว้ให้ดี ”

หยางโปรึบพยักหน้า “ คุณปูไม่ต้องห่วง ผมจะระมัดระวังตัวแน่นอน เรื่องในครั้งนี้มันเป็นอุบัติเหตุ”

“ เมื่อกี้แกบอกว่าคนที่อยากจะแย่งชิงกระบี่หยกคือหยวนเฉิงเฟยจากสมาคมลับหงฮวาถัง

ทําไมเขาถึงอยากแย่งชิงกระบีหยกด้วยล่ะ ?” ชายชราถาม

หยางโปมีอาการลังเลอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้อธิบายว่าอะไร

ชายชราโบกมือ “ ในเมื่อพูดไปแล้วว่าจะไม่ถามงั้นฉันก็จะไม่ถามอีก ”

หยางโปรู้สึกสํานึกผิดไม่น้อย แต่กลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

ทั้งสามคนนั่งจิบชากันอยู่ที่โต๊ะ ชายชราที่เงียบไปครู่หนึ่ง ก็เอ่ยปากพูดออกมาว่า “ ช่วงนี้ แกยังจะออกไปไหนอีกไหม ? ”

“น่าจะอยู่ที่ตี้จิงสักพักนะ ” หยางโปตอบ

“ กิจการของแกตอนนี้ถือได้ว่าเปิดตัวแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือต้องสร้างพิพิธภัณฑ์สินะ ?”

ชายชรามองหน้าหยางโป

หยางโปพยักหน้า “ ผมมีที่ดินผืนหนึ่งอยู่ที่จินหลิง ขั้นตอนเบื้องต้นเริ่มไปแล้วไม่น้อย และได้เริ่มวางฐานรากสิ่งก่อสร้างขึ้นแล้ว เกรงว่ายังต้องรออีกสองปีกว่าถึงจะเปิดกิจการได้”

“ สองปี ?” ชายชราบ่น ทันใดนั้นเขาก็หันมองไปที่หยางโป “ ก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่เคยบังคับแกมาก่อน แต่ตอนนี้ฉันคิดว่า แกต้องแต่งงานมีลูกได้แล้ว”

หยางโปตกตะลึงไปทันที “ ทําไม ? ตอนนี้ผมยังอายุไม่เยอะเลย !”

ชายชราจ้องมองหยางโป “ ใจแก่น่าจะรู้เหตุผลดี แกต้องทิ้งสายเลือดไว้ให้พ่อของแก

สภาพแกตอนนี้ ในอนาคตจะต้องไปโน้นไปนี้บ่อยๆ อีกอย่าง ความเสี่ยงในภายภาคหน้าก็จะมีมากยิ่งขึ้น พวกเราเป็นห่วงแก เรื่องนี้มันไม่ได้มีอะไร แต่จะต้องมีสายเลือดสืบทอดต่อไปก็เท่านั้น!”

หยางโปตะลึงอ้างปากค้าง “ ช้าหน่อยไม่ได้เหรอ ? ”

ตอนที่ 912 บริษัทสื่อบันเทิง

ชุยอี้ผิงลังเล “ งั้นเราผลัดกันทําสิ ! ”

หงซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีชัยเหมือนกับได้รับชัยชนะครั้งใหญ่

ทั้งสี่คนกินข้าวด้วยกัน แต่ละคนพูดพลัดกันคนละคํา ดูเหมือนว่าเวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ชุยอี้ผิงกินอย่างมูมมาม แต่จริงๆแล้วกินได้ไม่มาก ไม่นานก็วางจานและตะเกียบลง

หลังอาหารเย็น หลินหลินก็ลุกขึ้นเก็บของ ชุยอี้ผิงจึงหันไปขยิบตาให้หงซิ่วซิ่ว หงซิ่วซิ่วจึงยืนขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก

หลินหลินยิ้มและพูดว่า ” ไม่ต้อง เดี๋ยวป้าเก็บเอง !”

” คุณป้า ไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูทําเอง ! “ หงซิ่วซิ่วกล่าว

ในขณะที่ทั้งสองกําลังเก็บกวาดห้อง แม่บ้านก็วิ่งเข้ามารับช่วงต่อ

หยางโปชงชาให้ทั้งสี่คนคนละถ้วย เขาชายตามองไปที่ชุยอี้ผิง” ที่มาหาวันนี้ต้องมีเรื่องแน่ใช่ไหม ? “

ชุยอี้ผิงพยักหน้า ” แผนของบริษัทสื่อบันเทิงในปีนี้เริ่มขึ้นแล้ว ตอนนี้ภาพยนตร์เรื่องใหม่กําลังจะเริ่มถ่ายทํา ฉันนําบทสคริปต์มาด้วย นายลองดูเนื้อหาของบทสคริปต์ก่อน”

หยางโปส่ายหน้า “ ฉันจะไม่อ่านบทสคริปต์แล้วล่ะ ในเมื่อวางแผนที่จะเริ่มถ่ายทํากันแล้ว

นั่นก็หมายความว่าเตรียมพร้อมกันจนพอประมาณแล้ว นายก็ลงมือทําด้วยความมั่นใจเถอะ !

ชุยอี้ผิงส่ายหน้า ” ฉันไม่รู้ว่าต้องทํายังไง ยังไงซะก่อนหน้านี้ฉันก็เป็นนักวาดภาพ จู่ๆตอนนี้ให้ฉันมาเป็นโปรดิวเซอร์ ฉันไม่เคยทํามาก่อน ถ้าเกิดล้มเหลวขึ้นมาล่ะ ? “

“ ถ้าล้มเหลวก็ถือซะว่าเป็นการซื้อบทเรียน “ หยางโปดูไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

ชุยอี้ผิงจ้องมองหยางโปตาเขม็ง เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเขาดูเหมือนไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย

ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างเศร้าใจ “ ตอนนี้นายรวยมากแล้วสินะ งบภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเกือบ 20 ล้าน นายยังไม่สนใจ ช่วงนี้หาเงินได้เยอะเลยใช่ไหม ? ”

หยางโปพยักหน้า “ ใช่ นายเพิ่งจะรู้เหรอ ? ”

ชุยอี้ผิงสําลักออกมาทันที ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

หลินหลินที่นั่งอยู่ข้างๆหัวเราะเยาะและดุด่าให้ “ พูดให้มันดีๆหน่อย !”

หยางโปหัวเราะดังขึ้น และอธิบายว่า “ หลายวันก่อนฉันไปประเทศญี่ปุ่นมา พวกเขามอบตึกชั้นหนึ่งที่อยู่ในย่านการค้าให้ฉันมาตึกหนึ่ง ถือว่าเป็นโชคลาภที่ได้มาโดยคาดไม่ถึง ! ”

ตึกชั้นหนึ่งในย่านการค้า ? ย่านการค้าอะไร ? คงไม่ใช่ย่านศูนย์กลางธุรกิจหรอกใช่ไหม ? ”

ชุยอี้ผิงถามด้วยความสงสัย

หลินหลินและหงซิ่วซิ่วต่างก็มองมาด้วยความสงสัย

หยางโปยิ้ม “ ตึกชั้นหนึ่งในย่านกินซ่าโตเกียว”

“ ย่านกินซ่า ! ” ซูยอี้ผิงอ้าปากค้างสีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ แม้แต่คนที่ไม่เคยไปที่โตเกียวประเทศญี่ปุ่นมาก่อน ต่างก็รู้ว่าย่านกินซ่าเป็นย่านการค้าของโตเกียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็นย่านการค้าที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของประเทศญี่ปุ่นอีก ตึกรางบ้านช่องของที่นั่นมีมูลค่าสูงมากจริงๆ

“ เสี่ยวโปลูก…ลูกทําอะไรอยู่กันแน่ ? ทําไมเขาถึงได้มอบของล้ำค่าแบบนี้กับลูกได้ ?” หลินหลินที่เดิมที่มีสีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยแปลกใจอยู่แล้ว ทันใดนั้นหน้าถึงกับถอดสีไปเลยที่เดียว

ดูเหมือนว่ากําลังคิดอะไรอยู่

หยางโปรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “ แม่ไม่ต้องห่วง ผมแค่ช่วยรักษาโรคให้เขาเท่านั้น

เขารู้สึกขอบคุณผมเลยมอบของให้ผมมาเล็กน้อย ”

“ นั้นเป็นของเล็กน้อยๆหรือไง ? ตึกชั้นแรกในย่านกินซ่า มันราคาแพงมากเลยนะ ทําไมไม่มีใครให้ฉันบ้างเลย ? ถ้ามอบตึกให้ฉันชั้นเดียว ตลอดชีวิตนี้ฉันคงไม่ต้องทํางานแล้ว ” ชุยอี้ผิงพูดอย่างเจ็บปวด

หงซิ่วซิ่วตบไหล่เขา “ คุณโง่หรือเปล่า ? คุณช่วยเขารักษาอาการป่วยได้ไหม ? ”

ชุยอี้ผิงส่ายหัว ” ผมไม่สามารถช่วยเขารักษาอาการป่วยได้”

“ แล้วทําไมคุณถึงคิดว่าคุณจะได้อะไรมาเปล่าๆโดยที่ไม่ลงแรงทําอะไรเลยล่ะ ? ” หงซิ่วซิ่วถาม

ชุยอี้ผิงส่ายหน้า “ ผมก็ไม่ได้พูดสักหน่อยว่าจะได้อะไรมาเปล่าๆโดยที่ไม่ลงแรงทําอะไรเลย

ต่อให้เสี่ยวโปจะเอาตึกนั่นให้ผม ผมก็ไม่มีทางเอาหรอก ! ”

หยางโปที่นั่งข้างๆ ยิ้มและพูดว่า ” อ้อ จริงเหรอ ? งั้นฉันยกให้นายเลยก็แล้วกัน”

ชุยอี้ผิงตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง เขาจ้องเขม็งมองหยางโปตาไม่กระพริบ “ จริงเหรอ ? ”

หยางโปหัวเราะและพูดว่า “ แน่นอนสิ ถ้านายอยากได้ก็เอาไปเลย ! ”

ชุยอี้ผิงกัดฟัน “ ไม่เอา ! ”

ทุกคนหัวเราะกันอย่างมีความสุข

หลินหลินที่นั่งอยู่ด้านข้างพูดด้วยรอยยิ้ม “ ภาพวาดของอี้ผิงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในตลาดราคาก็เพิ่มขึ้นมาก เมื่อเร็วๆนี้ขายภาพวาดได้อีกสามภาพ แม่คิดที่จะขายแต่ก็เสียดาย

ต่อไปราคาจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นสี่หมื่นหยวนต่อภาพแน่ๆ ”

ชุยอี้ผิงประหลาดใจมาก เขามองไปที่หลินหลิน

” ขายไปสามภาพแล้ว ? ขายไปเท่าไหร่เหรอครับ ? ”

“ ภาพวาดสามภาพขายไปห้าหมื่น” หลินหลินตอบ

ใบหน้าของชุยอี้ผิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ ห้าหมื่นหยวน ก็ไม่เลวนะ”

ในความเป็นจริง ด้วยอายุของ ชุยอี้ผิงราคานี้ถือว่าดี แต่ไม่นับว่าประสบความสําเร็จ

นี่คือเหตุผลทั้งหมดที่ชายชราต้องการเกลี้ยกล่อมเขาไม่ให้เลือกเดินทางศิลปะ

หลังจากพูดเล่นกันอยู่สักพัก ชุยอี้ผิงก็รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของบริษัทสื่อบันเทิงให้ฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ของอู๋เฉียงและกงเสี่ยวเจิ้ง

“ หลังจากอู๋เฉียงกลับมาจากเรียนรู้ที่ฮ่องกง ก็พัฒนาขึ้นมาไม่น้อยเลยจริงๆ ทักษะการแสดงของเขาก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการออกแบบทางการเคลื่อนไหวด้านศิลปะการต่อสู้ พรสวรรค์ของเขาเหนือกว่าคนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด และมักจะออกแบบทักษะการเคลื่อนไหวในศิลปะการต่อสู้ออกมาได้อย่างงดงาม ในขณะที่คนอื่นๆทําไม่สําเร็จ มีแต่เขาเท่านั้นที่ทํามันได้”

“ สําหรับกงเสี่ยวเจิ้ง ผู้หญิงคนนี้สวยมาก และมีแรงจูงใจในตัวเองมาก เด็กผู้หญิงอ่ะนะ ตอนแรกนิสัยค่อนข้างเย็นชาไปหน่อย ไม่ค่อยชอบเข้าอยู่ร่วมกับส่วนรวม แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว เธอเป็นคนชอบความเป็นธรรม หลังจากเรียนรู้เรื่องทักษะศิลปะการต่อสู้กับอู๋เฉียง ก็ยินดีที่จะออกหน้าเพื่อผู้หญิงคนอื่นๆ ดังนั้นผู้หญิงส่วนใหญ่เลยชอบเธอกันมาก !”

หยางโปพยักหน้า ” แล้วนายคิดว่าพวกเขามีแนวโน้มการพัฒนาในอนาคตยังไงบ้าง ?”

ชุยอี้ผิงรู้สึกค่อนข้างลังเล “ พูดตามตรงนะ มันง่ายมากที่คิดจะผลักดันใครซักคนให้เป็นจุดสนใจ

ก็แคให้เขามีส่วนร่วมในซีรีย์หรือภาพยนตร์ยอดนิยมสักเรื่อง แต่ก็มีบางคนที่ไม่ว่าทํายังไงก็ไม่โด่งดังซะที และมีบางคนที่โด่งดังมีชื่อเสียงขึ้นมาโดยบังเอิญ !”

“ ฉันศึกษามาเป็นเวลานาน จนฉันพบว่าสิ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับโชคชะตา ถ้าโชคชะตาดีก็ดังเป็นพลุแตก ถ้าโชคร้าย บางทีมันอาจจะเหมือนเดิมไปตลอดชีวิต”

หยางโปพยักหน้า “ มันก็ใช่นะ ในเมื่อพวกเขาเป็นนักแสดงที่เซ็นสัญญากับบริษัทแล้ว นายก็ใส่ใจสักหน่อย ในช่วงเวลาที่สําคัญก็ช่วยผลักดันพวกเขา ! ”

ชุยอี้ผิงพยักหน้า “ นายวางใจได้เลย ทําอย่างกับฉันจะไปปิดกั้นอนาคตของพวกเขางั้นแหละ

หยางโปเหลือบมองไปที่ชุยอี้ผิง “ งั้นก็ดี ยังไงซะนายก็เป็นผู้จัดการ ฉันก็ไม่มีอะไรจะต้องพูด

นายดูเอาเองก็แล้วกันว่าจะต้องทํายังไง !”

ชุยอี้ผิงมองหน้าหยางโป “ นายไม่ไปดูหน่อยเหรอ ? ”

“ ดูอะไร ? ” หยางโปถาม

ชุยอี้ผิงพูดออกมาอย่างจนปัญญา “ ครั้งนี้ฉันคงมาเสียเปล่าแล้วมั้ง ฉันคิดจะเชิญนายไปที่บริษัท เพื่อไปให้กําลังใจทุกคนสักหน่อย ! ”

หยางโปหัวเราะออกมา “ ในเมื่อนายเอ่ยปากออกมาแล้ว งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปดูทุกคนหน่อยก็แล้วกัน ! ”

“ ช่างเถอะ ช่างเถอะ นายไม่ต้องไปดีกว่า ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด ! ” ชุยอี้ผิงโบกมือ

หยางโปจ้องไปที่ชุยอี้ผิง “ ไม่มีความจริงใจ ? แล้วต้องทํายังไงถึงจะมีความจริงใจ ? ”

ชุยอี้ผิงเงยหน้าขึ้นและคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ ทําอาหาร ใช่ นายสามารถอวดฝีมือทําอาหารอร่อยๆ สักโต๊ะ แบบนี้ถึงจะแสดงความจริงใจออกมาได้ !”

” ไม่ใช่มั้ง ตอนนี้บริษัทมีคนอยู่เท่าไร ? คงมีหลายสิบกว่าคนมั่ง ? ฉันต้องทําอาหารให้คนตั้งหลายสิบคนแค่แถมยังทําคนเดียวเนี่ยนะ ? ” หยางโปเอยถาม

นายนี่โง่จริงๆ นายก็ทําอาหารจานเดียว แสดงน้ำใจก็ได้แล้วมั้ง ถ้าต้องทําอาหารให้คนตั้งหลายสิบคน นายก็เหนื่อยตายน่ะสิ ? ” ชุยอี้ผิงตอบ

ตอนที่ 911 เข้าครัวเตรียมทําอาหาร

ภัณฑารักษ์ฉางพยักหน้า “ ใช่ ไม่สามารถเปิดเผยเนื้อหาของสัญญาได้ ดังนั้นพวกคุณก็สบายใจได้ ทางผมไม่มีทางเปิดเผยความลับออกไปแน่นอน ! ”

หยางโปยิ้มและกล่าวว่า “ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณมาก ภัณฑารักษ์ฉาง !”

ภัณฑารักษ์ฉางยิ้มและพูดว่า “ พูดแบบนี้กลับกันนะ ผมควรจะเป็นฝ่ายที่ขอบคุณคุณมากกว่า ! ”

หยางโปรับสัญญามาจากมือภัณฑารักษ์ฉาง เขาตรวจสอบอย่างละเอียด และเงยหน้าขึ้นมองไปที่ภัณฑารักษ์ฉาง “ ภัณฑารักษ์ฉาง คุณอย่าทิ้งกับดักอะไรไว้ให้ผมนะ ตอนนี้ผมจะเซ็นชื่อแล้วนะ ! ”

ภัณฑารักษ์ฉางยิ้มและพูดว่า “ คุณวางใจได้ ไม่มีทางแน่นอน !”

หยางโปเซ็นชื่อด้วยปากกา และนี่ถือว่าเป็นการให้ยืมหัวงูทองสัมฤทธิ์

ภัณฑารักษ์ฉางรับมาตรวจสอบดูและเซ็นชื่อลงด้านข้างเช่นกัน และประทับตราที่ถืออยู่ลงไปด้านบน และพูดด้วยรอยยิ้มว่า ” นี่ถือว่ามีผลบังคับใช้แล้ว ! ”

พูดจบ ภัณฑารักษ์ฉางก็เข้าไปจับมือกับหยางโปอย่างกระตือรือร้น “ ในเมื่อคุณจะเปิดพิพิธภัณฑ์ คงมีของดีๆอยู่ในมืออีกมากใช่ไหม ? รอจนสร้างพิพิธภัณฑ์แล้วเสร็จ คงต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรแน่นอน สู้คุณเอาของดีๆพวกนี้มาให้ผมยืมทั้งหมดก่อนสักระยะดีไหม ? ”

หยางโปมองภัณฑารักษ์ฉางและหัวเราะ “ ภัณฑารักษ์ฉาง มีวัตถุโบราณมากมายอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ต่อให้คุณจะต้องการวัตถุโบราณไปมากกว่านี้ มันก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี !

เฉาหยวนเต๋อพูดเตือนสติ “ เหล่าฉาง ผมมักจะเห็นคุณสนใจของสะสมในพิพิธภัณฑ์ที่มีอยู่อย่างมากมายและหลากหลายเป็นพิเศษ ผมยังรู้สึกเลยว่าทําแบบนี้มันไม่ดี มีสิ่งของมากมายอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เมื่อไหร่กันที่พวกคุณจะสามารถดูแลรักษาพวกมันได้หมด ไปยืมของดีๆมาอีกสักหน่อย แบบนี้ถึงจะดี ”

ภัณฑารักษ์ฉางส่ายหน้า “ สาเหตุหลักคือในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมีโบราณวัตถุล้ำค่ามากมาย แต่ชื่อเสียงไม่โด่งดังพอ เลยไม่เป็นที่รู้จักของผู้คน เหมือนหัวงูทองสัมฤทธิ์ชิ้นนี้ หากจําแนกตามวัตถุโบราณทางวัฒนธรรมที่แท้จริงและเรียงลําดับออกมา อย่างมากที่สุดก็เป็นเพียงโบราณวัตถุระดับหนึ่งเท่านั้น แต่มันมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ผู้คนจํานวนมากต่างก็ชอบสิ่งนี้น่ะสิ !

หยางโปยิ้มและกล่าวว่า “ ผมคิดว่าสาเหตุหลักเพราะว่าพวกคุณทําการประชาสัมพันธ์พิพิธภัณฑ์ได้ไม่เต็มที่ ปัจจุบันนี้มีโซเชียลมีเดียมากมาย ถึงแม้พิพิธภัณฑ์จะเป็นหน่วยงานราชการ

ไม่ว่าหน่วยงานจะเกิดอะไรขึ้นก็จะได้รับการดูแล แต่ด้านการประชาสัมพันธ์ส่งเสริม เผยแพร่และองค์ความรู้ของวัตถุโบราณทางวัฒนธรรม ยังทําได้ไม่ค่อยดีพอ !”

ภัณฑารักษ์ฉางอึ้งไปครู่หนึ่ง “ นี่มันเป็นปัญหาจริงๆ ยังมีความรู้พื้นฐานด้านวัตถุโบราณทางวัฒนธรรมยังไม่มากพอ และยังมีประชาชนอีกจํานวนมากที่ไม่เข้าใจ ”

พอพูดจบ ภัณฑารักษ์ฉางก็ได้ชายตามองไปที่เฉาหยวนเต๋อ “ เหล่าเฉา เขากําลังเสนอคําแนะนําให้คุณอยู่ ทุกปีแผนกของคุณมีกองทุนโครงการอยู่มากมาย ควรจะจัดสรรและแบ่งปันให้พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเยอะหน่อย ไม่อย่างนั้นจะมีเงินมาทําการประชาสัมพันธ์ได้ยังไง ! ”

เฉาหยวนเต๋อส่ายหน้า “ อาศัยช่วงที่มีสิทธิมเสียหาผลประโยชน์ ถ้าจะเอาเงินล่ะก็ไม่มี มีแต่ชีวิตนี่ล่ะ !”

ภัณฑารักษ์ฉางและเฉาหยวนเต๋ออายุเท่ากัน ทั้งสองดูแล้วจริงจังกันมาก แต่ระหว่างกันแล้วยังพูดคุยหยอกล้อเล่นกันได้อยู่

พูดคุยหัวเราะติดต่อกันนานกว่าสองชั่วโมง จากนั้นภัณฑารักษ์ฉางถึงได้ขอตัวกลับ

ทางด้านเฉาหยวนเตือได้ดึงหยางโปมาสั่งกําชับอีกสองสามคํา ถึงได้ขอตัวกลับ

หลินหลินออกจากบ้านตอนเช้า ตอนที่กลับมา ได้นําตะกร้าผักกลับมาด้วยตะกร้าหนึ่ง

หยางโปจึงรีบกุลีกุจอเข้าไปหา และจะตามเธอเข้าไปในครัวเพื่อเรียนรู้วิธีการทําอาหาร

หลินหลินจึงโบกมือให้ ” ลูกไปทําธุระของลูกเถอะ ผู้ชายอกสามศอกมีใครเข้าครัวกันบ้าง ?

หยางโปยิ้มและพูดว่า “ วางใจได้ ผมทําอาหารเป็น แถมฝีมือยังดีอีกด้วยนะ”

หลินหลินมองไปที่หยางโปด้วยสีหน้าตกตะลึง “ ลูกเรียนทําอาหารตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ? “

หยางโปที่กําลังทําความสะอาดเครื่องครัว จึงไม่ได้ทันสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของหลินหลิน

เขายังคงยิ้มและพูดว่า “ ผมเหรอ ? ผมเรียนรู้การทําอาหารมาตั้งนานแล้ว คงเป็น ตอนประถมมั้งตอนประถมศึกษาปีที่สี่ ”

หลินหลินจ้องมองภาพของหยางโปที่กําลังยุ่งวุ่นวายอยู่ มองดูเขาที่ทําความสะอาดอุปกรณ์ในครัวอย่างคล่องแคล่ว ก็อดตาแดงก่ำขึ้นมาไม่ได้ เธอส่ายหัวเบาๆสลัดอารมณ์และลบภาพตรงหน้าเหล่านี้ออกไป จากนั้นยิ้มและเอ่ยออกมาว่า “ งั้นก็ดีเลย วันนี้พวกเราแม่ลูกมาทําอาหารด้วยกัน ! ”

ในเรือนสี่ประสานมีแม่บ้านที่ถูกจ้างมาเป็นการเฉพาะ แต่หลินหลินก็มักจะยืนกรานที่จะทําอาหารด้วยตัวเอง เธอไปอยู่ต่างประเทศมานานหลายปี ถึงแม้ว่าจะหาเงินได้มาก แต่กลับลงมือทําอาหารเองตลอด แต่เมื่ออยู่คนเดียว ก็มักจะกินง่ายอยู่ง่ายหน่อย แต่ตอนนี้อยู่กัน 2 คนแล้ว มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะต้องเตรียมตัวให้ครบถ้วนมากหน่อย !

แม่และลูกชายทั้งสองพูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข และยังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ดูราบรื่นมาก

เมื่อตอนใกล้เที่ยง ชุยอี้ผิงก็รีบเข้ามาหา เขาเดินเข้าไปชะโงกหน้าดูในครัว “ คุณป้า เสี่ยวโปทําอาหารกันอยู่เหรอครับ ?”

หลินหลินหันกลับมามอง “ พวกเราทําอาหารไว้หลายอย่าง หลานมาทันเวลาพอดี เดี๋ยวมากินข้าวเที่ยงด้วยกันเลย ! ”

ชุยอี้ผิงพูดอย่างไม่เกรงใจ “ คุณป้าทําอาหารได้หลายอย่างเหรอ ถ้ามันมากเกินไป ผมขอโทรตาม ซิ่วซิ่วมาด้วยได้ไหม ? ”

“ ดีเลย ให้เธอรีบมาเร็ว ! ” หลินหลินดูกระตือรือร้นมาก

ชุยอี้ผิงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือกดสายโทรออกหาหงซิ่วซิ่วทันที

เขาไม่ได้เข้าไปในครัว แต่พิงอยู่ที่ประตูและชะโงกหน้ามองเข้าไปด้านใน “ คุณป้า ทั้งคู่ดูมีเวลาว่างกันจริงๆ ทําอาหารดีๆตั้งเยอะแบบนี้ !”

หยางโปถามว่า “ นายกับพี่สะใภ้ไม่ทําอาหารที่บ้านเหรอ ? ”

“ เธอขี้เกียจมาก เข้าครัวทําอาหารได้ที่หนึ่งก็ไม่เลวแล้ว ” ชุยอี้ผิงตอบ

หยางโปหลุดขํา “ ฉันคิดว่าพวกนายลองทําดูกันได้นะ ลงมือทําอาหารเองมันมีความภาคภูมิใจมาก แถมรสชาติก็อร่อยด้วย !”

“ ฉันคิดว่าไม่จําเป็นหรอก นายเป็นเถ้าแก่ ตอนนี้ฉันทํางานแทนนาย ช่วยนายจัดการบริษัทสื่อบันเทิง ต่อไปในอนาคต ฉันกับซิ่วซิ่วก็ไม่ต้องทําอาหารแล้ว มาหานายที่นี่เลยก็ได้แล้ว !” ชุยอี้ผิง กล่าว

พอพูดจบแล้ว ชุยอี้ผิงก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นหลินหลินยกอาหารออกมา เขาก็รีบเข้าไปรับทันที

” ผมเอง ผมเอง ! ในเมื่อผมมากินฟรี จะไม่ทําอะไรเลยมันก็คงไม่ได้ ขอแอบชิมหน่อย ! “

ชุยอี้ผิง ถือจานไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็หยิบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปาก

” อืม อร่อย อร่อยมากจริงๆ !”

หยางโปเหลือบมองไปที่ชุยอี้ผิง “ นายทําเพื่อให้ได้มากินข้าวฟรี พยายามมากเลยนะ !”

จากนั้นไม่นาน หงซิ่วซิ่วก็รีบเดินทางมา อาหารก็ปรุงสุกหมดแล้ว

ทุกคนนั่งรายล้อมโต๊ะและเริ่มกินข้าวกัน

หลินหลินคีบเติมอาหารให้กับหยางโปไม่หยุด แถมยังคอยพูดเตือนชุยอี้ผิงและทั้งสองคนให้กินเยอะๆ

ชุยอี้ผิงรีบร้อนกินอย่างตะกรุมตะกราม แต่หงซิ่วซิ่วกลับกันอย่างมีมารยาท ใช้ตะเกียบคีบผักขึ้นมาอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว

เมื่อหยางโปเห็นทั้งสองคน จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า ” ทําไมพวกนายถึงได้หิวกันขนาดนี้ ?

หงซิ่วซิ่วอดไม่ได้ที่จะกล่าวโทษออกมาว่า “ เขาไม่เคยทําอาหาร ทุกครั้งมักจะพาฉันออกไปกินข้าวข้างนอก และมักจะกินแต่ร้านอาหารไม่กี่ร้านพวกนั้นซ้ำๆ กินจนเบื่อแล้ว “

ชุยอี้ผิงเงยหน้าขึ้น “ ผมเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกคนหนึ่ง คุณจะปล่อยให้ผมอยู่รอบเตาไฟทั้งวันเลยหรือไง ?

“ คุณมันก็มีความคิดแบบนี้ ต่อให้ฉันพูดยังไง คุณก็คงเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เลยใช่ไหม ?

ผู้ชายตี้จิง จะต้องมีแต่ลัทธิผู้ชายเป็นใหญ่หรือยังไง ? ” หงซิ่วซิ่วกล่าว

ชุยอี้ผิงพยักหน้า “ ผู้ชายที่จึงนี่ไม่ได้เรียกว่าลัทธิผู้ชายเป็นใหญ่ แต่นี่เป็นเอกลักษณ์สุภาพบุรุษของตี้จิง !”

หงซิ่วซิ่วเบะปาก และหันไปมองหน้าหลินหลิน ” คุณป้าว่าคนแบบนี้อยากโดนกระทืบไหมคะ

หลินหลินหัวเราะ “ พวกเธอนนะ สามีภรรยาอยู่ด้วยกันต่างก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ? อี้ผิงไม่อยากเข้าครัวทําอาหาร ความคิดนี้เดิมมันก็มีปัญหา อนาคตก็ค่อยๆปรับๆกันไป! สมัยนี้มันไม่ใช่สมัยก่อน สมัยก่อนในครอบครัวหนึ่งมีคนที่ทํางานหาเงินเพื่อมาเลี้ยงดูครอบครัวแค่คนเดียว

แต่ตอนนี้ซิ่วซิ่วก็มีงานทํา พวกเธอหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวด้วยกัน งานบ้านก็ต้องเท่าเทียมกัน!”

หงซิ่วซิ่วมองไปทางชุยอี้ผิง “ ได้ยินแล้วใช่ไหม ? ”

ตอนที่ 910 สัญญาเช่า

ในอดีตหยางโปเคยมอบโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมคืนไปแล้ว ทําให้บางครั้งรู้สึกมีสํานึกในภารกิจ ที่จะต้องส่งมอบโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมกลับคืนสู่ประเทศ และมีความรู้สึกภาคภูมิใจเช่นกัน

แต่มันก็แค่นั้น เขาไม่ค่อยมีความรู้สึกสะเทือนใจมากนัก

เช้าตรู่ หยางโปได้ไปที่สวนสาธารณะใกล้ๆ เพื่อออกกําลังกายตอนเช้า เขากําลังยืนอยู่ในตําแหน่งที่เขาเคยชิน และวางกระบวนท่าทางมวยเยว่เจียเฉวียนอยู่นั้น เขาก็พบว่ารอบๆตัวมีผู้สูงอายุมารายล้อมอยู่จํานวนไม่น้อย

ทุกคนมารวมตัวกันอยู่รอบๆหยางโป คอยจับจ้องมองดูการเคลื่อนไหวของเขา เหมือนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เดิมที่หยางโปก็ไม่ได้จริงจังมากนัก แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนก็ดังเข้าหูมาเป็นระยะๆ

“ ฉันเหมือนจะจําพ่อหนุ่มคนนี้ได้ แต่ก่อนเขาเคยมาที่นี่บ่อยๆ ก่อนหน้านั้นเขาเคยมาฝึกฝนอยู่ตรงนี้และเป็นบุคคลคนแรกที่นําโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมกลับคืนสู่ประเทศ เขาทําได้ดีมากจริงๆ !”

“ คนหนุ่มสาวสมัยนี้เก่งมากจริงๆ ในสถานการณ์ที่อันตรายขนาดนั้น และยังพบเจอเรื่องราวมากมายแบบนั้น คิดไม่ถึงว่าจะยังสามารถยืนหยัดอยู่ต่อไปได้ ฉันแก่แล้วสู้ไม่ไหว ถ้าฉันอายุอ่อนกว่านี้สัก 20 ปี ฉันจะร่วมมือช่วยสู้กับเขาเหมือนกัน !”

6 ประเทศของเราอ่อนแอมาหลายร้อยปีแล้ว เป็นเพราะขาดคนวัยหนุ่มสาวแบบนี้ พวกเขาสามารถหนุนหลังประเทศได้ในตอนที่ประเทศเพียบพร้อมและเข้มแข็งเกรียงไกร สามารถทําในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนให้สามารถมีส่วนร่วมในสังคมได้ เขาทําได้ดีมากจริงๆ ! ”

มีเสียงชื่นชมมากมายดังขึ้นในสถานที่เกิดเหตุ ทําเอาหยางโปที่กําลังวางท่วงท่ามาครึ่งค่อนวัน

ไม่สามารถฝึกฝนต่อไปได้ เขาหยุดการเคลื่อนไหว เดินไปที่ฝูงชน ยิ้มและพูดขึ้นว่า

“ ขอบคุณทุกท่านที่สรรเสริญเยินยอ ผมต้องตั้งชามเคาะฆ้องไหมเนี่ย ?”

ทุกคนที่ออกกําลังกายอยู่ในสวนสาธารณะล้วนอายุมากแล้ว ส่วนใหญ่ผมหงอกขาว

เมื่อได้ยินหยางโปพูดเล่น ก็มีชายชราหัวเราะออกมาและพูดขึ้นว่า “ คุณชื่อหยางโปใช่ไหม

พ่อหนุ่ม ถ้าคุณตั้งชาม ฉันจะกลับไปเอาสมุดบัญชีมาเดี๋ยวนี้ พวกเราต่อสู้กันมาตลอดชีวิตเพื่อการปฏิวัติ ตอนนี้ประเทศเจริญรุ่งเรืองและเข้มแข็งเกรียงไกรแล้ว ต้องสนับสนุนการสร้างชาติและสนับสนุนการนํามรดกทางวัฒนธรรมกลับมาด้วยอย่างแน่นอน !”

“ใช่ หนุ่มน้อย คุณทําได้ดีมาก ! พวกเราจะสนับสนุนคุณ !”

พอหยางโปถูกสรรเสริญยกย่องจากทุกคนอยู่สักพัก มันก็ทําให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นครั้งแรก คาดคิดไม่ถึงว่าจะมีคนสนับสนุนเขามากมายขนาดนี้ !

แต่พอพูดออกมาว่าเป็นไอดอลของคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ทําไมมันถึงฟังดูไม่ค่อยดีนัก?

หยางโปดีใจมาก เขาอยู่พูดคุยกับทุกคนสักพัก เมื่อเห็นว่าสายมากแล้ว เขาถึงได้กลับไปยังเรือนสี่ประสาน

หลินหลินได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้ว อาหารเต็มโต๊ะมากมาย มีขนมชนิดต่างๆร่วมกันแล้วมากกว่าสิบอย่าง หยางโปจ้องมองไปที่ขนมพวกนี้ “ แม่ ที่บ้านมีแค่เราสองคน ทําไมถึงเตรียมของกินเยอะขนาดนี้ ? ทางโรงแรมเพิ่งส่งมาให้เหรอ ยังร้อนๆอยู่เลย !”

หลินหลินเหลือบมองหยางโป ” แม่เพิ่งไปเรียนช่วงนี้ มีบะหมี่ห้วยหยาง และมีอาหารเช้าแบบกวางตุ้ง”

หยางโปเงยหน้าขึ้นมองหลินหลิน ” แม่ยุ่งมากขนาดนี้ ไม่ต้องหาเวลาว่างไปเรียนรู้ของพวกนี้แล้ว “

หลินหลินส่งยิ้มให้ “ แม่วางมือจากธุรกิจแล้ว เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ตอนนั้นแม่อยากมีอาชีพเป็นของตัวเองก็เพื่อลูก อยากให้ลูกได้สืบทอดต่อในอนาคต แต่กิจการของลูกตอนนี้ดีขนาดนี้ไม่ต้องให้แม่เป็นห่วงเลย แม่แค่หาเงินค่าขนมเล็กๆน้อยๆมาใช้จ่ายก็พอแล้ว ก็เหมือนไปเรียนทําอาหารอย่างทุกวันนี้ มันทําให้แม่รู้สึกว่าทุกวันมีแต่ความสุข ! ”

หยางโปมองไปที่หลินหลิน ที่มุมตาของหลินหลินมีรอยตีนกาขึ้นแล้ว แต่สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข ดูอารมณ์ดีมาก !

หยางโปไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะเขารู้ดีว่าแม่ทําทุกอย่างเพื่อพยายามที่จะชดเชยให้เขาถึงได้ไปลงเรียนทําอาหาร อาหารเป็นสิบๆกว่าอย่างแบบนี้ เกรงว่าคงตื่นนอนมาทําตั้งแต่เช้าตรู่เป็นแน่ๆ

“ แม่ ความตั้งใจที่แม่มีให้ ผมเข้าใจดี แต่ที่บ้านมีแค่เราสองคน ครั้งหน้าแม่ก็ไม่ต้องทําอะไรมากขนาดนี้แล้ว กินไม่หมดมันก็สิ้นเปลืองไปเปล่าๆ ช่วงนี้ผมจะอยู่ที่บ้านสักพัก เอาแบบนี้ดีไหม

ผมจะกลับบ้านมากินข้าวที่บ้านทุกวัน ” หยางโปรรายงานตัว

หลินหลินดูดีใจมาก “ ถ้างั้นดีเลย แม่จะเชิญผู้จัดการมืออาชีพมารับผิดชอบดูแลงาน

เพราะยังไงซะบริษัทก็ไม่ได้มีเรื่องมากมายอะไรให้ทํา ตอนเที่ยงลูกก็กลับมากินข้าวที่บ้านก็แล้วกัน ! ลูกดูตัวเอง ตอนนี้ผอมแบบนี้ สาวคนไหนจะมาชอบกัน ?”

หยางโปก้มหน้าลงมอง เขาไม่ได้ผอม แค่กล้ามเนื้อและซิกแพคแน่นไปหน่อยเท่านั้น แต่เขาก็ไม่ได้แก้ตัว ยิ้มและพูดขึ้นมาว่า “ ผมมีแฟนแล้ว แม่ไม่ต้องกังวลไป !”

หลังจากได้ยินคํานี้ หลินหลินก็อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที “ เฮ้ พูดถึงเรื่องแฟนลูกไม่ได้ติดต่อ

ฮัวชิงหยุนนานแล้วสิ ? ผู้หญิงคนนั้นไม่เลวนะ ยังมีเยวจวิ้นเหยา ผู้หญิงคนนั้นออกจะไร้เดียงสา แบบนั้น ลูกคงไม่ทิ้งเธอไปแล้วหรอกนะ ?”

หลินหลินยังคงพูดจู้จี้ “ ลูกชอบสาวคนไหน แม่ก็ไม่ว่า แค่เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดีก็พอ ส่วนภูมิหลังครอบครัวหรืออะไรไม่ต้องไปสนใจ ลูกมีคุณสมบัติขนาดนี้ คงไม่มีที่ดีไปกว่าลูกแล้วแน่ๆ ดังนั้นเราก็อย่าเลือกเลย”

หยางโปหัวเราะ “ แม่ สองปีนี้ยังไม่ต้องรีบก็ได้มั้ง ? ”

หลินหลินยิ้มและพูดว่า ” เอาล่ะ งั้นแม่จะไม่พูดถึงมันแล้ว ลูกก็ดูเอาเองก็แล้วกัน ! ”

หลังจากกินข้าวเช้า หยางโปก็ไม่ได้รีบร้อนออกไปไหน แต่เฉาหยวนเต๋อกลับมาหาเขาเองที่บ้านแล้ว มีชายคนหนึ่งอยู่ด้านหลังของเขา เขาจึงพายมือไปที่ชายข้างหลังและเอ่ยแนะนําขึ่นว่า

“ ท่านนี้นายรู้จักใช่ไหม ? ”

“ ท่านนี้คงจะเป็นภัณฑารักษ์ฉางของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติใช้ไหม ! ” หยางโปยิ้มและเข้าไปจับมือกับอีกฝ่าย

ภัณฑารักษ์ฉางดูเหมือนจะอยู่ในวัยห้าสิบกว่าๆ เส้นผมค่อนข้างบาง เขาหัวเราะฮ่าๆ จากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า “ ผมว่าแล้ว หยางโปไม่มีวันลืมผมแน่ๆ !”

เฉาหยวนเต๋อพยักหน้า “ ภัณฑารักษ์ฉางมาหาฉันตั้งแต่เช้า บอกว่าถ้ามาหาแล้วกลัวจะถูกปฏิเสธ อยากให้ฉันช่วยมาแนะนําให้หน่อย ตอนนั้นฉันเลยบอกเขาไปว่า หยางโปความจําดีมากจะปฏิเสธได้ยังไง “

หยางโปเชิญทั้งสองให้นั่งลงและรินน้ำชาอีกครั้ง

ภัณฑารักษ์ฉางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ หยางโปผมขอพูดตรงๆเลยก็แล้วกัน ผมมาที่นี่มีความหมายอย่างชัดเจน เมื่อคืนเหล่าเฉาโทรหาผม บอกว่าคุณต้องการจะให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติยืมหัวงูทองสัมฤทธิ์ ตอนนั้นผมอยากจะมาหาเลย แต่ติดตรงที่คุณเพิ่งกลับมาจากอเมริกา ผมกลัวว่าจะมารบกวนการพักผ่อนของคุณก็เลยยังไม่มา !”

หยางโปหัวเราะ “ ภัณฑารักษ์ฉางในเมื่อผมพูดออกไปแล้ว มันก็ต้องเป็นไปตามคํามั่นสัญญา

คุณไม่ต้องกังวลไป ! ”

ภัณฑารักษ์ฉางหัวเราะดังออกมา “ มันไม่ใช่ว่าผมขี้เหนียวนะ แต่คุณก็รู้ดี เปาลี่พวกเขาได้รวบรวมหัวสัตว์ทองสัมฤทธิ์ไว้หลายหัวแล้ว ครั้งนี้ผมเกรงว่าพวกเขาจะมาก่อนแล้วได้ไปก่อน ! ”

“ คุณวางใจได้ ไม่มีทางแน่นอน !” หยางโปยิ้มและกล่าวว่า “ หากคุณไม่มั่นใจจริงๆ วันนี้พวกเราสามารถเซ็นสัญญากันเอาไว้ก่อนก็ได้ !”

ภัณฑารักษ์ฉางยิ้มและพูดว่า “ งั้นก็ดีเลย ผมเอาสัญญามาด้วยแล้ว ยังกลัวเลยว่าคุณจะไม่ยินยอมซะอีก ! ”

หยางโปจนปัญญา เขาหันกลับมามองหน้าเฉาหยวนเต๋อ “ ผมว่านะ พวกคุณคงวางแผนไว้นานแล้วใช่ไหม ? ”

ภัณฑารักษ์ฉางหลุดหัวเราะออกมา “ ทั้งหมดก็เพื่องาน หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ ! ”

หยางโปพยักหน้า เขาพอจะเข้าใจภัณฑารักษ์ฉาง เพราะท้ายที่สุดแล้วเมื่อเซ็นสัญญาไปแล้ว

ก็ไม่ได้ส่งมอบให้ภัณฑารักษ์ฉางดูแลเป็นการส่วนตัว แต่กลับถูกส่งไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ภัณฑารักษ์ฉางคนนี้เป็นคนที่ทุ่มเทกับหน้าที่การงาน ก่อนหน้านี้ก็เคยมาหาหยางโป แต่แค่ครั้งนั้น หยางโปไม่ได้ตอบตกลง

“ เรื่องนี้ต้องถูกเก็บเป็นความลับ ไม่ควรเปิดเผยสัญญา” เฉาหยวนเต๋อพูดเตือนสติ

ตอนที่ 909 สร้างกระแส

เฉาหยวนเต๋อหันไปกวักมือเรียกหยางโป “ พวกเราไปคุยกันทางนี้ แค่สองประโยคเท่านั้น”

หยางโปโบกมือ ข้างกายเขามีหลินหลินผู้เป็นแม่ ชุยชื่อหยวนและชุยอี้ผิงที่ยืนอยู่ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องปิดบัง “ พูดกันที่นี่แหละ !”

เฉาหยวนเต๋อมีอาการลังเลเล็กน้อยและหันมองดูพวกเขา “ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอพูดตามตรงเลยแล้วกัน นายเป็นคนนําหัวงูทองสัมฤทธิ์มา ถ้าว่ากันตามหลักแล้ว ฉันไม่ควรตักเตือนนายแบบนี้

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นบนเครื่องบิน ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน ว่าทุกคนต่างก็ร่วมมือปกป้องสมบัติของชาติด้วยกัน ความรู้สึกนี้มันสุดยอดมาก แต่นายเคยคิดไหม ถ้าความลับถูกเปิดเผยออกมาว่าหัวงูทองสัมฤทธิ์นี้เป็นของนายเอง ผลที่ตามมาจะเป็นยังไง ?”

หยางโปคิดถึงปัญหานี้มานานแล้ว และเขาก็รู้ถึงผลที่จะตามมาอย่างชัดเจนดี “ จะมีพวกเกรียนคีย์บอร์ดจํานวนมากประณามผมทางอินเทอร์เน็ต และผู้คนที่ผ่านเรื่องราวลําบากบนเครื่องบินมาด้วยกัน ก็จะทําเหมือนกัน ! ”

เฉาหยวนเต๋อพยักหน้า “ ฉันนึกว่านายจะไม่รู้ปัญหานี้ แล้วนายคิดจะจัดการกับหัวงูทองสัมฤทธิ์ยังไงต่อ ? “

หยางโปเกิดอาการลังเลขึ้นมาเล็กน้อย อันที่จริงแล้ว เขารู้สึกลังเลอยู่ไม่น้อย ว่าควรจะบริจาคดีไหม เขายังคงต้องคิดให้รอบคอบก่อน

ชุยชื่อหยวนเคยประสบพบเจอกับเรื่องตราหยกครั้งก่อน เขารู้สึกผิดมาโดยตลอดว่าตัวเอง ไม่สามารถปกป้องหยางโปเอาไว้ได้ ทําให้เขาต้องส่งมอบตราหยกไป ครั้งนี้เขาจะเสียใจต่อการกระทําอีกครั้งไม่ได้ “ เสี่ยวโป ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไงพ่อก็จะสนับสนุน หากลูกไม่อยากจะ มอบให้ ตอนนี้ลูกก็แค่พยักหน้า พ่อจะช่วยลูกแก้ปัญหาที่เหลือเอง !”

ชุยอี้ผิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่พูดอะไร เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะออกความเห็นได้

หลินหลินก็รู้สึกค่อนข้างตื่นเต้น หายใจหอบถี่ขึ้นมาเล็กน้อย “ นี่คือสิ่งที่เสี่ยวโปใช้ชีวิตแลกมา

จะมอบให้ง่ายๆไม่ได้แน่นอน !”

เฉาหยวนเต๋อถึงกับตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที เขาทําเพื่อประโยชน์ของหยางโป แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกับพ่อแม่คู่หนึ่งที่ปกป้องโดยไม่สนเหตุผลแบบนี้เลย !

เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองไปที่ซุยชื่อหยวน ชุยชื่อหยวนยังอายุน้อยกว่าเขาไปสักสองสามปีได้

แต่หน้าที่ทางการงานสูงกว่าเขาไปหนึ่งขั้น ถ้าว่ากันตามหลักแล้ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่าง

ชุยชื่อหยวน ควรจะมีความคิดที่ก้าวไกล และควรสนับสนุนให้หยางโปมอบหัวงูทองสัมฤทธิ์ให้

แต่ชุยชื่อหยวนกลับคิดที่จะปกป้องเอาไว้โดยไม่สนเหตุสนผลแม้แต่น้อย !

“ ท่านรัฐมนตรีชุย เรื่อง เรื่องนี้จะต้องเกิดความปั่นปวนโกลาหลขึ้นมาอย่างแน่นอน กลัวว่าความคิดเห็นของประชาชนในประเทศคงไม่ปล่อยหยางโปไปง่ายๆแน่ ต่อให้จะคิดไตร่ตรองเพื่ออนาคตในภายภาคหน้าของเขา ยังไงเขาก็ต้องส่งมันออกมาอยู่ดี” เฉาหยวนเต๋อพูดโน้มน้าวและเกลี้ยกล่อม

แน่นอนว่าชุยชื่อหยวนเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ดี ถึงกระทั่งที่ว่ามองออกอย่างแจ่มแจ้งกว่า

เฉาหยวนเต๋อ แต่ในใจของเขารู้สึกผิดต่อหยางโปมาก และเขาอยากจะชดเชยความเป็นห่วงเป็นใยนี้ให้

หยางโปลังเลมาก หลังจากผ่านไปสักพักในที่สุดเขาก็เงยหน้ามองไปทางเฉาหยวนเต๋อ

“ ครั้งนี้ ผมไม่คิดจะมอบให้ ” เฉาหยวนเต๋อทําหน้าตกใจ “ นายไม่คิดที่จะมอบให้ ? แต่ถ้านายส่งมอบของมาตําแหน่งในสํานักงานบริหารมรดกทางวัฒนธรรมของนายก็จะยกระดับขึ้น อีกขั้นหนึ่ง อีกทั้งยังสามารถนําชื่อเสียงมากมายมาให้นายได้อีกด้วย นายแน่ใจจริงๆแล้วใช่ไหม ?

หยางโปพยักหน้า “ ผมวางแผนที่จะเริ่มโครงการพิพิธภัณฑ์ที่จินหลิง !”

“ นายจะสร้างพิพิธภัณฑ์เอง ? ” เฉาหยวนเต๋อผงะไปครู่หนึ่งและมีสติกลับมาอย่างรวดเร็ว

หยางโปพยักหน้า “ ใช่ ผมจะสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้น !”

เฉาหยวนเต๋อทําสีหน้าตกใจ เขาจ้องไปที่หยางโปตาเขม็งเป็นเวลานาน

“ การก่อสร้างพิพิธภัณฑ์มีระยะเวลาที่ยาวนาน ผมมีที่ดินอยู่ผืนหนึ่งทางนั้น อย่างน้อยคงใช้เวลาสองสามปีกว่าจะสร้างเสร็จ ผมสามารถลงนามในสัญญาเช่ากับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสาม ปีก่อนได้รอจนกระทั่งวันที่พิพิธภัณฑ์สร้างเสร็จสมบูรณ์ผมค่อยนํากลับมา ” หยางโปเสนอ

เฉาหยวนเต๋อพยักหน้า ” ถ้าในกรณีนี้ มันจะดีกว่ามาก !”

ชุยชื่อหยวนพยักหน้าและรู้สึกพึงพอใจมาก หยางโปทําอะไรได้ชํานาญขึ้นมาก เขาไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ตอบตกลง กลับเลือกที่จะตอบอย่างอ้อมค้อม แต่การแก้ไขด้วยวิธีนี้ค่อนข้างจะดีกว่า

ชุยอี้ผิงรับสายแล้วยื่นให้หยางโป ” คุณปูโทรมา นายรับสายหน่อย

หยางโปรู้สึกแปลกใจ เวลานี้เที่ยงคืนแล้ว ชายชราเข้านอนตรงเวลาสามทุ่มทุกคืน แต่ตอนนี้กลับยังไม่นอน คงรอฟังข่าวของเขาอยู่แน่นอน เขาจึงรีบรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

หยางโปและชายชราพูดคุยกันไม่กี่คํา

จากนั้นก็ให้ชายชราไปพักผ่อน ก่อนที่จะตัดสายไป

หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆมา หยางโปก็รู้สึกเหนื่อยอยู่ไม่น้อยเขาขึ้นรถและมุ่งหน้ากลับไปที่เรือนสี่ประสาน ในขณะที่ ชุยซื่อหยวนและชุยอี้ผิงต่างก็แยกย้ายกลับใครกลับมัน

หลังจากอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ หยางโปก็กล่าวราตรีสวัสดิ์กับแม่ ต่อมาก็เข้าห้อ งนอนลงบนเตียงพักผ่อนของเขา

เช้าวันที่สอง หยางโปตื่นแต่เช้า จากนั้นก็ได้รับโทรศัพท์ติดต่อกันหลายสาย

เพื่อนๆหลายคนได้โทรหาเขาเพื่อถามไถ่ถึงสถานการณ์ มีทั้งหลูตงชิง อู๋เฉียง กงเสียวเจิ้ง

หลู่เจียเฟยและลั่วชิง เขารับสายติดต่อกันมากถึงสิบกว่าสาย ทําให้หยางโปรู้สึกตะหงิดๆใจ

เมื่อเป็นแบบนี้เขาจึงรีบเปิดคอมพิวเตอร์ทันที

หยางโปเห็นหัวข้อข่าวบนหน้าเว็บไซต์จํานวนมาก ต่างก็พาดหัวข้อข่าวนี้ และเรียกขานเขาว่า “ บุคคลคนแรกที่นาโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมกลับคืนสู่ประเทศ” และถือเอาเหตุการณ์ใน ครั้งนี้ มารายงานเป็นคดีตัวอย่างที่เขาประสบอันตรายในระหว่างที่นาโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมกลับคืนมาอีกด้วย !

หยางโปถึงกับเห็นเขาสัมภาษณ์บนเว็บไซต์ เนื้อหาด้านในอธิบายถึงขั้นตอนที่เขานโบราณวัตถุกลับมา และประสบพบเจอกับความยากลําบากต่างๆ !

ทําเอาหยางโปตกตะลึงไปเลยทีเดียว ทําไมเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้ เขาไม่เคยให้สัมภาษ ณ์เลย ทําไมถึงได้มีรายงานดังกล่าวออกมาปรากฏได้กัน ?

หยางโปคลิกหาบทสัมภาษณ์และอ่านอย่างละเอียด เขาพบว่ามีเนื้อหาการสัมภาษณ์หลายสิ่งหลายอย่าง ที่พบเจอมากับตัวเองจริงๆ แต่ก็มีบางส่วนที่แอบกล่าวอ้าง แม้แต่ปัญหาในระหว่างนั้นก็ถูกเสริมเติมแต่งเพิ่มขึ้นหลายเท่า !

หลังจากอ่านอย่างละเอียดไปได้รอบหนึ่ง ในที่สุดหยางโปก็พอจะเดาออก ในเนื้อหาส่วนใหญ่มีเฉาหยวนเตือรู้เรื่องและรายละเอียดดี เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วต่อสายโทรหาเฉาหยวนเต๋อทันที

“ คุณเป็นคนเขียนบทสัมภาษณ์ใช่ไหม ? ” หยางโปถาม

เฉาหยวนเตือไม่ลังเลเลย “ เมื่อคืนนี้ สาเหตุที่ฉันไปสายเพราะฉันได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

จึงเรียบเรียงเขียนเป็นบทสัมภาษณ์พิเศษ จากนั้นก็หาคนที่สามารถเขียนบทประพันธุ์มาสองสามคนและขอให้พวกเขาจัดการเรียบเรียงขึ้นใหม่อีกครั้ง และส่งให้นักข่าว ฉันเห็นแล้วเหมือนกันว่าวันนี้มันถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์แล้ว”

“ ในเมื่อเป็นแบบนั้น งั้นก็ไม่ต้องคุยโว้ซะสวยงามก็ได้ อะไรคือบุคคลคนแรกที่นําโบราณวัตถุ ทางวัฒนธรรมกลับคืนสู่ประเทศ คําเรียกขานแบบนี้ผมรับไม่ไหว !” หยางโปกล่าว

เฉาหยวนเต๋อหัวเราะ “ นายต้องเข้าใจด้วยนี้มันเป็นบทความ มันก็ต้องพูดเสริมเติมแต่งให้เกินจริงหน่อยแต่ส่วนใหญ่แล้วมันก็เป็นข้อเท็จจริงนะ นายก็อย่าถ่อมตัวไปเลย “

หยางโปรู้สึกค่อนข้างอึดอัดใจ แม้ว่าเขาจะยังไม่ชอบการเสแสร้ง แต่ก็ไม่มีทางอื่น เรื่องนี้ถูก

เสแสร้งทําให้เกินจริงไปแล้ว และยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ไม่ได้มีการเสแสร้งเกินจริง แต่เกรงว่าอาจจะถูกไล่ถามหาความจริงเช่นกัน

“ หยางโปลูกต้องเข้าใจให้แจ่มแจ้งนะ สภาพในปัจจุบันนี้ต้องขึ้นอยู่กับการเสแสร้ง ในอดีตฉันเคยคิดว่านี่เป็นช่องทางที่สกปรกและเลวร้าย แต่ตอนนี้ผลของการโฆษณาชวนเชื่อต่างก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ต้องมีการโฆษณาชวนเชื่อและการเสแสร้ง ! ” ชุยชื่อหยวนกล่าว

หยางโปนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง เขาคิดไม่ถึงว่าชุยชื่อหยวนจะยอมรับเรื่องเหล่านี้ได้แล้วเช่นกัน

แต่สําหรับเขาแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยมันก็จะมีผลประโยชน์ที่ดีในอนาคต !

ตอนที่ 908 แม่

ลัวย่าวหัวค่อนข้างตกใจ เขามองไปที่หยางโป ด้วยสีหน้าที่แปลกใจ

หยางโปยักไหล่และส่ายหน้าเล็กน้อยและไม่อธิบายอะไรเช่นกัน

ลัวยาวหัวจึงต้องเป็นคนเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างในที่เกิดเหตุ เขาก้าวไปข้างหน้าและหันไปพูดกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินว่า “ ขอบคุณมากจริงๆ ที่คุณช่วยชีวิตพวกเราทุกคนเอาไว้

คุณกล้าหาญมาก ที่กล้าต่อสู้กับพวกผู้ร้าย ! หลังจากถึงจีนแล้ว พวกเราต้องนําธงแห่งชัยชนะ จัดส่งไปให้ที่บริษัทของพวกคุณอย่างแน่นอน !”

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินยังคงตกอยู่ในอาการตกตะลึง เมื่อได้ยินคําพูดของลัวย่า วหัวก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง

ลัวย่าวหัวตบไหล่เขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ นี่คือความดีความชอบของคุณ คุณไม่ต้องกังวล ! หลังจากที่คุณกลับไปจะต้องได้เลื่อนขั้นอย่างแน่นอน !”

นายตํารวจคนนั้นตรวจสอบที่เกิดเหตุ และส่ายหน้าอย่างช้าๆ และหันไปสอบถามพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ห้องโดยสารด้านหน้าคําหนึ่ง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะให้การเป็นหนึ่งเดียวกัน

บอกว่านี่เป็นสิ่งที่พวกเขาร่วมมือกันทําทั้งหมด พวกเขาร่วมแรงร่วมใจกันเอาชนะผู้ร้าย !

ตํารวจอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองหน้าหยางโป และส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไรมาก บางครั้งความจริงมันก็ไม่ได้สําคัญ แต่ผลลัพธ์สําคัญกว่า ตราบใดที่คนยังมีชีวิตอยู่ แค่ทุกคนยอมรับได้ก็พอ !

ในที่เกิดเหตุมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งมาก ทุกคนมองดู ต่างพากันทยอยเดินกลับกันออกไปทีละคน

ลัวย่าวหัวลากหยางโปออกไปอีกด้านหนึ่ง” นายทําได้ยังไง ? ”

“ ผลประโยชน์ !” หยางโปตอบ “ พวกเขารับเงินจากอีกฝ่าย แต่หลังจากที่ฉันใช้ปืนยิงคนร้ายตายไปคนหนึ่ง และปราบผู้ร้ายอีกคนหนึ่งได้ ฉันจึงบอกกับลูกเรือบนเครื่องบินว่าตราบใด ที่พวกเขาฆ่าผู้ร้ายที่ก่ออาชญากรได้หลังจากเกิดเรื่องขึ้นจะได้รับรางวัลมากกว่าเดิม !”

“ นายเกลี้ยมกล่อมและหลอกล่อพวกเขาด้วยคําพูดเปล่าๆ พวกเขาก็เชื่อแล้วเหรอ ? ” ลัวย่าวหัวรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว

หยางโปยิ้มและพูดว่า “ สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ ฉันบอกพวกเขาไปว่าหลังจากที่พวกเราลงจากเครื่องบินแล้ว ทุกคนจะต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทําเพื่อปกป้องสมบัติของชาติ ทุกคนถึงมีส่วนร่วมด้วยกัน ! แม้แต่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่เสียชีวิตไป ก็สามารถกลายเป็นวีรบุรุษกู้ชาติได้ !”

ลัวย่าวหัวหัวเราะ “ นายนี่มันเป็นทหารที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้โดยไม่ต้องออกแรงสู้รบชัดๆ !”

หยางโปหัวเราะ และไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม เรื่องนี้เป็นเรื่องสูญเปล่า ลูกเรือบนเครื่องบินรับสินบนจากชายชุดดําสองคน นี้เป็นความเสื่อมเสียอย่างมากของมากที่สุด แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้กระทําเกินไป ที่จะปกป้องชื่อเสียงและรับผลประโยชน์จากกระบี่หยกที่อยู่ในมือของหยาง

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ หยางโปต้องการปกป้องชีวิตของทุกคน ในการเดินทางอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า หากสมาชิกในทีมลูกเรือบนเครื่องบินคิดไม่ตกขึ้นมา แล้วลงมือทําอะไรที่เป็นอันตรายขึ้นมาท้ายที่สุดแล้วก็จะไม่มีใครสามารถหนีไปได้ !

ในการเดินทางครั้งต่อไป ทุกคนต่างพากันระมัดระวังตัวอย่างดี เวลาจึงดูยาวนานขึ้นเป็นพิเศษ

ก่อนที่เครื่องบินจะลงจอด ลูกเรือบนเครื่องได้รายงานสถานการณ์บนเครื่องบินให้กับบนภาคพื้นฟัง ดังนั้นทางด้านท่าอากาศยานจึงได้เตรียมการคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนาเอาไว้นานแล้ว

เมื่อหยางโปและพรรคพวกลงจากเครื่องมา ก็เห็นกลุ่มตํารวจติดอาวุธวิ่งกรูกันเข้ามาอย่างรวดเร็วและล้อมทุกคนไว้ จากนั้นก็เชิญทุกคนไปที่สนามบิน ด้านนอกมีนักข่าวอยู่จํานวนมากกําลังรายล้อมอยู่รอบๆ

หยางโปเงยหน้าขึ้นมองก็เห็น ชุยชื่อหยวน ชุยอี้ผิงและลัวซื้อเพื่อยืนอยู่ไม่ไกล เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ

“ พวกคุณมาที่นี่ทําไม ? ” หยางโปถามด้วยความแปลกใจ ตอนนี้ก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว ถ้าว่ากันตามหลักแล้ว เวลานี้พวกเขาควรจะพักผ่อนไปแล้ว

ชุยชื่อหยวนอดไม่ได้ที่จะสบกด่า ” พวกแกไปทําเรื่องงามหน้ากันมา รู้ไหมมีกี่คนที่เป็นห่วงและกังวลเกี่ยวกับพวกแก ทําอะไรให้มันระมัดระวังหน่อยไม่ได้หรือไงหะ ?”

หยางโปก้มหน้าลงและไม่เอ่ยปากพูดอะไร เขารู้ดีเช่นกันว่านี่เป็นเพราะ ยชื่อหยวนกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขา

ลัวซือเต๋อเหลือบมองไปที่ลัวย่าวหัว เมื่อเห็นว่าเขาปลอดภัยดี ถึงได้เอ่ยปากพูดออกมาว่า

“ เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนปลอดภัยดี ก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ให้พวกเขารีบทําบัน ทึกแล้วกลับกันเถอะ !”

ชุยชื่อหยวนไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงดูลูกชาย แต่เขาก็เข้าใจความหมายขอ งลัวซื้อเต่อทันทีในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ก็ไม่สามารถพูดอะไรมากมายได้อีก ประสบพบเจอกับผู้ร้ายบนเครื่องบิน มันก็ไม่ใช่เจตนารมณ์ของหยางโปแน่ๆ

“ แกไปดูทางด้านโน้นหน่อย แล้วค่อยกลับมาทําบันทึกทีหลัง ! ” ชุยชื่อหยวนชี้ไปที่ด้านหลังและหันมาพูดกับหยางโป

หยางโปรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าหลินหลินอยู่ไม่ไกลออกไป

เธอยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน และกําลังมองมาทางนี้ ด้วยดวงตาทั้งคู่ที่บวมแดง ดูเหมือนว่าจะผ่านการร้องไห้มา

หยางโปวิ่งเข้าไปหา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกปวดแสบที่จมูก เขาไม่เคยรู้สึกถึงความอบอุ่นแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกจากบ้านไปไกล และความอบอุ่นที่ใครบางคนห่วงใยเขาอยู่ เขาเป็นคนที่แสดงอารมณ์ได้ไม่ดี แต่เขารู้ดีอยู่ลึกๆ ว่าเขาอ่อนไหวกับมันแล้ว

เมื่อวิ่งเข้าไปหา หยางโปก็กอดหลินหลินเอาไว้แน่นและร้องเรียกคําว่า “ แม่ ! ” ออกมา

หลินหลินไม่สามารถอดทนต่อความรู้สึกได้อีกต่อไปแล้ว จึงส่งเสียงร้องไห้ออกมาทันที

หลังจากผ่านไปสักพัก หลินหลินถึงได้ปล่อยหยางโปออก แล้วมองสํารวจเขาขึ้นๆลงๆ

เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีได้เป็นอะไร ถึงได้โล่งใจ “ ทําไมถึงได้เจอเรื่องแบบนี้ได้ 2 ครั้งต่อไปอย่านั่งเครื่องบินอีก เครื่องบินไม่ปลอดภัยเกินไป ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ จะให้แม่ทํายังไง ?”

หยางโปรู้สึกอายเล็กน้อย “ แม่ ไม่ต้องห่วงไป มีเครื่องบินขึ้นเยอะแยะออกมากมายในทุกปี

เกิดอุบัติเหตุแค่ไม่กี่ลํา แม่ไม่ต้องห่วง ครั้งนี้มันเป็นแค่อุบัติเหตุ”

หลินหลินจ้องมองหยางโปไม่วางตา เธอยังคงรู้สึกใจสั่นไม่หาย วันนี้เธอเห็นข่าว มีรายงานว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับเครื่องบินที่บินมุ่งหน้ามาจากอเมริกาลํานี้ ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดอะไรมาก

พอชุยอี้ผิงโทรมาบอกข่าวนี้กับเธอ ก็ทําเอาเธอถึงกับช็อกจนไม่มีสติ !

“ ลูกอย่ามาได้ใจไป !” หลินหลินต่อว่าให้

หยางโปพยักหน้าซ้ําๆ “ แม่ไม่ต้องห่วง งั้นเอางี้ละกัน ช่วงนี้ผมจะไปออกไปไหน ตกลงไหม

นี่ลูกพูดเองนะ” หลินหลินกล่าว

หยางโปพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ อืม ผมพูดเอง”

หลินหลินถึงได้วางใจ เธอดึงหยางโปมาสั่งสอนอยู่อีกครู่หนึ่งก่อนที่จะปล่อยเขาไป

หยางโปอยากจะเกลี้ยกล่อมให้หลินหลินกลับไปก่อน แต่หลินหลินกลับไม่เห็นด้วยและยืนกรานที่จะรอเขากลับไปด้วย หยางโปไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปทําบันทึกกับตํารวจ

ชุยชื่อหยวนอยู่เคียงข้างเป็นเพื่อนเขา ฟังเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ

” ที่แกพูดมาจริงแท้ทั้งหมดใช่ไหม ?”

หยางโปหัวเราะ “ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง มันก็ไม่สําคัญ สิ่งที่สําคัญคือทุกคนสา มารถยอมรับข้อกล่าวหาเหล่านี้ได้ ”

ชุยชื่อหยวนอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า ” มันก็ใช่ ตราบใดที่ส่วนใหญ่สามารถยอมรับมันได้และทุกคนยอมรับมันได้ มันก็ไม่มีปัญหา ”

ลัวย่าวหัวเขียนบันทึกเร็วกว่า เขาเดินเข้ามาและเอ่ยทักมาว่า ” ฉันไม่รอนายแล้วนะ แม่ฉันยังรออยู่ที่บ้านฉันต้องรีบกลับไปก่อน ไม่อย่างนั้นเธอจะกังวลเอาได้ “

หยางโปโบกมือให้ “ นายรีบกลับไปเถอะ !”

ปฏิกิริยาตอบสนองของ หลินหลินเมื่อสักครู่ ทําให้หยางโป สัมผัสได้ถึงความรักของแม่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทําให้เขาเร่งให้ลัวย่าวหัวกลับบ้านไป

การทําบันทึกจบลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่หยางโปกับแม่และพรรคพวกกําลังจะจากไปอยู่นั้น

เฉาหยวนเต่อก็รีบเร่งเข้ามาหา เขาเห็นหยางโปจึงทักขึ้นมาว่า “ นายไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”

ไม่เป็นไร หยางโปตอบ

เฉาหยวนเต่อมองสํารวจขึ้นๆลงๆ ” หัวงูทองสัมฤทธิ์ล่ะ ? มีปัญหาไหม ? ”

* หัวงูทองสัมฤทธิ์ถูกใช้เป็นหลักฐาน ตอนนี้ตํารวจเก็บเอาไว้อยู่ อาจต้องใช้เวลาสักระยะถึงจะเอากลับคืนมาได้ ” หยางโปตอบ

เฉาหยวนเต็อลังเลเล็กน้อยและหันไปขอโทษขอโพยกับหลินหลิน ” ผมขอพูดคุยกับหยางโปสักสองสามคําได้หรือเปล่า”

ตอนที่ 907 สงบเรียบร้อย

กัปตันถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที “ ชดใช้ด้วยเครื่องบินลําหนึ่ง ?”

“ ใช่ ! “ หยางโปตอบ เขาชี้ไปที่หัวงูทองสัมฤทธิ์แล้วพูดว่า ” คุณรู้หรือเปล่าว่าหัวงนี้มีมูลค่าเท่าไร ?ยี่สิบล้านดอลลาร์ ! เพื่อหัวงูทองสัมฤทธิ์นี้ พวกเราจ่ายเงินซื้อมาในราคา 20 ล้านดอลลาร์ !

คุณคิดว่าผมจะซื้อเครื่องบินได้ไหม ?”

กัปตันมีใบหน้าที่ยิ้มอย่างเคอะเขิน และมองไปด้านหลังเมื่อเห็นแอร์โฮสเตสเดินกลับไปที่ห้อ งโดยสารด้านหน้าแล้วเขาถึงได้เอ่ยปากพูดออกมาว่า “ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว

งั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเลย !”

หยางโปเหลือบมองไปที่กัปตันอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยในปฏิกิริยาของ อีกฝ่าย ! เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปทางห้องโดยสารด้านหน้าแสงสว่างวาบผ่านตาไปในขณะที่ กําลังจดจ่ออยู่นั้น

“ บัง” เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ทําเอาทุกคนถึงกับช็อกไปตามๆกัน !

“ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ? เกิดอะไรขึ้น ? ” หยางเต๋อเชิงดูค่อนข้างตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด

ลัวย่าวหัวหันไปมองหน้าหยางโป เมื่อเห็นเขาจ้องมองตรงไปข้างหน้าก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

“ ยังมีผู้ก่อการร้ายอยู่ในห้องผู้โดยสาร ?”

“ ไม่ใช่ เสียงปืนไม่ได้ดังมาจากที่เราอยู่ แต่มาจากห้องโดยสารด้านหน้า !”

* ใช่ มันมาจากห้องโดยสารด้านหน้า พระเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในห้องโดยสารด้านหน้ากัน แน่ ?”

ในห้องผู้โดยสาร บรรดาผู้โดยสารที่เหลืออยู่ต่างดูค่อนข้างตื่นตระหนกพวกเขาไม่รู้แน่ชัด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นด้วยเหตุนี้จึงยิ่งพากันตื่นตระหนกมากขึ้น

ใบหน้าของกัปตันเอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่รู้ว่ากําลังคิดอะไรอยู่แต่เขารู้ดีว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้ามีการใช้ปืน มันก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเขาอย่างน้อยตําแหน่งกัปตันนี้ก็จะแตะต้องไม่ได้ !

หยางโปเห็นสถานการณ์ของห้องโดยสารด้านหน้าผ่านแผ่นกั้นชายชุดดําสองคนนั้นกําลังแอร์โฮสเตสคนหนึ่งอยู่และยิงพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินอีกคนจนได้รับบาดเจ็บ

และกําลังจะตะโกนเรียกแอร์โฮสเตสคนสวยที่อยู่ทางด้านนี้ !

ในที่เกิดเหตุ หยางโปไม่พบชายชุดดําสองคนนั้นถูกหมัดไว้ !

เมื่อเห็นฉากนี้ ใบหน้าของหยางโปก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาเหมือนจะคาดเดาสถานการณ์ออกได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นแอร์โฮสเตสสาวคนเมื่อกี้น่าจะกลับไปแจ้งข่าวแล้วอ ยากจะจับโจรใหม่อีกครั้งเพื่อให้ผู้โดยสารข้างนอกดู แต่ดูเหมือนโจรจะไม่ยอมประนีประนอมจึงต่อต้านขึ้นมาทันที

โง่ ! โง่เหมือนหมู !

หยางโปโมโหมาก พนักงานบนเครื่องบินน่าจะสมรู้ร่วมคิดกับอีกฝ่าย แต่พวกเขาโง่มาก

ไม่รู้ที่จะยึดอาวุธปืนไว้ยังไง ! ไม่รู้หรือยังไงว่าควรจะยึดปืนเก็บไว้ที่ตัวเองก่อน ?

“ เศษขยะ !” หยางโปหันไปด่ากัปตันทันทีและเดินไปที่ห้องผู้โดยสารอย่างรวดเร็ว !

“ นายจะไปทําอะไร ? ในนั้นมันอันตรายมากเลยนะ !” ลัวย่าวหัวตะโกนเรียก

หยางโปหันกลับมามอง “ พวกโจรพวกนี้มาที่นี่เพื่อตามหาเรา ! ฉันจะไปดูสักหน่อย !”

พูดจบ หยางโปก็เปิดประตูห้องผู้โดยสารและเดินเข้าไป

ลัวย่าวหัวตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “ โจรปล้นจี้ยังไม่ถูกจับใช่ไหม ? ทําไมยังมีอยู่อีก ?”

หลังจากตกตะลึงไปสักครู่ ลัวย่าวหัวก็ได้สติกลับมาทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางกัปตัน

” บอกมาตามตรง คุณไม่ได้จับโจรไว้ใช่ไหม ? คุณร่วมมือกับพวกมันอยู่ใช่ไหม ?”

กัปตันมีสีหน้าตื่นตระหนก “ ไม่มี ไม่มี… เป็นไปได้ยังไง ? ”

* คุณพูดมาตามตรงก็พอ ว่าใช่หรือไม่ใช่ ? ” ลัวย่าวหัวตะคอกถามเสียงดัง

” ปัง ! ”

เสียงปืนดังขึ้นมาอีกนัด กัปตันตกใจกลัวขาสั่นจนยืนไม่ไหว เขาคุกเข่าลงทันที

“ ใช่ ใช่ ผมปรึกษาหารือกับคู่กรณี พวกคุณรีบไปช่วยคนข้างในเถอะ พวกเขากําลังตกอยู่ ในอันตราย ! ”

กัปตันคุกเข่าลงตรงที่เกิดเหตุด้วยน้ําตานองหน้า เขาเสียใจกับการกระทําที่ตนเองได้ทํา ลงไปเป็นอย่างมาก !

“ อะไรนะ ? เป็นคุณที่ทรยศเรา ? ทําไมคุณถึงทําแบบนี้ ? ”

“ คุณทําไมต้องทรยศพวกเราด้วย คุณมันคนไร้ยางอาย !”

“ เดิมเขามันไร้ค่าอยู่แล้ว คุณไปคุยกับเขามันจะไปมีประโยชน์อะไร ?”

“ เร็วเข้า พวกเรารีบเข้าไปช่วยพ่อหนุ่มคนเมื่อสักครู่นั้นกันเร็ว ต้องเอาชนะอาชญากรนั้นให้ได้ !

ทุกคนอย่างเบียดเสียดกันเข้าไป ยังมีตํารวจอยู่ในที่เกิดเหตุไหม ? มีคนเคยเป็นทหาร มาก่อนหรือเปล่า พวกเราเข้าไปด้วยกันเถอะ !”

“ ผมเคยเป็นทหาร ผมไปเอง !” ผู้ชายวัยสามสิบที่ตัดหัวเกรียนคนหนึ่งพูดอย่างรวดเร็ว

“ คุณไปไม่ได้ ! ” ภรรยาของเขาดูจะไม่ค่อยยินยอมและคว้าแขนเขาเอาไว้

ชายคนนั้นลังเลเล็กน้อย “ ผมกําลังช่วยคนของเราเองอยู่ ถ้าถูกพวกคนร้ายจับตัวไว้จริงๆ

เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาไม่มีทางยอมหยุดอยู่ที่สนามบินภายในประเทศอย่างแน่นอน

เมื่อถึงตอนนั้นเราจะตกอยู่ในอันตราย !”

ภรรยาแสนสวยดูเหมือนจะอายุ 20กว่าปีเท่านั้น เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้และถามออกมาว่า “ เริ่มแรกที่คุณออกไปรักษาความสงบ ฉันก็สนับสนุนให้คุณไป แต่คุณรู้หรือเปล่าว่า ช่วงวันเวลาตอนที่คุณจากไป ฉันอยู่ยังไง ? ทุกวันฉันอยู่แต่กับความวิตกกังวลและหวาดกลัว !”

“ ผมรู้ และผมก็เข้าใจเช่นกัน แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกัน ผมอยากให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อไป !”

ฉากที่เกิดขึ้นในที่เกิดเหตุนี้ ทําเอาหลายๆคนซาบซึ้งใจ ทุกคนมองดูคู่สามีภรรยาคู่นี้

และถึงกับรู้สึกเศร้าใจที่พวกเขาจะต้องมาพรากจากกัน !

ลัวย่าวหัวยืนขึ้น เขามอบหัวงูทองสัมฤทธิ์ให้หยางเต๋อเชิง” ช่วยนํามันกลับไปให้ผมด้วย !”

หยางเพื่อเชิงกอดหัวหัวงูทองสัมฤทธิ์ไว้และยืนขึ้น “ ผมก็อยากไปช่วยเหมือนกัน !”

“ คุณเก็บหัวงูทองสัมฤทธิ์ไว้ดีๆ !” ลัวย่าวหัวพูด “ ที่เหลือไม่ต้องให้คุณช่วย !”

พอพูดจบ หลายคนก็เดินออกมาจากกลุ่มฝูงชน จากนั้นพวกเขาก็เดินตรงไปที่ห้องโดยสารด้านหน้า สักพัก ในห้องก็ดูเงียบลง ทุกคนจ้องมองไปที่แผ่นหลังของพวกเขา และรู้สึกว่ายิ่งใหญ่ มาก !

“ นี่พวกคุณจะทําอะไร ? ” จู่ๆ ประตูห้องผู้โดยสารก็เปิดออกหยางโปยืนอยู่ที่ปากประตู

และหันหน้ามองดูพวกเขา

ลัวย่าวหัวเงยหน้าขึ้นมอง เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง แล้วอุทานออกมาด้วยความดีใจว่า

“ นายเคลียร์หมดแล้วเหรอ ?”

หยางโปพยักหน้า “ พวกคนร้ายสองคนนั้นดิ้นหนีจนเชือกหลุดและวิ่งหนีไปแล้ว แต่พวกนั้นฆ่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินตายไปคนหนึ่ง แต่ด้วยความพยายามของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทั้งหมด ในที่สุดพวกเราก็เอาชนะพวกคนร้ายและสังหาร จนพวกนั้นตายไป !”

ทุกคนมองไปที่หยางโบด้วยสีหน้าและแววตายากที่จะเชื่อ เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เขาพูดกับเรื่องราวแท้จริงที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปในทางเดียวกัน แม้จะไม่รู้ว่ากัปตันและพรรคพวกทําอะไรกันแน่

แต่พวกเขาต้องเกี่ยวข้องกับคนร้ายอย่างแน่นอน !

ทําไมหยางโปพูดแบบนี้ ? ทําไมเขาถึงแก้ไขความผิดให้ลูกเรือบนเครื่องบิน ?

“ ยังเหลือเวลาอีกเจ็ดแปดชั่วโมงในการเดินทาง ลูกเรือทุกคนต่างลําบากกันมามากแล้ว

แม้ว่าจะทําผิดพลาดไปบ้าง แต่พวกเขาก็ยังต้องทํางานอย่างขยันขันแข็งต่อ ดังนั้น เรื่องบางเรื่อง ทุกท่านได้โปรดเข้าใจด้วย ! ” หยางโปกล่าว

ตัวยาวหัวมองไปทางหยางโป “ นายคงไม่รับสินบนจากพวกเขามาหรอกใช่ไหม ? ”

หยางโปส่ายหน้า “ นายคิดว่าฉันเหมือนคนรับสินบนหรือไง ? มือข้างไหนของฉันมีของอยู่บ้างล่ะ ?”

อันที่จริง หลายคนต่างเห็นหมดแล้ว และเข้าใจความหมายของหยางโปดี จุดหมายปลายทางต่อจากนี้ยังอีกยาวไกล หากพวกเขาหมกมุ่นอยู่กับการให้ลูกเรือบนเครื่องบินมารับผิดชอบ

อาจเกิดปัญหาขึ้นบนเครื่องบินได้อย่างง่ายดาย !

“ เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันเถอะ กลับไปพักผ่อนกันก่อน ตอนนี้ไม่รู้ว่าเที่ยวบินจะดีเลย์ หรือเปล่า ? ” ลัวย่าวหัวโบกมือ

“ พวกเราสามารถเข้าไปตรวจสอบดูหน่อยได้ไหม ? ” ตํารวจที่นําใบรับรองการบังคับใช้กฎหมายออกมาเอ่ยถามขึ้น

หยางโปพยักหน้า “ ทุกคนเข้าไปดูได้เลย !”

ทุกคนจึงได้เปิดประตูและพากันเข้าไป หลังจากเดินเข้าประตูไป ทุกคนก็เห็นว่าคนร้ายคนหนี้งถูกยิงกลางหน้าผาก และอีกคนก็ถูกมีดบาดที่คอ ด้านข้างมีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินยืนอยู่

มีมีดเล่มหนึ่งอยู่ที่ปลายเท้า มีเลือดสาดกระเซ็นอยู่บนตัวของเขา เขามีสีหน้าท่าที่ที่ดูตื่นตระหนกตกใจมาก !

แอร์โฮสเตสสาวทําอะไรไม่ถูก “ คุณสุภาพบุรุษโปรดอย่าทําให้ฉันลําบากใจ ฉันเป็นแค่คน มาส่งข่าวเท่านั้น”

ลัวย่าวหัวยิ้มและพูดว่า “ คุณผู้หญิง คําพูดนี้ควรจะเป็นผมที่เป็นฝ่ายพูดนะคุณเป็นเพียง คนที่มาส่งข่าว จะมาทําให้ผมลําบากใจได้ยังไง ? ”

จู่ๆแอร์โฮสเตสสาวก็รู้สึกประหลาดใจ ใบหน้ารูปไข่ที่สวยงามก็เงียบขรึมลง เดิมที่เธอไม่เต็มใจที่จะทํางานนี้ แต่กัปตันบอกกับทุกคนว่า แต่ละคนจะได้รับรางวัลห้าหมื่นถึงหกพันดอลลาร์

เธอก็ถึงกับตกตะลึงไปเลย !

ห้าหกหมื่นดอลลาร์ ประมาณสามสี่แสนหยวนซึ่งเทียบเท่ากับเงินเดือนสามปีกว่าของเธอ !

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกัปตันยังให้สัญญากับเธอว่า ตราบใดที่เธอนํากระเป๋าเดินทางมาได้

เขาจะให้เงินหนึ่งแสนดอลลาร์แก่เธอ !

แอร์โฮสเตสคนสวยจ้องไปที่ตัวยาวหัว “ เอาล่ะ ในเมื่อคุณไม่ยอมส่งมอบมันมา แต่ให้คนอื่นรอบตัวคุณตกอยู่ในอันตราย ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไม่บีบบังคับ ”

หลังจากนั้นพูดจบ แอร์โฮสเตสสาวก็หันหลังเดินจากไป

หยางโปหันไปขยิบตาให้ลัวย่าวหัว ตัวยาวหัวจึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า ” งั้นก็ได้ คุณยังไม่ต้องไป ผมจะส่งมอบให้เดี๋ยวนี้”

แอร์โฮสเตนสาวหันกลับมามอง ดูเหมือนจะค่อนข้างสองจิตสองใจ

ลัวย่าวหัวเลื่อนกระเป๋าสัมภาระอีกใบลงมา จากนั้นเขาก็เปิดกระเป๋าสัมภาระออกมา ด้านใน มีห่อของถูกห่อไว้เป็นชั้นๆ มีเบาะที่เป็นฟองอากาศถูกวางไว้รอบๆกระเป๋าสัมภาระ และห่อไว้ อย่างแน่นหนา

” ผมเดาว่าพวกเขาสองคนนั้นคงทําเพื่อของชิ้นนี้ “ ลัวย่าวหัวชี้ไปที่กระเป๋าสัมภาระ รอยยิ้มบนใบหน้าหุบลงไปทันที

“ เกรงว่าพวกเขาคงจะยังไม่รู้ว่านี่คืออะไร นี่คือหัวงูทองสัมฤทธิ์ ย้อนกลับไปเมื่อครั้งกองกํา ลังพันธมิตรแปดชาติได้เผาทําลายพระราชวังฤดูร้อนเก่าและได้ปล้นศีรษะสัตว์ทั้งสิบสองราศีไป ในช่วงหลายปีมานี้ หัวสัตว์ทองสัมฤทธิ์ที่ก่อให้เกิดความปั่นป่วนโกลาหลระหว่างประเทศ อยู่ตรง นี้แล้ว !”

ในขณะที่พูดอยู่นั้น ล้วย่าวหัวก็เปิดห่อของออก จึงเผยให้เห็นหัวงูทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ด้านใน

ลัวย่าวหัวกอดหัวงูทองสัมฤทธิ์ไว้ “ นี่คือหัวงูทองสัมฤทธิ์ นี่เป็นสมบัติของชาติของคนจีนเรา

ซึ่งเป็นสมบัติของชาติที่ถูกปล้นไปในช่วงพันธมิตรแปดชาติเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน วันนี้พวกเรา น้ำมันกลับมาแล้ว พวกเราหวังว่าในระหว่างทางที่ประเทศจีนค่อยๆพัฒนาขึ้นจะสามารถแสดง ศักยภาพของตัวเองได้ !”

“ แต่ตอนนี้สมบัติของชาติชิ้นนี้กําลังตกเป็นเป้าของคนอื่น เพราะตามราคาประมูลก่อนหน้านี้ ที่ฝรั่งเศส มูลค่าของหัวงูทองสัมฤทธิ์มีมากกว่า 100 ล้านหยวน ! มีอาชญากรบางคนกําลังจับตาดู สมบัติของชาติชิ้นนี้อยู่ พวกเขาต้องการที่จะแย่งชิงมันไป ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ยินยอม ! “

หยางโปยืนอยู่ข้างลัวย่าวหัว ปรบมืออย่างดัง และทุกคนต่างก็ปรบมือตามอย่างกระตือรือร้น

นี่เป็นการวางกลยุทธ์ที่พวกเขาเพิ่งพูดคุยกันเมื่อสักครู่ ลัวย่าวหัวมีวาทศิลป์ในการพูดที่ดี

และยังปลุกปั้นเก่งมากอีกด้วย

“ สมบัติของชาติจะต้องถูกนํากลับไปอย่างปลอดภัย !”

“ ในเมื่อนี่คือหัวงูทองสัมฤทธิ์ พวกเราต้องนํากลับไปให้ได้อย่างแน่นอน !”

” ใช่ พวกเราจัดตั้งทีมขึ้นเพื่อปกป้องสมบัติของชาติเป็นการเฉพาะดีกว่า ! “

” ผมเข้าร่วมด้วย ! ”

“ ผมก็ขอเข้าร่วมด้วย !”

สถานการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่หยางโปและลัวยาวหัว ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น เดิม ที่พวกเขาคิดว่า ถ้าสถานการณ์ปกติทุกคนคงจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก และคงจะมาเป็นพยานให้พวกเขาได้ วิธีนี้ถ้าแอร์โฮสเตสสาวจะนํากระเป๋าเดินทางไปพวกเขาก็คงจะมีเหตุผลที่ปลุก ปั่นกระแสขึ้นมาได้ !

มีหรือจะคิดว่าคนจีนที่อยู่ในที่เกิดเหตุจะกระตือรือร้นมากถึงเพียงนี้ เมื่อได้ยิน ว่าพวกเขากําลังนําสมบัติของชาติกลับจีน พวกเขาถึงกับจะเข้าร่วมปกป้อง และถึงกับที่จะจัดตั้งก ลุ่มขึ้นมาปกป้องเลยที่เดียว !

หยางโปรู้สึกตื้นตันใจมากในเวลาเดียวกันก็ละอายใจต่อแผนการของพวกเขาที่ไม่สามารถดํา เนินการให้เป็นจริงได้

ลัวย่าวหัวตอบสนองโดยเร็ว เขาหันไปมองแอร์โฮสเตส “ คุณอยากจะไปรายงานหน่อยไหม ?

แอร์โฮสเตสจนปัญญาเธอจึงทําได้เพียงหันหลังกลับไปและกําลังจะกลับไปรายงาน แต่ไม่รู้ เมื่อไรที่กัปตันมายืนอยู่นอกกลุ่มฝูงชนแล้ว

กัปตันเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบกว่า เขาเดินออกมาด้วยสีหน้ามั่นใจในตัวเอง “ เรื่องที่ทุกท่าน พูดถึงเมื่อสักครู่ ผมได้ยินหมดแล้ว ทุกคนต่างก็มีความรักชาติกันมาก พวกเราลูกเรือของสายการ บินก็เป็นคนจีนเหมือนกัน พวกเราก็เป็นคนจีนที่รักบ้านเกิดเมืองนอนมากเช่นกัน ดังนั้นพวกเราจึงขอร้องให้สุภาพบุรุษท่านนี้ส่งมอบุกระเป๋าเดินทางให้ เพราะพวกเรามีประสบการณ์ที่ครบครัน สามารถที่จะปกป้องสมบัติของชาตินี้ไว้ได้ ! “

กัปตันดูเป็นคนเข้มงวดกวดขันแต่จริงๆแล้วกลับรู้สึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะเขาไม่แน่ใจที่

ลัวยาวหัวพูดมาทั้งหมดว่าเป็นความจริงหรือเท็จ ถ้ามันเป็นสมบัติของชาติจริงๆเขาคงไม่เพียงตกงาน แต่อาจถูกตัดสินโทษจําคุกอีกซะด้วยซ้ํา !

ผู้โดยสารรอบข้างมองหน้ากัน เวลานั้นไม่รู้ว่าจะเชื่อใครคนไหนดี

หยางโปยืนขึ้น “ ในเมื่อทุกคนต่างก็พยายามปกป้องสมบัติของชาติ ถ้าอย่างนั้นก็มาร่วมมือ กันเถอะ ! ลูกเรือทั้งหมดบนเครื่องบินมีกี่คน และคนฝั่งทางของเรามีกี่คน ทุกคนร่วมกันปกป้องสมบัติของชาติด้วยกันแบบนี้ตกลงไหม ? ”

กัปตันเหลือบมองมาทางหยางโปอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ ตอนนี้ดูเหมือนว่า พวกเราไม่สามารถระบุจํานวนอาชญากรได้ ดังนั้นก็เป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีทางแยกแยะตัวตนของทุกคนออกได้

หยางโปหัวเราะออกมาและชี้ไปที่ ลัวย่าวหัว “ พวกเราอยู่ด้วยกัน ผมคิดว่าบนเครื่อง บินจะต้องมีตํารวจและแพทย์ที่สามารถพิสูจน์ตัวตนได้ และมีหน้าที่การงานที่เป็นหลักแหล่ง ที่คว รค่าแก่การไว้เนื้อเชื่อใจได้ ! ”

กัปตันถึงกับตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที เขายังคงส่ายหน้า “ มีงานที่มั่นคงเป็นหลักแหล่ง ก็ไม่แน่ ว่าจะเป็นคนดีได้ ! ”

หลายคนในที่เกิดเหตุต่างชายตามองมา ทุกคนจ้องมองไปที่กัปตันตาเขม็งบรรยากาศใน ที่เกิดเหตุตึงเครียดขึ้นมาทันที !

“ ผมเป็นตํารวจนี้คือใบรับรองการบังคับใช้กฎหมายของผม ที่สามารถพิสูจน์ได้ ! ผมคิดว่าผมสามารถแบกรับความรับผิดชอบดังกล่าวได้ !”

” ฉันทํางานใน Lenovo กําลังกลับมาจากการเดินทางไปทํางานนอกสถานที่ที่สหรัฐอเมริกา นี้คือใบอนุญาตทํางานของผม ผมก็เป็นพยานให้ได้เช่นกัน ! ”

“ฉันเป็นศัลยแพทย์กระดูกที่โรงพยาบาล อันดับสี่ของติ่งจิง…”

หลายคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุลุกขึ้น พวกเขายืนขึ้นประกาศสถานะตัวเองและขอปกป้องสมบัติ ของชาติด้วยกัน !

กัปตันถึงกับตกตะลึงเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่า แค่เขาหลุดปากพูดออกไปแค่คําเดียวจะเกิด เรื่องแบบนี้ขึ้น ! ทุกคนในที่เกิดเหตุมีความกระตือรือร้น และหลายคนต่างก็ต้องการที่จะปกป้อง สมบัติของชาติด้วยกัน !

แอร์โฮสเตสรีบเอ่ยปากพูดทันที ” ทุกคนไม่ต้องใจร้อนไป ไม่ต้องใจร้อน กัปตันของเราไม่ได้ มีความหมายอื่นแอบแฝง เขาแค่ต้องการปกป้องสมบัติของชาติเหล่านี้ให้ดีก็เท่านั้น ! “

“ ถ้าอย่างนั้นคุณว่ามาสิ พวกเรามีคุณสมบัติที่จะปกป้องหัวงูทองสัมฤทธิ์ได้หรือเปล่า ? ”

” ใช่ คนอย่างพวกเรามีคุณสมบัติพอไหม ?”

ลัวย่าวหัวชําเลืองมองหน้ากัปตัน ” ผมว่านะพวกเขาต้องร่วมมือกับโจรปล้นจี้พวกนั้นแน่ๆ

ตอนนี้ผมอยากดูจริงๆ ว่าพวกโจรที่ปล้นจี้พวกนั้นกําลังทําอะไรอยู่ ?”

“ มันก็ไม่แน่นะ ! ” หยางโปพูดคล้อยตามไปคําหนึ่ง

สีหน้าของกัปตันถอดสีไปเล็กน้อยและพูดด้วยความโกรธ” พวกคุณกําลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไรกัน ? พวกเราจะร่วมมือกับพวกโจรได้ยังไง ?

พอพูดจบ กัปตันก็หันไปขยิบตาส่งซิกให้แอร์โฮสเตส

แอร์โฮสเตสรู้ในทันที เธอค่อยๆเดินกลับไปที่ห้องโดยสารด้านหน้าอย่างช้าๆ

แต่หยางโปกลับขมวดคิ้วขึ้น เขารู้สึกว่าบางอย่างมีปัญหา รู้สึกว่าปฏิกิริยาตอบ สนองของกัปตันดูแปลกไปหน่อย เขาไม่เพียงมองไปที่กัปตัน “ อ้อ ในเมื่อไม่ได้ร่วมมือกัน ถ้าอย่า งนั้นพวกเราก็เลือกคนมาสักสองสามคน และพวกเราก็ไปดูที่ห้องโดยสารด้านหน้าด้วยกัน และ ถือโอกาสนําหัวงูทองสัมฤทธิ์ไปส่งด้วย จากนั้นพวกเราก็ค่อยคุ้มกันอยู่ที่นั่นด้วย !”

” มีลูกเรือจํานวนมากอยู่ในห้องโดยสารด้านหน้า ผมไม่สะดวกที่จะให้เข้าไป

จะว่าไปแล้ว พวกคุณเป็นลูกค้า พวกเราต้องให้บริการพวกคุณ !” กัปตันอธิบาย

หยางโปส่ายหน้า ” ไม่ไม่เป็นไร แอร์โฮสเตสสามารถนั่งตรงนี้ได้ พวกเราไปอยู่ที่ห้องโดยสารด้านหน้าก็ได้แล้ว !”

” ถ้าหากห้องโดยสารด้านหน้าเกิดชํารุดเสียหายขึ้นมา พวกคุณจะชดใช้ไหม ? “ กัปตันพูดอย่างหมดความอดทน

หยางโปโบกมือ “ ไม่เป็นไร ผมจะชดใช้เครื่องบินให้คุณลําหนึ่ง !”

แอร์โฮสเตสสาวสวยพยักหน้า “ ใช่ พวกราจะช่วยคุณดูแลแบบนี้ กระเป๋าเดินทางของคุณก็จะปลอดภัยยิ่งขึ้น”

ลัวย่าวหัวยิ้มและพูดว่า “ คิดไม่ถึงมาก่อนว่า พวกคุณจะมีบริการแบบนี้อยู่ด้วยถ้ารู้มาก่อน

ตอนที่ขึ้นมา ผมจะส่งมอบกระเป๋าเดินทางให้พวกคุณไปแล้ว !”

แอร์โฮสเตสยิ้มหน้าเหยเก “ ปกติพวกเราไม่มีบริการนี้ ” “ ถ้าอย่างนั้นสุภาพบุรุษทั้งสองท่าน

พวกคุณก็หลบหน่อยละกัน ฉันจะเอากระเป๋าเดินทางของพวกคุณไปวางไว้ที่ห้องผู้โดยสารด้านหน้า ” แอร์โฮสเตสกล่าว

หยางโปยกมือขึ้น และพูดห้ามไว้ว่า “ไม่ต้อง วางกระเป๋าเดินทางไว้ที่นี่แหละ สายการบินนี้มี ผู้ก่อการร้ายสองคนอยู่ในห้องโดยสารก็มากพอแล้ว หรือว่ายังมีอีก ? ”

พนักงานต้อนรับสาวพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างหนัก “ คุณสุภาพบุรุษ ถ้าคุณนํากระเป๋าสัมภาระให้พวกเราดูแลรับรองว่าปลอดภัยอย่างแน่นอน คุณก็รู้ว่าถ้าส่งมอบกระเป๋ามา ก็จะสามารถรับประกันความปลอดภัยของคุณได้ แบบนี้ก็จะไม่มีใครมารบกวนคุณได้อีก ” หยางโปยิ้ม และกล่าวว่า “ ตอนนี้สองคนนั้นถูกจับกุมตัวไปแล้ว นอกจากพวกคุณแล้ว คงไม่มีใครมารบกวนพวกเราแล้ว !”

ลัวย่าวหัวพูดคล้อยตาม “ หยางโปพูดถูก เป็นไปได้ไหมว่าจะมีคนอื่นในห้องโดยสารที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกลุ่มเดียวกันอยู่ด้วยถ้าแบบนี้แล้ว นั่นก็หมายความว่าพวกคุณ ไม่สามารถตรวจสอบได้รอบคอบถึงได้มีปืนจํานวนมากถูกนําเข้ามาแบบนี้ ?”

ลัวยาวหัวจงใจพูดเสียงดัง เพื่อให้ทุกคนรอบตัวได้ยิน เขาก็จะบรรลุจุดประสงค์หลายคนใน ที่เกิดเหตุต่างพากันมองมาทางนี้

แอร์โฮสเตสสาวรีบพูดขึ้นมาว่า ” การตรวจสอบของเราเข้มงวดมากมาโดยตลอด คุณสุภาพบุรุษ พวกเราทําเพื่อความปลอดภัยของคุณเท่านั้น ถึงจะนํากระเป๋าเดินทางของคุณไปไว้ที่ห้อง โดยสารด้านหน้า ถึงแม้คุณจะไม่คํานึงถึงตัวเอง แต่ก็ต้องคํานึงถึงคุณสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีหลายท่านที่อยู่รอบตัวคุณด้วย !”

แอร์โฮสเตสสาวฉลาดมากเมื่อเห็นตัวยาวหัวต้องการทําให้ทุกคนมาเป็นพวก เธอจึงลากผู้โดย สารที่นั่งอยู่รอบๆหยางโปมาเข้าร่วมด้วย

เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้จริงๆ ทันทีที่แอร์โฮสเตสสาวพูดจบ ผู้โดยสารที่นั่งอยู่รอบข้างของ

หยางโปก็พากันหันมามอง

” คุณผู้ชายท่านนี้ คุณควรฝากกระเป๋าไว้กับแอร์โฮสเตสนะ ไม่ว่าของข้างในจะสําคัญแค่ไห นคุณก็ควรคํานึงถึงความปลอดภัยของตัวเองนะ ! “

” รีบให้ไปเถอะ เอาไปไว้ที่ห้องโดยสารด้านหน้าอย่างน้อยก็รับรองความปลอดภัยของพวก เราทุกคนได้” ชายผิวขาวที่นั่งอยู่ข้างหยางโป เวลานี้ตื่นขึ้นจากการแสร้งทําเป็นนอนหลับและ เริ่มตําหนิติเตียน

” ลูกเรือบนเครื่องบินเยอะกว่า ในมือของพวกเขาก็มีอาวุธอยู่ด้วยส่งมอบให้พวกเขามันจะ ปลอดภัยกว่า ! “

“คุณยังลังเลเรื่องอะไรอยู่ ของในนั้นมีค่ามากหรือไง ? ต่อให้มีมูลค่าหลายหมื่นหลายแสน

มันจะสําคัญกว่าชื่อของคุณหรือไงกัน ?”

คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุกําลังเริ่มเกลี้ยกล่อม จากนั้นก็เริ่มตําหนิติเตียน

หยางโปหันไปมองชายคนนั้น ที่อยู่ในชุดสูทและรองเท้าหนังดูเหมือนนักธุรกิจ ” ของในนั้น ของผม มีมูลค่าหลายสิบล้าน ”

คนส่วนใหญ่ในที่เกิดเหตุต่างพากันหุบปากทันที เพราะพวกเขาไม่มีทรัพย์สินมูลค่าถึงสิบล้าน เลย !

หยางโปหันไปมองแอร์โฮสเตสสาว “ ส่งมอบของให้พวกคุณดูแลได้ แต่ผมต้องการตรวจสอ บข้าวของในกระเป๋าสัมภาระและถ่ายวิดีโอเก็บไว้ก่อน หากมีของสูญหายไป พวกคุณจะต้องชุด ใช้ ! ”

พนักงานต้อนรับสาวบนเครื่องบินตกตะลึง เธอคาดคิดไม่ถึงว่ากระเป๋าสัมภาระของหยางโปจะมีสิ่งของที่มีมูลค่ามากขนาดนี้อยู่ถ้าหากของสูญหายไปในห้องโดยสารด้านหน้าขีันมาจริงๆ

ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ต้องชดใช้ !

” ฉันจะต้องไปรายงานต่อหัวหน้าก่อน ” พนักงานต้อนรับสาวกล่าว

พอพูดจบ แอร์โฮสเตสสาวก็เดินจากไป จากนั้นไม่นานเธอก็กลับไปที่ห้องโดยสารด้านหน้า และรายงานเหตุการณ์ดังกล่าว

เวลานี้ ชายชุดดําทั้งสองคนกลับนั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยไม่ได้ถูกมัดไว้เลยแม้แต่นิดเดียว

เมื่อได้ยินคําอธิบายของแอร์โฮสเตส คนหนึ่งก็กล่าวขึ้นมาว่า “ ชดใช้ พวกคุณสบายใจได้

เสียหายเท่าไร พวกเราจะชดเชยให้เท่านั้น ไม่มีผลกระทบถึงพวกคุณแน่นอน !”

กัปตันกําลังลังเล ก่อนที่เครื่องจะขึ้น ชายชุดดําสองคนรีบมาที่ห้องโดยสารด้านหน้าและโยนกระเป๋าสัมภาระลงตรงหน้าเขา เขาเหมือนจะช็อกไปเลยในตอนนั้นเพราะตอนที่กระเป๋าสัมภาระใบนั้นร่วงลงสู่พื้น เงินดอร์ลาร์ก็กระจัดกระจายออกมากองอยู่บนพื้นเป็นปึกๆ

เงินหนึ่งล้านดอลลาร์เพื่อซื้อใจลูกเรือในเครื่องบินทั้งหมดในห้องโดยสาร !

เวลานั้นกัปตันแค่รู้สึกลังเลและสับสน แต่ก็ตอบตกลงไปแต่โดยดี แต่คิดไม่ถึงว่ามัน จะเกิดปัญหาขึ้น พวกเขานําปืนพกขึ้นเครื่องมา และยังขอให้พวกเขาร่วมมือแสดงละครด้วย ชาย ชุดดําดูเหมือนจะรู้จักนิสัยของหยางโปดี พวกเขาวางแผนและลงมือทันที

ตอนนี้แค่ทําให้หยางโปส่งมอบกระเป๋าสัมภาระให้ พวกเขาก็จะเสร็จสิ้นภารกิจ !

กัปตันลังเลเล็กน้อยจากนั้นจึงพยักหน้า “ พวกคุณะรับผิดชอบค่าชดเชยใช่ไหม ? “

ชายในชุดดําพยักหน้า “ คุณมั่นใจได้เลย พวกเรารับผิดชอบอย่างแน่นอน !”

” แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราเจอหน้ากัน พวกคุณเป็นใครผมก็ไม่รู้จัก ถ้าหลังจากนี้พว กคุณหนีไปแล้ว ผมจะไปหาพวกคุณได้จากที่ไหน ? “ กัปตันถาม

ชายชุดดำ“คุณสบายใจได้ พวกเราไม่หนีไปไหนแน่นอน”

“ พวกคุณสัญญาไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าจะเป็นการดีที่สุดพวกคุณบอกมาดีกว่าว่าทํางาน ให้ใคร ผมถึงจะเชื่อใจพวกคุณ !” กัปตันกล่าว

ชายชุดดํามีอาการลังเลใจ ผ่านไปสักพักก่อนที่เขาจะเอยออกมาว่า “ พวกเรามาจากสมาคมลับฮงฮวาถัง หัวหน้าของเราคือหยวนเฉิงเฟย เรื่องนี้เขาเป็นคนสั่งให้พวกเรามาจัดการ

คุณน่าจะรู้จักชื่อของเขาอยู่ใช่ไหม ?”

กัปตันพยักหน้า “ ที่แท้เป็นเขานี่เอง ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ผมจะรีบส่งคนไปนากระเป๋าเดินทางมาเดี๋ยวนี้ ! ”

เมื่อแอร์โฮสเตสสาวได้รับคําสั่ง ก็กลับไปหาหยางโปอีกครั้งและอธิบายว่า ” คุณสุภาพบุรุษ กัปตันของเราตกลงถ้าอย่างนั้นตอนนี้คุณก็สามารถส่งมอบกระเป๋าสัมภาระของคุณมาได้แล้ว “

หยางโปปรึกษากับลัวย่าวหัวไว้นานแล้ว เขาจึงหันไปพยักหน้าให้ลัวยาวหัว จากนั้นล้วย่าวหัวจึงหยิบกระเป๋าสัมภาระใบหนึ่งขึ้นมาจากพื้น

ลัวย่าวหัวลุกออกจากที่นั่งและเปิดกระเป๋าสัมภาระออกตรงทางเดิน หลายคนต่างพากันหัน หน้ามาชําเลืองมอง อยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ด้านในกันแน่ ถึงมีมูลค่าเป็นสิบล้าน !

หยางโปที่นั่งอยู่ด้านข้าง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายวีดีโอเก็บไว้

” กางเกงในตัวนี้มีมลค่าหนึ่งพันดอลลาร์ ถงเท้าคนี้มีมูลค่าสามร้อยดอลลาร์ ถ้าหายไปพวก คุณจะต้องรับผิดชอบ ! “ลัวยาวหัวเปิดสัมภาระออก คิดไม่ถึงว่าจะหยิบของพวกนี้ออกมาจากด้านใน

เมื่อแอร์โฮสเตสสาวเห็นกางเกงในในมือของลัวย่าวหัว ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางด้านข้าง

ด้วยใบหน้าที่แดง

ทุกคนในห้องโดยสารต่างพากันเปล่งเสียงหัวเราะออกมา

ลัวย่าวหัวดูเหมือนจะชอบทําอะไรทุเรศเป็นอย่างมาก หยิบกางเกงในอีกตัวหนึ่งออกมา

” กางเกงในตัวนี้ฝังเลี่ยมทอง ถ้าใส่แล้วจะหนักมาก มีมูลค่าหมื่นดอลลาร์ “

แอร์โฮสเตสสาวอดไม่ได้ที่จะมองไปที่กางเกงในตัวนั้น ดูไปมันก็เป็นแค่กางเกงขาสั้นธรรม ดาตัวหนึ่งเท่านั้น มีเลี่ยมทองฝังอยู่ที่ไหนกัน และมันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีมูลค่าหนึ่งหมื่นดอลลาร์

เธอจึงอดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นมาเล็กน้อย “ มีเลี่ยมทองฝังอยู่ที่ไหนกัน ? ฉันไม่ได้เรียนมาน้อย

คุณไม่ต้องมาโกหกฉัน !”

ลัวย่าวหัวยิ้มกวน ” คุณบอกว่าไม่มีเลี่ยมทองฝังอยู่ งั้นคุณก็ลูบมันดูสิ !”

จู่ๆ แอร์โฮสเตสสาวก็กลายเป็นใบ้ไปในทันที เธอชายตามองเข้าไปในกระเป๋าสัมภาระ

ก็พบว่าด้านในมีแต่เสื้อผ้า ของมีค่าอยู่ที่ไหนกัน ? เธอจึงรู้ว่าตัวเองถูกหลอกเข้าซะแล้ว !

” คุณสุภาพบุรุษ ในกระเป๋าสัมภาระของคุณ ไม่ได้มีของมีค่าอยู่เลย ฉันขอแนะนําให้คุณเปลี่ยนกระเป๋าสัมภาระมาตรวจสอบดีกว่า ” แอร์โฮสเตสสาวกล่าว

อย่าเชียวนะ ทําไมของข้างในของผมจะไม่มีค่า ? เสื้อผ้าพวกนี้มีมูลค่าอย่างน้อยก็ไม่ต่ํากว่าหลายหมื่นดอลลาร์เลยนะ มันจะไม่แพงได้ยังไง ? ” ตัวยาวหัวโต้กลับ

เมื่อเห็นชายทั้งสองคนนั้น หยางโปก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เปลือกตากระตุกเล็กน้อย

แสงประกายสว่างวาบผ่านตาไป มองเห็นอย่างชัดเจนว่ามือของทั้งสองคนล้วงเข้าไปในอก !

สิ่งที่ซ่อนไว้ใต้แจ็คเก็ต มันคือปืนพก !

พวกเขากําลังจะจี้เครื่องบินใช่ไหม ?

หยางโปปฏิเสธอย่างรวดเร็ว การจี้เครื่องบินทุกครั้งเป็นเรื่องใหญ่ พวกเขาสามารถนําปืนเข้ามาได้ ต้องมีคนคอยช่วยเหลือและสนับสนุนที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังแน่ !

หรือว่าจะเป็นหยวนเฉิงเฟยจริงๆ ? ทําไมเขาถึงกล้าขนาดนี้ ?

แต่เรื่องราวมันไม่ทันให้เขาได้คิดมากแล้ว ทั้งสองคนนั้นได้เดินมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาห่างออกไปไม่ไกลแล้ว

ลัวย่าวหัวยังคงไม่รู้ถึงอันตรายที่กําลังเข้ามาเยือน ” ที่ฉันชอบที่สุดคือเนื้อเรื่องใน “สามก๊ก”

ในท่อนที่ว่ากวนอูตีความเกี่ยวกับโจโฉที่ถนนฮัวหยง คนที่เรืองอํานาจจากเล่ห์เพทุบายอย่างโจโฉ เมื่อต้องเผชิญหน้าอยู่กับอันตราย แต่ยังไม่รับรู้ถึงอันตรายที่ย่างกรายเข้ามา…”

เมื่อหยางโปเห็นทั้งสองคนกําลังจะชักปืนออกมาจากอก ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อย

แต่เขาไม่ได้ขยับ เขาอยากรู้ว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายคืออะไรกันแน่ !

เมื่อทั้งสองคนเดินเข้ามาใกล้ กลับไม่ได้ชักปืนออกมา แต่กลับซ่อนไว้ในเสื้อคลุมต่อ

แต่กลับแตะลงไปที่ศีรษะ ของลัวย่าวหัวแทน ” อย่าขยับ ! ”

คนที่นั่งถัดจากลัวยาวหัวเป็นชายผิวขาว เขาอ้าปากค้างและเอนตัวไปข้างหน้า จริงๆแล้วเขา หมอบอยู่บนกระดานพับและแกล้งทําเป็นหลับ !

เดิมลัวย่าวหัวกําลังพูดอยู่อย่างสนุกปาก แต่เมื่อได้ยินคนนั้นเอ่ยออกมา เขายังคงไม่รู้ตัว

” ผมไม่ดื่มน้ำา อย่ามารบกวนผม !”

ในขณะที่พูด ลัวย่าวหัวก็จะเอ่ยปากพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันพูดออกจากปาก เขาก็สังเกตเห็นปัญหาจึงอดที่จะหันหน้ากลับไปมองไม่ได้

ลัวย่าวหัวสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างแข็งๆกดลงอยู่บนหน้าผาก จู่ๆ เขาก็สะดุ้งจนเหงื่อเย็นๆไหลซึมออกมา เขามีภูมิหลังเป็นตํารวจและมักเล่นปืนอยู่เสมอ เขาสามารถบอกได้เลยว่าสิ่งที่จ่ออยู่บนศีรษะของเขาเป็นปืนกระบอกหนึ่งอย่างแน่นอน !

หยางโปเห็นอีกคนดึงเสื้อออก มีปากกระบอกปืนสีดํากําลังเล็งมาทางเขา “ ส่งกระเป๋ามา !”

ผู้คนที่อยู่รอบๆเห็นเหตุการณ์ทางนี้แล้วหลายคน พวกเขามีสีหน้าหวาดกลัว นั่งตัวหดเกร็งอยู่กับที่ แสร้งทําเป็นมองไม่เห็น !

หยางโปชายตามองไปที่อีกฝ่ายและลองใจถามออกไปว่า “ ผมจะให้เงินสดทั้งหมดที่มีอยู่กับตัวแก่พวกคุณ “

“ ส่งกระเป๋ามา ! ” ชายเสื้อดําพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชา

“ สัมภาระถูกโหลดไปใต้ท้องเครื่องแล้ว ” หยางโปพูดขึ้นมาอีกครั้ง

ชายคนนั้นจ้องมองหยางโปอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ “ อย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน ส่งกระบี่หยกมา

ลัวย่าวหัวดูเหมือนจะตกใจกลัวเมื่อตกอยู่ภายใต้กระบอกปืน แต่เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงกระบี่หยก เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าหยางโปและเบิกตากว้าง

หยางโปพยักหน้าให้เล็กน้อย ในที่สุดก็ยืนยันได้แล้วว่า หยวนเฉิงเฟยส่งคนมา !

“ ฉันจะเอามันออกมาเดียวนี้” หยางโปพูด และในขณะที่พูดอยู่นั้น เขาก็ล้วงเข้าไปในอก

หยางเต๋อเชิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง มองดูทั้งสองคนนั้น ด้วยตัวที่สั่นเทาเล็กน้อย เขากลัวมาก

เพราะกลัวว่าหยวนเฉิงเฟยจะมาตัดรากถอนโคน !

หยางโปเหลือบมองชายชุดดํา มือของเขาก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าด้านใน จากนั้นเขาก็ล้วงหยิบของในกระเป๋าออกมาแล้วโยนมันออกไปอย่างรวดเร็ว !

ด้ายเงินสองเส้นถูกโยนทิ้งออกไปและฟาดไปที่แขนของชายชุดดําสองคนนั้นโดยตรง” อ๊าก !

ทั้งสองคนร้องออกมาอย่างตกใจเกือบพร้อมกัน มือที่ล้วงอยู่ในเสื้อผ้าร่วงตกลงมาตาม

แม้แต่ปืนพกสองกระบอกก็ตกลงมาบนพื้นเช่นกัน !

ผู้โดยสารที่นั่งอยู่รอบๆ สังเกตเห็นสถานการณ์ทางนี้นานแล้ว เมื่อเห็นปืนพกตกลงมาบนพื้น ผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ !

ที่เกิดเหตุเกิดความวุ่นวายโกลาหลขึ้น ชายผิวขาวชาวอเมริกันผู้มากประสบการณ์รีบเอามือกุมศีรษะคุกเข่าลง คนจีนที่ไร้ประสบการณ์กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจและพากันวิ่งวุ่นไปหมด !

ลัวย่าวหัวตอบสนองอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หยางโปลงมือ ก็ได้พุ่งตัวไปข้างหน้าคว้าแขนของชายชุดดําไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วเตะเข้าไปทันที!

หยางโปลุกขึ้นตาม และคว้าอีกคนไว้ มือทั้งสองข้างทุบไปบนไหล่อย่างแรงจนเอาชนะอีกคน

เห็นได้ชัดว่าลัวยาวหัวเคลื่อนไหวได้ช้ากว่า เขาจะเข้าไปชกต่อยกับคู่ต่อสู้อยู่หลายครั้ง

แต่หยางเต่อเชิงลอบโจมตีก่อน ถึงเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ !

ทั้งสองต่างกดชายชุดดําลงบนพื้นแล้ว เวลานี้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเพิ่งจะวิ่งกรูกันเข้ามาช่วยพวกเขามัดทั้งสองไว้ด้วยเชือกแล้วพาพวกเขาไปที่ห้องโดยสารด้านหน้า

เมื่อปืนพกถูกยึด ทุกคนต่างแยกย้ายกลับไปนั่งตามที่นั่งตัวเอง หยางโปทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียใดๆ นี้ทําให้ทุกคนชื่นชมไม่ขาดปาก

แม้ว่าเรื่องจะผ่านไปได้สักพักแล้ว แต่หลายคนก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่หาย และพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ไม่หยุด

ลัวย่าวหัวนั่งลงบนที่นั่งของเขาและมองไปข้างหน้า “ หยวนเฉิงเฟย เขาจําเป็นต้องทําถึงขนาดนี้เลยหรือไง ? ”

หยางโปพยักหน้า ” เขาจําเป็นต้องทําถึงขนาดนี้ “ ลัวย่าวหัวไม่เข้าใจ “ เพื่อกระบหยก ?

กระบี่หยกเล่มนั้นมีประโยชน์อะไร ? “

“ กระบี่หยกมีประโยชน์ต่อหยวนเฉิงเฟยมาก มันสามารถเร่งการฝึกฝนให้เร็วขึ้นได้ ” หยางโปกล่าว

ลัวย่าวหัวเหลือบมองหน้าหยางโป หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ” ที่นายฝึกฝนอยู่ สอนฉันได้ไหม

หยางโปนิ่งอึ้งไป อันที่จริงเขาคิดมาตลอดว่าลัวยาวหัวจะต้องถามคําถามนี้แน่ แต่แค่ลัวย่าวหัวไม่เคยถามคําถามนี้เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อธิบาย ตอนนี้และแล้วในที่สุดลัวย่าวหัวก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้ มันทําให้เขารู้สึกค่อนข้างลําบากใจ

“ เรื่องนี้ ฉันต้องคุยกับอวี่เหวินก่อน ” หยางโปกล่าว “ ฉันคิดว่าเขาอาจจะไม่เห็นด้วย”

แม้ว่าลัวย่าวหัวจะคาดการณ์ไว้นานแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย “ ถ้างั้นก็ช่างเถอะ

นายก็อย่ารู้สึกลําบากใจไปเลย”

“ รอลงจากเครื่องบินก่อน ฉันจะโทรหาอวี่เหวินดู ” หยางโปกล่าว

ลัวยาวหัวพยักหน้า “ ในเมื่อกระบี่หยกมีความสําคัญขนาดนี้ หยวนเฉิงเฟยไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ แน่ เขาคงไม่เตรียมการอีกกลุ่มไว้หรอกนะ “

หยางโปมองไปรอบๆ “ คงไม่หรอกมั้ง ? ”

“ ระวังอย่างให้เกิดอะไรผิดพลาด พวกเราต้องระวังตัวกันหน่อย ” ลัวย่าวหัวกล่าว

หยางโปเห็นด้วยอย่างยิ่ง เขามองไปรอบๆ ดูเหมือนจะไม่มีใครในที่เกิดที่มีภัยอันตรายใดๆ

คนที่สวมชุดดําสองคนเมื่อสักครู่ ดูสะดุดตามาก หยางโปตรวจตราดูอย่างระมัดระวังอีกครั้ง

แต่ก็ไม่พบใครพกปืนอยู่อีก เขาถึงสบายใจ

“ น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ ” หยางโปกล่าว

ทันทีที่หยางโปพูดจบ ได้มีแอร์โฮสเตสสาวสวยคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอมีใบหน้ายิ้มแย้ม

แลดูสุภาพอ่อนโยนมาก “ สวัสดี สุภาพบุรุษทั้งสองท่าน ”

“ สวัสดี” ลัวย่าวหัวเกิดสนใจขึ้นมาทันที

แอร์โฮสเตสสาวสวมชุดเดรสสีแดง สวมถุงน่องสีดํา หุ่นดี หน้าตาสะสวย เธออมยิ้มเล็กน้อย

“ คุณสุภาพบุรุษทั้งสองท่าน ต้องการเครื่องดื่มหรือน้ำาเปล่าไหม ?”

ลัวย่าวหัวยิ้มและส่ายหน้า “ รบกวนสาวงามแล้ว ขอบคุณมาก พวกเราไม่ต้องการ”

“ไม่เป็นไร คุณสุภาพบุรุษ เดี๋ยวฉันจะยกมาให้ ” แอร์โฮสเตสสาวตอบ

หยางโปหันไปมองหน้าแอร์โฮสเตส “ ไม่ต้องลําบาก ขอบคุณมาก”

แอร์โฮสเตสสาวถึงได้หยุดการกระทํา เธอยิ้มแล้วพูดว่า ” สุภาพบุรุษทั้งสองท่าน คือแบบนี้นะ ผู้ร้ายสองคนเมื่อสักครู่ถูกพวกเราจับตัวเอาไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นกัปตันของเราก็ได้ทําการสอบปากคําเบื้องต้นไปแล้วเช่นกัน พบว่าเป้าหมายของพวกเขาเป็นกระเป๋าสัมภาระของสุภาพบุรุษทั้งสองท่าน กัปตันทําเพื่อผลประโยชน์ของสุภาพบุรุษทั้งสอง หวังว่าคุณสุภาพบุรุษทั้งสอง ท่านจะนํากระเป๋าสัมภาระไปไว้ในห้องผู้โดยสารด้านหน้าแบบนี้จะมีความปลอดภัยมากขึ้น”

หยางโปมองหน้าแอร์โฮสเตสสาว “ พวกคุณต้องการช่วยพวกเราดูแลกระเป๋าใช่ไหม ? ”

ตอนที่ 903 ปากเสีย

“ ฉันเคยถ่ายทำมากว่า 30 ครั้ง ตอนนั้นฉันเหนื่อยมากจนอยากจะร้องไห้ ฉันเคยโดนปีเตอร์หักหลัง ตอนนั้นฉันคิดแค่จะฆ่าตัวตาย แต่ฉันก็ผ่านเรื่องราวพวกนี้มาได้ ” แองเจลินามองหน้า

หยวนเฉิงเฟยและกล่าวว่า ” บางทีในยามที่คุณลำบากที่สุด อาจจะมองเห็นความหวังก็ได้ ! “

หยวนเฉิงเฟยพยักหน้า เขามองไปรอบๆ และพยายามมองหาหยางโป กระบี่หยกสำคัญสำหรับเขามาก หากสามารถนำกระบี่หยกมาได้ เขาก็จะสามารถฝึกฝนตบะและเข้าสำนักได้

ภายภาคหน้าถ้าได้เจอกับหยางโปอีกครั้ง เขาจะได้ไม่ต้องทำเป็นถ่อมตัวอีกต่อไป !

” สวัสดีค่ะ พูดกันมามากมายตั้งนานแล้ว ฉันยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลย ? ” แองเจลินาถาม
หยวนเฉิงเฟยรีบตอบกลับไปว่า ” ผมชื่อหยวนเฉิงเฟย คุณสามารถเรียกผมว่า อาเฟย ก็ได้ “

” อาเฟย ชื่อนี้ฟังดูดีมาก ดูท่าทางของคุณเหมือนจะกังวลใจ ? คุณกำลังรอใครอยู่หรือเปล่า ? ” แองเจลินาถาม

หยวนเฉิงเฟยเงียบขรึมลงทันที เขามองไปที่แองเจลินา จ้องมองใบหน้าขาวของเธอ

” ผมกำลังรอใครบางคนอยู่ “

“ เธอไม่มาอีกแล้ว ” แองเจลินาตอบ

การออกเสียงภาษาอังกฤษของ ” เขา ” และ ” เธอ ” ไม่เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อแองเจลินาพูดคำว่า ” เธอ ” ออกมา หยวนเฉิงเฟยก็รู้สึกตัวทันที ” ผมกำลังรอผู้ชายคนหนึ่งอยู่ “

แองเจลินารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่แปลกใจจนเกินงามเช่นกันในสหรัฐอเมริกาพวกรักร่วมเพศในบางรัฐเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ” โอ้ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง แต่คุณไม่ต้องรอต่อไปแล้ว

ในเมื่อเขาหักอกคุณ คงไม่กลับมาอีกแล้วแน่ๆ “

หยวนเฉิงเฟยไม่ได้คิดอะไรมาก เขาคิดว่าแองเจลินาคงจะไม่รู้อะไร จึงอธิบายไปว่า

” เขาน่าจะยังอยู่ที่นี่ เขาซื้อของที่ผมชอบที่สุดไป เขาจะต้องอยู่แถวๆนี้แน่ๆ “

แองเจลินามองหยวนเฉิงเฟยด้วยความเห็นใจ มองผู้ชายที่ถูกแฟนผู้ชายทิ้ง แลดูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ” เรื่องบางเรื่อง ถ้าถึงเวลาที่ควรปล่อยวางก็ปล่อยวางมันไปซะ “
……

ในขณะที่แองเจลินาและหยวนเฉิงเฟยกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น หยางโปทั้งสามคนก็เดินออกจากห้องโถงด้านข้างไปแล้ว พวกเขาขึ้นรถและรีบเดินทางมุ่งหน้าไปยังสนามบินทันที

ในขณะที่นั่งอยู่บนรถ ลัวย่าวหัวก็ชายตามองหยางโป ” นายคิดว่า แองเจลิจะสามารถช่วยเราถ่วงเวลาได้นานแค่ไหน ? “

หยางโปค่อยข้างลังเล อันที่จริงเขาไม่ค่อยเชื่อใจแองเจลินา แต่ในงานมีเพียงเธอคนเดียวที่เหมาะสมที่สุด ความงามและฐานะของเธอถูกกำหนดให้หยุดหยวนเฉิงเฟยเอาไว้ได้

หยางโปแค่ใช้กลอุบายเล็กๆน้อยๆ ก็สามารถทำได้แล้ว

“ ผมคิดว่าเธอทำได้ ” จู่ๆหยวนเต๋อเชิงก็พูดขึ้นมา ” แองเจลินาเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากคนหนึ่ง

เธอรู้เรื่องมากมาย และเธอก็คงพอจะเดาจุดประสงค์ของคุณออกได้อย่างแน่นอน

หากเธอพยายามอีกหน่อย จะต้องช่วยเราหยุดหยวนเฉิงเฟยไว้ได้แน่ๆ ! “

” คุณรู้จักเธอ ? ” ลัวย่าวหัวหันกลับไปมองหน้า
หยางเต๋อเชิงส่ายหน้า ” ผมไม่รู้จักเธอ แต่ผมเป็นแฟนหนังตัวยงของเธอ แต่ก่อนผมเก็บรวบรวมข้อมูลของเธอไว้เฉพาะเลย ! “

ตอนนี้หยางโปถึงได้รู้สึกโล่งใจลงบ้าง เพราะเขากังวลมากว่าแองเจลินาจะไม่สามารถรั้ง

หยวนเฉิงเฟยเอาไว้ได้

แองเจลินาและหยวนเฉิงเฟยพูดคุยกันอยู่นานมาก เธอรู้สึกว่าก็เป็นเวลาพอสมควรแล้ว

จึงหันไปมองหยวนเฉิงเฟย “ คุณผู้ชาย ฉันเห็นว่าคุณดูกังวลมากจริงๆ คุณไม่ได้อกหักจริงๆใช่ไหม ? ”

หยวนเฉิงเฟยตกตะลึง “ อกหัก ? ผมจะอกหักได้ยังไง ในเมื่อผมไม่ได้มีความรัก ! ”
แองเจลินาทำหน้าแปลกใจ “ เมื่อสักครู่คุณไม่ได้รอคนรักอยู่หรอกเหรอ ? ”

หยวนเฉิงเฟยนิ่งไปสักพัก เมื่อนึกถึงท่าทีและการแสดงออกของแองเจลินาเมื่อสักครู่ และรวมทั้งสิ่งที่เธอพูดเห็นได้ชัดว่าแองเจลินามองว่าเขาเป็นพวกรักร่วมเพศ เขาจึงทำตัวไม่ถูก

“ ใครเป็นคนบอกคุณว่าผมอกหัก ? ”

แองเจลินาถอนหายใจอย่างโล่งอก ” ก็คนที่ประมูลเอาสร้อยไปเมื่อกี้เขาบอกกับฉันว่าคุณอกหัก ขอฉันช่วยมาปลอบใจคุณหน่อย ! “

หยวนเฉิงเฟยตะลึงนิ่งอึ้งไปเลย ” หยางโป ! “
ตอนนี้แม้แต่คำที่เรียกอาจารย์ลุงก็ไม่เอ่ยถึงอีกแล้ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

มือทั้งสองข้างจับไหล่ของแองเจลินาไว้แน่น ” บอกผมมาเร็ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแล้ว ?

เขาไปไหนแล้วตอนนี้ ? “

แองเจลินาทำอะไรไม่ถูก “ คุณผู้ชาย คุณทำฉันเจ็บ ! ”
หยวนเฉิงเฟยถึงรู้ตัวว่าการกระทำของเขานั้นดูไม่เหมาะสม หลายคนในงานต่างจ้องมองมาที่เขา เขาจึงคลายมือออก “ คุณแองเจลินาช่วยบอกผมที ตอนนี้หยางโปไปไหนแล้ว ? ”

แองเจลินาส่ายหน้า ” ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน แต่ฉันอยากจะเชิญเขาไปทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันพรุ่งนี้ แต่เขากลับปฏิเสธฉัน เขาบอกว่าเขาต้องไปจากที่นี่แล้ว “
แองเจลินาดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย เธอดูไร้เดียงสามาก

แม้ว่าหยวนเฉิงเฟยจะโมโหแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าอาละวาดกับแองเจลินาในเวลานี้ที่นี่มีผู้สื่อข่าวอยู่ทั่วทุกที่ การกระทำของเขาเมื่อสักครู่ก็ทำให้ผู้คนไม่พอใจแล้ว หากทำอะไรอีก

ผู้สื่อข่าวจะต้องพุ่งเป้ามาทางเขาอย่างแน่นอน และหากพรุ่งนี้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย

มันก็จะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ !

หยวนเฉิงเฟยรู้สึกค่อนข้างร้อนรน เขารีบหยิบโทรศัพท์โทรออกทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดไปว่า ” ตอนนี้ รีบส่งคนไปที่สนามบิน สกัดกั้นหยางโปเอาไว้ให้ได้ ! “

แองเจลินาที่ยืนอยู่ด้านข้าง ถือสร้อยคอไว้ในมือ ด้วยสีหน้าที่อมยิ้ม

หยวนเฉิงเฟยรีบออกไปทันที ถึงขั้นที่ไม่ทันเอ่ยคำพูดที่โหดร้ายกับแองเจลินา เดิมเขาคิดว่า

หยางโปยังคงอยู่ด้านหลังเวที แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าหยางโปจะจ่ายเงินให้ผู้หญิงหน้าโง่และทรงอิทธิพลคนหนึ่งเพื่อมาขว้างเขาเอาไว้ และถือโอกาสออกไปจากที่นี่ !

กลางคืนข้างนอกมืดสลัว สีของท้องฟ้าค่อยๆอบอุ่นขึ้น แต่กลางคืนยังคงค่อนข้างหนาวเหน็บ หยวนเฉิงเฟยถอดเสื้อสูทออกเหลือแต่เสื้อเชิ้ตสีขาวแล้วรีบเข้าไปในรถ ” เร็วเข้าไปสนามบินเดี๋ยวนี้ ! “

รถเหมือนอย่างกับวิญญาณ กระชากตัวออกเป็นเส้นสีดำหายวับไปในยามค่ำคืน มุ่งหน้าขับออกไปไกล

หยางโปและพรรคพวกขึ้นเครื่องแล้ว ถึงรู้สึกโล่งใจ การไล่ล่าตามฆ่าตามที่พวกเขากังวลใจนั้นกลับไม่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าเงินล้านดอลลาร์ที่จ่ายไปจะคุ้มค่าเงินมาก แองเจลินาสามารถทำได้สำเร็จ !

เครื่องบินค่อยๆเคลื่อนตัวออกช้าๆ ลัวย่าวหัวถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ ช่วงที่อยู่ที่อเมริกา ทรมานมากจริงๆ ทุกวันไม่มีอะไรดีๆกินเลย ฉันผอมไปเป็นกิโลแล้ว นี่ต้องกินเท่าไหร่ถึงจะเสริมกลับมาได้กันนะ ? “

หลังจากนั้น ลัวย่าวหัวก็มองไปที่ หยางเต๋อเชิง “ ในอนาคตคุณจะไม่กลับมาที่อเมริกาแล้ว จะอยู่แต่ที่จีนตลอดไปสินะ เดี๋ยวผมช่วยหางานให้เอง คุณนอกจากจะอ้วนไปหน่อย อย่างอื่นก็ดีหมด หากคุณสามารถลดน้ำหนักลงได้อีกหน่อย ผมจะแนะนำแฟนให้คุณเอง ต่อไปคุณก็จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ที่จีนละกัน ! “

หยางเต๋อเชิงรู้สึกซาบซึ้งใจมาก “ อันที่จริงแล้วผมก็อยากจะจากมานานแล้ว แต่แก๊งน่ะ

เข้าง่ายออกยาก ครั้งนี้กลับมา ผมคงปักหลักอยู่ที่จีนแล้วล่ะ ”

หยางโปมองสำรวจหยางเต๋อเชิง ” ได้นะ แต่ฉันคิดว่าหลังจากที่คุณกลับไปจีนแล้ว คงไม่ผอมแน่

ที่จีนมีของกินอร่อยๆมากมาย คุณต้องอ้วนขึ้นแน่ๆ “

หยางเต๋อเชิงหัวเราะฮ่าฮ่าดังออกมา ” อาหารอร่อยเยอะสิดีที่สุด ถ้าอย่างนั้นผมก็มีลาภปากน่ะสิ “
ลัวย่าวหัวมองไปที่ด้านหน้าและพูดกับ หยางโปว่า ” ถ้าฉันเป็นหยางเฉิงเฟยล่ะก็ หากลงมือทำอะไรที่สนามบินไม่ได้ คงลงมือบนเครื่องบินแน่ๆ “

หยางโปกำลังจะดุเขา ทันใดนั้นก็มีคนลุกขึ้นยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาสองคน พวกเขาสวมเสื้อคลุมยาวสีดำ สวมแว่นกันแดดตรงกลางสันจมูกโด่ง กำลังเดินตรงมาทางหยางโป !

ตอนที่ 902 ช่วยผมปลอบใจเขา
จากนั้นก็มีการประมูลของอีกสองสามชิ้น ดูเหมือนเป็นเพราะหยางโปไปกระตุ้น จึงทำให้ราคาสินค้าในงานสูงขึ้นมาก

ทันทีที่การประมูลสิ้นสุดลง หยางโปก็ทนรอไม่ไหวรีบไปที่หลังเวทีทันที เขาทำการจ่ายเงินแล้วรับข้าวของมาอย่างรวดเร็ว

สร้อยคอของแอนเจลินาดูธรรมดามาก เหยือกสี่เหลี่ยมทองสัมฤทธิ์ที่มีดอกบัวและนกกระเรียนจากราชวงศ์ฮั่นเขาก็แค่กวาดตามองผ่านๆ แต่กลับมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่กระบี่หยก

หยางโปหยิบกระบี่หยกขึ้นมา ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกคุ้นเคยของเลือดเนื้อที่หลอมรวมกันทำให้พลังลมปราณในจุดตันเถียนเคลื่อนไหวราวกับว่าเขาเคยใช้กระบี่หยกเล่มนี้มาก่อน !

หยางโปรู้สึกหวาดหวั่น เขาจึงแกล้งทำเป็นไม่สนใจ และเข้าไปขอกล่องใบหนึ่งจากผู้จัดงาน

แล้วนำกระบี่หยกเก็บใส่เข้าไปทันที

“ ฉันคิดว่าคืนนี้น่าจะกลับจีนกันได้แล้ว ” หยางโปกล่าว

ลัวย่าวหัวถึงกับตกใจ “ รีบขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”

หยางโปพยักหน้า ” ฉันรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาแล้ว “
ลัวย่าวหัวและหยางโปรู้จักกันมาสามปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเขาพูดอะไรแบบนี้

เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็รู้ได้ทันทีว่า ต้องเป็นเพราะกระบี่หยกเล่มนี้ มันต้องมีค่ามากเกินไป

จนทำให้หยางโปรู้สึกไม่ปลอดภัย !

” โอเค พวกเราไปกันเถอะ ” ลัวย่าวหัวรีบตอบตกลงทันที
หยางโปพยักหน้าเขาถือกล่องไม้ไว้ในอ้อมแขน นึกถึงความรู้สึกเมื่อสักครู่ เขาค่อนข้างแน่ใจว่าหยวนเฉิงเฟยต้องการกระบี่หยกเล่มนี้อย่างแน่นอน!

มันไม่ใช่เรื่อง่ายเลยที่จะฝึกฝนวิชาลมปราณ อันดับแรกต้องสัมผัสถึงพลังลมปราณระหว่างสวรรค์และโลก จากนั้นต้องขับพลังลมปราณเข้าไปในจุดตันเถียน สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วแค่ขั้นตอนแรกก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จแล้วเพราะบรรยากาศระหว่างสวรรค์และโลกผสมปนกัน

วิธีการที่จะแยกลมปราณออกจากกันได้นั้นยากมาก !

ตอนนี้หยวนเฉิงเฟยยังฝึกฝนพลังลมปราณไม่สำเร็จ ถ้าเขาได้กระบี่หยกเล่มนี้ไปจริงๆ

พลังในกระบี่หยกก็จะสามารถชักนำเขาเข้าสู่ช่องทางการฝึกฝนลมปราณได้อย่างสมบูรณ์และถึงขั้นที่สามารถเร่งความเร็วของการฝึกฝนตบะของหยวนเฉิงเฟมากขึ้นได้

หยางโปถอนหายใจด้วยความโล่งอก เดิมทีที่เขาโทรหาหยางเต๋อเชิงก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่เขาเลือกมาที่นี่มันคือสิ่งที่ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้นกระบี่หยกเล่มนี้ก็ไม่ใช่ของธรรมดา หยางโปไม่เคยเห็นกระบี่หยกแบบนี้มาก่อน !

หยางนำเหยือกสี่เหลี่ยมทองสัมฤทธิ์ที่มีดอกบัวและนกกระเรียนจากราชวงศ์ฮั่นให้ ให้ลัวย่าวหัวถือ จากนั้นทั้งสองถึงเดินออกมา ตอนที่พบกับหยางเต๋อเชิง หยางโปก็เห็นได้ชัดว่าขาทั้งสองข้างของเขาสั่นเล็กน้อย ” อาจารย์ลุง ต่อไปพวกเราจะไปที่ไหนกันต่อดี ? “

หยางโปเหลือบมองหยางเต๋อเชิง ” เราจะอยู่ต่อกันที่นี่สักพัก “
พอพูดจบ หยางโปก็เดินเข้าไปหาแอนเจลินา แอนเจลินาที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนกำลังรู้สึกเพลิดเพลินกับการไล่ตามของแฟนคลับ เมื่อเห็นหยางโปเดินเข้ามา เธอก็ยิ้มแก้มปริ เพราะหยางโปได้จ่ายเงินซื้อสร้อยคอของเธอด้วยราคาที่สูง มันเป็นการให้เกียรติแก่เธอมาก

ดังนั้น แอนเจลินาจึงมีความสุขมากที่ได้พบกับหยางโป

“ สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ ! ” แอนเจลินากล่าวอย่างสุภาพ
หยางโปยิ้ม ” ผมเป็นแฟนตัวยงของคุณเลย “

อันที่จริงหยางโปไม่เคยดูภาพยนตร์ที่แอนเจลินาแสดงเลยสักเรื่อง เขาแค่เคยเห็นรูปภาพของอีกฝ่ายเท่านั้น

แอนเจลินาดูดีใจมาก ” รู้สึกดีใจมากที่ได้พบกับคุณ ! แต่ไม่รู้ว่าคุณดูภาพยนตร์เรื่องไหนมาบ้าง “
หยางโปนิ่งอึ้งไปทันที รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ” ภาพยนตร์หลายเรื่องน่ะ

ผมดูมาหมดแล้ว อ้อ นี่สร้อยคอของคุณ ผมขอมอบให้คุณ ! “

แอนเจลินายิ้มและตอบกลับไปว่า ” ให้ฉัน ? คุณคิดดีแล้วนะ มันหนึ่งล้านดอลลาร์เลยนะ ! “
หยางโปยิ้ม “ ผมอยากจะมอบให้คุณก็เท่านั้น ”

แอนเจลินามีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจ ” ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมาก ! “
” พรุ่งนี้คุณพอมีเวลาไหม ? ” แอนเจลินาหันไปถามหยางโป

หยางโปจึงตอบกลับไปว่า ” คืนนี้ผมจะไปจากที่นี่แล้ว “
“ น่าเสียดายจริงๆ พรุ่งนี้ฉันยังคิดที่จะเชิญคุณหยางไปทานอาหารกลางวันด้วยกันอยู่เลย ”

แอนเจลินากล่าว

หยางโปยิ้ม ” ผมอยากจะขอให้คุณแอนเจลินาช่วยผมสักหน่อย “
“ มีเรื่องอะไรเหรอ ? ” แอนเจลินารู้สึกสงสัย

หยางโปมองผ่านฝูงชนจากนั้นเขาก็ชี้ไปในทางที่หยวนเฉิงเฟยอยู่

” คุณไปคุยกับเขาหน่อยได้ไหม ? “
แองเจลินามองหน้าหยางโปด้วยสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก

“ เขาเป็นเพื่อสนิทของผม คืนนี้เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี เขาถูกพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่เขายังเด็ก

ตอนนี้ก็มาถูกแฟนทิ้งอีก คุณช่วยไปปลอบใจเขาแทนผมหน่อยได้ไหม ? ” หยางโปกล่าว

แอนเจลินามองมาทางหยางโป ” ดีจังเลยที่มีเพื่อนดีๆแบบคุณ ! “
หยางโปส่งยิ้มให้ “ พวกเราคนจีน รักษาน้ำใจต่อมิตรสหาย สามารถให้ช่องทางการติดต่อกันไว้ได้ไหม ครั้งหน้าถ้าผมมาอเมริกา ผมจะขอเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ ”

แอนเจลินาหัวเราะ ” เท่าที่ฉันรู้มา ถ้าคนจีนอย่างพวกคุณบอกว่าครั้งหน้า มันจะเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ยังเต็มใจที่จะทิ้งช่องทางการติดต่อไว้ให้คุณ ! “

จากนั้นหยางโปก็ทำการจดช่องทางติดต่อของแอนเจลินาไว้ ” วันนี้ต้องขอบคุณคุณมากเลยนะ

ถ้าทำให้เพื่อนของผมออกมาจากความโศกเศร้าได้มันจะดีมาก “

แอนเจลินายิ้มและพูดว่า ” คุณสบายใจได้ เราต้องพูดคุยกันถูกคอแน่ๆ “
” ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณด้วยนะ ! ” หยางโปกล่าว

แอนเจลินาน้อมรับคำขอของหยางโปอย่างเต็มใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาหยวนเฉิงเฟย
ลัวย่าวหัวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหยางโป “ นี่นายกำลังทำอะไร ? ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ?

นั่นมันเงินหนึ่งล้านเหรียญเลยนะ ให้เธอไปแบบนี้เลยเหรอ ? ”

หยางโปเหลือบมองหน้าลัวย่าวหัว “ นายดูสิหนึ่งล้านเหรียญนี้ ไม่ได้เสียเปล่าเลยใช่ไหม ? ”

ลัวย่าวหัวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันมองไปทางหยวนเฉิงเฟย เมื่อเห็นว่าแอนเจลินาและหยวนเฉิงเฟยพูดคุยกันอยู่ เขาก็เข้าใจทันที “ นายให้แอนเจลินาช่วยไปขว้างเขาไว้ให้พวกเราใช่ไหม ? ”

หยางโปพยักหน้า ” ตอนนี้เรารีบไปกันเถอะ ! “
แอนเจลินาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหยวนเฉิงเฟย เมื่อเห็นเขามองไปรอบๆอย่างกังวลใจ

ก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อคำพูดของหยางโป ” สวัสดีค่ะ ดีใจที่ได้พบกับคุณ “

หยวนเฉิงเฟยสังเกตเห็นแอนเจลินาเดินเข้ามานานแล้ว เขานึกว่าอีกฝ่ายกำลังมองหาคนอื่นอยู่ จึงไม่ได้สนใจ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าแอนเจลินาจะมาคุยกับเขา !

” สวัสดีครับ ” เห็นได้ชักว่าหยวนเฉิงเฟยไม่ทันตั้งตัว
” ดูเหมือนคุณจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนักใช่ไหม ? ” แอนเจลินายิ้มและเอ่ยออกมาว่า

” ฉันขอดื่มเป็นเกียรติกับคุณสักแก้วได้ไหม ? “

หยวนเฉิงเฟยทำงานอยู่ในแก๊งหงส์มานานหลายปี แม้ว่าจะมีผู้หญิงอยู่ แต่พวกเธอต่างก็ล้วนหลงใหลในอำนาจของเขา และคอยอยู่ติดตามเขา มีหรือจะมีดาราดังแบบนี้อยู่ด้วย มันจึงทำให้เขามีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขขึ้นมาทันที ” นี่ถือว่าเป็นเกียรติของผมแล้ว คุณแอนเจลินา ” จากนั้นทั้งสองคนก็ได้ชนแก้วกัน แอนเจลินายิ้มและกล่าวว่า “ ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ

ก็ให้ทิ้งมันไปกับเหล้าแก้วนี้เถอะ ”

หยวนเฉิงเฟยตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม “ โอเค ”
หลังจากดื่มไวน์แดงไปแก้วหนึ่งแล้ว แอนเจลินาก็กล่าวขึ้นมาว่า “ ชีวิตคนเราไม่มีอะไรราบรื่นไปซะหมดทุกอย่าง มันมักจะมีเรื่องที่คาดคิดไม่ถึงต่างๆอยู่เสมอ เราแค่ต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากเหล่านี้ไปให้ได้ จึงจะมีความกล้ามากพอที่จะเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ไปได้

คุณว่างั้นไหม ? “

หยวนเฉิงเฟยพยักหน้า “ คุณพูดถูก ! ”
“ ตอนนี้หลายคนคิดว่าชีวิตของฉันกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น พ่อของฉันเป็นนักแสดงชายยอดเยี่ยม แม่ของฉันก็เป็นนักแสดงเช่นกัน พวกเขาคิดว่าฉันได้รับเงื่อนไขหรือสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นพิเศษ แต่ฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากมามากมายเลยทีเดียว ” แอนแจนลินาเอ่ยปากเล่าให้ฟัง

หยวนเฉิงเฟยมีสีหน้าประหลาดใจ แต่เมื่อนึกถึงประสบการณ์ของตัวเอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเช่นเดียวกัน

ตอนที่ 901 กระบี่หยก
ลัวย่าวหัวตกตะลึงนิ่งอึ้งไปเลย เขายังไม่ทันตอบสนองกลับ หยางโปก็ขึ้นราคาแล้ว !
หนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ นี่มันหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเท่ากับเจ็ดล้านหยวนเลยนะ !

ลัวย่าวหัวรู้สึกเคียดแค้นชิงชังเป็นอย่างมาก “ นายจะทำอะไรกันแน่ ? นี่มันเงินเจ็ดล้านหยวนเลยนะ นายคงไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนั้นหรอกใช่ไหม ? ทำไมถึงได้ทุ่มเงินขนาดนี้ ! ”

หยางโปยิ้ม สายตาจับจ้องมองไปที่ด้านหน้า ” ไม่เป็นไร “
ลัวย่าวหัวรู้สึกมึนงง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะ เขารู้ดีว่าที่หยางโปทำแบบนี้ จะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน

พิธีกรก็ตกใจจนอ้าปากค้าง แต่เขาก็เรียกสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว “ ขอบคุณคุณสุภาพบุรุษท่านนี้มาก หนึ่งล้านเหรียญครั้งที่หนึ่ง หนึ่งล้านเหรียญครั้งที่สอง จบการประมูล ! ”

มีเสียงปรบมือดังขึ้นทันทีในงาน ครั้งนี้คือการการประมูลเพื่อการกุศล เงินที่ได้จากการทำประมูลจะใช้ในการกุศลและบริจาคให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งหมด ดังนั้นยิ่งราคาประมูลสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น !

แน่นอนว่ามีคนจำนวนมากในงานดูเป็นเรื่องตลก พวกเขาถึงกับคิดว่าหยางโปเป็นคนโง่

ซื้อสร้อยคอธรรมดาๆไปในราคาหนึ่งร้อยล้านเหรียญ หรือว่า นี่เขายังคิดที่จะจีบแอนเจลีนาอยู่อีกเหรอ ?

ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง หยางโปก็ได้สร้อยคอมาในที่สุด แอนเจลีนาก็หันมาทางเขาบ่อยๆดูเหมือนจะสนใจในตัวเขา

ลัวย่าวหัวรู้สึกเสียใจ “ ฉันควรจะประมูล คิดไม่ถึงว่าแอนเจลีนาคนนี้จะมีความสำคัญขนาดนี้ เห็นนายจ่ายเงินไปเยอะ ก็เอาแต่จ้องมองมาที่นายตลอดเวลา รู้งี้ฉันประมูลไปนานแล้ว ! ”

หยางโปยิ้ม “ เมื่อกี้ฉันให้โอกาสนายแล้ว นายไม่สนใจเอง โทษฉันไม่ได้หรอกนะ ”

ลัวย่าวหัวทำเสียงเย้ยหยัน “ ถ้าฉันรู้ว่านายเต็มใจที่จะใช้จ่ายเงินมากขนาดนี้ ฉันจะช่วยนายประหยัดแน่ๆ ! ”

หยางโปส่ายหน้า ” ฉันไม่ได้ขอให้นายมาประหยัดช่วยฉัน “
ลัวย่าวหัวตบต้นขา ” นายสบายใจได้ ต่อไปฉันจะไม่ปล่อยให้นายมีโอกาสพูดแบบนี้ได้อีก ! “

จากนั้นการประมูลก็ดำเนินต่อไปอีกครั้ง เหยือกสี่เหลี่ยมทองสัมฤทธิ์ที่มีดอกบัวและนกกระเรียนจากราชวงศ์ฮั่นที่หยางโปกล่าวถึงถูกเขาซื้อไปในราคา สองล้านเหรียญสหรัฐราคานี้ไม่ถือว่าสูงหรือต่ำไป ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะที่หยางโปแสดงทีท่าเมื่อสักครู่ ทันทีที่เขาเพิ่มราคาหลายคนก็หยุดและไม่มีใครแย่งประมูลกับเขาอีก ก็เป็นเรื่องที่ดีเอามากๆ

เมื่อลัวย่าวหัวเห็นว่าในที่สุดหยางโปก็ได้ของมาตามเป้าหมายที่เขาพูดถึงก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้ “ เป้าหมายของเราในครั้งนี้สำเร็จแล้ว เราจะกลับพรุ่งนี้เลยใช่ไหม ? ”

หยางโปหันหน้าชำเลืองไปมองทางของหยวนเฉิงเฟย ” ไม่ เป้าหมายที่แท้จริงยังไม่ปรากฏตัว ! “

ลัวย่าวหัวเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าจุดประสงค์ของการเดินทางมาครั้งนี้ของหยางโปคือเพื่อ

หยวนเฉิงเฟย !

หลังจากนั้นไม่นาน พิธีกรก็หยิบจี้หยกขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ” นี่คือกระบี่หยกเล่มหนึ่งที่มาจากประเทศจีนที่อยู่ไกลออกไป ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่นดอลลาร์สหรัฐ “

เมื่อหยวนเฉิงเฟยเห็นกระบี่หยกเล่มนี้ ก็นั่งตัวตรงทันที ดวงตาของลุกวาวเขาจ้องไปที่กระบี่หยก

” หนึ่งหมื่นสองพันดอลลาร์ ! “

หยางโปเหลือบมองไปที่หยวนเฉิงเฟย และทันใดนั้นก็เข้าใจทันทีว่าหยวนเฉิงเฟยน่าจะมาเพื่อกระบี่หยกเล่มนี้ กระบี่หยกมีขนาดเล็กมากยาวเพียงสามนิ้ว กระบี่หยกทั้งเล่มแกะสลักจากหยกมันแพะ ดูขาวนวลเปล่งประกายสวยมาก

สายตาของหยางโปจับจ้องมองไปที่กระบี่หยก จู่ๆแสงก็สว่างวาบผ่านตาเขาไป เขาถึงกับชะงักไปทีเดียว เพราะเขาเห็นกระบี่หยกเปล่งประกายแสงออกมาเล็กน้อย แสงชนิดนี้ไม่ได้ดูแสบตา

แต่กลับอบอุ่นสบายตามาก แต่กลับทำให้หยางโปเกิดความรู้สึกใกล้ชิด พลังภายในร่างกายขับเคลื่อน เขาสัมผัสได้ว่า กระบี่หยกเล่มนี้น่าจะมีแหล่งที่มาเดียวกับพลังลมปราณของเขา !

จะต้องได้กระบี่หยกเล่มนี้มาให้ได้ !
“ สองหมื่นเหรียญ ! ” หยางโปกล่าว

หยวนเฉิงเฟยตัวแข็งทื่อเขาหันหน้ามองไปที่หยางโป “ อาจารย์ลุง คุณจะแย่งมันกับผมจริงๆเหรอ ? ”

หยางโปยิ้ม “ ฉันชอบกระบี่หยกเล่มนี้มาก นี่เป็นของโบราณมาจากจีน ฉันคิดว่าจำเป็นต้องนำมันกลับไปที่จีนด้วย ! ”

หยวนเฉิงเฟยตะลึงไปชั่วขณะ “ ถ้าเพราะเหตุผลนี้ อาจารย์ลุง ผมสามารถมอบของโบราณสิบชิ้นหรือยี่สิบชิ้นให้คุณได้ แค่คุณวางมือสักครั้ง ”

หยางโปแน่ใจแล้วว่าหยวนเฉิงเฟยรู้ที่มาที่ไปของกระบี่หยกเล่มนี้อย่างแน่นอน ถึงขั้นที่ว่าอาจจะได้รับคำสั่งมาจากอวี่เหวิน ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่มีทางรู้ประโยชน์ของกระบี่หยกเล่มนี้แน่ๆ !

หยางโปเหลือบมองหยวนเฉิงเฟย แต่ไม่ได้พูดอะไร
มีคนอื่นๆในงานเสนอเพิ่มราคา และในไม่ช้าราคาก็เพิ่มสูงขึ้นถึงห้าหมื่นดอลลาร์สหรัฐ

หยวนเฉิงเฟยเหลือบมองหยางโป คิดไปเองว่าเขาตอบตกลงกับข้อเสนอของเขาแล้ว

จึงเสนอขึ้นราคาเป็น ” หกหมื่น ! “

” นายมาเสนอราคาแทนสิ ” หยางโปผลักไปให้ลัวย่าวหัว
ลัวย่าวหัวถึงกับตกใจผงะไปทันที ” ราคาสูงสุดเท่าไหร่ ? “

” ไม่มีที่สิ้นสุด ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวตกใจมาก เขาหันไปมองหยางโป “ สิบล้านก็ไม่ถอยใช่ไหม ? ”

” ต่อให้หนึ่งร้อยล้านก็ต้องเอามาให้ได้ ! ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวอ้าปาก แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเงยหน้าขึ้น ” หนึ่งแสน “

หลายคนในงานต่างพากันหันหน้าไปมอง งานการกุศลในอดีตมักจะขายได้หลังจากการประมูลสองหรือสามรอบ ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะจบการประมูล เพราะยังไงซะงานการกุศลหลายๆคนมักจะไม่แย่งชิงกัน แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ มันจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น !

หยวนเฉิงเฟยมองมาทางนี้ ด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ “ สองแสน ! ”
” ห้าแสน ! ” เมื่อลัวย่าวหัวได้รับคำเตือนจากหยางโป จึงไม่สนใจค่าของเงินเลย และเพิ่มราคาขึ้นเป็นสองเท่า

” แปดแสน ! ” หยวนเฉิงเฟยกล่าว

ทุกคนในงานต่างพากันหันหน้ามามอง ถึงแม้ว่าจะมีคนรวยมากมายอยู่ในงาน แต่มีเพียงไม่กี่คนที่จะฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองเท่าพวกเขา กระบี่หยกที่ดูไม่โดดเด่นอะไร และมีความยาวเพียงนิ้วมือ จะถูกเสนอราคาถึงแปดแสนดอลลาร์ นี่มันแย่งเงินกันชัดๆ !

ลัวย่าวหัวไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ หนึ่งล้านแปด ! ”
หยวนเฉิงเฟยจ้องลัวย่าวหัวเขม็ง แทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด เขาเห็นเงินเป็นกระดาษไปแล้ว !

ความมั่งคั่งของหยวนเฉิงเฟยด้อยไปเลย เพราะยังไงซะ เขาก็เป็นหัวหน้าพรรคมานานหลายปีแล้ว แต่เงินจำนวนมากในมือของเขาก็เป็นของส่วนรวม เขาไม่สามารถนำออกมาใช้จ่ายได้ ดังนั้น

ถ้ามาคำนวณดูแล้ว เขาจะมีเงินใช้อยู่ในมือไม่มากนัก

หลังจากกัดฟัน หยวนเฉิงเฟยก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ สองล้านสามแสน ! ”
“ สี่ล้าน ! ”

ลัวย่าวหัวฮึกเหิมมาก หยวนเฉิงเฟยยังไม่ทันพูดจบเขาก็เสนอราคาออกมาแล้ว ราคานี้ทำเอาผู้คนในงานอุทานกันออกมาอีกครั้ง !

สี่ล้านเหรียญสหรัฐเกือบ 30 ล้านหยวนเงินจำนวนนี้ สำหรับคนจำนวนมากในงานแล้วมันเป็นจำนวนตัวเลขที่เป็นเงินก้อนใหญ่เลยทีเดียว !

หยวนเฉิงเฟยเหลือบมองไปที่หยางโป เขาได้ตรวจสอบตัวตนของหยางโปและรู้ว่าอาจารย์ลุง

ท่านนี้มีสถานะที่ไม่ธรรมดา หากมาสู้กันด้วยทรัพย์สมบัติ เขาไม่มีทางสู้อีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้

พิธีกรยืนอยู่หน้าเวทีดูค่อนข้างตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด “ สี่ล้านครั้งที่หนึ่ง สี่ล้านครั้งที่สอง ! ”
” สี่ล้าน นี่เป็นการสร้างสถิติสำหรับการประมูลการกุศลเลยก็ว่าได้ ขอบคุณสุภาพบุรุษท่านนี้ ขอบคุณมากจริงๆ ! “

ลัวย่าวหัว อดไม่ได้ที่จะมองไปที่หยางโปด้วยความภาคภูมิใจ แต่เขากลับเห็นสายตาของหยางโปกำลังมองไปที่ฝั่งตรงข้าม เขาจึงมองตามหยางโปไป และเห็นว่าแอนเจลีนากำลังจ้องมองหยางโปอยู่ตลอดเวลา !

นี่คืออะไร เห็นเห็นกันอยู่ว่าฉันเพิ่งจ่ายเงินไปสี่ล้านหยวนชัดๆ !

ตอนที่ 900 แฟนคลับตะวันออกที่คลั่งไคล้
หยางเต๋อเชิงเดินนำพวกเขาสองคนเข้าไปข้างใน รูปร่างที่อ้วนท้วมของเขา เมื่ออยู่ที่อเมริกา

ในงานเลี้ยงแห่งนี้ เขากลับไม่ได้ดูสะดุดตาเท่าไร

อย่างที่เห็น คนที่นี่ส่วนใหญ่ต่างก็มีคนสวมสูทและรองเท้าหนัง ตัวอ้วนท้วม !
อาจเป็นเพราะสรีระหรือพฤติกรรมการกิน คนตะวันตกจึงมีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น ทำให้อ้วนง่าย หลายคนในงานก็มีลักษณะพิเศษแบบนี้

ทั้งสามคนเดินเข้าไปในงานเลี้ยงการกุศล ต่างคนต่างถือแก้วเครื่องดื่มและมานั่งลงบนที่นั่ง
ลัวย่าวหัว มองบริเวณโดยรอบ ที่นี่มีสาวงามมากมายอยู่ในชุดราตรี สาวงามเหล่านี้รูปร่างสูงโปร่ง มีส่วนเว้าส่วนโค้ง ทำให้ลัวย่าวหัว อดไม่ได้ที่พูดชมไม่ขาดปาก

หยางโปเหลือบมองแค่แวบเดียว ก็สังเกตเห็นว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาที่ประตูทางเข้า

แลเมื่อคนๆนั้นเดินเข้ามาช้าๆ ดูเหมือนว่าจะมีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย ผู้คนในงานต่างก็ค่อยๆเข้าไปทักทายคนผู้นั้น

หยางเต๋อเชิงแตะแขนของหยางโป ” เขามาแล้ว “
หยางโปพยักหน้าให้เล็กน้อย คนที่มาเป็นหยวนเฉิงเฟยจริงๆ เขาสวมสูทเรียบร้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาทักทายกับผู้คนมากมาย ด้านหลังของเขา มีเลขาคนสวยเดินตามมา ทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันเป็นระยะๆ

สายตาของหยางโปยังคงจ้องมองอยู่ที่หยวนเฉิงเฟยตลอดเวลา ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

หยวนเฉิงเฟยดูเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกจับตา จึงเงยหน้าขึ้นและหันมองมา เมื่อเห็นหยางโปนั่งอยู่

เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มให้ และเดินตรงมาทางด้านนี้

ลัวย่าวหัวถึงมองเห็นร่างของหยวนเฉิงเฟย ในตอนนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ เขามาได้ยัง ? ”
” เรากำลังรอเขาอยู่ ! ” หยางโปกล่าว

ลัวย่าวหัวเหลือบมองหน้าหยางโป ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
ไม่นาน หยวนเฉิงเฟยก็เดินเข้ามาพร้อมกับไวน์แดงในมือของเขา เขากวัดแกว่งแก้วเบาๆ “ อาจารย์ลุง ท่านทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ? ”

หยวนเฉิงเฟยกล่าวด้วยความเคารพ แต่ยื่นตัวตรง เหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับหยางโป
หยางโปก็ไม่ได้สนใจ “ ฉันมาไม่ได้เหรอ ? ”

หยวนเฉิงเฟยหัวเราะ ” ผมคิดว่าคุณไปแล้วซะอีก คุณออกจะยุ่งขนาดนั้น มีเรื่องมากมายให้ทำตั้งหลายอย่าง “

หยางโปหันไปมองหยวนเฉิงเฟยและส่ายหน้าให้เล็กน้อย “ แล้วทำไมนายถึงมาที่นี่ล่ะ ? ”
หยวนเฉิงเฟยชี้ไปที่ด้านล่างเวที “ งานเลี้ยงการกุศลนี้จะไม่มีพวกเราได้ยังไง ? แก๊งหงส์ในฐานะองค์กรชั้นนำของคนเชื้อสายจีน พวกเรามุ่งมั่นพัฒนาองค์กรการกุศลเพื่อให้กิจกรรมการกุศลสมบูรณ์ยิ่งขึ้นมาตลอดเวลา แน่นอนว่าผมต้องมาสิ ? ”

หยางโปชำเลืองมองหยวนเฉิงเฟย “ จริงเหรอ ? ”
พอพูดจบ หยางโปก็หุบปากและไม่พูดว่าอะไรอีก

หยวนเฉิงเฟยมีใบหน้าปั้นยากทำอะไรไม่ถูก แต่เขารู้ดีว่าเขาฝึกฝนพลังลมปราณ ไปเพียงสิบกว่าวันในช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะฝึกฝนจนไปถึงระดับสูงขนาดนั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาเพิ่งเข้าสำนักมา เขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางโปเลย

หยวนเฉิงเฟยนั่งลงข้างๆ เขาดูเหมือนกำลังคิดพิจารณาตัวเอง
หยางเต๋อเชิงตกใจมากจนไม่กล้าพูดอะไรไปเป็นเวลานาน เขาลดเสียงหายใจเบาลงมาก

เขาแอบมองหยวนเฉิงเฟยอย่างพินิจพิเคราะห์ จากนั้นก็ก้นศีรษะลง เขาได้รับโทรศัพท์จาก

หยางโปถึงได้แจ้งข่าวนี้ให้กับเขา เขานึกว่าหยางโปและหยวนเฉิงเฟยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าทั้งสองจะมีปัญหากันจนมองหน้าไม่ติด

มีผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆในงาน ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันหาที่นั่ง รอให้งานเลี้ยงการกุศลเริ่มขึ้น
ไม่นานเวลาก็มาถึง พิธีกร 2 คนชายและหญิงต่างคนต่างถือไมโครโฟนแล้วเดินขึ้นไปบนเวที

เพื่อแสดงความขอบคุณ

จากนั้นหัวหน้ามูลนิธิที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็ได้ขึ้นเวทีเพื่อแสดงความขอบคุณต่อทุกคนอีกครั้งที่มาร่วมงาน

หยางโปนั่งเงียบๆอยู่ด้านล่างเวที เวลารายการบนเวทีการดำเนินไปอย่างรวดเร็วและแล้วเวลาการประมูลเพื่อการกุศลก็เริ่มขึ้น

มีดาราภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายคนมาเข้าร่วมงานประมูล ดังนั้นรายการประมูลหลักคืออุปกรณ์ประกอบฉากภาพยนตร์และทรัพย์สินส่วนตัวของดาราภาพยนตร์ ดูหลากหลายและน่าตื่นตามาก

มีบรรดาสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีหลายคนในงาน พวกเขาสนใจของพวกนี้กันมากดังนั้นการเสนอราคาจึงดุเดือดกันมาก

หยางโปเคยพบเห็นกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน จึงไม่รู้สึกแปลกใจ เขาแค่มองไปที่ลัวย่าวหัว

ด้วยความสงสัยเท่านั่น ” ทำไมนายดูไม่กระตือรือร้นเลยล่ะ ? “

” ฉันต้องตื่นเต้นใช่ไหม ? ไร้สาระ ! ” ลัวย่าวหัวพูดด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง ” มันไร้สาระมาก มันก็แค่อุปกรณ์ประกอบฉากที่ดาราหนังบางคนใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์บางเรื่อง มีอะไรดีงั้นเหรอ ?

มันสนุกมากรึไง ? ฉันไม่คิดอย่างนั้นเลยสักนิด ! “

หยางโปยิ้ม “ ถ้างั้นก็ดี ในเมื่อนายไม่สนใจเลยก็ไม่เป็นไร ฉันเพิ่งเห็นสร้อยคอที่แอนเจลินาใส่

ดูเหมือนว่านายจะไม่ชอบมันเลยสักนิด ”

แอนเจลินาที่หยางโปกล่าวถึงวันนี้ก็อยู่ในที่งานด้วยเช่นกัน เขาสังเกตเห็นว่าลัวย่าวหัวจ้องมองนักแสดงหญิงคนนี้เป็นเวลานานที่สุด ดังนั้นเขาจึงพูดแบบนี้

ลัวย่าวหัวส่ายหน้า “ พูดจาไร้สาระจริงๆ มันไม่มีเรื่องแบบนี้หรอก นายก็รู้หนิ ? ”
หยางโปยิ้ม แต่ไม่ได้อธิบายอะไร

ไม่นาน ก็มีรถสปอร์ตคันหนึ่งถูกซื้อไป จากนั้นพิธีกรก็หยิบกล่องใบหนึ่งขึ้นมา

“ ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณมิสแอนเจลินาสำหรับของบริจาค เรามาดูกันดีกว่าว่านี่คือ

โอ้มายก๊อด นี่คือสร้อยคอที่มิสแอนเจลินาใส่อยู่ ! ”

ลัวย่าวหัวตะลึงไปทันที เขาหันไปมองหน้าหยางโป “ นายรู้รายชื่ออย่างงั้นเหรอ ? ”
หยางโปมีอาการลังเลแต่ก็พยักหน้า ” ฉันเห็นเธอใส่รายชื่อลงไป “

หยางเต๋อเชิงนั่งเฉยๆอยู่อีกด้าน คิดถึงรายชื่อเหล่านั้นที่เขาให้หยางโป เขาสงสัยอยู่ว่ามีสร้อยเส้นนี้อยู่ในรายชื่อไหม ถ้าเขาจำไม่ผิดมันไม่น่าจะอยู่ในรายชื่อนะ !

ลัวย่าวหัวมองไปในงาน เวลานี้ในงานดูเหมือนจะคึกคักเจี๊ยวจ๊าวขึ้นมา
แอนเจลินาถือว่าเป็นดาราหญิงที่มีชื่อเสียงที่สุดในแวดวงนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอหน้าตาสะสวยมาก เธอยืนขึ้นหันไปขอบคุณทุกคนด้วยใบหน้าที่งดงาม และรูปร่างที่สมส่วนของเธอก็ถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมด

มีการเสนอราคาอย่างดุเดือดในงาน ลัวย่าวหัวเสนอตามราคาสองครั้งแต่ไม่นานก็ถูกสุภาพบุรุษผู้คลั่งไคล้แย่งไป เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ” ช่างเถอะ พบเห็นไม่สู้คิดถึงกัน “

หยางโปหัวเราะ เวลานี้ราคาในงานพุ่งสูงขึ้นถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญซึ่งถือว่าราคานี้สูงมากแล้ว !

“ สองแสน ! ” หยางโปเอ่ยปากออกมาอย่างกะทันหัน
มีความโกลาหลเกิดขึ้นเล็กน้อยในงาน มีชายหนุ่มอีกคนเข้ามาร่วมอีกแล้ว แอนเจลินาชายตามองมาทางนี้ และส่งยิ้มให้หยางโปอ่อนๆ ดูเหมือนจะแสดงความขอบคุณ

” สองแสนสามหมื่น ! ” มีใครบางคนในงานที่ยังคงไม่ยอมแพ้
หยางโปเอ่ยปากประมูลอีกว่า ” ห้าแสน ! “
” ว้าว ! “

เกิดเสียงอุทานขึ้นโดยรอบ มีลูกที่ล้างผลาญพ่อแม่มากมายอยู่ในงาน แต่ไม่มีใครสามารถเพิ่มราคาอย่างบ้าคลั่งเหมือนหยางโปได้เลย !

หยวนเฉิงเฟยเหลือบตามองหยางโปและถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาคิดว่าหยางโปจะมาแข่งขันกับเขา แต่มีเป้าหมายที่ต่างไปจากเขาก็พอ !

“ หกแสนแปดหมื่น ! ”
“ หนึ่งล้าน ! ” หยางโปกล่าว

แค่เสียงหายใจเข้า สร้อยเส้นนี้เป็นแค่สร้อยทองธรรมดาเส้นหนึ่งเท่านั้น ถึงจะดูสวยงาม

แต่มูลค่าที่แท้จริงของมันไม่น่าจะเกินหนึ่งหมื่นเหรียญ แต่หยางโปกลับเพิ่มราคาขึ้นสูงเป็นหนึ่งล้านซึ่งเหลือเชื่อมาก !

แอนเจลินาอดไม่ได้ที่จะมองตรงมาทางนี้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและปนดีใจ

นี่ถือเป็นแฟนคลับชาวตะวันออกที่คลั่งไคล้เธอคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ !

ตอนที่ 899 งานเลี้ยงการกุศล
หยางโปไม่เคยรู้สึกว่า อวี่เหวินควรจะสอนทักษะความสามารถให้เขาเลย แต่เขากลับรู้สึกว่าเขาเป็นหนี้อวี่เหวินมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลานี้ที่เมื่ออวี่เหวินประสบพบเจอกับภัยพิบัติใหญ่แบบนี้ เขารู้สึกว่าถ้าไม่สามารถทำบางอย่างให้อวี่เหวินได้เขาก็มักจะรู้สึกไม่สบายใจ

แต่สำหรับหยวนเฉิงเฟยมันเป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง หยางโปไม่ไว้ใจหยวนเฉิงเฟย ก็เหมือนกับที่ หยวนเฉิงเฟยไม่ไว้ใจเขา ความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันนี้ เริ่มมาตั้งแต่หยวนเฉิงเฟยขโมยกระจกแก้วเจ็ดประการของเขาไป

ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น หยางโปก็ดื่มเหล้ารวดเดียวจนหมดเกลี้ยง เขาเหลือบไปมองลัวย่าวหัวและพูดว่า ” มันดึกมากแล้วเรากลับโรงแรมกันเถอะ “

ลัวย่าวหัวรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ในเมื่อหยางโปไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ เขาพูดขึ้นมามันก็ไร้ประโยชน์

หลังจากออกจากบาร์มา ทั้งสองก็เรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง หยางโปวางมือข้างหนึ่งไว้ที่มือจับประตูและกำลังจะเปิดประตู แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากทางด้านหลัง

เขาจึงหันกลับไปมองและเห็นคนกลุ่มหนึ่งวิ่งกรูกันเข้ามา ปากของพวกเขาก็ร้องตะโกนไปด้วยว่า

” อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้ ! “

กลุ่มคนที่วิ่งพุ่งเข้ามาคือกลุ่มคนดำ พวกเขาถือมีดพร้าอยู่ในมือและวิ่งกรูเข้าหาพวกเขา

หยางโปที่กำลังจะก้าวเข้าไปในรถ ก็สังเกตเห็นว่ามือของเขาแน่น ที่แท้แท็กซี่ไม่ยอมให้เขาเปิดประตูนี่เอง และขับตรงออกไปเลย คงน่าจะกลัวมีปัญหา !

” นายวิ่งหนีไปก่อน ! ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวปัดมือ ” ไม่เป็นไร ฉันจะอยู่กับนาย ! “

” นายออกจากที่นี่ไปก่อน ฉันสวมชุดเกราะล้ำค่าอยู่ พวกเขาไม่สามารถทำร้ายฉันได้ นายสบายใจได้ ! ” หยางโปกล่าว ” ถ้านายยังอยู่มันจะเป็นภาระซะเปล่าๆ ! “

ลัวย่าวหัวครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็หันหลังวิ่งออกไปทันที แต่เขาวิ่งไปได้แค่ระยะทางหนึ่งก็หยุดลงอีกครั้ง

ทางด้านหยางโปก็วิ่งตรงเข้าไปท่ามกลางฝูงชน
ก่อนหน้านี้หยางโปต่อสู้ไม่เป็น จนกระทั่งได้มาเรียนรู้มวยตระกูลเยว่ เขาก็ไม่ได้มีประสบการณ์ในการต่อสู้ที่แท้จริงมามากนัก แต่ตอนนี้เขาได้สัมผัสกับการต่อสู้มาทุกรูปแบบแล้ว ท่ามกลางการหลบเลี่ยงคมดาบ ก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าเขาจะรับมือไม่ได้

แต่แค่ครู่เดียว หยางโปก็ทำเอาทุกคนกลิ้งกระจายลงไปอยู่บนพื้น !
หยางโปสังเกตเห็นว่ากลุ่มคนที่ออกมา พวกเขาเป็นคนผิวดำทั้งหมด เขาเหยียบแขนของคนๆหนึ่งแล้วถามด้วยเสียงอันดังว่า ” บอกมา ว่าใครส่งพวกแกมาที่นี่ ? “

ชายคนนั้นหยิ่งยโสมาก ส่ายหัวไม่ยอมปริปากพูดอะไร

หยางโปจ้องหน้าอีกฝ่าย กดเท้าลงอีก ทันใดนั้นชายผิวดำคนนี้ก็เหงื่อแตก ” ฉันบอกแล้ว ฉันบอกแล้ว หัวหน้าของเราสั่งให้เรามาที่นี่ ฉันก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่เฉพาะเจาะจงหรอก ! “

หยางโปขมวดคิ้ว “ คนที่มอบหมายงานนี้ให้พวกแก เป็นคนเอเชียหรือคนยุโรป ”
” เป็นคนเอเชีย ” ชายผิวดำตอบ

หยางโปหันหลังและเดินไปข้างหน้า แต่เขาเดินเร็วกว่าเดิม มีคนผิวดำบางคนที่ตอบสนอง

คิดที่จะหยิบปืนออกมายิง แต่เมื่อเห็นเขาเคลื่อนไหวได้เร็วมาก เร็วจนเกินระยะการยิง จึงทำได้แต่หยุดอยู่เท่านั้น

ทั้งสองเรียกรถแท็กซี่อีกครั้งและกลับไปที่โรงแรม เมื่อลัวย่าวหัวเห็นว่าหยางโปไม่พูดไม่จา

เขาก็ไม่ได้พูดถึงมันอีก จนกระทั่งมาถึงโรงแรม ลัวย่าวหัวถึงได้เอ่ยปากถามไปว่า ” ใครส่งมา ? “

” เป็นเขา ” หยางโปตอบ

ลัวย่าวหัวตบโต๊ะ ” กลั่นแกล้งกันมากเกินไปแล้ว ! “
” หยวนเฉิงเฟยมันไม่ใช่คนจริงๆ เราต้องให้บทเรียนกับมันซะหน่อยแล้ว ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว

หยางโปนั่งอยู่ด้านข้าง เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างซับซ้อน แต่ตอนนี้เขาไม่แน่ใจว่าคนที่ทำเป็นหยวนเฉิงเฟย แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน !

” นายคิดจะทำยังไงต่อ ? ” ลัวย่าวหัวถาม
หยางโปลังเลอยู่สักพัก ” พักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันอีกที ! “

ลัวย่าวหัวค่อนข้างเป็นกังวล แต่เขารู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่สามารถคิดออกได้ชัดเจนในช่วงเวลาสั้นๆ

เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้า “ อืมงั้นก็ได้ นายคิดไปก่อน ฉันจะไปนอนแล้ว ”

ในความเป็นจริงตอนนี้ตีสามแล้ว ต่อให้นอนหลับ ก็คงนอนได้ไม่นาน แต่ลัวย่าวหัวก็ยังคงเลือกกลับไปที่ห้อง

ค่ำคืนที่เงียบสงัด
เช้าวันที่สอง ลัวย่าวหัวเห็นหยางโปมีขอบตาคล้ำ แต่กลับเห็นเขาสวมสูทสีดำ ที่ดูใหม่หมดจด

“ นี่คิดจะทำอะไร ? ” ลัวย่าวหัวมองหยางโปขึ้นลงอย่างสงสัย
” พวกเราไม่กลับแล้ว ฉันได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนหนึ่ง วันนี้จะมีงานเลี้ยงการกุศลดังนั้นฉันจึงเลื่อนตั๋วออกไปอีกหนึ่งวัน ” หยางโปกล่าว

ลัวย่าวหัวรู้สึกแปลกใจไม่น้อย “ งานเลี้ยงอะไรสำคัญขนาดนั้น ? ”

“ งานเลี้ยงการกุศลของฮอลลีวูด ” หยางโปตอบ

” ใช่เหรอ เข้าร่วมงานเลี้ยงการกุศลของฮอลลีวูด หรือนายคิดออกแล้ว คิดที่จะใช้ทางลัดใช่หรือเปล่า ? ” ลัวย่าวหัวกล่าว

หยางโปจ้องมองมา “ สัจจะวาจาก็หาไม่ได้จากพวก ชาติหมา ! ”
ลัวย่าวหัวยิ้มและโบกมือ “ ในเมื่อเป็นงานเลี้ยง ถ้างั้นฉันไม่รีบฉันจะกลับไปนอนพักเอาแรงสักหน่อย จริงๆเลยนะ ฉันโทรหาแม่แล้วนะเนี้ยะ ตอนนี้ต้องโทรหาอีกครั้งซะแล้ว ! “

พอพูดจบ ลัวย่าวหัวก็เดินกลับไปที่ห้องอีกครั้ง
หยางโปมองออกไปข้างนอกแต่ไม่ได้พูดอะไร

ไม่นานก็มาถึงยามค่ำคืน ทั้งสองสวมชุดใหม่เข้าไปในรถ
หยางโปหยิบการ์ดเชิญออกมาและส่งให้ลัวย่าวหัว “ นี่ หยางเต๋อเชิงส่งมาให้ งานเลี้ยงการกุศล ”

ลัวย่าวหัวมองไปที่บัตรเชิญ ” งานเลี้ยงการกุศล ยังมีอะไรอีกบ้างนอกจากดาราผู้หญิง ?

นายไม่ควรไปงานเลี้ยงการกุศลเพื่อนักแสดงหญิง ! “

หยางโปพยักหน้า “ เพราะอาจมีบางอย่างปรากฏขึ้นในงานเลี้ยงการกุศล ”
“ มันคืออะไร ? ” ลัวย่าวหัวมองข้ามมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

หยางโปพยักหน้า “ เหยือกสี่เหลี่ยมทองสัมฤทธิ์ที่มีดอกบัวและนกกระเรียนจากราชวงศ์ฮั่น ”
ลัวย่าวหัวขมวดคิ้ว “ เหยือกสี่เหลี่ยมทองสัมฤทธิ์ที่มีดอกบัวและนกกระเรียน ? มันล้ำค่ามากเลยเหรอ ? ”

หยางโปพยักหน้า “ จะพูดว่ายังไงดีนะ มันค่อนข้างมีค่ามาก แต่มันก็ไม่ใช่สมบัติของชาติ ”

ลัวย่าวหัวอดไม่ได้ที่จะชายตามองมา เขาพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะเขารู้ดีว่า

หยางโปน่าจะยังมีความคิดบางอย่างอยู่ในใจ เพราะพวกเขารู้สึกไม่ค่อยสู้ดีนักกับเรื่องของ

หยวนเฉิงเฟย ลัวย่าวหัวถึงกับคิดว่าควรจะกำจัดออกไปให้โดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาตามมาภายหลัง !

หยางโปไม่ได้พูดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะมีแผนการเอาไว้แล้ว การลอบสังหารที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยเมื่อคืน ทำให้เขาค่อนข้างที่จะสงสัย แต่ยังมีหลักฐานที่ไม่เพียงพอ

งานเลี้ยงการกุศลจัดขึ้นที่โรงแรมเวนิส นี่ไม่ใช่โรงแรมที่ดีที่สุดในย่านนี้ แต่เป็นสถานที่ยอดนิยมของดาราฮอลลีวูด ดาราฮอลลีวูดหลายคนชอบพักอยู่ที่นี่

เมื่อตอนที่หยางโปทั้งสองมาถึงก็มีคนจำนวนมากมาถึงในงานแล้ว หลังจากแสดงบัตรเชิญทั้งสองคนก็เดินเข้าไปข้างใน

หยางเต๋อเชิงรออยู่ข้างในแล้ว เมื่อเห็นหยางโป เขาก็พารูปร่างอ้วนท้วมวิ่งออกมาอย่างว่องไว“ อาจารย์ลุง อาจารย์ลุงต้องขอบคุณมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของท่าน

ตอนนี้ผมยังคงถูกขังอยู่ในสมาคมอินางาวะแน่ๆ ! ”

หยางโปโบกมือ “ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ”
หยางเต๋อเชิงยิ้มและพูดว่า ” อาจารย์ลุง ท่านไม่ต้องกังวลไป ผมคุ้นเคยกับที่นี่ถ้าวันนี้ท่านชอบใครคนไหน เดี๋ยวผมจะแนะนำให้รู้จักเอง ! “

หยางโปยิ้มและชี้ไปที่ลัวย่าวหัว ” ไม่ต้องแนะนำให้ฉันหรอก ช่วยแนะนำให้เขารู้จักก็พอแล้ว “
ลัวย่าวหัวตอบกลับมา ” นี่… ไม่ดีมั้ง ! “

” นายคิดมากเกินไปจริงๆ ดาราชั้นนำทำเงินได้มากมาย พวกเธอไม่มีทางคิดถึงเรื่องอย่างว่าพวกนี้ แน่ มีเพียงดาราระดับสามเท่านั้นที่พอจะมีโอกาส ! ” หยางโปกล่าว

ตอนที่ 898 ไม่เต็มใจ
หยางโปมองไปที่อุปกรณ์การพนันและชิปบนโต๊ะและท่าทางที่ผ่อนคลายของลัวย่าวหัว

ทั้งสองยังโอบกอดหญิงสาวผิวขาวสองคนที่แต่งหน้าจัดอยู่ด้านข้าง แบบนี้เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่า

ลัวย่าวหัวต้องการที่จะลากเขาเข้ามา !

หยางโปโกรธมากเขาเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

” นายโกหกฉัน นายกล้าที่จะโกหกฉันเหรอ ! “

ลัวย่าวหัวไม่เคยเห็นหยางโปแสดงท่าทีแบบนี้มาก่อน จึงรู้สึกตกใจหน้าซีดไปเลยทีเดียว

เมื่อเห็นหยางโปจะเข้ามาใกล้ เขาจึงรีบก้าวถอยหลังและพูดว่า ” นาย… นายอย่าเข้ามา ! “

ลัวย่าวหัวที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ถอยหลังจนเก้าอี้เสียดสีกับพื้นเกิดเสียงเอี้ยดอ๊าด คนที่นั่งอยู่ด้านข้างของโต๊ะพนันทั้งสองคน ต่างพากันหน้าเหวอไปทันที !

หยางโปเดินไปที่โต๊ะพนันและกวาดตามองสำรวจ เมื่อเขาเห็นว่าลัวย่าวหัวไม่มีเงินติดตัวแล้ว

แต่คนที่นั่งอยู่ทั้งสองข้างกลับมีชิปจำนวนมากวางกองอยู่ เขาจึงเข้าใจได้ทันทีว่า ถ้าเขาไม่มา

ลัวย่าวหัวคงจะถูกจับขังอยู่ที่นี่จริงๆ !

เมื่อเห็นใบหน้าของหยางโปคลายลง ลัวย่าวหัวถึงได้ตอบกลับไปว่า ” นายจะทำอะไร ? “
หยางโปเหลือบมองเขา “ แพ้หมดแล้วสินะ ? ”

ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ เพราะฉันรู้ว่านายต้องมาทันเวลาแน่นอน ถ้านายมาไม่ทัน หลังจากเกมนี้

ฉันจะต้องถูกจับขังอยู่ที่นี่แน่ๆ ”

” สมน้ำหน้า ! ” หยางโปพูดด้วยความโกรธ “ นายมีเงินติดตัวอยู่ก็เยอะ จะกินจะดื่มจะแอ้วสาวอะไรก็ทำได้ ? ทำไมต้องเอาตัวเองมาพัวพันกับเรื่องนี้ด้วย นายเอาชนะอีกฝ่ายได้หรือไง ? ”

” ฉันเอาชนะไม่ได้ แต่มีนายอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือไง ? ” ลัวย่าวหัวพูด
ชายผิวขาวสองคนที่เล่นพนันกับเขา เหลือบมองไปที่ หยางโป “ จะเปลี่ยนตัวงั้นเหรอ ? ”

“ ไม่ได้เหรอ ? ” หยางโปถาม
ชายชายยุโรปหัวเราะเสียงดัง “ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ? แน่นอนว่าได้สิ ! ”

เขาเล่นชนะและได้รับเงินจำนวนมากจากลัวย่าวหัว เมื่อลัวย่าวหัวเสนอให้หลอกเพื่อนที่ร่ำรวยกว่าเขามาที่นี่ ชายชาวยุโรปทั้งสองจึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีทันที ดังนั้นตอนที่หยางโปมาถึงที่นี่ มันจึงทำให้ชายชาวยุโรปทั้งสองตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น พวกเขาถึงกับเห็นว่ามีลูกแกะตัวอ้วน

ตัวหนึ่งกำลังรอให้พวกเขาย่างไฟอยู่บนเตาถ่าน !

หยางโปถือโอกาสถามเกี่ยวกับกฎ จากนั้นก็เริ่มต้นเล่น
เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเนตรเซียนของหยางโป ชายชาวยุโรปทั้งสองคนถึงกับนิ่งอึ้งไปเลย

แต่ละคนต่างก็เสียเงินหนึ่งแสนดอลลาร์ไปในเกมแรก

แค่สามเกมแรกระยะสั้นๆผ่านไป หยางโปก็เล่นชนะและนำเงินที่ลัวย่าวหัวเสียไปกลับคืนมา

และยังชนะพวกเขาอีกสามแสนดอร์ลาร์ !

ชายชาวยุโรปทั้งสองสูญเสียชิปทั้งหมดที่อยู่ในมือ จู่ๆก็กระโดดลุกขึ้นมา ” พวกแกมันโกง

พวกแกมันขี้โกง ! “

หยางโปนั่งบนเก้าอี้อย่างสงบ และชำเลืองหันมองไปที่พวกเขา ” อ้อ จริงเหรอ ? โปรดแสดงหลักฐานออกสักหน่อยมาสิ ! “

มีชายชาวยุโรปคนหนึ่งยกโต๊ะพลิกคล้ำทันที ” นี่มันเป็นไปไม่ได้ ! ไอ้คนผิวเหลืองอย่างแก

จะมาชนะพวกเราได้ยังไง ? “

หยางโปสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ แกพูดว่าอะไรนะ ? ” ชายชาวยุโรปนิ่งอึ่งไปสักพัก การเหยียดสีผิวเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงมากในสหรัฐอเมริกา แต่หยางโปและลัวย่าวหัวมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ พวกเขาไม่ได้เป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา ชายชาวยุโรปจึงใจเย็นลงอีกครั้ง

” ไอ้หมูเหลือง ไอ้หมูเหลือง ต่อให้ฉันพูดออกมาแบบนี้ พวกแกจะทำอะไรได้ ? “

หยางโปยืนขึ้น แล้วต่อยออกไปทันที
หมัดนี้หยางโปใช้แรงต่อยไปแค่หนึ่งในห้า แต่พอต่อยหมัดเข้าไป ชายผิวขาวก็ตัวปลิวลอยไปชนเข้ากับกำแพงทันที !

ชายผิวขาวอีกคนตกตะลึงไปทันที เขายกสองมือขึ้นแล้วย่อตัวลงทันที ” อย่าชกผม อย่าชกผม ! “
หยางโปหันไปเหลือบมองเขา ถีบไปเบาๆทำให้เขาล้มลงบนพื้น ” เมื่อกี้นี้เขาพูดดูถูกฉันใช่ไหม ? “

ชายผิวขาวพยักหน้าลงทันที ” ใช่ ใช่ ! “

หยางโปเดินไปหาชายที่ล้มลงบนพื้นคนนั้น เขาใช้เท้าเหยียบไปบนหลังของเขา และเอ่ยปากถามว่า ” เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ ? “

ชายผิวขาวที่ล้มลงคนนั้นรูปร่างแข็งแรงกำยำ ดูเหมือนจะสูงเกือบสองเมตร แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่เขาก็ยังถูกหยางโปต่อยล้มลงบนพื้นด้วยหมัดเดียว มีเลือดซึมออกมาที่มุมปากของเขา

ดูท่าทางอนาถไม่น้อย เขาอยากจะเงยหน้าขึ้นมา แต่ก็ถูกเหยียบลงไปอีกครั้ง ทำได้แค่ส่งเสียงพูดว่า ” ไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าอีกแล้ว ! “

หยางโปถีบไปอย่างแรงอีกครั้ง ” ถ้ายังกล้าพูดแบบนั้นอีก แกได้ตายแน่ๆ เข้าใจไหม ? “
หลังจากใช้เท้าถีบไปแล้ว หยางโปถึงได้มองไปทางลัวย่าวหัว “ นายหาเพื่อนนักพนันมาจากไหน

ทำไมดูไม่มีระดับเลย ? ”

ลัวย่าวหัวส่ายหน้า ” บังเอิญเจอกันน่ะ “
” พวกเราไปเที่ยวเล่นชั้นข้างล่างกันดีกว่า ” ลัวย่าวหัวกล่าว

หยางโปมีอาการลังเลเล็กน้อย ” เพิ่งจะต่อยพวกเขาไป กลัวว่าเดี๋ยวสักพักพวกเขาจะพาพวกมารุมแก้แค้นพวกเราน่ะสิ “

ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” ก็ถูกนะ งั้นพวกเราเปลี่ยนร้านกันเถอะ ฉันจะพานายไปเอง ! “

“ ทำไมนายถึงคุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้นัก ? ” หยางโปเกิดความสงสัย

ลัวย่าวหัวหัวเราะออกมา “ ฉันก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรหรอกนะ ไม่เหมือนกับนาย ไปที่ไหนก็หาเมืองโบราณเจอไปซะทุกที่ ทุกที่ที่ฉันไปถึง ก็มักจะมองหาสถานที่แบบนี้ อันที่จริงฉันก็ไม่ได้

เสพติดนะ แค่รู้สึกว่าถ้าไม่ไปเที่ยวเล่นสักหน่อย แล้วอยู่คนเดียวในโรงแรม มันก็จะรู้สึกว่างเปล่าและเงียบเหงาเกินไปน่ะ ”

หยางโปเหลือบมองหน้าลัวย่าวหัว “ ทำไมฉันรู้สึกว่านายชอบหาเรื่องตายทุกครั้งเลย

ถ้าต่อไปติดโรคขึ้นมานายก็จะจบเห่ทันที ”

ลัวย่าวหัวยิ้มและพูดว่า ” สบายใจได้ ฉันระมัดระวังตัวมากทีเดียว ! “
ทั้งสองรีบไปที่บาร์อีกแห่งอย่างรวดเร็ว บาร์แห่งนี้มีเพียงชั้นเดียว หยางโปชี้ไปที่ล็อบบี้

“ พวกเราไปนั่งกันที่นั่นก็พอแล้ว กลับไปนายยังต้องไปพักผ่อน แล้วต้องขึ้นเครื่องพรุ่งนี้อีก ”

ลัวย่าวหัวหลุดหัวเราะออกมา “ พักผ่อนอะไร ? พรุ่งนี้ต้องนั่งเครื่องบินทั้งวัน นอนบนเครื่องก็ได้แล้ว ! ” ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ลัวย่าวหัวก็ยังสั่งเครื่องดื่มค็อกเทลที่มีความเข้มข้นต่ำมาสองแก้วอยู่ดี จากนั้นทั้งสองก็ยกแก้วขึ้น และไปหาโต๊ะนั่งกันทันที

ในบาร์ดูค่อนข้างเสียงดังอย่างเห็นได้ชัด
ลัวย่าวหัวเหลือบดูหน้าหยางโป “ นายไม่พอใจใช่ไหม ? ”

หยางโปหันไปมองหน้าลัวย่าวหัว และส่ายหน้าเบาๆ ” ไม่พอใจแล้วจะทำอะไรได้ ? “

ลัวย่าวหัวส่ายหน้า “ ฉันว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ ทำไมคนที่ฉลาดอย่างอวี่เหวินถึงได้รับคนอย่างหยวนเฉิงเฟยเป็นศิษย์กันนะ ”

” ไม่ว่าเขาจะรับใครเป็นลูกศิษย์ก็ตาม นั่นคือสิทธิของเขา พวกเราไม่สามารถที่จะเข้าไปยุ่งหรือก้าวก่ายได้ ” หยางโปกล่าว

ลัวย่าวหัววางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะอย่างกะทันหัน “ เข้าไปก้าวก่ายไม่ได้ ? ”

“ หยางโป นายรู้ไหม ฉันเกลียดที่นายเป็นแบบนี้ที่สุด ไม่ว่าเรื่องอะไร นายก็ไม่คิดที่จะสู้ไปหมด ! ไม่ยอมที่จะสู้ นายคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ แต่เรื่องนี้มันไม่เหมือนกัน ถ้าหยวนเฉิงเฟยกลายเป็นลูกศิษย์ของอวี่เหวิน ในภายภาคหน้าเขาจะไม่มีวันปล่อยพวกเราไปแน่ๆ ! ”

ลัวย่าวหัวจ้องหน้าหยางโปเขม็ง “ นายน่าจะรู้ดี นายเป็นอาจารย์ลุงของหยวนเฉิงเฟย

ฉันหมายถึงว่าถ้าหาก วันใดวันหนึ่ง อวี่เหวินเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ นายก็จะเป็นอาจารย์ลุงของ หยวนเฉิงเฟย เขาจะไม่คิดเหรอว่าอวี่เหวินสงวนวิชาไว้ให้เขา ? แล้วเขาจะไม่ตามมาฆ่านายหรือยังไง ? ”

หยางโปตัวสั่น อันที่จริง เขาก็เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อนเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ เพราะเขารู้สึกว่าหยาวนเฉิงเฟยจะไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ แต่เมื่อลัวย่าวหัวพูดถึงปัญหานี้ขึ้นมาเหมือนกัน นั่นก็หมายความว่าทุกคนล้วนคิดว่าหยวนเฉิงเฟยต้องลงมือทำสิ่งนี้อย่างแน่นอน !

ถ้าอย่างนั้น หยวนเฉิงเฟยก็มีแนวโน้มสูงมากที่จะทำแบบนี้ !

ตอนที่ 897 ไม่ต้องนอน ออกมาสนุกกัน
หยางโปจ้องมองหยวนเฉิงเฟย หลังจากรู้ว่าอีกฝ่ายขโมยกระจกแก้วเจ็ดประการไป หยางโปก็มีอคติกับเขามากขึ้น จนถึงตอนนี้ หยวนเฉิงเฟย ก็ยังไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี !

” แกอย่าทำให้ฉันสับสนไปหน่อยเลย เมื่อเทียบกับอวี่เหวินแล้ว กระจกแก้วเจ็ดประการไม่ได้คุ้มค่าให้เอ่ยถึงเลย แต่ที่แกขโมยเอากระจกแก้วเจ็ดประการของฉันไป ทำไมถึงไม่ได้รับความยินยอมจากฉันก่อนล่ะ ? แกรู้ไหม ฉันอยู่ที่บ้านของท่านประธานของสมาคมอินากาวะ และต้องเผชิญกับอันตรายในชีวิต กว่าจะแลกเปลี่ยนโสมเขียวมาได้ ! “

สีหน้าหยางโปดูโกรธมาก ” แต่ทั้งหมดนี้กลับถูกมองข้าม แกรู้ไหมว่าแกกำลังทำอะไรลงไป ? “
ถ้าเป็นในอดีต หยวนเฉิงเฟยคงจะหวาดกลัวและยอมรับผิดอย่างตรงไปตรงมา เพราะเขากำลังเผชิญหน้ากับผู้ฝึกฝนตบะที่มีพลังแข็งแกร่ง สำหรับเขาแล้ว ผู้ฝึกตบะที่ทรงพลังมันยากที่จะสังหารเขาได้ด้วยมือเดียว แต่ตอนนี้เขาไม่กลัวเพราะเขามีความมั่นใจแล้ว !

หยวนเฉิงเฟยมีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และพูดว่า ” อาจารย์ลุง มันก็แค่กระจกแก้วเจ็ดประการชิ้นเดียวเท่านั้นไม่ใช่หรือไง ถ้าท่านอยากได้ ผมจะส่งคนไปแย่งชิงเอากระจกแก้วเจ็ดประการมาคืนให้

คิดว่าไง ? “

หยางโปมองหน้าหยวนเฉิงเฟย เมื่อเห็นว่าไม่มีวี่แววของความเสียใจบนใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่ต้นจนจบเขาเห็นคำพูดของเขาเหมือนลมพัดผ่านหูเท่านั้น หยางโปตกใจและโมโหขึ้นมาไม่น้อย ! หยางโปเหลือบไปมองอวี่เหวิน ก็เห็นว่าอวี่เหวินอยู่นิ่งๆ ทำราวกับว่าไม่อยากสนใจเรื่องนี้ หยางโปก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ จึงเปล่งเสียงเย้ยหยัน ยืนตรงและหันหลังเดินออกไปทันที

ลัวย่าวหัวรู้สึกค่อนข้างตกใจ เมื่อสักครู่เขาเห็นหยางโปมีทีท่าดูเหมือนว่าจะทะเลาะกับอีกฝ่ายให้ตายกันไปข้างหนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าหยางโปไม่สนใจอีกต่อไป ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกค่อนข้างตกใจ

จึงรีบเดินตามหยางโปออกไป

เมื่อเดินออกมาจากวิลล่า ลัวย่าวหัวก็เหลือบมองไปที่หยางโป และพูดอย่างโกรธๆว่า

” จริงๆเลย อวี่เหวินหักหน้ากันเกินไปแล้ว จะดีจะร้ายก็เป็นพี่น้องที่ผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน ทำไมเขาถึงได้นั่งดูลูกศิษย์ทำพฤติกรรมแบบนี้ได้กันนะ ? “

หยางโปไม่ได้ตอบอะไรแต่เดินตรงออกไปข้างนอกเลย
ลัวย่าวหัวพูดออกมาอย่างไร้ศักดิ์ศรีมากว่า ” พวกเรามาอยู่ที่นี่กันแล้ว จะไม่พักอยู่ที่นี่สักหน่อยเหรอ ? “

” ถ้านายอยากพักอยู่ที่นี่ นายก็พัก ฉันไม่มีทางพักอยู่ที่นี่หรอก ” หยางโปพูดเสียงดัง

ในขณะที่พูดดูเหมือนเขาจะหันหน้าตะโกนเข้าไปในห้อง

ลัวย่าวหัวตกใจมาก นี่ไม่เหมือนสไตล์ที่หยางโปเคยเป็น เขาเป็นคนถ่อมตน ไม่มีทางที่เขาจะทำแบบนี้ !

รอจนหยางโปเดินออกไปได้ไกลแล้ว ลัวย่าวหัวถึงจะรู้ตัว ” วันนี้นายเป็นอะไร ?

กินยามาหรือเปล่า ? “

หยางโปส่ายหน้า ” ช่างมันเถอะ พวกเราอยู่อเมริกากันไปก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ พักสักวันแล้วพรุ่งนี้พวกเราก็กลับจีนกันเถอะ “

ลัวย่าวหัวตกใจมาก “ กลับจีนพรุ่งนี้ ? ทำไมเร็วขนาดนี้ล่ะ ฉันยังไม่ได้ไปเที่ยวเล่นให้สนุกเลยนะ ! ”
“ เที่ยวเล่นสนุกอะไร ? ” หยางโปถาม

ลัวย่าวหัวยิ้ม “ เรื่องส่วนตัว ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น เราไปที่ย่านแสงสีเสียงกันมารอบหนึ่ง ฉันคิดว่าในเมื่ออยู่ที่อเมริกา ก็ควรจะไปกันสักครั้ง ไปขี่ม้าฝรั่งตัวใหญ่กัน ฮี้กับๆฮี้กับๆ นี่ก็เป็นการทำเพื่อเกียรติยศให้กับประเทศของเรา ! ”

“ ประเทศญี่ปุ่นกับพวกเรามีความบาดหมางต่อกัน แถมนายจะไปสร้างเกียรติยศให้กับประเทศอยู่ที่นั่นอีก แล้วทำไมนายถึงไม่สร้างเกียรติให้กับประเทศที่นี่เลยล่ะ ? ” หยางโปถาม

ลัวย่าวหัวหัวเราะออกมา “ ฉันจะหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความหวังให้กับประเทศบ้านเกิด

และต่อไปในภายภาคหน้า มันก็จะกระจายไปทั่วทุกสารทิศ ตอนนั้น เจงกีสข่านก็ยังทำแบบนี้ไม่ใช่หรือไง ? สายเลือดของจีน ถึงได้มีอยู่ทั่วทุกมุมโลกไง ! “

หยางโปถึงได้เข้าใจเรื่องนี้ เขาส่ายหัวเล็กน้อย “ ถ้านายไม่มีอะไรทำ คืนนี้นายก็สามารถไป

หว่านเมล็ดพันธุ์ของนายได้เลย แต่ฉันจะพักผ่อนอยู่ที่โรงแรมก่อน ”

ลัวย่าวหัวไม่สนใจมากนัก ” ก็ดี แต่นายต้องรอฉันกลับมาก่อนนะ อย่าแอบหนีกลับไปคนเดียวล่ะ “
หยางโปโบกมือ “ นายสบายใจได้ ”

ทั้งสองคนเข้าไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ลัวย่าวหัว รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรออกทันที

เขาเริ่มพูดคุยอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันมาพูดกับหยางโปคำหนึ่ง แล้วก็ออกไปทันที

หยางโปนั่งอยู่ในห้องและเงียบไปทันที
กลับมาอเมริกาครั้งนี้จุดประสงค์หลักของหยางโปคือมาพบอวี่เหวิน ตอนนี้อวี่เหวินกำลังค่อยๆฟื้นตัว เขาก็ไม่ได้มีอะไรทำมากนัก แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือ หยวนเฉิงเฟย

ในเวลาเพียงแค่สิบกว่าวันสั้นๆ เขาก็รู้สึกว่าหยวนเฉิงเฟยเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

แต่ก่อนเขาเป็นคนถ่อมตัว แต่ตอนนี้กลับหยิ่งยโสอย่างไม่ลืมหูลืมตา หยวนเฉิงเฟยคิดว่าตัวเองกลายเป็นลูกศิษย์ของอวี่เหวินแล้ว ก็สามารถทำความผิดอย่างกำเริบเสิบสานได้ แต่เขากลับไม่รู้ตัวว่า นี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น หยางโปถึงขั้นสัมผัสได้ว่าหยวนเฉิงเฟยไม่ทันได้ฝึกฝนพลังลมปราณอะไรเลย !

อันที่จริงสิ่งที่ทำให้หยางโปรู้สึกสงสัยมากที่สุดคือ ท่าทีของอวี่เหวิน เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ

อวี่เหวินกลับไม่แสดงความคิดเห็นอะไรเลย นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้หยางโปรู้สึกสงสัยมาก !

เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า การทำนายของอวี่เหวินนั้นถือว่าแม่นมาก แต่ครั้งนี้เขาออกไปข้างนอกเอง แต่กลับเกือบจะเอาชีวิตกลับมาไม่รอด มันจึงทำให้หยางโปแปลกใจมาก ก่อนที่จะพบกับเรื่องแบบนี้ หรือว่าอวี่เหวินไม่ได้ดูดวงชะตาเอาไว้ ?

ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่อวี่เหวินตามหาหญ้าเปลวไฟ หยวนต้าก็เป็นคนบอกที่ตั้ง ในระหว่างทางเสี่ยงภัยและอันตรายมากขนาดนั้น ถึงหยวนต้าจะไม่ได้พูดถึง แต่อวี่เหวินจะไม่สงสัยเลยหรือไง ?

ยิ่งหยางโปคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกสงสัย และมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้

แต่ท่าทีของอวี่เหวินทำให้เขารู้สึกค่อนข้างไม่แน่ใจ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในระหว่างนี้ ?

ครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนคืน หยางโปก็คิดไม่ออก เขาจึงนั่งขัดสมาธิและกำลังจะเริ่มฝึกพลังลมปราณ จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

” ถ้าต้องการไถ่ตัวคุณลัว ตอนนี้เชิญมาที่ถนนหมายเลข115 ถนนควีนส์โรดเดี๋ยวนี้ ! ” เสียงดังมาตามสายโทรศัพท์

หยางโปรู้สึกแปลกใจไม่น้อย “ คุณเป็นใคร ? ”
“ คุณลัวติดหนี้ผมอยู่สามแสนดอลลาร์สหรัฐ ให้เวลาคุณครึ่งชั่วโมงให้รีบมา ถ้าภายในครึ่งชั่วโมงไม่รีบมา และเกินเวลาล่ะก็… ! ” พออีกฝ่ายพูดประโยคนี้จบ ก็ตัดสายไปทันที

หยางโปตกใจมากเขาคิดไม่ถึงมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้
ลัวย่าวหัวไม่มีญาติไม่มีศัตรูในสหรัฐอเมริกา ก็เป็นธรรมดาที่หยางโปไม่กล้าแจ้งเรื่องนี้ให้พ่อแม่ของเขาที่จีนทราบ เขารีบวิ่งพรวดออกไปขว้างรถแท็กซี่และรีบไปที่ถนนควีนส์โรดทันที

เดิมที หยางโปคิดว่าสถานที่แห่งนั้นอยู่ห่างไกลมาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสถานที่ที่อยู่ใจกลางเมือง บนถนน หมายเลข115 ถนนควีนส์โรดเป็นไนต์คลับขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ไม่แปลกใจเลยที่หยางโปจะเอ่ยถึงแค่หมายเลข ยังไม่ทันได้พูดถึงอย่างอื่น แต่คนขับรถก็พาเขามาส่งที่นี่แล้ว !

หยางโปลงจากรถและก้มหน้ามองดูเวลา ยี่สิบนาทีพอดี หยางโปมองไปรอบๆ เวลานี้ลูกค้ากำลังไหลเวียนเข้ามาในไนต์คลับพอดี มีรถจำนวนมากจอดอยู่รอบๆ เขาจึงหยิบโทรศัพท์ต่อสายโทรกลับไปทันที

” ลัวย่าวหัวอยู่ไหน ? ” หยางโปถามออกมาตรงๆ
อีกฝ่ายรับโทรศัพท์และหัวเราะฮ่าๆ “ มาถึงเร็วขนาดนี้เลยเหรอ ? ดี เขาอยู่ในห้องวีไอพีที่ชั้นสอง คุณสามารถขึ้นไปหาเขาได้เลย ”

หยางโปรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ เมื่อได้ฟังน้ำเสียงของอีกฝ่าย ดูไม่เหมือนว่าเขาจะถูกจับตัวเอาไว้เลย แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของลัวย่าวหัวอยู่ดี

เมื่อเข้าไปในไนต์คลับ มีเสียงเพลงดังกระหึ่มเข้ามาในหู หยางโปกวาดตามองไปรอบๆก็เห็นว่ามีลิฟต์อยู่ด้านข้าง เขาเดินผ่านฝูงชนที่เบียดเสียดกันเดินเข้าไปในลิฟต์

ไม่นาน หยางโปก็มาถึงชั้นสอง เห็นได้ชัดว่าที่นี่เงียบมาก จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและเห็นว่าประตูห้องวีไอพีเปิดอยู่และมีเสียงร้องตะโกนดังออกมา

หยางโป เดินเข้าไป ก็เห็นลัวย่าวหัวนั่งไขว่ห้างอยู่ที่โต๊ะพนันเมื่อหันมาเห็นหยางโป เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ ดึกขนาดนี้แล้ว นายออกมาเที่ยวเล่นเหมือนกันเหรอ ! ”

ตอนที่ 896 อันไหนสำคัญ
หยางโปนั่งอยู่ในรถ เขาถือกระถางดอกไม้ไว้ในอ้อมแขน พอเหลือบมองออกไปด้านนอกก็พบว่าประตูของวัดนันเซ็นจิปิดอยู่ แต่ด้านนอกวัดนันเซ็นจิกลับมีผู้คนจำนวนมากรายล้อมอยู่ !

ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุเคยมาที่วัดนันเซ็นจิ พวกเขาเชื่อใน ซือไท่ฮุ่ยหราน แต่แค่คิดไม่ถึงว่า เบื้องหลังของซือไท่ฮุ่ยหรานจะยังมีปีศาจคอยชักใยอยู่ !

บางคนโชคดีที่ไม่ตอบตกลงรักษาโรคตามคำขอร้องของซือไท่ฮุ่ยหราน ในขณะที่คนอื่นๆ

เจ็บใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะพวกเธอเชื่อมั่นในตัวแม่ชีอย่างผิดๆ และพากันมาที่วัดนันเซ็นจิในยามวิกาล หลังจากได้สติตื่นขึ้นก็มีบางคนที่เห็นถึงความผิดปกติ แต่เพราะชื่อเสียงจึงถูกพวกเธอปกปิดเอาไว้

มีผู้คนจำนวนมากมาสักการบูชาวัดนันเซ็นจิเป็นเวลานานสิบปี แต่ตอนนี้เมื่อได้รับข่าวคราวเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าความศรัทธา และโลกทั้งใบได้พังทลายลงในพริบตา

ความรู้สึกทั้งหมดถูกระบายออกมาหมดเมื่อได้เห็นตราประทับปิดผนึกสีขาวของวัดนันเซ็นจิ !
“ ดีนะที่ฉันอยู่กับความเป็นจริง ! ”

“ ลงโทษพระมิยามะให้หนักไปเลย ลงโทษซือไท่ฮุ่ยหรานให้หนักด้วย ! ”
ทุกคนต่างก็ยืนอยู่นอกวัดนันเซ็นจิ ต่างร้องประท้วงด้วยเสียงอันดัง !
” พวกนายมองไปทางนั่นสิ ” ลัวย่าวหัวชี้ไปที่ด้านหน้าและเอ่ยขึ้น

หยางโปเงยหน้าขึ้นก็เห็นกลุ่มคนวิ่งกรูกันมาจากมุมถนนตรงหน้า พวกเขาใส่ชุดกระสอบ

ร้องไห้เสียงดัง นั่นคือครอบครัวของคนตายที่อยู่ใต้แปลงดอกไม้นั่นเอง !

” เป็นบ้าไปแล้ว ! ” ถึงแม้ลัวย่าวหัวจะเกลียดชังประเทศญี่ปุ่นมากเพียงใด แต่เมื่อต้องมาเผชิญกับโศกนาฏกรรมแบบนี้ ก็ยังรู้สึกหดหู่ใจ ! หยางโปมองออกไปด้านนอกและปัดมือ ” ช่างเถอะ พวกเราไปกันเถอะ “

รถค่อยๆขับเคลื่อนออกไปอย่างช้าๆระหว่างทางขับสวนกับรถตำรวจหลายคันที่รีบขับเข้ามา

เห็นได้ชัดว่าที่เกิดเหตุค่อนข้างวุ่นวายโกลาหล

ลัวย่าวหัวชายตามองหยางโป ” พวกเราไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม ? “
หยางโปพยักหน้า แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่ ทำไมพระมิยามะที่ผลิตยาแฝดมานานหลายปี

แต่ทำไมถึงไม่มีเบาะแสรัวไหลออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ?

แต่หยางโปก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ” เรื่องราวที่เหลืออยู่ปล่อยให้พวกเขาโต้เถียงกันไปเถอะ “
อู่อีเงยหน้าขึ้นมองหยางโป “ นายไม่อยู่รอดูเรื่องสนุกๆเหรอ ? ไม่อยากดูตอนจบของพระมิยามะ

รึไง ? ”

หยางโปส่ายหัว ” ไม่ล่ะ ฉันพอจะนึกถึงผลลัพธ์ตอนจบออกแล้ว ไม่ต้องดูก็ได้ “
อู่อีพยักหน้า ” แล้วของพวกนั้นของนายล่ะ ควรจะจัดการยังไง ? “

ของพวกนั้น ขนาดหยางโปเองยังไม่ทันไปดูรายละเอียดเลยด้วยซ้ำ เขามาคิดๆดู

” ส่งตรงไปที่ฮ่องกงเลย ฉันจะให้คนที่นั่นอยู่รอรับสินค้าเอง “

อู่อีพยักหน้า ” แบบนี้มันจะดีและยิ่งปลอดภัยกว่า “
ถึงแม้จะมีรู้สึกทำใจไม่ได้มากแค่ไหน แต่อู่อีก็ยังคงไปส่งทั้งสองคนที่สนามบินเธอจ้องมองหยางโปและมองไปที่กระถางดอกไม้ในอ้อมแขนของเขา เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามไปว่า ” ทำไมคุณถึงถือมันไว้ตลอดเวลา ส่งไม้กระถางให้ฉันเถอะ!”

หยางโปรีบยิ้มและพูดว่า ” สมบัติชิ้นนี้ ที่พ่อของเธอบอกว่าวัดนันเซ็นจิมียาอายุวัฒนะพันปี

แต่ที่นั้นกลับไม่มียาอายุวัฒนะพันปีอยู่ มีแต่พืชนี้ที่มีพลังพิเศษอยู่เท่านั้น “

อู่อีจ้องมองหยางโปด้วยความรักใคร่ หลังจากผ่านไปสักพักถึงได้ถามออกมาว่า

” นายยังจะกลับมาหาฉันไหม ? “

หยางโปมองหน้า อู่อี เห็นใบหน้าที่งดงามดูเศร้าก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า ” ไม่ต้องกังวล ฉันมาแน่ “

ลัวย่าวหัวเดินไปยืนอยู่ด้านข้าง มองดูคนทั้งสองคนโดยไม่พูดอะไร
หลังจากผ่านไปสักพัก หยางโปถึงได้เดินเข้าไปในสนามบินพร้อมด้วยลัวย่าวหัว

ลัวย่าวหัวหันมามองหยางโป ” นายยังจะกลับมาอีกเหรอ ? “
หยางโปนิ่งเงียบไป “ อาจจะมา ! ”

” น่าจะมีโอกาสอยู่ ” ลัวย่าวหัวกล่าว

หยางโปไม่ได้พูดอะไร เขามองไปที่สนามบิน ” ไม่รู้ว่าที่อเมริกาเกิดอะไรขึ้นบ้าง ! “
เมื่อเครื่องบินลงจอด หยวนเฉิงเฟยก็ได้ส่งคนมารับหยางโปทั้งสองคนจนมาถึงบ้านพัก

หยางโปถึงได้พบกับอวี่เหวิน

อวี่เหวินสวมชุดถังจวงสีขาว เส้นผมดูเป็นสีเทาจางๆ ดูเหมือนว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้ว

ขณะที่หยวนเฉิงเฟยลูกศิษย์ยืนอยู่ข้างๆเขา

“ ดูเหมือนว่าเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ นายจะตกอยู่ในห้วงแห่งความรักนะ ! ” ทันทีที่เจอหน้าหยางโป อวี่เหวินก็อดที่จะแซวไม่ได้

หยางโปนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง และรู้สึกตกใจไม่น้อย แต่ลัวย่าวหัวก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า

” คุณมีสายตาที่ดีมากจริงๆ ช่วยผมดูหน่อยสิ ว่าผมมีโชคในเรื่องความรักบ้างหรือเปล่า ? “

อวี่เหวินหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “ หยางโปแก้มแดง หน้าผากชมพู มันคืออาการของคนตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก ยิ่งไปกว่านั้นพวกนายไปประเทศญี่ปุ่นกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้น ฉันดูออกนานแล้ว ว่าสาวน้อยคนนั้นมีใจให้กับหยางโป ! ”

ลัวย่าวหัวยกนิ้วหัวแม่มือให้ ” ช่างเก่งกาจจริงๆ ! “
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ลัวย่าวหัว ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองไปทางข้างกายอวี่เหวิน

อวี่เหวินหัวเราะ “ คุณเหรอ ไม่ต้องดูหรอก ปีนี้คุณไม่มีโชคในเรื่องความรัก น่าจะไม่มีความเป็นไปได้ จมูกของคุณโด่งมาก คิ้วขมวด แค่ดูก็ดุเหมือนเสือ ดังนั้นคุณจึงไม่มีทางตกอยู่ในห้วงแห่งความรักได้ ”

เมื่อลัวย่าวหัวได้ยินคำพูดนี้ ก็ตกตะลึงไปทันที เขาเป็นคนเจ้าชู้ มีหรือที่จะคิดถึงว่าจุดที่ตัวเองชำนาญที่สุดจะมีปัญหา หรือเขาจะต้องมาเป็นคนรักเดียวใจเดียวขึ้นจริงๆแล้ว ?

หยางโปมองอวี่เหวินอย่างพินิจพิเคราะห์ เมื่อเห็นว่าเส้นผมหงอกของเขาเปลี่ยนสี น่าจะเกิดจากการฟื้นฟูร่างกายในช่วงนี้ ” ก่อนหน้านี้ผมได้รับโสมคนมาบางส่วน และส่งมาให้ คุณได้รับแล้วหรือยัง ? “

อวี่เหวินพยักหน้า ” ได้รับแล้ว ขอบคุณมาก ต่อจากนี้ ถ้ายาบำรุงพวกนี้ไม่พอใช้ นายก็ไม่ต้องเก็บรวบรวมให้อีกแล้ว “

หยางโปพยักหน้า เพราะเขาสัมผัสได้ว่าสภาพร่างกายของอวี่เหวินฟื้นกลับมามีชีวิตชีวามากแล้ว ตอนนี้เขาเพียงแค่ฝึกฝนฟื้นฟูตบะกลับมาใหม่ ก็น่าจะหายเป็นปกติแล้ว แต่หลังจากผ่านประสบการณ์กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ เกรงว่าต่อไปในภายภาคหน้าอวี่เหวินคงจะก้าวหน้าได้ยากแล้ว

“ ตอนนี้มียาอะไรที่พอจะรักษาอาการของคุณได้บ้าง ? ” หยางโปถาม
อวี่เหวินส่ายหัว “ ถ้ามี กลัวว่ามันจะไม่มีอยู่ในโลกใบนี้น่ะสิ นายไม่ต้องมาสนใจเรื่องของฉัน

ฉันจัดการมันเองได้ ”

“ เดิมทีฉันคิดว่าพวกนายจะกลับประเทศจีนไปเลย มาตอนนี้คิดที่จะกลับมาทำอะไรอีกล่ะ ? ”

อวี่เหวินถาม

หยางโปลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหยวนเฉิงเฟย ” ผมมาเอากระจกแก้วเจ็ดประการ ” หยวนเฉิงเฟยตกใจจนใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ทำหน้าเหยเก กุมมือขึ้นและเอ่ยออกมาว่า

” อาจารย์ลุง เรื่องของกระจกแก้วเจ็ดประการ อันที่จริงเป็นความผิดของผมเอง ผมขอยอมรับผิดอย่างจริงใจต่อท่าน หวังว่าท่านจะให้อภัยผม ! “

หยางโปจ้องมองหยวนเฉิงเฟยด้วยสายตาลุกวาวราวกับไฟ ” นายผิดไปแล้วงั้นเหรอ ? แล้วทำไมนายถึงผิดไปได้ล่ะ ? “

หยวนเฉิงเฟยตกตะลึง ชำเลืองมองไปที่อวี่เหวิน เมื่อเห็นว่าอวี่เหวินไม่ได้ขยับเขยื้อน

เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดต่อไปว่า ” อาจารย์ลุง ผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีลูกศิษย์ลูกหาอยู่เต็มไปหมด ผมต้องการรักษาโรคของอาจารย์ให้หายโดยเร็วที่สุด ในช่วงไม่กี่วันที่คุณไม่อยู่

อาจารย์ป่วยหนักมากถ้าหากรักษาไม่ทันเวลา อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ! “

หยางโปส่ายหัวช้าๆ ” อาการของเขา ฉันรู้ดี และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแข่งกับเวลาเช่นกัน “
“ อาจารย์ลุงเล็ก ผมไม่เข้าใจ การช่วยชีวิตอาจารย์สำคัญหรือว่ากระจกแก้วเจ็ดประการของท่านสำคัญกว่ากันแน่ ! ” จู่ๆหยวนเฉิงเฟยก็ตะคอกเสียงดังออกมา

หยางโปตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาจ้องมองหยวนเฉิงเฟย ที่มีสีหน้าท่าทางที่เรียบเฉย ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขยะแขยงมากขึ้น เขาจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและเฉียบขาด ” ตอนนี้ฉันกำลังพูดถึงพฤติกรรมของหัวขโมยอยู่ ! “

อวี่เหวิน นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดว่าอะไร

ตอนที่ 895 เกิดเรื่องราวบานปลายใหญ่โต
เมื่อตอนที่หยางโปเดินผ่านแปลงดอกไม้ ดูเหมือนจะได้กลิ่นแปลกๆ แต่เพราะเขารีบขนย้ายข้าวของ เลยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่ในเวลานี้หลังจากที่ ไอซ์โกะฟุคุดะเตือนสติ เขาจึงมองไปทันที ก็พบว่ามีความผิดปกติอยู่ในแปลงดอกไม้ !

” ทั้งหมดนี้เขาทำใช่ไหม ? ” หยางโปถาม
ไอซ์โกะฟุคุดะหันมามองหน้าหยางโป ” คุณรู้ ? “

” ผมได้กลิ่น ” หยางโปตอบ เขารู้สึกตกใจแต่พูดออกมาไม่ได้ เขาเห็นความผิดปกติของเนินดินแล้ว !
ไอซ์โกะฟุคุดะพยักหน้า ” เขาเป็นคนทำขึ้นมาเขามันเป็นสัตว์ร้าย ! “

หยางโปเหมือนจะได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจดังเข้ามาอย่างริบหรี่ เขาจึงชำเลืองมอง

ไอซ์โกะฟุคุดะ “ ถ้าอย่างนั้นคุณก็อยู่ที่นี่ต่อเถอะ ! ”

พอพูดจบ หยางโปก็ดึงอู่อีเดินออกไปจากที่นี่
เมื่อเดินออกมาอยู่นอกประตูและขึ้นมานั่งในรถแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบ อู่อีก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่มาก เพราะเธอไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และยังไม่รู้อีกว่าที่พวกเขาพูดถึงกันอยู่นั้นมันเรื่องอะไรกันแน่ เห็นเพียงเบาะแสบางอย่างจากกองสมบัติมหาศาลนี้เท่านั้น

แต่อู่อีกลับไม่ได้เอ่ยปากถาม เธอเพียงแต่ถามไปว่า ” คุณต้องการให้ฉันทำอะไร ? “
หยางโปหันไปมองหน้าอู่อี ” ลัวย่าวหัวถูกจับตัวไปแล้ว ช่วยผมประกันตัวเขาออกมาหน่อย “
อู่อีพยักหน้า ” ได้ “

อู่อีตอบตกลงทันที จากนั้นก็ต่อสายโทรออก ไม่นานก็ได้ตำแหน่งมาอย่างรวดเร็วเธอจึงหันมาพูดกับหยางโปว่า “ พวกเราไปรับตัวเขาที่หน้าสถานีตำรวจ ”

หยางโปพยักหน้า เขานึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อตอนสักครู่ แต่ก็ยังรู้สึกยากที่จะเชื่อ เขาคิดไม่ถึงมาก่อนว่า พระมิยามะจะบ้าคลั่งขนาดนี้ ! ในลานวัดที่ห่างไกลจากสายตาของผู้คน ภายใต้ดอกไม้แสนสวย จะมีโครงกระดูกและซากศพของมนุษย์ฝังอยู่เป็นจำนวนมาก !

หยางโปถึงขั้นเห็นเลยว่าดอกไม้เหล่านั้นไม่ได้เติบโตมาตามธรรมชาติ แต่ถูกปลูกถ่ายมา !

หยางโปส่ายหัวพยายามทำให้ตัวเองลืมเหตุการณ์ในตอนนั้น

อู่อีเหลือบมองไปที่หยางโป ” คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ? “
หยางโปส่ายหน้า “ ไม่เป็นไร ทานิกาวะแค่ได้ยินข่าวลือมาจริงๆใช่ไหม ? เขาไม่มีหลักฐานเลยสักนิดจริงๆใช่ไหม ? ”

อู่อีมีความลังเลเล็กน้อย “ เท่าที่ฉันรู้มา วัดนันเซ็นจิยังมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ที่มีชื่อเสียงอยู่ที่สุดคือการไปขอบุตรที่วัดนันเซ็นจิได้ผลมาก ได้ยินมาว่าเมื่อหลายคนไปขอบุตร ต่างก็ตั้งครรภ์กันหมด ”

หยางโปตะลึงนิ่งเงียบ เหลือบมองอู่อี “ บางครั้งเรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรที่จะไปหลงเชื่อ ถ้าภายภาคหน้าคุณต้องการขอบุตรก็อย่าได้เที่ยวไปขอที่พระนะ ”

อู่อีหันไปมองหน้าหยางโป ” คุณอินมากไปใช่ไหม ! “
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น ทั้งสองก็มาถึงหน้าสถานีตำรวจแล้ว

หลังจากนั่งรออยู่ได้สักพัก หยางโปก็เห็นลัวย่าวหัว เดินออกมาพร้อมกับทนายความ
เมื่อลดหน้าต่างรถลง หยางโปก็โบกมือให้ลัวย่าวหัว เขาจึบรีบวิ่งมาหา “ นายนี่มันไร้คุณธรรมจริงๆ ตัวเองวิ่งหนีไปก่อน ปล่อยให้ฉันอยู่ในที่เกิดเหตุคนเดียว และยังมาถูกจับตัวไปอีก แบบนี้เรายังจะไปด้วยกันได้อีกไหม ? ”

หยางโปยิ้ม “ นายดูสิ ฉันไปหาคนช่วยมาแล้วไม่ใช่หรือไง ? ”
“ ทำไมนายไม่ให้ฉันไม่หาคนช่วยมาล่ะ ? ” ลัวย่าวหัวพลางยิ้มพลางพูด เขาก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจมาก แค่ล้อเล่นเท่านั้น

” ดึกมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมกันก่อน ” หยางโปพูด จากนั้นก็หันไปมองอู่อี

” วันนี้ขอบคุณมากๆนะ “

อู่อีส่ายหน้า ” ถ้าคุณยังเกรงใจแบบนี้อีก ครั้งหน้าถ้ามีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องมาหาฉัน “
หยางโปรีบโบกมือทันที “ ถ้างั้นก็ไม่เกรงใจแล้ว ดึกมากแล้วคุณก็ควรกลับไปพักผ่อนได้แล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรพรุ่งนี้เราค่อยมาคุยกันอีกที ”

อู่อีส่ายหน้า ” ฉันก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรทำคืนนี้ฉันจะไปนอนเป็นเพื่อนพวกคุณที่โรงแรมก็แล้วกัน เพราะยังไงซะพวกคุณก็จะจากไปแล้ว ฉันเป็นเจ้าบ้านถือว่าไปอยู่เป็นเพื่อนพวกคุณก็แล้วกัน ! “

ลัวย่าวหัวเหลือบมองหน้าหยางโป “ ดีเลย ฉันก็รู้สึกว่าอยู่ประเทศญี่ปุ่น ไม่ค่อยคุ้นเคยสักเท่าไหร่ แต่ถ้ามีคุณมาอยู่เป็นเพื่อนก็ดีขึ้นมาก ! ”

อู่อีหลุดหัวเราะออกมา
หยางโปก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี จึงไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้อีก

จากนั้นไม่นาน กลุ่มของพวกเขาก็เข้าโรงแรมกันมา ตอนนี้เวลาตีสามแล้ว ทุกคนไม่ได้พูดอะไรกันมากต่างแยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมันเพื่อล้างเนื้อล้างตัวและพักผ่อน

หยางโปนั่งฝึกฝนตบะทั้งคืนเลยรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เขาเปิดดูโทรทัศน์ตั้งแต่เช้าตรู่

และเห็นข่าวใหม่ล่าสุดกำลังรายงานอยู่ในโทรทัศน์

” ตามที่โฆษกของสำนักงานตำรวจโตเกียวรายงาน หลังจากที่เมื่อคืนได้รับแจ้งว่ามีคดีฆาตกรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รีบรุดหน้าไปที่เกิดเหตุ และทำการปิดสกัดกั้นถนนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหลังจากเข้าไปในบ้านพักส่วนตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ามีผู้หญิงเพียงคนเดียวอยู่ด้านใน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปควบคุมตัวผู้หญิงคนนั้นทันที และตามที่ผู้หญิงคนนั้นร้องเรียนมา

ได้ทำการขุดค้นสวนดอกไม้ของบ้านที่อยู่อาศัยและพบศพในสวนดอกไม้สิบกว่าศพ ! “

” ตามคำสารภาพของหญิงคนนี้ทั้งหมดถูกเจ้าอาวาสวัดนันเซ็นจิสังหาร… แต่ก่อนหน้านี้ตำรวจได้รับแจ้งความและได้จับกุมผู้ต้องสงสัยในข้อหาพยายามข่มขืน ขณะนี้คดีความอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีต่อไป… “

หยางโปดูโทรทัศน์ มองไปที่รูปร่างที่คุ้นเคย ไอซ์โกะฟุคุดะถูกจับกุมตัว ถ้ามองตามสภาพการณ์ของเธอแล้ว หยางโปกล้ายืนยันเลยว่า เธอจะต้องยอมรับสารภาพว่าฆ่าคนอย่างแน่นอน !

ในเวลานี้ ประตูห้องก็ถูกเคาะอย่างแรง
หยางโปขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยเขารู้ว่า น่าจะเป็นลัวย่าวหัวที่มาเคาะประตูเขาจึงเดินไปเปิดประตูให้ และก็เป็นไปตามที่คาดไว้ เห็นลัวย่าวยืนอยู่นอกประตูจริงๆ

ลัวย่าวหัวแทบรอไม่ไหวจ้องไปที่หยางโปเขม็ง แล้วถามว่า ” เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? “
หยางโปหันหลังเดินกลับไปที่ห้อง ” นายนั่งลง ฉันจะเล่าให้ฟังช้าๆ “

รอจนลัวย่าวหัวนั่งลง หยางโปก็รินน้ำให้เขาหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ได้เล่าเรื่องให้เขาฟัง

ลัวย่าวหัวตกใจมากและลุกขึ้นยืน ” มิยามะ… พระมิยามะทำไมโหดเหี้ยมขนาดนี้ ? “

หยางโปชำเลืองมองไปที่ ลัวย่าวหัว ” นายน่าจะดูข่าวมาแล้วใช่ไหม ? “
ลัวย่าวหัวพยักหน้า “ ตอนเช้าๆแบบนี้ยิ่งคิดยิ่งนอนไม่หลับ ฉันเลยไปเปิดทีวีดู เดิมทียังคิดที่จะหาช่องที่ฉายหนังรักแอคชั่น แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นข่าวนี้ “

” พวกเรามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คงไม่ถูกจับตัวเอาไว้ใช่ไหม ? ” ลัวย่าวหัวถาม
หยางโปยิ้มและส่ายหน้า ” นายสบายใจได้ไม่มีอะไรหรอก มีคนตัดสินใจแล้วว่าจะตายไม่มีทางมาเกี่ยวข้องกับพวกเราหรอก ! “

ในระหว่างที่กินข้าวเช้าด้วยกันอยู่นั้น อู่อีได้เหลือบมองมาที่หยางโปด้วยสายตาแปลกๆ
จนกระทั่งกินข้าวเช้ากันเสร็จแล้ว อู่อีจึงเอ่ยถามออกมาว่า ” เมื่อคืนคุณรู้ใช่ไหมว่ามีอะไรอยู่ในแปลงดอกไม้ ? “

หยางโปพยักหน้า ” ผมรู้ “
อู่อีส่ายหน้า “ คิดไม่ถึงว่า คุณจะรู้มากขนาดนี้ ? ”

หยางโปส่ายหัว ” ที่ผมรู้มีไม่มาก แค่มากกว่าคนอื่นนิดหน่อย “
อู่อีมองไปที่หยางโป ” เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่แล้ว ดังนั้นคนในประเทศญี่ปุ่นทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว “

หยางโปพยักหน้า ” แน่นอนผมรู้ดีว่ามีการการทำเรื่องบัดสีขึ้นที่นั้น กำจัดมันออกไปยิ่งเร็วเท่าไหร่มันก็จะยิ่งเป็นการดีต่อทุกคน ! “

อันที่จริงเรื่องราวที่เป็นข่าวใหญ่โตแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวที่ตำรวจค้นพบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งในห้องหนังสือ จึงมีการกระจายข่าวกันออกมาอย่างรวดเร็วแม้ว่ายังจะไม่ได้รับหลักฐานยืนยันจากตำรวจ แต่ผู้หญิงที่มาสวดมนต์ไหว้พระขอพรที่วัดนันเซ็นจิ ต่างก็ถูกสงสัยไปกันหมด !

วัดนันเซ็นจิถูกปิดตาย แต่ก็ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในละแวกนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะทุกคนต่างก็อยากจะเข้ามาเยี่ยมชม !

ตอนที่ 894 ดอกไม้ที่งดงาม

ไอซ์โกะฟุคุดะเหลือบมองหยางโป ” จำสัญญาของคุณไว้ให้ดี ! “
หยางโปพยักหน้าเมื่อเห็นไอซ์โกะฟุคุดะหยิบกุญแจออกมาจากเอวของ ชินโกะแล้วสาวเท้าก้าวยาวๆเดินเข้าไปในห้อง

บ้านหลังนี้ถ้ามองจากภายนอกดูไม่ใหญ่โตมากนัก แต่เมื่อเดินเข้าไปจริงๆก็จะพบว่าภายในบ้านมีขนาดไม่เล็กเลยทีเดียว มีห้องด้านข้างอยู่ทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเรียงขนาบกัน

ไอซ์โกะฟุคุดะหยิบกุญแจเปิดห้องทางปีกตะวันออก จากนั้นก็ชี้เข้าไปด้านใน ” ที่นี่ ! “

หยางโปรีบเดินตามเข้าไปในห้องทางปีกตะวันออก หยางโปตกใจมากเพราะห้องทางปีกตะวันออกที่ดูจากภายนอกแล้วไม่โดดเด่นสะดุดตา ด้านในกลับกลายเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ เพราะได้ใช้กระจกที่อุณหภูมิคงที่ปกปิดโบราณวัตถุที่แปลกและล้ำค่าเอาไว้ !

ที่นี่มีเครื่องลายครามจีน งาช้างแกะสลักของแอฟริกัน มีเครื่องปั้นดินเผาบาบิโลนและภาพวาดพู่กันของยุโรป แม้ว่าจะมีปริมาณไม่มาก แต่ทั้งหมดก็เป็นของล้ำค่าที่ยอดเยี่ยมมาก !

หยางโปเดินไปรอบๆ และเงยหน้าขึ้นมองไอซ์โกะฟุคุดะ ” นี่เป็นข้าวของที่พระมิยามะเก็บสะสมไว้ทั้งหมดใช่ไหม ? “

ไอซ์โกะฟุคุดะจ้องมองไปที่ด้านในไม่วางตาและเอ่ยปากพูดออกมาว่า ” แต่ก่อนกุญแจชุดนี้ฉันเป็นคนดูแลและเก็บรักษาไว้ แต่ต่อมามิยามะไม่ไว้ใจฉัน “

หยางโปกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ จึงพูดอย่างรวดเร็วว่า “ ไอซ์โกะคุณสามารถมั่นใจได้เลยว่า

แค่สามารถนำกุญแจชุดนี้ออกมาได้ ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งล้านดอลลาร์เลย ต่อให้เป็นเงิน 10 ล้านดอลลาร์ ผมก็จะเตรียมไว้ให้คุณอย่างดี ! ”

ไอซ์โกะฟุคุดะมองไปที่หยางโปและส่ายหัวเล็กน้อย “ นี่เป็นของสะสม มากว่า 20 ปีของมิยามะ เขาใช้เงินส่วนใหญ่ซื้อสมบัติในคลังนี้มา ! ”

หยางโปเกิดอาการลังเลใจเล็กน้อย ” ผมต้องการหาคนมาช่วย “
ไอซ์โกะฟุคุดะพยักหน้า

หยางโปหยิบโทรศัพท์ออกมา ถ้าพูดกันด้วยเหตุผล เรื่องแบบนี้ เขาจะไม่มีวันยอมปล่อยให้คนอื่นมายุ่ง แต่สิ่งของเหล่านี้มันมีค่ามากเกินไปในแง่มุมความสามารถของเขามันเป็นไปไม่ได้ที่จะนำมันออกไปได้ทั้งหมด จึงทำได้แค่ขอร้องให้อู่อีช่วยเหลือ

หยางโปจึงต่อสายโทรหา อู่อีและพูดคุยกันสั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องทางนี้และขอให้เธอส่งคนมาให้
อู่อีไม่ได้ถามอะไรมาก หลังจากขอที่อยู่อย่างชัดเจน ก็พูดออกมมาตรงๆว่า ” ฉันจะพาคนไปที่เกิดเหตุเดี๋ยวนี้ “

ไอซ์โกะฟุคุดะไม่สนใจ เธอพาหยางโปไปที่ห้องทางทิศตะวันออกต่อ ห้องทางทิศตะวันออกดูค่อนข้างว่างเปล่า ด้านในมีเพียงโต๊ะทำงานและชั้นหนังสืออย่างละตัว หยางโปคิดว่าคงไม่มีอะไรอยู่ที่นี่ จึงหันตัวและเดินออกไป

ไอซ์โกะฟุคุดะกลับยืนอยู่หน้าชั้นหนังสืออย่างไม่ลังเลจากนั้นก็ได้หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา
หยางโปตกใจมาก หรือว่าจะมีอุโมงค์ลับอยู่ด้านหลังชั้นหนังสือ ?

คิดไม่ถึงว่าพอ ไอซ์โกะฟุคุดะหยิบหนังสือขึ้นมา ก็โยนมันลงบนโต๊ะอย่างแรง ” ไอ้สัตว์นรก ! ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ! “

หยางโปจึงเดินเข้าไปดู นี่มันเป็นสมุดบันทึกที่จดรหัสผ่านไว้ แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ
ไอซ์โกะฟุคุดะหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้ง จากนั้นจึงทำการเปิดรหัสอย่างรวดเร็ว พลิกหน้าหนังสือออก และนำไปวางไว้บนโต๊ะ ” คุณดูสิเขาทำอะไรมาบ้าง ? “

หยางโปรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ จึงก้าวไปข้างหน้าและพลิกหนังสือออกมาหน้าหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีเส้นผมเส้นหนึ่งร่วงหล่นตกลงมาต่อหน้า จากนั้นเขาก็เห็นโน้ตเขียนระบุไว้บนบันทึกว่า ” วันที่3 เดือนกันยายน วันที่ท้องฟ้าสดใสและปลอดโปร่ง คุณฮุ่ยจื่อรูปร่างสมส่วนดีเยี่ยม สาเหตุเพราะสามีมีบุตรยาก จึงมาทำการรักษา นี่เป็นการหว่านเมล็ดครั้งที่สองหวังว่ายังจะมีครั้งที่สาม “

หยางโปเห็นว่ามีเส้นผมสีดำบนโฟลเดอร์ของสมุดบันทึกอยู่เส้นหนึ่ง ดูคดงอ เขาจึงดูด้วยความสงสัย

” คุณรู้ไหมว่านี่คืออะไร ? ” ไอซ์โกะฟุคุดะดูค่อนข้างหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ” ทุกครั้งที่มิยามะทำเรื่องเลวร้ายก็มักจะเก็บเส้น…ของผู้หญิงไว้ทุกครั้ง เขามีสมุดบันทึกแบบนี้อยู่สองเล่ม ! “

หยางโปตกใจมาก รีบโยนสมุดบันทึกในมือทันที “ เขายังมีงานอดิเรกแบบนี้อยู่อีกเหรอ ? ”

ไอซ์โกะฟุคุดะยังคงโกรธมาก “ นึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เขาขืนใจฉัน หลายปีที่ฉันทำดีกับเขา

ช่วยหาผู้หญิงมาให้เขา ช่วยเขาดูแลบ้าน คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังทรยศฉัน ! ”

เมื่อหยางโปฟังที่ไอซ์โกะฟุคุดะพูด ก็รู้สึกแปลกใจปนสงสัยอยู่ไม่น้อย เขาเดาไว้ก่อนหน้านี้ว่าความเกลียดชังของ ไอซ์โกะฟุคุดะคงเกิดมาจากความรัก ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไม !

แต่ หยางโปก็ยังคงรังเกียจความอุบาทของพระมิยามะอยู่ดี ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะทำเรื่องแบบนี้ได้ !

ไอซ์โกะฟุคุดะระบายความในใจออกมา และดึงหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากใต้ชั้นหนังสือ จึงเผยให้เห็นตู้เซฟที่อยู่ด้านใน เธอกดรหัสเปิดตู้เซฟทันที มีทองคำแท่งซ่อนอยู่ข้างในกองหนึ่ง !

ไอซ์โกะฟุคุดะหันมามองหน้าหยางโป “ พระมิยามะทำเงินได้มากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ส่วนใหญ่ก็ถูกเขาเผาผลาญไปโดยเปล่าประโยชน์ ”

หยางโปรู้สึกว่าตัวเองตกใจเป็นอย่างมาก “ นี่มันเยอะมาก ถ้าวันนี้เอาของพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงิน มันคงเพียงพอให้คุณไปใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอเมริกาได้อย่างแน่นอน คุณเชื่อใจได้

ตอนที่คุณติดต่อผมไป ผมจะเอาส่วนแบ่งที่คุณควรจะได้ให้แน่นอน ! ”

ไอซ์โกะฟุคุดะเงยหน้าขึ้นมอง หยางโป “ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงเชื่อใจคุณ แต่ฉันคิดว่าคุณน่าเชื่อถือมาก ถ้ามิยามะเข้าไปอยู่ในคุก เขาจะไม่มีทางปล่อยฉันไปแน่ ดังนั้นอาจเป็นไปได้ที่ฉันจะออกไปจากนี้ไม่ได้อีก ”

หยางโปนิ่งอึ้งไปสักพัก และค่อนข้างสงสัย “ หมายความว่ายังไง ? ”
ไอซ์โกะฟุคุดะมองหน้าหยางโป ” คุณอย่าถามมากความ รีบย้ายทุกอย่างออกไปเร็วเข้า ! “

พอพูดจบ ไอซ์โกะฟุคุดะก็หันหลังเดินออกไป
หยางโปรีบตามไปถึงแค่นอกประตู ก็เห็นว่าไอซ์โกะฟุคุดะเข้าไปในห้องหลักแล้ว เขาจึงไม่สนใจและติดต่อหาอู่อีอีกครั้ง

เนื่องจากระยะทางค่อนข้างไกล อู่อีจึงต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงถึงจะมาถึงที่นี่

เมื่อเป็นอย่างนั้นเธอจึงสั่งให้คนจากสมาคมทานิกาวะที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นให้มาก่อนล่วงหน้า

เมื่อหยางโปเห็นคนมา ก็สั่งให้พวกเขาขนย้ายข้าวของทั้งหมดไปใส่ในรถ โชคดีที่ของพวกนี้มีมูลค่ามาก แต่มีจำนวนไม่ใหญ่มาก รอจนอู่อีมาถึง พวกเขาก็เกือบจะบรรจุของเสร็จหมดแล้ว

อู่อีมองหน้าหยางโปด้วยสงสัย ” พวกคุณยังไม่ไปกันอีกเหรอ ? “
หยางโปพยักหน้า “ ก็เพราะหญ้ามงคลพันปีนะสิ ? ”

อู่อีเบิกตาโต “ คุณเชื่อจริงๆเหรอ ? นี่มันเป็นเพียงตำนานเท่านั้น มันก็แค่ข่าวลือที่ได้ยินมาของท่านประธานเท่านั้น คุณเชื่อจริงๆเหรอ ? ”

หยางโปถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว ” อะไรนะ ? ข่าวลือที่ได้ยินมา ? “
อู่อีอ้าปากรู้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อคุย “ ข้าวของพวกนี้มาจากไหนกัน ? ”

เมื่อหยางโปเห็นท่าทีแบบนี้ของอู่อี ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าต่อไปเขายังจะต้องรบกวน

สมาคมอินากาวะอยู่ เมื่อเป็นแบบนี้เขาจึงไม่ได้เซ้าซี้ “ ช่วยผมขนของทั้งหมดนี้ออกไปก็พอแล้ว ”

พอพูดจบ หยางโปก็เดินไปทางห้องโถงใหญ่
เมื่อเข้ามาในห้องโถงใหญ่ หยางโปก็เห็นว่า ไอซ์โกะฟุคุดะนั่งอยู่บนโซฟา แลดูค่อนข้างเศร้าโศก

” ตอนนี้ไปกันได้แล้ว ” หยางโปกล่าว
ไอซ์โกะฟุคุดะดูเหมือนจะไม่ได้ยินหลังจากนั้นไม่นานเธอก็เงยหน้าขึ้นและมองมาทางหยางโป

“ ฉันโทรหาตำรวจแล้ว ”

หยางโปตะลึงนิ่งอึ้ง ” แจ้งความ ? “
ไอซ์โกะฟุคุดะพยักหน้า ” ฉันคิดว่าฉันควรจะอยู่ที่นี่ดีกว่าฉันอยากอยู่เป็นเพื่อนมิยามะ และไปอยู่เป็นเพื่อนเขา “

หยางโปมองหน้าไอซ์โกะฟุคุดะ ” นี่หมายความว่ายังไง ? “
ไอซ์โกะฟุคุดะเงยหน้าขึ้นมอง ” คุณดูสิ ข้างนอกดวงดาวสวยงามมากใช่ไหม ? ดอกไม้ที่แปลงดอกไม้ข้างนอกก็สวยมากใช่ไหม ? “

หยางโปรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ เขาจึงหันหน้ามองออกไปด้านนอก เวลานี้เป็นฤดูใบไม้ผลิอากาศหนาวเย็น แต่ดอกไม้ในสวนกลับเต็มไปด้วยดอกไม้สด ดอกไม้พวกนั้นสวยงามราวกับไฟ !

เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ หยางโปถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขาตกใจและนิ่งอึ้งไปเลยทีเดียว !

ตอนที่ 893 หญ้ายาแฝด

ไอซ์โกะฟุคุดะลังเลอยู่เล็กน้อย ” ดูเหมือนเขาจะชอบบอนไซมาก “
“ บอนไซ ? ” หยางโปใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที “ กระถางไหน ? ”

ไอซ์โกะฟุคุดะเดินไปที่ระเบียงและชี้ไปที่กระถางบอนไซหนึ่งที่ดูไม่โดดเด่นและเอ่ยออกมาว่า

” นั้นไง “

หยางโปเดินเข้าไปก็เจอต้นหญ้าบ้างชนิดที่ปลูกอยู่ในกระถางที่ดูไม่สะดุดตามากนัก สูงไม่เกิน 20 เซนติเมตร แต่เมื่อมองดูดีๆก็จะพบว่าเป็นหญ้าที่เขียวชอุ่ม เจ้าของน่าจะรักและดูแลมันบ่อยๆ

” หญ้าชนิดนี้ชื่อว่าอะไร ? ” หยางโปถาม
ไอซ์โกะฟุคุดะส่ายหน้า “ ฉันก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าเขาชอบหญ้าชนิดนี้มากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นเขามักจะเด็ดใบมันมาตากแห้งและนำไปเก็บไว้ ฉันเคยถามเขาว่ามันคืออะไร ดูเหมือนเขาจะบอกฉันว่ามันเรียกว่า หญ้ายาแฝด ! ”

หยางโปตัวสั่นไปทั้งตัว เขาจ้องมองไปที่หญ้ายาแฝด และแล้วก็มีแสงสว่างวาบผ่านตาเข้าไป

เขาสามารถมองเห็นได้ว่า ดูเหมือนจะมีการขับเคลื่อนของพลังลมปราณตรงบริเวณปลายขอบของใบหญ้ายาแฝด พลังลมปราณนี้เคลื่อนไหวได้บอบบางมากมันยากที่จะตรวจจับได้ !

สิ่งที่เรียกว่า ยาลมปราณพันปี มันน่าจะเป็นหญ้ายาแฝดประเภทนี้ !

หยางโปจ้องไปหญ้ายาแฝดที่อยู่ตรงหน้า ด้วยความรู้สึกที่ผิดหวังเล็กน้อย แต่เดิมเขาคิดว่ามันจะเป็นสมุนไพรที่มีค่ามาก และอาจเป็นตัวช่วยในการฝึกฝนตบะของเขาให้บรรลุไปถึงอีกขั้นได้

แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นหญ้ายาแฝด

แต่ เมื่อนึกถึงวิทยายุทธของพระมิยามะ หยางโปก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง เขาน่าจะคิดถึงจุดนี้นานแล้ว ถ้าที่นี่มีหญ้ามงคลพันปีอยู่จริง ถ้าเป็นอย่างนั้น คงรับมือกับพระมิยามะได้ไม่ง่ายแน่ๆ !

หยางโปดึงหญ้ายาแฝดขึ้น จากนั้นก็เดินออกไป
แต่ไอซ์โกะฟุคุดะกลับหยุดเขาไว้ “ ฉันรู้ว่าพระมิยามะมีสมบัติซ่อนอยู่ที่หนึ่ง ฉันสามารถพาคุณไปยังสถานที่แห่งนั้นได้ ! ”

หยางโปแปลกใจมาก เขามองออกไปข้างนอก ตอนนี้รถตำรวจมาถึงหน้าประตูแล้ว ” เกรงว่ามันจะสายเกินไปแล้ว “

ไอซ์โกะฟุคุดะส่ายหน้า ” อยู่ใกล้ๆนี่เอง ถ้าคุณสัญญากับฉันว่าจะให้เงินฉันหนึ่งล้านดอลลาร์หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ ฉันจะพาคุณไปที่นั่น ! “

หยางโปมองไปที่ไอซ์โกะฟุคุดะและเกิดความรู้สึกลังเลใจเล็กน้อย อันที่จริงเขาก็ไม่ได้เต็มใจที่จะเสี่ยงอันตรายแบบนี้ เพราะยังไงซะมิยามะก็เห็นเขาแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะต้องเจอกับเหตุการณ์อะไร

” ที่นั่นมีโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมจีนมากมาย ” เมื่อไอซ์โกะฟุคุดะเห็น หยางโปมีอาการลังเลใจ จึงตัดสินใจที่จะเอ่ยปากพูดออกมา

หยางโปอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองไอซ์โกะ เขาจ้องมองไปที่อีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเหมือนไม่ได้พูดโกหก ” ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันตอนนี้เลย ! “

ไอซ์โกะฟุคุดะเผยรอยยิ้มออกมา ” คุณมั่นใจได้เลยว่า สมบัติชิ้นนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน ! “

ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ทั้งสองก็พากันเดินไปที่ประตูด้านข้าง วัตถุดิบของชุดเกราะนั้นอ่อนนุ่ม พอม้วนร่วมกันก็มีขนาดไม่เกินครึ่งหนึ่งของกำปั้น หยางโป เก็บใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านในของเขาอย่างหวงแหน พร้อมกับยก กระถางดอกไม้เดินออกไปด้านนอก

ในระหว่างที่เดินออกจากประตูด้านข้าง ตำรวจก็เข้ามาถึงกันแล้ว ลัวย่าวหัวและคนอื่นๆ ยังคงอยู่ที่เดิม เพราะหยางโปรู้ดีว่า ลัวย่าวหัวจะต้องไม่เป็นอะไร ดังนั้นเขาจึงไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวล

ไอซ์โกะฟุคุดะพาหยางโปเดินเลี้ยวไปทางหนึ่ง และมาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ

จากนั้นเธอจึงเคาะประตู

ไม่นาน ก็มีเสียงผู้หญิงดังออกมาจากข้างใน ” ใคร ? “

” ฉัน ไอซ์โกะ ” ไอซ์โกะฟุคุดะตอบ

ไม่นานประตูก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว ผ่านแสงสว่างของไฟ หยางโปเห็นว่าคนที่มาเปิดประตูให้นั้นอายุไล่เลี่ยกับไอซ์โกะฟุคุดะเธอสวมชุดนอน อยู่ในอาการตาปรือเมื่อเห็นหยางโปยืนอยู่ข้างๆ

ก็รีบก้าวถอยหลังไปจับบานประตู และพูดอย่างระแวดระวังว่า ” ไอซ์โกะ เธอจะทำอะไร ? “

ไอซ์โกะฟุคุดะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงที่โอ้อวดว่า ” พวกเราได้รับการปลดปล่อยแล้ว มิยามะถูกจับตัวไปแล้ว ! “

” มิยามะถูกจับตัวไปแล้ว ” หญิงสาวผงะด้วยสีหน้าที่ตกใจ ” เป็นไปได้ยังไง ? “
ไอซ์โกะฟุคุดะชี้เข้าไปด้านใน ” พวกเราเข้าไปนั่งข้างในได้ไหม ? “

ผู้หญิงคนนั้นเหลือบมองไปที่หยางโปอย่างระแวดระวัง

ไอซ์โกะฟุคุดะจึงอธิบายว่า “ เขาเป็นเพื่อนของฉัน เมื่อคืนฉันขอให้เขาช่วยเหลือ เมื่อคืนมิยามะไม่อยู่ นี่เธอไม่รู้เลยเหรอว่าทำไมเขาถึงถูกจับตัวไป ? ”

ผู้หญิงคนนั้นอึ้งไปสักพัก ” เขาโกหกคนที่ไม่ควรจะไปโกโหก ? “

” ฉันเพิ่งกลับมาจากวัดนันเซ็นจิ ที่นั้นมีตำรวจปิดล้อมเอาไว้หมดแล้ว เมื่อคืนมิยามะมีคดีร้ายแรงหลอกลวงให้คนมาหา คนนั้นคือภรรยาของหัวหน้ากรมตำรวจโตเกียว ! ” ไอซ์โกะฟุคุดะพูดอย่างโอ้อวด

หญิงสาวตะลึงอ้าปากค้าง “ หะ ? จริงเหรอ ? ”
ไอซ์โกะฟุคุดะถือโอกาสในช่วงเวลานี้ เดินเข้ามาวางมือไว้ข้างหลังเธอ จากนั้นก็เขยิบตาให้หยางโป ให้เขาตามเข้ามา

เมื่อหยางโปเดินตามเข้ามา บ้านหลังนี้ดูไม่ใหญ่มาก แต่มีกลิ่นหอมจางๆ เขาอยู่ข้างในมองดูทั้งสองคนสนทนากัน หยางโปก็สามารถเดาได้ว่า ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าน่าจะมีประสบการณ์คล้ายๆกับ ฟุคุดะ

ฟุคุดะเดินเข้ามา ” ชินโกะ ตอนนี้เธอยังจะเชื่อมิยามะอยู่อีกเหรอ ? เขาบอกกับเธอมาโดยตลอดว่า จะช่วยทำให้เธอมีอายุยืนยาวได้ถึงร้อยปี เธอคิดว่าเขาจะทำได้จริงเหรอ ? “

หยางโปเดินเข้ามา จึงเห็นใบหน้าของชินโกะอย่างชัดเจน เธอมีใบหน้าที่งดงาม และตัวไม่สูงมากนัก ดูน่ารักมาก

ชินโกะส่ายหัว ” เขามันเป็นปีศาจ ! “

” ชินโกะ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเรา แค่เราเอาเงินที่เขาเก็บไว้ที่นี่ไปได้ พวกเราก็สามารถหนีไปได้ไกลแสนไกล และไม่ต้องมาคิดถึงเขาอีก เรายังสามารถหนีไปอยู่ต่างประเทศได้ ! ” ไอซ์โกะฟุคุดะมองหน้าชินโกะพร้อมทั้งกล่าวออกมา

ชินโกะเบิกตากว้างเธอจ้องหน้าไอซ์โกะฟุคุดะ ” ไอซ์โกะ เธอทำไมเป็นคนแบบนี้ไปได้ ? มันเป็นทรัพย์สินของเขา ! “

” นี่เป็นสมบัติของเขา เธอคิดว่าเขาจะทิ้งไว้ให้เธอหรือยังไง ? เขามีลูกนอกสมรสอยู่กี่คน นี่เธอไม่รู้จริงๆเหรอ ? ” ไอซ์โกะฟุคุดะเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น พยายามโน้มน้าวชินโกะให้แบ่งสมบัติกับเธอ

สีหน้าของชินโกะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ” ฉันไม่สามารถทรยศต่อเขาได้ ไม่นานเขาก็ออกมาแล้ว หลังจากที่เขาออกมาเราก็จะตายโดยไม่มีที่ฝังศพ ! “

” พวกเราก็แค่ไปจากประเทศญี่ปุ่น ก็จบแล้วไม่ใช่หรือไง ? ” ไอซ์โกะฟุคุดะพูดต่อ
ชินโกะยังคงส่ายหน้า “ ไม่ได้ ! ”

หยางโปจ้องมองชินโกะ จากนั้นก็มีแสงสว่างวาบผ่านตาเขาไป เขารู้สึกว่าบนตัวของอีกฝ่ายดูเหมือนจะมีพลังของสิ่งมีชีวิตบางอย่างอยู่ ตอนที่มองหน้าท้องของเธอ หยางโปก็ค้นพบปัญหา

ชินโกะท้องอยู่นี่เอง !

ดูเหมือนว่า ไอซ์โกะฟุคุดะจะไม่ได้สังเกตเห็นสาเหตุที่อีกฝ่ายเปลี่ยนทัศนคติ เธอกล่าวต่อไปว่า

“ ชินโกะเธอเคยคิดบ้างไหม ตราบใดที่เราสามารถหลบหนีออกไปจากเงื้อมมือของเขาได้ ต่อไปในภายภาคหน้าพวกเราก็จะเป็นอิสระ ! ”

ใบหน้าของชินโกะอึมครึมลง “ เธอไม่ต้องพูดแล้ว ฉันไม่มีทางตกลง ! ”
หยางโปยื่นมือออกไปจับมือฟุคุดะ และกระซิบบอกว่า ” เธอท้อง “

ไอซ์โกะฟุคุดะตกตะลึงไปเลยทีเดียว เธอมองไปที่ชินโกะ จากนั้นก็เลื่อนสายตาลงมามองที่หน้าท้องนูนขึ้นเล็กน้อยของเธอ และอดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า ” ชินโกะ เธอ… เธอท้องกับเขาอย่างงั้นเหรอ ? “

ใบหน้าของชินโกะดูหมดความอดทน แต่ยังพยักหน้าให้และพูดว่า ” ใช่ฉันท้องลูกของเขาอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ปล่อยให้ฉันมาอยู่ดูแลที่นี่หรอก “

จู่ๆ ฟุคุดะก็ก้าวไปข้างหน้าจากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นตีไปที่หลังคอของชินโกะ แต่เพราะเธอไม่มีประสบการณ์มาก่อน ครั้งแรกที่ตีมือลงไปมันกลับไม่ทำให้อีกฝ่ายสลบได้ จึงตีลงไปอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ได้ผล

ชินโกะที่รู้ตัวและกำลังจะต่อต้าน หยางโปที่ทนดูต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ จึงตีมือลงไป ที่ต้นคอซ้ำให้อีกครั้ง ชินโกะจึงสลบและทรุดตัวลงบนพื้นทันที

ตอนที่ 892 เสื้อเกราะล้ำค่า

หยางโปเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก ทันทีที่ใช้เท้าถีบเข้าไป ก็โดนท้องของมิยามะเข้าอย่างจัง

พระมิยามะเหมือนถูกกระสุนปืนใหญ่ยิง เขาก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว

“ ปัง ”

พระมิยามะชนเข้ากับกำแพง ถึงได้หยุดอยู่แค่นั้น แต่เขาเอามือกุมท้องและคุกเข่าลงบนพื้น จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองหยางโปด้วยใบหน้าที่เต็มไปความเหลือเชื่อ !

พระมิยามะไม่คิดมาก่อนเลยว่าแรงจากเท้าของหยางโปแค่ครั้งเดียว มันจะรุนแรงขนาดนี้ !
“ คุณยังคิดว่าโอกาสหายากอีกไหม ? ” หยางโปถาม

พระมิยามะกุมท้องเอาไว้ และค่อยๆลุกขึ้นยืน ดูเหมือนว่าไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เขาหันมามองหน้าหยางโปและอดไม่ได้ที่จะระแวดระวังตัวขึ้นมา

เขาไม่ได้พูดอะไร แต่เดินตรงเข้ามา จ้องเขม็งมองไปที่หยางโป ก้าวท้าวเดินมาอย่างช้าๆดูเหมือนว่าเขาจะระแวดระวังป้องกันตัวมากขึ้น !

ทางด้านหยางโปกำลังจ้องมองเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่บนตัวพระมิยามะ เขารู้แรงจากเท้าของตัวเองดี แต่เขาคิดไม่ถึงว่า มิยามะดูเหมือนจะไม่ได้รับการกระทบกระเทือนเท่าไหร่ เมื่อเป็นแบบนี้

น่าจะเป็นผลมาจากการป้องกันของเขา !

หยางโปมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบนเนื้อตัวของพระมิยามะ มีเสื้อเกราะสีขาวสวมอยู่ เสื้อเกราะดูเหมือนจะทอจากผ้าไหม แต่มันไม่ใช่ผ้าไหมธรรมดาอย่างแน่นอน !

พระมิยามะเดินเข้าไปใกล้ ” คุณเป็นใครกันแน่ ? “
หยางโปจ้องมองพระมิยามะ “ เสื้อเกราะของคุณดูดีมาก วัดนันเซ็นจิก็ไม่เลว แต่คุณใช้สถานที่ได้ไม่ถูกต้อง ดูสภาพของคุณสิ ไม่มีพื้นฐานในการฝึกฝนเลย คุณเป็นคนที่โชคดีที่ได้รับของพวกนี้มาอย่างงั้นเหรอ ? ”

สีหน้าของพระมิยามะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเ เพราะเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่า หยางโปจะพูดแทงใจดำด้วยคำคำเดียว !

ไม่มีใครรู้เรื่องที่เขาสวมเสื้อเกราะ ไม่มีใครรู้แน่ชัดด้วยว่าเขาถูกลอบสังหารและถูกยิงมากี่ครั้งแล้ว เป็นเพราะเสื้อเกราะที่ทำให้เขารอดพ้นจากอันตรายมาได้ แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะถูก

หยางโปพูดแทงใจดำ !

“ คุณเป็นใครกันแน่ ? ” พระมิยามะถามออกมาด้วยเสียงอันดังอีกครั้ง !
หยางโปส่ายหน้า ” มันไม่สำคัญว่าผมเป็นใคร ตอนนี้คุณควรคิดทบทวนดูนะ ว่าจะปลีกตัวออกมาจากอันตรายได้ยังไง ? “

“ หลายปีมานี้ คุณมาอยู่ในวัดนันเซ็นจิอย่างผิดกฎ และน่าจะทำเงินได้มากทีเดียว นอนกับผู้หญิงมามากมายนับไม่ถ้วน มันถึงเวลาที่จะหยุดได้แล้ว อย่าดันทุรังและหมกหมุ่นอยู่อีกเลย ! ”

พระมิยามะมีสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาเงยหน้าขึ้นมองหยางโป “ คุณเป็นลูกหลานของวัดจู๋ซานใช่ไหม ? ”

” วัดจู๋ซาน ? ” หยางโปหันมามองหน้ามิยามะ ” วัดจู๋ซานน่าจะอยู่ในป่าไผ่สีม่วงใช่ไหม ? “
พระมิยามะจ้องไปที่หยางโปเขม็ง “ ถ้าผมมอบเสื้อเกราะให้ คุณจะปล่อยผมไปได้รึเปล่า ? ”

หยางโปยิ้ม “ ได้ ถ้าคุณมอบเสื้อเกราะให้พร้อมกับหญ้ามงคลพันปีที่อยู่ในมือของคุณ

ส่งมอบมาให้พร้อมกันก็พอ ! ”

” หญ้ามงคลพันปี ? ” พระมิยามะส่ายหน้า ” ที่นี่ไม่มีหญ้ามงคลพันปี “
พระมิยามะดูเหมือนจะรู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะหยางโปได้จึงรีบถอดจีวรออก จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมสีขาวออกอีก ถึงจะเผยให้เห็นเสื้อเกราะ !

มีเทียนอยู่ในอารามด้านข้าง แสงไฟสลัว ในขณะที่เสื้อเกราะถูกเปิดเผยออกมา หยางโปถึงกับตกตะลึงอึ้งไปทีเดียว !

เดิมทีเสื้อเกราะที่เขาเห็นในตอนแรกเป็นสีขาว แต่ภายใต้แสงเทียน มันกลับส่องแสงเปล่งประกายสีเงินระยิบระยับ ดูเหมือนว่าผ้าไหมทั้งผืนจะเป็นสีเงิน !

นี่มันคือแสงเจิดจ้าเป็นประกายของสมบัติล้ำค่า !
หยางโปจ้องไปที่เสื้อเกราะไม่วางตา และทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงลมแรงที่พัดโหมกระหน่ำเข้ามา เขาตอบสนองกลับทันที ถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นพอเขาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็น

พระมิยามะเคลื่อนไหวอย่างว่องไว โดยไม่รู้ว่าชักมีดออกมาจากที่ไหนพุ่งแทงมาทางเขา !

หยางโปหลบออกไปด้านข้างเล็กน้อย และเหยียดมือขวาออก คิดที่จะจับแขนของพระมิยามะเอาไว้ พระมิยามะก็ว่องไวมีไหวพริบมาก หลบออกไปได้อย่างรวดเร็วมากเช่นกัน !

เพียงแต่หยางโปตอบสนองได้เร็วกว่า เขาคว้ามือของอีกฝ่ายได้อีกครั้ง จับมือขวาที่ถือมีดของ

พระมิยามะได้ และตบลงไปบนไหล่ของเขาเสียงดัง “ พลั้ว ” พระมิยามะก็ล้มลงกับพื้นทันที !

ถึงแม้จะสวมเกราะล้ำค่า แต่อวัยวะภายในก็ยังคงได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

ทำให้ใบหน้าของพระมิยามะซีดเผือดไปทันที !

ในเวลานี้ ไอซ์โกะฟุคุดะได้หยิบกุญแจประตูวัดนันเซ็นจิออกมาจากมุมเปิดประตูใหญ่

เดินโซซัดโซเซพาลัวย่าวหัวเข้ามา ประจวบเหมาะกับได้เห็น หยางโปตบลงไปบนไหล่อย่างสวยงาม !

ไอซ์โกะฟุคุดะเอามือปิดปาก ห้ามไม่ให้ตัวเองส่งเสียงกรีดร้องออกมา !

ลัวย่าวหัวรีบพุ่งตัวเข้ามาจับมืออีกข้างของพระมิยามะไว้และทำการ ล๊อคตัวเขาเอาไว้ จากนั้นถึงได้ถามไปว่า ” เกิดอะไรขึ้น ? “

หยางโปบุ้ยปากไปทางเตียงข้างๆเขา ลัวย่าวหัวจึงหันศีรษะมองตามเขาไป ทันใดนั้นก็ตกใจมากเมื่อเห็นผู้หญิงเปลือยกายนอนอยู่บนเตียง “ เฮ้ย คิดไม่ถึงมาก่อนเลยว่าวัดนันเซ็นจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังแบบนี้จะมีแต่พระลามกอยู่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกแกไม่ให้คนอื่นเผยแพร่เรื่องราวของวัดออกไป ที่แท้ก็กลัวว่าเรื่องราวจะมีเบาะแสและถูกเปิดเผยออกมานี่เอง ! ”

หยางโปก้มตัวลงยื่นมือออกไปถอดเสื้อเกราะของพระมิยามะออกมา จากนั้นได้ลูบไปที่บริเวณขาของพระมิยามะอีกครั้งเพื่อยืนยันว่ามีเพียงเกราะล้ำค่าตัวนี้อยู่เท่านั้น เขาถึงจะรู้สึกโล่งใจ

ลัวย่าวหัวกลับอยากจะอาเจียน ” นายสนใจผู้ชายเหรอ นี่ยังจะไปลูบไล้สัมผัสเขาอีก ! “
หยางโปส่ายหน้าโดยไม่อธิบายอะไร เพราะตอนที่ลัวย่าวหัวเข้ามา เสื้อเกราะก็ไม่มีแสงเจิดจ้าเปล่งออกมาแล้ว นี่คือขุมทรัพย์ล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ ! ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ลัวย่าวหัวจะไม่รู้ถึงความล้ำค่าของเสื้อเกราะล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ !

“ นายแจ้งความไปหรือยัง ? ” หยางโปถาม
ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” แน่นอนว่าโทรแจ้งความไปแล้ว ! “

หยางโปขมวดคิ้วเขาเห็นบอดี้การ์ดวิ่งตามกันเข้ามา ถึงได้เอ่ยปากพูดว่า ” นายอยู่ที่นี่คอยจับตาดูเขาเอาไว้ ฉันจะไปค้นหาดูว่ามีของอะไรอยู่อีกไหม ! “

ลัวย่าวหัวก็ไม่ได้สนใจมากนักเช่นกัน ” ที่นี่เล็กออกขนาดนี้ มันจะไปมีของดีอะไรอยู่อีก ? “
หยางโปไม่สนใจ เดินออกไปทันที !

วัดนันเซ็นจินั้นมีขนาดเล็กมากอยู่ก็จริง มีเพียงลานภายในแห่งเดียว ด้านในมีอารามหลังใหญ่อยู่ ดูเหมือนจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก

แม้ว่าหยางโปจะเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว แต่เขาก็ยังต้องการที่จะยืนยันอีกครั้ง
ในอารามใหญ่มีสิ่งของอยู่ไม่มาก ไม่นานหยางโปก็ค้นหาจนทั่ว จากนั้นเขาก็เดินไปที่ห้องหนึ่งทางด้านหลังของอารามใหญ่ ที่นี่ถูกล็อคเอาไว้ หยางโปจึงถีบเปิดประตูอย่างแรง

เขาได้ตรวจสอบดูสถานที่แห่งนี้แล้ว ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่พำนักของพระมิยามะ มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ครบครันทุกชนิด ตกแต่งอย่างหรูหรา โดยปกติจะถูกปิดไว้ไม่ให้ผู้แสวงบุญเข้ามา !

เมื่อเดินเข้ามาในห้อง ด้านในถูกเก็บกวาดอย่างสะอาดและเป็นระเบียบมาก ดูเหมือนว่าจะมีผู้หญิงอยู่ ไอซ์โกะฟุคุดะไม่รู้ว่าเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอจ้องมองเข้าไปในห้องและพูดว่า

“ นี่คือที่ที่เขาพักอาศัยอยู่ ผู้หญิงครึ่งหนึ่งของวัดนันเซ็นจิเป็นนางบำเรอของเขา ! ”

“ วัดนันเซ็นจิเปิดประตูไว้ทุกวัน เขามักจะจับสลากเลือกใครคนใดคนหนึ่งเหลือเอาไว้นอนด้วย

แต่บางครั้งเขาก็ไม่เลือกใครสักคน นี่น่าจะเจอกับสถานการณ์แบบเดียวกับในวันนี้ ! ”

หยางโปเหลือบมองไอซ์โกะฟุคุดะ ” คนอื่นๆก็ตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวพอๆกับคุณ ? “

ไอซ์โกะฟุคุดะส่ายหน้า “ ตอนที่ฉันอายุ 18 ปี เพราะความอยากรู้อยากเห็น จึงเดินทางมาที่

วัดนันเซ็นจิและได้เห็นพระพุทธรูปไผ่สีม่วงเข้า เลยรู้สึกชอบมาก เขาจึงถือโอกาสนี้พาฉันไปดูไผ่สีม่วง ตอนนั้นเขาจึงได้ขืนใจฉันที่นั่น ถ้านับกันแล้วมันก็สิบกว่าปีผ่านมาได้แล้ว ! ”

เมื่อหยางโปได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจที่ดังอยู่ข้างนอก เขาจึงหันไปมองไอซ์โกะฟุคุดะและถามขึ้นมาว่า ” สิ่งที่ มิยามะหวงแหนมากที่สุดคืออะไร ? “

ตอนที่ 891 พระมิยามะ

หญิงสาวล้มลงบนพื้นโดยที่ไม่มีลางบอกล่วงหน้า ดูเหมือนอาการป่วยหนักกำเริบ หยางโปถึงกับเอามือไปวางไว้นอกรถ ยื่นมือจะไปเปิดประตูรถเพื่อที่จะออกไปดู

หลังจากลังเลอยู่สักพัก หยางโปก็เห็นพระอาจารย์มิยามะยืนอยู่ในห้องถัดไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้า

จากนั้นก็เห็นพระอาจารย์มิยามะเดินมาจากห้องด้านข้าง และเห็นผู้หญิงคนนั้นเป็นลมล้มลงอยู่บนพื้น พระอาจารย์มิยามะแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เขาค่อยๆย่างกรายเข้าไป เข้าไปใกล้อย่างช้าๆ

อ้าปากและพูดว่า ” สาวน้อยคนสวย เธออยากมีลูกใช่ไหม ? สามีของเธอมันเป็นคนไร้น้ำยา

เขาให้สิ่งนี้แก่เธอไม่ได้ ก็ให้ฉันช่วยเธอเถอะนะ ! “

ในขณะที่พูด พระอาจารย์มิยามะก็เดินเข้าไปหาผู้หญิง และเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ จากนั้นเขาก็กางกรงเล็บยื่นมือเข้าไปหา !

หยางโปที่นั่งอยู่ในรถ รู้สึกตกตะลึงมากเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ แม้ว่าเขาจะเดาเรื่องนี้เอาไว้แล้ว

แต่เขาก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาได้ !

หยางโปหันกลับมา พูดกับลัวย่าวหัวว่า ” เร็วเข้ารีบปลุก ไอซ์โกะฟุคุดะให้ตื่นขึ้นมาเร็ว ! “
ลัวย่าวหัวรู้สึกสงสัย แต่เขาก็เลือกที่จะเชื่อใจหยางโปอย่างไม่มีข้อแม้ ยื่นมือไปเขย่าปลุก

ไอซ์โกะฟุคุดะทันที “ รีบตื่นเร็วเข้า ข้างนอกไฟไหม้แล้ว ! ”

เสียงคำรามต่ำของลัวย่าวหัวดูเหมือนจะได้ผล ไอซ์โกะฟุคุดะค่อยๆลืมตาขึ้นเธอเงยหน้ามองทั้งสองคน อย่างงัวเงีย ดูเหมือนจะยังไม่รู้สึกตัว

“ พระในวัดนันเซ็นจิชื่ออะไร ? ” หยางโปถามด้วยเสียงอันดัง
ไอซ์โกะฟุคุดะถึงกับผงะเพราะความตกใจ เธอจึงตอบโดยไม่รู้ตัวว่า ” พระอาจารย์มิยามะ ! “

หยางโปจ้องหน้าเธอ ” คุณแน่ใจใช่ไหม ? “

ไอซ์โกะฟุคุดะถึงได้รู้สึกตัว จากนั้นเธอก็มองไปที่หยางโปอย่างระแวดระวัง

” คุณคิดที่จะทำอะไร ? “

หยางโปชี้ไปด้านนอกและเอ่ยออกมาว่า “ สิ่งที่คุณประสบพบเจอมา ผมรู้สึกเห็นใจมาก เมื่อสักครู่มีผู้หญิงอายุประมาณคุณเดินเข้าไปในวัดนันเซ็นจิ ผมไม่รู้ว่ามีใครอยู่ในวัดนันเซ็นจิอีกหรือเปล่า ถ้าเขาเป็นคนชั่วอย่างที่คุณพูดถึงจริงๆ เกรงว่าตอนนี้เธอจะตกอยู่ในอันตราย คุณคิดว่าควรจะช่วยเธอออกมาไหม ? ”

ไอซ์โกะฟุคุดะมองออกไปข้างนอก ก็เห็นกำแพงที่คุ้นเคยและเห็นตรอกเล็กๆ ที่เธอเดินผ่านมาหลายสิบปี เธอหันมองมาทางหยางโป “ คุณพูดจริงใช่ไหม ? ”

หยางโปพยักหน้า “ ตอนนี้ผมยังไม่รู้แน่ชัดว่าสถานการณ์ข้างในเป็นยังไง ผมแค่อยากถามคุณว่า คืนนี้มีใครอยู่ในวัดนันเซ็นจิอีกบ้าง ” หลังจากที่ไอซ์โกะฟุคุดะลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็มองออกไปด้านนอก “ ในวัดนันเซ็นจิ ทุกคืนมีเพียง พระอาจารย์มิยามะอยู่เท่านั้น ”

ดูเหมือนหยางโปเพิ่งจะรู้ข่าวนี้ เขาจึงมีสีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
ลัวย่าวหัวอดไม่ได้ที่จะถามว่า ” ตอนเช้าที่นี่มีแม่ชีอยู่มากมายไม่ใช่เหรอ ? ทำไมถึงมีเขาที่เป็นพระอยุ่เพียงรูปเดียว ? “

ไอซ์โกะฟุคุดะยิ้มเย้ยหยัน ” ถ้าคนอื่นไม่ออกไปเขาจะยังมีเวลาได้ทำในสิ่งที่อยากทำเหรอ ? “
” เขาทำอะไร ? ” หยางโปถามต่อ

ไอซ์โกะฟุคุดะหัวเราะ ” ทำในสิ่งที่พวกคุณคิดอยากจะทำ ! “
” ชายโสดหญิงโสดอยู่กันสองต่อสอง ? ” ลัวย่าวหัวรู้สึกตกตะลึง
หยางโปขมวดคิ้ว “ คุณก็เป็นเหมือนกันใช่ไหม ? ”

” ฉัน ? ” เมื่อไอซ์โกะฟุคุดะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จู่ๆเธอก็พูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า

” เริ่มแรกเขานั้นแหละที่พาฉันไปถึงที่ๆมีไผ่สีม่วง ! ต่อมาไอ้สัตว์เดรัจฉานก็ได้ขืนใจฉันที่นั่น ! “

หยางโปหันไปมองหน้าไอซ์โกะฟุคุดะ แม้ว่าจะคาดเดาไว้นานแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า เหตุผลจะเป็นแบบนี้ !

หยางโปเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นว่าในวัดนันเซ็นจิ พระอาจารย์มิยามะได้ถอดเสื้อผ้าของผู้หญิงคนนั้นออกหมดแล้ว และกำลังจะลงมือทำเรื่องไม่ดี !

” พวกเราเข้าไปกันตอนนี้เลย ” หยางโปกล่าว
” เข้าไป ? ” ลัวย่าวหัวชำเลืองมองหยางโป ” ตอนนี้ไม่ควรโทรหาตำรวจก่อนหรอกเหรอ ? “

” ถ้าช้ากว่านี้ ผู้หญิงที่อยู่ข้างในจะถูกขืนใจเอาได้ ! ” ในระหว่างที่พูดกันอยู่นั้นหยางโปก็เดินลงจากรถแล้ว

ลัวย่าวหัวยังคงนั่งอยู่ในรถและโทรศัพท์ไปแจ้งความ ” นายจะหุนหันพลันแล่นไม่ได้โทรหาตำรวจดีกว่า ! “

เมื่อหยางโปลงจากรถ ก็มีบอดี้การ์ดสองคนเดินตามลงมา หยางโปจึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ ดันฉันขึ้นหน่อย ฉันจะปีนขึ้นไปบนกำแพง ”

บอดี้การ์ดคนหนึ่งรีบก้าวไปข้างหน้าทันที งอขาขวาลงและนั่งตัวตรง มือทั้งสองข้างเหยียดตรงไปวางอยู่ตรงหน้า

หยางโปก้าวไปข้างหน้า ยกเท้าข้างหนึ่งวางบนขาขวาของบอดี้การ์ด เท้าอีกข้างหนึ่งก้าวไปวางบนมือบอดี้การ์ด จากนั้นบอดี้การ์ดก็ใช้แรงยกมือขึ้น หยางโปสัมผัสได้ถึงแรงผลัก เขาจึงออกแรงเล็กน้อยปีนขึ้นไปบนกำแพง !

เมื่อเท้าทั้งสองข้างของหยางโปเหยียบอยู่บนกำแพง จึงปีนขึ้นไปอยู่บนกำแพงอย่างรวดเร็วและง่ายดาย !

เวลานี้ลัวย่าวหัวยังคงถือโทรศัพท์มือถือกำลังโทรแจ้งความอยู่ เขาตกใจมากเมื่อเห็นฉากนี้และถึงกับลืมโทรศัพท์ในมือไปเลย !

“ ท่านี้หล่อมากจริงๆ ! ” ลัวย่าวหัวยกนิ้วหัวแม่มือให้ เขารู้ว่าหยางโปเคยเข้าร่วมการฝึก แต่เขาไม่คาดฝันมาก่อนว่าหยางโปจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วขนาดนี้

ลัวย่าวหัวรีบแจ้งชื่อและตำแหน่งของเขา จากนั้นถึงได้วางสาย และหันหน้าไปมอง ไอซ์โกะฟุคุดะ

” เห็นไหม ? ท่าทางเมื่อสักครู่เขาดูหล่อมาก แต่ผมทำไม่ได้ คุณพอมีทางเปิดประตูได้หรือเปล่า ? ”

” ใช้กุญแจเปิดสิ ! ” ไอซ์โกะฟุคุดะกล่าว
พอพูดจบ เธอก็เดินโซเซไปข้างหน้า

หยางโปเดินตรงไปที่อารามของพระอาจารย์มิยามะอยู่ ในเวลานี้ภายในวัดเงียบสงบ เขาถึงกับได้ยินเสียงร้องครวญครางของพระมิยามะดังแผ่วออกมา ! ” สาวน้อย พวกเราถึงจะเป็นคู่ที่สวรรค์ประทานลงมาให้ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ! “

” สาวน้อย เจ้าไม่ต้องกังวลไป หลังจากผ่านเวลานี้ไปแล้ว เธอจะท้องลูกของเราอย่างแน่นอน

เมื่อถึงเวลานั้นหวังว่าเธอจะไม่ดีใจจนมากเกินไปนะ ! “

” ปัง ! ปัง ! ปัง ! “

ในระหว่างที่พระมิยามะกำลังมีความสุขและสองมือกำลังสัมผัสกับผิวที่ขาวเนียนราวหิมะอยู่นั้น แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู ดังขึ้น หยางโปยืนอยู่ด้านนอกประตูอารามจ้องมองดูสภาพภายในอารามและเคาะประตูอยู่หลายครั้ง จากนั้นเขาถึงได้ถีบประตูใหญ่ของอารามออก !

เมื่อพระมิยามะหันกลับมามอง และเห็นว่าคนที่มาคือหยางโป ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องหน้าหยางโป

ขึ้นลงอย่าพินิจพิเคราะห์ “ คุณเป็นใคร ? ” หยางโปจ้องหน้าพระมิยามะเขม็ง เมื่อเห็นว่าเขาถอดจีวรออกหมดแล้ว และดูสีหน้าชั่วร้ายเอามากๆ !

” ผมเป็นสามีของเธอ ! ” หยางโปเหลือบมองผู้หญิงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เขาใช้สูทไปคลุมตัวให้ผู้หญิงคนนั้นและเขาก็หันกลับมามองมิยามะอีกครั้ง

มิยามะจ้องมองหยางโปอย่างพินิจพิเคราะห์ ถึงได้ส่ายหน้าและพูดว่า “ แกพูดจาไร้สาระ แกไม่มีทางเป็นสามีของเธอได้ ! ” หยางโปจ้องมองมิยามะตาเขม็ง “ แกมันไม่ใช่พระอาจารย์ ทุกอย่างที่แกสร้างเป็นเรื่องล้วงโลกขึ้นมาเองทั้งนั้น ! ”

“ แกมาพูดเรื่องนี้เอาตอนนี้มันก็สายไปแล้ว ! แกไม่มีทางรู้หรอกว่าต่อจากนี้มันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาบ้าง ! ”

พูดจบ มิยามะก็สาวเท้าก้าวมาด้านหน้าสองก้าว ” แกไม่ใช่อยากจะมาหาเรื่องหรอกเหรอ ?

นี่เป็นโอกาสที่หายากเลยนะ ! “

หยางโปมองหน้ามิยามะ เขาดูออกว่า ในเสื้อมิยามะยังสวมชุดเกราะป้องกันตัวเอาไว้อีกชั้น

นี่น่าจะเป็นเหตุผลที่ไอซ์โกะฟุคุดะบอกกว่าฟันแทงไม่เข้า !

เมื่อหยางโปเห็นท่าทางที่น่าหมั่นไส้ของมิยามะ เขาก็ใช้เท้าถีบเข้าไปทันที !

ตอนที่ 890 ต้นสายปลายเหตุ

แสงสว่างวาบผ่านตาหยางโปไป พลังลมปราณในร่างกายของเขากำลังขับเคลื่อน สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ไอซ์โกะฟุคุดะด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างโน้มน้าวใจ ” ไอซ์โกะ พูดออกมาเถอะ พูดออกมาแล้วมันจะทำให้รู้สึกดีขึ้น “

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ไอซ์โกะฟุคุดะดูเหมือนถูกสาป เธอแข็งทื่อไปทั้งตัว ” เขา นั้นแหละเขา ! “
” เขาเป็นใคร ? อยู่ที่ไหน ? ” หยางโปกล่าวต่อ

สีหน้าไอซ์โกะฟุคุดะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ” ฉันไม่อยากไปเจอเขาฉันไม่อยากไปเจอเขา ! “

หยางโปจ้องไปที่ไอซ์โกะฟุคุดะหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะเขาเคยประสบพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ถ้าว่ากันด้วยเหตุผลแล้ว ไอซ์โกะฟุคุดะคงไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ แต่ท่าทีที่เธอแสดงออกในตอนนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคนคนนั้นต้องทำให้เธอเจ็บปวดมากอย่างแน่นอน !

“ เขาอยู่ที่ไหน ? ” หยางโปถามอีกครั้ง

“ เขาอยู่ที่วัดนันเซ็นจิ เขาเป็นผู้ชายคนเดียวในวัด ! ”

จู่ๆ ไอซ์โกะฟุคุดะก็หลุดปากพูดออกมา
หยางโปตกตะลึงนิ่งอึ้งไป และนึกขึ้นมาได้ว่า ตอนที่พวกเขาอยู่ที่วัดนันเซ็นจิ ก็ได้สังเกตเห็นความผิดปกติในวัดจริงๆ มีพระเพียงรูปเดียวในวัด แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขา !

” เขาทำอะไรกับคุณ ” หยางโปมองไปทางไอซ์โกะฟุคุดะ และยังคงพยายามสอบถามอีกครั้ง
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และดวงตากลมโตเบิกกว้างของไอซ์โกะฟุคุดะ เหมือนกับว่าได้ไปเห็นบางสิ่งที่น่ากลัวเข้า เธอเอาแต่จ้องมองไปด้านหน้า

ลัวย่าวหัวที่นั่งอยู่ตรงหน้า จับตาดูท่าทีของไอซ์โกะฟุคุดะเขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า

” ผู้ชายคนนั้นทำอะไรกันแน่ ถึงทำให้เธอมีท่าทีแบบนี้ออกมาได้ ? “

หยางโปมองไปที่ไอซ์โกะฟุคุดะจากนั้นก็พูดต่อว่า ” เขาทำอะไรกันแน่ ? ” ไอซ์โกะฟุคุดะมีสีหน้าที่ตกใจและหวาดกลัว ไม่ยอมพูดออกมา ผ่านไปได้สักพักจึงส่ายหน้าและเอ่ยออกมาว่า

” เขาเป็นสัตว์เดรัจฉาน ! เขาเป็นสัตว์เดรัจฉาน ! “

ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ดูเหมือนไอซ์โกะฟุคุดะจะตกใจกลัวมากจนในที่สุดก็ไม่สามารถทนอีกต่อไปได้ จึงค่อยๆทรุดตัวลงนั่งบนเบาะอย่างช้าๆ

เมื่อหยางโปเห็นไอซ์โกะฟุคุดะเป็นแบบนั้นก็ไม่รู้จะทำอะไรดี
“ พวกเรากลับไปดูที่วัดนันเซ็นจิกันเถอะ ” หยางโปพูด

ในขณะที่นั่งอยู่ในรถ หยางโปได้หันไปชะเง้อมองลัวย่าวหัว “ นายว่าที่ทานิกาวะบอกเรื่องนี้กับเรา มันหมายความว่าอะไรกันแน่ ? ตอนนี้ไม่มีข่าวคราวของหญ้ามงคลพันปีเลยแม้แต่น้อย เขาคงไม่โกหกพวกเราหรอกนะ ? ”

ลัวย่าวหัวส่ายหน้า ” ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฉันว่านะทางที่ดีที่สุดนายน่าจะถามอู่อีดูนะ ! น้องอู่อีมีใจให้นายอยู่แล้วหนิ ! “

หยางโปส่ายหน้าและไม่ตอบกลับอะไร
เมื่อกลับมาที่โตเกียว ก็เป็นเช้าวันรุ่งขึ้นของอีกวันแล้ว ไอซ์โกะฟุคุดะนอนอยู่ยังไม่ตื่น รถของเธอมีบอดี้การ์ดคอยตามอารักษ์ขาอยู่ด้านหลัง

หยางโปนั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับ และกำลังมองเข้าไปในวัดนันเซ็นจิ
วัดนันเซ็นจิมีขนาดไม่ใหญ่ ได้ปิดประตูไปนานแล้ว ขณะนี้วัดเงียบสงบ ไม่มีเสียงแม้แต่เสียงใดๆเล็ดลอดออกมา

หยางโปมองทะลุกำแพงเข้าไป ก็เห็นว่าแม่ชีในวัดหายไปกันหมดแล้วเหลือเพียงพระรูปเดียว

พระรูปนั้นนั่งเคาะไม้อยู่ในห้องโถง ดูน่าเคารพนับถือมาก ดูลักษณะแล้วเหมือนเป็นพระชั้นสูง

หยางโปจ้องอยู่ที่พระรูปนั้น ก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะมีความชั่วร้ายแอบแฝงอยู่ และดูเหมือนว่าจะมีความเลือดเย็นแผ่กระจายออกมา

ทันใดนั้นดูเหมือนพระรูปนั้นจะรู้ตัว เงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ หยางโปจึงรีบถอนสายตากลับทันที
พระรูปนี้น่าจะมีวิทยายุทธอยู่ !

หลังจากรออยู่สักพัก หยางโปก็มองเข้าไปในวัดอีกครั้ง ครั้งก่อนเขาตรวจสอบดูอย่างละเอียดแล้ว แต่กลับไม่พบร่องรอยของหญ้ามงคลพันปี แต่หลังจากได้เห็นพระรูปนั้นแล้วเขาถึงรู้สึกว่า

ทานิกาวะไม่ได้โกหกเขา !

หยางโปถึงกับมั่นใจเลยว่า ทานิกาวะต้องเคยติดต่อกับพระรูปนี้มาก่อน และน่าจะพอรู้อะไรมาบ้าง มิฉะนั้นเขาจะรู้ได้ยังไงว่าอีกฝ่ายมีหญ้ามงคลพันปีอยู่ ?

หยางโปจ้องมองไปในวัดและมองสำรวจไปรอบๆอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่พบอะไร จึงอดไม่ได้ที่จะเงียบ
ลัวย่าวหัวเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เห็นว่าข้างนอกฟ้ามืดสนิทแล้ว มองไม่เห็นสภาพภายในวัดแล้ว เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยมากใหม่กันดีไหม

ไม่จำเป็นต้องมาในเวลานี้ เพราะตอนนี้มันเป็นเวลาพักผ่อนแล้ว ต่อให้อยากเห็นก็ไม่มีทางมองเห็นได้ ! “

หยางโปเหลือบมองมาทางเขา “ นายนอนพักในรถสักครู่ รอจนตีสี่ตีห้าก็ไปเข้าแถวต่อคิว เข้าไปในวัดนันเซ็นจิ และไปตรวจสอบดูสภาพภายในกัน ”

เมื่อลัวย่าวหัวเห็นว่าหยางโปยืนกรานแบบนั้น จึงไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงหลับตาลงและเข้านอนเลย
ในเวลานี้มีเสียงฝีเท้าดัง ” ตุ๊บๆ ” อยู่นอกรถ เมื่อหยางโปมองผ่านกระจกหลังก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อกันลมที่มีปกเสื้อสูง สวมหมวกและหน้ากาก เดินมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของวัดนันเซ็นจิ

เมื่อลัวย่าวหัวได้ยินเสียงฝีเท้า ก็รู้สึกผิดปกติและน่าสงสัย จึงรีบลุกขึ้นนั่งและมองไปที่กระจกหลังรถทันที

ทั้งสองกลั้นหายใจจากนั้นก็เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินไปจนถึงนอกประตูวัดนันเซ็นจิ จากนั้นก็เริ่มเคาะประตูวัด ผู้หญิงคนนั้นเคาะประตูอย่างเป็นจังหวะ ทุกครั้งจะเคาะสามครั้งและหยุด จากนั้นก็เริ่มเคาะใหม่อีกสามครั้ง

ไม่นาน ประตูใหญ่ของวัดนันเซ็นจิก็ถูกเปิดออกโดยมีพระรูปหนึ่งมาเปิดประตูให้ จากนั้นก็ได้ยินผู้หญิงคนนั้นพูดว่า “ พระอาจารย์มิยามะ ทำไมไม่เห็นซือไท่ฮุ่ยหรานเลยล่ะ ? ”

พระอาจารย์มิยามะกระซิบว่า ” ซือไท่ฮุ่ยหรานอยู่ข้างใน อาตมาจึงมาเฝ้าประตูอยู่ข้างนอก “
หญิงสาวคนนั้นถึงได้พยักหน้าลง และเดินตามเข้าไป

หยางโปนั่งอยู่ในรถ จึงไม่ได้ยินเสียงของพวกเขา เห็นเพียงพระอาจารย์มิยามะที่มองสำรวจออกไปด้านนอกรอบๆ จากนั้นถึงได้ปิดประตู

ลัวย่าวหัวรู้สึกมึนงงมาก ” นี่คิดจะทำอะไร ? “
หยางโปส่ายหน้า “ หรือว่าเป็นการชุมนุมอย่างลับๆ ? ”

“ ที่นี่ไม่มีองค์กรลับอะไร ! ” ลัวย่าวหัวที่เดิมที ยังคงง่วงงัวเงียอยู่ แต่เมื่อเขาได้เห็นเรื่องราวเหล่านี้ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

” รอดูไปก่อน ! ” หยางโปกล่าว
หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปเธอก็ถอดหน้ากากออกแม้ว่าเธอจะสวมเสื้อกันลม แต่ก็ยังสามารถบอกได้ว่าเธอมีรูปร่างสมส่วนมาก หลังจากถอดหน้ากากออกถึงได้เห็นใบหน้าที่สวยงามของเธอ เธอเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงามมาก

น้ำเสียงของเธออ่อนโยน เอ่ยปากพูดกับพระมิยามะว่า ” พระอาจารย์มิยามะ ซือไท่ฮุ่ยหรานอยู่ไหนเหรอเจ้าคะ ? ” พระอาจารย์มิยามะจึงพาเธอเดินไปที่ห้องรับแขกจากนั้นก็รินน้ำให้แก้วหนึ่ง ยิ้มและพูดว่า ” โยมดื่มน้ำสักแก้วก่อน เดี๋ยวอาตมาจะไปเรียกซือไท่ฮุ่ยหรานให้ตอนนี้ ”

หญิงสาวคนนั้นพยักหน้าตอบรับ ” ดึกมากแล้วยังเข้ามารบกวนซือไท่ฮุ่ยหราน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ “

พระอาจารย์มิยามะยิ้มและกล่าวว่า ” นี่เป็นช่วงเวลาที่พวกเจ้านัดหมายกันเอาไว้แล้ว โยมสบายใจได้ ซือไท่ฮุ่ยหราน มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน จะต้องรักษาอาการของโยมให้หายขาดได้ในไม่ช้า และทำให้โยมมีลูกได้เร็วๆนี้ “

หญิงสาวคนนั้นรีบกุมมือโค้งคำนับให้ ” ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากๆเลยเจ้าค่ะ “
พระอาจารย์มิยามะชำเลืองมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น “ โยมสบายใจได้ ”

พอพูดจบ พระอาจารย์มิยามะก็เดินออกไปด้านนอก
หยางโปมองออกไปนอกหน้าต่างรถและสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในของวัดได้อย่างชัดเจน แต่เขาไม่ได้ยินเสียง จึงไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังคุยกันเรื่องอะไร เมื่อเห็นพระเดินจากไป หยางโปก็ขมวดคิ้วขึ้น นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?

ในวัดมีพระอยู่เพียงรูปเดียว ไม่มีคนอื่นอยู่ ทำไมตอนนี้เขาถึงเดินจากไป ?
คืนนั้นอากาศหนาวมาก ตลอดทางที่หญิงสาวเดินทางมาอากาศค่อนข้างหนาวเลยทีเดียว

เธอจึงยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบแล้วเอามือกุมถ้วยน้ำชาไว้ในมือ

เพียงครู่เดียวผู้หญิงคนนั้นก็ล้มลงอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรง !

เห็นแบบนั้นหยางโปก็ตกใจถึงกับผงะ !

ตอนที่ 889 พูดออกมาไม่ได้

ลัวย่าวหัวรู้สึกสงสัยมาก ” ที่เธอพูดหมายความว่าอะไร ? หรือว่าเธอเคยฝันแบบนี้มาก่อน ? “
หยางโปส่ายหน้า บ่งบอกว่าไม่เข้าใจ

หยางโปถือไฟฉายส่องเข้าไปข้างใน ในป่าไผ่ที่หนาทึบ กลับไม่มีอะไรผิดปกติ หยางโปถึงขั้นมั่นใจว่าคงไม่มีค่ายกลกระบี่อยู่ที่นี่ !

” ไป พวกเราเข้าไปดูกัน ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” อืม พวกเราเข้าไปกันเถอะ “
ไม่นานคนกลุ่มนี้ก็เดินเข้าไปด้านใน

ป่าไผ่สีม่วงแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก หลังจากเดินผ่านป่าไผ่ลู่ลมเสียดสีดังเอี๊ยดอ๊าด

หยางโปมองไปข้างหน้าก็เห็นหญิงสาวคนนั้นเดินไปได้สักพัก ก็หยุดชะงัก

หญิงสาวเข้าไปกอดไผ่สีม่วงแล้วร้องสะอื้นไห้ออกมา

หยางโปแปลกใจมาก เขาและลัวย่าวหัวมองหน้ากันด้วยความตกใจ เพราะรู้ดีว่า ท่าทีที่หญิงสาวทำตัวแปลกๆมาตลอดทางถึงมันจะดูเยอะไป และยังมีนิสัยแปลกๆ แต่เธอก็ดูไม่เหมือนกลัดกลุ่มใจอะไร ทำไมถึงต้องมาร้องไห้อยู่ที่นี่ ?

หยางโปขยับเข้ามาใกล้หญิงสาวและยืนอยู่ห่างไปแค่สี่ห้าก้าว เขาก็หยุดลง “ นี่คุณเป็นอะไรไป ? ”
หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น เงยหน้าขึ้น น้ำตานองหน้า หันมามองหยางโป จากนั้นก็เริ่มร้องไห้ออกมาอีก

หยางโปมองไปรอบๆ ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติอยู่บริเวณโดยรอบ และไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่ามีสิ่งมีชีวิตใดๆเคลื่อนไหวอยู่โดยรอบ ดูแล้วมันก็ปกติดี เขามองหญิงสาวด้วยความมึนงงไม่รู้ว่าในขณะนั้นมันเกิดอะไรขึ้น

ลัวย่าวหัวถือไฟฉายและนำบอดี้การ์ดออกไปค้นหาบริเวณโดยรอบ แต่ไม่นานก็รีบกลับมา

และหันไปพูดกับหยางโปว่า ” ทางนี้มีต้นไผ่ที่ถูกตัดออกไปแล้ว “

หยางโปเหลือบมองหญิงสาว จากนั้นก็ชี้ไปทางบอดี้การ์ดสองคนอีกครั้ง บอดี้การ์ดเข้าใจและอยู่รอ ทางด้านไป่ฮุ่ยและฮวาหลิง ก็รออยู่เช่นกัน ส่วนทางด้านหยางโปและลัวย่าวหัวเดินเข้าไปที่ทางกอไผ่สีม่วงอีกมุมหนึ่ง

ที่นี่ หยางโปเห็นกองไม้ไผ่สีม่วงอยู่กองหนึ่ง ดูเหมือนว่าไม้ไผ่สีม่วงเหล่านี้จะถูกตัดออกไปในเวลาที่ต่างกัน มีบางต้นที่มีต้นตะไคร่ขึ้นแล้ว และมีไผ่สีม่วงบางกองดูเหมือนพึ่งจะถูกตัดออกไปสดๆร้อนๆ

“ ดูเหมือนว่า นี่น่าจะเป็นที่มาของพระพุทธรูปไผ่ม่วงแห่งวัดนันเซ็นจิ ” หยางโปมองสำรวจไปรอบๆ แล้วพูดออกมา

ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” มันน่าจะอยู่ที่นี่ “
ลัวย่าวหัวมองไปรอบๆ ” นายเดาสิว่าทำไมเมื่อสักครู่หญิงสาวคนนั้นถึงร้องไห้ออกมา ? “

” ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ? ” หยางโปส่ายหน้า
ลัวย่าวหัวยิ้ม “ เธอคงจะไม่ใช่แม่ชีในวัดนันเซ็นจิหรอกนะ ? ” “ จะเป็นไปได้ยังไง ” หยางโปส่ายหน้า “ ผมของเธอดูเงาสลวยมากมันน่าจะเป็นผมจริงนะ ”

ลัวย่าวหัวส่ายหน้า ” ฉันรู้สึกว่ามันอาจจะเป็นไปได้ สัญชาตญาณของฉันค่อนข้างแม่นยำ “
หยางโปยังคงไม่เชื่อ เขาหันมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบอะไร จึงหันหลังกลับและเดินกลับมา

เขาถึงกับคิดว่าคืนนี้ไม่น่าจะค้นเจออะไร

หลังจากกลับมาที่เกิดเหตุ เขาก็เห็นสีหน้าที่ประหลาดใจของไป่ฮุ่ยและฮวาหลิง หยางโปก็อดไม่ได้ที่เกิดความสงสัย ” เกิดอะไรขึ้น ? “

ฮวาหลิงอุทานออกมาด้วยความตกใจ ” เธอ… เธอไม่มีผม ! ” ได้ยินแบบนั้นหยางโปก็ตกใจถึงกับผงะไปเลย

เขาหันกลับไปมองหญิงสาวที่แต่งงานแล้ว ก็เห็นว่าเธอกุมผมเอาไว้ และมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ

เห็นท่าไม่ดีหญิงสาวที่แต่งงานแล้วก็กำลังจะวิ่งออกไปข้างนอก

หยางโปรีบตะโกนเรียก “ จับตัวเธอเอาไว้ อย่าปล่อยให้เธอหนีไปได้ ! ”
ลัวย่าวหัวตอบสนองอย่างรวดเร็ว รีบเข้าไปขว้างและหยุดเธอเอาไว้ หญิงสาวต่อต้านอย่างรุนแรงทั้งทึ้งทั้งกัด แต่ลัวย่าวหัวมีบอดี้การ์ดคอยปกป้องอยู่ ในไม่ช้าก็เอาชนะเธอจนได้ !

เมื่อจับตัวหญิงสาวไว้ได้ หยางโปจึงมองไปที่ผมที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นและชำเลืองมองศีรษะโล้นของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความแปลกใจว่า ” นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? “

หญิงสาวเหลือบมองหน้าหยางโป แต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร

หยางโปขมวดคิ้วขึ้นจากนั้นบอดี้การ์ดก็กดเธอลงอย่างแรง ” ตอบคำถามมา ! “

เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นและชำเลืองมองหน้าหยางโป ” ฉันเป็นแม่ชีจากวัดนันเซ็นจิพวกแกฆ่าฉันไม่ได้ ! “

หยางโปจ้องหน้าเธอ ” คุณเคยมาที่นี่มาก่อนใช่ไหม ? “
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแต่ไม่ได้พูดอะไร

หยางโป ถามต่อไปว่า ” คุณถูกขืนใจที่นี่ใช่ไหม ! “
หญิงสาวตัวสั่นเทา แต่ไม่ได้พูดอะไร

หยางโปตกใจมาก เพราะเขารู้ดีว่าเขาทายถูก !
“ คนที่ขืนใจคุณเป็นคนของวัดนันเซ็นจิ ! ” หยางโปถามต่อ

ทันใดนั้นหญิงสาวก็เบิกตากว้างและหันมองมา ดวงตาแดงก่ำอยู่ในความมืด ” เขาเป็นคนบ้า

เป็นสัตว์ร้าย เขายังเทียบไม่ติดกับสัตว์ร้ายเลยเสียด้วยซ้ำ ! “

หยางโปจ้องหน้าหญิงสาวเขม็ง ” เขาเป็นใครกันแน่ ? เขาทำอะไรอีก ? “

เมื่อถามถึงข้อนี้ปฏิกิริยาของหญิงสาวก็ยิ่งตอบสนองรุนแรงขึ้นใบหน้าที่งดงามของเธอดูบึ้งตึงขึ้น โดยเฉพาะศีรษะที่ไม่มีผมเลยของเธอ มันยิ่งทำให้เธอดูน่ากลัวมากขึ้นไปอีก !

“ เขาคือปีศาจเขาคือปีศาจ ! ” หญิงสาวพึมพำออกมา
“ เขาเป็นใครกันแน่ ? ” หยางโปสอบถามต่อ

หยางโปอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ” มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ” ลัวย่าวหัวที่ยืนอยู่ข้างๆก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ” มันแปลกมากจริงๆ “

” นำตัวเธอไป ” หยางโปสั่ง
หยางโปและผู้ติดตามของเขา พากันหายใจหอบปีนลงจากบนภูเขาเพื่อกลับไปที่จอดรถ

ไป่ฮุ่ยและฮวาหลิง ดูเหมือนจะตกใจกลัวมาก หยางโปจึงพูดปลอบโยนไป แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

ในขณะที่รถขับเคลื่อนออกไปอยู่นั้น หยางโปได้หยิบเงินสดออกมายื่นให้ ไป่ฮุ่ยและฮวาหลิง

” นี่คือค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปท่องเที่ยวยุโรปของพวกคุณ ” ฮวาหลิงจ้องไปที่เงินก้อนนั้น

และกลืนน้ำลายลงคอ เอื้อมมือจะไปรับ แต่กลับถูกไป่ฮุ่ยห้ามเอาไว้ “ คุณผู้ชาย ที่เราสามารถพาคุณมาที่นี่ได้ พวกเราก็ถือว่าได้ติดรถมาด้วยแล้ว เงินพวกนี้ไม่จำเป็นแล้ว ”

หยางโปยิ้มและเป็นธรรมดาที่จะเข้าใจว่าไป่ฮุ่ยรู้สึกหวาดกลัว และไม่อยากคบค้าสมาคมกับเขาเขาจึงส่งยิ้มให้ “ พวกคุณไม่ต้องกังวลไป ในอนาคตพวกเราจะไม่ได้พบกันอีก ” ไป่ฮุ่ยหันมองไปทางด้านหลัง เพราะในรถสองคันหลังนั้น มีหญิงสาวที่หัวโล้นนั่งอยู่ เธอกลัวว่า ในอนาคตหยางโปจะมาตามหาเธอ จึงรีบขอให้หยุดรถตรงหน้า

หยางโปเข้าใจความคิดของเธอ จึงไม่ได้พูดขัดอะไร หลังจากคนขับรถหยุดรถ หยางโปจึงปล่อยให้พวกเธอสองคนลงจากรถ

จากนั้นรถก็ขับเคลื่อนและขับมุ่งไปข้างหน้า จนมาถึงพื้นที่ห่างไกลและลับตาคน หยางโปจึงสั่งให้หยุดรถ จากนั้นเขาก็เข้าไปนั่งด้านหลังของรถอีกคันหนึ่ง เขานั่งอยู่ด้านข้างของหญิงสาวและกระซิบถามว่า ” คุณชื่ออะไร ? ” ” ไอซ์โกะฟุคุดะ ” หญิงสาวตอบ ดูเหมือนว่าเธอจะได้สติกลับมาแล้ว

หยางโปโบกมือส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดออกไปจากที่นี่ จากนั้นลัวย่าวหัวก็เข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับแทน

“ ตอนนี้คุณสามารถพูดได้แล้ว ” หยางโปกล่าว

ไอซ์โกะฟุคุดะเหลือบมองมาทางหยางโป ” พูดอะไร ? ” ” เล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ของคุณและไอ้ปีศาจตัวนั้น ! ” หยางโปตอบ

ไอซ์โกะฟุคุดะกวาดตามองหยางโป ส่ายหัวและพูดว่า ” ช่างเถอะคุณไม่สามารถเอาชนะเขาได้

เขาอยู่ยงคงกระพันฉันเคยเห็นเขาถูกลอบสังหารด้วยตาตัวเองแต่เขาก็ไม่ตาย ! “

หยางโปส่ายหัว ” ไม่มีใครสามารถอยู่ยงคงกระพันได้ ” ” เขาเป็นคนแบบนี้ เขาเป็นปีศาจตัวใหญ่ พวกคุณไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ฉันพูดออกมาไม่ได้จริงๆ ! ” ไอซ์โกะฟุคุดะกล่าว

ตอนที่ 888 ทางเข้า

หยางโปไม่สนใจ แค่เหลือบมองแล้วก็หันหน้ากลับมา ” ผู้หญิงคนนี้มีปัญหา “

ลัวย่าวหัวหัวเราะ “ ใช่ ฉันก็คิดว่ามีปัญหา คนหล่ออย่างฉันไม่ตามจีบแต่มาตามจีบคนอย่างนาย ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ! ”

ฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ หลังจากที่รถขับออกมาจากโตเกียว รถไม่ติด ความเร็วจึงเร็วขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นประมาณสองสามชั่วโมง หยางโปและพรรคพวกก็มาถึงจุดหมายในที่สุด

ในเวลานี้ท้องฟ้ามืดสนิทไปแล้ว จู่ๆทั้งสองก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา ไป่ฮุ่ยจึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า

” พวกเรารอจนถึงพรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยขึ้นไปบนภูเขากันเถอะ ! “

หยางโปเหลือบมองไป่ฮุ่ย ไป่ฮุ่ยมีใบหน้าที่งดงาม แต่ในเวลานี้ดูเหมือนจะค่อนข้างหวาดกลัว หยางโปยิ้มและปลอบโยนไปว่า ” ไม่เป็นไรถ้าคุณกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยจริงๆ ตอนนี้สามารถถ่ายภาพของเราไว้และส่งไปให้คนในครอบครัวได้ จากนั้นก็ค่อยโทรไปหาพวกเขา “

แต่ฮวาหลิงกลับไม่ได้คิดอะไรมาก ” ไป่ฮุ่ยเธอมั่นใจได้นะ ถ้าอย่างงั้นก็ให้ฉันขึ้นไปกับพวกเขา

ส่วนเธอรออยู่ด้านล่างก็แล้วกัน ถ้าฉันไม่ลงมา เธอก็โทรไปแจ้งความกับตำรวจได้เลย ! “

ลัวย่าวหัวที่ยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า ” อย่ามาทำเป็นเหมือนลาตายอย่างนั้น ฉันเหมือนคนเลวหรือยังไง ? มันเป็นแค่การปีนเขาในตอนกลางคืนก็เท่านั้น “

ไป่ฮุ่ยลังเลเล็กน้อย ในที่สุดก็พยักหน้าเห็นด้วย ” ตกลง พวกเราขึ้นไปกันเถอะ ! “
ในระหว่างที่คนสองสามคนกำลังลังเลอยู่นั้น ก็มีรถสปอร์ตสีแดงแล่นผ่านหลังพวกเขาไป

มันเป็นหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วคนเมื่อสักพักก่อนนั้น เธอตามมาจนถึงที่นี่จริงๆ !

หยางโปขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจ
ไม่นาน รถก็ขับขึ้นไปบนภูเขาตามเส้นทางที่ไป่ฮุ่ยบอก ไม่นานรถก็หยุดลงช้าๆบริเวณกลางภูเขา ไป่ฮุ่ยชี้ไปที่ยอดเขาและกล่าวว่า ” รถไม่สามารถขับขึ้นไปได้อีกต่อไปแล้ว พวกเราต้องข้ามภูเขาลูกนี้ไป ถึงจะเห็นหุบเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “

ในเวลานี้ท้องฟ้ามืดสนิท และมองไม่เห็นยอดเขาเลย แสงสว่างวาบผ่านตาหยางโปไป เขามองทะลุผ่านค่ำคืนที่มืดมิด ภูเขาลูกนี้ไม่ได้สูงมากนัก สูงเพียงสองร้อยเมตร ไม่นานก็ปีนขึ้นไปถึงได้

“ ที่นี่มีวัดอยู่ไหม ? ” หยางโปถาม
ไป่ฮุ่ยส่ายหัว ” ไม่มี “

ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น หยางโปก็หันไปเริ่มปีนเขา การออกมาครั้งนี้ หยางโปพาบอดี้การ์ดมาด้วยหกคนเหลือไว้คนหนึ่งให้เฝ้ารถ ส่วนคนอื่นๆปีนเขาตามมาด้านหลัง

ลักษณะพื้นที่ภูเขามีความราบเรียบ แต่ใช้ได้เพียงไฟฉายส่องทางได้เท่านั้น ดังนั้นความเร็วจึงช้าลงมาก

ลัวย่าวหัวไม่ค่อยได้ออกกำลังกายบ่อยนัก ปีนเขาไปได้สักพักเขาก็เริ่มหอบอย่างระทมทุกข์

” ภูเขาลูกนี้สูงแค่ไหนกัน พวกเราจะต้องปีนไปอีกนานแค่ไหน ? “

” ร่างกายของนายนี่มันแย่เกินไปรึเปล่า ? ” ฮวาหลิงอดไม่ได้ที่จะพูดต่อว่า ” ไม่น่าแปลกใจเลยที่เห็นแต่หน้าท้องนาย ส่วนคนอื่นเขามีแต่กล้ามเนื้อกันหมด ! “

ลัวย่าวหัวรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ” ที่แท้พวกคุณชอบแบบนี้นี่เอง ถ้างั้นกลับไปผมจะไปออกกำลังกายให้พวกคุณดู ! “

หยางโปหยิบไฟฉายสองไปตรงหน้า ก็เห็นเงาคนกำลังปีนเขาอยู่ คนนั้นสวมกระโปรงสั้น พองอตัว กระโปรงก็ยกขึ้นเผยให้เห็นด้านล่างของกระโปรง พอแสงไฟฉายส่อง ก็สามารถมองเห็นได้หมด !

พอคนคนนั้นถูกไฟฉายส่อง ก็หันหน้ากลับมามอง เป็นหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วคนนั้น !
หยางโปรีบก้มหน้า แล้วปีนขึ้นไปต่อ

พอไป๋ฮุ่ยเห็นฉากนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ลัวย่าวหัวรู้สึกแปลกๆ “ เกิดอะไรขึ้น คุณหัวเราะอะไร ? ”
ไป่ฮุ่ยส่ายหัว ” ฉันไม่ได้หัวเราะอะไร “

ลัวย่าวหัวรู้สึกสงสัยขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นก็หันไปทางหยางโป ” มีอะไรเหรอ ? “
” หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วคนนั้นวิ่งนำหน้าพวกเราไปแล้ว ” หยางโปตอบ

” มันมีอะไรน่าแปลก เดิมทีเธอก็มาถึงก่อนเราไปก้าวหนึ่งแล้ว ” ลัวย่าวหัวพูดด้วยความแปลกใจ ในขณะที่พูดเขาก็หยิบไฟฉายขึ้นมาส่องไปด้านหน้า และตกตะลึงไปทันทีเมื่อเห็นสภาพตรงหน้า

” โรคจิต ! “
เสียงสบถด่าดังมาจากด้านบน ทำให้ลัวย่าวหัวตะลึงไปชั่วขณะ เขาได้สติกลับมาทันที และเหลือบมองไปที่หยางโป “ นายเรียนรู้จนเสียคนไปแล้วจริงๆ ! แต่ฉันชอบนะ ! ”

ลัวย่าวหัวหัวเราะฮ่าๆเสียงดัง พร้อมกับยกไฟฉายส่องไปข้างหน้าด้วย
หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้ว ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอนั่งลงบนขั้นบันไดไม่ปีนเขาขึ้นไปต่ออีก

รอจนหยางโปและพรรคพวกเดินมาถึงตรงหน้าของเธอหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วก็อดไม่ได้อีกต่อไป เธอสบถด่าคำหยาบคายออกมาว่า ” โรคจิต ไอ้นักเลงตัวเหม็น ! แอบมองใต้กระโปรงคนอื่น หมายความว่ายังไง “

ลัวย่าวหัวหน้าด้านมาก ” สิ่งที่คุณพูดมาไม่ถูกนะ คุณเดินอยู่ด้านหน้า จะไม่ให้เรามองถนนข้างหน้าเลยหรือไง ? เป็นตัวคุณเองที่ขัดต่อประเพณีและวัฒนธรรมเองที่สวมกระโปรงสั้นแบบนี้เอง จะมาตำหนิพวกเราได้ยังไง ? “

หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วก็เป็นใบ้ไปทันที ” เห็นกันชัดๆอยู่แล้วว่ามันเป็นความผิดของพวกคุณ ! “
หยางโปก้มหน้ามอง เมื่อเห็นหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วสวมรองเท้าส้นสูง ที่ส้นสูงสิบกว่าเซนติเมตร ถ้าคิดที่จะมาปีนเขาก็คงจะลำบากมากทีเดียว

หยางโปปีนเขาต่อไปโดยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
หลังจากเดินไปได้สักพัก ลัวย่าวหัวก็หันไปส่องด้านล่าง เขาคว้าตัวหยางโปไว้ แล้วพูดว่า

” นายดูสิ นายรีบมาดูเร็วเข้า ! “

หยางโปตะลึงไปชั่วขณะ ” ดูอะไร ? “

หยางโปหันมองลงไปด้านล่าง เมื่อเห็นหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้ว จับคอเสื้อที่หน้าอกเอาไว้

แล้วเบิกตาโตมองมา

ลัวย่าวหัวพูดพึมพำว่า ” ให้นายรีบดู มันสายไปแล้ว ปิดไปแล้ว ยังต้องดูอะไรอีก ? “
หยางโปอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ในระหว่างที่เสียงร้องครวญคราญอยู่นั้น หยางโปและพรรคพวกก็ปีนขึ้นมาถึงบนยอดเขาในที่สุด จากนั้นก็เดินลงเขา มันจึงง่ายขึ้นมาก

ลมบนภูเขาค่อนข้างเย็น เหงื่อที่ไหลซึมออกมาตอนปีนเขา ตอนนี้เมื่อลมหนาวพัดมา จึงทำให้รู้สึกเย็นสบาย

หยางโปเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่ามีป่าไผ่ผืนหนึ่งอยู่ที่ในหุบเขาตรงเชิงเขา เขาสาวเท้าเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก จนเดินห่างออกจากลัวย่าวหัวและคนอื่นๆ

ในไม่ช้า หยางโปก็มายืนอยู่หน้าป่าไผ่สีม่วง เมื่อมองไปที่ป่าไผ่สีม่วงผืนใหญ่เบื้องหน้า

เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ

ป่าไผ่สีม่วงแห่งนี้ ดูเหมือนจะมีขนาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอล ใบไผ่และต้นไผ่เป็นสีม่วงทั้งหมด มีเสียงดังกรอบแกรบดังออกมาท่ามกลางสายลมยามค่ำคืน

แสงกระพริบผ่านตาหยางโปไป เขามองไปในป่าไผ่ม่วงอย่างระมัดระวัง
ไผ่สีม่วงที่นี่สูงมาก ไผ่สีม่วงบางต้นก็หนาพอๆกับเอวของผู้ใหญ่ หยางโปมองผ่านป่าไผ่อย่างระมัดระวังรอบหนึ่ง แต่กลับไม่ได้อะไรมาเลย !

ในที่สุดลัวย่าวหัวก็ตามมาถึงที่นี่ เขาใช้ไฟฉายส่องไปที่ป่าไผ่สีม่วง ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

“ แม้แต่ใบไผ่ก็ยังเป็นสีม่วง ! ทำไมถึงมีไผ่สีชนิดนี้ได้กันนะ ? ”

ไป่ฮุ่ยก็ตอบไปว่า ” ป่าไผ่แห่งนี้มีมาตั้งแต่ฉันยังเด็กแล้ว “
“ น่ามหัศจรรย์จริงๆ ! ” หยางโปพูดขึ้น แต่ในใจเขากลับคิดว่า ที่วัดนันเซนจิมีหญ้ามงคลพันปี สรุปแล้วมันอยู่ที่ไหนกันแน่ ? หรือว่าหมายถึงที่นี่หรือเปล่า ?

หรือว่าไผ่สีม่วงก็คือยาอายุวัฒนะพันปีใช่ไหม ?
หยางโปกำลังจะเดินเข้าไป เวลานี้หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วก็วิ่งตามมา สองมือของเธอถือรองเท้าส้นสูงไว้ เดินกะเผลกเข้ามา เมื่อเห็นว่าหยางโปกำลังจะเดินเข้าไปเธอก็รีบกรีดร้อง ” หยุดนะ ! “

หยางโปหันกลับไปมอง ก็เห็นหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วคนนั้นก้มตัวสวมรองเท้าและเดินเข้ามา

” ที่แท้ป่าไผ่สีม่วงที่ปรากฏอยู่ในความฝันของฉันมาโดยตลอดก็อยู่ที่นี่นี้เอง ! “

พอพูดจบ เธอก็หันไปมองป่าไผ่สีม่วงและเดินเข้าไป

หยางโปมองไปยังทิศทางที่หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วเดินเข้าไป ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น

ตอนที่ 887 หุบเขาไผ่ม่วง

เพราะหยางโปชอบออกกำลังกายเป็นประจำ จึงมีหุ่นที่ดีมาก กล้ามเนื้อหน้าท้องเห็นได้ชัดมาก ทำให้สามารถมองเห็นกล้ามเนื้อหลายมัดได้ในทันทีที่มอง !

เด็กสาวสองคนที่อายุน้อยหน่อย แอบมองมาทางหยางโปอย่างไม่ละสายตา จากนั่นก็ปิดปากและหัวเราะเบาๆ

หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วยังคงจับจ้องมาที่หยางโป อย่างเร่าร้อน ดูใจจดใจจ่อมากทีเดียว

เธอดูเหมือนจะดูถูกเด็กสาวสองคนนั้น แสยะยิ้มมุมปากและหันมาทักทายกับหยางโปว่า

” สวัสดีค่ะ ! “

หยางโปนิ่งอึ้งไปสักพัก ลัวย่าวหัวดูหล่อกว่าเขา อีกทั้งยังอารมณ์ดีกว่า ปกติเรื่องจีบหรือ

ตีสนิทลัวย่าวหัวจะเป็นคนทำหมด ในทำนองเดียวกัน ลัวย่าวหัวก็ถูกตีสนิทด้วยบ่อยกว่าเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตัวเองก็จะถูกจีบด้วยเช่นกัน !
หยางโปพยักหน้า ” สวัสดีครับ “

หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วดูจะอยู่ในวัยยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี เธอมีผิวพรรณที่ละเอียดเนียน

ใบหน้างดงาม น้ำพุร้อนก็ใสแจ๋ว ตอนที่ลงมาในน้ำ ผ้าขนหนูที่พันอยู่รอบตัวก็ถูกถอดออก

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หยางโปสามารถมองเห็นจุดแดงๆที่งดงามอย่างเลือนลาง

หยางโปค่อยๆละสายตาไปทางอื่น หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและเอ่ยออกมาว่า ” คุณผู้ชาย คุณมาเที่ยวญี่ปุ่นเหรอ ? ” หยางโปพยักหน้า “ ใช่ ผมมาเที่ยวญี่ปุ่น ”

หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วจ้องมองกล้ามหน้าท้องของหยางโป จากนั้นก็เลือนสายตามองไปที่รูปร่างที่เป็นมัดๆแล้วยิ้มอย่างเย้ายวน ” มาเที่ยวดีนะ คุณพอมีเวลาไหม ? ไปดื่มเป็นเพื่อนฉันสักแก้วได้ไหม ? “

หยางโปตกตะลึง เขาเพิ่งลงมาในน้ำ จะให้ขึ้นไปเร็วขนาดนี้ได้ยังไง ?
หยางโปที่กำลังจะปฏิเสธ กลับถูกลัวย่าวหัวหยุดไว้ เข้าก้มหน้ากระซิบเตือน ” รีบไป รีบไป ! “

เมื่อได้ยินคำเตือนหยางโปก็นึกขึ้นมาได้ว่า นี่เขากำลังจะลักลอบคบชู้ !
หยางโปเหลือบมองอีกฝ่ายแล้วหัวเราะ “ ผมสั่งสาเกมาแล้ว เดี๋ยวคงเอามาส่งแล้ว ! ”

ความดีใจบนใบหน้าของหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วก็หายไปทันที สีหน้าดูขุ่นเคืองใจอย่างหลบเลี่ยงไม่ได้

ลัวย่าวหัว เหลือบมองหยางโป “ แบบนี้ไม่ได้ นายต้องเปิดกว้างหน่อย นี้มันญี่ปุ่นไม่มีใครรู้จักนาย ความยับยั้งชั่งใจทางศีลธรรมของนายมันแข็งแกร่งเกินไป ! ”
หยางโปส่ายหน้า ” เอางี้ไหม นายไปเองสิ ? “

ลัวย่าวหัวก้มหน้ามองลงไปที่ท้องของตัวเอง จากนั้นก็มองไปที่กล้ามเนื้อหน้าท้องของหยางโป

เขาส่ายหน้าและพูดว่า ” ช่างเถอะ เธอไม่ได้ชอบฉัน “

เห็นได้ชัดว่าการปฏิเสธของหยางโปทำให้สาวๆ อีกสองคนดีใจมาก พวกเธอจับจ้องอยู่ที่กล้ามของ หยางโป ในที่สุดหญิงสาวคนหนึ่งก็รวบรวมความกล้า “ เรามาจากโอซาก้า ไม่คุ้นเคยกับโตเกียวมากนัก คุณพาเราไปเที่ยวด้วยกันได้ไหม ”

” ได้สิ แน่นอนว่าได้สิ ” ลัวย่าวหัวตอบ ” พวกคุณก็เห็นว่าเรามีกันแค่สองคน มันไม่มีความหมายเอาซะเลย ถ้าพวกคุณไปเที่ยวด้วยกันได้ก็คงจะดีมาก “
หยางโปแค่ยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร

นึกไม่ถึงว่าเด็กสาวสองคนนั้นจะดูดีใจมาก “ พวกคุณไปภูเขาไฟฟูจิมาแล้วหรือยัง ? ”
ลัวย่าวหัวหันไปมอง ” พวกคุณเคยไปที่นั่นแล้วเหรอ ? “
” พวกเรายังไม่เคยไปที่นั่น ” หญิงสาวหนึ่งในนั้นตอบกับมา

ลัวย่าวหัวก็พูดตาม ” แน่นอนว่าเรายังไม่เคยไปที่นั่นเหมือนกัน ! “
ในสระน้ำพุร้อนก็มีเสียงหัวเราะร่าเริงครึกครื้นกันขึ้นมาทันที

หญิงสาวที่แต่งงานแล้ว ยังคงจับจ้องอยู่ที่หยางโป เมื่อเธอเห็นหยางโปทำเมินเฉย เธอก็อดไม่ได้ที่จะทำสีหน้าปั้นยาก

ลัวย่าวหัวเอาแต่แกล้งเด็กสาวสองคนนั้น แต่ทางด้านหยางโปกลับไม่พูดอะไรสักคำ นั่งอยู่ในน้ำพุที่ล้อมรอบไปด้วยกำแพง แต่ก็ไม่สามารถปิดกั้นสายตาของ หยางโปไปได้ เมื่อมองผ่านกำแพง หยางโปก็มองเห็นภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ห่างไกลออกไป ที่มีนักท่องเที่ยวกำลังปีนเขาอยู่ที่กลางภูเขาที่ปกคลุมเต็มไปด้วยหิมะ

หลังจากมองอยู่สักพัก หยางโปก็ถอนสายตาออก ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่ามีรูปสลักไม้ไผ่สีม่วงชิ้นหนึ่งอยู่บนผ้าขนหนูอาบน้ำด้านหลังหญิงสาวที่แต่งงานแล้ว ซึ่งดูเหมือนจะเป็นรูปปั้นพระพุทธรูปไม้ไผ่สีม่วงจากวัดนันเซนจิ !

หยางโปชี้ตรงไปที่พระพุทธรูปไม้ไผ่แล้วถามไปว่า “ นั่นไปขอมากจากวัดนันเซนจิใช่ไหม ? ”
เมื่อหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วเห็นหยางโปเอ่ยปากถาม ก็รู้สึกดีใจมากจึงรีบพยักหน้าและกล่าวว่า ” ใช่ นี่คือพระพุทธรูปไผ่ม่วงของวัดนันเซนจิ ! “

” พวกคุณก็น่าจะเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีคนมาจำนวนมากมาเข้าแถวต่อคิวที่วัดนันเซนจิทุกวัน ตอนนั้นฉันมาเข้าแถวต่อคิวตั้งแต่ ตี3 แบบนี้ถึงได้เข้าแถวถึงแค่ตอนเที่ยงก่อนที่จะได้พระพุทธรูปไผ่ม่วงมา และฉันก็ได้ยินมาว่าวัดนันเซนจิศักดิ์สิทธิ์มาก ”

หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วเคารพบูชาวัดนันเซนจิมาก ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น สองมือจับพนมกันดูเหมือนลูกศิษย์ที่ศรัทธาและเลื่อมใส

แม่ของเด็กคนนั้น ชำเลืองมองไปที่หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้ว ดึงผ้าขนหนูมาจากด้านข้าง และพันไปรอบตัว จากนั้นก็คลุมตัวลูกของเธออีกครั้งและเดินออกไปจากที่นี่
เด็กสาวทั้งสองมองมาอย่างสงสัย ” มีอะไรหรือเปล่า “

ลัวย่าวหัวยิ้มและพูดว่า ” บอกชื่อพวกคุณมาให้ผม แล้วผมจะบอกพวกคุณ “
เด็กผู้หญิงสองคนอายุไล่เลี่ยกัน เด็กสาวที่ดูค่อนข้างอวบเล็กน้อยชื่อว่าฮวาหลิงและคนที่ผอมกว่ามีชื่อว่าไป่ฮุ่ย

ลัวย่าวหัวทำเพื่อให้ตัวเองรู้ชื่ออีกฝ่าย และรู้สึกอิ่มเอมใจมาก จากนั้นจึงได้เล่าเรื่องวัดนันเซนจิออกมาให้ฟัง

ฮวาหลิงเป็นคนปากกับใจตรงกัน ชี้ไปที่ไผ่สีม่วงและพูดขึ้นว่า ” นี่เป็นเพียงไผ่สีม่วงธรรมดาเท่านั้น มันจะไปศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไง ? “

หญิงสาวที่แต่งงานแล้วพูดเยาะเย้ย ” ถ้าพวกคุณกล้าเดินออกไปจากที่นี่และไปพูดคำเหล่านี้อีก ฉันเชื่อว่า พวกคุณจะต้องถูกตีจนตายอย่างแน่นอน ! “

ไป่ฮุ่ยคว้าตัวฮวาหลิงที่โกรธเกรี้ยวไว้ และเหลือบไปมองหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้ว “ ฮวาหลิงพูดถูก ไผ่สีม่วงชนิดนี้เป็นสิ่งของธรรมดามากสำหรับเรา และยังสามารถพบเจอได้ทั่วไป

ไม่ได้มีค่าอะไรเลย ! ”

สีหน้าของหยางโปเต็มไปด้วยความประหลาดใจเขามองไปที่ไป่ฮุย “ คุณแน่ใจจริงๆใช่ไหม ?

แน่ใจนะว่าไผ่ม่วงชนิดนี้สามารถเห็นได้ทั่วไป ” ไป่ฮุยพยักหน้า “ แน่นอน ทางเรามีภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยไผ่สีม่วงชนิดนี้ ! ”

” พวกเธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระ ! เป็นไปได้ยังไง ? พระสงฆ์แห่งวัดนันเซนจิบอกว่าไผ่สีม่วงเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เพราะมันสะสมไปด้วยกลิ่นอายของพระพุทธเจ้าเป็นเวลานาน

มันจึงกลายเป็นไผ่สีม่วง พวกคุณพูดจาไร้สาระกันไปหมดแล้ว ! ” หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วพูดโต้ตอบ

สีหน้าของหยางโปเต็มไปด้วยความดีใจ และไม่สนใจหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วคนนั้นเลย

” คุณช่วยพาเราไปที่นั่นได้ไหม ? ” ” ได้สิ รอพวกคุณแช่น้ำเล่นสักรอบแล้วเราจะพาคุณไปที่นั่น ” ไป่ฮุ่ยกล่าว

หยางโปส่ายหน้า ” ถ้างั้นมันก็ช้าไปแล้ว พวกเราไปกันตอนนี้เถอะ ! “
ไป่ฮุ่ยตกใจทันที ” ไม่ได้ เรายังไม่ได้แช่น้ำเล่นกันเลย ! “

หยางโปโบกมือ “ ถ้าพวกคุณพาพวกเราไปที่นั้น ผมจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการไปท่องเที่ยวที่ยุโรปในวันหยุดให้ ! ”
“ จริงเหรอ ? ” ฮวาหลิงตกใจมาก

หยางโปพยักหน้า ” พอพวกเราออกไป ผมจะเอาเงินให้พวกคุณ “
หญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วชำเลืองมองหยางโป ” คุณอย่าไปเชื่อพวกเธอ พวกเธอกำลังโกหกคุณ มันไม่มีไผ่สีม่วงอยู่หรอก ! “

หยางโปส่ายหน้า หยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาคลุมตัวแล้วหันเดินออกไปด้านนอก
ไม่นานกลุ่มของพวกเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเสร็จ และพากันขึ้นรถเมื่อเห็นบอดี้การ์ดนั่งอยู่ในรถ เด็กสาวทั้งสองก็ตกใจมาก แต่ก็กลับมามีท่าทีสงบนิ่งอย่างรวดเร็ว

หยางโปนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ หลับตาลงเล็กน้อย ทางด้านลัวย่าวหัวก็หันหน้ามองออกไปด้านนอก จู่ๆ เขาก็ชี้ไปที่ด้านหลัง “ เห็นไหม หญิงวัยสาวที่แต่งานแล้วคนนั้นเธอยังคงดื้อรั้น เธอจงใจที่จะตามนายมา ! ”

หยางโปเหลือบมองไปที่กระจกมองหลัง ก็เห็นหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วคนนั้นขับรถเปิดประทุน ผมปลิวไสวดูสง่างามตามมาจริงๆ

ตอนที่ 886 ชายหญิงอาบน้ำร่วมกัน

เถ้าแก่ส่ายหน้า ” รายละเอียดผมไม่ทราบ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมยังมีเรื่องอื่นที่ต้องไปทำ

ผมต้องกลับไปแล้ว “

พอพูดจบ เถ้าแก่ก็เลิกสนใจและหันหลังเดินจากไป
หยางโปมองตามร่างของเถ้าแก่ ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกฉงน ” เป็นไปได้ยังไง ? “
ลัวย่าวหัว ยังกล่าวอีกว่า ” ใช่ มันจะเป็นไปได้ได้ยังไง ? “

หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ ลัวย่าวหัวก็หันมาพูดกับหยางโปว่า ” นายติดต่อไปหาทานิกาวะหน่อยได้ไหม ถามเขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ” หยางโปพยักหน้า แต่แทนที่จะโทรหาทานิกาวะเขากลับต่อสายโทรไปหาอู่อีและถามเกี่ยวกับเรื่องนี้

อู่อีที่ไม่รู้อะไรเลย เธอจึงถามทานิกาวะไปตามตรง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน

เมื่อกลับมาถึงที่วัดนันเซนจิอีกครั้ง กลุ่มที่ต่อแถวกันอยู่ด้านนอกก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย แต่ยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

เป็นเรื่องยากที่หยางโปจะเข้าใจจิตใจของคนเหล่านี้ ในเวลานี้ แสงแดดกำลังร้อนแรงแผดจ้า

ผู้คนต่างตากแดดกันจนเหงื่อไหลซึมเหตุใดคนเหล่านี้จึงยืนรอต่อแถวกันอยู่ที่นี่ เพียงเพื่อจุดธูปสักการะเท่านั้นจริงๆเหรอ ?

หยางโปลังเลเล็กน้อยและเดินออกไปที่ด้านนอกวัดอีกครั้ง เขายืนอยู่หน้าอาราม แสงกระพริบผ่านตาเขาและผ่านกำแพงด้านนอก หยางโปเห็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมทะเลใต้นั่งอยู่ตรงกลางภายในห้อง รูปปั้นปางนั่งนี้มีความสูงประมาณห้าเมตร มือหนึ่งถือ น้ำมนต์ทิพย์เอาไว้ อีกมือหนึ่งทำท่าประทานพร ดูมีเมตตา อัธยาศัยดีและดูเคร่งขรึมน่าเคารพ

ที่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ ยังมีคนเข้าแถวต่อคิวกันอยู่ ไม่มีคนถือธูปบูชาพระ ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี

หยางโปยืนดูอยู่ข้างนอกสักพัก แต่ก็ไม่พบอะไร แต่ในขณะที่เขากำลังจะเดินจากไป เขาก็เห็นคนที่กำลังบูชาสักการะหยิบเอาจี้ที่ทำขึ้นจากไม้ไผ่ออกมาจากคอ จี้สลักรูปปั้นเหมือนรูปปั้นปางนั่งของเจ้าแม่กวนอิมที่อยู่กลางห้องโถง ชายผู้นั้นนำรูปปั้นเหมือนของพระโพธิสัตว์ไปไว้ตรงกลางอุ้มมือ แล้วหันศีรษะโน้มไปทางพระโพธิสัตว์ที่อยู่ใจกลางห้องโถงใหญ่เพื่ออธิษฐาน

ลัวย่าวหัวดึงหยางโปไว้ ” นายไม่เห็นหรือไง ผู้หญิงที่มาบูชาสักการะที่นี่จะมีเยอะกว่า ? “
หยางโปมองไปรอบๆ และเห็นว่าสภาพเป็นแบบนั้นจริงๆในสถานที่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้ใหญ่เกือบทั้งหมดและแทบจะไม่เห็นเด็กเลย “ หรือว่านี่คือเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรหรือเปล่า ? ” หยางโปหันกลับมามองหาคนเพื่อจะสอบถาม แต่ในขณะหันกลับมา เขาก็เหลือบไปเห็นอีกคนก็มีรูปเจ้าแม่กวนอิมห้อยอยู่บนหน้าอก เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ หยางโปก็เห็นว่าบนหน้าอกของคนส่วนใหญ่ดูเหมือนจะมีจี้เจ้าแม่กวนอิมห้อยอยู่ !

หยางโปค้นหาอย่างละเอียด ก็พบสถานที่แห่งหนึ่งในวัดที่แจกจี้ไม้ไผ่ มีแม่ชีท่านหนึ่ง ยืนอยู่ตรงทางออกที่ผู้แสวงบุญไปปักธูป เพื่อแจกจี้ไม้ไผ่แบบนี้ให้กับแขกทุกคนที่มาบริจาคเงินค่าธูป
หยางโปหันไปโบกมือให้ ลัวย่าวหัว ” ไป พวกเราไปหาที่กันเถอะ “

” ที่อะไร ? ” ลัวย่าวหัวถาม
“ สถานที่ขายจี้ ! ” หยางโปตอบ

ลัวย่าวหัวมึนงงมาก แต่เขาไม่รู้ว่าหยางโป หมายถึงอะไร แต่ในเมื่อหยางโปมีเบาะแสเขาจึงตามไป

หยางโปเดินไปตามทางเดินร้านค้าริมถนน และมองหาจี้ไม้ไผ่แบบนี้ที่พบเห็นได้บ่อยตามร้านค้าข้างทางแต่ละร้าน เขาก็พบมันทั้งสามร้าน แต่เขาดูออกว่า คุณภาพของจี้ไม้ไผ่เหล่านี้แย่กว่าที่วัดมอบให้มาก

เมื่อ ลัวย่าวหัวเห็นหยางโปเลือกรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า ” พวกนี่เป็นจี้ไม้ไผ่ธรรมดา เรากลับไปเมืองจีนหาจี้ดีๆ ซื้อที่เป็นหยกกันเถอะ มันจะดีกว่านี้ไหม ? “

หยางโปโบกมือ “ นายไม่เห็นหรือไง ? ว่ามีจี้แบบนี้ห้อยอยู่ที่คอของลูกศิษย์ที่ศรัทธาทุกคน ? ”
ลัวย่าวหัวค่อนข้างจะสงสัย “ ฉันเห็นสาวสวยคนหนึ่งโค้งคำนับลงต่ำไปหน่อย โดยเฉพาะสิ่งของที่ห้อยอยู่บนเชือกสีแดงที่ซ่อนอยู่ในร่องอกอย่างมิดชิด แต่มันไม่น่าจะเป็นชิ้นหยกหรอกเหรอ ?

มันเป็นไปได้ยังไงที่รูปปั้นแกะสลักเจ้าแม่กวนอิมปางนั่งจะทำมาจากไม่ไผ่ ? ”

หยางโปพยักหน้า “ นั่นสินะ แต่สีของไผ่ชนิดนั้นค่อนข้างแตกต่างกันไป ดูเหมือนจะเป็นสีม่วงหน่อยๆ ”
หลังจากทักทายกับเถ้าแก่ หยางโปก็เอ่ยถึงปัญหานี้ออกมาทันที

เถ้าแก่โบกมือว่า ” นี่ ผมลอกเลียนแบบมา ต่อให้คุณจะจากที่นี่ไปจนถึงกินซ่าโตเกียว ก็ไม่มีทางหารูปปั้นกวนอิมไผ่สีม่วงจากพวกเขาได้ เพราะไผ่สีม่วงชนิดนี้มีอยู่แต่ในวัดนันเซนจิเท่านั้น “

หยางโปมองหน้าเถ้าแก่ “ วัดนันเซนจิมีพระอยู่เป็นหลักหรือแม่ชีอยู่เป็นหลักอย่างงั้นเหรอ ? ”
“ แน่นอนว่าต้องเป็นแม่ชี แต่ก็ยังมีพระอยู่ในวัดสองสามรูป ” เถ้าแก่ตอบ “ เทคนิคการแกะสลักไม้ไผ่สีม่วงของวัดนันเซนจิละเอียดอ่อนมาก เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา ”

” ไผ่ม่วงมีอยู่ที่ไหน คุณรู้ไหม ? ” หยางโปถาม
เถ้าแก่ส่ายหัว ” ได้ยินว่ามีอยู่บนภูเขา แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะผมยังไม่เคยเห็นไผ่สีม่วงบนภูเขามาก่อน มันจะไปอยู่บนภูเขาได้ยังไง ? “

หลังจากสอบถามอยู่สักพัก ก็ไม่สามารถหาแหล่งที่มาของไผ่สีม่วงได้ หยางโปถึงได้ยอมแพ้
ลัวย่าวหัวก็พอจะเข้าใจความคิดส่วนใหญ่ของหยางโป “ นายคิดว่าพวกเขายังมีสำนักแม่ชีอยู่อย่างเป็นทางการหรือเปล่า ? ” หยางโปพยักหน้า ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงค่ายกลกระบี่ของตระกูลวอล์คเกอร์ขึ้นมา แต่ตัวเขาเองก็ปฏิเสธไปอีกครั้ง นี่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วค่ายกลกระบี่ที่ก่อตัวขึ้นตามธรรมชาตินั้นยากที่เราจะบังเอิญพบเจอ ต่อให้เราไปขอพระ

ขอพรให้เจอ ยังไงมันก็ไม่สำเร็จมันขึ้นอยู่กับพรหมลิขิตจริงๆ

ลัวย่าวหัวแนะนำ ” ในเมื่อหาไม่เจองั้นก็ช่างเถอะ พวกเราไปปีนเขาแช่น้ำพุร้อนกันดีกว่า รู้สึกว่าน้ำพุร้อนที่นี่น่าจะดี ที่สำคัญที่สุดคือได้ยินมาว่าน้ำพุร้อนบนภูเขาผู้ชายกับผู้หญิงสามารถอาบน้ำร่วมกันได้ ! “

หยางโปหันไปมองลัวย่าวหัว ” นายรู้ได้ยังไง ? “
ลัวย่าวหัวหัวเราะ “ มีเรื่องอะไรที่สามารถปกปิดฉันได้ ? พวกเรารีบเรียกแท็กซี่ขึ้นไปบนภูเขาในขณะที่มันยังเช้าอยู่ดีกว่า เราสามารถใช้เวลาช่วงบ่ายผ่อนคลายแช่น้ำอยู่บนภูเขาได้ ช่วงเย็น

ก็ไปนวดกันอีกสักหน่อย จะได้รู้สึกสบายดีไหม ! “

หยางโปพยักหน้าเห็นด้วย เขาจึงไม่มองหางานแกะสลักไม้ไผ่สีม่วงอีกแต่ตรงไปขึ้นรถและมุ่งหน้าไปยังภูเขา

หยางโปรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่สามารถตามหาวัตถุดิบยารักษาโรคพันปีในวัดนันเซนจิได้

แต่ตอนที่เข้ามา เขาไม่ได้คาดหวังกับเรื่องนี้มากนัก ดังนั้นเขาจึงสามารถยอมรับได้

ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงโรงอาบน้ำน้ำพุร้อน ลัวย่าวหัวใช้ภาษาญี่ปุ่นที่น่าเวทนาของเขาอธิบายความต้องการของเขาต่อเถ้าแก่
เถ้าแก่จึงรีบจัดการให้อย่างรวดเร็ว

น้ำพุร้อนในญี่ปุ่นมีเยอะมาก ในสภาพแวดล้อมที่ห่างไกลทำให้ชายหญิงเคยชินที่จะอาบน้ำร่วมกัน ต่อมาเมื่อมีโรงอาบน้ำเกิดขึ้นในเมือง เนื่องจากเมืองที่เจริญรุ่งเรืองขึ้น เพื่อให้โรงอาบน้ำเป็นที่พึงพอใจของผู้คน สถานที่เล็กๆจึงมีเพียงโรงอาบน้ำเดียวเกิดขึ้นเพื่อให้เป็นที่พอใจ ดังนั้นราคาของความพึงพอใจนี้ก็คือโรงอาบน้ำร่วมสำหรับชายและหญิง

โรงอาบน้ำน้ำพุร้อน ที่หยางโปทั้งสองมองหา ด้านในมีอ่างน้ำพุร้อนธรรมชาติที่บริสุทธิ์ พวกเขาพันตัวด้วยผ้าขนหนู จากนั้นก็เดินเข้าไป และเห็นว่ามีคนอาบน้ำอยู่หลายคนแล้ว ทั้งสองจึงเดินผ่านไป

เมื่อต้องมาอาบน้ำชายหญิงร่วมกันจริงๆ หยางโปก็ยังคงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้หญิงตรงข้ามดูเหมือนจะเป็นหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้ว จับจ้องมองมาที่เรือนร่างของเขาตลอดเวลา และดูเหมือนเธอจะสนใจเอามากๆ

เมื่อนั่งลงในอ่างอาบน้ำ หยางโปก็แก้ผ้าขนหนูออก และวางลงด้านข้าง น้ำในอ่างใสมาก

จนสมารถมองเห็นได้ชัดแจ๋ว

ทางด้านลัวย่าวหัวดูเป็นตัวเองมาก เวลานี้เขาเริ่มมองไปรอบๆอย่างกำเริบเสิบสาน
หลังจากผ่านไปสักพัก หยางโปก็เงยหน้าขึ้นและเห็นคน 5 คนนั่งอยู่ตรงข้าม เป็นผู้หญิง 4 คน และเด็กผู้ชายวัยสิบกว่าขวบ มีสองคนที่อายุน้อย ที่มีอายุเพียงยี่สิบต้น ๆ มีหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้ว 1 คนและอีกคนเป็นแม่ของเด็ก

พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะจ้องมองมาที่หยางโป และก้มหน้ากระซิบกันเป็นครั้งคราว

ตอนที่ 885 สอบถาม

หยางโปค่อนข้างประหลาดใจ เขามองไปที่คนขับรถ “ ศักดิ์สิทธิ์มากไหม ? ”
ไม่คาดคิดว่า จู่ๆคนขับรถจะเปลี่ยนคำพูดไปทันที ” ไม่ใช่ เป็นเพราะตอนเด็กผมอาศัยอยู่ที่นั้น

จึงคุ้นเคยมาก ! “

หยางโปแปลกใจมากเขาและลัวย่าวหัวหันมามองหน้ากัน ทั้งคู่รู้สึกแปลกใจมากทำไมคนขับถึงปฏิเสธขนาดนี้ ?

แต่พอมาถึงนอกวัดนันเซนจิจริงๆ หยางโปก็เห็นแถวทางเดินเป็นแนวยาวแถวหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย นี่ถึงจะเป็นสถานที่จุดธูปบูชาสักการะ !

ทานิกาวะกล่าวว่าวัดนันเซนจิอยู่ตีนเขาภูเขาไฟฟูจิ แต่ในความเป็นจริงวัดนันเซนจิกลับอยู่ห่างจากภูเขาไฟฟูจิถึง 10 ไมล์

ที่นี่กลับกลายเป็นตลาดสดที่มีมีชีวิตชีวาไปแล้ว มีร้านขายของและของกระจุกกระจิกวางเรียงรายกันมากมายอยู่สองข้างทาง

หยางโปและลัวย่าวหัว เดินเข้าไปด้านในจนกระทั่งเดินออกไปอยู่นอกวัด หยางโปก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าวัดนันเซนจิดูเล็กมาก มีเพียงอารามขนาดใหญ่เพียงหลังเดียว ในพื้นที่แคบๆในลานวัด มีพื้นที่คดเคี้ยวล้วนมีการต่อคิวเข้าแถวเรียงรายกันเป็นแถว !

หยางโปมองเหตุการณ์ที่มีชีวิตชีวาในสถานที่และหันไปมองหน้าลัวย่าวหัว ” นายเคยเห็นลานอารามที่เล็กๆขนาดนี้ไหม ? “

ลัวย่าวหัวส่ายหน้า “ วัดในจีนไม่มีลาน วัดในจีนส่วนใหญ่สร้างอยู่บนภูเขาต้องปีนขึ้นมาจากด้านล่าง ไม่มีทางเข้า เพราะอายเกินกว่าที่จะบอกว่าตัวเองเป็นวัดที่มีชื่อเสียงและมีประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน ! ”

หยางโปพยักหน้า “ ฉันก็ไม่เคยเห็นวัดเล็กๆแบบนี้มาก่อน แต่ดูจากสภาพตอนนี้ วัดนันเซนจิแห่งนี้น่าจะมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ”

หยางโปหันไปเหลือบมองวัดนันเซนจิอีกครั้งและอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว “ ถ้ามันเล็กขนาดนี้จริงๆ

ยาสมุนไพรพันปีจะไปซ่อนอยู่ที่ไหนกัน ? ”

” เราไปเดินดูรอบๆวัดนันเซนจิดูสักรอบกันเถอะ ” ลัวย่าวหัวแนะนำ
หยางโปพยักหน้า จากนั้นพวกเขาก็หันหลังให้ฝูงชนแล้วไปเดินดูรอบๆวัดนันเซนจิ

เมื่อเดินไปทางด้านหลังของวัดนันเซนจิ ที่นี่ก็ดูเงียบกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองเดินไปรอบๆ วัด แสงก็สว่างวาบผ่านตาของหยางโปไป เขาจ้องไปที่ลานด้านในวัด และมองสำรวจดูอย่างละเอียด

วัดแห่งนี้มีขนาดเล็กมาก มีอารามเพียงหลังเดียว ฝูงชนที่มาต่อแถวเข้าคิว ทุกคนสักการะด้วยธูปได้แค่สามดอก จากนั้นก็ต้องเดินออกมา ดำเนินการกันอย่างรวดเร็ว ยังมีคนคอยชี้แนะอยู่ในสถานที่

หลังจากเดินดูไปได้รอบหนึ่ง ก็ไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเลย หยางโปเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าพระอาทิตย์เคลื่อนมาอยู่ครึ่งค่อนฟ้าแล้ว เขาหันไปพูดกับลัวย่าวหัวว่า “ พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ”

ลัวย่าวหัวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ นายมีเบาะแสบ้างไหม ? ”
หยางโปนึกถึงคนขับรถเมื่อสักครู่นี้ เขาจึงเอ่ยขึ้นมาว่า ” มองหาคนในพื้นที่แล้วสอบถามเอาก็แล้วกัน “

ทั้งสองตั้งใจหาร้านเล็กๆสักร้านหนึ่ง หลังจากที่เดินเข้าไป ทั้งสองก็สั่งรอจนเถ้าแก่นำอาหารมาเสิร์ฟให้ หยางโปจึงดึงอีกฝ่ายไว้ ” เถ้าแก่คุณมีทางเข้าไปในวัดนันเซนจิโดยตรงไหม ? “
เถ้าแก่หลือบมองหยางโป “ พวกคุณเป็นใคร ? ”

หยางโปจึงเอ่ยปากตอบไปว่า “ พวกเราเป็นลูกศิษย์ที่มีความเคารพศรัทธา อยากจะเข้าไปจุดธูปบูชา แต่หลังจากมาถึงที่นี่วันนี้ พบว่ามีคนจำนวนมากเกินไป ต่อให้พวกเราต่อแถว วันนี้ก็คงไม่อาจเข้าไปได้ ดังนั้นจึงคิดที่จะหาช่องทางเข้าไปกัน ”

เถ้าแก่มองมาที่พวกเขาอย่างสงสัย ” ใครเป็นคนแนะนำพวกคุณมาที่นี่ ? “
หยางโปส่ายหน้า ” พวกเรามานี่ด้วยความเลื่อมใสในชื่อเสียง ! “

” มันไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ ! ” เถ้าแก่จ้องมองไปที่พวกเขาตาเขม็ง ” มีใครแนะนำพวกคุณให้มาที่นี่อย่างงั้นเหรอ ! “
“ ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้ ? ” หยางโปถาม

เถ้าแก่นิ่งอึ้งไปสักพัก ” เพราะหลังจากประกอบพิธีสักการะ ทุกคนจะถูกขอร้องไม่ให้แนะนำวัดนันเซนจิให้กับบุคคลภายนอก ! “

หยางโปตกใจมองหน้าเถ้าแก่ “ เป็นไปได้ยังไง วัดทุกแห่งไม่ใช่ต้องการให้คนมายิ่งมากยิ่งดีหรอกเหรอ ทำไมวัดนันเซนจิถึงต้องการทำแบบนี้กันล่ะ ? ”

เถ้าแก่ส่ายหน้า ” นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะสามารถรู้ได้ บะหมี่ของพวกคุณทำเสร็จแล้ว เชิญทานกันให้อร่อย “
เถ้าแก่ดูเป็นคนค่อนข้างรอบคอบ อธิบายให้ฟังแค่ไม่กี่คำก่อนที่จะหันหลังและเดินจากไป

เมื่อนึกถึงสิ่งที่คนขับรถคนผู้นั้นพูด เขาคนนั้นคงได้รับการเตือนมาด้วยเช่นกันแน่ๆ ดังนั้นจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลีกเลี่ยงการเอ่ยถึงวัดนันเซนจิ

หยางโปและลัวย่าวหัวมองหน้ากันในเมื่อมีเรื่องแบบนี้ แต่ถ้าไม่สามารถได้รับความกระจ่างแจ้ง

ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงคาใจ

ไม่นานหยางโป ทั้งสองก็กินบะหมี่เสร็จ และจ่ายเงินให้ โดยที่หยางโปจงใจให้เงินมากหน่อย จากนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะแสดงท่าทีให้เถ้าแก่รู้
ไม่นาน หยางโปทั้งสองคนก็เดินไปที่หัวมุมข้างร้าน

หลังจากรอมานานกว่า 20 นาที แต่ก็ยังไม่มีใครโผล่มาจู่ๆ ลัวย่าวหัวก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา

“ ช่างมันเถอะ ไม่ต้องรอต่อไปแล้ว เขาไม่น่าจะมา ”
หยางโปส่ายหน้า ” ไม่เป็นไรรอต่ออีกสักครู่ “

ลัวย่าวหัวหันไปดูจากระยะไกลและแต่ไม่มีใครอยู่เลย เขาทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงแค่รอต่อไป

อีกประมาณสิบกว่านาที ในขณะที่ลัวย่าวหัวหยุดพูด และรีบร้อนที่จะจากไป เถ้าแก่ร้านบะหมี่ก็เดินเข้ามาหา

หยางโปรีบเข้าไปทักทายเขาและจับมือกับอีกฝ่าย ” ต้องขอโทษด้วยจริงๆรบกวนคุณแล้ว “
เถ้าแก่ยิ้มและส่ายหน้าว่า ” ไม่เป็นไร แต่ผมพูดได้สั้นๆ แค่บางส่วนเท่านั้น รายละเอียดของเนื้อหาพูดไม่ได้ “

หยางโปกล่าวอย่างรวดเร็วว่า ” คุณวางใจได้ พวกเราไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักพอ พวกเราแค่อยากรู้อยากเห็นก็เท่านั้น “

พอพูดจบ หยางโปก็กระซิบว่า ” คุณสามารถมั่นใจได้ว่าพวกเราจะไม่ปฏิบัติต่อคุณในทางที่ไม่ดี “
เถ้าแก่ยิ้ม ” ผมรู้ว่าพวกคุณรีบร้อนกันมาก แต่พวกคุณควรรู้ด้วยว่ามีเรื่องบางเรื่องที่พูดออกไปไม่ได้ “

หยางโปพยักหน้าและถามเขาอย่างสงสัยว่า ” ที่วัดนันเซนจิมีผู้คนจำนวนมากมาต่อแถวเข้าคิว พวกเขาบางคนบอกว่าศักดิ์สิทธิ์ แต่ทำไมชื่อเสียงถึงไม่โด่งดังอย่างงั้นเหรอ ? “

เถ้าแก่เหลือบมองหยางโป “ ที่ชื่อเสียงไม่โด่งดัง ปัญหาส่วนใหญ่มาจากคนในพื้นที่ เพราะในช่วงเริ่มแรกของการสร้าง วัดนันเซนจิ หลังจากที่คนในท้องถิ่นมาสักการะแล้วหลายคนก็รู้สึกว่า

ศักดิสิทธิ์ ในเวลานั้นพวกเขาไม่ยอมที่จะให้เผยแพร่ออกไป แต่กลับหวงแหนปิดเป็นความลับ

เป็นแบบนี้มานานวันเข้า ถึงแม้จะมีผู้แสวงบุญมาที่วัดนันเซนจิมากมาย แต่มันเป็นการค่อยๆสะสมเรื่องราวในช่วงหลายพันปีมานี้ของพวกเขา ”

หยางโปตกใจนิ่งอึ้งไป ” ทำไมพวกเขาถึงมีความคิดแบบนี้ ? “
เถ้าแก่ส่ายหน้า ” นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะสามารถรู้ได้ “

หยางโปเกิดความสงสัยเล็กน้อย “ ผมเห็นว่าวัดนันเซนจิมีบริเวณโดยรอบไม่กว้างมากนัก ซึ่งมันไม่สอดคล้องกับชื่อวัดพันปีที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ! ”
เถ้าแก่เกิดลังเลขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบมองหน้าหยางโป และก้มศีรษะลงอีกครั้ง

ทันใดนั้นหยางโปก็รีบหยิบเงินที่เตรียมไว้ออกมา และยื่นให้อีกฝ่าย “ รบกวนคุณแล้วนะ ”

เถ้าแก่รับเงินมาแล้วบีบดูเล็กน้อย จากนั้นถึงจะเผยรอยยิ้มออกมา “ อันที่จริง ผมจะบอกพวกคุณนะ ที่นี่ไม่ใช่ทั้งหมดของวัดนันเซนจิ ถึงแม้ผมจะไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่ผมได้ยินมาว่า

วัดนันเซนจิดูเหมือนจะมีสถานที่ซ่อนเร้นอยู่ที่หนึ่ง ที่นั้นมีพระพุทธรูปจำนวนมาก แต่แค่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อนก็เท่านั้น “

หยางโปรู้สึกตกใจมาก ” ยังมีที่อื่นอยู่อีก ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ “
เถ้าแก่กลับไม่เอ่ยปากอธิบาย

หยางโปหันไปมองหน้าเถ้าแก่อีกครั้ง ” ประมาณเมื่อไหร่ที่พูดกันแบบนี้ ว่าวัดนันเซนจิยังมีเรือนรับรองอื่นอยู่ในวัดนันเซนจิอยู่อีก ? “

ตอนที่ 884 วัดนันเซนจิ

หยางโปเดินออกมาอีกครั้ง บนพื้นตรงด้านนอกก็ถูกล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว พรมปูพื้นทั้งหมด โต๊ะยาวที่มีไว้จัดงานเลี้ยง ถ้วยชามทั้งหมดหายไปราวกับว่าคืนนี้ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น

แต่กลิ่นแอลกอฮอล์และกลิ่นเลือดจางๆในอากาศ ก็บ่งบอกว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่นี่เมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้ !

ทานิกาวะเสียหน้าในงานเลี้ยงเต้นรำครั้งนี้ แต่แผนการของเขาและความเฉลียวฉลาดของเขากลับทำให้ทุกคนทึ่ง ยิงปืนไปเพียงครั้งเดียวก็แก้ปัญหาในงานเลี้ยงเต้นรำได้เกือบทั้งหมด
ลัวย่าวหัวยืนอยู่ด้านหลังหยางโป ” นายกำลังคิดอะไรอยู่ ? “
หยางโปส่ายหน้า ” ไม่ได้คิดอะไร “

ลัวย่าวหัว ยิ้มและกล่าวว่า “ เดิมทีฉันยังคงคิดว่า ในแต่ละวันทานิกาวะคงจะไม่มีอะไรทำเช่นเดียวกับฉัน ก็สามารถขึ้นมานั่งเป็นประธานของกลุ่มได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันยังตามหลังอยู่ไกลทีเดียว พอได้ฟังที่พวกเขากล่าวถึง เรื่องในอดีต ตอนที่ทานิกาวะยังหนุ่มยังแน่นมันคงยากมากที่จะขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ ”

ทานิกาวะเดินออกมาดูเหมือนเขาจะได้ยินคำพูดของ ลัวย่าวหัว แต่เขากลับไม่สนใจ เขาเหลือบมองไปทางหยางโป “ คุณหยาง คุณต้องการก้าวหน้าและอยู่ต่อที่ประเทศญี่ปุ่นไหม ? ”
หยางโปรู้สึกแปลกใจ “ ทำไมคุณถึงถามแบบนั้น ? ”

ทานิคาวะมองหน้าหยางโป เกิดลังเลขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็เอ่ยปากพูดว่า ” บางเรื่องผมคิดว่าพูดกันให้มันชัดเจนดีกว่า คุณหยางต่อจากนี้คุณก็รู้ดี ผมจะทุ่มเททุกอย่างในการฝึกฝนอู่อี เพื่อที่จะให้เธอได้ขึ้นมานั่งในตำแหน่งประธาน ต่อจากนี้เธอจะต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่โหดร้ายและขั้นตอนการต่อสู้นี้จะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น ! “

“ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากให้เธอมีที่พึ่งพิง คุณหยางคุณมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เพียงแค่มีคุณยืนอยู่ข้างหลังเธอ และสามารถช่วยรักษาอาการป่วยให้พี่น้องในสมาคมได้ เธอก็ไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับตำแหน่งอีก ดังนั้นผมหวังว่าคุณหยางจะอยู่ที่นี่

เพื่อช่วยอู่อี ! ”

หยางโป มองหน้าทานิกาวะ ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมทานิกาวะถึงไม่หยุดพวกเขาไม่ให้ไปที่ริมทะเลสาบเมื่อสักครู่ ที่แท้ก็คิดแบบนี้นี่เอง !

แต่หยางโปกลับลังเล เขามีความรู้สึกดีต่ออู่อีก็จริง แม้ว่าจะมีการพบกันมาหลายครั้งก็ตาม

และเขาก็ดูออกว่า อู่อีเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง มีบุคลิกร่าเริง และไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยถึงสถานะจะเปลี่ยนไป แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ที่นี่ !

หยางโปมีความรู้สึกดีต่ออู่อี แต่เขาไม่ได้ชื่นชอบประเทศญี่ปุ่น และแม้ว่า สมาคมอินากาวะจะก่อตั้งเป็นบริษัทขึ้นมาแล้วก็ตาม แต่โดยปกติแล้วก็ยังคงถูกคนประณาม เขากลัวว่าปู่ของเขาจะคัดค้าน !

“ คุณทานิกาวะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมอยู่ต่อไม่ได้ ” หยางโปปฏิเสธ
สีหน้าขอทานิกาวะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาจ้องหยางโปไม่วางตาไปนานสักพัก ก่อนที่เขาจะส่ายหัวและถอนหายใจ ” ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ลืมมันไปซะ ! “

พูดจบ ทานิกาวะก็หันหลังและเดินกลับเข้าไปในห้อง
หยางโปมองทานิกาวะที่เดินจากไปและหันไปพูดกับลัวย่าวหัวว่า ” ฉันควรที่จะตอบตกลงไหม ? “

ลัวย่าวหัวพยักหน้าและพูดว่า ” ฉันคิดว่าควรที่จะตอบตกลง เพราะเงื่อนไขนี้ดีมากเขายกลูกสาวให้ และยังให้สินสอดมากมายขนาดนี้ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะตอบตกลงอย่างดีใจสุดๆไปเลย “

หยางโปหัวเราะ “ ถ้านายตอบตกลง พรุ่งนี้ก็คงมีชื่อพาดหัวข่าวในหน้าสื่อต่างประเทศ ลูกชายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแต่งงานกับลูกสาวของผู้นำของแก๊งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น หัวข้อข่าวแบบนี้ ต้องได้รับความนิยมมากแน่ๆถูกไหม ? ”

ลัวย่าวหัวตกตะลึงไปชั่วขณะเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยจริงๆถ้ามีการรายงานออกไปจริง นั้นถึงจะเป็นเรื่องที่หลอกลวงกันชัดๆ

เมื่อหยางโปกลับมาถึงห้องรับแขก ก็พบว่าอู่อีนั่งหน้าบึ้งอยู่บนโซฟา น้ำตาไหลรินลงอาบแก้มไม่หยุด เหมือนแม่น้ำที่ไหลล้นตลิ่ง

ลัวย่าวหัวจึงเดินกลับไปที่ห้องอย่างเงียบๆ
หยางโปเดินเข้ามานั่งข้างๆเธอ จากนั้นก็สวมกอดเธอเอาไว้เบาๆ ” ต้องขอโทษด้วยจริงๆฉันอยู่ต่อไม่ได้ “

อู่อีส่ายหัว ” ไม่เป็นไรฉันรู้ “
หยางโปหมดสิ้นหนทาง “ เธอน่าจะตรวจสอบตัวตนของฉันมาก่อนแล้ว ถ้าฉันอยู่ที่นี่ต่อไปมันจะส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก ”

อู่อีพยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบกลับว่ายังไง แต่น้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด
หยางโปเข้าไปกอดเธอและปล่อยให้เธอร้องไห้ในอ้อมกอดของเขาต่อไป

หลังจากนั้นไม่นาน อู่อีก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาทั้งคู่บวมและแดงก่ำ แต่ใบหน้ายังคงงดงาม
เธอเงยหน้าขึ้นมองหยางโป “ ในภายภาคหน้าฉันหมายความว่าในอนาคตถ้ามีโอกาสนายจะยังมาหาฉันที่ญี่ปุ่นไหม ? ”

หยางโปพยักหน้า ” แน่นอน ฉันจะมาหาเธอแน่นอน “
อู่อีเม้มริมฝีปากและยิ้มออกมาอย่างสดใส

วันที่สองหยางโปไปกินซ่าเยี่ยมชมตึกนั้นที่ทานิกาวะมอบให้เขาแล้วก็ไปทำเรื่องโอนย้าย

อันที่จริงหยางโปไม่ได้สนใจอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้มากนัก แต่เนื่องจากทานิกาวะมอบให้เขาจึงต้องยอมรับมันไว้จะปฏิเสธทิ้งไปมันก็กะไรอยู่ ?

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หยางโปและลัวย่าวหัวก็ตั้งใจที่จะอำลาและไปจากโตเกียว

เมื่อหยางโปพบกับอู่อี อู่อีก็มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใส และกลับสู่สภาวะปกติเธอสวมชุดกระโปรงสีดำเดินตามหลังทานิกาวะมา และได้กลายเป็นเลขาคนใหม่ของทานิกาวะ แต่เวลาที่ทุกคนเรียกขานเธอ ต่างเรียกเธอว่า ผู้จัดการอู่อี

แม้ว่าท่าทีของทานิกาวะจะยังคงให้ความเคารพ แต่น้ำเสียงของเขาก็แปลกไป “ คุณหยางในเมื่อคุณจะจากไปแล้ว ผมก็ไม่ขอให้พวกคุณอยู่ต่อ แต่ช่วงนี้ผมเพิ่งได้รับข่าวว่ามีหญ้ามงคลอายุพันปีในวัดนันเซนจิที่อยู่ตีนเขาภูเขาไฟฟูจิ ”

“ หญ้ามงคลพันปี ? ” หยางโปรู้สึกค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น
ทานิงาวะพยักหน้า “ ผมก็ไม่รู้รายละเอียดชัดเจน วัดนันเซนจิมีชื่อเสียงมาก ถูกก่อตั้งมาตั้งแต่ 1,500 ปีก่อน แต่ชื่อเสียงไม่โด่งดังมากนัก แต่เท่าที่ผมรู้มา วัดนันเซนจิ 1,500ปีมานี้ไม่เคยขาดการไปทำบุญสักการะ พระในวัดมีไม่มากนักและถ่อมตัวกันมาก ”

หยางโปขมวดคิ้วโดยทั่วไปแล้ว วัดที่มีประวัติมาอย่างยาวนานล้วนมีชื่อเสียงมาก แม้ในอดีตจะไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่หากมีอายุยืนยาวถึงพันปี ชาวบ้านใกล้เคียงจะต้องรณรงค์ส่งเสริม

วัดนันเซนจิแห่งนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง ?

แต่ยังไงก็ตาม ในเมื่อมีหญ้ามงคลพันปีอยู่ ต่อให้การไปครั้งนี้จะเป็นการวิ่งไปโดยเปล่าประโยชน์ หยางโปก็ไม่สนใจ

“ ถ้าอย่างนั้นต้องขอบคุณคุณทานิกาวะมากแล้ว ดูเหมือนว่าผมจะต้องไปที่วัดนันเซนจิสักรอบแล้ว ” หยางโปกล่าว

ทานิกาวะยิ้ม “ คุณหยาง หวังว่าคุณจะบรรลุตามเป้าหมายนะ ”
หยางโปพยักหน้า ก่อนที่จะหันไปพยักหน้าให้อู่อี และขอตัวจากไป

เมื่อเดินออกจากอาคารสำนักงานใหญ่ของสมาคมอินากาวะมา หยางโปก็ชำเลืองมองลัวย่าวหัว “ รู้สึกว่ามันแปลกๆไหม ? ”

ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” ใช่ ฉันก็รู้สึกว่าคำพูดของเขาไม่สอดคล้องกัน เป็นไปได้ยังไงที่วัดที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานจะไม่เป็นที่รู้จัก ? “

หยางโปส่ายหัว ” ช่างเถอะ ในเมื่อเขาได้รับเบาะแสมา ไปดูกันสักรอบเถอะ ถ้าไม่ไป

ก็จะรู้สึกคาใจ “

ลัวย่าวหัวหัวเราะ “ นายนี่มัน ตอนนี้นายฝึกฝนตบะจนกลายเป็นคนงี่เง่าไปแล้วหรือไง ฉันคิดว่าเมื่อคืนนายจะจัดการอู่อีเสร็จเรียบร้อยไปแล้วซะอีก ? คิดไม่ถึงว่านายจะเสียโอกาสดีๆไปเปล่าๆ ! ”

หยางโปไม่ได้อธิบายอะไรมาก
ทั้งสองคนขึ้นรถแท็กซี่และบอกให้คนขับรถมุ่งหน้าไปที่ชื่อ ” วัดนันเซนจิ ” ทันที แต่คิดไม่ถึงว่าคนขับจะไม่รู้จักที่อยู่อย่างชัดเจน

หยางโปบอกว่าวัดนันเซนจิ ชื่อเสียงไม่โด่งดังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่คิดไม่ถึงว่าคนขับรถจะอธิบายว่า ” นั้นมันในสายตาของคนนอกอย่างพวกคุณ วัดนันเซนจิไม่ค่อยเป็นที่

รู้จัก แต่สำหรับพวกเราแล้ววัดนันเซนจิศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ! “

ตอนที่ 883 จูบแรก

ปัง ! ปัง ! ปัง !
หลังจากเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดติดต่อกัน ทุกคนที่ยืนขึ้นและคิดที่จะวิ่งกรูกันเข้ามา ต่างก็พากันล้มระเนระนาดลงบนพื้น !

เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้นถึงได้เห็นว่ามีพลซุ่มยิงยืนอยู่บนกำแพงด้านบนนานแล้ว พวกเขาล้อมรอบอยู่ทั้งสี่ด้านโดยมีปืนสไนเปอร์เล็งมาที่กลางลานบ้าน คนพวกนั้นเมื่อสักครู่ ถูกพวกเขาซุ่มยิงฆ่าตายนั้นเอง !

ทุกคนต่างตกตะลึงกันไปหมด เมื่อทุกคนคิดว่าทานากะและลูกชายต้องชนะ ทานากะก็ยิงลูกชายของตัวเองตาย เมื่อทุกคนคิดว่ายังพอมีความหวัง และคนที่คิดจะต่อต้านก็มาตายกันหมด !

ทุกคนอ้าปากค้างและอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เฒ่าทานากะเขากับทานิกาวะคบค้ากันมานานหลายปี คุ้นเคยกับนิสัยของทานิกาวะดี แต่ที่คิดไม่ถึงคือ เขาจะตัดสินใจได้เด็ดขาดขนาดนี้ !

หรือว่าเฒ่าทานากะอยากยิงลูกชายทิ้งเพื่อที่จะเอาตัวรอดไปวันๆ เมื่อเฒ่าทานากะเห็นทุกคนมองมาที่เขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ หลายปีที่ผ่านมานี้ นายยังคงมีแผนการอยู่ตลอด ! บางทีการที่นายไม่เปิดเผยเคี้ยวเล็บมานาน ทุกคนอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนนายก้าวมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ! แต่สำหรับฉันยังจำได้ชัดเจน ! ” เฒ่าทานากะมองไปรอบๆกำแพง “ ในชีวิตนี้ของฉันไม่มีอะไรที่ไม่กล้าทำ ในเมื่อก้าวเข้าไปอยู่ในกับดักของนายแล้ว ฉันก็ไม่คิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ !

ทานากะทำเรื่องที่น่าละอายใจต่อนาย ฉันก็มาขจัดเรื่องราวสกปรกในครอบครัวทิ้งให้ หวังเพียงว่าเรื่องนี้จะจบลงหลังจากที่ฉันตายไปแล้ว ! ”

พอสิ้นคำพูด เฒ่าทานากะก็ยกปืนขึ้นเล็งไปที่ขมับของตัวเอง !
“ ปัง ! ”

เสียงกระสุนปืนที่ดังขึ้นนัดหนึ่ง ทำเอาเฒ่าทานากะล้มลงบนพื้นอย่างช้าๆเมื่อเทียบกับลูกชายที่ไม่เอาไหนของเขา ตัวพ่อยังแข็งแกร่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ยอมที่จะร้องขอด้วยความชอบธรรมมากกว่าที่จะร้องขอโดยต้องเสียศักดิ์ศรี !

หยางโปจับตามองเฒ่าทานากะล้มลงด้วยใบหน้าที่ตกใจเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฒ่าทานากะจะใจเด็ดขนาดนี้ !

ทานิกาวะมองไปยังทิศทางที่เฒ่าทานากะล้มลง ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ มิตรภาพของเพื่อนที่อยู่กันมาหลายสิบกว่าปี มลายหายไปแบบนี้ เมื่อเข้าใจหรือแก้ไขเรื่องหลักแล้ว ก็จะเข้าใจหรือแก้ไขเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องได้ !

เฒ่าทานากะเป็นคนฉลาดอย่างไม่ต้องสงสัย เขาใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อยุติเรื่องนี้ ปกป้องภรรยาของเขาและช่วยญาติสนิทของเขาเอาไว้ !

ทานิกาวะกวาดตามองภารกิจสำคัญด้านล่างเวที ไม่มีใครกล้าเงยหน้ามองเขา ทุกคนก้มหน้าลง ในเวลานี้ เมฆดำทั้งหมดได้กระจายตัวหายไปหมดแล้ว !

หยางโปมองไปด้วยความแปลกใจ อู่อียืนขึ้น เลือดที่ขาไหลลงพื้น แต่ดูเหมือนเธอจะไม่มีอาการใดๆเลย !
นี่เป็นเลือดปลอม !

จู่ๆ หยางโปก็นึกขึ้นมาได้ ว่าทานิกาวะไม่เพียง แต่เตรียมตัวเอาไว้นานแล้วเท่านั้น

แต่ยังเตรียมพร้อมมากอีกด้วย แม้กระทั่งเตรียมการแสดงนี้ก็ยังเตรียมเอาไว้อย่างดี มิฉะนั้นจะไม่เพียงพอที่จะอธิบายได้ว่าทำไมอู่อีถึงเตรียมการและมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ !

เห็นได้ชัดว่าเพื่อปกป้องอู่อี ทานิกาวะจงใจให้เธอ “ โดนโจมตี ” เมื่อเป็นแบบนี้ ก็จะไม่มีใครมายิงเธอซ้ำอีก !

ทานิกาวะยืนอยู่บนเวทีกวาดสายตามองฝูงชนที่อยู่ด้านล่าง เมื่อเห็นหยางโปยืนอยู่ที่ตรงหัวมุมเขาก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าให้

“ ทำให้ทุกคนตกใจแล้ว ความขัดแย้งบางอย่างที่เกิดขึ้นในงาน ได้รับการแก้ไขแล้วทุกคนรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เช้าให้มาประชุมที่ห้องประชุมสำนักงานใหญ่ หวังว่าคนที่ได้รับการแจ้งเตือน จะรีบมาถึงสถานที่นัดหมายตรงตามเวลา ” ทานิกาวะกล่าว

” ลาก่อน ! “
มีเสียงตอบรับที่ไม่ดังมากนักขึ้นในที่เกิดเหตุ เห็นได้ชัดมากว่าตอนนี้ไม่มีใครสามารถพอที่จะตั้งสติต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ได้ !

เรื่องนี้มันกะทันหันเกินไปจริงๆ เรื่องเกิดขึ้นมากมายมหาศาลแบบนี้ ทำให้ทุกคนรับไม่ได้ในทันที !

หยางโปจับจ้องไปที่ทานิกาวะ เห็นรอยยิ้มจางๆผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา แต่กลับน่ากลัวจนขนลุกเกลียว !

ทานิกาวะมีแผนการที่ละเอียดถี่ถ้วนจริงๆ เพื่อที่เขาจะได้รวบรวมองค์กรภายในของกลุ่มอินากาวะให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คาดคิดไม่ถึงว่าจะเขี่ยเฒ่าทานากะเหยื่อตัวนี้ทิ้ง !

เมื่อมาคิดเรื่องนี้อย่างละเอียด ในทุกย่างก้าว ทานิกาวะคิดคำนวณนิสัยของตัวละครทุกตัวและ เขาก็ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เพราะเขาต้องการที่จะพยุงช่วยให้อู่อีได้เดินต่อไป !

แขกเหรื่อในงานต่างก็ค่อยๆแยกย้ายกันกลับ มีคนวิ่งเข้ามาลากศพที่อยู่ด้านในออกไปนานแล้ว
ลัวย่าวหัวถึงได้วิ่งตามออกมา เมื่อเห็นสภาพงานเขาก็ตกใจไปทันใด !

อู่อีเดินมาถึงด้านหน้าของหยางโป ” ขอโทษ ที่ฉันไม่ได้บอกความจริงกับนายก่อนหน้านี้ ! “
หยางโปส่ายหน้า ” ยิ่งมีคนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เธอทำถูกต้องแล้ว ! “

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอู่อี เธอกอดหยางโปไว้หลวมๆ ยกปลายเท้าขึ้นแล้วจุมพิตไปที่ริมฝีปากของหยางโปเบาๆ !

หยางโปสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลน้อยๆที่ริมฝีปากไปกระทบ กลิ่นหอมสดชื่นที่เข้ามาปะทะ จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว !

อู่อีดูเหมือนจะชนะการต่อสู้ เธอหันหลังแล้ววิ่งออกไปข้างนอก ” ฉันไปที่ริมทะเลสาบล้างเลือดที่ขาก่อนนะ ! “

หยางโปนิ่งอึ้งอยู่ที่นั้น โดยที่ไม่ขยับเขยื้อน
ลัวย่าวหัวอดไม่ได้ที่จะผลักเขาไปทีหนึ่ง “ นายโง่หรือไง ยังไม่รีบตามไปอีก ริมทะเลสาบมันอันตรายแค่ไหน ! ”

หยางโปถึงได้ไล่ตามไป ตามเงาชุดสีขาวหายไปในความมืด
ทานิกาวะมองไปยังทิศทางที่ หยางโปทั้งสองคนหายไป สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่ก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบว่า “ มีความสุขกับมันซะ วันเวลาแห่งความสุขเหล่านี้ถ้าหายไปแล้วจะไม่มีวันย้อนกลับ ฉันก็ไม่รู้ว่าการดึงเธอเข้ามาสู่หนทางเส้นนี้ มันถูกหรือผิดกันแน่ ! ”

ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงริมทะเลสาบ อู่อียกชายกระโปรงขึ้นและยื่นมุมกระโปรงให้หยางโปแล้วพูดว่า ” นายช่วยฉันจับมันไว้หน่อย ! “

หยางโปรีบช่วยจับชายกระโปรงไว้ และเห็นขาเนียนเรียวสวยของอู่อี
อู่อีนั่งยองๆอยู่ริมทะเลสาบ ใช้มือประคองน้ำล้างเลือดที่ขาแล้วประคองเลือดหยดหนึ่งไปที่ปลายจมูกของหยางโป ” นายลองดมดู กลิ่นเลือดสดๆ นี่มันเลือดไก่ ! “

หยางโปพยักหน้า และรู้สึกค่อนข้างสงสัย “ ทานิกาวะยืนยันแล้วว่าจะฝึกฝนเธอใช่ไหม ? ”
อู่อีหยุดท่าทีที่เคลื่อนไหวอย่างมีความสุขลง คอของเธอดูเหมือนจะแข็งทื่อไปเล็กน้อยค่อยๆหันมามองหยางโป “ ถ้าฉันตอบตกลง ฉันก็จะได้เป็นประธานสมาคมอินากาวะในอนาคต ต่อไปนายยังจะมาหาฉันอีกไหม ? ”

หยางโปมองหน้าอู่อี ใบหน้าที่บอบบางและงดงามของเธอ ดวงตาคู่นั้นที่เป็นเหมือนดวงดาว

จับจ้องอยู่ที่หยางโป ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ถึงขั้นสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน !

“ ฉันรู้ว่านายเกลียดกลุ่มแบบนี้ แต่ฉันไม่มีทางเลือก ถ้าไม่เลือกเส้นทางนี้ ต่อไปในอนาคตพวกเราจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก ! ” อู่อีกล่าว “ ถ้าฉันไม่เลือกที่จะเป็นประธาน ฉันก็จะกลายเป็นภรรยาของประธาน ! ”

หยางโปสั่นเทาไปทั้งตัว เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่า สาเหตุจะเป็นแบบนี้ !
ถ้าไม่ใช่เพราะเขา อู่อีคงไม่เลือกเส้นทางที่ยากลำบากนี้อย่างแน่นอน !

หยางโปรู้สึกประทับใจมาก ดวงตาทั้งคู่ของอู่อีจับจ้องมาที่เขา และค่อยๆขยับเข้ามาใกล้

อู่อีค่อยๆหลับตาลง และขยับเข้ามาใกล้

ริมฝีปากที่นุ่มนวล กลิ่นหอมจางๆ ทำให้โปค่อยๆเคลิบเคลิ้ม
แต่ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว มีเสียงดัง ” พลุ๊บๆ ” ทั้งสองคนถึงได้รู้สึกตัว หยางโปรีบกอดอู่อีเอาไว้ และอุ้มเธอขึ้นฝั่ง คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนที่จูบกันอยู่และหนึ่งในนั้น ที่ไม่ได้ทันสนใจจะตกลงไปในทะเลสาบ

หยางโปและอู่อี มองหน้ากัน ทั้งคู่หัวเราะฮ่าๆเสียงดัง
ตอนนี้อากาศยังคงเย็นอยู่ เป็นธรรมดาที่หยางโปไม่กล้าที่จะทำให้อู่อีเสียเวลา รีบส่งเธอกลับไปล้างเนื้อล้างตัวที่วิลล่า !

หยางโปกลับมาถึงที่ห้องและล้างเนื้อล้างตัวเล็กน้อย จากนั้นก็มีคนนำซุปขิงน้ำตาลแดงมาให้เขา !

ตอนที่ 882 ฆ่าลูกชาย

หยางโปยืนอยู่ข้างนอก ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้สติกลับมา เขาจึงหันออกไปเพื่อที่จะรีบวิ่งออกไปด้านนอก !
ลัวย่าวหัวรั้งเขาเอาไว้ ” นายจะไปทำอะไร ? “

เพิ่งจะสิ้นสุดเสียง ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดติดต่อกัน ในงานมีแต่เสียงกรีดร้องดังขึ้น

หยางโปจึงตอบไปว่า ” ฉันจะไปช่วยคน ! “

“ นายบ้าไปแล้วหรือไง นายออกไปไม่ได้ ! ” ลัวย่าวหัวเอื้อมมือไปหยุดหยางโปไว้
หยางโปใช้มือซ้ายตบมือของลัวย่าวหัวเบาๆ แล้วเอียงตัวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ลัวย่าวหัวนิ่งอึ้งไปสักพัก และไล่ตามไปได้สองก้าวก็หยุดลง เพราะเขารู้ดีว่าหยางโปออกไปจะต้องพบกับอันตราย แต่จะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ถ้าเขาออกไปอาจจะเป็นภาระให้ หยางโปได้ !

หยางโปเดินออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่ากลุ่มคนส่วนน้อยในงานแตกกระจายกันไปคนละทิศละทาง ส่วนใหญ่ไม่สามารถหลบหนีออกไปได้และถูกล้อมรอบไปด้วยมือปืน

อู่อีหมอบอยู่บนพื้นและกุมขาขวาไว้ หยางโปเพิ่งจะเข้าใจว่าที่อู่อีหมอบลงเมื่อสักครู่ไม่น่าจะเป็นการหมอบลงเอง แต่เป็นการถูกยิง !

ทานิกาวะยืนตัวตรงขึ้นในงาน และมองไปยังทางด้านนอกโดยไม่พูดอะไร เสียงปืนในที่เกิดเหตุจึงหยุดลงชั่วขณะ !
ในงานเงียบกริบลงไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดอะไร

ไม่ช้าก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา ทุกคนต่างพากันทยอยมองไปที่ประตู ก็เห็นชายผมสีเทาในวัยหกสิบเศษที่มาพร้อมกับกลุ่มคนที่มีอาวุธปืนครบมือเดินเข้ามาในงาน !

ด้านหลังชายผู้นั้น มีทานากะยืนอยู่ บนใบหน้าของทานากะเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น

จ้องมองทานิกาวะด้วยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว !

แต่ทานิกาวะกลับดูเหมือนจะผ่อนคลายเอามากๆ เขายิ้มเบาๆ ” เพื่อนยาก นายมาแล้วเหรอ ! “

เฒ่าทานากะเป็นพ่อของทานากะ เขาเบิกตากว้างและจ้องมองหน้าทานิกาวะ “ ทานิกาวะหลายปีมานี้ ฉันปฏิบัติกับนายมาเป็นอย่างดี ฉันเป็นคนช่วยให้นายได้ขึ้นมารับตำแหน่งนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็เป็นฉันนี่แหละที่ปกป้อง คุ้มกันสมาคม เพื่อที่จะให้นายนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้อย่างมั่นคง ! แล้วนายตอบแทนฉันแบบนี้ได้ยังไง ? ”

“ กักขังลูกชายคนเดียวของฉัน สรุปแล้วนายต้องการทำอะไรกันแน่ ? ”

น้ำเสียงของเฒ่าทานากะเต็มไปด้วยความโกรธเคือง รู้สึกผิดหวังอย่างมากกับการกระทำทั้งหมดของทานิกาวะ

ทานิกาวะมองหน้าเฒ่าทานากะ ” เพื่อนยาก เรารู้จักกันมาหลายนานปี นายคิดว่าฉันเป็นคนที่มีคุณสมบัติยังไง ? “

เฒ่าทานากะตะลึงนิ่งอึ้งไป ” ทำไมนายถึงต้องจับลูกชายของฉันขังเอาไว้ด้วย ! “
ทานิคาวะยิ้มจางๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ย ” แล้วทำไมนายไม่ถามลูกชายสุดที่รักของนายล่ะ ? นายไปถามเขาสิ ว่าทำไมฉันถึงต้องขังเขาเอาไว้ ? “

เฒ่าของทานากะส่ายหน้า ” ทานิกาวะเรารู้จักกันมานานหลายปี ฉันคิดว่าฉันมองนายไม่ออกมาโดยตลอด ฉันเชื่อในตัวลูกชายของฉันเชื่อว่าเขาจะไม่มีทางทำอะไรผิด ! “

ทานิกาวะจ้องหน้าทานากะและตะคอกด้วยเสียงอันดังออกไปว่า ” ทานากะ แกบอกพ่อแกไปสิ

ว่าทำไมฉันถึงจับแกขังเอาไว้ ? ทำไมแกถึงต้องพาพ่อแกมาถึงที่นี่ แกอยากฆ่าฉันทิ้งใช่ไหม

หรือว่าอยากจะช่วยใครสักคน ? “

เมื่อทานากะเห็นสายตาของทุกคนมองมาทางนี้ ก็รู้สึกค่อนข้างเป็นกังวล เขาจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “ ทานิกาวะ คุณนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้มานานหลายปีแล้ว คุณมันไม่มีเหตุผล กดขี่ข่มเหง ทำเรื่องไร้ศีลธรรมมามากมาย ผมเห็นมาเองกับตา สาเหตุที่พวกเราทุกคนมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมาท้วงถามหาความยุติธรรม ! ”

” ใช่ ฆ่าเขาทิ้งซะ ฆ่าทานิกาวะทิ้งซะ ! เขาเป็นปีศาจร้าย ! “

ทันใดนั้นก็มีคนในงานลุกขึ้นยืน และตามมาด้วยเสียงร้องคำราม

ดูเหมือนว่าจะมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนแล้ว แค่ในพริบตาก็มีคนมากกว่าสิบคนลุกขึ้นยืนคัดค้านทานิกาวะ !

ทานิกาวะกลับไม่สนใจเอาเรื่องคนพวกนี้ เขามองไปที่ทานากะและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ ทานากะ แกพูดเรื่องพวกนี้ออกมามีประโยชน์ไหม ? ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่ตัวเองทำ มันก็มีอยู่ทางเดียวคือนอกเสียจากว่าตัวเองไม่ได้ทำ แกคิดว่าเรื่องที่แกทำ จะสามารถปกปิดได้หรือไง ? ”

พ่อของทานากะฟังทั้งสองคนสนทนากัน ด้วยสีหน้าที่ตกใจ เขาหันไปมองหน้าลูกชาย

” แกทำเรื่องอะไรไปกันแน่ “

สีหน้าของทานากะค่อนข้างหม่นหมอง ดวงตาหลบเลี่ยง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังปกปิดความจริง !
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ พ่อของทานากะก็ยิ่งโกรธมากขึ้นและถามย้ำไปอีกว่า

” สรุปแล้วแกไปทำอะไร ? “

” พี่ใหญ่ ไม่ต้องถามแล้ว พวกเรารีบจัดการทานิกาวะกันเถอะ มิฉะนั้นจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว ! ” ชายสวมหมวกคลุมตาข่ายสีดำเอ่ยขึ้น

เฒ่าทานากะไม่ขยับ เขาจ้องไปที่ทานากะตาเขม็ง
ทานากะก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นกัน เขาร้องไห้ออกมา ” ผม… ผม นามิมีลูกกับผมแล้ว ! “
” ห่ะ ! “

ในงานเกิดความโกลาหลขึ้น ทุกคนต่างพากันตกใจอ้าปากค้าง !
เรื่องที่นามิตั้งครรภ์ ยังไม่ได้รับการกระจายข่าวไปในวงกว้าง แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่รู้เรื่องนี้

ตอนนี้ คิดไม่ถึงว่าทานากะจะพูดเรื่องแบบนี้ออกมา ที่ทานิกาวะขังเขาเอาไว้ ที่นามิไม่ออกมาปรากฏตัวสักที นี่ก็แสดงให้เห็นทั้งหมดแล้วว่า เรื่องนี้เป็นความจริง !

ทานิกาวะถูกสวมเขา !

ประธานกลุ่มทานิกาวะถูกสวมเขา !
ท่านประธานของกลุ่มทานิกาวะถูกเลขาของเขาสวมเขา !

ทุกคนพอที่จะจินตนาการได้ว่า ถ้าหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป มันจะส่งผลกระทบมากแค่ไหน !
คนหนึ่งคือคนรักของตัวเอง อีกคนเป็นผู้ช่วยที่เก่งกาจที่สุดของเขา คนทั้งสองที่ทานิกาวะไว้ใจ มากที่สุด คิดไม่ถึงว่าจะร่วมมือกันหักหลังเขา ทานิกาวะไม่ได้ฆ่าพวกเขาให้ตายทั้งหมดตั้งแต่แรก มันคือการยับยั้งชั่งใจอย่างมากที่สุดแล้ว !

สีหน้าของเฒ่าของทานากะตกใจมาก เพราะเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้ !
เขาและทานิคาวะรู้จักสนิทมักคุ้นกันมาหลายปี ทั้งสองรักกันแบบพี่น้องนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเต็มใจที่จะมอบลูกชายของเขาให้ทานิกาวะเลี้ยงดูปลูกฝัง แต่เขาคิดไม่ถึงว่าลูกชายของตัวเองจะมั่วโลกีย์แบบนี้ ไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉานเลย !

” ไอ้ลูกเวร ! สัตว์เดรัจฉาน ! ” เฒ่าทานากะสบถด่าด้วยเสียงอันดัง
” พ่อ ! ” ทันใดนั้นทานากะก็คุกเข่าลง ” พ่อ ผมสำนึกผิดแล้ว โปรดยกโทษให้ผมด้วย ผมเป็นลูกชายในไส้ของพ่อนะ ผมเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อนะ ! “

” พ่อ… พ่อ ตอนนี้เราต้องรีบฆ่าทานิกาวะทิ้งซะ มีเพียงเท่านี้ ผมถึงจะรอดพ้นจากทุกสิ่ง

มีเพียงเท่านี้เท่านั้น ที่ท่านจะสามารถรักษาสายเลือดของตระกูลทานากะเอาไว้ได้ !

พ่อ เราจะลังเลไม่ได้อีกแล้ว ! “

ทานากะคำรามร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง และลุกขึ้นคว้าปืนจากคนที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นเขาก็คำรามร้องด้วยเสียงอันดังและคิดจะหันมายิงไปทางทานิกาวะ !
“ ปัง ! ”

เสียงปืนที่ดังกังวานขึ้น ทำให้ทุกคนตกใจ !
ก้อนหินที่หยางโปเตรียมพร้อมไว้ในมือ และจะเขวี้ยงมันออกไปพอดี กลับทำได้เพียงหยุดชะงักไว้ !

ทานากะ คิดไม่ถึงว่าทานากะจะล้มลง !
เขาค่อยๆหันหน้ามองไปยังทิศทางของเฒ่าทานากะอย่างช้าๆ พร้อมกับเลือดในปากที่ไหลทะลักออกมาทำให้พูดไม่ออก !

ทุกคนต่างพากันตกตะลึง เพราะไม่มีใครคิดมาก่อนว่า บิดาของทานากะจะกล้ายิงปืนนัดนี้ออกมาจริงๆ และกลับกลายเป็นว่าเขาฆ่าลูกชายตัวเอง !

พ่อของทานากะยิงปืนนัดนี้ ดูเหมือนว่าจะใช้แรงที่มีอยู่ทั้งตัวจนหมดเรี่ยวแรงทรุดลง เขาหันไปมองหน้าทานิกาวะและยิ้มอย่างขมขื่น “ ทานิกาวะนายชนะแล้ว คิดไม่ถึงว่าฉันมาเพื่อจะช่วยเขา แต่มันกลับเป็นกับดัก ! คิดไม่ถึงจริงๆว่านายจะขังเขาไว้ โดยมีเจตนาที่จะจัดการกับฉัน ! ”

ทานิกาวะส่ายหน้า ” เพื่อนยาก นายพูดผิดแล้ว เป้าหมายของฉันไม่เคยเป็นนายมาก่อน

แต่เป็นพวกที่คิดต่อต้านทั้งหมดต่างหาก ! “

” พวกเราสู้ตาย จะกลัวเขาไปทำไม ! ” ไม่กี่คนที่ยืนขึ้นเมื่อสักครู่ กลับเป็นกระวนกระวายขึ้นมาในเวลานี้ วิ่งกรูเข้าไปหาทานิกาวะอย่างไม่คิดชีวิต !

ตอนที่ 881 ทายาท

ในงานเงียบกริบ ทุกคนต่างจ้องมองไปที่อู่อี !
อู่อีค่อยๆก้าวเข้ามาภายใต้แสงจันทร์ราวกับเทพธิดาแห่งแสงจันทร์ ทำให้ผู้คนขยับตามฝีเท้าของเธอโดยไม่รู้ตัว !

ทานิกาวะมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม จ้องมองไปทางอู่อี แล้วสาวเท้าก้าวไปข้างหน้า !
ไม่นานจนกระทั่งอู่อีเดินมาถึงหน้าเวที และมายืนอยู่กับทานิกาวะ จากนั้นทานิกาวะก็เคาะไมโครโฟน ในงานถึงได้รู้สึกโล่งใจ !

ทานิกาวะอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาจับแขนของอู่อีขึ้นมาแล้วพูดว่า

“ มีหลายคนเคยถามผมว่า อู่อีเป็นใครกันแน่ ทำไมคุณถึงรักเธอมากขนาดนี้เป็นเพราะเธอหน้าตาสวยมากใช่ไหม คุณถึงได้มีความคิดอื่นอยู่ ? ”

ทุกคนในงานต่างพากันหัวเราะ เพราะคำถามนี้ก็เป็นสิ่งที่หลายคนต้องการที่จะถามเช่นกัน
ทานิกาวะยิ้มและพูดว่า “ วันนี้ผมจะบอกทุกคนที่อยู่ที่นี่ อู่อีเป็นลูกสาวของผม เธอเป็นลูกสาวของผม ! ” เกิดความโกลาหลขึ้นในงาน แม้ว่าทุกคนจะเดาว่าเป็นคำตอบนี้มานานแล้วก็ตาม

และแม้กระทั่งจากช่องทางข่าวสารต่างๆทุกคนต่างก็ยืนยันข่าวนี้ แต่พอทานิกาวะยืนยันเรื่องนี้ด้วยปากตัวเอง มันก็ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจ !

ทานิกาวะยอมรับข่าวลือนี้ นี่กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ ?
ทานิกาวะตบไมโครโฟนเบาๆ “ สามารถหนีออกมาจากเงื้อมมือของมัจจุราชครั้งนี้ได้ ทำให้ผมเข้าใจเรื่องราวมากมาย ในอดีตผมเคยให้ความสำคัญกับเรื่องบางอย่าง แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะมีค่าขนาดนั้น แต่มีของบางอย่าง กลับมีคุณค่ามากในชีวิต ตอนนี้ผมขอบคุณพระเจ้ามาก ที่ปล่อยให้ลูกสาวกลับมาอยู่เคียงข้างผมในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ! ”

“ เธอเป็นคนที่ทำให้ผมมีความมั่นใจและกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ! และยังเป็นเธอที่พาหมอเทวดาข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากสหรัฐอเมริกาเพื่อมาช่วยชีวิตผมเอาไว้ ! กล่าวได้ว่า สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของผมคือ อู่อีลูกสาวของผม ! ”

เสียงปรบมือดังขึ้นในงาน
หลายคนต่างจ้องมองมาที่ทานิกาวะ คำพูดที่เขาพูดมาทั้งหมดนี้ เคยพูดกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งแต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่อยู่ในงาน มันน่าแปลกมากที่ในเวลาแบบนี้ นามิไม่สมควรออกมาปรากฏตัวหรอกเหรอ ?

ในงานส่วนใหญ่เป็นผู้นำระดับสูงในกลุ่มอินากาวะ บางคนก็เป็นทายาทของผู้นำอาวุโสที่ล่วงลับไปแล้วก็มี พวกเขามองว่านามิเป็นเจ้านาย จึงเป็นเรื่อปกติที่ในเวลานี้พวกเขาจึงพากันตะโกนถามว่า ” นามิล่ะ ? คุณนามิอยู่ไหน ? “

ทานิกาวะหันไปพูดกับฝูงชนที่ส่งเสียงดัง ” นามิรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงไปพักผ่อนแล้ว ” หลังจากอธิบายเสร็จ ทานิกาวะก็รีบพูดขึ้นว่า “ ผมคิดว่าต้องมีคนจำนวนมากในงานที่กำลังสงสัยว่าทำไมผมถึงมาป่าวประกาศเรื่องพวกนี้ ! ”

” เช่นนั้น ตอนนี้ผมก็จะบอกกับทุกคนว่า ถึงผมจะตายไปผมก็จะส่งต่อกิจการนี้ให้อู่อี ! “
ทานิกาวะยกมือของอู่อีขึ้น และประกาศเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน เสียงของเขาดังผ่านลำโพงและกระจายออกไปไกล

ทุกคนในงานช็อกไปทันที !
เพราะไม่มีใครคิดถึงว่าทานิกาวะจะป่าวประกาศเรื่องแบบนี้ออกมาจริงๆ นี่คือการกำหนดทายาทที่แท้จริง !

อันที่จริง องค์กรอย่างกลุ่มอินากาวะประเภทนี้ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการสืบทอดมรดกของลูกชายจากผู้เป็นบิดา หากมีความสามารถมากพอ และสามารถพอที่จะบีบสถานะของทายาทออกไปได้ เช่นเดียวกับกลุ่มอินากาวะเมื่อแรกเริ่ม เดิมทีกลุ่มอินากาวะมีผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้สืบทอดแล้ว แต่หลังจากทานิกาวะแต่งงานกับนามิและแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันที่มีอย่างเพียงพอ ท้ายที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการเข้ามารับตำแหน่งในที่สุด !

แต่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าทานิกาวะจะเปิดตัวทายาทที่แท้จริงในเวลาแบบนี้ !
ในแง่ตำแหน่งของทานิกาวะ การที่เขาเปิดเผยทายาท จะต้องมีความสามารถในการแข่งขันที่สูงที่สุด สาเหตุที่ทานิกาวะสามารถผงาดขึ้นมาในตำแหน่งนี้ได้ ก็มาจากการสนับสนุนของประธานคนเก่าด้วยเช่นกัน !

“ ผมขอคัดค้าน ! ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงคัดค้านหนึ่งดังขึ้นในงาน มีชายหนวดเคราคนหนึ่งก้าวขึ้นมาด้านหน้า

“ ท่านประธาน การคัดเลือกทายาทเป็นประเพณีของกลุ่มอินากาวะที่สืบทอดต่อกันมา ทุกคนล้วนมีสิทธิ์ แต่อู่อีเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ผมกลัวว่าเธอจะไม่มีทางทำภารกิจสำคัญนี้ได้ ! ”

“ เขาพูดถูกและผมก็ขอคัดค้านด้วยเช่นกัน ! ”
” ผมคิดว่าเราควรเลือกทานากะดีกว่า ! เขาเป็นคนดีมากและเคารพพวกเรามากด้วย ! “

” ใช่ ทานากะก็ไม่เลว เขาเป็นชายหนุ่มที่มีเป้าหมาย “
ในงานมีเสียงคัดค้านดังขึ้นสี่เสียง ทานิกาวะทอดสายตามองไปในงาน แต่ไม่เอ่ยปากพูดอะไร

แค่มองดูเงียบๆเท่านั้น

ในงานดูค่อนข้างวุ่นวายเล็กน้อย แต่เห็นได้ชัดว่ามีเพียงไม่กี่คนที่ต่อต้าน ส่วนมากจะเป็นพวกที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทานากะ และหวังว่าเขาจะขึ้นมารับตำแหน่งในวัยหนุ่ม พวกเขาคัดค้านก็เพื่อที่จะยกระดับทานากะให้สูงขึ้นมา !

แต่ตอนนี้ทานากะไม่ได้อยู่ในงาน จึงไม่มีใครตอบรับ มันจึงทำให้พวกเขาค่อนข้างเขินอายอย่างเห็นได้ชัด

ผู้คนในงานส่วนมากจะเป็นผู้สูงอายุในกลุ่ม พวกเขาเคยสัมผัสกับเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว

จึงค่อนข้างคุ้นเคย ในขณะที่คนบางกลุ่ม ก็เหมือนกับ เสาเข็มที่ปักลงกลางทะเล ไม่ว่าเบื้องบนจะเปลี่ยนไปอย่างไร มันก็ไม่ได้มีผลกระทบถึงพวกเขาเลยด้วยซ้ำ !

ดูเหมือนทานิกาวะจะนึกถึงความคิดเห็นแบบนี้มานานแล้ว เขาเปิดปากและพูดว่า

“ มีหลายคนที่ยินดีจะสนับสนุนทานากะ แต่เกรงว่าทุกคนคงจะยังไม่รู้แน่ชัด เมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ ทานากะได้เปิดเผยข้อมูลลับของบริษัท จึงถูกกรมบังคับคดีนำตัวไปแล้ว ! ”

สีหน้าของหลายคนในงานเปลี่ยนไปทันที เห็นได้ชัดว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ข่าวคราวนี้ ! กรมบังคับคดีเป็นองค์กรที่ดูแลระเบียบวินัยที่สำคัญของกลุ่มอินากาวะ เมื่อเข้าไปในกรมบังคับคดี

อย่างน้อยก็ต้องถูกถลกหนังออกมาก่อนถึงจะออกมาได้ !

” ทำไมต้องเอาตัวทานากะไป เขาเป็นแบบอย่างคนรุ่นหนุ่มของกลุ่ม นำตัวเขาไปอย่างน้อยก็ต้องให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับพวกเราด้วย ! ” ชายชราคนหนึ่งลุกขึ้นยืน ท่านนี้คือเพื่อนรักของพ่อทานากะ !

ดูเหมือนทานิกาวะจะคาดเดาสถานการณ์นี้ออกนานแล้ว เขายิ้มจางๆ “ กรมบังคับคดีนำตัวคนไป ต่อให้เป็นผม ก็เข้าไปยุ่งมากไม่ได้ ! ”

ลัวย่าวหัวยืนอยู่ด้านล่างเวที ฟังที่หยางโปแปล ในที่สุดเขาก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เขาอดไม่ได้ที่หันไปมองอู่อี “ อู่อี ? สาวสวยคนนี้จะต้องสืบทอดกิจการของพ่อเธอ ? งี้ก็ดีสิ ! ”

ลัวย่าวหัว อดไม่ได้ที่จะปรบมือให้ “ ความสัมพันธ์ของนายกับอู่อีออกจะดีขนาดนี้ ต่อไปในอนาคตถ้าเธอได้เป็นประธานของอินากาวะ เธอจะดูแลฉันสักหน่อยไหมนะ ”

หยางโปหันไปชำเลืองมองลัวย่าวหัว ” เธอจะดูแลนายยังไง ? ” ลัวย่าวหัวยิ้ม ” พวกเราไม่ใช่ว่ามีโรงประมูลเป็นของตัวเองหรอกเหรอ ? สามารถมาจัดงานประมูลวัตถุทางวัฒนธรรมในประเทศญี่ปุ่นและยังสามารถซื้อโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมที่ถูกลักลอบนำเข้าไปได้ สรุปสั้นๆคือ พวกเรายังมีโอกาสอีกมากมายสำหรับความร่วมมือกับอู่อี ! “

” นายดูก่อนว่าเธอจะสามารถขึ้นมานั่งในตำแหน่งนี้ได้ก่อนหรือเปล่า ! ” หยางโปกล่าว
ทันทีที่หยางโปพูดจบ จู่ๆ ประตูด้านนอกก็เปิดออก และมีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาจากด้านนอก หยางโปหันไปมองทางนั้น ทันใดนั้นก็ถึงกับต้องตะลึงนิ่งอึ้งไป !

คนที่วิ่งพุ่งกันเข้ามาล้วนคลุมหมวกตาข่ายสีดำบนหัว ในมือพวกเขาถือปืนอยู่ เมื่อเห็นทานิกาวะยืนอยู่ในท่ามกลางฝูงชน ทันใดนั้นก็เล็งปืนมาแล้วยิงไปทางทานิกาวะทันที !

ทานิกาวะที่ยืนอยู่บนเวที เป็นเป้าหมายที่อันตรายมาก เขาหันไปตะโกนใส่อู่อีทันที

” รีบหนีไปเร็ว ระวังตัวด้วย ! “

เมื่ออู่อีได้ยินเสียงตะโกนเสียงดังของทานิกาวะ เธอก็หมอบลงกับพื้นทันที

หยางโปและลัวย่าวหัวที่ยืนอยู่รอบนอกวงล้อมของฝูงชน ตอนนี้วิ่งด้วยความเร็ว พอหันตัวกลับมาก็พบมุมหนึ่ง หยางโปและลัวย่าวหัวจึงถือโอกาสสาวเท้าสองสามก้าวเข้าไปหลบในกำแพง

ถึงได้รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหน่อย

ตอนที่ 880 หักหน้าซึ้งกันและกัน

นามิก้มศีรษะลง ลูบท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยใบหน้าเต็มไปด้วยความรัก ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สัมผัสถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของทานิกาวะ

” ใช่ ลูก ลูกที่แสนจะน่ารักของเรา ” นามิพูดพึมพำ
ทานิกาวะมองหน้านามิ ” ลูกน่ารักมาก ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงกันนะ ? “

รอยยิ้มบนใบหน้าของนามิยิ่งสดใสขึ้น “ ต้องเป็นเด็กผู้ชายแน่นอน มีเพียงเด็กผู้ชายเท่านั้นที่จะสืบทอดกิจการของคุณได้ ! ”

“ สืบทอดกิจการของผม ? ” ใบหน้าของทานิกาวะเงียบขรึม
ดูเหมือนว่าเพราะเป็นช่วงกลางคืนที่มืดสลัว นามิจึงมองไม่เห็นใบหน้าของทานิกาวะเธอยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ ใช่ ถ้าเป็นเด็กผู้ชายก็สามารถสืบทอดกิจการได้ โดยที่ไม่ต้องหาลูกเขย เป็นเรื่องที่ดีออก ! ”

ทานิกาวะค่อนข้างลังเล ผ่านไปนานก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดขึ้นว่า ” เป็นเพราะเหตุนี้ใช่ไหม ? ”

ทานิกาวะจ้องมองนามิ ตอนที่นามิแต่งงานกับเขา เธอไม่ได้เต็มใจ ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเธอบีบบังคับ บางทีเธออาจมีชีวิตอีกแบบหนึ่ง ช่วงสองสามปีแรกที่ทานิกาวะแต่งงานเพราะเมาเหล้าจึงนอกใจเธอไปครั้งหนึ่ง ต่อมาผู้หญิงคนนั้นก็ให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่ง และลูกสาวคนหนึ่งติดต่อกัน แต่เขาก็เริ่มละทิ้งความคิดไปอย่างช้าๆ !

เพราะความสัมพันธ์ของเขากับนามิที่ค่อยๆดีขึ้นและกลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ไม่รู้ทำไม

หลายปีมานี้ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามกันหนักแค่ไหน ก็ไม่เคยให้กำเนิดทายาทเลย

นี้จึงกลายเป็นความทุกข์ใจของนามิ !

นามิอยากได้ลูกชายสักคน อยากได้ลูกชายที่สามารถสืบทอดกิจการของครอบครัวได้

นี่จึงเป็นปมที่ฝังอยู่ในใจของเธอมาตลอด 20 ปี !

” ใช่ ! ” นามิเอ่ยปากพูด ” ฉันไม่อยากคลอดลูกสาวเพื่อจะได้หาลูกเขยแต่งเข้าบ้าน ! “
ทานิกาวะจ้องมองนามิอยู่นานก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดว่า ” ทานากะเด็กคนนี้ มาอยู่กับผมสามปีแล้วใช่ไหม ! “

ทันใดนั้นนามิก็เงยหน้าขึ้นมองทานิกาวะใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อเธอจ้องมองทานิกาวะและพูดอย่างเชื่องช้าว่า ” ใช่ สามปีแล้ว “

ทานิกาวะมองออกไปด้านนอก ตอนนี้งานเลี้ยงเต้นรำข้างนอกยังคงดำเนินอยู่ เสียงหัวเราะพูดคุยต่อกระซิบกัน เขาส่ายหน้าช้าๆ “ พวกคุณคบกันมานานแค่ไหนแล้ว ? ”

นามิมองหน้าทานิกาวะ ” คุณกำลังพูดเรื่องอะไร ? ฉันฟังไม่รู้เรื่อง “
ทานิกาวะส่ายหน้า ” เด็กเป็นลูกของเขาใช่ไหม ? “
” คุณกำลังพยายามจะพูดอะไร ? ” นามิย้อนถาม

” ทานากะถูกผมจับตัวเอาไว้แล้ว เขาได้สารภาพทุกอย่างออกมาหมดแล้ว ! ” ทานิกาวะพูด
นามิจ้องหน้าทานิกาวะด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อและตะโกนว่าให้ ” เป็นไปไม่ได้ ! “
ทานิกาวะส่ายหน้าเบาๆ โดยไม่พูดอะไรมาก

นามิยืนขึ้น ใบหน้าดูค่อนข้างบึ้งตึง ในเวลานี้ใบหน้าที่สวยงามดูแก่ไปมาก เธอจ้องหน้าทานิกาวะตาเขม็ง ” ทานิกาวะคุณต้องการอะไรกันแน่ ? คุณทำลายความสุขทั้งชีวิตของฉัน สรุปแล้วคุณต้องการทำอะไรกันแน่ ? “

ทานิกาวะจ้องหน้านามมิ ” ผมทำลายความสุขของคุณ คุณก็บอกผมมาสิ 20กว่าปีผมทุ่มเทให้คุณไปมากแค่ไหน ผมทำเพื่อคุณมากแค่ไหน ผมหดหัวอยู่แต่ในชนบทที่ห่างไกลความเจริญ ก็เพื่ออยู่เป็นเพื่อนคุณ ! แต่คุณทำอะไร ? คุณบอกผมมาว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ? “

” นามิ ผมรู้ดีว่าตอนนั้นคุณไม่เต็มใจแต่งงานกับผมแค่ไหน เมื่อพ่อของคุณขอให้คุณแต่งงานกับผม แม้ว่าผมจะเคยทำผิดพลาดไป แต่ผมก็สำนึกผิดไปแล้ว ผมสำนึกผิดเพื่อคุณ แต่คุณให้อะไรตอบกลับผม ? คุณกลับมาทรยศผมแบบนี้ ! “

ทานิกาวะจ้องหน้านามิด้วยสีหน้าที่ดุดัน “ ทำไมคุณทำแบบนี้ ? 20 กว่าปี แค่คุณบอกผมมาคำเดียว แค่บอกมาว่าไม่อยากอยู่กับผมแล้ว ผมยินยอมที่จะหย่าให้ได้ พวกเราเลิกกันได้ แต่คุณไม่ได้บอกผม ! คุณทนมา 20 กว่าปีก็เพื่อที่จะสวมเขาให้ผมใช่ไหม ? ”

นามิน้ำตาไหลรินแต่ไม่มีเสียงร้องไห้ออกมา เธอจ้องหน้าทานิกาวะ ” คุณทำอะไรทานากะ ?

คุณทำร้ายเขาไม่ได้ ! “

ทานิกาวะลุกขึ้นยืนและตบเสื้อผ้า ” พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล “
พอพูดจบ ทานิกาวะก็หันตัวเดินออกไปข้างนอก !

หยางโปหลบอยู่ด้านข้างและมองอย่างตกตะลึงอ้าปากค้าง เดิมทีเขาคิดว่ามันจะเป็นการฉีกหน้ากันครั้งใหญ่ แต่คิดไม่ถึงว่าทานิกาวะจะเป็นคนริเริ่มที่จะลงมือก่อน จัดการกับทานากะจนอยู่หมัด แบบนี้จึงเหลือเพียงนามิคนเดียว มันจึงง่ายต่อการจัดการมากกว่า !

ลัวย่าวหัวนั่งยองๆอยู่ด้านข้าง ฟังบทสนทนาของพวกเขาไม่เข้าใจเลย เขารู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก แต่หยางโปกลับไม่แปลให้เขารู้อีก เขาจึงทำได้เพียงแค่มองท่าทีของสองคนนั้น

จึงทำได้เพียงสร้างภาพและจินตนาการบทสนทนาระหว่างพวกเขา !

เมื่อเห็นทานิกาวะแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและง่ายดาย หยางโปก็ชื่นชมเขาจริงๆ แต่เขาก็รีบถอยหลังออกไป เพราะกลัวว่าทานิกาวะจะหันมาเห็นพวกเขา เพราะยังไงซะมันก็เป็นเรื่องภายในครอบครัว ถ้าถูกพวกเขาเห็นเข้า ทานิกาวะจะโกรธเคืองเอาได้ !

หยางโปที่กำลังจะล่าถอยไปนั้น จู่ๆ ลัวย่าวหัวก็ผลักเขา “ มีปืน ! ”
หยางโปเงยหน้าขึ้นและเห็นว่านามิยืนอยู่ข้างหลังทานิกาและหยิบปืนออกมาและเล็งไปที่ทานิกาวะ !

” ระวัง ! ” หยางโปตะโกนเสียงดัง ทำให้ดึงดูดความสนใจของคนทั้งสองในที่เกิดเหตุ แต่มืออีกข้างหนึ่งก็หยิบก้อนหินข้างๆตัวขึ้นมาและเขวี้ยงไปที่มือของนามิ !
” ปัง ! “

หยางโปเร็วมาก หินกระแทกเข้ากับมือของนามิ ปืนในมือของเธอก็ร่วงหล่นลงมาด้วยความเจ็บปวด

ทานิกาวะหันมามองหยางโปด้วยสีหน้าที่ตกใจ
หยางโปยืนขึ้นด้วยความละอายใจ และต้องอธิบายไปว่า ” ผมมีเรื่องบางอย่างที่ลืมเตือนคุณไป

จึงอยากจะมาเตือนคุณสักหน่อย “

“ เรื่องอะไร ? ” ทานิกาวะถามอย่างอยากรู้
หยางโปลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ” คุณรู้หมดแล้ว ผมคิดว่าคุณจะไม่รู้เรื่องทานากะซะอีก “

ทานิกาวะพยักหน้า “ ทานากะถือว่าเป็นคนเก่าคนแก่ พ่อของเขาและผมเป็นพี่น้องที่ต่อสู้มาด้วยกันในช่วงเริ่มแรก เขาอายุมากกว่าผมสิบปี แต่พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก

ต่อมาผมแต่งงานกับนามิ พ่อของเขาก็กลายมาคนที่ผมไว้ใจที่สุด มีอุบัติเหตุครั้งหนึ่ง เขาได้เอาตัวมาบังกระสุนให้ผม “

” พ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ และตอนนี้ก็เป็นผู้อาวุโส แต่ทานากะเติบโตขึ้นมาในสายตาของผม

แต่คิดไม่ถึงว่า จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ! “

เมื่อทานิกาวะพูดมถึงตรงนี้ คนที่เขาสั่งให้รออยู่ข้างนอกก็รีบพุ่งเข้ามาแล้ว เขาโบกมือ

“ พาคุณผู้หญิงออกไป แล้วดูแลให้ดี ”

หยางโปมองนามิที่ถูกลากตัวออกไป เขานึกว่าจะเกิดการปะทะกันขึ้นแน่นอน คิดไม่ถึงว่ามันจะจบลงเร็วขนาดนี้ มันทำให้เขาทึ้งจริงๆ !

ทานิกาวะหันมายิ้มให้ หยางโปและพูดว่า ” พวกเราไปกันเถอะได้เวลาออกไปดูกันแล้ว “
หยางโปทั้งสามคนเดินออกไปข้างนอก ตอนนี้ด้านนอกดูคึกคักมาก ทุกคนต่างยกแก้วขึ้น

อวยพรซึ่งกันและกัน แม้จะสงสัยว่าทำไมทานิกาวะไม่อยู่ในงาน แต่ก็ไม่มีใครถามอะไรมาก

เมื่อเดินออกมา หยางโปก็เห็นว่าจู่ๆประตูด้านนอกก็เปิดออก จากนั้นก็มีหญิงสาวในชุดราตรีสีขาวเดินเข้ามา

หญิงสาวสวมชุดผ้าโปร่งราตรีสีขาวใบหน้าบอบบางสวยงาม อยู่ภายใต้แสงจันทร์ ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนรูปปั้นหยก บนชุดราตรีประดับประดาไปด้วยเพชรส่องแสงระยิบระยับใต้แสงจันทร์ไปทั้งตัวราวกับเทพธิดาที่เดินออกมาจากเทพนิยาย !

เมื่อเธอเดินออกมาอย่างช้าๆ จู่ๆเสียงในงานก็เงียบลง ทุกคนต่างก็เพ่งสายตามองไป !
อู่อี ! นี่คืออู่อี !

หยางโปจ้องไปที่ตัวของอู่อี มันยากมากสำหรับเขาที่จะจินตนาการได้ว่าอู่อีจะออกไปแต่งหน้าและเดินกลับเข้ามาใหม่อีกครั้งแบบนี้ !

ตอนที่ 879 ลูกของเราเอง

ทานิกาวะ จัดการกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทั้งหมดและเดินไปหาหยางโป เขาโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งแก่หยางโป และกล่าวว่า ” ขอบคุณ คุณหยาง สำหรับพระคุณที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้ ! “

พอพูดจบ ทานิกาวะก็โบกมือจากนั้นก็มีคนนำกล่องไม้กล่องหนึ่งมาเปิด ด้านในมีหัวงูทองสัมฤทธิ์วางอยู่ !

” นี่ควรเป็นสิ่งที่คุณสมควรได้รับ แต่ตอนนี้เพิ่งจะส่งมอบให้คุณ โปรดอย่ารังเกียจไป ! ” ทานิกาวะกล่าว

หยางโปรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เดิมทีเขาเตรียมใจไว้พร้อมแล้วที่จะรับของขวัญจากทานิกาวะ

แต่คิดไม่ถึงว่า มันจะเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ขนาดนี้ แม้ว่าหยางโปจะชอบของขวัญชิ้นนี้มาก

แต่มันก็ยังไม่ใช่ดั่งใจที่เขาปรารถนาไว้ !

แต่นานวันเข้า หนังหน้าของหยางโปก็ หนากว่ากำแพงเมืองไปแล้ว เขาไม่แสดงอาการโกรธหรือดีใจใดๆเขาพยักหน้าเบาๆ ” คุณทานิกาวะเกรงใจไปแล้ว “

เมื่อทานิกาวะเดินมาถึงข้างกายหยางโป ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย เมื่อเห็นทานิกาวะก้มหัวให้หยางโป ทุกคนต่างก็พากันตกใจ ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงได้รับการคารวะอย่างให้เกียรติแบบนี้จากทานิกาวะ ?

ทานิกาวะยิ้ม “ นอกจากนี้ ผมยังเตรียมโสมอายุสามร้อยปีและยาบางชนิดเช่นเห็ดหลินจือเตรียมไว้ให้คุณด้วย หลังงานเลี้ยงเต้นรำจบลง ก็จะส่งมอบให้คุณ ”

จู่ๆ หยางโปก็รู้สึกดีใจขึ้นมาบ้าง ” ถ้าอย่างนั้นก็ลำบากคุณทานิกาวะจริงๆแล้ว “
ทานิกาวะยิ้ม จากนั้นก็หันกลับมากวักมือเรียกลูกน้อง จากนั้นก็มีอีกคนเดินเข้ามา ในมือของคนคนนี้ถือถาดอยู่ใบหนึ่ง บนถาดนั้นคลุมด้วยผ้าสีแดง

ทานิกาวะเปิดผ้าสีแดงออก และหยิบหนังสือสีแดงเล่มเล็กๆ ออกมายื่นให้หยางโป และอธิบายว่า

” นี่คือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของตึกชั้นหนึ่งของย่านธุรกิจกินซ่าในโตเกียวตึกชั้นนี้เป็นสมบัติส่วนตัวของผม ขอมอบให้คุณหยางและหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจ ! “

หยางโปรู้สึกตกใจมาก เขามองหน้าทานิกาวะ โบกมือปัดและพูดว่า ” คุณทานิกาวะ คุณอย่าทำแบบนี้เด็ดขาด นี่มันมีมูลค่าสูงเกินไป ! “

ทานิกาวะส่ายหัว ” สำหรับคนอื่นแล้ว ตึกนี้อาจมีมูลค่าสูงมาก แต่สำหรับผมแล้ว ถ้าไม่สามารถรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ได้ ต่อให้มีเงินมากแค่ไหน ก็เป็นเพียงแค่กระดาษเปล่าเท่านั้น ! “

หยางโปมองหน้าทานิกาวะ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้เสแร้งแกล้งทำ ก็ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะยื่นมือไปรับไว้

ทันใดนั้นในห้องก็มีเสียงร้องอุทานขึ้น หลายคนต่างมองไปที่ทั้งสองด้วยความแปลกใจ !
เป็นที่รู้กันดีว่ากินซ่าเป็นย่านธุรกิจหลักที่มีชื่อเสียงที่สุดในโตเกียว ที่ดินทุกตารางนิ้วมีมูลค่ามหาศาลในย่านธุรกิจดังกล่าวแม้จะเป็นตึกเพียงชั้นเดียว แต่ก็มีมูลค่าอย่างน้อยหลายสิบล้านดอลลาร์ เก็บค่าเช่าแต่ละปีก็ร้อยกว่าล้านดอลลาร์ขึ้นแล้ว ถือเป็นออมสินที่เก็บสะสมเงินก็ว่าได้ !

เมื่อเห็นหยางโป ยอมรับใบโฉนดอสังหาริมทรัพย์ ทานิกาวะถึงหัวเราะออกมา ” พรุ่งนี้ผมจะจัดหาคนให้มีคนโอนกรรมสิทธิ์โฉนดอสังหาริมทรัพย์เป็นชื่อคุณ ! “
หยางโปพยักหน้า ” ดี “

หลายคนในงานต่างพากันมองไปที่หยางโป ด้วยความแปลกใจ แม้ว่าจะไม่มีใครแนะนำ แต่พวกเขาก็สามารถเดาฐานะของหยางโปออก หยางโปน่าจะเป็นหมอเทวดา !

ที่แท้หมอหาเงินได้มากขนาดนี้เชียว !
ทานิกาวะพยักหน้าส่งสัญญาณให้หยางโปเดินจากไป

หยางโปจึง ได้กลายเป็นจุดสนใจของคนในงาน หลายคนต่างก็มารายล้อมที่จะสอบถาม

เกี่ยวกับเรื่องการรักษาโรคของหยางโป

หยางโปไม่สนใจคนเหล่านี้ เขาเป็นกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ทานิกาวะจะลงมือต่อไปมากกว่า

เพราะเขากลัวว่าทานิกาวะจะทำผิดขั้นตอน ถ้าทานิกาวะเสียชีวิตวันนี้ เขาก็จะไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ในมือของเขาได้ !

หยางโป ตอบกลับผู้คนสองสามคำอย่างสุภาพ เกี่ยวกับปัญหาของพวกเขา หยางโปรู้สึกปวดหัวจริงๆ

” ปวดฟันทำยังไงจะได้ผลที่สุด “
” ปวดท้องบ่อยๆจะทำยังไงดี ? “

“ ประจำเดือนมา ปวดมาก ฉันควรทำยังไงดี ? ”
“ หมอเทวดา ริดสีดวงทวารควรที่จะรักษายังไงให้ไม่ปวด ? ”
……

เมื่อหยางโปฟังปัญหาที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้ ก็พูดเพียงว่า ” สำหรับปัญหาเหล่านี้ เชิญไปสอบถามกับหมอ ผมเชื่อว่าหมอจะแก้ไขปัญหาเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ได้ “

“ ในเมื่อคุณเป็นหมอเทวดา แต่คุณจะมาหยิ่งยโสแบบนี้ไม่ได้ ! ” จู่ๆก็มีคนไม่พอใจ
หยางโปมองไปที่อีกฝ่ายและพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า ” ผมรักษาโดยมีค่าตอบแทน

คุณจ่ายไหวไหม ? “

เมื่อหยางโปพูดแบบนี้ เสียงในห้องก็เงียบลงทันที เพราะเมื่อสักครู่ที่ทานิกาวะมอบของให้

ทุกคนก็เห็นกันหมด ถ้าเอาเงินมากขนาดนี้จริงๆพวกเขาคงไม่เต็มใจที่จะให้หยางโปรักษาอาการป่วยให้แน่ๆ

แม้ว่าคำพูดประโยคหนึ่งจะทำให้ทุกคนต่างขุ่นเคืองใจไปหมด แต่เสียงรอบตัวของหยางโปก็เงียบลง

รอจนกลุ่มผู้คนพากันแยกย้ายกลับ หยางโปก็มองไปรอบๆ แต่กลับพบว่าทานิกาวะหายไปแล้ว

เขาหันไปมองหน้าลัวย่าวหัว ” เขาล่ะไปไหนแล้ว ? “

ลัวย่าวหัว กระพริบตา ” นายวางใจได้ ในเมื่อฉันกำลังรอดูการแสดงสนุกๆอยู่ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะคอยสังเกตการเคลื่อนไหวเขา ! “

หยางโป เดินตาม ลัวย่าวหัว ไปที่หัวมุม ที่นั้นมีทางเลี้ยวหลบมุมอยู่ มันสามารถนำไปสู่สวนหลังบ้านได้ หยางโปแปลกใจมาก ” เดินเลี้ยวเข้าไปใช่ไหม ? “

ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” ฉันเห็นพวกเขาเดินเลี้ยวเข้าไปด้วยตาของฉันเอง “
” พวกเขา ? ” หยางโปแปลกใจมาก ” ทำไมถึงเป็นพวกเขา ? “

” ทานิกาวะและนามิเดินไปด้วยกัน ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโปรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก เขากำลังคิดอยู่ว่า ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาจะทำยังไงกัน ? สารภาพความจริงต่อกันใช่ไหม ?

” อู่อีล่ะ ? ” หยางโปถามหา
ลัวย่าวส่ายหน้า ” ไม่รู้สิ เมื่อสักครู่เธอไปไหนแล้วก็ไม่รู้ “

หยางโปขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเขารู้ดีว่า อู่อีเป็นทายาทเพียงคนเดียวของทานิกาวะ

ไม่ว่ายังไง ทานิกาวะจะต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะปกป้องอู่อีเอาไว้อย่างแน่นอน

เมื่อเดินเข้าไปในสวนหลังบ้าน หยางโปก็เหลือบไปเห็นคนจำนวนหนึ่งรออยู่ด้านนอก หยางโปเดินตรงเข้าไป แต่กลับถูกขวางเอาไว้

“ ผมจะเข้าไปดูคุณทานิกาวะ พวกเรานัดหมายกันเอาไว้แล้ว ” หยางโปกล่าวอย่างมั่นใจ
บอดี้การ์ดมองหน้ากันไม่รู้ควรจะทำยังไงดี คุณทานิกาวะไม่ยอมให้ใครเข้าไปได้สักคน

แต่หยางโปเป็นข้อยกเว้นเพราะพวกเขาทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหยางโปเป็นหมอเทวดาที่รักษาอาการป่วยระยะสุดท้ายของทานิกาวะให้หายขาดได้ เมื่ออยู่ที่นี่เขาจึงมีสถานะที่สูงมาก !

หยางโปผลักพวกเขาออกไป และเดินตรงเข้าไปด้านใน
เมื่อหยางโปเดินเลี้ยวไปทางมุมหนึ่ง ก็เห็นว่ามีโต๊ะตัวหนึ่งอยู่กลางสวนหลังบ้าน มีทานิกาวะและนามินั่งอยู่คนละฝั่ง มีเทียนจุดอยู่บนโต๊ะดูโรแมนติกมาก

หยางโปมองความโรแมนติกนี้ แต่กลับรู้สึกแปลกๆ
หยางโป ลากลัวย่าวหัวไปซ่อนตัวอยู่หลังมุมเพื่อแอบฟังทั้งสองคนสนทนากัน

ทานิกาวะยกแก้วไวน์ขึ้นแล้วชนแก้วกับนามิ ” วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงาน 25 ปีของเรา คุณยังจำได้ไหม “

นามิตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็ฝืนยิ้มออกมา ” จำได้ แน่นอนว่าฉันจำได้ ตอนนั้นคุณยังดูเด็กเกินไป ดูยังไม่บรรลุนิติภาวะ ตอนที่พ่อขอให้ฉันแต่งงานกับคุณ ฉันยังไม่เต็มใจ ! “

ทานิกาวะยิ้ม ” ใช่ แค่พริบตาเดียวก็ผ่านไปยี่สิบห้าปีแล้ว ตอนที่เราเพิ่งจะแต่งงานกัน ทะเลาะกันทั้งวัน ตอนนั้น ผมคิดว่าเมื่อไหร่วันเวลาจะจบลงซะที “

นามิมองไปที่ทานิกาวะ ” นี่จึงเป็นเหตุผลให้คุณไปมีชู้ในตอนนั้นใช่ไหม ? “
ทานิกาวะส่ายหน้า “ มันเป็นเรื่องน่าละอายในวัยที่คึกคะนอง ผ่านมาหลายปีแล้ว ผมละอายใจและกลับตัวกลับใจใหม่แล้ว ”

นามิพยักหน้า ” มันก็จริง แต่ฉันไม่ชอบอู่อี ตอนนี้เรามีลูกของเราเองแล้ว คุณคิดจะให้อู่อีกลับไปสหรัฐอเมริกาได้แล้วหรือยัง ? “

ทานิกาวะยิ้มเบาๆ “ ลูกของเราเองเหรอ ? ”

ตอนที่ 878 งานเลี้ยงเต้นรำ

หลังจากพักผ่อนมาครึ่งวันเต็ม หยางโปจึงขอให้อู่อีสั่งคนให้พา ลัวย่าวหัวไปเที่ยวที่คาบุกิโจ
ลัวย่าวหัวกลับทำมาเป็นสงวนท่าที ” ช่างเถอะรอมีเวลาแล้วค่อยไปด้วยกันดีกว่า ฉันก็ไม่ได้อยากไปขนาดนั้น “

หยางโป มองหน้าลัวย่างหัว “ จริงเหรอ ? ”
” ทำอย่างกับว่าฉันพูดโกหกงั้นแหละ ” ลัวย่าวหัวกล่าว
หยางโป ยิ้มและไม่พูดอะไร

แค่พริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยไป และก็มาถึงเวลาสำหรับงานเลี้ยงเต้นรำแล้ว
ในช่วงเช้าตรู่ หยางโปสังเกตเห็นว่า มีกลุ่มผู้คนเดินไปๆมาๆ จัดงานกันอยู่อย่างต่อเนื่องมันดูเป็นงานที่ค่อนข้างใหญ่โตมาก

หยางโป ไม่ชอบเสียงดังวุ่นวายแบบนี้ จึงถือโอกาสเดินออกไป
มีทะเลสาบเล็กๆอยู่แห่งหนึ่งใกล้ที่พัก หยางโปชอบมาฝึกการออกกำลังกายและนั่งสมาธิที่นี่

ครั้งก่อนเขาก็มารู้ความลับของทานากะและนามิที่นี่เข้าพอดี แต่จริงๆแล้วเขามีความรู้สึกว่า

ทานิกาวะดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้นานมาแล้ว

ตอนที่หยางโป เดินมาถึงที่ทะเลสาบ ก็เห็นอู่อียืนอยู่ตรงนั้นแล้ว ทะเลสาบเงียบสงบภูเขาเขียวขจี อู่อีที่สวมกระโปรงสีขาวก็ดูดีมาก !

หยางโป กลัวว่าจะไปรบกวนเธอ จึงยืนอยู่ไม่ไกลและเริ่มฝึกมวยไทเก๊ก

หยางโป ฝึกฝนการต่อสู้เยว่เจียฉวนทุกวัน ศิลปะการต่อสู้จึงมีการพัฒนาขึ้น แต่ในความแข็งแกร่งกลับไม่สามารถยกระดับถึงขั้นฮว่าจินได้ เขาก็ไม่ได้รีบร้อนเช่นกัน ค่อยๆวาดลวดลายมวยไท่เก๊ก โดยหวังว่าจะผสมผสานความยืดหยุ่นความแข็งแกร่งและไท่เก๊ก สำหรับศิลปะการต่อสู้เยว่เจียฉวนได้

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หยางโปก็หยุดฝึกฝนเพราะอู่อียืนอยู่ไม่ไกลจากเขาและกำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่

” นายมาฝึกที่นี่ทุกเช้าเลยเหรอ ? ” อู่อีถาม
หยางโปพยักหน้า ” เธอไม่คิดว่าที่นี่วิวสวยบ้างหรือไง ? ทำไมเธอไม่ไปทำงาน ? “

อู่อีส่ายหน้า “ สองวันมานี้ไม่เจอกับนามิเลย ฉันรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย วันนี้มีคนมากอีก

เธอจะใช้กลอุบายเดิมใหม่อีกครั้งไหม ถ้าหากยั่วยวนนายอีกครั้ง นายจะทำยังไง ? ”

หยางโปส่ายหน้า ” คิดมากเกินไปแล้ว เธอไม่ทางทำแบบนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน ครั้งก่อนทำไม่สำเร็จเธอถูกฉันทำให้สลบไป เธอน่าจะรู้ดี ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป อาจจะมีความเป็นไปได้ที่เธอจะกำลังเตรียมการอะไรไว้อยู่ก็ได้ “

อู่อีตกใจนิ่งอึ้งไป ” หรือว่าเธอจะลงมือวันนี้ ? “
หยางโป พยักหน้า ” ถ้าฉันเดาก็น่าจะเป็นคืนนี้ “
อู่อีตกใจมาก หันหน้ารีบเดินกลับไปทันที ” ไม่ได้การล่ะ ฉันจะต้องไปเตือนทานิกาวะ “

” เธอไม่จำเป็นต้องไป เธอคิดว่าทานิกาวะไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้หรือไง ? ” หยางโปพูด

“ ทานิกาวะเตรียมตัวเอาไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว ครั้งนี้ดูสิว่าพวกเขาใครกันแน่ที่จะชนะ ! ”

อู่อีรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ แต่แล้วเธอก็สงบลงอีกครั้ง เมื่อนึกถึงช่วงนี้ที่ทานิกาวะจัดเตรียมงาน

คนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งนั้นได้มานานหลายปี เป็นไปไม่ได้หรอกที่ทานิกาวะจะอยู่โดยที่ไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้เลย !

จากนั้นอู่อีก็ดูค่อนข้างไม่สบายใจ ราวกับว่ากำลังกังวลเรื่องเมื่อคืนอยู่
หยางโป ก็ไม่ได้ตักเตือนมากเกินไป อันที่จริงภารกิจของเขาในญี่ปุ่นได้เสร็จสิ้นลงแล้ว

เขาต้องการเพียงแค่ปกป้อง ลัวย่าวหัวและอู่อีในคืนนี้ จากนั้นมันก็ไม่มีอะไรให้เขาทำมากนัก แน่นอนเขาเฝ้ารอคอยของรางวัลที่ทานิกาวะเตรียมไว้ให้เหมือนกัน !

งานเลี้ยงเต้นรำจัดขึ้นในลานบ้าน จัดตกแต่งอย่างหรูหราด้วยแสงไฟและพู่ห้อยระย้า พื้นปูด้วยพรมปูพื้นชั้นหนึ่ง เพราะอากาศค่อนข้างหนาวเย็น ดังนั้นในลานบ้านจึงมีการวางเตาไฟไว้รอบๆ ลานบ้าน ในลานจึงดูราวกับเป็นเวลากลางวัน

เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลง แขกเหรื่อก็เริ่มทยอยกันเข้ามาตามคำเชิญทีละคน

ทานิกาวะสั่งให้ทานากะไปอยู่เป็นเพื่อนอู่อีเพื่อต้อนรับทักทายแขกที่หน้าประตู ขณะที่เขาและนามิยืนอยู่ในลานบ้านเพื่อต้อนรับแขกเหรื่อ ในงานจึงดูมีความสามัคคีกลมเกลียวกันมาก

หยางโป นั่งอยู่ตรงมุม มองดูอยู่อย่างถ่อมตัว ลัวย่าวหัวที่นั่งอยู่ข้างๆเขา กระซิบเสียงเบาว่า

” สามัคคีกลมกลืนขนาดนี้ เขาทนอยู่ได้ยังไงกันเนี่ย ? “

” ทนอะไรไม่ได้เหรอ ? ” หยางโปถาม
” โดนสวมเขาอยู่ นายไม่เห็นหมวกสีเขียวบนหัวของเขาจริงๆหรือไง ? เขาคนนี้น่าสงสารจริงๆ ! ” ลัวย่าวหัวกล่าวขึ้นอย่างเศร้าใจ

หยางโปมองลัวย่าวหัวขึ้นลงอย่างพินิจพิเคราะห์ ” ทำไมนายถึงเศร้าใจมากขนาดนี้ มันไม่ใช่เรื่องของนายสักหน่อย ! “

ลัวย่าวหัวยิ้มและพูดว่า ” ถึงแม้มันจะไม่เกี่ยวกับฉัน แต่มันเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับอู่อีนะ

ฉันรู้สึกว่าคืนนี้จะต้องมีการฉีกหน้ากันขึ้นอย่างแน่นอน ! “

หยางโปยิ้มและส่ายหัว ” แค่ฉีกหน้ากันเท่านั้นเหรอ ? “
พอพูดจบ หยางโปก็หันมองไปรอบๆ เขารู้นานแล้วว่าทานิกาวะได้จัดเตรียมคนเอาไว้ในงานจำนวนมาก เกรงว่าคืนนี้อาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายสำหรับการสารภาพ !

ครั้งนี้ทานิกาวะป่วยหนักติดต่อกันมาหลายเดือน จึงไม่ได้ดูแลกิจการของกลุ่มอินากาวะเลย

ทุกอย่างผ่านมือนามิและทานากะเป็นคนจัดการดูแล พวกเขาต้องการใช้วิธีนี้กับทานิกาวะเพื่อยกระดับ ก่อนหน้านี้ทานิกาวะใกล้ตายแล้ว อาจจะไม่ได้สนใจ แต่ตอนนี้เขาหายขาดจากโรคร้ายแล้ว อาจจะทนอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว !

หมวกใบเขียวขลับมันใบนี้ ไม่ว่ายังไงก็ตามทานิกาวะก็ไม่มีทางสวมมันลงอีกแล้วอย่างแน่นอน !
แขกเหรื่อมาถึงเร็วมาก พอถึงสองทุ่มทุกคนก็มากันเกือบหมดแล้ว มีผู้อาวุโสหลายท่านที่พาคนในครอบครัวมาด้วยดังนั้นในงานจึงดูครึกครื้นกันมาก

อู่อีและทานากะเดินตามกันมาเรื่อยๆ กลับกันอู่อีกลับเดินไปข้างกายหยางโป และกระซิบว่า

” ทานากะสารภาพรักกับฉันอีกครั้งแล้ว “

” เธอไม่ต้องกังวลพวกเขาหนีไม่พ้นคืนนี้หรอก ” หยางโปกล่าว

อู่อีจ้องหน้าหยางโป และยืนมือไปบีบที่เอวของหยางโป ด้วยใบหน้าโมโหและไม่ได้พูดอะไร

ลัวย่าวหัว ตบไหล่ของหยางโป โดยที่ไม่พูดจาอะไร

แน่นอนหยางโปรู้ว่าอู่อีหมายถึงอะไร แต่เขาก็ปล่อยวางมันลงไม่ได้จริงๆ ตอนนั้นพี่ชายของอู่อี

โฮชิโนะเคอิ เสียชีวิตก็เพราะเขา ถ้าในอนาคตอู่อีรู้ความจริง เธอจะทำยังไง ?

หยางโป กำลังจะอ้าปากพูด เวลานี้ทานิกาวะก็หยิบไมโครโฟนแล้วเดินขึ้นไปบนเวที เขากระแอมไอเล็กน้อย ในห้องก็เงียบเสียงลงกันทันที

ทานิกาวะกล่าวว่า ” ขอบคุณทุกคนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงเต้นรำในครั้งนี้ หลายคนในงานต่างก็รู้ว่าช่วงก่อนหน้านี้ผมมีเนื้องอกในสมองที่ร้ายแรงมาก หมอบอกให้ผมกลับมาดูอาการที่บ้าน ไม่ต้องคิดมาก อยากกินอะไรก็กินอยากดื่มอะไรก็ดื่ม อยากไปท่องเที่ยวก็ไป ! ความหมายของหมอนั้นชัดเจนมาก คือให้ผมกลับบ้านไปมีความสุขเป็นครั้งสุดท้าย ! “

” ห่ะ ! ” เกิดความโกลาหลขึ้นในงาน เรื่องนี้เป็นที่ทราบกันดีในเฉพาะผู้ปกครองระดับสูง

คนที่ตำแหน่งต่ำลงมาต่างก็ไม่มีใครรู้แน่ชัด !

ทานิกาวะบีบมือตัวเองแน่น “ หลังจากฟังคำแนะนำของหมอ ผมก็ทำแบบนั้นจริงๆไม่ถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องทางโลกเลย ผมค่อยๆเริ่มมอบหมายเรื่องงานของกลุ่มอินางาวะโดยหวังว่าจะดำเนินการเปลี่ยนผ่านขั้นสุดท้ายให้เสร็จสิ้น อาจเป็นไปได้ว่าพระเจ้าปฏิเสธที่จะยอมรับผม

อู่อีจึงได้พาหมอเทวดากลับมาจากอเมริกา เขามาช่วยรักษาอาการป่วยให้ผม ไม่คาดคิดว่าตอนนี้ผมจะหายขาดแล้ว ! ”

หลายคนในงานสีหน้าดูเป็นกังวลมาก เมื่อได้ยินข่าวโรคของทานิกาวะหายขาดแล้ว ทุกคนต่างก็พากันปรบมือ แน่นอนว่ายังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ดูมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ เพราะการฟื้นตัวและหายขาดจากโรคของทานิกาวะหมายความว่าโครงสร้างอำนาจที่มีอยู่จะไม่เปลี่ยนแปลงไป

ถ้าเป็นแบบนี้ หลายคนก็เสียโอกาสที่จะไต่ระดับให้สูงขึ้น !

ทานิกาวะหัวเราะออกมา “ งานปาร์ตี้เต้นรำครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการรอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชของผม หวังว่าทุกคนจะเต้นรำกันอย่างมีความสุข ! หวังว่าทุกคนจะสนุกในค่ำคืนนี้ ! ”

มีเสียงร้องแสดงความดีใจดังขึ้นในงาน และดูเหมือนว่าทุกคนจะมีความสุขที่ได้ทราบข่าวนี้ !

สีหน้าของทานากะมืดมนลง เขาหันไปมองทางอู่อี เมื่อเห็นว่าเธอยืนอยู่กับหยางโป ใบหน้าของเขาก็ยิ่งหม่นหมองลงกว่าเดิม

ตอนที่ 877 ใส่ร้าย

หยางโปจ้องมองขวดเล็กๆในมือของนามิ แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน แต่เขาก็รู้ดีว่า สิ่งของที่อยู่ข้างในนั้นร้ายแรงถึงชีวิต !

หยางโปขมวดคิ้วและพูดว่า ” ถ้าเขาตายไป มันจะทำให้ชื่อเสียงของผมเสียหายได้ “
นามิยิ้ม “ คุณหยางอย่าโลภมากเกินไป 100 ล้านยูโรมันจะซื้อชื่อเสียงของคุณมาไม่ได้เชียวเหรอ ?มีเงินก้อนนี้ ต่อไปในอนาคตคุณก็ไม่จำเป็นต้องรักษาชีวิตให้ใครแล้ว ถึงกระทั่งที่ว่า ฉันสามารถช่วยคุณจัดหานางแบบระดับนานาชาติให้ได้ แค่คุณชอบ ! ”

หยางโปชำเลืองมองนามิ และยิ้ม ” ถ้าผมไม่ตอบตกลงล่ะ ? “
นามิก็หัวเราะตามด้วยเช่นกัน รอยยิ้มของเธอดูชวนให้น่าหลงใหลมาก และค่อนข้างมีเสน่ห์

เธอค่อยๆยัดขวดเล็กๆกลับเข้าไปที่เดิม ผ้าโปร่งสีขาวบนตัว เคลื่อนไหวตามมือที่ขยับ ค่อยๆร่วงหล่นลงจากเรือนร่าง ท่วงท่านี้ดูช่างงดงาม !

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวพรรณที่ขาวนวลไปทั้งตัวของเธอ ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น !
นามิถอดเสื้อผ้าลงไปกองไว้กลางเอว จากนั้นก็หันไปถามหยางโปว่า ” คุณจะไม่ทำตามจริงๆใช่ไหม ? แค่ฉันตะโกนออกมาในเวลานี้แค่คำเดียว ชีวิตนี้ของคุณก็จบเห่แน่ ! “

หยางโปจ้องหน้านามิ ” คุณจะทำแบบนี้จริงๆใช่ไหม ? “
นามิยิ้มจางๆ ” คุณคิดว่าฉันไม่กล้าใช่ไหม ? “

หยางโปก้าวไปข้างหน้า ทางด้านนามิก็ไม่อายแม้แต่น้อย ก้าวเท้าเดินมาด้านหน้าครึ่งก้าวจากนั้นทั้งสองก็ยืนประจันหน้ากัน

“ แล้วคุณจะเสียใจ ! ” หยางโปกล่าว
” คุณวางใจได้ ฉันไม่มีทางเสียใจอย่างแน่นอน ! ” นามิพูด

หยางโปไม่ยอมให้เธอพูดมากไปกว่านี้ เขาใช้มือทุบเธอจนสลบ จากนั้นก็โอบเอวของนามิด้วยมือข้างหนึ่ง วางเธอลงบนโซฟาที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็โทรเรียกอู่อีอีกครั้ง
ไม่นานอู่อีก็รีบวิ่งเข้ามา

เมื่ออู่อีเข้ามาในห้อง และเห็นนามินอนอยู่ในห้องกับหยางโป เสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบ

ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ นายคิดที่จะทำอะไร ? ”

สีหน้าหยางโปเต็มไปด้วยความไม่เฉยชา ” เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรได้ ? “
อู่อีจ้องหน้าหยางโป สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจและโมโห “ นายทำแบบนี้ได้ยังไง ?

เธออายุมากขนาดนี้แล้ว นายยังทำเธอลงได้ยังไง ? วันนั้นฉันไม่ใช่หาคานะและเคโกะให้แล้วไม่ใช่หรือไง ? ต่อให้นายต้องการแค่ไหน ไปหาพวกเธอมันก็ยังดีกว่าเข้าหาหญิงแก่คนนี้ด้วยซ้ำ ! ”

” ต่อให้นายไม่อยากไปหาคานะ ถ้างั้นนาย… นายมาหาฉันก็ได้ ! “
หยางโปฟังที่อู่อีพูด ก็ตกตะลึงอ้าปากค้างไปทันใด เขาจ้องมองอู่อีตาถมึงทึง ” หาเธอ ? “

หน้าอู่อีแดงก่ำ “ นายกำลังพูดบ้าอะไร ? ฉันหมายความว่า นายโทรหาฉันได้ ฉันจะช่วยนายหาสาวขายบริการให้ ! ”

หยางโปมองหน้าอู่อี เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม มันยิ่งทำให้อู่อีเขินอาย และถึงกับทำให้เธอลืมปัญหาของนามิไปชั่วขณะ
ผ่านไปสักพัก หยางโปถึงได้เล่าเรื่องของนามิให้ฟัง

อู่อีถึงกับตกใจผงะไป เธอจ้องไปที่หยางโป “ คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะทำเรื่องแบบนี้ ?

ต้องหยุดพวกเขาเอาไว้ ไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด ! ”

หยางโปพยักหน้า ” ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม เราจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ไม่มีมลทินเดี๋ยวนี้ ฉันอยากให้เธอไปส่งเธอกลับห้องหน่อยนะ “

” ไปส่งเธอกลับ ? ไม่ค้นตัวหรือไง ? จะไม่หาหลักฐานสักหน่อยเหรอ ? ” อู่อีถาม
หยางโปส่ายหัว ” เรื่องนี้ไม่ต้องการหลักฐาน เธอแค่ช่วยไปส่งเธอให้ฉันหน่อย จากนั้นก็ไปบอกเรื่องนี้กับทานิกาวะให้รู้ซะ “

อู่อีหันไปมองหน้าหยางโป ” นายไม่ได้ทำอะไรลงไปจริงๆใช่ไหม ? “
หยางโปส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ” เธอไม่เชื่อเหรอ ? “

อู่อีให้คนพานามิออกไปอย่างรวดเร็ว
หยางโปมองไปยังทิศทางที่อู่อีเดินจากไป เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น นิสัยของอู่อียังคงใจอ่อนเกินไป ในสภาพแวดล้อมที่กินเนื้อคนแบบนี้ กลัวว่าเธอจะต้องทนทุกข์และเสียเปรียบเป็นอย่างมาก หวังเพียงว่าเธอจะประสบความสำเร็จและราบรื่นในอนาคต

หยางโปต่อสายโทรหาลัวย่าวหัว และสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของ แก๊งฮง
ข่าวจากทางด้านลัวย่าวหัวกลับไม่ค่อยดีนัก หลังจากอวี่เหวินกินโสมเขียวแล้ว อาการของเขาก็ดีขึ้นมาก ผมก็เริ่มกลับมามีสีดำ แต่ก็ยังดูแก่ชราอยู่

“ อวี่เหวินรับลูกศิษย์อย่างเป็นทางการแล้ว ” จู่ๆ ลัวย่าวหัวก็พูดขึ้นมา
ถึงแม้หยางโปจะแปลกใจ แต่ก็เตรียมใจเอาไว้นานแล้วและก็ไม่ได้แปลกใจมากนัก

“ เขาเริ่มถ่ายทอดวิชาให้แล้วใช่ไหม ? ”

“ เรื่องนี้ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ พิธีคารวะอาจารย์รับศิษย์เป็นเรื่องของเมื่อวาน ตอนนี้ฉันก็ว่างอย่างสมบูรณ์แล้ว อวี่เหวินก็ไม่ต้องการให้ฉันดูแลอีกต่อไปแล้ว สถานการณ์ทางนายเป็นยังไงบ้าง ? อยากให้ฉันไปหาไหม ? ” ลัวย่าวหัวถาม

หยางโปเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงนี้ให้ฟัง และแม้แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ก็พูดออกมา
ลัวย่าวหัวเบิกตากว้าง “ ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่อีกเหรอ ! คาบุกิโจนั่นเป็นสถานที่ดีแห่งหนึ่งเลยทีเดียว ฉันอยากจะไปนานแล้ว แต่ไม่เคยมีโอกาสเลย ไม่ไม่ฉันรอไม่ไหวแล้ว ฉันจะรีบไปประเทศญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้ นายพาฉันไปได้ไหม ? ”

หยางโปยิ้มและกล่าวว่า ” นายใจร้อนอะไรขนาดนั้น ? “
“ แน่นอน ฉันรักชาติมาก ถ้าฉันไปถึงประเทศญี่ปุ่นฉันจะต้องนำความรุ่งโรจน์มาให้กับประเทศอย่างแน่นอน สำหรับเรื่องที่นายพูดเกี่ยวกับผู้หญิงอะไรนั้น ฉันก็ไม่ไปเป็นชู้กับใคร เรื่องแบบนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน ! ” ลัวย่าวหัวตอบ

หยางโปหัวเราะและส่ายหน้า “ มันไม่ใช่อย่างที่นายว่า นายก็รู้ ถ้านายมาจริงๆ บางทีอาจจะเจอกับเรื่องอย่างว่าก็ได้ ! ”

ลัวย่าวหัวหัวเราะ “ นายคิดว่าฉันจะเป็นเหมือนนายหรือไง ? นายนี่มันโง่จริงๆ ส่งมาหาถึงที่

ทำไมถึงไม่กล้ากินนะ ? ”

เมื่อลัวย่าวหัวพูดถึงเรื่องพวกนี้ ก็ปะปนกันไปหมด หยางโปอยู่พูดคุยกับเขาสักพักแต่ไม่ตอบตกลงคำขอของเขาที่จะมาหา จากนั้นก็วางสายไป แต่หยางโปคิดว่าลัวย่าวหัวไม่มีทางฟังคำของเขา

คงจะรีบมาหาในไม่ช้านี่แน่ !

เมื่อนึกถึงตรงนี้ หยางโปก็นึกถึงอวี่เหวินขึ้นมาอีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยอมรับหยวนเฉิงเฟยเป็นศิษย์ !

หลังจากพักผ่อนไปสองวัน หยางโปก็ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง ลัวย่าวหัวที่รีบมาหา เมื่อได้ยินว่า

หยางโปกำลังจะฝังเข็มให้ทานิกาวะ แทนที่จะดึงหยางโปออกเขากลับรออย่างอดทน

เมื่อทำหลายครั้งติดต่อกัน หยางโปจึงชำนาญลู่ทางแล้ว ยิ่งฝังเข็มเข้าไปได้เร็ว พลังลมปราณที่ถ่ายทอดเข้าไปทุกครั้งล้วนถูกต้องทุกครั้งเพื่อให้พลังลมปราณสามารถกำจัดเนื้องอกได้เพียงพอ !

ทานิกาวะอดทนต่อความเจ็บปวดจากการกำจัดเนื้องอก ครั้งนี้ไม่ให้ใครอยู่ในที่เกิดเหตุดังนั้น

ทานิกาวะจึงทนต่อความเจ็บปวดและเอ่ยปากถามว่า ” คุณหยางครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์หรือเปล่า ? “

หยางโปพยักหน้า “ ใกล้เสร็จแล้ว วันนี้น่าจะประสบความสำเร็จแล้ว ! ”
หลังจากนั้นไม่นาน ทานิกาวะก็เงียบไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมองหยางโป “ อีกสองวันหลังจากนี้ จะมีงานเลี้ยงเต้นรำจัดขึ้นหวังว่าคุณหยางจะเก็บเรี่ยวแรงไว้จนถึงเวลานั้น ผมมีของรางวัลชิ้นหนึ่งมามอบให้คุณ ! ”

หยางโปรู้สึกดีใจเล็กน้อย ” ยังมีของขวัญให้ผมอีกเหรอ ? “
ทานิกาวะยิ้ม “ มีแน่นอน หลายวันมานี้ต้องขอบคุณคุณที่ฝังเข็มให้ ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่สามารถมีชีวิตรอดมาได้ ! ”

หยางโปยิ้มแล้วฝังเข็มในมือลงไปโดยไม่พูดอะไรอีก
ไม่นานทานิคาวะก็ร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง

หลังจากการฝังเข็มครั้งนี้ผ่านพ้นไป หยางโปก็มองเห็นเนื้องอกที่ค่อยๆสลายตัวไป และในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและนั่งลงบนโซฟาข้างๆ เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะทำสำเร็จจริงๆ !

ทานิกาวะนอนอยู่บนเตียงโดยไม่พูดอะไร ในห้องจึงตกอยู่ในความเงียบทันที

ตอนที่ 876 คิดร้าย

หยางโปฟังเสียงก็รู้สึกค่อนข้างคุ้นหู เขาหยุดการฝึกฝนและกลับมานั่งอยู่ตรงจุดเดิมและเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าเสียงนี้น่าจะเป็นเสียงของทานากะและนามิ

ฟังจากเสียงดูเหมือนจะดังมาจากที่ไกลๆแล้วค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ หยางโปรีบลุกขึ้นยืนและไปซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ด้านข้าง

“ แต่เวลานี้พวกเรายังมีกำลังไม่มากพอ ไอ้แก่คนนั้นมันเจ้าเล่ห์ฉันรู้สึกเหมือนว่าช่วงนี้เขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ดังนั้นจึงออกมาซ่อนตัวสักพัก ช่วงนี้เขาไม่ได้ทำอะไรคุณเลยใช่ไหม ? ”

“ ไม่มีนะ รู้สึกยังเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ดูเหมือนว่าไอ้แก่คิดที่จะให้นางเด็กนอกคอกนั้นอยู่ต่อ

เขาอยากฝึกฝนนังเด็กนอกคอกนั่น ! ”

“ คุณคิดว่าถ้าผมแต่งงานกับเธอ สถานการณ์ของเราจะดีขึ้นมาหน่อยไหม ? ”
” คุณนี่มันไม่รู้จักพอ ยังคิดที่จะแต่งงานกับเธออีก ทานากะฉันบอกคุณเอาไว้เลยนะ มีเธอต้องไม่มีฉัน มีฉันต้องไม่มีเธอ ! คุณเลือกมาเองก็แล้วกัน ! “

” เบาเสียงหน่อย ! หรือคุณอยากให้เรามาจบชีวิตกันที่นี่หรือไง ? “
” งั้นคุณก็บอกฉันมาสิเมื่อไหร่จะลงมือ ฉันทนอยู่กับสภาพแบบนี้ไม่ไหวแล้ว ! ตอนนี้ฉันท้องแล้ว ท้องลูกของคุณ ! “

หยางโปที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ฟังบทสนทนาระหว่างทั้งสองคนก็รู้สึกตกใจมาก

เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น !

เห็นได้ชัดว่าภรรยาของทานิกาวะ นามิเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่หน้าตาสะสวย และเธอกำลังคบหาอยู่กับทานากะจริงๆ ! นึกไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะอยู่ร่วมกันมานานแล้ว และยังคิดที่จะกำจัด

ทานิกาวะให้พ้นทางไปอีกด้วย !

นี่มันพันจินเหลียนและซีเหมินชิ่งเวอร์ชั่นญี่ปุ่นร่วมสมัยชัดๆเลยนะ !
หยางโปพยายามควบคุมตัวเองให้มากที่สุด โดยที่ไม่ปล่อยให้ตัวเองส่งเสียงดังออกมา

ตอนที่พูดถึงจัดการทานิกาวะทั้งสองก็เกิดทะเลาะกันขึ้นมา ทานากะไม่ยอมที่จะลงมือแต่เนิ่นๆ

แต่นามิทนไม่ไหวแล้ว ทั้งสองเกิดทะเลาะกัน เถียงกันไม่หยุด

หยางโปกำลังคิดที่จะฉวยโอกาสออกไป แต่จู่ๆก็ดันมาหยุดทะเลาะกัน
หยางโปหันไปมองอย่างสงสัย ก็เห็นว่าเห็นทั้งสองคนกำลังโอบกอดกันและกลิ้งไปบนพื้น !

ถัดไปก็เป็นฉากทำสงครามที่ดุเดือด หยางโปเหลือบมองจากนั้นก็หนีไปจากที่นี่อย่างแผ่วเบา !
หลังจากหลบเลี่ยงผู้คุมที่อยู่ด้านนอกออกมาได้แล้ว หยางโปก็กลับมาถึงบ้านพัก เขาคิดที่จะบอกอู่อีเกี่ยวกับการค้นพบนี้ แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เรื่องนี้เป็นเรื่องเหม็นคาวของครอบครัว กลัวว่าตอนนี้ทานิกาวะอาจคิดที่จะฆ่าให้ตายก็เป็นได้ !

วันที่สอง หยางโปหยิบคอมพิวเตอร์ออกมาจัดการเอกสารของบริษัทที่มีอยู่จำนวนมาก

ทันใดนั้นทานิกาวะก็เดินเข้ามาหา

” คุณหยางเนื้องอกในสมองของผมจะหายดีเมื่อไหร่ ” ทานิกาวะถาม
หยางโปครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง การรักษาครั้งที่สองเป็นไปอย่างราบรื่นอย่างน่าประหลาดใจ

ซึ่งมีความคืบหน้าไปไม่น้อย อีกทั้งสองวันนี้การฝึกฝนตบะก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว มันจึงทำให้การฟื้นตัวของเขาลดเวลาลง หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก หยางโปก็ตอบว่า ” เอาแบบนี้ก็แล้วกัน

วันพรุ่งนี้เรามารักษากันต่ออีกครั้ง ถึงเวลานั้นผมจะทำการวินิจฉัยอาการป่วยให้ ว่ายังเหลือที่ต้องรักษาอีก 1 หรือ 2 ครั้งดีไหม ? ” ทานิกาวะพยักหน้า “ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ลำบากคุณหยางแล้ว ”

หยางโปยิ้ม ” คุณเกรงใจไปแล้ว ” ทานิกาวะหันมามองหยางโปด้วยความสงสัย ราวกับว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

หยางโปแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและไม่เอ่ยปากถามอะไร
หลังจากทานิกาวะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากออกมาว่า ” คุณหยาง เกี่ยวกับเรื่องรางวัล ผมมาคิดๆดูแล้ว เกรงว่าคงยากที่จะหาของมาขอบคุณที่ช่วยชีวิตผม “

หยางโปยิ้ม “ เท่าไหร่ล้วนแล้วแต่คุณ ไม่จำเป็นต้องมีมูลค่ามาก แต่อย่างน้อยสำหรับผมแล้ว

มันต้องมีประโยชน์ ”

ทานิกาวะพยักหน้า ” งั้นผมขอกลับไปรวบรวมก่อน “
พอพูดจบ ทานิกาวะก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า ” คุณหยางหลังจากที่รักษาอาการป่วยของผมหายดีแล้ว ผมจะจัดงานเลี้ยงเต้นรำ หวังว่าในตอนนั้นคุณจะมาเข้าร่วมด้วยเช่นกัน และต้องขอบคุณคุณด้วยสำหรับการสนับสนุนและความช่วยเหลือทีมีให้อู่อี หวังว่าในอนาคต เธอยังจะได้รับการสนับสนุนจากคุณต่อไป “

หยางโปยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
ไม่นาน ทานิกาวะก็ออกจากห้องไป แต่หยางโปกลับขมวดคิ้วขึ้น เขารู้สึกเหมือนว่า ทานิกาวะจะมาสั่งเสีย หรือว่าเขารู้สึกว่าจุดจบของตัวเองใกล้เข้ามาถึงแล้วกันนะ

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ทานิกาวะเดาเอาไว้แล้วและรู้เรื่องของนามิและทานากะมานานแล้วและตอนนี้เขาก็เริ่มเตรียมการเอาไว้แล้ว ?

เมื่อนึกถึงเรื่องการตั้งครรภ์ของนามิ ถ้าดูที่ท้องของเธอ เธอก็ตั้งครรภ์ได้ไม่นาน ถ้าในแง่ของสุขภาพร่างกายของทานิกาวะ คงสักระยะหนึ่งแล้วที่ทานิกาวะไม่มีเรี่ยวแรงไปทำเรื่องอย่างว่านี้แน่ๆ

หยางโปยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูง บางทีทานิกาวะคงคิดที่จะลงมือแล้ว ?
วันรุ่งขึ้น หยางโปทำการฝังเข็มให้ ทานิกาวะอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นมากกว่าเดิม

หยางโปตรวจดูเนื้องอกในสมอง และทำการวินิจฉัยออกมาว่า ยังเหลือฝังเข็มอยู่อีกแค่ครั้งเดียว

จึงกำหนดการให้ฝังอีกสามวันหลังจากนี้ !

ทานิกาวะยังได้ส่งข้อความถึงโลกภายนอกอย่างเป็นทางการอีกว่า เขาจะจัดงานเลี้ยงเต้นรำที่บ้านในอีก 5 วันหลังจากนี้ เมื่อถึงเวลานั้นจะมีการเชิญบุคคลสำคัญจำนวนมากให้มาเข้าร่วมงานนี้ วัตถุประสงค์ในการจัดงาน เพื่อเฉลิมฉลองการหายขาดจากอาการป่วยหนักของเขา !

ข่าวนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว หลายคนไม่รู้เลยว่าทานิกาวะป่วยหนัก แต่พอข่าวดังกล่าวนี้เปิดเผยต่อสาธารณะ ก็ทำให้ทุกคนรู้แน่ชัด แต่อาการป่วยหนักของเขาก็ได้รับการรักษาหายขาดแล้ว

นามิมาหาหยางโปครั้งหนึ่งโดยบอกว่าเธอหวังว่าหยางโปจะช่วยจับชีพจรให้เธอ เริ่มแรกเธอสวมชุดผ้าโปร่งสีขาวใส หยางโปจึงสามารถมองเห็นชุดชั้นในสีชมพูของเธอผ่านผ้าโปร่งได้

นามิดูจู่โจมเข้าหาอย่างเห็นได้ชัด จับมือของหยางโปและขอให้เขาช่วยจับชีพจรให้เธอ
หยางโปรีบดึงมือกลับมาอย่างรวดเร็ว เขามองหน้านามิ แม้ว่าเธอจะท้อง แต่ตอนนี้ท้องยังเห็นไม่ชัด ดังนั้นจึงดูไม่ออกเลย บวกกับการดูแลใส่ใจรักษาหุ่นของเธอ รูปร่างก็ยังคงสมส่วนเหมือนเป็นสาวแรกรุ่นไม่เปลี่ยน !

เธอจับมือหยางโปแล้วพูดว่า ” คุณหยางคุณเป็นหมอเทวดา ตอนนี้ฉันท้องแล้วช่วยจับชีพจรตรวจดูให้หน่อยสิว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ? “
หยางโปมองหน้านามิ แต่ไม่สนใจเธอ

แต่นามิยังคงไม่ยอมแพ้ ยิ่งพยายามเข้าใกล้มากขึ้น กลิ่นน้ำหอมจางๆลอยเข้ามาทำให้รู้สึกค่อนข้างเวียนหัว “ คุณหยางคุณช่วยดูให้หน่อยนะ ! ”

ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น นามิก็ดึงคอเสื้อของตัวเองลง เผยให้เห็นไหปลาร้าที่ขาวนวลราวหิมะ !

ไม่พูดไม่ได้เลยว่านามิอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ก็ยังดูเด็กและมีเสน่ห์ หลังจากผ่านอะไรมานาน มันก็ยิ่งมีรสชาติมากขึ้นไม่แปลกใจเลยที่ทานากะจะหลงใหล !
” คุณนามิ โปรดเคารพตัวเองด้วย ! ” หยางโปกล่าว

นามิหน้าถอดสีไปเลยทันที เธอมองหน้าหยางโป “ คุณหยางคุณไม่ใช่คนญี่ปุ่นน่าจะรู้ว่า

มีเรื่องบางเรื่องที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วย ถ้าเข้าไปยุ่งด้วยบางทีท้ายที่สุดแล้วอาจจะไม่เหลือแม้แต่กระดูก คุณเข้าใจไหม ? ” หยางโปจ้องมองนามิ ” เดิมที เรื่องนี้ ผมก็ไม่คิดที่จะเข้าไปมีส่วนร่วม แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะถอนตัวออกมาได้แล้ว “

นามิมองหน้าหยางโป “ คุณแค่ช่วยฉันทำเรื่องหนึ่ง คุณก็สามารถถอนตัวออกไปได้แล้ว นอกจากนี้ฉันยังจะให้เงินคุณอีก100 ล้านยูโรคุณสามารถไปท่องเที่ยวที่ยุโรป ใช้ชีวิตให้สนุกอย่างคนรวยได้เลย ”

หยางโปขมวดคิ้ว และแอบคาดเดาอยู่ในใจ เขามองนามิตาเขม็งแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก

นามิยื่นมือเปล่าออกมา และค่อยๆสอดมือเข้าไปในร่องอก ที่อ่อนนุ่ม เนื่องจากการ

เคลื่อนไหวของเธอ ทำให้ช่องว่างตรงกลางลึกลงไปอีก ในที่สุดเธอก็หยิบขวดยาเล็กๆ

ขวดหนึ่งออกมา “ คุณหยาง แค่คุณจุ่มเข็มลงไปในน้ำยาชนิดนี้ ค่าตอบแทนหนึ่งร้อยล้านยูโร

ร่วมทั้งรถสปอร์ตและสาวงาม จะตกเป็นของคุณทันที ”

ตอนที่ 875 แผนลับ

รอจนบอดี้การ์ดเดินกลับมา หยางโปถึงหันไปถามกับบอดี้การ์ดว่า ” ตอนนี้บอกมาได้แล้วว่าชายขี้เมาคนเมื่อสักครู่เข้ามาได้ยังไง ? “

บอดี้การ์ดหันมองไปทางอู่อี เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดไม่จา จึงต้องเอ่ยออกมาว่า ” อิชิดะขวางพวกเราเอาไว้และปล่อยให้เขาเข้ามา “

อู่อีทำเสียงไม่พอใจ “ แล้วทำไมพวกนายถึงไม่ขวางเอาไว้ ? ”
หยางโปรีบดึงอู่อีไว้ ” ที่ขวางไว้ไม่ได้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนชายขี้เมาที่บุกเข้ามาต้องลงโทษให้หนักๆกว่านี้หน่อย เธอรู้ใช่ไหม ? “

หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น ทั้งสองคนก็ไม่มีอารมณ์อยู่ต่อ ลุกขึ้นแล้วพากันเดินออกไปทันที
เห็นได้ชัดว่าอู่อีรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย อันที่จริงเธอได้รับการแต่งตั้งจากทานิกาวะให้ดูแลกิจการในโตเกียว แต่ในเวลาเพียงสิบกว่าชั่วโมง ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น มันจะต้องมีใครบางคนคอยสร้างปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน และกำลังคิดที่จะพยายามทดสอบท่าทีของเธออยู่ !

สิ่งนี้ทำให้ อู่อีรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอสัมผัสได้ว่า ความคิดของทานิกาวะเปลี่ยนไป เขาอยากฝึกฝนให้เธอกลายมาเป็นคนสืบทอดตำแหน่ง แต่สุขภาพของทานิกาวะก็ดีขึ้นมากแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นนามิก็ท้องแล้วด้วย และสถานะของเธอในตอนนี้ก็จะคลุมเครือขึ้นมา !

หลังจากลงจากรถ แต่ไม่ได้กลับไปที่ห้อง อู่อีได้พาหยางโปไปเดินเล่นอยู่ด้านนอก
ตอนนี้มันเป็นเวลาตีหนึ่งตีสองแล้ว ด้านนอกก็หนาวมาก ทางด้านหยางโปไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แต่เขาดูทรมานเล็กน้อยเมื่อเห็นชุดบางๆที่อู่อีสวมใส่

“ ทำไมเธอต้องคิดอะไรมากมายด้วย เรื่องนี้พวกเขาก็แค่ทดสอบเธอดูก็เท่านั้น อิชิดะเป็นเพียงตัวละครเล็กๆ เขาถือตัวเองมากเกินไปก็เท่านั้น คิดไปว่าตัวเองสามารถที่จะแย่งตำแหน่งกับเธอได้ ! ” หยางโปกล่าว

ตอนที่อู่อีถอดใจ ก็รู้สึกว่าระหว่างปลายจมูกกับริมฝีปากร้อน “ นายคิดว่าใครเป็นคนทำ ? ”
หยางโปหัวเราะออกมา “ เรื่องนี้ไม่ว่าใครจะเป็นคนทำ ฉันก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลย เธอแค่จัดการกับ

อิชิดะซะ ถ้าเธอได้รับตำแหน่ง ต่อมาจะต้องมีคนแอบมารายงานเกี่ยวกับที่ไปที่มาของอิชิดะแน่ๆ ” หยางโปหันไปมองหน้าอู่อี “ สถานะของเธอเป็นกำลังที่สำคัญที่สุด ตราบใดที่ทานิกาวะยังอยู่ จะต้องมีคนมาพึงพาอาศัยเธออย่างแน่นอน ! ”

อู่อีพยักหน้า “ แต่ก่อนนายก็ไม่เคยได้อยู่ในแวดวงของมาเฟียนี่ ? ทำไมฉันรู้สึกว่า

นายมีความคุ้นเคยมากกว่าฉันซะอีก ? ” หยางโปยิ้ม “ ฉันก็ไม่ได้คุ้นเคยมากนัก นี่มันเป็นเพียงแค่เรื่องที่ผู้คนส่วนใหญ่มีไว้เพื่อหนุนหลังและทำการคัดค้านก็เท่านั้น ”

อู่อีหัวเราะ “ โอเค ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปรับตำแหน่ง ! ”
วันที่สองหยางโปยังคงฝึกฝนตบะอยู่ในห้องจนถึงเที่ยง หยางโปถึงได้มาพบกับอู๋เฉียงพี่น้อง

เพราะเมื่อวานนามิมาหา อู๋เยว่จึงพูดจาอย่างระมัดระวัง มันทำให้หยางโปรู้สึกรักและเอ็นดู

เขาดึงอู๋เฉียงเดินมาจนถึงห้องที่อยู่ด้านข้างจากนั้นถึงได้เปิดปากถามว่า “ อู๋เยว่ไปรักษาอาการป่วยกับพระอาจารย์ฝ่าซวนจนหายแล้วไม่ใช่หรือไง ? ทำไมถึงได้เกิดขึ้นอีกครั้งล่ะ ? ”

อู๋เฉียงส่ายหน้า “ ผมก็ไม่รู้แน่ชัด จู่ๆ อาการของเธอก็กำเริบขึ้นมา เริ่มแรกผมก็ไม่เชื่อ โชคดีที่ผมรีบกลับไปทันเวลา ”

หยางโปขมวดคิ้ว “ ถ้าเป็นปกติทั่วไป มันไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน ! ”
เมื่อครุ่นคิดไปมา หยางโปก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “ นายไปเรียกอู๋เยว่เข้ามา ฉันจะสอบถามด้วยตัวเอง ”

ไม่นาน อู๋เยว่ก็เดินเข้ามา
หยางโปลูบศีรษะของอู๋เยว่ไปมา และถามด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า “ ช่วงนี้ จำได้ไหมว่าไปใกล้ชิดกับคนแปลกหน้าที่ไหนบ้างไหม ? ” อู๋เยว่เงยหน้าขึ้นมองหยางโปด้วยความมึนงง

“ ที่พี่หยางถามหมายความว่า กู่พิษที่อยู่ในตัวหนู มีคนแปลกหน้ามาเข้าใกล้แล้ววางพิษใส่หนูหรือเปล่า ? ” อู๋เฉียงอธิบาย

อู๋เยว่ส่ายหน้า ” หนูก็ไม่รู้ ช่วงนี้อยู่แต่ที่โรงเรียนตลอดเวลา ไม่ได้ติดต่อกับคนแปลกหน้าที่ไหนเลย ! “

หยางโปขมวดคิ้ว เขาจ้องมองไปที่อู๋เยว่ตาเขม็ง มองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน อู๋เยว่ อาศัยอยู่ในบ้านของเขา ทำไมมีแค่เธอคนเดียวที่สัมผัสกับกู่พิษ นี่มันไม่สมเหตุสมผล !

อู๋เยว่ถูกหยางโปมอง จนทำให้เธอมีสีหน้าหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย ใบหน้าเล็กๆ แสดงท่าทางขมขื่น
หยางโปมองอู๋เยว่อย่างพินิจพิเคราะห์ แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ดังนั้นจึงทำได้แต่เพียงพูดปลอบใจเธอไปสองสามคำและปล่อยให้เธอไปเล่น

อู๋เฉียงมีสีหน้าที่ดูกังวล หันมาถามกับหยางโปว่า ” ไปหาพระอาจารย์ฝ่าซวนให้ช่วยรักษาอาการอีกครั้งได้ไหม ? สภาพของเธอเป็นแบบนี้ ผมไม่สามารถทำงานด้วยความสบายใจได้จริงๆ “

หยางโปโบกมือ “ เรื่องนี้ต้องวางแผนกันในระยะยาวสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องหาแหล่งที่มาของกู่พิษให้ได้ก่อน เพื่อกำจัดมันให้สิ้นซาก ครั้งก่อนก็ถือว่ารักษาที่จุดกำเนิดแล้ว แต่กู่พิษก็ได้กลับมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง นี่ถือว่ายังไม่ได้ผล ” อู๋เฉียงพยักหน้า แต่ใบหน้าก็ยังคงเต็มไปด้วยความกังวลใจ

ในช่วงเย็น อู่อีเข้ามาหาหยางโปอย่างอารมณ์ดี ” นายพูดถูกจริงๆมีคนคอยชักใยอยู่เบื้องหลังจริงๆ นายเดาสิว่าคนนั้นเป็นใคร ? “

หยางโปลังเลเล็กน้อย ” นามิ ? ” อู่อีส่ายหน้า ” คือทานากะ ! “
หยางโปแปลกใจมาก ” ทานากะน่าจะเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาวเลือดร้อน เขาก็กำลังตามจีบเธออยู่อีกด้วย ทำไมเขาถึงทำแบบนี้กัน ” อู่อีส่ายหน้า ” ฉันก็ไม่รู้เหตุผลที่เฉพาะเจาะจง แต่มีทานากะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ! “

” สองวันนี้ไม่เจอเขาเลย เขาไปไหน ? ” หยางโปถาม
อู่อียังคงส่ายหน้า “ เขาเป็นเลขาของทานิกาวะ นายควรไปถามเขา ฉันมักจะรู้สึกว่าที่นี่มีอันตราย ทุกคนดูลึกลับชอบกล ” หยางโปยิ้ม “ เพราะยังไงซะที่นี่ก็เป็นฐานธุรกิจ ถ้าถูกตรวจค้น จะถูกตำรวจญี่ปุ่นจะจัดการไหม ? ” “ หรือนายไม่สนใจเลย ? ด้านนอกมีตำรวจนอกเครื่องแบบเยอะมาก ! ” อู่อีพูดขึ้น

หยางโปส่ายหน้า บ่งบอกว่าเขาไม่สนใจ
ต่อจากนั้นอีกหลายวัน อู่อีก็ค่อยๆปรับตัวได้ ทุกวันมีแต่ข่าวดีมาให้

ทางด้านของหยางโปก็มุ่งเน้นอยู่แต่การบำเพ็ญตบะ พี่น้องอู๋เฉียงจากไปหลังจากพักผ่อนอยู่ที่นี้ได้สองวัน

ในช่วงเวลานี้ หยางโปได้ทำการฝังเข็มให้ทานิกาวะอีกครั้ง เนื้องอกในสมองของเขาก็มีขนาดเล็กไปอีก ครั้งนี้หยางโปควบคุมพลังลมปราณ และหยุดมือในเวลาที่เหมาะสมได้ทันท่วงทีโดยที่ไม่ก่อให้เกิดผลเสีย แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะครั้งแรกที่เอาชนะความยากลำบากได้ ผลลัพธ์ของครั้งที่สองก็ยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น

พักอยู่ในวิลล่า หยางโปก็พบว่านามิดูเหมือนจะไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่า เวลาที่พบหน้ากัน

ส่วนใหญ่เธอจะชักสีหน้าและไม่พูดไม่จา สิ่งนี้มันทำให้หยางโปรู้สึกงุนงงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่ได้เป็นหนี้เธอสักหน่อย ทำไมถึงหน้างอตลอดเวลานัก !

ในช่วงเย็น หยางโปไปเดินเล่นที่ริมทะเลสาบใกล้ๆคนเดียว แสงระเรื่อของพระอาทิตย์ตกกระทบกลางทะเลสาบ ทำให้ทั่วทั้งทะเลสาบกระเพื่อมขึ้นเล็กน้อยอย่างสวยงาม

หยางโปพบสถานที่อันเงียบสงบในป่า นั่งไขว่ห้างสูดอากาศและหายใจออกมา มีเพียงสถานที่แบบนี้เท่านั้น การฝึกพลังลมปราณถึงจะราบรื่นขึ้น

ตอนนี้หยางโปยังคงฝึกฝนอยู่ในด่านแรก พลังลมปราณภายในจุดตันเถียนขาดไปเพียงหนึ่งในห้า มีขนาดเกือบเท่าไข่ไก่ แต่นี่เป็นหนึ่งในด่านสุดท้าย ที่ยิ่งถ่ายทอดออกมายากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าต้องการบุกทะลวงเข้าไป จำเป็นต้องสะสมเพิ่มมากขึ้นไปอีก !

พลังลมปราณในอากาศค่อยๆมาร่วมตัวกัน หยางโปจดจอสมาธิอยู่กับการฝึกฝนบำเพ็ญตบะ และค่อยๆเงียบสงบลง

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หยางโปก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบดังมาจากข้างหูของเขา
“ ไอ้แก่ตายยากคนนั่น อาการใกล้ดีขึ้นแล้วจริงๆ ! เมื่อวานฉันไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเขา

เนื้องอกมีขนาดเล็กลงแล้ว หมอผีห่าซานตานคนนั้น คิดไม่ถึงว่ามันจะมีฝีมืออยู่จริงๆ ”

” อาการดีขึ้นแล้ว ? ถ้างั้นเราก็รอดูกันไปก่อน ตอนนี้ปีกของผมยังไม่แข็งพอ ประสบการณ์ก็ยังน้อย รอผมปีกกล้าขาแข็งแล้วผมก็จะสามารถขึ้นไปแทนที่ได้ ! “

” คุณนี่มันคู่เวรคู่กรรมกับฉันจริงๆ ทำไมถึงไม่นึกถึงความรู้สึกของฉันบ้าง ? ฉันทนอยู่กับเขามานาน 20 กว่าปีแล้ว และก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ! พวกเราต้องรีบลงมือโดยเร็ว… “

ตอนที่ 874 ขี้เมา

เมื่อหยางโปและอู่อีเดินเข้าไปในห้องวีไอพี ด้านในเหลืองอร่ามงามตา มีเพียงคนสองคนที่เข้าไปนั่งมันจึงมองดูค่อนข้างว่างเปล่าไปหน่อย

ไม่นาน เครื่องดื่มและผลไม้ก็ถูกยกเข้ามาเสิร์ฟ
จากนั้นผู้จัดการก็พาผู้หญิงที่สวยที่สุด สองคนเข้ามา ผู้จัดการดูเหมือนจะได้รับคำสั่งมาจึงรู้จักฐานะของอู่อีและยังรู้ว่าหยางโปเป็นแขกคนสำคัญของทานิกาวะอีกด้วย เขาจึงเข้ามาทักทายด้วยตนเอง

คิดไม่ถึงว่าหญิงงามสองคนนั้นจะมีคานะร่วมอยู่ด้วย
คานะก็ตกตะลึงอ้าปากค้างไปเช่นกัน เธอเพิ่งได้รับคำสั่งจากผู้จัดการและรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นคนที่ร่ำรวยมาก อย่าไปทำให้โกรธเคืองโดยเด็ดขาด มีหรือที่เธอจะคิดถึงว่า เธอจะได้มาพบกับผู้ชายที่เธอไปเจอตอนรู้สึกเบื่อหน่ายเมื่อสักครู่ !

หลังจากที่ผู้จัดการแนะนำชื่อของทั้งสอง คนหนึ่งคือคานะ และอีกคนชื่อเคโกะ เคโกะแต่งตัวด้วยชุดสีดำ รูปร่างไม่สูง ใบหน้าจิ้มลิ้ม ดูงดงามมีเสน่ห์

จากนั้นไม่นานผู้จัดการก็เดินออกไป ในห้องจึงค่อนข้างน่าอึดอัด พวกเธอไม่รู้ว่าต้องทำยังไง !
อู่อีเหลือบไปมองหยางโป “ นักท่องราตรีมือโปร หรือว่ายังจะต้องให้ฉันสอนนายอีกจริงๆหรือไง ? ”

หยางโปส่ายหน้า ” ช่างเถอะ ถ้าฉันนึกภาพว่าเธอกอดผู้หญิงสองคน รูปแบบนั้นคงไม่ถูกต้องแล้วล่ะ ! “

พอพูดจบ หยางโปก็กวักมือเรียกแล้วเชิญให้พวกเธอมานั่งข้างๆเขาทั้งสองด้าน แต่หยางโปไม่ได้โอบกอด สั่งแค่ว่า ” ร้องเพลงให้ฟังสักสองเพลงหน่อยสิ “

คานะกำลังรู้สึกเขินอายอยู่ จึงรีบลุกขึ้นยืนและวิ่งไปเลือกเพลงทันที
จากนั้นก็เริ่มร้องเพลง เสียงลูกเอื้อนของคานะไม่เลวเลยทีเดียว ร้องเพลงได้ไพเราะมาก

บรรยากาศในห้องวีไอพีส่วนตัวดูไม่ถูกต้องและไม่ค่อยเป็นปกตินัก ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีห้อง

วีไอพีส่วนตัวไหนครื้นเครงเลย หยางโปสังเกตเห็นสิ่งนี้นานแล้ว แต่เขาก็ไม่มีทางไปเปลี่ยนสภาพที่เป็นอยู่ได้

เคโกะก็วิ่งไปร้องสองสามเพลงเช่นกัน เธอกับคานะดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แปลกๆนี้ได้เหมือนกัน จึงอยากทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาขึ้น แต่กลับทำได้ไม่สำเร็จเพราะอู่อีไม่ยิ้มเลย !

หยางโปจนปัญญา จึงไม่ให้สองคนนี้ร้องเพลงอีก แต่เล่นลูกเต๋ากับทั้งสองคนแทน ใครแพ้จะต้องดื่มเหล้า

ในที่สุดอู่อีก็เกิดสนใจขึ้นมา และเข้ามาร่วมเล่นด้วย
หยางโปชนะการเดิมพันทุกครั้ง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่กลัวพวกเธอ เขาเล่นไปกี่รอบก็ชนะหมด

สิ่งนี้ทำให้อู่อีประหลาดใจมาก เธอรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ และคิดว่าหยางโปโกง แต่ในอีกไม่กี่เกมต่อมา หยางโปก็ยังคงชนะ !

ขณะที่กำลังเล่นกันสนุกอยู่นั้น จู่ๆ ประตูห้องส่วนตัววีไอพีก็ถูกถีบให้เปิดออก ชายขี้เมาคนหนึ่งพุ่งเข้ามา เขาจ้องไปที่ผู้หญิงสามคนในห้อง ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายขึ้น ปากก็ตะโกนพึมพำออกมาว่า ” ฉันว่าแล้วเชียว ทำไมที่นี่จะไม่มีสาวงามอยู่ จะต้องถูกซ่อนเอาไว้แน่นนอน ที่แท้ทั้งหมดก็มาอยู่ที่นี่นี่เอง ! “

หยางโปเงยหน้าขึ้นและหันไปยิ้มให้อู่อี ” ลูกน้องของเธอไม่ทำงานเหรอ ! “
แต่คานะกลับยืนขึ้นและหันไปกระซิบหยางโปเบาๆว่า ” เขาเป็นผู้จัดการของบริษัท และมีอำนาจมาก “

หยางโปยิ้มโดยไม่พูดอะไร เพียงแค่ชำเลืองมองอู่อี
ชายขี้เมาพุ่งมาทางที่อู่อีอยู่ หยางโปยื่นมือออกไปตรงหน้าชายขี้เมา ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกมา แก้วตกลงกระจายบนพื้นจนเกิดเสียงดัง ” เพล้ง “

ดูเหมือนว่าพวกบอดี้การ์ดจะได้ยินเสียง เวลานี้บอดี้การ์ดสามคนที่อยู่นอกประตูก็รีบวิ่งกรูกันเข้ามา พวกเขาจับชายขี้เมาเอาไว้และเหวี่ยงเขาลงกับพื้นทันที แต่ดูเหมือนว่าคนที่เข้ามาจะรู้จักสถานะของชายขี้เมา ทำได้เพียงจับตัวเอาไว้ แต่ไม่ได้ลงมือทำอะไร

” กระทืบมันให้ฉันเดี๋ยวนี้ ! ” อู่อีสั่ง

” ลากตัวมันออกไปกระทืบ ” หยางโปกล่าวเสริม

พวกเขาทั้งสามคนขานรับอย่างรวดเร็วและลากคนออกไปทันที โดยที่ไม่ลืมที่จะปิดประตู จากนั้นก็ได้ยินเสียงเสียงโอดครวญดังมาจากนอกประตู เสียงร้องอย่างเจ็บปวดไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง

คานะมองหยางโปด้วยความกังวลใจ “ เขาและอิชิดะผู้อาวุโสของกลุ่มอินากาวะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก พวกคุณมีบอดี้การ์ดแค่สามคนรีบออกไปจากที่นี่เถอะ มันไม่ดีถ้าจะอยู่ต่อ ”

หยางโปยิ้ม ” ไม่เป็นไร พวกเรารอดูการแสดงดีๆกันก็พอ ! “
พอพูดจบ หยางโปก็เหลือบมองไปที่อู่อี และไม่พูดจาอะไร เห็นได้ชัดว่าชายขี้เมาคนเมื่อสักครู่นั้นมีปัญหา ถ้าภายใต้สถานการณ์ปกติ ถ้ามีคนเฝ้าอยู่นอกประตูเขาจะบุกเข้ามาทำไม ?

ทันทีที่หยางโปพูดจบ ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นมาว่า ” พวกแกทำอะไร ? “
จากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงดังจากด้านนอกอีก

คานะมีสีหน้าค่อนข้างเป็นกังวลจึงอธิบายว่า ” น่าจะเป็นผู้อาวุโสอิชิดะของกลุ่มอินากาวะ “
หยางโปกินองุ่นแล้วคายเปลือกออกมา ” นั่งดูการแสดงไปไม่ต้องเป็นกังวล “

เมื่อเห็นว่าหยางโปทำเฉยเมยมากแบบนี้ คานะและเคโกะก็มองหน้ากันและอดไม่ได้ที่จะอยากรู้ขึ้นมา อันที่จริงตั้งแต่แรกเริ่มพวกเขาก็สังเกตเห็นว่าฐานะของทั้งสองคนไม่ธรรมดา มีบอดี้การ์ด ที่ไม่แสดงความเกรงกลัวใดๆ เมื่อต้องเผชิญหน้าในบริษัท โคคุโตะ จำกัด เป็นที่รู้กันดีว่า

ถึงแม้บริษัท โคคุโตะ จำกัด ไม่ได้เทียบเท่ากับกลุ่มอินากาวะ แต่ก็เป็นกลุ่มที่มีชื่อเสียงเช่นกัน !

หรือว่าพวกเขาเป็นคนจำพวกมุทะลุดุดันกันนะ ?
“ ตูมตูมตูม ! ”

มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอกประตู หยางโปนอนอยู่บนโซฟาโดยไม่พูดจาอะไร
ทั้ง คานะและเคโกะต่างพากันมองไปที่อู่อีอย่างแปลกใจ อู่อีก็พูดขึ้นว่า ” เชิญเข้ามา “

ประตูห้องส่วนตัววีไอพีเปิดออก จากนั้นก็มีคนหัวโล้นคนหนึ่งเดินเข้ามา ศีรษะโล้นสวมเสื้อลายดอกไม้ ตุ้มหูสีเงินขนาดเกินจริง หลังจากที่เดินเข้ามา แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็เพ่งความสนใจมาที่อู่อี และพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ คุณหนู คุณมาถึงที่แบบนี้ ทำไมถึงไม่ทักทายผมล่วงหน้า ผมจะได้ช่วยจัดการให้คุณสักหน่อย ”

อู่อีหันไปถามบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างๆชายหัวโล้น “ เขาเป็นใคร ? ”

สีหน้าของชายหัวโล้นถอดสีไปเล็กน้อย เขารีบตรงมาเพื่อถามไถ่หาความผิด แต่ไม่คาดคิดว่าเธอจะไม่รู้จักเขา นี่มันคือการตบหน้ากันชัดๆ !

บอดี้การ์ดเหลือบมองชายหัวโล้นอย่างเห็นใจ “ เขาคืออิชิดะ เป็นผู้อาวุโสและรับผิดชอบดูแลในร้านนี้ ”

” ฉันอนุญาตให้เขาเข้ามาไหม ? ” อู่อีถามต่อ

บอดี้การ์ดตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่เขาก็ตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็วและยืดแขนออกมากันทันที

” อิชิดะ เชิญคุณออกไป ! “

อิชิดะยืนหน้าเหวออยู่ในห้อง เขาเป็นผู้อาวุโสที่อยู่ภายใต้การดูแลของพ่อทานากะ โดยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะรู้เรื่องภายในและข่าวลือว่าทานากะตามจีบอู่อีอยู่ แต่กลับถูกปฏิเสธเนื่องจากเธอไม่ได้ชอบเขา นี่ทำให้ทานากะเสียหน้าไปไม่น้อย เขาคิดว่าเมื่ออู่อีทำให้ทานากะเสียหน้า เขาจึงคิดที่จะเรียกร้องคืนให้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฐานะของพวกเขาจะไม่เท่ากันเลย !

อิชิดะชี้ไปที่อู่อีและสบถด่าเสียงดัง ” คุณมันก็เป็นแค่ลูกสาวนอกกฎหมายเท่านั้น คุณคิดหรือว่าตัวเองจะได้สืบทอดกิจการ ? คุณไม่มีสิทธิ์มาควบคุมฉัน ! “

อู่อีหันไปพูดกับบอดี้การ์ดว่า “ ฉันมีอำนาจควบคุมเขาไหม ? ”
บอดี้การ์ดรีบพยักหน้าและอธิบายว่า ” ท่านประธานได้มีคำสั่งให้คุณหนูอู่อีรับผิดชอบดูแลกิจการทั้งหมดในโตเกียว ! “

” ลากตัวเขาออกไปและไล่มันออกซะ ” อู่อีพูด
อิชิดะตกใจผงะไปทันที เขาตะโกนเสียงดังว่า ” คุณหนู คุณหนู คุณจะทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ ! “

อู่อีไม่อยากที่จะไปสนใจเลยด้วยซ้ำ จึงโบกมือให้บอดี้การ์ดลากตัวเขาออกไป !
คานะและเคโกะ ตกตะลึงอ้าปากค้าง พวกเธอคิดไม่ถึงว่า อิชิดะคนที่ถูกมองว่าเป็นบุคคลสำคัญในสายตาของพวกเธอ จะไม่มีทางเทียบกับอู่อีได้เลยแม้แต่ยกแรก และตอนนี้ก็ถูกไล่ออกไปแล้ว !

รอจนให้อิชิดะถูกลากตัวออกไป หยางโปก็โบกมือให้คานะและเคโกะออกไป ทั้งสองคนตกใจกลัวนานแล้ว จึงรีบวิ่งออกไปกันอย่างรวดเร็ว

อู่อีขมวดคิ้วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเรื่องนี้มีบางอย่างที่ผิดปกติ เธอจึงมองไปทางหยางโป ” เรื่องนี้ต้องมีคนชักใยอยู่เบื้องหลังใช่ไหม ? “

“ แค่อยากจะทดสอบเธอก็เท่านั้น ! ” หยางโปยิ้มพร้อมเอ่ยออกมา

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

Status: Ongoing
เป็นเพราะพ่อที่ป่วยหนัก อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลจำนวนมหาศาล จึงทำให้หยางโปเด็กฝึกงานของร้านขายวัตถุโบราณ
ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กดดัน เป็นเพราะจิตใจที่มีเมตตาของเขาจึงทำให้เขาได้รับหินแก้วโดยบังเอิญ
จนทำให้ดวงตาของเขาสามารถประเมินสมบัติอันล้ำค่าได้ มาลุ้นกันว่าเขาจะสามารถตรวจสอบสมบัติเหล่านั้นและล้มล้างชะตากรรมได้อย่างไร…….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท