บทที่ 239 สองทางเลือกที่แสนยาก
บทที่ 239 สองทางเลือกที่แสนยาก
เซี่ยชิงหยวนจำได้ว่าคนที่รักษาเสิ่นอี้โจวในเมืองหลวงของมณฑลนั้นเป็นหมอชราที่เก่งมาก
ตอนนี้เมื่อหมอคนนั้นได้พูดออกมาอย่างนั้นแล้ว แม้ว่าจะมีความหวังเพียง 1% เธอก็ไม่ต้องการที่จะยอมแพ้
ในชาติที่แล้วเธอพลาดกับเสิ่นอี้โจวตลอดชีวิตเพราะความเข้าใจผิด
เธอไม่อยากให้ชาตินี้เธอต้องพรากจากเขาอีก
ฉู่ซิงอวี่รู้สึกประหลาดใจที่เซี่ยชิงหยวนตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
ร่างกายของเธอหอบหายใจออกมาอย่างชัดเจน แต่ดวงตาของเธอสดใสและมั่นคง
ทันใดนั้นฉู่ซิงอวี่ก็เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้ แม้ว่าจะไม่มีเสิ่นอี้โจวในภายหลัง เธอก็คงจะไม่แต่งงานกับตัวเขาอย่างแน่นอน
ไม่สิ เธอจะไม่อยู่กับใครอีกนอกจากเสิ่นอี้โจว
เขาตั้งสติอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ตกลงครับ ผมจะจัดการให้ทันที”
เซี่ยชิงหยวนยังใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาว่างนี้ เพื่ออธิบายเรื่องครอบครัวให้ฟางเยว่ฟัง
ตอนนี้เธอออกมาข้างนอกแล้ว เรื่องนี้ไม่สามารถปิดบังจากหลินตงซิ่วได้อีกต่อไป
ดังนั้นเธอจึงขอฟางเยว่ ว่าถ้าหลินตงซิ่วต้องการมาด้วยก็ช่วยดูแลเสิ่นอี้หลินแทนให้ในช่วงเวลานี้ที
เมื่อรถพยาบาลจากโรงพยาบาลเตียนเฉิงพาตัวเสิ่นอี้โจวไปยังเมืองหลวงของมณฑล ผู้คนจำนวนมากต่างพากันมารอพบเขา
พวกเขารู้ว่าเลขาธิการเสิ่นยอมแลกสุขภาพของเขาเพื่อความปลอดภัยของฝูเถียน
ทั้งสองฟากของถนนมีผู้คนมากมายยืนอยู่ และพวกเขายังชูป้ายขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นคำที่ขอให้เสิ่นอี้โจวเอาชนะความเจ็บป่วยและฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด
เซี่ยชิงหยวนนั่งอยู่ในรถ มองผู้คนนอกหน้าต่างรถพลางยิ้มและพูดกับเสิ่นอี้โจวที่ยังอยู่ในอาการโคม่า “อี้โจวดูสิ ผู้คนที่คุณช่วยไว้ พวกเขาทั้งหมดมาที่นี่เพื่อรับคุณเลยนะ”
พูดแล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้
เธอหันหน้าหนีและรีบเช็ดน้ำตาออกไป
คนที่เธอรักจะต้องสบายดี เธอต้องไม่ร้องไห้
ทันทีที่ไปถึงโรงพยาบาลประจำมณฑล หมอหมิ่นมารออยู่แล้วพร้อมกับหมอผู้เก่งกาจหลายคนในแผนกระบบทางเดินอาหาร
ทันทีที่รถหยุด เจ้าหน้าที่หลายคนก็เข้ามาช่วยเข็นเตียงคนไข้เข้าไปในห้องตรวจอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศที่ตึงเครียดทำให้ทุกคนเงียบไป
ฉู่ซิงอวี่มาพร้อมกับเซี่ยชิงหยวน
ในฐานะเลขาพิเศษของเสิ่นอี้โจว สมควรอย่างยิ่งที่เขาจะมาด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น เขาต้องการช่วยเหลือเซี่ยชิงหยวนในยามที่เธอเหงาและหมดหนทาง
การได้เห็นเธอร้องไห้แค่ครั้งเดียวก็แทบจะรับไม่ไหวแล้ว
หลิงเยี่ยก็อยากติดตามมาเช่นกัน
แต่เขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบอยู่ เขาจึงปลีกตัวจากมาไม่ได้
หลิงเยี่ยสามารถพูดกับฉู่ซิงอวี่ได้เท่านั้น “ดูแลเลขาธิการและภรรยาของเขาให้ดีนะ”
พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันไปมากกว่านั้น แต่ทั้งคู่ก็เห็นความรู้สึกที่คล้ายกันในดวงตาของอีกฝ่าย
ไม่เกี่ยวกับความปรารถนาที่เห็นแก่ตัว พวกเขาแค่ต้องการให้คู่รักตรงหน้าสบายดี
ฉู่ซิงอวี่และเซี่ยชิงหยวนนั่งรออยู่ข้างนอกประตูอย่างเงียบ ๆ
จนกระทั่งไฟของป้ายห้องผ่าตรวจดับลง หมอหมิ่นจึงเดินนำออกมา
สายตาของเขาจับจ้องที่เซี่ยชิงหยวน “คุณคือภรรยาของคุณเสิ่นใช่ไหมครับ?’
เซี่ยชิงหยวนเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย “ใช่ค่ะ”
หมอหมิ่นถอนหายใจ “เมื่อเขามาครั้งล่าสุด ผมพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น เราจะได้สามารถรักษาได้ทันเวลา แต่เขาไม่ฟังและบอกว่าเขามีธุระต้องทำ ซึ่งทำให้เขาพลาดโอกาสที่ดีไป”
เมื่อพูดถึงเสิ่นอี้โจว หมอหมิ่นก็เหมือนกับเผชิญหน้ากับคนไข้ที่ไม่เชื่อฟัง เขาเต็มไปด้วยความโกรธจริง ๆ
เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเซี่ยชิงหยวน ฉู่ซิงอวี่ก็พูดว่า “หมอหมิ่น เลขาธิการเสิ่นเป็นยังไงบ้างครับ?”
หมอหมิ่นพูดอย่างจริงจัง “ตอนนี้มีเพียงสองทางเลือก ทางเลือกแรกคือผ่าตัดเอาส่วนที่กลายเป็นมะเร็งออกและรอดูการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดในอนาคต เพียงแต่ว่าเทคโนโลยีการผ่าตัดนี้ในประเทศของเรายังไม่พัฒนาเต็มที่ และผู้ป่วยก็อยู่ในอาการที่แย่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นตัวดีได้หรือไม่ ส่วนทางเลือกที่สอง…”
เขาหยุดชั่วคราว “นั่นคือการพาผู้ป่วยกลับบ้าน ดูแลเขาให้มีความสุขที่สุดในช่วงเวลาต่อจากนี้ครับ”
ทุกคนเข้าใจว่าคำพูดของหมอหมิ่นหมายถึงอะไร
นี่เท่ากับโดนหมอตัดสินประหารชีวิต
เซี่ยชิงหยวนร่างกายสั่นเทาจนแทบล้มทั้งยืน
ฉู่ซิงอวี่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับแขนของเธอ และพยายามทำให้เธอมั่นคง
เธออธิษฐานตลอดทางโดยหวังว่าจะได้ยินข่าวดีบ้างจากหมอหมิ่น แต่โดยไม่คาดคิดเลย…
สำหรับเธอ มันเหมือนสายฟ้าฟาดจากฟ้า
เธออยากจะพูด แต่ริมฝีปากของเธอสั่นเพราะความกลัว
ในใจของเธอกำลังถามตัวเองว่าจะทำยังไงต่อ
ฉู่ซิงอวี่ทนไม่ได้และถาม “หมอหมิ่น ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอครับ?”
หมอหมิ่นส่ายหัวอย่างเสียใจ ‘ถ้าเป็นครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ยังมีโอกาสหกสิบถึงเจ็ดสิบ แต่ตอนนี้ไม่เกินยี่สิบแล้วครับ”
เสิ่นอี้โจวเป็นบุคคลที่น่าประทับใจและโดดเด่นที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา
เมื่อข่าวฝนตกในฝูเถียนมาถึง เขารู้สึกเสียใจกับเลขาธิการหนุ่มคนนี้จริง ๆ
เซี่ยชิงหยวนฟังจากด้านข้าง กำมือแน่นจนเล็บนิ้วเจาะผิวหนังฝ่ามือของเธอ แต่หญิงสาวไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำ
เธอต้องการพูดคุยเกี่ยวกับการดำเนินการนี้
แต่เธอกลัวมากว่าเมื่อเสิ่นอี้โจวขึ้นเตียงผ่าตัดแล้ว เขาจะไม่สามารถลงมาได้อีกเลย
แต่ถ้าหากเธอไม่ทำ เธอจะเห็นชีวิตของเสิ่นอี้โจวตายไปทีละน้อย
ไม่ว่าทางไหนเธอก็ทนไม่ได้
หูของเธออื้ออึง และเธอไม่สามารถคิดอะไรได้อีก
เธอถอยหลังไปสองสามก้าว ไม่สามารถพยุงตัวเองได้อีกต่อไป และเซไถลลงไปกับกำแพง
หญิงสาวเหมือนเด็กที่ทำอะไรไม่ถูก เธอซบหน้าลงที่เข่า แขนโอบรอบศีรษะและทั้งตัวสั่น
ในที่สุดฉู่ซิงอวี่ก็ทนไม่ได้อีกต่อไป และบอกกับหมอหมิ่นว่า “ลุงหมิ่น เราเข้าใจแล้วครับ โปรดให้เวลาครอบครัวของผู้ป่วยมากกว่านี้ก่อนที่เราจะให้คำตอบกับคุณนะครับ”
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนเป็นแบบนี้ หมอหมิ่นก็รู้ว่าเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนและถอนหายใจอีกครั้ง “หากคุณมีคำถามอะไรเพิ่มเติม คุณสามารถมาถามผมได้ทุกเมื่อเลยนะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ส่ายหัวและจากไป
หลังจากมองดูหมอหมิ่นจากไป ดวงตาของฉู่ซิงอวี่ก็ตกลงไปที่ไหล่บาง ๆ ของเซี่ยชิงหยวนอีกครั้ง
ดวงตาที่อ่อนโยนตามปกติของเขาเจือไปด้วยความเจ็บปวด และมีอารมณ์บางอย่างที่เขาต้องการระงับอย่างสิ้นหวัง
เขาคิดว่าเขาควรจากไป
หรือยืนรอเงียบ ๆ ให้เธอสงบสติอารมณ์ก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอ?
แต่ถึงยังไง เมื่อเสียงร้องไห้ของหญิงสาวดังเข้ามาในหูของเขา ชายหนุ่มก็ไม่สามารถควบคุมเท้าของตัวเองได้อีกต่อไป และเดินเข้าไปหาเธอ
เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ เห็นเพียงยอดผมสีดำของอีกฝ่ายเท่านั้น
เขาหมอบลง
ยื่นมือไปหาเธออีกครั้ง กล้ามเนื้อแขนทั้งแขนเกร็งแน่นจนสั่น
เขาเห็นฝ่ามือขนาดใหญ่ของเขาแตะไหล่ของเธอ มันเบามากและเขาก็ถอนมือกลับด้วยการสัมผัสเพียงเท่านั้น
เขาผู้ที่เคยสามารถทำให้ผู้หญิงคนไหนก็ตามมีความสุขได้ตั้งแต่เด็ก จู่ ๆ ก็กลายเป็นใบ้ และหลังจากนั้นไม่นาน เสียงของเขาก็ดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา “อย่าเศร้าไปเลย”
ในเวลานี้เองที่เซี่ยจื่ออี้มาที่โรงพยาบาล
เธอทราบข่าวจากพ่อของตัวเองจึงรีบมา
หลังจากถามว่าเสิ่นอี้โจวอยู่ในวอร์ดไหน เธอก็วิ่งเหยาะ ๆ มาทันที
แต่เธอเห็นอะไร?
เธอเห็นฉู่ซิงอวี่นั่งยอง ๆ ข้าง เซี่ยชิงหยวนปลอบโยนเธออย่างระมัดระวัง
เธอรู้จักเขามานานแล้ว แถมมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอแกล้งทำให้ตัวเองเจ็บและร้องไห้เพื่อต้องการให้เขาปลอบโยน แต่เธอก็ยังไม่เคยเห็นเขาปลอบเธออย่างที่ทำกับเซี่ยชิงหยวนในตอนนี้เลย
ภาพตรงหน้ามันทิ่มแทงตาเธอมากเหลือเกิน
เธออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาทันที “ซิงอวี่!”
บทที่ 232 สร้างปาฏิหาริย์ครั้งที่สองให้เธอ
บทที่ 232 สร้างปาฏิหาริย์ครั้งที่สองให้เธอ
เสิ่นอี้โจวหยุดทันพลัน แม้แต่เสิ่นอี้หลินและหลินตงซิ่วก็หยุดเช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนยืนขึ้นและมองไปที่เสิ่นอี้โจว “มันสำคัญไหม?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ใช่”
เซี่ยชิงหยวนถามต่อไป “มันเร่งด่วนรึเปล่า?”
เสิ่นอี้โจวยังคงพยักหน้า “เร่งด่วน”
เซี่ยชิงหยวนถอนหายใจ “ฉันจะโทรหาเสี่ยวหลิว คุณกินข้าวก่อนเถอะ”
เธอชี้ไปที่ชามข้าวบนที่นั่งของเสิ่นอี้โจวที่กินไปแค่สองคำ
เธอไม่เชื่อว่าระหว่างที่ตัวเองไม่อยู่ เขาคงไม่ได้กินเยอะ ถ้าเขากินเยอะก็คงไม่ผอมขนาดนี้
ตอนที่เธออยู่บนรถเมื่อครู่ เธอสังเกตว่าเขากุมท้องตัวเองเบา ๆ สองสามครั้ง
ถ้าไปตอนท้องว่าง ก็ไม่รู้จะได้กินอีกทีตอนไหน
เมื่อเห็นความกังวลในดวงตาของเสิ่นอี้โจว เธอกล่าวว่า “คุณอยากจะไปทำงานฉันยินดีที่จะสนับสนุน แต่ฉันเองก็ต้องดูแลร่างกายของคุณให้ดีที่สุดเช่นกัน ถ้าร่างกายของคุณไม่ดี แล้วจะไปทำงานอะไรต่อได้”
“คุณอยากไป ฉันไม่รั้ง แต่นี่คือเส้นแบ่งของฉันเช่นกัน และฉันจะไม่ยอมถอย”
เสิ่นอี้หลินและหลินตงซิ่วแลกเปลี่ยนสายตากัน แต่พวกเขาไม่ได้พูดด้วยความเข้าใจ
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยขอให้เสิ่นอี้โจวอยู่กินข้าวก่อน แต่ทุกครั้งเสิ่นอี้โจวก็พูดว่า ‘อยู่กินไม่ได้ งานเข้าด่วน’
ทว่าดูจากรูปลักษณ์ตอนนี้แล้ว เซี่ยชิงหยวนยังมีอิทธิพลมากกว่าพวกเขาเสียอีก
ความสิ้นหวังฉายแววในดวงตาของเสิ่นอี้โจว
เขาวางกระเป๋าเอกสารลง เดินกลับไปที่โต๊ะอาหาร จับมือเธอและรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก “แค่ผมกินก็พอใช่ไหม?”
เมื่อเห็นท่าทางของเซี่ยชิงหยวน ถ้าเขาไม่รับปาก เธออาจจะไปพบกับผู้นำของศาลากลางเพื่อพูดคุยก็เป็นได้
ทั้งหมดเป็นเพราะเธอเป็นห่วงตัวเขา เขาจะไม่รู้สึกได้ยังไง
เมื่อเห็นว่าเสิ่นอี้โจวตกลงที่จะกินก่อนจากไป จิตใจที่ตึงเครียดแต่เดิมของเซี่ยชิงหยวนก็ผ่อนคลาย
เธอเสริมว่า “ชามนี้คงใช้เวลากินไม่เกินสิบนาทีหรอก คุณไปทำงานทั้งที่หิวตลอดไม่ได้จริงไหม?”
ขณะที่เธอพูด หญิงสาวก็เติมชามซุปไก่ให้เขาแล้ววางตรงหน้าสามี “หลังจากกินข้าวเสร็จก็ดื่มซุปเสียหน่อย”
ซุปไก่แก่ตุ๋นนั้นมันมาก และมีชั้นของน้ำมันสีทองลอยอยู่บนพื้นผิว
เมื่อเซี่ยชิงหยวนเสิร์ฟซุป เธอจงใจใช้ทัพพีตักน้ำมันและฟองออก เมื่อเธอเทมันลงในชาม มันก็กลายเป็นซุปใสสีเหลืองอ่อนแล้ว
เธอหยิบผักขึ้นมาให้เขา
ผักบางชนิดรวมทั้งคีบปลาสองสามชิ้นที่กินได้เร็วและย่อยง่ายให้ด้วย
ต้องบอกว่าเซี่ยชิงหยวนใส่ใจมาก
เสิ่นอี้โจวดึงเธอ “คุณกินด้วยสิ”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัวอย่างหนักแน่น “ฉันจะไปโทรหายามให้คุณก่อน และขอให้เขาแจ้งให้เสี่ยวหลิวนำรถเข้ามา”บราวนี่ออนไลน์
ดูจากท่าทีของเสิ่นอี้โจวที่จะออกไปเมื่อกี้นี้ เห็นได้ชัดว่าเขาคิดจะนัดเสี่ยวหลิวให้ไปรอข้างนอกประตูใหญ่ แล้วตัวเขาค่อยไปขึ้นรถที่นั่น
เขาคิดจะประหยัดเวลาทุกเม็ดทุกหน่วยจริง ๆ
หลังจากเสิ่นอี้โจวทานอาหารเสร็จ ดื่มซุป และนั่งพักสักครู่ รถของเสี่ยวหลิวก็มา
เซี่ยชิงหยวนส่งเขาออกไป ความกังวลในดวงตาของเธอไม่สามารถปกปิดได้
เสิ่นอี้โจวกอดไหล่ของเธอ “ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล ผมจะกลับมาทันทีที่เสร็จงาน”
โดยธรรมชาติแล้ว เซี่ยชิงหยวนไม่อาจแสร้งทำเป็นร้องไห้ได้ ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยเขาเท่านั้น แต่ยังเพิ่มปัญหาให้เขาอีก
เธอยกมุมปากของตัวเองและตอบว่า “อืม”
เสิ่นอี้โจวจากไปและไม่กลับมาจนกระทั่งดึกดื่น
เดิมทีเซี่ยชิงหยวนวางแผนที่จะรอเขากลับมาและพูดคุยดี ๆ กับเขา แต่เพราะสองสามวันมานี้เธอเหนื่อยมากจริง ๆ เมื่อกลับถึงบ้าน ร่างกายของเธอก็ผ่อนคลายเต็มที่ ขณะที่กำลังรอเขากลับมา เธอก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเสิ่นอี้โจวกลับมา เขาก็หมดแรงเช่นกัน
พอเห็นว่าไฟในห้องยังเปิดอยู่ หัวใจของเขาก็อุ่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ คืนนี้ระหว่างการทำงานไม่เลวร้ายนักเพราะเขากินอาหารเย็นไป
อันที่จริง โรงอาหารของศาลากลางยังให้บริการอาหารเย็นและอาหารมื้อดึกด้วย แต่อาหารส่วนใหญ่มีแต่ปลาและเนื้อสัตว์ ซึ่งท้องของเขาตอนนี้รับไม่ค่อยไหว
เขาไม่ต้องการเป็นคนพิเศษด้วย ดังนั้นเขาจึงรบกวนพนักงานในการปรุงอาหารจานเล็ก ๆ สำหรับเขาคนเดียว และเขาก็กินไม่เยอะทุกครั้ง
ประกอบกับงานที่ใช้แรงมาก นาน ๆ ไปท้องจะทนไม่ไหว
เขาเลยผลักประตูเข้าไปและเห็นเซี่ยชิงหยวนนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาข้างเตียง ขาของเธองอขึ้นดูอึดอัด
เธอยังคงถือสมุดเล่มเล็ก ๆ อยู่ในมือ และเมื่อเดินเข้าไปดูมันคือสมุดบัญชีของเธอ
วันนี้เธอคงเหนื่อยมาก เมื่อตั้งใจฟังจะได้ยินเสียงกรนเล็กน้อย
เขาย่อตัวลง ค่อย ๆ ดึงสมุดเล่มเล็กออกจากมือเธอแล้ววางไว้ข้าง ๆ
จากนั้นเขายืนมองเธออย่างเงียบ ๆ
ในความเป็นจริง เซี่ยชิงหยวนก็น้ำหนักลดเช่นกันเมื่อเธอกลับมาครั้งนี้
คิ้วและดวงตาของเธอมีความหนักอึ้งจนมองไม่เห็น ราวกับว่าเธอมีบางอย่างอยู่ในใจ
เขาคิดว่าเธอคงจะกังวลมากเพราะเรื่องของเขาเองใช่ไหม?
บางครั้งเขาก็คิดว่าบางอย่างในช่วงเวลาหนึ่งทำให้ชีวิตของเราแย่แล้ว แต่ความเป็นจริงมันก็แค่จะบอกคุณว่ายังจะมีสิ่งที่แย่กว่านั้นรออยู่
คุณต้องกัดฟันและรับมันต่อไป
พระเจ้าได้ประทานปาฏิหาริย์แก่เขา
ครั้งนี้สำหรับเธอ เขาจะสร้างปาฏิหาริย์ครั้งที่สอง
เขายกมือขึ้นจับปอยผมที่ยุ่งเหยิงตรงหน้าเซี่ยชิงหยวนด้วยนิ้วของเขา และทัดไว้ที่หลังหูของเธอ
พลางสอดมือไปใต้หลังของเธอด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกข้างอยู่ใต้เข่าของเธอ จากนั้นก็อุ้มหญิงสาวขึ้นอย่างแรง
เธอผอมมาก ผอมจนกลายเป็นเหมือนลูกบอลเล็ก ๆ ในอ้อมแขนของเขา
เมื่อมองดูใบหน้าที่หลับใหลของเธอใกล้ ๆ หัวใจของเขาก็อ่อนลง
เขาก้มศีรษะลงและจูบริมฝีปากของเธอเบา ๆ ราวกับว่าแอบทำอะไรไม่ดี
เขาอุ้มเธอไปที่เตียงแล้ววางภรรยาลงอย่างแผ่วเบา
เมื่อดึงมือออก เซี่ยชิงหยวนก็ลืมตาขึ้น
ในตอนแรกเธอรู้สึกสับสนและหลังจากที่สายตาจับจ้องไปยังใบหน้าของเสิ่นอี้โจว เธอก็ตระหนักได้ว่าเขากลับมาแล้ว
เธอพยายามลุกขึ้น
แต่เสิ่นอี้โจวกดไหล่ของเธอและพูดเบา ๆ “นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำ”
เซี่ยชิงหยวนขยี้ตาและพูดอย่างงัวเงีย “ไม่ ฉันจะไม่นอน ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เสิ่นอี้โจวก็ยิ้ม “คุณภรรยาครับ มันดึกมากแล้วนะ มีอะไรค่อยคุยพรุ่งนี้เช้าดีไหม?”
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่นาฬิกาบนโต๊ะ และมันก็เลยเวลาตีหนึ่งไปแล้ว
เธอรู้สึกประหลาดใจ “มันดึกขนาดนี้แล้วเหรอ?”
คำขอโทษผุดขึ้นในใจของเธอ และพูดว่า “คุณไปอาบน้ำเร็ว ๆ เถอะ จะได้รีบพักผ่อน”
เสิ่นอี้โจวจูบหน้าผากของเธอเบา ๆ “ราตรีสวัสดิ์”
เช้าวันต่อมา แน่นอนตามที่เซี่ยชิงหยวนคาดไว้ เมื่อเธอตื่นขึ้นเสิ่นอี้โจวก็ออกไปแล้ว
เธอขยี้ผมของตัวเองด้วยความโกรธ
เธอคงบอกให้เสิ่นอี้โจวดูแลตัวเองได้เพียงแค่ตอนเธอไปส่งอาหารในตอนเที่ยงเท่านั้นสินะ
ในเวลานั้น เธอจะถามฉู่ซิงอวี่อีกครั้งเพื่อดูว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เซี่ยชิงหยวนจะไปที่ศาลากลาง เธอได้พบคำตอบส่วนหนึ่งแล้วจากพืชข้างทางและผักที่มีราคาแพงกว่าเดิมในตลาด
ภัยแล้งเลวร้ายลง
เมืองเตียนเฉิงที่ตั้งอยู่ในมณฑลยูนนานอาจกล่าวได้ว่าเป็นเมืองที่มีอัตราพื้นที่ป่าสูง ทว่าตอนนี้มันกลับกลายเป็นแห้งแล้งขาดน้ำ ดังนั้นที่อื่นจะดีกว่าที่นี่ได้ยังไง?
การคาดเดาของเธอได้รับการยืนยันจากปากของอาเซียงเช่นกัน