กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 270 ไม่รู้สึกผิด

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 270 ไม่รู้สึกผิด

บทที่ 270 ไม่รู้สึกผิด

นิ้วเรียวยาวของเสิ่นอี้โจวเสยคางของภรรยา ทำให้เธอต้องมองเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “คุณก็น่าจะรู้อยู่แล้วไหม?”

เซี่ยชิงหยวนไม่อยากยอมแพ้โดยที่ไม่สู้ “นวดให้คุณดีไหม?”

ในขณะที่เธอพูด มือเล็ก ๆ ก็บีบไหล่ให้เสิ่นอี้โจวไปด้วย

เสิ่นอี้โจวจับมือของเธอไว้ทันที “นี่ยังงไม่ถึงใจพอ”

เซี่ยชิงหยวนจ้องมองสายตาแพรวพราว แล้วอยากจะผลักเขาออกไป “งั้นคุณออกไปวิ่งข้างนอกเถอะ”

แต่ถึงอย่างนั้นเสิ่นอี้โจวก็กอดเธอแน่น เพื่อไม่ให้หญิงสาวดิ้นสู้ “ข้างนอกมืดแล้วนะ ทำไมคุณใจร้ายจัง”

เซี่ยชิงหยวนดึงหูของเขา “เมื่อวานก็ทำกันไปแล้ว คืนนี้ให้ฉันพักสักหน่อยสิ?”

เสิ่นอี้โจวก้มลงไปจูบมือของเธอ “เอาละ ถ้างั้นคุณไม่ต้องขยับเลย ผมจะทำทั้งหมดเอง”

เซี่ยชิงหยวน “…”

เซี่ยชิงหยวนโยกตัวไปมา “คุณไม่ได้บอกว่าฉันไม่ต้องขยับเหรอ?”

เสิ่นอี้โจวจับเอวของเธอแล้วให้อีกฝ่ายนอนลง “ก็ใช่น่ะสิ นี่ผมให้คุณขยับแล้วเหรอ?”

เซี่ยชิงหยวนตอบกลับ “นี่คุณกำลังเล่นตลกกับฉันเหรอ!”

เธอถูกจับให้อยู่ในท่านี้และท่านั้น…

ริมฝีปากของเสิ่นอี้โจวยิ้มอย่างมีเสน่ห์ และดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย

เขาก้มตัวลงและยังคงใช้มือข้างหนึ่งจับเอวของเธอไว้เพื่อพยุงน้ำหนักของภรรยา “มีผมคอยช่วยอยู่ แล้วคุณจะกลัวอะไรล่ะ?”

ร่างของเธอถูกพลิกนอนราบอย่างกะทันหัน เส้นเลือดบนหน้าผากและคอของเสิ่นอี้โจวก็แทบระเบิดออกมา

เขากัดฟันกรอด “คุณตั้งใจทำมันหรือเปล่า?”

เซี่ยชิงหยวนส่ายหัวรัว “ฉันเปล่านะ”

เสิ่นอี้โจว “งั้นเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมง”

เซี่ยชิงหยวนร้องไห้เสียงหลงราวกับดอกลูกแพร์ท่ามกลางสายฝน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “คุณแกล้งฉัน…”

เติ้งซูอี้ไม่อาจหลับสนิทได้เลยสักคืนเดียวตั้งแต่เธอได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวน และเสียงกรนของชายที่นอนร่วมเตียงอยู่ข้าง ๆ

เเพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมล่าสุดของเหอเส้าหยวน ยิ่งเธอคิดถึงมันมากเท่าไร เธอก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อเห็นเขากลับมาบ้าน เธอก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นจนอยากจะทุบตีเขาขึ้นมาทันที

แต่สมองส่วนเหตุผลมาหยุดเธอเอาไว้

หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับเซี่ยชิงหยวนครั้งก่อน เธอก็ได้เข้าใจอยู่หนึ่งสิ่ง

ถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว เหอเส้าหยวนสามารถสังเวยตัวเธอได้โดยไม่ต้องคิดเลย

แม้ว่าเธอมักจะได้ยินเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับความเจ้าชู้ของเหอเส้าหยวน แต่เธอก็ไม่มีหลักฐาน และเขาก็ประพฤติตัวดี ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถจับได้ และหลังจากทะเลาะกันสองสามครั้ง เรื่องนินทาก็ซาลงไป

หากเธอเลิกกับเขาในครั้งนี้โดยไม่มีหลักฐานใด ๆ ไม่เพียงแต่เธอจะไม่ได้รับการชดเชยใด ๆ เท่านั้น เธอยังอาจถูกหญิงชู้คนนั้นมาแทนที่ด้วยซ้ำ

เธอปลอบใจตัวเอง อดทนอีกหน่อยเถอะ ถ้าเธอจับชู้ได้คาเตียง เธอจะให้เขาและผู้หญิงเน่า ๆ คนนั้นต้องชดใช้!

ในตอนเช้า มีรอยคล้ำปรากฏขึ้นใต้ตาของเธอ แต่เธอก็ยังเดินไปรอบ ๆ ศาลากลาง เพื่อดูว่าตัวเองจะได้พบกับผู้หญิงสวมผ้าพันคอที่เซี่ยชิงหยวนพูดถึงไหม

อยากเห็นจริง ๆ ผู้หญิงคนไหนกันที่มันกล้าคิดชั่วใช้สามีร่วมกับคนอื่น!

เธอเดินไปรอบ ๆ เกือบสองวัน แต่ไม่เห็นใครเลย และในขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะขอลาหยุดสักสองสามวันเพื่อไปเดินสังเกตที่ตลาด ในที่สุดเธอก็ได้พบกับผู้หญิงที่สวมผ้าพันคอแบบเดียวกับตัวเอง!

จางอวี้เอ๋อเพิ่งกลับมาจากซื้อของกับคนงานของเธอ และกำลังสั่งให้คนอื่น ๆ ขนของลง

เพราะสภาพอากาศที่ร้อนนิดหน่อย เธอจึงถอดผ้าพันคอออกมาถือแล้วใช้แทนพัด

เติ้งซูอี้ไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงคนที่ตัวเธอตามหาจะกลายเป็นจางอวี้เอ๋อ!

เธอโกรธมาก และในขณะที่กำลังจะปรี่เข้าไปชำระบัญชี เธอก็เห็นเหอเส้าหยวนเดินมาจากอาคารฝั่งตรงข้าม

ราวกับไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เขามองไปยังคนงานที่กำลังขนย้ายของและพูดเบา ๆ กับจางอวี้เอ๋อ “สหายจาง มากับฉันหน่อย ฉันมีเรื่องจะอธิบายให้เธอฟัง”

จางอวี้เอ๋อที่กำลังเย่อหยิ่งกลายร่างเป็นแกะตัวน้อยอ่อนโยนทันที แล้วตอบกลับว่า “ได้ค่ะรองผู้อำนวยการเหอ”

จากนั้นเธอเดินตามเหอเส้าหยวนเข้าไปในอาคารสำนักงาน

เติ้งซูอี้โยนไม้กวาดในมือทิ้งแล้วเดินตามไปทันที

เหอเส้าหยวนกับจางอวี้เอ๋อเข้าไปในห้องทำงานสำรองที่ด้านหลัง เมื่อประตูปิดลง พวกเขาก็พลอดรักกันทันที

เหอเส้าหยวนใช้ฝ่ามือหยาบกระด้างของตนนวดคลึงหน้าอกของจางอวี้เอ๋อแรง ๆ ทำให้เธอต้องส่งเสียงครางเบา ๆ ออกมา

เธอตบมือเขา แล้วพูดว่า “ให้ตายเถอะ ใจเย็น ๆ สิ ฉันเจ็บนะ”

เหอเส้าหยวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากผ่อนแรงของเขาลง แล้วจับต่ออีกสักพัก จากนั้นก็กระแอมในลำคอแล้วพูดว่า “ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่า ช่วงนี้เมียของฉันจับตาดูอยู่ เธออย่าเพิ่งเรียกหาฉันสิ”

“เธอส่งข้อความไปที่ออฟฟิศของฉันแล้วยังขวางฉันบนถนนอีก นี่เธอกำลังพยายามทำอะไรกันแน่?”

เมื่อเห็นว่าเหอเส้าหยวนจัดการกับเธอ จางอวี้เอ๋อก็ดุด่าบรรพบุรุษของเขาทั้งสิบแปดรุ่นในใจทันที

เธอไม่มีทางเลือกนอกจากพูดจาเอาอกเอาใจ “ก็ฉันไม่ได้เจอคุณมาสองสามวันแล้ว ฉันก็คิดว่าคุณไม่สนใจฉันน่ะสิ สำหรับโลกภายนอกแล้ว เธอเป็นภรรยาของคุณ และเธอครอบครองคุณในเวลากลางคืนอีก แต่ฉันล่ะ?”

ขณะที่เธอพูด ดวงตาของหญิงสาวก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ “คุณมันโหดร้ายเหลือเกิน! เวลาอยู่บนเตียงคุณเรียกฉันว่าที่รักอย่างนู้นอย่างนี้ แต่ตอนนี้พอคุณใส่กางเกง คุณกลับทำเป็นจำฉันไม่ได้”

เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ เหอเส้าหยวนก็กอดเธอไว้ในอ้อมแขน “ฉันไม่ได้กังวลว่าจะถูกเมียเจอหรอก จริง ๆ แล้วฉันกลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของเธอต่างหาก”

เขาทำหน้ามุ่ยและจูบปากของจางอวี้ “วันอาทิตย์นี้ ฉันจะไปหาเธอนะ ทำตัวดี ๆ ล่ะ”

จางอวี้ฟังแล้วจึงยอมแพ้

แต่เธอยังไม่ลืมย้ำกับเขาว่า “คุณต้องอย่าลืมบอกเธอเรื่องการหย่าด้วยนะคะ พ่อแม่ของฉันบอกว่าหากไม่พาคนรักกลับไปในเดือนนี้ พวกเขาจะให้ฉันแต่งงานกับคนขายหมูในหมู่บ้านข้าง ๆ”

เหอเส้าหยวนรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาที่ครอบครัวของจางอวี้เอ๋อจะพาเธอกลับไป เธอจะได้ไม่ต้องมารบกวนตัวเขาตลอดทั้งวันอีก

จากนั้นเขาก็เกลี้ยกล่อมต่อไป “ไม่ต้องห่วงนะ รอฉันหน่อย อีกสักสองสามวัน”

เหอเส้าหยวนไม่กล้าอยู่นานเกินไปในช่วงเวลาทำงาน หลังจากคุยจบเขาก็จากไป

พอออกมาจากห้อง เขามองไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นใครเลย เขาจึงพองตัวยืดขึ้นอีกครั้ง และเดินออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เติ้งซูอี้ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ได้ฟังการสนทนาของพวกเขาก็เกรี้ยวกราดขึ้นมา เธอมองตามหลังของเหอเส้าหยวนที่จากไป ดวงตาของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ

ในอกของเธอเต็มไปด้วยความแค้น และอยากจะเข้าไปฉีกจางอวี้เอ๋อออกเป็นชิ้น ๆ

แต่เธอยังทำไม่ได้!

เธอต้องอดทนและรอโอกาสที่จะเปิดเผยเรื่องเลวทรามนี้ต่อหน้าทุกคน!

ในเวลานั้น มาดูกันว่าเหอเส้าหยวนจะหาข้อแก้ตัวอะไรได้อีกบ้าง!

เติ้งซูอี้ยืนอยู่ตรงมุมนั้น จนกระทั่งจางอวี้เอ๋อแอบออกมาแล้วก็เดินออกไป

ดวงตาของเติ้งซูอี้ขุ่นมัว การเยาะเย้ยฉายชัดบนมุมปาก

เติ้งซูอี้อดทนอยู่สองสามวันกับความปรารถนาที่จะบีบคอเหอเส้าหยวนให้ตายตอนที่เขาหลับ ในที่สุดเธอก็รอถึงวันอาทิตย์จนได้

รุ่งเช้า เหอเส้าหยวนแต่งตัวเรียบร้อย

ขณะที่โกนหนวดหน้ากระจกในห้องน้ำ เขาฮัมเพลงไปด้วยดูมีความสุขมาก

เติ้งซูอี้กำลังนั่งอยู่หน้าบ้านพร้อมกาแฟในมือ ฟังเสียงจากห้องน้ำ อารมณ์ของเธอผันผวนมากพานมือสั่นจนแทบจะทำกาแฟหก

ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน เดินไปที่ประตูห้องน้ำเพื่อมองดูเหอเส้าหยวน โดยไม่สามารถซ่อนความเกลียดชังของเธอได้เลย

เหอเส้าหยวนเหลือบมองไปเห็นเข้า เขาเกือบสะดุ้งเพราะความตกใจ

เมื่อสายตาของเหอเส้าหยวนเหลือบมองมา เติ้งซูอี้ก็เปลี่ยนสีหน้าของเธอแล้วมองเขาอย่างใจเย็น

เหอเส้าหยวนเบะปากด้วยความไม่พอใจ “เดินมาไม่ให้สุุุ้มไม่ให้เสียงได้ยังไง?”

เติ้งซูอี้กลั้นหัวเราะเยาะไว้ในใจ แล้วพูดว่า “วันนี้คุณจะออกไปข้างนอกเหรอ?”

เหอเส้าหยวนตอบอย่างเป็นธรรมชาติ “ยังมีงานค้างอยู่บ้างน่ะ เลยจะออกไปสะสางให้เสร็จที่ศาลากลางสักพัก”

เติ้งซูอี้ลอบกัดฟัน “คุณทำงานที่บ้านไม่ได้เหรอ?”

เหอเส้าหยวนคิดว่าเติ้งซูอี้โกรธเพราะเขาออกไปทำงานวันหยุด ดังนั้นเขาจึงพยายามเกลี้ยกล่อม “มันมีเยอะเกินไป ทั้งยังมีเอกสารสำคัญบางอย่างที่นำกลับมาไม่ได้ด้วย”

เขานิ่งไปชั่วครู่ และพูดต่อ “ตอนนี้ก็ใกล้สิ้นปีแล้ว มีเรื่องต้องทำอีกมาก ผมจะทำทุกอย่างให้เสร็จ พอลูก ๆ กลับมาในวันหยุด ผมจะได้มีเวลาอยู่กับคุณและพวกเขาเพิ่มขึ้นไง ไม่ดีเหรอ?”

เติ้งซูอี้ฟังคำพูดของเหอเส้าหยวน เธอคิดว่าถ้าไม่สังเกตเห็นความสัมพันธ์ชู้สาวระหว่างเขากับจางอวี้เอ๋อ บางทีเธออาจจะน้ำตาไหลด้วยความดีใจเหมือนครั้งก่อน ๆ ไปแล้ว

เพื่อที่จะพบกับจางอวี้เอ๋อ เหอเส้าหยวนถึงกับใช้ลูกเป็นข้อแก้ตัว! เธออยากถามเขาจริง ๆ เขาไม่รู้สึกผิดเมื่อพูดถึงลูกสักหน่อยเหรอ?

เธอยิ้มอย่างเยือกเย็น “เอาละงั้นคุณไปเถอะ”

เธอมองดูรถของเหอเส้าหยวนอย่างสงบ และเมื่อรถขับไปจนสุดถนนก็มีรถคันหนึ่งขับมาจากทิศทางตรงกันข้าม

เติ้งซูอี้สาดกาแฟแล้วโยนแก้วลงไปในสวนดอกไม้ “ไป ตามเขาไป”

เซี่ยชิงหยวนและกงเหลียนซินไม่ได้ไปที่ร้านตรอกเก่าในวันนี้

พวกเธอนั่งรอในห้องนั่งเล่นเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวภายนอกผ่านทางหน้าต่าง

เสิ่นอี้โจวนั่งบนโซฟาและอ่านหนังสือพิมพ์ เหลือบมองภรรยากับพี่สะใภ้ที่กำลังสุมหัวกันวางแผน

เขายิ้มและส่ายหัว

เสี่ยวหลิวนั่งตัวตรงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเสิ่นอี้โจว เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกเรียกตัวมาดื่มชาในตอนเช้าเพราะอะไร

เขาพยายามคิดทบทวนทุกสิ่งระหว่างตัวเขากับเสิ่นอี้โจว เพื่อดูว่าเขาทำอะไรผิดไปหรือไม่

แต่คราวนี้เสิ่นอี้โจวไม่ได้เรียกเสี่ยวหลิวมาเพื่อตัวเขาเอง

“พวกเขาไปแล้ว” เซี่ยชิงหยวนหันกลับมาและพูดกับเสิ่นอี้โจว

เสิ่นอี้โจวเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ “เสี่ยวหลิว ขับรถให้ภรรยากับพี่สะใภ้ของฉันออกไปเที่ยวเล่นทีนะ”

“หืม?” เสี่ยวหลิวตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว

เยี่ยมเลย! ในที่สุดมันก็ไม่เกี่ยวกับการไล่เขาออก!

เสี่ยวหลิวลุกขึ้นยืนทันทีและพูดเสียงดัง “ครับ!”

เขาออกไปเปิดประตูรถแล้วพูดในคราวเดียวว่า “คุณนายทั้งสอง เชิญครับ”

เซี่ยชิงหยวนดึงกงเหลียนซินที่ยังคงกังวลอยู่ “พี่สะใภ้ ไปกันเถอะค่ะ”

ทันทีที่ทั้งสองขึ้นรถ พวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนจากข้างนอก “ชิงหยวน”

หัวใจของเซี่ยชิงหยวนเต้นผิดจังหวะ เธอโผล่หน้าออกไปนอกหน้าต่างรถ และปรากฏว่าเป็นเซี่ยจิ่งเฉินที่เธอไม่ได้เจอมาพักใหญ่แล้ว

———————

บทที่ 264 ความรู้สึกแปลก ๆ

บทที่ 264 ความรู้สึกแปลก ๆ

เฮ่ออวี้เฟิงมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาก่อนจะตบมือออกไป “ฉันไม่จำเป็นต้องบอกแก”

เซี่ยชิงหยวนสามารถบอกได้ว่าเฮ่ออวี้เฟิงกับชายแปลกหน้านี้รู้จักกัน และพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีต่อกันเสียเท่าไหร่นัก

เธอจับมืออาเซียงแน่น หวังว่าเรื่องราวจะไม่ร้ายแรงเกินไป

อาเซียงเองก็กลัวมากเช่นกัน เธอไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน

เธออยากโทษตัวเองว่าทำไมเธอต้องพยายามหยิบกางเกงในตัวนั้นด้วย

เมื่อเหมือนถูกหยาม ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังชายแปลกหน้าก็ก้าวมาข้างหน้า “ลูกพี่ปิน”

หนิวปินยกมือขึ้นส่งสัญญาณไม่ให้ลูกน้องของตัวเองเข้ามายุ่ง

เขามองไปที่เซี่ยชิงหยวน ซึ่งถูกเฮ่ออวี้เฟิงกั้นไว้มิด พลางคายหมากฝรั่งในปากทิ้ง “ทำไมนายถึงเอาแต่ซ่อนภรรยาตัวน้อยไว้ข้างหลังเล่า ไม่แนะนำให้รู้จักกับพี่ชายของนายเหรอ เฮ่ออวี้เฟิง?”

เฮ่ออวี้เฟิงพ่นลมหายใจ “เธอคือภรรยาของเพื่อนฉัน และเธอจะออกจากเมืองในอีกสองวัน”

เฮ่ออวี้เฟิงพูดทุกคำอย่างชัดเจน

เมื่อได้ยินแบบนี้ หนิวปินก็ยิ้มกริ่มขึ้นมา

เขาพูดต่อว่า “มีคนว่ากันว่าไม่มีอะไรอร่อยไปกว่าเกี๊ยวและไม่มีอะไรสนุกมากกว่าเมียเพื่อน เพื่อนของแกก็คือเพื่อนของฉันและพวกเราทั้งหมดก็เป็นเพื่อนกัน มันจะสนุกกว่านะถ้าเราเล่นด้วยกัน แกว่าไหม ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…!”

ขณะที่เขาพูด เขาก็หัวเราะออกมาดังลั่น

เมื่อเห็นแบบนี้ พวกลูกน้องที่อยู่ข้างหลังหนิวปินก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน

เหล่าไต้เห็นแบบนี้ก็อยากจะก้าวไปข้างหน้า แต่ก็นึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่ยุคของโจวจิ่นจืออีกต่อไป

เมื่อเขากังวลว่าจะทำอย่างไร เฮ่ออวี้เฟิงก็ขยิบตาให้เขาและบอกให้ตนพาเซี่ยชิงหยวนและคนอื่น ๆ ออกไปก่อน

หัวใจของเหล่าไต้เต้นไม่เป็นจังหวะ สงสัยว่าเฮ่ออวี้เฟิงต้องการต่อสู้กับคนเหล่านี้หรือไม่

เหล่าไต้จึงขยิบตาให้เซี่ยชิงหยวน และขอให้เธอตามเขาออกไปก่อน

เซี่ยชิงหยวนกังวลและรู้ว่ามันอาจจะดีที่สุดสำหรับเฮ่ออวี้เฟิงถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่

เธอจึงดึงอาเซียงและวางแผนที่จะจากไปพร้อมกัน

แต่หลังจากเดินไปได้เพียงสองสามก้าว หนิวปินก็เรียกเซี่ยชิงหยวน “สาวสวย อย่าเพิ่งไปสิ ไปดื่มชาด้วยกันก่อน!”

เซี่ยชิงหยวนเพิกเฉยต่ออีกฝ่ายและเร่งเดินเร็วขึ้น

นี่เหมือนกับการหักหน้าหนิวปินต่อหน้าต่อตา

ตั้งแต่โจวจิ่นจือเสียชีวิตและเขาได้เป็นเจ้าถิ่นแล้ว ใครบ้างที่ไม่ไว้หน้าเขาและไม่เรียกลูกพี่ปินอย่างเคารพ?

เขากำลังจะเดินผ่านเฮ่ออวี้เฟิงและไปดึงเซี่ยชิงหยวน

แต่เฮ่ออวี้เฟิงกลับคว้าข้อมือของเขา “พอได้แล้ว อย่างที่ฉันพูด เธอเป็นภรรยาของเพื่อนฉัน”

เฮ่ออวี้เฟิงยังคงมีใบหน้าที่สงบ แต่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธอย่างมากบราวนี่ออนไลน์

หนิวปินยังพูดอย่างชั่วร้าย “เฮ่ออวี้เฟิง แกคิดว่าที่เมืองกว่างโจวนี่เป็นเหมือนเมื่อสิบปีก่อนเหรอหะ? ให้ฉันย้ำความจำแกนะ ตอนนี้ฉันเป็นหัวหน้าที่นี่! ถ้าแกยังอยากจะยุ่งเกี่ยวกับฉันต่อไปก็อย่ามาหาว่าฉันโหดร้ายแล้วกัน!”

กลับกัน เฮ่ออวี้เฟิงไม่ได้รู้สึกกลัวคำขู่ของอีกฝ่ายเลยสักนิด

เขาจับแขนของหนิวปินไว้แน่นแล้วค่อย ๆ พูดตัดบท “ไม่ว่าจะเมื่อสิบปีก่อนหรือสิบปีต่อจากนี้ ฉันก็สามารถฆ่าแกได้ไม่เกินนาทีหรอก”

เมื่อพูดจบก็มีเสียงดังกร๊อบ และหนิวปินก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แขน

เขาร้องด้วยความเจ็บปวดและทรุดตัวลงคุกเข่าทันที

เมื่ออาเซียงได้ยินเสียง เธอมองย้อนกลับไปอย่างกล้าหาญ

เธอเห็นว่าหนิวปินซึ่งเมื่อกี้โอหังมากกำลังถูกเฮ่ออวี้เฟิงบดขยี้ เขาทำได้เพียงคุกเข่าลงและร้องขอความเมตตาเท่านั้น

เซี่ยชิงหยวนเอ่ยปาก “ไปเร็ว”

อาเซียงถูกขัดช่วงความคิดและรีบวิ่งหนีไปพร้อมกับเซี่ยชิงหยวน

ทันทีที่เซี่ยชิงหยวนออกมาจากตลาดค้าส่ง เธอก็พูดกับเหล่าไต้ว่า “เหล่าไต้ไปแจ้งตำรวจกันเถอะ”

นี่คืออาณาเขตของหนิวปิน ถ้าอีกฝ่ายเรียกลูกน้องมามากกว่าเดิม เฮ่ออวี้เฟิงอาจไม่สามารถรับมือไหวก็ได้

เหล่าไต้พยักหน้า “ได้ ๆ”

เขารีบวิ่งไปที่ตู้โทรศัพท์และโทรหาตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ

อาเซียงดูกระวนกระวายเช่นกัน “พี่สาวเซี่ย พี่ชายเฮ่อเขาจะเป็นอะไรไหม?”

เซี่ยชิงหยวนพึมพำ “ตอนนี้น่าจะยังไม่เป็นไรนะ เราซ่อนอยู่ที่นี่สักพักรอดูสถานการณ์ไปก่อนเถอะ”

เฮ่ออวี้เฟิงกำลังตกอยู่ในอันตรายเพราะพวกเธอ เซี่ยชิงหยวนจึงไม่สามารถวิ่งหนีไปโดยไม่สนใจเขาได้

หลังจากที่เหล่าไต้กลับมาจากการโทรหาตำรวจ ก่อนที่เขาจะเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เขาก็รายงานสถานการณ์ให้เซี่ยชิงหยวนฟังทันที

“ฉันเพิ่งโทรหาตำรวจ และตำรวจก็พูดว่า…”

ทันใดนั้นเขาก็เห็นดวงตาของเซี่ยชิงหยวนและอาเซียงแข็งค้างกะทันหัน และพวกเธอต่างก็มองไปทางข้างหลังเขา

เหล่าไต้ตกใจ สงสัยว่าหนิวปินพาคนตามพวกเขาทันแล้วเหรอ?

เขาหันกลับไปมองด้วยความกลัว และกระแทกเข้ากับกำแพงเนื้อแข็ง

มีคราบเหงื่อไคลและรอยแผลเป็นมากมายบนกล้ามเนื้อที่พองโต หัวใจของเหล่าไต้เต้นไม่เป็นจังหวะ

เขาเงยหน้าขึ้นและพบว่าไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเฮ่ออวี้เฟิงที่เสื้อผ้าขาดวิ่นจนเหลือแขนเสื้อเพียงครึ่งเดียว

ซึ่งเฮ่ออวี้เฟิงเพียงแค่ฉีกมันออกแล้วกำมันไว้ในมือเท่านั้น

เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนและคนอื่น ๆ ยังคงอยู่ที่ประตูตลาด อารมณ์ที่ซับซ้อนก็ฉายชัดในดวงตาของเฮ่ออวี้เฟิง ก่อนเขาจะเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ”

เขาเป็นผู้นำพาทุกคนออกจากที่นี่ เซี่ยชิงหยวนไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และรีบดึงอาเซียงให้ตาม ไป

อาเซียงเดินตามเซี่ยชิงหยวน พลางมองไปที่ชายร่างสูงข้างหน้าเธอ

ความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นในใจของเธอ

เหล่าไต้รีบก้าวตามพวกเขา “พวกเธอรอฉันด้วยสิ!”

ทุกคนกลับไปที่ร้านซ่อมรถของเฮ่ออวี้เฟิง และชายหนุ่มก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอื่นแล้ว

เซี่ยชิงหยวนถามอย่างเป็นกังวล “เมื่อกี้คุณกับลูกพี่ปินอะไรนั่น… คุณเป็นอะไรมากรึเปล่า?”

เฮ่ออวี้เฟิงหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขาอย่างไม่แยแส “มันก็แค่ตัวตลก ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก ทุกอย่างยังเหมือนเดิม คุณไปที่ไหนผมจะไปที่นั่นด้วย”

เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เฮ่ออวี้เฟิงมีชีวิตเป็นมายังไง

แต่แน่นอน เธอจะไม่ขุดคุ้ยประวัติส่วนตัวของคนอื่นโดยไม่มีเหตุผล

เธอพยักหน้าให้เฮ่ออวี้เฟิงและพูดว่า “วันนี้ขอบคุณมากเลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ เราก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องจะลงเอยยังไงแล้ว”

ดวงตาของเฮ่ออวี้เฟิงกวาดไปที่ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวน แล้วมองไปที่ อาเซียง ซึ่งกำลังก้มหน้าลงก่อนจะกล่าวว่า “คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมหรอก นี่เป็นข้อตกลงระหว่างเสิ่นอี้โจวกับผมอยู่แล้ว”

เซี่ยชิงหยวนคุ้นเคยกับรูปแบบการพูดของเฮ่ออวี้เฟิง

เธอพยักหน้าและพูดว่า “ไม่ว่ายังไง ก่อนที่ฉันจะกลับไปคราวนี้ ฉันจะเลี้ยงอาหารคุณ เพราะงั้นได้โปรดอย่าบ่ายเบี่ยงเลยนะ”

เฮ่ออวี้เฟิงไม่ปฏิเสธในเรื่องนี้อีกต่อไปและพยักหน้า “ตกลง”

หลังจากพูดจบ เขาก็เข็นรถสามล้อออกจากร้าน “ผมจะพาคุณกลับโรงแรม คืนนี้อย่าออกมาข้างนอกล่ะ ถ้าพรุ่งนี้จำเป็นจะต้องออกไปไหน ผมจะไปกับคุณอีกครั้ง”

เซี่ยชิงหยวนตอบ “ตกลงค่ะ”

อาเซียงรู้สึกผิด “ฉันขอโทษนะคะ พี่สาวเซี่ย ทั้งหมดเป็นเพราะฉันเอง”

พวกอันธพาลที่เคยเจอในซอยครั้งก่อนหน้าก็เป็นเพราะเธอเช่นกัน ตนทำให้เซี่ยชิงหยวนและตัวเธอเองต้องตกอยู่ในอันตราย

เซี่ยชิงหยวนตบแขนของอาเซียงและปลอบโยน “เด็กโง่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอเลย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก”

อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาแค่โชคร้ายที่ได้พบกับหนิวปิน

หากเป็นคนอื่น อย่างมากก็แค่ยิ้มและกล่าวขอโทษ จากนั้นก็คงไม่มีอะไร

ทันทีที่กลับถึงโรงแรม เซี่ยชิงหยวนก็โทรหาเสิ่นอี้โจวและเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้

เซี่ยชิงหยวนรู้สึกรำคาญ “คราวนี้ฉันสร้างปัญหาให้เขาอีกแล้ว และฉันรู้สึกผิดจริง ๆ ไม่รู้ว่าเมื่อฉันกลับไป คนพวกนั้นจะสร้างปัญหาให้เขามากขนาดไหน”

เสิ่นอี้โจวปลอบโยน “เรื่องนี้คุณไม่ได้ผิดอะไร คุณไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองหรอก คนอย่างหนิวปินถ้าไม่รังแกคุณวันนี้ มันก็จะทำกับคนอื่นอยู่ดี ดังนั้นเราควรประณามคนที่ทำชั่วไม่ใช่คุณที่เป็นเหยื่อสิ”

เซี่ยชิงหยวนฟังเขาและเห็นด้วย

เสิ่นอี้โจวเป็นคนฉลาด ใจกว้าง และเคารพผู้หญิง

เขาไม่เคยเชื่อในทฤษฎีของความผิด และไม่เคยถือว่าศีลธรรมอยู่เหนือกฎหมาย

เขากล่าวว่า “คุณกลับไปอาบน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอเถอะ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”

แม้จะด้วยประโยคธรรมดาและน้ำเสียงอันอ่อนโยน แต่เซี่ยชิงหยวนกลับรู้สึกเต็มไปด้วยความปลอดภัย

เธอตอบว่า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”

ขณะเดียวกันหลังจากวางสาย เสิ่นอี้โจวก็มองออกไปนอกหน้าต่าง ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ต่อสายโทรข้ามมณฑล

บทที่ 258 ไม่อาจยอมได้

บทที่ 258 ไม่อาจยอมได้

เสิ่นอี้โจวไม่ได้รั้งชายหนุ่มทั้งสองไว้และยืนขึ้น “วันนี้พวกคุณทำงานอย่างหนักเพื่อผมมามากแล้ว วันหน้าพอคุณสองคนมาอีกครั้งก็อยู่ร่วมกินข้าวกับเราก่อนนะ ให้เราดูแลพวกคุณอย่างดีสักหน่อยเถอะ”

จากนั้นทั้งสองจึงจากไปพร้อมกัน โดยไม่รั้งอยู่อีกต่อไป

เซี่ยชิงหยวนยิ้มให้เสิ่นอี้โจว “ฉันซื้อปลามาและฉันจะทำซุปปลาให้คุณตอนเที่ยงนี้นะ”

เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “อืม แบบนั้นก็ดีมากเลย”

เขาสังเกตการแสดงออกของเซี่ยชิงหยวน ดูเหมือนทุกอย่างจะปกติมากสำหรับเธอ

ไม่ใช่ว่าเขากังวลว่าเธอมีความคิดอื่น แต่เขากลัวว่าเธอจะรังเกียจ

ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็รู้ว่าฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยคือคนที่เขาต้องการแนะนำให้เธอรู้จัก

สำหรับสิ่งที่เซี่ยจื่ออี้พูดงั้นเหรอ?

เขาไม่ได้โง่ ถึงขนาดจะไม่เข้าใจความหมายของการลดความขัดแย้งของผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง?

เซี่ยชิงหยวนมองไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังและพูดว่า “ฉันต้องรีบแล้วล่ะ อี้หลินใกล้จะกลับมาแล้ว”

เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “งั้นให้ผมช่วยคุณนะ”

เซี่ยชิงหยวนส่ายหัวทันที “คุณแค่นั่งรออยู่ที่นี่ก็พอ”

หลังจากพูดจบ เธอไม่สนใจเสิ่นอี้โจวอีกต่อไป หันหลังกลับและไปที่ครัวเพื่อทำอาหาร

เสิ่นอี้โจวมองหลังของภรรยา แตะจมูกแล้วกลับเข้าไปในห้อง

หลิงเยี่ยและฉู่ซิงอวี่เดินเคียงข้างกันระหว่างทางออกจากบริเวณเขตที่อยู่อาศัยเจ้าหน้าที่

หลังจากคิดทบทวนในหัว หลิงเยี่ยพูดขึ้นว่า “ผู้หญิงที่ทำให้นายตกหลุมรักก่อนหน้านี้คือภรรยาของเลขาธิการใช่ไหม?”

คำถามที่กะทันหันของหลิงเยี่ยทำให้ฉู่ซิงอวี่ตกใจทันที

เขามองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็วและเมื่อพบว่าไม่มีใครก็โล่งอก บวกกับเสียงของหลิงเยี่ยที่เบามากเช่นกันคงจะไม่มีใครได้ยิน

เขาชกหน้าอกของหลิงเยี่ย “นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระบ้าบออะไรกัน?”

สีหน้าของหลิงเยี่ยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และเขาพูดว่า “ซิงอวี่ นายรู้อยู่ใช่ไหมว่าเธอแต่งงานแล้ว”

และสามีของเธอก็เป็นคนที่พวกเขาไม่อาจจะเหนือกว่าได้ อย่างน้อย ๆ ก็ในช่วงชีวิตนี้

เมื่อหัวข้อนี้ถูกพูดถึง ฉู่ซิงอวี่ก็ไม่หลีกเลี่ยงอีกต่อไป

เขาพูดว่า “นายไม่จำเป็นต้องย้ำเตือนหรอก ฉันจะค่อย ๆ ทำใจได้เองนั่นแหละ”

“ในความเป็นจริง ทุกคนย่อมมีความคิดชื่นชอบและโหยหาสิ่งที่สวยงาม และตัวฉันเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น”

“ตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรก ฉันรู้สึกถูกดึงดูดจากรูปร่างหน้าตาของเธอเป็นอย่างแรก แล้วค่อย ๆ ตระหนักว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยงามมากในทุกด้านจริง ๆ อย่างที่ตัวฉันเองคิด”

“แต่นั่นคือทั้งหมดที่ฉันคิดกับเธอ”

“ไม่ต้องพูดถึงว่ามีความรู้สึก ไม่มีความรักที่ฝังรากลึก มีเพียงเสียใจบ้าง ก็แค่นั้น”

“ไม่มีข้อห้ามทางกฎหมายในการชื่นชมผู้หญิงที่แต่งงานแล้วใช่ไหมล่ะ?”

ในตอนท้ายฉู่ซิงอวี่ก็หัวเราะบราวนี่ออนไลน์

หลิงเยี่ยมองไปยังฉู่ซิงอวี่ ซึ่งในขณะที่ฉู่ซิงอวี่พูดคำเหล่านี้ แสงในดวงตาของฉู่ซิงอวี่นั้นชัดเจนและสดใส

เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเช่นกัน

เขารู้สึกเสมอว่าตัวเองดีกว่าฉู่ซิงอวี่ในด้านความเป็นผู้ใหญ่และมั่นคง อีกทั้งเขามีความคิดในด้านเหตุและผลมากกว่าอีกฝ่ายในการจัดการกับปัญหา แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าฉู่ซิงอวี่จะละเอียดรอบคอบกว่าเขาที่คิดในเรื่องนี้

เขาเองก็ยังหัวเราะ “ใช่ นายพูดถูก”

เฝ้ามองจากระยะไกล ชื่นชมอย่างเงียบ ๆ ไม่ละเมิดกฎหมายหรือละเมิดศีลธรรม

ขณะที่กินข้าวอยู่นั้น เสิ่นอี้โจวจำสิ่งที่หลิงเยี่ยบอกได้ เลยพูดว่า “อันที่จริง พี่รองของคุณก็มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือฝูเถียนในครั้งนี้ด้วยนะ เขาได้รับบาดเจ็บและได้กลับบ้านไปพักผ่อนได้สักสองสามวันแล้วล่ะ”

“ก่อนหน้านี้ผมโทรหาแต่ไม่มีใครอยู่บ้าน ดังนั้นผมจึงโทรไปที่สำนักงานอีกหลายครั้ง และตอนนี้เขาก็น่าจะออกไปทำงานแล้ว”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนที่กำลังกินข้าวก็ตัวแข็งค้าง

เธอวางชามและตะเกียบลง “พี่รองของฉันเป็นอะไรไป? เขาได้ไปโรงพยาบาลไหม?”

เซี่ยชิงหยวนกังวลว่าพี่รองจะหายามาทาเองเพราะเขาลังเลที่จะจ่ายเงินค่าหมอ

เสิ่นอี้โจวจับมือของเธอ “ผมได้ยินมาว่าเขาถูกต้นไม้ที่ลุกไหม้ล้มใส่ แต่โชคดีที่มีคนอยู่ใกล้ ๆ และช่วยเขาไว้ทัน ผิวหนังบนแผ่นหลังของเขาถูกไฟไหม้ รัฐบาลจัดให้ผู้บาดเจ็บทั้งหมดไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาแล้ว และพวกเขาจะออกจากโรงพยาบาลได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาหายดีเท่านั้น ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเขาเลย ศาลากลางเลื่อนสถานะให้เขาเป็นพนักงานประจำและให้เงินพิเศษแก่เขาด้วย”

จากคำพูดของเสิ่นอี้โจวเพียงอย่างเดียว เซี่ยชิงหยวนสามารถเข้าใจได้เลยว่าสถานการณ์ตอนนั้นอันตรายเพียงใด

เธอพูดว่า “งั้นฉันจะโทรกลับไปถามอีกทีแล้วกัน”

ตั้งแต่กลับมาจากการแสวงบุญครั้งนี้ และเสิ่นอี้โจวเล่าเรื่องของเซี่ยจิ่งเฉินให้เธอฟังถึงเหตุการณ์หลังการตายของตัวเอง แม้ความบาดหมางระหว่างเธอกับเซี่ยจิ่งเฉินยังคงมีอยู่ แต่ก็ไม่ลึกเท่าเมื่อก่อน

ในความเป็นจริง พวกเขาทั้งคู่มีกันและกันอยู่ในใจ แต่ทั้งสองถูกกดดันจากชีวิต ทำให้พวกเขาไม่สามารถปฏิบัติต่ออีกฝ่ายได้ดีเท่าที่ควร

เธอเชื่อว่าถ้าเซี่ยจิ่งเฉินยังคงเป็นชายหนุ่มที่มีจิตใจสูงแบบในอดีต เธอก็ยังคงเป็นน้องสาวที่เขารักเช่นกัน แต่ทำตัวน่ารังเกียจ

ตอนนี้เธอไม่สามารถไปหาเซี่ยจิ่งเฉินได้อย่างแน่นอน จึงทำได้เพียงโทรกลับไปที่หมู่บ้านซิ่งฮวาเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์

กงเหลียนซินเป็นคนรับสาย

แต่กงเหลียนซินถามเกี่ยวกับอาการของเสิ่นอี้โจวก่อน

หมู่บ้านซิ่งฮวาตั้งอยู่ในสถานที่ห่างไกลและไม่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับฝูเถียน แต่เมื่อเซี่ยจิ่งเฉินกลับไป เขาก็เล่าเรื่องราวที่เสิ่นอี้โจวได้เข้าโรงพยาบาลด้วย

พวกเขาโทรหาเซี่ยชิงหยวนก่อนหน้านี้ด้วย แต่ไม่มีใครรับสายเลย

เซี่ยจิ่งเฉินโทรกลับไปในภายหลัง โดยบอกว่าเสิ่นอี้โจวออกจากโรงพยาบาลแล้ว และพวกเขาก็โล่งใจ

เซี่ยชิงหยวนกังวลว่าครอบครัวของเธอเป็นห่วง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับอาการป่วยของเสิ่นอี้โจว แต่เพียงพูดคุยสิ่งที่ไม่มีนัยสำคัญเท่านั้น

ในตอนท้ายเธอถามว่า “พี่สะใภ้ ตอนที่พี่รองกลับบ้านไป ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรบ้างรึเปล่าคะ?”

คนพูดปลายสายหยุดชั่วคราวแล้วลดเสียงลงก่อนจะพูดว่า “อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นเลย ล่าสุดท้ายที่พี่รองของเธอกลับมา เขาทะเลาะกับภรรยาในคืนนั้นเลย หลังจากทะเลาะกัน เขาก็ไม่ได้พักผ่อนและออกเดินทางไปแต่เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นทันที”

ถ้าเป็นเซี่ยจิงเยว่ เขาอาจจะช่วยปกปิดเรื่องนี้ แต่ถ้าเป็นกงเหลียนซิน เธอจะไม่ปิดบังเรื่องของจางอวี้เจียวแน่นอน

กงเหลียนซินพูดต่อว่า “เธอคงไม่รู้ ทันทีที่น้องรองกลับมา จางอวี้เจียวไม่ได้พูดสักคำที่แสดงถึงความเป็นห่วง คำแรกที่หลุดออกจากปากคือขอเอาเงินทันที”

เซี่ยชิงหยวนขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ก็เพิ่งขอเงินไปจากพี่รองไม่ใช่เหรอ? ยังจะขอเงินอะไรอีก?”

เพราะเหตุการณ์คราวนั้นพ่อของเธออย่างเซี่ยโยว่หมิงถึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องลากสังขารชราออกไปทำงานนอกบ้านเพื่อช่วยเหลือครอบครัว

แน่นอนกงเหลียนซินรู้ทุกอย่าง “เธอก็น่าจะรู้ ผู้หญิงคนนั้นเคยพอเสียที่ไหน คราวที่แล้วที่เธอให้เงินเรามาปรับปรุงบ้าน เพียงไม่กี่วันผู้หญิงคนนั้นก็ไปบ้านแม่ของตัวเอง และหลังจากกลับมาก็มาร้องห่มร้องไห้ บอกว่าพ่อแม่ของหล่อนอยู่ลำบากในบ้านอิฐหลังเก่า”

“แต่คราวนี้แม่ไม่สนใจหล่อนเลย และคิดว่าไม่นานหล่อนคงจะสงบไปเอง”

“แต่ไม่คาดคิดว่าพอน้องรองมา ผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นอีกครั้งโดยตรงเลย”

“เพราะเรื่องนี้ทำให้พ่อโกรธมากจนนอนบนเตียงไปสองวันกว่าจะลุกขึ้นได้เชียว”

เมื่อนึกถึงฉากในวันนั้น กงเหลียนซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ยังไงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนพูดอะไรหลาย ๆ อย่างจากขาวให้กลายเป็นดำอยู่แล้ว”

ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยจิงเยว่รั้งไว้ เธอคงก้าวเข้าไปสั่งสอนจางอวี้เจียวคนนั้นแล้ว

เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ไม่พูด กงเหลียนซินก็หยุดพูดเรื่องของจางอวี้เจียว “ฉันคิดว่าครั้งนี้พี่รองของเธออ้วนขึ้นกว่าตอนที่กลับมาครั้งที่แล้วนะ น่าจะเป็นเพราะงานไม่หนักเหมือนเมื่อก่อนสินะ”

เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เสิ่นอี้โจวจะแนะนำงานที่ไม่ดีให้กับเซี่ยจิ่งเฉิน

ขอเพียงไม่โลภจะมองเห็นได้ชัดเจน

หากสถานการณ์ของครอบครัวของพวกเขาและครอบครัวของเซี่ยจิ่งเฉินเปลี่ยนไป เซี่ยชิงหยวนก็จะไม่เพิกเฉยเช่นกัน

หลังจากที่เซี่ยชิงหยวนได้ยินคำพูดของกงเหลียนซิน มันก็เหมือนมีไฟเผาไหม้ในใจของเธอ

แม้ว่าลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้วไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพี่ชาย แต่สิ่งที่จางอวี้เจียวทำนั้นเกินขีดจำกัดความอดทนของเธอแล้ว

เซี่ยโยว่หมิงมีนิสัยที่สงบอยู่เสมอ แต่คราวนี้ถึงกับนอนล้มอยู่บนเตียงเป็นเวลาสองวัน มันยากที่จะจินตนาการว่าปัญหาจะน่าเกลียดแค่ไหน

เธอสามารถเมินเรื่องระหว่างจางอวี้เจียวและเซี่ยจิ่งเฉินได้ แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นทำร้ายพ่อแม่ของเธอ เธอจะไม่ยอมเด็ดขาด!

———————

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท