บทที่ 272 ผู้ชายผิดที่สุด
บทที่ 272 ผู้ชายผิดที่สุด
เมื่อเซี่ยชิงหยวนเดินเข้าไปอีกรอบ ผู้คนก็มุงเต็มประตู
เสียงกรีดร้องของจางอวี้เอ๋อยังคงดังต่อไป แต่ของเหอเส้าหยวนไม่ได้ยินอีกต่อไปแล้ว
เซี่ยชิงหยวนกับกงเหลียนซินเจอหน้าต่าง เลยแทรกตัวเข้าไปเพื่อที่จะได้เห็นเหตุการณ์ภายในนั้น
พวกเธอเห็นว่าจางอวี้เอ๋อกำลังเปลือยเปล่า ร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและฝุ่นดิน เติ้งซูอี้กับพี่สาวเติ้งกำลังดึงผมของจางอวี้เอ๋อค้างไว้พลางตบหน้าและชกต่อยอยู่อย่างนั้น
หน้าอกของเติ้งซูอี้กระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงเพราะความโกรธและความเกลียดชังที่ถูกทรยศ ทุกครั้งที่เธอทุบตีจางอวี้เอ๋อ เธอใช้กำลังทั้งหมดของเธอและอยากทำให้อีกฝ่ายตายไปเสีย
จางอวี้เอ๋อไม่ใช่คนยอมใครง่าย ๆ เธอพยายามต่อต้านและตอบโต้ตั้งแต่แรก แต่ไม่ทันให้เธอได้เปรียบ เติ้งซูอี้และพี่สาวก็ช่วยกันรุมเธอจนเละ
ชายที่มาด้วยก็ฟาดไม้ใส่เธอทุกครั้งที่ขัดขืน ทำให้ต้องขดตัวด้วยความเจ็บปวด จางอวี้เอ๋อทำได้เพียงร้องไห้ขอความเมตตาเท่านั้น
พี่สาวเติ้งยังคงด่าทอ “ฆ่านังจิ้งจอกซะ! ฆ่านังสารเลวนี่! นังสารเลวที่ไม่รู้จักดีชั่วล่อลวงผู้ชายคนอื่น! อายุของเขาเป็นเพื่อนพ่อของแกได้สบาย ๆ แล้ว แต่แกกลับไร้ยางอายเล่นชู้กับเขา!”
จากนั้นเธอชี้ไปที่เหอเส้าหยวน ที่นั่งยอง ๆ อยู่ตรงมุมด้านข้าง เขากำลังใช้มือกุมหัวตัวเองอยู่ “แกก็เหมือนกัน! เล่นเด็กวัยเดียวกับลูกสาวของตัวเอง แกไม่กลัวที่จะตายบนเตียงรึไง!”
ร่างอ้วน ๆ ของเหอเส้าหยวนถูกเปิดเผยทั้งหมด ตอนนี้มันเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและคราบต่าง ๆ เขารู้สึกละอายใจมากจนหน้าซีดเผือด
ผู้ชายหลายคนกำลังรุมล้อมเขา พลางใช้ไม้ฟาดหน้าและตัวของเขาเป็นครั้งคราว เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาจนหมดสิ้น
ก่อนหน้านี้ตอนมีคนถีบประตูเข้ามา เหอเส้าหยวนผลักจางอวี้เอ๋อออกอย่างไม่ไยดี และกล่าวหาว่าเป็นเธอที่ยั่วยวนเขา แต่ตอนนี้ในที่สุดจางอวี้เอ๋อก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว เธอยังพยายามยื่นมือออกไปหาเหอเส้าหยวน แล้วพูดว่า “เส้าหยวน ช่วยฉันด้วย…”
ว่าไงนะ? ตอนนี้เหอเส้าหยวนจะไปกล้าช่วยเธอได้ยังไง?
เหอเส้าหยวนเมินใส่ เขาขยับตัวหนีและซุกศีรษะตัวเองไว้ระหว่างขาอย่างเจ็บปวด
ผู้เห็นเหตุการณ์อดไม่ได้ที่จะจิ๊ปากและพูดว่า “มันเป็นอาชญากรรมชัด ๆ แก่ขนาดนี้ยังกล้าแอบลักกินอีก”
“ใช่ สาวน้อยคนนี้ก็ไม่รู้ว่าคิดได้ยังไง”
“ฉันเกรงว่าเธอคงจะรู้ตัวแหละ แต่เธอแค่อยากใช้ทางลัดก็เท่านั้น”
เซี่ยชิงหยวนฟังการสนทนาของทุกคนพลางมองจางอวี้เอ๋อ ซึ่งกำลังถูกทุบตีอยู่ที่พื้น โดยไร้สีหน้าใด ๆ
เธอไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าขณะนี้
ในความเห็นของเธอ การนอกใจเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งกับบุคคลที่สามที่จงใจเข้ามาล่อลวงกับผู้ชายก็รู้เท่าทันอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ยังก่อเรื่องเลวทราม แถมยังทำร้ายภรรยากับลูก ๆ ของเขาอีก นั่นแหละที่น่ารังเกียจที่สุด
ผู้ชายนั้นรู้แก่ใจอยู่แล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าการล่อลวง เขากลับลืมภรรยาตัวเองที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา และลืมไปว่าเขายังเป็นพ่อคนอยู่
ดังนั้นผู้ที่ควรถูกดูหมิ่น ถูกประณาม และถูกสาปแช่งมากที่สุด ก็คือผู้ชายที่ทรยศต่อการแต่งงานและครอบครัวครั้งนี้
กงเหลียนซินอดไม่ได้ที่จะยักไหล่ของเธอแล้วยิ้ม
ในความรู้สึกของเธอ จางอวี้เอ๋อเป็นคนประเภทชอบใช้ประโยชน์จากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกอย่าง และมีความภาคภูมิใจในตัวเองอยู่เสมอ
ในวันนี้ก่อนที่จะออกมาพร้อมกับเซี่ยชิงหยวน เธอยังคงมีความคิดในใจว่า บางทีหญิงชู้คนนั้นอาจไม่ใช่จางอวี้เอ๋อก็ได้ หรืออีกนัยหนึ่ง จางอวี้เอ๋ออาจแค่มีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับเขาแบบผิวเผินเท่านั้น
แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอได้เห็นด้วยตาตัวเอง มันล้มล้างมุมมองทั้งหมดของเธอไปแล้วจริง ๆ
แต่แล้วจู่ ๆ ใครบางคนก็ตะโกนขึ้นมา “พอแล้ว พวกเขากระอักเลือดแล้ว”
จากนั้นกงเหลียนซินก็หลุดออกจากความคิดของเธอเอง
เธอเห็นจางอวี้นอนขดตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น เลือดสีแดงสดไหลซึมตรงมุมปากกับฟันของเธอที่หลุดออกมา
พี่สาวเติ้งดึงรั้งเติ้งซูอี้ไว้ “พอแล้ว ถ้าเธอตีมันอีก เดี๋ยวมันก็ตายหรอก”
เติ้งซูอี้เตะใส่ร่างจางอวี้เอ๋อส่งท้ายไปอีกสองสามทีก่อนจะยอมปล่อยไป
เธอปาดเหงื่อและน้ำตาออกจากใบหน้า “พานังจิ้งจอกและสุนัขตัวผู้ทั้งสองตัวนี้ไปเขตที่อยู่อาศัยเจ้าหน้าที่เลย!”
เหอเส้าหยวนที่กำลังแกล้งทำเป็นตาย เมื่อได้ยินก็สะดุ้งโหยงทันที
ความละอายใดๆ ก็ตามของเหอเส้าหยวนไม่มีอยู่อีกแล้ว เขาคุกเข่าตรงหน้าเติ้งซูอี้อย่างรวดเร็วพลางอ้อนวอน
“ที่รัก ผมรู้ว่าผมผิดไปแล้ว ผมขอร้อง ได้โปรดอย่าสร้างปัญหาให้กับงานของผมเลย กลับไปคุยกันดี ๆ เถอะนะ จะลงโทษผมยังไงก็ได้ ผมขอร้อง”
จางอวี้เอ๋อก็ตกใจมากในเวลานี้ เพราะหากเหตุการณ์นี้บานปลายขึ้นมา บราวนี่ออนไลน์
ไม่เพียงแต่เธอจะตกงานเท่านั้น แต่เธอจะถูกพ่อแม่ทุบตีจนตายอย่างแน่นอน!
เติ้งชูอี้ถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วมองดูเขาด้วยความรังเกียจ “ตอนนี้เพิ่งรู้เหรอว่าตัวเองผิด? ทำไมถึงไม่สำนึกให้มันเร็วกว่านี้?”
“ในเมื่อคุณไม่สามารถควบคุมร่างกายส่วนล่างของตัวเองได้ ฉันจะให้หัวหน้าของคุณดูแลมันแทนคุณไปก็แล้วกัน!” เมื่อพูดจบ เธอก็หันกลับกำลังจะเดินไปที่ประตู
“ที่รัก!” เหอเส้าหยวนรีบขยับเข้ามากอดขาของเธออีกครั้ง “ผมรู้ว่าคุณโกรธผม และแน่นอนคุณสมควรที่จะโกรธ แต่ถ้าเรื่องนี้บานปลาย ลูกสาวของเราจะทำยังไง? อีกสองปีลูกก็จะเรียนจบและหาคู่แต่งงานแล้ว คุณอยากให้คนอื่นคิดไม่ดีกับลูกของเราเหรอ?”
เมื่อพูดถึงลูกสาวของเธอ สีหน้าเย็นชาของเติ้งซูอี้ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นกังวล
พี่สาวเติ้งรีบพูดแทรกทันทีว่า “อย่าไปฟังคำเกลี้ยกล่อมเขาอีกเลยดีกว่า ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เขาก็เกลี้ยกล่อมเธอแบบนี้หลายครั้งแล้วเหรอ? ผลก็คือเขายังทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าเหมือนเดิมใช่ไหม?”
ครอบครัวของเติ้งซูอี้อยู่ใกล้กับเมืองเตียนเฉิง พี่สาวเติ้งจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับเติ้งซูอี้ และพวกเธอยังมีน้องชายอีกสองคน
เติ้งซูอี้เคยทะเลาะกับเหอเส้าหยวนหลายครั้งแล้ว ถ้าเธอไม่สามารถกลับไปบ้านแม่ได้ เธอก็จะไปร้องไห้ที่บ้านของพี่สาวคนโต
ดังนั้นพี่สาวคนโตจึงรู้อย่างชัดเจนมากเกี่ยวกับเรื่องระหว่างทั้งสองคน
คำพูดของพี่สาวคนโตทำให้ความคิดหลักเหตุผลของเติ้งซูอี้ถูกดึงกลับมา
เธอไม่ได้มองเหอเส้าหยวนอีก และพูดอย่างเย็นชา “ไปกันเถอะ!”
หลังจากพูดจบ เธอก็ออกไปก่อนใคร ส่วนพี่สาวของตระกูลเติ้งก็โบกมือ “พาพวกมันไปด้วย ไปกันเร็ว!”
จากนั้นก็มีคนสองสามคนเดินเข้าไปหาจางอวี้เอ๋อและเหอเส้าหยวน ลากทั้งคู่ออกไปนอกบ้านทันที
แต่เมื่อจางอวี้เอ๋อถูกดึงขึ้นมาจากพื้น เธอก็ดิ้นจนหลุดพ้นจากพันธนาการ และกำลังจะหนีไปที่ประตู
แต่ที่ประตูมีคนมากเกินไป และก่อนที่เธอจะแทรกตัวออกไปได้ เธอก็ถูกพี่สาวเติ้งล็อกตัวไว้อย่างแน่นหนาเสียก่อน
พี่สาวเติ้งตบหน้าจางอวี้เสียงดัง “อย่าขัดขืน!”
จางอวี้ถูกตบจนล้มลงทั้งยืน
มีคนมาลากตัวเธอไปอีกครั้ง จากนั้นใครสักคนก็ดึงผ้าปูเตียงมาพันรอบตัวเธอไว้
พี่สาวเติ้งต้องการจะฉีกมันออก แต่หญิงสาวข้าง ๆ เธอพูดว่า “ช่างเถอะ ให้เธอใส่ไว้ซะ”
พี่สาวเติ้งกัดฟันยอมแพ้
หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มคนก็แยกย้ายกันไป
กงเหลียนซินถามเซี่ยชิงหยวน “เราจะตามไปไหม?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา”
ตามสถานการณ์แล้ว เติ้งซูอี้ต้องเรียกหาหยางฉุนอี้ หนิงเซี่ยวเฉิง และเสิ่นอี้โจว เพื่อให้ออกมาจัดการกับเรื่องนี้แน่
แน่นอนว่าจางอวี้เอ๋อต้องบอกกับทุกคนว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับเลขาธิการเสิ่นและภรรยา ซึ่งในเวลานั้นไม่ใช่เวลาที่พวกเขาควรอยู่ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เซี่ยจิ่งเฉินอยู่ที่นี่ เธอไม่อยากให้เขาใจอ่อนและทำลายแผนการของเธอ
เสิ่นอี้โจวซ่อนตัวอยู่ในศาลากลางแล้วตามที่ตกลงกับเธอ
ดังนั้นพวกเขาควรจะอยู่ข้างนอกสักพัก แล้วค่อยกลับไปหลังจากเรื่องถูกตัดสินไปแล้ว
ตอนนี้เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เธอไม่กลัวว่าจางอวี้เอ๋อจะสร้างปัญหาอะไรได้อีก
กงเหลียนซินพยักหน้า “ได้สิ พี่จะฟังเธอ”
ทั้งสองเดินออกจากสนามของบ้านหลังนั้น และทันได้เห็นเติ้งซูอี้กับพรรคพวกของเธอกำลังฉุดกระชากลากถูจางอวี้เอ๋อกับเหอเส้าหยวนผ่านถนนฝั่งตรงข้ามที่พวกเซี่ยชิงหยวนจอดรถไว้
เซี่ยจิ่งเฉินอยู่ในรถ ดังนั้นเขาจึงน่าจะได้เห็นฉากนี้เช่นกัน
เพียงแต่เซี่ยชิงหยวนไม่แน่ใจว่าเซี่ยจิ่งเฉินจะคิดยังไงเท่านั้น
เซี่ยชิงหยวนผ่อนลมหายใจ ยืดหลังเหยียดตรง แล้วเดินออกไปทีละก้าว
———————
บทที่ 266 ใช้เวลากับฉันให้มากขึ้น
บทที่ 266 ใช้เวลากับฉันให้มากขึ้น
อาเซียงผงะไปเล็กน้อย จากนั้นยิ้มและพูดว่า “พี่เฮ่อเขายอดเยี่ยมมากเลยค่ะ”
ดวงตาของอาเซียงบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยชิงหยวนถึงถามคำถามเช่นนี้
เห็นอย่างนั้นแล้วเซี่ยชิงหยวนก็พลันเหนื่อยใจ
หญิงสาวตบหน้าผากตัวเองแล้วถอนหายใจ “เธอ…”
อาเซียงงงงวย “พี่เซี่ย พี่เฮ่อเป็นคนไม่ดีเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนเรียบเรียงคำพูดของเธอแล้วจึงพูดว่า “การตัดสินว่าคนนั้นดีหรือไม่ ต้องดูจากหลายแง่มุมนะ”
จากการวิเคราะห์ของเซี่ยชิงหยวน ความรู้สึกคลุมเครือของอาเซียงที่มีต่อเฮ่ออวี้เฟิงจะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดค้าส่งแน่นอน
การชื่นชมวีรบุรุษเป็นความฝันของเด็กผู้หญิงหลายคน
เธอหยุดพูดไปชั่วขณะ เมื่อเห็นอาเซียงมองมาอย่างจริงจัง จึงเริ่มพูดต่อ “เช่นในมุมของเราอาจมองว่าเขาเป็นคนดี แต่สำหรับคนอื่นอาจไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะนิสัยของเขาอาจจะไม่ได้ถูกใจหรือเข้ากับผู้หญิงทุกคน”
อาเซียงดูเหมือนจะเข้าใจ จึงพยักหน้า “อ่อ”
เซี่ยชิงหยวนเห็นการแสดงออกของอาเซียงก็รู้ว่าเด็กสาวไม่เข้าใจสิ่งที่เธอกำลังสื่อเลยสักนิด…
ด้วยสมมติฐานที่ว่าอาเซียงน่าอาจจะยังไม่ได้พัฒนาความรู้สึกต่อเฮ่ออวี้เฟิงมากนัก ในฐานะคนนอก เธอคงไม่สามารถพูดอะไรได้มากเกินไป ไม่เช่นนั้นมันอาจส่งผลเสียได้
นอกจากนี้ เธอจะมั่นใจได้ยังไงว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต?
เซี่ยชิงจึงหยวนหยุดพูดหัวนี้ และเปลี่ยนไปชวนอาเซียงคุยเกี่ยวกับสินค้าที่พวกเธอซื้อมาแทน
…
สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเธอกลับมาถึงเมืองเตียนเฉิงในพริบตา
เมื่อเซี่ยชิงหยวนกลับถึงบ้าน เธอรีบจัดการสิ่งต่าง ๆ รุ่งเช้าวันต่อมาก็ไปยังสถานีรถไฟกับเสี่ยวหลิว เพื่อรอรับกงเหลียนซินและเซี่ยไป่เหิง
เมื่อรถไฟหยุดลง เซี่ยชิงหยวนเห็นผู้หญิงร่างสูงกับเด็กตัวเล็กลงมาจากตู้รถไฟ หญิงคนนั้นแบกกระเป๋าใบใหญ่ไว้บนหลัง นั่นไม่ใช่กงเหลียนซินกับเซี่ยไป่เหิงหรอกเหรอ?
เซี่ยชิงหยวนโบกมือให้พวกเขา “พี่สะใภ้! ไป่เหิง!”
ได้ยินเสียงเรียก กงเหลียนซินก็เห็นเซี่ยชิงหยวนทันที
กงเหลียนซินตอบรับเสียงดัง พร้อมกับดึงเซี่ยไป่เหิงเดินมาด้วยกันอย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้ามาใกล้จนห่างไม่กี่ก้าว เซี่ยไป่เหิงจึงปล่อยมือกงเหลียนซินและพุ่งไปหาเซี่ยชิงหยวนด้วยความตื่นเต้น
“คุณอา!”
“ว่ายังไง!”
เซี่ยชิงหยวนก้มลงกอดเซี่ยไป่เหิงไว้แน่น
ส่วนเสี่ยวหลิวรีบเข้าไปช่วยถือกระเป๋าของกงเหลียนซิน
ตอนที่กงเหลียนซินให้กำเนิดเซี่ยไป่เหิงนั้น เซี่ยชิงหยวนยังอยู่มัธยมต้นอยู่เลยบราวนี่ออนไลน์
เซี่ยไป่เหิงเป็นหลานชายคนแรกของตระกูลเซี่ย และเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกงเหลียนซิน เธอจึงมักจะช่วยดูแลเด็ก ๆ เสมอ
กงเหลียนซินไม่เหมือนกับจางอวี้เจียวที่มักทำตัวยิ่งใหญ่ ชอบเอาเปรียบคนอื่น และเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตนเอง โดยไม่สนคนอื่น
สำหรับกงเหลียนซินหากเป็นเรื่องที่พอทำได้ด้วยตัวเอง เธอจะพยายามไม่รบกวนเซี่ยชิงหยวน หรือหากต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ เธอก็จะไหว้วานด้วยความเกรงใจ
ดังนั้นเมื่อเทียบกับหลานสาวสองคนของครอบครัวเซี่ยจิ่งเฉิน เซี่ยชิงหยวนจึงเต็มใจและสบายใจมากกว่า เมื่อได้ดูแลหลานชายสองคนของกงเหลียนซิน
เซี่ยชิงหยวนมองเซี่ยไป่เหิงที่อ้วนขึ้นกว่าครั้งล่าสุดตอนเธอกลับไปบ้าน เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “โห อาแทบอุ้มไม่ไหวแล้วเนี่ย น้ำหนักขึ้นเยอะเลยนะ”
ขณะที่พูด หญิงสาวก็กอดเซี่ยไป่เหิงด้วยความเอ็นดู
กงเหลียนซินรีบพูดว่า “วางเขาลงเร็วเข้า ขนาดพี่ยังเจ็บหลังตอนที่อุ้มเขานานๆ เลย ตอนนี้เด็กทั้งสี่คนดื่มนมผงที่เธอเอาไปให้ทุกวัน พวกเขาโตขึ้น ใบหน้ามีน้ำมีนวลเยอะกว่าเดิมมาก”
เซี่ยไป่อวิ๋นไม่ได้ตามมาด้วย หากเทียบระหว่างเด็กสองคน เซี่ยไป่เหิงรู้ความมากกว่า แต่ปากของเซี่ยไป่อวิ๋นหวานกว่า แถมยังชอบและเกาะติดเซี่ยชองหยวานมากกว่าด้วย
นอกจากนี้ยังมีเซี่ยซือถงและเซี่ยซือเหยียน แม้ว่าแม่ของเด็กหญิงทั้งสองจะเลวร้าย แต่พวกเธอก็เป็นหลานสาวของเซี่ยชิงหยวน
กงเหลียนซินรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนต้องคิดถึงพวกเด็ก ๆ แน่ จึงเริ่มเล่าถึงเด็ก ๆ
เมื่อไม่นานมานี้จางอวี้เจียวเกลี้ยกล่อมหวังผิงให้มอบนมผงให้เธอเพื่อเอาไปดูแลลูกสาวของเธอ หลังจากสัญญาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะเลี้ยงลูกด้วยนมผง หวังผิงจึงยอมมอบนมผงให้ไป ท้ายที่สุดจางอวี้เจียวก็นำกระป๋องนมผงกลับไปที่บ้านฝั่งแม่ของเธอเงียบ ๆ
เซี่ยชิงหยวนไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องแย่ ๆ ของจางอวี้เจียวมากนัก และเธอไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้เพราะไม่อยากเสียอารมณ์
พอเซี่ยชิงหยวนได้ยินสิ่งนี้ รอยย่นบนคิ้วของเธอจึงลึกลงไปอีก
เซี่ยชิงหยวนเตรียมอาหารพิเศษหลายรายการในตอนเย็น รวมถึงปลาต้มหั่นชิ้น ไก่ฉีก ซี่โครงหมูตุ๋น ซุปไข่มะเขือเทศ และพวกยำทั้งหลาย
เซี่ยชิงหยวนอธิบาย “คืนนี้หน่วยของอี้โจวมีงานบางอย่างที่ต้องทำ เขาจึงยังไม่สามารถกลับมาได้ แต่เขาขอให้ฉันดูแลพี่สะใภ้อย่างดีแล้ว เพราะงั้นอย่าเกรงใจเชียวนะ พี่สะใภ้กินให้เต็มที่ไปเลยค่ะ”
เซี่ยไป่เหิงอายุน้อยกว่าเสิ่นอี้หลินหนึ่งปี พูดได้ว่าพวกเขาอายุไล่เลี่ยกัน ดังนั้นเด็กทั้งสองจึงสนิทกันอย่างรวดเร็วหลังจากพบกัน
เด็กชายทั้งสองนั่งด้วยกัน พลางมองจานอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ แล้วแอบลอบกลืนน้ำลายอยู่หลายครั้ง
เซี่ยไป่เหิงถามเสิ่นอี้หลิน “อาของฉันยอดเยี่ยมมากเลยใช่ไหม?”
เสิ่นอี้หลินพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่แล้ว เธอคือพี่สะใภ้ของฉันเอง”
เซี่ยไป่เหิงขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของเสิ่นอี้หลิน “แต่นั่นคืออาของฉันนะ”
เสิ่นอี้หลิน “เป็นพี่สะใภ้ของฉันด้วยไง”
เซี่ยไป่เหิง “อาของฉันเป็นของฉัน!”
เสิ่นอี้หลินเริ่มขมวดคิ้ว “พี่สะใภ้ของฉันเป็นของฉัน!”
เด็กชายไม่เข้าใจ เซี่ยชิงหยวนอาจเป็นอาของเซี่ยไป่เหิง แต่ทำไมเธอจะเป็นพี่สะใภ้ของเขาในเวลาเดียวกันไม่ได้ล่ะ?
เซี่ยไป่เหิงเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยชิงหยวนแล้วชี้ไปที่เสิ่นอี้หลินด้วยนิ้วก้อยของเขา น้ำตาเริ่มไหลพลางพูดว่า “คุณอา เขาบอกว่าคุณอาเป็นพี่สะใภ้ของเขา และเป็นของเขาด้วย!”
เสิ่นอี้หลินพ่นลมหายใจอย่างไม่พอใจแล้วนั่งเงียบ
เซี่ยชิงหยวนอดขำออกมาไม่ได้
กงเหลียนซินเองก็ยิ้มและพูดว่า “เธอสองคนเพิ่งเจอกันไม่ใช่เหรอ? แต่พวกเธอกลับขัดแย้งกันแล้วเพราะเรื่องนี้เนี่ยนะ?”
เด็กน้อยทั้งสองจ้องมองกัน แต่ไม่ยอมพูดอะไร
เซี่ยชิงหยวนลูบหัวเด็กทั้งสองและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันเป็นอาของเซี่ยไป่เหิง และฉันก็เป็นพี่สะใภ้ของเสิ่นอี้หลินด้วยเหมือนกัน ทั้งสองอย่างสามารถเป็นได้พร้อมกัน ไม่มีความขัดแย้งกันแน่นอนจ้ะ”
เธอมองเด็กที่ไร้เดียงสาทั้งสองด้วยดวงตาอ่อนโยน “ฉันรักพวกเธอทั้งสองคนเหมือนกันนั่นแหละ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หัวใจดวงน้อย ๆ ของเสิ่นอี้หลินก็รู้สึกอบอุ่น เขาจึงครางรับ ‘อืม’ เบา ๆ แล้วมองเซี่ยไป่เหิงพลางแสดงออกว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิดเมื่อกี้นี้
เซี่ยไป่เหิงเข้าใจสิ่งที่ได้ยินเกือบทั้งหมด และไม่ได้เศร้าอีกต่อไป
เขายื่นมือไปหาเสิ่นอี้หลิน และพูดว่า “เอาละฉันจะแบ่งอาของฉันให้นายครึ่งหนึ่งก็ได้”
เสิ่นอี้หลินรู้สึกว่าน้องชายคนนี้ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
เขาจึงมองเซี่ยชิงหยวนเพื่อขอความช่วยเหลือ
เซี่ยชิงหยวนเพียงยิ้มกลับมาอย่างอ่อนโยน
เสิ่นอี้หลินถอนหายใจอย่างเป็นผู้ใหญ่ และจับมือของอีกฝ่าย “ก็ได้”
จากนั้นเซี่ยไป่เหิงก็ชูชามขึ้น “เราสองคนมาแข่งขันกัน ใครก็ตามที่กินเสร็จก่อนจะได้ถูกคุณอากอด!”
เสิ่นอี้หลิน “…”
พี่สะใภ้และน้องสามี ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้มพลางส่ายหัวเราะ
เวลาอาหารเย็นผ่านไป เสิ่นอี้โจวกลับบ้านมาก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
กงเหลียนซินและเซี่ยไป่เหิงนอนในห้องทำงานของเซี่ยชิงหยวน ทั้งสองหลับไปแล้ว คงเพราะเหนื่อยหลังจากเดินทางมาทั้งวัน
ส่วนเซี่ยชิงหยวนก็ออกมารับเสิ่นอี้โจว เขาดึงเธอมาไว้ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว พลางกระซิบถาม
“คุณคิดถึงผมไหม?”
เซี่ยชิงหยวนมองเห็นดวงจันทร์สว่างไสวนอกประตูผ่านลาดไหล่ของชายตรงหน้า เธอได้กลิ่นจาง ๆ ของเหล้ากับบุหรี่จากตัวเขา
หญิงสาวยื่นมือออกไปหยิกเอวเขาทันที “คืนนี้คุณได้ดื่มรึเปล่า?”
เสิ่นอี้โจวคว้ามือเธอไว้ แล้วโอบเอวภรรยา พลันมองเข้าไปในดวงตาของเธอ พลางพูดว่า “คุณตอบผมก่อนสิ คุณคิดถึงผมไหม?”
เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถหลีกเลี่ยงดวงตาจดจ่อและร้อนแรงของเขาได้
เธอกัดริมฝีปากและพยักหน้า
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เสิ่นอี้โจวก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
แต่แทนที่จะปล่อยเธอไป เขากลับกอดหญิงสาวแน่นขึ้น “ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”
น้ำเสียงเอ้อระเหยนั่น มีร่องรอยของความเหนื่อยล้าซ่อนอยู่
หลังจากได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ไม่สามารถผลักไสเขาออกไปได้
เธอโอบแขนรอบเอวของสามีด้วยมือทั้งสองข้าง พลางซบหน้าลงบนอกของเขา “ถ้าอย่างนั้นเวลาที่ฉันอยู่บ้าน คุณใช้เวลากับฉันให้มากขึ้นได้ไหม?”
ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาของเสิ่นอี้โจว “ได้เลย”
เขาใช้นิ้วเชยคางเธอ ก่อนจะก้มศีรษะลงจูบอย่างนุ่มนวล
