กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 279 ยังไม่ได้เด็ดดาวให้คุณ

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 279 ยังไม่ได้เด็ดดาวให้คุณ

บทที่ 279 ยังไม่ได้เด็ดดาวให้คุณ

เมื่อได้ยินแบบนั้น เซี่ยชิงหยวนก็จับมือกงเหลียนซินแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้คะ ฉันรู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ ที่พี่ยินดีทำสิ่งนี้เพื่อพี่รองและครอบครัว แต่ยังไงซะ นี่ก็คือสิ่งที่พี่รองต้องเผชิญด้วยตัวเอง”

ไม่ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้หรือไม่เต็มใจช่วย ทุกคนควรรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตนเอง

เนื่องจากเซี่ยจิ่งเฉินเลือกที่จะปกปิดความจริงของเรื่องในอดีตและแต่งงานกับจางอวี้เจียว เพราะงั้นเขาจะต้องชดใช้ราคาทั้งหมดด้วยตัวเอง

การเสียชีวิตของคุณปู่ ความผิดหวังในตัวเอง รวมถึงการห่างเหินจากพี่น้อง สิ่งเหล่านี้คือผลตามมาที่เขาควรแบกรับ

ตอนนี้เธอตั้งใจแน่วแน่ที่จะช่วยเหลือเขา โดยมีเงื่อนไขว่าเขาต้องมีความมุ่งมั่นและความสามารถ เพียงพอจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยตัวเอง

มีเส้นทางบางสายที่คนอื่นไม่สามารถเดินแทนเขาได้

กงเหลียนซินถอนหายใจ พยักหน้าแล้วพูดว่า “พี่เข้าใจแล้ว เธอและพี่เขยไม่ต้องกังวลนะ”

หากไม่ได้ผล เมื่อเกิดเรื่องขึ้นเธอก็จะส่งลูก ๆ กลับไปบ้านแม่สักสองสามวัน และเมื่อเรื่องของเซี่ยจิ่งเฉินกับจางอวี้เจียวได้รับการแก้ไขแล้วค่อยไปรับลูกกลับมาอีกครั้ง

ไม่อย่างนั้นมันคงยิ่งวุ่นวาย ถ้าตระกูลจางทำเรื่องน่ารังเกียจต่อหน้าเด็ก ๆ ทั้งหมด

มุมปากของเซี่ยชิงหยวนยกขึ้น “ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้”

กงเหลียนซินกล่าวว่า “เราทุกคนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำขอบคุณหรอก ในอดีตพี่ก็ยังไม่แน่ใจว่าน้องรองกำลังคิดอะไร และแม่ก็เอาแต่ปกป้องทุกคนอยู่เสมอ ดังนั้นพี่จึงไม่สามารถพูดอะไรได้”

“แต่ตอนนี้เมื่อน้องรองคิดได้แล้ว ในฐานะพี่ชายของเขาและพี่สะใภ้ พวกเรารู้ดีว่าต้องทำอะไรต่อไป”

กงเหลียนซินบีบมือของเซี่ยชิงหยวนแน่น “จากนี้ไปพี่จะไม่ปล่อยให้ใครต้องทนทุกข์อีกต่อไปแล้ว”

ชิงหยวนเองก็จับมือของกงเหลียนซินแน่น ดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอ “พี่สะใภ้”

ถัดมาเสิ่นอี้โจวได้รับสายโทรศัพท์ โดยบอกว่าหยางฉุนอี้และหนิงเซี่ยวเฉิงกำลังตามหาเขาอยู่

เขาออกไปข้างนอก และกว่าจะกลับมาก็ถึงเวลานอนแล้ว

เซี่ยชิงหยวนกำลังรอเขาอยู่ในห้องนั่งเล่น “เป็นเพราะจางอวี้เอ๋อใช่ไหม?”

เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ใช่ ผู้อำนวยการหยางบอกว่าการสอบสวนจะเริ่มในอีกสองวัน และไม่นานคำตัดสินก็ออกมาแล้วล่ะ”

เขาหยุดชั่วคราว “คนในครอบครัวของเหอเส้าหยวนกำลังใช้เส้นสาย และเมื่อถึงเวลา พวกเขาน่าจะโยนความผิดทั้งหมดให้เป็นของจางอวี้เอ๋อ”

เซี่ยชิงหยวนพ่นลมหายใจเบา ๆ “เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาทำผิด คราวนี้เขาจะปฏิเสธมันได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำเหรอ?”

ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนตำแหน่งงานให้กับจางอวี้เอ๋อหรือการเช่าบ้านใหม่ให้เธอ สิ่งเหล่านี้เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถลบล้างได้

ยิ่งไปกว่านั้น จางอวี้เอ๋อไม่ใช่ผู้หญิงที่จัดการได้ง่าย ๆ

ตราบใดที่เธอเก็บหลักฐานว่าทั้งสองอยู่ด้วยกัน เช่น ผ้าพันคอหรือสิ่งอื่น ๆ มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเหอเส้าหยวนที่จะแก้ต่างไม่ได้

เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “แน่นอนว่าคุณจะต้องไปให้ปากคำ พูดง่ายๆ คือในช่วงสองวันหลังจากนี้คุณจะถูกเรียกตัวไป แต่คุณสามารถพูดอะไรก็ได้ที่ต้องการ และผมจะดูแลทุกอย่างให้เอง”

เซี่ยชิงหยวนยิ้ม และตอบว่า “ฉันเข้าใจแล้ว”

เธอเห็นดวงตาที่ชัดเจนแฝงอ่อนโยนของเสิ่นอี้โจว ซึ่งมันทำให้ความกระวนกระวายใจและความไม่สบายใจของเธอค่อย ๆ สงบลง

ชายคนนี้มีใบหน้าที่หล่อเหลา ลมหายใจแผ่วเบา และเสน่ห์ของชายแบบผู้ใหญ่ที่สั่งสมมาตามกาลเวลา

เขาทำให้เธอรู้สึกสบายใจ

เธอโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้วถอนหายใจ “ในชีวิตนี้ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ครอบครัวของฉันอาจจะยังใช้ชีวิตวุ่นวายเหมือนในอดีตก็ได้”

แม้ว่าเธอจะเกิดใหม่ แต่ก็ยังต้องสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปอยู่

ตอนนี้เสิ่นอี้โจวให้ความมั่นใจแก่เธอล่วงหน้าแล้ว

เสิ่นอี้โจวกอดเธอและแนบคางของเขาไว้บนหน้าผากของภรรยา “ชีวิตของผม นอกจากการรักคุณแล้ว เป้าหมายเดียวคือการได้สนับสนุนคุณไงล่ะ”

เขาโน้มตัวและจูบริมฝีปากของเธอเบา ๆ “ดังนั้นได้โปรดใช้ผมเท่าที่คุณต้องการเลย”

เซี่ยชิงหยวนมองไปยังดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยรักของเขาแล้วยิ้ม

มุมปากของเธอเม้มแน่น รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้

คืนนี้มีเรื่องสะเทือนใจเธอมากเกินไปจริง ๆ

เธอกอดเอวของเขาให้แน่นขึ้น และปลายนิ้วก็แตะกับเสื้อเชิ้ตที่เรียบร้อยของเขา

เธอพูดจากใจ “อี้โจว คุณดีกับฉันมากจริง ๆ”

เสิ่นอี้โจวก้มศีรษะลงคลอเคลียแล้วถูไถปลายจมูกของเขากับเธอ “ไม่ ยังไม่เพียงพอหรอก”

น้ำเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความยินดี แต่แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ผมต้องทำงานให้หนักมากขึ้น เพราะตอนนี้ผมยังไม่ได้เด็ดดวงจันทร์ให้คุณเลย”

ดังนั้นความรักของเขาที่มอบให้เธอจะไม่มีวันหมดลง

คิ้วและดวงตาของเซี่ยชิงหยวนโค้งขึ้น “คุณอยากจะเด็ดดวงจันทร์ให้ฉันเหรอ? ถ้าอย่างนั้นคุณจะต้องปฏิบัติต่อฉันอย่างดีตลอดชีวิตเลยนะ”

เสิ่นอี้โจวจับคางของเธอ “แน่นอน ผมจะปฏิบัติต่อคุณอย่างดีตลอดชีวิตที่เหลือของผม”

เขาไม่ต้องการเห็นน้ำตาของเธออีกเลย แม้ว่าคนที่สร้างเรื่องจะเป็นสมาชิกในครอบครัวของเธอก็ตาม

เขามอบจูบลงบนริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบาก่อนจะผละออก แล้วจึงประทับจูบลงไปอีกครั้งแล้วผละออก ทำอยู่เช่นนี้ซ้ำ ๆ ไปมา

เช่นเดียวกับฝนที่ตกลงมาในฤดูใบไม้ผลิ มันให้ความชุ่มชื้น สงบเย็น และไม่มีที่สิ้นสุด

ตรงช่องเล็ก ๆ ของประตู หัวกลมเล็ก ๆ ทั้งสองโผล่เข้ามาพร้อมกัน แล้วชะงักไปครู่หนึ่ง

เซี่ยไป่เหิงจับเป้าของเขา “พี่ชาย ผมปวดฉี่มากเลย”

เสิ่นอี้หลินขี้เกียจเกินกว่าจะช่วยอีกฝ่าย

เขาทำท่าให้อีกฝ่ายเงียบ แล้วดึงเซี่ยไป่เหิงขึ้นไปบนเตียง “ชู่วววว ทนไว้ก่อน”

เซี่ยไป่เหิงหน้ามุ่ย “แต่ผมทนไม่ไหวแล้ว”

ในขณะที่เขาพูด เขาดันเตะขาพลาดไปชนโต๊ะจนเกิดเสียงขึ้น ตอนนี้พวกเขาทั้งสองตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว

เสียงที่เกิดขึ้นทำให้คนทั้งสองในห้องนั่งเล่นตื่นตระหนก เซี่ยชิงหยวนรีบผลักเสิ่นอี้โจวออกทันที

ปากของพวกเขาแดงขึ้นและบวมนิดหน่อย ทั้งคู่หันมองไปที่ช่องเล็ก ๆ ของประตู

เสิ่นอี้โจวกระแอมไอในลำคอและพูดเสียงต่ำ “อี้หลิน?”

เสิ่นอี้หลินเปิดประตูด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนแล้วเดินเข้ามา ตามด้วยเซี่ยไป่เหิง

เนื่องจากจะกลับพรุ่งนี้แล้ว เซี่ยไป่เหิงจึงรบเร้าขอนอนกับเสิ่นอี้หลิน และหลินตงซิ่วก็นอนกับกงเหลียนซิน

เมื่อตอนค่ำเซี่ยไป่เหิงดื่มน้ำมากเกินไป เขาจึงตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะอยากเข้าห้องงน้ำ และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้

เสิ่นอี้หลินก้มศีรษะลงแล้วเอ่ยทักเสียงอ่อย “พี่ชาย พี่สะใภ้”

มันจบแล้ว! พรุ่งนี้เสิ่นอี้โจวจะตีเขาแน่นอน!

โดยไม่คาดคิด เซี่ยไป่เหิงลืมตาปรือปรอยเพราะง่วงนอน และตะโกนออกมาว่า “อาเขย อาชิงหยวน”

เสิ่นอี้หลินตบหน้าผากตัวเอง และกลอกตามองเพดานโดยไม่พูดอะไร

ลืมไปซะเถอะ เขาไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว…

ในทางกลับกัน เซี่ยชิงหยวนหัวเราะออกมาเสียงดัง

เธอก้มลงแล้วถามว่า “เธออยากเข้าห้องน้ำเหรอ?”

เสิ่นอี้หลินผลักเซี่ยไป่เหิงเบา ๆ

เซี่ยไป่เหิงพยักหน้า “คุณอา ผมอยากฉี่”

เซี่ยชิงหยวนกำลังจะพูด แต่เสิ่นอี้โจวพูดก่อนว่า “อี้หลินพาไป่เหิงไปเข้าห้องน้ำสิ”

เสิ่นอี้หลินรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินประโยคนี้ จึงรีบลากเซี่ยไป่เหิงออกไปทันที

เมื่อมองตามแผ่นหลังของเด็กชายตัวเล็ก ๆ ทั้งสองคน สีหน้าของเซี่ยชิงหยวนพลันอ่อนโยนมากขึ้น

“เด็กสองคนนี้น่าสนใจมากจริง ๆ”

เสิ่นอี้โจวกอดเธอจากด้านหลัง “ลูกของเราจะยิ่งน่าสนใจมากกว่านี้อีก”

เขาพูด พลางเป่าลมหายใจร้อนรดต้นคอของเธอ จนเธอรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ

เซี่ยชิงหยวนรีบผละออกจากอ้อมแขนของสามีพลางจ้องเขาเขม็ง “เดี๋ยวพวกเขาก็ออกจากห้องน้ำแล้วนะ!”

เธอเดินไปที่ข้างโซฟาแล้วนั่งลงพลางพูดว่า “มานี่สิ ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ”

เสิ่นอี้โจวยิ้มบาง “เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งที่คุณพูดไม่ใช่เรื่องจริงจัง?”

เขาหยอกเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเดินไปหา

เซี่ยชิงหยวนเพิกเฉยต่อคำหยอกล้อของเขา และพูดว่า “ฉันรู้สึกกังวลเกี่ยวกับบางอย่างน่ะ หากตระกูลจางพาคนมา ฉันเกรงว่าพี่ชายของฉันจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้”

ให้เซี่ยจิ่งเฉินแบกรับความรับผิดชอบนี้ด้วยตัวเองมันก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การป้องกันไม่ให้เขาต้องถูกทุบตีมันก็เป็นอีกเรื่อง

เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ผมมีความคิดดี ๆ อยู่”

บทที่ 273 การเลือกที่ยากลำบาก

บทที่ 273 การเลือกที่ยากลำบาก

เซี่ยชิงหยวนเดินไปที่ข้าง ๆ ของรถและพบว่าเซี่ยจิ่งเฉินยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิม

เธอพ่นลมหายใจและตะโกนออกมาว่า “พี่รอง!”

เซี่ยจิ่งเฉินเหลือบมองน้องสาวของตนด้วยสายตาที่ซับซ้อน

เซี่ยชิงหยวนไม่สนใจเขา และเข้าไปในรถ

กงเหลียนซินตามมาข้างหลัง โดยรู้ว่าพี่ชายและน้องสาวมีเรื่องจะพูดกัน ดังนั้นเธอจึงนั่งที่เบาะข้างคนขับด้านหน้าแทน

เสี่ยวหลิวเองก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดเช่นกัน

ตอนแรกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องขับรถมาถึงที่นี่ แต่เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมด เขาก็เข้าใจแล้ว

เขาไม่กล้าถามอะไรทั้งสิ้น ทำได้แค่แกล้งหูหนวกและเป็นใบ้เท่านัั้น

เขาเกาหัวแล้วพูดว่า “คุณนายครับ ตอนนี้เราจะไปไหนกันดีครับ?”

เซี่ยชิงหยวนมองไปที่เซี่ยจิ่งเฉิน เธอยิ้มแล้วพูดว่า “พี่รอง พี่คิดว่าเราควรไปที่ไหนกันต่อดี?”

กลับไปที่บ้านเพื่อรอให้จางอวี้เอ๋อมาขอร้อง? หรือจะไปที่ไหนก็ได้แล้วปล่อยให้จางอวี้เอ๋อเผชิญกับปัญหาด้วยตัวเองล่ะ?

เซี่ยชิงหยวนวางโจทย์ปัญหานี้ตรงหน้าเซี่ยจิ่งเฉิน

กงเหลียนซินอดไม่ได้ที่จะกังวลเมื่อมองดูพี่น้องที่กำลังเผชิญหน้ากัน

เธอรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังให้โอกาสเซี่ยจิ่งเฉิน

นี่เป็นการเลือกที่สำคัญ และยังเป็นการเลือกข้างอีกด้วย

ไม่ว่าเซี่ยจิ่งเฉินจะเลือกข้างไหน เซี่ยชิงหยวนจะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายและน้องสาวอาจจะหมดลงในวันนี้

เซี่ยจิ่งเฉินเข้าใจความจริงข้อนี้โดยปริยาย

นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าเหตุการณ์ในวันนี้เป็นความผิดของจางอวี้เอ๋อโดยสมบูรณ์ เขาไม่สามารถตำหนิใครได้ และสำหรับเหตุการณ์นี้ เขาก็ไม่สามารถตำหนิเซี่ยชิงหยวนได้เช่นกัน

แม้แต่สิ่งที่เขาคิดตอนอยู่ในรถเมื่อกี้ โดยคิดว่าเซี่ยชิงหยวนนั้นโหดเหี้ยมมาก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเพราะน้องสาวของเขาต่างหากที่ต้องทำทั้งหมด เพื่อตอบโต้อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

เขาหลับตา หายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เราไปกินข้าวใกล้ ๆ กันเถอะ”

รอยยิ้มจริงใจปรากฏบนริมฝีปากของเซี่ยชิงหยวน หญิงสาวพูดขึ้นว่า “เอาละ ไปกันเถอะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยจิ่งเฉิน กงเหลียนซินก็คลายความกังวลอย่างสมบูรณ์

ในที่สุดน้องสามีของเธอคนนี้ก็ไม่เข้าแทรกแซงในช่วงเวลาวิกฤต

เซี่ยชิงหยวนบอกให้เสี่ยวหลิวขับรถไปในทิศทางข้างหน้า และจอดรถในร้านอาหารแห่งหนึ่ง

เสี่ยวหลิวปฏิเสธคำขอของเซี่ยชิงหยวนที่จะชวนเขาไปทานอาหารด้วยกัน ซึ่งชายหนุ่มขอตัวกลับบ้านก่อน “บ้านของผมอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้และแม่ของผมก็กำลังรอผมอยู่ที่บ้านน่ะครับ คุณนายรับประทานอาหารตามสบายเถอะครับ”

ได้ยินแบบนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ไม่ได้รั้งอีกฝ่ายไว้ และพยักหน้าให้

เซี่ยจิ่งเฉินขับรถได้ แค่ปล่อยให้เขาขับรถกลับทีหลังก็พอ

ทั้งสามนั่งลงที่โต๊ะอาหาร เซี่ยชิงหยวนจัดจานอย่างระมัดระวังและลวกพวกมันด้วยน้ำเดือด

กงเหลียนซินมองอย่างสงสัย “ชิงหยวน เธอไปเรียนรู้เรื่องนี้มาจากไหนน่ะ?”

เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ฉันเคยไปเมืองกว่างโจวสองสามครั้งแล้วน่ะค่ะ คนที่นั่นมักจะลวกของใช้ในน้ำร้อนแบบนี้ ฉันก็เลยติดนิสัยทำแบบนี้มาสักระยะแล้วน่ะ”

กงเหลียนซินพยักหน้า “ทำแบบนี้มันค่อนข้างสะอาดดีจริงๆ นั่นแหละ”

ตั้งแต่ต้นจนจบ เซี่ยจิ่งเฉินไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากการรับประทานอาหาร

ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เธอไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องวันนี้เหรอ?”

เขามองไปที่เซี่ยชิงหยวน มองตาเธออย่างชัดเจนและพูดเสริม “พี่หมายถึงอวี้เอ๋อ…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เขาเองก็ไม่โง่เหมือนกัน

มองจากภายนอกแล้วเซี่ยชิงหยวนเพียงตามไปจับชู้ แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

เหมือน…มีคนแอบชักใยสถานการณ์ทั้งหมดไว้แล้ว

และคนนั้นก็น่าจะเป็นน้องสาวของเขาที่อดทนมาโดยตลอด

เซี่ยชิงหยวนหยิบกาน้ำชาขึ้นมา ค่อย ๆ เทชาให้กับเซี่ยจิ่งเฉินพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก “พี่รอง พี่อยากได้ยินอะไรจากฉัน แค่ถามมาก็พอ”

อีกด้านหนึ่ง จางอวี้เอ๋อกับเหอเส้าหยวนถูกพากลับไปยังเขตที่พักครอบครัวด้วยสภาพที่สะบักสะบอม ตั้งแต่ถูกถีบให้ลงจากรถที่ประตูใหญ่และพาลากเดินไปจนถึงประตูบ้านของหยางฉุนอี้ มันเกือบจะเหมือนขบวนพาเหรดบนท้องถนน ทุกคนทั่วทั้งเขตที่พักต่างออกมาดู

ขณะเดียวกันก็มีคนวิ่งไปหาหยางฉุนอี้และครอบครัวของหนิงเซี่ยวเฉิงล่วงหน้าแล้ว เพื่อรายงานเหตุการณ์ดังกล่าว

หลังจากได้รับฟังเรื่องคร่าว ๆ หยางฉุนอี้ก็ตะคอกออกมา “นี่มันบ้าบอที่สุด!”

เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและถาม “เลขาธิการหนิงและเลขาธิการเสิ่นไปดูแล้วรึยัง?”

ผู้ใต้บังคับบัญชากล่าวว่า “เราส่งคนไปเรียกหาพวกเขาแล้วครับ”

หยางฉุนอี้พยักหน้า “งั้นนายไปหาพวกเขากับฉัน”

หลังจากพูดจบ เขาก็เดินออกจากบ้านทันที

เขารีบเดินไปหาหนิงเซี่ยวเฉิง ทั้งสองมองหน้ากันและส่ายหัว

เติ้งซูอี้กับครอบครัวของเธอมาถึงบ้านแล้วโดยมีจางอวี้เอ๋อและเหอเส้าหยวนถูกลากมาด้วย

บ้านของผู้นำทั้งสี่แห่งศาลากลางตั้งอยู่ติดกัน ทางด้านซ้ายคือบ้านของ เสิ่นอี้โจวกับหนิงเซี่ยวเฉิง และทางด้านขวาคือบ้านของหยางฉุนอี้และ เหอเส้าหยวน

หยางฉุนอี้มองดูกลุ่มคนที่ส่งเสียงดังแล้วดุว่า “เติ้งซูอี้ คุณกำลังทำอะไรอยู่!”

จากนั้นเขาชี้ไปที่เหอเส้าหยวนและจางอวี้เอ๋อที่กำลังก้มหน้าก้มตา “ดูสภาพพวกเขาสิ ให้เดินมาในสภาพนี้ได้ยังไง! ช่วยมีมนุษยธรรมกันหน่อย ไปเอาเสื้อผ้ามาให้พวกเขาใส่เร็ว!”

โดยปกติแล้วเติ้งซูอี้คงจะตกใจกับเสียงตะโกนของเขา แต่เมื่อกี้เธอเพิ่งจะต่อสู้กับเหอเส้าหยวนจวนจะตายกันไปข้างอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจะสนใจว่าหยางฉุนอี้จะคิดอะไรอีกทำไม

เธอยืนอยู่ที่ทางแยกและมองไปที่หยางฉุนอี้ “ผู้อำนวยการหยาง! ฉันเองก็ไม่ต้องการทำแบบนี้หรอกค่ะ แต่เหอเส้าหยวนคนนี้ชั่วช้าเกินไป! เขาใช้ประโยชน์จากตำแหน่งตัวเองเพื่อติดต่อกับเพื่อนร่วมงานหญิง ซึ่งทั้งสองคนเช่าบ้านข้างนอกไว้เล่นชู้ และคบหาดูใจกันมาระยะหนึ่งแล้ว! เมื่อกี้ฉันเพิ่งจับทั้งคู่ได้ขณะที่พวกเขากำลังขย่มกันอยู่บนเตียง งั้นคุณช่วยบอกมาหน่อยสิ เรื่องนี้ฉันควรทำยังไง!”

พี่สาวเติ้งเป็นผู้นำพี่น้องและญาติของตระกูลเติ้ง พวกเขายกเครื่องมือขึ้นและตะโกน “นั่นคือเรื่องที่คุณต้องอธิบายให้เราฟัง ไม่ใช่ให้เราอธิบายอะไรกับคุณ!”

หยางฉุนอี้แทบจะเป็นลมเมื่อเห็นท่าทางแข็งกร้าวของผู้คนตรงหน้า

แม้จะบอกว่าเขาเป็นหัวหน้าของเหอเส้าหยวน แต่เขาก็ไม่เคยสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของร่างกายส่วนล่างของลูกน้อง

อะไรคือความแตกต่างระหว่างพวกเขากับอันธพาลกัน?

หนิงเซี่ยวเฉิงยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ผู้คนเงียบ จากนั้นเขาพูดกับเติ้งซูอี้ว่า “เราเองก็ไม่ได้อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน แต่ไม่ว่าเรื่องมันจะเลวร้ายแค่ไหน พวกคุณควรให้ตำรวจจัดการแทน มันไม่สมควรอย่างยิ่งที่พวกคุณจะกระทำการเหมือนเป็นศาลเตี้ยแบบนี้”

“กล่าวอีกนัยหนึ่ง พฤติกรรมของคุณก็ถือเป็นการละเมิดกฎหมายด้วย เข้าใจรึเปล่า?”

เมื่อได้ยินแบบนี้ พี่สาวเติ้งก็พูดว่า “คุณบอกว่าเราฝ่าฝืนกฎหมายแล้วพวกเขาคืออะไรล่ะ?”

“พวกเขาก่อเหตุเล่นชู้! มีโทษประหารชีวิต!”

เมื่อจางอวี้เอ๋อได้ยินว่าโทษที่อาจจะได้รับคือการตัดสินประหารชีวิต เธอก็ตะโกนด้วยความตกใจทันที “ไม่นะ! ฉันถูกบังคับ!”

เธอห่อร่างตัวเองด้วยผ้าปูที่นอนแล้วชี้ไปที่เหอเส้าหยวน “คืนนั้นเขาบังคับฉัน! และบอกว่าถ้าฉันไม่เชื่อฟังเขา เขาจะไล่ฉันออก!”

เมื่อเห็นจางอวี้เอ๋อใส่ร้ายตัวเอง เหอเส้าหยวนที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งใส่ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่มีคนนำมาให้เขาเมื่อกี้ก็ยกมือขึ้นแล้วตบจางอวี้เอ๋ออย่างสุดแรง จนเธอกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

คนรอบ ๆ รีบมาดึงเขาออกไปทันที

เหอเส้าหยวนตะโกนด่า “นังสารเลว! เป็นแกต่างหากที่ล่อลวงฉัน! แกวิ่งเข้าในห้องของฉันด้วยตัวเอง ถอดเสื้อผ้าออกแล้วก็ขึ้นคร่อมฉัน! แต่ตอนนี้แกกลับหาว่าฉันบังคับแกงั้นเหรอนังร่าน!”

จากนั้นเขาหันไปหาหยางฉุนอี้ “ผู้อำนวยการหยาง ผมถูกผู้หญิงเลวคนนี้ใส่ร้าย!”

“ถุย!” เติ้งซูอี้ถ่มน้ำลายใส่เขา “บอกว่าหล่อนใส่ร้าย แต่แกกลับซื้อผ้าพันคอให้ เช่าบ้านให้แถมยังเกลือกกลั้วอยู่กับหล่อนทั้งวันเหรอ? พวกแกสองคนเป็นชู้กัน และนังผู้หญิงนี้ก็เป็นโสเภณี!”

เมื่อคิดถึงฉากที่เธอนั่งยอง ๆ อยู่นอกประตู ได้ฟังสิ่งที่เหอเส้าหยวนและ จางอวี้เอ๋อพูด หัวใจของเธอก็เหมือนถูกกรีดแทง!

หยางฉุนอี้กับหนิงเซี่ยวเฉิงมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า และอดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าบิดเบี้ยว

มันน่าเกลียดมาก

จางอวี้เอ๋อรีบคลานไปหาผู้นำทั้งสองอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอถูกทุบตีบวมปูดจนแทบจำไม่ได้

เธอก้มหัวให้ทั้งสองคน “ฉันขอร้องพวกคุณค่ะ ช่วยไปบอกเลขาธิการเสิ่นและภรรยาของเขาที พวกเขาจะต้องทวงความเป็นธรรมให้ฉันแน่นอน”

ไม่ใช่ว่าการที่เติ้งซูอี้กล้ารังแกเธอแบบนี้เพราะมีครอบครัวฝั่งตัวเองสนับสนุนเหรอ?

นอกจากนี้จางอวี้เจียวยังเป็นพี่สะใภ้รองของเสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวน ตราบใดที่เสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนถูกเรียกออกมา พวกเขาจะต้องช่วยเธออย่างแน่นอน!

หยางฉุนอี้หันไปด้านข้างแล้วถามผู้ใต้บังคับบัญชา “เลขาธิการเสิ่นอยู่ที่ไหน? ทำไมฉันไม่เห็นเขาเลย?”

บทที่ 267 เสิ่นอี้โจวจะเป็นพ่อที่ดี

บทที่ 267 เสิ่นอี้โจวจะเป็นพ่อที่ดี

เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นอี้โจว เขาคว้าเธอแล้วผลักเข้าทางประตู

มีกลิ่นเหล้าจาง ๆ จากปากของเขา ซึ่งจางหายไปในครู่หนึ่ง

เธอจับเสื้อบนหน้าอกเขาแน่น ทั้งกังวลและคาดหวัง

โชคดีที่เซี่ยชิงหยวนไม่ได้เปิดไฟดวงใหญ่ในห้องนั่งเล่น เปิดเพียงไฟดวงเล็กไว้ที่ทางเข้าเท่านั้น

แสงสีเหลืองอ่อนไม่สว่างมากนัก ให้ความรู้สึกคลุมเครือและซ่อนเร้น

ถึงกระนั้น เธอก็ยังกังวลว่าอาจมีใครตื่นขึ้นมาเห็นพวกเขากำลังพลอดรักกันอยู่ตรงนี้ได้

เธอรู้ว่าควรผลักเขาออกไป

หรืออย่างน้องก็เกลี้ยกล่อมเขาเข้าไปในห้อง

แต่…ก็อย่างที่เธอพูดเมื่อกี้ เธอคิดถึงเขา

หลังจากคิดแบบนั้น หญิงสาวก็โอบแขนรอบคอเขาก่อนจะพยักหน้า

เสิ่นอี้โจวไม่ยอมปล่อยภรรยา จนกระทั่งอากาศในปอดของเธอถูกดูดออกไปจนเกือบหมด

น้ำลายเคลือบอยู่บนริมฝีปากของทั้งคู่ และเมื่อพวกเขาผละจากกัน ดวงตาของเสิ่นอี้โจวก็มืดลง เขาจ้องมองริมฝีปากสีแดงก่ำของเซี่ยชิงหยวน อยากจะจูบอีกครั้ง

“อย่า” เซี่ยชิงหยวนหายใจไม่ทันจึงเอื้อมมือไปยังริมฝีปากของเขาไว้

ดวงตาของเขาขุ่นมัวเหมือนมีหมอกหนาและจ้องมองเธอออดอ้อน

“พี่สะใภ้และไป่เหิงอยู่ที่นี่ ระวังว่าพวกเขาจะเห็นเราด้วยสิ”

เมื่อได้ยินคำพูดที่คล้ายกันอีกครั้ง เสิ่นอี้โจวอยากจะเถียงว่าตอนนี้มีเพียงพวกเขาทั้งสองอยู่ตามลำพังข้างนอกเท่านั้น

เขาจูบหน้าผากเรียบเนียนของเธอ “เอาล่ะ ผมจะไม่สร้างปัญหาให้คุณอีกก็ได้”

เซี่ยชิงหยวนผลักเขาออก “มันดึกแล้ว คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ”

เสิ่นอี้โจวยิ้ม “ตกลง”

หลังจากเสิ่นอี้โจวไปอาบน้ำแล้ว เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เขายังไม่ได้ตอบคำถามเธอว่าได้ดื่มหรือเปล่า

เมื่อมองดูประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ เธอก็ตบหน้าผากตัวเอง

ใช่ ชายคนนี้ดื่มเหล้ามานั่นแหละ

เธอได้กลิ่นเหล้าจาง ๆ ในปากของเขา อีกฝ่ายคงดื่มมาแต่อาจจะไม่มาก

วันนี้เซี่ยชิงหยวนก็เหนื่อยมากเช่นกัน เธอกลับไปที่ห้องและหลับไปโดยไม่รอให้เสิ่นอี้โจวอาบน้ำเสร็จ

เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เซี่ยชิงหยวนก็ได้ยินเสียงดังที่นอกประตูแล้ว

เธอเปิดประตูและเห็นว่าเป็นเสิ่นอี้โจว กับเด็กชายทั้งสองคนในบ้าน

เสิ่นอี้โจวกำลังใช้แส้เล่นลูกข่างอยู่บนพื้น

เสียงแหลมดังขึ้นตอนเขาฟาดแส้เข้าที่ด้านบนของลูกข่าง ทำให้มันยิ่งหมุนเร็ว

เขาโบกแส้ในมือขณะสอนเด็กสองคนให้รู้วิธีตีแส้ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าบราวนี่ออนไลน์

เมื่อเห็นอย่างนั้น เสิ่นอี้หลินและเซี่ยไป่เหิงที่รายล้อมก็อดไม่ได้ที่จะปรบมืออย่างตื่นเต้น

“พี่ใหญ่น่าทึ่งมากเลย!”

“อาเขยสุดยอดมาก!”

เซี่ยชิงหยวนยืนมองดูอยู่ข้าง ๆ จนไม่อยากผละสายตาออกไป

เธออดไม่ได้ที่จะคิดว่าหากพวกเธอมีลูกด้วยกัน เสิ่นอี้โจวจะต้องเป็นพ่อที่ดีมากแน่

กงเหลียนซินกำลังช่วยทำงานบ้าน เธอผ่านมาเห็นสายตาของเซี่ยชิงหยวนก็อดหยอกล้อไม่ได้ “ดูน้องเขยของพี่สิ เขาเลี้ยงเด็กเก่งมากจริง ๆ ตอนเธอสองคนมีลูก ปล่อยให้เป็นหน้าที่เขาเลี้ยงได้เลย”

เนื่องจากที่ชนบทมีผู้ชายตั้งกี่คนที่รู้แต่วิธีทำงานหนักนอกบ้าน และปล่อยงานในบ้านกับลูก ๆ ทิ้งไว้ให้ภรรยารับผิดชอบเพียงลำพัง?

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มกริ่มและพยักหน้า ความปรารถนาสะท้อนในดวงตาของเธอ “ใช่ค่ะ”

ตั้งแต่กลับมาจากเมืองหลวงของมณฑลครั้งที่แล้ว เธอก็มั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับการมีลูก

เสิ่นอี้โจวยังคงต้องกินยาอีกระยะหนึ่งเพื่อให้อาการของเขาดีขึ้น และแผนการวางแผนครอบครัวที่เขาโยนทิ้งไปก่อนหน้านี้ก็ถูกยกกลับมาอีกครั้ง

อีกทั้งเขายังเพิ่มความเข้มข้นในการออกกำลังกาย ทำให้ภูมิคุ้มกันและสมรรถภาพทางกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

เซี่ยชิงหยวนไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้

เธอรู้ว่าเขาต้องการมีลูกที่แข็งแรงร่วมกับเธอ

ขณะที่ผู้หญิงทั้งสองกำลังคุยกัน เซี่ยไป่เหิงเป็นคนแรกที่เห็นเซี่ยชิงหยวน

เขาวิ่งมากอดเอวของหญิงสาวทันที “คุณอา!”

เซี่ยชิงหยวนยิ้มกว้างพลางกอดหลานชายคนโตของเธอที่โยนตัวเองเข้ามาในอ้อมแขนตั้งแต่เช้า

เธอลูบหัวเขาแล้วถาม “สนุกไหม?”

เซี่ยไป่เหิงนึกถึงลูกข่างที่เขายังคงเล่นอยู่ได้ จึงวิ่งกลับไปที่ด้านข้างของเสิ่นอี้โจว “มันสนุกดีครับ อาเขยเหวี่ยงแส้และลูกข่างก็หมุนด้วย”

เซี่ยชิงหยวนจ้องมองไปที่เสิ่นอี้โจว และเขาก็บังเอิญมองกลับมาหาเธอเช่นกัน

ดวงตาของทั้งสองสบกันกลางอากาศ และมันก็ไม่อาจละจากกันได้อยู่ครู่หนึ่ง

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า กงเหลียนซินก็อดไม่ได้ที่จะมีรอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอ

ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างน้องสามีกับน้องเขยของเธอจะดีจริง ๆ

หลังจากนี้เมื่อถึงเวลาที่เธอกลับไปที่หมู่บ้านซิ่งฮวา แล้วครอบครัวถามถึงเรื่องนี้ เธอบอกกับทุกคนแน่นอน

เสิ่นอี้หลินมองไปที่เซี่ยไป่เหิงที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนของเซี่ยชิงหยวน

มุมตาของเขากระตุกครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเองก็อยากทำตัวราวกับเด็กทารกเหมือนเซี่ยไป่เหิงที่ข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของพี่สะใภ้บ้าง

แม้พี่ชายของเขาจะไม่มีกลิ่นเหม็น แถมยังมีกลิ่นหอมที่อธิบายไม่ถูก แต่ร่างกายของเขาแข็งอย่างกับเหล็ก กอดแล้วไม่สบายเลยสักนิด

ไม่เหมือนกับพี่สะใภ้ที่ทั้งหอมและนุ่มนิ่ม

ยังไงซะ ครั้งล่าสุดหลังจากที่เขากอดพี่สะใภ้เพียงครั้งเดียว พี่ชายก็ลากออกไปอบรมที่สนามบ้านนานกว่าครึ่งชั่วโมง

โดยรวมพี่หมายความว่าเขาโตแล้ว และไม่สามารถทำตัวเหมือนเด็กในอ้อมแขนของพี่สะใภ้ได้อีกต่อไป

แม้จะเป็นแบบนั้น เซี่ยไป่เหิงก็อายุน้อยกว่าเขาเพียงหนึ่งปี แต่ทำไมกลับทำได้ล่ะ?

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ริมฝีปากเล็กของเสิ่นอี้หลินก็เบ้ออกมา

แน่นอนว่าเซี่ยชิงหยวนไม่รู้ถึงความคิดเล็กคิดน้อยของเสิ่นอี้หลินแม้สักนิด

เธอลูบหัวเขา “พาไป่เหิงไปล้างตัวเถอะ แล้วหลังอาหารเช้าพี่สะใภ้จะพานายไปโรงเรียนเองนะ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสิ่นอี้หลินพลันมีความสุข เขาเหลือบมองเซี่ยไป่เหิง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยชิงหยวน “เขาจะไปด้วยรึเปล่า?”

หากนับตามลำดับอาวุโส เสิ่นอี้หลินมีลำดับสูงกว่าเซี่ยไป่เหิงสองขั้น เขาเป็นน้องชายของเสิ่นอี้โจว ดังนั้นเซี่ยไป่เหิงมีศักดิ์เป็นหลานชายของเขา

แต่ตัวเขาเองยังเป็นเด็ก และเขาก็ไม่สามารถเรียกไป่เหิงว่าหลานได้จริง ๆ

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ไป่เหิงก็อยากเห็นโรงเรียนของนาย โรงเรียนของนายสวยมาก นายช่วยพาเขาไปดูได้ไหม?”

เสิ่นอี้หลินเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอน!”

หลังรับประทานอาหารเช้าแล้ว เซี่ยชิงหยวนขี่รถสามล้อพากงเหลียนซินและเด็กน้อยทั้งสองไปโรงเรียน

หลินตงซิ่วกังวลว่าเซี่ยชิงหยวนจะไม่สามารถบังคับรถที่บรรทุกคนจำนวนมากได้ ดังนั้นเธอจึงยืนกรานปฏิเสธที่จะนั่งบนรถ

พอเห็นแบบนี้เสิ่นอี้โจวจึงบอกให้เสี่ยวหลิวเป็นคนไปส่งเธอที่ทางเข้าตลาด

เมื่อพวกเขาไปถึงประตูโรงเรียน เสิ่นอี้หลินก็ชี้ไปที่อาคารเรียนของเขา และวิ่งเข้าไปในโรงเรียนอย่างมีความสุข โดยมีกระเป๋านักเรียนอยู่บนหลัง

เซี่ยไป่เหิงมองไปที่โรงเรียนประถม ซึ่งแตกต่างจากโรงเรียนแถวบ้านของเขาอย่างสิ้นเชิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา

เขาจับมือกงเหลียนซิน ดวงตาของเขาไม่เคยจริงจังขนาดนี้มาก่อน

“แม่ ผมอยากเรียนที่โรงเรียนแบบนี้ด้วย!”

กงเหลียนซินมีความคิดนี้อยู่แล้วเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อได้ยินเซี่ยไป่เหิงพูดแบบนี้เธอจึงรู้สึกอึดอัด

เธอจับมือลูกชายคนโตแน่นแล้วพูดว่า “ตกลง ถ้าลูกเรียนหนักมากพอ แม่จะให้ลูกได้เรียนในโรงเรียนแบบนี้ในอนาคต ตกลงไหม?”

ความฝันของเด็กนั้นบริสุทธิ์และสวยงามมาก ซึ่งเธอรู้สึกว่าไม่ควรต้องหยุดชะงัก ให้เด็กละทิ้งความฝัน เพียงเพราะความสามารถของเธอเอง

คนเราจะรู้ได้อย่างไรเล่าว่ามันจะทำไม่ได้ถ้ายังไม่ได้ลอง?

เซี่ยชิงหยวนดูฉากนี้ เธอยิ้มและไม่ได้พูดอะไร

เธอต้องการให้พ่อ แม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ ย้ายจากชนบทเข้ามาอยู่ในที่ต่าง ๆ เช่น เมืองเตียนเฉิง หรือเมืองหลวงของมณฑล

แต่ชายชรายึดติดกับบ้านเกิด พี่ใหญ่เป็นคนซื่อสัตย์สมถะและมีความรับผิดชอบ ส่วนพี่รองก็ยังดูแลตัวเองแทบไม่ได้ ดังนั้นคนเดียวที่จะเป็นผู้นำในเรื่องนี้ได้คือกงเหลียนซิน

ตราบใดที่กงเหลียนซินตัดสินใจและผลักดันตัวเอง เรื่องอื่น ๆ ก็คงไม่ยาก

ผู้ใหญ่ทั้งสองมีความกังวลของตัวเอง ในขณะที่เซี่ยไป่เหิงมองไปในทิศทางของโรงเรียนอย่างไม่เต็มใจ และคิดว่าเขาจะมาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือให้ได้จริง ๆ ในอนาคต

กงเหลียนซินมองดูบ้านเรือนที่กระจัดกระจายไปตามถนน ท้องถนนที่พลุกพล่านด้วยผู้คน และเมล็ดพืชที่ปลูกไว้เมื่อนานมาแล้วก็งอกเงยจนทะลุพื้นดิน

ทันทีที่ทั้งสองเข้าไปในตลาด กงเหลียนซินอดไม่ได้ที่จะชื่นชม “ตลาดนี้ใหญ่มากเลยนะ!”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ตลาดแห่งนี้ใหญ่ที่สุดในเมืองเตียนเฉิงเลยค่ะ”

เธอเงยหน้าขึ้นมองพ่อค้าแม่ค้าทั้งสองข้างทาง “พูดตรง ๆ นี่คือตลาดที่ครอบคลุมการขายทุกอย่างเลย”

กงเหลียนซินพยักหน้า “การค้ากำลังเฟื่องฟูจริง ๆ”

เซี่ยชิงหยวนถอนหายใจ “ร้านของฉันเปิดอยู่ข้างในตลาด ถ้าไม่มีผู้คนหลั่งไหลมาขนาดนี้ ฉันเกรงว่าร้านของฉันก็คงดำเนินต่อไปไม่ได้เหมือนกัน”

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะเต็มใจซื้อสลัดเย็นที่มีราคาหลายเหมาต่อจิน

กงเหลียนซินกับเซี่ยไป่เหิงไม่สามารถหยุดดูภาพตรงหน้าได้ และมีไม่รู้กี่ครั้งที่พวกเขาอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

แต่ทันใดนั้น กงเหลียนซินก็เห็นอะไรบางอย่างจึงกระซิบว่า “นั่นมันจางอวี้เอ๋อ น้องสาวของจางอวี้เจียวไม่ใช่เหรอ?”

———————

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท