กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 312 นี่ไม่ใช่การรังแก แต่มันคือความรักที่มีต่อคุณ

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 312 นี่ไม่ใช่การรังแก แต่มันคือความรักที่มีต่อคุณ

บทที่ 312 นี่ไม่ใช่การรังแก แต่มันคือความรักที่มีต่อคุณ

เซี่ยชิงหยวนตกใจมากจนเธอกัดไหล่ของเขา

เสิ่นอี้โจวหายใจเข้าพลางจับเอวของเธอด้วยมือข้างเดียว และมองเธอพร้อมกับขมวดคิ้ว

เซี่ยชิงหยวนกัดริมฝีปาก และรู้สึกทนไม่ไหวอีกแล้ว

แต่ขาของเธอถูกตรึงไว้ จนไม่สามารถผลักเขาออกไปได้เลย

เสิ่นอี้โจวยื่นมือออกมา แล้วคลึงหัวแม่มือบนริมฝีปากของเธอ “ผมอยากทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”

หลังจากพูดจบ มือที่อยู่รอบเอวของเธอก็ลูบไล้ไปที่หัวเข่า พลันแยกขาเธอออก และเข้าหาอีกครั้ง

ชายหนุ่มโน้มตัวไปใกล้ใบหูหญิงสาวตรงหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกลัว บ้านนี้เก็บเสียงได้ดีมาก ๆ เลยล่ะ”

ดีจนไม่มีใครได้ยินเธอแล้วคิดว่ามีหนูตัวใหญ่โผล่ออกจากที่ไหนสักแห่งแน่นอน

เขาหยุดชั่วครู่ “คุณไม่จำเป็นต้องอดกลั้นอีกแล้ว”

เซี่ยชิงหยวนพึมพำทันที “คุณ…คุณนี่มันชอบรังแกฉันชัด ๆ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เสิ่นอี้โจวก็หัวเราะร่าขึ้นมา

เสื้อเชิ้ตของเขายังสวมอยู่อย่างดี กระดุมทุกเม็ดยังติดครบ เห็นได้ชัดว่ารูปลักษณ์แบบนี้ไม่น่าเป็นพวกหื่นกระหายเลย เพราะงั้นใครจะคิดว่าเขาจะรังแกเธอแบบนี้?

ดวงตาฟีนิกซ์ของเขาส่องประกายและแฝงไปด้วยความอ่อนโยน แทบจะทำเธอจมน้ำตายอยู่รอมร่อ “นี่ไม่ใช่การรังแก แต่มันคือความรักที่มีต่อคุณต่างหาก”

หลังจากพูดจบ เขาก็ก้มศีรษะและจูบเธอโดยไม่ให้โอกาสให้อีกฝ่ายได้พูด

โต๊ะทำจากไม้แพร์เนื้อดี มันทั้งหนักและแข็งแรง นอกจากการสั่นสะเทือนแล้วเสียงเอี๊ยดของโต๊ะก็ไม่มีอีกด้วย

ใบไม้บนกิ่งก้านนอกหน้าต่างปลิวไหวไปตามสายลมเบา ๆ คล้องจองกับเสียงครวญครางเบา ๆ เช่นกัน…

เมื่อเซี่ยชิงหยวนลงไปชั้นล่าง เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว

กระโปรงที่เธอใส่ตัวเดิมมีรอยยับเต็มไปหมด ไม่สามารถใส่ได้อีก

เสิ่นอี้หลินกลับมาจากเล่นข้างนอกพอดี ทันเวลาที่เห็นพวกเขาลงมาชั้นล่างและเสิ่นอี้หลินก็ตะโกนออกมาอย่างร่าเริง “พี่ชาย พี่สะใภ้!”

เด็กชายที่เพิ่งวิ่งเข้ามาในบ้านก็ถอยตัวกลับ และมองที่เซี่ยชิงหยวนซ้ำหลายครั้ง

เซี่ยชิงหยวนเดิมทีมีความรู้สึกผิดอยู่แล้ว จึงไม่สามารถมองเข้าไปในดวงตาที่ไร้เดียงสาของเสิ่นอี้หลินตรง ๆ ได้ “มีอะไรผิดปกติเหรอ?”

เสิ่นอี้หลินส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ใบหน้าของพี่สะใภ้แดงมาก พี่สวยมากเลยครับ”

เซี่ยชิงหยวน “…”

เมื่อกี้นี้เธอเหงื่อแตกเต็มตัวไปหมด แล้วจะไม่ให้หน้าแดงได้ยังไงล่ะ?

แม้แต่ผิวกายก็ยังเป็นสีชมพู

เสิ่นอี้โจวยกมือขึ้นที่ปิดริมฝีปากและไอเบา ๆ “ช่วงนี้พี่สะใภ้ของนายดูดีขึ้นน่ะ”

เสิ่นอี้หลินพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “อ้อ”

เขาชี้ไปที่ใบหน้าของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม “ป้าอู๋ก็บอกเหมือนกันนะ บอกว่าผมดูดี”

เซี่ยชิงหยวน “…”

เธอเหลือบมองโคมระย้าสีสดใสที่แขวนอยู่บนเพดาน และรู้สึกว่าไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเสิ่นอี้หลินเล็กน้อย

มือหนึ่งของเธอกำมือของเสิ่นอี้โจวแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนอีกมือหนึ่งก็นวดขมับตัวเอง “ในอนาคตตอนเรามีลูก แล้วถ้าเป็นเด็กผู้ชาย เขาคงจะถูกทุบตีไปพร้อมกับอาเล็กของเขาแน่”

พอได้ยินแบบนั้น รอยยิ้มบนริมฝีปากของเสิ่นอี้โจวยิ่งกว้างขึ้น

เขาลูบศีรษะเซี่ยชิงหยวนอย่างสบายใจ “ไม่เป็นไรหรอก การที่เด็กซน มันเป็นเรื่องธรรมชาติน่ะ”

เสิ่นอี้หลินเอียงหัว “พี่ชายกับพี่สะใภ้กำลังพูดถึงเรื่องอะไรเหรอ?”

เสิ่นอี้โจวเดินลงบันไดแล้วลูบศีรษะน้องชายตัวเอง “พี่สะใภ้ชื่นชมที่นายน่ารักน่ะ”

ดวงตาของเสิ่นอี้หลินเป็นประกายขึ้นมาทันที “ขอบคุณครับพี่สะใภ้!”

หลังจากพูดแล้วเขาก็วิ่งไปที่ห้องอาหารอย่างเขินอาย

เสิ่นอี้โจวมองย้อนกลับไปที่เซี่ยชิงหยวน พลางยื่นมือออกไป “ไปกินเกี๊ยวกันเถอะ”

เซี่ยชิงหยวนจ้องเขม็งเขาครู่หนึ่ง แต่ก็ยอมยื่นมือออกไปหาบราวนี่ออนไลน์

ในขณะที่รับประทานอาหาร เซี่ยชิงหยวนก็นึกถึงเรื่องที่เธอต้องไปร่วมกินอาหารค่ำกับที่ทำงานของเสิ่นอี้โจว เธอถามว่า “คุณช่วยบอกรายละเอียดเกี่ยวกับงานตอนค่ำที่เราจะต้องไปได้ไหม?”

เสิ่นอี้โจวอธิบายทันที “เลขาธิการหยวนเชิญพวกเราไปกินอาหารเย็นที่บ้านของเขาในวันพรุ่งนี้น่ะ ฉู่ซิงอวี่กับหลิงเยี่ยก็จะไปเหมือนกัน”

หยวนหงหลี่แก่แล้วและจะเกษียณในปีหน้า ซึ่งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนรุ่นเก่าที่กำลังจะจากไปกับคนรุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นมาแทนนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ

นอกจากนี้ เดิมทีฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยถูกย้ายไปยังเมืองเตียนเฉิงผ่านทางเขา และตอนนี้พวกเขากลับมาแล้ว พวกเขาย่อมต้องไปร่วมมื้ออาหารด้วยกัน

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าเพื่อแสดงความเข้าใจ

ตราบใดที่เธอไม่ต้องไปพบฉีจิ่นจืออะไรนั่น ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา

หลังอาหารเย็น เซี่ยชิงหยวนกลับไปที่ห้องหนังสือเพื่อร่างแบบการตกแต่งร้านอาหารเย็นต่อ

ฤดูหนาวในมณฑลอวิ๋นจะเย็นกว่าในเมืองเตียนเฉิง หากเปิดช้ากว่านี้อาหารเย็นจะขายได้ยาก

ท้ายที่สุดแล้วใคร ๆ ก็ชอบกินอาหารร้อน ๆ ในฤดูหนาว

ร้านของเธอไม่ใช่ประเภทที่ซื้อแล้วกินในร้าน แล้วเธอจะทำยังไงเพื่อชดเชยการขายอาหารเย็นไม่ได้ในฤดูหนาวล่ะ?

ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกาย เธออาจจะทำเครื่องในเนื้อวัวและต้มหัวไชเท้าได้ก็ได้!

เมื่อก่อนตอนเธออยู่ที่เมืองกว่างโจว ที่นั่นมีหม้อเครื่องในเนื้อวัวอยู่ตามท้องถนนตลอดทั้งปี

โดยปกติแล้วมักจะเป็นหญิงชราเข็นรถเข็น โดยมีเตาถ่านไฟลุกอยู่ด้านล่าง และหม้อเหล็กขนาดใหญ่ด้านบน ซึ่งภายในหม้อมีซุปเดือดที่เต็มไปด้วยเครื่องในกับเนื้อตุ๋น เป็นเนื้อที่แทบจะละลายตั้งแต่เอาเข้าปาก แถมยังมีหัวไชเท้าที่รสชาติกลมกล่อมจากน้ำซุปที่ชุ่มฉ่ำ

เมื่อตอนชาติที่แล้วที่เธอออกมาอยู่คนเดียวแล้วเช่าบ้านอยู่ ข้างบ้านเช่าของเธอมีคุณยายข้างบ้านที่ทำต้มเครื่องในวัวและหัวไชเท้าเก่งเป็นพิเศษ

ต้มเครื่องในเนื้อวัวและหัวไชเท้าที่หญิงชราทำนั้นมีรสชาติดั้งเดิมมาก ในช่วงฤดูหนาวที่หนาวเย็นและเปียกชื้นในเมืองกว่างโจว เธอชอบมากที่จะซื้ออาหารร้อน ๆ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องในเนื้อวัวและหัวไชเท้า

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

นี่มันก็เป็นเวลานานแล้วที่เธอไม่ได้กินเลย

เซี่ยชิงหยวนเขียนสูตรต้มเครื่องในเนื้อวัวและหัวไชเท้าที่คุณยายคนนั้นเคยมอบให้เธอ

เครื่องในเนื้อวัวในมณฑลกวางตุ้งมักจะมีรสเค็มและหวาน เธอจึงต้องปรับรสชาติตามความต้องการของชาวมณฑลอวิ๋นสักหน่อย

อย่างใส่น้ำตาลกรวดน้อยลง และใส่เครื่องเทศบางชนิดอย่างพริกแห้งลงไป

นอกจากนี้ในการทำน้ำจิ้ม เธอก็ต้องปรับรสชาติให้ถูกปากคนของที่นี่ด้วย

เธอคิดดูอีกครั้ง มีลูกชิ้นต่าง ๆ อย่าง ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเห็ด ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นเนื้อวัว…ใส่ลงไปต้มรวมกันได้

ในความทรงจำของเธอ ลูกชิ้นหมูและลูกชิ้นเนื้อเป็นอาหารพิเศษจากภูมิภาคเฉาซ่านของมณฑลกวางตุ้ง ลูกชิ้นทำมือต่าง ๆ มีเนื้อนุ่มและชุ่มฉ่ำเป็นพิเศษ

หากนำไปใส่ในซุปเครื่องในเนื้อหอม ๆ รสชาติจะสุดยอดมาก

แต่เมื่อนึกถึงราคาเนื้อวัวที่ยังสูงอยู่ เธอจึงขีดฆ่าลูกชิ้นเนื้อวัวด้วยความทุกข์ใจ

เฮ้อ…เก็บลูกชิ้นวัวไว้กินเองดีกว่า

เซี่ยชิงหยวนเขียนมันลงอย่างขะมักเขม้นตามความทรงจำของเธอ

ไม่รู้ว่าระยะเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ สีหน้าของเธอก็ดูพอใจมาก

เสิ่นอี้โจวเพิ่งอาบน้ำเสร็จและก็เข้ามาในห้อง เมื่อเห็นรอยยิ้มที่หุบไม่ลงของภรรยา เขาจึงถามว่า “พอคิดถึงร้านแล้วคุณมีความสุขมากเลยเหรอ?”

เซี่ยชิงหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันแค่คิดว่าจะขายอะไรในร้านดีน่ะ”

เสิ่นอี้โจวเดินเข้ามาพลางเช็ดผม “คิดได้แล้วเหรอ?”

เซี่ยชิงยวนพยักหน้า “อื้ม”

เธอชี้ไปยังสูตรที่เพิ่งเขียนว่า “ต้มเครื่องในวัวกับหัวไชเท้า ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นปลา แล้วก็อย่างอื่นด้วย”

เมื่อมองดูท่าทางที่สดใสของเซี่ยชิงหยวนแล้ว เสิ่นอี้โจวก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปบีบแก้มของเธอ “มันเยี่ยมมาก”

เซี่ยชิงหยวนปัดป้องใบหน้าของเธอแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันจะทำอาหารให้คุณนะ”

แต่เมื่อเธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ในมื้อเย็นพรุ่งนี้จะต้องไปบ้านของหยวนหงหลี่ เธอก็ส่ายหัว “ไม่ได้สิ พรุ่งนี้เราต้องไปกินมื้อค่ำ”

เสิ่นอี้โจวนั่งข้างเธอแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้ผมจะกลับมากินอาหารกลางวันที่นี่นะ”

ร้านจะเปิดเร็ว ๆ นี้แล้ว เธอต้องรีบเตรียมอาหารต่าง ๆ ที่สามารถขายได้ ซึ่งแน่นอนว่าเขาอยากสนับสนุนภรรยาอยู่แล้ว

เซี่ยชิงหยวนลุกขึ้น แล้วนั่งคร่อมเขาพลันโอบกอดคอเขา “ขอบคุณนะคะ”

เสิ่นอี้โจวถือโอกาสโอบกอดเธอด้วยเช่นกัน “เช็ดผมให้ผมหน่อยสิ?”

เซี่ยชิงหยวนไม่ปฏิเสธ มือหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาและกำลังจะยืนขึ้น

แต่เสิ่นอี้โจวกลับจับเธอไว้ เสียงของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังโดยที่เธอไม่รู้ตัว “นั่งลงแล้วเช็ดให้ผมแบบนี้แหละ”

บทที่ 307 เหมือนเพื่อนเก่า

บทที่ 307 เหมือนเพื่อนเก่า

ฉีหยวนซานใช้โอกาสนี้ดึงเซี่ยเจิ้งออกไป และพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของฉีจิ่นจือ

“จิ่นจือเพิ่งกลับมา และเขาก็ไม่พอใจผมกับภรรยานิดหน่อยน่ะ เขาเลยต่อต้านการแต่งงาน แต่ไม่ต้องกังวลนะ ลูกของคุณดีแบบนี้จะต้องเป็นตัวเลือกแรกสำหรับลูกสะใภ้ของผมแน่นอน หลังจากนี้เมื่อเด็กเหลือขอของผมคนนี้สงบลงแล้ว ผมจะพาเขาไปขอลูกสาวคุณแต่งงานเอง”

เดิมทีเซี่ยเจิ้งคิดว่าการเปลี่ยนใจอย่างกะทันหันของฉีหยวนซานนั้นเป็นเพราะเขาดูถูกตระกูลเซี่ย

ขณะนี้ด้วยการรับประกันของฉีหยวนซาน ในที่สุดความเศร้าโศกในใจของเขาก็บรรเทาลง

เขากล่าวว่า “ผมเองก็เป็นพ่อคน ผมเข้าใจความยากลำบากของคุณดีครับ”

“แม่ของจื่ออี้เองก็ไม่อยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงเป็นกังวลมากเรื่องการแต่งงานของลูกสาว ปีนี้เธออายุยี่สิบสามแล้ว และไม่ควรจะรอนานเกินไป ผมหวังว่าลูกชายของคุณจะสามารถจัดการสะสางปัญหากับคุณโดยเร็วที่สุดนะครับ”

เซี่ยเจิ้งยังเคยได้ยินเกี่ยวกับข่าวลือที่ว่าฉีจิ่นจือไม่ใช่ลูกชายทางสายเลือดของคุณหญิงเผ่ย

แต่ไม่สำคัญว่าฉีจิ่นจือจะคลานออกมาจากท้องของคุณหญิงเผ่ยหรือไม่ ตราบใดที่เขาเป็นลูกชายของฉีหยวนซานนั่นก็เพียงพอแล้ว

ฉีหมิงไปทำภารกิจและสละชีวิต มันทำให้ตระกูลฉีในมณฑลยูนนานสั่นคลอนทันทีในชั่วข้ามคืน ซึ่งเขาไม่สามารถยอมให้ตระกูลตกต่ำได้

ฉีหยวนซานยินดีใส่ฉีจิ่นจือไว้ใต้ชื่อของคุณหญิงเผ่ย และยอมให้ฉีจิ่นจือมีตัวตนในสายตาของเขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตระกูลฉีและตระกูลเผ่ยในเมืองหลวงตกลงกันไว้แล้ว

ตอนนี้ฉีจิ่นจือก้าวเข้ามาสู่ด้านสว่างแล้ว ต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครก้าวข้ามตัวตนของเขาไปได้

ฉีหยวนซานพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “แน่นอน แน่นอน”

จากมุมตาของเซี่ยจื่ออี้ เธอสังเกตเห็นเซี่ยเจิ้งและฉีหยวนซานพูดคุยกันอยู่ที่มุมห้อง เธอไม่รู้ว่าฉีหยวนซานพูดอะไร แต่การแสดงออกของเซี่ยเจิ้งก็อ่อนลง

นี่แสดงให้เห็นว่าการแต่งงานของทั้งสองครอบครัวยังคงเป็นไปได้

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเซี่ยจื่ออี้ก็ลึกขึ้น และเธอก็มองไปที่ฉีจิ่นจือ

เขาเอนหลังบนเก้าอี้โดยไม่ขยับตะเกียบแม้แต่ครั้งเดียวจากจานบนโต๊ะ และดื่มทีละแก้ว

เนื่องจากการดื่มเรื่อย ๆ ดวงตาสีดอกพีชที่เร่าร้อนจึงเปล่งประกายในขณะนี้ ซึ่งสามารถดึงดูดผู้คนให้จมน้ำตายได้ทุกเมื่อ

เซี่ยจื่ออี้ต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสอง และพูดว่า “คุณไม่คุ้นเคยกับอาหารของมณฑลอวิ๋นเหรอ? ป้าของฉันมาจากเมืองหลวงและสามารถทำอาหารจากเมืองหลวงได้นะ หากคุณมีเวลาก็มานั่งเล่นที่บ้านของฉันสิ ฉันจะขอให้ป้าของฉันทำ…”

ฉีจิ่นจือหยุดชั่วครู่ก่อนจะมองเธอ รอยยิ้มอ่อนโยนของเธอยังสะท้อนอยู่ในรูม่านตาสีเข้มของเขา

เมื่อมองหน้ากันในระยะใกล้ เซี่ยจื่ออี้ค้นพบว่าแม้ดวงตาดอกท้อจะอยู่บนใบหน้าของชายผู้โหดเหี้ยมเช่นนี้ มันก็ยังรู้สึกน่าหลงใหลได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกที่แสนจะเย็นชา

โดยเฉพาะเมื่อเขามองมาโดยไม่มีอารมณ์ใด ๆ มันทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว

คำพูดถัดไปของเซี่ยจื่ออี้ถูกกลืนกลับเข้าไปในท้องของเธอทันที

ฉีจิ่นจือไม่ตอบคำถามของเธอ พลันเอ่ยว่า “ขอตัวก่อนนะ”

เขาลุกขึ้นและจากไปอย่างห้วน ๆ

คนที่โต๊ะเดียวกันสังเกตเห็นเหตุการณ์นี้และมองดูเธอ

คุณหญิงเผ่ยก็เหลือบมองเธออย่างเฉยเมย แล้วหันหน้าไปคุยกับใครสักคนอีกครั้ง

เซี่ยจื่ออี้รู้สึกคล้ายตัวเองถูกย่างบนเตาไฟ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถแสดงความโกรธได้

เซี่ยชิงหยวนกินและดื่มมากพอแล้ว หญิงสาวจึงใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่เสิ่นอี้โจวกำลังถูกคนอื่นรายล้อม ขอเขาไปเข้าห้องน้ำ

เสิ่นอี้โจวรู้ว่าเธอเบื่อที่จะรับมือกับสิ่งต่าง ๆ นี้แล้ว เขาจึงกระซิบ “ไปสิ”

เขาใช้ร่างกายปิดกั้นภรรยาของบรรดาเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ที่ต้องการดึงเซี่ยชิงหยวนออกไปเพื่อพูดคุยด้วยกัน

โรงแรมอวิ๋นล่ายเป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุดในมณฑลอวิ๋นจริง ๆ แม้แต่ห้องน้ำก็ตกแต่งเหมือนพระราชวัง อ่างล้างหน้าด้านนอกก็มีพื้นที่พักผ่อนด้วย

ในเวลานี้การนั่งบนโถส้วมไม่เป็นที่นิยม เธอจึงต้องนั่งพักบนเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ ในห้องอเนกประสงค์สักพัก

เธอยกเท้าขึ้น พลันเห็นว่าส้นเท้าด้านหลังมันแดงและบวมแล้ว

หญิงสาวถอนหายใจ ดูเหมือนว่าเธอยังไม่เหมาะที่จะทำตัวเป็นภรรยาคนงามของเจ้าหน้าที่ระดับสูงสินะ

หลังจากพักผ่อนเพียงพอ เธอก็ทนความเจ็บปวดอีกครั้งและใส่รองเท้ากลับเข้าไป บราวนี่ออนไลน์

เธอออกไปข้างนอก โน้มศีรษะลงเพื่อล้างมือ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงผู้ชายอย่างชัดเจน “คุณนายเสิ่นช่างมีรูปร่างหน้าตาเหมือนเพื่อนเก่าของผมจริง ๆ”

เซี่ยชิงหยวนสะดุ้ง และหันกลับไปทันที

ไม่รู้ว่าฉีจิ่นจือมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้เขายืนพิงกำแพงอยู่ไม่ไกลและถือบุหรี่อยู่ในมือพร้อมมีควันลอยโชยเบา ๆ

เขาจ้องมองเธอเหมือนเสือชีตาห์ที่เฝ้าดูเหยื่อของมัน

เซี่ยชิงหยวนกำอ่างล้างหน้าที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว และเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าใด ๆ “ฉันเป็นเพียงผู้หญิงจากชนบท จะเทียบได้กับลูกชายคนเล็กของท่านฉีได้ยังไงล่ะคะ?”

เธอเตือนเขาเป็นนัย ๆ ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอดีต ตอนนี้เขากลายเป็นลูกชายคนเล็กของฉีหยวนซานแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะทำลายอนาคตอันยิ่งใหญ่นี้เพราะเธอ

เธอไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขาเลยสักหน่อย

ถ้าเขากังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เธอเห็นที่โรงแรม เธอจะเก็บมันไว้เป็นความลับ

“โอ้ เป็นแบบนั้นเหรอ?” ฉีจิ่นจือกดก้นบุหรี่ในมือของเขาลงในที่เขี่ยบุหรี่ข้าง ๆ แล้วเดินมาหาเธอ

ยังคงมีกลิ่นบุหรี่และเหล้าจาง ๆ บนร่างกายของเขา “แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคุณนายเสิ่นกล้าหาญและมีไหวพริบจัง ไม่เหมือนผู้หญิงบ้านนอกเลยสักนิด?”

เซี่ยชิงหยวนไม่ได้ทำตัวด้อยกว่าหรือแข็งกร้าว “คุณชายรองฉี พูดจาไร้สาระแล้วค่ะ”

ฉีจิ่นจือพยักหน้า พลางหัวเราะเบา ๆ และถอยกลับไปหนึ่งก้าว

เขามองดูเธออย่างลึกซึ้ง “คุณนายเสิ่น ถ้าอย่างนั้นผมขอให้เราอย่าได้เจอกันอีกเลยนะครับ”

หลังจากพูดแล้วเขาก็หันหลังจากไป

เมื่อเห็นร่างของฉีจิ่นจือหายไปตรงหัวมุม เซี่ยชิงหยวนก็หายใจเข้า ร่างกายที่ตึงเครียดผ่อนคลายลงทันที และเธอก็คลำอ่างล้างหน้าที่อยู่ข้างหลังเพื่อพิงมัน

เธอคิดว่าเขาจะฆ่าเธอซะแล้ว!

หญิงสาวไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป จึงเดินไปที่ห้องจัดเลี้ยงทันที

หลังจากที่เธอออกไป ประตูห้องห้องน้ำหญิงก็ถูกผลักเปิดจากด้านใน และเซี่ยจื่ออี้ก็ออกมา

เธอมองไปยังทิศทางที่เซี่ยชิงหยวนออกไป และกำหมัดแน่น

เซี่ยชิงหยวน!

หลังงานเลี้ยง คนขับรถของบ้านเสิ่นขับรถพาพวกเขากลับบ้าน ส่วนฉู่ซิงอวี่หลังจากที่ดื่มแล้ว คนขับรถของตระกูลฉู่ก็มารับเขากลับไป

เมื่อรถจอดแล้วเสิ่นอี้โจวก็จับเซี่ยชิงหยวนที่ต้องการลงจากรถแล้วพูดว่า “เดี๋ยวก่อน”

จากนั้นเขาก็ลงจากประตูด้านข้างของเขาแล้วเดินอ้อมไปที่ประตูฝั่งเซี่ยชิงหยวนแล้วเปิดประตูให้เธอ

เขาเหยียดแขนพลันอุ้มเซี่ยชิงหยวนออกไป

คนขับไม่ได้มองไปด้านข้างและยังก้าวมาข้างหน้าสองก้าวเพื่อช่วยเปิดประตูให้กว้างที่สุดเพื่อพวกเขา “ท่านเลขาธิการและภรรยาค่อย ๆ เดินนะครับ”

เซี่ยชิงหยวนซุกศีรษะของเธอไว้ที่อกของเสิ่นอี้โจว ใบหน้าแดงก่ำอย่างเขินอาย “คนอื่นเขาเห็นหมดแล้ว”

เสิ่นอี้โจวหายใจอย่างสงบ “ลุงกวนเขาไม่พูดอะไรไร้สาระหรอก”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็อุ้มเซี่ยชิงหยวนเข้าบ้านไปพลางวางเธอบนโซฟา จากนั้นจึงเดินไปหยิบชุดปฐมพยาบาลมา

เขาคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วถอดรองเท้าให้เธอ “ผมจะทายาให้คุณนะ”

จากนั้นเซี่ยชิงหยวนก็เข้าใจแล้วที่เขาอุ้มเธอเข้ามา เป็นเพราะเขากังวลเรื่องส้นเท้าของเธอนี่เอง

หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นในก้นบึ้งของหัวใจ และยิ้มตอบ “ค่ะ”

เท้าเรียวขาวของเธอถูกยึดไว้ในฝ่ามือของเขา นิ้วเท้าเป็นมันเงาและน่ารัก แต่ส้นเท้าเป็นสีแดงช้ำและบวม

เมื่อเสิ่นอี้โจวทายาให้เธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

เมื่อมองดูคิ้วอันหล่อเหลาของเสิ่นอี้โจว เซี่ยชิงหยวนก็พูดว่า “อี้โจว มีบางอย่างที่ฉันอยากจะบอกคุณ”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท