กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 340 ลูกพี่ใหญ่แห่งเมืองกว่างโจวอยู่ที่ไหน

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 340 ลูกพี่ใหญ่แห่งเมืองกว่างโจวอยู่ที่ไหน?

บทที่ 340 ลูกพี่ใหญ่แห่งเมืองกว่างโจวอยู่ที่ไหน?

เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของฉีจิ่นจือ เซี่ยชิงหยวนก็ต้องการตะโกนขอความช่วยเหลือทันที

ลูกพี่ใหญ่แห่งเมืองกว่างโจวอยู่ที่ไหนแล้ว?

ทำไมถึงมองเธอแบบนี้?

เธอไม่ได้เป็นหนี้เขาสักหน่อยนะ!

หญิงสาวมองไปยังเสิ่นอี้โจวด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะมีชีวิตรอด

เสิ่นอี้โจวเลิกคิ้วและแววตาขบขันก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา

พูดตามตรง เซี่ยชิงหยวนต้องการตอบตกลงเพื่อที่จะได้กวนประสาทเซี่ยจื่ออี้

แต่ขณะเดียวกัน เธอก็กังวลว่าผู้ชายของตัวเองจะคิดมากเกินไป และกลัวว่าคนอื่นจะคิดมากเกินไปด้วย

สุดท้ายแล้ว ความตั้งใจเดิมต่อความปรารถนาดีแก่ฉีจิ่นจือก็คือการแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ และทดสอบความคิดของเขา

และบางสิ่งอาจซับซ้อนหากคุณทำมากเกินไป

เมื่อเธอกำลังจะปฏิเสธ เสิ่นอี้โจวก็พูดว่า “ตกลง”

เขาโอบเซี่ยชิงหยวนไว้ในอ้อมแขนแล้วพูดต่อ “บังเอิญว่าครอบครัวของผมกำลังจะเปิดร้านอาหารที่ถนนอาหารในอีกสองวันข้างหน้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ด้วย ทุกเช้าเราสามารถเอาอาหารมาให้นายน้อยฉีที่นี่ได้อยู่แล้วครับ”

หากไม่ใช่เพราะจะดูไม่เหมาะสม เซี่ยชิงหยวนคงอยากจะแคะหูตัวเอง

นี่เธอได้ยินถูกหรือเปล่า?

หรือเสิ่นอี้โจวเสียสติไปแล้ว?

ด้วยสีหน้าแข็งทื่ออย่างทนไม่ไหวของเซี่ยจื่ออี้ ฉีจิ่นจือยิ้มตอบให้เซี่ยชิงหยวน “ถ้าอย่างนั้นผมขอรบกวนคุณนายเสิ่นด้วยนะครับ”

เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าไม่เข้าใจชายสองคนนี้เลยจริง ๆ

แต่เมื่อมองเห็นสีหน้าที่ย่ำแย่ของเซี่ยจื่ออี้แล้ว เธอก็รู้สึกยินดีมาก

เธอพยักหน้า “ยินดีค่ะ”

หลังจากพูดแล้ว หญิงสาวก็มองเซี่ยจื่ออี้อย่างเยาะเย้ย

รู้สึกเป็นไงบ้างที่เห็นฉันทำแบบนี้?

ยิ่งต้องการชีวิตของฉันมากกว่าเดิมล่ะสิ?

เซี่ยชิงหยวนไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะทนได้หลังจากถูกเหยียบย่ำใบหน้าแบบนี้

สำหรับเซี่ยชิงหยวนแล้ว สิ่งที่เธอกลัวคือเซี่ยจื่ออี้สามารถทนมันได้

เพราะเธอแทบรอไม่ไหวที่จะจัดการกับเซี่ยจื่ออี้ให้แหลกคามือ

แน่นอนว่าในครั้งนี้เซี่ยจื่ออี้ทนอยู่ไม่ได้อีกต่อไป

ใบหน้าของเธอซีดขาว รีบเก็บข้าวของแล้วพูดว่า “ฉันมีงานต้องทำ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”

เธอเดินไปที่ประตูแล้วพูดกับฉีจิ่นจือว่า “จิ่นจือ พอว่างแล้วฉันจะมาเยี่ยมคุณใหม่อีกครั้งนะคะ”

ฉีจิ่นจือเพียงมองเซี่ยจื่ออี้จากไปเท่านั้น

ก่อนที่เขาจะพูดคำว่า ‘ไม่ต้องมาอีก’ เซี่ยจื่ออี้ก็เดินออกจากประตูไปแล้ว

เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวเองก็ไม่ได้รั้งอยู่อีกต่อไป พวกเขากล่าวคำอำลากับฉีจิ่นจือและออกจากห้องผู้ป่วย

เมื่อทั้งสองออกจากโรงพยาบาล เซี่ยชิงหยวนก็ถามเสิ่นอี้โจว “ทำไมคุณถึงเห็นด้วยกับฉีจิ่นจือล่ะ? เห็นได้ชัดว่าเขาแค่ล้อเล่นเอง”

เสิ่นอี้โจวบีบปลายจมูกของเธอเบา ๆ “ถ้าคุณไม่เข้าไปในถ้ำเสือ คุณจะจับลูกเสือได้ยังไง?”

เซี่ยชิงหยวนตกตะลึง ปรากฎว่าเสิ่นอี้โจวมีความคิดเดียวกับเธอสินะ

เธอแสร้งทำเป็นกลัวขึ้นมา “ถ้างั้นคุณต้องปกป้องฉันนะ”

เสิ่นอี้โจวยิ้ม “แน่นอนครับ”

เขาโอบภรรยาแล้วพูดว่า “ในส่วนของเรื่องอาหาร แค่ขอให้ป้าอู๋เตรียมและส่งไปให้ก็พอ”

เซี่ยชิงหยวน “… ”

คนขับรถจอดรถไว้หน้าโรงพยาบาล และเสิ่นอี้โจวก็เปิดประตูให้เธอ “คุณจะไปไหนต่อไหม? ผมจะพาคุณไปส่งที่นั่นเอง”

เซี่ยชิงหยวนตอบกลับ “ถนนอาหารค่ะ ฉันนัดกับอาจารย์ค่งไว้ วันนี้ร้านน่าจะตกแต่งเสร็จแล้วแหละ”

เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “เอาสิ ผมจะไปดูด้วย”

ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีเท่านั้นในการขับรถจากโรงพยาบาลไปยังถนนอาหาร

มันยากที่จะจอดรถในถนนเส้นข้างใน ดังนั้นเสิ่นอี้โจวจึงไม่ยอมให้คนขับพาเข้าไป

เขากับเซี่ยชิงหยวนลงจากรถแล้วเดินไป ทั้งสองกำลังเดินอยู่บนถนนอาหาร โดยเซี่ยชิงหยวนเกี่ยวนิ้วก้อยของเสิ่นอี้โจวและถามเขาด้วยรอยยิ้ม “พอฉันได้มาเดินบนถนนสายนี้กับคุณครั้งแรก ฉันยังไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะมาถึง”

เธอรู้สึกว่าตอนนั้นการเปิดร้านบนถนนอาหารเป็นสิ่งที่น่าทึ่งเป็นพิเศษ

แต่ใครจะรู้ว่าเธอไม่เพียงแต่เปิดร้านอาหารในถนนอาหารเท่านั้น แต่ยังเช่าสองร้านบนถนนหลินไห่ที่นึกไม่ถึงด้วยซ้ำ

เสิ่นอี้โจวใช้นิ้วก้อยเกี่ยวเธอกลับ “เราจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้”

เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “แน่นอน”

ทันทีที่ทั้งสองเดินไปถึงสุดถนนอาหาร พวกเขาก็เห็นร้านตรอกเก่าตั้งอยู่ด้านหน้า

มีป้ายไม้ห้อยอยู่ที่ประตู มีคำว่า ‘ตรอกเก่า’ เขียนด้วยปั๊มทองสะดุดตามาก

ผนังด้านนอกของร้านทำจากอิฐสีฟ้าเทา มีผ้าม่านเป็นแถวห้อยอยู่เหนือประตู หากมองใกล้ ๆ จะเห็นว่าคำว่า ‘ฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์’ และ ‘รสชาติที่แท้จริง’ ถักไว้บนผ้าม่าน

ข้างในมีตู้วางเรียงกันเป็นระเบียบ ตัวตู้ทำจากกระจกคุณภาพสูง มีความใสมากเข้ากันกับตู้สีลูกแพร์ได้ดี มีโต๊ะสี่เหลี่ยมสีแดงเข้มตัวเล็กและเก้าอี้สองตัวตั้งอยู่ข้าง ๆ กัน การผสมผสานและสไตล์ทั้งหมดสอดคล้องกับบรรยากาศพลุดอกไม้ไฟของร้านตรอกเก่ามาก

เมื่อเห็นร้านแบบนี้เป็นครั้งแรก ผู้คนก็อดไม่ได้ที่จะแวะเข้ามาดู

เซี่ยชิงหยวนเดินเข้าไปอย่างไม่รอช้า

อาจารย์ค่งบังเอิญอยู่ในร้านและกำลังสั่งให้คนงานของเขาทำการตรวจสอบขั้นสุดท้ายพอดี

เมื่อเห็นเสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนเข้ามาพร้อมกัน อาจารย์ค่งก็ประหลาดใจและพูดว่า “เลขาธิการเสิ่น คุณนายเสิ่น!”

เสิ่นอี้โจวพยักหน้ารับคำทักทาย

เซี่ยชิงหยวนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “อาจารย์ค่ง ฉันพอใจมากเลยค่ะ!”

อาจารย์ค่งยิ้มอย่างชอบใจ “ความพึงพอใจของลูกค้าคือการยืนยันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเราเลยครับ”

เขาแทบรอไม่ไหวที่จะแสดงผลงานของเขาให้กับเซี่ยชิงหยวนได้เห็น “เราทำตามความต้องการของคุณทั้งหมด มีพื้นที่เหลืออยู่ด้านหลังตู้ด้วย คุณสามารถย้ายเก้าอี้พับมาที่นี่เพื่อพักผ่อนตอนเที่ยงได้ด้วยนะ”

จากนั้นเขาก็พาเซี่ยชิงหยวนไปดูห้องครัว “ที่นี่มีพื้นที่ประมาณเจ็ดหรือแปดตารางเมตร คุณสามารถเปลี่ยนมันเป็นห้องครัวเล็ก ๆ ได้ สะดวกในการล้างสิ่งของหรือทำอาหารเองในทุกวัน”

จากนั้นเขาชี้ไปที่ช่องเล็ก ๆ “ส่วนน้ำจะถูกระบายออกทางนี้ เพราะงั้นจะไม่มีปัญหากับเรื่องการระบายน้ำแน่นอนครับ”

มุมปากของเซี่ยชิงหยวนยกสูงขึ้น สิ่งที่เธอทำได้คือพยักหน้าและยกนิ้วให้อาจารย์ค่ง “ดีมาก ดีมากเลยค่ะ”

เสิ่นอี้โจวติดตาม พลางสังเกตไปรอบ ๆ และพอใจมาก “อย่างที่คิดเลย การขอให้อาจารย์ค่งมาช่วยตกแต่งร้านเล็ก ๆ แบบนี้มันออกจะเกินไปหน่อยแหะ”

อาจารย์ค่งรีบโบกมือทันทีที่ได้ยิน “ไม่ใช่หรอกๆ ผมไม่กล้ารับคำชมขนาดนี้หรอกครับ ผมแค่อาศัยฝีมือเพื่อหาเลี้ยงชีพเท่านั้นเอง”

จากนั้นเขาก็พูดกับเซี่ยชิงหยวน “คุณนายเสิ่น หากคุณตรวจสอบร้านและเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถยอมรับงานได้เลยเพื่อให้การทำร้านนี้เสร็จสิ้นนะครับ และถ้าหากคุณต้องการวางแผนหรือเตรียมการใด ๆ ไว้ คุณต้องปล่อยให้แห้งอีกหนึ่งวันก่อน แล้วพรุ่งนี้ก็เริ่มแผนของคุณต่อได้เลย”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ได้เลยค่ะ ฉันจะให้คนมาทำความสะอาดอีกครั้งในวันพรุ่งนี้แล้วกันค่ะ”

อันที่จริงอาจารย์ค่งและคนงานได้กำจัดขยะและสิ่งของอื่น ๆ ในร้านที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ออกไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดอะไรมากมาย ที่ต้องทำก็มีแค่เช็ดฝุ่นนิดหน่อยและเคลื่อนย้ายเครื่องมือที่ต้องการใช้เข้าร้านก็พอ

เซี่ยชิงหยวนยิ้มให้อาจารย์ค่ง “อาจารย์ค่งคะ เช้านี้ถ้าคุณว่างลองไปที่ร้านบนถนนหลินไห่เพื่อดูกับเราไหมคะ?”

วันนี้เป็นวันที่เธอตกลงที่จะจ่ายค่าเช่า ดังนั้นมันจะดีมากถ้าอาจารย์ค่งไปดูด้วยกันเลย

เมื่อเซี่ยชิงหยวนคิดถึงร้านที่เธอจะเปิดในอนาคต หัวใจของหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น

อาจารย์ค่งตอบทันที “ไม่มีปัญหา”

ดังนั้นพวกเขาจึงไปที่ถนนหลินไห่ด้วยกัน

แต่เสิ่นอี้โจวไม่ได้ติดตามพวกเขาอีกต่อไป และกลับไปที่สำนักงานมณฑล

เมื่อเซี่ยชิงหยวนและอาจารย์ค่งไปถึง เจ้าของร้านก็รออยู่ที่ประตูแล้ว

เจ้าของร้านกำลังมองไปทั้งซ้ายและขวา จากนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นเมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน

เขายิ้มและพูดว่า “คุณเซี่ย ในที่สุดคุณก็มาแล้ว”

เซี่ยชิงหยวนไม่ได้บอกตัวตนของเธอกับเขา เธอเพียงเขียนชื่อของตัวเองตอนเซ็นสัญญาเท่านั้น เจ้าของร้านจึงเรียกเธอว่า ‘คุณเซี่ย’

เซี่ยชิงหยวนยิ้มและตอบว่า “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณชิว”

จากนั้นเธอแนะนำอาจารย์ค่งให้รู้จักกับเจ้าของร้าน “นี่คืออาจารย์รับเหมาที่ฉันจ้างให้ช่วยตกแต่งร้านค่ะ แซ่ของเขาคือค่งค่ะ”

คนที่เช่าร้านใหม่แทบทั้งหมดจะปรับปรุงร้านใหม่ก่อนจะย้ายเข้า เจ้าของร้านเข้าใจเรื่องนี้ดีและทักทาย “อาจารย์ค่ง!”

ถึงเขาจะชอบเงิน แต่ก็ยังเป็นคนที่รักษาคำพูดเสมอ

หลังจากเซ็นสัญญากับเซี่ยชิงหยวนในวันนั้นแล้วก็มีหลายคนมาถามเกี่ยวกับการเช่าร้านเช่นกัน

เขาปฏิเสธโดยไม่ถามราคาที่อีกฝ่ายเสนอให้ด้วยซ้ำ

ตอนนี้เมื่อเขาเห็นเซี่ยชิงหยวนมาตามที่สัญญาไว้ เขารู้สึกโล่งใจมากขึ้นที่ไม่ได้มองคนผิดไป

เซี่ยชิงหยวนจ่ายค่าเช่าทันทีและพูดกับเจ้าของร้านว่า “คุณชิวคะ ฉันอยากจะทุบกำแพงเพื่อเชื่อมสองร้านนี้ ฉันทำได้ไหมคะ?”

“ทุบกำแพงเชื่อมร้านเหรอ?” เจ้าของร้านขมวดคิ้วทันที และไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง

บทที่ 335 เซี่ยชิงหยวนโกรธ

บทที่ 335 เซี่ยชิงหยวนโกรธ

หลิงหลินและฉู่ซิงอวี่เดินตามหลังไป พอได้ฟังคำพูดของเซี่ยชิงหยวน ทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะสนใจ

เธอถามฉู่ซิงอวี่ว่า “คุณนายเสิ่นเป็นแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ?”

“ฮะ?” ฉู่ซิงอวี่ไม่รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร

หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “เธอเป็นคนอิสระง่าย ๆ มาโดยตลอดนั่นแหละ”

หลิงหลินเห็นรอยยิ้มและความซาบซึ้งบนใบหน้าของเขา จึงพูดว่า “โอ้ พี่ถึงขนาดชื่นชมเธอขนาดนี้เลยแฮะ”

ฉู่ซิงอวี่ไม่ได้รู้สึกเขินอายเลยที่ถูกหลิงหลินจับได้แบบนี้

เขายิ้มกลับ “พี่ติดตามเลขาธิการเสิ่นอยู่ตลอดและมีการติดต่อกับคุณนายเสิ่นเป็นครั้งคราว มีบางอย่างที่ควรค่าแก่การชื่นชมเกี่ยวกับภรรยาของเลขาธิการเสิ่น ดังนั้นก็เป็นเรื่องปกติที่พี่จะยกย่องเธอนะ”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ ด้วยท่าทางตรงไปตรงมาโดยไม่คิดอะไรเลยแม้แต่น้อย

หลิงหลินพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อได้ยิน และยกนิ้วให้เขา “ถูกต้องเลย”

เธอมองไปยังแผ่นหลังอันเรียวยาวของเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “นิสัยของเธอถูกใจฉันมาก หลังจากนี้ฉันจะต้องทำความรู้จักกับเธอแล้วสิ”

ฉู่ซิงอวี่ยิ้มและตอบกลับ “คุณนายเสิ่นก็คงจะชอบเธอเหมือนกันนะ”

หลังจากเรื่องราวจบลงแล้ว ทุกคนก็ตกลงกันโดยปริยายว่าจะไม่พูดถึงมันอีก

หลังจากเดินไปรอบ ๆ ภูเขาฉีหยวน หรือที่เรียกว่าการตรวจสอบสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของสาธารณะและประชาชน ทุกคนก็กลับไปที่ทะเลสาบ ตกปลา และพูดคุยกัน

ด้วยการปลอบโยนของเซี่ยชิงหยวน ตอนนี้เสิ่นอี้หลินอารมณ์ดีขึ้นมาก และเริ่มเล่นกับเด็ก ๆ ที่ข้าราชการคนอื่นพามาแล้ว

เมื่อไม่มีเฉินหลี่ เซี่ยชิงหยวนก็เข้ากันได้ดีกับภรรยาของเจ้าหน้าที่หลายคน

แน่นอน หากคุณเมินเฉยคำพูดของเซี่ยจื่ออี้ที่พยายามมุ่งเป้ามาที่เธอโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจน่ะนะ

แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังยิ้มด้วยสีหน้าอ่อนโยน ทำให้จับความผิดปกติของหญิงสาวไม่ได้เลย

ในระยะไกล เสิ่นอี้หลินและคนอื่น ๆ กำลังล้อมรอบวัวตัวหนึ่งอยู่ ชายชราที่เลี้ยงวัวมองดูพวกเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

พวกเด็ก ๆ สลับกันผลักกันไปมา และพูดอะไรบางอย่างไปด้วย

เซี่ยชิงหยวนเข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูด เพราะเด็ก ๆ กำลังคุยกันว่าใครจะเป็นคนขี่วัว

การขี่วัวเป็นเรื่องธรรมดามากในพื้นที่ชนบท

ตอนที่เธอยังเด็ก มีครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านที่เลี้ยงวัวบนภูเขา เซี่ยจิ่งเฉินถึงกับอุ้มเซี่ยชิงหยวนไปไว้บนหลังวัวเพื่อแกล้งกัน

เมื่อวัวเคลื่อนตัวไปทีละก้าว เธอก็เด้งไปบนหลังมัน ตอนนั้นเธอยังเด็กกลัวมากจนไม่กล้าร้องไห้ เพราะกลัวจะทำให้วัวตกใจและวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งไปทั้งที่ยังอยู่บนหลังของมัน

โชคดีที่วัวนั้นเชื่องจึงไม่เป็นอันตราย

ต่อมาเซี่ยจิ่งเฉินก็เข้ามาใกล้ และพาเธอลงจากหลังวัว

เซี่ยชิงหยวนมีความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ

ดังนั้นเมื่อเธอสังเกตเห็นความตั้งใจของเสิ่นอี้หลิน หญิงสาวก็เดินเข้าไปทันที

เซี่ยชิงหยวนถาม “อี้หลิน นายจะขี่วัวไม่ได้นะ มันอันตรายเกินไป”

ยกเว้นเสิ่นอี้หลิน เด็กคนอื่น ๆ ได้รับการเลี้ยงดูอย่างเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เล็ก หากเกิดอะไรขึ้น พวกเธอไม่สามารถรับผิดชอบได้จริง ๆ

เดิมทีเสิ่นอี้หลินรู้สึกตื่นเต้นมาก

ครอบครัวของเขาเคยยากจนเกินกว่าจะซื้อวัวได้ เขาจึงมักโลภวัวของคนอื่น

หากเขาสามารถปีนขึ้นไปบนหลังวัวแล้วนั่งบนหลังวัวได้ มันคงจะน่าประทับใจมากไม่น้อย

แต่ตอนนี้เขาอายุเกือบเจ็ดขวบแล้ว และครูที่โรงเรียนก็สอนให้เขารู้แล้วว่าคนเราไม่ควรทำสิ่งที่เสี่ยงอันตราย

ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ผมรู้แล้วครับพี่สะใภ้”

เซี่ยชิงหยวนตบไล่เด็กชายอย่างมั่นใจเมื่อเห็นแบบนี้ “พวกนายสนุกกันต่อเถอะ พี่จะเอาอาหารอร่อย ๆ มาให้นะ”

เมื่อเช้านี้ตอนที่ขับรถออกมาจากจากเมือง เซี่ยชิงหยวนบอกให้เสิ่นอี้โจวแวะซื้อขนมระหว่างทางโดยบอกว่าจะเอาไว้ให้อี้หลินกินขณะเล่นอยู่ข้างนอก

เสิ่นอี้หลินตอบอย่างมีความสุข “ขอบคุณครับพี่สะใภ้!”

เซี่ยชิงหยวนกลับไปที่รถและหยิบขนมออกมา

เมื่อเดินกลับมา เธอบังเอิญเห็นเซี่ยจื่ออี้พูดอะไรบางอย่างกับเด็กคนหนึ่ง และเด็กคนนั้นก็วิ่งกลับมาด้วยรอยยิ้มพลางมองดูวัวกับทุกคน

ดวงตาของเซี่ยจื่ออี้และเซี่ยชิงหยวนสบกันพอดี

เซี่ยจื่ออี้ยิ้มให้เธอ พลางพยักหน้าแล้วเดินจากไป

ในใจของเซี่ยชิงหยวนพลันรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา

เธอเดินไปหาเด็ก ๆ อย่างรวดเร็ว แต่พอเธอเดินผ่านเจ้าหน้าที่หญิงหลายคน หนึ่งในนั้นก็หยุดเธอไว้ก่อน

เซี่ยชิงหยวนถูกรั้งไว้ให้ต้องพูดคุยสองสามคำ แบ่งขนมให้คนอื่น ๆ และก้าวไปทางเด็ก ๆ ด้วยความกังวลอย่างอธิบายไม่ถูก

เมื่อเธออยู่ห่างจากเด็ก ๆ สักสี่สิบหรือห้าสิบเมตร เด็ก ๆ ก็อุทานออกมาทันที

เซี่ยชิงหยวนมองดู เห็นว่าเป็นวัวตัวที่ก้มหัวลงและกินหญ้าเมื่อกี้นี้ จู่ ๆ มันก็วิ่งปรี่เข้าไปหาพวกเด็ก ๆ ราวกับว่ามันถูกกระตุ้น

ชายชราเลี้ยงวัวรีบดึงเชือกอย่างรวดเร็ว แต่ความเร็วของเขาเทียบไม่ได้กับวัวที่ถูกกระตุ้น และไม่สามารถจับเชือกไว้ได้ทัน

เด็กหลายคนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและหนีไปด้วยความตื่นตระหนก

เดิมทีเสิ่นอี้หลินวิ่งหนีไปพร้อมกับเด็ก ๆ แต่แล้วเขาก็เห็นเด็กผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดในหมู่พวกเขาข้อเท้าพลิกขณะวิ่งหนี และนอนร้องไห้อยู่บนพื้น

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นสวมแจ็กเกตบุผ้าฝ้ายลายดอกไม้สีแดงสด เสียงร้องของเธอดังและสะดุดตาอย่างมาก

ความลังเลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสิ่นอี้หลิน แต่ในที่สุดเขาก็กัดฟันและวิ่งไปหาเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้น

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ตกใจมากจนเธอวิ่งไปหาพวกเขาทันที

เมื่อผู้ใหญ่รอบ ๆ สังเกตเห็นสถานการณ์เช่นกัน และรีบวิ่งมา

นอกเหนือจากเซี่ยชิงหยวนแล้ว คนที่วิ่งเร็วที่สุดในหมู่พวกเขายังมีสามคนได้แก่ เสิ่นอี้โจว ฉู่ซิงอวี่ และฉีจิ่นจือที่ไม่รู้ว่าวิ่งมาจากที่ไหน

เมื่อเซี่ยชิงหยวนวิ่งไปข้างหน้า เสิ่นอี้หลินก็ใช้ร่างเล็ก ๆ ของเขาปกป้องเด็กหญิงตัวเล็กคนนั้น และวัวแก่ตัวนั้นก็วิ่งไปถึงข้างหน้าเขาแล้ว

สายเกินไปที่จะหลบหนี!

เซี่ยชิงหยวนรีบวิ่งเข้าไปกอดเด็กทั้งสองไว้ในอ้อมแขนของเธอโดยไม่ลังเล โดยหันหลังให้กับวัวแก่ตัวนั้น

วัวแก่หายใจแรงจากรูจมูกใหญ่ทั้งสอง มันลดศีรษะลง กดเขาเตรียมจะแทงใส่เซี่ยชิงหยวนและทุกคนที่อยู่ข้างหน้า

ทุกคนตกใจมากจนกลั้นหายใจ ผู้หญิงบางคนถึงกับปิดตาและไม่กล้ามอง

แม่ของเด็กหญิงตัวน้อยกรีดร้อง “ไม่นะ!” จากนั้นดวงตาของเธอก็มืดลง และร่างของเธอก็ล้มลงกับพื้น

เซี่ยจื่ออี้เฝ้าดูจากระยะไกลพร้อมกับเยาะเย้ยที่มุมปากของเธอโดยที่ไม่มีใครมองเห็น

ในดวงตามีความบ้าคลั่งและร่างกายของเธอก็สั่นเทาด้วยความตื่นเต้น

แต่ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ มีร่างหนึ่งโฉบเข้ามาแล้วกระโดดไปหาเซี่ยชิงหยวนจากด้านข้าง และด้วยแรงกระแทกนี้ เขาพยายามพาทั้งสามคนกลิ้งไปด้านข้างแทน

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สายเกินไป

ขณะที่ชายคนนั้นกระโจนเข้าใส่เซี่ยชิงหยวน เขาของวัวแก่ก็แทงมาข้างหน้าแล้ว

ในขณะนี้เสิ่นอี้โจว ตามหลังอยู่หนึ่งก้าวก็คว้าสายบังเหียนของวัวแก่ได้ และใช้กำลังทั้งหมดเพื่อลากวัวแก่ไปข้างหลัง

ฉู่ซิงอวี่มาถึง ก็ช่วยเสิ่นอี้โจวลากวัวแก่ไปข้างหลัง

ชายชราตอบสนองเช่นกัน และก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบวัวแก่ที่กำลังคลั่ง

เหตุการณ์นั้นเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย…

เซี่ยชิงหยวนหลับตาลงแน่น แต่ความเจ็บปวดที่เธอจินตนาการไว้กลับไม่เกิดขึ้น

กลิ่นจาง ๆ ของคนแปลกหน้าเข้ามาในรูจมูกของเธอ และเสียงหายใจหนัก ๆ ก็ดังอยู่ข้างหู หลังจากวัวแก่ถูกลากไป ชายบนร่างของเธอก็ส่งเสียงครวญครางเช่นกัน

นั่นก็คือฉีจิ่นจือ!

คนที่อยู่ด้านข้างรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนที่ลากวัวก็ส่งเสียงตะโกน และยังมีคนอื่น ๆ ที่ยุ่งอยู่กับการช่วยเหลือพวกเธอเช่นกัน

น้ำหนักบนร่างกายของเธอเบาลง และฉีจิ่นจือซึ่งอยู่ด้านบนก็ได้รับการช่วยเหลือขึ้นไปก่อน

ใบหน้าของเขาซีดขาวพลางจับหน้าท้องของตัวเอง และไม่สามารถยืนตัวตรงได้

ร่างกายของเซี่ยชิงหยวนยังคงสั่นเทา เด็กสองคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอไม่มีเสียงใด ๆ และกอดติดกับเธอแนบแน่น

วัวแก่ยังคงส่งเสียงร้องอยู่ และมีเสียงดังไปทั่ว

จากนั้นทุกคนอุทานว่า “วัวตัวนี้บ้าไปแล้ว!”

ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น แล้วทุกอย่างก็เงียบลง

เซี่ยชิงหยวนได้ยินเสียงดังก้องอยู่ในหูของเธอครู่หนึ่ง

หญิงสาวหันกลับไปอย่างว่างเปล่า และเห็นวัวแก่นอนอยู่ในบ่อเลือดห่างจากเธอไปสองหรือสามเมตรเท่านั้น

ดวงตาของมันเบิกกว้างและชัดเจน มองมายังทิศทางของเซี่ยชิงหยวน

จมูกของมันยังคงหอบ แต่ลมหายใจเริ่มอ่อนลงเรื่อย ๆ

ท้องของมันพองและยุบ แต่ความเร็วของจังหวะช้าลง

เซี่ยชิงหยวนเห็นน้ำตาในดวงตาของมันไหลออกมาอย่างชัดเจน

เธอรู้ว่ามันกำลังจะตาย

เซี่ยชิงหยวนรู้สึกทั้งเศร้าและโกรธ และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมองเซี่ยจื่ออี้ด้วยความเกลียดชัง!

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท