บทที่ 351 เสแสร้งมาหลายปี
บทที่ 351 เสแสร้งมาหลายปี
เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เซี่ยจื่ออี้และเหยาเป่ยเซิงสะดุ้งตกใจ
ทั้งสองรีบมองไปที่ประตู เห็นฉินซูอวี้ยืนอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว และจ้องมองมาที่ทั้งสอง
เซี่ยจื่ออี้เป็นคนแรกที่ตอบสนอง
เธอรีบขจัดความตื่นตระหนก ยืนตัวตรงและก้าวห่างจากเหยาเป่ยเซิง พลางพูดด้วยรอยยิ้ม “ซูอวี้ ทำไมเธอถึงมาที่นี่เหรอ?”
เหยาเป่ยเซิงไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะเจอกับฉินซูอวี้ที่นี่ และเขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาชั่วครู่หนึ่ง แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืน
ชายหนุ่มยืดอก และมองดูเธออย่างเฉยเมย
ฉินซูอวี้มองดูการแสดงออกที่ไร้เดียงสาของเซี่ยจื่ออี้อีกครั้งราวกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติ และท่าทางที่ไม่แยแสของเหยาเป่ยเซิง จากนั้นความโกรธในใจของเธอก็ไม่สามารถระงับได้อีกต่อไป
เธอก้าวไปข้างหน้าและตบหน้าเซี่ยจื่ออี้ “นังสารเลว!”
เสียง ‘เพียะ!’ นั้นดังสนั่น และความรุนแรงของการตบก็ทำให้เซี่ยจื่ออี้ล้มลงไปที่ข้างโต๊ะทันที
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนตื่นตัว รวมถึงเซี่ยจื่ออี้เองด้วยเช่นกัน
คนอื่น ๆ ในสำนักงานอ้าปากค้าง และจ้องมองทั้งสองด้วยดวงตาเบิกกว้าง
เซี่ยจื่ออี้ปิดหน้าและน้ำตาก็ร่วงหล่นอย่างรวดเร็ว ผมของเธอยุ่งเหยิง ซึ่งทำให้ดูน่าสงสารยิ่งขึ้น ไม่ว่าใครก็รู้สึกสงสารเธอ
หญิงสาวเม้มริมฝีปากอย่างโศกเศร้าและไร้เดียงสา “ซูอวี้ เธอเป็นอะไรไป?”
นังนี่ยังกล้าแสดงละครอยู่อีกเหรอหะ!
ฉินซูอวี้ยกมือขึ้นและเล็งไปที่ใบหน้าอีกด้านของเซี่ยจื่ออี้เพื่อตบอีกครั้ง
เหยาเป่ยเซิงยืนเฉยต่อไม่ได้ และคว้าข้อมือของฉินซูอวี้ไว้ “ฉินซูอวี้! นี่เธอทำบ้าอะไร!?”
ทุกคนในสำนักงานเริ่มรวมตัวกัน ยืนอยู่หน้าเซี่ยจื่ออี้เพื่อปกป้องและมองดูฉินซูอวี้อย่างตั้งรับ
มือของฉินซูอวี้ถูกเหยาเป่ยเซิงบีบอย่างเจ็บปวด เธอขมวดคิ้วและพยายามจะสลัดมือของเขาออก แต่เขากลับจับเธอไว้แน่นขึ้นเรื่อย ๆ
เธอตวาดเสียงดังลั่น “เหยาเป่ยเซิง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
เหยาเป่ยเซิงหันหน้าไปด้านข้างและยืนอยู่ตรงหน้าฉินซูอวี้ “จู่ ๆ เธอก็ปรี่เข้ามาตบคนอื่นอย่างกับอันธพาล เธอเป็นบ้าอะไร? ฉันไม่คิดเลยนะว่าแม้จะผ่านไปหลายปีเธอก็ยังเป็นเหมือนเมื่อก่อน ทั้งหยิ่งยโสและไร้เหตุผล!”
คำพูดของเหยาเป่ยเซิงไม่สุภาพเลย และเขาก็ปล่อยมือเธอก่อนจะก้าวเข้ามาเผชิญหน้าอย่างเต็มตัว
ฉินซูอวี้โกรธมากอยู่แล้ว แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ความโกรธของเธอก็พุ่งไปเกินจุดสูงสุด
ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ในใจของเธอเมื่อได้เห็นเหยาเป่ยเซิงอีกครั้งหายไปในพริบตา หญิงสาวตะโกนใส่เหยาเป่ยเซิง “ฉันเนี่ยนะตบเธออย่างอันธพาล? นายนี่มันปกป้องเธออย่างหน้ามืดตามัวเหมือนเมื่อก่อนจริง ๆ! ทำไมนายไม่ถามเธอเองล่ะว่าแอบทำอะไรน่าละอายไว้ลับหลังนายบ้าง?”
เธอชี้ไปที่เหยาเป่ยเซิงและเซี่ยจื่ออี้ “พวกเธอสองคนมันทำให้ฉันรู้สึกคลื่นไส้จริง ๆ!”
สมองของเซี่ยจื่ออี้ทำงานอย่างรวดเร็ว เธอคิดถึงความเป็นไปได้ที่น่าตกใจที่สุดแต่แล้วก็พยายามปฏิเสธมัน
เป็นไปไม่ได้! เฉินหลี่เป็นคนลงมือทำเรื่องพวกนั้นเอง เพราะงั้นไม่ว่าใครจะตรวจสอบมากแค่ไหน มันก็ไม่มีวันค้นพบได้ว่าเป็นเธอ!
เซี่ยจื่ออี้พยายามตะโกนโต้แย้ง “ซูอวี้ เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ถ้าเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ฉันสามารถอธิบายได้นะ”
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือพาฉินซูอวี้ออกไปจากที่นี่ก่อน
ไม่อย่างนั้นเพื่อนร่วมงานของแผนกอื่นจะได้ยินเสียงความโกลาหลนี้ และจะมีผู้คนมามุงดูมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อเธอมากหากคำพูดแพร่กระจายออกไป
“จื่ออี้ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้เธอฟังหรอก” ใบหน้าของเหยาเป่ยเซิงเปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง “เธอกับฉันบริสุทธิ์ใจ เรายังจะต้องอธิบายอะไรอีกล่ะ?”
แม้เขาจะคิดในใจว่าเซี่ยจื่ออี้อาจมีปัญหาอะไรบางอย่าง แต่สำหรับเขาในตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมรับ
ชายหนุ่มมองดูฉินซูอวี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ “ฉันคิดว่าเธอก็แค่ไม่มีเหตุผลเท่านั้นแหละ!”
เพื่อปกป้องเซี่ยจื่ออี้ เหยาเป่ยเซิงพูดจาโจมตีเธอเรื่อย ๆ แล้วฉินซูอวี้จะอดกลั้นได้ยังไง?
ดวงตาของเธอแดงก่ำ และน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ก็เช็ดมันออกไปอย่างดื้อรั้น
เธอเยาะเย้ยและพูดว่า “เหอะ นายเนี่ยนะบริสุทธิ์? ท่าทางที่พวกนายอยู่ใกล้กันเมื่อกี้นี้ และการมองหน้ากันแบบนั้น มันอย่างกับพร้อมที่จะไปขึ้นเตียงกันอยู่แล้ว!”
เธอนึกย้อนไปถึงเรื่องของเซี่ยชิงหยวน และรู้สึกว่าบางอย่างในใจมันชัดเจนมากขึ้น “และเธอ! เธอใส่ร้ายฉันที่แพร่ข่าวลือเพียงเพื่อจะได้คุยกับเหยาเป่ยเซิงใช่ไหม!?”
“ซูอวี้!”
“ฉินซูอวี้!”
เซี่ยจื่ออี้และเหยาเป่ยเซิงแทบจะหยุดเธอในเวลาเดียวกัน
สีหน้าของเพื่อนร่วมงานในสำนักงานมีความซับซ้อนทันที
ในความเป็นจริง เซี่ยจื่ออี้มักจะเข้ากับทุกคนได้ดีเสมอ แม้แต่กับเพื่อนร่วมงานผู้ชายก็ตาม
เธอเพิ่งจะหารือถึงปัญหาบางอย่างกับเหยาเป่ยเซิง และมักจะทำแบบเดียวกันกับเพื่อนร่วมงานชายคนอื่น ๆ ด้วยโดยไม่มีความแตกต่าง
ดังนั้นเพื่อนร่วมงานชายคนอื่นจึงไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาอะไร
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสีหน้าของพวกเพื่อนร่วมงานชายแล้ว สีหน้าของพวกเพื่อนร่วมงานหญิงนั้นดูเข้าใจมากกว่า
ไม่ว่าเซี่ยจื่ออี้จะเป็นมิตรสักแค่ไหน แต่สำหรับผู้หญิงเหมือนกัน พวกเธอย่อมไม่ชอบที่จะเห็นเพศเดียวกันและเพศตรงข้ามสนิทสนมกันโดยไม่มีเหตุผล
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม พ่อของเซี่ยจื่ออี้คือเซี่ยเจิ้ง และพวกเธอก็ยังไม่พบปัญหาอะไร นอกจากนี้พวกเธอมักจะได้รับความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเซี่ยจื่ออี้ด้วย ดังนั้นพวกเธอจึงเงียบไป
แต่หลังจากสิ่งที่ฉินซูอวี้พูดในวันนี้ ความคิดที่ทุกคนเมินเฉยไปก่อนหน้านี้มันกลับมาอีกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่พูดนั้นเป็นฉินซูอวี้ ซึ่งก็คือเพื่อนที่สนิทที่สุดของเซี่ยจื่ออี้ ดังนั้นมันจะเป็นเรื่องโกหกได้ยังไงล่ะ?
เมื่อเชื่อมโยงกับข่าวลือเกี่ยวกับเซี่ยจื่ออี้และฉินซูอวี้ที่พวกเขาได้ยินในช่วงสองวันที่ผ่านมา หลายคนที่ยืนปกป้องอยู่ตรงหน้าเซี่ยจื่ออี้ก็เริ่มสั่นไหว
เมื่อเห็นว่ามีคนจากนอกสำนักงานเดินมาดูเพิ่มอีกสองสามคนที่ประตู เซี่ยจื่ออี้ก็รู้ว่าเธอไม่สามารถปล่อยให้สถานการณ์นี้ดำเนินต่อไปได้แล้ว
เธอก้าวเข้าหาและจับมือของฉินซูอวี้ “ซูอวี้ ต้องมีความเข้าใจผิดบางอย่างแน่ ๆ เราออกไปคุยกันข้างนอกได้ไหม?”
เซี่ยจื่ออี้มองด้วยสายตาขอร้องอ้อนวอน
ทุกครั้งที่เกลี้ยกล่อมฉินซูอวี้ เธอจะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแบบนี้เสมอ
แต่คราวนี้ฉินซูอวี้ไม่หลงกลอีกต่อไปแล้ว
ฉินซูอวี้สะบัดมือของเซี่ยจื่ออี้ออกไป มองด้วยความรังเกียจและรำคาญ “เวลานี้เธอก็ยังคงแสร้งทำเป็นใสซื่อเหมือนเดิมอยู่อีกเหรอเนี่ย? ถ้าเธอไม่มีความคิดแอบแฝงอะไรในใจจริง ๆ ทำไมเธอไม่บอกฉันเรื่องที่เหยาเป่ยเซิงกลับมาล่ะ? เธอรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าฉันชอบเขา นี่เธอคงต้องการจะล่อลวงเขาเองใช่ไหม?”
“สิ่งที่เธอทำในตอนนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าสุนัขกินอึตัวเองหรอก!”
“และยังมีไอ้เรื่องของเซี่ยชิงหยวนที่ไม่สามารถมีลูกได้อีก! เรื่องนั้นเธอเป็นคนบอกฉันเอง และฉันก็เก็บมันไว้เป็นความลับอยู่ตลอด แต่ตอนนี้เธอกลับมาปล่อยข่าวเองแล้วมาใส่ร้ายฉันงั้นเหรอ? ช่างเป็นแผนการที่ต่ำช้าที่สุด!”
“ฉันก็ว่าอยู่ว่าทำไมตั้งแต่เด็ก ตราบใดที่มีคนที่ดีกว่าเธอโผล่ขึ้นมา จู่ ๆ พวกเขามักจะต้องสูญเสียชื่อเสียงเพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่าง ๆ มากมาย ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเธอเองสินะ ที่วางแผนชั่วใส่คนพวกนั้นทั้งหมด!”
“เซี่ยจื่ออี้ เธอเสแสร้งเป็นคนดีมาหลายปีขนาดนี้แล้วไม่รู้สึกรังเกียจตัวเองเลยรึไง?”
สำหรับเซี่ยจื่ออี้แล้ว ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่น่าอับอายที่สุดในชีวิต มันเหมือนกับการที่เธอสวมหน้ากากมาหลายปี ถูกเปิดเผยต่อหน้าคนอื่น ๆ
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดเลยว่าฉินซูอวี้จะใช้เหตุการณ์แตกหักนี้เปิดเผยเรื่องในอดีต
เธอสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสายตาของคนอื่นที่มองมา ซึ่งพวกเขาน่าจะเชื่อคำพูดของฉินซูอวี้ไปซะแล้ว
เพราะไม่ว่าใครจะพูดอะไร มันก็ไม่มีน้ำหนักเมื่อเทียบกับคำพูดของคนที่สนิทกับเธอมากที่สุดอย่างฉินซูอวี้
ไม่ได้ เธอจะยอมรับง่าย ๆ ไม่ได้ เธอต้องไม่ยอมรับมัน!
ภาพลักษณ์ของฉินซูอวี้ต่อทุกคนนั้นมีแต่ความเย่อหยิ่งและร้ายกาจมาโดยตลอด ตราบใดที่เธอยืนยันปฏิเสธ คนอื่น ๆ ก็จะคิดว่าฉินซูอวี้กำลังสร้างปัญหาเพียงฝ่ายเดียว
ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลอาบแก้มของเซี่ยจื่ออี้
เธอก้าวไปข้างหน้าเพื่อคว้ามือของฉินซูอวี้เอาไว้ ทั้งยังทำท่าทางอดทนและวิงวอน “ซูอวี้ เธอเข้าใจฉันผิดจริง ๆ นะ ต้องมีใครสักคนจงใจทำลายความสัมพันธ์ของเรา และทำให้เธอเข้าใจผิดแน่ เธออย่า…ว้าย!”
“อย่ามาแตะต้องฉัน!” ฉินซูอวี้รู้สึกว่าท้องไส้พลันปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อถูกเซี่ยจื่ออี้สัมผัส
เธอไม่สุภาพเลย และผลักเซี่ยจื่ออี้ออกไปอย่างแรง
เซี่ยจื่ออี้ล้มลงกับพื้น หน้าผากของเธอกระแทกมุมโต๊ะจนมีเสียงดัง ‘ตึง’
ทันใดนั้นเสียง ‘เพียะ’ ก็ดังตามมา
และเป็นเหยาเป่ยเซิงที่อดไม่ได้จนตบฉินซูอวี้
เขาจ้องมองด้วยความโกรธเคือง “ฉินซูอวี้ พอได้แล้ว!”
บทที่ 345 ไปพบแพทย์
บทที่ 345 ไปพบแพทย์
คุณนายหยวนถอนหายใจ “ใช่ค่ะ ทั้งสองคนก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วแหละ ซูอวี้มีนิสัยเอาแต่ใจและจื่ออี้ก็ดูเรียบร้อยใจเย็น ทุกครั้งที่มีปัญหา จื่ออี้จะเป็นคนที่เกลี้ยกล่อมเธอเสมอ”
จริงเหรอ?
มุมปากของเซี่ยชิงหยวนโค้งขึ้น และคุณนายหยวนพูดต่อ “ทั้งสองมีบุคลิกที่แตกต่างกันมาก และยังมีความแตกต่างในทุกด้าน เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริง ๆ ที่ทั้งสองคนยังมีความสัมพันธ์ที่ดีมานานขนาดนี้”
คุณนายหยวนไม่ได้สังเกตท่าทางของเซี่ยชิงหยวนเลยว่ากำลังพยายามหลอกให้เธอพูดออกมาโดยทำให้เหมือนเป็นการพูดคุยทั่วไป “แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความขัดแย้งกันเลยนะ มันเป็นเพียงแค่พวกเธอไม่ค่อยได้มีปัญหากันหรือจะมีก็แค่นาน ๆ ครั้ง ตั้งแต่ทั้งสองคนเติบโตขึ้น นอกเหนือจากเรื่องของเด็กผู้ชายในโรงเรียนมัธยมแล้ว พวกเธอก็ไม่เคยทะเลาะกันมานานขนาดนี้มาก่อนเลยน่ะ”
เมื่อพูดประโยคนี้ คุณนายหยวนก็ทำหน้าตาเหมือนเพิ่งได้สติ
เธอมองไปที่เซี่ยชิงหยวนอย่างรวดเร็ว
เซี่ยชิงหยวนดูเฉยเมยและจิบชาบนโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าแค่ฟังคำพูดของเธออย่างเพลินเพลิดเท่านั้น
หากหัวข้อจบลงกะทันหัน แสดงว่าเป็นการจงใจ
เธอตั้งใจที่จะสร้างมิตรภาพที่ดีกับเซี่ยชิงหยวน และเป็นเรื่องปกติที่เธอก็ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้
ยิ่งกว่านั้น เธอรู้สึกว่าเซี่ยชิงหยวนไม่ใช่พวกคนที่ชอบซุบซิบนินทาเหล่านั้น ดังนั้นจึงไม่เสียหายที่เธอจะรู้เรื่องนี้
จากนั้นคุณนายหยวนก็พูดต่อ “ฉันได้ยินเรื่องที่ตาเฒ่าหยวนของฉันพูดอยู่เหมือนกันค่ะ ตอนที่พวกเธออยู่มัธยมปลาย ซูอวี้ตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่ง ในตอนแรกมันก็ดี แต่ตอนหลังเด็กผู้ชายคนนั้นกลับไปตกหลุมรักจื่ออี้ พอซูอวี้รู้เรื่องนี้เธอก็รู้สึกแย่มากและเลิกคุยกับจื่ออี้ทันทีเลย และการทะเลาะกันก็ค่อนข้างรุนแรงด้วย”
“ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอจัดการกันยังไงในภายหลัง แต่ทั้งสองใช้เวลานานมากกว่าจะคืนดีกันอยู่ค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนไม่คาดคิดเลยว่าการคุยกับคุณนายหยวนวันนี้จะได้รู้เรื่องแบบนี้เข้าให้
เซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึง!
เธอยิ้มและเห็นด้วย “อาจเป็นครั้งแรกที่คุณฉินชอบใครสักคนจริง ๆ ก็ได้ค่ะ แต่เด็กผู้ชายคนนั้นกลับไปชอบเพื่อนสนิทของเธอแทน เธอคงรู้สึกเหมือนถูกทรยศ”
คุณนายหยวนเบ้ปากแล้วยิ้ม “ขนาดฉันที่เป็นหญิงชราแล้วยังไม่อาจหยั่งรู้ได้ถึงความคิดของเด็กสาวเหล่านั้นเลยนะคะเนี่ย”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่ค่ะ ตราบใดที่เด็กชายคนนั้นไม่ปรากฏตัวอีก พวกเธอก็ไม่น่าจะทะเลาะกันอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ”
ทันทีที่เซี่ยชิงหยวนพูดแบบนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณนายหยวนก็หยุดชั่วคราว
เธอเอ่ยอย่างกังวล “คุณอย่าพูดออกไปนะคะ เด็กชายคนนั้นถูกย้ายไปยังหน่วยของจื่ออี้เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เองน่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มแล้วพูดอย่างใจเย็น “โอ้ แล้วคุณฉินรู้ด้วยไหมคะ?”
คุณนายหยวนขมวดคิ้ว “ฉันเกรงว่าเธอจะยังไม่รู้นะคะ”
เธอรู้สึกลำบากใจว่าควรบอกหยวนหงหลี่เพื่อให้เขาเตรียมตัวล่วงหน้าหรือไม่
ไม่เช่นนั้นก็คงเหมือนเหตุการณ์ครั้งก่อน ๆ หยวนหงหลี่และผู้ใต้บังคับบัญชาจะต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบ
ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด เซี่ยชิงหยวนก็ตบหลังมือเพื่อปลอบใจ “คุณไม่ต้องกังวลมากเกินไปหรอกค่ะ เมื่อก่อนพวกเขายังเด็กและใสซื่อ แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ต่อให้พวกเขามีปัญหาร้ายแรงในใจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ เหมือนเมื่อก่อนได้ นอกจากนี้เลขาธิการหยวนคงรู้เรื่องนี้อยู่แล้วด้วย”
หลังจากฟังคำพูดของเซี่ยชิงหยวน คุณนายหยวนก็คลายความรู้สึกวิตกกังวล
และข้อเท็จจริงก็เหมือนกับที่เซี่ยชิงหยวนกล่าว หยวนหงหลี่เชื่อว่าหลังจากตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉินซูอวี้กับเซี่ยจื่ออี้ไม่น่าจะทะเลาะกันเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วเพราะผู้ชายคนเดียวจากอดีตตอนเด็ก
แต่นั่นคือสิ่งที่เซี่ยชิงหยวนต้องการ!
ถ้าเซี่ยจื่ออี้บอกฉินซูอวี้เกี่ยวกับเรื่องนี้ล่วงหน้ามันก็คงไม่มีผลกระทบอะไรมาก แต่ถ้าฉินซูอวี้เป็นคนสุดท้ายที่รู้ มันเป็นเรื่องยากที่เซี่ยจื่ออี้กับฉินซูอวี้จะไม่ทะเลาะกัน
ความเข้าใจของเซี่ยชิงหยวน ตามนิสัยของเซี่ยจื่ออี้ เธอคงจะไม่บอกฉินซูอวี้อย่างแน่นอน
หรือแม้เซี่ยจื่ออี้จะบอก เธอก็จะรอจนกว่าผู้ชายคนนั้นตกหลุมรักเธออีกครั้ง ก่อนที่เธอจะพาเขาออกมาเดินด้วยกันอย่างเปิดเผย
ตอนนี้มีความขัดแย้งระหว่างทั้งสองแล้ว หากในเวลานี้ได้รับยาแรง ๆ อีกสักหน่อย สถานการณ์ก็จะยิ่งดิ่งลงเท่านั้น
ในเวลานั้นความผิดกก็จะอยู่ที่เซี่ยจื่ออี้ที่ชอบเอาแต่ใจเกินไป
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มกว้างขึ้นทันที
…
ทว่าก่อนที่เซี่ยชิงหยวนจะได้ข่าวว่าทั้งสองทะเลาะกัน เธอก็ได้ยินข่าวลือที่รุนแรงเกี่ยวกับตัวเองแล้ว
เธอกลับบ้านและเอนกายบนโซฟา ฟังสิ่งที่ป้าอู๋รู้มาจากขี้ปากของพวกคนละแวกบ้าน
“มีข่าวลือว่าภรรยากับสามีแต่งงานกันมาสองปีแล้วยังไม่มีลูก ดังนั้นคนเป็นภรรยาจะต้องมีปัญหาเรื่องท้องยากแน่นอน แถมยังบอกอีกว่าภรรยาก็เป็นแค่แม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้ ไม่ว่าจะหาเงินได้มากเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์ถ้าไม่มีลูกอยู่ข้าง ๆ …”
พอพูดถึงท่อนสุดท้าย ป้าอู๋ก็กระอักกระอ่วนนิดหน่อยที่จะพูดออกมา “มีคนบอกด้วยว่าสาเหตุที่ภรรยาไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้เพราะเธอเคยประพฤติตัวไม่ดีในอดีต และเคยมีเรื่องเน่าเฟะมาแล้วค่ะ…”
ในตอนท้ายของประโยค ป้าอู๋พูดเสียงเบาลง ก้มหน้าลงแทบจะซุกหัวลงที่อกตัวเอง
เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับเซี่ยชิงหยวน เธอคิดว่าเซี่ยชิงหยวนจะต้องโกรธมาก แต่ก็ไม่คิดว่าเจ้านายของเธอจะสงบได้ขนาดนี้
เธอเงยหน้าขึ้นมองดูเซี่ยชิงหยวน และพบว่าเจ้านายของเธอยังคงรักษาท่าทางเช่นเดิมด้วยสีหน้าเกียจคร้าน ยกเว้น…ดวงตาที่ค่อย ๆ เย็นชามากขึ้น
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยความโกรธ เธอพลางเดาะลิ้น “เซี่ยจื่ออี้คนนี้คงอดใจไม่ไหวแล้วจริง ๆ สินะ”
ป้าอู๋พบว่าดูเหมือนเธอจะได้ยินความลับอันยิ่งใหญ่บางอย่างเข้า
เซี่ยชิงหยวนยิ้มออกมา “ป้าอู๋ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ป้าอู๋ตกตะลึงและพูดว่า “คุณนายคะ พวกเขากำลังสร้างข่าวลือที่ไม่มีมูลแบบนี้ เราต้องบอกคุณผู้ชายไหมคะ?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เขาเองก็น่าจะได้ยินเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน”
ข่าวลือที่เซี่ยจื่ออี้สร้างขึ้นคงจะไม่ได้แพร่กระจายแค่บริเวณที่พักอาศัยแน่
ป้าอู๋อดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับเซี่ยชิงหยวน ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ผู้ชายให้ความสำคัญมากที่สุดคือความภักดีของผู้หญิง และความสามารถของเธอในการสืบเชื้อสายครอบครัวให้เขา
เซี่ยชิงหยวนเคยเจอกับเรื่องเช่นนี้หลายครั้งแล้วในอดีต เธอค่อนข้างคุ้นเคยกับมันดี
ทว่ามันคงดูไม่ปกติสำหรับเธอที่จะไม่ต่อสู้กลับไปบ้าง หญิงสาวโบกมือให้ป้าอู๋ “ป้าอู๋คะ มีบางอย่างที่ฉันต้องรบกวนป้าหน่อยค่ะ”
ป้าอู๋โน้มตัวเข้าหา และเซี่ยชิงหยวนพูดที่ข้างหูของอีกฝ่าย
เมื่อดวงตาของป้าอู๋เบิกกว้าง เซี่ยชิงหยวนก็พยักหน้าให้ “แค่ทำอย่างนี้ก็พอค่ะ”
ไฟแห่งการต่อสู้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของป้าอู๋ และในที่สุดเธอก็พยักหน้า “คุณนายไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันจะทำมันให้ดีที่สุดเลยค่ะ!”
เมื่อเสิ่นอี้โจวกลับมาในตอนเย็น เขาก็ไปที่ห้องนอนเพื่อพบเซี่ยชิงหยวน
พอเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังมองที่ภาพวาดการตกแต่งร้านด้วยสีหน้านิ่งสงบ หัวใจของเขาก็ผ่อนคลายลงไป
เขาเดินเข้ามากอดภรรยาจากด้านหลัง “วันนี้คุณทำอะไรบ้างน่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนเอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า “ยุ่งอยู่กับเรื่องของร้านตรอกเก่าน่ะ แล้วก็เอาอาหารไปให้ฉีจิ่นจือตอนเที่ยง”
เธอหยุดชั่วคราว “ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลฉันเจอกับเซี่ยจื่ออี้ด้วยนะ และฉันก็พูดกับเธออย่างไม่อ้อมค้อมเลย”
เสิ่นอี้โจวเข้าใจทันทีว่าข่าวลือที่เริ่มแพร่กระจายในบ่ายวันนี้อาจเกี่ยวข้องกับเซี่ยจื่ออี้
เขาจับไหล่ของเซี่ยชิงหยวน พลันให้เธอหันหน้าเข้าหาเขาแล้วถามอย่างระมัดระวัง “คุณได้ยินข่าวลืออะไรไหม?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ได้ยินแล้ว”
เสิ่นอี้โจวถอนหายใจในใจ “มันเป็นความผิดของผมเอง”
สมองของเซี่ยชิงหยวนประมวลผลไม่ทัน “หะ?”
เสิ่นอี้โจวพูดว่า “ถ้าผมยอดเยี่ยมกว่านี้ บางทีคุณอาจจะท้องไปนานแล้ว”
เขาพูดอีกครั้งอย่างจริงจังมาก “ชิงหยวน ผมไปโรงพยาบาลแผนกบุรุษวิทยาดีไหม?”
ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนเบิกกว้างทันที “คุณเป็นแบบนี้แล้วยังอยากไปแผนกบุรุษวิทยาอีกเหรอ? คุณอยากให้ฉันเหนื่อยจนตายรึไง?”
เขาใช่คนที่ ‘อ่อนแอ’ ในเรื่องนั้นที่ไหนกันล่ะ?
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าอย่างจริงจัง “บางทีคุณภาพอาจไม่สูงพอ”
เซี่ยชิงหยวนอยากจะวิ่งหนีทันทีที่ได้ยิน
เธอตบไหล่เสิ่นอี้โจว “คุณมีความสามารถมากแล้ว คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองสิ”
ในชีวิตก่อนหน้านี้ พวกเขาไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลและเสิ่นอี้โจวก็แข็งแรงดี
เสิ่นอี้โจวคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “จากนี้ไปคุณช่วยตุ๋นตัวเดียวอันเดียวทุกวันทีนะ จากนั้นในช่วงตกไข่เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำงานหนักทุกวัน”
เขาหยุดชั่วคราว “สำหรับสิ่งที่คนภายนอกลือกัน ผมจะจัดการมันเอง”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าปัญหาภายใต้การสนทนากำลังดำเนินไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ
เธออดไม่ได้ที่จะคว้าหูของเสิ่นอี้โจว “คุณกำลังคิดอะไรอยู่? คุณคิดจะบอกคนอื่นว่าคุณไม่สามารถมีลูกได้เองใช่ไหม? แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งฉันกลับท้องขึ้นมาจริง ๆ จะทำยังไง คนอื่นจะไม่หาว่าท้องกับคนอื่นหรอกเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวมองดูเธอ “คุณไม่ทำอยู่แล้วใช่ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนคว้าหูอีกข้างของเขาแรงขึ้น “ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าฉันทำหรือไม่ทำ แต่ทำไมเราถึงต้องถูกคนอื่นชักจูงด้วยล่ะ?”
เสิ่นอี้โจวทั้งสับสนและกังวล เขาเพิกเฉยต่อคำถามของเซี่ยชิงหยวน และไม่ได้ตอบคำถามของเธอโดยตรง
เขาพูดว่า “อันที่จริง เรื่องหลักที่ผมกังวลคือกลัวว่าคุณจะเสียใจ และผมต้องการใช้วิธีที่ง่ายที่สุดในการหยุดปากของพวกเขา แต่ถ้าหากคุณต้องการกำจัดความกังวลพวกนี้ ผมก็มีวิธีเสนอนะ”
เซี่ยชิงหยวนมองเขาอย่างตื่นเต้น “ต้องทำยังไงบ้าง?”
