การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 280

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 280 – อำนาจ [จบภาค]

“ถูกต้อง”

สันตะปาปากล่าวพร้อมกับพยักหน้า สำหรับเขาแล้วการห้ำหั่นกับเลทิเซียในตอนนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่นัก

อีกทั้งหากเกิดการต่อสู้จริงๆ ละก็ทุกอย่างจะผิดแผนในอนาคตหมดพอดี ซึ่งกล่าวได้ว่าทางเลือกเดียวสำหรับเขาตอนนี้คือการเจรจาก็ไม่ผิด

แน่นอนว่าเลทิเซียเองก็เช่นกัน.. หากว่าอีกฝ่ายไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เลทิเซียถูกลักพาตัว เธอก็ไม่คิดจะหาเรื่อง

แน่นอนว่าการทำข้อตกลงถือเป็นทางออกที่ดีกับทั้งสองฝ่ายในเวลานี้เพียงแต่เลทิเซียเข้าใจกฎแห่งการเจรจาดี

เธอรู้ว่าหากเผยความต้องการของตนเองมากเกินไป ศัตรูจะใช้ประโยชน์จากมันเพื่อชักจูงได้ เธอไม่ได้คิดจะตอบพยักหน้าตกลงแล้วก็เดินจากไป

“ทำไมฉันต้องทำข้อตกลงกับนายด้วย ในเมื่อฉันสามารถชนะนายได้ตามคำพูดของตัวนายเอง”

ใช่ มันไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องถอยให้กับอีกฝ่ายเลย ในเมื่อเธอเก่งกว่า.. อีกฝ่ายก็หัวเราะเบาๆ

“ฮ่าๆ .. แน่นอนว่าข้ารู้จักสถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ดี..”

เขาไม่ได้กล่าวต่อ.. เพียงแต่จ้องไปที่เลทิเซีย เลทิเซียจ้องไปที่อีกฝ่ายเช่นกัน เธอรู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร

หลังจากเงียบไปสักพัก เลทิเซียก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย..

“ข้อตกลงที่ว่าคืออะไร.. ฉันบอกไว้ก่อนนะว่าอย่าพูดอะไรไร้สาระอย่างการไม่ให้ฉันพาชาร์ล็อตกลับเชียวล่ะ”

“แน่นอนอยู่แล้วล่ะ ข้อตกลงที่ข้ากำลังจะกล่าวต่อไปนี้เป็นการถอยคนละก้าวแต่ได้ประโยชน์คนละก้าวในเวลาเดียวกัน”

สันตะปาปากล่าวอย่างชาญฉลาด เลทิเซียเองก็ขมวดคิ้ว พอเห็นเลทิเซียไม่พูดอะไรเขาจึงพูดต่อ

“สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงการหยุดการสังหารที่มากไปกว่านี้ ส่วนเจ้าเองก็ต้องการที่จะพาเพื่อนกลับ”

“พอสรุปได้แบบนี้ เรื่องมันก็ง่ายนิดเดียว ข้าจะไม่ถือสาเอาความเจ้าที่เจ้าได้สังหารคนของข้าไป แต่ในทางกลับกันเจ้าต้องไม่มายุ่งเกี่ยวกับพวกเราอีก”

“อย่าเผยแพร่สิ่งที่เห็นในนี้ให้ใครรู้โดยเด็ดขาด และข้าจะปล่อยให้เจ้าเดินจากศาสนจักรไปพร้อมกับเพื่อนๆ ”

แน่นอนว่าสำหรับสันตะปาปา สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับเขาคือข้อมูลที่อยู่ในมิติพิเศษเหล่านี้เพราะว่าคนที่สามารถมาในที่แห่งนี้ได้มีเพียงผู้ศรัทธาระดับสูงเท่านั้น

อันที่จริงหากเขาฆ่าเลทิเซียได้ เขาคงเลือกที่จะฆ่าทิ้งไปแล้วเพราะคนตายมันพูดไม่ได้ แต่เพราะเขาทำไม่ได้จึงต้องทำเช่นนี้

เลทิเซียเองก้ไม่ได้คิดว่าข้อเสนอนี้มันแย่ อย่างไรก็ตามเลทิเซียไม่ได้ตอบตกลงเห็นด้วยในทันที เธอถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ข้อเสนอมันดูจงใจเกินไป… นายวางแผนอะไรไว้”

“ฮ่าๆ ข้าว่าเจ้าคิดมากไปเองแล้วแหละ สำหรับเจ้าคงไม่รู้ว่ามิติแห่งนี้นั้นล้ำค่าเพียงใด มันคือมิติพิเศษที่สร้างขึ้นโดยการทำให้ใกล้เคียงกับสภาวะพิเศษบางอย่าง”

“ถ้าหากฉันปฏิเสธล่ะ”

เลทิเซียกล่าวขึ้นและจ้องไปที่อีกฝ่าย แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ทุกร้อนอะไรเลย เขาเพียงตอบด้วยความสุขุมเช่นเดิม

“ถ้างั้น.. พวกเราคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสู้กันตอนนี้.. และแม้ข้าจะตายเพราะเจ้า.. ทุกอย่างก็จะบานปลายเช่นกัน”

“…..”

“อ้อ ข้าจำได้ว่าตอนเจ้าเข้าเมืองมามีเพื่อนมาด้วยอีกสองคนนี่น่า ไม่เป็นห่วงพวกเธอหน่อยเหรอที่เข้าไปในห้องสารภาพบาป”

ทันทีที่อีกฝ่ายกล่าวแบบนั้นเลทิเซียก็เข้าใจทันทีว่านั่นคือคำขู่อย่างชัดเจน ดวงตาของเลทิเซียจ้องไปที่อีกฝ่ายนิ่งๆ

อีกฝ่ายก็หัวเราะแห้งๆ

“ข้าไม่ได้คิดจะขู่”

“ก็ได้.. แต่ว่าในทางกลับกันหากพวกนายมายุ่งกับเพื่อนของฉัน… ไม่สิ…”

เลทิเซียที่กำลังจะพูดแต่ก็หยุดชะงัก.. ดวงตาของเธอจ้องไปที่อีกฝ่ายและกวาดสายาไปทั่วหมอกแห่งนี้

ราวกับสายตาของเธอมันมองทะลุทุกสรรพสิ่งเห็นผู้คนมากมายที่อยู่ในมิติแห่งนี้ และยังทะลุไปยังมิติด้านนอกที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่เต็มไปหมด

การสูญเสีย.. เธอสูญเสียบางอย่างไปเพราะว่าเธอมีกำลังไม่พอเหรอ.. เปล่าเลย เธอไม่ได้คิดว่าตนเองแข็งแกร่งแต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองอ่อนแอขนาดนั้น

ดังนั้นปัจจัยสำคัญการสูญเสียไม่ได้เกิดจากแค่พลังของตัวเธอเท่านั้น.. แต่ทุกๆ ครั้งที่มีปัญหา เธอจะอยู่ห่างออกไปเสมอ..

แต่พอมามองดูที่แห่งนี้ แม้ตัวเองจะมีความแข็งแกร่งกว่าคนเหล่านี้… เธอกลับไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้

เธอรู้ดีว่าบนโลกไม่ได้มีแค่ความแข็งแกร่งที่จะสามารถปกครองทุกสิ่งแต่ยังมีปัจจัยโดยรวมอีกมากมาย

เธอถูกสันตะปาปาที่บอกว่าอ่อนแอกว่าเจรจาอย่างเท่าเทียม แถมเป็นตัวเองที่ต้องทำตามข้อตกลงของอีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้

อีกฝ่ายไม่ได้เก่งกว่าเลยด้วยซ้ำ.. แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้…

ไม่สิ เลทิเซียรู้เรื่องนั้นดี เธอไม่ต้องให้ใครมาตอบเธอก็สามารถตอบคำถามนั้นได้.. เหตุผลที่อีกฝ่ายสามารถถือไพ่เหนือกว่าในการเจรจาครั้งนี้..

เพราะว่าอีกฝ่ายมีอำนาจ..ที่จับต้องได้

อันที่จริงเลทิเซียอาจจะมีอยู่บ้างแต่นั่นเป็นเพราะบารมีของพ่อแม่เธอ ซึ่งไม่ใช่ของเธอเองเหมือนชายตรงหน้า..

หากเธอมีอำนาจ.. เธอมีกำลังและความน่าเชื่อถือ.. ต่อให้เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเธอก็สามารถสร้างข้อตกลงเพื่ออยู่รอดต่อไปได้..

อำนาจ ความยิ่งใหญ่.. แผนการมากมายนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในหัวของเลทิเซีย สิ่งที่เธอควรทำในตอนนี้คืออะไร

ไม่สิ เธอสามารถทำอะไรได้บ้างในตอนนี้ เป็นสิ่งที่จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนไม่ว่าจะเป็นคนสำคัญครอบครัวหรือเพื่อนทุกๆ คน

คิดให้ออกสิ.. เธอมีอะไรดี.. เธอเป็นจอมมารเป็นปีศาจ.. ที่เติบโตมาในดินแดนมนุษย์และสามารถใช้เวทมนตร์ได้ทั้งสองแบบ

ไม่ใช่.. มันต้องไม่ใช่แค่เรื่องพลังเท่านั้น เลทิเซียหลับตานึกจมดิ่งลงไปในความทรงจำ พอเห็นเลทิเซียยืนนิ่งสันตะปาปาก็ยืนงงไปสักพัก

“เอ่อ..”

แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบสนอง เลทิเซียกำลังท่องไปในโลกแห่งความทรงจำ ภาพต่างๆ มากมายหลั่งไหลเข้ามาในสมอง

ตั้งแต่วินาทีแรกที่ลืมตาดูโลก เติบโต เรียนรู้ ศึกษา ความรู้ในอดีตชาติ ทุกๆ อย่างถูกค้นออกมากองตรงหน้า

ในปัญหาที่ว่าทำยังไงเธอถึงจะปกป้องคนสำคัญได้ดีที่สุด.. และในตอนนั้นเองดวงตาของเธอก็เปิดขึ้น..

มุมปากของเลทิเซียยกขึ้น.. พร้อมกับเสียงหัวเราะที่หลุดออกมาจากปากอย่างไม่ทราบสาเหตุ..

ใช่ เธอรู้แล้ว เธอรู้แล้วทั้งความรู้ทั้งร่างกาย ทุกๆ อย่างนี้.. เธอจะใช้มันให้เป็นประโยชน์ทั้งหมด เลทิเซียหยุดหัวเราะและฉีกยิ้มพร้อมกับพูดกับอีกฝ่าย

“อย่ามายุ่ง.. กับโรงเรียนลิเบอร์ของฉัน”

ใช่แล้ว เธอจะเปลี่ยนโรงเรียนลิเบอร์เป็นอาณาจักรของตัวเอง.. เธอเติบโตมาพร้อมกับสิ่งที่ไม่เคยมีในอดีตชาติอย่างความน่ารัก

เธอยังมีความรู้ที่คนอื่นไม่มีซึ่งสามารถแบ่งปันให้กับผู้อื่นได้เพื่อเรียนรู้เวทมนตร์แทรกแซงได้ดีขึ้น.. เลทิเซียจะสร้างสถานที่ที่สามารถต่อรองกับคนที่เก่งกว่าให้ได้

“ว่าไง ?”

สันตะปาปายืนตกใจอยุ่พักหนึ่งเพราะโรงเรียนลิเบอร์เป็นของจอมมารคนที่สิบสามนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะโรงเรียนลิเบอร์ไม่ขึ้นตรงต่อฝั่งไหนเลย

นั่นหมายความว่าหากมีจอมมารเข้าปกครองละก็สมดุลโลกคงจะพังลงในเวลาสั้นๆ เมื่อถึงยามนั้นเรื่องมันคงแย่กว่าการที่เขาต้องปะทะกับเลทิเซียซะอีกนะ

แต่สันตะปาปาก็ไม่ได้ขัด เพราะเขาก็ไปโจมตีที่นั่นไม่ได้อยู่ ดังนั้นคำขอของเลทิเซียจึงไม่ได้เกินจริงสำหรับเขาแต่อย่างใด

“แน่นอน.. ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยว”

“งั้นก็ตกลงตามนี้”

เลทิเซียไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร เธอจับมือชาร์ล็อตพร้อมกับพูดกับชาร์ล็อตด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“กลับกันเถอะ”

“อืม”

ยังไม่ทันได้บอกวิธีออกไปเลทิเซียเดินไปข้างหน้าเพียงหนึ่งก้าวพร้อมกับชาร์ล็อต พวกเธอก็หายไปจากโลกทันทีพอเลทิเซียจากไปทั้งแบบนั้นสันตะปาปาก็บ่น

“นี่ออกง่ายขนาดนั้น ถ้าอยากหนีก็หนีไปได้ทันทีเลยนี่หว่า.. แล้วทำไมถึงไม่หนี.. หรือว่า…”

เขาเบิกตากว้าง ก่อนที่จะส่ายหน้าปฏิเสธ.. ถ้าหากอีกฝ่ายไม่หนีเพราะรอให้ตัวเป้งอย่างเขามาสร้างข้อตกลงเพื่อให้พวกเขาไม่ยุ่งกับชาร์ล็อตอีก..

เช่นนั้นอีกฝ่ายก็ไม่น่าใช่คนแล้ว.. เพราะตัวเขาสามารถเห็นอนาคต กล่าวคือทุกอย่างนั้นเขารู้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว..

แค่อาจจะไม่เห้นรายละเอียดทั้งหมด.. หากทุกอย่างกลายเป็นแผนของจอมมารที่ชื่อเลทิเซียนั้น.. หมายความเธอหลอกได้แม้แต่ผู้เห็นอนาคตอย่างเขาเลย

เขาส่ายหน้าละทิ้งความคิดเหล่านั้นมองไปทางที่เลทิเซียจากไปเล็กน้อย

“แต่ว่า.. มิติควอนตัมงั้นเหรอ.. พูดอะไรได้น่าสนใจดีนิ…”

เขากล่าวเสร็จก็หันกลับไปมองฮิสครอมที่สลบอยู่พร้อมกับพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม..

“ตอนนี้ข้ายังสู้เจ้าไม่ได้.. แต่รอก่อนเถอะ.. อีกไม่เกินสิบปีแน่นอน.. หึๆ ฮ่าๆ ”

………

…..

..

พอเลทิเซียออกมาจากนั้น ก็พบว่าทั้งอามาเระและลาน่าก็ยืนรออยู่ด้านนอกแล้ว พอฟังคำพูดของทั้งสองก็ได้รู้ว่า

ทั้งสองถูกจับได้ทันทีที่เข้าไป แต่เหมือนจะไม่โดนทำอะไรก่อนจะถูกเตะออกมาแล้วก็บอกว่าให้รอเลทิเซียอยู่ตรงนี้

อันที่จริงลาน่าก็ไม่อยากรอ แต่อามาเระสัมผัสถึงการใช้พลังของตัวเองจากเลทิเซียได้เลยคิดว่าไม่นานคงจบและก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ..

เลทิเซียมองหน้าทั้งสามคน.. ก่อนจะหยุดอยู่ที่ชาร์ล็อตทั้งสองคนมองหน้ากันเงียบๆ ผ่านไปสักพักเลทิเซียก็พูดขึ้น..

“เอาล่ะ.. กลับกันเถอะ กลับไปยังบ้านของพวกเรา.. ที่ชื่อว่าโรงเรียนลิเบอร์น่ะ”

เลทิเซียหันหลังให้พร้อมกับก้าวเดินนำดวงตาของเธอมีแสงทมึนราวกับจอมมาร.. ไม่สิ.. เธอเป็นจอมมารอย่างแท้จริง!

“ฉัน… จะสร้างอำนาจของตัวเอง..”

[จบภาคสาม : การเปลี่ยนแปลงของเธอคนนั้น]

…………………

[และๆๆๆๆ และก็จบลงไปแล้วอีกภาคที่เคยกล่าวไว้ในภาคสองว่าเป็นภาคที่เจ็บปวดเรียกน้ำตา.. แต่ภาคนี้คงอัดแน่นไปด้วยความโหดร้ายทารุณที่เหมือนเขียนมาเพื่อยำเลทิเซียอย่างเดียวเลย แน่นอนว่าดั่งที่ผมเคยกล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าพอจบภาคนี้แล้ว.. หลังจากนี้จะเข้าสู่บทเฉลยทุกอย่าง และภาคต่อไปจะมีความเผ็ดขมขนาดไหนก็ต้องมารออ่านกัน..แต่ผมขอเกริ่นไว้ก่อนว่า.. หลังจากนี้จะไม่มีจุดพักหรือจุดกาวแล้ว เพราะเนื้อหาหลังจากนี้จะ เดือด มันแค่นี้จริงๆ – ผู้เขียน]

[ภาคต่อไปจะรีบเข็นออกมาให้อ่านกันต่อนะจ้ะ]

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท