การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย – บทที่ 337 ไม่ได้ยุให้เกิดความขัดแย้ง

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

บทที่ 337 ไม่ได้ยุให้เกิดความขัดแย้ง

บทที่ 337 ไม่ได้ยุให้เกิดความขัดแย้ง

โหยวอี้หงอยากรู้ว่าถังซวงเป็นใครกันแน่ แม้แต่ตู้จ้งเหลียนที่อยู่ข้าง ๆ ก็เช่นกัน

“ใช่แล้วพ่อ ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ธรรมดาใช่ไหม พ่อถึงสุภาพกับเธอขนาดนั้น นี่มันผิดปกติจริง ๆ” พูดตามตรง ผู้หญิงคนนั้นดูดีมากต่างหาก แต่เขาไม่ได้พูดความคิดนี้ออกไป

เมื่อเห็นว่าภรรยาและลูกชายคนเล็กของตัวเองสงสัย ตู้หรงหมิงก็ยิ้มและพูดว่า “คุณถังซวงนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ นั่นแหละ เธอเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลจิง”

“อะไรนะ…”

โหยวอี้หงหน้าแดงด้วยความไม่เชื่อ “เป็นไปได้ยังไง ตระกูลจิงไม่มีผู้หญิง…” ในตอนท้าย เธอก็ตระหนักได้ว่า “งั้น… ผู้หญิงเมื่อครู่นี้คือลูกสาวคนโตที่เป็นลูกติดภรรยาของคุณจิงเจ้อหรงใช่ไหม?แล้วลูกสาวคนเล็กก็เป็นหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่เมื่อกี้ใช่หรือเปล่า”

น่าประหลาดใจจริง ๆ ที่จิงเจ้อหรงแต่งงานกับหญิงจากชนบทที่เคยหย่าร้างมาแล้วคนนั้น ผู้คนมากมายในปักกิ่งรู้เรื่องนี้และรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมีลูกติดสองคนมาด้วย ก่อนหน้านี้หลายคนต่างก็พูดถึงเรื่องนี้ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ตระกูลจิงจะอนุญาตให้เธอเข้ามาในตระกูลเลย

เมื่อเห็นถังซวง ตอนนี้โหยวอี้หงมีปฏิกิริยาบางอย่าง

เธอสวยมาก ดังนั้นเธอจะต้องหน้าตาดีเหมือนแม่ บางทีจิงเจ้อหรงอาจจะแต่งงานกับเธอคนนั้นเพราะหน้าตา น่าเสียดายที่ตระกูลตู้อยู่คนละระดับกับตระกูลจิงเกินไป ตอนจิงเจ้อหรงแต่งงาน พวกเขาก็ไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วม ดังนั้นเธอจึงไม่เคยเห็นว่าภรรยาของจิงเจ้อหรงเป็นผู้หญิงแบบไหน

“ใช่แล้ว”

เมื่อเห็นตู้หรงหมิงพยักหน้า โหยวอี้หงก็รู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย

“ผู้หญิงสองคนนี้ไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของจิงเจ้อหรง ทำไมคุณยังสุภาพกับเธอขนาดนี้ คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ ถ้าคนอื่นเห็น พวกเขาอาจหัวเราะเยาะคุณ”

ตู้จ้งเหลียนที่อยู่ด้านข้าง แต่เดิมคิดว่าถังซวงนั้นน่าทึ่ง แต่เขาไม่คาดคิดว่าเธอเป็นเพียงลูกสาวที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับตระกูลจิง เด็กหนุ่มจึงเห็นด้วยกับแม่ของเขา “ใช่ครับพ่อ ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าคงจะคิดว่าพ่อประจบเธอแน่ ๆ ยังไงถังซวงก็ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ที่แท้จริงของตระกูลจิงสักหน่อย”

“พวกแกจะไปรู้อะไร?”

ตู้หรงหมิงมองไปที่ภรรยาและลูกชายคนเล็กด้วยสีหน้าไม่พอใจ และพูดว่า “พวกแกไม่เคยเห็นท่าทีของคุณชายสามที่มีต่อถังซวงนี่ ถ้าเห็น พวกแกก็คงไม่พูดแบบนี้”

เมื่อได้ยินว่าสามีของเธอพูดแบบนั้น โหยวอี้หงก็ถามด้วยความสงสัย “เป็นไปได้ไหมว่าตระกูลจิงจะถือว่าเธอเป็นคุณหนูใหญ่จริง ๆ”

“แน่นอน คุณชายสามสนิทกับคุณถังซวงมาก และได้ยินมาว่าตระกูลจิงนั้นก็รักถังซวงและน้องสาวมาก ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้อีก ถ้าคนอื่นได้ยินเข้า คนที่ถูกนินทาจะกลายเป็นคุณเอง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ โหยวอี้หงก็รู้สึกอายเล็กน้อย

แต่แววตาของตู้จ้งเหลียนฉายแววประหลาดใจ และพูดอย่างครุ่นคิด “ในเมื่อพี่ชายกับคุณถังซวงสนิทกัน คราวหน้าผมจะขอให้พี่ชายชวนเธอมาที่บ้านครับ”

ตู้หรงหมิงตาเป็นประกายเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “ดี คราวหน้าให้จ้งเหว่ยเชิญเธอมาที่บ้าน เมื่อถึงเวลานั้นก็ขอให้เธอช่วยดูแลเขาด้วย” เมื่อมองไปที่โหยวอี้หง เขาก็พูดว่า “อี้หง หลังจากนี้คุณก็จัดการให้ดี”

ดวงตาของโหยวอี้หงเป็นประกาย แต่เธอไม่ได้พูดอะไรมาก แค่พยักหน้าและยกยิ้มเห็นด้วย “ตกลงค่ะ ฉันจะจัดการให้”

อีกด้านหนึ่ง ถังซวงและคนอื่น ๆ ก็ไปที่ถนนเก่าแก่ โดยมีตู้จ้งเหว่ยเป็นคนนำ

“ที่จริงมีที่เที่ยวมากมายในปักกิ่งที่เหมาะแก่การไปเดินเล่น ซึ่งถนนสายเก่าแห่งนี้ก็ไม่เลว”

เมื่อมองไปที่อาคารเก่ารอบ ๆ ถังชุนหยานจึงพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ค่ะ มันสวยมาก บรรยากาศก็ดี”

ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “ดีที่เธอชอบ วันนี้ฉันตั้งใจพาเธอออกมาเดินเล่นเลยนะ”

ตู้จ้งเหว่ยมองถังชุนหยานอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “วันนี้สหายถังซวงตั้งใจพาเธอออกมานี่เอง งั้นเธอลองบอกมาสิว่าอยากไปไหนเป็นพิเศษไหม”

ถังชุนหยานส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่มาปักกิ่ง ไม่รู้หรอกว่าควรไปที่ไหน”

“เพิ่งมาถึงปักกิ่งหรือ?”

“ใช่ค่ะ”

ถังชุนหยานพยักหน้า ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทุกสิ่งรอบตัว

“งั้นเดินเล่นที่นี่กันต่อ แล้วฉันจะพาเธอไปที่อื่นอีก”

“ตกลง”

หลังจากนั้นตู้จ้งเหว่ยก็พาถังซวงและคนอื่นไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อสัมผัสกับประวัติศาสตร์ของปักกิ่ง

เมื่อเห็นว่าเริ่มเย็นแล้ว ถังซวงจึงมองไปที่ตู้จ้งเหว่ยและเอ่ยชวน “ไปกันเถอะ ไปที่ร้านอาหารของรัฐกัน วันนี้ฉันเลี้ยงเอง”

ตู้จ้งเหว่ยก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน และพูดอย่างอารมณ์ดี “ดีเลย ถ้าปฏิเสธก็คงจะไม่สุภาพกับเธอล่ะนะ”

เมื่อทุกคนมาถึงร้านอาหารของรัฐ ถังซวงก็สั่งอาหารหลายอย่างรวมถึงเกี๊ยวชามใหญ่ “วันนี้เราเดินกันมาเยอะแล้ว ต้องเติมพลังกันหน่อย”

ตู้จ้งเหว่ยก็ไม่เกรงใจเช่นกัน แค่เขาคนเดียวก็กินเกี๊ยวไปตั้งหลายตัว

“วันนี้สหายถังซวงเลี้ยงฉันทั้งวัน ขอบคุณมากนะ ไม่อย่างนั้นหลังจากกลับถึงบ้านฉันคงไม่มีอารมณ์กินข้าวแล้วต้องทนหิวแน่”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงจึงชำเลืองมองตู้จ้งเหว่ยและพูดว่า “ฉันไม่คิดเหมือนกันว่านายจะเป็นลูกชายของผู้อำนวยการตู้ แต่… นายกับน้องชายหน้าไม่เหมือนกันเลย”

“ฉันหน้าเหมือนแม่ แต่แม่ตายไปแล้ว และตู้จ้งเหลียนดูเหมือนแม่ของเขา”

ถังซวงไม่แปลกใจเลยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอมองไปที่ตู้จ้งเหว่ยและพูดว่า “เทียบกันแล้ว นายดูดีกว่าอีก”

ตู้จ้งเหว่ยรู้สึกเขินอายขึ้นมาในทันที

“สหายถังซวง เธอก็พูดตรงเกินไป ฉันเขินนะ”

แต่ถังชุนหยานชำเลืองมองตู้จ้งเหว่ยและพูดว่า “พี่ซวงกำลังชมว่าพี่หน้าตาดี พี่จะเขินทำไม มันเป็นความจริงนี่ พี่ดูดีกว่าน้องชายตั้งเยอะ แต่พี่ดูไม่ค่อยฉลาด เห็น ๆ กันอยู่ว่าแม่เลี้ยงของพี่มีความสุขมากที่พี่ทะเลาะกับพ่อวันนี้ คราวหน้าอย่าทำอีกนะ”

วันนี้ ตู้จ้งเหว่ยเกือบจะตัดขาดกับพ่อของเขา แต่โหยวอี้หงกลับยกยิ้ม และมีความสุขมาก

ตู้จ้งเหว่ยไม่คาดคิดว่าถังชุนหยานจะพูดเรื่องนั้น เขาจึงชะงักไปเล็กน้อย

และนึกย้อนไป คนอื่น ๆ มักจะบอกให้เขาเชื่อฟัง อย่าสร้างปัญหาและเรียนรู้จากน้องชาย และพยายามเป็นคนที่ดีเลิศเสมอ

เมื่อเห็นท่าทางสับสนของตู้จ้งเหว่ย ถังชุนหยานก็ตระหนักว่าสิ่งที่เธอเพิ่งพูดอาจไม่เหมาะสม แต่เธอแน่ใจว่าตัวเองมองไม่ผิด ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะเตือนว่า “วันนี้ฉันเห็นแม่เลี้ยงของพี่แอบมีความสุข ดังนั้นอย่าคิดว่าฉันกำลังยุให้เกิดความขัดแย้งในครับครัวพี่เลยนะ”

ถังซวงไม่คาดคิดว่าถังชุนหยานจะสังเกตเหมือนกัน จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ชุนหยานพูดถูก แม่เลี้ยงของนายต้องการให้นายตัดความสัมพันธ์กับครอบครัว” นั่นเป็นเหตุผลที่เธอขัดจังหวะตู้จ้งเหว่ย ก่อนที่เขาจะพูดจบ

แม้แต่ถังเซวี่ยที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว แม่เลี้ยงและน้องชายของพี่ดูเหมือนจะไม่ชอบพี่เลย”

เห็นถังซวง ถังเซวี่ย และถังชุนหยานพูดเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของตู้จ้งเหว่ยก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ……”

และนึกย้อนไป คนอื่น ๆ มักจะบอกให้เขาเชื่อฟัง อย่าสร้างปัญหาและเรียนรู้จากน้องชาย และพยายามเป็นคนที่ดีเลิศเสมอ

เมื่อเห็นท่าทางสับสนของตู้จ้งเหว่ย ถังชุนหยานก็ตระหนักว่าสิ่งที่เธอเพิ่งพูดอาจไม่เหมาะสม แต่เธอแน่ใจว่าตัวเองมองไม่ผิด ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะเตือนว่า “วันนี้ฉันเห็นแม่เลี้ยงของพี่แอบมีความสุข ดังนั้นอย่าคิดว่าฉันกำลังยุให้เกิดความขัดแย้งในครับครัวพี่เลยนะ”

ถังซวงไม่คาดคิดว่าถังชุนหยานจะสังเกตเหมือนกัน จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ชุนหยานพูดถูก แม่เลี้ยงของนายต้องการให้นายตัดความสัมพันธ์กับครอบครัว” นั่นเป็นเหตุผลที่เธอขัดจังหวะตู้จ้งเหว่ย ก่อนที่เขาจะพูดจบ

แม้แต่ถังเซวี่ยที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว แม่เลี้ยงและน้องชายของพี่ดูเหมือนจะไม่ชอบพี่เลย”

เห็นถังซวง ถังเซวี่ย และถังชุนหยานพูดเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของตู้จ้งเหว่ยก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ……”

ในตอนท้ายของการหัวเราะ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยการประชดประชัน “ทุกคนคงเห็นแล้ว แต่พ่อที่ดีของฉันกลับคิดว่าโหยวอี้หงใจดีกับฉันมาก ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะมองออกเหมือนกัน”

บทที่ 334 ผลิตภัณฑ์ใหม่

บทที่ 334 ผลิตภัณฑ์ใหม่

เมื่อเมิ่งผิงจากไปแล้ว เมิ่งซือเซี่ยก็เพิ่งกลับมาถึง และเห็นว่าแม่กำลังยืนอยู่ในบ้านอย่างขุ่นเคือง จึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความอยากรู้ว่า “แม่คะ มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ? ไม่ร้อนหรือ?”

เห็นลูกสาวกลับมา เหยาเหลียงเสียนขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยปากถาม “วันนี้ลูกไม่ได้ไปโรงเรียนหรือไง? ทำไมกลับมาตอนนี้? ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนสักหน่อย”

“หนูปวดท้องน่ะค่ะ เลยกลับมาก่อน”

ได้ยินคำตอบของลูกสาว เหยาเหลียงเสียนดึงเมิ่งซือเซี่ยมาใกล้ก่อนจะถามต่อ “เกิดอะไรขึ้น? กินอะไรผิดสำแดงหรือเปล่า? ถ้าปวดมากเดี๋ยวแม่จะพาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”

“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะแม่ หนู… หนูเป็นประจำเดือนน่ะเลยรีบกลับบ้าน กางเกงในเปื้อนนิดหน่อย แต่โชคดีที่วันนี้หนูใส่ชั้นในสีดำเลยมองไม่เห็น ไม่อย่างนั้นคงต้องอายเพื่อนร่วมชั้นมากแน่เลย” เมิ่งซือเซี่ยรีบเดินกลับเข้าบ้าน “แม่คะ หนูขอไปล้างตัวแล้วเปลี่ยนกางเกงก่อนนะคะ”

ได้ยินลูกสาวตอบอย่างนั้น เหยาเหลียงเสียนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนจะตำหนิเบา ๆ “เพราะลูกไม่จำรอบเดือน เลยไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าน่ะสิ”

“หนูก็แค่ลืมเองนี่”

เมิ่งซือเซี่ยแลบลิ้นอย่างซุกซนก่อนจะรีบเดินเข้าบ้านเพื่อจัดการตัวเอง ก่อนจะเดินออกมาอีกครั้งอย่างสดชื่น

เหยาเหลียงเสียนที่เห็นลูกสาวเดินออกมา พลันนึกถึงถังซวงได้จึงเอ่ยปากถาม “ลูกอยู่ห้องเดียวกับถังซวงใช่ไหม? ปกติได้พูดคุยกันบ้างไหม? แล้วสนิทกันไหม?”

เห็นแม่ถามถึงเรื่องนี้ เมิ่งซือเซี่ยหันมองด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยปากตอบกลับ “ทำไมแม่ถึงถามเรื่องถังซวงล่ะคะ? หนูกับเธอไม่ค่อยคุยกันหรอกค่ะ ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็เฉย ๆ ไม่สุงสิงกันค่ะ”

“แม่ก็แค่ถามเฉย ๆ”

เมิ่งซือเซี่ยยังไม่เข้าใจ “แม่คะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าทำไมถึงถามเรื่องถังซวงล่ะ?”

“ป้าลูกเพิ่งมาเยี่ยมเมื่อกี้น่ะ เราได้คุยกันนิดหน่อย แม่ได้ยินว่าแม่ของถังซวงตั้งครรภ์แล้ว และดูเหมือนจะได้ลูกแฝดด้วยนะ หลังจากนี้ทั้งคุณนายจิงและคุณชายจิงจะยิ่งให้ความสำคัญกับสะใภ้สามมากขึ้นไปอีก แต่ป้าของลูกนี่สิ กลับไม่สนใจเรื่องอะไรเลย แล้วยังไม่พอใจสิ่งที่แม่พูดด้วย” เหยาเหลียงเสียนยังคงโกรธอยู่

“อะไรนะ…”

เมิ่งซือเซี่ยประหลาดใจมาก “เรื่องนี้… แม่ของถังซวงก็น่าจะอายุมากแล้วไม่ใช่หรือคะ ท้องงั้นหรือ น่าแปลกใจจริง ๆ”

“อืม น่าแปลก”

เหยาเหลียงเสียนเห็นด้วย แต่ในใจของเธอก็ลอบอิจฉาชีวิตของเฮ่อหลานไม่น้อย ไม่เพียงแต่ได้แต่งงานกับจิงเจ้อหรง แต่ตอนนี้ยังสามารถมีลูกให้กับจิงเจ้อหรงอีก ชีวิตของเธอต้องสุขสบายแน่ ๆ

ส่วนเฮ่อหลานไม่รู้เลยว่าใครบางคนกำลังอิจฉาตนเองอยู่ ในขณะนี้เธอกำลังนั่งคุยกับพานลี่ฮวา หลังจากพูดคุยกันสักครู่หนึ่ง พานลี่ฮวาเปิดกระเป๋าพร้อมกับหยิบเอกสารบางอย่างออกมายื่นให้

“พี่สะใภ้ นี่คืออะไรคะ?”

เฮ่อหลานมองพานลี่ฮวาด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ได้เปิดมันในทันที

พานลี่ฮวายัดแฟ้มใส่มือของเฮ่อหลานพร้อมกับพูดว่า “เดี๋ยวเปิดดูก็จะรู้เองจ้ะ”

เฮ่อหลานมองเอกสารในมือ ก่อนจะหันมองพานลี่ฮวาสลับกัน เมื่อเธอเปิดออกและอ่านดูสิ่งที่อยู่ภายใน เธอรีบส่งมันคืนทันที “พี่สะใภ้นี่มันเรื่องอะไรกันคะ? ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” ด้านในคือโฉนดที่ดินของบ้านหลายหลัง ทั้งยังมีที่ดินอีกมากมาย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามูลค่าของสิ่งเหล่านี้รวมกันคือเท่าไหร่

แต่พานลี่ฮวาผลักเอกสารทั้งหมดใส่มือของเฮ่อหลานก่อนจะพูดต่อว่า “ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พ่อแม่ตั้งใจให้เธอ พวกเขามีความสุขมากเลยนะที่รู้ว่าเธอตั้งครรภ์แล้ว ทั้งหมดนี้คือของรับขวัญหลานที่กำลังจะเกิดมา ซวงเอ๋อร์และเสี่ยวเซวี่ยก็เคยได้รับของขวัญไม่ใช่หรือ? ตากับยายจะอดทนไม่มอบของขวัญให้กับหลานในอนาคตของพวกเขาได้ยังไง?”

“พี่สะใภ้ ลูกของฉันยังไม่คลอดเลยค่ะ ของขวัญอะไรกัน”

“ไม่ต้องห่วงหรอก เธอไม่ควรปฏิเสธของขวัญของลูกตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยลำเอียง อีกอย่างซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน ถ้าเธอไม่รับมันไว้ คุณพ่อกับคุณแม่คงต้องมาที่นี่ด้วยตัวเองเพื่อขอให้เธอยอมรับของขวัญแน่”

เห็นท่าทางดื้อรั้นของพานลี่ฮวาแล้ว เฮ่อหลานรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “พี่สะใภ้ คุณลุงคุณป้าคิดมากเกินไปแล้วค่ะ”

“ไม่เลย ไม่คิดมากเลย อีกไม่นานเด็กทั้งสองคนก็จะคลอดแล้วนี่”

พานลี่ฮวายังคงยืนยันหนักแน่น ในที่สุดเฮ่อหลานก็ต้องรับของขวัญเหล่านี้ไว้อย่างช่วยไม่ได้

“อาหลาน หากมีเงินอยู่ในมือ เธอก็ไม่ต้องกังวลอะไรเลย เก็บไว้เถอะนะ ฉันรู้ว่าตระกูลจิงดูแลเธอ ซวงเอ๋อร์ และเสี่ยวเซวี่ยเป็นอย่างดี แต่ถ้าเธอมีทรัพย์สินเป็นของตัวเองมันจะทำให้เธอรู้สึกมั่นคงยิ่งขึ้น ความมั่นคงของครอบครัวจะเกิดจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของเธอนะ”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว ดวงตาของเฮ่อหลานแดงเรื่อขึ้นมา

“ขอบคุณพี่สะใภ้มากนะคะ”

“อาหลานไม่ต้องคิดมากหรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกันจะมาขอบคุณอะไรกันล่ะ อีกอย่างช่วงนี้เป็นฉันที่ต้องรบกวนเธอด้วย” ขณะพูดอย่างนั้นพานลี่ฮวาหัวเราะออกมา “ความจริงแล้วฉันต้องขอบคุณเธอ ขอบคุณซวงเอ๋อร์ เพราะตอนนี้ทุกคนเรียกฉันว่าประธานพานทุกครั้งที่เดินไปข้างนอกเลย”

เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของพานลี่ฮวา เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เห็นเฮ่อหลานมีความสุข พานลี่ฮวาก็โล่งใจไปด้วย เธอนั่งพูดคุยกับเฮ่อหลานอีกสองสามประโยคเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มง่วง เธอจึงบอกให้เฮ่อหลานไปพักผ่อน “อาหลาน ไปงีบสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปที่สวนหลังบ้านสักหน่อย ไปดูชุนหยานว่าเป็นยังไงบ้างเผื่อมีอะไรให้ช่วย”

“ค่ะ”

หลังจากที่พานลี่ฮวาออกไปแล้ว เฮ่อหลานก็ผล็อยหลับไป

ส่วนถังซวงที่กลับมาก็เห็นว่าพานลี่ฮวากำลังช่วยถังชุนหยานกำลังทำยา จึงพูดขึ้นว่า “คุณป้าคะ ทำไมถึงมาที่สวนหลังบ้านล่ะคะ? ฉันกับชุนหยานทำเองก็ได้”

พานลี่ฮวาเห็นว่าถังซวงกลับมาแล้ว ก็ยกยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “มันน่าสนใจมากกับการทำของพวกนี้น่ะ ฉันเลยคิดว่าช่วยชุนหยานทำจะเร็วกว่า อีกอย่างมันก็ไม่ได้ยากอะไรด้วย งานเร่งขนาดนี้จะปล่อยให้เธอทำกับชุนหยานสองคนได้ยังไง”

เห็นพานลี่ฮวาดูจะสนุกไปกับงาน ถังซวงไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนจะกล่าวเสริมว่า “ถ้าคุณป้าชอบก็สามารถมาทำด้วยกันได้ค่ะ ความจริงก็ใกล้ถึงกำหนดการแล้ว ถ้าเราช่วยกันทำน่าจะเสร็จเร็วกว่า”

“จ้ะ ๆ อย่างนั้นฉันจะช่วยทำด้วยคน”

หลังจากนั้นพานลี่ฮวาก็เริ่มลงมือช่วยเหลือถังซวงและถังชุนหยานเพื่อทำผลิตภัณฑ์ใหม่ พอมีพานลี่ฮวามาช่วยเหลือ ดูเหมือนกับว่าสิ่งนี้จะเสร็จเร็วกว่ากำหนด

เมื่อเห็นความเร็วของถังชุนหยานแล้ว พานลี่ฮวาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองก่อนจะเอ่ยปากว่า “ชุนหยาน เธออยากไปเมืองก่างเฉิงกับฉันไหม? ถ้าเธอไปกับฉัน ฉันจะจ่ายเงินเดือนให้เธออย่างดีเลยล่ะ และเธอจะได้รับตำแหน่งผู้จัดการด้วย”

ถังชุนหยานส่ายศีรษะรวดเร็วก่อนจะตอบกลับว่า “ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากไปค่ะ ฉันอยากอยู่กับพี่สาวซวง อีกอย่างพี่สาวซวงก็ให้เงินเดือนฉันมากพอแล้ว ฉันคิดว่าเท่านี้ก็พอแล้วค่ะ”

“โธ่เอ๊ยเด็กน้อย ฉันรู้ว่าค่าจ้างของเธอในเมืองหลวงนี่ไม่ได้มากมายหรอก แต่ถ้าเธอไปเมืองก่างเฉิงกับฉัน ฉันให้เธอเดือนละ 1,500 หยวนเลยนะ เธอลองคิดดูอีกทีสิ”

“หนึ่งพันห้าร้อย…”

ถังชุนหยานตกตะลึงกับตัวเลขที่อีกฝ่ายเสนอมา แต่สุดท้ายเธอยังคงส่ายศีรษะแล้วตอบว่า “ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันอยากจะติดตามพี่สาวซวง ชีวิตของฉันตอนนี้ก็ดีพอแล้วค่ะ”

“ก็ได้ ถ้าเธอไม่อยากไปฉันก็ไม่บังคับหรอก”

ถังซวงมองพานลี่ฮวาด้วยแววตาขบขัน

ก่อนจะพูดว่า “คุณป้าคะ คุณป้ากินที่ฉันอยู่น่ะค่ะ”

“อ้าว ฉันกินที่หรือ?”

ขณะที่ทั้งสามกำลังพูดคุย แต่มือของพวกเขายังคงไม่หยุดนิ่ง พานลี่ฮวายกมือขึ้นยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย เพราะถ้าหากเธอต้องทำงานนี้เพียงคนเดียว แน่นอนว่าเธอคงไม่สามารถทำได้แน่

หลังจากทำงานอย่างหนักมาหลายวัน ผลิตภัณฑ์ใหม่ร้อยชุดก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมบรรจุหีบห่ออย่างสวยงาม จึงถึงเวลาที่พานลี่ฮวาจะกลับเมืองก่างเฉิง

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

Status: Ongoing
การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย เธอตื่นขึ้นมาในร่าง ‘ถังชวง’ เด็กสาวในยุค 70 ที่มีชีวิตแสนลำบากในตระกูลที่กขี่ทั้งเธอ แม่กับน้องสาว… แต่จากนี้เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอจะเป็นเศรษฐีนี่ให้ได้เลย! นิยายแปลเรื่อง การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย [重返七零之空间小辣] ผู้แต่ง:钰儿 เรื่องย่อ: เธอเกิดใหม่มาในร่งของ ถังซวง’ เด็กสาวที่ถูกกใน ยุค 70!! แถมยังต้องมาเจอกับพ่อใจร้ายที่วัน ๆ เาแต่ทุบตี เธอเลยต้องวางแผนให้แม่หย่ากับพ่อเฮงซวยแบบนี้แล้วพาแม่กับน้องสาว ออกไปจากตระกูลปรสิตนี่ และหลังออกจากระกูล เธอก็มุ่งมั่นตั้งใจพาครอบครัวไปสู่เส้นทางเศรษฐีนี่ให้ได้ในสักวัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท