บทที่ 338 ดูไม่ค่อยฉลาด
บทที่ 338 ดูไม่ค่อยฉลาด
ตู้จ้งเหว่ยพูดอย่างประชดประชัน แต่ในดวงตาของเขากลับฉายแววเศร้าสร้อย ทำให้ถังซวง ถังเซวี่ย และถังชุนหยานพูดไม่ออก ในที่สุดตู้จ้งเหว่ยก็หยุดหัวเราะ ส่ายหน้าและพูดว่า “ลืมมันไปเถอะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว แต่ขอบคุณที่พวกเธอเตือนฉันนะ”
“ถึงเราไม่เตือน นายก็รู้ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขอบคุณเราหรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของตู้จ้งเหว่ยก็เย็นชาลงมาก “ใช่ แน่นอนฉันรู้ ตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามา เธอปฏิบัติต่อฉันอย่างดีเพียงผิวเผิน แต่เบื้องหลังเธอทำให้ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมาก มันไม่ง่ายเลยที่ฉันจะโตมาอย่างปลอดภัยแบบนี้” ตู้จ้งเหว่ยรู้สึกว่าตัวเองนั้นเก่งมาก
ถังชุนหยานมองไปที่ตู้จ้งเหว่ยด้วยความเห็นอกเห็นใจและพูดว่า “ฉันได้ยินจากพี่ซวงว่าพ่อของพี่เป็นผู้อำนวยการสถานีตำรวจ แต่ชีวิตของพี่น่าสงสาร พี่เคยบอกพ่อเกี่ยวกับแม่เลี้ยงบ้างหรือเปล่า ไม่ว่ายังไงเขาก็คือพ่อของพี่ เขาจะทนดูพี่ถูกรังแกได้ยังไง”
“เหอะ… ตอนเด็กฉันเคยบอกพ่อแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยเชื่อฉันเลย เขาเอาแต่คิดว่าฉันเป็นเด็กดื้อ พูดใส่ร้ายคนอื่นและโกหกตั้งแต่อายุยังน้อย หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้คุยเรื่องผู้หญิงคนนั้นกับเขาอีกเลย”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็น่าสงสารเกินไปแล้ว พ่อของพี่ไม่เชื่อพี่ด้วยซ้ำ”
ถังชุนหยานรู้สึกเห็นอกเห็นใจตู้จ้งเหว่ยขึ้นมา และพบว่าไม่ใช่เด็กทุกคนในปักกิ่งที่จะมีชีวิตที่ดี “ดูเหมือนว่าแม่เลี้ยงของพี่จะมีอำนาจมาก คนอื่นจึงเชื่อเธอ แต่ไม่เชื่อพี่”
แต่ถังซวงชำเลืองมองตู้จ้งเหว่ยและพูดว่า “ดูเหมือนนายจะไม่ฉลาดแบบที่ชุนหยานพูดจริง ๆ แม้ว่าตอนยังเด็กนายจะยังไม่รู้กลอุบายของแม่เลี้ยง แต่ตอนนี้โตขึ้นแล้วก็ยังไม่รู้อีกหรือ? ในเมื่อรู้แล้ว ทำไมยังทำตัวโง่งมอยู่อีกล่ะ ถ้าวันนี้นายเป็นคนที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม คนอื่นอาจจะเต็มใจเชื่อคำพูดของนายก็ได้”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการเรียนดีล่ะ”
ถังซวงชำเลืองมองตู้จ้งเหว่ยแล้วพูดว่า “ถ้าฉันบอกอาจารย์เหมาว่านายตีฉัน นายคิดว่าอาจารย์เหมาจะเชื่อไหม”
ตู้จ้งเหว่ย “…”
เขาสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าอาจารย์เหมาจะเชื่ออย่างแน่นอน ท้ายที่สุดความคิดของทุกคนที่มีต่อเขาคือเขาเป็นพวกชอบสร้างปัญหาตลอด แต่กลับกันถังซวงเป็นนักเรียนระดับต้น ๆ เธอมีผลการเรียนที่น่าเหลือเชื่อ คนส่วนใหญ่จึงจะเชื่อคำพูดของถังซวงมากกว่า
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ตู้จ้งเหว่ยก็ตอบสนองเช่นกัน
“แต่มันสายเกินไป ฉันทำให้คนอื่นมีความคิดแบบนี้ไปแล้ว”
เมื่อเห็นว่าตู้จ้งเหว่ยเข้าใจ ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ไม่มีอะไรสายเกินไป ในอนาคตนายควรตั้งใจเรียนและสอบให้ได้คะแนนดี ๆ วิธีนี้จะสร้างความประทับใจที่คนอื่นมีต่อนายได้แน่ นายต้องค่อย ๆ พัฒนานะ แต่… เพราะหน้าตาที่ไม่ฉลาดของนาย ก็ไม่รู้ว่าจะพัฒนาผลการเรียนได้ไหม”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังเซวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองถังซวงเพื่อบอกเธอว่าอย่าพูดแรงเกินไป
ถังชุนหยานก็พยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “ถูกต้อง พี่ไม่ฉลาดขนาดนี้ ดังนั้นผลการเรียนของพี่ก็คงจะแย่มากแน่”
เมื่อถังซวงบอกว่าเขาไม่ฉลาด ตู้จ้งเหว่ยก็พูดไม่ออกไปเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินถังชุนหยานพูดแบบเดียวกัน ในตอนนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองเธอแล้วพูดว่า “ฉันฉลาดมาก ตอนที่อยู่ประถมและมัธยมต้นผลการเรียนของฉันก็ดีมากด้วย”
“ตัวนายเองก็ยังพูดเลยว่าประถมและมัธยมต้น ตอนนี้นายอยู่มัธยมปลายนะ ฉันได้ยินมาว่ามัธยมปลายยากกว่ามัธยมต้นมาก ดังนั้นยอมรับมันไปเถอะ”
ตู้จ้งเหว่ยรู้สึกว่าเขากำลังจะถูกถังชุนหยานยั่วยุ คนเหล่านี้คิดว่าเขาไม่ฉลาดจริง ๆ แล้วจะให้เขาทนได้อย่างไร “เอาล่ะ การสอบครั้งต่อไปฉันจะทำให้ดีอย่างแน่นอน ให้พวกเธอดูว่าฉันฉลาดจริงหรือเปล่า”
“ได้เลย ฉันจะคอยถามพี่ซวงว่าพี่สอบเป็นยังไงบ้าง”
ถังชุนหยานรู้สึกว่าตู้จ้งเหว่ยน่าสงสารมาก เธอจึงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกไป “ถ้าพี่ทำข้อสอบได้ดี ฉันจะเลี้ยงอาหารพี่เอง ดีไหม”
“งั้นเธอก็เตรียมเงินไว้ได้เลย”
ตู้จ้งเหว่ยพูดด้วยความโกรธและกินข้าวอีกชามก่อนจะกลับบ้านไป
เมื่อตู้จ้งเหว่ยกลับถึงบ้าน เขาเห็นว่าตู้หรงหมิงและแม่เลี้ยง รวมถึงตู้จ้งเหลียนน้องชายกำลังรออยู่
เมื่อเห็นตู้จ้งเหว่ยกลับมาแล้ว ตู้หรงหมิงจึงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบที่หาได้ยาก “วันนี้แกพาคุณถังซวงและคนอื่นไปไหนมา”
“เกี่ยวอะไร…”
เดิมทีตู้จ้งเหว่ยวางแผนที่จะตอกกลับตามปกติ แต่เมื่อเขานึกถึงถังซวงและคนอื่น ๆ ที่บอกว่าเขาไม่ฉลาด เขาก็ยั้งไว้และตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างจากเมื่อก่อน “ผมพาพวกเธอไปที่ถนนสายเก่า”
เมื่อเห็นว่าลูกชายตอบคำถามของเขา แม้น้ำเสียงจะไม่ดี แต่สีหน้าของตู้หรงหมิงก็ผ่อนคลายลงมาก “ดีมาก แกกินข้าวเย็นแล้วหรือยัง”
“กินแล้ว”
“กินข้าวกับพวกคุณถังซวงมาใช่ไหม”
“ใช่”
ตู้หรงหมิงไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าลูกชายคนโตและถังซวงจะมีความสัมพันธ์อันดี ไม่เพียงแต่ไปซื้อของด้วยกันที่ถนนสายเก่า แต่ยังทานอาหารเย็นด้วยกันอีก “ดูเหมือนว่าแกกับคุณถังซวงจะสนิทกันนะ ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาส แกเชิญเพื่อน ๆ มาเล่นที่บ้านก็ได้ เราจะต้อนรับเพื่อนแกอย่างดีเลยล่ะ”
คำพูดนี้เหมือนเป็นการบอกว่าให้เขาเชิญถังซวงมาที่บ้านอย่างไรอย่างนั้น
ตู้จ้งเหว่ยชำเลืองมองพ่อ แน่นอน พ่อไม่เคยสนใจตัวเขาเลย สิ่งที่เขาสนใจคือแม่และลูกชายของโหยวอี้หง และอาชีพของเขาเอง
แม้ว่าหัวใจของชายหนุ่มจะด้านชามานานแล้ว แต่ตู้จ้งเหว่ยก็ยังรู้สึกผิดหวัง แต่หลังจากคิดถึงสิ่งที่ถังซวงและคนอื่น ๆ พูด มันก็เป็นเรื่องยากที่ตู้จ้งเหว่ยจะปฏิเสธพ่อของตัวเอง เขาจึงพูดอย่างลังเล “ผมไม่รับประกันว่าเพื่อนจะมา ไว้วันจันทร์หลังเลิกเรียนจะลองถามให้ครับ”
“ตกลง ถ้างั้นก็ไปถามมาแล้วกัน”
หลังจากพูดเช่นนี้ พ่อและลูกชายก็เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง
ตู้จ้งเหว่ยเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ “พ่อครับ ผมขอตัวกลับห้องก่อน”
“ได้ ๆ รีบไปเถอะ”
ตู้หรงหมิงโบกมือและบอกให้ตู้จ้งเหว่ยไปพักผ่อน
อีกด้าน หลังจากที่ถังซวงนำถังเซวี่ยและถังชุนหยานกลับไปที่บ้านของตระกูลจิงแล้ว เฮ่อหลานก็รีบออกมาและถามด้วยความกังวลว่า “ซวงเอ๋อร์ วันนี้ลูกไปไหนมา? สนุกไหม? ”
“แม่คะ เราสบายดีค่ะ”
ถังเซวี่ยและถังชุนหยานพยักหน้าเช่นกัน “ใช่ค่ะเรามีความสุขมาก”
เมื่อเห็นว่าทุกคนมีความสุขมาก เฮ่อหลานก็โล่งใจ
“วันนี้ไปข้างนอกมาทั้งวันแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
หลังจากถังซวงกลับไปที่ห้อง เธอก็อาบน้ำแล้วไปพักผ่อน
เมื่อถึงเวลาต้องไปโรงเรียนในวันจันทร์ ตู้จ้งเหว่ยมาโรงเรียนแต่เช้าตรู่และนั่งอ่านหนังสือเป็นครั้งแรก
ทั้งจู้เจินเจินและเมิ่งซือเซี่ยที่โต๊ะด้านหน้าหันกลับมามองด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของตู้จ้งเหว่ย พวกเธออดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบกัน “ตู้จ้งเหว่ยคงไม่ได้กำลังจะตั้งใจเรียนใช่ไหม”
คนอื่น ๆ ก็ประหลาดใจเช่นกัน แต่ปกติแล้วพวกเขาจะไม่เข้าไปสุงสิงกับตู้จ้งเหว่ย จึงไม่ได้พูดอะไรมาก
หลังจากที่ถังซวงมาถึง เธอพบว่าหลายคนในห้องเรียนกำลังอ่านหนังสืออยู่ เธอจึงไม่ได้สนใจมากนัก เลยไปที่ที่นั่งและหยิบหนังสือเรียนออกมา
บทที่ 335 เป้าหมาย
บทที่ 335 เป้าหมาย
หลังจากที่พานลี่ฮวาตัดสินใจว่าจะกลับเมืองก่างเฉิง เธอหันมาพูดคุยกับถังซวงเกี่ยวกับสาขาใหม่ “ซวงเอ๋อร์ ฉันนำเงินปันผลของเธอกลับมาให้ด้วยนะ แต่ถ้าต้องการเปิดสาขาใหม่ เราคงต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็ควรหักจากปันผลของเรา”
ถังซวงพยักหน้ารับก่อนจะพูดต่อว่า “คุณป้าคะ คุณป้าตัดสินใจได้เลยค่ะ ฉันจะรับผิดชอบเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้วรอรับเงินปันผล ส่วนคุณป้าไปจัดการเรื่องอื่น ๆ ได้เลยค่ะ”
เมื่อเห็นว่าถังซวงเชื่อมั่นในตัวเธออย่างนั้นแล้ว พานลี่ฮวาอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างมั่นใจ “ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นนะ ฉันจะทำให้บริษัทเครื่องสำอางซวงฮวา จำกัดของเราร่ำรวย และจะดึงดูดฐานลูกค้าที่เป็นภรรยาคนร่ำรวยในเมืองก่างเฉิงด้วย”
เมื่อเห็นจิตวิญญาณการขายของพานลี่ฮวาแล้ว ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “คุณป้าคะ อย่างนั้นฉันขอฝากบริษัทกับคุณป้าด้วยนะคะ” จากนั้นเธอก็ยื่นยาบางอย่างที่เตรียมไว้ให้กับพานลี่ฮวา “คุณป้าคะ ยานี้สำหรับคุณตาและคุณยาย ส่วนยานี้สำหรับคุณลุง อีกขวดสำหรับพี่เจียรุ่ย แล้วก็คุณป้าด้วยค่ะ มันดีต่อสุขภาพมาก ต้องทานทุกวันห้ามลืมเด็ดขาดนะคะ”
พานลี่ฮวาเชื่อมั่นในถังซวง อีกอย่างพ่อแม่สามีของเธอก็มีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากทานยาของถังซวง ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ต้องขอบคุณถังซวง “ขอบคุณจ้ะซวงเอ๋อร์”
พอเฮ่อหลานทราบว่าพานลี่ฮวากำลังจะจากไป ก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย
“พี่สะใภ้ ไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยหรือคะ?”
พานลี่ฮวาเองก็ยังไม่ต้องการจะกลับ แต่เธอเริ่มคิดถึงบ้านขึ้นมาแล้ว “อาหลาน ฉันอยู่ในเมืองหลวงมาครึ่งเดือนแล้ว ถึงเวลาต้องกลับแล้วจ้ะ อีกอย่างมีเรื่องมากมายในบริษัทที่ฉันต้องกลับไปจัดการด้วย”
เฮ่อหลานถอนหายใจก่อนจะตอบกลับว่า “ค่ะพี่สะใภ้ อย่างนั้นเดี๋ยวให้ซวงเอ๋อร์ไปส่งพี่ที่สถานีรถไฟวันพรุ่งนี้นะคะ”
“จ้ะ”
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานดูเศร้าหมอง พานลี่ฮวาจับมืออีกฝ่ายพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “เดี๋ยวหลังจากเธอคลอดลูก พวกเราจะมาหาเธออีกดีไหม”
เฮ่อหลานพยักหน้ารับก่อนจะมอบของขวัญที่เตรียมไว้ก่อนหน้าให้กับพานลี่ฮวา “พี่สะใภ้คะ ฉันเตรียมของบางอย่างให้กับคุณลุงคุณป้าด้วย รบกวนพี่นำมันกลับไปให้พวกท่านด้วยนะคะ”
“ได้สิ ฉันจะส่งให้ถึงมือเลยล่ะ”
หลังจากทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อย พวกเขาก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
วันรุ่งขึ้น ถังซวง ถังเซวี่ย และถังชุนหยานก็ออกไปส่งพานลี่ฮวาด้วยกัน
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ชุนหยาน กลับบ้านดี ๆ นะจ๊ะ”
ถังเซวี่ยส่ายศีรษะก่อนจะก้าวไปด้านหน้า คว้าแขนพานลี่ฮวาเอาไว้ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณป้าคะ พวกเราจะส่งคุณป้าขึ้นรถก่อนค่ะ”
เห็นความอ่อนหวานของถังเซวี่ยอย่างนั้นแล้ว พานลี่ฮวาอดไม่ได้ที่จะดึงอีกฝ่ายมากอดเอาไว้ “เสี่ยวเซวี่ยของป้าน่ารักไม่เปลี่ยนเลย ป้าล่ะอยากจะพาเธอกลับไปด้วยจริง ๆ”
ถังเซวี่ยได้ยินอย่างนั้นถึงหัวเราะออกมา
“ไม่ได้ค่ะคุณป้า ฉันอยากอยู่รอน้องทั้งสองคนของฉันคลอดนะคะ”
พานลี่ฮวาหัวเราะเมื่อได้ยินอย่างนั้นก่อนจะตอบกลับว่า “จ้ะ ดูแลอาหลานให้ดีนะ ถ้าคลอดเมื่อไหร่พวกเราจะมาเยี่ยม”
“ค่ะคุณป้า พวกเราจะรอนะคะ”
ถังซวงและถังชุนหยานเดินไปด้านหน้าเพื่อกล่าวลากับพานลี่ฮวา และยืนรอจนกว่าพานลี่ฮวาขึ้นรถไฟ
“ชุนหยาน เดี๋ยวสุดสัปดาห์นี้ออกไปซื้อของกันนะ ตั้งแต่มาถึงเมืองหลวงเธอก็เอาแต่ทำงาน ยังไม่ได้พักผ่อนเลย ฉันจะพาเดินเที่ยวเมืองหลวงเอง” เมื่อนึกถึงวันที่ยุ่งเหยิงของถังชุนหยาน ถังซวงตัดสินใจมอบเงินซองใหญ่ให้กับเธอ
ได้ยินอย่างนั้น ถังชุนหยานพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้นก่อนจะพูดต่อว่า “ค่ะ ตกลง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาเมืองหลวง ฉันอยากจะไปเที่ยวรอบ ๆ เลยค่ะ”
ในช่วงสุดสัปดาห์ ถังซวง ถังเซวี่ย และถังชุนหยานออกไปเดินเล่นบนถนน
“โห… เมืองหลวงนี่สวยจริง ๆ มีแต่ความเจริญ”
ถังชุนหยานรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้า เธออยากจะซื้อทุกอย่างที่พบเจอ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยังมีความยับยั้งชั่งใจอยู่บ้าง จนกระทั่งไม่ได้ซื้ออะไรสักอย่าง
“ชุนหยาน หวีเขาวัวนี่ดูดีเลยนะ ไม่ซื้อหรือ?”
ถังชุนหยานตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ตอนนี้ฉันอาศัยอยู่ในบ้านของพี่สาวซวง มันมีทุกอย่างครบหมดแล้วรวมถึงหวีด้วย ฉันเลยคิดว่ามันไม่จำเป็นน่ะค่ะ”
หลังจากนั้นถังชุนหยานหันมองของอื่น ๆ แม้เธอจะอยากได้พวกมันมาก แต่เธอก็ไม่ได้ซื้อของที่ไม่จำเป็น
เห็นอย่างนั้นถังซวงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “ชุนหยาน เธอเสียดายเงินหรือ? งั้นถ้าเธอต้องการอะไรเดี๋ยวฉันซื้อให้เอง ไม่ต้องกลัวหรอก”
ได้ยินแล้วถังชุนหยานโบกมือรวดเร็วก่อนจะตอบว่า “พี่สาวซวง ไม่ต้องซื้อให้ฉันหรอกค่ะ เมื่อวานนี้พี่ให้ซองใหญ่กับฉันแล้ว ฉันมีเงินไว้ก็อุ่นใจ ไว้ฉันจะไปร้านเสื้อผ้าทีหลังแล้วกันค่ะ ตอนนี้ฉันอยากได้เสื้อผ้าแค่ไม่กี่ชุด นอกนั้นก็ไม่อยากได้อะไรแล้ว”
“ยากมากนะที่จะมีโอกาสได้ออกมาเดินซื้อของ เธอซื้อของที่ชอบไปเถอะ”
ถังชุนหยานก็อยากจะซื้อทุกสิ่งที่เธอชอบ แต่เธอมีเป้าหมายในใจชัดเจนแล้วจึงคิดประหยัดเงินเอาไว้ “พี่สาวซวงฉันไม่อยากได้อะไรจริง ๆ ค่ะ วันนี้ฉันจะซื้อแค่เสื้อผ้าก็พอแล้ว”
“พี่ชุนหยาน ทำไมถึงประหยัดจังล่ะคะ?” ถังเซวี่ยมองถังชุนหยานด้วยความสงสัย เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีบางอย่างที่ผิดปกติไป
ถังชุนหยานจับเปียผมด้วยความเขินอายก่อนจะกล่าวเป้าหมายสูงลิบของตัวเองออกมา “ฉันอยากมีบ้านในเมืองหลวงน่ะ ฉันจะซื้อบ้านที่นี่”
เธอไม่คิดจะกลับไปยังบ้านเกิดอีกแล้ว เพราะทันทีที่กลับไป เธอคงถูกครอบครัวบังคับให้แต่งงาน เมื่อนึกถึงบทบาทของหญิงสาวในชนบท เธอรู้สึกไม่อยากยอมรับสิ่งนั้น อีกอย่างเมื่อเธอเห็นเฮ่อหลาน อวี๋มิน และเมิ่งผิง เธอก็รู้สึกว่าการแต่งงานที่บ้านเกิดไม่ใช่หนทางที่ดี ดังนั้นเธอจึงต้องการจะอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้เพื่อตัวเอง
ถังซวงกับถังเซวี่ยได้ยินคำพูดของถังชุนหยานอย่างนั้น ก็ถึงกับตกตะลึง
ถังซวงหันมองถังชุนหยานพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย “ดีแล้วที่เธออยากจะหาเงินเพื่อซื้อบ้านและอยู่ที่เมืองหลวง”
ถังชุนหยานเห็นว่าถังซวงเห็นด้วยกับความคิดของตน เธอยิ้มกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ค่ะพี่สาวซวง ฉันจะตั้งใจทำงาน”
ถังเซวี่ยเองก็อดไม่ได้ที่จะให้กำลังใจ “เอาล่ะ พี่ชุนหยาน งั้นวันนี้พี่ก็เก็บเงินไว้แล้วกัน เดี๋ยวพี่สาวกับฉันจะซื้อของให้พี่เอง”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก พี่สาวซวงให้ฉันเยอะแล้ว ฉันจะให้พวกคุณจ่ายอีกได้ยังไงล่ะ” ถังชุนหยานปฏิเสธทันที และจ่ายเงินเพื่อซื้อเสื้อผ้าของตัวเอง ไม่ยอมให้ถังซวงกับถังเซวี่ยจ่ายให้โดยเด็ดขาด อีกอย่างเธอก็ไม่ได้ซื้อมากมายนัก เพียงแค่เสื้อผ้าสองชุดเท่านั้น
เมื่อเห็นถังชุนหยานไม่ต้องการซื้ออะไรอีก ถังซวงกับถังเซวี่ยจึงพาเธอไปร้านอาหาร “ถ้าไม่อยากซื้ออะไรแล้ว งั้นเราก็ไปกินมื้อเที่ยงข้างนอกก็แล้วกันนะ”
เห็นถังซวงพูดอย่างนั้น ถังชุนหยานเดินติดตามอีกฝ่ายไปที่ตรอกเล็ก ๆ โดยไม่คัดค้าน
“อาหารที่นี่ค่อนข้างดีเลยล่ะ เรากินมื้อเที่ยงที่นี่แล้วกัน”
ถังชุนหยานยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ “ค่า”
หลังจากที่ทั้งสามเดินเข้ามา ถังซวงพาถังเซวี่ยและถังชุนหยานนั่งลงอย่างสบาย ๆ แต่ก่อนจะสั่งอาหาร ทันใดนั้นก็มีเสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้นจากที่ประตู “ตู้จ้งเหว่ย แกนี่นับวันยิ่งอวดดีขึ้นทุกวัน แกพูดกับแม่ของแกแบบนี้งั้นหรือ? รีบขอโทษเธอซะ!”
