การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย – บทที่ 339 ตั้งใจเรียน

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

บทที่ 339 ตั้งใจเรียน

บทที่ 339 ตั้งใจเรียน

ตู้จ้งเหว่ยเห็นถังซวงมาถึงแล้ว จึงหยุดอ่านหนังสือ และเงยหน้าขึ้นมองถังซวงพลางเอ่ยถาม “สหายถังซวง ถ้าฉันมีอะไรไม่เข้าใจ ฉันถามเธอได้ไหม”

ได้ยินแบบนั้น ถังซวงก็เหลือบมองตู้จ้งเหว่ยครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ได้”

“ขอบคุณมาก”

จู้เจินเจินกับเมิ่งซือเซี่ยที่อยู่โต๊ะหน้าก็ได้ยินบทสนทนานี้เช่นกัน จู้เจินเจินหันไปถามตู้จ้งเหว่ยด้วยความประหลาดใจ “ตู้จ้งเหว่ย ในที่สุดนายก็ตั้งใจเรียนแล้วหรือ หากมีอะไรไม่เข้าใจ นายสามารถถามฉันได้เลยนะ ฉันจะบอกทันทีเลย”

เมิ่งซือเซี่ยเหลือบมองตู้จ้งเหว่ยอย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนมาตั้งใจเรียน ไม่สมกับเป็นตู้จ้งเหว่ยเลย

ทว่าตู้จ้งเหว่ยกลับชำเลืองมองจู้เจินเจินอย่างเฉยเมย “คะแนนของเธอดีกว่าถังซวงเหรอ ในเมื่อฉันถามถังซวงได้ ฉันจะถามเธอทำไม”

“นาย….”

จู้เจินเจินไม่คิดเลยว่าตู้จ้งเหว่ยจะพูดแบบนั้น จึงรู้สึกอายและขุ่นเคืองทันที คะแนนของถังซวง ใครจะไปเทียบได้ นี่ตู้จ้งเหว่ยกำลังดูถูกเธออยู่หรือไง?

แต่เมิ่งซือเซี่ยที่ได้ยินคำพูดของตู้จ้งเหว่ย เธอเอ่ยด้วยความโกรธ “ตู้จ้งเหว่ย เจินเจินแค่อยากจะช่วยนาย ทำไมนายถึงพูดแบบนี้ แม้คะแนนเธอจะไม่ดีเท่าของถังซวง แต่คะแนนของเธอก็ยังดีกว่านายมาก มากเกินพอจะช่วยนายด้วยซ้ำ”

“โอ้ว… งั้นให้เธอช่วยแก้โจทย์เลขข้อนี้ให้ฉันดูหน่อยสิ”

ขณะกล่าว ตู้จ้งเหว่ยหยิบกระดาษคำถามชุดหนึ่งออกมา และวงข้อไว้ ก่อนส่งให้จู้เจินเจิน

จู้เจินเจินไม่คาดคิดว่าตู้จ้งเหว่ยจะถามคำถามเร็วขนาดนี้ แต่เธอไม่สนใจมากนัก และคิดว่าคำถามที่ตู้จ้งเหว่ยทำไม่ได้นั้นคงง่ายมากสำหรับเธอ ถึงอย่างไรตั้งแต่ที่เขาเข้าเรียนมัธยม เขาก็ไม่ค่อยตั้งใจเรียน แต่เมื่อจู้เจินเจินอ่านหัวข้อคำถามจบ สีหน้าเธอก็เคร่งเครียดเล็กน้อย

เธอ… ทำไม่ได้ โจทย์ข้อนี้ทำเธอเสียแรงทำความเข้าใจไปมากทีเดียว

เห็นจู้เจินเจินมีสีหน้าประหลาดใจ และนิ่งไปนาน ตู้จ้งเหว่ยจึงถามขึ้นมา “เธอทำเป็นไหม?”

เมิ่งซือเซี่ยที่ไม่เห็นความอับอายของจู้เจินเจิน ได้ยินคำพูดของตู้จ้งเหว่ย ก็เหลือบมองเขาแล้วเอ่ย “เจินเจิน ทำได้อยู่แล้ว นายรอให้เธออธิบายให้ฟังได้เลย”

“อ๋อ… ได้ งั้นฉันจะรอ”

ตู้จ้งเหว่ยเลิกคิ้ว ริมฝีปากวาดโค้งขึ้นเล็กน้อย พลางมองจู้เจินเจินแล้วแสร้งทำเป็นยิ้ม

และจู้เจินเจินรู้สึกเพียงว่าทุกคนรอบ ๆ กำลังมองมาที่เธอ เธออ่านโจทย์ตรงหน้าไปหลายรอบ แต่ก็ยังทำไม่ได้เหมือนเดิม และไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ด้วยเหตุนี้จึงมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาที่หน้าผากเพราะความเครียด

เมื่อเมิ่งซือเซี่ยเห็นจู้เจินเจินไม่พูดนานแล้ว ถึงค่อย ๆ รู้สึกตัวขึ้นมา และเอ่ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เจินเจิน หรือเธอจะทำไม่เป็น ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ” เมื่อเอ่ยมาถึงตอนนี้ เธอก็มอง ๆ ๆ มองจนเหงื่อออกหน้าผาก ทำไมคำถามข้อนี้ถึงได้ยากขนาดนี้ ตู้จ้งเหว่ยแกล้งเธอหรือเปล่า

“ดูเหมือนพวกเธอจะทำไม่ได้สินะ เห็นทีครั้งหน้าฉันคงต้องถามสหายถังซวงแล้ว”

เมื่อถังซวงได้ยินคำพูดของตู้จ้งเหว่ย เธออดชำเลืองมองเขาไม่ได้ เจ้าเด็กนี่คงไม่ได้ตั้งใจทำหรอกใช่ไหม เขาเตรียมหัวข้อนี้มานานแล้ว หรือเพิ่งหาแบบมั่ว ๆ เมื่อกี้ และประจวบเหมาะที่จู้เจินเจินกับเมิ่งซือเซี่ยทำไม่เป็นพอดี ตู้จ้งเหว่ยเลยมอบกระดาษให้อีกฝ่าย พอถังซวงเหลือบดูแล้ว จึงพบว่าข้อนี้มันยากจริง ๆ

แต่ระดับความยากนี้มีไว้สำหรับคนส่วนใหญ่เท่านั้น สำหรับเธอแล้วมันง่ายมาก

ถังซวงหยิบปากกาขึ้นมาเขียนแบบสบาย ๆ ไม่นานก็ส่งกระดาษคืนให้ตู้จ้งเหว่ย “เสร็จแล้ว นายดูขั้นตอนการแก้โจทย์ให้ละเอียดล่ะ หากมีตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามฉันได้เลย”

ตู้จ้งเหว่ยมองขั้นตอนแก้ปัญหาที่ชัดเจนแจ่มแจ้งตรงหน้า และพบว่ามันเข้าใจง่ายมาก เขาจึงรีบขอบคุณถังซวง “ขอบคุณสหายถังซวงมาก ฉันเข้าใจแล้วล่ะ”

จู้เจินเจินกับเมิ่งซือเซี่ยต่างก็จ้องไปที่ถังซวง ราวกับว่าเห็นดอกไม้ผุดมาจากใบหน้าอีกฝ่าย เป็นอย่างนั้นอยู่สักพัก โจทย์นั้นไม่ว่ายังไงเธอก็ทำไม่ได้ แต่ถังซวงแค่ดูแป๊บเดียว ก็เขียนวิธีออกมาได้อย่างง่ายดาย ทำไมช่องว่างระหว่างเราถึงได้มากขนาดนี้

ทว่าถังซวงไม่ได้สนใจจู้เจินเจินกับเมิ่งซือเซี่ยเลยสักนิด แต่กลับมองไปที่ตู้จ้งเหว่ยอย่างประหลาดใจ

ดูเหมือนผลการเรียนของเพื่อนร่วมโต๊ะคนนี้ไม่น่าจะแย่อย่างที่เธอคิด แม้ว่าคนส่วนใหญ่สามารถเข้าใจขั้นตอนการแก้ปัญหาได้ แต่ตู้จ้งเหว่ยที่ไม่เคยตั้งใจฟังอาจารย์ในชั้นเรียนเลย และไม่เคยจดบันทึกลงในหนังสือ แต่เขาก็ยังเข้าใจอะไร ๆ อย่างง่ายดาย แสดงว่าหัวของเขาก็ดีไม่น้อย

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ถังซวงกลับคิดว่าการที่ตู้จ้งเหว่ยจะได้คะแนนดีกว่าเดิมไม่ใช่เรื่องยากแล้ว

“ถ้ามีคำถามอะไรอีกก็ถามฉันได้ ตอนนี้ฉันก็อ่านหนังสืออยู่เหมือนกัน”

“อืม”

ตู้จ้งเหว่ยพยักหน้าอย่างรีบร้อน จากนั้นก็อ่านหนังสือต่อ

เมื่อเห็นท่าทางตั้งใจอ่านหนังสือของถังซวงกับตู้จ้งเหว่ย ความหม่นหมองก็แวบผ่านดวงตาของจู้เจินเจิน เธอมองพวกเขาอย่างสงสัย สุดท้ายก็หันกลับไปนั่งตัวตรง หยิบหนังสือเรียนออกมาเตรียมตัวเข้าเรียน

พอเริ่มเข้าเรียน พวกอาจารย์ที่มาสอนต่างพบว่าตู้จ้งเหว่ยไม่นอนในระหว่างเรียนเหมือนก่อนหน้านี้ กลับกัน เขากลับมองกระดานดำอย่างตั้งใจ ฟังอาจารย์วิชาต่าง ๆ อธิบาย ในตอนแรกอาจารย์บางคนคิดว่าตู้จ้งเหว่ยกระตือรือร้นแค่สามนาที แต่หลังจากเห็นเขาตั้งใจฟังจนจบคาบเรียน พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า นักเรียนคนนี้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ

“อาจารย์เหมา วันนี้ตู้จ้งเหว่ยตั้งใจเรียนมาก คุณเรียกเขามาคุยดี ๆ หน่อยนะครับ ดูว่าเขาอยากตั้งใจเรียนจริงหรือเปล่า หากนักเรียนมีใจ พวกเราก็ต้องสอนพวกเขาให้ดี ไม่ปล่อยนักเรียนไปแม้แต่คนเดียว”

เมื่อได้ยินอาจารย์สอนการเมืองเอ่ย เหมาจี้อหลางรีบพยักหน้า “ได้ครับ อีกเดี๋ยวผมจะไปคุยกับตู้จ้งเหว่ย วันนี้ในคาบเรียนผม เขาก็ตั้งใจมากเหมือนกัน ผมอยากรู้ว่าเขาตั้งใจเรียนแล้วจริง ๆ หรือเปล่า”

หลังเลิกเรียนแล้ว เหมาจื้อหลางก็พบว่าตู้จ้งเหว่ยตั้งใจตามที่คาดไว้จริง ๆ

“ตู้จ้งเหว่ย อาจารย์อยากพูดอะไรกับเธอสักหน่อย เธอยังไม่รีบกลับบ้านตอนนี้ใช่ไหม”

“อาจารย์เหมา ผมมีเวลา ไม่รีบครับ”

ตู้จ้งเหว่ยตามเหมาจื้อหลางไปที่ห้องพักครู และทั้งสองก็นั่งลงพูดคุยกัน เมื่อเหมาจื้อหลางได้ยินจากปากตู้จ้งเหว่ยว่าเขาจะตั้งใจเรียน สีหน้าก็เต็มไปด้วยความยินดี “เยี่ยม เธอคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว นักเรียนควรจะต้องตั้งใจเรียน ตู้จ้งเหว่ย ต่อไปพยายามเข้านะ”

“ขอบคุณครับอาจารย์เหมา ผมจะทำให้ได้”

เมื่อเห็นตู้จ้งเหว่ยตอบด้วยสีหน้าจริงจัง เหมาจื้อหลางก็มีความสุขมาก

เดิมทีตู้จ้งเหว่ยมีความสุขมาก แต่เมื่อเขากลับถึงบ้าน ได้ยินพ่อถามตัวเองว่าได้เชิญเพื่อนมาเที่ยวที่บ้านหรือเปล่า สีหน้าของเขาก็เย็นชาลง แต่ไม่นาน เขาก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เชิญแล้วครับ วันเสาร์นี้ พวกเขาจะมาที่บ้านเรา”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ตู้หรงหมิงก็มีความสุขมาก

“ดีแล้ว ๆ เชิญเพื่อนร่วมชั้นของลูกมาเยอะ ๆ จะชายจะหญิง แต่ทุกคนได้อยู่ห้องเดียวกันล้วนเป็นโชคชะตา คบหากันได้ดีก็ดีแล้ว”

ทว่าเมื่อถึงวันเสาร์ ตู้หรงหมิงเห็นเพื่อนร่วมชั้นกับเพื่อนที่ลูกชายคนโตเชิญมาบ้าน ก็มีสีหน้าเครียดลงทันที เพราะเมื่อเห็นคนหนุ่มสาวจำนวนมากยืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป แค่มองลูกชายคนโตอย่างไม่พอใจ พลางกล่าว “จ้งเหว่ย งั้นลูกก็ดูแลพวกเพื่อน ๆ ลูกไปนะ”

บทที่ 336 แปลก

บทที่ 336 แปลก

เมื่อได้ยินชื่อของตู้จ้งเหว่ย ถังซวงก็มองด้วยความสงสัย

และพบว่าเป็นตู้จ้งเหว่ยจริง ๆ และคนที่อยู่ข้างหน้าก็ดูคุ้นเคยเช่นกัน เขาคือตู้หรงหมิงที่เคยพบกันมาก่อน ทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน

และอีกสองคนที่นั่งบนโต๊ะเป็นหญิงวัยกลางคน ไม่เพียงแค่รูปร่างดีเท่านั้น แต่เธอยังหน้าตาดีอีกด้วย ส่วนอีกคนน่าจะเป็นลูกชายของผู้หญิงคนนี้เพราะทั้งคู่หน้าตาคล้ายกันมาก

เมื่อเห็นว่าตู้จ้งเหว่ยไม่พูดอะไร ตู้หรงหมิงก็โกรธขึ้นมาอีกครั้ง

“ไอ้ลูกเนรคุณ นี่แกกำลังยั่วโมโหฉันหรือไง? ดูสิว่าวัน ๆ แกทำอะไรบ้าง เรียนก็ไม่ดีและยังทะเลาะกับคนไปทั่ว นี่ฉันให้กำเนิดลูกชายอย่างแกมาได้ยังไง”

ผู้หญิงคนนั้นคือโหยวอี้หงภรรยาคนปัจจุบันของตู้หรงหมิง เมื่อเธอได้ยินคำพูดของสามีจึงรีบเตือนเขาให้เบา ๆ “หรงหมิงอย่าโกรธไปเลย จ้งเหว่ยยังเด็ก ถ้าเขาโตขึ้นเขาก็จะเข้าใจเอง”

“เด็กอะไรล่ะ จ้งเหลียนอายุน้อยกว่าเขาสองปี แต่ยังมีเหตุผลมากกว่าซะอีก เขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ แต่กลับมาทำให้เรากังวลทุกวันเนี่ยนะ” ความโกรธของตู้หรงหมิงไม่ได้ลดลงเลย และเมื่อได้ยินภรรยาบอกว่าลูกชายคนโตยังเด็ก เขาก็ยิ่งโกรธ

ตู้จ้งเหว่ยมองไปที่คนสามคนที่อยู่ข้างหน้าอย่างเฉยเมย ราวกับว่าทั้งสามเป็นครอบครัวกัน ส่วนเขาเป็นคนนอกคอก “วันนี้พวกคุณโทรหาผมให้มาทานอาหารก็เพื่อมาสั่งสอนผมอย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องขอโทษด้วย ผมไม่อยากอยู่ต่อแล้ว” จากนั้นตู้จ้งเหว่ยก็ลุกขึ้นและกำลังจะจากไป

“หยุดนะ แกจะไปไหน”

เมื่อเห็นความไม่แยแสและความต่อต้านของตู้จ้งเหว่ย ตู้หรงหมิงก็รู้สึกว่าลูกชายคนนี้เป็นเพียงก้อนหินที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว เขาและอี้หงมักจะปฏิบัติต่อเขาอย่างดี แต่เด็กนี่กลับมีท่าทีแบบนี้ “ถ้าแกกล้าเดินออกไปอีกก้าว แกจะไม่ใช่ลูกชายของฉันอีกต่อไป”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ตู้จ้งเหว่ยก็หันกลับมามองแล้วแค่นยิ้ม “ในที่สุดคุณก็พูดความรู้สึกจริง ๆ ออกมาสักที คุณต้องการให้ผมก้าวใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องกังวลหรอก ในเมื่อคุณพูดแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมตู้จ้งเหว่ยก็จะทำให้ ในวันนี้ … ”

แต่ก่อนที่ตู้จ้งเหว่ยจะพูดจบ เขาก็ถูกขัดจังหวะโดยถังซวง

“สหายตู้ ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่”

เมื่อได้ยินเสียงของถังซวง ตู้จ้งเหว่ยก็ตกตะลึง หันกลับมามองอย่างประหลาดใจ และพบว่าเป็นถังซวง “สหายถังซวง ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

“แน่นอนว่ามาเพื่อทานอาหารน่ะสิ”

ถังซวงพูดด้วยรอยยิ้มจากนั้นมองไปที่ตู้หรงหมิงและโหยวอี้หง

ตู้หรงหมิงจำถังซวงได้ทันที เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะพบเด็กหญิงคนนี้ที่นี่ แต่เมื่อรู้สถานะของอีกฝ่าย เขารีบยืนขึ้นและพูดว่า “คุณถังซวง ฉันไม่คิดว่าจะได้พบคุณที่นี่ มันคือโชคชะตาจริง ๆ ทำไมเราไม่ทานข้าวด้วยกันล่ะครับ”

ในตอนท้าย ตู้หรงหมิงถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

“คุณถังซวง คุณรู้จักจ้งเหว่ยด้วยหรือครับ เด็กคนนี้ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับผมมาก่อน แล้วนี่… คุณรู้จักกันได้อย่างไร”

“เรานั่งโต๊ะเดียวกันค่ะ ต้องรู้จักกันอยู่แล้ว”

ถังซวงตอบด้วยรอยยิ้มแล้วพูดต่อ “แต่ฉันไม่ได้คิดเลยว่าตู้จ้งเหว่ยจะเป็นลูกชายของผู้อำนวยการตู้ ถ้าฉันรู้ก่อนหน้านี้ ตอนนั้นฉันน่าจะขอความช่วยเหลือจากคุณ”

ตู้หรงหมิงไม่คาดคิดว่าลูกชายคนโตและถังซวงจะไม่เพียงเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะเดียวกันอีกด้วย “คุณถังซวงพูดถูกแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของจ้งเหว่ย ถ้าผมรู้ว่าคุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เราคงรู้จักกันก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว”

ตู้หรงหมิงยิ้มเห็นด้วยและเชิญถังซวง และคนอื่น ๆ มาทานอาหารด้วยกันทันที

“คุณถังซวง เรามาร่วมโต๊ะกันเถอะ”

ถังซวงส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่อยากรบกวนเวลาทานข้าวของครอบครัวคุณ และฉันยังมีน้องสาวอีกสองคนที่ต้องดูแลค่ะ”

เมื่อเห็นว่าถังซวงปฏิเสธ ตู้หรงหมิงจึงไม่เซ้าซี้ต่อ

แต่ถังซวงหันไปมองตู้จ้งเหว่ยและพูดว่า “สหายตู้ ทานอาหารเสร็จแล้วว่างไหม นายเป็นคนปักกิ่ง น่าจะรู้จักที่นี่ดีกว่าเรา ตอนบ่ายช่วยพาเราไปเดินเล่นได้ไหม”

“ตกลง”

ตู้จ้งเหว่ยตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด แต่เขาไม่ต้องการทานอาหารที่โต๊ะของพ่ออีก เขาจึงมองไปที่ถังซวงและพูดว่า “สหายถังซวง พวกเธอไปทานข้าวก่อนเถอะ ฉันจะออกไปรอข้างนอก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความโกรธของตู้หรงหมิงก็จางหายไป เมื่อเห็นว่าถังซวงและคนอื่น ๆ ยังคงอยู่ที่นั่น เขาจึงต้องระงับความโกรธและมองลูกชายคนโตของเขาอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “จ้งเหว่ย รีบมากินข้าวสิ กินข้าวเสร็จแล้วก็จะได้ไปเดินเล่นกับพวกถังซวง”

“พวกคุณกินกันไปเถอะ ผมจะออกไปกินข้างนอก”

เมื่อเห็นว่าตู้จ้งเหว่ยปฏิเสธ ตู้หรงหมิงก็เกือบจะหลุดปากด่าออกไป แต่ทำไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่มองไปที่ถังซวงอย่างขอโทษขอโพยและพูดว่า “จ้งเหว่ยเป็นคนอารมณ์ร้อน บางครั้งเขาไม่ฟังเราด้วยซ้ำ”

ถังซวงเลิกคิ้วและมองไปที่ตู้จ้งเหว่ย จากนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม “สหายตู้ นายกำลังโกรธครอบครัวของนายอยู่หรือ ถ้านายไม่อยากกินข้าวกับพวกเขาก็ไปกินกับเราก็ได้นะ เสร็จแล้วเราจะได้ไปเดินเล่นกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวง ตู้จ้งเหว่ยจึงเหลือบมองเธออย่างประหลาดใจ เพราะปกติแล้วที่โรงเรียน เขามักรู้สึกว่าถังซวงค่อนข้างเย็นชา เขาไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะกระตือรือร้นเข้าหาเขาแบบนี้ แต่เมื่อคิดว่าจะต้องไปซื้อของกับพวกเธอในตอนบ่าย เขาจึงตกลง “ตกลง”

หลังจากที่ตู้จ้งเหว่ยนั่งลงแล้ว ถังซวงขอให้บริกรเสิร์ฟอาหาร

เมื่อเห็นลูกชายคนโตของเขานั่งที่โต๊ะของถังซวง ใบหน้าของตู้หรงหมิงก็บึ้งตึงเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ และยังยิ้มให้ถังซวง และคนอื่น ๆ ด้วยซ้ำ

พอเห็นท่าทีของสามีที่มีต่อถังซวง อี้หงขมวดคิ้ว แต่ตอนนี้มีคนมาก เธอไม่สามารถถามอะไรได้

อีกด้านหนึ่ง ถังซวงสั่งอาหารมามากมายและในขณะเดียวกันก็แนะนำถังเซวี่ยและถังชุนหยานให้ตู้จ้งเหว่ยรู้จัก “นี่คือน้องสาวของฉัน”

“สวัสดี”

“สวัสดีค่ะ”

ทั้งถังเซวี่ยและถังชุนหยานมองไปที่ตู้จ้งเหว่ยอย่างสงสัย และถังเซวี่ยยังถามเรื่องของถังซวงตอนที่อยู่โรงเรียน “พี่ตู้ ที่โรงเรียนพี่สาวของหนูเป็นอย่างไรบ้าง มีใครรังแกเธอบ้างไหม”

ตู้จ้งเหว่ยมองไปที่ถังเซวี่ยด้วยความประหลาดใจและพูดโดยไม่รู้ตัวว่า “ใครจะสามารถรังแกพี่สาวของเธอได้กัน”

ถังซวงหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็เสริมว่า “ใช่แล้ว พี่เก่งจะตาย”

ถังชุนหยานพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว พี่ซวงเก่งที่สุด”

เห็นถังเซวี่ยและถังชุนหยานชื่นชมถังซวงแบบนี้ ตู้จ้งเหว่ยก็อดไม่ได้ที่จะหันมองถังซวง

แต่ถังซวงไม่สนใจพวกเขาเลย เธอขอให้บริกรมาเสิร์ฟอาหารเพิ่มอีกสองสามจาน และหลังจากอาหารมาเสิร์ฟ ทุกคนก็เริ่มทานอาหาร จากนั้นถังซวงก็ลาตู้หรงหมิงและออกจากร้านไป

หลังจากถังซวงและคนอื่น ๆ จากไปแล้ว โหยวอี้หงก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ตู้หรงหมิง และถามว่า “เหล่าตู้ คุณถังซวงเมื่อกี้เป็นใคร? ฉันคิดว่าท่าทีของคุณตอนพูดกับเธอมันแปลก ๆ นะ”

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

Status: Ongoing
การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย เธอตื่นขึ้นมาในร่าง ‘ถังชวง’ เด็กสาวในยุค 70 ที่มีชีวิตแสนลำบากในตระกูลที่กขี่ทั้งเธอ แม่กับน้องสาว… แต่จากนี้เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอจะเป็นเศรษฐีนี่ให้ได้เลย! นิยายแปลเรื่อง การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย [重返七零之空间小辣] ผู้แต่ง:钰儿 เรื่องย่อ: เธอเกิดใหม่มาในร่งของ ถังซวง’ เด็กสาวที่ถูกกใน ยุค 70!! แถมยังต้องมาเจอกับพ่อใจร้ายที่วัน ๆ เาแต่ทุบตี เธอเลยต้องวางแผนให้แม่หย่ากับพ่อเฮงซวยแบบนี้แล้วพาแม่กับน้องสาว ออกไปจากตระกูลปรสิตนี่ และหลังออกจากระกูล เธอก็มุ่งมั่นตั้งใจพาครอบครัวไปสู่เส้นทางเศรษฐีนี่ให้ได้ในสักวัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท