การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย – บทที่ 380 มีส่วนร่วม

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

บทที่ 380 มีส่วนร่วม

บทที่ 380 มีส่วนร่วม

เมื่อมองแผ่นหลังของตู้จ้งเหว่ยที่เดินจากไป โหยวอี้หงกำลังใช้ความคิด

นับตั้งแต่ตู้จ้งเหว่ยกับถังซวงเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะ เขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากเมินเฉยต่อสิ่งต่าง ๆ กลายเป็นขยันอ่านหนังสือ และยังสนิทสนมกับถังซวงและเข้าหาตระกูลจิงได้ง่ายดาย เวลานี้ตู้หรงหมิงให้ความสำคัญกับเขามาก มีความสำคัญในครอบครัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับตู้จ้งเหลียนซึ่งเป็นลูกชายของเธอ

แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้

“อี้หง… อี้หง…”

ตู้หรงหมิงขมวดคิ้วมองภรรยาของตัวเอง “ผมเรียกคุณหลายครั้งแล้ว ไม่ได้ยินหรือ?”

โหยวอี้หงที่เพิ่งฟื้นคืนสติกลับมาได้ยินอย่างนั้น ก็รีบตอบกลับด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “เมื่อกี้ฉันใจลอยไปหน่อยน่ะค่ะ คุณพูดว่าอะไรนะ?”

“ผมบอกว่าเราต้องไปร่วมงานหมั้นของตระกูลจิงและตระกูลโม่ ต้องเตรียมของขวัญไว้ รีบคิดเร็วเข้าว่าคุณมีของขวัญอะไรที่พอจะเป็นหน้าตาให้ครอบครัวได้บ้างไหม? หรือถ้าไม่ ผมจะออกไปซื้อ”

ตู้หรงหมิงได้รับเชิญเข้าร่วมงานหมั้น นั่นทำให้เขายิ่งตื่นเต้น ในงานจะต้องเต็มไปด้วยแขกคนสำคัญมากมาย และทำให้เขาได้รู้จักผู้คนมากขึ้น

เมื่อโหยวอี้หงได้ยินคำพูดของสามี เธอยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “ที่บ้านไม่มีของขวัญราคาแพงอะไรหรอกค่ะ”

แม้มุมปากจะยกยิ้ม แต่ในแววตากลับไม่ใช่

ตู้หรงหมิงกำลังคิดว่าควรมอบของขวัญอะไรให้กับตระกูลจิงและตระกูลโม่ดี เพราะกำลังสนใจเรื่องอื่นจึงไม่ทันสังเกตสายตาของภรรยา “อืม อย่างนั้นผมจะไปหาของขวัญเองแล้วกัน”

หลังจากตู้หรงหมิงออกไปแล้ว ตู้จ้งเหลียนขยับเข้าใกล้พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “แม่ครับ ตอนนี้พ่อดูจะให้ความสำคัญกับพี่มาก และพี่ชายก็สนิทสนมกับถังซวง เข้าออกบ้านตระกูลจิงก็บ่อย ดูเป็นคนเข้าถึงง่ายมากขึ้นด้วย”

เมื่อเห็นลูกชายของตนรู้สึกน้อยใจ โหยวอี้หงรีบกล่าวปลอบโยน “จ้งเหลียน ไม่ต้องห่วงนะ พี่ชายของลูกไม่มีวันสำคัญไปกว่าลูกหรอก” แน่นอนว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ลูกชายของตัวเองถูกเปรียบเทียบอย่างนี้แน่ ทุกอย่างของตระกูลตู้จะต้องเป็นของตู้จ้งเหลียนลูกชายของเธอเท่านั้น

อีกด้านหนึ่ง ถังซวงไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดเรื่องวุ่นวายในตระกูลตู้เพียงเพราะการ์ดเชิญของตนเอง

ตอนนี้เธอและถังชุนหยานกลับมาที่บ้านตระกูลจิง ที่ทุกคนกำลังวุ่นวายไม่น้อย

แม้เธอไม่ต้องการยุ่งกับเรื่องนี้มาก แต่เธอก็อยากจะทำเสื้อผ้าสำหรับงานหมั้นของตัวเอง แม้ฝีมือจะไม่ดีเท่ากับแม่และเกอชิงเหม่ย แต่เธอก็สามารถออกแบบชุดที่เรียบง่ายได้

“โห… พี่สาวซวง ชุดนี้สวยมากเลยค่ะ”

หลังจากเห็นเสื้อผ้าในมือของถังซวง ถังชุนหยานรู้สึกว่ามันสวยและดูดีมาก

ชุดนี้ค่อนข้างแตกต่างจากเสื้อผ้าที่เธอเคยเห็นมาก่อน มันเรียบง่ายและดูสง่างามมาก อีกอย่างมันเข้ากับถังซวงได้เป็นอย่างดี “พี่สาวซวง พี่จะลองสวมมันไหมคะ?”

“อ่า เดี๋ยวจัดการตรงนี้เสร็จ ฉันจะลองใส่ดูน่ะ”

หลังจากถังซวงเย็บเสร็จแล้ว เธอหยิบชุดสีแดงที่ออกแบบเองแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ “ดูดีเหมือนกันนะเนี่ย”

“พี่คะ…”

ถังเซวี่ยบังเอิญเดินเข้ามาพอดี และเมื่อเห็นชุดในมือของถังซวง เธอรีบกระตุ้นให้อีกฝ่ายสวมใส่มันทันที

ถังเซวี่ยและถังชุนหยางเห็นถังซวงสวมชุดสีแดง ก็รู้สึกประหลาดใจ “พี่คะ พี่สวยมากเลยค่ะ”

ถังซวงมองตัวเองในกระจกและรู้สึกว่าชุดนี้ค่อนข้างดี เธอยกยิ้มพอใจก่อนจะพูดขึ้นว่า “อืม ฉันว่าค่อนข้างดีเลยล่ะ”

จากนั้นเธอเปลี่ยนกลับเป็นชุดเดิม แล้วพับมันเก็บไว้อย่างระมัดระวัง

ช่วงสองสามวันมานี้เธอไม่ได้เจอกับโม่เจ๋อหยวนเลย แต่โชคดีที่โม่เจ๋อหยวนยังส่งข่าวถึงเธอทุกวัน แม้ไม่ได้พบแต่ทั้งคู่ก็ยังพูดคุยกันเสมอ

ทันทีที่นึกถึงเรื่องจดหมาย ก็มีจดหมายถูกส่งเข้ามาอีก

ถังเซวี่ยและถังชุนหยานรู้ดีว่าทั้งสองคอยติดต่อกันเสมอ ทั้งสองยกยิ้มและขอตัวออกจากห้องไป

ถังซวงมองดูจดหมายในมือ รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาว

ในจดหมายฉบับนี้เต็มไปด้วยความปรารถนาของโม่เจ๋อหยวนที่มีต่อเธอ และยังเฝ้ารองานหมั้นของทั้งสองอย่างใจจดจ่อ

“ฉันก็คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ โม่เจ๋อหยวน”

ถังซวงกล่าวพึมพำเบา ๆ และเก็บจดหมายนี้ไว้ในกล่องเล็ก ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยจดหมายของโม่เจ๋อหยวน

ทั้งสองเขียนจดหมายถึงกันไปมา และในที่สุดวันหมั้นหมายของถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็มาถึง

ถังซวงตื่นแต่เช้า

ถังเซวี่ยและถังชุนหยานออกมาพร้อมกับเธอ โดยมีเกอชิงเหม่ยกับพานลี่ฮวามาช่วยเหลือ

“ซวงเอ๋อร์ของพวกเราสวยมาก ขนาดยังไม่แต่งหน้านะเนี่ย”

พานลี่ฮวามองใบหน้าไร้ที่ติของถังซวงด้วยความอิจฉา “สวยมากเลยจ้ะ”

เกอชิงเหม่ยพยักหน้าเห็นด้วย “จริงด้วย ซวงเอ๋อร์ของพวกเราสวยมากจริง ๆ!” ขณะที่พูด มือก็กันคิ้วของถังซวงไปด้วย “แบบนี้ยิ่งดูดีมากขึ้น”

วันนี้เป็นงานหมั้นของถังซวง เธอจึงแต่งหน้าเบา ๆ และทาลิปสติกด้วยเช่นกัน

“ซวงเอ๋อร์ เธอทำเครื่องสำอางพวกนี้เองหรือจ้ะ?”

พานลี่ฮวามองถังซวงด้วยแววตาเป็นประกาย และรู้สึกว่าเครื่องสำอางของถังซวงน่าใช้และดูใช้งานง่ายมาก แตกต่างจากสิ่งที่พวกเธอเคยใช้โดยสิ้นเชิง

เห็นความใคร่รู้ในแววตาของพานลี่ฮวา ถังซวงหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ค่ะคุณป้า ฉันทำมันเอง แป้งพวกนี้เนื้อละเอียดมาก ใช้แค่เล็กน้อยก็จะทำให้หน้าดูสว่างใสราวกับไม่ได้แต่งหน้า”

“โอ้ จริงด้วย ฉันก็เห็นอย่างนั้น ผิวของเธอก็ดีมากอยู่แล้ว หลังจากเติมมันลงไปเล็กน้อยยิ่งดูสว่างสดใส เหมือนไม่ได้แต่งหน้าจริง ๆ”

“คุณป้าคะ เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องเครื่องสำอางพวกนี้หลังจากงานหมั้นจบนะคะ ตอนนี้ชุนหยานกำลังศึกษามันอยู่ และระหว่างที่เธอกำลังเรียนหนังสือ ฉันจะผลิตบางส่วนไว้รอค่ะ”

พานลี่ฮวาพยักหน้ารับอย่างรีบร้อน “จ้ะ ได้เลย”

เกอชิงเหม่ยหันมองถังซวงและพานลี่ฮวาด้วยความขบขันก่อนจะพูดต่อว่า “พวกเธอสองคนเลิกคุยเรื่องธุรกิจกันก่อนดีกว่า นี่เป็นวันหมั้นของซวงเอ๋อร์นะ ธุรกิจนั่นเอาไว้ทีหลัง”

เพราะเฮ่อหลานท้องอยู่ ทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันว่าไม่อยากให้เธอต้องตื่นเช้า และให้พานลี่ฮวากับเกอชิงเหม่ยมาช่วยแทน ทั้งสองจึงอยากจะทำสิ่งต่าง ๆ ให้ดีที่สุด

“อ้อ จ้ะ ๆ ฉันไม่พูดแล้ว”

พานลี่ฮวาก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน และเมื่อตระหนักได้ว่าหลานสาวกำลังจะหมั้นหมายในวันนี้ เธอในฐานะป้าต้องช่วยเหลือถึงที่สุด จึงเร่งมือให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว จากนั้นให้ถังซวงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

หลังจากถังซวงเดินออกมา ทุกคนถึงกับอ้าปากค้างในทันที

เธออยู่ในชุดเดรสสีแดงหรูหราสง่างามประกอบกับการแต่งหน้าเบาบาง ทำให้ถังซวงเปล่งประกายอย่างไม่อาจละสายตาได้

“โห… ซวงเอ๋อร์ ถ้าเจ๋อหยวนเห็นเธอ เขาจะต้องเป็นบ้าแน่นอนเลยจ้ะ”

พานลี่ฮวาเดินเข้าหาถังซวงด้วยใบหน้าประหลาดใจพร้อมเอ่ยปากชมไม่หยุดหย่อน

เวลานี้เฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงเดินเข้ามาดูด้วยเช่นกัน

ทั้งสองถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นถังซวงในชุดหมั้น

แม้พวกเขาจะทราบดีอยู่แล้วว่าซวงเอ๋อร์สวยงามเพียงใด แต่เมื่อเธออยู่ในชุดนี้ เธอยิ่งสวยขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

“ซวงเอ๋อร์ ลูกสวยมากเลยจ้ะ”

ถังซวงหันไปหาเฮ่อหลานและจิงเจ้อหรง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วถามว่า “แม่คะ หนูบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ต้องรีบตื่น แล้วทำไมถึงมาล่ะคะ?”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เฮ่อหลานชำเลืองมองถังซวงแล้วพูดว่า “โธ่ ก็ลูกสาวคนโตของแม่กำลังจะหมั้น จะให้แม่มัวหลับนอนได้ยังไงล่ะ?”

จิงเจ้อหรงที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวเสริมขึ้น “ซวงเอ๋อร์ แม่ลูกพูดถูกนะ พวกเราจะนอนหลับลงได้ไง”

ขณะที่ทั้งหลายคนกำลังพูดคุย อวี๋มินและเมิ่งผิงก็เดินเข้ามา

บทที่ 377 ถึงวันหมั้น

บทที่ 377 ถึงวันหมั้น

ได้ยินที่ถังซวงพูด ถังชุนหยานทำเพียงพยักหน้าอย่างไร้เดียงสาพร้อมตอบกลับว่า “ใช่ค่ะ ฉันกับตู้จ้งเหว่ยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เราค่อนข้างเหมือนกันหลายอย่าง เราทั้งคู่ต่างก็ไม่ชอบที่จะอยู่บ้าน เลยมีเรื่องคุยกันมากมายเลยล่ะค่ะ”

ถังชุนหยานพูดทุกอย่างอย่างเปิดเผย ทำให้ถังซวงเข้าใจได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายมองตู้จ้งเหว่ยเป็นเพื่อนเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลย

ถังเซวี่ยก็คิดเช่นกัน

เดิมทีเธอต้องการถามอะไรอีกมาก แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว

แต่ถังชุนหยานยังคงสับสนที่จู่ ๆ ถังซวงและถังเซวี่ยถามเรื่องของตน “มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมจู่ ๆ ทั้งสองคนถึงถามเรื่องของฉันกับพี่ตู้จ้งเหว่ยล่ะ?”

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันเห็นว่าพี่ตู้เป็นห่วงพี่ชุนหยานมาก เลยคิดว่าเขาก็เป็นคนดีเหมือนกันนะเนี่ย”

ถังชุนหยานได้ยินถังเซวี่ยพูดอย่างนั้น เธอพยักหน้ารับก่อนจะตอบกลับว่า “ใช่ พี่ตู้จ้งเหว่ยเป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดี ฉันเลยอยากช่วยเหลือเขาไง”

ถังซวงและถังเซวี่ยมองหน้ากัน ก่อนจะเลิกพูดเรื่องตู้จ้งเหว่ย

เมื่อสองสาวกลับมาที่บ้านของตัวเอง ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าพี่ชุนหยานจะคิดกับพี่ตู้แค่เพื่อนจริง ๆ นะคะ แต่… ฉันรู้สึกว่าพี่ตู้ไม่ได้คิดกับพี่ชุนหยานแค่เพื่อนเลย”

ถังซวงรู้สึกว่าตู้จ้งเหว่ยอาจคิดกับถังชุนหยานเกินเลยกว่านั้น แต่สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของคนสองคน พวกเขาควรตัดสินใจเอง “อ่า เสี่ยวเซวี่ย ถ้าตู้จ้งเหว่ยชอบชุนหยานจริง ๆ เขาคงพยายามเองแหละ ยังไงนี่ก็เป็นเรื่องของเขา เอาล่ะ เรามาอ่านหนังสือกันดีกว่า จะได้ทบทวนเนื้อหาก่อนเข้าเรียนไง”

ถังเซวี่ยพยักหน้า “ค่ะพี่”

ทั้งสองอ่านหนังสือเพียงไม่นาน เฮ่อหลานกับเกอชิงเหม่ยก็เดินเข้ามา

“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย อ่านหนังสืออยู่หรือจ๊ะ?”

ถังซวงยืนขึ้น ก่อนจะจัดที่ให้เฮ่อหลานนั่งแล้วถามว่า “แม่ ป้าเกอ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

เวลานี้เฮ่อหลานมีอายุครรภ์ห้าเดือนแล้ว และเด็กในท้องยังเป็นฝาแฝดด้วย ท้องของเธอจึงค่อนข้างใหญ่ ถังซวงที่รู้ว่าแม่สบายดี แต่เมื่อเห็นว่าท้องเธอใหญ่ขนาดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง

เฮ่อหลานเธอยกยิ้มก่อนจะพูดตอบว่า “แม่มีเรื่องจะคุยกับลูกน่ะ”

เฮ่อหลานบอกเหตุผลที่เธอมาที่นี่

“ซวงเอ๋อร์ ใกล้จะถึงงานหมั้นของลูกแล้ว เราทุกคนอยากจัดงานแบบเรียบง่าย แต่มีญาติพี่น้องและเพื่อนหลายคนเริ่มสอบถามเรื่องนี้ พวกเขาอยากเข้าร่วมงานนี้ทั้งหมดเลยจ้ะ มีเพื่อนของพ่อด้วยนะ ทุกคนถามไถ่เรื่องนี้ไม่หยุดหย่อน แม่เลยลังเลว่าเราควรจะเชิญแต่คนใกล้ชิดดีไหม”

ถังซวงยิ้มแล้วพูดว่า “แม่คะ ถ้าอย่างนั้นเราเพิ่มอีกสักสองสามโต๊ะ แล้วเชิญคนสนิทเข้าร่วมก็ได้ค่ะ แต่อย่าเชิญคนที่รู้จักแค่ผิวเผินมาเลยดีกว่า”

“จ้ะ แม่เข้าใจแล้ว เดี๋ยวรอคุยกับพ่อตอนกลางคืนก่อนนะ”

จิงเจ้อหรงได้ยินถังซวงเห็นด้วยที่จะเพิ่มโต๊ะก็ดีใจมาก “ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปเชิญหัวหน้าของผมมาด้วย หูผมอื้อมากเลยช่วงนี้”

เฮ่อหลานถึงกับหัวเราะออกมา

“พูดเกินไปรึเปล่าคะ?”

“ครับ ผมพูดเกินไปหน่อย ตอนนี้ทุกคนให้ความสนใจซวงเอ๋อร์มาก มีหลายคนอยากจะผูกมิตรกับเธอ แม้แต่หัวหน้าของผมก็ยังอยากรู้จักเธอ” เขากล่าวเสริมว่า “ซวงเอ๋อร์ของเราเก่งจริง ๆ”

ได้ยินคำพูดของจิงเจ้อหรงแล้ว เฮ่อหลานพยักหน้ารับ “ค่ะ ซวงเอ๋อร์เก่งมาก”

หลังจากถังซวงตกลง ตระกูลจิงก็เริ่มร่อนการ์ดเชิญ พวกเขาไม่ได้เตรียมไว้มากนักเพราะวางแผนว่าจะเชิญเพียงญาติใกล้ชิดและเพื่อนสนิทเท่านั้น

ถังซวงที่ไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ เลยไม่ต้องกังวลใจเรื่องงานหมั้นของตนกับโม่เจ๋อหยวน

ในวันแรกของการเปิดเรียน โม่เจ๋อหยวนตื่นแต่เช้าเพื่อไปส่งถังซวงและถังเซวี่ยที่โรงเรียน

“พี่โม่คะ ช่วงนี้พี่คงยุ่งมาก ไม่ต้องมารับส่งพวกเราทุกวันหรอกค่ะ”

เห็นใบหน้าอิดโรยของโม่เจ๋อหยวน ถังซวงอดไม่ได้ ทั้งสองคนกำลังจะหมั้นหมายในเร็ว ๆ นี้ และโม่เจ๋อหยวนไม่ได้สบายแบบเธอ เขาต้องจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหมดให้ลงตัว และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องตรวจสอบอย่างดีด้วย

ได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนตอบกลับทันที “ฉันไม่เหนื่อยหรอก ฉันอยากมาส่งเธอไปโรงเรียนทุกวันเลยนะ”

ถังซวงไม่พูดอะไรต่อ เดินไปพร้อมกับโม่เจ๋อหยวนและพูดคุยกับเขา

ถังเซวี่ยเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ เธอพยายามไม่พูดอะไรเพื่อให้พี่สาวและโม่เจ๋อหยวนได้ใช้เวลาด้วยกัน

เมื่อทั้งสามมาถึงประตูโรงเรียน โม่เจ๋อหยวนยืนมองกระทั่งถังซวงและถังเซวี่ยเข้าประตูโรงเรียนก่อนจะกลับ

ถังซวงส่งถังเซวี่ยที่ห้อง ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องเรียนของตัวเอง

ชั้นเรียนแรกคือภาษาจีน ถังซวงค่อนข้างตั้งใจฟัง แต่เพราะเธอเคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อนหน้า จึงคุ้นเคยกับมันและทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว เมื่ออาจารย์เริ่มสอน เธอจึงเข้าใจทุกอย่างเร็วกว่าคนอื่น ๆ

ถังซวงเข้าใจวิชาทั้งหมดได้อย่างสบาย ๆ

และเมื่อนึกถึงเรื่องตัวเองกำลังจะหมั้นหมายในเดือนนี้ เธอจึงบอกกล่าวกับอาจารย์เหมาจื้อหลางเพื่อขอลาหยุดในช่วงกลางเดือน

เหมาจื้อหลางที่ทราบเรื่องการหมั้นหมายของถังซวงอยู่แล้ว แม้เขาจะรู้สึกว่ามันเร็วเกินไปแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาอนุญาตให้เธอลาทันทีแต่ไม่ลืมที่จะบอกเธอว่าอย่าหยุดเรียนบ่อยนัก

“ไม่ต้องห่วงค่ะอาจารย์ หนูเรียนทันเพื่อนแน่นอนค่ะ”

แน่นอนว่าเหมาจื้อหลางเชื่อมั่นในตัวของถังซวง เขาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

ผ่านไปครึ่งเดือนหลังจากถังซวงและถังเซวี่ยไปโรงเรียน วันนี้ถังซวงพักผ่อนอยู่ที่บ้าน เธอยังต้องเตรียมบางอย่างด้วยตนเอง และต้องกลับไปที่มณฑลเจียงเพื่อไปรับหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นด้วย

“ซวงเอ๋อร์ ป้าไปคนเดียวได้จ้ะ แล้วป้าจะกลับมาที่นี่พร้อมลุงหลี่กับอาจารย์นะ”

เกอชิงเหม่ยไม่อยากให้ถังซวงเดินทางไกลในตอนนี้

ถังซวงที่ได้ยิน ยิ้มกว้างก่อนจะพูดขึ้นว่า “ป้าเกอ ให้หนูไปด้วยเถอะค่ะ มีกันหลาย ๆ คนจะได้ช่วยกันดูแล”

“เอาล่ะ งั้นเดี๋ยวเราออกเดินทางแต่เช้าล่ะกัน” เห็นถังซวงยืนกรานอย่างนั้น เกอชิงเหม่ยจึงไม่คัดค้านอะไรอีก

ถังเซวี่ยเองอยากจะขอลาหยุดด้วยเช่นกัน แต่ถังซวงไม่ยินยอมและบอกให้ถังเซวี่ยตั้งใจเรียน ส่วนเธอกับเกอชิงเหม่ยจะเดินทางกลับมณฑลเจียง

“ซวงเอ๋อร์ หลังจากเราไปถึงแล้ว เราจะพักที่หมู่บ้านเถาฮวาสักคืนนะจ๊ะ แล้วค่อยเดินทางกลับวันถัดไป”

ถังซวงไม่คัดค้านอะไร เพียงพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ”

เมื่อหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นเห็นถังซวงและเกอชิงเหม่ยมาถึง พวกเขามีความสุขมาก ทั้งสองถามคำถามมากมาย อีกทั้งยังถามถึงเฮ่อหลานไม่หยุด

“คุณปู่ คุณยายซู ไม่ต้องกังวลนะคะ แม่สบายดีค่ะ”

“อย่างนั้นก็ดีแล้ว”

ได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น ทั้งซูเหนียนอวิ๋นและหลี่จงอี้ก็สบายใจ จากนั้นทั้งหมดอาบน้ำและเข้านอน เช้าวันถัดมาก็เก็บข้าวของพร้อมมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงพร้อมกับถังซวงและเกอชิงเหม่ย

—————————————————-

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

Status: Ongoing
การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย เธอตื่นขึ้นมาในร่าง ‘ถังชวง’ เด็กสาวในยุค 70 ที่มีชีวิตแสนลำบากในตระกูลที่กขี่ทั้งเธอ แม่กับน้องสาว… แต่จากนี้เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอจะเป็นเศรษฐีนี่ให้ได้เลย! นิยายแปลเรื่อง การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย [重返七零之空间小辣] ผู้แต่ง:钰儿 เรื่องย่อ: เธอเกิดใหม่มาในร่งของ ถังซวง’ เด็กสาวที่ถูกกใน ยุค 70!! แถมยังต้องมาเจอกับพ่อใจร้ายที่วัน ๆ เาแต่ทุบตี เธอเลยต้องวางแผนให้แม่หย่ากับพ่อเฮงซวยแบบนี้แล้วพาแม่กับน้องสาว ออกไปจากตระกูลปรสิตนี่ และหลังออกจากระกูล เธอก็มุ่งมั่นตั้งใจพาครอบครัวไปสู่เส้นทางเศรษฐีนี่ให้ได้ในสักวัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท