ตอนที่ 278 บทสนทนาในห้องอาบน้ำ
พอออกมาจากเกาะ พวกผมทั้ง 4 คน ไคลอา เออซูร่า กับ คาการิ ก็เดินทางผ่านจักรวรรดิมายังคานาเรีย
แถมพอเขาเขตคานาเรียแล้วพวกผมก็ไม่ได้คิดจะนอนและมุ่งตรงไปยังเมืองอิชกะต่อ จนมาถึงคฤหาสน์ตัวเองตอนรุ่งสางพอดี
เหตุผลที่รีบก็ไม่มีอะไรมาก หากผมกลับมาได้เร็วปัญหาหลายๆอย่างก็จะจัดการเสร็จได้เร็วตามไปด้วย
นอกจากนี้ผมก็ออกเมืองมาได้ 2 เดือนแล้วก็เลยแอบสงสัยว่าคนของผมเป็นยังไงกันบ้าง
โชคดีที่ความกังวลร้ายๆของผมไม่เป็นจริง ชีล ซูซูเมะ นักบวชซาร่า กับเจ้าเด็ก 3 คนก็ยังอยู่กันสบายดี
มิโรสลาฟ ลูนามาเรีย วิสทีเรียเหมือนจะมุ่งหน้าไปป่าทีทิสเพื่อกำจัดพวกมอนสเตอร์
พอรู้ข่าวผมก็เลยคิดว่าจังหวะเหมาะพอดีในการพาคาการิไปยังป่าทีทิสซึ่งเป็นสถานที่ที่น่าจะให้พวกคิจินย้ายกันมาอยู่ได้ การพาคาการิมาคราวนี้ก็เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าเผ่าของคิจินจะสามารถอาศัยอยู่ได้จริงไหม
หากคาการิเห็นดีงามด้วย ลำดับถัดไปก็คือเจรจากับคานาเรีย ถ้าคาการิไม่สนก็คงต้องไปคิดหาที่อยู่กันใหม่
ว่ากันตามตรงนอกจากป่านี่ผมก็นึกไม่ออกแล้วจริงๆ ดังนั้นก็หวังว่าเขาก็เห็นดีงามด้วยนะ ไม่ว่าป่านี่จะอันตรายขนาดไหนแต่ถ้าเทียบกับคิไคแล้วผมว่าก็สนามเด็กเล่นแหละ
ระหว่างที่กำลังคิดเรื่องพวกนี้ผมก็เตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำ เดินทางมาก็ไกลมันก็อยากจะทำหัวให้เย็นก่อนเข้าป่า
อันที่จริงผมก็กะจะยกน้ำแรกที่เตรียมไว้ภายในห้องอาบน้ำกับ 2 สาวอยู่หรอก แต่พวกเธอดันบอกว่า ไม่มีทางจะเข้าไปอาบก่อนผมได้แน่ๆ และปฏิเสธอย่างสุภาพแทน
ส่วนคาการิเหมือนจะสนใจห้องอาบน้ำแบบนี้พอตัว เนื่องจากเคยเห็นเป็นครั้งแรก
「อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่ทำมาจากไม้ ไหนจะน้ำร้อนที่เติมลงไปอีก ดูหรูหรามากนะเนี่ย ของแบบนี้ถือว่าเป็นปกติสำหรับคนในเมืองนี้เหรอ?」
คาการิกำลังเริ่มถูตัวด้วยผ้าที่ผมให้ไป
ทางผมก็ตอบกลับขณะถูตัวด้วยเช่นกัน
「ก็นับว่าเป็นของหรูสำหรับคนบางกลุ่มนะ ส่วนตัวฉันชอบด้วยก็เลยติดไว้ในคฤหาสน์น่ะ」
「งั้นเหรอ ข้าว่าเจ้านี่จะเป็นพี่อาซึมะหรือพี่โดกะก็น่าจะชอบเหมือนกันข้าแน่」
คาการิตักน้ำในอ่างขึ้นมาราดบนร่าง ระหว่างเอ่ยชื่อของพี่ชายทั้งสอง
「ฮู้ววว! แย่แล้วสิ ข้าคงติดมันหนักแน่ๆ! ถ้าได้กลับไปไซโตะต้องลองสักหน่อยแล้ว――ไม่สิ หากข้าใช้น้ำขนากนี้ในคิไค คงโดนพี่ฮาคุโร่บ่นเอาแน่ๆ」
พูดจบคาการิก็หัวเราะ
ท่าทางการเข้าห้องอาบน้ำครั้งแรกจะสร้างความประทับใจให้กับเด็กหนุ่มคนนี้พอตัว
ไม่นานนัก คาการิก็มองมาที่ผมราวกับนึกอะไรออก
「จะว่าไป ซูซูเมะที่เจ้าบอกว่าเป็นคนคิจินเหมือนกับข้านั่น พวกเจ้ามีความสัมพันธ์กันแบบไหนเหรอ?」
「ความสัมพันธ์เหรอ?」
ผมเอียงคอสงสัย
คือก่อนอาบน้ำพวกผมก็ได้ไปเจอซูซูเมะแหละ แต่เธอก็สภาพไม่ต่างกับชีลเลย หลังออกมาต้อนรับผมเสร็จ เธอก็หน้าแดงแจ๋จนหันหน้าหนีผมระหว่างคุยกัน
ทั้งที่ผมไม่ได้เข้าไปลูบหัวเธอเหมือนชีลแท้ๆนะ ไม่รู้ว่าทำไมสภาพของซูซูเมะถึงได้ไม่ต่างอะไรกับชีลกัน
เอาเป็นว่าระหว่างนั้นผมก็แนะนำเธอให้คาการิได้รู้กัน แล้วทั้งคู่ก็แนะนำตัวเองพอเป็นพิธี แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น
ผมก็เลยแอบสงสัยว่าทำไมหมอนี่ถึงสนใจความสัมพันธ์ของผมกับซูซูเมะกัน ผมก็เลยตอบไปตามตรง
「ก็เป็นคนของแคลน――หื้ม ไม่สิพูดง่ายๆก็เป็นพวกพ้องของฉันน่ะ」
จะไปบอกว่าเป็นคนของแคลนที่ผมก่อตั้งขึ้นมาก็ยุ่งยาก ดังนั้นก็เลยบอกแบบให้เข้าใจง่ายไปแทน
พอคาการิได้ยินก็พยักหน้าและถามต่อ
「แค่นั้นเองเหรอ? ข้าก็นึกว่าเป็นคนรักเจ้าเสียอีก」
「เดี๋ยวๆ เป็นไปไม่ได้หรอกน่า」
ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าซูซูเมะเป็นคนน่ารัก ผมมั่นใจเลยว่าหากเธอโตกว่านี้คงได้เป็นสาวงามไม่แพ้ใคร ด้วยนิสัยของเธอแล้วยิ่งทำให้ตกคนอื่นได้ง่ายกว่าเดิมแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่เคยกระทำอะไรไปในเชิงชู้สาวกับเธอเลย อีกทั้งฝ่ายนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีทำนองนั้นแบบชัดเจนกับผมเหมือนกัน
ความรู้สึกรวมๆของผมที่มีต่อเธอก็คงประมาณ อยากจะปกป้องละมั้ง
เด็กสาวที่พ่อตายไปตั้งแต่ 3 ขวบ ตามมาด้วยแม่ตอน 6 ขวบแล้วใช้ชีวิตตัวคนเดียวในป่ามีโดยตลอด ผมก็อยากให้เธอมีความสุขบ้างอะไรบ้าง
ในอนาคตหากเธอเจอคนที่เธอชอบผมก็จะพยายามเต็มที่เพื่อให้เธอได้สมหวัง ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องเหมาะสมกับเธอระดับหนึ่งนะ แต่ถ้าหากว่าอีกฝ่ายแกร่งจนเอาชนะผมได้ผมก็พร้อมจะปล่อยโดยไม่ประเมินอะไรอีกเลย
หลังคิดวนไปมา ผมก็มองไปทางคาการิ
「หรือว่า นายเกิดหลงซูซูเมะเข้าตั้งแต่แรกเห็นเหรอ?」
หากเป็นคาการิผมคงปฏิเสธหมอนี่ไม่ลงไม่สิคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ นอกจากนี้มันเป็นสิ่งที่ซูซูเมะเลือกด้วย ผมคงบ่นเหมือนกับตัวเองเป็นพ่อหรือพี่ชายของเธอไม่ได้หรอก ทว่าไม่รู้เพราะอะไรภายในใจลึกๆผมดันแอบหงุดหงิดนิดหน่อย
พอผมถามไปแบบนั้น คาการิ ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจซะงั้น
「นี่เจ้าพูดบ้าอะไรออกมา ก็จริงว่านางเป็นเด็กสาวน่ารัก แต่ข้าไม่มีทางจะไปสนใจเด็กสาวที่แสดงออกว่าหลงรักนายทั้งคำพูดและท่าทางหรอกนะ」
「หา? ฉ-ฉันเนี่ยนะ?」
「ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนมันก็เป็นแบบนั้นนะ ถึงข้าจะเด็กกว่าเจ้า แต่อย่างน้อยก็อยากให้เจ้าเรียนรู้เรื่องความรักให้มากกว่านี้หน่อยน้า」
「…………อ-อื้ม」
พอคาการิเตือนผมตามตรงแบบนี้ ผมก็อดตกใจไม่ได้จริงๆ
จากนั้นเขาก็เริ่มพูดต่อ
「ส่วนเหตุผลที่ข้าถามว่าเจ้ากับนางเป็นคนรักกันหรือเปล่าเพราะข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะติดอะไรไหมหากต้องแต่งงานกับคิจิน พวกนากายามะบางคนก็สงสัยเรื่องนี้นะ ยังไงการแต่งงานก็ถือเป็นประเพณีสืบทอดกันมาแต่อดีตในเชิงการสานสัมพันธ์ระหว่างเชื้อชาติประเทศทั้งสองด้วยสิ」
ได้ยินแบบนั้นผมก็พยักหน้าตาม
มันคือการแต่งงานทางการเมือง หากผมที่เป็นผู้นำตระกูลมิตสึรุกิ แต่งงานกับคิจินมันก็จะเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนแล้วว่านโยบายของผมต่างจากผู้นำคนก่อนและคงจะง่ายสำหรับพวกคาการิและเผ่าคิจิที่จะเชื่อใจผมมากขึ้น
โดยปกติแล้วการแต่งงานก็ควรจะเป็นเจ้าหญิงจากนากายามะ แต่เท่าที่ได้ยินมา นากายามะไม่ได้มีผู้ถือครองตำแหน่งนั้น ดังนั้นคาการิก็เลยลองถามดูว่าซูซูเมะใช่คนรักผมไหม เพราะยังไงเธอก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับเขา
ก็นะ พอเจอแบบนี้มันก็คงถึงเวลาแล้วจริงๆที่ต้องคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างผม ชีล และซูซูเมะบ้าง
ถึงจะเอาชนะพ่อตัวเองและได้รับความมั่นใจในการต่อสู้กลับมาแล้ว แต่เรื่องรักๆนี่เหมือนผมจะยังอ่อนหัดเหมือนที่คาการิบอก คือผมก็แอบคิดบ้างแหละว่าพวกเธอทั้งสองมีความรู้สึกดีๆกับผม แต่มันก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าพวกเธอรักผมจริงจังเลยเหรอ
เพราะสุดท้าย หากดูจากการกระทำของผมที่ไปจ้ำจี้กับคนนั้นทีคนนี้ทีโดยให้เหตุผลว่าต้องการแข็งแกร่งขึ้นมันก็ยังไงอยู่นะ โดยเฉพาะทางชีลที่ผมกินวิญญาณของเธอจนหมดสภาพไปบ่อยๆ
ทว่าการที่เธอดันชอบผมที่กระทำแบบนั้นกับเธอนี่มันก็แอบงงอยู่นะเออ
――ช่วยไม่ได้สินะ ปลูกอะไรไว้ก็ต้องมาจัดการเอง เวลานี้ผมคงต้องทำอะไรให้มันเรียบร้อยสักที
หลังจากถอนหายใจเล็กน้อย ผมก็ไปตักน้ำในอ่างน้ำร้อนมาเทบนหัวตัวเองตาม คาการิ
——-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code
