กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 722

บทที่ 722

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 722
ฉินหิมะเป็นสิ่งที่แม่เขาทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ เขาถนอมรักษามันเยี่ยงทรัพย์สมบัติล้ำค่า แม้จะใช้ทั้งหมดของชีวิต ก็ไม่มีทางที่จะให้ฉินหิมะเสียหาย

นอกเสียจาก….เกิดเรื่องกับเขา

พอมองรอยแหว่งของฉินหิมะ ชัดเจนว่ามันได้ถูกยอดฝีมือระดับหกทำลาย

“ตอนนี้เขาเป็นเพียงระดับหนึ่งที่กระจอกจิ๊บจ๊อย พวกเจ้าเผ่าหยกเป็นผู้ที่มีพละกำลังวรยุทธ์ระดับหกจัดการรับมือกับระดับหนึ่งคนหนึ่ง ก็ไร้ยางอายเกินไปเสียแล้วนี่”

“เผ่าหยกหน้าไร้ยางอาย?เช่นนั้นเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเจ้ามียางอายงั้นหรือ?ข้าก็เป็นเพียงระดับสี่ที่จิ๊บจ๊อยเท่านั้นเอง แต่ทว่าเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่มีวรยุทธ์ยอดฝีมือชั้นสูงสุดระดับหกกลับอยู่ มักตามสังหารข้าล่ำไป”

“ผู้ใดให้เจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยกเล่า ผู้ใดให้มือของเจ้ากอบกุมไข่มุกมังกรอยู่ล่ะ”

“เช่นนั้นเหวินเส่าอี๋ยังคงเป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า และก็เป็นหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าในอนาคต ตามที่เจ้ากล่าวมา เมื่อพวกเราจัดการกับเขา ไร้ยางอายที่ไหนกัน?”

“เถียงข้างๆคูๆ ความจริงแล้วเส่าอี๋อยู่ที่แห่งใด รีบเอาเขาออกมา”

“อยากจะพาเหวินเส่าอี๋ไปก็ได้นะ เห็นแก่อายุอานามของเจ้าแถมยังลำบากยากเข็ญอย่างนี้ เพียงแค่พวกเจ้ายอมออกไปจากเผ่าหยกนี้ ข้าก็จะคืนเหวินเส่าอี๋แก่เจ้า”

“เป็นไปไม่ได้”

“เช่นนั้นระหว่างพวกเรายังมีสิ่งใดที่จะต้องเจรจาหรือ?”

“แน่นอนว่ามี ฐานะของเจ้ามีเกียรติมากกว่าเขา เพียงแค่จัดการเจ้าได้ ข้าก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าพวกแก่กระโหลกกะลาเหล่านั้นจะไม่มอบเส่าอี๋กับไข่มุกมังกรให้ข้า”

กู้ชูหน่วนหัวเราะถากถาง มองผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยด้วยแววตาเศร้าสร้อย

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยขมวดคิ้ว

นี่คือสายตาแบบไหน?

ดูถูกถากถาง?

หัวเราะเยาะเย้ย?

กู้ชูหน่วนผายมือออกทั้งสองข้าง กล่าวขึ้นว่า“ข้าไม่รู้จริงๆนะว่าเจ้าอายุปูนนี้แล้ว ทำไมสายตาถึงได้แย่อย่างนี้ เจ้าดูสภาพข้าสิ มีจุดไหนกันที่เหมือนหัวหน้าเผ่า?”

อั้นเฮยไม่ได้พูด เพียงแค่พิจารณานางอย่างเงียบเชียบ

และราวกับรอว่านางจะกล่าวอะไร

“หากข้าเป็นหัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโสเหล่านั้นจะยอมให้ข้าออกมารับมือกับเจ้าที่เป็นยอดฝีมือชั้นสูงสุดระดับหกหรือ?หากข้าเป็นหัวหน้าเผ่า จะต้องมาเป็นเหยื่อล่อให้เจ้าติดกับดัก ให้เหล่ายอดฝีมือตามสังหาร แล้วยังแย่งชิงไข่มุกมังกรอย่างตรากตรำอยู่ด้านนอกหรือ?”

“หากข้าเป็นหัวหน้าเผ่า เผ่าหยกจะให้ข้ากับเยี่ยจิ่งหานแต่งงานกันหรือ?เผ่าหยกมีความสัมพันธ์อะไรกันกับเยี่ยจิ่งหาน คิดว่าผู้อาวุโสนั้นรู้ดีกว่าข้านะ”

“เจ้าจะบอกว่าเจ้าคือเงาหรือ?”

“เดิมแล้วข้าก็คือเงา หากข้าเป็นหัวหน้าเผ่าหยก ก็ไม่ต้องทนทุกข์ระทมอยู่ในจวนอัครเสนาบดีอย่างนั้นมาหลายปีหรอก”

“……”

หากผู้อื่นพูดเช่นนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยอาจจะเชื่อ แต่คำพูดเหล่านี้เป็นกู้ชูหน่วนกล่าวพูด เขาไม่เชื่อแม้แต่ประโยคเดียว

“เจ้าพูดยืดยาวอยู่ที่นี่ อยากจะยืดเยื้อเวลาสินะ?ครั้งนี้ผู้อาวุโสชั้นสูงสุดระดับหกของเผ่าเพลิงฟ้ามาห้าคน เผ่าหยกไม่มีทางที่จะต้านทานได้ ต่อให้เจ้าจะดึงเวลาอย่างไร ก็ไม่มีประโยชน์หรอก”

“ไอ๋หยา ถูกเจ้าดูออกแล้ว สุดท้ายขิงก็ยังคงเผ็ดร้อน”

“เจ้าเด็กน้อย ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าหรือเป็นเงา ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หากเจ้าไม่ส่งมอบเหวินเส่าอี๋กับไข่มุกมังกรออกมา ปีหน้าของวันนี้จะเป็นวันหวนรำลึกเซ่นไหว้ของเจ้า”

“หนึ่ง…..”

“สอง….”

“อย่าๆๆๆๆ ข้าไม่รู้จริงๆว่าไข่มุกมังกรอยู่ที่ไหน แต่เหวินเส่าอี๋อยู่ไหนข้ารู้ ข้าพาเจ้าไปหาเขาก็สิ้นเรื่องแล้ว”

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยไม่พอใจกับคำพูดนี้มาก รังสีอำมหิตเลยแตกฉานแผ่ซ่าน

กู้ชูหน่วนยกมือขึ้นยอมจำนน กล่าวว่า“อย่าโมโหอย่างนี้สิ แม้ข้าจะไม่รู้ว่าไข่มุกมังกรอยู่ที่ไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็อยู่ที่เผ่าหยกมาหลายปี ข้าสามารถพาเจ้าไปพบผู้อาวุโสสูงสุดได้ ผู้อาวุโสสูงสุดจะต้องรู้แน่นอนว่าไข่มุกมังกรอยู่ที่ไหน”

“เจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ เหวินเส่าอี๋ถูกขังอยู่ที่ห้วงเหวลึกไร้ที่สิ้นสุด วรยุทธ์สูญสิ้น กระดูกสะบักก็ถูกตัดละ ห้วงเหวลึกไร้ที่สิ้นสุดนั้นเหมือนกับนรกอเวจี อันตรายอย่างมาก หากเจ้าไม่ไป เกรงว่าชีวิตอันน้อยๆของเขาก็จบเห่แล้ว”

“เจ้าตัดกระดูกสะบักเขาหรือ?”

เสียงแอกดังขึ้น

ผู้อาวุโสสูงสุดเฮยอันบีบที่คอของกู้ชูหน่วน รังสีอำมหิตเปล่งประกายมากขึ้น

หากเขาไม่พยายามอดกลั้น เกรงว่าจะอดสังหารกู้ชูหน่วนไม่ได้ไปนานแล้ว

ส่วนกู้ชูหน่วนไม่ได้ตอบโต้กลับ แถมยังปล่อยให้เขาบีบ

ความเป็นจริงแม้นางอยากตอบโต้ ตอนที่เขาโมโหก็ไม่อาจที่จะตอบโต้ได้

กู้ชูหน่วนหน้าดำหน้าแดง นางกัดฟันกรอด พยายามกล่าวออกมาว่า“สังหารข้าแล้ว เหวินเส่าอี๋ก็ไม่รอดหรอก”

“ปัง……”

ผู้อาวุโสอั้นเฮยโยนกู้ชูหน่วนออกไป

“รีบพาข้าไปที่เหวลึกไร้ที่สิ้นสุด”

กู้ชูหน่วนนวดคลึงมือที่ถูกสะบัดออก กับคอที่แดงเถือก และยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมาในตอนที่ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยมองไม่เห็น

“ได้ มากับข้าสิ”

“ทางที่ดีเจ้าอย่ามาหยอกล้อหลอกลวง อารมณ์ของข้าไม่ดี”

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยรู้ หญิงผู้นี้ไม่มีทางที่จะพาเขาไปหาเหวินเส่าอี๋ที่ถูกขังอยู่เหวไร้ที่สิ้นสุดอย่างไม่คิดอะไรหรอก

ขณะเดียวกันที่ช่วยเหวินเส่าอี๋ เขาก็ต้องตกอยู่ในอันตราย

แต่เขามาสนใจใส่ใจอะไรมากไม่ได้

เขาต้องการไข่มุกมังกร และต้องการช่วยเหวินเส่าอี๋ด้วย

กู้ชูหน่วนนำทาง พร้อมกับกล่าวว่า“อย่าคิดว่าข้าโสมมใจแคบขนาดนั้น ที่พาเจ้าไปเหวไร้ที่สิ้นสุด เพียงเพราะเหวินเส่าอี๋มีบุญคุณกับข้า ข้าอดไม่ได้ที่จะเห็นเขาตายก็แค่นั้น”

กู้ชูหน่วนพาเดินอ้อมไปอ้อมมาจนเขาเวียนหัวแล้ว

ตอนที่อารมณ์ของผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยจะปะทุขึ้น กู้ชูหน่วนก็ได้พาเขามาถึงหน้าประตูทางเข้าเหวไร้ที่สิ้นสุดเสียที

กู้ชูหน่วนชี้ไปทางระดับต่ำสุด จากนั้นกล่าวว่า“นั่น เหวินเส่าอี๋อยู่ด้านในชั้นสุดท้าย เจ้าลงไปเองแล้วพาเขาขึ้นมาก็จบ”

“ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้า”

“ชีวิตน้อยๆของข้าอยู่ในกำมือเจ้า เจ้ามีอะไรที่ยังไม่เชื่ออีก”

“เจ้าลงไปเอาเหวินเส่าอี๋ขึ้นมา ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่”

กู้ชูหน่วนหัวเราะขึ้น กล่าวว่า“เจ้าไม่กลัวว่าด้านในจะมีทางหนีทะลุผ่าน แล้วข้าจะหนีหรือ”

“เจ้าหนีไม่ได้หรอก”

พูดแล้ว อั้นเฮยจึงจับเชยคางนางขึ้น พยายามยัดยาลงไปหนึ่งเม็ด

“หากเจ้าเชื่อฟังก็ไม่เป็นไร หากเจ้ากล้ามีแผนการกลอุบาย ข้ารับรองว่ายาเม็ดนี้จะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น ตายไปเลยเสียดีกว่า ยิ่งกว่าคำสาปโลหิตเสียอีก”

“แคกๆๆ…..”

กู้ชูหน่วนไอ จนแทบจะอาเจียนออกมา

นางกรอกตาขาวมองบนอยู่ในใจ

ฝูฮู่หวัน?

มันมีพิษจริง

เพียงแต่เขาอย่าป้อนยาที่หมดอายุได้หรือไม่?

ฝูฮู่หวันที่หมดอายุแล้วไม่มีสรรพคุณอะไร หากว่ามี เช่นนั้นกินแล้วก็แค่ทำให้ท้องเสียเท่านั้นเอง

ไม่รู้จริงๆว่ายาฝูฮู่หวันเขาวางไว้กี่ปีแล้ว

กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยความหงุดหงิดว่า“สิ่งที่เจ้าควรกังวลนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะหลบหนีหรือไม่ แต่เป็นวรยุทธ์ที่ค่อนข้างต่ำของข้าจะทำให้ตายอยู่ที่นี่หรือไม่”

“อายุน้อยๆ พละกำลังวรยุทธ์ระดับสี่ คาดว่าใต้พื้นพิภพนี้ก็มีไม่กี่คนที่เทียบเจ้าได้ เจ้าไม่ได้แย่”

“ข้าคิดว่าเจ้ากำลังชื่นชมข้าได้หรือไม่?”

“ยังไม่ลงไปอีก”

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยร้อนใจอย่างมาก

แต่ก็ไม่กล้าที่จะลงไป

เมื่อก่อนเขาถูกกู้ชูหน่วนจัดการครั้งหนึ่ง หากไม่ใช่ว่าเขาโชคดี เกรงว่าต้องตายที่หนองน้ำนานแล้ว

หญิงผู้นี้ฉลาดแกมโกง อันตรายไว้ใจไม่ได้

“ได้ ลงไปก็ได้ หากข้าตายแล้ว เจ้าไม่เพียงจะไม่รู้ว่าเหวินเส่าอี๋อยู่ที่ไหน และก็อย่าคิดจะรู้ว่าไข่มุกมังกรอยู่ที่ไหน เพราะนอกจากข้า คนของเผ่าหยกต่อให้ตายก็ไม่บอกตำแหน่งไข่มุกมังกรแก่เจ้า”

ประโยคนี้กระทบกระเทือนต่อผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยอย่างไม่ต้องสงสัย

เผ่าหยกยอมตายดีกว่ายอมศิโรราบ ยากที่จะควบคุมได้อย่างแท้จริง

เขายังอยากจะกล่าวพูด แต่กู้ชูหน่วนก็ได้กระโดดลงไปแล้ว

ใต้เหว บรรยากาศอึมครึมวังเวงน่ากลัวไม่หยุดที่จะแผ่ซ่านขึ้นมาข้างบน ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยว้าวุ่นอุตลุดอย่างมาก สรุปแล้วเขาต้องลงไปหรือไม่

คิดไปคิดมา อั้นเฮยเลยตัดสินใจกระโดดลงไป

“ไปกันเถอะ ไปชั้นต่อไปกัน”

กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นจิตใจดีและกล่าวว่า “ข้าเห็นว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสนัก ไม่ต้องการพักผ่อนสักหน่อยหรือ?”

พักผ่อน?

เขาได้เสียเวลาไปมากเช่นนั้นแล้วจะมีเวลาพักผ่อนที่ใดอีก

ทุกครั้งที่ล่าช้าาิบห้านาที ความกังวลของเขาก็มากขึ้นเล็กน้อย

เขานึกไม่ออกจริงๆว่าหากว่าเกิดอันใดขึ้นกับเส่าอี๋ที่นี่แล้วเขาจะทำเช่นไรดี

“ก็ได้ เจ้าบอกว่าไปต่อก็ไปต่อเถอะ”

กู้ชูหน่วนดีดตัวขึ้นและกระโดดลงไป

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยก็กระโดดตามลงไปเช่นกัน

หลังจากผ่านสิบหกชั้นด้านหน้ามาแล้ว เขารู้อย่างลึกซึ้งว่าภยันตรายเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าในแต่ละชั้นถัดไป

ชั้นที่สิบเจ็ดจะต้องบุกเข้าไปไม่ง่ายเป็นแน่

สิบหกชั้นด้านหน้านั้นลงไปก็พบกับความอันตรายทั้งสิ้น

เช่นไรก็ตามหลังจากที่เขาลงถึงชั้นที่สิบเจ็ดภยันตรายก็ไม่มาไม่ถึงสักที

ความสงบก่อนเกิดพายุฝนฟ้าเช่นนี้ทำให้จิตใจของผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยยิ่งหยุดนิ่งซะแล้ว

เขาไม่เชื่อว่าชั้นที่สิบเจ็ดจะไม่มีอันตรายอันใด

กู้ชูหน่วนจ้องมองไปทั้งซ้ายขวาอย่างระมัดระวังและรู้สึกว่าชั้นที่สิบเจ็ดดูแตกต่างออกไป

จะสามารถลากผู้เฒ่าอมตะอั้นเฮยไปสู่ความตายได้หรือไม่ก็ต้องอาศัยสองชั้นสุดท้ายแล้ว หากชั้นที่สิบเจ็ดไม่มีภยันตรายใดๆนางก็ไม่มั่นใจว่าชั้นที่สิบแปดจะสามารถลากเขาไปสู่ความตายได้หรือไม่

“ไม่ถูก ที่นี่มีลมหายใจของเส่าอี๋แต่ลมหายใจอ่อนเกินไปและทุกอย่างก็ลอยขึ้นด้านบน เส่าอี๋เคยมาถึงเหวไร้สิ้นสุดแต่เขาได้จากไปแล้วใช่หรือไม่?” จู่ๆผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยก็กล่าวขึ้นในทันใด

กู้ชูหน่วนตกตะลึงอยู่ในใจแต่ไม่ได้แสดงอาการบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย

“จากไป? เขาสูญเสียวรยุทธ์ไปแล้วจะออกจากเหวไร้สิ้นสุดได้อย่างไร”

“แม่สาวโสโครก ข้ารู้ว่าเจ้านั้นไม่บริสุทธิ์ใจ เจ้าหลอกใช้ประโยชน์จากเส่าอี๋และจงใจลากข้ามาที่นี่ก็เพื่อใช้ชั้นที่สิบแปดของเหวไร้สิ้นสุดขังข้าให้ตายถูกหรือไม่?”

“ผู้อาวุโสกล่าวขบขันเสียแล้ว เหตุใดที่ข้าจะ……”

ไม่รอให้กู้ชูหน่วนกล่าวจบผู้อาวุโสอั้นเฮยก็ขัดจังหวะนางอย่างรวดเร็ว

“เจ้าคงยังไม่รู้ วิชาสั่งฝนของข้าไม่เพียงแต่สังหารคนได้ทั้งยังสามารถสัมผัสได้ถึงทุกสรรพสิ่งในใต้หล้า ที่นี่มีกลิ่นลมหายใจของเจ้า ลมหายใจของเส่าอี๋และลมหายใจของผู้อาวุโสหกแห่งเผ่าหยก กลิ่นลมหายใจเจ้าทั้งสองนั้นแรงนักส่วนของเส่าอี๋นั้นอ่อนนัก หากว่าข้าคาดเดาไม่ผิดแล้วหล่ะก็น่าจะเป็นพวกเจ้าสองคนที่พาตัวเส่าอี๋ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสออกจากเหวไร้สิ้นสุด”

“ผู้อาวุโสสูงต่อสู้เอาชนะเหวินเส่าอี๋จนถึงเหวไร้สิ้นสุด ข้าจะกล้าพาเขาออกมาได้อย่างไรเจ้ารู้สึกผิดพลาดไปแล้ว”

“ใช่หรือ”

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยสั่งฝนให้กลายเป็นกระจกและส่องภาพขึ้นเป็นฉากๆให้ปรากฏขึ้นบนนั้น

ภาพนั้นเป็นรูปกู้ชูหน่วนแบกเหวินเส่าอี๋ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยมีผู้อาวุโสหกเปิดทางให้ เป็นภาพที่นำตัวเหวินเส่าอี๋ออกไปอยู่ตลอดทาง

ระหว่างทางเหวินเส่าอี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป กู้ชูหน่วนยังพันแผลให้ด้วยตนเองอีกด้วย

“วิชาสั่งฝนแข็งตัวไม่เคยล้มเหลวยิ่งลมหายใจของพวกเจ้าแรงขึ้น ภาพในกระจกก็ยิ่งควบแน่นออกมาชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น”

“แม่สาวน้อยเห็นแก่ที่เจ้าพันแผลของเส่าอี๋ไว้ เจ้าบอกข้าทีว่าเส่าอี๋อยู่ที่ใดแล้วข้าจะไม่สังหารเจ้าเป็นการชั่วคราว”

เรื่องโกหกถูกเปิดเผยและรวมทั้งกำลังภายในของผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยหมดลงเป็นอย่างมากและก็อยู่ในเหวไร้สิ้นสุด กู้ชูหน่วนจึงไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำอีกต่อไปพร้อมยิ้มเยาะเย้ย

“ใช่ เหวินเส่าอี๋จากไปแล้วจริงๆ หากว่ารอให้เจ้ามาช่วยเขาเกรงว่าเจ้าจะเห็นแต่กระดูกเฉาตายเพียงเท่านั้น ส่วนเขาอยู่ที่ใดนั้น……ข้าว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”

“ดังนั้นเจ้าจะริเริ่มรนหาที่ตายหรือ?”

“ผู้ใดที่จะรนหาที่ตายยังไม่รู้หรอก”

กู้ชูหน่วนสูดลมหายใจเข้าจากนั้นดึงดาบอ่อนออกจากเอวแล้วยิ้มอย่างเย็นชา “ขั้นสูงสุดระดับหกใช่ไหม วันนี้ข้่อยากจะขอคำแนะนำดูสักหน่อย ลองดูซิว่าข้าซึ่งเป็นขั้นกลางระดับสี่จะสามารถล้มขั้นสูงสุดระดับหกได้หรือไม่

“แขนของบุรุษถือเป็นรถยนต์ซึ่งอยู่เหนือความสามารถของตน”

ใบหน้าได้ถูกฉีกออกแล้ว กลิ่นควันดินปืนระหว่างกู้ชูหน่วนและผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยกำลังจะปะทุขึ้น

กู้ชูหน่วนไม่กล้าประมาท แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียกำลังภายในไปมาก เช่นไรอูฐตัวผอมที่ตายแล้วก็ตัวใหญ่กว่าม้า

ดาบอ่อนควงดอกดาบแปดดอกขึ้นมา ท่าทางเริ่มขึ้นของกู้ชูหน่วนก็เป็นกระบวนท่าอันสูง เฉือนเป็นแนวขวางตรงหัวใจและเส้นจุดพิฆาตอีกเจ็ดจุดของผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮย

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยหัวเราะเยาะขึ้นเสียงหนึ่งโดยที่รู้สึกหงุดหงิดใจยิ่งนัก

เพียงแค่ขั้นกลางระดับสี่ก็กล้าที่จะยั่วยุเขาคิดว่าเขาเป็นเสือตกยากที่ถูกสุนัขรังแกจริงๆหรือ?

ฝ่ามือขวาแข็งขึ้น พลังฝ่ามือของผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยทำให้กลายเป็นสายฝนยิงเข้าใส่กู้ชูหน่วนราวกับเข็มดอกแพร์

ฝนของเขามีฤทธิ์กัดกร่อน เมื่อถูกเปรอะปนเข้าก็เน่าเปื่อยไป

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยพายุสายฝนไปทั่วเหวไร้สิ้นสุดที่ชั้นสิบเจ็ด

กู้ชูหน่วนหลีกเลี่ยงไม่ได้และที่สำคัญที่สุดคือสายฝนตกกระหน่ำเหล่านี้ดูราวกับว่ามีดวงตาเช่นนั้นซึ่งตามติดนางอย่างใกล้ชิด

อั้นเฮยปรากฏรอยยิ้มได้ใจขึ้นที่มุมปาก

นางต้องการที่จะรีบสู้รีบจบ เช่นนั้นเขาจะส่งเสริมนาง

เพียงแค่ระดับสี่เผชิญหน้ากับกระบวนท่านี้ของเขาซึ่งไร้ซึ่งความสามารถที่จะคลี่คลายไปได้

จากนั้นผู้อาวุโสสูงสุดเฮยตกตะลึง

ดอกดาบของกู้ชูหน่วนหมุนขึ้นและรูปกลายร่างกลายเป็นแสงประกาย กลับควงดอกดาบดึงประกายแสงวงกลมขึ้นและขัดขวางฝนกระหน่ำทั้งหมดของเขาเอาไว้ภายนอก

พายุฝนฟ้าของเขาทรงพลังเพียงใดเขานั้นรู้ดีกว่าผู้ใด ส่วนกู้ชูหน่วนเป็นเพียงระดับสี่เท่านั้น ก็สามารถใช้ดอกดาบเปิดช่องรับประกายแสงและขวางกั้นอันตรายทั้งหมดจากภายนอก

ไม่เพียงเท่านั้นความรู้สึกจู่โจมของนางไม่เปลี่ยน ดอกดาบได้แปรเปลี่ยนไปและหักเลี้ยวมุมหนึ่งพร้อมเสียงชิ่วแทงเป็นแนวขวางมาจากด้านหลังของเขาโดยตั้งใจที่จะเจาะทะลุหัวใจของเขา

ฝีเท้าของผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยขยับเป็นแนวขวางไปด้านข้าง ฝ่ามือพิมพ์ไปบนท้องฟ้าฝ่ามือหนึ่งและอยู่ท่ามกลางการเคลื่อนรูปแบบเปลี่ยนตำแหน่ง พร้อมทั้งจับดาบอ่อนของกู้ชูหน่วนไว้ด้วยความเร็วอันว่องไวนัก

เสียงแกร๊กเสียงหนึ่ง เขาต้องการทำลายดาบอ่อนให้หักและทำลายอาวุธของกู้ชู้หน่วนไป

สิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยประหลาดใจอีกครั้งก็คือเห็นได้ชัดว่าดาบอ่อนของนางถูกเขายับยั้งไว้แล้ว แต่ก็ยังสามารถระเบิดขึ้นด้วยพละกำลังมหาศาลและกระแทกกระทั้นจนเขาถอยหลังไปสองสามก้าว

“ชู่ว์ๆๆ….. ”

กู้ชูหน่วนใช้ความว่องไวโจมตีความว่องไว ความหนักหน่วงโจมตีความหนักหน่วงโดยใช้กระบวนท่าชนิดต่างๆทั้ง เป่า ฟัน เคาะ สับ และฟัน ทุกกระบวนท่าพยายามทุ่มเทกำลังทั้งหมดและหมายมั่นจะเอาเขาให้อยู่

“แม่สาวน้อยด้วยพละกำลังของเจ้า ความแข็งแกร่งของเจ้าได้อยู่เหนือกว่าขั้นกลางระดับสี่เดียวกันไปตั้งนานแล้ว”

ประโยคนี้เขายกย่องชื่นชมจากใจ

ใต้หล้าวันนี้เพียงแค่ระดับสี่ก็มีความแข็งแกร่งเพียงนี้เกรงว่าจะมีเพียงเส่าอี๋เท่านั้น

เส่าอี๋ของเขาขึ้นถึงระดับหกตั้งแต่อายุน้อยๆ

ส่วนนางหากว่าได้รับการสอนให้ดี ขึ้นถึงระดับหกเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็วเท่านั้นเอง

หญิงผู้นี้อันตรายเกินไปไม่สามารถให้คงอยู่ได้แน่นอน

มิเช่นนั้นภายภาคหน้าเผ่าเพลิงฟ้าจะต้องมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกรายเป็นแน่

กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ “ระดับสี่อ่อนเกินไป อย่างน้อยต้องอยู่เหนือกว่าขั้นสูงสุดระดับหก”

“ช่างเป็นน้ำเสียงที่แข็งแกร่งนัก ข้าก็อยากจะดูว่าเจ้าจะบ้าบิ่นไปถึงเมื่อใด

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยปรากฏกลิ่นไอสังหารแว๊บผ่าน

ในมือผนึกเข้าจากนั้นพายุฝนก็เพิ่มความแรงขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับได้ยินเสียงฟ้าร้องดังก้องบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง สายฟ้าวูบวาบเกิดประกายไปทั่วท้องฟ้าซึ่งส่องสว่างตลอดทั้งคืนเสมือนเวลากลางวัน

ฝนตกกระหน่ำลงมาจากเดิมทีเป็นสายฝนอันน้อยนิดกลายเป็นฝนตกปานกลาง ฝนตกหนักกระทั่งฝนกระหน่ำอย่างรุนแรง

หยาดฝนทุกหยดก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนซึ่งหมุนวนเวียนอลหม่าน และวงกลมใหญ่มหึมาได้ล้อมรอบกู้ชูหน่วนเอาไว้ภายใน

หากว่าที่นี่มีผู้อื่นอยู่ เกรงว่าทุกคนจะตกใจจนตื่นกันหมด

นี่เป็นกระบวนท่าความเคลื่อนไหวอันแข็งแกร่งของขั้นสูงสุดระดับระดับหก เมื่อถูกน้ำฝนหมุนวนเข้าไม่ตายอยู่ตรงนั้นแล้วก็ไม่เหลือแม้แต่เศษซากแม้แต่ชิ้นส่วนหนึ่ง

กู้ชูหน่วนได้ปกปิดตัวเองด้วยดาบดอกมาโดยตลอด พายุกระหน่ำภายนอกไม่สามารถโจมตีนางได้เป็นการชั่วคราว

ดวงตาของนางหลักแหลม เผชิญหน้ากับกระบวนท่าความเคลื่อนไหวอันทรงพลังของขั้นสูงสุดระดับหกก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกหวาดกลัวใดๆออกมาเลย แต่กัดฟันไว้แน่นและชี้ดาบอ่อนของตนไปยังบนท้องฟ้าโดยตรง

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท