กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 732

บทที่ 732

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 732
“ท่านปู่เสวี่ยเยี่ย……”

เหวินเส่าอี๋ต้องการช่วยเขาห้ามเลือดแต่ว่าหมอกโลหิต[นร่างของเขาได้พุ่งออกมาเป็นกลุ่มก้อนซึ่งใช่ว่าเขาจะสามารถห้ามไว้ได้

เหวินเส่าอี๋ตื่นตระหนกและหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากกู้ชูหน่วน

“ช่วยเขาได้หรือไม่ เพียงแค่เจ้าสามารถช่วยเขาได้ข้าจะพาคนของเผ่าเพลิงฟ้าจากไปในทันที และรับประกันว่าเพียงแค่ข้ายังมีชีวิตอยู่จะทุ่มเทสุดชีวิตที่จะไม่ปล่อยให้คนของเผ่าเพลิงฟ้าบุกเผ่าหยกได้อีก”

ผู้อาวุโสของเผ่าหยกที่ตามหลังมาติดๆได้ยินคำพูดของเหวินเส่าอี๋จึงอดไม่ได้ที่จะถุยออกมาเสียงหนึ่ง

“เชื่อเจ้ากับผีสิ เผ่าเพลิงฟ้าไม่สังหารเผ่าหยกให้สิ้นซากก็แปลกเสียแล้ว แม้ว่าพวกเจ้าจะยอมปล่อยมวางแต่เผ่าหยกของเราก็ไม่สามารถปล่อยวางได้”

“ก็ใช่หน่ะสิ ผู้อาวุโสสูง พวกเขาเป็นขั้นสูงสุดระดับหกทั้งห้าในตอนนี้ได้ตายไปแล้วสี่คน เหลือเพียงเงาผู้เดียวเท่านั้นซึ่งก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่เช่นนั้นพวกเราก็ต่อสู้สุดกำลังกับพวกเขาเลยสิ”

“แต่ก่อนคำนึงถึงที่พวกเขามีขั้นสูงสุดระดับหกสองคน ตอนนี้……หึ……”

“ผู้เฒ่าหกนั้นช่างหลักแหลมนัก รู้ว่าผู้ที่เงาเกลียดชังที่สุดในชีวิตคืออดีตหัวหน้าเผ่าจึงได้จงใจปล่อยข่าวหลุมศพของอดีตหัวหน้าเผ่าเพื่อล่อเงาออกไปและพาเข้าไปสู่กลไกที่เผ่าหยกได้ออกแบบเอาไว้ก่อนหน้านี้ถึงได้ขังเงาเอาไว้ได้”

ผู้อาวุโสหกหัวเราะเยาะ “โชคดีๆ เป็นพวกเขาที่กัดกันเองและก็ต่อสู้กันจนพ่ายแพ้กันทั้งสองฝ่าย จึงทำให้ข้าคนกลางได้ความดีความชอบไป”

“ผู้อาวุโสสูงอย่าได้พลาดโอกาสนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเราก็สังหารพวกเขาซะเดี๋ยวนี้”

การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายกำลังจะบังเกิดขึ้น

แม้ว่าเผ่าเพลิงฟ้าจะสูญเสียยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับหกไปหลายคน แต่ก็ยังมีผู้อาวุโสระดับสูงอยู่ไม่น้อย พวกเขานำสาวกมาด้วยมากมาย ต้องการสังหารให้หมดในชั่วพริบตาก็ใช่ว่าจะง่ายดายเช่นนั้น

แม้ว่าเผ่าหยกจะได้รับความทุกข์ทรมานจากการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของพวกเขา เผ่าหยกมีผู้ที่มีพรสวรรค์มาอยู่เรื่อยๆใช่ว่าจะมีเพียงแค่ผู้อาวุโสสูงเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทหารม้าทมิฬและคนของนิกายเทพอสูรด้วย

ด้วยเหตุนี้ในการต่อสู้ครั้งนี้เผ่าเพลิงฟ้าอาจไม่ได้รับผลประโยชน์และเผ่าหยกก็อาจจะไม่ได้พ่ายแพ้

ความเกลียดชังของผู้อาวุโสได้แว๊บผ่านพร้อมกับรัศมีแห่งการสังหารอันรุนแรง

เขาก็เกลียดชังต่อผู้คนของเผ่าเพลิงฟ้า

ตอนนี้เป็นโอกาสที่หายากอย่างแท้จริง

หากว่าเผ่าหยกไม่สามารถแม้แต่จะต่อสู้เอาชนะพวกเขาได้ ยังมีหน้ามีชีวิตอยู่ในใต้หล้านี้ได้อย่างไร

ผู้อาวุโสสูงสุดโบกมือและทันใดนั้นทหารม้าทมิฬแน่นขนัดตาก็พุ่งเข้ามาวจากระยะไกลในทันใดและล้อมทุกคนของเผ่าเพลิงฟ้าเอาไว้ทั้งหมด

เหวินเส่าอี๋มองไปยังกู้ชูหน่วนซึ่งกำลังรักษาอาการให้กับผู้อาวุโสสูงของเผ่าหยกและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าจะต้องให้เลือดเปรอะเปื้อนเผ่าหยกให้แดงหรือ? ความเครียดแค้นตอบโต้กันไปมาถึงเมื่อใดแล้ว”

“ถุย ตอนนั้นที่พวกเจ้าสาปคำสาปเหตุใดจึงไม่นึกถึงการแก้แค้นกันไปมาถึงเมื่อใดหล่ะ? เมื่อครู่ขณะที่พวกเจ้าฆ่าล้างสังหารฆ่าพวกเราเผ่าหยก เหตุใดถึงไม่นึกถึงการแก้แค้นไปมาถึงเมื่อใดหล่ะ? ผู้อาวุโสสูงข้าขอร้องให้ลงมือสังหารพวกเขาให้สิ้นซากในทันที เห็นพวกเขาข้าก็โมโหนัก”

“เชิญผู้อาวุโสสูงสั่งการมา”

ผู้อาวุโสสูงกำลังจะออกคำสั่งกู้ชูหน่วนฮึ่มเสียงเย็นชาเสียงหนึ่ง “ในสายตาของพวกเจ้ายังมีหัวหน้าเผ่าผู้นี้อยู่ไหม?

“ท่านหัวหน้าเผ่า……”

“นำตัวพวกเขาไปขังเอาไว้ก่อนไม่ให้ทำร้ายหมายคน รอให้ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสสูงรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดีค่อยมาว่ากัน”

“ท่านหัวหน้าเผ่า……”

ทุกคนต่างรู้สึกไม่พอใจกัน

เผ่าเพลิงฟ้ามีกลอุบายมากมาย ผู้ใดจะรู้ว่าภายหน้าพวกเขาจะกระทำการอันใดกันขึ้น

ผู้อาวุโสสูงกล่าวว่า “อาการบาดเจ็บของข้าไม่จำเป็นต้องรักษาแล้ว”

“แล้วผู้อาวุโสสูงหล่ะ หากว่าเขาไม่รักษาแม้แต่ชีวิตก็จะไม่มีแล้ว”

ผู้อาวุโสรองกล่าวว่า “พวกเราสังหารคนของเผ่าเพลิงฟ้าจะไม่ส่งผลต่อการรักษาของผู้อาวุโสสูงสุด”

“พรวด……”

ผู้อาวุโสเสวี่ยเยี่ยกระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่งและลมหายใจยิ่งอยู่ก็ยิ่งอ่อนลงเรื่อยๆ

เหวินเส่าอี๋กล่าวอย่างร้อนรนว่า “ช่วยท่านปู่เสวี่ยเยี่ยก่อนได้หริอไม่? บัญชีระหว่างเราค่อยคิดกันทีหลังได้ไหม?” คำพูดของเขาแฝงด้วยการอ้อนวอนอยู่บ้าง

กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วและกล่าวว่า “เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสนัก ข้าไม่สามารถช่วยได้”

นางไม่ได้โกหกเขา นางไม่สามารถช่วยได้จริงๆ

เส้นเอ็นทั่วทั้งร่างของผู้อาวุโสเสวี่ยเยี่ยขาดหมดแล้วและอวัยวะภายในก็เสียหายไปหมดแล้วยังถูกดาบนับหมื่นทะลุหัวใจ

แม้แต่เทพเซียนก็ไม่สามารถช่วยได้

เหวินเส่าอี๋รู้สึกเจ็บปวดใจพร้อมกับมองดูกู้ชูหน่วนด้วยความผิดหวังเล็กน้อย

ผู้อาวุโสเสวี่ยเยี่ยกุมมือเหวินเส่าอี๋และกล่าวเสียงเบาว่า “อย่า……อย่าขอร้องพวกนาง……”

“เส่าอี๋เจ้าอยู่ในใจท่านปู่เป็นผู้สูงส่งมีเกียรติและน่าภาคภูมิใจเสมอมา ปู่……แค่กๆ……”

“อย่ากล่าวอีกเลย ข้าจะพันแผลให้ท่าน”

เสวี่ยเยี่ยราวกับว่ามีคำพูดเป็นหมื่นพันคำที่จะกล่าวกับเหวินเส่าอี๋ แต่เขากลับได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไปจึงกล่าวสิ่งใดไม่ออกเลย

เหลือไว้เพียงประโยคสุดท้าย “ข้าอายุปูนนี้แล้วตายก็ไม่เสียดาย เพียงแต่……เพียงแต่ปล่อยวางเจ้าไม่ได้ เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่……อยู่ให้……อยู่ให้ดี……”

“ตุ๊บ……”

มือของผู้อาวุโสเสวี่ยเยี่ยไหลเลื่อนลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรงพร้อมกับเบิกตาทั้งสองกว้างราวกับว่านอนตายตาไม่หลับ

เหวินเส่าอี๋กอดศพของผู้อาวุโสเสวี่ยเยี่ยเอาไว้แน่นและร่ำไห้อย่างไร้ซึ่งเสียงใด

ด้านหนึ่งสาวกของเผ่าเพลิงฟ้าคุกเข่าลงทีละคนๆ “ผู้อาวุโสเสวี่ยเยี่ย……”

ในแววตาของกู้ชูหน่วนเจ็บปวดอยู่บ้าง

แม้ว่าจะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเหวินเส่าอี๋กับเขา แต่ก่อนสิ้นใจเสวี่ยเยี่ยปบ่อยวางเหวินเส่าอี๋ไม่ลง เพื่อเหวินเส่าอี๋แล้วไม่เสียดายที่จะสูญเสียพละกำลังทั้งชีวิตจนหมดพร้อมเสี่ยงความอันตรายก็จะเสียสละเพื่อช่วยเหลือเหวินเส่าอี๋

ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอนสินะ

ดูเหมือนว่านางจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดในใจของเหวินเส่าอี๋

ผู้อาวุโสสูงออกคำสั่ง “พวกเจ้า สังหารทุกคนของเผ่าเพลิงฟ้าให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”

“หยุดนะ ห้ามสังหารพวกเขา”

เผ่าหยกและคนอื่นๆมองไปยังผู้อาวุโสสูงและมองดูหัวหน้าเผ่าโดยไม่รู้ว่าควรจะฟังผู้ใดดี

ในเวลานี้ ผู้อาวุโสสูงสุดค่อยๆฟื้นขึ้นมา ใบหน้าอันซีดเซียวของเขาฝืนทนออกคำสั่งอย่างเย็นชาว่า “ฆ่า อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”

“ขอรับ”

สังหารคำหนึ่ง เผ่าหยกและเผ่าเพลิงฟ้าก็ได้ต่อสู้ปะทะกันขึ้นอย่างเป็นทางการซึ่งทั้งสองฝ่ายสู่กันอย่างเต็มพละกำลังแดงเดือดถ้วนทั่วกันไปหมด

เสียงการต่อสู้ เสียงการกรีดร้อง เสียงตะโกนร้องและเสียงการด่าทอดังขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด

ผู้อาวุโสขั้นสูงของเผ่าหยกได้รับบาดเจ็บสาหัสกันหมดแต่อาการบาดเจ็บของคนขั้นกลางและต่ำนั้นไม่มากมายนัก สาวกของเผ่าหยกก็เร่งรีบเข้ามาร่วมการต่อสู้ในสนามรบทีละคนๆอย่างต่อเนื่อง

ศัตรูจำนวนน้อยพวกเราจำนวนมากกว่า เผ่าเพลิงฟ้าจึงค่อยๆปรากฏความพ่ายแพ้ออกมา

ชีวิตแต่ละชีวิตล้มลงต่อๆกันไป

ในนั้นเผ่าเพลิงฟ้ามีจำนวนมาก

เช่นไรพวกเขาก็ยังคงปกป้องเหวินเส่าอี๋สุดชีวิตดังเดิมเพื่อไม่ให้เหวินเส่าอี๋ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

กู้ชูหน่วนจ้องไปยังผู้อาวุโสสูง “ท่านไม่ได้ยินคำพูดของข้าหรอกหรือ? บอกให้พวกเขาหยุด”

ผู้อาวุโสสูงสุดได้แปรเปลี่ยนจิตใจอันดีมีเมตตาก่อนหน้านี้เป็นความอาฆาตแค้นอยู่ในแววตา

“ท่านเป็นหัวหน้าเผ่าตามหลักแล้วพวกเราควรเชื่อฟังท่าน แต่ครั้งนี้ได้โปรดยกโทษให้เราที่ไม่สามารถเชื่อฟังคำสั่งของท่าน ความเครียดแค้นเกลียดชังระหว่างเผ่าหยกและเผ่าเพลิงฟ้านั้นไม่สามารถคลี่คลายได้ พวกเขาไม่ตายก็เป็นพวกเราที่ต้องตาย ”

“ตอนนี้พวกเขารู้ทางเข้าออกของเผ่าหยกของเราแล้ว เก็บพวกเขาเอาไว้ท้ายที่สุดก็เป็นความหายนะ เป็นการดีกว่าที่จะสังหารเลยโดยตรงเพื่อไม่ให้เหลือรากโคนไว้”

“เจ้า……”

กู้ชูหน่วนโมโหจัด นางตะโกนเสียงดังว่า “หยุดนะ ข้าบอกให้หยุดให้หมด”

บางทีเผ่าหยกอาจจะถูกรังแกรุนแรงเกินไป

ครั้งนี้เผ่าหยกอันใหญ่โตกลับไม่มีผู้ใดยอมเชื่อฟังคำพูดของนาง

รวมทั้งผู้อาวุโสทั้งหลายเหล่านั้นแม้แต่ผู้อาวุโสหก

ผู้อาวุโสหกกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าเผ่า ตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในเผ่าหยกได้สังหารคนของเราเป็นจำนวนมาก ศพกระดูกของพวกเขายังไม่ได้ฝังเลย แค้นนี้ไม่ได้ล้างช่างน่า……เป็นการยากที่จะโน้มน้าวผู้คน ท่าน……ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้ใส่ใจเลย”

“ท่านหัวหน้าเผ่า ท่านจะลงโทษพวกเราเช่นไรก็ได้ทั้งนั้น มีเพียงครั้งนี้ที่เราไม่สามารถเชื่อฟังท่านได้ ได้โปรดยกโทษให้ด้วย”

ผู้อาวุโสทั้งหลายของเผ่าหยกต่างคุกเข่าลงกับพื้นอย่างพร้อมเพรียงกัน

แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสสูงซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสลมหายใจแผ่วเบาก็คุกเข่าลงกันหมด

บทที่ 731

ตอนที่ 733

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 722
ฉินหิมะเป็นสิ่งที่แม่เขาทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ เขาถนอมรักษามันเยี่ยงทรัพย์สมบัติล้ำค่า แม้จะใช้ทั้งหมดของชีวิต ก็ไม่มีทางที่จะให้ฉินหิมะเสียหาย

นอกเสียจาก….เกิดเรื่องกับเขา

พอมองรอยแหว่งของฉินหิมะ ชัดเจนว่ามันได้ถูกยอดฝีมือระดับหกทำลาย

“ตอนนี้เขาเป็นเพียงระดับหนึ่งที่กระจอกจิ๊บจ๊อย พวกเจ้าเผ่าหยกเป็นผู้ที่มีพละกำลังวรยุทธ์ระดับหกจัดการรับมือกับระดับหนึ่งคนหนึ่ง ก็ไร้ยางอายเกินไปเสียแล้วนี่”

“เผ่าหยกหน้าไร้ยางอาย?เช่นนั้นเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเจ้ามียางอายงั้นหรือ?ข้าก็เป็นเพียงระดับสี่ที่จิ๊บจ๊อยเท่านั้นเอง แต่ทว่าเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่มีวรยุทธ์ยอดฝีมือชั้นสูงสุดระดับหกกลับอยู่ มักตามสังหารข้าล่ำไป”

“ผู้ใดให้เจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยกเล่า ผู้ใดให้มือของเจ้ากอบกุมไข่มุกมังกรอยู่ล่ะ”

“เช่นนั้นเหวินเส่าอี๋ยังคงเป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า และก็เป็นหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าในอนาคต ตามที่เจ้ากล่าวมา เมื่อพวกเราจัดการกับเขา ไร้ยางอายที่ไหนกัน?”

“เถียงข้างๆคูๆ ความจริงแล้วเส่าอี๋อยู่ที่แห่งใด รีบเอาเขาออกมา”

“อยากจะพาเหวินเส่าอี๋ไปก็ได้นะ เห็นแก่อายุอานามของเจ้าแถมยังลำบากยากเข็ญอย่างนี้ เพียงแค่พวกเจ้ายอมออกไปจากเผ่าหยกนี้ ข้าก็จะคืนเหวินเส่าอี๋แก่เจ้า”

“เป็นไปไม่ได้”

“เช่นนั้นระหว่างพวกเรายังมีสิ่งใดที่จะต้องเจรจาหรือ?”

“แน่นอนว่ามี ฐานะของเจ้ามีเกียรติมากกว่าเขา เพียงแค่จัดการเจ้าได้ ข้าก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าพวกแก่กระโหลกกะลาเหล่านั้นจะไม่มอบเส่าอี๋กับไข่มุกมังกรให้ข้า”

กู้ชูหน่วนหัวเราะถากถาง มองผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยด้วยแววตาเศร้าสร้อย

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยขมวดคิ้ว

นี่คือสายตาแบบไหน?

ดูถูกถากถาง?

หัวเราะเยาะเย้ย?

กู้ชูหน่วนผายมือออกทั้งสองข้าง กล่าวขึ้นว่า“ข้าไม่รู้จริงๆนะว่าเจ้าอายุปูนนี้แล้ว ทำไมสายตาถึงได้แย่อย่างนี้ เจ้าดูสภาพข้าสิ มีจุดไหนกันที่เหมือนหัวหน้าเผ่า?”

อั้นเฮยไม่ได้พูด เพียงแค่พิจารณานางอย่างเงียบเชียบ

และราวกับรอว่านางจะกล่าวอะไร

“หากข้าเป็นหัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโสเหล่านั้นจะยอมให้ข้าออกมารับมือกับเจ้าที่เป็นยอดฝีมือชั้นสูงสุดระดับหกหรือ?หากข้าเป็นหัวหน้าเผ่า จะต้องมาเป็นเหยื่อล่อให้เจ้าติดกับดัก ให้เหล่ายอดฝีมือตามสังหาร แล้วยังแย่งชิงไข่มุกมังกรอย่างตรากตรำอยู่ด้านนอกหรือ?”

“หากข้าเป็นหัวหน้าเผ่า เผ่าหยกจะให้ข้ากับเยี่ยจิ่งหานแต่งงานกันหรือ?เผ่าหยกมีความสัมพันธ์อะไรกันกับเยี่ยจิ่งหาน คิดว่าผู้อาวุโสนั้นรู้ดีกว่าข้านะ”

“เจ้าจะบอกว่าเจ้าคือเงาหรือ?”

“เดิมแล้วข้าก็คือเงา หากข้าเป็นหัวหน้าเผ่าหยก ก็ไม่ต้องทนทุกข์ระทมอยู่ในจวนอัครเสนาบดีอย่างนั้นมาหลายปีหรอก”

“……”

หากผู้อื่นพูดเช่นนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยอาจจะเชื่อ แต่คำพูดเหล่านี้เป็นกู้ชูหน่วนกล่าวพูด เขาไม่เชื่อแม้แต่ประโยคเดียว

“เจ้าพูดยืดยาวอยู่ที่นี่ อยากจะยืดเยื้อเวลาสินะ?ครั้งนี้ผู้อาวุโสชั้นสูงสุดระดับหกของเผ่าเพลิงฟ้ามาห้าคน เผ่าหยกไม่มีทางที่จะต้านทานได้ ต่อให้เจ้าจะดึงเวลาอย่างไร ก็ไม่มีประโยชน์หรอก”

“ไอ๋หยา ถูกเจ้าดูออกแล้ว สุดท้ายขิงก็ยังคงเผ็ดร้อน”

“เจ้าเด็กน้อย ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าหรือเป็นเงา ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หากเจ้าไม่ส่งมอบเหวินเส่าอี๋กับไข่มุกมังกรออกมา ปีหน้าของวันนี้จะเป็นวันหวนรำลึกเซ่นไหว้ของเจ้า”

“หนึ่ง…..”

“สอง….”

“อย่าๆๆๆๆ ข้าไม่รู้จริงๆว่าไข่มุกมังกรอยู่ที่ไหน แต่เหวินเส่าอี๋อยู่ไหนข้ารู้ ข้าพาเจ้าไปหาเขาก็สิ้นเรื่องแล้ว”

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยไม่พอใจกับคำพูดนี้มาก รังสีอำมหิตเลยแตกฉานแผ่ซ่าน

กู้ชูหน่วนยกมือขึ้นยอมจำนน กล่าวว่า“อย่าโมโหอย่างนี้สิ แม้ข้าจะไม่รู้ว่าไข่มุกมังกรอยู่ที่ไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็อยู่ที่เผ่าหยกมาหลายปี ข้าสามารถพาเจ้าไปพบผู้อาวุโสสูงสุดได้ ผู้อาวุโสสูงสุดจะต้องรู้แน่นอนว่าไข่มุกมังกรอยู่ที่ไหน”

“เจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ เหวินเส่าอี๋ถูกขังอยู่ที่ห้วงเหวลึกไร้ที่สิ้นสุด วรยุทธ์สูญสิ้น กระดูกสะบักก็ถูกตัดละ ห้วงเหวลึกไร้ที่สิ้นสุดนั้นเหมือนกับนรกอเวจี อันตรายอย่างมาก หากเจ้าไม่ไป เกรงว่าชีวิตอันน้อยๆของเขาก็จบเห่แล้ว”

“เจ้าตัดกระดูกสะบักเขาหรือ?”

เสียงแอกดังขึ้น

ผู้อาวุโสสูงสุดเฮยอันบีบที่คอของกู้ชูหน่วน รังสีอำมหิตเปล่งประกายมากขึ้น

หากเขาไม่พยายามอดกลั้น เกรงว่าจะอดสังหารกู้ชูหน่วนไม่ได้ไปนานแล้ว

ส่วนกู้ชูหน่วนไม่ได้ตอบโต้กลับ แถมยังปล่อยให้เขาบีบ

ความเป็นจริงแม้นางอยากตอบโต้ ตอนที่เขาโมโหก็ไม่อาจที่จะตอบโต้ได้

กู้ชูหน่วนหน้าดำหน้าแดง นางกัดฟันกรอด พยายามกล่าวออกมาว่า“สังหารข้าแล้ว เหวินเส่าอี๋ก็ไม่รอดหรอก”

“ปัง……”

ผู้อาวุโสอั้นเฮยโยนกู้ชูหน่วนออกไป

“รีบพาข้าไปที่เหวลึกไร้ที่สิ้นสุด”

กู้ชูหน่วนนวดคลึงมือที่ถูกสะบัดออก กับคอที่แดงเถือก และยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมาในตอนที่ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยมองไม่เห็น

“ได้ มากับข้าสิ”

“ทางที่ดีเจ้าอย่ามาหยอกล้อหลอกลวง อารมณ์ของข้าไม่ดี”

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยรู้ หญิงผู้นี้ไม่มีทางที่จะพาเขาไปหาเหวินเส่าอี๋ที่ถูกขังอยู่เหวไร้ที่สิ้นสุดอย่างไม่คิดอะไรหรอก

ขณะเดียวกันที่ช่วยเหวินเส่าอี๋ เขาก็ต้องตกอยู่ในอันตราย

แต่เขามาสนใจใส่ใจอะไรมากไม่ได้

เขาต้องการไข่มุกมังกร และต้องการช่วยเหวินเส่าอี๋ด้วย

กู้ชูหน่วนนำทาง พร้อมกับกล่าวว่า“อย่าคิดว่าข้าโสมมใจแคบขนาดนั้น ที่พาเจ้าไปเหวไร้ที่สิ้นสุด เพียงเพราะเหวินเส่าอี๋มีบุญคุณกับข้า ข้าอดไม่ได้ที่จะเห็นเขาตายก็แค่นั้น”

กู้ชูหน่วนพาเดินอ้อมไปอ้อมมาจนเขาเวียนหัวแล้ว

ตอนที่อารมณ์ของผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยจะปะทุขึ้น กู้ชูหน่วนก็ได้พาเขามาถึงหน้าประตูทางเข้าเหวไร้ที่สิ้นสุดเสียที

กู้ชูหน่วนชี้ไปทางระดับต่ำสุด จากนั้นกล่าวว่า“นั่น เหวินเส่าอี๋อยู่ด้านในชั้นสุดท้าย เจ้าลงไปเองแล้วพาเขาขึ้นมาก็จบ”

“ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้า”

“ชีวิตน้อยๆของข้าอยู่ในกำมือเจ้า เจ้ามีอะไรที่ยังไม่เชื่ออีก”

“เจ้าลงไปเอาเหวินเส่าอี๋ขึ้นมา ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่”

กู้ชูหน่วนหัวเราะขึ้น กล่าวว่า“เจ้าไม่กลัวว่าด้านในจะมีทางหนีทะลุผ่าน แล้วข้าจะหนีหรือ”

“เจ้าหนีไม่ได้หรอก”

พูดแล้ว อั้นเฮยจึงจับเชยคางนางขึ้น พยายามยัดยาลงไปหนึ่งเม็ด

“หากเจ้าเชื่อฟังก็ไม่เป็นไร หากเจ้ากล้ามีแผนการกลอุบาย ข้ารับรองว่ายาเม็ดนี้จะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น ตายไปเลยเสียดีกว่า ยิ่งกว่าคำสาปโลหิตเสียอีก”

“แคกๆๆ…..”

กู้ชูหน่วนไอ จนแทบจะอาเจียนออกมา

นางกรอกตาขาวมองบนอยู่ในใจ

ฝูฮู่หวัน?

มันมีพิษจริง

เพียงแต่เขาอย่าป้อนยาที่หมดอายุได้หรือไม่?

ฝูฮู่หวันที่หมดอายุแล้วไม่มีสรรพคุณอะไร หากว่ามี เช่นนั้นกินแล้วก็แค่ทำให้ท้องเสียเท่านั้นเอง

ไม่รู้จริงๆว่ายาฝูฮู่หวันเขาวางไว้กี่ปีแล้ว

กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยความหงุดหงิดว่า“สิ่งที่เจ้าควรกังวลนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะหลบหนีหรือไม่ แต่เป็นวรยุทธ์ที่ค่อนข้างต่ำของข้าจะทำให้ตายอยู่ที่นี่หรือไม่”

“อายุน้อยๆ พละกำลังวรยุทธ์ระดับสี่ คาดว่าใต้พื้นพิภพนี้ก็มีไม่กี่คนที่เทียบเจ้าได้ เจ้าไม่ได้แย่”

“ข้าคิดว่าเจ้ากำลังชื่นชมข้าได้หรือไม่?”

“ยังไม่ลงไปอีก”

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยร้อนใจอย่างมาก

แต่ก็ไม่กล้าที่จะลงไป

เมื่อก่อนเขาถูกกู้ชูหน่วนจัดการครั้งหนึ่ง หากไม่ใช่ว่าเขาโชคดี เกรงว่าต้องตายที่หนองน้ำนานแล้ว

หญิงผู้นี้ฉลาดแกมโกง อันตรายไว้ใจไม่ได้

“ได้ ลงไปก็ได้ หากข้าตายแล้ว เจ้าไม่เพียงจะไม่รู้ว่าเหวินเส่าอี๋อยู่ที่ไหน และก็อย่าคิดจะรู้ว่าไข่มุกมังกรอยู่ที่ไหน เพราะนอกจากข้า คนของเผ่าหยกต่อให้ตายก็ไม่บอกตำแหน่งไข่มุกมังกรแก่เจ้า”

ประโยคนี้กระทบกระเทือนต่อผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยอย่างไม่ต้องสงสัย

เผ่าหยกยอมตายดีกว่ายอมศิโรราบ ยากที่จะควบคุมได้อย่างแท้จริง

เขายังอยากจะกล่าวพูด แต่กู้ชูหน่วนก็ได้กระโดดลงไปแล้ว

ใต้เหว บรรยากาศอึมครึมวังเวงน่ากลัวไม่หยุดที่จะแผ่ซ่านขึ้นมาข้างบน ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยว้าวุ่นอุตลุดอย่างมาก สรุปแล้วเขาต้องลงไปหรือไม่

คิดไปคิดมา อั้นเฮยเลยตัดสินใจกระโดดลงไป

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท