กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 758
คำพูดนี้หมายความว่า……เขายังมีพี่น้องอยู่อีกคน?
“และหญิงที่วางอุบายกับข้าเป็นผู้ที่ข้าเกลียดชังและโกรธแค้นที่สุดในชีวิตนี้ ข้าเคยบังคับให้นางเอาเด็กออกแต่ว่าเป็นตายนางก็ไม่ยอม ข้าจึงทำได้เพียงฝืนบังคับ ท่านแม่ของเจ้ามีเมตตารู้สึกอยู่เสมอว่านั่นเป็นชีวิตเป็นๆชีวิตหนึ่งซึ่งไม่ควรถูกบีบคอจนตายเช่นนี้ รวมถึงข้าทรยศต่อแม่ของเจ้าด้วยเหตุนี้จึงได้ทะเลาะกับแม่ของเจ้าอยู่หลายครั้ง”
“หญิงผู้นั้นเจ้าเล่ห์นักและยังมีท่านแม่ของเจ้าหนุนหลังดังนั้นนางจึงได้ให้กำเนิดลูกชายอย่างราบรื่น”
“ไม่รู้ว่าเนื่องจากข้าใจจดจ่อต้องการที่จะฆ่าเด็กคนนั้นหรือเปล่า หรือว่าเนื่องจากหญิงผู้นั้นต้องการล้างแค้นเผ่าของนาง ช่วงเวลาขณะที่คลอดเด็กออกมาก็ได้ทิ้งเด็กไปเสียแล้ว”
“ทิ้งไป?”
ทิ้งไปหมายถึงสิ่งใด? ทอดทิ้งไป?
“ใช่ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเด็กคนนั้นถูกเขาฆ่าหรือถูกทอดทิ้งไป ตอนนี้ผ่านไปยี่สิบปีแล้วข้าเองก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นหรือตาย”
ในตอนนั้นเขาคิดที่จะตรวจสอบที่อยู่ของเด็กคนนั้น
แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่เคยลงมือทำ
หรืออาจเป็นเพราะเกลียดชังหญิงผู้นั้นมากมายนัก
แม้แต่เด็กที่หญิงผู้นั้นเกิดมาก็เกลียดชังไปด้วย
ในตอนนี้คิดๆไปแล้วเช่นไรเด็กก็เป็นผู้บริสุทธิ์
ไม่ว่าเขาจะเกลียดชังหญิงผู้นั้นมากเพียงใดก็ไม่ควรพาดพิงถึงเด็กคนนั้น
“ท่านพ่อรู้หรือไม่ว่าเด็กคนนั้นเป็นชายหรือหญิง?”
เหวินเฉิงเทียนส่ายศีรษะ
เขาไม่รู้
หญิงผู้นั้นก็ไม่เคยบอกเขา
แต่ว่าราวกับว่าเขาเคยได้ยินคนกล่าวว่าหญิงผู้นั้นได้ให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่ง และก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ
“ท่านวางใจได้ เส่าอี๋จะตามหาเด็กคนนั้นให้พบและชดใช้ตลอดระยะเวลายี่สิบปีที่ผ่านมาแทนท่านพ่อ”
“ไม่จำเป็นหรอก หรือบางที……ชั่วชีวิตนี้ข้าถูกกำหนดให้ละอายใจต่อเขา”
เหวินเฉิงเทียนหลับตาลงอย่างรู้สึกเหน็ดหนื่อย
หญิงผู้นั้นจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต
คลอดลูกออกมาก็เพียงเพื่อแก้แค้นเท่านั้น
เขาจะปล่อยให้เด็กคนนั้นมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
แม้ว่าจะอุ้มท้องสิบเดือนจนให้กำเนิดเองแต่ในสายตาของนางก็เป็นเพียงแค่สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
“เจ้ายังมีคำถามอันใดจะถามข้าอีกใช่หรือไม่?”
“อืม……ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดท่านพ่อถึงได้เกลียดชังข้าตั้งแต่เล็กจนโตเช่นนั้น”
“เจ้าเด็กโง่ ข้ารักเจ้ายังแทบไม่ทันแล้วจะเกลียดชังเจ้าได้อย่างไร”
“กฎของเผ่าเพลิงฟ้า ท่านพ่อของนายน้อยเผ่าในภายภาคหน้าจะต้องเข้าสู่พิธีบูชายัญไฟ ตอนนั้นข้ายังไม่ใช่หัวหน้าเผ่าและไม่เคยคิดที่จะเป็นหัวหน้าเผ่า แต่ว่าหญิงผู้นั้นทำร้ายข้าจนทำให้ข้ากลายเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าเพลิงฟ้า”
“ข้ากลายเป็นหัวหน้าเผ่าซึ่งหมายความว่าเจ้าจะเป็นนายน้อยเผ่า ท่านแม่ของเจ้าจำต้องเข้าพิธีบูชายัญไฟแล้วข้าจะยอมให้แม่ของเจ้าเข้าพิธีบูชายัญไฟได้อย่างไร ดังนั้นข้าจึงได้เริ่มห่างเหินจากพวกเจ้า แสร้งทำเป็นไม่สนใจพวกเจ้าก็เพื่อหวังให้เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายยกเลิกตำแหน่งนายน้อยเผ่าของเจ้า”
“แต่เจ้ากลับช่างโดดเด่นนัก เจ้าโดดเด่นในทุกๆด้าน อายุยังน้อยก็เก่งทั้งบุ๋นและบู๊รวมถึงวรยุทธ์สูงส่งซึ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์หายากนับพันปีของเผ่าเพลิงฟ้า
“แม้ว่าข้ารู้สึกเป็นสุขก็โศกเศร้าด้วยยิ่งนัก ที่เป็นสุขคือลูกชายของข้าเป็นผู้มีพรสวรรค์ ที่น่าเศร้าคือเจ้าอาจจะต้องถูกเลือกให้เป็นนายน้อยเผ่า”
“จริงตามนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดเหล่านั้นได้กำหนดให้เจ้าเป็นายร้อยเผ่าเลยโดยตรง และยังเป็นผู้ถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าเผ่าในภายหน้าเป็นคนแรก ท่านแม่ของเจ้าก็ไม่สามารถหนีโชคชะตาได้เช่นเดียวกัน ถูก……บูชายัญไฟ……”
เหวินเฉิงเทียนกล่าวถึงภายหลังด้วยน้ำเสียงของสะอึกสะอื้นจนแทบจะร้องไห้ไม่เป็นเสียง
ยิ่งเหวินเส่าอี๋ฟังมากเท่าใดสีหน้าก็ยิ่งดูไม่ได้มากขึ้นเท่านั้น
ตั้งแต่เล็กจนโตท่านพ่อไม่ได้สนใจเขาเลย ไม่ว่าเขาจะมีความสุขหรือโศกเศร้า หรือว่ากำลังจะตาย ท่านพ่อก็ไม่เคยมาดูเขามาก่อนเลย
เขาทุ่มเทฝึกฝนวรยุทธ์อย่างหนัก ทุ่มเทเล่าเรียนอย่างหนักก็เพียงเพื่อให้ท่านพ่อชมเชยเขาสักเล็กน้อย
คิดไม่ถึงว่า……
ความพยายามของเขาไม่เพียงแต่ทำร้ายท่านพ่อของเขา
และยังทำร้ายท่านแม่จนตายด้วย……
ท่านแม่ของเขา……ถูกสังหารด้วยน้ำมือของเขาเอง……
“อย่าได้โทษตนเองนี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เป็นเพราะกฎของเผ่าเพลิงฟ้านั้นช่างโหดร้ายยิ่งนัก ข้าเคยคิดที่จะยกเลิกกฎเกณฑ์ข้อนี้ แต่ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสทั้งหลายของเผ่าเพลิงฟ้ามีจำนวนมากมายนัก มีจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งคัดค้าน ด้วนเหตุนี้……กฎข้อนี้ของเผ่าจึงไม่สามารถยกเลิกไปได้ตลอดมา”
“ดังนั้นข้าจึงจงใจสร้างความเข้าใจผิดบางอย่าง เพื่อต้องการให้พวกเขาริเริ่มยกเลิกตำแหน่งนายน้องเผ่าของเจ้า เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เจ้าขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าและเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบากเดียวกับข้า”
“หลังจากที่ท่านแม่ของเจ้าเสียชีวิตไป ข้าไม่อยากเผชิญหน้ากับเจ้า ประการแรกเนื่องจากเจ้าช่างเหมือนแม่ของเจ้านัก เมื่อเห็นเจ้าข้าก็นึกถึงท่านแม่ของเจ้า”
“ประการที่สองเนื่องจากข้าไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเจ้าเช่นไร เพราะข้าไร้ความสามารถข้าทำให้เจ้าไร้ซึ่งท่านแม่ตั้งแต่เด็ก”
เหวินเส่าอี๋ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นอนหมอบอยู่ในอ้อมอกของเหวินเฉิงเทียนพร้อมกับร่ำไห้
เป็นเขาที่ไม่เข้าใจในความยากลำบากของท่านพ่อ
หากว่าเขาสามารถเดาเจตนาของท่านพ่อได้เร็วกว่านี้ก็จะไม่ทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อฝึกฝนวรยุทธ์เอาใจท่านพ่อ จนสุดท้าย……ได้ทำร้ายท่านพ่อท่านแม่
ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา
“แค่กๆๆ……
เหวินเฉิงเทียนไออย่างรุนแรงจนไอออกมาเป็นเลือดสีดำและร่างกายก็สั่นเทา
เหวินเส่าอี๋ปาดน้ำตาอย่างยุ่งเหยิง เลือดสีดำบนพื้นกระทบดวงตาของเขาอย่างเจ็บปวด
“ข้าไปหากู้ชูหน่วนเพื่อขอยาถอนพิษ”
“อย่าไป……เปล่าประโยชน์ เผ่าหยกกับเผ่าเพลิงฟ้าเป็นศัตรูกัน พวกเขาใจจดจ่อเพียงต้องการกำจัดเผ่าเพลิงฟ้าให้สิ้นซากจึงไม่มีทางให้ยาถอนพิษแก่เจ้า”
“ต่อให้ขอร้องข้าก็จะขอยาถอนพิษมาให้ได้”
“หากเจ้าต้องขอร้องข้ายอมตายดีกว่า
”
“ท่านพ่อ……”
“เส่าอี๋เจ้าฟังนะ เผ่าเพลิงฟ้ายังมีสาขาแห่งหนึ่งในรัฐปิง สาขานั้นใหญ่เทียบเท่ากับสำนักใหญ่ของเรา เจ้านำป้ายคำสั่งหัวหน้าเผ่าและค้นหารัฐปิงตามแผนที่นี้พวกเขาจะ
ยอมรับเจ้าในฐานะหัวหน้าเผ่า ถึงตอนนั้นเผ่าเพลิงฟ้าก็จะสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว……แค่กแค่ก……
”
“ท่านพ่อ ท่านอย่าพูดอีกเลย……ท่านให้ผู้อาวุโสทั่งหลายเข้าดูท่านสักน่อย……”
“จ้าจะต้องพูด หากไม่พูดอีกก็จะไม่ทันการแล้ว”
เหวินเฉิงเทียนเจ็บปวดจนขมวดคิ้ว
อุณหภูมิในร่างกายของเขาเริ่มร้อนขึ้นอีกครั้ง และความเจ็บปวดเผาไหม้อย่างรุนแรงทรมานเขาเจียนตาย
“นี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าเพลิงฟ้า นอกจากหัวหน้าเผ่าที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ว่ามีสาขาแห่งหนึ่งของเผ่าเพลิงฟ้าในรัฐปิง หากเจ้าต้องการเป็นเพียงคนธรรมดาเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องไปตามหา แต่หากว่าเจ้าต้องการที่จะชุบชีวิตเผ่าเพลิงฟ้าเจ้าต้องไปยังรัฐปิง”
“พ่อหวังให้ลูกเป็นเพียงคนธรรมดาแต่พ่อก็รู้จักเรื่องนิสัยใจคอของเจ้าดี หากเป็นเมื่อก่อนเจ้าคงจะเป็นแค่ชายหนุ่มอิสระเสรีเป็นแน่ แต่กลับให้เจ้าพบเจอความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องนานหลายวัน แล้วเจ้าจะปล่อยให้สาวกเหล่านั้นที่เสียสละชีวิตเพื่อเจ้าตายไปอย่างอนาถโดยเปล่าประโยชน์ได้อย่างไร”
เหวินเส่าอี๋ไม่พูดจา
เขาต้องการทวงความยุติธรรมคืนให้กับผู้ที่ตายไปแล้วจริงๆ
นี่คือสิ่งที่เขาติดค้างพวกเขา
เหวินเส่าอี๋มองไปยังกระดูกสะบักของตนด้วยความเจ็บปวด
หากว่า……
หากว่าวรยุทธ์ของเขาไม่หมดสิ้นไป
เช่นนั้นจะดีมากเพียงใด
“พ่อติดต้างเจ้ามากเกินไป ดังนั้นก่อนตายพ่อจำเป็นต้องทำสิ่งหนึ่งแทนลูก”
เหวินเฉิงเทียนพยายามลุกขึ้นนั่ง พิงกำแพงหินโดยที่หายใจอย่างหอบ
“กระดูกสะบักของเจ้าข้ามีวิธีต่อรักษา”
“กระดูกสะบักเชื่อมต่อได้หรือ?”
ผู้ที่ฝึกวรยุทธ์จะคัดกระดูกสะบักออกไม่ได้หมดสิ้นไปเลยหรือ?
แล้วยังจะเชื่อมต่อได้อย่างไร?
ความหวังอันริบหรี่ผุดขึ้นมาในใจของเหวินเส่าอี๋
หากว่ากระดูกสะบักของเขาสามารถเชื่อมต่อกันได้
เขาก็จะสามารถฝึกวรยุทธ์ได้อีกครั้งและปกป้องผู้ที่เขาต้องการปกป้องได้……
“ใช่ เจ้า……ไปเรียกผู้อาวุโสทุกคนมาให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”
“ได้……”
หลังจากนั้นครู่หนึ่งผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสทั้งหลายที่เหลืออยู่ของเผ่าเพลิงฟ้าได้ถูกเรียกมาทั้งหมด แต่ละคนคุกเข่าลงบนพื้นทีละคนๆเพื่อรอคำสั่งการของเหวินเฉิงเทียน
เหวินเฉิงเทียนยกมือขวาของเหวินเส่าอี๋ขึ้นและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “จากนี้ไปข้าจะส่งต่อตำแหน่งของหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าให้กับลูกชายของข้าเหวินเส่าอี๋ ทุกคนจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา จงภักดีต่อเขาชั่วชีวิตและห้ามมีใจคิดคดทรยศ”
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 753
น่าหลานหลิงลั่วกล่าวว่า “อย่างไรก็ตามยังท่านหัวหน้าเผ่าอยู่ไม่ใช่หรือ? ท่านหัวหน้าเผ่าเป็นถึงระดับเจ็ด หากว่าพวกเขาทั้งสองคนเริ่มโจมตีพร้อมกันและทุกๆคนก็วิ่งไปจัดการกับซ่งหยวนแล้วผู้ใดจะคอย “คุ้มครองท่านหัวหน้าเผ่า? ”
ซือคงรู้สึกอึดอัดใจ
ท่านหัวหน้าเผ่าโกรธจนเป็นบ้าจนตอนนี้ก็ยังไม่คืนสติแล้วจะมีสิ่งใดน่าวิตกกังวล
ไม่เช่นนั้นก็ร่วมมือร่วมใจกันกำจัดซ่งหยวนตาเฒ่าอมตะก่อนยังดีเสียกว่า
เขาก็เป็นระดับหกแต่ว่าเขายังไม่ถึงชั้นสูงสุด รวมทั้งตอนนี้ซ่งหยวนเต็มไปด้วยกลิ่นไอสังหารเช่นนี้ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เป็นครึ่ง
ไม่ว่าเขาจะโง่เขลาเพียงใดก็ไม่สามารถปะทะกับเขาซึ่งๆหน้าโดยตรงได้
“พรึ่บๆๆ……”
ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตเป็นก่ายเป็นกอง
แม้ว่าผู้คนเหล่านี้จะเป็นลูกน้องของเผ่าซือคงแต่เหวินเส่าอี๋ก็ยังคงรู้สึกปวดใจเช่นดังเดิม
หลังจากเกิดหายนะไม่คาดคิดต่อเนื่องนานหลายวัน น้ำตาประกายแวววาวของเหวินเส่าอี๋ก็ไหลลงมาอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ท้ายที่สุดดวงตาอันอบอุ่นก็ได้มองไปยังการสังหารทั้งสี่ทิศและผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนผู้ซึ่งพูดจาสกปรก
“เจ้าซือคงน้อยหากเจ้ามีความสามารถก็ไปสังหารด้วยตนเอง เจ้าคิดว่าลากผู้คนจำนวนมากเช่นนี้มาเป็นตัวตายแทนเจ้าแล้วเจ้าจะสามารถหนีไปได้หรือ? ถุย”
“น่าหลานเจ้าลูกเต่าไม่ใช่ว่าเจ้านั้นช่างหยิ่งยโสนักหรอกหรือ? เหตุใดตอนนี้ถึงได้หดหัวเหมือนเต่าในกระดองเสียหล่ะ?”
“เจ้าเศษสวะตงหลิงเจ้าสารเลวเสียจนไม่แม้แต่จะถือเป็นไข่มุก เจ้าเป็นดังเศษสวะสิ่งปฏิกูลในหลุมส้วมทั้งเหม็นเน่าและน่าขยะแขยงนัก”
น่าหลานหลิงลั่วมองไปยังสนามรบอย่างเย็นชาโดยไม่รู้สึกรู้สาใดๆ
สีหน้าของซีคงซีดเผือด
ผู้อาวุโสสูงสุดตงหลิงทนไม่ไหวอีกต่อไป ฝ่ามือฟ้าร้องกึกก้องสะท้านฝ่ามือหนึ่งฟาดเป็นแนวนอนออกไปเลยโดยตรง
เช่นไรเขาก็เป็นผู้อาวุโสสูงสุดผู้หนึ่งแต่กลับถูกซ่งหยวนดุด่าท่ามกลางผู้คนมากมายราวกับหมูกับหมา หากว่าเขาไม่ลงมือภายหน้าจะยังสามารถเงยหน้าอยู่ในเผ่าได้หรือ?
ผู้อาวุโสสูงสุดสองคนต่อสู้กันอยู่ซึ่งฉากนั้นก็ยิ่งตกตะลึง เศษหินปรักหักพังถูกง้างขึ้นเป็นชิ้นๆและในตำหนักสวรรค์ก็ได้ปรากฏเสียงระเบิดดังกึกก้องพร้อมกับเสียงดุด่าไปมาของทั้งสองคนเป็นครั้งคราว
เนื่องจากซ่งหยวนด้านหนึ่งสังหารคนมากมายด้วยความโมโห ด้านหนึ่งช่วยซ่งอวี้และคนอื่นๆกวาดล้างสู้รบเป็นครั้งคราว รวมถึงน่าหลานหลิงลั่วที่ฆ่าสังหารอยู่อย่างเหี้ยมโหดโดยตลอดซึ่งในเวลานี้ก็ได้เป็นผู้ที่กุมเอาไว้ในมือไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ซ่งอวี้และคนอื่นๆจึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาให้ลูกน้องนำท่านหัวหน้าเผ่าที่ไร้สติจากไปก่อนและตนเองก็สังหารไปจนถึงข้างกายเหวินเส่าอี๋ด้วยตนเองและต้องการนำเหวินเส่าอี๋จากไปพร้อมกัน
ซือคงจะปล่อยเหวินเส่าอี้ไปได้อย่างไร
จึงได้สังหารเข้าไปด้วยตนเอง
เหวินเส่าอี๋ผลักมือของซ่งหยวนออกและกล่าวขึ้นว่า “ไป พาท่านพ่อของข้าออกไปจากที่นี่ก่อน”
“นายน้อยหัวหน้าเผ่า……”
“ไป……”
เป้าหมายของซือคงอยู่ที่เขา
รวมถึงเหวินเส่าอี๋ยังมีปัจจัยเสมอเท่ากับซือคงและซ่งหยวนก็ไม่สามารถทนรับมือได้นานนัก
ซ่งอวี้ทำได้เพียงกัดฟันยอมแพ้ที่จะช่วยเหลือเหวินเส่าอี๋อีกครั้งและตัดกำลังคนการคุ้มกันของท่านหัวหน้าเผ่า
น่าหลานหลิงลั่วซึ่งเดิมทีนั่งอยู่ดูอยู่บนบ่อน้ำในเวลานี้ก็ได้ส่งคนมาขววางพวกเขาเอาไว้และสังหารโดยไม่สอบถามใดๆ
เหวินเส่าอี๋กล่าวอย่างโกรธเคือง “รองหัวหน้าเผ่า ข้าจะเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายให้หยุดลงเดี๋ยวนี้ไม่เช่นนั้นข้าจะให้คนทำลายเผ่าเพลิงฟ้าในทันที”
“น่าหลานหลิงลั่วเจ้าได้ยินหรือเปล่า? รีบหยุดเร็วเข้า”
การต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็จะต้องเป็นผู้ชนะเหตุใดจึงจำต้องรีบเร่งในชั่วขณะด้วย
น่าหลานหลิงลั่วกล่าวว่า “ท่านรองหัวหน้าเผ่า เหวินเส่าอี๋ใจจดจ่อที่จะเป็นหัวหน้าเผ่าแล้วเขาจะไม่อาลัยอาวรณ์ที่จะทำลายเผ่าเพลิงฟ้าทั้งเผ่าได้อย่างไร?”
ความหมายของน่าหลานหลิงลั่วคือในใจเหวินเส่าอี๋อยู่ที่เผ่าเพลิงฟ้าซึ่งหนึ่งในนั้นยังเป็นพ่อของเขาด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำลายเผ่าเพลิงฟ้าเป็นเพียงแค่การข่มขู่ก็เท่านั้น
“แล้วหากว่าเขาทำลายจริงๆหล่ะ?”
“หรือว่าข้าน่าหลานหลิงลั่วไม่ต้องการชีวิตแล้วหรอกหรือ? สาวกนับหมื่นที่ข้านำมาก็ไม่ต้องการชีวิตแล้วด้วยหรือ? ท่านรองหัวหน้าเผ่าพวกเราหุบเขาตันหุยทำทุกอย่างเพื่อช่วยท่าน คิดไม่ถึงว่าท่านจะขี้ขลาดเช่นนั้นช่างทำให้ข้าปวดใจยิ่งนัก”
“หากว่าท่านต้องการให้ข้าหยุดก็ได้ แต่ความวุ่นวายภายในของเผ่าเพลิงฟ้าพวกเราจะไม่เข้าไปร่วมด้วยอีกต่อไป”
“เจ้า……”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงทนไม่ไหวที่จะฟาดฝ่ามือหนึ่งเพื่อเอาน่าหลานหลิงลั่วให้ตาย
ในช่วงขณะร่วมมือกันนั้นเหตุใดถึงดูไม่ออกว่าเขานั้นทรยศเช่นนั้น
“ข้านับถึงสามหากว่าพวกเจ้ายังไม่หยุด พวกเราก็จะถือรวมไปด้วยกัน” เหวินเส่าอี๋กล่าวข่มขู่
ซือคงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ในขณะที่เขาเลือกได้ยากลำบากผู้อาวุโสสูงสุดตงหลิงก็ถูกผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนซัดตายทั้งที่ยังมีชีวิต เลือดสดๆและลำไส้ก็ได้ไหลทะลักไปทั่วพื้นดินอย่างน่าตกใจ
นอกจากตงหลิงแล้วยังมีผู้อาวุโสสูงสุดอีกผู้หนึ่งสิ้นใจอยู่ข้างๆซือคง
แม้ว่าจะสังหารผู้อาวุโสสูงสุดสองคนไปได้ซ่งหยวนก็ไม่ได้ดีกว่าไปเท่าใดนัก ร่างกายของเขานยิ่งอยู่ก็ยิ่งโปร่งใสมากขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าน่าจะเกือบถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตแล้ว
ดังนั้นเขาจึงมุ่งเป้าไปที่รองหัวหน้าเผ่าซือคง
“พรึ่บๆๆ……”
ฝ่ามือใหญ่ซัดไปยังผู้คนที่อยู่เบื้องหน้าของซือคงจนกลายเป็นหมอกโลหิตไปหมด ส่วนซือคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรับมือกับฝ่ามือนั้น
เขาไม่เชื่อว่าเขาผู้เป็นขั้นต้นระดับหกจะไม่สามารถเอาชนะซ่งหยวนที่กำลังจะตายซึ่งยังคงเหลืออยู่เพียงลมหายใจเดียวเท่านั้น
ยอดฝีมือทั้งสองต่อสู้กันด้วยกระบวนท่าความเคลื่อนไหวอันหนักหน่วงและรวดเร็วเสียจนผู้คนไม่สามารถรับมือได้
ที่นี่ต่อสู่กันอยู่ อีกด้านหนึ่งก็ต่อสู้กันอยู่
น่าหลานหลิงลั่วเหลือบมองและตั้งเป้าไปยังเหวินเส่าอี๋ เขาเดินไปข้างกายเหวินเส่าอี๋ทีละก้าวๆและชักดาบพุ่งเข้าไปตรงหัวใจของเหวินเส่าอี๋อย่างโหดเหี้ยม
เกือบในเวลาเดียวกันคนของน่าหลานหลิงลั่วได้ลงมือจัดการเอามือไขว้หลังสาวกเผ่าเพลิงฟ้าของเหวินเส่าอี๋ทีละคนๆ
คนของซือคงกล่าวอย่างร้อนรนว่า “นายน้อยแห่งหุบเขาน่าหลานท่านทำสิ่งใด อย่าลืมข้อตกลงระหว่างท่านกับรองหัวหน้าเผ่าของเรา”
“ก็เพราะมีข้อตกลงกับรองหัวหน้าเผ่าดังนั้นข้าจึงต้องสังหารเหวินเส่าอี๋และช่วยท่านหัวหน้าเผ่าออกมา”
“เขาตายไปพวกเราทุกคนก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เผ่าเพลิงฟ้าทั้งหมดก็จะต้องถูกทำลายไป”
“ถูกทำลายก็ถูกทำลาย ผู้คนในใต้หล้าที่ไม่สมควรถูกทำลายก็ได้ถูกทำลายไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?”
เมื่อนึกถึงความตายอันน่าสลดของพี่น้องและคนอื่นๆของตน ความเกลียดชังของน่าหลานหลิงลั่วก็ปรากฏออกมาและยิ่งลงมือรวดเร็วแม่นยำมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าคนของเหวินเส่าอี๋ต้องการช่วยเขาก็ไม่ทันการเสียแล้ว
เมื่อกู้ชูหน่วนเห็นเช่นนี้ก็รีบยิงอาวุธลับในมือเสียงดังชู่ว์ออกไปจนดาบในมือของน่าหลานหลิงลั่วบิดออกไป
น่าหลานหลิงลั่วจ้องไปยังอาวุธลับที่คุ้นเคยมากเสียจนไม่สามารถคุ้นเคยมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
กู้ชูหน่วน
เป็นนาง……
นางก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?
เขามองไปโดยรอบทิศโดยที่ความโกลาหลเต็มไปทั่วตำหนักสวรรค์ซึ่งมองไม่เห็นว่ากู้ชูหน่วนนั้นอยู่ที่ใด
แต่ว่าเขามั่นใจว่านางอยู่ในเผ่าเพลิงฟ้า
จวนท่านแม่ทัพถูกฆ่าล้างสังหารทั้งจวนซึ่งนางเลือกที่จะช่วยเหลือลั่วอิ่ง
ตอนนี้เขามายังเผ่าเพลิงฟ้าตามหาเจ้าโจรเฒ่าซือคงเพื่อแก้แค้นและสังหารเหวินเส่าอี๋ นางก็จะช่วยเหลือหรือ?
“พวกเจ้า ฆ่า ฆ่าคนของเหวินเส่าอี๋ให้หมดห้ามเหลือแม้แต่คนเดียว” น่าหลานหลิงลั่วกล่าวอย่างโกรธเคือง
“ขอรับ”
คำสั่งๆหนึ่ง คนของน่าหลานหลิงลั่วแทบทั้งหมดเคลื่อนกำลังไปหมดโดยไม่เหลือกำลังใดๆไว้ ผู้คนหลายคนสร้างรูปแบบล้อมรอบเผ่าเทียนฟ้าเพียงหนึ่งคนและง้างดาบขึ้นก็หมายชีวิตหนึ่งชีวิต
“น่าหลานหลิงลั่วเจ้ามีสิ่งใดก็พุ่งมาที่ข้า อย่าได้สังหารผู้บริสุทธิ์” เหวินเส่าอี๋โมโหจัด
น่าหลานหลิงลั่วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งน่าสะพรึงกลัว
“ข้าสังหารผู้บริสุทธิ์? หากพวกเจ้าไม่ได้กำจัดข้าจนสิ้นซาก ฆ่าล้างสังหารข้าทั้งตระกูล ฆ่าล้างพี่น้องของข้าแล้วข้าจะมาแก้แค้นพวกเจ้าหรือ?”
“เจ้าว่าอะไรนะ?” พวกเขาล้างสังหารเขาทั้งตระกูลเมื่อใดกัน?
“อย่าได้เสแสร้งทำท่าทางไร้เดียงสาไม่รู้ เผ่าเพลิงฟ้าของพวกเจ้าทำสิ่งใดเจ้าในฐานะนายน้อยน่าจะรู้ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? แม้ว่าเจ้าจะไม่เข้าใจเพียงแค่เจ้าเป็นคนของเผ่าเพลิงฟ้าเจ้าจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
กู้ชูหน่วนตัวสั่นไปทั้งร่าง
นางคาดเดาถูกต้อง
น่าหลานหลิงลั่วก็คือเซี่ยวอวี่เซวียน
ดวงตาของกู้ชูหน่วนแดงขึ้น ร่างทั้งร่างก็อดที่จะตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้
สีหน้าของทุกคนดูเศร้าหมอง
หัวหน้าเผ่ายกตำแหน่งหัวหน้าเผ่าให้กับนายน้อยของเผ่า ซึ่งหมายความว่าเขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว
ประโยคสั้น ๆ ไม่เพียงแต่บ่งบอกว่าเหวินเส่าอี๋เป็นบุตรชายแท้ ๆ ของเขาแต่ยังบ่งบอกอีกด้วยว่าพวกเขาควรจะจงรักภักดีต่อเหวินเส่าอี๋
ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสทั้งหลายต่างไม่มีข้อโต้แย้ง
พวกเขาต่างพากันโขลกศีรษะและตะโกนว่า “ข้าน้อยคารวะท่านหัวหน้าเผ่า ขอให้ท่านหัวหน้าเผ่าและเผ่าเพลิงฟ้าเจริญรุ่งเรืองสืบชั่วลูกชั่วหลาน”
เหวินเส่าอี๋รับป้ายคำสั่งหัวหน้าเผ่าจากเหวินเฉิงเทียน เขาหลับตาลงและละทิ้งความคิดที่เจ็บปวดและยุ่งเหยิงทั้งหมด
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาของเหวินเส่าอี๋ก็เยือกเย็นและไร้ความปรานี
เขาพูดเสียงดัง “ทุกท่านลุกขึ้นเถิด”
“ขอบคุณท่านหัวหน้าเผ่า”
เหวินเฉิงเทียนกล่าวอย่างอ่อนแรง “ผู้อาวุโสหวง ผู้อาวุโสอวิ๋น และผู้อาวุโสทั้งหลาย ต่อไปเส่าอี๋และเผ่าเพลิงฟ้าต้องรบกวนให้ทุกท่านช่วยดูแลแล้ว”
“หัวหน้าเผ่าอาวุโสกล่าวหนักเกินไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่พวกเราพึ่งกระทำ”
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างงุนงงเล็กน้อย
ที่นี่มีผู้อาวุโสสูงสุดมากมาย หัวหน้าเผ่าอาวุโสไม่ฝากฝังให้พวกเขาช่วยดูแล แต่กลับฝากฝังให้ผู้อาวุโสช่วยดูแลแทน?
เผ่าเพลิงฟ้าประสบกับความเสียหายอย่างหนัก ไม่ว่านายน้อยจะเก่งกาจแค่ไหน กระดูกสะบักของเขาก็ถูกถอดออกแล้ว เผ่าเพลิงฟ้ายังไม่กลับตัว เกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก
“นอกจากผู้อาวุโสสูงสุดสองสามคนแล้ว พวกเจ้าที่เหลือออกไปก่อนเถอะ หากไม่มีคำสั่งของข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามา”
“ขอรับ”
ประตูห้องลับถูกปิดลง มีเพียงเหวินเส่าอี้ เหวินเฉิงเทียน และผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ที่ได้รับบาดเจ็บ
“เส่าอี๋ เจ้ามานั่งตรงนี่”
“เชื่อมกระดูกสะบัก……จะต้องจ่ายอะไรเป็นการตอบแทนหรือไม่?”
เขาต้องการจะฟื้นฟูกระดูกสะบักที่ถูกถอด
แต่เขารู้สึกไม่สบายใจ และมักจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเช่นนั้น หากสามารถเชื่อมกระดูกสะบักได้ ในโลกนี้ก็ไม่มีเรื่องต้องกังวล
ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้มและกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าเผ่าไม่ต้องกังวล เพียงแค่ต้องใช้กำลังภายในบางส่วน ขอเพียงแค่ช่วยให้ท่านเชื่อมกระดูกสะบักได้ มันก็คุ้มค่าที่จะสูญเสียกำลังภายใน”
“เพียงแค่สูญเสียกำลังภายในบางส่วนเท่านั้นจริง ๆ หรือ?”
หากเป็นเช่นนั้น ทำไมสีหน้าของพวกเขาถึงดูแปลก ๆ?
“ใช่ เผ่าหยกและหุบเขาตันหุยพยายามจะทำลายเขตหวงห้าม หัวหน้าเผ่า พวกเรามีเวลาจำกัด เริ่มกันเลยจะดีกว่า หากมีอะไรจะพูด รอให้เชื่อมกระดูกสะบักแล้วค่อยว่ากัน เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนกลางคัน”
“ใช่ หากเกิดความผิดพลาดในขณะที่เชื่อมต่อกระดูกสะบัก และต้องหยุดกลางคัน พวกเราทุกคนอาจตกอยู่ในอันตราย”
“เช่นนั้นก็รออีกเดี๋ยวแล้วค่อยเชื่อมต่อ”
ผู้อาวุโสสูงสุดยังพูดไม่ทันจบ เหวินเฉิงเทียนก็กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ไม่ได้ ยิ่งล่าช้า โอกาสที่จะเชื่อมต่อก็จะลดลง เรื่องนี้ไม่อาจรอช้าได้ รีบดำเนินการเสียตอนนี้เลย”
เมื่อเหวินเฉิงเทียนเอ่ยปาก เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดต่างก็มองหน้ากัน แววตาของพวกมีความมุ่งมั่น
พวกเขาสกัดจุดของเหวินเส่าอี๋ และบังคับให้เขานั่งลงตรงกลาง ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่คนประกบฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกัน แล้วถ่ายทอดกำลังภายในเข้าสู่ร่างกายของเหวินเส่าอี๋อย่างต่อเนื่อง พลังที่อ่อนโยนและแข็งแกร่งช่วยซ่อมแซมกระดูกสะบักที่ถูกถอดออกของเขา
เหวินเส่าอี๋พยายามปฏิเสธ แต่ก็ไม่เป็นผล และกล่าวอย่างเป็นกังวลว่า “ท่านพ่อ การเชื่อมต่อกระดูกสะบักที่ถูกถอดออก ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างไร?”
สิ่งที่ตอบเหวินเส่าอี๋คือการเหวินเฉิงเทียนอดทนต่อความเจ็บปวด และถ่ายทอดพลังทั้งหมดของตัวเองให้เหวินเส่าอี๋
เขากล่าวเสียงดัง “คิดว่าการถอดกระดูกสะบักของบุตรชายแล้ว จะทำลายชีวิตของบุตรชายของข้าได้งั้นหรือ?เหอะ ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้เห็นว่าวิชาเวทของเผ่าเพลิงฟ้าสามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้อย่างไร”
“ท่านพ่อ……”
พลังอันแข็งแกร่งทั้งห้าถูกถ่ายทอดเข้าไปในร่างกายของเหวินเส่าอี๋ จากนั้นร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บของเขาก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ
กระดูกสะบักให้ความรู้สึกผิดปกติ
ร่างกายของต่อต้าน ต่อต้านกำลังภายในทั้งห้า
หากไม่เปิดเผยความจริง เขาก็ไม่กล้าที่จะยอมรับมันง่าย ๆ เขากลัวว่าจะสูญเสียพวกเขาไป
ในเมื่อการพยายามปฏิเสธของเขา มีผลที่ไม่ค่อยชัดเจนนัก
หนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“หัวหน้าเผ่า ในเมื่อพวกเราตั้งใจที่จะช่วยเชื่อมต่อกระดูกสะบักให้ท่าน ท่านก็อย่าต่อต้านเลย ยอมรับการถ่ายทอดพลังของพวกเราเถอะ”
“ท่านยังไม่บอกข้าเลยว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างไร?”
“ท่านอยากรู้มากเลยหรือ?ได้ เช่นนั้นข้าจะบอกท่าน กระดูกสะบักของท่านถูกถอดออกมาแล้ว ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ไม่สามารถรักษาได้ แต่ด้วยวิชาเวทของเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเรา สามารถถ่ายทอดสิ่งนี้เข้าไปในร่างกายท่านได้”
“และนั่นก็คือพวกเรานำกระดูกสะบักของตัวเองมาใส่ให้เจ้า”
ร่างกายของเหวินเส่าอี๋สั่นในทันที
เขารู้ว่าราคาที่ต้องจ่ายนั่นหนักหนา
นำกระดูกสะบักของตัวเองมาใส่ให้กับเขา?
เช่นนั้นหากกระดูกสะบักของพวกเขาถูกถอดออก พวกเขาทั้งหมดก็จะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์?
พวกเขาเป็นล้วนแต่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเพลิงฟ้า และแต่ละคนก็มีวรยุทธที่ไม่ธรรมดา
“พวกเราแก่ชราแล้ว และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ด้วยอายุขัยของพวกเราแล้ว พวกเราไม่สามารถฟื้นฟูเผ่าเพลิงฟ้าได้ แต่ท่านต่างออกไป ท่านมีความสามารถและชาญฉลาด อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีวรยุทธลำ้เลิศที่หาได้ยากในรอบพันปี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือท่านอายุยังน้อย”
“เผ่าเพลิงฟ้าภายใต้การปกครองของท่าน ข้าเชื่อว่าท่านจะสามารถฟื้นฟูให้กลับคืนมาถึงจุดสูงสุดได้อย่างแน่นอน”
“ท่านหัวหน้าเผ่า หลังจากวิชาเวทได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกอย่างไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าจะหยุดในเวลานี้ วรยุทธทั้งหมดของพวกเราก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี และบางทีชีวิตนี้อาจจะต้องสูญเปล่า ท่านยอมรับด้วยความเต็มใจเถิด อย่าต่อต้านอีกเลย”
“ไม่……จะเป็นเช่นนี้ไม่ได้……ท่านพ่อของข้าจะตายไม่ได้ พวกท่านก็ตายไม่ได้เช่นกัน คนของเผ่าเพลิงฟ้าตายไปมากพอแล้ว หากให้ต้องจ่ายด้วยกระดูกสะบักของพวกท่าน ข้าไม่ยอมอย่างเด็ดขาด”
เหล่าผู้อาวุโสต่างเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง
สูญเสียกระดูกสะบักไปแล้วอย่างไร?
ในท้ายที่สุดแล้ว
พวกเขาทั้งหมดก็ต้องตาย
มันย่อมคุ้มค่า
หากสามารถยืดเวลาของเผ่าเพลิงฟ้าได้หลายร้อยปีหรือหลายร้อยปี ต่อให้พวกเขาตายก็คุ้มค่า
เหวินเฉิงเทียนกล่าวว่า “เหลือเวลาไม่มากแล้ว อย่าเอาแต่ใจตัวเองอยู่เลย ทำใจให้สบาย ๆ และยอมรับพลังทั้งหมด มิเช่นนั้นท่านพ่อของท่านก็จะตาย และตายตาไม่หลับ”
ในเวลานี้ เหล่าสาวกข้างนอกก็รีบมารายงาน “รายงาน…..หัวหน้าเผ่า หัวหน้าเผ่าอาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดทุกท่าน เผ่าหยกและหุบเขาตันหุยพบทางเข้าเขตหวงห้ามแล้ว และพวกเขากำลังทำลายค่ายกลอยู่ข้างนอก พวกเขามียอดฝีมือมากมาย ผู้อาวุโสทั้งหลายไม่กลัวรับประกันว่าเขตหวงห้ามจะถูกทำลายหรือไม่ จึงอยากขอความคิดเห็นของพวกท่าน”
วิชาเวทได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และไม่สามารถสิ้นสุดลงได้
ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ดีว่าหากสิ้นสุดลงจบก่อนกำหนด หรือถูกขัดจังหวะ พวกเขาทั้งหมดอาจจะต้องตาย
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างเฉยเมย “ปล่อยให้พวกเขาทำลายไปเถอะ พวกเขาไม่สามารถทำลายได้ นอกเสียจากว่าจะมีปิ่นระย้าหยกขาวลายผีเสื้อที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเรา”
สีหน้าของเหวินเส่าอี๋เปลี่ยนไปมาก
ปิ่นระย้าหยกขาวลายผีเสื้อ…..
“เป็นอะไรไป?หรือว่าท่านมอบปิ่นระย้าให้ผู้อื่นไปแล้ว?” เหวินเฉิงเทียนและคนอื่น ๆ คร่ำครวญในใจ
ปิ่นระย้านี้ถูกส่งมอบให้ฮูหยินชิว และฮูหยินชิวก็มอบให้เหวินเส่าอี๋
ดังนั้นปิ่นระย้านี้จึงอยู่ในมือของเหวินเส่าอี๋”
เหวินเส่าอี๋พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้ามอบปิ่นระย้า……ให้กู้ชูหน่วนไปแล้ว”
“อะไรนะ……?”
ผู้คนต่างพากันตกตะลึง
เหวินเส่าอี๋ทำให้ตกใจเกือบตาย
“ท่านำของที่สำคัญเช่นนี้ไปมอบให้ผู้อื่นตามอำเภอใจได้อย่างไร?”
“หัวหน้าเผ่า ท่านเลอะเลือนไปแล้ว……”
“หากพวกเขารู้ว่าปิ่นระย้าเป็นกุญแจที่จะสามารถเข้ามาในเขตหวงห้าม พวกเราก็คงไม่รอด……”
ร่างกายของเหวินเส่าอี๋เย็นยะเยือก
เขาคือเหวินเส่าอี๋
เขาคืออาจารย์ซั่งกวนของสำนักศึกษาวังหลวง
ในตอนนั้นที่เขามอบมันให้กับกู้ชูหน่วน เขาไม่ได้คิดอะไรมากนัก
ไม่คิดเลยว่าปิ่นระย้าจะเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของเผ่าเพลิงฟ้า……
“เส่าอี๋ รีบไป……”
เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดตะโกน เลือดพุ่งกระฉูด กระเซ็นไปทั่วถ้ำหิน และใบหน้าของเหวินเส่าอี๋
เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ รีบดึงเหวินเส่าอี๋อย่างรวดเร็ว “หัวหน้าเผ่า พวกเรารีบไปกันเถอะ หัวหน้าเผ่าอาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดใช้ชีวิตถ่วงเวลาไว้เพื่อช่วยพวกเรา”
“ปล่อย ท่านพ่อของข้ายังอยู่ด้านนอก เขายังอยู่ด้านนอก”
เหวินเส่าอี๋ยังคงคุ้ยเขี่ยประตูหิน จนนิ้วมือทั้งสิบเขียวคล้ำและเลือดไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
เขาเหลือท่านพ่อเพียงคนเดียวแล้ว……
เหลือท่านพ่อเพียงคนเดียว……
หากไม่มีท่านพ่อแล้ว ในโลกนี้ เขาก็ไม่มีญาติแม้แต่คนเดียว
“ขวับ ๆ ๆ ……”
เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายถูกฟันจนตายทีละคน น่าหลานหลิงลั่วและกู้ชูหน่วนเข้าไปในถ้ำ พวกเขามองดูเหตุการณ์ที่โหดร้ายทารุณด้วยสายตาที่เย็นชาและไม่ได้ห้าม
มุมปากของน่าหลานหลิงลั่วเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและภาคภูมิใจ
เมื่อเหวินเฉิงเทียนเห็นกู้ชูหน่วน เขาก็พยายามใช้พละกำลังที่เหลืออยู่ทำให้กู้ชูหน่วนตายไปพร้อมกันกับเขา
“ไอ้สุนัขชั่วเผ่าหยก เจ้าทำลายวรยุทธของบุตรชายข้า ถอดกระดูกสะบักของบุตรชายข้า และทรมานบุตรชายของข้าอย่างแสนสาหัส วันนี้ข้าจะมอบความตายให้เจ้า และลากเจ้าไปลงนรกด้วยกัน”
“หัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า?ว่ากันว่าเป็นยอดฝีมือระดับเจ็ด?แม้ว่าท่านจะเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของเหวินเส่าอี่ แต่วันนี้ข้าจะกำจัดท่านเท่าเผ่าหยก เพื่อที่เผ่าหยกจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกต่อไป”
สีหน้าของกู้ชูหน่วนเย็นชา และสั่งไม่ให้ลูกน้องเข้ามาแทรกแซง นางต้องการจะกำจัดเหวินเฉิงเทียนด้วยตัวเอง
นางไม่อาจตายก่อนได้ นางทิ้งระเบิดเวลาลูกใหญ่เช่นนี้ไว้เพื่อข่มขู่เผ่าเพลิงฟ้า
เหวินเส่าอี๋เดินผ่านถ้ำหินไปได้ และไม่สามารถเห็นกู้ชูหน่วนและเหวินเฉิงเทียนได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาต่อสู้กันอย่างไร เนื่องจากมีผู้คนเข้าออกเป็นจำนวนมาก มีบางคนขวางอยู่ที่ทางเข้าถ้ำ และเหล่าผู้อาวุโสก็ยังคงลากเขา
เขาถูกลากออกไป
ก่อนที่จะจากไป ในที่สุดเขาก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่อยู่นอกถ้ำ
กู้ชูหน่วนใช้ดาบอ่อนแทงเข้าไปที่หัวใจของเหวินเฉิงเทียน
ดาบแทงทะลุหัวใจ
เลือดไหลหยดเปื้อนพื้นและใบหน้าของเขา
ท่านพ่อของเขากำลังเผชิญหน้ากับเขา และเขาเห็นร่องรอยการปลอบโยนครั้งสุดท้ายในแววตาของท่านพ่อ
นั่นเป็นตอนที่เขาถูกเหล่าผู้อาวุโสลากออกไป ท่านพ่อของเขามองเขาอย่างปลอบโยน
ในเวลาเดียวเขาก็ยังเห็นถ้อยคำจากริมฝีปากของท่านพ่ออย่างคลุมเครือว่า “มีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี ๆ”
“ท่านพ่อ…อ้า…ปล่อยข้า ปล่อยข้า…กู้ชูหน่วน เจ้าฆ่าท่านพ่อของข้าได้อย่างไร เจ้าฆ่าท่านพ่อของข้าได้อย่างไร… .ปล่อยข้า……”
“นายน้อย ไม่มีเวลาแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ หากประตูหินนี้พังทลาย หัวหน้าเผ่าอาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายก็จะสละชีวิตไปอย่างเปล่าประโยชน์”
“ท่านพ่อ……”
หางตาของเหวินเส่าอี๋กำลังจะแยกออก เขากัดริมฝีปากแน่น กัดจนริมฝีปากมีรอยเลือดและกำหมัดแน่น
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายกลัวว่าหากเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจะบุ่มบ่ามออกไปสู้กับพวกเขาอย่างสุดกำลัง จึงทำได้เพียงฉวยโอกาสจากความโกลาหลตีเหวินเส่าอี๋จนสลบ จากนั้นก็แบกเหวินเส่าอี๋ และรีบออกจากถ้ำอย่างรวดเร็ว
“ทุบประตูหินให้เปิดออก อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว” น่าหลานหลิงลั่วสั่งอย่างเย็นชา
ดาบของกู้ชูหน่วนยังคงแทงอยู่ที่หัวใจของเหวินเฉิงเทียน
นางกัดฟันและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้อยากฆ่าท่าน แต่หากท่านยังอยู่ จิตใจของข้าก็ยากที่จะสงบลงได้ ข้าจึงต้องฆ่าท่าน”
กู้ชูหน่วนใช้ดาบอ่อนแทงทะลุหัวใจของเขา นางดึงดาบอ่อนออกมาอย่างโหดเหี้ยม และทิ้งรอยเลือดไว้
ตั้งแต่วินาทีที่นางฆ่าเหวินเฉิงเทียน
นางก็รู้แล้วว่านางกับเหวินเส่าอี๋กลายเป็นคนแปลกหน้าอย่างสิ้นเชิง และไม่มีวันที่จะญาติดีกันได้
พวกเขาเป็นคนแปลกหน้าที่เป็นศัตรูคู่อาฆาต
โกรธแค้นก็โกรธแค้นไปสิ
เขาควรจะโกรธแค้นนาง
เหวินเฉิงเทียนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
นัยน์ตาอันไร้เรี่ยวแรงมองเข้าไปในส่วนลึกของประตูหิน
ดูเหมือนว่าลึกเข้าไปในประตูหินจะมีสิ่งที่เขาเป็นกังวลมากที่สุด
ผู้อาวุโสสูงตรวจดูลมหายใจของเหวินเฉิงเทียน
ชายที่อยู่ตรงหน้าไร้ลมหายใจ และชีพจรก็หยุดเต้นแล้ว
เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าหยกต่างพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในที่สุดเหวินเฉิงเทียนก็ตายแล้ว
เขาเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเขาเผ่าหยก และมีวรยุทธระดับเจ็ด เดิมทีคิดว่าพวกเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนจำนวนมากเพื่อจัดการกับเขา ไม่คิดว่าจะสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นพิษบนร่างกายของเขา ดูเหมือนว่าจะเป็นสุดยอดพิษที่เป็นเคล็ดลับวิชาเฉพาะของเผ่าหยก ใครเป็นคนวางยาพิษเขา?
หัวหน้าเผ่า?
หลังจากที่คิดดูแล้ว พวกเขาต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่ากู้ชูหน่วนเป็นคนวางยาพิษ
เมื่อเหวินเฉิงเทียนตาแล้ว เรื่องที่เหลือก็จัดการได้ไม่ยาก
กู้ชูหน่วนก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะจัดการเหวินเฉิงเทียนได้ง่ายขนาดนี้
ทุกอย่างราวกับอยู่ในความฝัน
ตอนที่พวกเขาตกอยู่ในภวังค์ ทันใดนั้นเงาก็ปรากฏตัวขึ้น และแย่งชิงร่างของเหวินเฉิงเทียนไป
พวกเขาต่างพากันตอบโต้และพยายามที่จะยับยั้ง แต่เงารวดเร็วมากเกินไป รวดเร็วราวกับฟ้าแลบ และหายไปในชั่วพริบตาเดียว
ผู้อาวุโสรองกล่าวว่า “หญิงผู้นั้นเป็นใคร ทำไมถึงมีวรยุทธสูงส่งเช่นนั้น?หรือว่าเผ่าเพลิงฟ้ายังมียอดฝีมือขั้นสูงระดับเจ็ดอยู่อีก?”
แววตาของผู้อาวุโสสูงล้ำลึก เขาพึมพำกับตัวเอง “ทำไมเงานี้ถึงดูคุ้น ๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นฮวาอิ่ง ใช่ เป็นฮวาอิ่ง มีเพียงฮวาอิ่งเท่านั้นที่รวดเร็วเช่นนี้”
“ฮวาอิ่งถูกขังอยู่ที่เผ่าหยกไม่ใช่หรือ?นางหนีออกมาได้อย่างไร?”
“นางคุ้นเคยกับเผ่าหยกเป็นอย่างดี เผ่าหยกจึงไม่สามารถกักขังนางได้ และนางก็หนีออกมาได้อีกครั้ง”
“คนผู้นี้วิปริต เป็นหญิงวิปริต ผู้อาวุโสสูง หัวหน้าเผ่า พวกเราต้องกำจัดฮวาอิ่ง หากนางยังมีชีวิตอยู่ ไม่รู้ว่าต่อไปนางจะทำเรื่องที่เลวร้ายอะไรกับเผ่าอีก”
ต้องการฆ่า……
แต่ฮวาอิ่งเจ้าเล่ห์
จึงไม่ง่ายเลยที่จะฆ่านางในตอนนี้ ต้องวางแผนอย่างรอบคอบเสียก่อน
“ตามไป รีบตามไป ฆ่าหญิงวิปริตผู้นั้นซะ” ผู้อาวุโสสูงกล่าว
กู้ชูหน่วนมองไปยังทางซ้ายที่ฮวาอิ่งจากไปและขมวดคิ้ว “เหวินเฉิงเทียนตายแล้ว นางยอมเสี่ยงชีวิตมาแย่งชิงร่างของเหวินเฉิงเทียนไปทำไม?ผู้อาวุโสสูง เมื่อครู่ท่านตรวจสอบดีแล้วหรือว่าเหวินเฉิงเทียนตายแล้ว?”
“แทงทะลุหัวใจในดาบเดียว ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ไม่มีชีวิตรอด นับประสาอะไรกับมนุษย์ แล้วเหวินเฉิงเทียนจะไม่ตายได้อย่างไร?”
“เขาเป็นยอดฝีมือระดับเจ็ด ยอดฝีมือระดับเจ็ดไม่แตกต่างจากคนทั่วไปงั้นหรือ?กู้ชูหน่วนรู้สึกไม่สบายใจ
นางไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับฮวาอิ่งมากนัก
แต่จากสิ่งที่นางทำที่เผ่าหยกในวันนั้น นางจะไม่ทำสิ่งที่ไร้ค่าอย่างไม่มีเหตุผล
“แม้จะเป็นยอดฝีมือระดับเจ็ด แต่ก็แก่และตายได้ แต่แค่มีอายุขัยยืนยาวนานกว่าคนทั่วไปก็เท่านั้น เหวินเฉิงเทียนไม่มีทางมีชีวิตรอดอย่างแน่นอน”
กู้ชูหน่วนสงบจิตใจ และสั่งให้คนไปตามหาฮวาอิ่ง
โดยหวังว่าเหวินเฉิงเทียนจะตายแล้ว
มิฉะนั้นยอดฝีมือระดับเจ็ดเพียงคนเดียว เผ่าหยกของพวกเขาก็ไม่แน่ว่าจะสามารถรับมือได้
“ตูมตาม……”
มีเสียงดังขึ้น ในที่สุดคนของน่าหลานหลิงลั่วก็ทุบประตูหินได้สำเร็จ
เขาโบกมือให้คนรีบตามเหวินเส่าอี๋และคนอื่น ๆ ไป
เมื่อพิจารณาจากการกระทำของเขาแล้ว ดูเหมือนเขาจะแน่ใจว่าเหวินเฉิงเทียนไม่มีชีวิตรอดแล้วจริง ๆ
“หัวหน้าเผ่า พวกเราก็ตามไปเถอะ นายน้อยน่าหลานพูดถูก ต้องตัดรากถอนโคนให้สิ้นซาก มิเช่นนั้นเมื่อลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาก็จะงอกขึ้นใหม่”
กู้ชูหน่วนยังไม่ทันได้ตอบตกลง ผู้อาวุโสสูงก็ให้คนไล่ตามไปแล้ว
กู้ชูหน่วนมองไปยังทิศทางที่เหวินเส่าอี๋และคนอื่น ๆ จากไป จากนั้นก็มองไปยังทิศทางที่ฮวาอิ่งจากไป นางกัดฟันและกล่าวว่า “พวกเจ้าที่เหลือตามข้ามาทางนี้”
“หัวหน้าเผ่า ไม่ไปทางนั้นหรือ?”
“พูดอะไรมากมายนัก รีบไปตามหาฮวาอิ่งกับข้า”
เมื่อเทียบกับเหวินเส่าอี๋แล้ว นางรู้สึกว่าฮวาอิ่งและเหวินเฉิงเทียนเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุด
นางไม่ได้ยืนยันการตายของเหวินเฉิงเทียนด้วยมือของตัวเอง นางจึงไม่สามารถวางใจได้