กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 779

บทที่ 779

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 779
“ได้ ข้าจะละเลิก….เพียงแค่ท่านสุขสบายดี ข้าอะไรก็ฟังท่านทั้งนั้นแหละ”

จอมมารนั่งคุกเข่าลง ประสานมือเตรียมพร้อม พยายามดึงวิชาคืนชีพบุปผาผลิบานกลับ

ตามด้วยวิชาคืนชีพบุปผาผลิบานเกิดขึ้น ดอกลำโพงและดอกไม้นับร้อยที่ผลิบานลอยอยู่กลางอากาศหุบลง ไม่ได้เข้ามาในร่างกายของเขา

แม้แต่กลิ่นดอกไม้ก็จางหายไปทั้งหมดในพริบตาเดียว

จอมมารตัวเอียง อีกนิดหนึ่งแทบจะล้มลง

พยายามใช้วิชาคืนชีพบุปผาผลิบาน อีกทั้งพยายามดึงกลับไป ทำให้เขาสูญเสียพละกำลังอย่างหนัก ความแข็งแกร่งก็ตกลงใกล้ระดับหนึ่ง

แต่โชคดีตอนที่ชงจิบชาช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อได้เก็บวิชาคืนชีพบุปผาผลิบาน ฝืนใจปกป้องชีวิตไว้

จอมมารฝืนยิ้ม กล่าวสะอึกสะอื้นว่า“ท่านดู ข้าสัญญากับท่าน ข้าทำมันได้แล้ว”

“ต่อไป….อย่าใช้วิชาคืนชีพบุปผาผลิบานอีกนะ”

“เพียงแค่ท่านอยู่ข้างกายข้า ข้าก็จะไม่มีทางใช้มันอีก”

“ข้าไม่อยู่ข้างกายเจ้า เจ้าก็ห้ามใช้มัน”

“ได้…..”

จอมมารก้มศีรษะลง เพื่อจัดการทำให้น้ำตาบริเวณหางตาเหือดหายไป

เขากับเยี่ยจิ่งหานล้วนอยากพากู้ชูหน่วนออกไปหาหมอเทวดา

กู้ชูหน่วนส่ายหน้า มองเยี่ยจิ่งหานด้วยความอาลัยอาวรณ์ ราวกับต้องการนำเยี่ยจิ่งหานเข้าสู่จิตวิญญาณห้วงลึกตลอดไป

“ไม่มีประโยชน์หรอก ข้าเองก็เป็นหมอ บาดแผลของข้า ข้ารู้ดีกว่าผู้ใดทั้งหมด”

“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย….ท่าน….เหตุใดถึงได้มาอีกล่ะ”

“เพราะเจ้าอยู่ที่นี่”

เยี่ยจิ่งหานใช้ปลายคางถูสัมผัสกับเส้นผมของนาง

แม้ว่าเขาไม่ยอมรับ เขาก็รู้กู้ชูหน่วน…กลัวคือไม่สามารถช่วยกลับมาได้แล้ว

“บาดแผล….เจ็บหรือไม่?”

แววตาอ่อนไหวของกู้ชูหน่วนอยู่บริเวณหน้าอกของเขา

ตรงนั้น นางแทงหนึ่งกริช

แต่ทว่ามันกลับเจ็บมากกว่านางแทงตนเอง

“ไม่เจ็บ นั่นคือความรักที่เจ้าฝากไว้แก่ข้า ข้าจะเจ็บได้อย่างไร เจ้าหญิงโง่ผู้นี้ เหตุใดถึงได้โง่ทึ่มอย่างนี้นะ พวกเราคือสามีภรรยากัน มีเรื่องที่ยากลำบากก็ต้องร่วมกันเผชิญ แต่ตอนเจ้ามีเรื่องยากลำบาก กลับอยากผลักไสข้า”

ที่น่าตลกคือ

นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อก่อนเขาจะเชื่อคำพูดที่ไร้ความรู้สึกเหล่านั้นของนาง

ยังเชื่อด้วยว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกันอย่างแท้จริง

ยิ่งกู้ชูหน่วนเป็นเช่นนี้ เยี่ยจิ่งหานยิ่งเจ็บปวดหัวใน

ตอนที่นางยากลำบาก ผู้ที่อยู่ข้างนางตลอดไม่ใช่เขา

เขาก็ไม่สามารถทำอะไรแทนทำอะไรเพื่อนางได้

“ขอโทษนะ….”

นางขอโทษเขา นางทำร้ายเขาครั้งแล้วครั้งเล่า หลอกลวงเขา แต่เขายังคงเชื่อนาง ไม่สนใจอาการบาดเจ็บหนักของร่างกาย กลับมาที่เผ่าหยก กลับมาที่เตากลั่นยา….

“เด็กโง่ ระหว่างสามีภรรยามีสิ่งใดที่ต้องขอโทษล่ะ เจ้าไม่ใช่ชอบดูทิวทัศน์สวยงามหรือ รอเจ้าหายแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามในโลกทุกแห่งหน และข้าจะเป็นคนทำขนมเปี๊ยะดอกไม้ที่เจ้าโปรดปรานให้เจ้ากินด้วย”

“ได้…..”

มุมปากของกู้ชูหน่วนยกขึ้น แววตาอ่อนไหวคู่นั้นของนางปรากฎราศีขึ้น

สง่าราศีอย่างนี้ไม่ได้เห็นกับคนอื่น

จอมมารเจ็บแปลบที่หัวใจ

กู้ชูหน่วนไม่กล่าวพูด แต่เขารู้ ใจของกู้ชูหน่วนคือเยี่ยจิ่งหาน

“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย ท่านสัญญากับข้าเรื่องหนึ่งสิ”

“นอกจากเจ้าจะดีขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่สัญญาอะไรกับเจ้าเลย”

“สัญญากับข้า ท่านต้องมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป”

“หากท่านตาย ทั่วฟ้าธรณีทุกแห่งหน ไม่ว่าเป็นหรือตายข้าจะตามอยู่เสมอ”

กู้ชูหน่วนดวงตาแดงก่ำ พอพูดออกมาหนึ่งประโยคทำให้เยี่ยจิ่งหานเจ็บปวดหัวใจอย่างไร้การเทียบเทียน

“หากท่านยอมตายเพื่อความรัก ใต้ธรณีจะไม่มีวันให้อภัยท่านชั่วชีวิต”

“อาหน่วน….”

“ข้าต้องการให้ท่านดูแลเผ่าหยกแทนข้า ดูแลรัฐเยี่ย เพราะว่าข้าคือ….องค์หญิงของรัฐเยี่ย”

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนรู้

คำพูดสุดท้ายของกู้ชูหน่วนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย นางไม่ยอมให้เยี่ยจิ่งหานบูชาความรักหรอก

เพราะเผ่าหยกไม่ต้องการให้เขาปกป้องหรอก

รัฐเยี่ยก็ไม่ต้องการให้เขาปกป้อง

เยี่ยจิ่งหานกลั้นน้ำตา มือทั้งสองข้างกำแน่นขนัด

กู้ชูหน่วนมองไปทางผู้อาวุโสสูงสุด นางหายใจหอบแฮกไม่หยุด สักพักหนึ่งถึงได้เอื้อนเอ่ยขึ้น

“ผู้อาวุโสสูงสุด วันนี้สิ่งที่ข้าวางไม่ลงที่สุด นอกจากเยี่ยจิ่งหานกับอาม่อ ก็คือเซี่ยวอวี่เซวียน ข้า…..ละอายใจกับเขา ขอร้องท่านละ…ช่วย…ปกป้องเซี่ยวอวี่เซวียนแทนข้าด้วย”

“ได้…หัวหน้าเผ่าวางใจ ต่อให้เผ่าหยกเหลือเพียงคนเดียว ก็จะปกป้องคุณชายเซี่ยวอย่างดี”

เซี่ยวอวี่เซวียนที่หลบซ่อนอยู่ด้านนอกตัวสั่นสะท้าน

เขาเอามือวางไว้ที่ปากและกัดมัน เพื่อไม่ให้ตนเองเปล่งเสียงออกมา

มือคู่นั้นถูกตนเองกัดจนมีเลือดไหลหลั่งออกมา และยังคงไม่รู้

เซี่ยวอวี่เซวียนสับสน และเจ็บปวด

เขาตำหนิกู้ชูหน่วน ระหว่างเขากับลั่วอิ่ง ได้เลือกลั่วอิ่ง

ตอนที่เขาไร้ความช่วยเหลือ ตัดสินใจไม่ถูกที่สุด เจ็บปวดทรมานที่สุด นางได้ไปจากเขา ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเขา

ค่ำคืนนั้น เขากับกู้ชูหน่วนตัดความสัมพันธ์กันอย่างเด็ดขาด สาบานว่าพบเจอกันจะเป็นศัตรูกันมิใช่มิตรสหาย….

แต่…..

ตอนที่รู้ว่ากู้ชูหน่วนมีอันตราย เขายังคงไม่วางใจ แอบมาที่เผ่าหยกราวกับผีที่น่ากลัว แต่ไม่เคยคิดจะเห็นนางสังเวยชีวิตตนเอง

เขามีความเกลียดชัง

มีความตำหนิกล่าวโทษ

แต่ได้ยินคำพูดก่อนตายของนาง ความทรงจำที่สวยงามจึงแผ่ซ่านขึ้นมาในหัว

เพียงชั่วขณะ การตำหนิ ความเกลียดชังของเขาจึงลดลงไปอย่างมาก

เขาอยากออกไปเจอนาง อยากบอกนาง ว่าเขาไม่ได้เกลียดชังนางขนาดนั้น….

แต่ขาทั้งสองข้างของเขาเหมือนกับจมดิ่ง อย่างไรก็ไม่สามารถออกไปได้ ทำได้เพียงยืนแอบอยู่ข้างประตูเม้มปากร่ำไห้

เพราะเหตุใด….

เพราะเหตุใดพระเจ้าถึงได้กลั่นแกล้งคนเช่นนี้….

เพราะเหตุใดคนที่เขารักและใกล้ชิด จะต้องจากเขาทีละคน….

“ตูม…..”

ไข่มุกมังกรที่รวบรวมมาได้อย่างยากลำบาก ทยอยหล่นลงไปในเตากลั่นยา

คนเผ่าหยกสีหน้าเปลี่ยน

ไม่ใช่บอกว่าแค่เลือดหัวใจของหัวหน้าเผ่า ไข่มุกมังกรก็สามารถรวบรวมได้แล้ว?

เพราะเหตุใดไข่มุกมังกรถึงได้กระจายอีกแล้ว?

หรือว่าเลือดหัวใจของหัวหน้าเผ่าไม่มีประโยชน์?

เป็นอย่างนี้ หัวหน้าเผ่าพลีชีพสูญเปล่าแล้ว

ผู้ใดก็ไม่สามารถรับผลที่เกิดขึ้นได้

ผู้อาวุโสหกร้องไห้คร่ำครวญ

“ไม่ เป็นไปไม่ได้ ไข่มุกมังกรไม่มีทางที่จะหลอมรวมไม่ได้ เพราะเหตุใด….เพราะเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้….พระเจ้า ท่านกลั่นแกล้งพวกเราเผ่าหยกหลายพันปี จะกลั่นแกล้งพวกเราไปถึงเมื่อไหร่กัน….”

“ข้าบอกนานละ ต่อให้หัวหน้าเผ่าสังเวยเจาะเลือดหัวใจตนเอง ก็ไม่แน่ว่าจะหลอมรวมไข่มุกมังกรได้ บนโลกใบนี้ไม่มีวิธีที่จะแก้คำสาปโลหิตได้…ไม่มีวิธี….ตอนนี้เป็นยังไง หัวหน้าเผ่าก็เหมือนกับประมุขชิง พลีชีพสูญเปล่า…”

“ก่อกรรมทำเข็ญ สวรรค์ลืมเผ่าหยกพวกเรา….”

แม้แต่เยี่ยจิ่งหานกับจอมมารยังโกรธและโมโห แทบจะทะลายเตากลั่นยา

มีเพียงกู้ชูหน่วนที่รู้

ใช้เลือดหัวใจของนาง ปริมาณเลือดไม่เพียงพอ

อยากจะหลอมรวมไข่มุกมังกร จำเป็นจะต้องใช้หัวใจของนาง

มีเพียงหัวใจเข้าเตากลั่นยา ไข่มุกมังกรถึงจะหลอมรวมได้

เลือดของนางกับเตากลั่นยาเชื่อมโยงกัน ด้านในเตากลั่นยาทั้งหมดนางสามารถรับรู้ได้

นางเชื่อ…

หัวใจของนางทุ่มเทลงไปด้านในเตากลั่นก็สามารถหลอมรวมไข่มุกมังกรได้

ก่อนตาย กู้ชูหน่วนมีคนหนึ่งที่ปล่อยวางไม่ลง นั่นคือเหวินเส่าอี๋

แต่เหวินเส่าอี๋อยู่ฝั่งตรงข้ามเผ่าหยกแล้ว นางไม่อาจไปพูดอะไรได้

กู้ชูหน่วนมองไปทางทุกคนที่อยู่ตรงนี้อย่างอาลัยอาวรณ์

โดยเฉพาะซือม่อเฟยกับเยี่ยจิ่งหาน

ยิ้มเจื่อนๆกล่าวว่า“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย อาม่อ แยกกันชั่วนิจนิรันดร์แล้วนะ…..”

คำที่พูดว่าแยกกันชั่วนิจนิรันดร์ นางรวมรวบกำลังเฮือกสุดท้าย และใช้ดาบสั้นแทงออกไปอย่างเหี้ยมโหดอีกครั้ง สุดท้ายขุดเจาะหัวใจ เทลงไปในเตาไฟ

“อึก….”กู้ชูหน่วนอาเจียนออกมาเป็นเลือด ตามด้วยหัวใจที่ออกไป และลมหายใจที่หยุดนิ่ง

“ไม่นะ….”

“อา….”

จอมมารกับเยี่ยจิ่งหานบ้าคลั่ง เขย่าร่างกายของกู้ชูหน่วนไม่หยุด อยากจะให้นางฟื้นคืน

แต่วิญญาณของสตรีผู้งดงามน่าเกรงขามนั้นไม่สามารถหวนคืนได้อีกแล้ว

สีหน้าของทุกคนดูเศร้าหมอง

หัวหน้าเผ่ายกตำแหน่งหัวหน้าเผ่าให้กับนายน้อยของเผ่า ซึ่งหมายความว่าเขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว

ประโยคสั้น ๆ ไม่เพียงแต่บ่งบอกว่าเหวินเส่าอี๋เป็นบุตรชายแท้ ๆ ของเขาแต่ยังบ่งบอกอีกด้วยว่าพวกเขาควรจะจงรักภักดีต่อเหวินเส่าอี๋

ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสทั้งหลายต่างไม่มีข้อโต้แย้ง

พวกเขาต่างพากันโขลกศีรษะและตะโกนว่า “ข้าน้อยคารวะท่านหัวหน้าเผ่า ขอให้ท่านหัวหน้าเผ่าและเผ่าเพลิงฟ้าเจริญรุ่งเรืองสืบชั่วลูกชั่วหลาน”

เหวินเส่าอี๋รับป้ายคำสั่งหัวหน้าเผ่าจากเหวินเฉิงเทียน เขาหลับตาลงและละทิ้งความคิดที่เจ็บปวดและยุ่งเหยิงทั้งหมด

เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาของเหวินเส่าอี๋ก็เยือกเย็นและไร้ความปรานี

เขาพูดเสียงดัง “ทุกท่านลุกขึ้นเถิด”

“ขอบคุณท่านหัวหน้าเผ่า”

เหวินเฉิงเทียนกล่าวอย่างอ่อนแรง “ผู้อาวุโสหวง ผู้อาวุโสอวิ๋น และผู้อาวุโสทั้งหลาย ต่อไปเส่าอี๋และเผ่าเพลิงฟ้าต้องรบกวนให้ทุกท่านช่วยดูแลแล้ว”

“หัวหน้าเผ่าอาวุโสกล่าวหนักเกินไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่พวกเราพึ่งกระทำ”

เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างงุนงงเล็กน้อย

ที่นี่มีผู้อาวุโสสูงสุดมากมาย หัวหน้าเผ่าอาวุโสไม่ฝากฝังให้พวกเขาช่วยดูแล แต่กลับฝากฝังให้ผู้อาวุโสช่วยดูแลแทน?

เผ่าเพลิงฟ้าประสบกับความเสียหายอย่างหนัก ไม่ว่านายน้อยจะเก่งกาจแค่ไหน กระดูกสะบักของเขาก็ถูกถอดออกแล้ว เผ่าเพลิงฟ้ายังไม่กลับตัว เกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก

“นอกจากผู้อาวุโสสูงสุดสองสามคนแล้ว พวกเจ้าที่เหลือออกไปก่อนเถอะ หากไม่มีคำสั่งของข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามา”

“ขอรับ”

ประตูห้องลับถูกปิดลง มีเพียงเหวินเส่าอี้ เหวินเฉิงเทียน และผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ที่ได้รับบาดเจ็บ

“เส่าอี๋ เจ้ามานั่งตรงนี่”

“เชื่อมกระดูกสะบัก……จะต้องจ่ายอะไรเป็นการตอบแทนหรือไม่?”

เขาต้องการจะฟื้นฟูกระดูกสะบักที่ถูกถอด

แต่เขารู้สึกไม่สบายใจ และมักจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเช่นนั้น หากสามารถเชื่อมกระดูกสะบักได้ ในโลกนี้ก็ไม่มีเรื่องต้องกังวล

ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้มและกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าเผ่าไม่ต้องกังวล เพียงแค่ต้องใช้กำลังภายในบางส่วน ขอเพียงแค่ช่วยให้ท่านเชื่อมกระดูกสะบักได้ มันก็คุ้มค่าที่จะสูญเสียกำลังภายใน”

“เพียงแค่สูญเสียกำลังภายในบางส่วนเท่านั้นจริง ๆ หรือ?”

หากเป็นเช่นนั้น ทำไมสีหน้าของพวกเขาถึงดูแปลก ๆ?

“ใช่ เผ่าหยกและหุบเขาตันหุยพยายามจะทำลายเขตหวงห้าม หัวหน้าเผ่า พวกเรามีเวลาจำกัด เริ่มกันเลยจะดีกว่า หากมีอะไรจะพูด รอให้เชื่อมกระดูกสะบักแล้วค่อยว่ากัน เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนกลางคัน”

“ใช่ หากเกิดความผิดพลาดในขณะที่เชื่อมต่อกระดูกสะบัก และต้องหยุดกลางคัน พวกเราทุกคนอาจตกอยู่ในอันตราย”

“เช่นนั้นก็รออีกเดี๋ยวแล้วค่อยเชื่อมต่อ”

ผู้อาวุโสสูงสุดยังพูดไม่ทันจบ เหวินเฉิงเทียนก็กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ไม่ได้ ยิ่งล่าช้า โอกาสที่จะเชื่อมต่อก็จะลดลง เรื่องนี้ไม่อาจรอช้าได้ รีบดำเนินการเสียตอนนี้เลย”

เมื่อเหวินเฉิงเทียนเอ่ยปาก เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดต่างก็มองหน้ากัน แววตาของพวกมีความมุ่งมั่น

พวกเขาสกัดจุดของเหวินเส่าอี๋ และบังคับให้เขานั่งลงตรงกลาง ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่คนประกบฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกัน แล้วถ่ายทอดกำลังภายในเข้าสู่ร่างกายของเหวินเส่าอี๋อย่างต่อเนื่อง พลังที่อ่อนโยนและแข็งแกร่งช่วยซ่อมแซมกระดูกสะบักที่ถูกถอดออกของเขา

เหวินเส่าอี๋พยายามปฏิเสธ แต่ก็ไม่เป็นผล และกล่าวอย่างเป็นกังวลว่า “ท่านพ่อ การเชื่อมต่อกระดูกสะบักที่ถูกถอดออก ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างไร?”

สิ่งที่ตอบเหวินเส่าอี๋คือการเหวินเฉิงเทียนอดทนต่อความเจ็บปวด และถ่ายทอดพลังทั้งหมดของตัวเองให้เหวินเส่าอี๋

เขากล่าวเสียงดัง “คิดว่าการถอดกระดูกสะบักของบุตรชายแล้ว จะทำลายชีวิตของบุตรชายของข้าได้งั้นหรือ?เหอะ ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้เห็นว่าวิชาเวทของเผ่าเพลิงฟ้าสามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้อย่างไร”

“ท่านพ่อ……”

พลังอันแข็งแกร่งทั้งห้าถูกถ่ายทอดเข้าไปในร่างกายของเหวินเส่าอี๋ จากนั้นร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บของเขาก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ

กระดูกสะบักให้ความรู้สึกผิดปกติ

ร่างกายของต่อต้าน ต่อต้านกำลังภายในทั้งห้า

หากไม่เปิดเผยความจริง เขาก็ไม่กล้าที่จะยอมรับมันง่าย ๆ เขากลัวว่าจะสูญเสียพวกเขาไป

ในเมื่อการพยายามปฏิเสธของเขา มีผลที่ไม่ค่อยชัดเจนนัก

หนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“หัวหน้าเผ่า ในเมื่อพวกเราตั้งใจที่จะช่วยเชื่อมต่อกระดูกสะบักให้ท่าน ท่านก็อย่าต่อต้านเลย ยอมรับการถ่ายทอดพลังของพวกเราเถอะ”

“ท่านยังไม่บอกข้าเลยว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างไร?”

“ท่านอยากรู้มากเลยหรือ?ได้ เช่นนั้นข้าจะบอกท่าน กระดูกสะบักของท่านถูกถอดออกมาแล้ว ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ไม่สามารถรักษาได้ แต่ด้วยวิชาเวทของเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเรา สามารถถ่ายทอดสิ่งนี้เข้าไปในร่างกายท่านได้”

“และนั่นก็คือพวกเรานำกระดูกสะบักของตัวเองมาใส่ให้เจ้า”

ร่างกายของเหวินเส่าอี๋สั่นในทันที

เขารู้ว่าราคาที่ต้องจ่ายนั่นหนักหนา

นำกระดูกสะบักของตัวเองมาใส่ให้กับเขา?

เช่นนั้นหากกระดูกสะบักของพวกเขาถูกถอดออก พวกเขาทั้งหมดก็จะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์?

พวกเขาเป็นล้วนแต่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเพลิงฟ้า และแต่ละคนก็มีวรยุทธที่ไม่ธรรมดา

“พวกเราแก่ชราแล้ว และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ด้วยอายุขัยของพวกเราแล้ว พวกเราไม่สามารถฟื้นฟูเผ่าเพลิงฟ้าได้ แต่ท่านต่างออกไป ท่านมีความสามารถและชาญฉลาด อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีวรยุทธลำ้เลิศที่หาได้ยากในรอบพันปี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือท่านอายุยังน้อย”

“เผ่าเพลิงฟ้าภายใต้การปกครองของท่าน ข้าเชื่อว่าท่านจะสามารถฟื้นฟูให้กลับคืนมาถึงจุดสูงสุดได้อย่างแน่นอน”

“ท่านหัวหน้าเผ่า หลังจากวิชาเวทได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกอย่างไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าจะหยุดในเวลานี้ วรยุทธทั้งหมดของพวกเราก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี และบางทีชีวิตนี้อาจจะต้องสูญเปล่า ท่านยอมรับด้วยความเต็มใจเถิด อย่าต่อต้านอีกเลย”

“ไม่……จะเป็นเช่นนี้ไม่ได้……ท่านพ่อของข้าจะตายไม่ได้ พวกท่านก็ตายไม่ได้เช่นกัน คนของเผ่าเพลิงฟ้าตายไปมากพอแล้ว หากให้ต้องจ่ายด้วยกระดูกสะบักของพวกท่าน ข้าไม่ยอมอย่างเด็ดขาด”

เหล่าผู้อาวุโสต่างเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง

สูญเสียกระดูกสะบักไปแล้วอย่างไร?

ในท้ายที่สุดแล้ว

พวกเขาทั้งหมดก็ต้องตาย

มันย่อมคุ้มค่า

หากสามารถยืดเวลาของเผ่าเพลิงฟ้าได้หลายร้อยปีหรือหลายร้อยปี ต่อให้พวกเขาตายก็คุ้มค่า

เหวินเฉิงเทียนกล่าวว่า “เหลือเวลาไม่มากแล้ว อย่าเอาแต่ใจตัวเองอยู่เลย ทำใจให้สบาย ๆ และยอมรับพลังทั้งหมด มิเช่นนั้นท่านพ่อของท่านก็จะตาย และตายตาไม่หลับ”

ในเวลานี้ เหล่าสาวกข้างนอกก็รีบมารายงาน “รายงาน…..หัวหน้าเผ่า หัวหน้าเผ่าอาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดทุกท่าน เผ่าหยกและหุบเขาตันหุยพบทางเข้าเขตหวงห้ามแล้ว และพวกเขากำลังทำลายค่ายกลอยู่ข้างนอก พวกเขามียอดฝีมือมากมาย ผู้อาวุโสทั้งหลายไม่กลัวรับประกันว่าเขตหวงห้ามจะถูกทำลายหรือไม่ จึงอยากขอความคิดเห็นของพวกท่าน”

วิชาเวทได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และไม่สามารถสิ้นสุดลงได้

ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ดีว่าหากสิ้นสุดลงจบก่อนกำหนด หรือถูกขัดจังหวะ พวกเขาทั้งหมดอาจจะต้องตาย

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างเฉยเมย “ปล่อยให้พวกเขาทำลายไปเถอะ พวกเขาไม่สามารถทำลายได้ นอกเสียจากว่าจะมีปิ่นระย้าหยกขาวลายผีเสื้อที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเพลิงฟ้าของพวกเรา”

สีหน้าของเหวินเส่าอี๋เปลี่ยนไปมาก

ปิ่นระย้าหยกขาวลายผีเสื้อ…..

“เป็นอะไรไป?หรือว่าท่านมอบปิ่นระย้าให้ผู้อื่นไปแล้ว?” เหวินเฉิงเทียนและคนอื่น ๆ คร่ำครวญในใจ

ปิ่นระย้านี้ถูกส่งมอบให้ฮูหยินชิว และฮูหยินชิวก็มอบให้เหวินเส่าอี๋

ดังนั้นปิ่นระย้านี้จึงอยู่ในมือของเหวินเส่าอี๋”

เหวินเส่าอี๋พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้ามอบปิ่นระย้า……ให้กู้ชูหน่วนไปแล้ว”

“อะไรนะ……?”

ผู้คนต่างพากันตกตะลึง

เหวินเส่าอี๋ทำให้ตกใจเกือบตาย

“ท่านำของที่สำคัญเช่นนี้ไปมอบให้ผู้อื่นตามอำเภอใจได้อย่างไร?”

“หัวหน้าเผ่า ท่านเลอะเลือนไปแล้ว……”

“หากพวกเขารู้ว่าปิ่นระย้าเป็นกุญแจที่จะสามารถเข้ามาในเขตหวงห้าม พวกเราก็คงไม่รอด……”

ร่างกายของเหวินเส่าอี๋เย็นยะเยือก

เขาคือเหวินเส่าอี๋

เขาคืออาจารย์ซั่งกวนของสำนักศึกษาวังหลวง

ในตอนนั้นที่เขามอบมันให้กับกู้ชูหน่วน เขาไม่ได้คิดอะไรมากนัก

ไม่คิดเลยว่าปิ่นระย้าจะเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของเผ่าเพลิงฟ้า……

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท