กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 788

บทที่ 788

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 788
“ปึง……”

สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือมีดเล่มนั้นไม่ได้ฟันแขนของมู่ซิน

แต่ถูกเบี่ยงเบนออกไป

นัยน์ตาของไป๋หลี่เจิ้นเยือกเย็น และทันใดนั้นมีดก็พุ่งไปทางกู้ชูหน่วน

สีหน้าของไป๋หลี่หมิงไม่น่ามอง “ใคร ใครกล้าห้ามไม่ให้ข้าฆ่าคน”

กู้ชูหน่วนเขย่งเท้าแล้วเหาะลงมาเบา ๆ ราวกับเทพธิดาจิ่วเทียนเซวียน

ในทันทีที่ลงมา นางก็คว้าแส้ที่กำลังตีมู่ซิน แล้วสะบัดออกไป นางเอาแส้ฟาดคนรับใช้ชั่วของตระกูลไป๋หลี่ที่กำลังเฆี่ยนตีมู่ซินอย่างโหดเหี้ยม

“มู่หน่วน ที่แท้ก็เป็นเจ้า ในที่สุดเจ้าก็กล้าโผล่หัวออกมา”

ไป๋หลี่หมิงหัวเราะด้วยความโกรธ “ท่านปู่ เป็นเจ้าสวะผู้นี้ นางวางแผนเพื่อตัดแขนของข้า ท่านต้องแก้แค้นให้ข้านะ”

มู่ซินกระวนกระวายใจ เขาอยากจะลุกขึ้น แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บ เขาจึงไม่สามารถลุกขึ้นได้

“อาหน่วน เจ้ากลับมาทำไม ไป รีบไปจากที่นี่”

“จะไปไหน?” คนของตระกูลไป๋หลี่ปิดล้อมกู้ชูหน่วนไว้

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ และมองตรงไปที่ไป๋หลี่เจิ้น ใบหน้าอันงดงามของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง

“ใครบอกว่าข้าจะไป?ในเมื่อข้ามู่หน่วนกล้าออกมา ก็เป็นเพราะข้าไม่กลัวพวกเจ้า”

“เจ้ามันบ้า”

ไป๋หลี่เจิ้นอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองกู้ชูหน่วน

ได้ยินมาว่านางเป็นพวกไร้ประโยชน์ที่มีวรยุทธเพียงแค่ขั้นที่หนึ่งเท่านั้น

อีกทั้งยังเป็นคนที่ตามความคิดเห็นของผู้อื่น เป็นคนโง่ที่ขี้ขลาดตาขาว

แส้อันเมื่อครู่ ผู้อื่นอาจจะไม่รู้ แต่เขาเห็นได้ชัดเจนว่ามันฟาดถูกจุดสำคัญบนร่างกายของพวกเขา

สถานหนักก็ตาย สถานเบาก็พิการ

เช่นนั้นกระดูกของคนรับใช้ทั้งสองก็คงจะถูกนางฟาดจนหักแล้ว

ช่างเป็นวิธีที่โหดเหี้ยม

เมื่อเห็นท่าทางที่เชื่อมั่นในตนเองและร่าเริง

ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูไม่เหมือนผู้หญิงอ่อนแอที่อ่อนน้อมถ่อมตน

ข่าวลือที่ได้ยินมาคงจะผิดเพี้ยน?

ไม่ใช่แค่ไป๋หลี่เจิ้น คนของตระกูลมู่ก็สงสัยว่ากู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร

เพียงแค่ครึ่งเดือนที่ไม่ได้พบกัน กลับเปลี่ยนเป็นคนใหม่

กู้ชูหน่วนยื่นมือที่เรียวยาวและอ่อนโยนออกมา ลูบผมที่บนหน้าผากของตนเองแล้วยิ้ม

“พูดดี ตอนอายุยังน้อยบ้าไม่ได้ หรือว่าต้องรอให้อายุเท่าท่านก่อนถึงจะเป็นบ้าได้?”

นี่เป็นการยั่วยุ

ตระกูลไป๋หลี่สูงศักดิ์และไม่เคยถูกโจมตี

อีกทั้งยังคงเป็นตระกูลหนึ่งที่ตกอับ

ไป๋หลี่เจิ้นกล่าวว่า “ใครก็ได้ ทำลายกระดูกทั้งหมดในร่างกายของนางเสียก่อน แล้วค่อยพานางกลับไปที่ตระกูลไป่หลี่ จากนั้นก็ให้หมิงเอ๋อร์จัดการ”

“ขอรับ”

คนจำนวนไม่น้อยในตระกูลมู่ต่างตื่นตระหนก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมู่ซิน ผู้ที่พยายามคิดหาทางว่าจะปกป้องกู้ชูหน่วนอย่างไร

ใบหน้าของกู้ชูหน่วนดูไม่เกรงกลัว แต่กลับกำมือแน่นจนดังกรวบ ๆ ราวกับว่าพร้อมที่จะต่อสู้

ผู้คนในตระกูลไป๋หลี่เตรียมที่จะลงมือ

คนรับใช้คนหนึ่งรีบมารายงาน และกระซิบข้างหูของไป๋หลี่เจิ้นสองสามคำ

ไป๋หลี่เจิ้นสีหน้าปลี่ยน

“เจ้าว่าอะไรนะ?ได้ข่าวมาผิดหรือไม่?

“ไม่ผิดขอรับ ผู้น้อยได้ยินมาอย่างชัดเจน”

ไป๋หลี่เจิ้นจ้องมองไปที่กู้ชูหน่วนอย่างดุร้าย ราวกับว่าเขาไม่เต็มใจ แต่ไม่ต้องการที่จะฝ่าฝืนคำสั่ง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงสะบัดแขนเสื้อ

“ถอย”

ไป่หลี่หมิงตกตะลึง

“ท่านปู่ ไม่ง่ายเลยที่พวกเราจะเจอตัวมู่หน่วนได้ จะปล่อยนางไปได้อย่างไร?นางทำให้ข้าต้องแขนหัก”

“ถอย”

ไป๋หลี่เจิ้นรู้ดีว่าไป๋หลี่หมิงจะไม่ยอมถอยอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงสกัดจุดของเขา และพาเขาออกไปจากตระกูลมู่

เขาเองก็ไม่อยากถอยเช่นกัน

แต่ผู้นำตระกูลมีคำสั่งอย่างเด็ดขาด ทำให้เขาต้องถอยในทันที

ว่ากันว่า……แขกอาวุโสที่สวมหน้ากากผี ได้รับการร้องขอจากเยี่ยจิ่งหาน

จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่พบสถานะที่แท้จริงของเยี่ยจิ่งหาน

ดูเหมือนว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้นอย่างไร้ร่องรอย

แค่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือเขาอายุยังน้อย แต่ฝีมือของเขาบรรลุระดับหกและ

ระดับหก……

นี่คือการดำรงอยู่ที่น่ากลัว

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเยี่ยจิ่งหานเป็นสัตว์ประหลาดที่ซ่อนเร้นอยู่หรือไม่ เป็นเพราะเขาฝึกฝนวิชาบางอย่าง จึงทำให้ใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไป

“ท่านปู่……”

ไป๋หลี่หมิงที่จากไปไกลแล้วรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง

หรือว่าเขาสูญเสียแขนข้างหนึ่งไปอย่างเปล่าประโยชน์งั้นหรือ?

“ผู้นำตระกูลมีคำสั่ง จึงต้องเชื่อฟัง มู่หน่วนมีเพียงวรยุทธขั้นที่หนึ่ง หากต้องการจะกำจัดนาง สามารถทำได้ทุกเมื่อ แต่ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของผู้นำตระกูลได้”

“ผู้นำตระกูลสูงศักดิ์ ทำไมเขาถึงยุ่งเรื่องของผู้อื่น?และออกหน้าแทนนางได้อย่างไร?”

“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ไว้ค่อยหาเวลาไปกำจัดนางอย่างลับ ๆ ”

“ก็ได้ ข้าเชื่อฟังท่านปู่ นอกจากมู่หน่วนแล้ว คนของตระกูลมู่ ข้าก็จะไม่ละเว้น”

“ไม่ต้องงห่วง ปู่จะช่วยเจ้าเอง”

หลังจากที่ผู้คนในตระกูลไป๋หลี่จากไปแล้ว ก็เหลือเพียงผู้คนในตระกูล มู่และคนอื่น ๆ ที่มองหน้ากันด้วยความตกใจ

เพียงแค่นี้……ไปแล้ว?

พวกเขาไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่?

ด้วยอุปนิสัยของตระกูลไป๋หลี่ พวกเขาจะจากไปอย่างง่ายดาย โดยไม่จับตัวพวกเขาตระกูลมู่ไปเพื่อระบายความโกรธอย่างโหดเหี้ยมได้อย่างไร

ผู้นำรองและผู้นำสามของตระกูลมู่ดุด่าใส่หน้ากู้ชูหน่วน

“มู่หน่วน เจ้าทำให้ใครขุ่นเคืองก็ได้ แต่นี่เป็นนายน้อยไป๋หลี่หมิง ท่านปู่ของเขาคอยถือหางอยู่ หรือว่าเจ้าไม่รู้?”

“ใช่ ไป๋หลี่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ตระกูลของพวกเขามีการค้าและมีอำนาจที่ใหญ่โต พวกเราจะทำให้พวกเขาขุ่นเคืองได้อย่างไร เจ้าทำให้พวกเขาขุ่นเคือง เจ้าก็ต้องจัดการกับพวกเขาด้วยตัวเอง แต่อย่าลากตระกูลมู่ทั้งตระกูลไปตายกับเจ้าด้วย”

มู่ซินยังคงคุกเข่าอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาลุกไม่ขึ้นหรือไม่ “น้องรอง น้องสาม ไม่ง่ายเลยที่อาหน่วนจะกลับมา คราวนี้นางคงจะคงตกใจมาก พวกเจ้าอย่าโทษนางเลย”

“พี่ใหญ่ ท่านคิดพวกเราทำเช่นนี้หรือ?ตระกูลมู่ทำให้ตระกูลไป๋หลี่ขุ่นเคือง ทุกวันนี้ชีวิตของเราก็ไม่ง่ายนัก ต่อไปก็คงจะยากขึ้นอย่างแน่นอน”

“และไม่รู้ว่าคนในตระกูลไป๋หลี่จะลอบสังหารอย่างลับ ๆ แล้วฆ่าพวกเราตระกูลทั้งหมดหรือไม่ ลูกสาวของท่านทำผิด ทำไมต้องให้พวกเรามารับผิดชอบทุกอย่างแทนนาง”

กู้ชูหน่วนแทรกแซง ในขณะที่ช่วยพยุงมู่ซินก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “หากกลัวว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง พวกท่านจะออกไปจากตระกูลมู่ตอนนี้เลยก็ได้ ไม่มีใครห้ามท่าน”

“เจ้า……เจ้าเด็กโสโครก ออกไปเพียงแค่ครึ่งเดือนแล้ว มีความสามารถเพิ่มขึ้นแล้วใช่หรือไม่ เแม้แต่พวกเราก็ยังกล้าตอบโต้ ที่นี่คือบ้านของข้า ทำไมข้าต้องออกไปด้วย?”

“เช่นนั้นก็หุบปากของพวกท่านเถอะ หนวกหูชะมัด”

ฮ้า……

ทุกคนต่างตกตะลึง

แน่ใจนะว่านี่คือสิ่งที่มู่หน่วนพูด?

คงไม่ใช่ว่าเห็นผีหรอกนะ?

ผู้นำรองและผู้นำสามยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

ผู้นำตระกูลมู่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เอาล่ะ หยุดพูดกันได้แล้ว มาดูอาการบาดเจ็บของพี่ใหญ่ก่อนเถอะ”

“อ้า……”

มู่ซินได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะช่วยพยุง แต่เขาก็ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ และเลือดยังคงไหลไม่หยุด

กู้ชูหน่วนพบว่าเขาขาเป๋และเดินกะเผลก

“พวกเจ้าช่วยพยุงพี่ใหญ่ไปที่ห้อง ส่วนพวกเจ้ารีบพาไปตามหมอมา”

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 805
กู้ชูหน่วนรู้สึกไร้ความหมายไร้ประโยชน์ ตอนที่กำลังคิดจะออกไป ฝ่าเท้าไม่ระวังเลยเหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง ลื่นๆ

นางตกใจ แล้วก้มศีรษะลงมอง

พอมองดู นางแทบจะเป็นลม

ใหญ่…..

งูใหญ่มาก….

งูตัวนี้ใหญ่ยาวราวสิบเมตร ขนตัวทุกส่วนขนาดใหญ่อยู่ที่ห้องหิน

เพราะแสงมืดสลัว อีกทั้งงูเป็นสีเขียวเข้มทำให้ไม่เห็น

สิ่งที่ทำให้กู้ชูหน่วนหวาดผวาคือ คิดไม่ถึงว่างูตัวนี้จะมีเก้าหัว ทุกหัวจะมีขนาดความใหญ่ประมาณหมู แทบไม่อยากจะคิดเลย หากว่าอ้าปากขนาดใหญ่ขึ้น ปากนี้จะสามารถกลืนกินคนคนหนึ่งได้เลยไหม

ราชางูเหลือมหยกเก้าเศียร….

หรือว่านี่คือราชางูเหลือมระดับห้าในปากของไป๋หลี่เจิ้น?

จากพละกำลังความสามารถของนางตอนนี้ ปะทะกับระดับห้า จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ท้องของงูเก้าเศียรกลมป่อง ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วกินหมูย่างไปตั้งเท่าไหร่ มันนอนอย่างสบายใจ หลังจากที่มันถูกเหยียบแล้ว มันพลิกตัวแล้วนอนอย่างต่อเนื่อง ไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมองเลย

กู้ชูหน่วนทอดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จิตใจไม่สงบ เขย่งเท้าย่องเบาออกจากห้องหิน เพราะกลัวจะทำให้งูเก้าเศียรตัวนี้ตื่น

ขาข้างสุดท้ายออกมาจากห้องหินแล้ว กู้ชูหน่วนแทบอยากจะปิดประตูลับของห้องหิน

ทันใดนั้น ได้มีเสียงซือๆดังขึ้นจากห้องลับ

กู้ชูหน่วนชะงักงัน หันกลับไปมอง แต่ทว่ากลับได้มองเห็นงูเก้าหัวที่ไม่รู้ว่าตื่นตอนไหน มันยืดเก้าหัวของมันขึ้นกระพริบตาปริบๆอยู่ตรงหน้านาง

งูเก้าหัวกำลังพินิจพิจารณานาง มันยืดหัวชะโงกขึ้นดมกลิ่นนางเป็นบางเวลา

กู้ชูหน่วนกระสับกระส่าย

จากนั้นพลิกฝ่ามือ แล้วพุ่งอาวุธลับออกไป

“ปังๆๆๆๆ….”

ไม่รู้ว่าตัวของงูเก้าหัวนี้มีลักษณะแบบไหน อาวุธลับของนางไม่เพียงแต่ทำร้ายไม่ได้ กลับสั่นสะเทือนกระจายลอยทั้งหมดด้วย

กู้ชูหน่วนยึดยกไม้ตะบองทองขึ้นมาอีกด้าน แล้วทำท่าทำทางไปที่หัวของงูเก้าหัวอย่างเหี้ยมโหด

“อย่าเข้ามานะ เข้ามาอีกอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

“ซือๆ….”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้เข้าไป เพียงแต่ดวงตาของงูเก้าหัวมีอาการสะลึมสะลือสับสน

ราวกับว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่

มันโค้งงอหัว ด้วยท่าทางน่ารัก

แต่เมื่อบวกกับร่างกายใหญ่โต มันทำให้คนชื่นชอบไม่ได้หรอก กลับทำให้คนรู้สึกกลัวมากกว่า

กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่างูเก้าหัวนี้แท้จริงแล้วกำลังคิดอะไร

มันไม่ได้จู่โจม แต่นางเดินเก้าหนึ่ง งูเก้าหัวก็ตามด้วย ระยะห่างทุกครั้งจะห่างกับนางอยู่ที่ประมาณครึ่งเมตร

ตอนที่นางเผลอ งูเก้าหัวจึงโผเข้ามา ดมกลิ่นร่างกายของนางไม่หยุดหย่อน

ราวกับว่าจะดมอะไรออกมาจากร่างกายได้

กู้ชูหน่วนโมโหเล็กน้อย

“เจ้าคงไม่ใช่งูตัวผู้หรอกนะ อีกทั้งเป็นงูกามตัณหา ?ข้าจะบอกเจ้านะ ข้าไม่มีความหลงระเริงแบบนั้น เจ้าออกไปห่างๆจากข้าเลย ไม่อย่างนั้นอย่าโทษข้าที่ตัดเก้าหัวของเจ้าลงมา แล้วต้มซุปหัวงูกิน”

“ซือๆๆๆ….”

คำนี้เป็นคำข่มขู่

และไม่น่าฟังเป็นอย่างมาก

และทันทีที่งูเก้าหัวได้ฟังคำนี้จึงได้ตื่นตระหนกวู่วามขึ้นมา ลำตัวขนาดใหญ่ไม่หยุดที่จะเข้าใกล้ จนกระทั่งใช้ร่างของงูพันรัดกู้ชูหน่วนไว้ ดมกลิ่นตัวของกู้ชูหน่วนอย่างกำเริบเสิบสาน

งูน้อยเก้าหัวยิ้ม

ห่างกันสามปี ได้เจอนายท่านอีกครั้ง มันเลยไม่สามารถกลั้นความปิติยินดีได้

งูบิดตัว มันอยากจะเข้าไปออดอ้อนในอ้อมกอดของกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนรักษาระยะห่างกับมัน จึงกล่าวขึ้นว่า“เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลย เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าสูญเสียความทรงจำ?แล้วก็ เมื่อก่อนข้าก็เคยสูญเสียความทรงจำหรือ?”

“แน่นอนสิ ครั้งก่อนนายท่านสูญเสียความทรงจำครั้งหนึ่ง ครั้งนี้สูญเสียความทรงจำมากกว่าครั้งก่อนอีกนะ”

อย่างน้อยครั้งก่อนก็ไม่ได้เปลี่ยนร่างกาย

ครั้งนี้แม้แต่ร่างกายยังเปลี่ยน

“เช่นนั้นเมื่อก่อนข้าเป็นคนอย่างไร?เป็นอย่างที่พวกเขาบอกว่าขี้ขลาด ไม่เก่งบู๊บุ๋น เป็นผู้ที่ไร้ประโยชน์โดยกำเนิดหรือไม่?”

กู้ชูหน่วนไม่เชื่อว่านางเป็นคนเยี่ยงนั้น

หากเป็นเช่นนั้น แล้วความทรงจำเกี่ยวกับวิชาหลอมยากับลักษณะพิเศษของเครื่องปรุงยาสมุนไพรมาได้อย่างไร?

นางรู้ซึ้งวิชาหลอมยาดี เกรงว่าจะประณีตละเอียดมากกว่าตระกูลไป๋หลี่ด้วยนะ

“นายท่านละเอียดใจกล้า เก่งทั้งบู๊ทั้งบุ๋นเป็นบุคคลที่อัจฉริยะบนโลก นายท่านเป็นนายท่านที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้”

“เอ่อ….เช่นนั้นเหตุใดพวกเขาถึงพูดเช่นนั้นล่ะ?”

“นั่นเป็นเพราะดวงตาของพวกเขาถูกขี้ตาทำเลอะเลือนแล้ว”

“……”

งูเก้าหัวตัวนี้ดูแล้วน่ารักอ่อนโยน แต่เวลาพูดคุยกลับหยาบโลน

“เช่นนั้นเจ้าล่ะ เพราะเหตุใดเจ้าถึงได้กลายเป็นสัตว์ตัวโปรดของข้า?เป็นข้าที่ปราบเจ้า?”

“ไม่ใช่ เป็นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่ยินยอมตามท่าน ตอนที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เด็ก ท่านเคยช่วยชีวิตข้าไว้”

“เช่นนั้นฐานะชาติตระกูลของข้า เป็นคุณหนูสามของจวนมู่จริงหรือไม่?”

ครั้งนี้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้ตอบคำถามของนาง อีกทั้งหดตัวอยู่ข้างเท้าของนางอย่างว่าง่าย

มันยิ้ม และกล่าวขึ้นว่า“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์รู้เพียงว่า ท่านเป็นนายท่านของข้าตลอดไป”

ความน่ารักออดอ้อนของมันทำให้เกาะป้องกันในใจของกู้ชูหน่วนค่อยๆลดลง จากนั้นจับมันขึ้นมาวางไว้ในมือ

ร่างกายของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เปลี่ยน จากเก้าหัวกลายเป็นหนึ่งหัวทันที ตัวก็กลายเป็นเล็กเหมือนตะเกียบ หดอยู่บริเวณข้อมือของกู้ชูหน่วนแล้วหลับไป

การกระทำของมันคุ้นเคย ราวกับเมื่อก่อนนอนหลับด้วยท่านี้อยู่เป็นประจำ

กู้ชูหน่วนยิ้ม นางจิ้มแตะที่ตัวของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ยิ้มและกล่าวขึ้นว่า“อยากให้ข้ารับเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องคิดหาวิธี เอาสิ่งของของหอเจินเป่าออกไปให้ข้า”

“เอาเข้าไปในวงแหวนอวกาศก็จบแล้ว”

“ข้าคิดว่าเจ้าคิดไม่ถึง จุดสำคัญคือหาวงแหวนอวกาศไม่เจอ”

“เลี้ยวขวาไปอีกห้าร้อยเมตร ตรงไปสามร้อยเมตร เลี้ยวซ้ายสี่ร้อยเมตร เลี้ยวขวาไปห้าร้อยเมตร มาที่ห้องลับแล้วเปิดออก… อ่า…”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ปวดหัว มันเห็นกู้ชูหน่วนตบที่หัวอย่างไม่เกรงใจ พร้อมกับทำสีหน้าเคร่งขรึม

“ข้าคือนายท่านเจ้า ไม่ใช่ทาสรับใช้ของเจ้า นำทางเอง”

“สามปีไม่เจอกัน นายท่านเหตุใดท่านถึงได้ใจอำมหิตกว่าเมื่อก่อน”

“จะนำทางหรือไม่”

“นำก็นำ แต่มอบรางวัลแก่ข้าสักหน่อยได้หรือไม่”

“เจ้าอยากได้รางวัลอะไร?”

“หมูย่างหนึ่งร้อยตัว”

“หนึ่งร้อยตัว?ร่างน้อยๆของเจ้านี่ ไม่กลัวที่จะอิ่มตายเลย”

“ไม่อิ่มตายหรอก เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินได้ แม้หมูย่างที่ตระกูลไป๋หลี่ทำจะอร่อยนะ แต่ไม่สู้หนึ่งในร้อยของนายท่านหรอก เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อยากกินที่นายท่านย่าง”

มันพูดแล้ว เลียลิ้นอย่างตะกละตะกลาม ไม่รู้ว่าอยากหมูย่างมานานแค่ไหนแล้ว

“หนึ่งร้อยตัวมันเยอะเกินไป หากเจ้าช่วยข้าหาวงแหวนอวกาศได้ และย้ายขนเอาของที่นี่ไปทั้งหมด ข้าสามารถย่างให้เจ้าได้หนึ่งตัว”

“ห๊ะ….หนึ่งตัวเอง น้อยเกินไปไหม”

“รังเกียจที่มันน้อยเจ้าไม่เอาก็ได้นะ”

สีหน้าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พังทลายลง ด้านหนึ่งบิดตัวอันยั่วยวน อีกด้านทำเสียงบ่น

สามปีก่อนหน้า หลังจากที่จิตวิญญาณของนายท่านบินไปจากเผ่าหยก ก็ล่องลอยอยู่ระหว่างฟ้าและดินอย่างไร้จุดหมาย

ต่อมาถูกคนมีใจเจตนาจับได้ ต้องการหลอมละลาย

โชคดีที่จิตวิญญาณของนายท่านแข็งแกร่ง จิตใจแน่วแน่ยืนหยัด ถึงไม่ได้ถูกหลอมละลายโดยสมบูรณ์ แต่ดวงวิญญาณของนางไม่เหมือนเมื่อก่อน ถูกคนหลอมจนแทบจะจำไม่ได้แล้ว

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท