เขาปล่อยคางฉัน ก็ไม่ได้จับแรงมาก แต่ฉันก็รู้สึกเจ็บจี๊ดจากคางไปถึงใจเลย
เจ็บจนรู้สึกถึงปลายเท้า
ฉันยังไม่หายดี แถมยังมาต่อสู้กับเขาแบบนี้ พอเขาปล่อยมือไปอย่างกะทันหัน ฉันก็หมดแรงล้มไปที่วงแขนของเขา
เขาแข็งแรงมาก จึงรับตัวฉันได้ทัน เนื่องจากว่าเขาออกกำลังกายเป็นประจำ ติดตัวเขาใกลัชิดแบบนี้รู้สึกได้เลย่วากล้ามเนื้อแข็งแรงมาก และตอนนี้ฉันก็หมดแรงจริง ๆ ไม่อยากทะเละกับเขา ก็เลยอ้อนหลับตาไปเลย ไม่ยอมยืนขึ้นเอง
“เดี๋ยวนี้ชักจะเล่นเก่งนะ รู้จักแกล้งหมดแรงแล้วนิ” เขาพูดขึ้นมาด้วยเสียงต่ำ และยังมีอารมณ์โกรธอยู่
เขาตบหน้าฉันหลายที ฉันก็รู้สึกเจ็บอยู่ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกอ่อนเพลียมาก ไม่อยากจะลืมตาขึ้นมาเลย
เขาเห็นฉันอยู่นิ่ง ๆ ไม่ตอบสนองอะไรกับเขาเลย อาจจะเป็นเพราะว่าเขาสำนึกได้ว่าควรจะดีกับฉันหน่อย จึงอุ้มฉันขึ้นไปที่ห้องนอน
วางฉันลงบนเตียง แล้วก็ไม่ทำอะไรต่อเลย
ทีแรกฉันคิดว่าเขาคงไม่สนใจว่าฉันจะตายหรือจะเป็น แต่คิดไม่ถึงว่าสักพักฉันก็ได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์กับคุณหมอกวิน เหมือนเขาจะตามหาคุณกวินมาดูอาการฉัน
ที่จริงแล้ว ผู้ชายคนนี้ก็อบอุ่นเป็นเหมือนกันนะคะ
เวลาผ่านไปประมาณสิบกว่านาที ฉันก็รู้สึกง่วงซึมก็นอนหลับไปเลย แต่เหมือนได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่า
“แกคิดให้ดีนะ จะเอายังไงกับลูกคนนี้”
อาธิปเหมือนรู้สึกรำคาญ แล้วไล่คุณกวินว่า “ดึกแล้ว แกรีบกลับไปเถอะ”
บางทีฉันก็แอบสงสารคุณกวินเหลือกเกิน ตัวเองเป็นทั้งแพทย์ชื่อดังในสากล แต่กลับโดนอาธิปควบคุมอยู่ตลอดเวลา เรียกให้มาก็มา บอกให้ไปก็ต้องไป คงจะรู้สึกอึดอัดใจจริง ๆ
จากนั้น ฉันก็หลับสนิทไปเลย เพราะว่ารู้สึกง่วงซึมอยู่แล้ว และวันนี้ก็อยู่ข้างนอกทั้งวัน ร่างกายก็เหนื่อยพอสมควร
ตอนกลางคืน ฉันเหมือนรู้สึกได้ว่ามีคนกอดฉันเข้าวงแขน ฉันพยายามจะลืมตาขึ้นมาดู แต่ง่วงมากจริง ๆ ก็เลยปล่อยไป
วันรุ่งขึ้น
ตอนที่ฉันตื่นมา อาธิปก็ไม่อยู่บ้านแล้ว ไม่ต้องไปถามก็รู้แล้วว่าเขาไปหานัชชาแน่นอน
เมื่อวานฉันได้นัดผอ.ลู่ไว้ ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ไปโรงพยาบาลเลย
อาจจะเป็นเพราะรู้ว่าวันนี้ฉันจะไปโรงพยาบาล คุณนายลู่จึงมารอฉันที่หน้าโรงพยาบาลแต่เช้า เขาก็ยังเป็นห่วงฉัน แล้วถามอีกว่า “จะทำแท้งจริง ๆ เหรอคะ คุณดารัณไม่คิดจะปรึกษากับคุณอาธิปก่อนเหรอคะ”
ฉันเข้าใจว่าเขาเป็นห่วงฉัน ฉันยิ้มให้เขา แล้วเดินเข้าไปข้างในพร้อมกัน และบอกเขาว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ”
คุณลู่ได้จัดหมอไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พอเดินเข้าไปถึงข้างใน คุณหมอก็ตรวจร่างกายให้ฉัน ไม่มีอะไรผิดปกติ จากนั้นก็ส่งเข้าไปในห้องผ่าตัด
คุณนายลู่ยังกังวลอยู่ และยังพยายามบอกฉันว่า “คุณดารัณคะ ถึงคุณดารัณยังอายุไม่เยอะ ไม่เรื่องทำแท้งมีผลเสียกับร่ายกายเรามากเลยนะคะ คุณดารัณคิดให้ดี ๆ ก่อนนะคะ”
ฉันพยักหน้า ถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัดแล้ว ฉันก็จับมือเขาและปลอบใจเขาว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”
แล้วฉันก็เดินตามนางพยาบาลเข้าไปในห้องผ่าตาม หมอที่ทำแท้งให้ฉันนั้นเป็นผู้หญิงอายุประมาณสี่สิบปี พอเห็นฉันเดินเข้ามา เขาก็บอกฉันว่า “คุณดารัณคะ เดี๋ยวหมอจะฉีดยาชาให้นะคะ ยาชาตัวนี้เป็นยาชาชั้นผิวหนัง หลังฉีดยาไปแล้ว คุณดารัณจะหลับ ระหว่างทำแท้งจะไม่เจ็บนะคะ ไม่ต้องตื่นเต้นค่ะ”
ฉันพยักหน้า แล้วก็ขึ้นเตียงผ่าตัด ก็อย่างทีหมอว่า ฉีดยาชาไปไม่นาน ฉันก็หมดสติไปแล้ว
พอฟื้นตื่นขึ้นมาอีกที ก็มานอนอยู่บนเตียงที่ห้องพักผู้ป่วยแล้ว
ลืมตามาก็เห็นอาธิปจ้องตามองหน้าฉันแบบดุเดือด แม้มปากไว้อย่างแน่น บรรยากาศในห้องอึดอัดมาก ในสายตาของอาธิปนั้นมีแต่ความโกรธแค้นและเย็นชา
ฉันไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้ จิตใจหวั่นไหวไปหมด ยื่นมือไปจับมือเขาด้วยสัญชาตญาณของมนุษย์ แต่เขาผลักมือฉันออกทันที
ฉันเอ่ยปากว่าจะพูดอะไร แต่ก็ห้ามตัวเองไว้ และหลี่เลี่ยงสายตาดุเดือดของเขา ก็เลยปิดตาไปเลย
“ดารัณ เธอเก่งนักนะ” เขาพูดแค่ประโยคเดียว แล้วก็หันตัวเดินออกไปอย่างโกรธชัง
