ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 28 เจ้าไม่อาจเอื้อม

บทที่ 28 เจ้าไม่อาจเอื้อม

สีหน้าของแม่บ้านจ้าวก็เปลี่ยนไปเช่นกัน นางพูดว่า “หรือว่าเด็กจะเป็นอันตราย จะมัวชักช้าอยู่ทำไมอีกอวี้เยี่ยน รีบไปตามหมอมาเร็ว!”

“อื้อๆ” อวี้เยี่ยนได้สติ นางกระวนกระวายใจมากและรีบวิ่งออกไปทั้งน้ำตา “ข้าจะไปตามหมอเดี๋ยวนี้ละ!”

แววตาของฉินหรูเหลียงหรี่แสงลง สีหน้าแห่งความโกรธแค้นค่อยจางหายไปและแทนที่ด้วยความรู้สึกที่คาดเดาไม่ได้ แม่บ้านจ้าวหันกลับไปมองเขาและเอ่ยอย่างผิดหวัง “แม้ว่าท่านแม่ทัพจะไม่คิดจะดูแลองค์หญิงให้ดี แต่ท่านก็ควรจะคำนึงถึงลูกของท่านด้วยสิเจ้าคะ!”

ฉินหรูเหลียงเม้มปาก เขามองร่างที่ไร้แรงกำลังของเฉินเสียนซึ่งนอนอยู่บนโต๊ะแล้วพูดว่า “อย่าไปกังวลกับไอ้เชื้อชั่วๆ นั่นเลย คราวนี้ข้าแค่สั่งสอนให้นางเท่านั้น ถ้ามีคราวหน้าอีกข้าจะไม่ยกโทษให้นางแน่”

เฉินเสียนเจ็บปวดรวดร้าวราวกับว่ามีอาวุธมีคมบิดคว้านอยู่ในนั้นช่องท้อง ใบหน้าของเธอซีดขาว หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ เธอใช้นิ้วบีบที่โต๊ะอย่างแรงจนข้อต่อเริ่มบิดเบี้ยวและปลายนิ้วก็เริ่มขาวซีด

ขณะที่ฉินหรูเหลียงกำลังจะเดินออกไป เธอก็พยายามฝืนและเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “ฉินหรูเหลียง”

ฉินหรูเหลียงชะงักไป เมื่อเขาหันกลับมา ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเขาก็ฉายแววแห่งความรังเกียจขึ้นมาอีก เขาเอ่ยว่า “ท่านยังคู่ควรที่จะเรียกชื่อของข้าอีกหรือ จงฟังข้าชัดๆ ไม่ว่าท่านจะโง่จริงๆ หรือแกล้งโง่ คนที่ข้าชอบก็ไม่ใช่ท่านและไม่มีวันเป็นท่าน! ท่านฆ่าหัวใจดวงนี้เสียยังจะดีกว่า หากท่านกล้าลงมือกับเหมยอู่อีกครั้ง แม้ท่านจะแตะนางแค่เพียงปลายนิ้ว ข้าก็จะสับมือของท่านทิ้ง!”

ไม่รู้ว่าแรงอาฆาตนี้มาจากไหน บางทีอาจจะเป็นเรื่องเก่าๆ ในอดีตที่พรั่งพรูขึ้นมาในใจ อยู่ๆ เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลึกว่า “อย่าหลงตัวเองนักเลย ท่านคิดว่าตอนนี้มันยังเหมือนเดิมอีกรึ ณ วันนี้เวลานี้เฉินเสียนผู้โง่เขลาคนก่อนได้ตายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ต่อจากนี้ไปเฉินเสียนผู้นี้จะเป็นคนที่ท่านไม่มีทางอาจเอื้อม ต่อให้ท่านคุกเข่าต่อหน้าข้า ข้าก็จะเหยียบย่ำท่านให้จมดิน”

ฉินหรูเหลียงเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นเธอโงศีรษะขึ้นมา ใบหน้าที่ขาวซีดไร้สีเลือดช่างดูตัดกับดวงตาที่เย็นชาและเป็นประกายกล้าคู่นั้น แววตาของเธอฉายให้เห็นรอยยิ้มที่เยือกเย็น ทว่าทันใดนั้นความอาฆาตที่เคยมีก็หายวับไปราวกับว่ามันไม่มีอะไรเลย เหลือแต่เพียงท่าทางที่ไร้หัวใจไร้ความรู้สึก แล้วเธอก็เอ่ยอย่างสงบว่า “ฉินหรูเหลียง วันนั้นจะต้องมาถึงแน่นอน”

ทันทีที่พูดจบเฉินเสียนก็หมดแรง ดวงตาของเธอค่อยๆ ดับมืดและเธอก็หมดสติไป ได้ยินแต่เพียงเสียงตะโกนเรียกของนางจ้าวที่ดังแว่วเข้ามาในภวังค์

วันนี้ที่สวนสระวสันตฤดูค่อนข้างยุ่ง

ทั้งหมอและหญิงสาวผู้มีประสบการณ์หลายคนวิ่งเข้าวิ่งออกกันทั้งวัน อวี้เยี่ยนกับแม่บ้านจ้าวก็ยุ่งมาก เส้นประสาททุกเส้นขึงตึงและไม่อาจผ่อนคลายได้เลย

เฉินเสียนนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอซีดเผือด เธอขบฟันแน่น ไม่ยอมกินยาและไม่ตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น

ฉินหรูเหลียงเอ่ยเพียงว่าให้หมอพยายามรักษาชีวิตของเธอให้ดีที่สุด ส่วนเด็กในครรภ์จะเป็นหรือตายก็ให้แล้วแต่เวรแต่กรรม

ทว่าเมื่อหมอเข้ามาในห้องและนั่งลงเพื่อวัดชีพจรของเฉินเสียน อวี้เยี่ยนก็จับมือของเขาไว้แน่น จ้องมองเขาด้วยดวงตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อและพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ท่านต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตบุตรขององค์หญิงเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเมื่อองค์หญิงทรงฟื้นขึ้นมา ท่านจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”

อาจจะเป็นเพราะท่าทีและแววตาที่น่ากลัวของอวี้เยี่ยนที่ใช้ข่มขู่หมอ หมอจึงตระหนักได้ว่าเขาควรพยายามทำให้ดีที่สุด

ในสวนดอกพุดตาน ฉินหรูเหลียงกำชับให้เซียงซั่นดูแลหลิ่วเหมยอู่ให้ดี หลังจากนั้นเขาจึงกลับไปที่ห้องตำราในเรือนหลักของเขา

เมื่อเขาออกมาจากสวนพุดตาน คำพูดสุดท้ายของเฉินเสียนที่ยังคงติดอยู่ในใจและสายตาที่ไร้เยื่อใยของเธอก็ทำให้ฉินหรูเหลียงตระหนักได้ด้วยตนเองว่า ตอนนี้เขาดูเหมือนจะสูญเสียความรักที่เฉินเสียนมีให้ไปจนหมดสิ้นแล้ว ทั้งยังกลายเป็นน้ำกับไฟที่เข้ากันไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

ฉินหรูเหลียงเคยเหยียดหยามความรักที่คนโง่เขลาผู้นั้นมีต่อเขา แต่อยู่ๆ คนโง่ผู้นั้นกลับกลายเป็นผู้ที่มีสติกระจ่างแจ้ง ทั้งยังทำตัวประหลาดไปอย่างสิ้นเชิงจนทำให้ยากที่จะเพิกเฉย คนโง่เขลาที่เคยรักเขาหัวปักหัวปำอยู่ๆ กลับทอดทิ้งเขาราวกับว่าเขาเป็นเพียงรองเท้าที่ผุพัง!

หากจะทิ้งก็ควรเป็นเขาที่ทิ้งนาง เมื่อใดกันที่นางกลายมาเป็นผู้คุมเกม!

เนิ่นนานมาแล้วที่ฉินหรูเหลียงเห็นความรักของเฉินเสียนเป็นของตาย เขามีแต่จะรังเกียจและทำให้นางอับอายขายหน้า มีแต่จะเสพสุขจากความเป็นสุขที่ไม่เท่าเทียมกัน ดังนั้นการพลิกบทบาทในครั้งนี้จึงทำให้เขาขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก

แม้จะกลับมาถึงห้องตำราแล้วความโกรธของฉินหรูเหลียงก็ยังไม่จางหาย เขาทุบโต๊ะหนังสือจนโต๊ะหักเป็นสองท่อนด้วยฝ่ามือ

ไม่บ่อยนักที่ฉินหรูเหลียงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้

ในตอนที่ข่าวคราวแว่วมาถึงสวนดอกพุดตาน เซียงซั่นกำลังปรนนิบัติดูแลหลิ่วเหมยอู่ด้วยรังนก

ตอนนี้ไม่มีรังนกเลือดแบบคราวที่แล้วให้กินอีกแล้ว มีเพียงแต่รังนกธรรมดาเท่านั้น

หลิ่วเหมยอู่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วและนำชุดกระโปรงที่นางใช้กรรไกรตัดจนเสียหายไปทิ้งขยะ

นางเอนหลังลงบนหมอนอิงอย่างเกียจคร้าน เมื่อกินรังนกหมดแล้วเซียงซั่นก็นำยาขี้ผึ้งมาทาตามรอยฟกช้ำที่อยู่ใต้ร่มผ้าของนาง

เมื่อรู้สึกเจ็บ หลิ่วเหมยอู่ก็ขมวดคิ้วและร้องออกมา

เซียงซั่นน้ำตาคลอ “นายหญิงต้องลำบากเกินไปแล้ว เห็นนายหญิงต้องทำตัวเองจนเป็นแบบนี้แล้วบ่าวเจ็บปวดใจเหลือเกิน…”

หลิ่วเหมยอู่บอกว่า “ไม่เป็นไร อีกสองวันก็หายแล้ว”

“ทั้งหมดเป็นเพราะองค์หญิงอัปลักษณ์นั่นแท้ๆ!” เซียงซั่นเอ่ยอย่างโหดเหี้ยม “ถ้าไม่ใช่เพราะนาง นายหญิงคงไม่เป็นแบบนี้! โชคดีที่ท่านแม่ทัพเอาใจใส่และจัดการนางปากบอนนั่นแทนนายหญิง”

หลิ่วเหมยอู่ตอบว่า “ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับความโปรดปรานจากท่านแม่ทัพ ข้าคงไม่คิดจะทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งตัวเช่นนี้ แล้วตอนนี้สถานการณ์ที่สวนสระวสันตฤดูเป็นอย่างไรบ้าง”

เมื่อได้ยินสิ่งที่หลิ่วเหมยอู่ถาม สีหน้าของเซียงซั่นก็เต็มไปด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ นางกล่าวว่า “นายหญิง ท่านแม่ทัพยังคงรักนายหญิงมากที่สุดเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่านางแพศยานั่นไปท้องกับใครมา บางทีเด็กเวรนั่นอาจจะไม่ใช่ลูกของท่านแม่ทัพก็ได้ นายหญิงอย่าใส่ใจไปเลยเจ้าค่ะ แม้ว่าเด็กนั่นจะเกิดมา ท่านแม่ทัพก็ไม่มีวันชายตามอง และมันจะกลายเป็นหมาหัวเน่า!”

เซียงซั่นรู้ว่าเด็กที่อยู่ในท้องของเฉินเสียนเป็นปมในใจของหลิ่วเหมยอู่มาโดยตลอด

ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของฉินหรูเหลียงจริงๆ แสดงว่าฉินหรูเหลียงแอบทำตัวใกล้ชิดกับเฉินเสียนลับหลังหลิ่วเหมยอู่ ปากจะบอกว่ารังเกียจนางโง่ผู้นั้นมาก แต่ความจริงเขากลับต้องการร่างกายของนาง!

แต่หลังจากที่ฉินหรูเหลียงรู้ว่าเขากำลังจะมีลูก เขากลับไม่เคยแสดงท่าทีว่าเขามีความสุขเลย

หลิ่วเหมยอู่พยายามปลอบใจตัวเองว่ามันอาจจะเป็นเพราะความอดใจไม่ไหวชั่วประเดี๋ยวตามประสาผู้ชาย ดังนั้นจึงทำเรื่องผิดพลาดลงไป

เซียงซั่นหยุดไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดอีกครั้งอย่างโหดร้ายเช่นเดิม “ท้องแล้วยังไงล่ะ ถึงอย่างไรท่านแม่ทัพก็ไม่มีทางเมตตาต่อเด็กในท้องของนาง บ่าวได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพบุกเข้าไปที่สวนสระวสันตฤดู ไม่เพียงแต่ตบหน้านางหญิงชั้นต่ำนั่นไปสองสามทีจนหน้าบวม แต่ยังใช้ขอบโต๊ะกระแทกไปที่ท้องของนางด้วย ตอนนั้นเห็นว่าตกเลือดด้วยนะเจ้าคะ”

คิ้วของหลิ่วเหมยอู่คลายออก

ทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่เฉินเสียนร้องขอ!

เซียงซั่นยังพูดอีกว่า “สวนสระวสันตฤดูเชิญหมอมารักษา จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้หยุดพัก นางแพศยานั่นยังนอนอยู่บนเตียงไม่ยอมฟื้น ไม่แน่เด็กนั่นอาจจะไม่รอดแล้วก็ได้ นายหญิง ท่านแม่ทัพจัดการกับนางคนต่ำช้านั่นอย่างไร้ความปราณี ทั้งยังตั้งใจจะฆ่าเด็กนั่นด้วยมือของท่านเองโดยไม่มีความอาลัยอาวรณ์เลยแม้แต่น้อย นายหญิงเป็นผู้ที่อยู่ในใจของท่านแม่ทัพมาโดยตลอดนะเจ้าคะ บ่าวได้ยินมาว่าหลังจากกลับไปที่เรือนหลักแล้ว ท่านแม่ทัพยังคงโกรธจัดและเป็นเดือดเป็นแค้นอยู่ในห้องตำรา”

เฉินเสียนหลับไปหลายวันและตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันอันยาวนาน

ภาพฝันส่วนใหญ่ที่ปรากฏขึ้นเป็นภาพตอนที่เธออยู่ในวงการบันเทิงในชาติก่อนและมันแลดูเหมือนการเดินชมโคมไฟอยู่บนหลังม้า เธอก้าวเข้าไปสู่แสงไฟทีละขั้นๆ อย่างแข็งขันด้วยความสามารถของตัวเองและกลายเป็นจุดสนใจของมวลมหาชน

เฉินเสียนอดคิดไม่ได้ว่าเหตุผลที่เธอฝันถึงสิ่งเหล่านี้อาจเป็นเพราะทุกสิ่งในชาติก่อนเป็นเพียงกลุ่มควันที่พัดผ่านซึ่งเธอหวนกลับไปหามันไม่ได้อีกแล้ว

วิญญาณของเธอจมดิ่ง ดิ่งลงไปในหุบเหวที่ทั้งลึกและหนักหนาสาหัส จากนั้นเธอก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ในชาตินี้เธอคือเฉินเสียน คืออดีตองค์หญิงจิ้งเสียนผู้ตกอับแห่งดินแดนต้าฉู่ ทั้งยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอยู่ในจวนแม่ทัพและต้องดิ้นรนอย่างยากเข็ญในฐานะภรรยาของเขา

ทว่าในชาตินี้เธอยังมีโอกาสก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดด้วยความแข็งขัน เธอยังสร้างความวุ่นวายให้จวนแม่ทัพแห่งนี้ได้!

ในที่สุดเฉินเสียนก็ยินดีที่จะลืมตาตื่น อวี้เยี่ยนที่เฝ้ารออยู่ข้างเตียงของเธอทุกวันโดยไม่มีเวลาแม้แต่จะพักผ่อนเห็นดังนั้นก็อดร้องไห้ไม่ได้ นางเกาะขอบเตียงของเฉินเสียนและร้องไห้โฮยกใหญ่ด้วยความดีใจ คำพูดต่างๆ พรั่งพรูออกมา “ในที่สุดองค์หญิงก็ฟื้นแล้ว ถ้าองค์หญิงยังไม่ฟื้นขึ้นมา อวี้เยี่ยนผู้นี้จะขอชดใช้ด้วยความตาย… ทั้งหมดเป็นความผิดของบ่าว…”

ใบหน้าของสาวน้อยผู้นี้เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า นางตกอยู่ภายใต้ความรู้สึกที่กดดันจนถึงขีดสุด และในที่สุดทุกอย่างก็พังทลายลงมา น้ำตาของนางไหลรินเป็นสายราวกับแม่น้ำหวงที่เชี่ยวกราก

เกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจของเฉินเสียนอย่างฉับพลัน

เธอยกมือขึ้นและลูบหลังของอวี้เยี่ยน ขอบตาของเธอแดงขึ้นเล็กน้อยและเอ่ยอย่างงัวเงียปนเกียจคร้านว่า “จะร้องไห้อะไรหนักหนา องค์หญิงอย่างข้าแค่งีบหลับไปเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะร้องไห้ อวี้เยี่ยน ต่อไปนี้เจ้าจะต้องหัวเราะ และอย่าหยุดหัวเราะจนกว่าเรื่องนี้จะจบ เข้าใจไหม”

อวี้เยี่ยนรีบพยักหน้ารับ “เพคะ… หม่อมฉันเข้าใจเพคะ…”

แม่บ้านจ้าวเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางไม่รอช้าและรีบออกไปตามหมอมาตรวจร่างกายอีกครั้ง

หมอกล่าวว่า “อาการขององค์หญิงยังไม่น่าวางใจ ต้องนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงอย่างระมัดระวังก่อน” จากนั้นเขาก็เขียนใบใบสั่งยาให้และให้แม่บ้านจ้าวไปซื้อยาสมุนไพรมาต้ม

อวี้เยี่ยนคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายอย่างระมัดระวัง

เฉินเสียนควรจะพักผ่อนให้เต็มที่ พอมีเวลาว่างเธอจะสั่งให้อวี้เยี่ยนไปหยิบหนังสือมาให้เธออ่านที่เตียง

เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่หมอหลวงจากพระราชวังมาที่จวนแม่ทัพเพื่อตรวจร่างกายของเฉินเสียน

ฉินหรูเหลียงกลับมาในวันนี้และพาหมอหลวงคนหนึ่งกลับมาด้วย

นี่คือพระประสงค์ขององค์จักรพรรดิ

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

Status: Ongoing

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท