รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 132 ค้นหาทั้งเมือง
กนกอรส่ายหน้าขึ้นมา แล้วพูดอย่างรู้สึกผิดขึ้นว่า “ฉันไม่ได้ดูดี ๆ จำได้แค่ว่าเป็นรถแท็กซี่คันหนึ่ง พอวิการับโทรศัพท์แล้วก็พุ่งออกไปเลย แล้วข้างทางก็มีรถแท็กซี่จอดอยู่คันหนึ่งพอดี ซึ่งตัวเธอก็ไม่ได้สนใจว่าบนรถจะมีคนอยู่หรือเปล่า พอเปิดประตูได้ก็ขึ้นรถไปเลย จากนั้นรถก็ขับออกไปทันทีเลย ฉันก็เลยจำป้ายทะเบียนรถไม่ได้ค่ะ”
พอเห็นว่ากนกอรไม่สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ ชเนนทร์ก็เข้าไปนั่งในรถทันที แล้วขับเคลื่อนรถออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาขับรถไปด้วยและโทรหาน้องสาวไปด้วย
โทรศัพท์ของเทวิกาได้ปิดเครื่องไปแล้ว
ใจของชเนนทร์กระตุกวูบไปทีหนึ่ง
แล้วเปลี่ยนเป็นไปโทรศัพท์หายศพัฒน์
ยศพัฒน์มีเส้นสายกว้างขวาง มีทั้งกำลังและอำนาจ ตามหาคนขึ้นมาจะต้องง่ายดายกว่าเขาเยอะ
อยู่ ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่ชายภรรยา ยศพัฒน์ยังรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย กลัวว่าพี่ชายภรรยาที่ทั้งเป็นเพื่อนสมัยเรียนเก่าจะมาหาเรื่องเขา
ในขณะเดียวกัน โทรศัพท์อีกเครื่องของเขาก็ดังขึ้นมาเหมือนกัน เป็นสายโทรเข้าจากวายุ
วายุเป็นบอดี้การ์ดที่ภูริชแอบส่งไปปกป้องดูแลเทวิกา
สีหน้าของยศพัฒน์เคร่งขรึมขึ้นมา แล้วก็กดรับสายโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องพร้อมกัน เขาพูดกับพี่ชายภรรยาทางปลายสายก่อน “ชเนนทร์ เดี๋ยวฉันรับโทรศัพท์อีกสายหนึ่งก่อนนะ ไม่นานเดี๋ยวก็……”
“ยศพัฒน์ เกิดเรื่องขึ้นกับวิกาแล้ว!”
ชเนนทร์พูดขัดคำพูดของเขาขึ้น แล้วก็พูดออกมาตรง ๆ ว่า “วิกาได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งตอนอยู่ในร้าน อีกฝ่ายบอกว่าฉันเกิดอุบัติเหตุ แล้วเธอก็ไม่ทำการยืนยันสักหน่อย รีบร้อนวิ่งออกจากร้านไป แล้วมีรถแท็กซี่จอดอยู่ข้างถนนคันหนึ่งพอดี เธอก็ขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้ว กนกอรวิ่งตามออกไปก็ได้คุยด้วยแค่ไม่กี่ประโยค รถก็ขับออกไปเลย”
“ตอนนี้โทรศัพท์ของวิกาปิดเครื่องไปแล้ว ส่วนทะเบียนรถของรถแท็กซี่คันนั้น กนกอรก็จำไม่ได้ นายรีบไปตรวจสอบดูสักหน่อย ถ้าสามารถหาภาพกล้องวงจรปิดตรงหน้าร้านมาดูได้ ก็จะเห็นได้แล้วว่าวิกาขึ้นรถคันไหนไป”
พอได้ยินแบบนี้ สีหน้าของยศพัฒน์ก็เปลี่ยนไปทันที
ในใจเขากระวนกระวายมาก
แต่ก็ไม่สามารถวุ่นวายจนสติแตกได้
ตอนนี้เทวิกากำลังตกอยู่ในอันตราย ยังรอให้เขาไปช่วยอยู่ ถ้าเขาสติแตกไป แล้วใครจะไปช่วยเทวิกาล่ะ?
ยศพัฒน์พยายามบีบบังคับให้ตัวเองสงบนิ่ง และพูดกับชเนนทร์อย่างสงบนิ่งขึ้นว่า “ฉันจะส่งคนไปตามหาเบาะแสของวิกาเดี๋ยวนี้ ฉันจะต้องตามหาวิกากลับมาให้ได้แน่!”
พอวางสายจากชเนนทร์แล้ว ยศพัฒน์ก็ถามวายุขึ้นว่า “คุณนายน้อยขึ้นรถอะไรไป พวกนายรู้หรือเปล่า?”
“ครับคุณชายใหญ่ ตอนนี้คุณนายใหญ่ถูกลักพาตัวออกไปจากเขตตัวเมือง ตอนแรกผมกับสายฟ้าก็ตามไปติด ๆ แต่พอถูกอีกฝ่ายพบเห็นเข้าแล้ว อีกฝ่ายก็ส่งรถมาดักและขัดขวางผมกับสายฟ้าเยอะมาก”
“รถแท็กซี่คันที่ลักพาตัวคุณนายน้อยไป ถูกเปลี่ยนออกไปแล้ว เปลี่ยนเป็นรถเก๋งสีขาวคันหนึ่ง ทะเบียนรถคือXXXXXXX แต่ตอนที่พวกเราถูกสกัดไว้ ก็พบว่าพวกเขาเปลี่ยนรถไปอีกแล้ว และห่างไกลกันเกินไป ตอนนี้พวกเราก็เลยไม่รู้ว่ารถคันที่พาคุณนายน้อยไปทะเบียนรถคืออะไรครับ”
และเป็นเพราะรู้สึกว่าคุณนายน้อยถูกลักพาตัวไปแล้ว พวกเขาก็เลยรีบโทรมารายงานคุณชายใหญ่ทันที
และที่สำคัญอีกฝ่ายก็ได้จัดระเบียบมา ได้วางแผนมาก่อนแล้ว ตอนที่พวกเขาพาคุณนายใหญ่เปลี่ยนรถนั้น ล้วนแต่งตัวกันอย่างมิดชิด อย่างกับใส่ชุดป้องกัน ไม่มีทางเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายจัดเจนเลย
“ไอ้เวรเอ๊ย!”
ยศพัฒน์ตะคอกเสียงต่ำออกมา “ตั้งแต่ที่คุณนายใหญ่ขึ้นรถไปจนถึงตอนนี้ผ่านมากี่นาทีแล้ว?”
“รวม ๆ กันแล้วก็ประมาณสิบนาทีครับ”
ยศพัฒน์ใบหน้ามืดมน “ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว พวกแกเพิ่งจะมารายงานฉันเหรอ!”
วายุพูดอธิบายขึ้นอย่างรู้สึกผิด “ตอนแรกพวกเรายังไม่รู้ว่าเป็นการลักพาตัว พอเห็นคุณนายน้อยขึ้นรถแท็กซี่ไป พวกเราก็แอบตามอยู่อย่างเงียบ ๆ พอเห็นว่ารถคันนั้นไม่ได้มุ่งหน้าไปโรงพยาบาล ถึงรู้สึกว่าผิดปกติ นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปตั้งหลายนาทีแล้วครับ”
“จากนั้นพวกเราก็ขับรถเร่งความเร็วตามไป อีกฝ่ายก็เลือกใช้แต่ถนนเส้นเล็ก ๆ เลี้ยวไปเลี้ยวมา เพื่อจะสลัดพวกเราทิ้ง แล้วก็เริ่มเปลี่ยนรถไปเรื่อย ๆ ผมก็เลยรีบโทรมาบอกคุณชายใหญ่เลยครับ”
แต่เพียงตัวเขากับสายฟ้าสองคน ไม่มีทางมีความสามารถช่วยคุณนายน้อยกลับมาได้แน่
ยศพัฒน์วางสายจากวายุไป ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาเอาผิดกับบอดี้การ์ดทั้งสอง
อีกฝ่ายเจ้าเล่ห์เกินไป ใช้จุดอ่อนตรงที่เทวิกาห่วงใยคนในครอบครัว มาหลอกเธอว่าชเนนทร์เกิดอุบัติเหตุ คนทั่วไปถ้าได้ยินว่าคนในครอบครัวตัวเองเกิดอุบัติเหตุรถชน ก็จะต้องร้อนใจและลนลาน แล้วก็จะคิดอะไรไม่ออกเลย แค่อยากรีบไปให้ถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่านั้น
พอเทวิกาขึ้นรถไปแล้วก็จะถูกควบคุมตัวเองไว้ พอบอดี้การ์ดทั้งสองรู้สึกถึงความผิดปกติ มันก็สายไปหน่อยแล้วจริง ๆ
ยศพัฒน์โทรศัพท์หาอินทัชทันที บอกให้อินทัชถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้ค้นหาเบาะแสของเทวิกาทั่วทั้งเมือง
นอกจากให้อินทัชค้นหาเบาะแสของเทวิกาทั่วเมืองแล้ว ยศพัฒน์ยังติดต่ดไปขอความช่วยเหลือจากพวกเพื่อน ๆ ของเขาด้วย
ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้เพิ่งจะผ่านมาแค่สิบกว่านาที ยังมีโอกาสที่จะช่วยเทวิกากลับมาก่อนที่เธอจะถูกส่งตัวออกไปจากเมืองแอคเซสซ์
แล้วก็ไม่รู้ว่าคนที่ลักพาตัวเทวิกาไปจะเป็นใคร?
แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร กล้ามาแตะต้องภรรยาของเขายศพัฒน์ เขาจะต้องทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียใจที่มาเกิดบนโลกใบนี้แน่
นอกจากขอให้พวกเพื่อน ๆ ช่วยแล้ว ยศพัฒน์ยังบอกกับพวกน้องชายของเขาด้วย
พอพวกคุณชายแห่งตระกูลอริยชัยกุลได้ยินว่าพี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเขาถูกลักพาตัว ทุกคนก็โกรธเกรี้ยวกันขึ้นมา ใครช่างกล้ามาเหิมเกริมบนหัวฮ่องเต้แบบนี้นะ!
และแล้ว พวกคุณชายในตระกูลอริยชัยกุลก็ติดต่อให้เพื่อน ๆ ของพวกเขาช่วยเหลือ และพวกเขาเองก็วางงานในมือลง แล้วช่วยกันไปตามหาพี่สะใภ้
พอยศพัฒน์จัดแจงเรียบร้อยแล้ว ก็ออกจากบริษัทไปอย่างรีบร้อน และขับรถมุ่งหน้าไปยังชานเมือง
ในใจแอบภาวนาไปเงียบ ๆ วิกา คุณจะต้องปลอดภัยนะ!
กนกอรที่อยู่เฝ้าอยู่ที่ร้านกาแฟ จิตใจยิ่งอยู่ก็ยิ่งร้อนรน
เธอเองก็ไม่มีใครสามารถช่วยเหลืออะไรได้ จึงอดไม่ได้ที่จะโทรหานฤเบศวร์
แต่นฤเบศวร์กลับรับสายเธอขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ผมไม่ได้รู้สึกสนใจคุณ การดูตัวของเราไม่มีการสานต่อ คุณ……”
“ใครอยากไปสานต่อกับคุณกัน แบตบอส ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?”
“ให้ช่วยอะไร? แล้วอีกอย่าง ห้ามเรียกผมว่าแบตบอส”
ทุกครั้งที่ได้ยินกนกอรเรียกเขาว่าแบตบอส ใบหน้าของนฤเบศวร์ก็กระตุกขึ้นทีหนึ่ง
เขาไม่ได้เป็นคนดี แต่ก็ไม่ได้เลวอะไรมากมาย กนกอรชอบเรียกเขาว่าแบตบอส อยู่ดี ๆ ก็มาเรียกเขาจนเสียหาย
ถ้าทำให้ชื่อเสียงของเขาพังไป เธอจะรับผิดชอบไหม?
“เกิดเรื่องขึ้นกับวิกาแล้ว ประธานนฤเบศวร์ คุณมีเส้นสายเยอะ ช่วยตามหาวิกาหน่อยได้ไหมคะ?”
นฤเบศวร์ “กนกอร ?เทวิกา?ยศพัฒน์? ยศพัฒน์ ”
“ประธานนฤเบศวร์ พวกประธานยศพัฒน์ก็กำลังตามหาวิกาอยู่ คนเยอะพลังก็จะเยอะ ขอร้องละค่ะคุณช่วยหน่อยได้ไหมคะ ฉันไม่มีเพื่อนที่จะช่วยได้สักเท่าไหร่ จึงต้องมาขอร้องคุณ ขอแค่คุณยอมช่วยฉัน ต่อไปถ้าคุณต้องการให้ฉันช่วยอะไร ฉันจะตกลงทุกอย่างเลย”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเทวิกา?”
นฤเบศวร์ถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ
“เปรมายังถูกควบคุมตัวอยู่ นอกจากเปรมาแล้ว ยังจะมีใครกล้ามาลงมือแบบเปิดเผยกับเทวิกาอีก?”
ถ้ามาแหย่ยศพัฒน์รวมทั้งตระกูลอริยชัยกุลที่อยู่เบื้องหลังเขาทั้งตระกูล คนคนนั้นช่างมีความกล้าอย่างไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินเลยจริง ๆ
อยู่ในเมืองแอคเซสซ์ ตระกูลอริยชัยกุลก็เหมือนกับเป็นจักรพรรดิ เป็นผู้มีอำนาจแล้วก็เป็นงูเจ้าที่ด้วย ถ้าไม่ใช่คนที่เก่งจนขึ้นสวรรค์ลงนรกได้ ปกติแล้วอยู่ในเมืองแอคเซสซ์ก็ไม่กล้าผิดใจกับตระกูลอริยชัยกุล
