“ให้ขนมหวานผมสองกล่องสิ ผมจะนำกลับไปทานตอนหิวที่บริษัท จะชิมฝีมือการทำขนมหวานของคุณ หากว่าอร่อยละก็ ต่อไปผมจะซื้อไปทานทุก ๆ วัน คุณก็ได้จะมีลูกค้าประจำเพิ่มอีกหนึ่งคน ดีจะตาย”
กนกอรหันหลังเดินจากไป
สักพัก เธอก็เสิร์ฟเค้กชิ้นเล็กสองสามชิ้นด้วยจานที่สวยประณีต
เธอวางจานนั้นลงตรงหน้าของนฤเบศวร์ แล้วกล่าวกับเขาว่า:“ตอนนี้คุณจงทานเค้กชิ้นเล็กนี้ให้หมดก่อน แล้วฉันค่อยห่อใส่กล่องให้คุณนำกลับไป มิเช่นนั้นก็เลิกคุย”
นฤเบศวร์เงยหน้าขึ้นมองเธอ สีหน้าลึกล้ำแล้วกล่าว:“พูดไปพูดมาก็คือกลัวว่าผมจะสิ้นเปลืองขนมหวานของคุณใช่ไหม”
เขาหยิบกระเป๋าเงินออกมา หยิบเงินแล้วตบลงบนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นกล่าวกับกนกอรว่า:“ผมจ่ายเงินซื้อกับคุณ ต่อให้ผมทานไม่หมดแล้วทิ้ง ก็เป็นการสิ้นเปลืองเงินของผม คุณจะได้ไม่ต้องมาเจ็บปวด”
กนกอรหยิบเงินของเขาขึ้นมา แต่ก็ยังยืนกราน:“คุณทานก่อน”
นฤเบศวร์เห็นเธอรับเงินของเขาไว้จริง ๆ จึงพลางเก็บกระเป๋าเงินเข้าไปในกระเป๋า พลางแขวะเธอ:“ชเนนทร์มา คุณมอบขนมหวานให้เขาสองกล่อง ไม่รับเงินสักบาท เงินของผมคุณรับได้อย่างมีความสุขเชียว ผมยังไม่ทันได้เห็นขนมหวานด้วยซ้ำ”
พวกเขาเป็นสามีภรรยา เธอกลับเห็นเป็นคนนอก
รับเงินของเขา ก็น่าจะเก็บเงินของชเนนทร์ด้วยถึงจะถูก
นฤเบศวร์คิด ๆ แล้วรู้สึกน้อยใจ
อยากจะวิ่งตามชเนนทร์ไป แล้วเก็บเงินค่าขนมหวานสองกล่องนั่นกับชเนนทร์จริง ๆ
“ความสัมพันธ์ของฉันกับชเนนทร์ คุณเทียบได้เหรอ”
กนกอรตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ
“ฉันกับวิกาเป็นเพื่อนรักกัน เห็นพี่ชเนนทร์เป็นพี่ชายแท้ ๆ เขาก็ปฏิบัติกับฉันเหมือนน้องสาวแท้ ๆ แล้วคุณเป็นใคร”
นฤเบศวร์โกรธมากับคำพูดของเธอ เปิดปากอยากจะตอบกลับว่าเขาเป็นสามีของเธอ
คำพูดมาถึงปลายลิ้นก็ถูกเขากลืนกลับไป
เขาเคยขอให้เธอเก็บความลับ ไม่ให้ใครรู้ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของพวกเขา
“คุณมาที่นี่ได้ไง”
กนกอรไม่สังเกตเห็นความหงิกงอของเขา แล้วก็ถามเขาเรื่อยเปื่อย
“ผมแค่ผ่านมา”
ที่นฤเบศวร์กล่าวมาก็เป็นเรื่องจริง เขาแค่ผ่านมาจริง ๆ
เดิมทีเขาไม่คิดจะเข้ามา แต่เมื่อเห็นชเนนทร์มาหา เขาถึงเปลี่ยนใจ
“ออ”
กนกอรตอบออหนึ่งคำ เห็นเขายังไม่ทานเค้ก จึงกล่าวขึ้น:“ทำไมไม่ทาน”
“หวานไหม”
กนกอรมองเขากลับแล้วกล่าว “สิ่งที่คุณพูดไร้สาระมาก”
นฤเบศวร์พยายามอยู่พักหนึ่ง จากนั้นหยิบเค้กขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เขากัดอย่างระมัดระวัง หวานนี่หวานอยู่ แต่ไม่ได้หวานเกินไป ยังสามารถฝืนทานได้
เขาทานอย่างช้า ๆ ใช้เวลานิดหน่อย ถึงจะทานเค้กชิ้นนั้นหมด เขาตะโกนขึ้นเรียก:“กนกอร เร็วเข้า รินน้ำให้ผมแก้วหนึ่ง ไม่ สองแก้ว”
กนกอรเห็นท่าทางการทานขนมหวานราวกับทานยาพิษอย่างนั้น ปากบ่นพึมพำ แต่ก็ยังลุกขึ้นไปรินน้ำอุ่นให้กับเขา เขาดื่มหมดในกึกเดียว และก็ขอเพิ่มอีกหนึ่งแก้ว แล้วก็ดื่มจนหมด
ดื่มน้ำอุ่นสองแก้วติดต่อกัน เพื่อล้างกลิ่นรสหวานที่อยู่ในปาก นฤเบศวร์แสดงท่าทางการมีชีวิตขึ้นใหม่อีกครั้ง
“เปรมาเคยทำเค้กให้คุณทานไหม”
กนกอรจู่ ๆ ก็ถามขึ้น
มีความรัก แค่น้ำก็อิ่มได้
เขารักเปรมาขนาดนั้น หากเปรมาทำเค้กให้เขาทาน เขาจะต้องทานหมดเกลี้ยงอย่างแน่นอน
นฤเบศวร์สีหน้าดูเศร้าเล็กน้อย
“ฮ่า เธอไม่เคยทำให้คุณทานเหรอ หรือว่าเธอทำให้คุณพัฒน์ทานคนเดียวเท่านั้น”
“ใครว่าล่ะ ผมเคยทานขนมหวานที่เปรมาทำ เปรมารู้ว่าผมไม่ชอบทานขนมหวาน ขนมหวานที่ทำจึงหวานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เหมือนกับขนมหวานที่คุณทำหรอก”
กนกอรหัวเราะเบา ๆ “เธอเคยทำขนมหวานให้คุณทานจริง ๆ เหรอ หรือว่าเธอทำให้กับคุณพัฒน์ ถูกคุณพัฒน์ปฏิเสธแล้วถึงได้มอบให้กับคุณ แล้วคุณก็เห็นมันล้ำค่าทานจนหมดเกลี้ยง”
“ปัง!”
ตบเข้าที่โต๊ะแรง ๆ อย่างจัง
การกระทำที่รุนแรงไปหน่อย ไม่ว่าจะเป็นมัณฑนากรหรือบอดี้การ์ดที่อยู่หน้าประตูต่างหันหน้ามามอง
นฤเบศวร์ไม่สนใจ
สีหน้าเขาเย็นชา จ้องมองกนกอรอย่างเย็นยะเยือก
หากว่าเป็นเมื่อก่อน ท่าทางของเขาตอนนี้จะทำให้กนกอรตกใจกลัว แต่ว่าตอนนี้กนกอรไม่กลัวเขาแล้ว
เขายังคงมีบรรทัดฐานในสิ่งที่เขาทำ
ไม่มีทางที่จะตบผู้หญิงได้
“ถูกฉันจี้จุดแทงใจดำเหรอ ถึงโกรธขนาดนี้”
“กนกอร คุณอย่าดึงเปรมามาพูดบ่อย ๆ ผมไม่ได้โกรธเพราะอายหรอกนะ คุณต่างหาก มักเอาเปรมามาแดกดันผม หรือว่าหึงเปรมา”
นฤเบศวร์ลุกยืนขึ้น รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลาของเขาโน้มมาด้านหน้า เขาจับเข้าที่คางของกนกอร และเชยขึ้น กล่าวเตือนกนกอรด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:“จำไว้ อย่าตกหลุมรักผมก็แล้วกัน ผมไม่มีทางรักคุณได้หรอกนะ คุณแสดงบทบาทของคุณดี ๆ เถอะ วันหน้าไม่ลืมผลประโยชน์ของคุณแน่นอน หากคิดอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของคุณ ระวังว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย”
กนกอรยกมือปัดมือเขาออก
“ดูเหมือนคุณเบศวร์จะชอบหลงตัวเองจังเลย วางใจเถอะ คำพูดที่คุณเคยบอกกับฉัน ฉันจำใส่ใจไว้อย่างดี ไม่มีทางผิดคำพูดอย่างแน่นอน ฉันดึงเปรมามาพูดเพราะประชดคุณ คุณฟังไม่ออกเหรอ”
นฤเบศวร์ยืนตัวตรง แล้วกล่าวอย่างเย็นชา:“ต่อไป ต่อหน้าผมห้ามพูดถึงเปรมาอีก คุณไม่คู่ควร!”
กนกอรหัวเราะเบา ๆ “พูดอย่างกับว่าฉันอยากจะพูดถึงเธอมากอย่างนั้นแหละ ฉันไม่คู่ควรเอ่ยถึงเธอ ฉันยังรู้สึกว่าการเอ่ยถึงเธอทำให้ปากของฉันสกปรกแน่ะ”
ต่อไป หากว่าเธอเอ่ยถึงเปรมาต่อหน้าเขาอีก เธอก็จะไม่ใช้นามสกุลเดียวกับคุณพ่ออีก เธอจะนามสกุลเดียวกับเธอ
“คุณ!”
นฤเบศวร์อยากจะสั่งสอนเธอสักหน่อย แต่อย่างไรก็ยื่นมือออกมาไม่ได้ จึงได้แต่ดึงเก้าอี้ออกแล้วสาวก้าวยาวจากไป
“คุณเบศวร์ เดินทางสู่สุคตินะ”
นฤเบศวร์หยุดชะงักลง แล้วหันหลังมาพร้อมเดินกลับมาดึงตัวกนกอรขึ้น มือใหญ่ของเขาจับเข้าที่ลำคอของเธอ บีบแล้วดันเธอไปด้านหลัง ทำให้กนกอรติดกับขอบกำแพง แผ่นหลังของเธอแนบชิดกับผนังกำแพงแล้ว เขาถึงได้หยุด
“สู่สุคติเหรอ คุณอยากให้ผมตายเหรอ ผมตายแล้ว คุณก็จะ——”
นฤเบศวร์โน้มตัวลงมาข้างใบหูของเธอ กัดฟันแล้วกล่าวอย่างเย็นชา:“คุณก็จะเป็นแม่ม่ายนะ”
กล่าวจบ เขาก็ปล่อยมือที่จับลำคอของกนกอรออก จากนั้นยังตบเข้าที่หน้ากนกอรเบา ๆ
“เสือไม่แสดงพลัง เห็นผมเป็นแมวป่วยหรือไง กนกอร อย่ากวนประสาทผมให้มาก ผมกลัวว่าครั้งหน้าผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วบีบคอคุณจนตาย”
หลังตบหน้ากนกอรเบา ๆ แล้ว นฤเบศวร์ก็ดึงมือกลับ และจะจากไป กำลังจะสาวเท้าขึ้น ก็ดึงเท้ากลับ แล้วยื่นมือไปล้วงกระเป๋ากางเกงของกนกอร
“แบตบอส คุณจะทำอะไร!”
กนกอรกลัวการจั๊กจี้ที่สุด
นฤเบศวร์ล้วงกระเป๋ากางเกงของเธอแบบนี้ จึงสัมผัสโดนต้นขาของเธอ เธอรู้สึกจั๊กจี้ ปฏิกิริยาจึงรุนแรงเป็นพิเศษ
นฤเบศวร์ผงะไปครู่หนึ่ง
เขาไม่ได้จะทำอะไรนี่ ก็แค่อยากจะล้วงเงินเมื่อสักครู่ที่ให้เธอนั้นคืนก็เท่านั้น
ปฏิกิริยาของเธอทำไมถึงรุนแรงอย่างนี้ ทำเหมือนกับว่าเขากำลังลวนลามเธอ ล่วงเกินเธออย่างนั้น
เมื่อสักครู่ตอนที่บีบคอของเธอนั้น เธอไม่ได้มีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้นี่
“เงินของผม ผมขอคืน”
นฤเบศวร์กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “ขนมหวานของคุณผมไม่ซื้อแล้ว คุณคืนเงินของผมมาเลย”
กนกอร:“……บอกดี ๆ ก็ได้ ทำไมต้องลงไม้ลงมือด้วย”
เธอหยิบเงินใบหนึ่งร้อยตบเข้าที่หน้าอกของเขา
