บทที่ 118 พรสวรรค์!
บทที่ 118 พรสวรรค์!
“ข้อที่สองคือ ผมหวังว่าทางมหาวิทยาลัยจะเตรียมซุปถั่วเขียวให้นักศึกษา แม้ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่วันนี้อากาศมันร้อนมาก ผมเกรงว่านักศึกษาอาจเป็นโรคลมแดด ถ้าต้องรอคิวนานอย่างนี้” ฟางชิวกล่าว
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินอินเซิงก็พยักหน้าและตกลงทันที “ตกลง เรื่องนี้เป็นความประมาทเลินเล่อของฉันจริง ๆ ฉันจะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย แล้วข้อสุดท้ายคืออะไรล่ะ?” เขาเริ่มสงสัย คณบดีมหาวิทยาลัยท่านอื่น ๆ ก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน
“ข้อสุดท้ายเกี่ยวกับน้องใหม่ครับ” เมื่อมองไปที่ฝูงชนที่กำลังกระตือรือร้น ฟางชิวจึงกล่าวต่อว่า “ไม่ว่าพวกน้องใหม่จะได้ฝึกงานหรือไม่ก็ตาม พวกเขาก็ควรที่จะมีพื้นฐานดี ๆ”
“พวกเขาเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย พื้นฐานยังไม่แน่นพอ พวกเขาอาจจะหยิ่งทะนงและทะเยอทะยานที่ได้ฝึกงาน แต่สุดท้ายก็จะหลุดจากหลักสูตร”
“เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ ผมขอแนะนำให้นักศึกษาทุกคนที่ได้รับการฝึกงานจากอาจารย์ต้องเรียนจบแต่ละหลักสูตรด้วยคะแนนอย่างน้อยแปดสิบห้าคะแนนขึ้นไป แต่ก็ต้องคอยดูว่าในอนาคตพวกเขาจะมีพฤติกรรมอย่างไร!”
“เรื่องนี้เว้นให้นักศึกษาที่ไม่มีอาจารย์คอยดูแล ส่วนนักศึกษาที่ล้มเหลวในการสอบให้ได้แปดสิบห้าคะแนนนั้น…”
“ผมแนะนำว่าให้ไล่พวกเขาออกจากโครงการฝึกงาน!”
เมื่อได้ยินคำแนะนำของฟางชิวแล้ว ดวงตาของคณบดีจากมหาวิทยาลัยทั้งเจ็ดแห่งต่างก็เปล่งประกายขึ้นมา
นี่เป็นความคิดที่ดี!
หากโครงการนี้สามารถดำเนินการตามคำแนะนำของนักศึกษาคนนี้ได้ จะไม่เพียงแต่ป้องกันไม่ให้นักศึกษาทะเยอทะยานเกินไป แต่ยังกระตุ้นให้นักศึกษาตั้งใจเรียนให้มากขึ้นได้อีกด้วย!
นี่จะเป็นผลดีต่อสำหรับมหาวิทยาลัยและสำหรับนักศึกษา อีกทั้งยังอาจช่วยลดแรงกดดันของอาจารย์เพื่อให้พวกเขาสามารถเลือกนักศึกษาที่สามารถสั่งสอนเพิ่มได้
ในตอนแรก คณบดีจากมหาวิทยาลัยทั้งแปดแห่งไม่เชื่อว่าน้องใหม่จะสามารถเสนอความคิดโครงการฝึกงานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ออกมาได้ แต่เวลานี้พวกเขาก็ได้เชื่อจนหมดใจแล้ว
“ดี” เช่นเดียวกับบรรดาคณบดีจากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ดวงตาของเฉินอินเซิงก็เป็นประกายเหมือนกัน เขาพยักหน้าเห็นด้วยทันที
อย่างไรก็ตามก็ควรที่จะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน เฉินอินเซิงจึงกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ยอดเยี่ยมของเธอนะฟางชิว คำแนะนำข้อสุดท้ายของเธอ ฉันต้องไปปรึกษากับพวกผู้บริหารอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนข้ออื่น ๆ ฉันจะจัดการในตอนนี้เลย”
แม้ว่าจะพูดไปอย่างนั้น แต่เขารู้ว่าแผนการนี้มันใช้ได้!
เฉินอินเซิงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองฟางชิวอยู่นาน
นักศึกษาคนนี้เก่งจริง ๆ!
เสนอเรื่องฝึกงานไม่พอ ยังเสนอเรื่องอื่นอีก ช่างมีสายตากว้างไกลและรอบคอบมาก
เป็นวีรบุรุษในหมู่เยาวชนจริง ๆ!
เฉินอินเซิงเคยคิดว่าไอเดียการฝึกงานเป็นผลมาจากความฉลาดของฟางชิวโดยบังเอิญเท่านั้น แต่ในตอนนี้ เขาตระหนักได้ว่าไอเดียการฝึกงานนี้น่าจะถูกร่างขึ้นหลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ไม่อย่างนั้น ฟางชิวจะไม่สามารถให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมได้
“ครับ” ฟางชิวพยักหน้าตอบ “แล้วพบกันใหม่ครับท่านรองอธิการบดีเฉิน”
“ไปเถอะ” เฉินอินเซิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มสดใส ฟางชิวจึงหันหลังกลับและจากไป
คล้อยหลังฟางชิวไปแล้ว คณบดีจากมหาวิทยาลัยทั้งแปดแห่งก็ลุกขึ้นมาพร้อมกัน
“รองอธิการบดีเฉิน มหาวิทยาลัยของคุณมีนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ” หนึ่งในเหล่าคณบดีเอ่ยยกย่องขึ้นมาอย่างจริงใจ ส่วนคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
ได้รับคำชมเชยแล้วเฉินอินเซิงก็ได้แต่ยิ้ม จากนั้นเขาก็พูดด้วยความเขินอายว่า “ขออภัย แต่ผมต้องขอตัวสักครู่”
เฉินอินเซิงขอปลีกตัวออกมา เพื่อรีบไปหารือกับฝ่ายบริหาร หลังเฉินอินเซิงจากไปแล้ว คณบดีจากมหาวิทยาลัยทั้งแปดก็หันกลับมามองที่สนามกีฬาที่แออัดไปด้วยผู้คนจำนวนมากอีกครั้ง
“โครงการฝึกงานนี้ ดูเหมือนว่าจะไปได้สวยจริง ๆ” คณบดีจากมหาวิทยาลัยการแพทย์จิงเป่ยตั้งข้อสังเกตด้วยความชื่นชม
“ถึงแต่ละมหาวิทยาลัยจะตัดสินใจทำโครงการฝึกงานตามที่นี่ แต่ก็ต้องพิจารณาจากผลกระทบจากที่นี่ด้วย จะได้เอาไปปรับปรุงได้” คณบดีจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ฮุ่ยโจวกล่าวก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อทันที “ผมอยากรู้เกี่ยวกับนักศึกษาที่ชื่อฟางชิวคนนั้นมากกว่า”
“คุณอิจฉาใช่ไหมล่ะ” คณบดีจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจงโจวแหย่ขึ้นมา
แล้วใครบ้างล่ะที่ไม่อิจฉา?
สามารถให้คำแนะนำที่สร้างสรรค์และแก้ไขข้อผิดพลาดได้ ฟางชิวคนนี้เป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก!
ไม่ใช่ว่าทางมหาวิทยาลัยควรจะให้พรสวรรค์กับนักศึกษาหรอกหรือ แต่มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงกลับค้นพบพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมโดยที่ไม่ต้องปลูกฝังด้วยซ้ำ
ทำไมพวกเขาถึงไม่มีนักศึกษาแบบนี้ในมหาวิทยาลัยของตัวเองบ้าง? อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เจอคนที่มีพรสวรรค์เลย
“ก็แค่รู้สึกสนใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ… พวกคุณรู้ไหมว่านักศึกษาฟางชิวคนนี้อยู่ในรายชื่อของการแข่งขันความรู้ที่กำลังจะจัดขึ้นหรือเปล่า?” คณบดีจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ฮุ่ยโจวเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว คณบดีอีกเจ็ดคนก็สับสนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจากนั้นพวกเขาก็ส่ายหัวพร้อมกัน
พวกเขาล้วนเป็นคณบดีของมหาวิทยาลัย ย่อมไม่มีเวลาอ่านอย่างละเอียดว่าใครอยู่ในรายชื่อบ้าง
เมื่อพวกเขาคิดเกี่ยวกับการแข่งขันความรู้ในตอนนี้แล้ว ถ้าฟางชิวสามารถเข้าร่วมการแข่งขันความรู้ได้ก็แสดงว่า ในปีนี้มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงมีตัวเต็งแล้ว!
“นี่คุณกำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เหรอ?” คณบดีจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจงโจวกล่าวพร้อมกับส่ายหัวอย่างช้า ๆ “ถึงนักศึกษาคนนี้จะเสนอไอเดียที่สร้างสรรค์ออกมาได้ แต่ไม่ได้หมายความทักษะการแพทย์แผนจีนของเขาจะเก่งกาจเสียหน่อย”
“ระวังเอาไว้ก่อน ดีกว่าเสียใจทีหลัง” คณบดีจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ฮุ่ยโจวกล่าวหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “มานึก ๆ แล้ว ถ้าฟางชิวไม่มีความรู้และทักษะเพียงพอ เขาจะกล้าเสนอความคิดกับคณบดีของมหาวิทยาลัยได้ยังไง? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาเป็นแค่น้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยเลย ปกติแล้วคำแนะนำของนักศึกษาธรรมดา ๆ จะทำให้ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงมาอภิปรายและกล่าวถึงอย่างนี้เหรอ? ฉันคิดว่านักศึกษาคนนี้ต้องไม่ธรรมดา”
ฟังจบ ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
แม้จะไม่รู้ว่าฟางชิวอยู่ในรายชื่อสำหรับการแข่งขันหรือไม่ แต่พวกเขาก็เริ่มให้ความสนใจชายหนุ่มขึ้นมาแล้ว
สิบห้านาทีต่อมา เฉินอินเซิงก็กลับมาที่เวทีในสนามกีฬา เขาทักทายคณบดีจากมหาวิทยาลัยทั้งแปดแห่งด้วยการพยักหน้า จากนั้นเขาก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมา
“นักศึกษาทุกคน กรุณาหยุดสักครู่” เมื่อเห็นความวุ่นวายข้างล่าง เฉินอินเซิงก็ตะโกนออกไปอย่างเสียงดัง
ทันใดนั้น เสียงของความวุ่นวายก็เงียบลงทันที ทั่วทั้งสนามกีฬาเหลือแต่ความเงียบ
เพราะนักศึกษาทุกคนจำเสียงของรองอธิการบดีเฉินได้ พวกเขาจึงหันไปที่เวทีทันที
“ฉันเข้าใจว่าพวกเธอทุกคนกระตือรือร้นที่อยากจะฝึกงานมาก” เฉินอินเซิงกล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม การพบปะและทักทายครั้งนี้เป็นการสัมภาษณ์ ไม่ใช่ช่วงเวลาของการตอบคำถาม นักศึกษาทุกคนต้องแสดงความเคารพต่ออาจารย์ อย่าเบียดเสียดกัน กรุณาจัดแถวที่หน้าอาจารย์ผู้สอนแต่ละคน แล้วค่อยผลัดกันเข้าไปสัมภาษณ์กับอาจารย์ทีละคน”
“และเวลาสัมภาษณ์ของนักศึกษาแต่ละคนกับอาจารย์หนึ่งท่านมีแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น!”
“หา?” นักศึกษาทุกคนตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
แค่หนึ่งนาที?
หนึ่งนาทีจะทำอะไรได้บ้าง? พวกเขาแทบจะไม่สามารถแนะนำตนเองได้ครบถ้วนด้วยซ้ำ
คนที่อยู่ข้างหน้ารู้สึกเศร้า แต่คนข้างหลังรู้สึกมีความสุขมาก
ถ้ากำหนดเวลาให้นานขึ้น แล้วเมื่อไรจะถึงคิวของพวกเขาล่ะ?
มีนักศึกษามากกว่าสามหมื่นคน แต่มีอาจารย์แค่ห้าสิบคนเท่านั้น
เมื่อนักศึกษาแต่ละคนมีเวลาแค่หนึ่งนาที ก็เท่ากับว่าอาจารย์ทุกคนจะต้องใช้เวลาทำความรู้จักกับนักศึกษาเป็นเวลาหกร้อยนาทีโดยเฉลี่ย
ก็หมายความว่าต้องใช้เวลาสิบชั่วโมง!
จะมีอาจารย์คนไหนสามารถยืนได้นานถึงสิบชั่วโมงบ้าง?
เมื่อเหล่านักศึกษาได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็คิดว่าหนึ่งนาทีมันช่างยาวนานจริง ๆ
นักศึกษาทุกคนรีบทำตามคำสั่งทันที ภายในเวลาอันสั้นจึงมีการสร้างแถวยาวหน้าโต๊ะของอาจารย์แต่ละท่าน
“ดี!” เมื่อเห็นว่าเหล่านักศึกษาเข้าคิวต่อแถวแล้ว เฉินอินเซิงก็พยักหน้าด้วยความพอใจ “นักศึกษาแพทย์แผนจีนเจียงจิงของพวกเรามีพรสวรรค์สูงจริง ๆ! แล้วในสนามกีฬาก็มีซุปถั่วเขียวกับยาน้ำฮั่วเซียงเจิ้งชี่ถูกจัดเตรียมเอาไว้แปดจุด หากใครรู้สึกไม่สบายก็ไปพักก่อน ระวังโรคลมแดดกันด้วย”
“สุดท้ายนี้ ฉันขอประกาศเรื่องหนึ่ง” เฉินอินเซิงพูดกับนักศึกษาทุกคนที่สนามกีฬาผ่านไมโครโฟนว่า “หลังจากที่คณะผู้บริหารได้พิจารณากันอย่างรอบคอบแล้ว พวกเราก็ได้ตัดสินใจที่จะเพิ่มกฎที่เข้มงวดขึ้นมาก่อนที่จะเริ่มโครงการฝึกงานอย่างเป็นทางการ”
ทุกคนในตอนนี้ต่างรู้สึกมึนงง
กฎที่เข้มงวด?
พูดง่าย ๆ ก็คือว่า มันเป็นกฎที่ทุกคนจะต้องทำตามและไม่สามารถละเมิดได้ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
อาจารย์ทั้งห้าสิบท่านก็รู้สึกมึนงงเช่นกัน พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“กฎนี้ใช้กับนักศึกษาทุกคนในมหาวิทยาลัย!” เฉินอินเซิงกล่าวต่อ “โครงการฝึกงานนี้เปิดให้นักศึกษาทุกคนสมัครได้ ทั้งที่พวกเธอยังไม่เข้าใจทฤษฎีต่าง ๆ อย่างถ่องแท้ คณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยจึงได้ตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้วว่า นักศึกษาที่ตั้งใจจะเป็นเด็กฝึกงานทุกคน จะต้องได้คะแนนอย่างน้อยแปดสิบห้าคะแนนขึ้นไปในทุกหลักสูตร”
“ถ้าไม่ได้แปดสิบห้าคะแนนขึ้นไปของการสอบปลายภาคในครั้งถัดไป ก็จะถูกไล่ออกจากโครงการฝึกงานทันที”
ได้ยินอย่างนั้น อาจารย์ในสนามกีฬาต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียง
นี่ดีสำหรับพวกเขาและสำหรับนักศึกษาทุกคนด้วย ถ้าไม่มีพื้นฐานที่แน่นพอ เหล่านักศึกษาก็จะตั้งเป้าหมายในการเรียนไว้สูงเกินไป
ทว่าเหล่านักศึกษาไม่ได้คิดแบบนั้น
“แปดสิบห้าคะแนน ล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย! ใครมันเป็นคนต้นคิดวะ? นี่มันไร้มนุษยธรรมมาก ๆ”
“คะแนนมันพอ ๆ กับเงื่อนไขของทุนการศึกษาเลยอะ!”
“โอ้พระเจ้า นี่กะจะฆ่าฉันให้ตายเลยใช่ไหม!”
“จบแล้ว ฉันสอบตกไปวิชาหนึ่ง ฉันกำลังคิดว่าจะหาอาจารย์ดี ๆ มาช่วยสอนสักหน่อย แต่พอกฎนี้ออกมา ฉันจะหาอาจารย์ได้ยังไงล่ะทีนี้”
“ข้อกำหนดสูงมากอะ ฉันควรเลิกดีไหม”
“ใช่ นี่มันเข้มงวดเกินไปแล้ว!”
เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นไปทั่วสนามกีฬาทันที
เมื่อได้ยินความคิดเห็นของนักศึกษาคนอื่น ๆ ฟางชิวก็รีบหลบไปทันที เพราะกลัวจะมีคนรู้ว่ามันเป็นคำแนะนำของเขาเอง
แต่ก็มีนักศึกษาบางคนที่คิดต่างออกไป
“การเป็นเด็กฝึกงานนับว่าเป็นโอกาสที่ดี ถึงฉันจะสอบตกบ้าง แต่ฉันก็ยังมีเวลาเตรียมตัวสอบครั้งต่อไป แค่ให้คะแนนมันออกมาดี ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วนี่นา”
“นั่นสิ ถ้ายอมแพ้ตอนนี้ ฉันก็จะไม่มีความรู้พื้นฐานดี ๆ จะปรับปรุงผลการเรียนก็คงไม่ได้ ทีนี้จะกล้าไปฝึกงานกับอาจารย์ได้ยังไง”
“รองอธิการบดีแค่อยากให้พวกเราเรียนให้หนักขึ้น”
“แค่แปดสิบห้าคะแนนไม่ใช่เหรอ แค่คราวหน้าสอบให้ผ่านก็ได้แล้ว”
“ใช่ ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย แค่แปดสิบห้าคะแนนเอง”
พวกที่ท้อแท้กับการสอบทำได้แค่กัดฟันและตัดสินใจว่าจะสอบให้ได้แปดสิบห้าคะแนนในการสอบครั้งต่อไป
ไม่ตายหรอก แค่สอบให้ได้แปดสิบห้าคะแนน!
พวกเขาตั้งปณิธานว่าจะไม่เล่นเกมอีกต่อไป! จะไปเดินเล่นกับแฟนให้น้อยลงด้วย!
การจะเป็นเด็กฝึกงานในมหาวิทยาลัยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นี่เป็นโอกาสเดียวในชีวิตที่ทุกคนไม่ควรพลาด!
เมื่อเหล่านักศึกษาคิดได้แล้ว พวกเขาก็หยุดบ่นและกลับมาสัมภาษณ์กันอย่างเป็นระเบียบ
ในเวลาเดียวกัน เฉินอินเซิงก็คัดเลือกนักศึกษาที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาเป็นผู้ช่วยอาจารย์ทั้งห้าสิบคน
นักศึกษาบางคนจะมีหน้าที่เขียนชื่อของนักศึกษาทุกคนกับข้อมูลติดต่อ เพื่อที่ให้อาจารย์สามารถสอบถามหรือพูดคุยกับนักศึกษาได้ในระหว่างการสัมภาษณ์ เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้เหล่าอาจารย์รู้ว่านักศึกษาคนไหนตรงตามความต้องการของพวกเขามากกว่ากัน
แล้วการสัมภาษณ์ก็ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ตอนนี้มีผู้คนมารวมตัวกันที่สนามกีฬากมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้แต่อาจารย์ท่านอื่น ๆ ก็ยังมาที่สนามกีฬาด้วยความสงสัย
