บทที่ 192 พวกคนขับรถไปที่มหาวิทยาลัย!
บทที่ 192 พวกคนขับรถไปที่มหาวิทยาลัย!
มาไม่ได้แล้ว?
ได้ยินดังนั้น ทุกคนพลันตื่นตกใจ
“วันนี้ไม่มา แล้วคุณหมอฟางชิวจะกลับมาเมื่อไหร่ สัปดาห์หน้าจะมาไหมครับ”
คนขับรีบเอ่ยถามอีกครั้ง
เขาคิดว่าคุณหมออาจจะกำลังยุ่งหรืออยู่ในช่วงพักร้อน
ครั้งนี้ไม่ได้พบ …แต่ยังมีครั้งหน้านี่นา
ในตอนนั้นเอง เสิ่นชุนที่บังเอิญเดินผ่านกลุ่มคนบริเวณนั้นหยุดเท้าทันที เมื่อหวนนึกถึงการที่ฟางชิวถูกไล่ออก ความโกรธในใจก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยคำกับฝูงชน “ไม่ต้องถามแล้วครับ สัปดาห์หน้าเขาก็ไม่มา สัปดาห์ต่อ ๆ ไปก็ไม่มาเช่นกัน เขาถูกไล่ออกแล้ว”
หลังจากได้ฟังประโยคนี้ ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงเซ็งแซ่
“อะไรนะ?”
คนขับรถหลายคนพุ่งไปข้างหน้าพร้อมเอ่ยถามอย่างร้อนใจว่า “ทำไมถึงไล่เขาออกล่ะ?”
“นั่นสิ คุณหมอฟางชิวเป็นคนดี ทั้งฝีมือยังไม่เป็นสองรองใคร พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาไล่เขาออก?”
“นั่นน่ะสิ มีสิทธิ์อะไร?”
มันควรเป็นการถามหาเหตุผล แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้วกลับกลายเป็นว่าทุกคนโกรธจริง ๆ
หมอที่ดีเช่นนั้นกลับถูกไล่ออก …โรงพยาบาลยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ไหม!
“ถ้าอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงถูกไล่ออก พวกคุณไปถามผู้อำนวยการดูเองเถอะครับ”
เสิ่นชุนเอ่ยเพียงประโยคเดียว ก่อนจะก้าวออกไปทันที
“เขาไล่คุณหมอฟางชิวออก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเสียสติไปแล้วใช่ไหม? ไม่สิ ฉันต้องถามว่าทำไมเขาถึงไล่คุณหมอฟางชิวออก”
“พวกเราไปหาเรื่องกันหน่อยดีไหม?”
“หาเรื่องอะไรกันล่ะ ข้อแรก เราไม่สู้ ข้อสอง เราไม่หลอกลวง เราแค่สู้เพื่อคุณหมอฟางชิว มีใครกันที่หมอสู้เพื่อคุณหมอบ้าง?”
“ถูกต้อง ถ้าไม่มีคุณหมอฟางชิว ใครจะรักษาโรคเหล่านี้ให้พวกเรา อย่างไรเสีย ฉันก็ไม่ไว้ใจใครในโรงพยาบาลนี้นอกจากคุณหมอฟางชิว”
ทั้งบริเวณเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง ไม่นานคนกลุ่มใหญ่ก็รีบสาวเท้าตรงไปยังห้องทำงานของผู้อำนวยการกันอย่างพร้อมเพรียง
เจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างล่างสำนักงานต่างตกตะลึงกับการแสดงพลังนี้
ต้องรีบหยุดเดี๋ยวนี้ก่อนที่เหตุจรจลจะเกิด!!
พวกเขาจึงบอกให้คนอื่น ๆ รีบไปรายงานท่านผู้อำนวยการทันที
…
ห้องทำงานของผู้อำนวยการ
เมื่อมองไปยังเจ้าหน้าที่ที่กำลังหอบพลางรีบกล่าวรายงาน ซูมู่ตงกำลังคิดที่จะกล่าวเตือนเจ้าหน้าที่คนนี้เสียหน่อย แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไรออกไป เจ้าหน้าที่พลันรีบเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาจึงรู้สึกงุนงง “เกิดอะไรขึ้น?”
ซูมู่ตงมองไปยังเจ้าหน้าที่ที่มารายงานด้วยใบหน้าฉงนพร้อมเอ่ยถาม “คนพวกนี้ พวกเขามาหาผมทำไม?”
“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันครับ” เจ้าหน้าที่เอ่ยต่อด้วยความกลัดกลุ้ม “ได้ยินพยาบาลบอกว่าดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะมาหาคุณหมอฟางชิว แต่รออยู่เกือบชั่วโมงก็ยังไม่เห็นเขามา จึงไปถามหาเขา แต่คุณหมอเสิ่นชุนที่เดินผ่านมาบอกว่าคุณหมอฟางชิวถูกคุณไล่ออก นั่นเป็นสาเหตุที่พวกเขามาหาคุณครับ…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูมู่ตงก็แค่นเสียงหัวเราะอย่างขมขื่น
เสิ่นชุนไม่พอใจเขา!
ถ้ารู้เช่นนี้ เขาคงส่งจดหมายไปบอกล่วงหน้าแล้ว แม้ว่าจะมีใครสักคนถามก็คงไม่ทำการใหญ่เช่นในตอนนี้
“เฮ้อ… เหล่าเสิ่น คุณทำให้ผมลำบากแล้ว!”
ซูมู่ตงพึมพำพร้อมกับยิ้มขมขื่น “คุณไปบอกให้คนไข้พวกนี้ใจเย็น ๆ ก่อน ถ้าทำไม่ได้ เรียกพยาบาลสองสามคนให้ไปด้วย ผมจะโทรไปสอบถามสถานการณ์ก่อน”
“ครับ”
เมื่อพนักงานออกไป ซูมู่ตงก็รีบหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานแล้วต่อสายเฉินอินเซิงทันที
มาดูกันว่าเราสามารถใช้ปัญหาที่คนไข้พวกนี้ก่อ เพื่อบีบบังคับให้เฉินอินเซิงยอมรับฟางชิวให้กลับมาทำงานที่โรงพยาบาลต่อได้หรือไม่
“[ผู้อำนวยการซู มีอะไรเหรอ?]” เฉินอินเซิงรับสาย
“รองอธิการบดีเฉิน ที่โรงพยาบาลเกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!”
ซูมู่ตงแสร้งทำเป็นตื่นตระหนก “มีผู้ป่วยไม่น้อยมาร้องเรียนที่โรงพยาบาล ให้ฟางชิวกลับมาเป็นหมอ! ตอนนี้พวกเขากำลังแห่มาที่ห้องทำงานผม เราควรทำอย่างไรดีครับ?”
“[ฮึ่ม!]”
ทันทีที่ได้ยินชื่อฟางชิว เฉินอินเซิงที่สงบในคราแรกพลันส่งเสียงคำรามอื้ออึง “[ผู้อำนวยการซู คุณจัดการเรื่องเล็ก ๆ นี้ไม่ได้รึยังไง?]”
“[ผมบอกคุณไปเมื่อวานแล้วว่าฟางชิวต้องถูกไล่ออก!]”
“[ยิ่งไปกว่านั้น โรงพยาบาลนี้มีไว้สำหรับฟางชิวเหรอ? เขาเป็นหมอคนเดียวในโรงพยาบาลหรือไงกัน? ถ้าไม่มีเขาแล้วจะทำงานกันไม่ได้รึยังไง? หมอคนอื่นกำลังทำอะไรอยู่?]”
“[แล้วคุณที่เป็นอำนวยการ ไหนจะพวกผู้บริหารโรงพยาบาลล่ะ จัดการกันไม่ได้เลยรึ?]” เฉินอิงเซิงเอ่ยเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“รองอธิการบดีเฉิน นี่เป็นคำขอของคนไข้ ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาล ผมเกรงว่ามันจะเสื่อมเสียไปถึงชื่อเสียงของโรงพยาบาลหากเราเมินเฉย” ซูมู่ตงขมวดคิ้วพลางเอ่ยตอบ
“[นั่นมันเรื่องของคุณ!]” เฉินอินเซิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แยแส ”[คุณให้ฟางชิวไปทำงานที่โรงพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต นั่นเป็นสิ่งที่ผิดกฎ การที่ฟางชิวถูกไล่ออกก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ดีแค่ไหนที่ผมไม่จัดการกับคุณด้วย! ตอนนี้เขาไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไปโรงพยาบาลเพราะทำผิดกฎ เรื่องการดูแลสถานการณ์ในโรงพยาบาล คุณที่เป็นผู้อำนวยการต้องจัดการเอาเอง!]”
หลังจากกล่าวจบก็วางสายทันที
เมื่อได้ยินเสียงขาดการเชื่อมต่อไป ซูมู่ตงจำต้องหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสะกดอารมณ์
เป็นแบบนี้ก็ปล่อยไปไม่ได้แล้ว…
ฟางชิวนะฟางชิว นายไปทำให้เฉินอินเซิงขุ่นเคืองได้อย่างไร!
หลังจากนิ่งคิด เขาก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก่อนจะต่อสายหาเจ้าหน้าที่ทันที
“คุณไปบอกคนไข้พวกนั้นว่าฟางชิวจะไม่กลับมาทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว ถ้าต้องการพบแพทย์ก็ให้ไปหาหมอคนอื่นแทน”
เจ้าหน้าที่รีบถ่ายทอดทุกถ้อยคำของซูมู่ตงให้กับคนขับรถที่มาพบฟางชิวโดยเฉพาะ
เมื่อคนขับรถได้ยิน พวกเขาก็รู้สึกโกรธเคือง
“นี่มันโรงพยาบาลบ้าบออะไรเนี่ย!!”
“หมอเก่ง ๆ อย่างหมอฟางชิวยังอยู่ไม่ได้งั้นเหรอ”
“โรงพยาบาลอื่นไม่แม้แต่จะคว้ามาได้ แต่คุณกลับไล่คุณหมอฟางชิวออกด้วยความคิดงั่ง ๆ ผู้บริหารโรงพยาบาลตาบอดจริง ๆ!”
“ถ้าไม่มีหมอฟางชิว ฉันคงไม่มาหาหมอที่นี่อีก!”
“ใช่ ฉันก็ไม่เอาด้วยหรอกนะ!”
ทุกคนตะโกนด้วยความโกรธ
เจ้าหน้าที่ทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นกับคำพูดที่แต่ละคนพ่นออกมา
“ไปกันเถอะ ไม่ต้องหาหมอแล้ว ฉันได้ยินมาว่าคุณหมอฟางชิวยังเป็นนักศึกษาอยู่ การที่เขาสามารถรักษาเราที่โรงพยาบาลแห่งนี้ได้ ย่อมต้องเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีน ไปหาเขาที่มหาวิทยาลัยกันเถอะ”
ชายคนหนึ่งเอ่ยออกมาเสียงดัง
ได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ส่งเสียงเห็นด้วยทันที
“ใช่! ไป! ไปหาหมอฟางชิวกันดีกว่า!”
เพียงชั่วพริบตา ทุกคนก็ออกมาจากโรงพยาบาล ต่างคนต่างขับแท็กซี่ของตัวเองไปยังมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก
คนขับรถมาถึงหน้ามหาวิทยาลัย
แท็กซี่คันแล้วคันเล่าจอดเต็มพื้นที่ด้านหน้าประตูหลักมหาวิทยาลัย
อานุภาพยิ่งใหญ่! คนขับรถรวมตัวกันเป็นกลุ่ม
เมื่อมองจากไกล ๆ แล้ว คนกลุ่มใหญ่กำลังดาหน้าเข้ามา!!
ยามที่คอยดูแลหน้าประตูมหาวิทยาลัยพลันตกตะลึงเมื่อเห็นภาพดังกล่าว และคิดว่าคนพวกนี้คงจะมาหาเรื่องกันแน่ จึงรีบแจ้งสำนักงานรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยทันที
เมื่อได้ยินสถานการณ์เช่นนี้ ชายจากสำนักงานรักษาความปลอดภัยไร้ซึ่งความลังเล ไม่นานนักยามเจ็ดหรือแปดคนก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองไปยังคนขับแท็กซี่ที่เพิ่งเดินไปที่ประตู พลันให้ความรู้สึกว่าพวกเขากำลังยกพวกตีกัน ความรู้สึกเป็นศัตรูปรากฏขึ้นพร้อมเหงื่อที่แตกพลั่ก
“พวกคุณจะทำอะไร ที่นี่คือมหาวิทยาลัยนะ!”
หัวหน้ายามก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญเพื่อสอบถาม
“เรามาที่นี่เพื่อพบหมอฟางชิว!”
“วางใจได้ เราไม่ได้มาก่อเรื่อง”
“เรามาที่นี่เพื่อหาคุณหมอฟางชิว …แค่มาหาหมอเท่านั้น”
เหล่าผู้รักษาความปลอดภัยต่างตกตะลึง เพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นว่าคนเหล่านี้มาหาหมอแทนที่จะไปโรงพยาบาล แต่กลับมาที่มหาวิทยาลัยแทน นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“อยากหาหมอก็ไปโรงพยาบาลสิ” หัวหน้ายามเอ่ยอย่างหมดคำจะพูด
“ฉันไปหามาแล้วน่ะสิ” คนขับแท็กซี่คนหนึ่งเป็นแกนนำกล่าว “วันนี้คุณหมอฟางชิวไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล เขาอยู่ที่มหาวิทยาลัย”
“งั้นก็มาหาอาจารย์สินะ!” หัวหน้ายามเข้าใจทันที ด้วยมีอาจารย์หลายคนในมหาวิทยาลัยเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลด้วย
“วันนี้เป็นวันอาทิตย์ เป็นวันหยุดของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ดังนั้นค่อยกลับมาใหม่วันอื่นเถอะ!”
“เราไม่ได้มาหาอาจารย์ เรามาหานักศึกษา”
แกนนำคนขับรถแท็กซี่เอ่ยตอบทันที
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยามทั้งหมดพลันตกตะลึงอีกครั้ง
อะไรนะ? มีอาจารย์จำนวนไม่น้อย แต่กลับมาหาหมอที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่เนี่ยนะ?
ทั้งยังแห่กันมาเป็นโขยงเนี่ยนะ?
พวกคุณป่วยจริง ๆ นั่นแหละ!
“คุณได้ยินไม่ผิดหรอก” แกนนำคนขับแท็กซี่กล่าว “หมอฟางชิวเป็นนักศึกษา”
คนขับรถคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้ารับ
ยามเบิกตากว้าง เพราะไม่รู้ว่าควรเอ่ยอะไรดี
ตอนนั้นเองมีเสียงดังขึ้นมา “ทำไมมีแท็กซี่เยอะขนาดนี้”
ห่างจากมหาวิทยาลัยประมาณสามสิบเมตร ฟางชิวที่เพิ่งไปที่ฝ่ายการเงินของโรงพยาบาลเพื่อคืนเงินเดือนล่วงหน้าหนึ่งพันหยวนก้าวลงจากรถแท็กซี่
มันเป็นหลักการของเขาที่จะต้องคืนเงินจำนวนนี้เพราะยังทำงานไม่ครบเดือน
ชายหนุ่มมองไปที่รถแท็กซี่มากมายและผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองคนกลุ่มใหญ่ที่ยืนออกันอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ดูเหมือนพวกเขาจะโต้เถียงกับยามเกี่ยวกับบางสิ่ง
เมื่อมองดี ๆ พลันเผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยสองสามคนข้างในฝูงชน
เขาจึงรีบเดินไป “พวกคุณคือ…”
ขณะที่คนขับกำลังโต้เถียงกับยาม ฟางชิวมองไปยังคนขับรถแท็กซี่พร้อมเอ่ยถาม
“เอ๊ะ?”
แกนนำคนขับรถแท็กซี่ที่กำลังจะโต้เถียงกับยามชำเลืองมองฟางชิว ก่อนร่างกายจะสั่นเทิ้มด้วยความตกใจ “คุณหมอฟางชิวอยู่ที่นี่!”
ทุกคนรีบมองตาม …ผู้มาเยือนคือฟางชิวจริง ๆ ทำให้ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้อง
ในทันใดนั้น
แกนนำคนขับแท็กซี่รีบอธิบายให้ฟางชิวฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
ชายหนุ่มพลันตกใจเมื่อได้ยินเรื่องราว
หากมาแค่เขาแค่นี้ พวกเขาจะมาขวางประตูแบบนี้ไม่ได้นะ
ฟางชิวยิ้มเจื่อน ก่อนจะดึงบัตรประจำตัวนักศึกษาออกมาให้ยามดู “ผมเป็นนักศึกษาปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยนี้ เคยทำงานเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลในเครือมาก่อนครับ วันนี้พวกเขามาพบผมกัน คุณลองดูว่าผมพอจะพาพวกเขาเข้าไปได้ไหม ผมสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาใด ๆ และพวกเขาจะออกไปหลังจากเสร็จเรื่องราว”
อีกด้าน ดวงตาของยามเบิกกว้างขณะที่มองสำรวจฟางชิวตั้งแต่หัวจรดอย่างระมัดระวัง
นี่คือหมอฟางชิว?
ทั้งยังเป็นนักศึกษาอยู่จริง ๆ!
ตอนแรกยามคิดจะปฏิเสธ
แต่เมื่อนึกถึงข้อเท็จจริงที่ว่านี่คือมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีน ตอนนี้มีคนมารอพบหมออยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังมีท่าทีที่บ่งบอกว่าพวกเขาจะสร้างปัญหาหากไม่ให้เข้าไป
ยามจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตกลง
มหาวิทยาลัยไม่ได้บอกว่าห้ามรถแท็กซี่เข้าไปเช่นกัน
จะทำอย่างไรถ้าไม่อนุญาต แล้วพวกเขาขับรถฝ่าเข้าไป
ตอนนี้เพียงให้คนเข้าไป รถไม่ต้องเข้าไปก็ย่อมดีกว่า
ดังนั้นฟางชิวจึงพาทุกคนไปที่สนามกีฬาและเตรียมพร้อมที่จะทำการรักษา
แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลอีกต่อไป แต่คนเหล่านี้ยังคงมาหาเขา ทั้งยังมาหาที่มหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง ฟางชิวจะไม่ยอมรักษาพวกเขาได้อย่างไร?
หลังจากฟางชิวนำคนกลุ่มนั้นเข้าไปในมหาวิทยาลัย ยิ่งพวกยามคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นเท่านั้นจึงรีบรายงายเรื่องนี้ทันที
ในไม่ช้าก็ไปถึงหูของเฉินอินเซิง…
“ดีนี่ เจ้าเด็กนั่น ไม่ทำตามคำสั่งฉันสินะ กล้าดีนัก ทั้งยังพาไปที่สนามกีฬาอีก!”
หลังจากได้รับข่าว เฉินอินเซิงก็โกรธจนควันออกหูรีบยกสายโทรหาเจ้าหน้าที่ให้เรียกยามไปจัดการคนพวกนั้นโดยไม่รอช้า!
