บทที่ 30 ผู้ช่วยแพทย์?!
บทที่ 30 ผู้ช่วยแพทย์?!
“ผมคิดว่าไม่ค่อยเหมาะสมนะครับ”
ฟางชิวไม่ได้คาดหวังว่าเสิ่นชุนจะขอเช่นนั้นในทันใด เขาจึงมองไปที่คนไข้แล้วพูดว่า “คนไข้มาหาคุณ ผมรักษาให้คงไม่เหมาะ”
“ใช่ ผมมาที่นี่เพราะหมอเสิ่น”
คนไข้เอ่ยอย่างรวดเร็ว
จู่ ๆ หมอเสิ่นขอให้ใครไม่รู้มารักษาตน เกือบจะทำให้เขากลัวตายแล้วไหมล่ะ
พอได้ยินคำปฏิเสธของฟางชิว เขาก็เห็นด้วยทันที
“ฮ่า ๆ ก็ดีนะ งั้นฉันรักษาเขาก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกันทีหลัง!”
เมื่อเห็นว่าฟางชิวปฏิเสธ เสิ่นชุนก็ไม่เอ่ยคำใดต่อ จากนั้นเขาก็เริ่มรักษาข้อเท้าของคนไข้ทันที
ฟางชิวเฝ้าดูการรักษาของเสิ่นชุนอย่างเงียบ ๆ
แพทย์หนุ่มที่อยู่ไม่ไกลกันชำเลืองมองฟางชิวด้วยสายตาฉงน ก่อนจะครุ่นคิดว่าชายคนนี้เป็นใคร
ฟางชิวปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญเพียงคนเดียวในแผนกกระดูกและข้ออย่างเสิ่นชุนเชิญเขาด้วยตนเองได้อย่างไร
หลังจากรักษาข้อเท้าแพลงอยู่สองสามรอบ เสิ่นชุนก็บอกให้คนไข้พักผ่อนให้ดี รวมไปถึงอธิบายว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำทุกประเภท จากนั้นเขาก็ขอให้แพทย์หนุ่มไปส่งคนไข้
เมื่อแพทย์หนุ่มส่งคนไข้เสร็จสิ้นและกลับมาแล้ว เขาก็เห็นว่าเสิ่นชุนกำลังคุยกับฟางชิวอย่างมีความสุข ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “หมอเสิ่น นี่ใครเหรอครับ”
“ให้ฉันแนะนำก็แล้วกัน จำได้ไหม ฉันเคยบอกผู้อำนวยการว่าแผนกกระดูกและข้อยังขาดคน ผู้อำนวยการเองก็ยังไม่พบคนที่ใช่ ฉันเลยจ้างผู้ช่วยแพทย์คนใหม่มา คนนั้นก็คือฟางชิวยังไงล่ะ”
หลังจากแนะนำฟางชิวแล้ว เสิ่นชุนก็แนะนำแพทย์หนุ่มต่อ “ส่วนนี่คือนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของฉัน เฉาเจ๋อ”
อะไรนะ!
ผู้ช่วยแพทย์?!
ชายหนุ่มคนนี้???
เฉาเจ๋อมองฟางชิวด้วยความตกใจ
ตอนแรกเขาคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย ชายหนุ่มคนนี้อาจเป็นญาติของหมอเสิ่น หรือไม่ก็ลูกชายของเพื่อน แต่ไม่ได้คาดหวังว่าชายหนุ่มคนนี้จะมาที่แผนกกระดูกและข้อเพื่อเป็นผู้ช่วยแพทย์!
และหมอเสิ่นก็เชิญเขามาด้วยตัวเอง!
วัยนี้ดูเหมือนว่าเขาจะอายุยังไม่ถึงสิบแปดปีด้วยซ้ำ จะรู้วิธีรักษาจริงหรือ?
เฉาเจ๋อสงสัยอย่างสุดซึ้ง
เขาไม่สงสัยในทักษะและความเชี่ยวชาญของเสิ่นชุน แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ายังเด็กมากจนไม่อยากจะเชื่อ
“คุณแปลกใจไหม”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูประหลาดใจ เสิ่นชุนก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน ที่ว่ากันว่าคลื่นหลังแม่น้ำแยงซีผลักคลื่นหน้า*[1] คงจริง”
“ประเมินผมสูงเกินไปแล้วครับ” ฟางชิวกล่าวอย่างสุภาพ
เสิ่นชุนโบกมือแล้วพูดว่า “มากับฉัน เราจะไปพบผู้อำนวยการกัน เธอต้องผ่านการทดสอบจากเขาถึงจะทำงานเป็นผู้ช่วยแพทย์อย่างเป็นทางการได้”
พูดจบเสิ่นชุนก็ให้เฉาเจ๋อบอกคนไข้ที่อยู่ด้านหลังให้รอสักครู่
ครึ่งชั่วโมงต่อมา การรักษายังคงดำเนินต่อไป
หลังจากทำข้อตกลงแล้วเสิ่นชุนก็พาฟางชิวไปหาผู้อำนวยการด้วยตนเอง
…
ในห้องของผู้อำนวยการ
“นี่ใคร”
ผู้อำนวยการซูมู่ตงมองไปที่เสิ่นชุนและชายหนุ่มที่เดินเข้ามาด้วยกันอย่างสงสัย
“นี่คือผู้ช่วยหมอที่ผมบอกคุณเมื่อไม่กี่วันก่อน”
เสิ่นชุนกล่าวพลางชี้ไปที่ฟางชิว
อะไรนะ
เด็กคนนี้น่ะเรอะ!?
ซูมู่ตงมองฟางชิวด้วยความประหลาดใจ
ไม่เด็กเกินไปหรือ?
มากสุดในวัยนี้คือนักศึกษาปีหนึ่งใช่ไหม?
“เขาเป็นใคร?”
ซูมู่ตงถามด้วยความสงสัย
“น้องใหม่ในมหาวิทยาลัยของเรา” เสิ่นชุนกล่าว
เรื่องจริงหรือ!
ซู่มู่ตงมองเสิ่นชุนอย่างไม่แน่ใจแล้วถามต่อว่า “คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”
“ไม่ได้ล้อเล่นครับ!”
เสิ่นชุนรีบส่ายหัว และพูดต่อว่า “ฟางชิวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกที่ผมเชิญมาจริง ๆ”
เมื่อเห็นว่าเสิ่นชุนจริงจัง ซูมู่ตงก็เริ่มพินิจมองฟางชิวอย่างถี่ถ้วน
เขามองฟางชิวตั้งแต่บนลงล่าง
ใช่ ฟางชิวเป็นชายหนุ่มที่ดูฮึกเหิมดีอยู่หรอก
แต่อย่างไรเขาก็ไม่สามารถมองเด็กที่อยู่ข้างหน้าเป็นปรมาจารย์ด้านกระดูกได้หรอก
“ผู้อำนวยการ ผมรู้ว่าคุณไม่เชื่อผม ผมเลยพาเขามาที่นี่เพื่อทดสอบไม่ใช่หรือ เราตกลงกันก่อนหน้านี้แล้วนี่ ถ้าเด็กคนนี้ผ่านการประเมินก็สามารถเข้าโรงพยาบาลในฐานะผู้ช่วยแพทย์ได้”
“แล้วก็ไม่ต้องมาหลอกผมด้วยการตั้งคำถาม หรือขอใบรับรอง ถามคุณสมบัติอะไรพวกนั้น!”
เสิ่นชุนปิดกั้นทางซูมู่ตงโดยตรง
ซูมู่ตงเริ่มปวดหัว ถ้าเขารู้ว่าเสิ่นชุนจะรับน้องใหม่มาเป็นผู้ช่วยแพทย์ เขาคงไม่ตอบตกลงง่ายขนาดนั้น
แต่ถ้าอนุญาตให้เด็กคนนี้เข้าโรงพยาบาลจริง ๆ หมอคนอื่น ๆ จะคิดอย่างไรกับเขา?
ผู้บริหารคนอื่นจะคิดอย่างไร!
แต่เขาไม่สามารถกลับคำสัญญาได้ โดยเฉพาะกับเสิ่นชุนผู้เป็นกระดูกสันหลังของโรงพยาบาล นี่มันคือสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของจริง!
ทว่าจู่ ๆ เฉาเจ๋อก็รีบเข้ามารายงานสถานการณ์ “หมอเสิ่นครับ ข่าวร้าย! คนไข้รายนั้นมาอีกแล้ว ตอนนี้ในแผนกมีแต่เสียงโหวกเหวกโวยวายครับ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นชุนก็ขมวดคิ้ว
คนไข้รายนั้นไม่เหมือนใคร ว่ากันว่ารวยมาก เดือนที่แล้วมาที่โรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ด้วยอาการปวดหลัง
เสิ่นชุนตรวจดูกระดูกด้วยตัวเอง แต่ไม่พบตำแหน่งผิดปกติ ความคลาดเคลื่อนของหมอนรองกระดูกที่เห็นได้ชัดเจน หรือปัญหาอื่น ๆ ตามกระดูกสันหลัง
เขาจึงบอกไปว่าทุกอย่างปกติดี
คนไข้รายนั้นไม่พอใจ และกล่าวอีกครั้งว่าเจ็บ
และยังกล่าวว่าตนได้รับการวินิจฉัยอย่างผิด ๆ
อาจารย์หมอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอให้ชายคนนั้นทำการเอกซเรย์
ด้วยเหตุนี้เสิ่นชุนจึงทำการเอกซเรย์ทุกชนิด แต่ก็ไม่มีสัญญาณของปัญหากระดูกแต่อย่างใด
ข้อเท็จจริงสำคัญกว่าคำพูดก็จริง แต่คนไข้ยังบอกว่าเจ็บ
ถ้าคนไข้คนนั้นไม่หาย เขาจะมาที่โรงพยาบาลเพื่อสร้างปัญหาเป็นครั้งคราว และยังยืนกรานว่าตนต้องได้รับการรักษาให้หาย มิฉะนั้นเรื่องจะไม่จบ
อีกทั้งยังนำผู้คุ้มกันราวห้าคนมาด้วยทุกครั้ง
หากไม่รวยและมีอำนาจ เสิ่นชุนคงเข้าใจว่าจงใจมาสร้างปัญหาแล้ว
ฟางชิวมองไปที่เสิ่นชุนและเฉาเจ๋ออย่างสงสัยว่ามีปัญหาทางการแพทย์กับคนไข้หรือไม่?
ส่วนซูมู่ตง เมื่อเขาได้ยินเช่นนี้แล้วดวงตาก็เป็นประกาย
เขามีแผนในใจแล้ว
“ไปกันเถอะ! ผมจะไปดู!”
เสิ่นชุนกล่าว
แม้ในความเป็นจริงเขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปลอบโยนคนไข้ก็ตาม
ขณะที่กำลังจะจากไป ผู้อำนวยการซูมู่ตงก็หยุดเขาไว้
“เดี๋ยวก่อน!”
เสิ่นชุนมองไปที่ซูมู่ตงอย่างสงสัย
“คุณไม่ได้บอกว่าต้องการให้ผมทดสอบชายหนุ่มคนนี้เหรอ? เวลาที่เหมาะสมมาถึงแล้ว หากเขาสามารถรักษาคนไข้รายนั้นได้ เขาจะผ่านการทดสอบ แล้วผมจะเปิดไฟเขียวให้เขารักษาคนไข้ในโรงพยาบาล”
ซูมู่ตงกล่าว
นั่นเพราะซูมู่ตงรู้จักคนไข้คนนี้
คนไข้คนนี้ไม่อาจจัดการได้ง่าย ๆ
เขาร่ำรวย มีอำนาจ กระนั้นก็ไม่สามารถใช้กำลังในโรงพยาบาลได้
ยิ่งไปกว่านั้น ที่คนไข้กระทำเช่นนี้ไม่ใช่ความผิดของเสิ่นชุน ทุกอย่างล้วนแสดงให้เห็นแล้วว่าคนไข้คนนั้นไม่ได้ป่วย ไม่ได้วินิจฉัยผิดพลาด และทางโรงพยาบาลเองก็ไม่ได้กระทำการอันตรายใด ๆ ต่อคนไข้
เนื่องจากคนไข้ไม่ได้ป่วยนั่นเอง นี่จึงเป็นข้ออ้างที่จะหยุดนักศึกษาคนนี้
ซูมู่ตงไม่เชื่อว่าฟางชิวจะผ่านการทดสอบได้!
“ผมไม่คิดว่ามันเหมาะสม”
เสิ่นชุนกล่าวด้วยใบหน้าทื่อ ๆ
คนไข้รายนั้นไม่ได้ป่วยเลย จะทดสอบ ‘คนไข้’ ที่ไม่ป่วยได้อย่างไร?
นี่ไม่ได้จงใจทำให้เรื่องยากเกินตัวฟางชิวเหรอ?
“ไม่ต้องคิดมาก พิสูจน์ด้วยความสามารถก็พอ!”
ซูมู่ตงโบกมือตัดจบเอาเองเสร็จสรรพ
เสิ่นชุนเลยได้แต่ถอนหายใจแล้วพาฟางชิวออกไป
ระหว่างทางเดินไปแผนก เสิ่นชุนก็พูดกับฟางชิวอย่างเสียใจ “ฉันขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้เธอไม่สามารถเข้าที่นี่ได้”
“ผมยังไม่ได้ตรวจ ทำไมคุณถึงบอกว่าไม่ได้ล่ะ”
ฟางชิวถามด้วยความงุนงง เขารู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลก ๆ แต่ก็ไม่อาจรู้ว่าคืออะไร
“นายรักษาไม่ได้หรอก!”
เฉาเจ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงหยาบคาย “เพราะคนไข้คนนั้นไม่ได้ป่วยยังไงล่ะ”
เขาอิจฉาฟางชิวที่ได้รับเชิญจากเสิ่นชุนมาเป็นผู้ช่วยแพทย์
อิจฉาที่คู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งกว่าตั้งแต่อายุยังน้อย!
พอเห็นว่าฟางชิวกำลังจะถูกขัดขวาง เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ฟางชิวถามอย่างสงสัย คิ้วขมวดเล็กน้อย
เสิ่นชุนเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังทันที
ทำไมคนไข้คนนั้นถึงยังมีอาการเจ็บอยู่ ในเมื่อหมอไม่สามารถวินิจฉัยโรคของเขาได้?
ฟางชิวขมวดคิ้วอีกครั้ง รู้สึกว่าเรื่องนี้ยุ่งยากขึ้นมาแล้วนิด ๆ
เห็นได้ชัดว่าผู้อำนวยการไม่ได้มีเจตนาดี!
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะรักษาได้หรือไม่ เขาก็ต้องลองดูก่อน
ทันทีที่ไปถึงชั้นเจ็ด เขาก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจแผดออกมา
“ไปเรียกหมอเสิ่นมา! หมอเสิ่นไม่เห็นเก่งอย่างที่เขาว่าเลย ฉันมาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่รักษาไม่ได้สักครั้ง ถ้าวันนี้เขาไม่รักษาอีก ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”
“อย่ามาหาว่าฉันไร้เหตุผล รักษาฉันซะ ต้องการเงินเท่าไหร่ก็ไม่ว่า แต่ถ้าไม่ยอมรักษาฉันอีก ทุกคนข้างนอกรู้เรื่องนี้แน่!”
ทันทีที่ฟางชิวลงจากลิฟต์ เขาก็เห็นชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ของห้องรับรอง
ชายคนนั้นมีผู้คุ้มกันสี่คนในชุดสูทสีดำ สวมแว่นกันแดดยืนอยู่รอบ ๆ
นอกจากนี้ยังมีแพทย์หนุ่มบางคนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่บอกบุญไม่รับ
“ทำไมคุณถึงมาที่นี่อีกแล้ว? ผมบอกแล้วไงว่าคุณไม่ได้ป่วย!”
เสิ่นชุนลงไปชั้นล่าง ก่อนจะตอบกลับชายวัยกลางคนไปตรง ๆ
ชายวัยกลางคนไม่เชื่อ ประชดประชันต่ออย่างโกรธเคืองว่า “ในที่สุดก็มา นึกว่าหนีไปแล้วซะอีก ถ้าฉันไม่ป่วยอย่างที่หมอว่า ทำไมฉันถึงปวดจนนอนไม่ได้!”
“ถ้าไม่เชื่อก็ไปตรวจกับโรงพยาบาลอื่นสิครับ!”
เสิ่นชุนพูดอย่างหมดหนทาง
“ฉันไปแล้ว เขาบอกว่าฉันไม่ได้ป่วย ฉันก็ต้องหาหมอที่ดีกว่านี้มารักษาเท่านั้น นั่นก็คือคุณ”
ชายวัยกลางคนพูดออกมาอย่างไหลลื่นพลางยกริมฝีปาก
เสิ่นชุนได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น
เขาจะทำอย่างไรได้บ้างกับคนไข้ที่ไม่ได้ป่วยคนนี้
‘เอาชนะไม่ได้ ไล่ไปไม่ได้ กำจัดไม่ได้ รักษาก็ไม่ได้’
“หมอต้องรักษาให้หาย ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่ไป! ฉันมีอารยะ เข้าใจว่าต้องรอพบแพทย์ หมอไปตรวจคนไข้คนอื่นก่อนก็ได้ นี่ไงบัตรคิวและใบลงทะเบียนคนไข้”
ชายวัยกลางคนพูดจบก็เอนหลัง ยกขาซ้ายขึ้นบนขาขวา ไขว้ขาเสร็จ เขาก็เริ่มสั่นขา
การกระทำของชายวัยกลางคนบังเกิดแสงวาบปลาบในดวงตาของฟางชิวชัดเจน
มีบางอย่างผิดปกติกับกระดูกสันหลังของชายคนนี้จริง ๆ
ท่านี้จะนำไปสู่โรคของกระดูกสันหลังคดในระยะยาว
ปัญหากระดูกสันหลังนี้จะทำให้คนไขว่ขาเป็นนิสัย
สองอย่างนี้ต่างส่งผลต่อกัน
ผู้เชี่ยวชาญของแผนกกระดูกและข้ออย่างหมอเสิ่นเคยตรวจไม่พบปัญหาใด ตอนนี้เขายังคงไม่สามารถอธิบายอะไรได้ เขาต้องตรวจสอบโดยการสัมผัสกระดูกเสียก่อน
“ไม่จำเป็น ผมจะรักษาคุณก่อน!”
เสิ่นชุนเริ่มขอโทษคนไข้รายอื่น
โชคดีที่คนไข้รายอื่นบอกว่าไม่เป็นไร
ชายที่มีอำนาจ มีผู้คุ้มกันที่สูงและแข็งแกร่งขนาดนี้คงจัดการไม่ได้ง่าย ๆ ให้ออกไปให้เร็วที่สุดยังดีเสียกว่า
เดี๋ยวหมอคนอื่นหมดอารมณ์รักษา ไม่สามารถรักษาโรคได้อย่างเต็มที่เอาเสียก่อน
พวกเขากลัวว่าจะมีการต่อสู้ขึ้น
นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาต้องส่งชายคนนี้ออกไปให้เร็วที่สุด
“โฮ่ วันนี้หมอเปลี่ยนไปนะ หมอเคยเก็บคิวฉันไว้ที่สุดท้ายนี่”
ชายวัยกลางคนมองเสิ่นชุนด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วตามเขาเข้าไป
“ห้ามใครเข้ามา!”
เมื่อเห็นผู้คุ้มกันทั้งสี่เข้ามา เสิ่นชุนก็หยุดพวกเขาไว้ทันที
“แล้วเด็กคนนี้เป็นใคร?”
ชายวัยกลางคนชี้ไปที่ฟางชิว
ฟางชิวไม่ได้สวมเสื้อกาวน์ขาว เขาจึงดูไม่ใช่แพทย์หรือคนที่เกี่ยวข้องเลยสักนิด
“เขาเป็นหมอที่จะรักษาคุณ มานี่เพื่อรักษาคุณในวันนี้!”
เสิ่นชุนเอ่ยประชดประชัน “คุณสงสัยในความสามารถของผมไม่ใช่หรือ? วันนี้ผมเลยจ้างปรมาจารย์ด้านกระดูกมาให้คุณไงล่ะ!”
“อะไรนะ”
ชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมองฟางชิวผู้แสดงสีหน้าสงบนิ่ง
ทันใดนั้นใบหน้าชายวัยกลางคนก็ครึ้มมืดดำ เขาระงับความโกรธเอาไว้แล้วพูดว่า “หมอเสิ่น หมอไม่ควรล้อเล่น หรือหมออยากให้ฉันทุบห้องให้คำปรึกษานี่ทิ้ง!”
[1] คลื่นหลังแม่น้ำแยงซีผลักคลื่นหน้า หมายถึงคนรุ่นก่อนผลักดันคนรุ่นใหม่
