บทที่ 35 กอบกู้! ฟางชิวผู้อยู่บนเวที!
บทที่ 35 กอบกู้! ฟางชิวผู้อยู่บนเวที!
“…หมั่นเรียนรู้…”
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม…”
“สิ่งที่เราเรียนรู้…”
“สามารถสร้างความมั่นใจให้เราเสมอ…”
“ทวนหนังสือ…”
“…มีประโยชน์ทุกครั้งที่มีสอบ…”
“อย่างน้อยก็รู้ว่าไม่เข้าใจอะไร…”
หลี่ชิงสือเดินร้องเพลงมาจากอีกฝั่งหนึ่ง
“ร้องเพลงไม่เห็นจะเก่ง! แย่กว่าเจ้าห้ามาก!”
ซุนฮ่าวแซะอย่างฉุนเฉียว เขาเกลียดนักพวกที่ชอบหาแสงให้ตัวเอง โดยเฉพาะคนที่เป็นศัตรูของหอพักของพวกเขาแบบนี้ด้วย
“ใช่แล้ว ฟังไม่เห็นเข้าใจ นี่มันร้องเพลงบ้าอะไร!”
โจวเสี่ยวเทียนวิจารณ์หลี่ชิงสือเช่นกัน
ฟางชิวยิ้มและไม่พูดอะไร
เขารู้ว่าเพื่อนร่วมห้องของเขากำลังสู้เพื่อเขา
พูดตามตรง แม้ว่าเขารู้สึกละอายกับนิสัยของหลี่ชิงสือ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าการออกเสียงภาษาจีนกวางตุ้งของหลี่ชิงสือตรงตามมาตรฐานมาก
ประธานนักศึกษาคนนี้ร้องเพลงได้ดีทีเดียว
สี่นาทีต่อมา การเต้นรำเปิดและเพลงเปิดพิธีก็จบลงด้วยเสียงปรบมือเกรียวกราว
“จ่ายค่าเล่าเรียนที่ลืมไม่ลง…”
“ปีถัดไปที่ไร้ซึ่งความหยาบคาย…”
“พรุ่งนี้มักเป็นเทอมใหม่ของเราเสมอ…”
“ชั่วชีวิตคนเรา…”
ในตอนท้ายของเพลง เจียงเหมี่ยวอวี๋ หลี่ชิงสือ รวมทั้งกลุ่มนักเต้นได้โค้งคำนับผู้ชมอย่างสุดซึ้งแล้วออกจากเวทีอย่างรวดเร็ว
ฟางชิวยิ้มในขณะที่เขามองไปที่เจียงเหมี่ยวอวี๋ที่กำลังออกจากเวที
ทำได้ดีเลย
ดีกว่าครั้งแรกที่ร้องเพลงด้วยกันเสียอีก สองวันที่ผ่านมาคงเตรียมตัวหนักน่าดู
ตอนที่เจียงเหมี่ยวอวี๋ลงจากเวที เธอเหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังถูกมอง
สายตาของเธอและฟางชิวประสานตากัน
ฟางชิวยกนิ้วให้เธอพร้อมกับมองมาดวงตาราบเรียบเงียบสงบคู่เดิม
เจียงเหมี่ยวอวี๋คลี่ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพยักหน้าให้ จากนั้นก็ตามทุกคนลงจากเวที
การแสดงลำดับแรกสิ้นสุดลง ลำดับที่สองเป็นการแสดงศิลปะการต่อสู้แบบกลุ่ม พวกเขาปรากฏขึ้นตัวพร้อมกัน
หมัดที่แสดงออกมาช่างทรงพลังน่าประทับใจจริง ๆ
ฟางชิวสังเกตว่าเฉินชงเอาแต่ขมวดคิ้วขณะดูการแสดงศิลปะการต่อสู้
ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
การแสดงไม่ใช่การต่อสู้ที่แท้จริง เฉินชงไม่อาจบังคับอะไรมากเกินไปได้
การแสดงลำดับที่สามเป็นการร้องประสานเสียงโดยอาจารย์ดนตรีสามคน เพลงที่ใช้ร้องคือเพลงประจำมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง ‘The Great Doctor Sincerely’
แม้ว่าการขับร้องแบบเบลแคนโต*[1] จะฟังไม่ค่อยได้อรรถรส แต่ทุกคนก็ปรบมือให้อย่างอบอุ่นให้กับอาจารย์ทั้งสามคนและเพลงประจำมหาวิทยาลัยของเขาเอง!
การแสดงลำดับที่สี่ผ่านไป…
ผ่านไปครึ่งงานแล้ว
สิ่งที่ทำให้ฟางชิวงงงวยก็คือหลิวเฟยเฟยคนสวยยังไม่ปรากฏตัว
ก่อนที่เขาจะคิดเรื่องนี้ได้ หลิวเฟยเฟยก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้านักศึกษาห้องสาม จากนั้นก็ลากเขาออกไป
“ฟางชิว ไปกับฉัน!”
เมื่อมองไปที่จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนที่อยู่ข้าง ๆ ทุกคนก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน
เกิดอะไรขึ้นกัน?
“อาจารย์ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ฟางชิวยังคงงงงวย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เกิดเรื่องแล้ว เธอต้องช่วยฉัน!”
พูดไปหลิวเฟยเฟยก็ลากฟางชิวไปที่ประตูถัดจากเขาแล้วออกจากสนามกีฬาโดยไม่หันกลับมามอง
ออกมาข้างนอกแล้วฟางชิวก็ถามว่า
“อาจารย์ครับ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว หลิวเฟยเฟยก็ถอนใจหายใจเฮือกใหญ่ เอ่ยเสียงอ่อนแรงว่า “น้องสาวของฉันมีประจำเดือน! เธอปวดท้องจะตายอยู่แล้ว ฉันพยายามจะช่วยเธอแล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้เลย”
“อีกสองการแสดงก็ถึงตาเธอแล้ว เธอบอกว่าเธอขึ้นไม่ไหวแน่ ๆ อาจารย์ที่ดูแลการแสดงวุ่นวายกันไปหมด”
“ปัญหาคือเราบอกไปแล้วว่าจะแสดงอะไร ลบการแสดงนี้ออกเลยคงไม่ได้ ไม่งั้นการแสดงข้างหลังก็จะมั่วไปหมด เราทำได้แค่หาคนมาแทน แต่เวลาน้อยขนาดนี้ก็หาไม่ได้เลย เมื่อกี้เจียงเหมี่ยวอวี๋เลยแนะนำคนที่อาจช่วยได้มา”
สายตาของหลิวเฟยเฟยจับจ้องไปที่ฟางชิว
นั่นก็ชัดเจนแล้วว่า
“คงไม่ใช่ผมหรอกนะ?”
ฟางชิวตกใจ
ไม่ตลกเลย!
พิธีเปิดที่ผู้นำทั้งโรงเรียนและน้องใหม่ทุกคนให้ความสนใจแบบนี้
มีเวลาให้เขาเตรียมตัวไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ ถ้าพลาดขึ้นมาจะเป็นอย่างไร?
“ฉันรู้ว่ามันยาก แต่ฉันไม่มีทางเลือกแล้ว”
หลิวเฟยเฟยถอนหายใจแล้วพูดต่อ “งั้นฉันถามหน่อย เธอจะร้องเพลง ‘เชิญดื่มสุรา’ ได้ไหม”
ฟางชิวพยักหน้าตามความจริง แต่ก็อธิบายต่อว่า “ได้ครับ แต่เพลงนี้มีหลายเวอร์ชัน เวอร์ชันที่ผมรู้อาจจะไม่ใช่เวอร์ชั่นเดียวกับที่ทุกคนร้อง!
“ไม่มีแต่!”
หลิวเฟยเฟยพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “ยังไงเนื้อเพลงก็เหมือนกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือเวลากระชั้นชิดแบบนี้ ไม่มีใครขึ้นเวทีได้แล้วนอกจากเธอ เธอเหมาะสมที่สุดแล้ว!”
“คืนนั้นเธอยังขึ้นไปร้องได้เลย คนอื่นก็อยากฟังอีกทั้งนั้น เธอกอบกู้สถานการณ์ได้แน่!”
“สาวน้อยที่เดือดร้อนเป็นรุ่นน้องจากบ้านเกิดของฉัน ถ้ามีปัญหาในพิธีเปิด เธอต้องถูกประณามแน่ ๆ อาจารย์ที่แนะนำให้แสดงก็เป็นคนที่ฉันรู้จัก ถ้ามีปัญหาก็คงถูกลงโทษ ฟางชิว เธอจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปใช่ไหม”
ฟางชิวยังคงลังเลใจ
นี่มันมากเกินไปจริง ๆ
เพราะถ้าขึ้นเวทีไปแล้วเขาจะทำอะไรผิดพลาดไม่ได้
หลิวเฟยเฟยเห็นว่าฟางชิวลังเลเลยกล่าวเสริมว่า “ฟางชิว ฉันไม่ได้อยากสร้างปัญหาให้เธอหรอก ฉันรู้ว่าเธอทำได้เลยมาหา เจียงเหมี่ยวอวี๋เองก็แนะนำเธอ ถ้าช่วยฉัน ฉันจะไม่ลืมบุญคุณเลย”
“ยังไงตอนนี้เธอก็ควรอยู่บนเวทีไม่ใช่เหรอ เธอโดนแย่งการแสดงไป และทำได้แค่มองดู ไม่อยากพิสูจน์ตัวเองบนเวทีเหรอ?”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพิสูจน์ตัวเองต่อหน้าเจียงเหมี่ยวอวี๋ ทำให้หลี่ชิงสือเห็นว่าเธอดีกว่าเขา!”
หลิวเฟยเฟยรู้ว่ามีปัญหาระหว่างฟางชิวและเจียงเหมี่ยวอวี๋เกิดขึ้น
หลี่ชิงสือและฟางชิวเหมือนเสือสองตัวที่อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ตอนนี้มีเรื่องขุ่นเคืองใจจนประนีประนอมกันไม่ได้ มีความเป็นไปได้เดียวเท่านั้นที่จะช่วยได้นั่นคือเจียงเหมี่ยวอวี๋
พิสูจน์ตัวเอง?
พิสูจน์ตัวเองกับเจียงเหมี่ยวอวี๋?
พิสูจน์ให้หลี่ชิงสือเห็นว่าเขาดีกว่า?
ถึงจะไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ แต่ก็คุ้มค่าที่จะต่อสู้
ฟางชิวตัดสินใจทันทีแล้วพูดกับหลิวเฟยเฟยว่า “ตกลง ผมจะแสดง!”
“โอเค ขอบคุณนะ ฟางชิว!”
หลิวเฟยเฟยกล่าวอย่างจริงใจกับฟางชิว จากนั้นก็พาฟางชิวไปที่หลังเวทีอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เหลือเพียงการแสดงเชียร์ลีดเดอร์ก่อนจะถึงการแสดง ‘เชิญดื่มสุรา’
การแสดงเชียร์ลีดเดอร์คงไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ
เจียงเหมี่ยวอวี๋ที่อยู่หลังเวทีเห็นว่าหลิวเฟยเฟยเรียกฟางชิวมาจริง ๆ ก็ตกใจไม่น้อย
เธอแค่บอกว่าฟางชิวอาจช่วยได้ แต่เธอไม่คิดว่ามันจะเป็นจริง
เธออดไม่ได้ที่จะเสียใจที่พูดออกไป
ถ้าผลงานออกมาดีก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าการแสดงมีปัญหา ฟางชิวจะไม่เจ็บปวดเอาหรอกหรือ?
ตอนนี้เธอได้แต่หวังว่าฟางชิวจะทำออกมาได้ดี และไม่ตื่นเวทีจนทำพลาด
หลี่ชิงสือที่ยืนอยู่ข้างเจียงเหมี่ยวอวี๋มองฟางชิวด้วยสายตาเยาะเย้ย
เขาไม่เชื่อว่าฟางชิวมีกอบกู้สถานการณ์ได้
เป็นไปไม่ได้เลยที่ฟางชิวจะแสดงได้ในเวลากระชั้นชิดแบบนี้
อาจารย์ที่ดูแลการแสดงเห็นว่ามีคนมาร้องเพลง ‘เชิญดื่มสุรา’ แทนแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
พิธีรับน้องใหม่ครั้งที่แล้ว อาจารย์คนนี้อยู่ด้วย จึงได้ฟังเสียงร้องอันไพเราะของฟางชิว
ดังนั้นฟางชิวคงไม่ร้องแย่เกินไป
เธอมั่นใจในตัวฟางชิวมาก
สิ่งเดียวที่น่ากังวลในตอนนี้ฟางชิวมีเวลาซ้อมน้อยมาก
อย่างไรก็แล้วแต่มีคนแสดงแทนก็ดีกว่าไม่มีนั่นแหละ!
ตอนแรกเธอจะฟังฟางชิวร้องดูก่อน แต่เวลากลับไม่เอื้ออำนวย เจ้าหน้าที่ดูแลเวทีเร่งเขาให้ออกไปแล้ว
อาจารย์ดูแลการแสดงจึงรีบนำไมโครโฟนไร้สายมาให้ฟางชิว จากนั้นชายหนุ่มก็เดินเข้าไปในพร้อมกับกีตาร์และพิกอัประดับไฮเอนด์
เป็นกีตาร์ตัวเดียวในมหาวิทยาลัยที่มีพิกอัปราคาแพงลิบลิ่ว
“การแสดง ‘เชิญดื่มสุรา’ เตรียมตัว!”
อาจารย์ที่ถือใบลำดับการแสดงอยู่ตะโกนเรียกฟางชิว
ฟางชิวพยักหน้าแล้วหายใจเข้าลึก ๆ
“ฟางชิว!”
หลิวเฟยเฟยส่งเสียงเชียร์ฟางชิว
เจียงเหมี่ยวอวี๋ยังคงเป็นห่วงฟางชิว เธอยืนอยู่หลังเวที รอดูการแสดงของฟางชิว เช่นเดียวกับหญิงสาวตัวเล็กผู้ปวดท้องประจำเดือน ส่วนหลี่ชิงสือมองฟางชิว รอดูว่าเจ้าตัวจะพลาดขนาดไหน
จะทำได้แค่ไหนกัน?
ทุกคนต่างตั้งตารอการแสดงของฟางชิว และประหม่าไปตาม ๆ กัน
“เริ่ม!”
ฟางชิวพยักหน้า พร้อมถอนหายใจยาว
“พูดถึงหลี่ไป๋*[2] ทุกคนคงคุ้นเคยกันดี!”
พิธีการทั้งสองเริ่มอ่านสคริปต์
อาจารย์ที่ถือใบลำดับการแสดงส่งสัญญาณให้ฟางชิวขึ้นไปบนเวที
“ฉันเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์! ประโยคนี้คงเป็นแรงบันดาลใจให้หลาย ๆ คนใช่ไหม งั้นเรามาพบกับ ‘เชิญดื่มสุรา’ กันได้เลย!”
ฟางชิวหลับตาลง
และเมื่อลืมตาขึ้น!
สีหน้าท่าทางเขาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน!
ชายหนุ่มเดินไปตรงกลางเวที
ไม่ต่างกับเสือออกมาจากกรง
ราวกับว่าเขากำลังลาดตระเวนอาณาเขตและเผยความแข็งแกร่งออกมาไม่มีผิด!
เมื่อนิ้วทั้งห้าเริ่มบรรเลง ท่วงทำนองที่ดุดันก็ดังก้องไปทั่วสถานที่ในทันที
ปลุกจิตวิญญาณของทุกคนให้ตื่นขึ้น!
ครึ่งของการแสดง หลายคนเริ่มขี้เกียจและเบื่อการแสดงช่วงแรกไปหมดแล้ว
การแสดงในพิธีเปิดนั้นมักจะยิ่งใหญ่ ไม่เหมาะกับวัยหนุ่มสาวนัก ดังนั้นเมื่อหมดความตื่นเต้นกับช่วงแรกแล้ว พวกเขาก็เริ่มเบื่อ
ลำดับการแสดงที่ผ่านมา พวกเขารู้สึกว่าเพลงแรก ‘ของขวัญพิธีเปิดเทอม’ ดีกว่า ที่เหลือก็แค่ปานกลาง
ตอนนี้เหลือแค่เพลง ‘เชิญดื่มสุรา’ แต่ก็คงไม่น่าฟังสักเท่าไร
แต่พอดนตรีขึ้นเท่านั้นแหละ!
ท่วงทำนองกีต้าร์ที่เข้มข้นนี้ทำให้ทุกคนตกใจ
ดูเหมือนว่าเพลงนี้คงดีกว่าที่คิด
หลังเวที หญิงสาวผู้ปวดประจำเดือนได้ยินท่วงทำนองนี้ก็ตกตะลึง “ไม่ถูกต้อง!”
“ทำไมล่ะ”
อาจารย์ดูแลการแสดงถามด้วยความตกใจ
ทุกคนมองไปที่หญิงสาว
ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไป เธอพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ ว่า “นี่ไม่ใช่เพลงที่ฉันจะร้อง ทำนองไม่ใช่แบบนี้ ฉันร้องเพลงในเวอร์ชันซ่งจู่อิน เวอร์ชันที่เขาแสดงตอนนี้ฉันไม่เคยได้ยินเลย”
พูดจบหญิงสาวก็ทำหน้าราวกับจะร้องไห้
อาจารย์ดูแลการแสดงหน้าซีด เกือบจะล้มลงหลังได้ยิน
ทุกอย่างถูกเตรียมไว้อย่างดี แต่กลับผิดพลาดจนได้
หลี่ชิงสือเกือบจะหัวเราะออกมาดัง ๆ
น่าสนใจมาก
ฟางชิวร้องเพลงผิดเวอร์ชัน
ให้ฉันดูหน่อยซิว่านายจะอับอายแค่ไหน
ใบหน้าของหลิวเฟยเฟยและเจียงเหมี่ยวอวี๋ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
สุดท้ายเจียงเหมี่ยวอวี๋ก็พูดว่า “ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นเวอร์ชันไหน แต่ทุกคนได้ดื่มด่ำไปกับเพลง ไม่มีใครรู้นี่การแสดงจะเป็นเวอร์ชันไหน ปล่อยให้ฟางชิวร้องไปเถอะ เชื่อใจเขา!”
ได้ยินประโยคนี้ปุ๊บ ใบหน้าของทุกคนก็ดูดีขึ้น ถึงอย่างนั้นก้อนหินก็ยังจุกอัดอยู่ในใจ
หลี่ชิงสือยิ่งทวีความอิจฉา เขาไม่ได้คาดหวังว่าฟางชิวจะทำให้เจียงเหมี่ยวอวี๋ออกมาพูดสนับสนุนเขาแบบนี้
ดูเหมือนว่าหลังจากวันนี้ ฉันคงไม่ต้องปรานีนายแล้วฟางชิว ฉันจะทำให้นายอับอายจนทนไม่ไหวให้ได้!
เพลงของฟางชิวไม่ใช่เวอร์ชันของซ่งจู่อิน ทั้งยังไม่ใช่เวอร์ชันของหวงฉีซาน นับประสาอะไรกับเวอร์ชันของฮันเล
มันเป็นเวอร์ชันของเฉินหย่งไห่ที่ไม่เป็นที่รู้จัก
ฟางชิวเคยเห็นเวอร์ชันนี้ในวิดีโอคลิปหนึ่ง มันเป็นวิดีโอของชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะกำลังเล่นกีตาร์และร้องเพลงอย่างออกรส*[3] ถัดจากเขาเป็นชายชราผมขาวตบเก้าอี้ไปตามทำนอง ชายชราหนึ่งคน คนดีดกีตาร์หนึ่งคน เพลงหนึ่งเพลง สามอย่างนี้เติมเต็มซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังโบกมืออย่างสนุกสนาน นั่นเลยทำให้เขาชอบเพลงนี้
ต่อมาเขาก็พบว่านักร้องคนนี้เป็นนักฟิสิกส์จากสถาบันวิทยาศาสตร์จีน และเป็นหัวหน้างานระดับปริญญาเอก เขาล่ะแปลกใจจริง ๆ
ขอชื่นชมความสามารถนี้เลย
เพลงนี้ยังเป็นเพลงที่เขาเล่นบ่อย ๆ ตอนกำลังเรียนกีตาร์เช่นกัน
ท่วงทำนองทั้งหมดประทับอยู่ในใจของเขา เขาสามารถบรรเลงได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสโดยไม่ต้องอ่านโน้ตใด ๆ
ให้ฉัน ฟางชิว เป็นคนนำเพลงที่น่าอัศจรรย์ให้ทุกคนในวันนี้!
ไม่เห็นจะต้องโชว์พาว เขาแค่พิสูจน์ตัวเองเท่านั้น!
เตรียมส่งกำลังใจให้ทุกคนตอนนี้แหละ!
ขณะที่มือกำลังดีดกีตาร์ สองขาของฟางชิวก็เดินไปที่ใจกลางเวที
[1] เบลแคนโต แปลจากภาษาอิตาเลียนได้ตรงตัวเลยว่า ‘การร้องอันงดงาม’ (beautiful singing) ซึ่งเรามักเรียกติดปากกันว่าโอเปร่า
[2] หลี่ไป๋ เป็นกวีจีนที่ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ถัง ได้รับยกย่องเป็น กวีผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งในสองคนเท่าที่ปรากฏในประวัติศาสตร์งานประพันธ์ของจีน เคียงคู่กันกับชื่อของตู้ฝู่ บทกวีของหลี่ไป๋ได้รับอิทธิพลจากจินตภาพของเต๋า นิยมชมชอบการดื่มสุรา
[3] วิดีโอที่พูดถึงในเรื่องชื่อว่า Bringing in the Wine 将进酒 陈涌海 หากผู้อ่านสนใจสามารถฟังได้ใน Youtube เพื่ออรรถรส
