บทที่ 85 มีสาวสวยมาหา!
บทที่ 85 มีสาวสวยมาหา!
ณ ภูเขาไท่ซาน
บนยอดภูเขาแห่งหนึ่ง ฟางชิวใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการฟื้นฟูร่างกาย จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมา
เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบโทรศัพท์ออกมาตามความเคยชิน
ตอนที่เขามาฝึกฝนบนยอดเขาแห่งนี้ เขาได้ปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อเลี่ยงการถูกรบกวนและประหยัดแบตฯ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้รับรู้ว่ามีข้อความติดต่อเข้ามา
เมื่อเปิดโทรศัพท์อีกครั้ง เขาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลา 6:40 น.
และจังหวะที่กำลังจะเก็บโทรศัพท์ การแจ้งเตือนวีแชตก็ดังขึ้นมา
ฟางชิวกดเปิดวีแชตทันที
“ส่งรูปมาจริง ๆ ด้วย…” เมื่อเห็นภาพและข้อความที่ส่งโดยโจวเสี่ยวเทียน ฟางชิวก็หลุดขำออกมา
ทว่าเขาก็ยังขำไม่ทันเสร็จ เขาก็ตกตะลึงในทันใด
“ทำไมรูปนี้ดูแปลก ๆ”
“สถานที่ในภาพก็ดูคุ้น ๆ แฮะ” ฟางชิวซูมดูภาพนั้นในมุมมองระยะใกล้ จากนั้นก็เลื่อนดูรอบ ๆ ภาพ
เขากดซูมออก เพื่อดูในมุมมองระยะไกลอีกครั้ง
เมื่อมองดูภาพนี้แล้ว เขาก็รู้สึกจิตใจไม่สงบ
“ไอ้บ้าเอ๊ย! นั่นฉันนี่!”
ตำแหน่งในภาพคือตำแหน่งที่เขาอยู่ในตอนนี้!
หรือแสงโจวเสี่ยวเทียนถ่ายนั้นเกิดจากการฝึกฝนของเขา?
เมื่อพลังปราณภายในถูกปลดปล่อยออกมาและปราณภายนอกไหลเข้าสู่ร่างกายท่ามกลางเมฆหมอกอย่างนี้แล้ว มันจะมีผลกับแสงอาทิตย์อีกเหรอ?
“เป็นฉันที่ทำจริง ๆ เหรอเนี่ย” ฟางชิวยิ้มอย่างขมขื่น
เขารีบลงจากภูเขาทันทีโดยไม่ลังเล
ตอนนี้ถือว่าไม่เช้าแล้ว หลังจากที่ดวงอาทิตย์ขึ้น เมฆและหมอกบนยอดเขาจะสลายไปในไม่ช้า
เขาไม่ต้องการให้คนอื่นค้นพบหลังจากที่หมอกจางลงไปแล้ว
บนยอดเขาที่บรรดานักศึกษาอยู่
“แสงหายไปแล้ว!”
“ทำไมหายไปล่ะ”
“ทำไมหายไปเร็วจัง”
“ฉันยังไม่ดูพอเลย ทำไมถึงหายไปเร็วขนาดนี้”
“การจะได้เห็นสักครั้งนี่ยากนะ พวกเราขอดูให้พอไม่ได้เหรอ ถึงจะดูมาครึ่งชั่วโมง แต่ฉันอาจจะได้เห็นสิ่งนี้เพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิตของฉันนะ”
พอฟางชิวออกไป แสงอร่ามเมื่อครู่ก็หายไปอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าพวกเขาจะดูมาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ผู้คนที่เฝ้าดูก็รู้สึกว่าพวกเขายังดูไม่เต็มอิ่มเลย
“เฮ้ยพวกเอ็ง! ทำไมแสงหายไปแล้วล่ะ” โจวเสี่ยวเทียนพูดด้วยท่าทางไม่พอใจขณะถือโทรศัพท์ไปด้วย
“ไม่เอาน่า ดูมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่พออีกเหรอ?” ซุนฮ่าวเอ่ยออกมาด้วยความรำคาญ
“เจ้าสามพูดถูก” จูเปิ่นเจิ้งพูดยิ้ม ๆ “บอกตามตรง ฉันก็ยังดูไม่พอเหมือนกัน ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้มีฉัพพรรณรังสีปรากฏมากมายบนภูเขาไท่ หลายดวงส่องแสงเป็นชั่วโมง สามชั่วโมงก็มี แต่นี่แค่ครึ่งชั่วโมงเอง น้อยไปจริง ๆ”
“นั่นสิ วันที่ดีขนาดนี้! ฉันยังหามุมเซลฟี่ไม่เจอเลย!” โจวเสี่ยวเทียนบ่นพึมพำงึมงำคนเดียว
“พวกนายเนี่ย ขี้เหนียวกันจริง ๆ เลย!” ซุนฮ่าวพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน “ได้เห็นก็ดีแค่ไหนแล้ว มีอีกตั้งกี่คนที่ไม่มีโอกาสได้เห็น แต่ว่าฉัพพรรณรังสีก็สวยจริง ๆ นะ นี่ถ้าแสงไม่หายไปก่อน ฉันสามารถดูได้เป็นปีเลย”
“เห็นครั้งเดียวนายก็โม้ได้แล้ว” จูเปิ่นเจิ้งหัวเราะออกมา
“เออว่ะ”
ซุนฮ่าวเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงพูดขึ้นว่า “ฉันถ่ายรูปและบันทึกวิดีโอไว้เมื่อกี้ เดี๋ยวฉันจะส่งให้เจ้าห้าดู ให้เขารู้ว่าความเสียใจคืออะไร!!”
“ฉันส่งไปตั้งนานแล้ว!” โจวเสี่ยวเทียนพูดอย่างเศร้าใจ “เมื่อกี้ ฉันวิดีโอคอลไปหาเจ้าห้า ฉันแค่อยากไลฟ์สดให้เขาดู แต่เขาไม่รับสายเลย ปิดโทรศัพท์หนีอีกต่างหาก ฉันเลยต้องส่งรูปไปแทน แต่เขาก็ไม่ตอบกลับมา นายก็ส่งให้เขาไปแล้วใช่ไหมล่ะ หินจมลงไปในทะเล*[1] เหมือนเดิม แม้แต่ข้อความเสียงก็ไม่ตอบกลับมา เจ้าห้า ไอ้คนขี้เกียจเอ๊ย!”
อีกทางด้านหนึ่ง
“แสงสวยมาก พวกเราโชคดีจริง ๆ” ในกลุ่มของสาว ๆ หวงหมานหม่านจ้องมองแสงสีทองที่ค่อย ๆ เลือนหายแล้วพูดออกมาเล่น ๆ ว่า “อยากได้แฟนหนุ่มมาดูกับฉันด้วยจัง ไม่งั้นมันคงจะโรแมนติกน่าดู”
“แฟนหนุ่ม?”
ทันทีที่หยวนเป้ยได้ยินอย่างนั้น เธอก็หยอกเพื่อนเล่นทันที “มีผู้ชายอยู่แถว ๆ นี้ตั้งเยอะแยะไม่ใช่เหรอ ไม่งั้นก็ให้ฉันไปช่วยเธอถามก็ได้นะว่าใครอยากเป็นแฟนกับเธอบ้าง”
“อย่านะ” หวงหมานหม่านรีบส่ายหน้าและโบกมือปฏิเสธทันที
เจียงเหมี่ยวอวี๋ที่อยู่ระหว่างเพื่อนทั้งสองคนก็หลุดขำออกมา
“คิดอะไรอยู่เหรอ?” หยวนเป่ยเอ่ยถาม
“ฉันไม่ได้คิดอะไร แค่มองเฉย ๆ” เจียงเหมี่ยวอวี๋อ้าปากตอบ
“ฉันนึกว่าเธอจะคิดถึงผู้ชายเหมือนหวงหมานหม่านซะอีก” หยวนเป้ยหัวเราะแล้วพูดออกมาว่า “น่าเสียดายที่คนบางคนไม่ได้มาด้วย ไม่งั้นคงจะโรแมนติกกว่านี้”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็กลอกตาใส่หยวนเป้ย ก่อนที่หัวเราะออกมา แต่ถึงอย่างนั้นภายในใจของเธอกลับนิ่งสงบ
จู่ ๆ ร่างของคนที่ร้องเพลงคู่กับเธอปรากฏขึ้นในใจ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
…
วันหยุดวันชาติ
นี่คือประเทศจีน ประเทศที่มีภูมิทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ในช่วงนี้ ผู้คนจากทั่วประเทศจะออกเดินทาง ส่วนใหญ่จะดั้นด้นหาจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุด
แม้ว่าการเดินทางนี้จะไม่ใหญ่เท่ากับการเดินทางของเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ แต่มันก็ไม่ต่างกันมาก
ตอนนี้คนที่ยุ่งที่สุดมักจะเป็นนักข่าวทีวีจากทั่วทุกมุมโลก พวกเขาต้องรายงานสถานการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละวัน
หลังแสงหายไปนาน
ข่าวเรียลไทม์ที่สำคัญในเมืองไท่ซานก็ได้อัปเดตสถานการณ์เกี่ยวกับฉัพพรรณรังสี
ด้วยการเผยแพร่ข่าวตามเวลาจริง สื่ออื่น ๆ ก็เริ่มมีการเผยแพร่ภาพของฉัพพรรณรังสีที่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นในครั้งนี้ไปทั่วประเทศ
ช่วงที่การออกอากาศ คำอธิบายของผู้เชี่ยวชาญจะเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้
‘ในทางฟิสิกส์ ฉัพพรรณรังสีเป็น ‘รัศมีดวงอาทิตย์’ ชนิดหนึ่ง เมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสงบนพื้นผิวของเมฆและหมอกก็จะทำให้เกิดความอัศจรรย์ทางธรรมชาติ แสงจะเบี่ยงเบนรัศมีและเกิดการสะท้อนแบบกระจาย ลักษณะของแสงแบบนี้ต้องอาศัยปัจจัยทางธรรมชาติหลายอย่างร่วมกัน เช่น แสงแดด ภูมิประเทศ และทะเลหมอก ซึ่งหาดูได้ยากมาก จะเกิดปรากฏการณ์แบบนี้ขึ้นก็ยากเช่นกัน’
นักฟิสิกส์วิเคราะห์สาเหตุของการเกิดแสงของพระพุทธเจ้าได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
มีคนจำนวนไม่มากที่ดูและฟังคำอธิบาย ความสนใจของทุกคนจะมุ่งไปที่วิดีโอที่บันทึกฉัพพรรณรังสีเสียมากกว่า
“น่าตื่นตาตื่นใจดีจัง”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ฉัพพรรณรังสีนี้มันเหมือนกับแสงที่ส่องมาจากเทพเซียนอะไรทำนองนั้นเลย นี่มันน่าสนใจทีเดียว”
“คงไม่ได้มาจากเทพเซียนที่บำเพ็ญเพียรอยู่บนภูเขาใช่ไหม?”
“สวยมากเลยอะ ถ้ามีโอกาสฉันจะไปดูด้วยตาของตัวเองแน่นอน”
“ฉันวางแผนที่จะไปภูเขาไท่ซาน แต่หาซื้อตั๋วรถไฟไม่ได้เลย น่าเสียดายมาก”
“แสงพระพุทธเจ้าในวิดีโอนี้งดงามมากจริง ๆ”
“แสงของพระพุทธเจ้าอยู่ได้ครึ่งชั่วโมง ผู้คนที่เดินทางไปยังภูเขาไท่ซานก็น่าจะมีความสุขกันมาก ธรรมชาติช่างอัศจรรย์จริง ๆ”
ทั่วประเทศ คนที่ดูข่าวเรียลไทม์ในตอนเช้านี้พากันชื่นชมและสรรเสริญไม่หยุด
ทางด้านของฟางชิวนั้น
หลังจากลงจากภูเขาแล้ว ฟางชิวก็ใช้โทรศัพท์เปิดแผนที่อีกครั้ง หลังจากพบทิศทางที่ต้องการแล้ว เขาก็รีบเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาไท่ซานอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าขุมทรัพย์สมุนไพรมักจะปรากฏในที่ที่ไม่ค่อยมีคน ถ้าปลูกในที่ทั่วไปก็คงจะไม่มีค่ามากเท่าไร
ขณะที่ฟางชิวกำลังมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของภูเขาไท่ซาน ก็มีสาวสวยคนหนึ่งปรากฏตัวที่หน้าประตูของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง เธอมีเรือนผมยาวสลวย และใส่กางเกงยีนส์ขาสั้นสีน้ำเงินอ่อนกับเสื้อเชิ้ตสีขาว
พอมายืนอยู่หน้าประตูแบบนี้ก็ยิ่งน่ามองเข้าไปใหญ่
“มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง”
หญิงสาวที่ยืนอยู่ที่ประตูมหาวิทยาลัยเงยหน้าขึ้นไปอ่านคำบนกำแพงหินขนาดใหญ่หน้าประตู ก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกมา
“ในเมื่อเขาไม่กลับบ้าน เขาก็น่าจะอยู่มหาวิทยาลัยสินะ”
ในตอนนั้นเองก็มีร่างหนึ่งเดินออกมาจากมหาวิทยาลัยอย่างช้า ๆ มองดูคล้ายนักศึกษา
หลังจากเห็นนักศึกษาคนนั้นแล้ว หญิงสาวก็เดินเข้าไปถามอย่างสุภาพว่า “สวัสดีค่ะ รู้จักฟางชิวไหมคะ”
เมื่อคำถามของหญิงสาวดังออกมา นักศึกษาที่กำลังเดินออกจากมหาวิทยาลัยก็ตกตะลึงทันที
หลี่ชิงสือจ้องมองตรงหน้าหญิงสาวตรง ๆ แล้วดวงตาของเขาก็ฉายความประหลาดใจอออกมา
เดิมทีเขาคิดว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋เป็นผู้หญิงที่สวยกว่าทุกคนบนโลกนี้แล้ว
แต่ผู้หญิงตรงหน้าของเขาก็มีใบหน้าที่สวยงามไม่แพ้เจียงเหมี่ยวอวี๋เลย!
“คุณคะ?” หญิงสาวตะโกนถามขึ้นอีกครั้ง
“อ่า?” หลี่ชิงสือตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาแสดงความเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามว่า “อะไรนะครับ?”
“ขอโทษนะคะ คุณรู้จักฟางชิวไหม” หญิงสาวถามด้วยรอยยิ้ม
ในความคิดของเธอนั้น ไม่ว่าฟางชิวจะไปที่ไหน เขาก็จะเป็นคนที่ดูสะดุดตาที่สุดอยู่ดี ครั้งล่าสุดที่เธอเจอเขาก็คือตอนที่เธอเรียนอยู่มัธยมปีสุดท้าย
ดังนั้นเธอจึงไม่บอกฟางชิวล่วงหน้า แต่แอบมาหาแทน เพื่อที่ต้องการจะเซอร์ไพรส์ฟางชิว
“ฟางชิว?” เมื่อได้ยินคำถามของหญิงสาว หลี่ชิงสือก็ตกใจเล็กน้อย แม้ว่าจะมีความแค้นกับฟางชิว แต่เขาก็ยังถามกลับไปว่า “คุณหาฟางชิวทำไมเหรอครับ?”
“ฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของฟางชิวค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้ม “ฉันตั้งใจมาหาเขาในช่วงวันหยุดวันชาติ คุณรู้จักเขาไหมคะ”
“คุณไม่ได้บอกเขาก่อนเหรอ” หลี่ชิงสือถามด้วยความสงสัย
“ไม่ได้บอกค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าแล้วอธิบายเพิ่มว่า “ฉันแค่อยากเซอร์ไพรส์เขาเท่านั้นเอง”
เซอร์ไพรส์?
ฟางชิวมันโชคขี้หมา*[2] จริง ๆ!
ในใจหลี่ชิงสือในตอนนี้รู้สึกอิจฉาฟางชิวอย่างรุนแรง เขาสายตากวาดมองหญิงสาวอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
แต่ก็ไม่สามารถตำหนิเขาในเรื่องนี้ได้ เนื่องจากหญิงสาวคนนี้หน้าตาดีมาก เสียงก็เพราะมาก เมื่อเห็นแล้วจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร
เมื่อเจอกับสาวสวยคนนี้ เขาก็อดเปรียบเทียบเธอกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ไม่ได้
พูดตามตรง ผู้หญิงคนนี้มีลักษณะคล้ายกับเจียงเหมี่ยวอวี๋
ส่วนรูปลักษณ์นั้น เจียงเหมี่ยวอวี๋ให้ความรู้สึกเหมือนดอกไม้บริสุทธิ์ของมหาวิทยาลัย ค่อนข้างเรียบร้อย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธไมตรีกับผู้อื่น
แต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นแตกต่างจากเจียงเหมี่ยวอวี๋อย่างสิ้นเชิง
เพราะผู้หญิงคนนี้ชอบหัวเราะ และเสียงของเธอก็อ่อนโยนมาก แม้ว่าเธอจะมีคุณสมบัติที่ผู้หญิงคนอื่นไม่มี แต่เธอก็ให้ความรู้สึกที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า
หรือก็คือความสดใสนั่นเอง
แต่สาวสวยระดับเทพธิดาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฟางชิว?
แล้วยังมาหาฟางชิวอีก!
เขาได้แต่อึ้ง!
ไอ้ฟางชิวอีกแล้วเรอะ
ไอ้เวร! นายได้โชคขี้หมาทุกวันเลยรึไง!
“เอ่อ คุณคะ?” เมื่อเห็นว่าหลี่ชิงสือกำลังตกใจ หญิงสาวก็รีบพูดขึ้นมา “ฉันรู้จักฟางชิวน่ะค่ะเลยอยากเจอเขา”
หลี่ชิงสือได้สติกลับมา เขาจึงพูดทันทีว่า “ในเมื่อคุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นม.ปลายของเขาก็มากับผมสิ ผมจะพาคุณไปหาเขา”
“ถ้างั้นก็ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวยิ้มและขอบคุณ
หลี่ชิงสือเหลือบมองหญิงสาว จากนั้นจึงหันหลังแล้วเดินเข้าไปไปที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง ส่วนหญิงสาวก็เดินตามหลังเขา โดยรักษาระยะห่างจากเขาประมาณหนึ่งเมตร เป็นอย่างนี้ไปตลอดทางเข้าไปในมหาวิทยาลัย
[1] หินจมลงไปในทะเล หมายถึง การเงียบหายไปโดยปราศจากร่องรอยหรือข่าวคราวใด ๆ เหมือนก้อนหินที่จมลงไปในทะเล
[2] โชคขี้หมา หมายถึง เป็นการประชดว่า ทำไมถึงโชคดีอย่างนี้ หรือจะเป็นการพูดถึงตัวเองที่มีความซวยแต่ก็ยังคงมีความโชคดีอยู่บ้าง
