สัญญาในปีนั้น?
หมายความว่าไง?
ทุกคนในตระกูลหลินดูงุนงง
“ฉันพูดไปนานแล้วว่า หวางซูเฟินมีความสัมพันธ์กับเจ้าบ้านนิ่งคนนี้ และมันก็เป็นเรื่องจริง!”
“แต่ว่าหวางซูเฟินกับเจ้าบ้านนิ่ง เคยสัญญาอะไรกันไว้?”
“ในเมื่อเจ้าบ้านตระกูลนิ่งได้เดินทางมาหลายพันกิโลมาที่บ้านเก่าตระกูลหลินเพื่อทำตามคำสัญญา ดูเหมือนว่าคำสัญญานี้จะต้องไม่ธรรมดา”
แม้แต่หลินตงหัวยังดูงงๆ ข้อตกลงนี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ
ใบหน้าของหวางซูเฟินดูแปลกไปเล็กน้อย สายตามองไปที่นิ่งโหย่วหรงที่มีใบหน้าสวยงามจนไม่มีใครเทียบได้และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเห็นว่านิ่งโหย่วหรงนั้นกลัวจนขนลุก
นิ่งโหย่วหรงรู้สึกว่า สายตาที่หวางซูเฟินมองเธอ มีการตรวจสอบ มีความสงสัย และความอิจฉาเล็กน้อย เหมือนกับสายตาของแม่ยายที่มองดูลูกสะใภ้ของเธอ
หลินหยุนก็ตกตะลึงเล็กน้อย เขาคาดไม่ถึงว่า นิ่งเฟิ่งเซียนจะมาไม้นี้
ด้วยรูปลักษณ์ของนิ่งโหย่วหรง เชื่อว่าไม่มีผู้ชายคนไหนในโลกนี้สามารถปฏิเสธได้
ด้วยวิธีนี้ หลินหยุนจะกลายเป็นคนของตระกูลนิ่งไปส่วนหนึ่ง เพื่อรักษาอาการป่วยของนายท่านนิ่ง และไม่สามารถปฏิเสธได้
แม้แต่ค่ารักษาตระกูลนิ่งก็ประหยัดได้ด้วย
หวางซูเฟินมองไปที่นิ่งเฟิ่งเซียน ใบหน้าเริ่มสงบลง “โหย่วหรงเห็นด้วยหรือไม่?”
นิ่งเฟิ่งเซียนพูดอย่างเด็ดขาด “คำสั่งของพ่อแม่ เธอไม่เห็นด้วยไม่ได้”
หวางซูเฟินกลอกตา “ตอนนี้มันสมัยไหนแล้ว วิธีของเธอแบบนั้นมันล้าสมัยไปนานแล้ว ตอนนี้ต้องได้รับความยินยอมจากลูกถึงจะได้”
เมื่อได้ฟังหวางซูเฟินและนิ่งเฟิ่งเซียนพูดมีลับลมคมใน ทุกคนในตระกูลหลินก็กังวลใจมาก
“สถานการณ์เป็นอย่างไร? สัญญาข้อตกลงของพวกเขาคืออะไร?”
นิ่งโหย่วกับนิ่งโหย่วหรง ก็มีข้อสงสัย และไม่เข้าใจความหมายของนิ่งเฟิ่งเซียน
“คุณพ่อ ช่วยอธิบายให้ชัดเจนหน่อยได้ไหม? ตระกูลของพวกเรากับเธอมีสัญญาข้อตกลงอะไรกัน” นิ่งโหยวฉายอดไม่ได้ที่จะถาม
นิ่งเฟิ่งเซียนมองนิ่งโหย่วหรงที่กำลังมองมาที่เขา แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันกับป้าหวางของพวกเธอ เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่ในวัยเด็ก ตอนนั้น พวกเราได้สัญญากันไว้ “
“ถ้าลูกคนแรกของทั้งสองฝ่าย เป็นเพศเดียวกัน ก็ให้เป็นพี่ชายและน้องชายหรือพี่สาวน้องสาวกัน ถ้าต่างเพศ ก็ให้เป็นสามีภรรยากัน”
“ดังนั้น อันที่จริงโหย่วหรงก็เป็นคู่หมั้นของหลินหยุน!”
พูดจบ ในสถานที่ต่างเงียบสงบ!
ทั่วห้องโถง เงียบสงบมาก แม้แต่เสียงเข็มตกลงพื้นยังได้ยิน แม้แต่เสียงหายใจอันแผ่วเบาก็ยังได้ยิน
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ห้องรับแขกทั้งหมดก็มีเสียงดังกระหึ่ม
“ว้าว! ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม! หญิงงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงคือคู่หมั้นของไอ้หนุ่มหลินหยุน!”
“โอ้สวรรค์ รีบปล่อยสายฟ้าผ่ามา ผ่าฉันให้ตายเลย! นางในฝันที่สวยงามขนาดนี้ ที่แท้ก็คือคู่หมั้นไอ้หนุ่มหลินหยุนคนนั้น!”
“ไอ้หนุ่มหลินหยุน ในชาติที่แล้วได้ทำเรื่องดีๆอะไรไว้ ถึงได้นางในฝันมาเป็นคู่หมั้นฟรีๆเช่นนี้!”
สามชั่วอายุคนในตระกูลหลิน บ่นกัน โดยเฉพาะผู้ชายเหล่านั้น โกรธจนอยากพุ่งไปข้างหน้า เพื่อบีบคอหลินหยุนจนตาย แล้วยึดครองนิ่งโหย่วหรง
หลินเหลยนิ่งอึ้งแล้วมองไปที่หลินเห้า และพูดติดอ่าง “เห้า พี่เห้า ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม! หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง คือคู่หมั้นของไอ้หนุ่มหลินหยุนคนนั้น!”
“เป็นไปได้ยังไง? เมื่อกี้ฉันยังหัวเราะเยาะหลินหยุน ว่าไม่มีแฟน ในชั่วพริบตา เขาก็มีนางในฝันเป็นคู่หมั้นแล้ว!”
“เขาเป็นของรักของสวรรค์หรือเปล่า?”
ในใจของหลินเห้า รู้สึกหดหู่ใจมากกว่าหลินเหลย
อาศัยข้างกายเขามีเย่จื่อเชี่ยนที่อยู่ข้างๆ มีความมั่นใจเต็มร้อยที่จะใช้เย่จื่อเชี่ยนปราบหลินหยุน แต่ว่า นำเย่จื่อเชี่ยนมาเปรียบเทียบกับนิ่งโหย่วหรง ก็เหมือนคนที่สูงส่งกลายเป็นคนที่ต่ำต้อย
เย่จื่อเชี่ยนก็ทุกข์ใจมากเช่นกัน เดิมทีเธอต้องการช่วยหลินเห้า เพื่อปราบหลินหยุน
นึกไม่ถึงคู่หมั้นของเขา แข็งแกร่งกว่าตัวเองหลายเท่า
“หึหึ เมื่อกี้ใครบอกว่าจะเอาเย่จื่อเชี่ยนปราบหลินหยุน? ออกมา! บอกฉันซิจะปราบยังไง?”
“ใช่แล้ว จะปราบยังไง! ในแง่ของภูมิหลัง นิ่งโหย่วหรงดีกว่าเย่จื่อเชี่ยนมากขนาดไหน เรื่องหน้าตา นิ่งโหย่วหรงก็ยังคงเหนือชั้นกว่าเย่จื่อเชี่ยน
ในแง่ของอารมณ์ รูปร่าง ความรู้ และรูปลักษณ์ นิ่งโหย่วหรงยังคงเหนือกว่าอย่างสมบูรณ์
ต้องการใช้เย่จื่อเชี่ยนเพื่อปราบหลินหยุน เป็นเพียงเรื่องตลก
หานเจียวเจียวกับสวี่เหม่ยเย้นและทายาทสองชั่วอายุคนในตระกูลหลิน มีมุมมองกว้างไกลมากกว่าทายาทสามชั่วอายุคนเหล่านี้
ทายาทสามชั่วอายุคนของตระกูลหลิน สิ่งที่เห็นมีเพียงรูปลักษณ์ของนิ่งโหย่วหรง
แต่ทายาทสองชั่วอายุคนของตระกูลหลินเหล่านั้น สิ่งที่เห็นคือหลังจากที่หลินหยุนกลายเป็นลูกเขยของตระกูลนิ่งแล้ว กับผลกระทบที่จะตามมา
ด้วยความแข็งแกร่งของหลินหยุนในขณะนี้ หากได้รับการสนับสนุนจากตระกูลนิ่ง ในอนาคตความสำเร็จจะถึงระดับไหน?
แค่คิด ก็ทำให้รู้สึกตกตะลึง
ผ่านไปสักครู่ นิ่งโหย่วฉายพึ่งตั้งสติได้ และอุทานตกใจเหมือนเห็นผี “พ่อ พ่อคิดไม่ผิดใช่ไหม พ่อต้องการให้พี่สาวแต่งงานกับเขา!”
นิ่งเฟิ่งเซียนจ้องเขม็งใส่เขา ไม่ได้พูดอะไร สายตาจ้องไปที่นิ่งโหย่วหรง ราวกับกำลังรอคำตอบของนิ่งโหย่วหรง
ปฏิกิริยาของนิ่งโหย่วหรง นิ่งเฉยมากกว่าที่นิ่งเฟิ่งเซียนคาดไว้ในตอนแรก
แม้แต่ เมื่อสักครู่ตอนที่เธอเพิ่งได้ทราบข่าวนี้ ใบหน้าที่สวยงามนั้นแสดงความแปลกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้น ความเย็นชาก็กลับคืนมาเหมือนทุกครั้ง
“ในเมื่อเป็นสัญญาข้อตกลงของคุณพ่อกับป้าหวาง ถ้างั้นหนูก็ควรเชื่อฟัง” นิ่งโหย่วหรงพูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่มีความรู้สึกใดๆ
ดูเหมือนว่าคนที่กำลังจะแต่งงานนั้นไม่ใช่ตัวเธอเอง แต่เป็นผู้หญิงคนอื่น
นิ่งโหย่วฉายดูเหมือนจะรับไม่ได้ และอุทานออกมาอีกครั้ง “พี่ เธอจะตกลงได้อย่างไร? เธอไม่เข้าใจเขาเลย!”
นิ่งเฟิ่งเซียนตะโกนออกมาก่อน “หุบปาก!”
ชั่วขณะนิ่งโหย่วฉายไม่กล้าพูดอะไร แต่เขายังคงใช้สายตาเพื่อบอกนิ่งโหย่วหรง ให้ปฏิเสธสัญญาข้อตกลงของการแต่งงานครั้งนี้
น่าเสียดายที่ นิ่งโหย่วหรงแกล้งทำเป็นไม่เห็น และไม่ตอบสนองเขาเลย
นิ่งเฟิ่งเซียนมองหวางซูเฟิน และพูดว่า “สัญญาในตอนนั้น ฉันไม่เคยลืม แต่ก่อนคุณหาลูกชายไม่พบ ฉันกลัวว่าถ้ากล่าวถึงคำสัญญานี้จะทำให้คุณเสียใจ”
“ตอนนี้ คุณได้พบลูกของคุณแล้ว ฉันจะมาทำตามสัญญาในปีนั้น”
หวางซูเฟินซาบซึ้งใจเล็กน้อย มองไปที่นิ่งเฟิ่งเซียนและพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าสัญญาข้อตกลงในตอนนั้น เธอยังจำมันได้”
“เพียงแต่ว่า เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เพราะยังไง ฉันได้ตัดขาดกับตระกูลหวางแล้ว ถ้าสองตระกูลของเราได้แต่งงานและปรองดองกัน ฉันเกรงว่ามันจะทำให้ตระกูลนิ่งต้องเดือดร้อน”
นิ่งเฟิ่งเซียนอมยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อวันนี้ฉันมาถึงที่นี่แล้ว ก็ได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่แล้ว เธอแค่ตอบฉันประโยคเดียว เห็นด้วยหรือไม่เท่านั้น เรื่องอย่างอื่น เธอไม่ต้องกังวล”
หวางซูเฟินถอนหายใจ “พูดถึงขนาดนี้แล้ว ฉันจะไม่เห็นด้วยได้เหรอ?”
“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหนุ่มหลินหยุนสามารถแต่งงานกับโหย่วหรง มันเป็นความโชคดีของเขา!”
เมื่อพูดเช่นนี้เสร็จ โดยไม่ได้ตั้งใจ หวางซูเฟินก็เหลือบมองไปที่ฉินหลันที่อยู่ข้างๆ
ในความเป็นจริง ตามที่หวังไว้ เธอต้องการให้หลินหยุนแต่งงานกับฉินหลัน
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อนิ่งเฟิ่งเซียนได้ริเริ่มพูดสัญญาข้อตกลงในตอนนั้น หวางซูเฟินจึงไม่สามารถปฏิเสธได้
ยิ่งไปกว่านั้น นิ่งโหย่วหรงนั้นโดดเด่นมากจริงๆ คนที่เป็นแม่ ก็ต้องเข้าข้างลูกชายตัวเองมากกว่า
นิ่งเฟิ่งเซียนมองไปที่หลินตงหัวอีกครั้ง และพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่หลิน ถ้างั้นเรื่องนี้ก็ตกลงกันเช่นนี้นะ”
“พวกเราหาเวลาเพื่อเลือกวันดีๆ และจัดงานหมั้นกันก่อนดีไหม?”
ถึงตอนนี้หลินตงหัวยังไม่ตอบสนองใดๆ เพียงแต่ว่า เรื่องในครอบครัว โดยทั่วไปแล้วหวางซูเฟินเป็นคนตัดสินใจ ในเมื่อหวางซูเฟินเห็นด้วยแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรต้องพูด
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกสาวจากตระกูลนิ่งคนนี้ ดูดีและโดดเด่นมาก หลินหยุนสามารถแต่งงานกับเธอได้ มันคือความโชคดีของหลินหยุน
“เรื่องนี้ ฉันไม่ค่อยเข้าใจ คุณปรึกษาหารือกับหวางซูเฟินก็พอ ไม่ต้องถามฉัน”
นิ่งเฟิ่งเซียนพูดว่า “ถ้างั้นพวกเราก็เลือกวัน เลือกเวลาที่เหมาะสม และจัดพิธีหมั้นให้เรียบร้อย”
หวางซูเฟินพยักหน้า ถ้าสามารถแต่งงานและปรองดองกับตระกูลนิ่งได้ กับหลินหยุนในอนาคต จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เรื่องนี้กำลังจะจบลง เสียงที่ไม่แยแสของหลินหยุนก็ดังขึ้น
“ขอโทษ ผมไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้”
เมื่อได้ยินคำตอบยืนยันจากหลินตงหัวแล้ว หลินซื่อเฉินก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ดี!”
“ฉันขอประกาศว่า หลินหยุนลูกชายของหลินตงหัว จะเข้าร่วมประเมินผลงานของตระกูลครั้งนี้ด้วย!”
หานเจียวเจียวสีหน้าเยอะเย้ย “รอดูเรื่องสนุกๆกันเถอะ!”
เด็กรุ่นใหม่ตระกูลหลินต่างก็หัวเราะเยาะ “แม้แต่เงินทุนตั้งต้นก็ยังไม่ได้รับเลย ใครทำให้เขากล้าหาญถึงขนาดที่คิดจะเข้าร่วมประเมินกันล่ะ?”
หลินหยุนไม่ได้สนใจคำประชดประชันของผู้คนพวกนั้นเลย เดินเข้าไปยืนอยู่ข้างกายหลินโร่สุ่ยอย่างสบายอารมณ์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลินโร่สุ่ยรีบพูดกระซิบด้วยความดีใจว่า “พี่หลินหยุน คุณมั่นใจแล้วเหรอ? แม้แต่เงินทุนตั้งต้นของตระกูลคุณก็ยังไม่ได้รับเลยนะ!”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบแฉยว่า “วางใจเถอะ ฉันรู้ตัวว่าควรจะทำยังไงดี”
“อึม ฉันเชื่อใจคุณ!” ตอนนี้หลินโร่สุ่ยรู้สึกเชื่อมั่นในตัวหลินหยุนโดยไม่ต้องมีเหตุผลใดๆทั้งสิ้น
หลินเหลยที่อยู่ข้างๆพูดเยาะเย้ยว่า “หลินโร่สุ่ย คุณก็เชื่อใจเขาง่ายๆอย่างนี้เลย คุณคงเสียสติไปแล้ว!”
หลินเห้ามองหลินหยุนด้วยสายตาเยือกเย็น “เจ้าหนู นี่แกกำลังหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ อีกประเดี๋ยวฉันจะทำให้แกรู้ว่า ต่อให้แกเข้ามาอยู่ตระกูลหลินได้แล้ว ก็ยังคงไม่ได้เป็นอะไรสักอย่างเหมือนเดิม!”
หลินหยุนไม่ชายตาไปมองเขาแม้แต่นิดเดียว ราวกับมองไม่เห็นอะไรเลย หลินเห้าโกรธจนหน้าเขียวไปหมด
หลินซื่อเฉิงพูดประกาศว่า “เริ่มทำการประเมินได้!”
ผู้อาวุโสประจำตระกูลหลินที่รับผิดชอบด้านการเงินโดยเฉพาะ พร้อมด้วยข้อมูลเอกสารเดินเข้ามานั่งอยู่บนหลังโต๊ะตัวหนึ่ง
ผู้อาวุโสคนหนึ่งหยิบรายชื่อผู้เข้าร่วมประเมินผลงานครั้งนี้ขึ้นมา ตะโกนอ่านชื่อด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขาม “คนที่หนึ่ง หลินต้ง!”
ชายหนุ่มที่รูปร่างผอมสูงคนนั้น เดินขึ้นไป แล้วนำแฟ้มข้อมูลเอกสารที่เตรียมไว้ ยื่นให้กับชายชราทั้งสอง
“เงินทุนตั้งต้นสิบล้าน ผมเอาไปใช้ในการเปิดอู่ซ่อมรถหลายสิบแห่ง มูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นในตอนนี้ก็น่าจะอยู่ราวประมาณสามสิบล้าน”
“ในนี้เป็นรายการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน และยังมีเอกสารรับรองประกอบด้วย”
ผู้อาวุโสทั้งสองคนก็นำเอกสารพวกนั้นออกมา แล้วทำการตรวจสอบอย่างจริงจัง อีกทั้งยังโทรศัพท์เพื่อยืนยันความถูกต้องอีกด้วย
ในระหว่างนี้ ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายที่อยู่รอบบริเวณนั้นต่างก็เงียบสงบอย่างผิดปกติ รอฟังผลการตรวจสอบของผู้เฒ่าทั้งสอง
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที หนึ่งในผู้อาวุโสก็พยักหน้าพูดว่า “ตรวจสอบแล้วถูกต้อง รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นราวสามสิบเอ็ดล้าน!”
“จากสิบล้านเป็นสามสิบเอ็ดล้าน เพิ่มขึ้น3.1 เท่า!”
ผลการประเมินของหลินต้งออกมาแล้ว คือ 3.1 เท่า
ผลคะแนนนี้ไม่ดีและไม่เลวจนเกินไป อยู่ในระดับปานกลาง
“คนต่อไป หลินฉี!”
หลินฉีเป็นชายหนุ่มใส่แว่นที่หน้าตาเรียบร้อย นิสัยดูเหมือนค่อนข้างเก็บตัว เดินมาตรงหน้าผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสอง ก้มหน้าลงเล็กน้อย รู้สึกเกร็งบ้างเล็กน้อย
“เงินทุนตั้งต้นสิบล้าน ผมเอาไปเล่นหุ้นจนหมดเลย” เสียงของหลินฉีเบามาก
แต่ว่า ภายในห้องโถงใหญ่เงียบสงบมาก คนที่อยู่ข้างในทุกคนต่างก็ได้ยินคำพูดของเขา
“ฮ่าๆ หลินฉีเจ้าหมอนี่ ถึงกับเอาเงินลงทุนตั้งต้นไปเล่นหุ้นทั้งหมดเลย!”
“สงสัยจะขาดทุนจนไม่เหลือสักแดงเดียวล่ะมั้ง!”
“ดูไปแล้วคนที่ได้ที่โหล่สุดคราวนี้ ไม่ใช่หลินเหลยหนุ่มเจ้าสำราญคนนั้นแล้วล่ะ อาจจะเป็นหลินฉีก็ได้นะ!”
“ไม่หรอก อย่าลืมนะว่า ยังมีอีกคนที่แม้แต่เงินทุนตั้งต้นก็ยังไม่เคยได้รับเลยมาเข้าร่วมประเมินครั้งนี้ด้วย”
“ใช่ๆ ฉันเกือบลืมหลินหยุไอ้เด็กเหิมเกริมคนนั้นไปเลย เขาจะต้องได้ที่หนึ่งนับจากข้างหลังมาอย่างแน่นอน”
ยังไม่ทันที่หลินฉีจะพูดจบ ก็ถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของฝูงชนพูดแทรกขึ้นมา ทำให้หลินฉีตกใจจนไม่กล้าพูดต่อไปอีก
ชายชราคนหนึ่งจึงหยิบแฟ้มข้อมูลมาจากมือของหลินฉี แล้วเริ่มทำการตรวจสอบ
ผ่านไปสักครู่ ชายชราคนนั้นก็เงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นภายในห้องโถงใหญ่ก็เงียบสงบลงทันที
“หลินฉี เงินทุนตั้งต้นสิบล้าน ได้กำไรสามสิบห้าล้าน!”
“เพิ่มขึ้น3.5เท่า!”
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง!
“ฉันคงไม่ได้ฟังผิดนะ ไอ้หมอนี่เล่นหุ้นถึงกับได้กำไรมากขนาดนี้เชียว!”
“หลินฉีเจ้าเด็กนี่ใช้ได้เลยทีเดียว! ปกติดูไม่ค่อยออกเลย คิดไม่ถึงว่าถึงกับมีหัวในทางการเล่นหุ้นเสียด้วย!”
“ใช้ได้ๆ ฉันว่าต่อไปหลินฉีสามารถเอาดีทางด้านการเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉพาะเลยนะ”
นับว่าหลินฉีสามารถทำให้ผู้คนทั้งหลายรู้สึกช็อกเล็กน้อยได้บ้าง
“คนต่อไป หลินโร่สุ่ย!”
หลินโร่สุ่ยสะดุ้งตกใจ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำให้ตัวเองสงบนิ่งลง
หลินหยุนเข็กหน้าผากเธอเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “สู้ๆนะ”
“อึม” หลินโร่สุ่ยพยักหน้า แล้วเดินไปข้างหน้า
สายตาของผู้คนทั้งหลาย ต่างก็จับจ้องมาที่ตัวหลินโร่สุ่ย อย่างน้อยก่อนหน้านั้น งานพิธีเปิดตัวของบริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนท์ของหลินโร่สุ่ย สร้างความฮือฮาไม่น้อยเลยทีเดียว
“หลินโร่สุ่ยนี่เอง!”
“ยัยเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ! ไม่รู้ว่าผลงานของเธอเป็นยังไงบ้าง?”
“ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นสร้างความฮือฮาใหญ่โตขนาดนั้น มิหนำซ้ำงานเลี้ยงยอดอัจฉริยะ ยังเชิญเธอไปร่วมงานอีกด้วย ถ้าหากครั้งนี้ผลงานไม่ดีละก็ เกรงว่าเธอก็คงต้องตกรอบไปอีกแล้ว”
สวี่เหม่ยเย้นรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “ตงเย่ว เป็นโร่สุ่ยนี่!”
หลินตงเย่วพยักหน้า พูดด้วยเสียงต่ำว่า “เห็นแล้ว”
สวี่เหม่ยเย้นพูดว่า “ไม่รู้ว่าผลงานของโร่สุ่ยเป็นยังไงบ้าง?”
“ถึงแม้ว่าจะสู้โร่หลันไม่ได้ก็จริง แต่ก็น่าจะไม่เลวจนเกินไป” หลินตงเย่วก็ยังคงไม่ค่อยเชื่อมั่นในลูกสาวคนเล็กคนนี้เท่าไรนัก
อีกด้านหนึ่ง หลินโร่หลันมองดูน้องสาวของตัวเอง สายตาแสดงออกถึงความหวังที่รอคอย
“โร่สุ่ย ฉันอยากรู้จริงๆเลย คุณหลินผู้ลึกลับคนนั้น สามารถสร้างผลประโยชน์ให้แกได้มากขนาดไหนกัน”
หลินโร่สุ่ยเดินมาถึงตรงหน้าผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสอง แล้วยื่นแฟ้มข้อมูลเอกสารไปให้
“เงินทุนตั้งต้นสิบล้าน ฉันเอาไปเปิดบริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนท์หนึ่งแห่ง อึม ตอนนี้มูลค่าทางการตลาดอยู่ที่ประมาณราวหนึ่งร้อยล้าน”
คำพูดของหลินโร่สุ่ย ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงทันที!
“หนึ่งร้อยล้าน โอ้สวรรค์ นี่กำไรถึงสิบเท่าตัวเลยนะ!”
“บริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนท์ของหลินโร่สุ่ยเพิ่งจะเปิดได้ไม่ถึงปี ต่อให้มีชายลึกลับคนนั้นคอยช่วยเหลือ ก็ไม่น่าจะได้กำไรเพิ่มสูงขึ้นขนาดนี้ได้เลย!”
“ไม่แน่ใจ รอผลการตรวจสอบออกมาก่อน! อาจไม่แน่จะเป็นการรายงานเท็จก็ได้?”
สีหน้าหลินตงเย่วก็ตกตะลึงเช่นกัน “หนึ่งร้อยล้าน นี่ผลงานยังดีกว่าของโร่หลันเมื่อปีที่แล้วอีกเลย ฉันจำได้ว่าตอนนั้นโร่หลันเพิ่มขึ้นเพียงแค่เก้าเท่าตัวเท่านั้นเอง”
สวี่เหม่ยเย้นพูดว่า “อาจไม่แน่เป็นแค่รายงานเท็จก็ได้มั้ง? นี่ยังไม่ถึงปีนึงเลย ต่อให้มีคนคอยช่วยเหลือ ก็ไม่มีทางที่จะเพิ่มขึ้นได้มากขนาดนี้หรอก!”
หลินโร่หลันสีหน้าบึ้งตึง มองดูหลินโร่สุ่ย ในใจรู้สึกตกตะลึง “หนึ่งร้อยล้าน นี่เป็นไปได้ยังไงกัน!”
หลินเห้าก็ตกใจเล็กน้อย “คิดไม่ถึงจริงๆเลย หลินโร่สุ่ยถึงกับเก่งกาจขนาดนี้เชียว! ผู้ลึกลับคนนั้นเป็นใครกันแน่? เบื้องหลังเป็นยังไง? ยังไม่ทันได้ออกหน้าเลย ก็สามารถทำให้บริษัทของหลินโร่สุ่ยได้กำไรถึงสิบเท่าในระยะเวลาสั้นขนาดนี้!”
“ยังดีที่ฉันเตรียมตัวมาก่อนแล้ว ไม่เช่นนั้นละก็คนที่ได้ที่หนึ่งในการประเมินผลงานของตระกูลครั้งนี้ อาจไม่แน่ถูกหลินโร่สุ่ยแย่งชิงไปก็ได้”
ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองก็พยักหน้า “ตรวจสอบแล้วถูกต้อง!”
“มูลค่าทรัพย์สินในตลาดประมาณหนึ่งร้อยสิบล้าน เพิ่มขึ้น 11เท่า”
ผู้คนต่างตกตะลึงทันที
“ยินดีด้วยนะตงเย่ว ผลงานของลูกสาวคนเล็กของนาย ยังดีกว่าของโร่หลันปีที่แล้วเสียอีก ลูกสาวนายมีอนาคตสดใสทั้งสองคนเลย!” หลินหมิงหว่างที่เป็นเชื้อสายตระกูลทางท่านหลินสี่ พูดด้วยสีหน้าชื่นชม
“นั่นน่ะสิ ตงเยว่วาสนาดีจริงๆ อบรมเลี้ยงดูลูกสาวได้ดีทั้งสองคนเลย!”
หานเจียวเจียวก็พูดด้วยสีหน้าชื่นชมว่า “พี่สะใภ้เหม่ยเย้น ยินดีด้วยนะ โร่สุ่ยเด็กคนนี้ถึงกับเก่งกาจได้ขนาดนี้ อาจไม่แน่การประเมินผลงานคราวนี้คนที่ได้ที่หนึ่ง จะเป็นเธอก็ได้นะ!”
ในใจของสวี่เหม่ยเย้นรู้สึกภูมิใจ แต่สีหน้าที่แสดงออกค่อนข้างถ่อมตัว “ที่ไหนกัน ยังมีคนอีกตั้งมากขนาดนั้น? อีกทั้งหลินเห้าเด็กคนนั้นก็ฉลาดหลักแหลมมาตั้งแต่เด็กแล้ว ได้ข่าวว่าเปิดบริษัทใหญ่โต ธุรกิจการค้าก็รุ่งเรืองดีมาก โร่สุ่ยจะไปสู้เขาได้อย่างไรกันล่ะ!”
ท่านห้าในจำนวนท่านผู้ใหญ่ตระกูลหลินทั้งห้านั้น ก็พูดกับหลินซื่อเฉิงว่า “ยินดีด้วยนะพี่รอง เชื้อสายตระกูลทางนี้ของพี่มีแต่คนเก่งทั้งนั้นเลย อัจฉริยะสามอันดับแรกของตระกูลหลิน ถูกตระกูลสายทางพี่เหมารวบไปหมดแล้ว”
หลินโล่เฉินเป็นลูกชายของลูกชายคนโตของหลินซื่อเฉิง ส่วนหลินโร่หลันและหลินโร่สุ่ยเป็นลูกของลูกชายคนที่สามของหลินซื่อเฉิง
ในสายเลือดตระกูลทางหลินซื่อเฉิงสายนี้ ถึงแม้รุ่นลูกจะไม่โดดเด่นอะไรเลยก็ตาม แต่ว่าลูกหลานรุ่นที่สามก็ยังนับว่าได้ดิบได้ดีกันทั้งนั้น
หลินซื่อเฉิงพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า “น้องห้าชมเกินไปแล้ว หลานของคุณหลินเห้านั้นยังไม่ได้ประเมินผลงานเลย? ฉันได้ข่าวว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ!”