จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 703 สัญญาในตอนนั้น

บทที่ 703 สัญญาในตอนนั้น

ในห้องโถง เงียบผิดปกติ

ทุกคนมองไปที่นิ่งเฟิ่งเซียนด้วยความตกใจ

เมื่อกี้ บางคนยังสงสัยว่านิ่งเฟิ่งเซียนพูดกลับกัน

แต่ว่า ตอนนี้จากการถามไถ่ของนายท่านหลินซื่อเฉิงแล้ว ไม่มีใครคิดว่านิ่งเฟิ่งเซียนพูดกลับกัน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เจ้าบ้านนิ่งท่านนี้ มาเพื่อขอโทษหลินหยุนจริงๆ

ผู้อาวุโสทั้งห้าของตระกูลหลินต่างก็ตกใจ

ใช้เวลานานกว่าที่นายท่านเฉินจะตั้งสติได้ มองไปที่นิ่งเฟิ่งเซียน และถามว่า “ทำไมเจ้าบ้านนิ่งจึงพูดเช่นนี้?”

“หลินหยุนเป็นสามชั่วอายุคนของตระกูลหลิน จะมีสิทธิ์คู่ควรต่อการขอขมาของเจ้าบ้านนิ่งได้อย่างไร?”

นิ่งเฟิ่งเซียนพูดอย่างเคร่งขรึม “เขาคู่ควร! นอกจากนี้ เพราะตระกูลนิ่งของฉันเองที่ทำผิดก่อน มาขอโทษถึงที่ มันก็เหมาะสมแล้ว!”

หวางซูเฟินทนไม่ไหวแล้ว และถามอย่างเย็นชา “นิ่งเฟิ่งเซียน เธอหมายความว่าอย่างไร? เธอมาถึงที่นี่ เพื่อมาขอโทษลูกชายฉัน?”

“เธอนี่เป็นบ้ามาจากไหน?”

นิ่งเฟิ่งเซียนมองไปที่หวางซูเฟิน ด้วยท่าทางลำบากใจเล็กน้อย ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลนิ่ง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะได้รับข่าวสารอย่างรวดเร็วว่าหลินหยุนเป็นลูกชายแท้ๆของหวางซูเฟิน

จากมิตรภาพของเขากับหวางซูเฟิน รวมถึงสัญญาข้อตกลงในตอนนั้น ไม่แน่ในอนาคตหลินหยุนอาจต้องเรียกเขาว่าพ่อตา

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาต้องเป็นตัวแทนของลูกชาย เพื่อมาขอโทษลูกเขยในอนาคต

พูดตามตรง นิ่งเฟิ่งเซียนรู้สึกลำบากใจเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แม้จะลำบากใจก็ต้องหน้าด้านอดทนไว้ เพื่อที่จะได้รักษาโรคนายท่านนิ่ง ความอัปยศอดสูแค่นี้ไม่มีความหมายอะไรเลย

ยิ่งไปกว่านั้น ในสถานการณ์ปัจจุบัน นิ่งเฟิ่งเซียนเป็นคนหาที่เอง โทษคนอื่นไม่ได้

ในตอนนั้นถ้านิ่งเฟิ่งเซียนรู้จักพอประมาณ ไม่ถึงกับปล่อยให้นิ่งโหย่วฉายขับไล่หลินหยุนออกไป

“ซูเฟิน ฉันมาเพื่อขอโทษหลินหยุนจริงๆ คุณไม่จำเป็นต้องสงสัยเลย ยิ่งไปกว่านั้น ฉันเต็มใจ เพราะยังไง ตระกูลนิ่งของฉันทำผิดก่อน”

ราวกับกังวลว่าหวางซูเฟินจะไม่เชื่อใจ นิ่งเฟิ่งเซียนเหลือบมองคนที่ก้มหัวอยู่ข้างหลัง นิ่งโหย่วฉายที่มีท่าทางเชื่อฟัง และพูดเสียงขรึม “โหย่วฉาย ไปสิ!”

นิ่งโหย่วฉายเงยหัวขึ้นทันที ความอัปยศอดสูฉายในดวงตาของเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงโรคภัยของท่านปู่มีเพียงหลินหยุนเท่านั้นที่สามารถรักษาได้ นิ่งโหย่วฉายตัดสินใจ เดินไปหาหลินหยุน

ทุกคนในตระกูลหลินตกตะลึง คุณชายนิ่งกำลังจะทำอะไร?

จากสายตาของฝูงชนที่จ้องมองนิ่งโหยว่ฉาย ระยะห่างจากหลินหยุนสองเมตร จากนั้น ก็โค้งคำนับ ทำความเคารพ “คุณหลิน ฉันผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ฉันด้วย!”

ทุกคนในตระกูลหลินตกตะลึง

“ไม่ใช่มั้ง คุณชายนิ่งทำความเคารพไอ้หนุ่มคนนั้น! และยังขอโทษไอ้หนุ่มคนนั้นด้วย!”

“นี่ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จริงๆเหมือนพระอาทิตย์คงจะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วมั้ง?”

ทุกคนในตระกูลหลิน ต่างเบิกตากว้าง จ้องมองฉากนี้ด้วยท่าทางที่เหลือเชื่อ

ใบหน้าของหลินหยุนเรียบเฉย และไม่สนใจนิ่งโหย่วฉาย

ดูเหมือนว่านิ่งเฟิ่งเซียนคาดเดาไว้แล้ว รีบเดินตาม เดินตามไปด้วยตนเอง

นิ่งโหย่วหรงเดินตามเขาช้าๆ และเดินไปหาหลินหยุน

นิ่งเฟิ่งเซียนยืนเคียงข้างกับนิ่งโหย่วฉาย และโค้งคำนับให้หลินหยุน “คุณหลิน ก่อนหน้านี้เป็นความผิดของพวกเรา โปรดยกโทษให้ด้วย!”

นิ่งโหย่วฉายตกใจ “คุณพ่อ นี่เป็นความผิดของผม ผมขอโทษเขาก็พอแล้ว ท่านมีฐานะที่ทรงเกียรติ จะทำเรื่องอย่างนี้ได้อย่างไร!”

นิ่งเฟิ่งเซียนยื่นมือออกไป เพื่อห้ามนิ่งโหยวฉายไม่ให้พูดต่อ “แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเพราะแก ในฉันอยู่ในฐานะเจ้าบ้านตระกูลนิ่ง ฉันไม่ได้ห้ามเอาไว้ และฉันก็มีส่วนผิดด้วย”

“เพื่อแสดงความจริงใจ วันนี้ฉันมาที่บ้านเพื่อขอโทษด้วยตัวเอง และหวังว่าคุณหลินจะยกโทษให้ฉัน!”

หลังจากพูดจบ นิ่งเฟิ่งเซียนก็มองหลินหยุนอย่างเงียบๆ นิ่งโหย่วฉายก็มองไปที่หลินหยุนด้วยความอัปยศ รอให้หลินหยุนพูด

ในห้องโถง ทุกคนในตระกูลหลินตกใจมาก!

หลินเหลยอ้าปาก กลืนน้ำลาย และพูดอย่างตะกุกตะกัก “เห้า พี่เห้า ฉันฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? เจ้าบ้านตระกูลนิ่งแห่งเมืองหลวง จากเมืองหลวงมายังบ้านเก่าตระกูลหลินซึ่งมีระยะทางไกลมาก เพียงเพื่อต้องการขอโทษไอ้หนุ่มหลินหยุนคนนั้น!”

“แม้ว่าหลินหยุนจะถือหุ้นของน้ำแห่งชีวิต10% มีอนาคตที่สดใส แต่ตระกูลนิ่งอาจก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเขา!”

หลินเห้าพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าโง่ เจ้าบ้านนิ่งต้องขอโทษเขาในเรื่องอื่นแน่นอน แต่พวกเราไม่รู้เหตุผลเท่านั้น”

“หลินหยุนไอ้หนุ่มคนนี้ เก็บซ่อนความลับได้ดีจริงๆ! แต่ก่อนพวกเรา ประเมินค่าเขาต่ำเกินไป!”

ดวงตาที่สวยงามของหลินโร่หลัน แฝงด้วยความน่ากลัว

“เป็นไปได้อย่างไร! เขามีความสามารถอะไรกันแน่ ถึงกับทำให้เจ้าบ้านตระกูลนิ่งแห่งเมืองหลวง มาขอโทษถึงที่บ้านของตระกูลหลินด้วยตัวเอง!”

“ในตัวเขา มีความลับพิเศษอะไรที่คนอื่นยังไม่รู้?”

ใบหน้าของหลินโล่เฉินซีดขาว มองไปที่หลินหยุน ราวกับว่าเขาได้เห็นสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัว

“ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่เห็นคุณชายนิ่งอยู่ในสายตา และทัศนคติของเขาก็เย่อหยิ่งมาก ที่แท้ เจ้าบ้านตระกูลนิ่งยังต้องมาขอโทษเขาถึงบ้านตระกูลหลินด้วยตัวเอง!”

“หึหึ ฉันยังคิดว่าสามารถจับจุดอ่อนของเขาได้แล้ว เพื่อต้องการให้คุณชายนิ่งกดขี่เขา เลยวางแผนมาเป็นเวลาสามวัน”

“บางทีในสายตาของเขา ฉันก็เหมือนลิง กระโดดขึ้นลงต่อหน้าเขา!”

หานเจียวเจียวกับสวี่เหม่ยเย้นและคนอื่นๆ ก็ตกใจเช่นกัน

“เป็นไปได้อย่างไร! ไอ้หนุ่มคนนี้มีความสามารถอะไร? ถึงกับทำให้เจ้าบ้านตระกูลนิ่งแห่งเมืองหลวงมาที่ตระกูลหลินด้วยตัวเองเพื่อขอโทษเขา!”

ผู้อาวุโสทั้งห้าของตระกูลหลิน สีหน้าดูตกใจ และสายตาที่มองหลินหยุน เต็มไปด้วยความสงสัย

หลินซื่อเฉิงมองไปที่หลินหยุน และตกใจ “ดูเหมือนว่า หลานชายของฉันคนนี้ ในการประเมินของตระกูล เพิ่งเปิดเผยออกมาบางส่วนเท่านั้น!”

หลินตงหัวกับหวางซูเฟิน ต่างจ้องมองหน้ากัน

แม้ว่าหวางซูเฟินจะรู้ว่าหลินหยุนมีความสามารถมาก แต่ว่า เธอคาดไม่ถึงว่าหลินหยุนสามารถทำให้เจ้าบ้านตระกูลนิ่งมาขอโทษถึงที่บ้าน!

ทุกคน สายตากำลังเพ่งเล็งไปที่หลินหยุน

เจ้าบ้านตระกูลนิ่งสามารถมาขอโทษด้วยตัวเอง นี่มันเป็นเกียรติที่สูงส่งแค่ไหน!

แม้ว่าหลินหยุนกับตระกูลนิ่งจะเข้าใจผิดกัน แต่ก็ควรได้รับการแก้ไขแล้ว!”

หลินหยุนเหลือบมองนิ่งเฟิ่งเซียน ด้วยใบหน้าเฉยชา “ฉันเคยพูดแล้ว พวกคุณไล่ฉันไปนี่มันง่ายนิดเดียว แต่ถ้าต้องการที่จะเชิญฉันกลับมาอีก มันจะยากกว่า”

“พวกเธอไปเถอะ อย่ามารบกวนฉันอีก”

“……”

ทุกคนในตระกูลหลินพูดไม่ออก

“ไม่ใช่แล้วมั้ง เจ้าบ้านตระกูลนิ่งมาขอโทษถึงบ้าน เขา เขาถึงกับปฏิเสธ!”

“ไอ้หนุ่มคนนี้บ้าไปแล้ว! นั่นคือเจ้าบ้านตระกูลนิ่งแห่งเมืองหลวง! เจ้าบ้านตระกูลนิ่งมาขอโทษด้วยตัวเอง นี่เป็นเกียรติที่สูงส่งขนาดไหน! เขายังไม่พอใจอีก!”

ทุกคนในตระกูลหลิน ไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว

สีหน้าหลินเห้าเคร่งขรึม “ไอ้หนุ่มคนนี้เย่อหยิ่งเกินไป! เจ้าบ้านนิ่งมาขอโทษด้วยตัวเอง แต่เขากลับปฏิเสธ เขาต้องการยั่วยุเจ้าบ้านนิ่งหรือ?”

หลินเหลยรีบพูดเหมือนกัน “ใช่แล้วใช่แล้ว ไอ้หนุ่มคนนี้ต้องการทำให้ตระกูลหลินของเราเดือดร้อน ถึงจะพอใจเหรอ! ทำให้ตระกูลนิ่งโกรธเคือง ฉันจะดูว่าเขาจะทำยังไง!”

หานเจียวเจียวจ้องไปที่หวางซูเฟิน พูดอย่างกังวล “พี่สะใภ้รอง คุณยังไม่รีบเกลี้ยกล่อมลูกชายของคุณ ต้องรู้จักขอบเขต เขาต้องการทำให้ตระกูลนิ่ง โกรธเคืองเหรอ? ถ้าตระกูลนิ่งโกรธขึ้นมาจริงๆ เขาจะทำให้ตระกูลหลินเดือดร้อน!”

หลินตงหัวและหวางซูเฟิน ก็รู้สึกทนดูไม่ไหวแล้ว

หลินตงหัวพูดว่า “หลินหยุน เจ้าบ้านตระกูลนิ่งมาขอโทษเธอด้วยตัวเอง เธอก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”

หวางซูเฟินก็พูดว่า “ไอ้เด็กบ้า ทำอะไรต้องรู้จักให้อภัยคนอื่นอย่าใจดำเกินไป ตระกูลนิ่งกับฉัน มีมิตรภาพที่ดี เธออย่าทำเกินไป!”

นอกจากหลินซื่อเฉิง ผู้อาวุโสอีกสี่คนของตระกูลหลินก็ยังเกลี้ยกล่อม ให้หลินหยุนยกโทษให้นิ่งเฟิ่งเซียน

หลินหยุนเงียบ และไม่แสดงท่าทางที่ชัดเจน

แต่นิ่งเฟิ่งเซียนเป็นคนแรกที่เอามือประสานกันคำนับทุกคน “ความหวังดีของทุกคนฉันรับไว้ ความจริงก่อนที่ฉันจะมา ก็เตรียมใจไว้แล้ว!”

“ฉันรู้ว่าคุณหลินจะไม่ยกโทษให้ฉันง่ายๆแน่นอน”

“ครั้งนี้ที่ฉันมาที่นี่ นอกจากมากล่าวคำขอโทษต่อคุณหลินแล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีก”

หลังจากพูดจบ นิ่งเฟิ่งเซียนก็มองไปที่หวางซูเฟิน และพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ซูเฟิน ฉันมาเพื่อทำตามสัญญาในตอนนั้น!”

เฉินต๋าจี่สีหน้ายังคงเย่อหยิ่งเช่นเดิม มองดูผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองคน

“ผลการตรวจสอบถูกต้องหรือไม่? นี่คือใบแสดงรายการทรัพย์สินชุดที่ 1 มูลค่าราวประมาณหนึ่งพันล้าน”

สีหน้าของผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองเคร่งขรึม แต่ไม่ตอบอะไร

ในห้องโถงใหญ่นั้น ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายต่างส่งเสียงอื้ออึงขึ้นมาทันที

“เท่าไหร่นะ? หนึ่งพันล้าน! ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่มั๊ย?”

“ฮาๆ หลินหยุนเจ้าเด็กนี่กำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า? สูงถึงพันล้านเชียว เขาสามารถเอาออกมาได้สิบล้านก็ถือว่าบุญโขแล้ว คนสมัยนี้คุยโวขี้โม้ก็ไม่รู้จักคิดก่อนมั่งเลย?

“แต่ว่า หลินหยุนเจ้าเด็กนี่ไม่รู้ว่าไปจ้างนักแสดงคนนี้มาจากไหน ไม่เลยจริงๆ เวลาที่พูดโกหกสีหน้าไม่เปลี่ยนเลย!”

เหลินเหลยหัวเราะเสียงดังแล้วพูดเยาะเย้ยว่า “เฮ้ย หลินหยุน หัวสมองแกถูกเตะจนได้รับกระทบกระเทือนไปแล้วล่ะ! มีตั้งหนึ่งพันล้าน แกกำลังโกหกใครอยู่เหรอ?

“พี่เห้า พี่ว่าเจ้าเด็กนี่กำลังเล่นตลกหรือเปล่า ต่อหน้ากรรมการทั้งสองคน ถึงกับยังกล้าขี้โม้อีก เขานึกว่ากรรมการของตระกูลหลินพวกเรากินหญ้ารึไง?”

หลินเห้าพูดด้วยสีหน้าดูถูกว่า “เจ้าเด็กนี่กลายเป็นคนของตระกูลหลินของพวกเรา ทำให้ตระกูลหลินพวกเราต้องอับอายขายขี้หน้า! ไม่ได้การแล้ว ฉันจะต้องหาทางไล่เขาออกจากตระกูลหลินให้ได้เลย!”

สายตาของหลินโร่หลันก็ยิ่งเหยียดหยามมากขึ้น“หลินหยุนเอ้ยหลินหยุน อาการยโสโอหังของแกมันช่างน่าขยะแขยงจริงเลย!”

“เป็นคนตระกูลหลินเหมือนแกด้วยแล้ว ฉันก็ยิ่งรู้สึกขายหน้าไปด้วย!

“ฉันจะต้องหาทางไล่แกออกจากตระกูลหลินให้ได้! จะไม่ยอมให้แกต้องทำให้น้องสาวฉันต้องเดือดร้อนไปด้วยเป็นอันขาด!”

หลินโล่เฉินมองดูหลินหยุนด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าบึ้งตึง “มันช่างขายหน้าจริงๆเลย! ต่อหน้ากรรมการตรวจสอบ แกถึงกับยังกล้ายโสโอหังอีก! ประเดี๋ยวถูกกรรมการตรวจสอบจับได้ ฉันจะดูซิว่าแกจะตกอยู่ในสภาพยังไง!”

หานเจียวเจียวหัวเราะด้วยเสียงแหลมของเธอแล้วพูดว่า “ฮาๆ ทุกคนได้ยินหรือยัง? หนึ่งพันล้าน เจ้าเด็กนี่ไปหาผู้หญิงคนนี้มาช่วยพูดว่าหนึ่งพันล้าน!”

“เขาคิดว่ากรรมการตรวจสอบเป็นไอ้โง่ หรือคิดว่าตระกูลหลินพวกเราเป็นไอ้งั่งกันหมด!”

“พี่ตงหัวนี่ก็คือลูกชายที่แสนดีของพี่สินะ! ร้ายกาจจริงๆ หนึ่งพันล้าน กำไรเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยเท่าเลย!

หานเจียวเจียวพูดเยาะเย้ยด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย

สวี่เหม่ยเย้นพูดเยาะเย้ยเพิ่มเติมว่า “ร้ายกาจจริงๆ ความสามารถในการคุยโวช่างร้ายกาจจริงๆ! ตระกูลหลินทั้งตระกูล ก็คงไม่มีใครสู้เขาได้อีกแล้ว!”

“ถูกต้อง เจ้าเด็กนี่มีความสามารถคุยโม้เป็นที่หนึ่งของตระกูลหลินอย่างแน่นอน ไม่มีใครเทียบได้อีกแล้ว”

“พี่ตงหัว ลูกชายของพี่คนนี้ สุดยอดจริงๆเลยนะ!” หลินตงเย่วพูดแดกดันอย่างเยาะเย้ย

“ฮาๆ เดิมทีนึกว่าในที่สุดหวางซูเฟินได้พบกับลูกในไส้แล้ว ต่อไปก็คงไม่มีปมด้อยอีก แต่นึกไม่ถึงว่าลูกชายคนนี้ ถึงกับเป็นอย่างนี้ มันเป็นเหมือนสวรรค์จงใจส่งมากลั่นแกล้งหวางซูเฟินให้ทนทุกข์ทรมานโดยเฉพาะ ต่อไปถ้าบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปตกทอดถึงมือเจ้าเด็กนี่แล้วละก็ คาดว่าไม่ถึงหนึ่งเดือนก็คงล้มละลายไปหมดแล้ว”

“เจ้าเด็กนี่ยโสโอหังขนาดนี้ ฉันยังแปลกใจว่าเขามีชีวิตอยู่รอดมาถึงตอนนี้ได้ยังไง?”

ผู้คนตระกูลหลินเหล่านี้ ต่างก็โจมตีหลินหยุนอย่างไม่หยุดยั้ง

หลินตงหัวสีหน้าละอาย ก้มหน้าลงไม่กล้าพูดอะไร นึกเสียใจลึกๆอยู่ในใจ ถ้ารู้มาก่อนว่าหลินหยุนจะขึ้นไปพูดจาเหลวไหลขนาดนี้ละก็ ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้เขาเข้าร่วมประเมินผลงานด้วยเป็นอันขาด

สีหน้าของหวางซูเฟินยังคงเยาะเย้ย มองดูสีหน้าท่าทางคำพูดที่ประชดประชันของคนตระกูลหลินเหล่านั้น ในใจก็หวังให้คนพวกนี้กระโดดสูงมากขึ้น

เพราะถ้ากระโดดยิ่งสูงมากเท่าไหร่ เวลาที่ตกลงมาก็ยิ่งเจ็บหนักมากขึ้นเท่านั้น

ในบรรดาท่านผู้ใหญ่ตระกูลหลินทั้งห้านั้น ท่านสี่อารมณ์ฉุนเฉียวใจร้อนที่สุด รู้สึกทนไม่ไหวอีกแล้ว ทำเสียงฮื่อใส่แล้วพูดว่า “เจ้าเด็กนี่ไม่ได้เรื่องจริงเลย เขาทำเหมือนว่า กรรมการตรวจสอบของตระกูลหลิน เหมือนไอ้โง่ที่หลอกง่ายยังไงก็ได้? เหลวไหลจริงๆ!”

ท่านหลินห้าก็พูดเสริมว่า “นั่นนะสิ ต้องอบรมสั่งสอนเด็กนี่ให้ดีแล้วนะ”

สีหน้าของหลินซื่อเฉิงเรียบเฉยมาก ไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอด

หลินหยุนเพิ่งจะได้พบกับพ่อแม่ที่แท้จริง ช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนซึ่งก็เป็นเหตุผลที่พอเข้าใจได้ คนที่เป็นปู่อย่างเขาในใจย่อมต้องรู้สึกติดค้างหลินหยุนอยู่บ้าง

แต่ว่าเมื่อพูดตามความจริงแล้ว ในใจของหลินซื่อเฉิงก็ยังรู้สึกเหมือนกันว่า หลินหยุนก็ยโสโอหังเกินไปหน่อย

หนึ่งพันล้าน แม้แต่หลินโล่เฉินที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของคนรุ่นใหม่ตระกูลหลินยังทำไม่ได้เลย

“ถ้าเขาพูดโกหกจริง ก็ย่อมต้องถูกกรรมการตรวจสอบเปิดโปงแน่ พวกเราอย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่านะ!” หลินซื่อเฉิงพูดอย่างเรียบๆ

ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน คำพูดของเขาย่อมต้องมีอำนาจสิทธิ์ขาดเสมอ

ผู้อาวุโสทั้งสี่ที่เหลือ ถึงแม้ในใจรู้สึกไม่พอใจบ้างก็ตาม แต่ว่าก็ยังไม่กล้าคัดค้านความเห็นของหลินซื่อเฉิงเหมือนกัน

ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองไม่ได้ตอบคำถามของเฉินต๋าจี่เลย ถึงแม้ได้ตรวจสอบแล้วยืนยันว่า ทรัพย์สินจำนวนหนึ่งพันล้านนี้ถูกต้องทั้งหมด แต่ว่า พวกเขาก็ยังคงไม่อยากจะเชื่อเหมือนเดิม หลินหยุนเจ้าเด็กนี่ยังไม่เคยได้รับเงินทุนตั้งต้นเลย จะสามารถหาเงินได้ถึงพันล้านเชียว!

ดูเหมือนว่าเฉินต๋าจี่จะเข้าใจความคิดของผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสอง จึงถามขึ้นอีกครั้งว่า “เป็นยังไงล่ะ? ผลการตรวจสอบมันประกาศยากมากเลยเหรอคะ?”

“งั้นฉันจะช่วยพวกคุณอ่านประกาศแทนก็แล้วกัน!”

เฉินต๋าจี่ก็เอาใบรายการแสดงทรัพย์สินฉบับนั้นกลับมา หันหน้ามาประกาศต่อหน้าเหล่าผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายด้วยเสียงใสเย็นชาว่า “บริษัทบริษัท คางเย่ จำกัดที่จงโจวเป็นทรัพย์สินของเจ้านายฉันเอง มูลค่าทางการตลาดหนึ่งพันล้าน”

เมื่อเฉินต๋าจี่พูดจบ ทั้งห้องโถงใหญ่ก็เงียบสงัด!

ทุกคนต่างก็จ้องมองเฉินต๋าจี่ด้วยอาการตกตะลึง สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที ทุกคนต่างก็ได้สติคืนมา

เหลินเหลยแหกปากตะโกนราวกับถูกผีหลอกว่า “พันล้าน เป็นไปได้ยังไง! ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วเหรอ? อาศัยแค่เจ้าเด็กนี่เป็นไปได้ยังไงที่จะหามาได้ถึงพันล้าน!”

หลินเห้าสีหน้าบูดบึ้ง ในใจรู้สึกตกตะลึง “นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”

แต่ว่าหลินเห้าสังเกตเห็นว่าสีหน้าของผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองเคร่งเครียดมาก

แต่ก็ไม่ได้พูดคัดค้านเฉินต๋าจี่เลย เห็นได้ชัดว่า ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองได้ตรวจสอบถูกต้องแล้ว เพียงแต่คิดเหมือนกับทุกคน ที่ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน ดังนั้นจึงยังไม่ประกาศออกมา

“ เขาสามารถหาเงินได้ถึงหนึ่งพันล้านจริงๆ! ไม่! นี่เป็นไปไม่ได้แน่นอนเลย!”

หลินเห้าไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด อย่าว่าแต่พันล้านเลย แม้แต่ร้อยล้าน ถ้าแม้แต่เงินทุนตั้งต้นยังไม่มีละก็ งั้นก็เหมือนคนฝันละเมอเพ้อพกอย่างไม่ต้องสงสัย

ต้องรู้ว่าการประเมินผลงานของตระกูลนั้นจะต้องพึ่งความสามารถของเจ้าตัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่สามารถที่จะอาศัยอำนาจบารมีเส้นสายภายนอกช่วยเหลือเลย ถ้าตัดประเด็นนี้ของตระกูลออกไปแล้ว พวกเขาก็จะเหมือนเด็กหนุ่มสาวธรรมดาทั่วไปเท่านั้นเอง

ด้วยอายุของพวกเขาตอนนี้ ซึ่งอาจจะยังกำลังเรียนอยู่มัธยมปลายก็ได้ ถ้าใครสามารถทำกำไรจากเงินทุนตั้งต้นเพิ่มขึ้นหลายเท่า ก็นับได้ว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะในบรรดาอัจฉริยะด้วยกันแล้ว

ใบหน้าที่สะสวยของหลินโร่หลัน ขยับปากเล็กน้อยพูดว่า “นี่มันเป็นไปได้ยังไง! หรือว่าเป็นเพราะบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปแอบช่วยเหลือเขาอยู่?”

“ฮื่อ คิดจะอาศัยความช่วยเหลือจากบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป แล้วคิดจะมั่วเอาผลงานมาเข้าร่วมประเมินผลงานของตระกูล ฝันไปเถอะ!”

หลินโร่หลันก็แอบตัดสินใจแล้วว่า จะเปิดโปงหลินหยุนทันที

หลินโล่เฉินสีหน้าก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน “หรือว่าคุณอาสะใภ้หวางแอบช่วยเหลือเขาหรือ? งั้นต้องถือว่าเขาฝ่าฝืนกฎกติกาแล้ว”

หานเจียวเจียวยิ่งเอาใหญ่ มองไปยังหวางซูเฟิน ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน พูดประชดประชันว่า “ไอ้หยา มีคนบางคนแต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลหลินตั้งนานแล้ว หรือว่าแม้แต่กฎกติกาของการประเมินผลงานตระกูลหลินก็ยังไม่รู้เลยเหรอ? ถึงกับช่วยเหลือลูกชายตัวเองทุจริตการประเมินผลงาน!”

“นั่นน่ะสิ การทำผิดกฎแบบนี้ จะต้องได้รับการลงโทษจากกฎระเบียบของตระกูลด้วย!”

สวี่เหม่ยเย้นก็พูดประชดแดกดันอย่างเย้ยหยันว่า “ดูเหมือนว่ามีใครบางคนเพื่อที่จะทำให้ลูกชายตัวเองได้กลับเข้าตระกูลหลินแล้ว ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่เลยนะ!”

“เสียดายที่ว่า คุณคิดว่ากฎระเบียบของตระกูลหลินตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นไม้ประดับงั้นเหรอ?”

หลินตงเย่วถึงกับต่อว่าหลินตงหัวด้วยความโกรธว่า “พี่รอง พี่หมายความว่ายังไงกัน หรือเป็นเพราะว่าพี่อยู่แต่ข้างนอก จนลืมแม้กระทั่งกฎระเบียบของตระกูลไปแล้ว!”

“การประเมินผลงานของตระกูล จะต้องอาศัยความสามารถของเจ้าตัวเท่านั้น ไม่สามารถอาศัยความช่วยเหลือจากที่อื่นทั้งนั้น หรือว่าประเด็นนี้ฉันจะต้องคอยเตือนพี่อีกเหรอ?”

หลินตงหัวรู้สึกอับอายมาก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหวางซูเฟินถึงกับแอบช่วยเหลือหลินหยุนโดยพลการ “ซูเฟิน ทำแบบนี้ คุณก็ทำไม่ถูกแล้วนะ! คุณไปช่วยเหลือเขาได้ยังไงกัน!”

หวางซูเฟินทำตาเขม็งใส่หลินตงหัว พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ฉันไปช่วยเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ก่อนหน้าวันนี้ ฉันก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า เขาก็คือลูกแท้ๆในไส้ของเรา แล้วจะไปช่วยเขาได้ยังไงกันล่ะ!”

“เงินพวกนี้ เขาเป็นคนหาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเองทั้งนั้น”

ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายเดิมทีก็อาศัยเรื่องที่หวางซูเฟินไม่มีลูกมาโจมตีเธอ แต่ตอนนี้ ข้อบกพร่องจุดเดียวที่มีอยู่นี้ก็ไม่มีเหลืออีกแล้ว

ทุกคนในตระกูลหลิน ก็หาข้ออ้างอะไรที่จะมาโจมตีหวางซูเฟินไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

หลินหยุนยืนอยู่ตรงหน้าหวางซูเฟิน แล้วหันหน้ากลับมากวาดสายตามองไปยังผู้คน ทั้งหลายด้วยสายตาที่เรียบเฉย

“เมื่อกี้ผมเคยพูดไว้ว่า ถ้าหากผมต้องการจะกลับเข้ามาในตระกูลหลินละก็ พวกคุณใครก็ไม่สามารถที่จะขัดขวางฉันได้ทั้งนั้น”

น้ำเสียงของหลินหยุนเรียบเฉย แต่ว่าเมื่อทุกคนได้ยินแล้ว กลับดูเหมือนเป็นการเสียดสีที่ทิ่มแทงลึกเข้าไปในหัวใจ

หลินเห้ากัดฟันไว้แน่น แอบกำหมัดแล้วด่าทอว่า “น่าแค้นใจจริงๆ เดิมทีเกือบจะขัดขวางไม่ให้เจ้าเด็กนี่เข้ามาในตระกูลหลินได้สำเร็จแล้วเชียว คิดไม่ถึงว่าเขาถึงกับพลิกเกมกลับมาได้!”

หลินเห้าก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ เขาถึงกับเป็นลูกชายแท้ๆของคุณอาสาม!”

“ตระกูลหลินมีลูกหลานแบบนี้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน นับว่าเป็นความโชคร้ายของตระกูลจริงๆเลย!”

สีหน้าหลินโร่หลันก็รู้สึกประหลาดใจ “เขาถึงกับเป็นลูกชายแท้ๆในไส้ของคุณป้าหวางเชียว!”

“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง!”

เมื่อหลินโร่หลันคิดถึงว่าทีหลังจะต้องมานับญาติกับคนที่ยโสโอหังอย่างนี้แล้ว ในใจก็รู้สึกขยะแขยง

“หวังว่าแกอย่าทำให้ตระกูลหลินเดือดร้อนก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นแล้ว ฉันจะไม่ปล่อยแกแน่!”

พวกสวี่เหม่ยเย้นและหานเจียวเจียว สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธและไม่พอใจ

“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ? เจ้าเด็กนี่ถึงกับกลายเป็นลูกชายแท้ๆของหวางซูเฟินไปได้!”

“ฮื่อ ต่อให้หาลูกชายในไส้เจอแล้วจะทำอะไรได้ล่ะ? เจ้าเด็กที่เหิมเกริมแบบนี้ ต่อไปก็คงเป็นได้แค่ลูกล้างผลาญตระกูลเท่านั้นแหละ”

“พูดถูกต้อง ฉันว่าเจ้าเด็กนี่เป็นคนที่สวรรค์ส่งมาทำลายล้างบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปแน่เลย!”

“น่าขำที่ว่าหวางซูเฟินยังปลาบปลื้มดีใจที่ได้หาลูกชายเจอแล้ว อีกไม่นานเธอจะต้องเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน”

หลินซื่อเฉิงหัวเราะฮาๆ พูดด้วยเสียงดังกังวานว่า “ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง!”

“ตงหัว ซูเฟิน ขอแสดงความยินดีด้วยที่พวกนายทั้งสองได้พบกับลูกชายตัวเองแล้ว!”

“ตระกูลหลินเรา ต่อจากนี้ไปก็ได้เด็กหนุ่มที่เก่งกล้าสามารถเพิ่มมาอีกหนึ่งคนแล้ว!”

หลินตงหัวและหวางซูเฟินก็รู้สึกดีใจมาก คำพูดของหลินซื่อเฉิงนี้ก็เท่ากับว่าได้ยอมรับฐานะของหลินหยุนแล้ว

ทั้งสองคนก็รีบโค้งตัวไหว้ขอบคุณ “ขอบคุณคุณพ่อมาก!”

หลินตงหัวมองไปยังหลินหยุน พูดด้วยเสียงเข้มงวดว่า “หลินหยุน ยังไม่รีบขอบคุณคุณปู่ลูกอีก!”

หลินหยุนก้าวเดินออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าว โค้งตัวคำนับไหว้ขอบคุณแล้วพูดว่า “ขอบคุณคุณปู่มากครับ!”

“ดีๆ ดีจริงๆเลย!” ในใจของหลินซื่อเฉิงรู้สึกปลาบปลื้มยินดี ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าบ้านตระกูลหลิน แม้แต่เรื่องแต่งงานของลูกชายตัวเองก็ยังไม่สามารถปกป้องไว้ได้ นายท่านก็รู้สึกผิดต่อหลินตงหัวและหวางซูเฟินมาโดยตลอด

เมื่อครู่นี้ถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนต่างก็คัดค้านละก็ เขาก็เตรียมที่จะตอบตกลงรับหลินหยุนเข้าตระกูลหลินไปแล้ว จะได้ให้หลินตงหัวสองคนสามีภรรยามีผู้สืบสกุลเสียที

แต่ว่า ถึงแม้เขาเป็นถึงเจ้าบ้านตระกูลหลินก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะตัดสินใจโดยพลการเช่นกัน

คราวนี้ทุกอย่างก็ลงเอยดีแล้ว หลินหยุนเป็นสายเลือดตระกูลหลิน ต่อให้ไม่ดียังไงก็ยังเป็นคนตระกูลหลิน นี่เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้

นายท่านผู้อาวุโสทั้งหลายที่เหลือ สีหน้าต่างก็แตกต่างกันไป ถึงแม้ความคิดจะไม่เหมือนกันเลยทีเดียว แต่มีอยู่อย่างเดียวที่เหมือนกันก็คือ สีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ที่มีต่อหลินหยุน

หลินโร่สุ่ยกลับพูดด้วยความดีใจอย่างมากว่า “พี่หลินหยุน ยินดีด้วยค่ะ! คิดไม่ถึงจริงเลยว่า คุณถึงกับเป็นคนของตระกูลหลินพวกเราจริงๆแล้ว!”

หลินโร่หลันทำตาถลนใส่หลินโร่สุ่ย สายตาแฝงด้วยความหมายห้ามปราม แต่ว่า หลินโร่สุ่ยกลับไม่สนใจอะไรเลย

หลินหยุนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ต่อไปคุณก็เป็นน้องสาวที่แท้จริงของฉันแล้ว”

หลินซื่อเฉิงมองไปยังหลินตงหัวแล้วพูดว่า “ตงหัว ครอบครัวพวกนายเพิ่งจะได้พบหน้ากันเมื่อกี้นี้เอง ถ้าหากมีเรื่องอะไรอยากจะคุยกันละก็ ฉันอนุญาตให้เวลาพวกนายพูดคุยกันหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้ก็เริ่มไปกันได้แล้วล่ะ!”

หลินตงหัวดีใจมาก เขามีเรื่องอยากจะถามหลินหยุนมากมายจริงๆ

“ขอบคุณมากครับ คุณพ่อ!”

แต่ว่า หานเจียวเจียวพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “รอเดี๋ยว!”

สายตาของทุกคน ต่างก็จับจ้องไปยังหานเจียวเจียวคนเดียว

“เจ้าบ้านคะ ตอนนี้หลินหยุนเป็นคนของตระกูลหลินเราแล้วใช่ไหมคะ?” หานเจียวเจียวกลับถามขึ้น

ทุกคนต่างก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำถามนี้เท่าไรนัก

หลินซื่อเฉิงก็พูดด้วยเสียงเข้มงวดว่า “ถูกต้อง ในตัวของหลินหยุนมีสายเลือดของตระกูลหลินเราอยู่ด้วย ก็ย่อมต้องเป็นคนของตระกูลหลินเราแน่นอน”

หานเจียวเจียวยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดด้วยสีหน้าสะใจว่า “ในเมื่อเป็นคนของตระกูลหลินเราแล้ว งั้นหลินหยุนตอนนี้ก็อายุยี่สิบต้นๆแล้วใช่ไหม? ถ้าตามกฎกติกาของตระกูลหลินเราแล้ว ตอนที่เขาอายุครบสิบแปดปี ก็ควรจะต้องเข้าร่วมประเมินผลงานของตระกูลแล้ว”

ทุกคนจึงได้เข้าใจทันทีว่า ที่แท้หานเจียวเจียวคิดจะใช้ประเด็นนี้มาเป็นแผนเล่นงานนี่เอง

หลินหยุนเพิ่งจะได้พบหน้ากับพ่อแม่ของตัวเองเมื่อครู่นี้เอง กลายเป็นคนของตระกูลหลินยังไม่ทันครบหนึ่งชั่วโมงเลย ก็ยังไม่ทันได้รับเงินทุนตั้งต้นของตระกูลหลินด้วยซ้ำไป

ถ้าเวลานี้ให้เขาเข้าร่วมประเมินผลงานของตระกูล ก็จะเป็นการกลั่นแกล้งกันอย่างเห็นได้ชัด

หลินตงหัวรู้สึกโกรธมาก พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “น้องสะใภ้หาน หลินหยุนเพิ่งจะได้พบหน้ากับพวกเราเอง ตอนนี้ก็จะให้เขาเข้าร่วมการประเมินผลงานของตระกูลแล้ว มันไม่เร็วเกินไปหน่อยเหรอไง!”

หานเจียวเจียวพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ตงหัวคะ ลูกหลานของตระกูลล้วนแล้วแต่เมื่ออายุครบสิบแปดปีแล้วก็ต้องเข้ารับการประเมินผลงานของตระกูลทั้งนั้น เขาก็อายุตั้งยี่สิบกว่าแล้ว ได้เข้าร่วมประเมินผลงานแข่งกับพวกน้องๆที่อายุเพิ่งจะสิบแปดทั้งหลาย ก็นับว่าเป็นการเอาเปรียบมากพอแล้ว”

“ถ้าหากคุณไม่อยากให้เขาเข้าร่วมประเมินผลงานของตระกูลแล้วล่ะก็ นอกเสียจากว่าเขาจะไม่ใช่คนของตระกูลหลิน ย่อมไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกติกาของตระกูลหลินเรา”

ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายส่วนใหญ่ต่างก็มีสีหน้าเย้ยหยัน ถึงแม้รู้อยู่เต็มอกว่าหานเจียวเจียวเจตนาที่จะกลั่นแกล้งเขาก็ตาม แต่ว่า ถ้าสามารถโจมตีหวางซูเฟินได้ละก็ คนส่วนใหญ่ตระกูลหลินต่างก็เห็นดีเห็นงามด้วยทั้งนั้น

หลินซื่อเฉิงรู้สึกโกรธเล็กน้อย เขารู้ว่าคนตระกูลหลินจำนวนมากที่ยังคงโกรธแค้นในใจ ในเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น จึงรู้สึกโกรธแค้นหวางซูเฟินไปด้วย แต่ว่าหวางซูเฟินก็ได้แตกหักกับตระกูลหวางไปก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหวางซูเฟินเลย

คนพวกนี้ก็ยังไม่ยอมปล่อยหวางซูเฟินไปเลย มันทำเกินไปหน่อยจริงๆ

หลินซื่อเฉิงกำลังคิดจะพูดตำหนิหานเจียวเจียว แต่ว่าหลินหยุนพูดขึ้นอย่างกะทันหัน

“ผมตกลงครับ แต่หวังว่าคุณคงไม่เสียใจภายหลังก็แล้วกัน” น้ำเสียงของหลินหยุนราบเรียบมาก แฝงด้วยกระเซ้าเล่นเล็กน้อย

หานเจียวเจียวพูดเยาะเย้ยว่า “แกล้งคุยโวโอ้อวดหลอกลวง แกนึกว่าฉันเป็นคนขวัญอ่อนหรือไง กลัวตายล่ะ!”

“ทุกคนก็ได้ยินแล้วนะ เจ้าเด็กนี่ยอมตกลงเข้าร่วมประเมินผลงานของตระกูลด้วยตัวเองแล้ว ฉันไม่ได้บีบบังคับอะไรเขาเลย ประเดี๋ยวถ้าเกิดพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่าละก็ อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน”

หวางซูเฟินพูดเยาะเย้ยว่า “วางใจเถอะ อีกประเดี๋ยวพวกคุณอย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”

พูดเป็นเล่นไป คนที่สามารถเอาเงินออกมาทีเดียวหกหมื่นล้านได้ จะไปเกรงกลัวกับการประเมินผลงานของตระกูลหลินหรือ?

ต่อให้หลินโล่เฉินที่เป็นอัจฉริยะที่หนึ่งของตระกูลหลินก็ตาม ทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ทั้งหมดในตอนนี้ก็คงมีไม่เกินกว่าพันล้าน

ส่วนหลินหยุนกลับสามารถที่จะเอาเงินหกหมื่นล้านออกมาได้อย่างง่ายดาย ใครจะไปรู้ว่าเขามีทรัพย์สินมากมายขนาดไหน?

สวี่เหม่ยเย้นพูดเยาะเย้ยว่า “เจ้าเด็กน้อยคนหนึ่งที่ยังไม่เคยได้รับเงินทุนตั้งตัวเลย หรือว่ายังจะสามารถเอาชนะได้เชียวเหรอ? แม่ลูกคู่นี้ยโสโอหังเหมือนกันทั้งสองคน ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาเลย!”

หานเจียวเจียวก็พูดเยาะเย้ยตามว่า “ไม่ใช่คนครอบครัวเดียวกันก็คงไม่เข้าบ้านหลังเดียวกันหรอก แม่ลูกสองคนนี้เหมือนกันจริงๆเลย!”

พวกคนรุ่นใหม่ของตระกูลหลิน ต่างก็ไม่เชื่อว่าหลินหยุนจะชนะได้

หลินลี่พูดเยาะเย้ยว่า “ช่างไม่รู้จักประมาณตนเสียจริง แม้แต่เงินทุนตั้งต้นก็ยังไม่ทันได้รับเลย ก็คิดอยากเอาชนะแล้ว! ช่างเหิมเกริมสุดขั้วจริงๆ”

หลินเห้ายิ้มด้วยความเหยียดหยาม “หลินเหลย คราวนี้แกไม่ต้องอยู่ที่โหล่สุดท้ายแล้วล่ะ มีคนเป็นฐานรั้งท้ายให้แกแล้ว”

หลินเหลยพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ว่า “เจ้าเด็กนี่มาได้จังหวะเหมาะจริงๆ”

หลินตงหัวมองดูหวางซูเฟินและหลินหยุน รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย “ซูเฟิน หลินหยุนแม้แต่เงินทุนตั้งต้นก็ยังไม่ได้รับเลย นี่ก็จะให้เขาเข้าร่วมประเมินผลงานแล้ว มันไม่รวบรัดไปหน่อยเหรอ?”

“ถ้าพวกคุณไม่อยากจะเข้าร่วมประเมินก็ไม่ต้องฝืนใจนะ ต่อให้ตาแก่อย่างฉันต้องเสียหน้ายังไง ก็ไม่ยอมให้ใครมารังแกเสี่ยวหยุนได้หรอก”

หลินหยุนพูดปลอบโยนว่า “พ่อครับ พ่อวางใจเถอะ หลายปีมานี้ลูกก็ได้หามาเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียวไม่แพ้ให้กับพวกเขาหรอก”

หลินตงหัวก็ยังคงไม่วางใจ “เงินที่หามาได้เล็กน้อยของลูก อย่างมากก็เอาไปซื้อบ้านได้สักหลังหนึ่งก็ไม่เลวแล้ว ถ้าเอามาเข้าร่วมประเมินผลงานของตระกูลละก็ มันเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้นเอง ลูกอย่าเพิ่งปุ่มบานไปเลย ปีหน้าก็ยังสามารถเข้ารับการประเมินได้”

หลินตงหัวคิดว่า เงินจำนวนไม่น้อยที่หลินหยุนพูดนั้น อย่างมากก็แค่ไม่กี่สิบล้านเท่านั้นเอง

หลินหยุนพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “พ่อวางใจเถอะครับ ลูกมีความมั่นใจ”

หวางซูเฟินก็พูดเตือนว่า “ลูกก็บอกให้คุณวางใจแล้ว คุณก็อย่ายุ้งแล้วกัน”

หลินซื่อเฉิงมองไปยังครอบครัวของหวางซูเฟิน ถามด้วยเสียงเข้มงวดว่า “ตงหัว พวกนายแน่ใจแล้วหรือว่าจะให้หลินหยุนเข้าร่วมประเมินผลงานด้วย?”

หลินตงหัวมองไปยังหวางซูเฟินที่สีหน้าเย้ยหยันและหลินหยุนที่สีหน้าเรียบเฉย ก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่อน้องสะใภ้หานอยากจะให้หลินหยุนเข้าร่วมประเมินขนาดนั้น งั้นก็ให้เธอได้สมหวังก็แล้วกัน!”

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท