ตอนที่ 24 หญิงมั่นฉบับโบราณ (รีไรท์)
ตอนที่ 24 หญิงมั่นฉบับโบราณ (รีไรท์)
เฉียวเยี่ยนเงยหน้าขึ้น ยิ้มอย่างสดใส จงใจเหลือบมองไปทางอี้จื่อจิ้น และป้อนเต้าหู้เหม็นใส่ปากมู่ฉินเจิน “ท่านสามีช่างดีต่อข้าเหลือเกิน…”
มู่ฉินเจินจ้องเต้าหู้เหม็นที่อยู่ใกล้ริมฝีปาก พลันรู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อย แต่ในเมื่อตกลงไปแล้ว แม้จะเป็นยาพิษเขาก็ต้องกิน
เขากลั้นหายใจ กัดเต้าหู้เหม็นชิ้นหนึ่งเข้าปาก รสชาติแปลกประหลาดแตกซ่านในปาก มันก็ไม่ได้กินยากนี่นา!
เฉียวเยี่ยนมองท่าทางเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่ง และเอ่ยด้วยรอยยิ้มออดอ้อน “เป็นอย่างไร? ข้าไม่ได้โกหกท่านสักนิด เจ้าสิ่งนี้แม้จะกลิ่นเหม็นแต่มันก็อร่อยมาก!”
มู่ฉินเจินพยักหน้าเล็กน้อย และกัดเข้าไปในปากอีกคำ
เฉียวเยี่ยนชำเลืองมองสายตาอี้จื่อจิ้นที่ใกล้จะลุกเป็นไฟ นางจงใจเปล่งเสียงให้ดังขึ้น “ท่านสามียอดเยี่ยมที่สุดเลย!”
“ท่านสามีนี่สุดยอดจริง ๆ!”
เมื่อระบบตัวน้อยในทะเลแห่งจิตสำนึกได้ยินเสียงเสแสร้งนั้นก็รู้สึกขนลุกเป็นพัก ๆ แต่เมื่อเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวของอี้จื่อจิ้น นางก็รู้สึกดีมาก
เมื่อเอ่ยถึงคนน่ารังเกียจ โฮสต์ของนางช่างเป็นมืออาชีพที่สุด!
อี้จื่อจิ้นมองคนที่ตัวเองรักถูกล่อลวงจนไร้ซึ่งภาพลักษณ์เย็นชา และยังกินอาหารสกปรกข้างถนน ก็รู้สึกเดือดดาลด้วยโทสะ และกลับจวนไปพร้อมกับสาวใช้
ครั้นเห็นอี้จื่อจิ้นจากไปแล้ว เฉียวเยี่ยนก็ถอนมือที่คล้องแขนมู่ฉินเจินกลับ พลางส่งสายตาให้มู่ฉินเจิน “ข้าช่วยจัดการดอกท้อเน่า[1]ให้แล้ว ท่านจะขอบคุณข้าอย่างไร?”
ดอกท้อเน่า?
มู่ฉินเจินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานก็เข้าใจว่าเหตุใดเมื่อครู่นี้เฉียวเยี่ยนถึงได้ทำตัวผิดปกติ เขาแทบอยากหัวเราะออกมา และเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า “ขอบใจฮูหยินที่ปกป้องความบริสุทธิ์ของข้า”
เสียงทุ้มลึกน่าดึงดูดแฝงไปด้วยความน่าหลงใหล คำว่า ‘ฮูหยิน’ ทำให้เฉียวเยี่ยนหน้าแดง นางกลบเกลื่อนโดยการยัดเต้าหู้เหม็นชิ้นสุดท้ายเข้าปาก และเร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้า “โอ๊ะ ยังมีของหลายอย่างที่ยังไม่ได้ซื้อเลย ต้องเร่งมือหน่อยแล้ว”
มู่ฉินเจินมองตามแผ่นหลังของหญิงที่หลบหนีไป พลางส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ และก้าวเท้าตามไป
ลูกน้อยทั้งสองในอ้อมแขนที่เพิ่งชมการแสดงครั้งใหญ่เมื่อครู่ก็มึนงงไปตาม ๆ กัน
เด็กอย่างพวกเขาไม่เข้าใจโลกของผู้ใหญ่เลยสักนิด!
……
หลังจากทิ้งระเบิดไว้บนถนนในวันนั้น ข่าวลือใส่ร้ายเฉียวเยี่ยนและลูกทั้งสองในเมืองหลวงก็ลดลงไปมาก มู่ฉินเจินส่งคนบางส่วนไปหาคนที่ปล่อยข่าวลือ และพบว่าเป็นพวกขอทานในเมืองหลวง คนเหล่านี้ทำได้ทุกอย่างเพียงขอแค่ให้ได้เงินและไม่ถามอะไรมาก
รู้แค่ว่าพวกเขาได้รับคำสั่งมาจากชายที่มีผ้าคลุมหน้า ส่วนจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรนั้น พวกเขาไม่รู้เลย
เบาะแสมาถึงทางตัน และยังจับผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้ แต่หลังจากเฉียวเยี่ยนเจออี้จื่อจิ้นในวันนั้นก็เดาได้ว่าเรื่องเหล่านี้อีกฝ่ายเป็นคนทำเสียส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน นางก็มิอาจทำอะไรได้
เมื่อเทียบกับการจับผู้อยู่เบื้องหลัง สิ่งที่เฉียวเยี่ยนให้ความสำคัญมากที่สุดในช่วงนี้คือฤดูหว่านกล้า!
หัวไชเท้า ผักกาดขาว และต้นหอมของนางเหมาะสำหรับหว่านกล้าในฤดูใบไม้ร่วงที่สุด!
พื้นที่ในตำหนักอ๋องถูกนางปรับปรุงเสร็จแล้ว ดอกโบตั๋น ดอกชา และดอกเบญจมาศก่อนหน้านี้ล้วนถูกขุดออกไปหมดแล้ว ที่ควรทิ้งก็ทิ้ง ที่ควรส่งให้คนก็ส่งไป
ตอนนี้ตำหนักอ๋องทั้งบริเวณล้วนว่างเปล่า เมื่อมองออกไปจากนอกเรือนแล้วก็ล้วนเห็นเป็นผืนดิน
เรือนที่ถูกทิ้งร้างทางทิศตะวันตกได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมใหม่แล้ว เฉียวเยี่ยนจึงสั่งให้คนนำเครื่องมือทำสวน เมล็ดพืช และไหผักดองไปเก็บไว้ในนั้น
พื้นดินบริเวณรอบนอกถูกปรับใหม่แล้ว ดินที่เป็นก้อนก็ใช้จอบทุบให้ละเอียด แล้วยังนำดินที่มีทรายปนบางส่วนมาปรับปรุงดินที่แข็งตัว
ตอนนี้ นอกจากข้ารับใช้ที่มีหน้าที่เฝ้าประตู ทำอาหาร และตำแหน่งสำคัญอื่น ๆ ในจวนแล้ว ข้ารับใช้ที่เหลือก็ถูกเฉียวเยี่ยนลากมาปลูกหัวไชเท้า!
มีทั้งคนหว่าน คนกลบดิน และคนใส่ปุ๋ย
ปุ๋ยนี้ไม่ใช่ปุ๋ยเคมีที่เห็นทั่วไปในสมัยปัจจุบัน แต่เป็นปุ๋ยคอก ผลิตจากมูลสัตว์ที่ชาวไร่ชาวนาเลี้ยงผสมกับฟางและใบไม้แห้งทำเป็นปุ๋ยหมัก ปุ๋ยที่ผ่านการหมักแล้วไม่เพียงแต่ไม่มีกลิ่นเหมือนปุ๋ยคอกสด แต่ระดับความอุดมสมบูรณ์ก็ยังสูงมากอีกด้วย
เฉียวเยี่ยนได้ส่งคนไปซื้อปุ๋ยคอกเหล่านี้ตามบ้าน แม้แต่มูลไก่ มูลแพะนางก็ซื้อมาจำนวนไม่น้อย นางขุดหลุมหมักปุ๋ยที่ลานด้านทิศตะวันตกโดยเฉพาะเพื่อทำปุ๋ยหมัก
ฮุ่ยเซียงและอวิ๋นเซียงได้รับมอบหมายให้ไปใส่ปุ๋ย ฮุ่ยเซียงถือตะกร้าปุ๋ยคอกโปรยลงในหลุมที่ขุดเสร็จแล้วด้วยความกระตือรือร้น ในขณะที่อวิ๋นเซียงขยะแขยงจนแทบอยากออกห่างปุ๋ยคอกนั้นให้ไกล
ในอนาคต มือของนางจะต้องเต็มไปด้วยเงินทอง แล้วจะสัมผัสของสกปรกเหล่านี้ได้อย่างไร!
นางเตะตะกร้าปุ๋ยคอกไปอยู่ข้างหลังฮุ่ยเซียง และสั่งอย่างไม่เกรงใจ “เจ้าช่วยข้าโปรยส่วนนั้นที”
ฮุ่ยเซียงขมวดคิ้ว สีหน้าตึงขึ้นมาทันที “ทำไมข้าต้องทำ?”
อวิ๋นเซียงตอบทันทีว่า “ทำไมน่ะหรือ? เพราะข้าดูดีกว่าเจ้า วันหน้าข้าจะได้เป็นผู้สูงศักดิ์ ไยจึงไม่มาประจบประแจงข้าเสียตอนนี้ แล้วข้าจะให้ฐานะที่ดีกว่านี้แก่เจ้า!”
ฮุ่ยเซียงชำเลืองมองอีกฝ่ายเหมือนดั่งมองคนปัญญาอ่อน นางไม่สนใจ หันไปโปรยปุ๋ยคอกต่อไป
คางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า![2]
แม้นางจะไม่ได้ดูดี แต่ก็ไม่ได้โง่ ด้วยฐานะนี้ของพวกเขานั้น ทางที่ดีควรทำในสิ่งที่ข้ารับใช้ควรทำจะดีกว่า มิฉะนั้นแม้แต่จะตายอย่างไรก็มิรู้ด้วยซ้ำ
ครั้นอวิ๋นเซียงเห็นฮุ่ยเซียงไม่สนใจตัวเองก็นำความผิดทั้งหมดของนางไปลงที่เฉียวเยี่ยนทันที นังนี่ต้องมีคนคอยหนุนหลังเป็นแน่ ถึงได้บังอาจไม่ฟังนาง!
ด้วยความโกรธ นางจึงหยิบตะกร้าปุ๋ยคอกขึ้นมา และสาดปุ๋ยคอกใส่ฮุ่ยเซียง
ฮุ่ยเซียงไม่ทันได้ตั้งตัว ปุ๋ยคอกก็กระจัดกระจายอยู่บนตัวนางแล้ว ถึงขั้นมีบางส่วนกระเด็นเข้าปากนางด้วยซ้ำ!
นางโกรธจัด รีบหันกลับมา และโยนปุ๋ยคอกที่เหลือในมือไปทางอวิ๋นเซียง อวิ๋นเซียงกำลังแสยะยิ้มเย้ยหยันจึงได้กินปุ๋ยคอกโดยไม่รู้ตัว
“อ๊าย! ให้ตายเถอะ! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาสาดใส่ข้า!”
อวิ๋นเซียงพุ่งเข้าหาฮุ่ยเซียงอย่างบ้าคลั่ง ฮุ่ยเซียงผลักอีกฝ่ายลงกับพื้น และถามด้วยความโกรธ “ทำไมเจ้าสาดใส่ข้าได้ แล้วข้าจะสาดเจ้าไม่ได้?”
อวิ๋นเซียงที่ชอบเบี้ยวงานย่อมอ่อนแอกว่าฮุ่ยเซียงที่ซื่อสัตย์และมีความรับผิดชอบ ซึ่งตอนนี้นางนั่งอยู่บนพื้นและลุกขึ้นมาไม่ได้ จึงแสร้งทำเป็นน่าสงสาร ร้องไห้น้ำตาไหลนองหน้า ใครเห็นเข้าก็รู้สึกสงสาร
ข้ารับใช้ที่ทำงานอยู่รอบ ๆ ถูกการเคลื่อนไหวทางด้านนี้ดึงดูดจนต้องหันไปมอง ครั้นเห็นท่าทางน่าสังเวชของอวิ๋นเซียง คนที่ไล่ตามจีบอวิ๋นเซียงสองสามคนก็รีบยืนหยัดอยู่ในศีลธรรมและตำหนิฮุ่ยเซียงทันที
ฮุ่ยเซียงถูกข้ารับใช้ชี้หน้าต่อว่า รู้สึกผิดจนแทบจะร้องไห้ออกมา มันไม่ใช่ความผิดนางตั้งแต่แรกนี่นา ทำไมต้องต่อว่านางด้วย!
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่กำลังเล่นสนุกกับเจ้าหมาน้อยอยู่ใกล้ ๆ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อครู่ และเห็นพี่ฮุ่ยเซียงถูกรังแก จึงรีบก้าวขาน้อย ๆ วิ่งไปปกป้อง
มือน้อยเท้าเอว สายตาจ้องข้ารับใช้สองสามคนอย่างดุดันแบบเด็กน้อย “นางเป็นคนรังแกพี่ฮุ่ยเซียงก่อน พวกท่านแยกสีกันไม่ออกรึ!”
ทุกคนมึนงง แยกสีไม่ออกคืออะไร?
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เดินมาจากอีกด้านหนึ่ง และถอนหายใจอย่างจนใจ “น้องหญิง มันคือแยกถูกผิดไม่ออกต่างหาก”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มาก็นำไปใช้ทันที นางเท้าเอวยืดท้องเหมือนไก่ชนตัวน้อย “ใช่! พวกท่านแยกถูกผิดไม่ออก!”
เมื่ออวิ๋นเซียงเห็นเด็กน้อยทั้งสองปกป้องฮุ่ยเซียง นางก็ขบกรามอย่างเคียดแค้น ส่วนข้ารับใช้ที่เพิ่งช่วยนางพูดเมื่อครู่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
หากยุแหย่ทำให้บรรพชนตัวน้อยทั้งสองร้องไห้ ท่านอ๋องอาจจะฆ่าพวกเขาก็ได้!
ครั้นเฉียวเยี่ยนที่เข้าไปในบ้านเพื่อตรวจสอบต้นกล้ามันเทศแล้วออกมาเห็นกลุ่มคนล้อมรอบกันอยู่ และลูกทั้งสองของนางก็อยู่ในนั้นด้วย จึงรีบย่างสามขุมเข้าไปหาฝูงชนทันที
เมื่อมีคนเห็นนางเดินเข้ามา ก็รีบพึมพำว่า ‘หวางเฟยมาแล้ว’
ทุกคนต่างนิ่งเงียบ และยืนห่างกันอย่างเป็นระเบียบ
เฉียวเยี่ยนเดินเข้ามาใกล้ ยังไม่ทันได้ถามอะไร เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ก็วิ่งมากอดขามารดา และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังด้วยน้ำเสียงเด็กเล็ก
หลังจากเฉียวเยี่ยนฟังจบ ก็ตบบ่าฮุ่ยเซียงที่ดวงตาแดงก่ำเบา ๆ อย่างปลอบประโลม และเคลื่อนสายตาไปมองอวิ๋นเซียง
อวิ๋นเซียงที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นและแสร้งทำเป็นน่าสงสารถูกเฉียวเยี่ยนจ้องมองมา ก็ถึงกับตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว
[1] ดอกท้อเน่า หมายถึง ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมระหว่างชายหญิง เช่น การนอกใจ การมีคนมาตอแยโดยที่ไม่เต็มใจ
[2] คางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า เทียบกับสำนวนไทยคือ หมาเห่าเครื่องบิน ดอกฟ้ากับหมาวัด หมายถึง หวังในสิ่งที่สูงเกินตัว อยากได้ อยากครอบครองสิ่งที่เกินฐานะตัวเอง
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เดี๋ยวได้รู้ฤทธิ์หวางเฟยแน่อวิ๋นเซียง ไม่รู้ว่าจะโดนใช้ให้ขุดแปลงทั้งวันทั้งคืนหรือเปล่านะ?
ไหหม่า(海馬)
