บทที่216 นี่ก็คือไพ่ใบสุดท้ายของแก?
“จัดการกับกลุ่มเฮยยิงไม่ยากเลยสักนิด เพราะพวกมันอ่อนแอเกินไป” หลินอิ่งจ้องมองคริส พลางกล่าวอย่างสบาย ๆ “ฉันต้องการจะทำยังไง? มันก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของแก แกจะเป็นคนกำหนดชะตากรรมของแกเอง”
“กลุ่มเฮยยิงอ่อนแอเกินไป?” คริสขมวดคิ้วเล็กน้อย มุมปากกระตุก
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมืดแพร่กระจายไปทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในมือของเขากลุ่มเฮยยิงถือว่าเป็นกลุ่มสายลับที่จัดอยู่หนึ่งในสิบอย่างแน่นอน นักฆ่ามืออาชีพที่ลอบสังหารบุคคลสำคัญทางการเมืองของหลายประเทศมาแล้ว กลับบอกว่าอ่อนแอเกินไป?
“เหอะ หลินอิ่ง แกมันช่างกำเริบเสิบสานจริง ๆ กำเริบเสิบสานกว่าทุกคนที่ฉันเคยเจอมาในประเทศหลุง” คริสกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แกรู้หรือไม่ว่าแกได้ยั่วยุกับอะไรเข้าแล้ว? กำหนดชะตากรรมของฉัน? ช่างตลกและไร้เดียงสาเสียจริง ๆ!”
“ดูเหมือนว่าคณะกรรมการของไห่หยางกรุ๊ปจะถูกแกปลุกระดมเข้าให้แล้ว รอบนี้ถือว่าแกชนะแล้วกัน” คริสยักไหล่ กล่าวด้วยท่าทางไม่แยแส “แต่แกจะไม่โชคดีแบบนี้ตลอดไป คอยดูแล้วกัน ดังนั้นโอกาสที่พวกเราจะประมือกันยังมีอีกเยอะ ในอนาคตแกจะต้องเสียใจภายหลัง”
พูดจบ คริสใบหน้าไร้ความรู้สึก พาชายชุดดำที่อยู่ด้านข้างหันหลังเตรียมจะจากไป
สถานการณ์เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า แผนการที่ใช้ในการต่อกรกับไห่หยางกรุ๊ปในครั้งนี้ ได้ถูกทำลายโดยหลินอิ่งที่ปรากฏออกมาอย่างกะทันหัน แม้แต่กลุ่มเฮยยิงก็ไม่มีร่องรอย พูดได้ว่าการปฏิบัติการในครั้งนี้ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
หลังจากที่กลับไป อาจจะต้องตรวจสอบพิจารณาไห่หยางกรุ๊ปและคู่ต่อสู้อย่างหลินอิ่งใหม่อีก ดำเนินการวางแผนใหม่อีกครั้ง ใช้วิธีการที่เหี้ยมโหดกว่าเดิม โค่นล้มคนประเทศหลุงที่ไม่รู้อะไรนี่ให้ได้ภายในครั้งเดียว!
คริสคิดเช่นนี้ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บใจและเกลียดชัง เดิมทีเขาตั้งใจที่จะมารับทรัพย์สินอย่างมีความสุข ตอนนี้ไม่มีอารมณ์อย่างสิ้นเชิง เนื้อที่กำลังจะถึงปากกลับหายลับไปกับตา
“ฉันให้แกไปหรือยัง?” หลินอิ่งกล่าวอย่างเรียบ ๆ
“อ้อ? เหรอ?” คริสหันหลังกลับ ยิ้มมองหลินอิ่ง “ฉันจะไป แกห้ามได้เหรอ? แค่อาศัยพวกสวะที่อยู่ข้างแกพวกนี้?”
“หรือว่า แกหลอกล่อให้ฉันมา เตรียมที่จะใช้กำลังกับฉัน?” คริสกล่าวด้วยท่าทางเหยียดหยาม พูดอย่างค่อนข้างมีความมั่นใจ
ความมั่นใจของคริสได้มาจากชายชุดดำที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวความจริง เขาไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับคนประเทศหลุงพวกนี้เลย ถึงแม้จะจัดการกับกลุ่มเฮยยิงได้อย่างคาดไม่ถึง แต่ถ้าหากคิดที่จะงัดข้อกับเขาซึ่ง ๆ หน้า ยังถือว่าไม่ชำนาญพอ
หลินอิ่งเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มจ้องมองคริส
คริสคนนี้เจ้าเล่ห์ไม่เบา ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะล่อมันออกมาได้ จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้ยังไง?
“ฉันแนะนำพวกแกอย่าหาเรื่องให้ตัวเอง แต่ว่าพวกแกเหมือนจะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา” คริสกล่าวไปยิ้มไป กวาดสายตามองพวกของเสิ่นซานและหลิวจุนด้วยท่าทางหยอกล้อ พลางส่ายหัว
ไม่ได้เห็นบอดี้การ์ดที่เสิ่นซานพามาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“มึงไอ้แกต่างชาติ จองหองจริง ๆ แม่งเอ้ย วันนี้กูจะตีกระดูกแก่ ๆ ของมึงให้หักไปเลย!” เสิ่นซานกล่าวอย่างโมโห ถูกท่าทางของคริสยั่วโมโหจนพูดคำหยาบออกมาอย่างเหลืออด
“กูอยู่ในเส้นทางนี้มาตั้งหลายปี ยังไม่เคยเห็นคนแก่ที่จองหองอย่างมึงมาก่อนเลย สั่งคนมาวุ่นวายกับกระเป๋าเงินของพวกกูไม่พอ ยังสั่งให้คนมาซุ่มยิงหลับหลังอีก ตอนนี้ศัตรูอยู่ต่อหน้ามึง มึงยังกล้าอวดดีแบบนี้?” เสิ่นซานถามด้วยความโมโห
จะไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตามากเกินไปแล้ว เห็นตัวเองและพี่น้องที่อยู่ตรงนี้เป็นโคลนที่บีบเล่นในกำมือหรือยังไง?
“อวดดี? แล้วจะทำไม?” คริสกล่าวอย่างช้า ๆ “คนประเทศหลงโง่เง่าอย่างพวกแก อยากเห็นพละกำลังที่แท้จริงไหม? มาสิ ลองดู ดูซิว่าจะห้ามฉันไว้ได้ไหม”
“แกมันรนหาที่ตายจริง ๆ!” เสิ่นซานกล่าวอย่างเย็นชา พลางมองไปยังหลิวจุนที่อยู่ด้านข้าง “จับมันไว้!”
หลิวจุนคันไม้คันมือ เตรียมพร้อมที่จะลงมือมานานแล้ว ตาแก่คนนี้เป็นคนที่สั่งการให้ซุ่มยิงท่านหลินและท่านสามอยู่เบื้องหลัง อีกทั้งยังเป็นคนส่งสายลับต่างชาติมาขัดขวางภารกิจของเขาอยู่บ่อยครั้ง ตอนนี้หน้าตาอวดดีนี่ มันทำให้เขาเหลืออดโดยสิ้นเชิง
ฟิ้ว!
หลิวจุนพุ่งออกไปในทันใด รวดเร็วดุจสายฟ้า ยกมือขึ้นราวกับกรงเล็บอินทรีจะคว้าคริสเอาไว้ ขณะนั้นเอง ชายชุดดำที่อยู่ข้างคริสได้ลงมือ หมัดหนึ่งหวดจนหลิวจุนก้าวถอยหลังหลายก้าว
“นี่…” หลิวจุนถอยหลังหลายก้าว มองดูชายชุดดำด้วยสีหน้าประหลาดใจ หมัดนั้นหวดจนเขามือไม้ชา
เขาเรียนศิลปะการต่อสู้ประจำประเทศมาเป็นสิบยี่สิบปี ความสามารถผ่าหินผ่าศิลา จับมีดมือเปล่า แต่พลังหมัดของชายชุดนั้นแข็งแกร่งขนาดนี้ หวดจนแขนของเขาสั่น
ชายชุดดำผู้เงียบงันคนนั้น ถอดหมวกสีดำที่ใส่อยู่ออก ปรากฏใบหน้าที่เหี้ยมโหดออกมา นี่เป็นคนขาวที่มีรูปร่างสูงสองเมตร ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยพลังแรงระเบิด เบ้าตาลึก จมูกนกอินทรี สีหน้าและท่าทางเย็นชาอย่างที่สุด
“ฮาเดส ทักทายพวกเขาหน่อย” คริสกล่าวอย่างเรียบ ๆ พลางยกมือกอดอก ท่าทางราวกับกำลังดูหนังดีเรื่องหนึ่งอยู่
“ขอรับฯ ฯพณฯ คริส” ฮาเดสตอบอย่างเรียบ ๆ น้ำเสียงแหบแห้ง
พรึ่บ! ฮาเดสพลันลงมือ รูปร่างท่าทางสูงใหญ่ดูไม่ค่อยฉลาด พอขยับตัวขึ้นมากลับเร็วราวกับสายลม ยกกำปั้นขึ้นแล้วหวดไปทางหลิวจุน สั่นสะเทือนจนได้ยินเสียงลมแผดหวิว
ปัง! หลิวจุนใช้กำปั้นหวดออกไปรับ สุดท้ายโดนกระแทกจนถอยหลังหลายก้าว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ ไม่รอให้เข้าได้รับรู้ ฮาเดสก็ได้ปล่อยหมัดออกมาแล้ว หมัดขนาดใหญ่จู่โจมเข้ามาราวกับลมพายุฝน ซัดเข้าใส่หลินจุนเสียงดังปังปังปัง
“เฮือก!”
หลังจากที่หลิวจุนทนรับสิบกว่าหมัดอย่างต่อเนื่อง เขาทนรับไม่ได้อีกต่อไป ถูกสองหมัดซัดจนกระเด็นออกไปไกลสิบกว่าเมตร กระแทกลงบนกำแพงอย่างหนัก ในปากกระอักเลือดออกมาสองคำ ใบหน้าบวมแดงเต็มไปด้วยความละอายใจ เขาคิดไม่ถึงว่าอยู่ต่อหน้าท่านหลิน เขากลับทำขายขี้หน้าขนาดนี้
เห็นได้ชัด เมื่อลงมือก็แบ่งแยกสูงต่ำได้ทันที ฮาเดสแข็งแกร่งกว่าหลิวจุนหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นพลังหรือความเร็ว ล้วนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
“นี่! นายยังกล้าอวดดี?”
ทันทีที่เห็นหลิวจุนถูกคนล้มลง สามพี่น้องตระกูลหลิวที่เหลืออีกสองคนพลันโมโหขึ้นมา ทันใดนั้นก็พุ่งเข้าใส่ฮาเดสในทันที จู่โจมซ้ายขวา เข้ามาก็ใช้ฝ่ามือสับเข้าไปอย่างแรง ฝีมือรวดเร็วและรุนแรงเป็นอย่างมาก
ฮาเดสยิ้มมุมปากอย่างเหยียดหยาม จากนั้นหมุนตัวหันหลัง ทันใดนั้นยกมือขึ้นคว้าพี่น้องทั้งสองของหลิวจุน แขนที่เต็มไปด้วยพลังของเขาพลันเหวี่ยง พลั๊ว! เหวี่ยงทั้งสองคนลอยไปกระทบเข้ากับกำแพง กระแทกจนกำแพงเกิดรอยร้าวขึ้น ทำให้รู้ว่าเขามีพลังมหาศาลแค่ไหน
ในตอนนั้นเอง บอดี้การ์ดสวมชุดสูทสิบกว่าคนที่ยืนอยู่ที่ทางเดินมองมาพร้อมกัน ยื่นมือเข้าไปในเสื้อด้านข้างนำอาวุธออกมา จากนั้นก็มีลมกระโชกจู่โจมเข้ามา ปังปังปัง ฮาเดสพลันพุ่งเข้ามาในทันที สองหมัดสามเท้าลงมา บอดี้การ์ดสิบกว่าคนล้วนถูกเขาซัดลอยออกไป เหวี่ยงกระแทกลงบนกำแพงกระอักเลือด ราวกับกระดูกได้แตกสลาย แม้แต่ตาเปล่าก็ไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวของเขาได้
“นี่?” เสิ่นซานสีหน้าท่าทางประหลาดใจ เขาถูกสถานการณ์ตรงหน้าทำให้อึ้งทึ่ง คิดไม่ถึงว่าสุนัขแก่อย่างคริสยังมียอดฝีมือแบบนี้อยู่!
นอกจากท่านหลินแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่สามารถชิงปืนด้วยมือเปล่าได้ ภายในสิบก้าว ใช้อาวุธยังต่อกรกับฮาเดสคนนี้ไม่ได้!
ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของคริส มองไปที่หลินอิ่งพลางยิ้มด้วยท่าทางอย่างผู้ชนะ
หลินอิ่งสีหน้าท่าทางปกติ กล่าวอย่างเรียบ ๆ : “นี่ก็คือไพ่ใบสุดท้ายของแก?”
บทที่20 ชิ้นงานถูกขโมยไปแล้ว
“อะไรนะ ฉันเข้าใจแล้ว เธออย่ากังวลไปนะ ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้เลย “ สีหน้าของหลินอิ่งเปลี่ยนไปทันที
เสียงฝั่งโทรศัพท์นั่นดังมาก เหมือนว่าที่บริษัทนั้นวุ่นวายมาก จางฉีโม่ก็วางโทรศัพท์ไป
หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย พรุ่งนี้ก็งานนิทรรศการของเครื่องประดับเพชรพลอยแล้ว King of the worldโดนขโมยไปในเวลาแบบนี้ นี่มันตั้งใจแกล้งกันชัดๆ
อีกอย่างจางซื่อกรุ๊ปเป็นบริษัทขนาดใหญ่ อาคารเป่าติ่งมีกล้องเยอะขนาดนี้ ยังโดนขโมยไปได้ จะบอกว่าเป็นแค่การขโมยจริงๆ มันคงเป็นไปไม่ได้
“ท่านครับ บ้านชุดนี้ท่านไม่เอาแล้วใช่ไหมครับ? ถ้ามีเรื่องอะไรก็เราค่อยติดต่อในภายหลังละกัน “ พนักงานชายเริ่มจะพูดอย่างรำคาญ อยากจะเดินออกไปใจจะขาดอยู่แล้ว รอไปคุยงานกับลูกค้าคนต่อไป
ลูกค้าที่ไม่มีค่าอย่างหลินอิ่ง เขาไม่อยากจะอยู่ให้นานกว่านี้ แต่เขาแค่ทำตามงานที่ต้องทำ
“บ้านหลังนี้ฉันซื้อเลย ตอนนี้ฉันมีเรื่องนิดหน่อย นายไปทำเรื่องให้ฉันหน่อย “ หลินอิ่งพูดอย่างใจเย็น แล้วโยนบัตรธนาคารไป1ใบ “รหัสของบัตรนี้คือ6 6ตัว ทำเรื่องเสร็จโทรมาหาฉันได้เลย
พูดจบ หลินอิ่งก็หันหลังเดินจากไป
“นี่! ท่านครับ สักครู่ครับ “พนักงานชายรับบัตรจากหลินอิ่งไป แล้วอึ้งไปสักพัก
“ทำมาเป็นใจปล้ำ คิดว่าตัวเองเป็นคุณชายเหรอ! โยนบัตรมาแค่ใบเดี๋ยวก็จะซื้อบ้านราคา2ล้านหยวน สังคมสมัยนี้ใครเขาไม่มีบัตรธนาคารกัน? “ พนักงานชายไม่แยแส บ่นไปสองสามประโยค
แต่พอเขาตั้งใจดูบัตรในมือแล้ว ก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา
นี่เป็นบัตรสีดำมืดที่มีทองติด บนนั้นมีตัวหนังสืออยู่ไม่กี่บรรทัดสำหรับธนาคารตุงไห่VIPโดยเฉพาะ
“เดี๋ยวนะ…… บัตรออมทรัพย์แบล็คโกลด์ธนาคารตุงไห่?”พนักงานชายตกตะลึงอย่างมาก
สำหรับเขาที่อยู่ในวงการการขายมาหลายปี เขาต้องรู้จักบัตรแบบนี้อยู่แล้ว นี่เป็นบัตรที่ธนาคารตุงไห่ทำขึ้นเพื่อลูกค้าที่มียอดเงินในบัญชีมากกว่า100ล้านโดยเฉพาะ เป็นตัวแทนของระดับของผู้ใช้ด้วย และยังได้รับบริการระดับVIPของร้านค้าชั้นนำทั่วเมืองตุงไห่อีกด้วย
พนักงานขายอยากจะออกไปเรียกหลินอิ่งไว้ แต่หลินอิ่งลงจากตึกไปนานแล้ว
อีกฝั่ง หลังจากที่หลินอิ่งลงจากตึกไป เขาเรียกแท็กซี่หน้าหมูบ้านไว้คันนึง แล้วก็มุ่งตรงไปที่อาคารเป่าติ่ง
แท็กซี่เพิ่งจะสตาร์ทรถ โทรศัพท์ของหลินอิ่งก็ดังขึ้นมา
“สวัสดีครับ คุณหลิน ผมคือเสี่ยวหลี่ครับ ขอโทษด้วยนะครับ ขอโทษจริงๆนะครับ ก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยใส่ใจ คุณอย่าถือสาเลยนะครับ “พนักงานชายรีบขอโทษเขา น้ำเสียงของเขาวิตกกังวลอย่างมาก
ต้องรู้ไว้ว่า ลูกคนคนใหญ่อย่างหลินอิ่ง ถ้าเขาไปบอกกับทางบริษัทว่าตัวเองทำกิริยาไม่ดีใส่ เขาต้องถูกไล่ออกแน่ๆ
“นายทำเรื่องที่ฉันสั่งให้เรียบร้อยก็พอ “หลินอิ่งพูดช้าๆ
“ครับ ผมไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ ผมรับรองว่าจะจัดการให้เสร็จภายในวันเดียวเลยครับ ขอบคุณที่คุณหลินให้โอกาสผมนะครับ ผมไม่รบกวนคุณแล้ว “ พนักงานชายเหมือนโล่งอกไปที เขาพูดอย่างเกรงใจ
หลินอิ่งวางโทรศัพท์ไป
สายที่สองก็โทรเข้ามาอีก เป็นสายของอูหยาง
“ประธานหลิน ขอโทษครับ ผมทำหน้าที่ได้ไม่ดีเอง เครื่องประดับKing of the worldที่ท่านมอบหมายให้ผม หายไปแล้วครับ “ อีกฝั่งของโทรศัพท์ อูหยางพูดด้วยความตื่นตระหนก
“ผมสะเพร่าไปเอง จนทำให้ผลงานของผู้อำนวยการจางเกิดปัญหาขึ้นมา ขอโทษจริงๆนะครับ ผมอยากขอให้ประธานหลินให้โอกาสผมไถ่โทษด้วยนะครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จด้วยตัวของผมเองก่อนที่งานนิทรรศการของพรุ่งนี้จะเริ่มครับ “ อูหยางพูดพร้อมความกดดันและกังวล
“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของนาย นายไม่ต้องไปสนใจ “หลินอิ่งพูดอย่างใจเย็น
“ครับ ผมทราบครับ “ อูหยางพูดด้วยความตื่นตระหนก
หลินอิ่งวางสายไป แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
เครื่องประดับKing of the worldนี่ จะพูดไปแล้วก็แค่ราคา 2-3พันล้าน ไม่ได้สำคัญอะไร
สิ่งที่สำคัญคือ นี่เป็นงานที่เขาและฉีโม่ทำขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาสองคน
