“สกิลนักสืบนามกระฉ่อน…ไม่เลวนี่ ถ้าเป็นเกมถอดรหัสล่ะก็ คงไม่มีใครสู้นายได้ล่ะสิ? จะว่าไปในภาพก่อนที่จะมาที่นี่ฉันก็กำลังเล่นเกมพวกถอดรหัสอยู่เลย เหมือนจะมีแพนด้าด้วยนะ…”
“นั่นมันโมโนคุxx1 แพนด้าที่ไหนกันล่ะ”
แพนด้าจะไปมีตาสีแดงได้ยังไงกัน…
“ใช่แล้วๆ ชื่อนั้นแหละ”
อาร์ย่าพูดพร้อมแสดงท่าทางนึกขึ้นได้
“เฮ้อ…”
ผมมองทางเธออย่างจนปัญญา
“เธอก็ช่วยหาสิ หรือว่าเธอไม่มีสกิลค้นหาอะไรเลย?”
“ไม่มี ฉันเลือกแต่สกิลโจมตี”
ทำไมเธอถึงพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจขนาดนี้?
“อ่า ฉันเข้าใจละ”
“ทำไมล่ะ! ผิดด้วยรึไง?”
“…ถึงไม่ผิด แต่เธอก็สุดโต่งเกินไปหน่อยนะ ถ้าเจอนักเวทสายควบคุมเธอจะทำยังไง? อย่างฉันลดความเร็วเธอลงครึ่งหนึ่ง ฉันก็สามารถเข้าใกล้แล้วจัดการเธอได้แล้ว”
“ฮึ่ม! ถึงตอนนั้นฉันก็มีวิธีเอง”
นิสัยไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ของยัยนี่ช่างน่าเป็นห่วงจริงๆ
“ก็ได้ๆ ตอนนี้คิดหาทางหาต้นตอของเหตุการณ์หมดสติแปลกประหลาดนี่ดีกว่า ฉันไม่เก่งเรื่องนี้ ปกติฉันเลยไม่เล่นเกมไขปริศนาน่ะ”
“ฉันอ่านหนังสือคู่มือตลอดเลย”
“เธอไม่ต้องพูดอย่างภูมิใจขนาดนี้ไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้ เพราะฉันภูมิใจ”
“พระเจ้า ทำไมถึงต้องหาได้แต่เพื่อนร่วมทีมอย่างเธอด้วย…”
ผมอดไม่ได้ที่จะแหงนหน้า 45 องศาเงยมองท้องฟ้า ประณามโลกที่ไร้มนุษยธรรมนี้
“ฮะ? ฉันเป็นเพื่อนร่วมทีมของนายแล้วนายไม่พอใจอะไร?”
ผมรู้สึกเหมือนมีของมีคมบางอย่างจ่ออยู่ที่เอว!
“เปล่า ดีกว่าไม่มี…ดูเหมือนพวกเราคงทำได้แค่แยกกันหา ดูขอบเขตการหมดสติว่าใหญ่มากแค่ไหน เป็นแบบนี้ถึงจะคาดเดาตำแหน่งของจุดศูนย์กลางได้”
ผมพูดไปด้วยพลางเดินหลีกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ผมไม่อยากโดนใช้มีดจ่อนี่
แต่อาร์ย่าก็สาวเท้าตามมา
“เฮ้ๆ หรือเธอไม่คิดว่าถ้าแยกกันคนละทางจะค้นหาได้เร็วกว่า?”
“คนที่เคยเล่น Left 4 xx รู้กันหมด แยกกันยิ่งตายเร็วขึ้น”
เธอพูดอย่างจริงจัง
“ขอโทษที ตอนสุดท้ายฉันก็ขายเพื่อนร่วมทีมหมด เพราะงั้นเลยไร้ความกดดัน”
“ทำไมนายก็พูดออกมาได้แบบภูมิใจขนาดนี้?”
“เพราะไม่ว่าจะเป็นเกมยิงอะไรฉันก็ผ่านได้ด้วยตัวเอง ไม่มีความกดดันเลย”
“ต้องมีสักวันที่นายถูกสวรรค์ลงโทษแน่! จะว่าไป นายจะไม่อธิบายสักหน่อยว่าทำไมจู่ๆ นายถึงกลายเป็นเลเวล 18 จากเลเวล 13 เหรอ?”
ในที่สุดยัยนี่ก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเลเวลผมแล้วสินะ?
“ค่าประสบการณ์จาก 13 ไป 18 มันบ้าชัดๆ สัปดาห์ก่อนนายเลเวลแค่ 13 ชัดๆ ทำไมแป๊บเดียวถึงเลเวลเพิ่มเยอะขนาดนี้ นายจัดการบอสลับได้เหรอ?”
“เปล่า แค่ทำเควสต์ลับเท่านั้นเอง”
“เควสต์ลับ? ใช่แล้ว ช่วงนี้ระบบเควสต์เปลี่ยนแปลงไปชัดเจนจริงๆ แต่ก็ไม่มีสถานที่ให้ทำเควสต์เลย”
“ไม่มีเควสต์?”
“ใช่สิ”
“แล้วปกติเธอทำอะไร?”
“อัพระดับความชำนาญในสนามต่อสู้จริงของสถาบัน”
“ระดับความชำนาญคืออะไร?”
“ระดับความชำนาญของอาชีพนักดาบคู่ อาชีพต่อสู้ระยะประชิดต้องการระดับความชำนาญในทุกอาวุธ แค่เพิ่มระดับความชำนาญความเร็วในการอัพเลเวลก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น”
“…เอาเถอะ เธอไม่เดินไปทุกที่จะรับเควสต์ได้ยังไง?”
“ไม่ใช่ว่าควรรับเควสต์จากคนที่มีเครื่องหมายตกใจบนหัวหรอกเหรอ?”
ได้ยินคำพูดผมก็ตกตะลึงไปหลายวินาที
“เธอเล่นตลกเหรอ? ที่นี่จะไปหาคนที่มีเครื่องหมายตกใจบนหัวได้ที่ไหนกัน! เธอเล่นเกม RPG มากไปรึเปล่า? ตอนเล่นเกม The Legend of xxx เธอไม่เคยได้รางวัลสูงสุดเลยสินะ? มีสถานที่รับเควสต์ที่ไหนที่บนหัวคนจะมีเครื่องหมายตกใจล่ะ!”
“แต่โลกนี้มองยังไงก็เหมือน RPG นี่”
“หลังออกจากหมู่บ้านฝึกหัดเธอคงไม่ได้ไม่รับเควสต์อะไรเลยจนอัพเป็นเลเวล 14 หรอกนะ? เธอขยันเก็บมอนสเตอร์จังเลยนะ?”
“เปล่านะ จู่ๆ บางครั้งก็รับเควสต์บางอย่างมา ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“…”
ยัยนี่สิ้นหวังแล้ว…
“เธอฟังนะ ปกติแล้วเวลาเห็นเหตุการณ์ประหลาด เมื่อเข้าไปใกล้ทันทีจะหาเควสต์เจอแน่นอนเข้าใจไหม? เธอดูสถานการณ์แบบนี้ ทั้งสถาบันตกเข้าสู่สภาพหมดสติ มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นเหตุการณ์ใหญ่ ด้านบนก็บอกไว้ว่าทำเสร็จแล้วจะได้อัพเลเวลไม่ใช่เหรอ?”
“อ้อ ใช่ เพิ่มสองเลเวล”
สองเลเวล? เป็นเพราะเลเวลของยัยนี่ต่ำกว่าผมเลเวลเลยเพิ่มมากกว่าสินะ?
“เพราะงั้น ต้องรับเควสต์ให้มาก ต่อไปเลเวลก็จะตามมาเอง”
“…อืม ไม่เข้าใจเลย”
“เธอโง่เหรอ?”
“หรือว่าให้ฉันย้ายโรงเรียนไปร่วมทีมกับนาย ให้ฉันไปร่วมทีมตอนมีเควสต์ก็พอแล้ว”
“เธอคิดจะอู้เหรอ?”
“ในฐานะที่นายเป็นนักเวทไม่อยากได้คนต่อสู้ระยะประชิดไว้ช่วยเหรอ?”
ผมหยิบดาบออกมาเงียบๆ
“ไม่เป็นไร กลัวว่าพวกเขาจะไม่คิดว่าฉันเป็นนักเวทมากกว่า ถ้าย่นระยะห่างได้ฉันก็ฟันพวกเขาได้แน่”
“นายมีอาชีพอะไรกันแน่? นักฆ่าเวทมนตร์หรือนักเวทต่อสู้? อาชีพเฉพาะแบบนี้ก็เรียนได้เหรอ?”
“…คล้ายๆ ล่ะมั้ง? เธอคิดซะว่าฉันเป็นอาชีพที่เรียนรู้สกิลอะไรก็ใช้ได้หมดแล้วกัน”
“นายนี่เรื่อยเปื่อยจริงๆ…ถ้าไม่มีอาชีพ ท้ายเกมจะแย่เอานะ”
“ไว้ค่อยพูดกันทีหลังเถอะ…เอาล่ะ หยุดพูดได้ละ พวกเราเดินมานานขนาดนี้ ใกล้ถึงกำแพงสถาบันแล้ว ทำไมคนรอบๆ ถึงยังนอนอยู่ล่ะ…เอ๊ะ?”
จะดูยังไงกำแพงสถาบันก็ดูแปลกไปหน่อย? ก่อนหน้านี้ผมจำได้ว่าเคยตั้งใจมองตอนที่ออกไปตอนกลางคืน ของนี่ควรจะเป็นเหล็กสิ? ทำไมตอนนี้ถึงดูเหมือนดินล่ะ?
“เดี๋ยวก่อน…”
ผมเพิ่งพูดเตือนออกไป จู่ๆ ของแหลมคมแท่งหนึ่งก็แทงออกมาจากกำแพง ทะลุส่วนท้องของอาร์ย่ากับผมในครั้งเดียว
!?
HP ของอาร์ย่าว่างเปล่าทันที ส่วน HP ของผมก็ลดลงถึง ⅔!
ผมจับมือของอาร์ย่าทันที และใช้บลิงค์ไปพร้อมกัน
วินาทีต่อมา พวกเราก็กลับไปยังตำแหน่งของร้านอาหารเมื่อกี้
“…เจ็บจัง…”
ท้องของอาร์ย่ามีเลือดไหลออกมาไม่หยุด HP ว่างเปล่าก็แปลว่ากำลังเข้าสู่สถานะใกล้ความตาย
นั่นมัน…นั่นมันอะไรกันแน่?
1 ตัวละครจากอนิเมะและเกมที่ชื่อว่า “Danganronpa”
แม้ว่าได้สติแล้ว แต่สิ่งที่มองเห็นกลับเป็นเวลานับถอยหลังของอาการหมดสติ
เหมือนกับตอนตาย ในตอนนี้ผมไม่สามารถสัมผัสได้ร่างกายของตัวเอง ทำได้เพียงรอสิ้นสุดการนับถอยหลัง
ยัยสองคนนั้นไม่รู้จักแยกแยะเลย ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้ชุดเกราะพวกเธอพังซะหน่อย โทษผมได้เหรอ?
…
เอาเถอะ ถ้าดูจากผลลัพธ์ผมก็ได้กำไรจริงๆ
นึกไม่ถึงเลยว่าเป็นอัศวินแท้ๆ แต่ร่างกายของเด็กสาวสองคนนี้กลับคล้ายกับเด็กสาวทั่วไป แม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสตรงๆ แต่ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น
เฮ้อ อย่าสนใจเรื่องพวกนี้ดีกว่า เวลานับถอยหลังใกล้สิ้นสุดแล้ว จะเรื่องอะไรก็รอให้ฟื้นค่อยว่ากันเถอะ
สิ้นสุดเวลานับถอยหลัง ยกเลิกสถานะหมดสติ
ลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากมองเห็นสิ่งของตรงหน้าแล้วผมจึงยืนยันสถานที่ที่ผมอยู่ตอนนี้ได้
ห้องพยาบาลของสถาบัน
จำได้ว่าครั้งก่อนที่เข้ามาก็เป็นครั้งที่ผมถูกฆ่าตาย เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นผมจึงกลายเป็นเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตาย
ลุกขึ้นนั่ง พบว่ารอบๆ ไม่มีใครอยู่เลย
มองหน้าต่าง สามารถเห็นแสงอาทิตย์ยามเช้าส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างได้
ผมหมดสติไปนานแค่ไหนกัน? โธ่เอ๊ย ถ้ามีใครอยากฆ่าผมตอนนี้ก็คงง่ายดายไปเลยสิ
อีกทั้งความทรงจำสุดท้ายของผมก็คือถูกทะลวงไส้จากเด็กสาวสองคน ผมจำได้ว่าสกิลนั้นทำให้หมดสติ 100% อีกทั้งยังโจมตีพร้อมกันสองคนอีก
หรือระยะเวลาการสลบจะทบกัน? ถึงเลเวลของพวกเธอจะห่างกับผมไม่น้อย แต่สกิลที่มีประสิทธิภาพ 100% ช่างเลวร้ายจริงๆ
แต่หมดสติไปก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
แม้ว่าตอนนั้นผมจะขัดขวางสกิลของพวกเธอก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งสองคนไม่ยอมใจเย็นแล้วปล่อยผมไปแน่
แทนที่จะเป็นแบบนั้นไม่สู้ผมหมดสติไปจะดีซะกว่า อย่างน้อยแบบนี้สองคนนั้นก็จะได้รักษาสติไว้หน่อย
ตอนนี้สองคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่รอทุบผม ก็แปลว่าการคาดเดาของผมไม่ผิด
…
แต่ทำไมผมถึงหมดสติไปนานขนาดนี้?
ก่อนหน้านี้ผมจำได้ว่าเวลาที่หมดสติไปคือตอนเย็น แต่ตอนนี้เป็นช่วงเช้าตรู่พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ผมก็หมดสติไปอย่างน้อย 10 ถึง 11 ชั่วโมง
ถึงสกิลจะทรงพลังยังไงก็ไม่มีทางทำให้ผมหมดสติไปได้นานขนาดนี้สิ?
แต่มองเห็นบนกระดานแจ้งเตือนก็ไม่ได้ทิ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์เอาไว้ ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ตรวจสอบสถานะและไอเทมบนตัว ก็ไม่มีของอะไรที่ควรค่าแก่การสนใจ
ในช่วง 11 ชั่วโมงนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
มองเห็นห้องพยาบาลปราศจากคนอยู่ ช่วยไม่ได้ ผมจึงลุกขึ้นเดินออกไปนอกประตู
ปึง!
ขณะผลักประตูเปิด แม้ว่าเปิดล็อคได้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงถูกบางสิ่งข้างนอกต้านไว้
หืม?
มีใครขวางประตูไว้จากข้างนอก? มันเกิดอะไรขึ้น?
หรือว่าจะเป็นมิเชลกับมัวร์โยนผมทิ้งไว้ที่นี่แล้วก็ขังผมไว้เหรอ?
โธ่เอ๊ย ของแบบนี้มีประโยชน์อะไร…เอ๋ เดี๋ยวก่อนนะ
ทำไมจู่ๆ ชื่อและฉายาของคนรอบๆ ถึงเริ่มแสดงล่ะ? เมื่อกี้มองไม่เห็นอะไรเลยชัดๆ!
มิน่าล่ะทำไมถึงไม่เห็นใคร ที่แท้ระบบมองเห็นชื่อก็ปิดได้สินะ?
แต่ว่าทำไมล่ะ? ของสิ่งนี้อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้ไม่ใช่เหรอ? ไม่นึกว่าจะถูกปิดกั้นได้ หรือว่าผลกระทบจากการทะลวงไส้นั่นมีมากขนาดนี้?
ไม่
ทันใดนั้น กระดานแจ้งเตือนก็เด้งออกมา แต่บนนั้นมีเพียงหนึ่งตัวอักษร
นี่…หรือว่าระบบนี้พูดอยู่กับผม?
“คุณคือ…ระบบ?”
ไม่ ข้าคือโลก
เจ้านี่คุยกับผม! เจ้านี่แขวะผมมานานขนาดนี้ ในที่สุดก็เต็มใจคุยกับผมสินะ!
ไม่ ข้าแค่ใช้วิธีที่เหมาะสมพูดคุยกับเจ้า…สร้างภาษาเสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปจะทำการอธิบาย
เจ้าหมดสติไปนานแบบนี้เนื่องจากได้รับการแทรกแซงที่เกินกว่าขอบเขตที่ระบบคาดการณ์เอาไว้
เจ้าไม่ได้รับสิทธิ์ข้าจึงไม่อาจอธิบายรายละเอียดได้
แต่ข้าไม่อาจแทรกแซงโลกใบนี้ ทำได้เพียงสำรวจผ่านพวกเจ้า
ช่วยข้าตามหาสิ่งแทรกแซงที่ไม่รู้จักได้หรือไม่?
เจ้านี่…มีจิตสำนึกเป็นของตัวเองอย่างที่คิด แต่จิตสำนึกในตอนแรกกลับเป็นการแดกดัน คนที่สร้างมันคิดอะไรอยู่ถึงสร้างไอ้นี่ขึ้นมานะ
แต่ว่า…
ในเมื่อควบคุมระบบเป็นตายของพวกเราเอาไว้ มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะหลอกผม
ก็หมายความว่า…ในเวลา 11 ชั่วโมงเมื่อวานเกิดเรื่องไม่ธรรมดาขึ้นจริงๆ
…
เฮ้อ ให้ผมเพิ่มเลเวลดีๆ ไม่ได้เหรอ? เอาแต่เจอเรื่องวุ่นวายแบบนี้อยู่นั่น…ไม่สิ อาจไม่ใช่เรื่องไม่ดีก็ได้
“ผมว่า อันที่จริงเรื่องแบบนี้คุณสร้างเควสต์ให้พวกเราไม่ดีกว่าเหรอ? แม้จะทำให้คุณติดหนี้น้ำใจพวกเรา นี่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเรา ไม่สู้ให้รางวัลพวกเราไม่ดีกว่าเหรอ?”
คำพูดของเจ้าถูกต้อง
หลังจากอีกฝ่ายทิ้งประโยคนี้ไว้ กระดานสนทนาก็หายไปจากตรงหน้าผม
ต่อจากนั้น กระดานแจ้งเตือนเควสต์ก็เด้งออกมา
เควสต์พิเศษ : การแทรกแซงที่ไม่รู้จัก
ค้นหาต้นตอการแทรกแซงที่ไม่รู้จักที่ทำให้ทั้งสถาบันตกอยู่ในการหลับใหล
ขั้นตอนเควสต์ :
1.ตามหาเพื่อน ปลุกให้ตื่น
2. สำรวจขอบเขตการแทรกแซง
3. ค้นหาศูนย์กลางการแทรกแซง
4. ทำลายอุปกรณ์ที่แทรกแซง
รางวัลเควสต์ : อุปกรณ์ติดต่อเพื่อนสนิท ลบล้างข้อจำกัด (เฉพาะคนต่างโลก)
เพิ่มหนึ่งเลเวล
ได้รับสิทธิ์อัพสกิลพิเศษ
“อุปกรณ์ติดต่อ? อัพสกิลพิเศษ? นี่มันอะไรเนี่ย?”
ผมถามใส่อากาศ แต่กระดานแจ้งเตือนกลับไม่ปรากฏออกมาอีก
ดูท่าเจ้านั่นที่เรียกตัวเองว่า ‘โลก’ จะหยุดพูดไปแบบไร้ความรับผิดชอบอีกแล้ว…ช่างเถอะ ไม่เป็นไร ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็มีแค่ตัวผมเองแล้ว
มองทางประตูอีกครั้ง…เอ๋? คนที่ขวางประตูอยู่คือ ญาริน มิเชลและมัวร์?
แย่แล้ว เมื่อกี้ยังคิดจะใช้สกิลถีบประตูเปิด ตอนนี้สถานการณ์เป็นแบบนี้จะให้ลงมือยังไงล่ะ?
ออกไปทางหน้าต่าง?
แต่ให้เด็กสาวสามคนนอนอยู่ข้างนอกแบบนี้คงไม่ดีมั้ง?
…
เอาล่ะ มีวิธีละ
เปิดหน้าต่างออก ผมไปยืนอยู่ในตำแหน่งหน้าต่างแล้วเริ่มจินตนาการภาพของทางเดินอยู่ในสมอง
“บลิงค์!”
ภาพตรงหน้ากะพริบ วินาทีต่อมาผมก็ปรากฏตัวอยู่กลาง…อากาศบนทางเดิน!
แย่แล้ว ไม่ควรจินตนาการถึงตำแหน่งของเพดาน!
ตกลงพื้นเสียงดังปัง แม้ว่าร่างกายรู้สึกกระแทกเข้ากับพื้น แต่ศีรษะเหมือนกับกระแทกเข้ากับของนุ่มๆ…
เอ๋?
ที่แท้เป็นต้นขาของญาริน!
ผมรีบลุกขึ้น มองไปที่พวกเธออีกครั้ง…ยังดีที่ไม่ตื่น
ตอนนี้พวกเธอทั้งสามคนต่างเอาหลังพิงประตูไว้ด้วยกัน ชุดเกราะบนตัวก็เปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้ว
น่ารักจัง สามคนนี้กองรวมกันเหมือนกับภาพวาดเลย…ไม่สิ ตอนนี้ต้องรีบปลุกให้พวกเธอตื่นถึงจะถูก!
“ญาริน มิเชล มัวร์ ตื่นเร็วเข้า!”
ผมเรียกอยู่หลายคำ แล้วยื่นมือไปจิ้มใบหน้าของพวกเธอเล็กน้อย นุ่มจัง…ไม่สิ มันไม่ใช่ประเด็น
ปัญหาคือพวกเธอไม่มีการตอบสนองแม้แต่น้อย นอกจากเสียงหายใจเบาบาง
ใช่แล้ว บนกระดานแจ้งเตือนบอกว่าทั้งสถาบันตกเข้าสู่สภาวะหลับใหลหรือว่าเป็นแบบนี้เอง?
ดูท่าจะเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ทั้งยังแทรกแซง ‘โลก’ อีก ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
แต่เป็นแบบนี้แล้วจะให้พวกเธอนอนอยู่ข้างนอกก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี ย้ายพวกเธอไปนอนบนเตียงในห้องพยายามคงดีกว่า
…
ช่วยคลุมผ้าห่มให้ทั้งสามคนตามลำดับแล้ว ผมจึงมองทางญารินที่อยู่บนเตียง
น่ารักจัง…แม้ว่าสวมหน้ากากอยู่ยัยนี่ก็ยังคงน่ารักสุดๆ
ใต้หน้ากากเธอจะมีหน้าตายังไงกันนะ?
ได้สติกลับมา ผมก็พบว่ามือผมยื่นไปทางใบหน้าของอีกฝ่ายแล้ว!
ผมรีบห้ามตัวเอง จากนั้นก็สูดหายใจลึก
ในเมื่อเธอไม่เต็มใจให้ผมเห็นก็คงมีเหตุผลของตัวเอง? ครั้งก่อนที่เธอถอดออกก็เกิดขึ้นแค่พริบตา ยังมองไม่ชัดเลย
แต่ว่า…
จะมีสักวันที่เธอถอดออกไหมนะ?
“เอาล่ะ เริ่มเควสต์เถอะ!”