ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) – ตอนที่ 7

ตอนที่ 7

“สกิลนักสืบนามกระฉ่อน…ไม่เลวนี่ ถ้าเป็นเกมถอดรหัสล่ะก็ คงไม่มีใครสู้นายได้ล่ะสิ? จะว่าไปในภาพก่อนที่จะมาที่นี่ฉันก็กำลังเล่นเกมพวกถอดรหัสอยู่เลย เหมือนจะมีแพนด้าด้วยนะ…”

“นั่นมันโมโนคุxx1 แพนด้าที่ไหนกันล่ะ”

แพนด้าจะไปมีตาสีแดงได้ยังไงกัน…

“ใช่แล้วๆ ชื่อนั้นแหละ”

อาร์ย่าพูดพร้อมแสดงท่าทางนึกขึ้นได้

“เฮ้อ…”

ผมมองทางเธออย่างจนปัญญา

“เธอก็ช่วยหาสิ หรือว่าเธอไม่มีสกิลค้นหาอะไรเลย?”

“ไม่มี ฉันเลือกแต่สกิลโจมตี”

ทำไมเธอถึงพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจขนาดนี้?

“อ่า ฉันเข้าใจละ”

“ทำไมล่ะ! ผิดด้วยรึไง?”

“…ถึงไม่ผิด แต่เธอก็สุดโต่งเกินไปหน่อยนะ ถ้าเจอนักเวทสายควบคุมเธอจะทำยังไง? อย่างฉันลดความเร็วเธอลงครึ่งหนึ่ง ฉันก็สามารถเข้าใกล้แล้วจัดการเธอได้แล้ว”

“ฮึ่ม! ถึงตอนนั้นฉันก็มีวิธีเอง”

นิสัยไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ของยัยนี่ช่างน่าเป็นห่วงจริงๆ

“ก็ได้ๆ ตอนนี้คิดหาทางหาต้นตอของเหตุการณ์หมดสติแปลกประหลาดนี่ดีกว่า ฉันไม่เก่งเรื่องนี้ ปกติฉันเลยไม่เล่นเกมไขปริศนาน่ะ”

“ฉันอ่านหนังสือคู่มือตลอดเลย”

“เธอไม่ต้องพูดอย่างภูมิใจขนาดนี้ไม่ได้เหรอ?”

“ไม่ได้ เพราะฉันภูมิใจ”

“พระเจ้า ทำไมถึงต้องหาได้แต่เพื่อนร่วมทีมอย่างเธอด้วย…”

ผมอดไม่ได้ที่จะแหงนหน้า 45 องศาเงยมองท้องฟ้า ประณามโลกที่ไร้มนุษยธรรมนี้

“ฮะ? ฉันเป็นเพื่อนร่วมทีมของนายแล้วนายไม่พอใจอะไร?”

ผมรู้สึกเหมือนมีของมีคมบางอย่างจ่ออยู่ที่เอว!

“เปล่า ดีกว่าไม่มี…ดูเหมือนพวกเราคงทำได้แค่แยกกันหา ดูขอบเขตการหมดสติว่าใหญ่มากแค่ไหน เป็นแบบนี้ถึงจะคาดเดาตำแหน่งของจุดศูนย์กลางได้”

ผมพูดไปด้วยพลางเดินหลีกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ผมไม่อยากโดนใช้มีดจ่อนี่

แต่อาร์ย่าก็สาวเท้าตามมา

“เฮ้ๆ หรือเธอไม่คิดว่าถ้าแยกกันคนละทางจะค้นหาได้เร็วกว่า?”

“คนที่เคยเล่น Left 4 xx รู้กันหมด แยกกันยิ่งตายเร็วขึ้น”

เธอพูดอย่างจริงจัง

“ขอโทษที ตอนสุดท้ายฉันก็ขายเพื่อนร่วมทีมหมด เพราะงั้นเลยไร้ความกดดัน”

“ทำไมนายก็พูดออกมาได้แบบภูมิใจขนาดนี้?”

“เพราะไม่ว่าจะเป็นเกมยิงอะไรฉันก็ผ่านได้ด้วยตัวเอง ไม่มีความกดดันเลย”

“ต้องมีสักวันที่นายถูกสวรรค์ลงโทษแน่! จะว่าไป นายจะไม่อธิบายสักหน่อยว่าทำไมจู่ๆ นายถึงกลายเป็นเลเวล 18 จากเลเวล 13 เหรอ?”

ในที่สุดยัยนี่ก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเลเวลผมแล้วสินะ?

“ค่าประสบการณ์จาก 13 ไป 18 มันบ้าชัดๆ สัปดาห์ก่อนนายเลเวลแค่ 13 ชัดๆ ทำไมแป๊บเดียวถึงเลเวลเพิ่มเยอะขนาดนี้ นายจัดการบอสลับได้เหรอ?”

“เปล่า แค่ทำเควสต์ลับเท่านั้นเอง”

“เควสต์ลับ? ใช่แล้ว ช่วงนี้ระบบเควสต์เปลี่ยนแปลงไปชัดเจนจริงๆ แต่ก็ไม่มีสถานที่ให้ทำเควสต์เลย”

“ไม่มีเควสต์?”

“ใช่สิ”

“แล้วปกติเธอทำอะไร?”

“อัพระดับความชำนาญในสนามต่อสู้จริงของสถาบัน”

“ระดับความชำนาญคืออะไร?”

“ระดับความชำนาญของอาชีพนักดาบคู่ อาชีพต่อสู้ระยะประชิดต้องการระดับความชำนาญในทุกอาวุธ แค่เพิ่มระดับความชำนาญความเร็วในการอัพเลเวลก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น”

“…เอาเถอะ เธอไม่เดินไปทุกที่จะรับเควสต์ได้ยังไง?”

“ไม่ใช่ว่าควรรับเควสต์จากคนที่มีเครื่องหมายตกใจบนหัวหรอกเหรอ?”

ได้ยินคำพูดผมก็ตกตะลึงไปหลายวินาที

“เธอเล่นตลกเหรอ? ที่นี่จะไปหาคนที่มีเครื่องหมายตกใจบนหัวได้ที่ไหนกัน! เธอเล่นเกม RPG มากไปรึเปล่า? ตอนเล่นเกม The Legend of xxx เธอไม่เคยได้รางวัลสูงสุดเลยสินะ? มีสถานที่รับเควสต์ที่ไหนที่บนหัวคนจะมีเครื่องหมายตกใจล่ะ!”

“แต่โลกนี้มองยังไงก็เหมือน RPG นี่”

“หลังออกจากหมู่บ้านฝึกหัดเธอคงไม่ได้ไม่รับเควสต์อะไรเลยจนอัพเป็นเลเวล 14 หรอกนะ? เธอขยันเก็บมอนสเตอร์จังเลยนะ?”

“เปล่านะ จู่ๆ บางครั้งก็รับเควสต์บางอย่างมา ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“…”

ยัยนี่สิ้นหวังแล้ว…

“เธอฟังนะ ปกติแล้วเวลาเห็นเหตุการณ์ประหลาด เมื่อเข้าไปใกล้ทันทีจะหาเควสต์เจอแน่นอนเข้าใจไหม? เธอดูสถานการณ์แบบนี้ ทั้งสถาบันตกเข้าสู่สภาพหมดสติ มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นเหตุการณ์ใหญ่ ด้านบนก็บอกไว้ว่าทำเสร็จแล้วจะได้อัพเลเวลไม่ใช่เหรอ?”

“อ้อ ใช่ เพิ่มสองเลเวล”

สองเลเวล? เป็นเพราะเลเวลของยัยนี่ต่ำกว่าผมเลเวลเลยเพิ่มมากกว่าสินะ?

“เพราะงั้น ต้องรับเควสต์ให้มาก ต่อไปเลเวลก็จะตามมาเอง”

“…อืม ไม่เข้าใจเลย”

“เธอโง่เหรอ?”

“หรือว่าให้ฉันย้ายโรงเรียนไปร่วมทีมกับนาย ให้ฉันไปร่วมทีมตอนมีเควสต์ก็พอแล้ว”

“เธอคิดจะอู้เหรอ?”

“ในฐานะที่นายเป็นนักเวทไม่อยากได้คนต่อสู้ระยะประชิดไว้ช่วยเหรอ?”

ผมหยิบดาบออกมาเงียบๆ

“ไม่เป็นไร กลัวว่าพวกเขาจะไม่คิดว่าฉันเป็นนักเวทมากกว่า ถ้าย่นระยะห่างได้ฉันก็ฟันพวกเขาได้แน่”

“นายมีอาชีพอะไรกันแน่? นักฆ่าเวทมนตร์หรือนักเวทต่อสู้? อาชีพเฉพาะแบบนี้ก็เรียนได้เหรอ?”

“…คล้ายๆ ล่ะมั้ง? เธอคิดซะว่าฉันเป็นอาชีพที่เรียนรู้สกิลอะไรก็ใช้ได้หมดแล้วกัน”

“นายนี่เรื่อยเปื่อยจริงๆ…ถ้าไม่มีอาชีพ ท้ายเกมจะแย่เอานะ”

“ไว้ค่อยพูดกันทีหลังเถอะ…เอาล่ะ หยุดพูดได้ละ พวกเราเดินมานานขนาดนี้ ใกล้ถึงกำแพงสถาบันแล้ว ทำไมคนรอบๆ ถึงยังนอนอยู่ล่ะ…เอ๊ะ?”

จะดูยังไงกำแพงสถาบันก็ดูแปลกไปหน่อย? ก่อนหน้านี้ผมจำได้ว่าเคยตั้งใจมองตอนที่ออกไปตอนกลางคืน ของนี่ควรจะเป็นเหล็กสิ? ทำไมตอนนี้ถึงดูเหมือนดินล่ะ?

“เดี๋ยวก่อน…”

ผมเพิ่งพูดเตือนออกไป จู่ๆ ของแหลมคมแท่งหนึ่งก็แทงออกมาจากกำแพง ทะลุส่วนท้องของอาร์ย่ากับผมในครั้งเดียว

!?

HP ของอาร์ย่าว่างเปล่าทันที ส่วน HP ของผมก็ลดลงถึง ⅔!

ผมจับมือของอาร์ย่าทันที และใช้บลิงค์ไปพร้อมกัน

วินาทีต่อมา พวกเราก็กลับไปยังตำแหน่งของร้านอาหารเมื่อกี้

“…เจ็บจัง…”

ท้องของอาร์ย่ามีเลือดไหลออกมาไม่หยุด HP ว่างเปล่าก็แปลว่ากำลังเข้าสู่สถานะใกล้ความตาย

นั่นมัน…นั่นมันอะไรกันแน่?

1 ตัวละครจากอนิเมะและเกมที่ชื่อว่า “Danganronpa”

แม้ว่าได้สติแล้ว แต่สิ่งที่มองเห็นกลับเป็นเวลานับถอยหลังของอาการหมดสติ

เหมือนกับตอนตาย ในตอนนี้ผมไม่สามารถสัมผัสได้ร่างกายของตัวเอง ทำได้เพียงรอสิ้นสุดการนับถอยหลัง

ยัยสองคนนั้นไม่รู้จักแยกแยะเลย ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้ชุดเกราะพวกเธอพังซะหน่อย โทษผมได้เหรอ?

เอาเถอะ ถ้าดูจากผลลัพธ์ผมก็ได้กำไรจริงๆ

นึกไม่ถึงเลยว่าเป็นอัศวินแท้ๆ แต่ร่างกายของเด็กสาวสองคนนี้กลับคล้ายกับเด็กสาวทั่วไป แม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสตรงๆ แต่ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น

เฮ้อ อย่าสนใจเรื่องพวกนี้ดีกว่า เวลานับถอยหลังใกล้สิ้นสุดแล้ว จะเรื่องอะไรก็รอให้ฟื้นค่อยว่ากันเถอะ

สิ้นสุดเวลานับถอยหลัง ยกเลิกสถานะหมดสติ

ลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากมองเห็นสิ่งของตรงหน้าแล้วผมจึงยืนยันสถานที่ที่ผมอยู่ตอนนี้ได้

ห้องพยาบาลของสถาบัน

จำได้ว่าครั้งก่อนที่เข้ามาก็เป็นครั้งที่ผมถูกฆ่าตาย เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นผมจึงกลายเป็นเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตาย

ลุกขึ้นนั่ง พบว่ารอบๆ ไม่มีใครอยู่เลย

มองหน้าต่าง สามารถเห็นแสงอาทิตย์ยามเช้าส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างได้

ผมหมดสติไปนานแค่ไหนกัน? โธ่เอ๊ย ถ้ามีใครอยากฆ่าผมตอนนี้ก็คงง่ายดายไปเลยสิ

อีกทั้งความทรงจำสุดท้ายของผมก็คือถูกทะลวงไส้จากเด็กสาวสองคน ผมจำได้ว่าสกิลนั้นทำให้หมดสติ 100% อีกทั้งยังโจมตีพร้อมกันสองคนอีก

หรือระยะเวลาการสลบจะทบกัน? ถึงเลเวลของพวกเธอจะห่างกับผมไม่น้อย แต่สกิลที่มีประสิทธิภาพ 100% ช่างเลวร้ายจริงๆ

แต่หมดสติไปก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

แม้ว่าตอนนั้นผมจะขัดขวางสกิลของพวกเธอก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งสองคนไม่ยอมใจเย็นแล้วปล่อยผมไปแน่

แทนที่จะเป็นแบบนั้นไม่สู้ผมหมดสติไปจะดีซะกว่า อย่างน้อยแบบนี้สองคนนั้นก็จะได้รักษาสติไว้หน่อย

ตอนนี้สองคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่รอทุบผม ก็แปลว่าการคาดเดาของผมไม่ผิด

แต่ทำไมผมถึงหมดสติไปนานขนาดนี้?

ก่อนหน้านี้ผมจำได้ว่าเวลาที่หมดสติไปคือตอนเย็น แต่ตอนนี้เป็นช่วงเช้าตรู่พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ผมก็หมดสติไปอย่างน้อย 10 ถึง 11 ชั่วโมง

ถึงสกิลจะทรงพลังยังไงก็ไม่มีทางทำให้ผมหมดสติไปได้นานขนาดนี้สิ?

แต่มองเห็นบนกระดานแจ้งเตือนก็ไม่ได้ทิ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์เอาไว้ ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ตรวจสอบสถานะและไอเทมบนตัว ก็ไม่มีของอะไรที่ควรค่าแก่การสนใจ

ในช่วง 11 ชั่วโมงนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

มองเห็นห้องพยาบาลปราศจากคนอยู่ ช่วยไม่ได้ ผมจึงลุกขึ้นเดินออกไปนอกประตู

ปึง!

ขณะผลักประตูเปิด แม้ว่าเปิดล็อคได้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงถูกบางสิ่งข้างนอกต้านไว้

หืม?

มีใครขวางประตูไว้จากข้างนอก? มันเกิดอะไรขึ้น?

หรือว่าจะเป็นมิเชลกับมัวร์โยนผมทิ้งไว้ที่นี่แล้วก็ขังผมไว้เหรอ?

โธ่เอ๊ย ของแบบนี้มีประโยชน์อะไร…เอ๋ เดี๋ยวก่อนนะ

ทำไมจู่ๆ ชื่อและฉายาของคนรอบๆ ถึงเริ่มแสดงล่ะ? เมื่อกี้มองไม่เห็นอะไรเลยชัดๆ!

มิน่าล่ะทำไมถึงไม่เห็นใคร ที่แท้ระบบมองเห็นชื่อก็ปิดได้สินะ?

แต่ว่าทำไมล่ะ? ของสิ่งนี้อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้ไม่ใช่เหรอ? ไม่นึกว่าจะถูกปิดกั้นได้ หรือว่าผลกระทบจากการทะลวงไส้นั่นมีมากขนาดนี้?

ไม่

ทันใดนั้น กระดานแจ้งเตือนก็เด้งออกมา แต่บนนั้นมีเพียงหนึ่งตัวอักษร

นี่…หรือว่าระบบนี้พูดอยู่กับผม?

“คุณคือ…ระบบ?”

ไม่ ข้าคือโลก

เจ้านี่คุยกับผม! เจ้านี่แขวะผมมานานขนาดนี้ ในที่สุดก็เต็มใจคุยกับผมสินะ!

ไม่ ข้าแค่ใช้วิธีที่เหมาะสมพูดคุยกับเจ้า…สร้างภาษาเสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปจะทำการอธิบาย

เจ้าหมดสติไปนานแบบนี้เนื่องจากได้รับการแทรกแซงที่เกินกว่าขอบเขตที่ระบบคาดการณ์เอาไว้

เจ้าไม่ได้รับสิทธิ์ข้าจึงไม่อาจอธิบายรายละเอียดได้

แต่ข้าไม่อาจแทรกแซงโลกใบนี้ ทำได้เพียงสำรวจผ่านพวกเจ้า

ช่วยข้าตามหาสิ่งแทรกแซงที่ไม่รู้จักได้หรือไม่?

เจ้านี่…มีจิตสำนึกเป็นของตัวเองอย่างที่คิด แต่จิตสำนึกในตอนแรกกลับเป็นการแดกดัน คนที่สร้างมันคิดอะไรอยู่ถึงสร้างไอ้นี่ขึ้นมานะ

แต่ว่า…

ในเมื่อควบคุมระบบเป็นตายของพวกเราเอาไว้ มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะหลอกผม

ก็หมายความว่า…ในเวลา 11 ชั่วโมงเมื่อวานเกิดเรื่องไม่ธรรมดาขึ้นจริงๆ

เฮ้อ ให้ผมเพิ่มเลเวลดีๆ ไม่ได้เหรอ? เอาแต่เจอเรื่องวุ่นวายแบบนี้อยู่นั่น…ไม่สิ อาจไม่ใช่เรื่องไม่ดีก็ได้

“ผมว่า อันที่จริงเรื่องแบบนี้คุณสร้างเควสต์ให้พวกเราไม่ดีกว่าเหรอ? แม้จะทำให้คุณติดหนี้น้ำใจพวกเรา นี่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเรา ไม่สู้ให้รางวัลพวกเราไม่ดีกว่าเหรอ?”

คำพูดของเจ้าถูกต้อง

หลังจากอีกฝ่ายทิ้งประโยคนี้ไว้ กระดานสนทนาก็หายไปจากตรงหน้าผม

ต่อจากนั้น กระดานแจ้งเตือนเควสต์ก็เด้งออกมา

เควสต์พิเศษ : การแทรกแซงที่ไม่รู้จัก

ค้นหาต้นตอการแทรกแซงที่ไม่รู้จักที่ทำให้ทั้งสถาบันตกอยู่ในการหลับใหล

ขั้นตอนเควสต์ :

1.ตามหาเพื่อน ปลุกให้ตื่น

2. สำรวจขอบเขตการแทรกแซง

3. ค้นหาศูนย์กลางการแทรกแซง

4. ทำลายอุปกรณ์ที่แทรกแซง

รางวัลเควสต์ : อุปกรณ์ติดต่อเพื่อนสนิท ลบล้างข้อจำกัด (เฉพาะคนต่างโลก)

เพิ่มหนึ่งเลเวล

ได้รับสิทธิ์อัพสกิลพิเศษ

“อุปกรณ์ติดต่อ? อัพสกิลพิเศษ? นี่มันอะไรเนี่ย?”

ผมถามใส่อากาศ แต่กระดานแจ้งเตือนกลับไม่ปรากฏออกมาอีก

ดูท่าเจ้านั่นที่เรียกตัวเองว่า ‘โลก’ จะหยุดพูดไปแบบไร้ความรับผิดชอบอีกแล้ว…ช่างเถอะ ไม่เป็นไร ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็มีแค่ตัวผมเองแล้ว

มองทางประตูอีกครั้ง…เอ๋? คนที่ขวางประตูอยู่คือ ญาริน มิเชลและมัวร์?

แย่แล้ว เมื่อกี้ยังคิดจะใช้สกิลถีบประตูเปิด ตอนนี้สถานการณ์เป็นแบบนี้จะให้ลงมือยังไงล่ะ?

ออกไปทางหน้าต่าง?

แต่ให้เด็กสาวสามคนนอนอยู่ข้างนอกแบบนี้คงไม่ดีมั้ง?

เอาล่ะ มีวิธีละ

เปิดหน้าต่างออก ผมไปยืนอยู่ในตำแหน่งหน้าต่างแล้วเริ่มจินตนาการภาพของทางเดินอยู่ในสมอง

“บลิงค์!”

ภาพตรงหน้ากะพริบ วินาทีต่อมาผมก็ปรากฏตัวอยู่กลาง…อากาศบนทางเดิน!

แย่แล้ว ไม่ควรจินตนาการถึงตำแหน่งของเพดาน!

ตกลงพื้นเสียงดังปัง แม้ว่าร่างกายรู้สึกกระแทกเข้ากับพื้น แต่ศีรษะเหมือนกับกระแทกเข้ากับของนุ่มๆ…

เอ๋?

ที่แท้เป็นต้นขาของญาริน!

ผมรีบลุกขึ้น มองไปที่พวกเธออีกครั้ง…ยังดีที่ไม่ตื่น

ตอนนี้พวกเธอทั้งสามคนต่างเอาหลังพิงประตูไว้ด้วยกัน ชุดเกราะบนตัวก็เปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้ว

น่ารักจัง สามคนนี้กองรวมกันเหมือนกับภาพวาดเลย…ไม่สิ ตอนนี้ต้องรีบปลุกให้พวกเธอตื่นถึงจะถูก!

“ญาริน มิเชล มัวร์ ตื่นเร็วเข้า!”

ผมเรียกอยู่หลายคำ แล้วยื่นมือไปจิ้มใบหน้าของพวกเธอเล็กน้อย นุ่มจัง…ไม่สิ มันไม่ใช่ประเด็น

ปัญหาคือพวกเธอไม่มีการตอบสนองแม้แต่น้อย นอกจากเสียงหายใจเบาบาง

ใช่แล้ว บนกระดานแจ้งเตือนบอกว่าทั้งสถาบันตกเข้าสู่สภาวะหลับใหลหรือว่าเป็นแบบนี้เอง?

ดูท่าจะเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ทั้งยังแทรกแซง ‘โลก’ อีก ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

แต่เป็นแบบนี้แล้วจะให้พวกเธอนอนอยู่ข้างนอกก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี ย้ายพวกเธอไปนอนบนเตียงในห้องพยายามคงดีกว่า

ช่วยคลุมผ้าห่มให้ทั้งสามคนตามลำดับแล้ว ผมจึงมองทางญารินที่อยู่บนเตียง

น่ารักจัง…แม้ว่าสวมหน้ากากอยู่ยัยนี่ก็ยังคงน่ารักสุดๆ

ใต้หน้ากากเธอจะมีหน้าตายังไงกันนะ?

ได้สติกลับมา ผมก็พบว่ามือผมยื่นไปทางใบหน้าของอีกฝ่ายแล้ว!

ผมรีบห้ามตัวเอง จากนั้นก็สูดหายใจลึก

ในเมื่อเธอไม่เต็มใจให้ผมเห็นก็คงมีเหตุผลของตัวเอง? ครั้งก่อนที่เธอถอดออกก็เกิดขึ้นแค่พริบตา ยังมองไม่ชัดเลย

แต่ว่า…

จะมีสักวันที่เธอถอดออกไหมนะ?

“เอาล่ะ เริ่มเควสต์เถอะ!”

ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?)

ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?)

Status: Ongoing

ผมตื่นขึ้นมาหน้าหมู่บ้านแปลกๆ แห่งหนึ่ง ผมลองคิดว่าก่อนหน้านี้ผมทำอะไรมาถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ผมกลับนึกอะไรไม่ออก นอกจากชื่อของผม “หลิน ฟีล”

ผมเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ กลับพบว่าทุกคนในหมู่บ้านมีชื่อและหลอด HP ลอยอยู่เหนือศีรษะ

เอ๊ะ…ทำไมมันเหมือนเกม RPG จัง หรือว่า…ผมจะหลุดเข้ามาในเกม RPG?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท