ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) – ตอนที่ 30

ตอนที่ 30

เคาะไปบนมือสองข้างที่ล็อคผมไว้ หลังมั่นใจว่ามันคือเหล็ก ผมก็จับแขนของหุ่นเชิด แล้วร่ายเวท ‘ผู้ยับยั้งดินแช่แข็ง’

ถึงมันจะเป็นเวทมนตร์ที่ใช้เพื่อแช่แข็งแล้วลดความเร็วของอีกฝ่าย แต่สำหรับเอฟเฟกต์ทางกายภาพแล้ว เวทมนตร์นี้กลับเป็นเวทมนตร์เดียวในบรรดาเวทมนตร์ที่ผมรู้จักที่ทำให้อุณหภูมิของร่างกายต่ำที่สุดได้

และนี่ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการใช้เวทมนตร์เมื่อกี้

ตอนที่ใช้ ‘กรวยน้ำแข็ง’ แม้อีกฝ่ายเป็นตุ๊กตา แต่ข้อต่อของมันไม่อาจขยับได้เพราะแขนที่ถูกแช่แข็ง

นี่ก็แปลว่า ผลของเวทมนตร์ที่มีต่ออมนุษย์จะไม่ใช่แค่การลดความเร็วและการแช่แข็งทั่วไป แต่ขณะเดียวกันยังมีผลของการแช่แข็งทางกายภาพด้วย

และวัสดุบางอย่างอาจมีความเปราะบางจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ อย่างเช่นโลหะ เมื่ออุณหภูมิถึงจุดวิกฤต ความสามารถในการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนอิสระจะลดลง ความทนทานของวัสดุจะลดลงทันที และแสดงความเปราะบางออกมา แปลว่าความต้านทานแรงปะทะจะต่ำมาก หรือก็คือมันจะแตกหักได้ง่ายนั่นเอง

นี่ก็เป็นสาเหตุที่ผมยืนยันว่าสิ่งที่อยู่บนตัวผมใช่มนุษย์หรือเปล่า ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนเหล็ก อย่างงั้นเวทแช่แข็งแบบนี้ก็จะทำให้วัสดุบนร่างกายของอีกฝ่ายกรอบอร่อย

แน่นอน ผมไม่ได้จะกินมันหรอก และเงื่อนไขที่สามารถใช้เวทมนตร์นี้ได้ ก็เพราะเวทของตัวเองจะไม่ก่อให้ตัวเองเกิดการบาดเจ็บ ไม่งั้นคนที่จะกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งก็คงเป็นผม

กรวยน้ำแข็งลอบสังหาร!

กรวยน้ำแข็งนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากบนตัวผม แทงทะลุหุ่นเชิดที่อยู่ข้างหลังผมทันที!

ตอนที่ผมรู้สึกว่ามือที่ล็อคตัวผมปล่อยออก ผมก็รู้ว่าอีกฝ่ายแหลกสลายแล้ว

มือข้างหนึ่งของผมวางไว้ที่ปุ่มกดใช้บนแถบไอเทมแล้ว การโจมตีเมื่อกี้ทำให้ผมบาดเจ็บไม่น้อย แม้เลเวลผมจะสูงกว่าพวกเขา แต่ไม่ว่าจะคำนวนยังไงเลเวลของตุ๊กตาพวกเขาก็ไม่แน่ชัดอยู่ดี

และปัญหาในตอนนี้ก็คือ…

ตรงหน้ามีครู๊ซที่เป็นตุ๊กตา ส่วนข้างล่าง…พระเจ้า ยัยนั่นทิ้งกับระเบิดลงบนพื้นไปด้วย และขณะเดียวกัน ก็โยนตุ๊กตาทีละตัวออกมาจากแหวนเก็บของของเธอไปด้วย

หนึ่งตัว สองตัว สามตัว…ตุ๊กตาสิบสองตัว? รวมกับหุ่นเชิดเมื่อกี้ก็เป็นทั้งหมดสิบสามตัว?

ยัยนี่เป็นนักเวทจริงเหรอเนี่ย?

ถึงผมจะรู้ว่าคำถามนี้คงไม่ได้คำตอบ แต่ถ้าเมื่อคืนผมไม่ได้ขวนขวายความรู้เกี่ยวกับนักเวทสายอัสนีอยู่ในห้องสมุด ผมคงสงสัยในความคิดของตัวเองแน่ๆ

แต่ว่า…

ยัยนี่ควบคุมตุ๊กตาเพียงแค่การโบกไม้คทา มันต้องใช้พลังการควบคุมที่แข็งแกร่งแค่ไหนถึงทำได้นะ…

หรือว่าเธอเคยเล่น Warcraxx ไม่ก็ Starcraxx1?

ตุ๊กตาสิบสองตัวพุ่งเข้ามาที่ผมทันที ทั้งยังกระโดดกลางอากาศ แล้วบินเข้ามาทางผม!

ส่วนอีกด้าน ครู๊ซก็พุ่งมาทางผมเช่นกัน หมอนี่ยังบินได้ด้วย!

นี่มันหลักการอะไร? ถึงบินได้ด้วย?

ผมย้ายไม้คทาในมือไปไว้ที่มือซ้าย แล้วใช้มือขวาหยิบดาบออกมา

มือทั้งสองแยกกันโจมตีคนละทิศทาง ขณะเดียวกันโล่น้ำแข็งนับไม่ถ้วนก็ห้อมล้อมบริเวณรอบผม

หลอด MP ของผมขยับขึ้นลงราวกับสปริง MP เพิ่งฟื้นฟูก็ถูกใช้ไปอีกในทันที ยังไงซะความเร็วที่โล่น้ำแข็งถูกทำลายก็เร็วกว่าที่จินตนาการไว้

บ้าเอ๊ย ทำไมไอ้พวกนี้ถึงมีเวทมนตร์ที่สูงกว่าเลเวลตัวเอง แต่ผมกลับไม่มีล่ะ?

ผมนี่ชอบไปเทียบกับคนอื่น น่าโมโหจริงๆ

แต่ว่า ในเมื่อสถานการณ์แบบนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว งั้นผมก็ทำได้แค่ทุ่มสุดตัว

บลิงค์!

วินาทีถัดไป ผมก็ปรากฏตัวที่ข้างหลังเฮเลน่า ดาบในมือจ่อไปบนลำคอของเธอ

“เธอแพ้แล้ว”

ผมยิ้มแล้วพูดกับเธอ

“ควบคุมตุ๊กตาสิบสามตัวเหนื่อยมากเลยใช่ไหม? มันเลยเป็นสาเหตุที่เธอไม่เคลื่อนที่มาตลอด เธอแบ่งแรงไปควบคุมร่างกายเธอเองไม่ไหวแล้ว”

“อืม งั้นเหรอ?”

จู่ๆ อีกฝ่ายก็พลิกตัวมากระแทกดาบของผมออกไป จากนั้นยกไม้คทาขึ้น โบกลงด้านล่าง

แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

อีกฝ่ายมองบนฟ้าด้วยความสงสัย กลับพบว่าตุ๊กตาหลายตัวนั้นลอยไม่ขยับอยู่กลางอากาศ และก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาก็กำลังตกลงมาจากท้องฟ้า

“เธอคงสงสัยว่าทำไมตุ๊กตากับพี่ชายของเธอถึงลอยอยู่บนฟ้าแต่กลับขยับไม่ได้ แล้วยังมีก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ตกลงมาอีกใช่ไหม?”

ก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาย่อมเป็นเวท ‘น้ำแข็งร่วงหล่น’ ขององค์หญิงสโนว์อยู่แล้ว ผมได้ทักทายองค์หญิงสโนว์ที่อยู่ในพระราชวังน้ำแข็งผ่านรู้เล็กๆ ก่อนที่ผมจะส่งเสียงพูดคุยกับเฮเลน่า ผมคิดว่าการใช้น้ำแข็งที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่มโหฬารกระแทกตุ๊กตาสิบสามตัวบนฟ้าคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร

อีกฝ่ายหมุนตัวมองที่ผม ผ่านไปหนึ่งวินาที ก็ถามขึ้น

“ก็ได้ บอกฉันสิ นายทำได้ยังไง?”

ตอนที่เธอพูดแบบนี้ ‘น้ำแข็งร่วงหล่น’ ก็ตกใส่ตุ๊กตาสิบสามตัว รวมไปถึงหุ่นเชิดที่ชื่อครู๊ซอีกด้วย

เกิดเสียงดังสนั่น โลหะกับน้ำแข็งก็ปะทะกันกลางอากาศจนไม่รู้ว่ากลายสภาพเป็นยังไง ตอนนี้ถึง HP ของพวกเขาจะยังไม่หมดเกลี้ยง แต่ตอนที่พวกเขาตกถึงพื้น ไม่ว่ายังไงก็คงจบเห่

แน่นอน โชคดีที่อีกฝ่ายเป็นตุ๊กตาทั้งหมด ความรู้สึกผิดต่างๆ จึงลดลงไม่น้อย

“ก่อนอื่นฉันต้องอธิบายว่า ฉันเห็นการใช้งานตุ๊กตาของเวทสายอัสนีมาจากห้องสมุด แล้วฉันก็รู้ว่าการดำเนินการนี้ต้องอาศัยสนามแม่เหล็กเล็กจ้อยมาควบคุมตุ๊กตา ฉันเลยกล้าตั้งสมมุติฐานหนึ่ง ใช้กระดาษฟอยล์ที่เคยคิดจะเอามาทำบาร์บีคิวให้กลายเป็นเศษ แล้วใช้น้ำแข็งแช่พวกมันไว้บนตัวของตุ๊กตา เธอรู้ไหม ผงโลหะสามารถรบกวนสัญญาณได้ ฉันเลยใช้กระดาษฟอยล์เกือบจะหมดม้วนแน่ะ แล้วถึงแม้มันจะไม่เวิร์ค ฉันคิดว่าน้ำแข็งพวกนั้นก็คงรบกวนการเคลื่อนไหวของตุ๊กตาได้อยู่ดี”

จากนั้นผมก็ชีไปที่พระราชวังน้ำแข็งข้างๆ

“ตามด้วย ‘น้ำแข็งร่วงหล่น’ ฉันว่าเรื่องนี้ก็คงง่ายแล้ว”

“เป็นแบบนี้นี่เอง เป็นความคิดที่สุดยอดทีเดียว”

อีกฝ่ายพยักหน้า

“แต่เจ้ายังไม่ชนะข้า ถึงไม่มีตุ๊กตา ข้าก็ยังใช้เวทมนตร์ได้”

พูดจบ อีกฝ่ายก็ยกไม้คทาขึ้น

“ไม่ๆๆ เธอพักผ่อนสักหน่อยจะดีกว่า”

ผมโบกมือใส่เธอ ส่งสัญญาณให้เธอวางอาวุธลง

“การเคลื่อนไหวเมื่อกี้ของเธอดูไม่เป็นธรรมชาติเลย แล้วตั้งแต่เริ่มเข้าสนามเธอก็คงสภาพแบบนี้ไว้ตลอด ถ้าให้ฉันเดา คือที่จริงเธอไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ แต่ใช้แผ่นเหล็กบนมือของเธอมาควบคุมร่างกาย ไม่ต้องถามนะว่าทำไมฉันดูออก เรื่องการใช้งานโลหะของเวทสายอัสนี ฉันมั่นใจว่าฉันเข้าใจหลักการมากกว่าเธอแน่”

ฟิสิกส์ของผมไม่เสียเปล่าเลย

“…ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าชนะ”

“เมื่อครู่ผู้แข่งขันเฮเลน่ายอมแพ้แล้ว! ฟีลชนะการแข่งขันสนามที่สอง!”

คาร์โลประกาศชัยชนะของผมด้วยเสียงดัง ขณะเดียวกัน กระดานแจ้งเตือนก็เด้งออกมาอีกครั้ง

แจ้งเตือนเควสต์

เควสต์หลัก : ชนะการแข่งขันชั้นปี 2/3

เป้าหมายโบนัส : ให้สโนว์ทำการโจมตีสุดท้ายสำเร็จ 2/3

1 ชื่อของวิดีโอเกม

เล่ม 3

ในเมื่อมองไม่เห็นเงาร่างของอีกฝ่าย ก็คงทำได้แค่บังคับให้เขาออกมา!

ประมาณขอบเขตของห้อง ผมชักเอา ‘ผู้ดูหมิ่น’ ออกมาและใช้เวทมนตร์ ‘ผู้ยับยั้งดินแช่แข็ง’ ใส่กำแพงรอบห้อง!

วงเวทสีครามกะพริบ จุดเยือกแข็งสีครามนับไม่ถ้วนหมุนวนขึ้นกลางอากาศ ครู่เดียวก็เต็มทั่วทั้งห้อง

แม้ว่าแกจะซ่อนตัว แต่ผลการโจมตีคงไม่มีทางทะลุผ่านใช่ไหมล่ะ?

อย่างที่คิดไว้เลย ใต้บันไดข้างห้องโถงปรากฏชื่อสีแดง มองตามทิศทางที่แสดงออกมาบนมินิแมพ ผมก็ปล่อยกรวยน้ำแข็งไปทันที!

กรวยน้ำแข็งโจมตีที่ตำแหน่งของอีกฝ่าย จากนั้นก้อนน้ำแข็งก็ปกคลุมบริเวณนั้น

แต่ผมรู้ว่าการโจมตีของผมไม่โดนอีกฝ่าย เพราะผมมองเห็นเงาดำลอยออกมาจากจุดที่กรวยน้ำแข็งโจมตีแล้ว

แต่ในเมื่อถูกผมเห็นร่างแล้ว ซ่อนตัวต่อไปก็ไม่มีความหมาย

กรวยน้ำแข็งลอบสังหาร!

กรวยน้ำแข็งนับไม่ถ้วนแทงไปที่ตำแหน่งของเขาจากทุกทิศทาง อีกฝ่ายหลบการโจมตีอย่างเชี่ยวชาญ แล้วพุ่งมาทางผม

เร่งความเร็ว! เสริมแกร่ง!

หลังจากใช้สองสกิลติดต่อกันผมก็เก็บ ‘ผู้ดูหมิ่น’ จากนั้นใช้ดาบยาวขวางการโจมตีของอีกฝ่ายทันที

อีกฝ่ายก็ดูตกตะลึงที่ผมใช้ดาบ ในขณะเดียวกัน ผมก็มองเห็นชื่อของอีกฝ่าย

??? โดรุมิ ซัน (โดรุมิ ไลล์) นักฆ่าเลเวล 32 ผู้หญิง อายุ 26 ??? เลเวล ?? ชั่วร้าย ขี้สงสัย นักฆ่าระดับสูง One hit kill สีแดงสดยามค่ำคืน ผู้ถูกประกาศจับ นักเรียนโรงเรียนโทโก ??? ???

อีกฝ่ายใช้มีดสั้น แต่แค่ฟันลงบนดาบของผมก็ทำให้หว่างนิ้วของผมเจ็บปวด!

เลเวลห่างกันเกินไป ผมไม่ถูกกระแทกจนปลิวก็ถือว่าโชคดีแล้ว

ผมถอยหลังอย่างรวดเร็ว และมองผู้ที่มาอย่างตั้งใจ

ผมและนัยน์ตาสีดำ ทั้งตัวถูกห่อหุ้มด้วยชุดสีดำอย่างแน่นหนา

ก่อนหน้านี้ก็เคยเห็นคนที่สวมชุดแบบนี้ นั่นก็คือ ยูอน นักฆ่าอีกคน

หรือว่านักฆ่าในยุคนี้ชอบแต่งตัวแบบนี้กัน? หรือว่าชุดแบบนี้มีเอฟเฟกต์เพิ่มเติม?

อีกทั้งฉายาของคนคนนี้ยังเปิดเผยเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือยัยนี่ปลอมแปลงตัวตนเป็นนักเรียนของโรงเรียนโทโก น่าสนใจ บางทีคงเป็นคนที่มาดูการแข่งขันชั้นปีพร้อมกันกับอาร์ย่า เลยฉวยโอกาสทำภารกิจให้เสร็จได้พอดี เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว

แม้ว่าถูกฆ่าตายก็สามารถฟื้นคืนชีพได้ แต่ถูกฆ่ามั่วๆ แบบนี้ก็เสียหน้าเกินไปไหมล่ะ?

ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะให้คุณตายคุณก็ต้องดิ้นรนเฮือกสุดท้ายสิ นี่แหละคือความโรแมนติกของผู้ชาย!

“คุณคือ…โดรุมิ ไลล์ จากโรงเรียนโทโกสินะ?”

เมื่อผมถามคำถามนี้ ผมรีบใช้อุปกรณ์สื่อสารติดต่อไปหาอาร์ย่า เรื่องที่ถามก็ย่อมเป็นเธอรู้จักนักเรียนที่ชื่อว่า ‘โดรุมิ’ ไหม

มืออีกฝ่ายที่ถือมีดสั้นอยู่สั่นอย่างชัดเจน ดวงตาก็เผยร่องรอยความประหลาดใจ

แต่อีกฝ่ายก็สงบอย่างรวดเร็ว และไม่ได้พูดอะไร

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะกังวลว่าผมหลอก แต่ไม่กล้ายืนยัน ดังนั้นจึงรอคำตอบของผม

และบนอุปกรณ์สื่อสาร คำตอบของอาร์ย่าก็ส่งมาอย่างรวดเร็ว

‘รู้จักสิ เป็นรุ่นพี่ชั้นปีสูง ถนัดดาบสั้น บางครั้งยังชอบเล่นกับมีดสั้น’

“คือว่า อาร์ย่าเคยพูดเกี่ยวกับคุณ”

“ไม่มีทาง! แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นเจ้าก็ไม่มีทางจดจำข้าได้!”

หลังจากอีกฝ่ายพูดจบก็หยุดชั่วขณะ ‘ชิ’ คำหนึ่งแล้วมองที่ผม

อย่ามองผมแบบนี้สิ ผมไม่ได้บังคับให้คุณพูดนะ คุณยอมรับด้วยตัวเอง

“คุณก็มองทะลุการเปลี่ยนหน้าของผมได้ไม่ใช่เหรอ? อย่าบอกผมนะว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ”

“…”

อีกฝ่ายไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น

“เอาเถอะ ก่อนอื่นเจ้าต้องบอกเหตุผลที่ข้าจะไม่ฆ่าเจ้ามาก่อน จากนั้นข้าถึงจะเลิกฆ่าเจ้า และอธิบายว่าทำไมข้าถึงรู้ว่าเจ้าคือฟีล”

เฮ้ยๆ นี่มันตรรกะอะไรเนี่ย? เหตุผลที่ไม่ฆ่าผม? เพราะว่าผมหน้าตาหล่อเกินไปได้ไหม? ไม่ได้สิ ผมคิดว่าถ้าเป็นเหตุผลนี้เธอคงฆ่าผมทันที

“เพราะผมเป็นนักเวทอาณาจักรของจักรวรรดิเอส เหตุผลนี้ได้ไหม”

“ไม่ได้ เพราะการฆ่านักเวทอาณาจักรสักคนแม้จะทำให้ข้าถูกประกาศจับ แต่ก็แค่ทำให้ค่าหัวของข้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น”

จะว่าไป ยัยนี่ก็มีฉายาผู้ถูกประกาศจับนี่

“ผมก็เป็นผู้ถูกประกาศจับล่ะ?”

“เรื่องนี้ข้าก็รู้แล้ว ข้าเคยอ่านข้อมูลของเจ้าหมดแล้ว”

พระเจ้า ความส่วนตัวของผม หรือว่าเมื่อคืนก่อนผมกินอะไรก็ยังรู้เหรอ?

“เอาเถอะ ผมเป็นคนของสมาคมปริศนาเรดลีฟคุณเชื่อไหมล่ะ?”

“…”

“ไม่เชื่อ เอารอยสักให้ข้าดู”

ผมดึงเสื้อแล้วชี้ไปที่รอยสักเรดลีฟบนตัว จากนั้นก็พูดขึ้น

“อันที่จริงพวกเราก็เดินเส้นทางเดียวกัน”

“สะ…สมาคมปริศนาเรดลีฟ? จะ…เจ้า…”

“หืม?”

สีหน้าของอีกฝ่ายกลายเป็นขาวซีดในพริบตา

“ขออภัยที่รบกวน! โปรดลืมเรื่องในวันนี้ด้วย! ข้าไม่ควรลงมือตามอำเภอใจ! ข้ายังอยู่ในช่วงพักผ่อน เจ้าโปรดลืมเรื่องนี้ได้ไหม?”

“เอ่อ…”

เดี๋ยวนะ ชื่อของสมาคมปริศนาเรดลีฟน่ากลัวขนาดนั้นเลย? แม้กระทั่งองค์กรนักฆ่าด้วยกันก็หน้าเปลี่ยนสี?

“ผมสามารถลืมเรื่องในวันนี้ได้ แต่คุณก็ต้องตอบคำถามผมสักสองสามข้อ ข้อแรกคือคุณมองทะลุการเปลี่ยนหน้าของผมได้ยังไง?”

“เรื่องนั้นเหรอ…ที่จริงข้าก็ไม่ได้มั่นใจนัก เพราะได้ยินว่าเจ้าชอบอยู่ในห้องสมุดเป็นพิเศษ ข้าจึงคิดว่าหากเจ้าไม่หาหนังสือสายน้ำแข็งมาศึกษา ก็คงศึกษาหนังสือสายอัสนี ผลคือแค่ข้ามาถึงที่นี่ก็พบเจ้า อีกทั้งข้ายังเคยดูข้อมูลภาพของทุกคนในสถาบัน แต่ข้ารู้สึกว่าไม่เคยเห็นหน้าเจ้าในตอนนี้มาก่อน แม้ไม่มั่นใจนัก แต่ว่า…เจ้าอ่านหนังสือเป็นเวลานานเกินไป ดังนั้นข้าเปิดดูภาพอีกครั้ง และไม่มีจริงๆ ข้าจึงมั่นใจว่าเจ้าคือฟีลที่เปลี่ยนหน้า”

“คุณไม่ห่วงว่าเป็นคนอื่นเปลี่ยนหน้าเหรอ?”

“ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ลงมือสังหารตั้งแต่ต้น แค่โจมตีทดสอบเท่านั้น”

ทดสอบ…เมื่อกี้แค่การทดสอบเหรอ?

นี่คือการบอกผมว่าถ้าลงมือจริงๆ ผมคงหลบไม่ได้สินะ?

“เอาเถอะ ถือว่าคุณเก่ง”

“ขอบคุณที่ชื่นชม”

“…เอาเถอะ คำถามข้อสอง คุณเป็นสมาชิกของสมาคมนักฆ่าอะไร?”

“คือว่า…”

“ถ้าคุณไม่บอก รอให้ผมหาเจอผมจะไปเยี่ยมคุณถึงบ้านแน่”

“สมาคมนักฆ่าปีศาจอินทนิล!”

อีกฝ่ายรีบตอบกลับ

จริงด้วย เครื่องหมายคำถามด้านหน้าสุดในฉายาของอีกฝ่ายกลายเป็นคำว่า ‘ปีศาจอินทนิล’ ดูแล้วคงไม่ได้โกหก

“เอาล่ะ ดูท่าคุณคงไม่โกหก คำถามสุดท้าย คุณรู้ว่ามีนักฆ่าคนไหนจะมาฆ่าผมอีกไหม?”

“เรื่องนี้…ข้าเองก็ไม่รู้ เพราะว่าข้าก็เพิ่งได้รับการแจ้งเตือนประกาศจับเมื่อเช้า ข้ายังนึกว่าตัวเองโชคดีที่อยู่ในสถาบันของพวกเจ้า ทว่า ก็ไม่ง่ายที่จะหาเจ้าพบ ใช่แล้ว คาถาขับไล่นี้ใกล้จะเสื่อมแล้ว พวกเรารีบออกไปกันเถอะ”

“แน่นอน”

ผมยิ้ม จากนั้นสัมผัสใบหน้า ก็กลายเป็นเด็กหนุ่มผมดำและดวงตาสีดำ

จากนั้นจึงเดินไปข้างเธอ

“พวกเราไปด้วยกันเถอะ พี่สาว”

อยากหลบนักฆ่า ทางที่ดีที่สุดก็คือหลบอยู่ข้างนักฆ่าสักคนไง ไม่ถูกเหรอ?

เล่ม 3

เหตุผลที่ทำให้ผมตอบรับอย่างง่ายดายขนาดนี้ไม่ใช่เพราะผมมั่นใจว่าคนอื่นฆ่าผมไม่ตาย ที่จริงแล้ว ถ้าเผชิญหน้ากับศัตรูที่เลเวลมีแต่เครื่องหมายคำถามแล้วลงมือทันทีแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง ผมคงถูกฆ่าตายในวินาทีเดียวแน่นอน

แต่ว่า พอเห็นการแจ้งเตือนเควสต์ ผมก็ยิ้มออกมา

สำหรับผมแล้วเควสต์นี้ง่ายจนไม่รู้จะง่ายยังไง ถ้าคุณให้ผมไม่ถูกฆ่าตายจริงๆ งั้นบางทีก็คงจะยากหน่อย

แต่แค่ให้คนอื่นคิดว่าผมไม่ถูกฆ่าตายนั้นง่ายมาก เพราะผมคืนชีพได้ไม่จำกัดเมื่ออยู่ในสถาบัน

ถึงถูกฆ่าแล้ว หลังคืนชีพแค่บอกว่าที่จริงผมไม่ได้ตายก็พอแล้ว

ง่ายจัง

ยิ่งกว่านั้นเมื่อรวมกับตอนนี้ที่ผมมีสกิลประหลาดอย่างเวทปลอมตัว เควสต์นี้ก็จัดให้อยู่ในเควสต์หมวด easy ได้เลย

“ดูท่าเจ้าจะใจกล้ากว่าที่ข้าคิดไว้มาก ดี กลับมาที่ร้านหนังสือแห่งนี้ได้ตอนเที่ยงคืนวันนี้ก็ถือว่าเจ้าทำภารกิจสำเร็จ ระหว่างนี้ เจ้าไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้ ยิ่งกว่านั้นตามการวิเคราะห์ข้อมูลของเจ้า ถ้าเจ้าไม่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น โดยทั่วไปก็ไม่มีใครมาช่วยเหลือเจ้าอยู่แล้ว ใช่ไหม”

“พวกคุณรู้ดีจริงๆ เลย”

“ช่วยไม่ได้ สิ่งที่รู้ได้มีแค่เท่านี้ รายงานที่เกี่ยวข้องก็มีเพียงหนึ่งหน้ากว่าๆ เท่านั้น อย่างไรซะข้อมูลสมัยก่อนของเจ้าก็ไม่มีเลยนี่”

“งั้นเหรอ…”

หน่วยข่าวกรองอันน่ากลัว ทำไมถึงทำให้ผมรู้สึกเหมือนสภาความมั่นคงแห่งชาติที่อยู่ในหนังเลย?

“เอาล่ะ งั้นผมไปแล้ว”

พูดจบ ผมก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ

หลังจากใช้เวทปลอมตัวเปลี่ยนหน้าตาและเสื้อผ้าแล้ว ผมก็ใช้ ‘บลิงค์’ วาร์ปไปอยู่ในห้องน้ำในห้องสมุดที่ไม่ค่อยมีคนเข้าไป แล้วเดินออกมา

“ถึงเที่ยงคืนเหรอ…”

ผมมองนอกหน้าต่าง บนนาฬิกาของสถาบันบอกเวลาเป็นสิบโมงเช้า แปลว่าผมยังต้องรออีกสิบสี่ชั่วโมง

เสียเวลาจังเลย มีเวลาให้พักผ่อนที่หาได้ไม่ง่ายแท้ๆ ยังมาโดนเควสต์ประหลาดแบบนี้แย่งไปอีก

ช่วยไม่ได้ ฉวยโอกาสนี้รีบหาที่ที่เก็บหนังสือเวทมนตร์สายอัสนีดีกว่า แม้ก่อนหน้านี้จะอ่านเวทอัสนีระดับต้นไปคร่าวๆ และเคยเรียนสกิลไปบ้างแล้ว แต่จนตอนนี้กลับยังไม่เคยใช้มาก่อน

เปลี่ยนเสื้อคลุมสีแดงที่สวมอยู่ให้เป็นสีม่วงเข้ม เปลี่ยนโครงหน้าให้คล้ายกับหน้าของผม แต่ทำให้มีใบหน้าคล้ายกับคนยุโรป แล้วผมก็เดินตรงเข้าไปในส่วนของสายอัสนี

โดยทั่วไปห้องสมุดจะแบ่งเป็นสามพื้นที่ คือชั้นปีต้น ชั้นปีกลาง และชั้นปีสูง

และในทุกพื้นที่ เวทมนตร์ทุกสายจะแบ่งเป็นแต่ละส่วน

เวทมนตร์สายแสงกับสายมืดจะมีพื้นที่น้อยที่สุด เพราะตำราที่เกี่ยวข้องต่างไม่อนุญาตให้วางไว้ ดังนั้นนอกจากคำอธิบายคร่าวๆ แล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีก

เมื่อเดินไปถึงพื้นที่สายอัสนี ผมจึงเดินตรงไปส่วนที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ทันที

การคิดค้นการผลิตกระดาษของโลกใบนี้น่าจะเป็นเมื่อ 800 ปีก่อน ดังนั้นจนถึงตอนนี้ หนังสือจึงกลายเป็นวิธีบันทึกข้อมูลที่แพร่หลายที่สุด

บนชั้นวางหนังสือเต็มไปด้วยความเข้าใจในการต่อสู้จริงของนักเวทต่างๆ ที่มีต่อนักเวทสายอัสนี ผมสุ่มหยิบมาสองสามเล่ม พิงชั้นหนังสือแล้วเริ่มอ่าน

อัมพาต…

ทำให้คู่ต่อสู้เป็นอัมพาต…

ไม่ถึงสิบนาทีผมก็ปิดหนังสือลง

อ่านไปได้เกินกว่าสิบหน้า ก็สรุปได้แค่ประโยคเดียว

ทำให้คู่ต่อสู้เป็นอัมพาต จากนั้นก็ใช้เวทมนตร์ที่ทรงพลังที่สุดโจมตี

ว่าไปแล้วก็ใช่ ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่รู้คุณสมบัติของอีกฝ่าย ถ้ารู้ล่ะก็ ผมแค่หาอุปกรณ์ในการรับมือมาสวมไว้ก็พอแล้วนี่?

อย่างเช่นสายเพลิงตอนก่อนหน้านี้ ถ้าซื้ออุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บจากไฟไหม้และเสริมความต้านทานสายเพลิง แล้วจะต้องกลัวอะไรอีก?

ส่วนตอนนี้ ขอเพียงซื้ออุปกรณ์หรือยาป้องกันการอัมพาตได้ก็คงพอแล้ว?

ยิ่งกว่านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกสงสัยว่าได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น ผมเลยทำได้แค่ไปซื้อยาอันแสนแพงที่ร้านค้าของสถาบัน โธ่เอ๊ย ถ้าทำเควสต์นี้สำเร็จแล้ว ความปรารถนาของผมก็คือการใช้เงินในคลังประเทศตามใจชอบ!

ช่างเถอะ ลองดูอีกสักสองสามเล่มแล้วกัน

หยิบหนังสืออีกเล่ม ผมก็อ่านต่อ

ถึงจะดูเหมือนเตรียมพร้อมตอนจวนตัว แต่หนังสือเหล่านี้กลับบันทึกสิ่งที่มีประโยชน์อยู่มากมาย

สายน้ำแข็งมีคุณสมบัติการโจมตีไม้แข็งและการป้องกันไม้แข็ง โดยทั่วไปจะต้องใช้ความแข็งของน้ำแข็งมาสร้างพลังโจมตีและพลังป้องกัน ขณะเดียวกัน การใช้เวทน้ำแข็งจะแฝงความสามารถในการลดความเร็วและแช่แข็ง ก่อให้เกิดการรบกวนและสร้างความเสียหายต่ออีกฝ่าย

ส่วนเวทอัสนีกลับเป็นเวทมนตร์ที่มีความแข็งแกร่งในความนุ่มนวล ขอเพียงควบคุมได้อย่างเหมาะสม เวทอัสนีก็สามารถทะลวงผ่านช่องวางทุกอย่างได้

ถึงจะไม่มีรูปร่าง แต่กลับสามารถสร้างความเสียหายให้กับคู่ต่อสู้อย่างสูง

ยิ่งกว่านั้นยังมีเอฟเฟกต์อัมพาตขณะเดียวกับการโจมตี สามารถรบกวนจังหวะของฝ่ายตรงข้าม และชนะคู่ต่อสู้ได้

สิ่งที่ควรพูดถึงก็คือ เวทสายอัสนียังสามารถใช้วัตถุโลหะต่างๆ หรือแม้แต่ควบคุมเศษโลหะในบริเวณพื้นที่มาสร้างการโจมตีได้ด้วย

มันต้องใช้พลังการควบคุมและความสามารถในการตัดสินที่แข็งแกร่งขนาดไหนถึงทำได้นะ?

แต่ในเมื่อมีคนเขียนสิ่งนี้ไว้ในหนังสือ ก็แปลว่ามันเป็นสิ่งที่สามารถทำได้

นึกถึงปีศาจเปลี่ยนร่างเมื่อวานนี้ ผมก็ไม่กล้ารับประกันว่าศัตรูวันพรุ่งนี้จะไม่พกสิ่งของพวกนั้นมาด้วย

ยังไงซะเมื่อพูดถึงสายอัสนี เลสเตอร์ก็ใช้ขดลวดมาสร้างอุปกรณ์ลดความเร็วไม่ใช่เหรอ? นั่นคือตัวอย่างของการใช้โลหะรึเปล่า?

ถ้าสายน้ำแข็งมีหนังสือแบบนี้บ้างก็คงดี เพราะหนังสือจำพวกการใช้เวทสายน้ำแข็งกลับแทบไม่มีเลย

หรือจะบอกว่าไม่มีอยู่ในพื้นที่ชั้นต้น ไว้คราวหน้าอาจจะเห็นก็ได้

ดูเวลาเล็กน้อย ก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงอย่างไม่รู้ตัวแล้ว ไม่น่าถึงรู้สึกว่าท้องหิว ยังไงวันนี้ก็ยังไม่ได้ไม่ได้กินอะไรเลยจนถึงตอนนี้นี่

เอาล่ะ ไปกินสักหน่อยแล้วกัน ยังไงวันนี้ก็อ่านข้อมูลได้พอสมควรแล้ว

ผมวางหนังสือกลับไปที่เดิม แล้วเดินไปทางประตูห้องสมุด

“หืม?” เมื่อลงมาชั้นหนึ่ง ผมจึงหยุดฝีเท้าลง เพราะว่า…

เงียบเกินไปแล้ว!

ตอนที่มาถึงเมื่อเช้า นอกจากพวกแฟนคลับที่ชั้นหนึ่งแล้ว ยังมีคนอยู่ไม่น้อยเลยชัดๆ แล้วยังรวมไปถึงอาจาร์ที่รับหน้าที่เฝ้าดูแลห้องสมุด

แต่ว่า…

ตอนนี้ไม่มีใครเลย!

มองดูมินิแมพ ด้านบนก็ไม่ได้แสดงอะไร

ไม่ต้องไปพูดถึงมินิแมพเลย ชื่อที่ใกล้ที่สุดที่ผมมองเห็นดูเหมือนจะอยู่ห่างไปหลายสิบเมตร

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

แม้ว่าทุกคนที่นี่จะตายแล้วอย่างน้อยก็ต้องเหลือศพสิ? ทำไมไม่มีอะไรเลย?

ทันใดนั้น ข้างๆ รูปโปรไฟล์ของผมก็มีสัญลักษณ์ติดพิษ ผมตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นรีบเปิดช่องเก็บของกดที่ยาแก้พิษ

ในอากาศมีพิษ?

ดูเหมือนมีใครบางคนคิดหาทางทำให้คนอื่นออกไปก่อน แล้วใช้แก๊สพิษ!

ลงทุนมากจริงๆ ถึงกับลงมือในสถาบันเลย!

ผมเร่งความเร็วพุ่งไปที่ประตู แต่แจ้งเตือนโจมตีก็ทำให้ผมหยุดลงทันที มีดสั้นหลายสิบด้ามปักอยู่ตรงหน้า ขวางทางไปของผม!

เลเวลของอีกฝ่ายสูงกว่าผมไม่น้อย! ไม่งั้นผมคงมองเห็นวิถีของมีดสั้นพวกนั้นได้แน่นอน

นักฆ่าเหรอ?

ผมอยู่ในสภาพเปลี่ยนใบหน้าแล้วแท้ๆ แต่ยังสามารถรู้ได้ว่าเป็นผม ไม่ธรรมดา

ยิ่งไปกว่านั้น คนคนนี้ยังโจมตีผมโดยไม่ได้ปรากฏรูปร่าง!

น่าสนใจ!

หลังจากมาถึงโลกนี้แล้ว ดูเหมือนการพักผ่อนที่ดีที่สุดก็คือการหลับตาพักผ่อนจิตใจ เพราะหากนอนหลับจนต้องการฝัน คงทำได้แค่ตอนสลบไปเท่านั้น

หลังจากนอนพักในห้องสมุดหนึ่งคืน มองเห็นค่าความเหนื่อยล้าใกล้จะเต็มแล้ว ผมคิดว่ากลับบ้านไปอาบน้ำเติมไว้ให้เต็มคงดีกว่า

“โอ้ นี่มันฟีลไม่ใช่เหรอ? ขอลายเซ็นให้ข้าได้ไหม?”

“เมื่อวานเจ้ายอดมากจริงๆ หรือเป็นเพราะตั้งใจเรียนอยู่ในห้องสมุดตลอด?”

ทันทีที่ออกจากประตูห้องสมุด นักเรียนที่อยู่หน้าประตูก็พบผม

“คือว่า ขอถามหน่อยได้ไหมว่าตอนนี้ทั้งสถาบันรู้จักผมกันหมดแล้วเหรอ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว คนชั้นต้นที่สามารถคว่ำคู่ต่อสู้ที่กลายเป็นปีศาจได้มีแค่เจ้าคนเดียว แล้วยังเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์เลยด้วย ทุกคนรู้จักเจ้าก็เป็นเรื่องธรรมดา”

ผู้ชายสายวายุตอบกลับ อีกทั้ง ดูจากตราที่หน้าอกเขาแล้วเหมือนจะเป็นชั้นกลาง

“บางทีจนกระทั่งวันนี้คงมีแค่ผมคนเดียวที่เบื่อต่อสู้กับปีศาจกลายร่าง”

“ฮ่าฮ่า นึกไม่ถึงว่าเจ้าแข็งแกร่งขนาดนี้แล้วยังตลกขบขันอีก แต่ว่า เจ้าต้องระวังคนจากชั้นปีสูงเหล่านั้น เจ้าสามารถจัดการชั้นต้นที่กลายเป็นปีศาจได้ นั่นก็อธิบายได้ว่าเจ้าสามารถต่อสู้กับชั้นปีสูงได้ พวกเราชั้นปีกลางยอมรับในความสามารถของเจ้า แต่ว่าชั้นปีสูงไม่น่าปล่อยให้เจ้าพิชิตพวกเขาได้ง่ายๆ อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?”

“หมายความว่ายังไง?”

“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้ หลังจากสิ้นสุดการแข่งขันชั้นปีทั้งหมด ผู้ชนะเลิศในแต่ละชั้นปีจะแข่งขันกัน แม้ว่าเรียกอย่างสวยหรูว่าการแข่งขัน แต่อันที่จริงก็เป็นแค่การแสดงพลังของชั้นปีสูงต่อชั้นปีต้น”

“อย่างนี่นี้เอง แสดงความแข็งแกร่งของตัวเอง….ถ้าผู้ชนะเลิศของชั้นปีสูงถูกผู้ชนะเลิศของชั้นปีต้นจัดการ คงจะทำให้ทั้งชั้นปีเสียหน้าแน่นอน”

“วางใจเถอะ คนส่วนใหญ่ในชั้นปีกลางกลายเป็นแฟนคลับของเจ้าแล้ว เพราะหัวข้อวิจัยในเทอมนี้ของเราคือจะจัดการกับปีศาจอย่างไร และเจ้าทำการสาธิตให้พวกเราได้ดีทีเดียว พวกเราซาบซึ้งเจ้ายังไม่พอเลย แต่เจ้า…ระวังชั้นปีสูงไว้จะดีที่สุด”

“ผมรู้แล้ว ขอบคุณมาก แต่คุณบอกผมเยอะขนาดนี้…”

“แน่นอนว่าเพราะต้องการลายเซ็นของเจ้า”

อีกฝ่ายพูดก็หยิบเอากระดาษออกมา

แถมยังเป็นกระดาษหนังแกะที่เสริมเวทมนตร์ป้องกันการผุพังด้วย ไม่ธรรมดาเลย

“ช่วยเขียนว่า ‘ขอให้เคเลนทำหัวข้อวิจัยสำเร็จอย่างราบรื่น’ ที”

“อืม…ได้…”

“ขอบคุณมาก…”

อีกฝ่ายรับกระดาษที่ผมเขียนจากนั้นตอบด้วยรอยยิ้ม

“งั้นผมขอถือโอกาสถามอีกสักอย่างได้ไหม?”

“อืม ถามสิ”

“ใครที่มีโอกาสเป็นผู้ชนะเลิศของชั้นปีกลางมากที่สุด?”

หลังจากเหนื่อยยากลำบากแล้ว ผมก็กลับไปที่ห้องพักของตัวเอง

แม้ว่าข้างนอกยังมีคนอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยเวทปลอมตัวที่อัพเกรดแล้ว ผมเลยกลับบ้านได้อย่างราบรื่น

เวทปลอมตัว เลเวล 1 เวทเปลี่ยนสีผม

เวทปลอมตัว เลเวล 2 เวทเปลี่ยนสีดวงตา

เวทปลอมตัว เลเวล 3 เวทเปลี่ยนโครงหน้า

เมื่อกี้ผมดูเหมือนชายวัยกลางคนผมแดงตาแดง รวมกับเสื้อคลุมสีแดงที่ซื้อมาจากร้านขายของ ดูแล้วเหมือนกับนักเวทสายเพลิง

ตอนผมเข้าไปเลยไม่มีคนจับผมได้เป็นธรรมดา

นอกจากเวทปลอมตัวแล้ว ผมยังอัพเกรด ‘เนตรแห่งเฟคด้า’ กับ ‘ผู้ครอบครองตาอินทรี’ ด้วย

ผู้ครอบครองตาอินทรี เลเวล 1 ได้รับความสามารถมองเห็นมินิแมพของแผนที่ (ต้องการแผนที่กระดาษเพื่อเพิ่มรายละเอียด) จะมองเห็นมินิแมพในขณะที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเท่านั้น

ผู้ครอบครองตาอินทรี เลเวล 2 ได้รับความสามารถมองเห็นมินิแมพขณะเคลื่อนไหวได้

ผู้ครอบครองตาอินทรี เลเวล 3 ได้รับความสามารถการแจ้งเตือนเมื่อฝ่ายตรงข้ามอยู่ในระยะการมองเห็น

เนตรแห่งเฟคด้า เลเวล 1 มองเห็นชื่อ เพศ อายุ อาชีพ หรือฉายาของอีกฝ่ายโดยไม่มีเงื่อนไข (สุ่มหนึ่งอย่าง) หากเห็นข้อใดข้อหนึ่งแล้ว จะไม่อาจใช้ซ้ำได้อีก

เนตรแห่งเฟคด้า เลเวล 2 มองเห็นชื่อของอีกฝ่ายโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ทับซ้อนกับความสามารถในเลเวล 1 หากใช้ความสามารถนี้กับฝ่ายตรงข้ามแล้ว จะสามารถใช้ความสามารถของเลเวล 1 ได้อีกครั้ง

เนตรแห่งเฟคด้า เลเวล 3 มองเห็นอาชีพและเลเวลของอีกฝ่าย ไม่ทับซ้อนกับเลเวล 1 หากใช้ความสามารถนี้กับฝ่ายตรงข้ามแล้ว จะสามารถใช้ความสามารถของเลเวล 1 ได้อีกครั้ง (หากอาชีพของอีกฝ่ายมีมากกว่าหนึ่งอย่าง จะสามารถมองเห็นเพียงอย่างเดียว หากเดิมสามารถมองเห็นอาชีพหนึ่งในนั้น จะสามารถมองเห็นอาชีพที่สองได้)

เนตรแห่งเฟคด้า เลเวล 4 มองเห็นเพศและอายุของอีกฝ่าย ไม่ทับซ้อนกับเลเวล 1 หากใช้ความสามารถนี้กับฝ่ายตรงข้ามแล้ว จะสามารถใช้ความสามารถของเลเวล 1 ได้อีกครั้ง

แบบนี้ผมก็ใช้แต้มสกิลเก้าแต้มที่ได้จากการอัพเลเวลจนหมด

ถึงจะยังมีสกิลประหลาดเยอะแยะที่สามารถเลือกได้ แต่พอเห็นสกิลพวกนั้นมีราคาที่ไม่ถูกแล้ว มันเลยทำให้ผมหยุดได้

แม้สกิลส่วนใหญ่ที่เลือกตอนนี้จะไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้ แต่สำหรับผมกลับรู้สึกว่ามันน่าสนใจทีเดียว ยิ่งกว่านั้นการที่มันไม่มีราคาก็ทำให้ผมรู้สึกดีมาก

หลังจากอาบน้ำเสร็จ อาร์ย่าก็ติดต่อมาอีกครั้ง

“นายทำอะไรกันเนี่ย? ตอนนี้พวกแฟนคลับของวิ่งไปทั่วห้องสมุดแล้ว?”

แค่เปิดหัวข้อ อาร์ย่าก็ตะโกนแบบนี้ “คงเพราะว่าวันนี้ฉันให้ลายเซ็นคนที่หน้าห้องสมุดมั้ง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนนายกลายเป็นคนดังแล้วนะ”

“ฉันไม่ได้อยากซะหน่อย ฉันอยากเป็นแค่คนไม่โด่งดัง”

“คนไม่โด่งดังคงไม่จัดการปีศาจในสามสิบวิหรอก”

“โชคดีเท่านั้นแหละ…ใช่แล้ว มีเรื่องอะไร?”

“เพราะไม่ใช่แค่แฟนคลับที่หานายไม่เจอ เพื่อนร่วมทีมนายก็หานายไม่เจอเหมือนกัน พวกเรารอนายอยู่ที่ร้านหนังสือข้างที่กินอาหารเมื่อวาน”

“วางแผนต่อสู้เหรอ?”

“ไม่ เพราะว่าสโนว์บอกว่า ช่วงนี้นายจะมีอันตราย”

“อันตราย? ด้านไหน?”

“ด้านชีวิต”

เล่ม 3

การแข่งขันเพิ่งสิ้นสุด แสงที่ผสมผสานกันก็โอบล้อมทั่วทั้งสนามแข่ง

ร่องรอยการต่อสู้เมื่อกี้กับสนามที่ถูกทำลายฟื้นฟูกลับสภาพเดิมทันที เหลือไว้เพียงลีกับฮิตที่นอนอยู่กลางสนาม

ผมกับองค์หญิงสโนว์มองหน้ากัน แล้วแปะมือกันเพื่อเฉลิมฉลอง

“ฟีล การต่อสู้เมื่อกี้เจ้าหล่อจริงๆ! เจ้าทำท่าทางที่ดูชำนาญขนาดนั้นได้อย่างไร?”

แอบเรียนรู้จากการเล่นเกมน่ะสิ ถึงผมจะอยากพูดแบบนี้ก็เถอะ

“อาจเป็นเพราะปกติผมชอบออกกำลังกายล่ะมั้ง”

ถ้ามีผู้เชี่ยวชาญได้ยินผมพูดแบบนี้ต้องอยากตบผมสักสองฉาดแน่ เพราะการพูดเหลวไหลเป็นแบบนี้

และขณะเดียวกัน โล่บนสนามก็ถูกปลดออก เสียงเชียร์อันกึกก้องก็ดังออกมาจากทั่วทุกทิศทาง

ไม่เพียงแค่ทีมระดับต้น แม้แต่ระดับกลางกับระดับสูงก็ส่งเสียงออกมาอย่างอื้ออึง

“สหายทั้งหลาย! พวกเราได้เป็นพยานในการต่อสู้อันน่าอัศจรรย์เมื่อครู่ด้วยกัน! ฟีลที่มาจากทีมสายน้ำแข็งใช้ทักษะเวทมนตร์ที่ตัวเองชำนาญอย่างไม่มีใครเทียบเท่า มาโค่นล้มฮิตจากทีมสายเพลิงที่ใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ผิดกติกาได้! นี่เป็นการต่อสู้เวทมนตร์ที่สวยงามที่สุดที่ข้าเคยพบมาเลย!”

พิธีกรคาร์โลส่งเสียงตะโกนขึ้นฟ้า เสียงเชียร์ของนักเรียนก็ยิ่งดังขึ้นอีก

เอ๋? หมอนั้นใช้ปลั๊กอินเป็นการฝ่าฝืนกฎเหรอ? บ้าเอ๊ย ถ้ารู้ก่อนคงไม่สู้แล้ว กลัวแทบตาย

เมื่อกี้แค่โชคดีที่ใช้สกิลได้อย่างราบรื่นขนาดนี้ ถ้าเกิดความคลาดเคลื่อนการต่อสู้เมื่อกี้ผมคงตกเข้าสู่ทะเลเพลิงแล้ว

อีกทั้ง ผมไม่เหมือนกับพวกเขา พวกเขาได้รับคุ้มครองจากเวทมนตร์สนาม แต่ถ้าผม HP หมเและไม่มีใครให้ยาฟื้นฟูกับผมในเวลาสั้นๆ ผมก็คงตายจริงๆ

แล้วความสามารถการต่อสู้ของผมก็จะถูกเปิดเผย

เผยออกมา การต่อสู้หลังจากนี้คงเสียเปรียบ…

ฉายา ความไม่ระมัดระวัง อัพเป็นเลเวล 7 ความต้านทานเพิ่มขึ้น 70 เปลี่ยนจากสกิลติดตัว (Passive skill) เป็นสกิลกดใช้ (Active skill)

สกิลกดใช้ (Active skill) โจมตีสวนกลับ (Counter Attack) หลังจากถูกโจมตีจะดูดซับพลังโจมตีของอีกฝ่าย 70% และเพิ่มในพลังโจมตีพื้นฐานของการโจมตีครั้งต่อไป

เอาเถอะ ผมก็รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ เคยชินแล้วล่ะ

แต่ได้รับสกิล ก็ถือว่าไม่เสียหาย

และในขณะนั้นเอง ก็เห็นคนที่ดูเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลรีบเข้ามาในสนาม จากนั้นก็วิ่งไปทางพวกฮิต อีกสองคนที่ดูเหมือนจะเป็นอาจารย์ก็เดินมาตรงหน้าผม จากนั้นใช้ไม้คทากวาดผ่านร่างกายผม

“โอ้ๆ เมื่อครู่อาจารย์ที่รับหน้าที่ตรวจสอบได้รับข้อสรุปแล้ว…อืม ฟีลอาศัยความแข็งแกร่งของตัวเองโดยไม่ได้ใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ใดในการพิชิตคู่ต่อสู้! ขอเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นให้ที!”

ภายใต้การบรรยายของคาร์โล บรรยากาศก็ถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง

และอาจารย์ที่รับหน้าที่ตรวจสอบก็ส่งรอยยิ้มให้ผม

“ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วยฟีล การต่อสู้ของเจ้าเมื่อครู่ยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินอาจารย์แมรี่บอกว่าความสามารถการต่อสู้จริงของเจ้าแข็งแกร่งมาก แต่ผลคะแนนทฤษฎีกลับย่ำแย่ ในตอนนั้นข้ายังไม่เชื่อ แต่พอเห็นวันนี้แล้ว ช่างยอดเยี่ยมมากจริงๆ”

ผู้ที่พูดคืออาจารย์ที่ตรวจผมด้วยไม้คทาเมื่อกี้ มีผมสีฟ้าเป็นลอน แล้วยังสวมผ้าคลุมศีรษะ ดูคล้ายกับอาจารย์แมรี่นิดหน่อย

แต่ชื่อของอีกฝ่ายกลับยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม เลเวลคงต้องสูงจนน่าตกใจแน่ๆ

“ใช่ที่ไหนกันล่ะครับ ผมแค่เคลื่อนไหวคล่องแคล่วนิดหน่อยเท่านั้น”

ผมตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“ข้าว่าไม่ใช่แค่นั้นนะ? เจ้าเอาโล่น้ำแข็งป้องกันบอลไฟ แล้วยังใช้โทเท็มน้ำแข็งเพื่อเคลื่อนไหว การกระทำสองอย่างนี้น่าชื่นชมอย่างยิ่ง ข้าไม่เคยเห็นนักเรียนคนไหนที่สามารถคำนวณระยะเวลาการร่ายได้อย่างแม่นยำแบบนี้มาก่อน”

“เอ่อ…”

ผมไม่มีระยะเวลาการร่ายเวทน่ะ สุดท้ายถูกคนนึกว่าคาดเดาด้วยตัวเอง น่าอายจริงๆ

“แล้วเจ้ายังสามารถทำแบบนั้นได้ คนที่ไม่มีความกล้าคงไม่กล้าทำ สำหรับเรื่องนี้แล้ว เจ้าทำได้ยอดเยี่ยมมาก”

“ขอบคุณครับ…”

“การทดสอบเวทมนตร์คราวก่อนของเข้า…คือหนึ่งเดือนก่อนใช่ไหม? ในตอนนั้นเจ้าอยู่ในระดับชั้นต้น แต่จากการตวรจสอบเมื่อครู่ เจ้าอยู่ในระดับชั้นกลางแล้ว ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วมาก แต่วางใจได้ พวกเราไม่ได้จะให้เจ้าไปที่การแข่งขันของทีมชั้นกลางทันที แต่สำหรับเรื่องการเพิ่มระดับ หลังจากสิ้นสุดการแข่งขันก็สามารถดำเนินการได้”

“ได้ครับ ผมรู้แล้ว ขอบคุณครับ”

“ดี ตอนนี้ก็มากับข้า การแข่งขันครั้งต่อไปเป็นวันมะรืน ก่อนหน้านั้นก็พักผ่อนให้ดี”

“วันมะรืน? ทำไมไม่ใช่พรุ่งนี้ล่ะ?”

อีกฝ่ายมองผมอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็ยิ้ม

“ดูเหมือนกำลังเจ้าจะเต็มเปี่ยมเลยนะ หรือไม่รู้สึกเหนื่อยเลย?”

ได้ยินเธอพูดแบบนี้ผมถึงสังเกตเห็นค่าความเหนื่อยล้าที่ใต้หลอด HP

อย่างที่คิดเลย ลดลงไป 2/3 แล้ว ดูเหมือนการต่อสู้เมื่อกี้จะให้ผมเหนื่อยมากจริงๆ

แต่ผมกลับไม่สังเกตว่ามันลดจนเหลืออยู่นิดเดียว ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่รู้สึก

“ได้ยินคุณพูดแบบนี้ก็รู้สึกเหนื่อยจริงๆ พักผ่อนสักวันคงจะดีกว่า”

“นั่นสิ”

อีกฝ่ายยิ้ม จากนั้นก็นำทางพวกเราออกจากสนามแข่ง

“ฟีล เจ้าต้องบอกเทคนิคการต่อสู้ของเจ้ากับข้า! เก่งเกินไปแล้ว!”

ทันทีที่ออกมาก็ได้ยินฮีลตะโกนเสียงดัง

“นั่นสิ เจ้าชี้แนะวิธีการต่อสู้ให้ข้าด้วย”

“เซ็นลายเซ็นให้ข้าด้วย!”

“เมื่อครู่เจ้าหลบบอลไฟได้อย่างไร? เท่เกินไปแล้ว!”

“นั่นสิ บอกข้าด้วย! แล้วก็เซ็นให้ข้าด้วย!”

ทางออกแน่นแออัด ดูแล้วคล้ายกับการแจกลายเซ็นของดารา ทำให้ชั่วขณะนั้นผมไม่รู้จะทำยังไงดี

“อย่าวุ่นวาย พวกเจ้าจะไม่ให้ฟีลพักผ่อนบ้างเหรอ?”

ญารินที่สวมชุดเกราะเบียดเข้ามาจากข้างนอก จับผมแล้วดึงออกไป

“องค์หญิงสโนว์ เจ้าก็รีบตามมาสิ ไม่งั้นอีกเดี๋ยวเจ้าคงออกมาไม่ได้!”

องค์หญิงสโนว์ตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ จากนั้นมองเห็นผมถูกดึงออกไป หลังจากได้สติก็รีบตามพวกเราพุ่งออกจากกลุ่มฝูงชน

แต่คนที่อยู่ข้างหลังยังคงตามมาอย่างไม่ลดละ

ในที่สุดผมก็ได้สัมผัสความรู้สึกของการเป็นดารา พูดตามจริงแล้ว รู้สึกแย่จริงๆ

“เอาล่ะ พวกเจ้าให้ผู้เข้าแข่งขันพักผ่อนเถอะ!”

ทันใดนั้น มีสามคนก็พุ่งมาขวางทางคนที่ตามมาข้างหลัง

หันกลับไปมอง เป็นฟาลัน ยูบริลและลาน่า

แสงสว่างสีขาวบนตัวยูบริลขวางทางไปของคนเหล่านั้น สมกับเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในสถาบันจริงๆ

“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน หากต้องการซื้อภาพสุดคมชัดของการต่อสู้ครั้งนี้ก็มาทางนี้เลย~ 500 เหรียญทองต่อคน โปรดต่อแถวด้วย~”

มองเห็นกระเป๋าที่อัดแน่นของลาน่า มุมปากผมก็กระตุก

ยัยบ้า อย่าเอาฉันไปเป็นช่องทางทำเงินสิ! ยิ่งกว่านั้นฉันยังเป็นคนต่อสู้ เป็นคนลงแรงแท้ๆ!

“รีบไปเถอะ!”

ผมไม่มีเวลามาบ่น ญารินดึงผมออกไปอย่างรวดเร็ว

“พวกเราจะไปที่ไหน?”

“อืม…พวกเราไปหาร้านอาหารกินสักร้านไหม”

“เห็นด้วย!”

นี่เป็นคำตอบที่มาจากก้นบึ้งหัวใจผม วันนี้ไม่มีการตัดสินใจอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว

เล่ม 3

ผมมองลีที่ถูกแช่แข็งอยู่บนพื้น HP ของเขาในตอนนี้เหลือศูนย์แล้ว เสื้อผ้าบนตัวยังเหลือร่องรอยไหม้อยู่

ดูจากการทดลองอีกฝ่ายจะไม่ได้มีผลป้องกันการโจมตีจากเพื่อนร่วมทีม เวทมนตร์ ‘อาทิตย์อัสดง’ ของฮิตเลยโจมตีโดนลีที่แข็งอยู่บนพื้นด้วย HP ของอีกฝ่ายจึงเหลือศูนย์ทันที

และคนที่อยู่บนสนามก็เหลือแค่ฮิตคนเดียว

“ดูเหมือนนายจะมีเวทมนตร์ที่ร้ายกาจ เวทมนตร์ระดับกลางหรือระดับสูงล่ะ?”

ผมถามไปด้วยพลางตบเศษน้ำแข็งบนตัว

“…ความแข็งแกร่งของเจ้าเกินกว่าทีมชั้นต้นสินะ?”

อีกฝ่ายยกคทาไว้ตรงหน้าอก มือทั้งสองจับมันไว้แน่น เห็นได้ชัดว่าต้องการสู้สุดชีวิต

แต่ผมสามารถมองผ่านสีหน้าที่เจ็บปวดของเขาออก เขาก็รู้ดีว่าการโจมตีของเขาไม่เกิดผลต่อผม

“โดนการโจมตีจากเวทระดับสูงแล้วไม่ได้รับบาดเจ็บ น่าเหลือเชื่อจริงๆ”

“ที่แท้เป็นเวทระดับสูง มิน่าล่ะโล่ของฉันถึงพังหมดในทีเดียวเลย ถ้านายแข็งแกร่งกว่านี้อีกหน่อย ฉันก็คงทนไม่ไหว”

“งั้นเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า เอาเถอะ ข้าไม่ได้สนใจการแพ้ชนะของการแข่งขันชั้นปี แต่ว่า ข้าอยากเห็นว่าขีดจำกัดของเจ้ามีมากน้อยเท่าไหร่ อย่างไรซะทีมต่อไปที่เจ้าต้องพบก็ไม่ได้ใช้แค่เวททนตร์ระดับสูง แต่เป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถใช้เวทมนตร์ระดับต้องห้ามได้”

พูดจบ เขาก็มองทางองค์หญิงแอนที่อยู่บนเวที

คิ้วขององค์หญิงขมวดขึ้นมาทันที ดูเหมือนข้างนอกก็ได้ยินคำพูดของพวกเราบนเวทีด้วย

ยิ่งกว่านั้นพิธีกรยังพูดบางอย่างพลางเต้นแร้งเต้นกาอยู่บนอัฒจันทร์ตั้งแต่เริ่มแรก ไม่รู้ว่าจะหมิ่นประมาทอะไรผมอีก

“เยี่ยม ฉันก็อยากรู้ว่าใช้แค่เวทมนตร์ระดับต้นจะไปได้ไกลแค่ไหน!”

อีกฝ่ายได้ยินผมพูดแบบนี้ก็ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นหยิบไข่มุกสีแดงออกมาจากอกแล้วใส่ไว้ในปาก

ขณะที่ผมกำลังคิดว่านั่นคืออะไร ระลอกคลื่นสีแดงก็ปรากฏออกมาจากตัวฮิตทันที กวาดผ่านทั่วทั้งสนาม

ชั่วพริบตานั้น คริสตัลน้ำแข็งทั้งหมดบนพื้นก็กลายเป็นธาตุเวทมนตร์ นอกจากเศษหินที่อยู่บนพื้นพวกนั้นแล้ว ก็มองไม่เห็นสิ่งอื่นเลย

คริสตัลน้ำแข็งที่มีองค์ประกอบจากธาตุเวทมนตร์หลอมเหลวในพริบตา? นี่มันเวทมนตร์อะไร?

และวินาทีต่อมา ชื่อและฉายาแม้กระทั่งเลเวลของอีกฝ่ายก็เกิดความเปลี่ยนแปลง!

ผู้ปลดปล่อย ฮิต เฟอร์ เลเวล 23 ปีศาจสายเพลิง เป็นกลาง ผู้เข้มแข็ง เชื้อพระวงศ์ ผู้ดื้อรั้น สาวกแห่งเพลิง องค์ชายลำดับที่สาม

พระเจ้า นายเพิ่งไปซื้อปลั๊กอิน1มาเหรอ?

ถึงนายจะตื่นรู้แล้วแต่ก็เพิ่มทีเดียวสิบเลเวลไม่ได้! นายล้อฉันเล่นเหรอ? ไปซื้อปลั๊กอินดีขนาดนี้จากไหนเนี่ย? ซื้อให้ฉันสักอันได้ไหม?

ถ้าเป็นเลเวล 23 พลังโจมตีพื้นฐานของหมอนี่ก็คือ 5,000 นักเวทธาตุ…ไม่สิ หมอนี่กลายเป็นปีศาจสายเพลิงไปแล้ว? นี่คืออาชีพหรือเผ่าพันธุ์? คำนวณจาก 1.3 เท่าของนักเวทธาตุ พลังโจมตีเวทมนตร์ของหมอนี่ก็คือ 5,000 x 1.3 = 6,500!

พลังป้องกันพื้นฐานของผมคือ 3,400 แม้ว่าจะใส่โล่ที่ซื้อมาก่อนหน้าแล้วเสริมด้วยอัญเชิญโล่น้ำแข็ง พลังป้องกันก็เพิ่มไปแค่ 2,000 x 1.2 = 2,400 รวมทั้งหมดก็แค่ 5,800 เอง

แม้ว่ารวมปราสาทน้ำแข็งและเกราะน้ำแข็งด้วย พวกมันก็ลดความเสียหายได้แค่ 1,500 หน่วย

ก็หมายความว่าพลังป้องกันรวมทั้งหมดสูงสุดที่ 7,300 แต่นี่ยังไม่นับรวมเอฟเฟกต์โจมตีเพิ่มเติมของอาวุธในมือเขา….

อนาคตจะยากลำบากสักแค่ไหนกัน!

สิ่งที่เปลี่ยนยังไม่ใช่แค่ชื่อและฉายา ด้วยการกระจายของระลอกคลื่นสีแดงเมื่อกี้ บนตัวของหมอนี่จึงค่อยๆ ปรากฏลวดลายสีแดง ผมที่เดิมทีมัดไว้อยู่ก็กระจัดกระจายออก ผมสีแดงกลายเป็นเปลวเพลิงในทันที

ในขณะเดียวกันดวงตาก็กลายเป็นสีแดงเข้ม เหมือนจะพ่นเปลวไฟออกมาข้างนอก

ยิ่งกว่านั้น หมอนี่ยังลอยอยู่กลางอากาศอีกด้วย…

“องค์ชาย นายทำเกินไปรึเปล่า? แล้วจะให้ฉันสู้ยังไง?”

“ทำให้เต็มที่สิ”

อีกฝ่ายพูดด้วยรอยยิ้ม

ทุกคนเคยเห็นรอยยิ้มของปีศาจรึเปล่า? ตอนนี้พอผมเห็นหมอนี่ก็รู้สึกอย่างนั้นแหละ

จากนั้น จู่ๆ รอยยิ้มประหลาดนั่นก็ฉีกกว้างขึ้น!

ผู้ที่รู้สึกถึงลางไม่ดีจึงยก ‘ผู้ดูหมิ่น’ ขึ้นป้องกันทันที แต่หมัดร้อนระอุก็ต่อยเข้าที่ไม้คทาผมแล้วยังกระแทกจนผมปลิวออกไป

HP ลดลงหนึ่งในสามส่วนทันที ถ้าไม่ใช่เพราะชุดท่อนล่างกับเกราะน้ำแข็งของผม ตอนนี้ผมคงเลือดหมดไปแล้ว

ฮิตที่กลายเป็นคนเหนือมนุษย์ยังมีการโจมตีทางกายภาพ ยิ่งกว่านั้นความเร็วยังเพิ่มขึ้นหลายระดับ

ถึงแม้ไม่ได้ใช้เวทมนตร์ ใช้หมัดต่อยก็สร้างความเสียหายสูงขนาดนี้ ถ้าใช้เวทมนตร์ล่ะ…

เพิ่งคิดแบบนี้ไป ก็มองเห็นฮิตอ้าปาก เปลวไฟสีแดงก็ถูกพ่นออกมาจากปากเขา ผมกดที่เร่งความเร็วทันที ในขณะเดียวกันก็ใช้ ‘พุ่งทะลวง’ ไปทางขวาหลบการโจมตีของอีกฝ่าย!

แม้กระทั่งพื้นที่ที่เปลวไฟสีแดงกวาดผ่านก็ส่งเสียงแตกร้าว ถ้าถูกเปลวไฟนั้นโจมตีคงต้องกลายเป็นไก่ย่างแน่นอน!

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ผิดมนุษย์ชัดๆ!

อย่าบอกผมว่าการตื่นรู้แบบนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่งั้นคงน่ากลัวเกินไปแล้วมั้ง?

“เอาล่ะ สิ้นสุดกันสักที! อาทิตย์อัสดง!”

มือของอีกฝ่ายชี้ขึ้น เทียบกับเมื่อกี้แล้วบอลไฟที่ปรากฏบนฟ้าตอนนี้ใหญ่กว่าเดิมสองเท่า จากนั้นก็ค่อยๆ ตกลงมาทางผม!

แต่ว่า ผมยิ้ม

“ฉันเคยบอกไปแล้ว ตอนนี้เป็นตาของฉัน ทำไมนายไม่ยอมแพ้ไปล่ะ?”

ผม ‘พุ่งทะลวง’ ไปตรงหน้าเขา จากนั้นมือขวาก็ดื่มยาเติม MP อย่างรวดเร็วไปพร้อมกัน

ยาแบบนี้มีระยะเวลาคูลดาวน์นาน แต่สามารถเติม MP จนเต็มได้ในครั้งเดียว เลยเป็นเหตุผลให้ผมใช้ในตอนนี้ แน่นอนว่า…ผมพาหมอนี่ขึ้นไปเหนือบอลไฟด้วยบลิงค์!

“องค์หญิงสโนว์ ตาคุณลงมือแล้ว! เป้าหมายคือเหนือบอลไฟ 50 เมตร!”

“น้ำแข็งร่วงหล่น!”

ครู่ต่อมา พวกเราก็ปรากฏอยู่กลางอากาศ ด้านบนคือก้อนน้ำแข็งขนาดมหึหาที่ก่อรูปจาก ‘น้ำแข็งร่วงหล่น’ และด้านล่างผมคือบอลไฟที่เกิดจาก ‘อาทิตย์อัสดง’

“เจ้า…ใช้เวทมนตร์มิติได้?”

“แค่วิธีหลบหนีก็เท่านั้น แต่ใช้แบบนี้ก็ไม่เลว”

“เจ้าขึ้นมาคิดจะทำอะไร? หรือไม่รู้ว่าข้าบินได้?”

“ฉันรู้ แต่นายก็บินได้ไม่นานใช่ไหมล่ะ? การเปลี่ยนร่างของนายก็น่าจะอยู่ได้ไม่นาน ไม่งั้นนายคงไม่รีบร้อนใช้ท่าลับเพื่อตัดสินแพ้ชนะ แต่ว่า ฉันคิดว่านายไม่ได้ใช้ความสามารถบินโจมตีฉันนั่นก็อธิบายได้ว่านายไม่คุ้นเคยกับการบิน ดังนั้น ฉันก็เลยเดิมพัน”

“เดิมพัน…อะไร?”

“เดิมพันว่าเวทมนตร์ของนายจะทำร้ายนายเองไง! โทเทมน้ำแข็ง!”

เวทน้ำแข็งปรากฏขึ้นระหว่างผมกับฮิต จากนั้นโทเทมน้ำแข็งขนาดมหึมาก็พาฮิตกระแทกไปบนก้อนน้ำแข็งของ ‘น้ำแข็งร่วงหล่น’!

เอฟเฟกต์ ‘น้ำแข็งร่วงหล่น’ แช่แข็ง 100%!

ไอคอนลดความเร็วและแช่แข็งปรากฏขึ้นข้างชื่อของฮิต จากนั้น ‘น้ำแข็งร่วงหล่น’ ก็พาเอาฮิตที่คิดจะโจมตีมาทางผม

น่าเสียดาย ที่เวลาแบบนี้พอให้ยาฟื้นฟู MP ฟื้นฟูมานาของผมได้ส่วนหนึ่ง

โทเทมน้ำแข็งส่งผมออกจากพื้นที่ที่ ‘น้ำแข็งร่วงหล่น’ ตกลงมา น้ำแข็งขนาดมหึมาก็พาฮิตตกลงบนบอลไฟด้านล่างทันที…

ตูม!

ข้างล่างบอลไฟกลายเป็นทะเลเพลิง ในขณะเดียวกันก้อนน้ำแข็งนับไม่ถ้วนก็แผ่ไอร้อนจากการระเหย

อีกด้านของสนาม องค์หญิงสโนว์ที่ถือโล่ทรงกลมมองทุกอย่างตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ดูจากท่าทางของเธอ บางทีนี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นการแข่งขันเวทมนตร์ว่าเป็นแบบนี้?

แจ้งเตือนเควสต์

เควสต์หลัก : การแข่งขันชั้นปี สำเร็จ 1/3

เป้าหมายรางวัลเพิ่มเติม : ให้องค์หญิงสโนว์โจมตีครั้งสุดท้ายของทุกการต่อสู้ สำเร็จ 1/3

ยังเหลืออีกสองการต่อสู้!!

1.คือโปรแกรมเสริม ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพหรือเพิ่มลูกเล่นให้โปรแกรมหลัก

“เอาล่ะ การสอนวันนี้มีเท่านี้ ทุกคนไปได้”

วันนี้อาจารย์แมรี่ก็ยังคงขี้เกียจ ถึงเวลาเลิกเรียนเพิ่งจะสิ้นสุดบทเรียนได้คร่าวๆ แล้วก็ประกาศเลิกเรียน

จากนั้นก็วิ่งหายไปไม่เห็นเงา

ต่อหน้าอาจารย์ที่ไม่รับผิดชอบ ผมทำได้เพียงพูดว่า : ทำได้ดี

ยังไงซะวิชาทฤษฎีแบบนี้โดยพื้นฐานผมก็ฟังไม่เข้าใจอยู่ดี การควบแน่นของเวทมนตร์หรือพลังเวทอะไรแบบนั้น สำหรับผมแล้วก็เหมือนให้ผมเรียนเนื้อหาเรื่องรูหนอนในอวกาศ ที่ได้แต่มองแต่ไม่อาจได้ใกล้ชิด

แทนที่จะเสียเวลาไปกับอะไรแบบนั้นสู้ไปเพิ่มระดับความชำนาญของสกิลให้สูงขึ้นดีกว่า จะได้ไม่ถูกคนที่เลเวลสูงกว่าฆ่าได้ไวเกินไป

“ฟีล พวกเราไปกินมื้อเย็นกันเถอะ!”

“ไม่ได้ ฟีลนัดไปกินที่บ้านข้าแล้ว!”

“ฮะ? ทำไม? ตอนนี้ฟีลเป็นสมาชิกการแข่งขันชั้นปีของข้า! พรุ่งนี้ก็ต้องแข่งแล้ว พวกเราต้องกินไปด้วยปรึกษากลยุทธ์วันพรุ่งนี้ไปด้วย!”

“พวกเจ้าปรึกษากันมาสัปดาห์หนึ่งแล้วยังไม่สรุปอีกเหรอ? เจ้าใช้เหตุผลนี้มาสัปดาห์หนึ่งแล้วนะ!”

“เรื่องกลยุทธ์ยิ่งมากยิ่งดีไม่ใช่รึไง!”

“ทำไมแม้แต่เรื่องกินข้าวพวกเธอก็ต้องทะเลาะกันด้วยล่ะ?”

ไม่ต้องพูด ในเวลาแบบนี้คนที่จะทะเลาะกันด้วยเรื่องแบบนี้ทุกวันก็มีแค่ญารินกับองค์หญิงสโนว์

เรื่องสัปดาห์ก่อนถูกเรียนขานว่า ‘วันพฤหัสบดีแห่งความตาย’ ในเวลาไม่กี่วันสั้นๆ สมาชิกกองอัศวินเทมพลาร์และวิหารศักดิ์สิทธิ์ก็แทบจะเต็มทั่วสถาบัน หลังจากค้นหาอย่างไร้ประโยชน์อยู่หลายวัน อีกฝ่ายก็สรุปง่ายๆ ว่า ‘ความตายหนีไปแล้ว’ จากนั้นก็ถอนตัวจากสถาบัน

และฟาลันที่หายตัวไปหลายวันก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาที่ห้องกิจกรรมเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่ายัยนั่นทำยังไงถึงทำให้คนค้นหาพวกนั้นไม่พบเธอตอนที่นับจำนวนคน

อันที่จริงเดิมทีเธอก็อาจจะไม่ได้อยู่ในรายชื่อนักเรียนอยู่แล้ว

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

เรื่องสำคัญคือตั้งแต่วันนั้นญารินก็เข้าร่วมในชั้นเรียนของพวกเรา

แล้วนี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ…

การแนะนำตัวเองของญารินคือ ‘สวัสดีทุกคน ข้าชื่อว่าญาริน วู้ด เป็นคู่หมั้นของฟีล!’

พระเจ้า นี่มันจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการ์ตูนฮาเร็มเลย นี่จะไม่ปล่อยให้ใช้ชีวิตเลยเหรอ

ผมคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะญารินสวมหน้ากากเอาไว้ผมคงถูกสายตาของเพื่อนผู้ชายที่มีไม่กี่คนในห้องเรียนฆ่าตายแล้ว โชคดีที่พวกเราเป็นสายน้ำแข็ง ผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชาย ไม่งั้นคงแย่แน่

แต่ว่า…

การพูดคุยในชั้นเรียนก็ทำให้วุ่นวายจริงๆ

“ที่แท้ฟีลลดตัวแบบนี้มาตลอดก็เพราะว่ามีคู่หมั้นแล้วสินะ?”

“ฮ่าฮ่า มองไม่ออกเลย ที่แท้เขาชอบแบบนี้”

“แต่เจ้าแน่ใจเหรอว่านี่ไม่ใช่การแต่งงานทางการเมือง?”

“ไม่ใช่แน่นอน เมื่อกี้ญารินแนะนำตัวเองอย่างมีความสุขเลย”

“แต่ทำไมถึงสวมหน้ากากล่ะ?”

“ใครจะรู้ล่ะ? งานอดิเรกของฟีลล่ะมั้ง?”

ทำไมพวกเธอถึงดึงเอาเรื่องใส่หน้ากากของญารินมาเป็นงานอดิเรกของฉันล่ะเนี่ย? ของแบบนี้กลายเป็นงานอดิเรกเหรอ? งานอดิเรกน่าจะเป็นแบบที่อุดปากสิถึงจะถูก?

แน่นอน ในฐานะเป็นวัยรุ่นที่มีแรงจูงใจในการใช้ชีวิต ผมจึงแสดงออกว่าผมไม่ได้มีงานอดิเรกแบบนั้น

แต่ในหมู่ผู้ชายก็มีคนที่มีความสุขมาก นั่นก็คือไคลน์

“ฟีล ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้าก่อนว่าเจ้ามีคู่หมั้นที่งดงามขนาดนี้ ในฐานะที่เป็นสหาย ข้าปวดใจมาก แต่ข้าสนับสนุนเจ้า ถ้าอยากให้แนะนำสถานที่น่าสนใจข้าก็แนะนำได้ ถึงตอนนั้นก็เรียกลาน่าไปด้วยกันก็พอ”

หมอนี่คุยกับผมเรื่องลาน่าทุกวัน บอกให้ตัวเขาเองไปพูดคุย แต่กลับไม่มีความกล้าเลย

แต่ว่า ในขณะเดียวกัน ก็มีคนไม่พอใจ นั่นก็คือองค์หญิงสโนว์

แม้ว่าหนึ่งสัปดาห์นี้จะลากผมไปกินที่ร้านอาหารบริเวณสถาบัน แม้ปากจะบอกว่าอยากคุยเรื่องกลยุทธ์ แต่ความจริงแล้ว…ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดคุยอะไร

สถานะในปัจจุบันก็คือ ผมเลเวล 19 พื้นฐานแล้วถ้าผมใช้เวทมนตร์เอฟเฟกต์แช่แข็งโจมตีออกไป โดยทั่วไปถ้านักเวทเลเวล 15 ที่สูงที่สุดของนักเวทระดับต้นโดนเวทมนตร์ของผมก็จะกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง และต่อไปก็ถึงเวลาขององค์หญิงสโนว์แล้ว ยังไงซะเอฟเฟกต์หลังการแช่แข็งก็เพิ่มเป็นเท่าตัว ก็นับเป็นการโจมตีสุดท้ายได้เหมือนกัน

ก็หมายความว่า การทำเควสต์การแข่งขันชั้นปีได้สำเร็จนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้

แต่เรื่องที่ผมสนใจกลับเป็นหลังจากผมเข้าสู่เลเวล 15 แล้ว เนื้อหาในเควสต์แข่งขันชั้นปีนี้ก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย

มีเควสต์และรางวัลเพิ่มเติมที่ไม่ทราบสองอย่าง แม้ว่ามองไม่เห็นเนื้อหาข้างใน แต่ตามความเข้าใจที่ผมมีต่อระบบของโลกนี้ ผมคิดว่าไม่ใช่เควสต์ที่ทำสำเร็จได้ง่ายๆ แน่

แต่แม้จะเป็นแบบนั้น การทำเควสต์ข้างต้นให้สำเร็จก็ได้รับค่าประสบการณ์ไม่น้อย

เพียงแต่สองคนนี้ทะเลาะกันเรื่องปัญหาน่าเบื่อพวกนี้อยู่ครึ่งค่อนวัน ไม่เข้าใจเหตุผลเลยจริงๆ

ยังไงซะผมก็ไม่มีทางเข้าใจได้อยู่แล้ว

“ฉันว่า ทำไมไม่กลับไปกินด้วยล่ะ? วัตถุดิบก็เตรียมไว้แล้ว…”

“ได้ ไม่มีปัญหา!”

“แค่นั้นแหละ!”

ทั้งคู่ตอบกลับทันที

แต่ว่า…

สองชั่วโมงต่อมาผมก็เสียใจ

“นี่…คืออะไร?”

มองเห็น ‘อาหาร’ ที่ส่องแสงสีทองบนโต๊ะผมจึงถามพลางเหงื่อตก

“อาหารเย็นไง~”

ทั้งคู่พูดเป็นเสียงเดียวกัน

เอาเถอะ ผมอยู่มาหลายปีขนาดนี้ นอกจากอาหารของยอดกุ๊กแดน**1กับขนมปังของร้านฟูรูคาวะ2แล้ว ผมก็ไม่เคยเห็นอาหารที่ส่องแสงได้มาก่อน ยิ่งกว่านั้น อาหารตรงหน้ายังเป็นแสงสีทองอีกด้วย

ของแบบไหนล่ะที่ปรุงแล้วจะส่องแสง? เรื่องนี้ผมไม่รู้จริงๆ

แต่ตอนนี้ตรงหน้าผมมีของแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกทอดถอนใจต่อโลกใบใหญ่นี้

แม้ว่าดูเหมือนจะเป็นหมูผัดและซุปเต้าหูหอยเชลล์ธรรมดา แต่ทำไมถึงส่องแสงล่ะ?

แม้ไม่เข้าใจ แต่จากประสบการณ์นับพันนับหมื่นได้บอกผมว่า ของที่สวยงามต่างก็อันตรายมาก ยกตัวอย่างเช่นหนึ่งในนั้นที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ เห็ดพิษที่สวยงาม

สรุปรวมข้อมูลข้างบนแล้ว สิ่งที่ผมสรุปออกมาได้ก็คือ ของตรงนี้อันตรายมาก บางทีคงเอาชีวิตผมได้ทุกเมื่อ

แต่ว่า…

คำว่าไม่อยากกินคงหลุดออกจากผมไม่ได้แน่นอน ถ้าพูดออกมา ผมคงนึกวิธีตายของตัวเองไม่ออก

“อืม งั้นฉันจะลองดู”

มือข้างหนึ่งถือชาม มืออีกข้างเปิดช่องเก็บของสลับเอายาแก้พิษออกมา

จากนั้น ผมจึงชิมซุปภายใต้ความคาดหวังของเด็กสาวทั้งสองคน…

พริบตานั้น ความรู้สึกอธิบายไม่ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งตัว และผมที่ต้องการใช้นิ้วกดยาก็หยุดอยู่กลางอากาศ

ไม่ใช่ผมไม่อยากขยับ แต่ว่า…

ผมขยับไม่ได้!

เป็นอัมพาต…

วัตถุดิบอะไรถึงรวมกันแล้วมีผลเป็นอัมพาตได้!

จากนั้น เวลาหมดสติที่คุ้นเคยก็มาถึงอีกครั้ง มองเห็นฉากนี้ ผมจึงส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา แล้วผ่อนคลายลง

ทำเหมือนวันนี้เข้านอนเร็วแล้วกัน…

1 ชื่ออนิเมะเกี่ยวกับการทำอาหาร

2 ชื่อของร้านอาหารในอนิเมะเรื่อง Clannad

ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?)

ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?)

Status: Ongoing

ผมตื่นขึ้นมาหน้าหมู่บ้านแปลกๆ แห่งหนึ่ง ผมลองคิดว่าก่อนหน้านี้ผมทำอะไรมาถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ผมกลับนึกอะไรไม่ออก นอกจากชื่อของผม “หลิน ฟีล”

ผมเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ กลับพบว่าทุกคนในหมู่บ้านมีชื่อและหลอด HP ลอยอยู่เหนือศีรษะ

เอ๊ะ…ทำไมมันเหมือนเกม RPG จัง หรือว่า…ผมจะหลุดเข้ามาในเกม RPG?!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท