ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) – ตอนที่ 29

ตอนที่ 29

ตามปกติแล้วการแจ้งเตือนโจมตีจะเป็นลูกศรสีแดงปรากฏมาจากทิศทางหนึ่ง แต่ในตอนนี้ แจ้งเตือนการโจมตีสว่างขึ้นมา 360 องศา นี่ทำให้ผมตกใจไม่น้อย

แต่มองเห็นวงเวทอัสนีขนาดมหึมาปกคลุมทั่วทั้งพื้นสนาม ผมก็เข้าใจวิธีการโจมตีของอีกฝ่ายทันที

เห็นได้ชัดเจนว่านี่คือเวทมนตร์ระเบิดขนาดกว้างมาก จำเป็นต้องติดตั้งล่วงหน้า จากนั้นหลังจากศัตรูติดกับมันก็จะเริ่มทำงาน ทำให้แน่ใจว่าศัตรูจะได้รับบาดเจ็บร้อยเปอร์เซ็นต์

“ระวังที่พื้น ป้องกัน!”

ผมพูดแบบนี้แล้วกดที่พื้น ปล่อย ‘โทเท็มน้ำแข็ง’ ส่งผมขึ้นจากพื้นทันที และสโนว์ก็ใช้ ‘ปราสาทน้ำแข็ง’ สร้างปราสาทขึ้นรอบด้าน ขวางการโจมตีทุกทิศทาง

อันที่จริงนั่นคือ ‘พระราชวังน้ำแข็ง’ เวทมนตร์ระดับกลาง แต่ผมไม่มีหนังสือสกิลจึงทำได้แค่มองแล้วถอนใจ

จากนั้น อสรพิษสายฟ้านับไม่ถ้วนก็ผุดออกมาจากพื้นข้างล่างราวกับสลัดหลุดออกมาจากกรง สว่างเจิดจ้าทั่วทั้งสนาม

สว่างจ้าจนตาผมแทบบอด น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีของจำพวกแว่นกันแดด

อสรพิษสายฟ้าไม่สามารถปีนขึ้น ‘โทเท็มน้ำแข็ง’ ของผมได้ และผลของ ‘พระราชวังน้ำแข็ง’ ก็เหมือนกัน กระแสไฟฟ้าจึงทำได้แค่ล้อมรอบพระราชวังนี้ แต่ไม่สามารถทะลุเข้ามาได้ แล้วทำไมผมถึงรู้ได้ นั่นเป็นเพราะว่าผมเห็น HP ของสโนว์ไม่ลดลงเลย แล้วก็ไม่มีสถานะอัมพาตด้วย

แต่อีกฝ่ายเก่งกาจจริงๆ ตามปกติแล้วการใช้เวทมนตร์ต้องใช้เวลาในการร่าย และเมื่อกี้ผมก็มองพวกเขาตลอด ผมยอมรับเลยว่าผมมองไม่เห็นการร่ายเวทของพวกเขา ก็หมายความว่าพวกเขาร่ายเวทในทันที หรือไม่ก็ติดตั้งเวทมนตร์ระเบิดไว้นานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนถ้าไม่ถูกพบได้ก็นับว่ายอดเยี่ยมมาก

อสรพิษสายฟ้ายังไม่จางหายไป แต่ทันใดนั้นบน ‘โทเท็มน้ำแข็ง’ ก็สั่นสะเทือน!

เวทมนตร์?

มองไปที่มินิแมพด้วยสัญชาตญาณ ตอนนี้ผมถึงพบว่าจุดสีแดงสองจุดของอีกฝ่ายหายไปจุดหนึ่ง แต่โดรุมิทำให้ผมรู้เรื่องหนึ่ง…นั่นก็คือถ้าบนแผนที่มีจุดที่ใหญ่กว่าเดิมจุดหนึ่ง มันก็จะทับซ้อนกับตำแหน่งของอีกจุดหนึ่ง!

และจุดสีแดงหนึ่งเดียวที่ใหญ่เกินไปก็คือตำแหน่งของผมเอง

โล่น้ำแข็ง

แค่เห็นแจ้งเตือนการโจมตีผมก็ใช้โล่น้ำแข็งไปยังทิศทางที่มีการโจมตีเข้ามา บอลสายฟ้าขนาดมหึมาลูกหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่โล่น้ำแข็ง จนทำให้มันแตกออกเป็นสองท่อน และมืออีกข้างของผมก็ปล่อย ‘กรวยน้ำแข็ง’ ออกไปในขณะเดียวกัน

เพล้ง!

อีกฝ่ายถึงกับใช้มือรับกรวยน้ำแข็งเอาไว้ตรงๆ! นิ้วมือจิกเข้าไปในกรวยน้ำแข็ง จนกรวยน้ำแข็งส่งเสียงแตกกระจาย!

เป็นไปได้ยังไง? รับเวทมนตร์โดยตรงเลยเหรอ? หมอนี่เป็นสัตว์ประหลาดเหรอ?

คนที่แสดงพฤติกรรมผิดมนุษย์แบบนี้ย่อมเป็นครู๊ซเป็นธรรมดา รอยยิ้มแข็งทื่อที่เข้ามาใกล้ขนาดนี้ทำให้ผมรู้สึกขนลุกขนพอง

แม้กรวยน้ำแข็งจะถูกบีบจนแตก แต่มือของเขาก็ถูกปกคลุมไว้ด้วยเกล็ดหิมะ

ในเมื่อมันถูกใช้ในการต่อสู้ แขนข้างนั้นต้องสร้างจากสิ่งของจำพวกโลหะเป็นธรรมดา งั้นถึงแม้จะไม่โดนผลของการแช่แข็ง ข้อต่อก็อาจขยายตัวเนื่องจากความร้อนจนทำให้ไม่อาจหมุนได้ตามปกติ

“โทเท็มน้ำแข็ง”

ที่ขอบของ ‘โทเท็มน้ำแข็ง’ ใต้เท้าผม ‘โทเท็มน้ำแข็ง’ อันใหม่ได้แทงออกมา หลังกระแทกถูกส่วนท้องของครู๊ซ มันก็ผลักเขาออกไปจากตรงหน้าผมทันที

และขณะเดียวกัน ผมก็ร่ายเวทมนตร์อีกอันไปบน ‘โทเท็มน้ำแข็ง’ ที่ก่อตัวขึ้นมาใหม่

“กรวยน้ำแข็งลอบสังหาร!”

‘กรวยน้ำแข็ง’ จำนวนนับไม่ถ้วนแทงออกมาจากด้านบนของ ‘โทเท็มน้ำแข็ง’ แล้วโจมตีไปทางครู๊ซตามทิศทางของ ‘โทเท็มน้ำแข็ง’

แต่อีกฝ่ายเพียงแค่ฉีกยิ้ม แล้วยื่นมือไปกาง ‘โทเท็มน้ำแข็ง’ ออก ส่วนอีกมือหนึ่งก็ปรากฏบอลอัสนีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งเมตรลูกหนึ่ง กระแทกเข้าไปบน ‘โทเท็มน้ำแข็ง’ ทันที!

“อัสนีดับสิ้น!”

แค่บอลอัสนีสัมผัสกับ ‘โทเท็มน้ำแข็ง’ ‘โทเท็มน้ำแข็ง’ ก็แตกสลายออกจากกันราวกับบิสกิต ยิ่งกว่านั้น บอลอัสนีลูกนั้นยังพุ่งตรงหาผมด้วย!

“โทเท็มน้ำแข็ง!”

ผมใช้ ‘โทเท็มน้ำแข็ง’ ให้ผลักผมออกจากตำแหน่งเดิม และในตอนนั้น จู่ๆ สัญญาณเตือนการโจมตีข้างหลังก็สว่างขึ้น!

“อะไรกัน?!”

สายฟ้าทะลุผ่านร่างกายของผม HP หนึ่งในสามส่วนก็ลดลงทันที!

โชคดีที่เมื่อคืนยัยคนบ้างานลาน่าขลุกอยู่ในห้องทดลองของตัวเองจนถึงเที่ยงคืน ไม่งั้นถ้าผมไม่ได้กินยาต้านอาการอัมพาตคงไม่กล้าจินตนาการว่าจะเกิดผลยังไง

กดยาเพิ่มเลือด โบกไม้คทาในมือ ธนูน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่กลางอากาศราวกับสายฝนก็พุ่งไปโจมตีไปทางเฮเลน่า

เมื่อยัยนั่นเห็นสโนว์ใช้ ‘พระราชวังน้ำแข็ง’ มาป้องกัน ก็ใช้กับระเบิดเวทมนตร์บริเวณรอบๆ กับสโนว์ จนทำให้เธอติดอยู่ในห้องขังที่สร้างขึ้นเอง

มันทำให้เฮเลน่ามีเวลาปล่อยการโจมตีใส่ผม!

ธนูน้ำแข็งกับธนูอัสนีปะทะกันกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง แต่ว่า…ล้อกันเล่นแล้ว อัตราการยิงธนูของเลเวล 19 กับเลเวล 15 จะเทียบกันได้ยังไง?

ธนูน้ำแข็งค่อยๆ ชิงความได้เปรียบ และผมก็ร่ายอีกเวทมนตร์หนึ่งใส่เธอ

“เขตแดนผลึกน้ำแข็งแห่งแสง!”

ผลึกน้ำแข็งนับไม่ถ้วนแทงออกมาจากบนพื้น พออีกฝ่ายเห็นก็ดูเหมือนคิดบางอย่างขึ้นได้ จึงล้มเลิกการโจมตีแล้วถอยไปอีกด้านหนึ่ง

จะว่าไปนี่ก็ต้องขอบคุณความดีความชอบของโบสถ์ที่จำกัดเวทมนตร์สายแสง ไม่งั้นจะหลบการโจมตีบนผลึกน้ำแข็งที่มีแสงสว่างแบบนั้นได้ยังไง?

ในขณะนั้น เงาดำก็พุ่งเข้ามาที่ผม!

ผมใช้ ‘โล่น้ำแข็ง’ ด้วยสัญชาตญาณ แต่กำหมัดข้างหนึ่งกลับทะลุโล่น้ำแข็งตรงเข้ามากระแทกท้องของผม!

HP ที่เพิ่งฟื้นฟูลดลงครึ่งหนึ่งอีกครั้ง!

บ้าเอ๊ย เลเวลของหมอนี่ต่ำกว่าผมแค่เลเวลเดียว แถมยังโบนัสสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นทางกายภาพหรือเวทมนตร์อีก แต่ดูยังไงการโจมตีนี้ก็เป็นโบนัสการโจมตีทางกายภาพ!

เวทมนตร์ที่เจาะการป้องกัน…ถึงมันเป็นเวทการป้องกันขั้นต่ำ แต่การเจาะผ่านมันได้ก็น่ากลัวเกินไปอยู่ดี?

แรงกระแทกทำให้ผมตกลงจากกลางอากาศ ช่วยไม่ได้ ถ้าอีกฝ่ายแค่ใช้เวทมนตร์โจมตีก็ว่าไปอย่าง แต่เขากลับใช้การโจมตีกายภาพ หากต้องการหลบคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่!

แต่ว่า จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าตัวเองถูกใครบางคนล็อคไว้จากข้างหลัง!

ใครน่ะ?

บนพื้นคือเฮเลน่า ส่วนครู๊ซก็ยังอยู่บนฟ้า!

องค์หญิงสโนว์เหรอ?

เป็นไปไม่ได้ เธอยังอยู่ใน ‘พระราชวังน้ำแข็ง’ อยู่เลย แล้วเธอก็ไม่มีทางขึ้นมาสูงขนาดนี้ได้ด้วย!

ยิ่งกว่านั้น ส่วนที่สัมผัสถูกผิวหนังของผมยังดูเย็นเยือกผิดปกติ! นี่มัน…

เขาเป็นคนเหล็กเหรอ?

‘ฟีล! คนที่อยู่บนตัวนายเป็นหุ่นเชิดของจริง แล้วก็ไอ้คนที่ชื่อว่าครู๊ซ มันก็เป็นตุ๊กตาจริงๆ แล้วก็…เพื่อให้รู้สึกถึงขีดจำกัดสูงสุดของตุ๊กตา หมอนั่นเลยกลายสภาพตัวเองให้เป็นตุ๊กตาไง!’

ข้อความที่อาร์ย่าส่งมาทำให้ผมตื่นตกใจ

แต่ว่า ในขณะเดียวกันมันก็เป็นการเตือนผม

‘เธอมั่นใจว่าไอ้ที่อยู่บนตัวฉันคือหุ่นเชิด?’

‘อืม ทำไมล่ะ?’

‘เรื่องน่าสนุกจะเริ่มขึ้นแล้วน่ะสิ’

เล่ม 3

ตื่นขึ้นมาจากเตียงอย่างสงบ นี่เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานเท่าไหร่แล้วนะ

ช่วงนี้ถ้าไม่หลับที่ห้องสมุด ก็ตื่นขึ้นจากอาการหมดสติ นึกถึงสภาพน่าอนาถของผมในช่วงนี้ ผมก็รู้สึกฮึกเหิมอยากจะแหกปากร้องเพลง “องค์หญิงกำมะลอ” ขึ้นมา

ไม่ว่ายังไงก็ช่างมันเถอะ ผมไม่อยากโดนมองว่าเป็นโรคประสาท

แต่นึกถึงท่าทางของจักรพรรดิจักรวรรดิเอสกับสโนว์เมื่อคืนแล้ว ผมก็อดหัวเราะไม่ได้ ท่าทางเห็นเวลาคนตายฟื้นคืนชีพก็น่าจะเป็นแบบนี้สินะ?

แน่นอน ผมก็ไม่มีทางอธิบายพวกเขาว่าผมทำได้ยังไง ยังไงซะทัศนคติต่อโลกของพวกเราก็ไม่เหมือนกัน

หลังจากนั้น จักรพรรดิของจักรวรรดิเอสก็รักษาสัญญา ส่งคนไปแทรกแซงฝ่ายที่ประกาศจับทันที ตอนนี้การประกาศจับผมในโลกใต้ดินก็ถูกกำจัดอย่างเป็นทางการแล้ว

แน่นอน การประกาศจับของอาณาจักรเชอร์ฟาก็ถูกกำจัดด้วย แต่นี่เป็นความลับ นอกจากคนของเชอร์ฟาแล้ว ก็มีแค่จักรพรรดิของจักรวรรดิเอสกับคนที่เขาส่งไปจัดการแก้ไขเรื่องนี้เท่านั้นที่รู้

ขอแสดงความยินดีๆ

แต่ว่า เควสต์ของผมยังคงไม่สำเร็จ ยังไงการแข่งขันชั้นปีก็ยังเหลืออีกสองเกม แล้วดูเหมือนใกล้จะเริ่มแล้ว…

หืม?

ผมมองดูเวลา…

ถ้าผมจำไม่ผิดการแข่งจะเริ่มเวลาเก้าโมง ตอนนี้ดูเหมือนจะแปดโมงห้าสิบนาทีแล้ว

“พระเจ้า นอนเพลินไป!”

ผมกระโดดออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สวมเสื้อที่โยนทิ้งไว้ข้างๆ

โชคดีที่การเปลี่ยนหน้าไม่กี่วันนี้ทำให้ความเร็วในการเปลี่ยนเสื้อผ้าของผมเพิ่มขึ้นไม่น้อย ผมถึงกับต้องนับถือที่ผมสามารถเปลี่ยนชุดเสร็จได้ในหนึ่งนาที

จากนั้น ในใจก็จินตนาการถึงตำแหน่งห้องน้ำชายในสนามแข่งขัน แล้วใช้บลิงค์ไปทันที

“ช่วงนี้นายนี่หมกมุ่นอยู่กับห้องน้ำนะหรือว่านายพบเส้นทางลับในห้องน้ำสถาบันแล้ว?”

ทันทีที่ผมเดินออกจากห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงเหน็บแนมของอาร์ย่า

“นี่ไม่สำคัญ เธอไม่คิดว่าการที่เธอยืนอยู่หน้าทางเข้าห้องน้ำชายมันแปลกกว่าเหรอ?”

“เพราะฉันคิดว่าเวลาป่านนี้แล้วนายยังไม่มานายต้องใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายมาทันทีแน่นอน แต่ถ้านายเคลื่อนย้ายมาห้องเตรียมตัว นายก็คงไม่รู้ว่าห้องเตรียมตัวคือห้องไหน ดังนั้นนายก็ทำได้แค่เคลื่อนย้ายมาห้องน้ำชาย เพราะว่าที่นี่มีห้องน้ำชายแค่ห้องเดียว”

“ทำได้ดีมาก โฮล์มส์”

“ขอบคุณที่ชื่นชม วัตสัน”

ผมกลอกตาใส่เธอ จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปทางสนามแข่ง

“ขอโทษที่ให้รอ”

ผมตรงไปเข้าในสนามแข่ง ก็มองเห็นคาร์โลกำลังมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ

“เจ้ามาตรงเวลาจริงๆ เก้าโมงพอดีเลย”

“ผมเป็นคนไม่ชอบเสียเวลา”

“ที่จริงแค่นอนเพลินไปสินะ?”

“…”

“ถ้าบอกข้า ข้าจะบอกสัดส่วนของข้า”

“…”

“เอ๋? ไม่สนใจเหรอ?”

“สองวันก่อนคุณใช้คำพูดนี้ไปแล้ว”

“อ้าวเหรอ? จริงเหรอเนี่ย? ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นพูดแล้วเจ้าไปเดทกับข้าเป็นอย่างไร?”

“คุณคิดว่าตอนนี้คุณยังมีความน่าเชื่อถือในสายตาผมอีกเหรอ?”

“ไม่มีเหรอ?”

“ไม่มีอยู่แล้ว!”

“พวกเจ้าทั้งคู่พูดคุยกันพอรึยัง! เริ่มการแข่งเถอะ!”

สุดท้ายองค์หญิงสโนว์ที่อยู่ข้างๆ ก็ตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออด

ดูเหมือนความโกรธที่เธอมีต่อผมเมื่อคืนยังไม่หายไป แต่สถานการณ์แบบนี้ผมคงอธิบายไม่ได้ ผมพูดอะไรไปคงไม่มีประโยชน์

“วู้ว สองวันที่ผ่านมานี้ทุกคนเป็นอย่างไรบ้าง การแข่งขันชั้นปีสนามที่สองของทีมระดับต้นที่ทุกคนรอคอยใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว! ทั้งสองฝ่ายของการแข่งขันในวันนี้เป็นม้ามืดของทีมสายน้ำแข็ง ฟีลกับองค์หญิงสโนว์ และคู่ต่อสู้ของพวกเขาคือทีมสายอัสนี เฮเลน่าและครู๊ซ”

ขณะที่คาร์โลแนะนำ ก็มีคนสองคนเดินออกมาจากทางเข้าสนามฝั่งตรงข้าม…

ไม่สิ!

มองไปเห็นเป็นสองคนจริงๆ แต่ว่า มีแค่คนเดียวที่เหนือศีรษะมีชื่อกับฉายา!

เฮเลน่า สมิว นักเวทสายอัสนี เลเวล 15 คนดี พูดน้อย ผู้ร้อยเรียงอัสนี ผู้ถือครองคาถาต้องห้าม หุ่นเชิดมือเปล่า One hit kill

ตุ๊กตาอมรณา (ครู๊ซ สมิว) เลเวล 18

“ขอถามหน่อยสิ ไม่ใช่มนุษย์ก็สามารถเข้าร่วมการแข่งได้เหรอ?”

ผมถามคาร์โล

ตอนนี้อุปกรณ์ป้องกันในสนามยังไม่ได้ทำงาน ผมจึงยังได้ยินเสียงข้างนอก

หลังจากผมพูดคำพูดนี้จบ ทั้งสนามก็เงียบลง

ผู้คนมองมาที่พวกเรา แล้วก็มองที่คนฝั่งตรงข้าม

เฮเลน่าเป็นเด็กสาวผมสั้นสีขาวสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม และสวมฮู้ด

ในมือถืออุปกรณ์ที่ดูไม่เหมือนไม้คทา ถ้าให้ผมบอกก็คงรู้สึกเหมือนแท่งเหล็กสองแท่งที่มีเส้นด้ายพันไว้ตรงปลายเชื่อมต่อกับนิ้วมือของเธอ

ส่วนอีกคนที่ชื่อว่า ‘ครู๊ซ’…นอกจากเป็นคนที่สวมเสื้อคลุมกับใบหน้าที่อมยิ้มอยู่ตลอดเวลาแล้ว ผมก็ไม่รู้สึกว่ามีตรงไหนที่จะเรียกเขาว่า ‘คน’ ได้อีก

“คือว่า…ถึงไม่ได้ห้ามไม่ให้ด่าคนอื่น แต่ตอนนี้…”

“คุณเข้าใจผมผิดแล้ว ผมหมายถึงคนที่ชื่อว่าครู๊ซ ไม่ใช่คน เขาเป็นตุ๊กตา”

เพิ่งสิ้นเสียง คนบนอัฒจันทร์ก็ถกเถียงกันทันที

และมองไปทางคู่ต่อสู้ เฮเลน่าดูเหมือนอยากจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อมองรอบๆ กลับไม่พูดอะไร

แล้วตุ๊กตาที่ชื่อว่าครู๊ซ ก็เร่งฝีเท้าไปที่ข้างๆ คาร์โล แล้วแย่งโทรโข่งของเธอมา

“สมกับเป็นฟีลม้ามืดของการแข่งขั้นปี มองปราดเดียวก็มองทะลุร่างกายข้าได้”

อย่าพูดน่าขนลุกแบบนี้สิ? ใครบอกมองทะลุร่างกายของนายกัน?

“ร่างกายของข้า เป็นตุ๊กตาจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าเป็นตุ๊กตา ข้าคือครู๊ซพี่ชายของเฮเลน่า ร่างกายของข้าเสียหายในอุบัติเหตุ ดังนั้นเลยทำได้แค่ยืมตุ๊กตามาใช้ชีวิต ก็แปลว่า ข้าก็เป็นมนุษย์ ดังนั้นโปรดอย่าเข้าใจผิด”

ที่แท้ก็เป็นมนุษย์?

ถึงผมไม่รู้ว่าระบบโลกจำแนกมนุษย์กับสปีชีส์อื่นยังไง แต่พอมาถึงตอนนี้ ขอแค่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา ผมก็จะเห็นข้อมูลประเภทฉายาของพวกมันได้ มีเพียงมอนสเตอร์เท่านั้นที่ผมเห็นแค่ชื่อของมัน

‘อาร์ย่า อยู่ไหม?’

‘อยู่สิ เรื่องดราม่าแบบนี้ฉันจะพลาดได้ยังไง’

ผมใช่อุปกรณ์สื่อสารติดต่อไปหาอาร์ย่า เพราะผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ปกติแน่นอน

‘ฉันสงสัยว่าครู๊ซจะไม่มีอยู่จริง เธอไปหาฟาลัน ให้ช่วยฉันสืบดูว่าตกลงไอ้หมอนี่มีตัวตนรึเปล่า’

‘เนโครแมนเซอร์คนนั้นเหรอ? นายสนิทกับเธอขนาดนั้นเลย? เอาเถอะ เธอก็อยู่แถวนี้ ฉันจะช่วยถามให้เดี๋ยวติดต่อกลับไป’

ตัดการติดต่อ ครู๊ซก็คืนโทรโข่งให้คาร์โล

คาร์โลตกตะลึง จากนั้นมองที่ผู้ตัดสินที่อยู่ขอบสนาม หลังได้รับการเห็นด้วยจากอีกฝ่าย เธอก็ยิ้มพลางพูดขึ้น

“ดูแล้ววันนี้จะมีการแข่งขันที่น่าสนใจอีกสนาม ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองฝ่ายโปรดประจำตำแหน่ง! การแข่งขันชั้นปีสนามที่สอง! ทีมสายน้ำแข็งปะทะทีมสายอัสนี! เริ่มได้!”

เพิ่งสิ้นเสียง ผมก็ตกใจ!

จู่ๆ สัญญาณเตือนการโจมตีก็สว่างขึ้นมา แล้วยัง…มาจากทุกด้าน!

ทางเข้าดันเจี้ยนอยู่ที่ด้านล่างอาคารที่โบราณที่สุดในสถาบัน แต่ในกรณีทั่วไป ประตูทางเข้าจะดูเหมือนประตูโกดัง

ประตูไม้เก่าแก่ ดูแล้วเหมือนอาจจะถล่มได้ทุกเมื่อเพราะตะปูบนประตูไม้ผุพังจนถึงขีดสุด

มันแค่ดูเป็นแบบนั้น แต่ความจริงแล้ว เพราะเวทมนตร์พิเศษบนนั้นที่สามารถช่วยให้มันคงสภาพเดิมไว้ได้

ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนเวทมนตร์ที่ผมใช้ได้ในตอนนี้คงไม่สร้างความเสียหายให้มันอย่างสิ้นเชิง

แต่พลังป้องกันของมันก็ไม่ได้ครอบคลุม เพราะยังไงในอุบัติเหตุครั้งก่อน ทางเข้าอีกด้านก็โผล่ออกมาเพราะการโจมตีเหมือนกัน

“ตรงนี้คือทางเข้าเหรอ? ดูงั้นๆ จัง”

ยูอนมองประตู แล้วเคาะๆ ไปบนนั้น

จากนั้นก็หยิบของที่ดูเหมือนแว่นขยายออกมาแนบไปบนประตู แล้วกดปุ่มบนนั้นลงไป

แสงสีน้ำเงินวงหนึ่งกระจายออกมาจากบนอุปกรณ์ที่ดูเหมือนแว่นขยายอย่างช้าๆ คล้ายกับเครื่องสแกน สุดท้าย ลวดลายสีเขียววงหนึ่งจากรอบประตูก็กลับเข้าไปในแว่นขยายอีกครั้ง แล้วด้านบนก็ปรากฏลวดลวายเวทมนตร์มากมายที่กะพริบไม่หยุด

“มันคืออะไร? อุปกรณ์จำแนกเวทมนตร์เหรอ?”

“โลกนี้ไม่เหมือนกับโลกของเรานะ เครื่องมือบนโลกนี้ต้องอาศัยเวทมนตร์ที่โคจรขึ้นมา หมายความว่า เดิมทีแผ่นวงจรพิมพ์อันยุ่งเหยิงพวกนั้นไม่มีอยู่บนโลกใบนี้เลย สิ่งที่เอามาแทนที่เลยเป็นลวดลายเวทมนตร์และวงจรแบบต่างๆ มาควบคุมผ่านศูนย์กลาง พูดยังไงดีล่ะ คล้ายกับ CPU นั่นแหละ”

“…ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นแบบนั้น ก็แปลว่า ประตูบานนี้ใช้เวทมนตร์มาเข้ารหัสเหรอ?”

“ก็เหมือนกับในนิยายหรือในหนังที่ใช้คทาเวทมนตร์เคาะๆ แล้วประตูก็จะเปิดออกนั่นแหละ มันก็เรียกได้ว่าเป็นการเข้ารหัสอย่างหนึ่งเหมือนกัน”

“แปลว่าสิ่งนี้สามารถช่วยทลายเวทมนตร์บนประตูได้งั้นเหรอ?”

“ก็ไม่ใช่ทั้งหมด”

ยูอนหยิบหนังสือออกมา พลิกไปด้วยพลางมองสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนแว่นขยาย

“ที่จริงมันเป็นแค่เครื่องวิเคราะห์ลวดลายเวทมนตร์และวงจร จากนั้นก็ต้องหาเวทถอดรหัสเพื่อมาจัดการมัน”

“เธอกำลังบอกฉันว่า ที่จริงการปลดล็อคประตูบานนี้เป็นการเอาเวทมนตร์มาผสมกัน แล้วกำจัดเวทมนตร์เข้ารหัสเหรอ?”

“เป็นแบบนั้นแหละ”

ดูแล้วยูอนคงได้สิ่งที่เธอต้องการแล้ว ของที่ดูเหมือนแว่นขยายนั้นก็สว่างเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นลวดลายเวทมนตร์แถวหนึ่งก็ลอยขึ้นไปบนกำแพง

“อันนี้ อันนี้แล้วก็อันนี้…พระเจ้า อันนี้ก็ด้วยเหรอ เรียบร้อย แบบนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว”

วางหนังสือลงบนพื้น อีกฝ่ายก็หยิบของอีกอย่างแล้วกดไปบนนั้นเป็นขั้นตอนตามลวดลาย

ประตูสว่างเล็กน้อย แล้วเปิดออกอย่างช้าๆ

“ของสองอย่างของเธอราคาเท่าไหร่? ซื้อที่ไหนเหรอ?”

“…ฉันเดาว่านายคงไม่ได้เดินเล่นบนโลกใบนี้หลังจากที่มาถึงสินะ?”

“ฉันว่าเธอพูดถูก แต่มันเกี่ยวอะไรล่ะ?”

“เพราะถ้านายออกจากสถาบัน แล้วเดินดูของในตลาดมืดให้ดีๆ นายก็จะเจอของแบบนี้ที่ถูกมากๆ ทั้งยังเห็นได้บ่อยอีกด้วย”

“ก็ได้…”

ยูอนเก็บของขึ้นมา เปิดประตูแล้วเดินเข้าไป

“เอาละ ไว้เจอกันคราวหน้านะ”

จากนั้น เธอก็หายไปข้างหลังประตู

ผ่านไปสักพัก ประตูก็ปิดลงช้าๆ ผ่านไปอีกสักพัก ประตูก็สว่าง ด้านบนก็ปรากฏความมันเงาของเวทมนตร์อีกครั้ง

เป็นของที่สะดวกดีจัง ดูแล้วคราวหน้าผมคงต้องติดตั้งสักอันไว้บนประตูของผมบ้าง

ดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว บนสนามที่อยู่ใกล้ๆ มีนักเวทสองสามคนกำลังถอนการติดตั้งผลึกน้ำแข็งอยู่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้ว่า ‘ศพ’ ของผมที่อยู่ในนั้นเริ่มกลายเป็นคริสตัลแล้ว พอกำจัดน้ำแข็งพวกนั้นได้แล้ว พวกเขาก็จะพบว่าข้างใต้ไม่มีศพที่พวกเขาต้องการ

ส่วนผมในตอนนี้ นอกจากอาร์ย่าก็ไม่มีใครจำผมได้อีก

รอจนพวกเขากำจัดน้ำแข็งเสร็จสิ้น ผมก็นึกได้ว่าพอถึงเที่ยงคืน การตายของผมจะไม่สำคัญอีก

ผมว่าตอนนี้กลับไปที่ร้านหนังสือจะดีกว่า รออยู่ที่นั่นจนถึงเที่ยงคืนคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

แต่เห็นคนที่ห้อมล้อมมากมายอยู่ตรงนั้นแล้ว ผมก็รู้สึกผิดนิดหน่อย ยังไงซะก็เปลืองกำลังคนและกำลังทรัพย์ไปไม่น้อยทีเดียว

แต่เมื่อนึกได้ว่ามีคนใช้หนึ่งล้านเหรียญทองมาประกาศจับผม ความรู้สึกแบบนี้ก็ลดทอนลงไม่น้อย ยังไงก็มีคนจ่ายเงินก้อนโตเพื่อให้ผมตายอยู่แล้วนี่

แต่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น ผมเลยบอกญารินไว้ล่วงหน้า แล้วให้เธอพาสโนว์กลับไปพักผ่อนที่หอพักก่อนพร้อมเสกเวทมนตร์ป้องกันเสียง

แม้คนที่รู้จักผมจะอยู่ในเหตุการณ์ทั้งยังมาแสดงความเสียใจจะสะท้อนให้เห็นการตายของผมได้ แต่ว่า ผมคิดว่าเมื่อเทียบกับการอธิบายให้พวกเธอฟังว่าผมไม่ได้ตาย ทำแบบนี้ก็ดูจะดีกว่า

นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ผมคิดออก

แน่นอน แม้แต่จะอธิบายให้ฟาลันยังไม่ต้องเลย ดูท่าทางที่พวกเธอมาชมการแสดง ดูแล้วพวกเธอคงมั่นใจมากว่าผมไม่ได้ตาย

ผมคิดอยู่นาน ข้อสรุปเดียวที่คิดได้ก็คือฟาลันก็สามารถใช้สกิล ‘หัวใจแห่งเรดลีฟ’ ได้ จึงสัมผัสได้ว่าผมอยู่บริเวณใกล้เคียง

แต่ผมเชื่อว่าเธอไม่มีของแบบมินิแมพ เพราะงั้นจึงไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของผม

“อะไรนะ? ฟีลตายแล้ว?”

ทันใดนั้น เสียงคำรามน่ากลัวก็ทำให้ผมได้สติกลับมา ตอนนี้เองผมเพิ่งพบว่าผมอ่านหนังสือจนมาถึงเที่ยงคืนโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

อดพูดไม่ได้เลยว่าร้านหนังสือนี้ไม่เลวเลย จ่ายเงินไปก็อ่านของดีได้ไม่น้อย

และเสียงเมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นสโนว์ ดูเหมือนพวกเธอจะกลับมาที่นี่เพื่อพบผมตามเวลา อีกทั้ง ผมเชื่อว่าเธอก็ได้รับข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอก

“ทำไมพวกเจ้าไม่บอกเรื่องนี้กับข้า!”

“เพราะผมไม่ได้ตายจริงๆ ไง ทำไมต้องบอกล่ะ”

ผมเดินออกมาจากในห้องน้ำ ในมือยังถือหนังสือที่อ่านไว้เมื่อกี้อยู่

ทุกคนต่างตกตะลึง รวมไปถึงจักรพรรดิที่เพิ่งเดินเข้าประตูมา

“อืม ช่างน่าประหลาดซะจริงๆ เมื่อครู่ข้ายังนึกว่าลูกสาวข้าจะโวยวายอย่างไร แต่ตอนนี้ข้ายิ่งอยากรู้ว่าเจ้าถูกฆ่าต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้นแล้วรอดชีวิตมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

“ความลับทางการค้า ถ้าพูดออกมาคราวหน้าผมคงตายจริงๆ ตอนนี้ก้อนน้ำแข็งข้างนอกน่าจะถูกกำจัดหมดแล้วใช่ไหม? งั้นข้างล่างมีอะไร”

“ผงคริสตัล แต่ไม่รู้ส่วนประกอบ”

“งั้นก็ถูกต้อง”

ผมหยุดไปชั่วขณะ แล้วพูดขึ้นต่อ

“ตอนนี้พวกเรามาลองพูดคุยถึงเงื่อนไขที่คุณพูด หรือพูดคุยว่าต่อไปคุณคิดจะคุ้มครองความปลอดภัยของผมยังไงดีกว่า?”

เล่ม 3

การหมดสติวันนี้แปลกมาก เวลานับถอยหลังหมดสติขยับขึ้นลงไม่หยุด

เหลือเวลาอีกสองชั่วโมง เมื่อเวลานับถอยหลังเหลือสิบนาทีก็กลับกลายเป็นสองชั่วโมงอีกครั้ง

ล้อเล่นรึไง บัคเหรอ?

ดูเหมือนต่อไปผมคงต้องเตรียมอุปกรณ์ต้านสถานะผิดปกติทั้งหมดแล้ว ไม่อย่างนั้น คงมีสักวันที่ผมสลบบ่อยเกินไปจนเป็นโรคง่วงซึมแน่!

แม้ว่าผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการหมดสติ แต่ว่า เวลาสิบสองชั่วโมงหลังกินอาหารก็เป็นเวลาแข่งขั้นชั้นปีแล้ว หมดสติแบบนี้จะไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหม?

มองเห็นเวลานับถอบหลังขยับขึ้นลงไม่หยุดก็ทำให้กังวลจริงๆ ค่าประสบการณ์อยู่ใกล้แค่เอื้อมแท้ๆ เหมือนเป็ดที่จะเข้าปากแต่จู่ๆ กลับหนีไป ผมคงทำได้เพียงอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก

หืม?

ทำไมถึงมีรสประหลาดในปาก

“คลื่น…”

ความรู้สึกคลื่นไส้พรั่งพรูขึ้นมา เมื่ออ้าปาก ‘อาหาร’ สีทองก็ถูกผมอาเจียนออกมา

ผ่านไปครู่หนึ่ง ผมจึงมีแรง จากนั้นมองดูรอบด้าน

“โอ้ อรุณสวัสดิ์”

“สายแล้ว ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่ล่ะอาร์ย่า?”

“เพราะถึงเวลาที่นายเตรียมแข่งแล้ว แต่ไม่เห็นนายอยู่ที่ที่นั่งเตรียมตัว เพราะงั้นเลยมาดูที่ห้องเตรียมตัว ก็เห็นนายนอนอยู่นี่แหละ”

จากนั้นเธอก็ชี้ที่เด็กสาวสองคนข้างหลังที่ใช้สายตารู้สึกผิดมองผม

“ฉันอยากถามว่าทำไมนายถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะกินอาหารมีพิษ…ดูเหมือนนายจะกินเข้าไปจริงๆ แล้วยังส่องแสงสีทองอีก นายกินลงไปได้ยังไงเนี่ย?”

“อย่าถามฉัน ถามพวกเธอเถอะ”

ผมรีบเปิดช่องเก็บของของตัวเอง กดยาแก้หมดสติ แก้พิษและแก้อัมพาต

จากนั้นก็กดขวดยา HP ร่างกายก็ฟื้นฟูทันที

แล้วผมก็นอนไป 12 ชั่วโมง ค่าความเหนื่อยล้าก็ฟื้นฟูจนเต็มแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นกังวล

“คือว่า…ฟีล…ขอโทษ”

ญารินเดินเข้ามาพูดเสียงเบา

“ดูเหมือนตอนที่ข้าปรุงรสซุปนั้นจะเกิดปัญหาเล็กน้อย”

“ตอนที่ข้าใส่วัตถุดิบก็…เพราะงั้น ขอโทษด้วย”

นึกไม่ถึงว่าองค์หญิงสโนว์ก็ขอโทษ หาได้ยากจริงๆ

“เฮ้อ ไม่เป็นไร แต่ครั้งต่อไปกินข้างนอกกันดีกว่า”

“นั่นสิ ถ้าเป็นฉันฉันคงไม่เลือกทำด้วยตัวเองแน่นอน ร้านของที่นี่ฉันยังกินไม่ครบเลย”

“อาร์ย่า ไม่นึกเลยว่าเธอจะรู้จักประมาณตนแบบนี้!”

“แน่นอนอยู่แล้ว…ไม่สิ นายหมายความว่าไง!”

ตอบรับไปได้แป๊บเดียวอาร์ย่าก็ตอบสนองกลับมา

“นี่นายดูถูกว่าฉันทำอาหารไม่อร่อยเหรอ? ฮึ่ม! ฉันแค่อยากทำอาหารสีทองออกมาเท่านั้นแหละ!”

“สีม่วงล่ะ?”

“…บางครั้ง”

“…”

เอาเถอะ ยัยนี่กับสองคนนี้เป็นรุ่นเฮฟวี่เวทเหมือนกัน ผมเก็บข้อมูลไว้ในไฟล์เตือนภัยในสมอง ที่ชื่อว่า ‘รายชื่อของคนที่ทำอาหารกินไม่ได้’

“เอาล่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยแล้ว กี่โมงแล้ว? การแข่งขันชั้นปีเริ่มรึยัง?”

“ตอนนี้น่าจะเริ่มแล้ว แต่พวกเราถูกจัดไว้ข้างหลัง เพราะงั้นน่าจะไม่มีปัญหา”

“ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็รีบไปหน่อยดีกว่า”

“ไม่เป็นไร ที่นี่ก็คือห้องเตรียมตัว ออกไปก็พอแล้ว”

นั่นสินะ ห้องนี้ก็ดูคล้ายกับห้องเตรียมตัวของสนามต่อสู้จริง แต่ผมไม่เคยมาสนามต่อสู้ทางฝั่งตะวันตก ดังนั้นผมเลยไม่เคยมีความทรงจำกับฝั่งนี้

ผลักประตูเปิด เสียงเชียร์ดังสนั่นก็หลั่งไหลเข้ามาในหูผมไม่หยุด ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีแสงสว่างจากเวทมนตร์บนสนาม ผมคงสงสัยจริงๆ ว่า ตรงหน้าผมคือสนามประลองโบราณใช่ไหม

ใช่แล้ว เป็นสนามประลองที่คล้ายกับโคลอสเซียม และผมก็ยืนยันตำแหน่งของตัวเองในตอนนี้ผ่านมินิแมพ ว่าเป็นสนามต่อสู้ของพื้นที่ตะวันตกจริงๆ

ดูท่า สนามต่อสู้จริงฝั่งนี้จะมีการรวมสนามต่อสู้ทุกอย่างไว้ด้วยกัน จนรวมเป็นฟังก์ชั่นของอารีน่าขนาดมหึมา! ดูจากหลายๆ ด้านของเวทมนตร์ก็สะดวกยิ่งกว่าเทคโนโลยีจริงๆ

สนามประลองถูกแบ่งเป็นสามส่วน แบ่งเป็นสนามสำหรับการต่อสู้ระดับชั้นต้น ระดับชั้นกลางและระดับชั้นสูง

ตรงหน้าพวกเราคือสนามของทีมชั้นต้น ด้านบนกำลังเป็นการต่อสู้ระหว่างทีมสายดินกับทีมสายน้ำ

รอบๆ เวทีเป็นแต่ละสายของสถาบัน สามารถแยกแยะคุณสมบัติของพวกเขาได้ผ่านชุดนักเวทที่สีไม่เหมือนกัน

หนึ่งในนั้น คนของสายวายุและสายอัญเชิญออกจากสนามไปแล้ว…เหรอ? พวกฮีลแพ้แล้ว?

“ตอนนี้กี่โมงแล้ว?”

“นายสลบไปตั้งแต่บ่าย นายคิดว่าอยากซื้อยาแก้วิงเวียนตอนนี้มันง่ายเหรอ?”

“ที่จริงเธอซื้อจากลาน่าก็ได้”

“ลาน่า? ถ้านายพูดถึงแม่ค้าผมทวินเทลสีทองจอมขูดเลือดขูดเนื้อ ฉันก็ซื้อจากเธอนั่นแหละ”

“…เอาเถอะ”

ยัยนั่นทุ่มเทจริงๆ เวลาแบบนี้ก็ก็ยังไม่ลืมทำการค้า

“นายรีบไปที่นั่งเตรียมตัวเถอะ ถ้าถึงรอบนายแข่งแล้วยังไม่ได้อยู่บนที่นั่งเตรียมตัวอาจจะถูกตัดสิทธิ์ได้”

“อืม”

ที่นั่งเตรียมตัวก็คือเก้าอี้ที่วางไว้ด้านหน้าสุดเป็นแถว ทั้งหมดมี 16 ตัว ตอนนี้คนที่ยังอยู่บนนั้น…ก็คือทีมสายเพลิง

เจอทีมยับยั้งคุณสมบัติผมตั้งแต่เกมแรกเลยเหรอ? ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่

ลี ซีริกซ์ เลเวล 15 นักเวทสายเพลิง คนดี มุ่งมั่น ไฟแค้น รองหัวหน้าทีมเวทมนตร์ลำดับที่สี่ของกองทัพลำดับที่สามแห่งอาณาจักรเฟอร์

หมอนี่ฝังทั้งตัวอยู่ในเสื้อคลุมเวทมนตร์ของตัวเอง ดูแข็งแกร่งทีเดียว

ฮิต เฟอร์ เลเวล 13 นักเวทสายเพลิง เป็นกลาง ผู้เข้มแข็ง เชื้อพระวงศ์ ผู้ดื้อรั้น สาวกแห่งเพลิง องค์ชายลำดับที่สาม

มองไปที่อีกคน เส้นผมสีแดงเพลิงทั้งศีรษะผูกไว้ด้านหลัง ดูแล้วชั้นปีกับเลเวลของเขาคงใกล้เคียงกัน

เทียบกับฉายาที่ดูน่ากลัวของเขาแล้ว สายตาของเขาดูสดใสมาก แล้วยังมีความน่าเกรงขามอยู่จางๆ

เชื้อพระวงศ์เหรอ?

ในสถาบันนี้มีตัวละครที่สุดยอดเยอะจริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นอัศวินล่ะ มาเป็นนักเวททำไม?

ตอนนี้ผมเห็นคนจากเชื้อพระวงศ์มาสามคนแล้ว แล้วยังเป็นเชื้อพระวงศ์จากอาณาจักรต่างกันด้วย กะให้ผมเจอครบคนทุกคุณสมบัติแล้วไปอัญเชิญมังกรใช่ไหมเนี่ย?

แน่นอน นั่นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

และองค์ชายที่ชื่อว่าฮิตก็ดูเหมือนสังเกตเห็นพวกเรา หันมาทางพวกเราแล้วพยักหน้าให้

และในขณะเดียวกัน การต่อสู้บนสนามก็มาถึงจุดสำคัญ

เห็นได้ชัดว่าเป็นการต่อสู้ที่ยืดยาว ทั้งสองฝ่ายจึงเหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว

ด้านสายน้ำเป็นคนรู้จัก คือองค์หญิงแอนและอีเลน

ตอนนี้อีเลนใช้ธนูน้ำก่อกวนอีกฝ่าย ส่วนองค์หญิงแอนกำลังร่ายเวท

มองเห็นลวดลายเวทมนตร์ที่ซับซ้อนจนถึงขีดสุด ดูแล้วคงไม่ใช่เวทมนตร์ธรรมดาแน่นอน

และอีกด้านหนึ่ง สองคนจากสายดินก็ทำได้เพียงใช้กำแพงดินป้องกันอย่างยากลำบาก

แม้ว่าสายดินจะเป็นธาตุพื้นฐานที่พลังป้องกันทรงพลังที่สุด แต่ภายใต้โจมตีจากธนูน้ำไม่หยุด ผมจึงมองเห็นกำแพงดินนั้นถูกกร่อนไปเกินครึ่งแล้ว

“คลื่นยักษ์วันสิ้นโลก!”

ลวดลายเวทมนตร์ทรงพลังประสานกันจนเสร็จ หลังจากสั่นสะเทือนอยู่ครู่หนึ่ง คลื่นยักษ์ก็ปรากฏออกมาจากในวงเวท จากนั้นก็กวาดผ่านตำแหน่งผู้เข้าแข่งขันสายดินสองคน

ผมมองเห็น HP ของพวกเขาเหลือศูนย์ แต่ในสนามต่อสู้ พวกเขาจะไม่ตาย

“สายน้ำ ชนะ!”

น้ำไหลกลับไปอย่างช้าๆ ผู้ตัดสินก็วิ่งไปยืนยันสถานการณ์ของผู้แข่งขันสายดินสองคนทันที แล้วประกาศผล

มุมปากขององค์หญิงแอนยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็หมุนตัวเดินลงมา

“ฟีล ข้ายังนึกว่าเจ้าหนีไปไม่มาแล้วซะอีก”

มองเห็นผมที่ที่นั่งเตรียมตัว องค์หญิงแอนจึงพูดด้วยรอยยิ้ม

“จะเป็นไปได้ยังไง ผมเชื่อว่าคราวนี้พวกเรามีโอกาสชนะนะ”

“งั้นเหรอ? แต่คนข้างหลังเจ้าไม่ได้คิดแบบนั้นนะ”

ผมมองทางที่เธอชี้ สองคนจากทีมสายเพลิงมองผมอย่างไม่พอใจ

“งั้นก็…รีบเริ่มกันเถอะ!”

เล่ม 3

ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?)

ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?)

Status: Ongoing

ผมตื่นขึ้นมาหน้าหมู่บ้านแปลกๆ แห่งหนึ่ง ผมลองคิดว่าก่อนหน้านี้ผมทำอะไรมาถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ผมกลับนึกอะไรไม่ออก นอกจากชื่อของผม “หลิน ฟีล”

ผมเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ กลับพบว่าทุกคนในหมู่บ้านมีชื่อและหลอด HP ลอยอยู่เหนือศีรษะ

เอ๊ะ…ทำไมมันเหมือนเกม RPG จัง หรือว่า…ผมจะหลุดเข้ามาในเกม RPG?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท