ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) – ตอนที่ 16

ตอนที่ 16

บรรยากาศในห้องรับรองของสถาบันดูค่อนข้างจริงจัง ช่วยไม่ได้ เพราะในห้องมีคนที่มองผมจนทำให้รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว

นี่ทำให้ผมที่นั่งอยู่บนโซฟามูลค่า 300 เหรียญทอง แต่กลับไม่รู้สึกถึงความสบายของมัน

ยังไงซะถูกคนตรงหน้านี้จ้องก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกสัตว์ป่าจ้อง จนอึดอัดไปทั่วทั้งตัว

ปีกกระดูกด้านซ้ายดูเหมือนพร้อมสร้างปัญหาภายใต้แรงกดดันแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะผมใช้หน้าต่างและรวมถึงเวทมนตร์ ‘คนตายผู้เงียบงัน’ ควบคุมมันไว้ ตอนนี้มันคงกางออกมาแล้วมั้ง?

แต่ปีกด้านขวาผมกลับกางออก ยังไงซะคนคนนี้ก็ใช้เสียงที่น่ากลัวสั่งให้ผมกาง ผมเลยไม่มีทางเลือก

โชคดีที่เสื้อที่ผมสวมแยกชิ้นกับชุดคลุมข้างหลัง ผมเลยเจาะรูไว้บนเสื้อ ชุดคลุมทั่วไปก็สามารถคลุมมันไว้ได้

ขัดขืนเขาเหรอ? คุณล้อกันเล่นรึเปล่า? เมื่อกี้ตอนเขามาถึงยูบริลก็คุกเข่าข้างเดียวทำความเคารพ เห็นได้ชัดเลยว่าคนคนนี้ระดับสูงกว่ายูบริลไม่รู้กี่ขั้น

แล้วสำหรับการดำรงอยู่ที่มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากชื่อแบบนี้ ผมคงไม่กล้าผลีผลาม

จอร์จ ไบเออร์

เลเวล ??? ??? ???

??? ??? นักบุญ ความมืดมิดของวิหารศักดิ์สิทธิ์ ??? ??? ??? ???

“ปีกเดียวงั้นเหรอ…ช่างหาได้ยาก ทว่าในเมื่อเจ้าเป็นสายน้ำแข็ง ก็ไม่ใช่เข้าใจไม่ได้ อย่างไรซะ ‘ปีกศูนย์สัมบูรณ์’ ก็ต้องเป็นคนที่สูงกว่านักเวทปฏิญาณถึงจะสามารถใช้เวทมนตร์ได้”

ผ่านไปสักพัก ในที่สุดหมอนี่ก็พูด ดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้นของเขาก็ปิดลงพร้อมกัน

จอร์จน่าจะอายุประมาณ 40 ปี ใบหน้าซีดขาวและซูบผอมจนน่าตกใจ ดวงตาสีเขียวเข้มหนึ่งคู่เฉียบคมจนดูเหมือนจะแทงทะลุหัวใจได้

ตั้งแต่แวบแรกที่มองเห็นหมอนี่ผมก็รับรู้ได้เลยว่า หากต่อสู้กับคนคนนี้ แม้แต่โอกาสหนีผมคงไม่มี

“ทว่า จากคำอธิบายของยูบริลและการสังเกตด้วยตัวข้าเอง หากสั่งให้เจ้าเข้าร่วมโบสถ์คงเป็นไปไม่ได้ ใช่ไหมล่ะ?”

“คือว่า…”

แค่เวทมนตร์เดียวแท้ๆ ทำไมต้องเข้าร่วมโบสถ์ด้วยล่ะ? จริงๆ เลย เทพธิดาแห่งแสงคนนั้นเป็นบอสเลเวลเท่าไหร่กันแน่? นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้คนเลื่อมใสมากขนาดนี้

“วางใจเถอะ ข้าไม่ได้บังคับเจ้า ทว่าในเมื่อเจ้าเป็นผู้ที่ถูกเทพโปรดปราน ขอเพียงเจ้าอยากเข้าร่วมกับพวกเรา ก็มาที่โบสถ์ของพวกเราได้ตลอดเวลา พวกเรายินดีต้อนรับเจ้า”

“ดะ…ได้ครับ”

แต่คนคนนี้ดูค่อนข้างตรงไปตรงมา หลังพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที

“ไว้พบกันใหม่โอกาสหน้า”

ในขณะที่เขาพูดคำพูดนี้จบ ปีกที่ใหญ่กว่าผมสองเท่าคู่หนึ่งก็กางออกข้างหลังเขา จากนั้นร่างกายก็กลายเป็นแสงสีขาวบินขึ้นฟ้าในพริบตา

ผมได้ยินเสียงอุทานดังออกมาจากในสถาบัน ยังไงซะนักเวทที่สามารถบินได้ในสถาบันแห่งนี้ก็ยังมีน้อยมาก

ถึงแม้นักเวทจะสามารถใช้เวทมนตร์เพื่อลอยตัว แต่หากจะใช้บินด้วยความเร็ว แปลว่าคุณคงไม่ชอบที่ MP บนตัวมีคุณมีมากเกินไป

แต่นักเวทแสงไม่เหมือนกัน ทุกคนต่างมีปีก

“ถึงไม่รู้ว่าปีกเดียวจะทำได้ไหม แต่ที่จริงแล้วก็ไม่มีประโยชน์ เพราะงั้นอย่าไปใส่ใจเลย”

เมื่อได้ยินเสียง ผมถึงสังเกตว่ายูบริลที่เดิมทียืนพิงกำแพงข้างประตูมาตลอด เดินมาทางผมตอนที่ผมมองเธอ

คำพูดเมื่อกี้บางทีคงเป็นเพราะผมมองดูจอร์จบินออกไปถึงพูดขึ้น ยัยนี่ก็มีความเห็นอกเห็นใจอยู่แฮะ

“ข้าจะไม่บังคับให้เจ้าเข้าร่วมโบสถ์ อย่ากังวลไป ทว่าหากเจ้าอยากเรียนเวทมนตร์แสง ไม่เข้าร่วมก็คงลำบากอยู่บ้าง ทว่า ในฐานะที่เป็นเพื่อน ข้าจะช่วยถามให้เจ้า”

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีน้ำใจ ถ้าต้องใช้คำเดียวมาสรุปยัยนี่ก็คงเป็นหญิงแกร่ง? แต่ก็เป็นหญิงแกร่งที่สวยมาก

“อืม ขอบคุณมาก”

“ใช่แล้ว ลาน่าบอกให้เจ้าไปหานางด้วย บอกว่าเป็นเรื่องการทดลองก่อนหน้านี้”

“จริงเหรอ?”

หรือว่าเธอสังเกตเห็นว่าผมใช้ระเบิดเวทไปแล้ว?

“แต่ทำไมเจ้าถึงเริ่มวิจัยกับนาง? มีคนไม่มากที่สามารถตามความคิดแปลกๆ ของคนคนนั้นได้”

“ตอนที่จอร์จพูดถึงผม คุณไม่ได้บอกว่าผมมีความคิดที่ประหลาดตลอดเหรอ?”

“จริงๆ เลย…ถึงลุงจอร์จจะเข้มงวดมาก แต่ที่จริงแล้วก็เป็นคนดีนะ”

ถึงตอนที่เธอพูดแบบนี้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น

เธอเข้าใจว่าคนทั่วไปคงไม่มีทางทนรับออร่าบนตัวจอร์จไหวในชั่วครู่เดียว

“จริงเหรอ…”

แต่สายตาแบบนั้นอาจฆ่าคนตายได้! มองไม่ออกว่าเป็นคนดีเลย เหมือนกับบอสใหญ่มากกว่า

“เฮ้อ ไม่คุยกับเจ้าแล้ว คาบบ่ายใกล้เริ่มแล้ว”

“สู้ๆ นะ วันนี้ไม่มีเรียนพอดี…วิ่งเร็วจริงๆ”

ยังพูดไม่ทันจบ หันไปก็ไม่เห็นเธอแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ยัยนี่ทำแบบนี้ รอให้คนอื่นพูดจบแล้วค่อยไปไม่ได้เหรอ?

ช่วยไม่ได้ ในเมื่อไม่มีธุระก็ไปหาลาน่าก่อนแล้วกัน

ตำแหน่งห้องทดลองของลาน่าอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสถาบัน เดิมทีมันเป็นโกดังที่ถูกทอดทิ้งของสถาบันเล่นแร่แปรธาตุ ไม่รู้ว่าลาน่าชิงมันมาได้ยังไง แต่สรุปแล้ว ตอนนี้ที่นั่นก็กลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเธอไปแล้ว

แม้ว่าที่นั่นจะไม่มีการตั้งสัญลักษณ์เตือนภัยห้ามเข้าใกล้เอาไว้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยงอยู่ดี เพราะทุกครั้งที่ลาน่าเข้าไปในบ้านหลังนั้น กลิ่นและประกายหลากหลายสีสันข้างในก็ทำให้คนที่เห็นต้องหยุดชะงัก

หลังจากผมสวมชุดคลุมกันไฟของร้านค้ายุคกลาง ก็ผลักประตูเข้าไป

“อ๊าอ๊า ล้มเหลวอีกแล้ว!”

ดูท่าดวงวันนี้คงไม่ดี ผมเจอกับการทดลองที่ล้มเหลวของยัยนี่พอดี ผมสวมหมวกป้องกันอย่างรวดเร็ว ก็พลิกตัวหลบข้างหลังกำแพงด้านข้าง ตามด้วยไอร้อนที่โถมเข้ามา หลังมือเป็นส่วนเดียวที่ไม่อยู่ใต้ชุดป้องกันรู้สึกถึงความร้อนอันน่ากลัว และ HP ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว!

ผมรีบชักมือกลับมา จากนั้นเปิดคลังไอเทมแล้วกดที่ยาฟื้นฟู HP สองขวดกลับมาอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ถึงจะไม่ได้เอายาออกมา กดใช้ตรงๆ ก็สามารถส่งผลได้ ไม่งั้นดื่มยาตลอดคงท้องเสียแน่นอน

ของนี่ไม่ใช่น้ำผลไม้ ไม่อร่อยเลยแม้แต่น้อย

จริงๆ เลย ยัยนี่อาศัยอยู่ในที่อันตรายแบบนี้ทุกวัน ไม่กลัวตายจริงๆ เหรอ?

หลังจากไอร้อนหายไป ห้องก็เต็มไปด้วยควันดำ ผมรีบเปิดประตูและหน้าต่างรับลม ไม่งั้นแม้แต่สิ่งของในห้องก็คงมองเห็นได้ไม่ชัด นับประสาอะไรกับหาตัวลาน่าล่ะ?

คงไม่มีใครเห็น ผมจึงตั้งเวทพายุหมุนไว้เป็นพัดลมดูดอากาศที่หน้าต่าง ในไม่ช้า ควันดำเหล่านั้นก็ลอยออกไป

เดินเข้าไปในห้อง เปิดหน้าต่างห้องตามแนวทางเดินจนหมด ในที่สุดก็เห็นลาน่าที่ตัวดำทั้งตัวอยู่ในห้องแยกที่ชั้นสอง

ยัยนี่…ดูเหมือนหมีแพนด้าเลย

ทั่วทั้งร่างนอนอยู่บนพื้น ดูแล้วระเบิดเมื่อกี้คงทำเธอบาดเจ็บไม่น้อย จน HP เกือบถึงก้นหลอดแล้ว

ผมมองดูรอบด้าน หยิบขวดยาฟื้นฟูบนโต๊ะรินให้เธอ จากนั้นก็ตามด้วยยาแก้มึนงง

แต่ท่าทางของเธอดูน่าเวทนาจริงๆ ช่วยไม่ได้ ผมเลยใช้เวทล้างตัวปัดฝุ่นควันบนตัวเธอ ในที่สุดก็ทำให้ใบหน้าอันน่ารักของเธอคืนสภาพเดิม

อุ้มเธอไว้บนโซฟาข้างๆ ในที่สุดผมก็มีโอกาสเยี่ยมชมห้องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว

เฮ้อ…เหมือนถูกขีปนาวุธยิงชัดๆ…ถ้าบ้านหลังนี้ไม่มีเวทเสริมความแข็งแรง คงหายวับไปนานแล้วล่ะมั้ง?

ใช่แล้ว คุณว่าทำไมผมถึงไม่ลงมือลับหลังกับโลลิที่ไม่ได้สติล่ะ? ล้อกันเล่นแล้ว อย่างแรกคือผมไม่ใช่โลลิคอน และในฐานะสุภาพบุรุษตามแบบฉบับ การปกป้องหญิงสาวร่างเล็กถึงเป็นเป้าหมายในชีวิตของผม เรื่องแบบนี้ผมจะไม่ลงมือทำแน่

ยิ่งกว่านั้น ยัยนี่เป็นถึงโลลิไร้คุณธรรมที่เอาสิ่งของที่ตัวเองใช้แล้วไปขายในตลาดใต้ดินของสถาบัน เธอคล้ายคลึงกับแม่มดไร้คุณธรรมบางคนทีเดียว แล้วทำไมผมต้องเสี่ยงชีวิตไปทำความผิดด้วย?

รอยไหม้ตรงกลางห้องแยกดูเหมือนจะเป็นทรงกลม อธิบายได้ว่าเมื่อก่อนที่นี่เคยวางของบางอย่างไว้ น่าเสียสายที่ถูกไฟไหม้ไปแล้ว

ดูแล้วยัยนี่คงวิจัยสิ่งของแปลกประหลาดบางอย่างอีกแล้ว ทำระเบิดออกมาดีๆ ไม่ได้รึไง? ผมรอใช้อยู่นะ

“เจ้านี่มันผู้ชายไร้น้ำยาจริงๆ เห็นโลลิล้มกับพื้นกลับวางไว้บนโซฟาแล้วไม่สนใจ หรือแค่ได้กอดเจ้าหญิงเจ้าก็พอใจแล้วเหรอ?”

ขณะผมกำลังครุ่นคิดอยู่ นึกไม่ถึงว่าโลลิปากจัดไร้คุณธรรมจะฟื้นขึ้นมาแล้ว

ผมยังไม่ทันได้หมุนตัวไป ยัยนี่ก็วิ่งไปข้างหน้าขี้เถ้าตรงกลางห้องอย่างรวดเร็ว นั่งยองสังเกตอย่างตั้งใจ

“อืม…ถูกทำลายหมดเลย ดูเหมือนวัตถุดิบนี้จะทำได้เพียงต้านทานการโจมตีระดับ ‘เปลวเพลิงแห่งความโกรธ’ พอไปถึง ‘วาจาแผดเผา’ ก็ใช้ไม่ได้แล้วเหรอ? ดูเหมือนต้องหาวัตถุดิบอื่นซะแล้ว”

ยัยนี่ส่ายศีรษะไปด้วย พลางหยิบเอากระดานที่เต็มไปด้วยขี้เถ้าบนโต๊ะขึ้นมา เขย่าขี้เถ้าข้างบน จากนั้นก็เขียนอะไรบางอย่าง

ดูเหมือนยัยนี่จะบันทึกการวิจัยของตัวเองอย่างตั้งใจ ประเมินเธอต่ำไปจริงๆ

“จะว่าไป เธอกำลังทดลองอะไรอีก? เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วสักวันบ้านเธอคงถูกเธอระเบิดกลายเป็นซาก…ไม่ต้องพูดถึงเมื่อกี้เธอก็เกือบตายแล้ว ถ้าฉันไม่มาเธอคงตายไปแล้วแน่นอน”

“ไม่เป็นไรๆ ไม่ตายก็ดีแล้วนี่?”

ยัยนี่เคยใส่ใจเรื่องชีวิตตัวเองบ้างไหมเนี่ย?

จะว่าไป เทียบกับฟาลันแล้ว ลาน่า โฟร์ไนท์ ชื่อนี้ผมกลับไม่เคยพบข้อมูลในห้องสมุด สำหรับข้อมูลเรื่องตระกูลโฟร์ไนท์แล้วยิ่งไม่เคยเห็น

ดูเหมือนยัยนี่จะมีภูมิหลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าตระกูลเรดลีฟ แต่กลับมองไม่ออกเลย…

“เอาล่ะ นี่เป็นของทดลองใหม่ ช่วยข้าทดลองหน่อย”

พูดแล้วเธอก็เปิดกล่องข้างๆ หยิบเอาของที่คล้ายกับกระเป๋าเงินโยนใส่มือผม

“ข้างในนั้นมีระเบิดไฟ แสง แล้วก็สายฟ้า ของพวกนี้ทำออกมาลำบากมาก ทดลองให้ข้าดีๆ ล่ะ!”

“ใช่แล้ว ระเบิดแสงก่อนหน้านี้ใช้งานได้ดีมากเลย”

“จริงเหรอ!?”

ดวงตายัยนี่สว่างวาบขึ้นมา จากนั้นก็จับมือผมลากไปข้างนอก

“เฮ้ยๆ เธอ…”

“เอาล่ะ ถึงเวลาแห่งการผลิตแล้ว ตอนนี้ไม่มีเวลาว่างมาคุยกับเจ้าแล้ว!”

ขณะที่พูดจบผมก็ถูกโยนออกมานอกประตู ประตูข้างหลังก็ปิดลงพร้อมกัน

จริงๆ เลย…ไม่ไว้หน้ากันบ้างเลย

แต่ในเมื่อได้ของฟรีมาก็ไม่เป็นไร รีบไปเตรียมตัวฝึกฝนสำหรับสัปดาห์หน้าดีกว่า

มุมมอง : ลาน่า โฟร์ไนท์

เป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะมีมนุษย์วิวัฒนาการเป็นเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายได้ ตอนนี้สถาบันคงครึกครื้นขึ้นมาแล้วสินะ?

ทว่า มนุษย์สามารถวิวัฒนาการกลายเป็นของแบบนั้นได้เหรอ? หรือว่าหมอนี่เองไม่ใช่มนุษย์?

เป็นไปไม่ได้ ผู้ที่สามารถหลบเลี่ยงสายตาข้าไปได้ในโลกนี้มีน้อยมาก

มองเห็นหมอนั่นออกไปด้วยสีหน้าจนใจก็น่าขันซะจริง หมอนี่ไม่รู้เหรอว่าตัวเองกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากแค่ไหน?

ช่างเถอะ เรื่องแบบนี้ข้าไม่อยากไปสนใจหรอก เพราะว่าเป็นแบบนี้ถึงจะยิ่งน่าสนใจไม่ใช่เหรอ?

“ทว่า หมอนี่สามารถใช้เวทน้ำได้ ตัวเขายังมีความลับอะไรอีกกันแน่นะ?”

ตอนนี้ก็สังเกตความเปลี่ยนแปลงไปเงียบๆ แล้วกัน ก่อนอื่นเลยก็ต้องหาเงินไว้หน่อย~

อย่างไรซะผ่านไปสามพันกว่าปี เงินติดตัวก็ใช้ไปเกือบหมดแล้วด้วย

ถึงแม้ว่ายัยสองคนนี้จะเป็นเด็กน้อยจริงๆ แต่ว่า ความแข็งแกร่งของพวกเธอไม่ใช่ระดับของเด็กน้อย

นักดาบเพลิงคู่เลเวล 14 โบนัสพลังโจมตีและ HP และนักเวทน้ำแข็งเลเวล 15 โบนัสปัญญา เทียบกับคนไร้อาชีพเลเวล 11 และไม่มีโบนัสอาชีพอย่างผม ก็ทรงพลังกว่าไม่รู้เท่าไหร่

เพราะงั้นผมจึงเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้แล้ว แหวนเก็บของของผมเต็มไปด้วยยาหลากหลายชนิดเพื่อเติม HP และ MP

ว่าไปแล้ว ผมเคยลองถอดแหวนออกจากนิ้ว หลังจากถอดออกไอเทมที่พกติดตัวได้ก็ลดเหลือแค่ 10 ชิ้น เพราะงั้นแหวนวงนี้จึงเป็นของที่มีประโยชน์มาก

แน่นอน ยาพวกนี้ล้วนซื้อมาจากลาน่า ยัยนี่ดูเหมือนจะมีความสุขกับการสร้างสิ่งของแบบนี้ ถึงแม้ผลข้างเคียงส่วนมากจะสุ่มหรือเป็นอันตรายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ผลข้างเคียงที่เลวร้ายอะไร เพราะงั้นเลยไม่ใช่ปัญหาใหญ่

ทว่า…

แม้ว่าใช้ยาแล้ว อยากต่อสู้กับคนที่เลเวลสูงกว่าตัวเองสามเลเวลก็ยังกดดันมาก…

รวมถึงอาร์ย่าเป็นคนที่มาจากโลกอื่นเหมือนผม วิธีการคิดจึงไม่เหมือนกับคนโลกนี้อย่างสิ้นเชิง ถ้าอยากจัดการเธอคงไม่ง่ายขนาดนั้น

“แต่ละฝ่ายที่ต่อสู้ประจำตำแหน่ง เตรียมพร้อม…เริ่มการต่อสู้!”

อาจารย์แมรี่ที่กำลังมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นรีบวิ่งมาตัดสิน

ไม่ว่าเป็นการใช้สนามต่อสู้จริงในการเรียนหรือว่าในการแข่งขัน สนามก็ต้องมีอาจารย์เป็นผู้ควบคุม ใช้เขตแดนเวทควบคุมพิเศษมาจำกัดการโจมตีถึงแก่ชีวิต ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดเหตุการณ์ถึงแก่ชีวิตขณะต่อสู้คงแย่แน่

“พายุขาว! ลมหายใจอความารีน!”

แค่เปิดฉาก องค์หญิงสโนว์ก็กุมไม้เท้าโบกไปด้านหน้า พายุหิมะผสมกับผลึกน้ำแข็งก็ปกคลุมบริเวณที่อาร์ย่ายืนอยู่ก่อนหน้านี้ไปกว่าครึ่งในพริบตา!

ในขณะเดียวกัน เธอก็ควักขวดใบหนึ่งออกมาดื่มยาเวทมนตร์ ถึงเวทขนาดมหึมาทั้งสองท่าจะมีพลังมากและมีขอบเขตกว้าง แต่ก็สิ้นเปลือง MP ไปมากเป็นพิเศษเช่นกัน มันนับว่าเป็นเวทเฉพาะตัวของเธอ เพราะผมไม่เคยอ่านเจอเวททั้งสองนี้ในห้องสมุดมาก่อน

ทว่า…

ผมเห็น HP ข้างๆ ชื่อของอาร์ย่าที่อยู่ท่ามกลางหมอกสีขาวลดเหลือประมาณ ⅓ ยิ่งกว่านั้น อีกฝ่ายก็เริ่มเคลื่อนไหว ทั้งยังเข้าใกล้ด้วยความรวดเร็ว

ซวยแล้ว ซวยจริงๆ ทำไมเมื่อกี้ผมถึงคิดเรื่องสำคัญสุดๆ ไม่ออก!

อาร์ย่าเป็นสายเพลิง ต้องต้านทานต่อสายน้ำแข็งไม่น้อยแน่! และถึงแม้พลังโจมตีของเวทมนตร์วงกว้างจะมีผลต่อคนทั่วไปไม่น้อย แต่ความจริงแล้ว ถ้าไม่ถูกผลึกน้ำแข็งและพายุขูดจนบาดเจ็บ ความเสียหายก็คงไม่สูงนัก

อาร์ย่าต้องรู้เรื่องนี้แน่? ไม่งั้นจะยืนอยู่ระหว่างเวทระดับสูงทั้งสองโดยไม่ได้รับความเสียหายมากขนาดนั้นได้ยังไง

“เสาน้ำแข็งลอบสังหาร!”

ใช้มือสองข้างค้ำไว้บนพื้น เสาน้ำแข็งทรงเรียวที่แผ่ไอเย็นออกมาอย่างต่อเนื่องก็พุ่งไปทางอาร์ย่า

เสาน้ำแข็งทุกต้นมีความยาวประมาณหนึ่งเมตรกว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นจากเสาน้ำแข็งต่อเนื่องจนไม่อาจหลบหลีกได้!

เดิมทีเวทน้ำแข็งวงกว้างก็บดบังทัศนวิสัยอยู่แล้ว และในขณะที่เผชิญกับเวทไฟ น้ำแข็งจะละลายและระเหย หมอกควันที่เกิดขึ้นจะทำให้เป็นอุปสรรคต่อทัศนวิสัยยิ่งขึ้น

ถ้าไม่ใช่การโจมตีซึ่งหน้า ทั้งยังมีเสาน้ำแข็งที่แทงขึ้นมาจากพื้น หากคิดจะตรวจพบได้ย่อมไม่ง่ายขนาดนั้น

“คมดาบคลั่ง!”

จู่ๆ หมอกน้ำแข็งก็เริ่มหมุนวนรอบตัวอาร์ย่า ขณะเดียวกัน ใบมีดนับไม่ถ้วนก็หมุนวนล้อมรอบตัวเธอ แล้วกระจายออกไป เทียบกับท่าที่เธอใช้ทำลายบ้านเรือนก่อนหน้าแล้ว นี่เป็นพายุทอร์นาโดที่ดูเหมือนก่อตัวจากใบมีดชัดๆ

เสาน้ำแข็งยังไม่ทันถูกตัวเธอก็โดนฟันจนกลายเป็นเศษน้ำแข็ง แม้กระทั่งหมอกน้ำแข็งที่ลอยอยู่กลางอากาศก็กระจายออกไปภายใต้ลมที่เกิดจากใบมีด!

ยุ่งแล้ว ถ้าเป็นเพราะผมเลเวลต่ำ เวทมนตร์เลยไม่อาจสร้างความเสียหายได้ ถ้างั้น ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับองค์หญิงสโนว์ก็คือ…เวทของยัยนี่ไม่ทรงพลังเท่าที่มันควรจะเป็น

ผมเคยพบปัญหานี้ที่ฮีลมาก่อน ระหว่างการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เวทของเขาไม่ได้แสดงพลังอย่างที่เลเวลของเขาควรมี

เป็นเพราะพวกเราสามารถเห็น HP กับแถบสกิลได้เหรอ?

งั้นก็พูดได้แค่พวกเราได้เลือกคู่ต่อสู้ที่อันตรายอย่างมาก

ผลของยาเวทมนตร์ค่อยๆ ฟื้นฟู MP หรือแปลว่า ตอนนี้เวทขององค์หญิงสโนว์ไม่อาจใช้ได้เป็นเวลาสั้นๆ

ช่วยไม่ได้ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับผมแล้ว

เวทน้ำแข็งไม่มีเวทมนตร์ประเภทสนับสนุน แม้ผมก็เรียนรู้เวทสายอื่น แต่ถ้าเปิดเผยออกไปตอนนี้คงเป็นการหาเรื่องใส่ตัว

ขณะเดียวกัน อาร์ย่าก็เริ่มเคลื่อนไหว เธอที่แผ่แสงสีแดงจากทั่วทั้งร่างใช้มือถือดาบสั้นเรียวยาวสองเล่มที่กลายเป็นแสงสีแดงพุ่งเข้าใกล้ผม

“โล่น้ำแข็ง”

ถึงพลังป้องกันเวอร์ชั่นธรรมดาของปราสาทน้ำแข็งจะไม่แข็งแกร่งเท่าปราสาทน้ำแข็ง แต่ว่าเวทมนตร์ที่ใช้กลับค่อนข้างน้อย ทั้งยังสามารถอัญเชิญได้สิบอันขึ้นไปพร้อมกัน โดยปราสาทน้ำแข็งสามารถอัญเชิญได้แค่สามอันพร้อมกันเท่านั้น

ใบมีดโจมตีมาจากสองทิศทาง ผมทำได้เพียงใช้มือทั้งสองอัญเชิญโล่น้ำแข็งมาขัดขวางการโจมตีของเธอ

การโจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รู้สึกเหมือนกับถูกชายกำยำสองคนกระแทกจากสองฝั่ง หลังจากแขนทั้งสองถูกปะทะก็รู้สึกเหน็บชาอย่างมาก จนรู้สึกขยับไม่ได้

“พัฒนาขึ้นไม่น้อยนี่? โรงเรียนพวกเธอถูกเธอสับเป็นชิ้นเลยรึเปล่าเนี่ย”

“วางใจได้ บ้านของพวกเขาแข็งแรงมาก แต่ว่านาย กลายเป็นนักเวทแล้วเหรอเนี่ย ถึงไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงยังเห็นอาชีพของนายเป็นเครื่องหมายคำถามสามตัว แต่การที่นายเป็นนักเวทก็ไม่เลวดี ไม่ใช่เหรอ?”

“ช่างเถอะน่า…”

“ถึงเลเวลของฉันจะสูงกว่านายอยู่หน่อย แต่ฉันว่าการต่อสู้ของเราคงไม่มีปัญหาใช่ไหม?”

“ขอบใจนะที่พูดออกมา”

“อะไรล่ะ พวกนายมีนักเวทเลเวล 15 ตั้งคนหนึ่งแท้ๆ นี่?”

“เธอรู้อยู่แล้วว่าพอต่อสู้จริงขึ้นมาพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นไม่ใช่เหรอ! ฝนธนูน้ำแข็ง!”

เพราะโล่น้ำแข็งปรากฏอยู่บนแขนทั้งสองข้าง มือของผมย่อมอิสระในการปล่อยเวทมนตร์

แล้วยังใกล้แค่นี้ หากต้องการหลีกไปคงไม่ง่ายขนาดนั้น

“บ้าเอ๊ย!”

อาร์ย่าดึงดาบกลับมาอย่างรวดเร็ว และผมก็ฉวยโอกาสรักษาระยะห่างกับเธอ

ทว่า ธนูน้ำแข็งก็ไม่อาจเสียไปฟรีๆ ได้ แล้วถ้าเสียโอกาสแบบนี้ไป เกิดยัยนี่จริงจังขึ้นมาคงยุ่งแน่

“ปราสาทน้ำแข็ง!”

กำแพงมหึมาปรากฏขึ้นที่ข้างหลังของอาร์ย่า ถึงมันเป็นเวทป้องกัน แต่สิ่งสิ่งนี้ยังสามารถใช้ขวางทางได้ไปพร้อมกัน…

อาร์ย่ากระแทกเข้าบนกำแพงน้ำแข็งโดยตรง และธนูน้ำแข็งก็พุ่งเข้าไปไม่ขาดสาย

เธอถูกขังอยู่ในก้อนน้ำแข็งทันที จากนั้นจึงล้มลงไป

HP ของเธอลดลงถึง 50% ช่วยไม่ได้ ถึงพลังจะโดนเป้าแต่ก็ไม่อาจก่อความเสียหายมากนัก

“ธารน้ำแข็งพิพากษา!”

ดาบน้ำแข็งขนาดยักษ์ปรากฏอยู่กลางอากาศ ตั้งตระหง่านราวกับไม้กางเขน ปลายดาบเล็งไปทางก้อนน้ำแข็งที่ผนึกอาร์ย่าไว้

“จงตกลงไป!”

ดาบค่อยๆ ตกลงมา ดูเหมือนในขณะที่ของสิ่งนั้นตกลงมาอากาศรอบด้านก็ค่อยๆ แข็งตัวขึ้น การถูกสิ่งนี้โจมตีไม่ได้ทำให้แช่แข็งได้ง่ายขนาดนั้น

“ช้าไปแล้ว!”

ขณะที่ผมเพิ่งถอนหายใจโล่งอก จู่ๆ น้ำแข็งบนพื้นก็แตกออก แสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากรอยแยกอย่างรวดเร็ว ทว่า ทิศทางกลับเป็นอีกทางหนึ่ง!

ทางนั้น….เป็นทางที่องค์หญิงสโนว์ยืนอยู่!

หมุนตัวไปมอง ตอนนี้องค์หญิงสโนว์กำลังถือไม้เท้าด้วยความสับสนงุนงง ยัยนี่ไม่มี MP เหลือแล้วเหรอ? เธอไม่ควรใช้มานาอย่างต่อเนื่องในสถานการณ์การต่อสู้สิ? ไม่งั้นการฟื้นฟูก็ช้าเกินไปแล้ว!

หรือว่าใช้เวทมนตร์เมื่อกี้ครั้งเดียวก็ทำมานาหมดเกลี้ยงเลยเหรอ?

“โล่น้ำแข็ง”

ผมอัญเชิญโล่ไว้ที่หลัง และในขณะเดียวกัน ก็ใช้เวทมนตร์ที่ข้างหลังอีกครั้ง

“โทเท็มน้ำแข็ง!”

เพราะเวทน้ำแข็งไม่มีเวทมนตร์ที่เพิ่มสถานะ เพราะงั้น ถ้าอยากเร่งความเร็วก็ทำได้เพียงจ่ายด้วยราคานิดหน่อย!

โทเท็มที่แกะสลักลวดลายซับซ้อนกระแทกบนโล่ข้างหลังผม ทำให้ผมกระเด็นออกไปเหมือนกับกระสุนที่ถูกลั่นไก

แน่นอน การโจมตีตัวเองด้วยเวทมนตร์ของตัวเองไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ นี่เป็นสาเหตุที่ผมใช้โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

“โล่น้ำแข็ง ปราสาทน้ำแข็ง!”

พุ่งไประหว่างพวกเธอ มานาทั้งหมดก็ใช้ไปกับเวทป้องกันทั้งสองอย่างนี้

แต่ว่า…

วินาทีเดียว…

แค่วินาทีเดียว…

พวกมันทั้งหมดแหลกสลายตรงหน้าผม และในขณะเดียวกัน แสงสีแดงปะทะบนตัวผม จนรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ท้อง

“นี่…”

HP กลายเป็นศูนย์ในพริบตา

“เป็นไปไม่ได้?”

“ทำไมนายต้องพุ่งเข้ามาด้วย!?”

อาร์ย่ามองผมอย่างเหลือเชื่อ จากนั้นเธอก็ค่อยๆ ห่างออกไป…

แถวตัวหนังสือสีแดงปรากฏตรงหน้าผม

ท่านเสียชีวิต โหมดความตายนับถอยหลัง อีกสามนาทีจะฟื้นคืนชีพที่วิหาร ประสาทสัมผัสถูกตัดขาด

จากนั้น ฉากรอบด้านก็เข้าสู่ความมืดมิด ตรงหน้าเหลือแค่เวลานับถอยหลัง

นี่ผม…ตายแล้วเหรอ?

ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?)

ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?)

Status: Ongoing

ผมตื่นขึ้นมาหน้าหมู่บ้านแปลกๆ แห่งหนึ่ง ผมลองคิดว่าก่อนหน้านี้ผมทำอะไรมาถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ผมกลับนึกอะไรไม่ออก นอกจากชื่อของผม “หลิน ฟีล”

ผมเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ กลับพบว่าทุกคนในหมู่บ้านมีชื่อและหลอด HP ลอยอยู่เหนือศีรษะ

เอ๊ะ…ทำไมมันเหมือนเกม RPG จัง หรือว่า…ผมจะหลุดเข้ามาในเกม RPG?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท