ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 197 เรื่องราวของพี่ชายฉัน

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 197 เรื่องราวของพี่ชายฉัน

ตอนที่ 197 เรื่องราวของพี่ชายฉัน

“ฉันจะช่วยนายได้ยังไง?” เฉินเจียเหอถาม

เซี่ยไห่ดึงเขาไปที่ริมฟุตบาท แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้านายพอจะมีเวลา ช่วยแวะไปที่บ้านตระกูลเซี่ยให้หน่อย ไปตามหาเซี่ยตงกับเซี่ยหลาน”

“ทำไมอยู่ ๆ ถึงอยากตามหาพวกเขาล่ะ?” เฉินเจียเหอสงสัย

เซี่ยไห่อธิบายด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เห็นแก่พี่ใหญ่ของฉันน่ะสิ ก่อนหน้านี้พี่ใหญ่ฉันสูญเสียความทรงจำไม่ใช่เหรอ? แต่เมื่อวานนี้แม่ฉันโทรมา บอกว่าเขาเอาแต่ละเมอพร่ำเพ้อเรียกชื่ออิงจื่อตอนที่เขาหลับ ถามพี่สาวแล้วหล่อนก็ไม่รู้ว่าคือใคร หล่อนกับแม่เลยเห็นตรงกันว่าอาจเป็นคนรู้จักของเขาเมื่อนานมาแล้ว

ตอนนั้นเราไม่ได้ติดต่อกับญาติ ๆ หรือเพื่อนของเราในไห่เฉิงเลย ฉันก็เลยอยากวานให้นายไปสืบถามจากตระกูลเซี่ย เพราะเวลานั้นพวกเขายังติดต่อกับพี่ใหญ่อยู่บ้าง ลองถามพวกเขาดูว่าเมื่อยี่สิบปีที่แล้วมีใครใช้ชื่อนี้บ้าง คนรู้จักของพี่ใหญ่คนนี้ พวกเราเดาว่าหล่อนน่าจะเป็นผู้หญิงสักคน หรือคนที่มีความสำคัญกับพี่ใหญ่ของฉันมาก”

เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเซี่ยเหลยพี่ชายคนโตของเซี่ยไห่ เฉินเจียเหอก็เปลี่ยนมาจริงจังกับเรื่องนี้ทันที เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้สิ”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วมองไปที่เซี่ยไห่ “แต่นายต้องมากับฉันด้วย”

เซี่ยไห่ปฏิเสธอย่างง่ายดาย “ฉันไม่ไปแน่ ฉันไม่อยากเจอหน้ามันอีก ที่มาขอความช่วยเหลือจากนายก็เพราะฉันไม่สะดวกที่จะออกหน้าเองยังไงล่ะ”

“เหล่าเซี่ย นายช่วยทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้หน่อยได้ไหม? นายอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ทำไมยังจดจำความแค้นในอดีตอีก?”

เซี่ยไห่เอามือแตะจมูกแล้วพูดว่า “นายไม่เข้าใจหรอก”

“ก็เพราะฉันไม่เข้าใจนี่ไงว่านายกับเซี่ยตงโกรธแค้นอะไรกันนักหนา?”

เฉินเจียเหอมองเขาและถามเสียงทุ้ม “ทำไมนายถึงไม่อยากเจอหน้าเซี่ยตง? แค่เพราะตอนนั้นพวกนายทะเลาะกันรุนแรงงั้นเหรอ? แต่เราจำเป็นต้องสนใจเรื่องบาดหมางในอดีตไหม? สมัยพวกเรายังอยู่ในกองทัพก็ไม่เห็นจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเลย ทำไมไม่ปล่อยวางบางเรื่องไปซะ?”

เฉินเจียเหอไม่เข้าใจเลย ถ้าเหตุผลเป็นเพราะการต่อสู้ในวันนั้นแค่อย่างเดียว เซี่ยไห่จะสมสมความแค้นมาจนถึงทุกวันนี้เชียวเหรอ

สุดท้ายเซี่ยเหลยกับเซี่ยหลานก็ไม่ได้ลงเอยกัน จำเป็นไหมที่พวกเขากลายมาเป็นศัตรูกันตอนแก่?บราวนี่ออนไลน์

(TN: เซี่ยเหลยกับเซี่ยไห่เป็นแซ่เซี่ย-夏 ส่วนเซี่ยตงกับเซี่ยหลานเป็นแซ่เซี่ย-谢)

เซี่ยตงไม่สนใจเรื่องพรรค์นั้นอีกต่อไป แล้วเซี่ยไห่จะแบกความอัปยศในวัยเด็กนั้นไปถึงไหน?

ระหว่างพวกเขาต้องมีความคับข้องใจอื่น ๆ ต่อกันเป็นแน่

เซี่ยไห่พยายามหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนา “ไม่ต้องถามมาก ฉันแค่ไม่อยากเห็นหน้าเขา”

เฉินเจียเหอมองเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “ถ้านายไม่ไป ฉันก็คงสืบถามเรื่องนี้ตัวคนเดียวไม่ได้ ไว้ฉันจะพานายไปเยี่ยมลุงเซี่ยช่วงบ่าย อย่าลืมว่าฉันไม่รู้จักพี่ใหญ่ของนายมากนัก ไม่รู้เรื่องเฉพาะเจาะจงของเขาอย่างชัดเจน ฉะนั้นนายไปถามด้วยตัวเองแล้วกัน”

เซี่ยไห่ยังคงลังเล เอาแต่นิ่งเงียบ

“พี่ใหญ่เซี่ยคือวีรบุรุษของชาติ ในเมื่อเรื่องที่นายอยากทำมันเกี่ยวกับการฟื้นความทรงจำของเขา งั้นนายก็ทำตัวให้เป็นลูกผู้ชายหน่อยไม่ได้หรือไง? ควรเอาความขุ่นเคืองส่วนตัวมากระทบกับธุระสำคัญเหรอ?”

หลังจากถูกเฉินเจียเหอวิพากษ์วิจารณ์ เซี่ยไห่ก็ยอมเปลี่ยนใจ “ก็ได้ งั้นฉันจะไปกับนาย”

“อืม เราจะออกเดินทางกันตอนห้าโมงเย็น”

ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ริมถนน ทันใดนั้นสาวสวยรูปร่างสง่างามก็เดินตรงมาหาพวกเขา

“เจียเหอ คุณพอจะมีเวลาไหมคะ?” ถังหลิงมองเฉินเจียเหอด้วยรอยยิ้มสดใส ถามเบา ๆ

“ขอโทษด้วย ผมไม่มีเวลา” เฉินเจียเหอไม่เปิดโอกาสให้หล่อนได้ขอร้องเป็นครั้งที่สอง ปิดกั้นคำพูดต่อไปของหล่อนอย่างไร้เยื่อใย

“โอ้” ถังหลิงมีสีหน้าเก้อเขินเล็กน้อยเมื่อถูกปฏิเสธ แต่ยังคงมองเขาด้วยรอยยิ้ม

“อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พอดีในร้านฉันมีกระดานอันใหญ่ ก็เลยออกมาหาคนช่วยยก บังเอิญเห็นคุณกับเพื่อนคุยกันอยู่ข้างทาง เลยเข้ามาถามว่าคุณกับเถ้าแก่พอเข้ามาช่วยหน่อยได้หรือเปล่าน่ะค่ะ?”

“ผมยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำ” เฉินเจียเหอมองไปที่เซี่ยไห่ “นายว่างก็ไปช่วยหล่อนสิ”

หลังจากพูดอย่างนั้น เฉินเจียเหอก็ก้าวขายาว ๆ เดินตรงกลับไปที่ร้านตัดผม

เซี่ยไห่ยกมือขึ้นหมายจะคว้าเขาไว้ “เฮ้ ฉัน…”

เฉินเจียเหอจากไปโดยไม่หันกลับมามอง ถังหลิงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยเช่นเคย แต่สีหน้ามืดมนลงครู่หนึ่ง ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ ก่อนจะมองเซี่ยไห่ด้วยรอยยิ้ม

เซี่ยไห่ทำใจปฏิเสธสาวสวยตรงหน้าไม่ได้จริง ๆ ดังนั้นจึงทำได้แค่เดินตามหล่อนไปเท่านั้น

“ขอบคุณมากนะคะ” ถังหลิงยิ้มและเดินเข้ามาหาเขา “คุณคือเซี่ยไห่ เพื่อนของเจียเหอสินะ? ได้ยินมาว่าคุณเป็นเจ้าของกิจการห้องเต้นรำฝั่งตรงข้ามด้วยใช่ไหม?”

เซี่ยไห่ไม่คาดคิดว่าหญิงสาวสวยคนนี้จะรู้จักชื่อของเขา ยิ่งอายุมากขึ้น การถูกหญิงสาวสวยจ้องสบตาโดยตรงก็ไม่ทำให้เขาเกิดความเขินอายอีกต่อไป ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

“ใช่ครับ ผมชื่อเซี่ยไห่”

“จากนี้ไปเราจะกลายเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว” ถังหลิงแนะนำตัวเองอย่างอบอุ่น “ฉันชื่อถังหลิง เจียเหอกับฉันโตมาด้วยกัน เราเคยเป็นคู่รักวัยเด็กของกันและกันด้วยค่ะ”

เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของถังหลิง เซี่ยไห่ก็เหยียดยิ้มอย่างเชื่องช้า แก้ไขคำพูดของหล่อนว่า “คุณถังครับ ผมว่าคำว่าคู่รักวัยเด็กอาจดูไม่เหมาะสมที่จะหยิบมาใช้สุ่มสี่สุ่มห้ามั้ง ถึงยังไงเขาแต่งงานแล้ว อย่าทำให้เกิดความเข้าใจผิดดีกว่า”

“ฉันไม่ได้มีความหมายอื่นแอบแฝง”

ถังหลิงจับผมตัวเอง จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องอย่างลื่นไหล “จริงสิ จวิ้นเฟิงเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเองค่ะ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเขาพูดถึงคุณครั้งหนึ่ง บอกว่าคุณมีความสามารถมาก และมีหัวทางธุรกิจที่ดี”

หล่อนยื่นมือไปตรงหน้าเซี่ยไห่ “เถ้าแก่เซี่ย จากนี้ไปฉันต้องขอฝากตัวด้วยนะคะ”

เซี่ยไห่จับมือกับหล่อนตามมารยาท พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เราทุกคนเป็นเพื่อนบ้านกันครับ คุยกันง่าย”

เซี่ยไห่ช่วยหล่อนยกกระดานไม้ หลังจากเห็นสไตล์การตกแต่งร้าน และได้ยินาว่าหล่อนกำลังจะเปิดร้านเสริมสวย เขาก็ชื่นชมหญิงสาวคนนี้อย่างจริงใจ “เป็นความจริงที่ผู้หญิงสมัยนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชายเลย สาว ๆ สมัยนี้น่าทึ่งมาก ธุรกิจของหลินเซี่ยกำลังไปได้สวย ถ้าคุณเปิดร้านเมื่อไหร่ก็น่าจะเป็นไปด้วยดีไม่ต่างกัน”

ถังหลิงถอนหายใจ “เฮ้อ หลินเซี่ยมีชีวิตที่ดีกว่าฉัน อย่างน้อยหล่อนก็มีเจียเหอกับครอบครัวของเขาคอยช่วยเหลือ ไม่เหมือนฉันที่ต้องลงแรงทำทุกอย่างด้วยตัวเอง บางครั้งฉันเหนื่อยมาก แต่ก็ต้องอดทนเพื่อความอยู่รอด”

เซี่ยไห่เป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ตอบกลับหล่อนด้วยรอยยิ้มว่า “คุณน่าจะเข้าใจผิดแล้ว ร้านตัดผมก็ต้องอาศัยทักษะและฝีมือในการหาเลี้ยงชีพเหมือนกัน ต่อให้ครอบครัวมีกำลังแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้”

ถังหลิงถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วครู่

หล่อนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา มองหน้าเซี่ยไห่ยิ้ม ๆ “เถ้าแก่เซี่ยคะ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือในวันนี้มาก รบกวนแลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้หน่อยสิคะ เผื่ออีกหน่อยฉันมีเรื่องรบกวนอีกจะได้ติดต่อหาคุณโดยตรง”

“ครับ” เซี่ยไห่บอกหมายเลขโทรศัพท์ของเขาให้ถังหลิงทีละตัว จากนั้นก็อำลาหล่อน แล้วกลับไปที่ห้องเต้นรำ

เฉินเจียเหอเล่าให้หลินเซี่ยฟังว่าเย็นนี้เขามีธุระต้องแวะไปที่บ้านตระกูลเซี่ยพร้อมกับเซี่ยไห่ จากนั้นก็ถามความเห็นของเธอ “เซี่ยเซี่ย คุณอยากไปกับเราไหม?”

หลินเซี่ยได้ยินว่าเซี่ยไห่มีธุระสำคัญมากจนยอมแบกหน้าไปหาเซี่ยตง เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งพลางหรี่ตาลง “ฉันว่าฉันไม่ไปดีกว่าค่ะ”

แม้ว่าเธอต้องการกลับไปยังบ้านที่เคยอาศัยอยู่มาหลายปีเพื่อเยี่ยมคุณตาและคุณยาย แต่เฉินเจียเหอและเซี่ยไห่ดูเหมือนมีบางสิ่งที่สำคัญกว่า อาจไม่สะดวกสำหรับเธอที่จะติดตามพวกเขาไป อย่างน้อยเธอก็ได้เจอคุณตาแล้วเมื่อครั้งล่าสุด

คุณยายหรือก็เลี้ยงหลานอยู่ที่บ้านของเซี่ยตงตลอดทั้งปี อยู่ไกลเกินกว่าจะได้พบเจอกันบ่อย ๆ

อีกอย่างวันนี้งานในร้านก็ค่อนข้างยุ่งพอสมควร มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย หลังเคลียร์ลูกค้าเสร็จก็ยังต้องสอนชุนฟางทำผมตัวต่อตัว

เธอคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ในที่สุดก็ตัดสินใจ “ฉันจำได้ว่าวันเกิดของคุณตาใกล้จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ ปีนี้ที่บ้านน่าจะจัดงานใหญ่ ไว้พวกเราค่อยไปฉลองวันเกิดของคุณตาทีเดียวก็ได้”

เฉินเจียเหอเคารพการตัดสินใจของเธออย่างไม่มีเงื่อนไข ตอบกลับว่า “ได้ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน”

หลินเซี่ยกำชับ “จริงสิ คุณปู่ชอบดื่มชา คุณอย่าลืมซื้อถุงชาไปมอบให้เขานามของฉันทีนะคะ”

“อืม หลังเลิกงานเดี๋ยวผมจะซื้อเข้าไป” เฉินเจียเหอบอกเธอ “เซี่ยเซี่ย บ่ายนี้คุณออกไปรับหู่จือด้วย หลังเลิกงานผมจะตรงไปที่นั่นเลย คุณสองแม่ลูกจัดการอาหารมื้อเย็นกันตามสบาย คืนนี้เราจะนอนพักที่อาคารพักอาศัยของโรงงาน”

“ฉันต้องนอนที่อาคารในโรงงานอยู่แล้ว เสิ่นเสี่ยวเหมยคงอยากอวดเบ่งที่ตัวเองท้อง แต่ไม่มีทางซะหรอก”

ครั้นเวลาบ่ายคล้อย

เซี่ยไห่ขับรถไปที่บ้านตระกูลเซี่ยพร้อมกับเฉินเจียเหอ เมื่อรถขับมาจอดตรงข้างถนน เขาก็ถือกล่องของขวัญที่ห่ออย่างสวยงามไว้ในมือ ขณะที่เฉินเจียเหอถือถุงชา

เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้านตระกูลเซี่ย เซี่ยไห่ก็ลังเลขึ้นมาทันควัน สูดลมหายใจเข้าลึก รวบรวมจิตใจให้เข้มแข็ง

เขาครุ่นคิดในใจอย่างเงียบ ๆ ว่าทุกอย่างที่เขาตัดสินใจทำก็เพื่อพี่ใหญ่

ต่อให้วันนี้เขาจะเห็นใบหน้าของเซี่ยตงที่เขาอยากทุบตีมาตลอดชีวิต เขาก็ต้องอดทนเข้าไว้

เซี่ยไห่บอกเฉินเจียเหอว่า “นายควรรู้นะว่าจะช่วยฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงได้บ้าง แต่ไม่ว่ายังไงฉันจะไม่คุยกับเซี่ยตง ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมก็ช่วยถามแทนฉันหน่อย”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ความแค้นนี้ใหญ่หลวงนัก นอกจากเรื่องที่ทำให้เซี่ยไห่อับอายเรื่องนั้นแล้วยังมีเรื่องไหนอีกนะ

ยัยถังเธอมีแผนอะไรแอบแฝงเปล่านี่?

ไหหม่า(海馬)

ตอนที่ 195 เสียงร้องไม่เป็นภาษาดังมาจากในห้อง

ตอนที่ 195 เสียงร้องไม่เป็นภาษาดังมาจากในห้อง

เวลานี้ ที่บ้านตระกูลเสิ่น

บรรยากาศในห้องนั่งเล่นค่อนข้างเคร่งเครียด ผู้เฒ่าเสิ่นนั่งอยู่บนโซฟาหลักพร้อมกับทำใบหน้านิ่ง แถมยังมีเสิ่นเถี่ยจวินนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา

เฉินเจียซิ่งมองเสิ่นเสี่ยวเหมยซึ่งเอาแต่ม้วนผมตัวเองเล่นโดยไม่สนใจเขา ยังคงพยายามชักชวนหล่อนอย่างอดทน “เสี่ยวเหมย ผมมาตามคุณที่นี่นานแล้ว ผมยอมขอโทษทุก ๆ อย่าง กลับไปกับผมโดยดีเถอะ”

เสิ่นเถี่ยจวินไม่คิดจะหันไปเสวนากับเฉินเจียซิ่งเลย “เสี่ยวเหมย เธอควรกลับไปพร้อมกับเจียซิ่งเถอะ คู่รักหนุ่มสาวไม่ควรบาดหมางกันนาน”

“พี่ชาย ฉันฝืนยอมรับไม่ได้จริง ๆ ถ้ากลับไปก็เท่ากับฉันยอมรับนังโง่หลินเซี่ยนั่นเป็นพี่สะใภ้ คิดว่าคนอย่างฉันจะยอมรับความอัปยศนั้นได้แค่ไหนเชียว?”

เสิ่นเสี่ยวเหมยโกรธเคืองขึ้นมาอีกครั้ง พูดต่ออย่างรวดเร็วว่า “ตอนนี้แม่หล่อนย้ายจากบ้านนอกเข้ามาอยู่ในเมืองแล้ว ฉันว่าแล้วเชียวว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา หล่อนน่าจะวางแผนทั้งหมดนี้ไว้นานมาแล้ว พยายามทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนลูกสาวให้กลายเป็นสาวชาวเมือง เห็นไหม ตอนนี้หล่อนบรรลุเป้าหมายแล้ว ถึงขั้นหอบสำมะโนครัวเข้ามาอยู่ในเมือง ใช้ลูกสาวตัวเองเป็นเครื่องมือในการเต้าไต่ฐานะตัวเองแท้ ๆ”

เฉินเจียซิ่งได้ยินสิ่งที่เสิ่นเสี่ยวเหมยพูดก็อดไม่ได้ที่จะแย้ง “อาจไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้ ผมคิดว่าแม่ของหลินเซี่ยเป็นคนซื่อคนหนึ่ง และมีความรับผิดชอบมากพอ หล่อนดูไม่เหมือนคนเจ้าเล่ห์เพทุบายเลย”

“หน้าผากหล่อนมีคำว่าคนดีหรือคนเลวเขียนอยู่หรือไง?” พอได้ยินเฉินเจียซิ่งแก้ตัวแทนผู้หญิงบ้านนอกคนนั้น เสิ่นเสี่ยวเหมยก็ยิ่งโมโหกว่าเดิม

เฉินเจียซิ่งไม่ต้องการโต้เถียงในเรื่องไม่เป็นเรื่องกับเสิ่นเสี่ยวเหมยอีกต่อไป เขาปลอบว่า “อย่าโกรธไปเลย หลินเซี่ยและคนอื่น ๆ เอาเรื่องนั้นไปแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจในบ้านเกิดของพวกเขาอยู่ในระหว่างการสืบสวนคดี เราไม่ควรหาข้อสรุปกันไปเอง ยึดเอาสำนวนของตำรวจเป็นหลักดีกว่า”

“เธอว่าไงนะ? พวกเขาเอาเรื่องนี้ไปแจ้งความเหรอ?” เสิ่นเถี่ยจวินซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินคำพูดของเฉินเจียซิ่งแล้วก็มีดวงตาฉายความตระหนกเล็กน้อย เงยหน้ามองเขาทันควัน

เฉินเจียซิ่งพยักหน้า “ใช่ครับ ผมได้ยินหลินเซี่ยพูดเอง”

เสิ่นเถี่ยจวินไม่พูดอะไรต่อ หรี่ตาลง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ต่างจากเสิ่นเสี่ยวเหมยที่ได้ยินแบบนั้น หล่อนพลันมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น

“อยากแจ้งความก็แจ้งไป พวกมันกล้าดีจริง ๆ ที่ไปแจ้งตำรวจให้จับโจร ฉันคิดว่าพวกมันไม่คิดหรอกว่าคดีที่เก่าเกินไปจะไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะตรวจสอบเจอได้ ระวังเถอะจะโดนจับเข้าคุกซะเอง”

เสิ่นเถี่ยจวินทำท่าทางเหมือนหงุดหงิดเล็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่อดทน “เอาเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ อย่าพาตัวเองเข้าไปยุ่งเลย ตอนนี้เธอกำลังท้องลูกอยู่นะ กลับไปใช้ชีวิตระหว่างตั้งครรภ์ให้ดีเถอะ”บราวนี่ออนไลน์

หลังจากพูดอย่างนั้น เสิ่นเถี่ยจวินก็พูดกับพ่อของเขา “พ่อ ปล่อยให้เสี่ยวเหมยกลับไปเถอะ อยู่บ้านเราแบบนี้ต่อไปไม่เป็นผลดีนะครับ”

เซี่ยหลานกับเสิ่นเสี่ยวเหมยมีเรื่องขัดแย้งกันหลายต่อหลายครั้ง เขาในฐานะคนกลางจึงอยู่ในตำแหน่งที่ลำบากใจมาก

ปกติระหว่างเซี่ยหลานกับเขาก็มีช่องว่างพออยู่แล้ว เสิ่นเถี่ยจวินไม่ต้องการให้เรื่องยุ่งวุ่นวายเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขาอีกต่อไป

เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินพูดแบบนั้น ผู้เฒ่าเสิ่นก็หยุดทำตัวเย่อหยิ่ง หันไปคุยกับเฉินเจียซิ่งด้วยท่าทางเข้มงวดและข่มขู่ “เจียซิ่ง เสี่ยวเหมยของฉันกำลังตั้งท้องลูกหลานตระกูลเฉินของเธอ ครอบครัวของเธอห้ามปล่อยให้หล่อนต้องมีชีวิตที่ทุกข์ทรมานกับความอยุติธรรมใด ๆ เด็ดขาด ไม่งั้นฉันไม่เอาเธอไว้แน่”

เฉินเจียซิ่งได้ยินชายชราขู่แบบนั้นก็ยอมจำนน เขารีบรับรองอย่างหนักแน่น “คุณลุง ไม่ต้องกังวลเลยครับ”

“ทำไมวันนี้เธอมาที่นี่คนเดียวล่ะ? พ่อแม่อยู่ไหน? พวกเขาไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้เสี่ยวเหมยกำลังตั้งท้องอยู่? ครอบครัวพวกเธอนี่ไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย” เมื่อผู้เฒ่าเสิ่นเห็นว่าสมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลเฉินไม่มา เขาก็ดูไม่พอใจมาก

เฉินเจียซิ่งอดทนต่อความโกรธอันไร้เหตุผลของเขา ยังตอบกลับด้วยความเคารพ “คุณลุง พ่อแม่ผมยังอยู่ที่ทำงาน ผมก็เลยไม่ได้ไปรบกวนพวกเขา”

“จะรบกวนสักแค่ไหนกันเชียว?”

ผู้เฒ่าเสิ่นเตือนเขาด้วยท่าทางสง่างาม “ฉันจะบอกอะไรให้ ถึงหลินเซี่ยจะมีสถานะเป็นพี่สะใภ้ของพวกเธอ แต่หล่อนก็เคยมีสถานะเป็นหลานของเสี่ยวเหมยมาตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นเธอควรกลับไปบอกปู่และพ่อตัวเองให้ชัดเจน ว่าอย่าพยายามบังคับให้เสี่ยวเหมยเรียกหล่อนว่า ‘พี่สะใภ้’ ถ้าพวกเธอยังยึดถือกฎบ้าบออะไรนั่น พวกเราตระกูลเสิ่นก็จะไม่ยินยอมเหมือนกัน”

“ผมเข้าใจแล้วครับ”

“คนอย่างคุณจะไปเข้าใจอะไร? ได้ยินมาว่าหลายวันก่อนคุณไปขอให้ผู้หญิงคนนั้นตัดผมให้ด้วยไม่ใช่เหรอ? แถมยังไปสนับสนุนตอนที่หล่อนเปิดร้านด้วยซ้ำ? นี่มันหมายความว่ายังไง?”

เสิ่นเสี่ยวเหมยมองดูทรงผมใหม่ของเฉินเจียซิ่ง โกรธมากจนอยากจะโกนผมเขาทิ้งไปซะ

เฉินเจียซิ่งอธิบายด้วยความรู้สึกผิด “ปู่บังคับให้ผมไปด้วย ผมก็ต้องไป ขัดคำสั่งของผู้ใหญ่ไม่ได้จริง ๆ”

เสิ่นเสี่ยวเหมยตะคอกอย่างเย็นชา “หยุดเอาคำว่าผู้ใหญ่มาเป็นข้ออ้างได้แล้ว ทั้งครอบครัวคุณต่างก็ถูกบงการจากคำสั่งของคนแก่งี่เง่านั่นกันทั้งนั้น”

เฉินเจียซิ่งอยู่ที่นี่มานานกว่าสองชั่วโมงแล้ว แต่เสิ่นเสี่ยวเหมยยังคงไม่เต็มใจที่จะปล่อยผ่านเรื่องต่าง ๆ ไม่ใช่ว่าถังหลิงบอกว่าหล่อนสำนึกผิดแล้วหรอกเหรอ

ถึงตอนนี้เฉินเจียซิ่งก็เริ่มหงุดหงิดแล้วเหมือนกัน มองไปที่เสิ่นเสี่ยวเหมย และถามอย่างไม่อดทนว่า “ตกลงจะกลับไหม?”

เสิ่นเสี่ยวเหมยนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเย่อหยิ่ง เอาแต่กอดอกและนิ่งเงียบไม่พูดจา

ผู้เฒ่าเสิ่นเหลือบมองนาฬิกา รู้สึกกังวลเล็กน้อย “พรุ่งนี้เธอค่อยขับรถของปู่มารับเสี่ยวเหมยก็ได้ วันนี้ดึกมากแล้ว กลับบ้านกันสองคนคงไม่ปลอดภัย”

เฉินเจียซิ่งมองไปที่ชายชราซึ่งเอาแต่ให้ท้ายและเรียกร้องสิ่งต่าง ๆ แทนเสิ่นเสี่ยวเหมย ความอดทนของเขามาถึงขีดจำกัดแล้ว

เป็นเพราะการตามใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของผู้เฒ่าเสิ่น ทำให้เสิ่นเสี่ยวเหมยกลายเป็นคนไร้เหตุผลแบบนี้

เขาอธิบายอย่างช่วยไม่ได้ “คุณลุงครับ พรุ่งนี้ผมยังต้องไปทำงาน รถที่ปู่ผมใช้ก็เป็นทรัพย์ที่ทางรัฐจัดสรรมาให้ใช้ ครอบครัวเราไม่มีใครมีสิทธิ์ใช้รถคันนั้นโดยพลการ นี่คือกฎของที่บ้าน”

เว้นแต่คุณปู่จะนั่งรถด้วยตัวเอง สมาชิกในบ้านถึงจะมีโอกาสได้อาศัย

หรือพรุ่งนี้เขาจะขอร้องให้ปู่ช่วยขับรถมารับเสิ่นเสี่ยวเหมยด้วยตัวเองดี?

ถ้าเป็นเมื่อก่อน สิ่งเหล่านี้ยังพอจะเป็นไปได้ แต่เสิ่นเสี่ยวเหมยออกไปอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลเสิ่นนานเกือบหนึ่งเดือนแล้ว แน่นอนว่าครอบครัวพวกเขาย่อมไม่พอใจ ไม่มีทางที่พวกเขาจะยินดีตามใจหล่อนอีก

ตัวเขาเองก็ไม่กล้าขอร้องให้ปู่ออกโรงด้วยตัวเอง

ทันใดนั้นเซี่ยหลานก็เดินเข้ามา เดาว่าหล่อนคงได้ยินสิ่งที่ผู้เฒ่าเสิ่นพูดแล้ว

เซี่ยหลานพูดอย่างจริงจังกับเฉินเจียซิ่ง “เจียซิ่ง ฉันว่าเธอกลับไปคนเดียวซะเถอะ จากนั้นก็จัดการทำตามขั้นตอนการหย่าร้างโดยเร็วที่สุด ปล่อยให้เสิ่นเสี่ยวเหมยอยู่กับลุงของหล่อนต่อไป คลอดแล้วก็ปล่อยให้เลี้ยงกันเอง อีกหน่อยเด็กคนนั้นจะถือว่าเกิดในตระกูลเสิ่น มีสิทธิ์ใช้แซ่เสิ่นอย่างชอบธรรม พวกเราย่อมไม่คัดค้านอะไร”

เมื่อผู้เฒ่าเสิ่นได้ยินคำพูดของเซี่ยหลาน เขาก็คำรามด้วยความโกรธ “เซี่ยหลาน พูดไร้สาระอะไรของเธอ?”

ตั้งแต่รู้ความจริงว่าหลินเซี่ยไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของตน ในที่สุดเซี่ยหลานก็กำจัดข้อสงสัยที่หล่อนลักลอบมีชู้ลับหลังเสิ่นเถี่ยจวิน ทำให้สามารถเงยหน้าในตระกูลเสิ่นได้อย่างมีศักดิ์ศรี

ตอนนี้เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าเสิ่นกับเสิ่นเถี่ยจวินมีสีหน้าโกรธเคือง หล่อนก็ยังไม่ไว้หน้าไว้พวกเขา “นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณพ่อต้องการเหรอคะ ดูเหมือนคุณพ่อไม่อยากให้เสี่ยวเหมยกลับไปที่บ้านตระกูลเฉินไม่ใช่เหรอ?”

ช่วงหลังเซี่ยหลานดูหมิ่นลุงของเสิ่นเสี่ยวเหมยซึ่งหน้าหลายต่อหลายครั้ง ทำให้หล่อนอับอายอย่างต่อเนื่อง ถึงจะเป็นหลานสาวของอีกฝ่ายแต่ก็แต่งงานแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ในครอบครัวพ่อแม่ หล่อนก็ไม่ได้มีอำนาจมากพอเหมือนตอนอยู่ในตระกูลเฉิน จึงพูดอย่างเสียไม่ได้ “พี่สะใภ้ หยุดพูดแบบนั้นได้แล้ว ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้แหละ”

เสิ่นเสี่ยวเหมยลุกยืนขึ้น หันไปพูดกับเฉินเจียซิ่ง “ขึ้นไปที่ห้องฉัน เก็บกระเป๋าเดินทางเสร็จเดี๋ยวกลับเลย”

ท้ายที่สุดเสิ่นเสี่ยวเหมยก็ยอมอ่อนข้อ เฉินเจียซิ่งจึงโล่งใจ เขารีบวิ่งไปที่ห้องของหล่อนเพื่อเก็บกระเป๋าเดินทาง พอข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างถูกบรรจุในกระเป๋าเดินทางเรียบร้อย เขาก็หันมายิ้มให้อย่างเสแสร้งอีกครั้ง

“ไปกันเถอะ”

ก่อนที่เสิ่นเสี่ยวเหมยจะออกจากบ้าน ผู้เฒ่าเสิ่นบอกเธอว่า “เสี่ยวเหมย ถ้าบ้านนั้นทำให้หลานคับข้องใจอีก กลับมาอยู่บ้านเรา ที่นี่มีลุงอยู่ ไม่ว่าใครก็รังแกหลานไม่ได้ทั้งนั้น”

“ขอบคุณมากค่ะลุง ไว้ฉันจะแวะมาเยี่ยมลุงบ่อย ๆ นะคะ”

เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยตามเฉินเจียซิ่งกลับไปที่บ้านตระกูลเฉินก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว นอกเหนือจากโจวลี่หรงที่ยังคงนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น ทุกคนต่างก็กลับขึ้นห้องเพื่อพักผ่อน

ทันทีที่เสิ่นเสี่ยวเหมยเดินผ่านเข้าประตูไปแล้วเห็นห้องนั่งเล่นเงียบเหงา ไม่เกิดภาพการต้อนรับอันอบอุ่นจากทั้งครอบครัวที่หล่อนเคยจินตนาการ ใบหน้าของหล่อนก็หม่นหมองลงทันที

เฉินเจียซิ่งทักทายโจวลี่หรง “แม่ เรากลับมาแล้ว”

เมื่อเห็นเสิ่นเสี่ยวเหมย โจวลี่หรงก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นและเป็นกันเอง ทั้ง ๆ ที่สีหน้ายังคงจริงจังและแข็งกร้าวอยู่เช่นเคย “กลับมากันแล้วเหรอ? ลูกพาเสี่ยวเหมยขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะ แม่ทำความสะอาดห้องไว้รอแล้ว ให้เสี่ยวเหมยได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ เรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”

เสิ่นเสี่ยวเหมยถามด้วยใบหน้าเย็นชา “คุณปู่ คุณย่า คุณพ่อ และคนอื่น ๆ อยู่ไหนกันหมดคะ?”

โจวลี่หรงอธิบาย “กว่าเธอจะกลับก็ดึกมาก พ่อกับคุณปู่คุณย่ารอไม่ไหว พวกเขาก็เลยเข้านอนกันก่อนแล้ว”

“หลินเซี่ยกลับมาอยู่บ้านนี้แล้วเหรอ?” เสิ่นเสี่ยวเหมยถามอีกครั้ง

“พวกเขาก็เข้านอนแล้วเหมือนกัน”

เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ได้เจอหน้าหลินเซี่ย ทำให้หงุดหงิดนิดหน่อยที่ไม่มีโอกาสได้โจมตีเธอทันที “แล้วพวกเขารู้หรือยังคะว่าฉันท้อง?”

“รู้สิ ทุกคนในครอบครัวรู้ข่าวดีกันถ้วนหน้าแล้ว และทุกคนก็มีความสุขกันมาก”

โจวลี่หรงอ้าปากหาว “พวกลูกรีบกลับขึ้นห้องเร็ว ๆ เถอะ แม่เองก็จะไปพักผ่อนเหมือนกัน พรุ่งนี้เช้าคุณปู่คุณย่าต้องดีใจมากแน่ที่เห็นว่าเธอกลับมา”

เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยขึ้นไปชั้นบน หล่อนก็บอกให้ระวังการเดินเป็นพิเศษ และให้เฉินเจียซิ่งช่วยประคอง

เฉินเจียซิ่งถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจับแขนหล่อนไว้ด้วยมืออีกข้าง

หลังจากขึ้นไปชั้นบนและไปถึงหน้าประตูห้องของเฉินเจียเหอแล้ว เสิ่นเสี่ยวเหมยก็หยุดเดินกะทันหัน ยกมือกุมท้อง เท้าฝ่ามือไว้กับผนัง และทำท่าแสดงความเจ็บปวด โก่งคอเค้นอาเจียนและร้องเสียงแหลมสูง “โอ๊ย วันนี้ฉันอ้วกไปตั้งหลายครั้ง อาการแพ้ท้องนี่ช่างรุนแรงดีจริง ๆ เลย”

เฉินเจียซิ่งเหลือบมองประตูห้องที่ปิดอยู่ของพี่ชายคนโต ตกใจมากจนรีบลดเสียงลง

“คุณก็ไปโก่งคออ้วกในห้องน้ำสิ”

“ฉันรอเดินไปถึงห้องน้ำไม่ไหว อยากอ้วกตรงนี้เลย”

หล่อนแทบจะฝังตัวแทรกเข้าไปในผนังอยู่แล้ว “อ่อก ฉันอยากจะอ้วกอีกแล้ว”

ภายในห้อง คู่สามีภรรยาที่กำลังบรรเลงเพลงรักหวานกันอยู่ใต้นวมก็ถูกรบกวนด้วยเสียงอันน่ารังเกียจจากภายนอก หญิงสาวผลักชายหนุ่มที่กำลังระดมกำลังกระแทกกระทั้นออก โวยวายอย่างไม่พอใจ “คนน่ารำคาญนั่นกลับมาแล้ว”

“ไม่ต้องสนใจ จดจ่ออยู่กับเรื่องของเราสิ” เขาเม้มริมฝีปาก ก่อนจะออกแรงให้หนักหน่วงขึ้น

หญิงสาวผู้เคยสงวนท่าทางได้ยินเสียงโก่งคออาเจียนราวกับตั้งใจจะรบกวนจากข้างนอก ประกอบกับความซาบซ่านอันรุนแรงของชายตรงหน้า ทันใดนั้นคิ้วของเธอก็ตระตุกเล็กน้อย ก่อนจะส่งเสียงครวญครางอู้อี้ออกไป

เสิ่นเสี่ยวเหมยซึ่งทำเสียงเหมือนสัตว์ประหลาดอยู่นอกห้องพลันชะงัก เมื่อได้ยินเสียงร้องไม่เป็นภาษาดังออกมาจากประตู

ทันใดนั้นใบหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความอับอาย ก่อนสาปแช่งว่าอีกฝ่ายไร้ยางอาย หยุดเสแสร้งอาเจียน และรีบวิ่งกลับเข้าห้องตัวเอง

เฉินเจียซิ่งคว้ากระเป๋าเดินทางขึ้นมา แล้วรีบเดินตามหล่อนเข้าไปทันที

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เอาซี้ ครางมาครางกลับไม่โกง เอาให้อายจนทนฟังไม่ได้ไปเลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ? เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท