ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 260 ชุดว่ายน้ำ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 260 ชุดว่ายน้ำ

ตอนที่ 260 ชุดว่ายน้ำ

น่าเสียดายที่ตอนนี้ถังหลิงมีแผนอื่น หล่อนจึงไม่อยากติดตามเสิ่นเสี่ยวเหมยเพื่อจัดการกับหลินเซี่ยอีกต่อไป

ไม่มีทางที่หล่อนจะยอมเสียสละซึ่งผลประโยชน์ของตัวเองเพราะเห็นแก่เสิ่นเสี่ยวเหมย

“เสี่ยวเหมย หลินเซี่ยไม่น่าจะทำเรื่องใหญ่แบบนั้นหรอก หล่อนเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะเอาความความกล้ามาจากไหน?”

เสิ่นเสี่ยวเหมยหัวเราะเยาะ “ถ้าไม่ใช่หล่อนแล้วจะเป็นใคร? ฉันเพิ่งไปหาเฉินเจียซิ่งมา เขายืนกรานว่าเขาไม่ได้เป็นคนเขียนรายงานฉัน ดังนั้นผู้ต้องสงสัยคนเดียวสำหรับฉันก็คือหลินเซี่ย ฉันยอมกล้ำกลืนความแค้นนี้ลงคอไม่ได้หรอกนะ”

“เสี่ยวเหมย ใจเย็น ๆ ก่อน เรามาใช้มาตรการโต้กลับในระยะยาวกันดีกว่า ทุกอย่างในโลกนี้ว่ากันตามหลักฐาน เธอว่าบทเรียนแสนสาหัสครั้งล่าสุดยังไม่เพียงพออีกเหรอ? ไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการใส่ร้ายอีกฝ่าย แต่ผู้หญิงคนนั้นยังหันมาเอาคืนเธออย่างเจ็บแสบ ญาติฉันบอกว่าโรงพยาบาลกำลังสืบสวนเรื่องนี้อย่างเข้มงวดกวดขัน ยังไม่คลี่คลายในเร็ว ๆ นี้แน่ บางทีพวกเราทุกคนอาจจะถูกเชิญไปให้ปากคำ เพราะฉะนั้นเราควรเก็บตัวเงียบสักระยะดีกว่า”

ถ้ารู้แต่แรกว่าหลินเซี่ยจัดการได้ยากขนาดนี้ หล่อนคงไม่ให้คำแนะนำแบบสุ่มสี่สุ่มห้ากับเสิ่นเสี่ยวเหมยแน่ ตอนนี้หล่อนกลัวมาก กลัวว่าตัวเองอาจถูกซัดทอดเมื่อพวกเขาค้นพบว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

เฉินเจียเหอไม่ได้อยู่ในขอบเขตการไล่ล่าของหล่อนอีกต่อไป แต่ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างเซี่ยไห่และหลินเซี่ยนั้นชัดเจน ถ้าหล่อนทำให้หลินเซี่ยขุ่นเคือง ก็อาจเป็นการทำให้เซี่ยไห่ขุ่นเคืองตามไปด้วย และหล่อนจะไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขาอีก

เซี่ยไห่มีความสามารถมาก ได้ยินมาว่าภูมิหลังครอบครัวของเขาก็ดีเช่นกัน นอกจากวัยที่แก่กว่าหล่อนนิดหน่อย อย่างอื่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

หล่อนต้องจับเขาให้อยู่หมัด

ยุคสมัยนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงที่ต้องดิ้นรนด้วยตัวคนเดียว แล้วเมื่อใดจะประสบความสำเร็จ?

หล่อนมีเงินเก็บเหลืออยู่ในมือไม่มาก ในขณะที่เส้นทางการเป็นผู้ประกอบการของหล่อนก็ไม่ราบรื่นนัก ถ้าอยากมีชีวิตหรูหราอู้ฟู่แบบคุณนาย หล่อนจะต้องโอบกอดต้นขาหนา ๆ ไว้ให้มั่น

คำแนะนำที่จริงใจของถังหลิงทำให้เสิ่นเสี่ยวเหมยยอมรับฟังแต่โดยดี อันที่จริงหล่อนไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าหลินเซี่ยเป็นคนทำ แม้จะไปคาดคั้นเอากับอีกฝ่ายก็จะไม่ได้รับความได้เปรียบใด ๆ ทั้งสิ้น สุดท้ายแล้วหล่อนก็ยังคงมีชนักติดหลังอยู่ดี

ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หล่อนจึงพยายามหลีกเลี่ยงหลินเซี่ยอยู่ตลอด

“ได้ รอให้ฉันหาหลักฐานได้เมื่อไหร่ ฉันจะไปเอาเรื่องหล่อนให้ถึงที่สุด”

เสิ่นเสี่ยวเหมยมองไปที่ประตูร้านตัดผมฝั่งตรงข้าม ดวงตาเต็มไปด้วยความริษยาบราวนี่ออนไลน์

“พี่หลิง ทำไมร้านฝั่งนั้นถึงได้มีลูกค้าเข้าไม่ขาดสายเลยล่ะ?”

หลิวลี่ลี่เดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วพูดว่า “หล่อนไม่ได้ตัดผมแค่อย่างเดียวน่ะสิ นังหลินเซี่ยยังมีบริการทำสปาผิวหน้าให้ลูกค้าด้วย จงใจขโมยธุรกิจของพวกเราชัด ๆ”

“ทำสปา? แม้แต่งานทำสปาผิวหน้าก็ยังขโมยกันหน้าด้าน ๆ เนี่ยนะ? หล่อนมันร้ายเกินไปแล้ว”

เสิ่นเสี่ยวเหมยปกป้องถังหลิงทันที เสนอความคิดว่า “พี่หลิง ถ้าอย่างนั้นร้านพี่ก็รับทำผมด้วยสิ

ลี่ลี่เองก็เคยไปฝึกงานที่ร้านทำผมไม่ใช่เหรอ? เราเปลี่ยนป้ายเป็นร้านเสริมสวยเต็มรูปแบบซะเลย เรียกลูกค้าเข้ามาทำผม แข่งขันด้านธุรกิจกับหล่อนบ้าง”

“ทักษะการทำผมของลี่ลี่เหมือนกับแมวสามขา(1) จะไปตัดผมให้ใครได้?” ถังหลิงแย้ง

เมื่อหลายวันก่อนหล่อนคิดจ้างวานให้หลิวลี่ลี่ไปสมัครงานที่ร้านตัดผมของหลินเซี่ย จากนั้นให้ไปสอดแนมว่าหลินเซี่ยไปแอบเรียนทำผมมาจากที่ไหน และดูว่าทักษะการตัดและดัดผมของเธอดียังไง

ตอนนั้นหล่อนยังอยากให้หลิวลี่ลี่ไปแอบจำเคล็ดลับบางอย่างกลับมา เพื่อที่อีกหน่อยจะได้เพิ่มบริการทำผมแข่งขันกับหลินเซี่ย ต่อให้ทำแล้วไม่สำเร็จก็จะหาทางสร้างปัญหา ขัดขวางไม่ให้กิจการของหลินเซี่ยเจริญรุ่งเรือง

เสิ่นเสี่ยวเหมยจึงเอ่ยขึ้น “หรือว่าเราควรรับสมัครช่างตัดผมดี?”

หลิวลี่ลี่เห็นด้วย “จริงด้วย อาเสี่ยวเหมยพูดถูก เราจ้างช่างตัดผมให้มาทำผมแทนเราก็ได้นี่คะ”

“ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง” ถังหลิงปัด ตอนนี้หล่อนมีแผนอื่นอยู่ในใจ แน่นอนว่ายังไม่ต้องการเผชิญหน้ากับหลินเซี่ย

เสิ่นเสี่ยวเหมยพูดกับถังหลิง “พี่หลิง ระหว่างว่างงานฉันอยากมาทำงานที่ร้านกับพี่”

ถังหลิงได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าหล่อนก็ตึงไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มจืดเจื่อนอย่างอึดอัดใจ “เสี่ยวเหมย เธอเพิ่งจะถูกพักงาน ผู้อำนวยการเสิ่นต้องหาทางช่วยให้เธอได้กลับไปทำงานภายในไม่กี่วันแน่ งานของเธอเป็นชามข้าวเหล็ก ในขณะที่ร้านฉันต้องแบกรับความเสี่ยง อย่าเก็บเมล็ดงาจนเสียเมล็ดแตงโมเลย(2)”

“ตอนนี้ฉันยังไม่มีอะไรต้องทำ แวะมาช่วยพี่ทำงานไปพลาง ๆ ก่อนก็ได้นี่”

ตอนนี้หล่อนไม่มีสามีแล้ว งานก็ยังมาถูกระงับ การอยู่บ้านอย่างเดียวออกจะน่าเบื่อ ทำไมไม่ใช้เวลาว่างออกมาทำงานกับพี่สาวผู้แสนดีแทนล่ะ จะได้ใช้ช่วงเวลานี้คิดแผนจัดการกับหลินเซี่ยด้วย

ถังหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม

“อย่าเลย เธอกลับบ้านไปพักผ่อนสักหน่อยดีกว่า สภาพของเธอตอนนี้ดูแย่มาก ไม่ว่ายังไงก็ต้องใส่ใจสุขภาพของตัวเองเป็นหลักนะ”

“พี่หลิง พี่เป็นอะไรไป? ทำไมฉันรู้สึกเหมือนพี่ไม่อยากให้ฉันมาทำงานที่ร้านด้วยเลยล่ะ?” ทัศนคติของถังหลิงบ่งบอกถึงความผิดปกติ กระทั่งเสิ่นเสี่ยวเหมยยังสังเกตเห็น

แน่นอนว่าถังหลิงย่อมไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองต้องการตีตัวออกห่างจากอีกฝ่าย ทำเพียงมองเสิ่นเสี่ยวเหมยและพูดอย่างจริงใจว่า “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? ฉันแค่รู้สึกเห็นใจกับทุกสิ่งที่เธอเจอมาในช่วงนี้ เลยอยากให้เธอได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เธอได้รับความเดือดร้อนมามากพอแล้ว อีกอย่างขอบอกตามตรงว่ามันเป็นความเห็นแก่ตัวนิดหน่อยของฉันด้วย อย่าลืมสิว่าร้านของฉันเป็นร้านเสริมความงาม ถ้าลูกค้าเข้ามาแล้วเห็นว่าเธอหน้าตาไม่ผ่องใส พวกเขาจะต้องตั้งข้อกังขาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเราแน่ สรุปก็คือเธอควรไปพักผ่อนเติมพลังชีวิตให้เต็มที่ แล้วกลับมาแบบเป็นคนใหม่อย่างสมบูรณ์แบบไวๆ”

เสิ่นเสี่ยวเหมยอดไม่ได้ที่จะหันมองตัวเองในกระจกเงา

ใต้ดวงตาของหล่อนปรากฏรอยคล้ำเข้ม ดูไม่สู้ดีอย่างที่อีกฝ่ายบอก สภาพหน้าแบบนี้ไม่เหมาะกับการทำงานในร้านเสริมสวยจริง ๆ

“เอาล่ะ อย่าเพิ่งคิดมากเลย กลับไปใช้เวลากับคุณลุงให้มากขึ้นอีกหน่อย ที่ผ่านมาเขาทุ่มเทกับการปกป้องเธอมากเลยนะ”

“ขอบคุณนะพี่หลิง ฉันจะกลับไปปรับอารมณ์ของตัวเองให้ดี”

เช้านี้อาจารย์หวังจากร้านตัดผมของรัฐแวะมาที่ร้านตัดผมของหลินเซี่ย เขาไม่ได้มาสมัครงานหรือขอเริ่มงานโดยตรงแต่อย่างใด หลังจากที่เข้ามาแล้วก็ลากเก้าอี้มานั่งลง ดูสภาพความเป็นไปของร้านตลอดทั้งช่วงเช้า

หลินเซี่ยรู้ว่าเขาอาจอยากรู้อะไรบางอย่างเพื่อประกอบการตัดสินใจ จึงมาที่นี่เพื่อดูลาดเลาก่อน

นี่แสดงให้เห็นว่าอาจารย์หวังเริ่มเอนเอียงตามคำโน้มน้าวของเธอเรื่องการย้ายที่ทำงาน

“พวกเธอทำงานของตัวเองต่อไปเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน”

“ค่ะ อาจารย์หวัง งั้นคุณนั่งจิบชาอยู่ตรงนี้ไปก่อนนะคะ”

จากนั้นหลินเซี่ยและชุนฟางก็ยุ่งอยู่กับการต้อนรับลูกค้าตามปกติ

อาจารย์หวังให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับเทคนิคการดัดผม และทักษะในการตัดผมของหลินเซี่ย

ธุรกิจของร้านตัดผมส่วนบุคคลคึกคักกว่าร้านตัดผมของรัฐมากจริง ๆ ร้านนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางละแวกโรงงานหลายแห่ง ทำให้มีพนักงานเข้าออกเยอะมาก

ตอนพักเที่ยง จะมีพนักงานที่ยังสวมใส่ชุดเครื่องแบบโรงงานอาศัยเวลาว่างแวะมาตัดผม

หลินเซี่ยเองก็จัดการทุกอย่างอย่างรวดเร็ว มีทัศนคติที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส รู้จักพูดคุยกับผู้อื่นอย่างใส่ใจ อีกทั้งทักษะการตัดผมของเธอก็ยอดเยี่ยมมาก ทรงผมที่เธอตัดให้ชายหนุ่มคนหนึ่งทำให้เขาดูมีพลังมากขึ้น

เหมือนจะสั้นเกรียน แต่ก็ไม่ใช่สั้นเกรียนซะทีเดียว

นอกจากนี้อุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดผมของหลินเซี่ยก็ไม่ธรรมดาเลย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันใส่ผม หรือเจลแต่งผมที่เธอใช้ก็ดูเหมือนจะเป็นสินค้าคุณภาพไฮเอนด์

“อาจารย์หวัง เป็นยังไงบ้างคะ?” หลินเซี่ยยิ้มและถามอาจารย์หวังซึ่งนั่งสังเกตการณ์อยู่ตรงนั้นตลอดช่วงเช้า

“ค่อนข้างดี”

อาจารย์หวังถอนหายใจ “เป็นเรื่องจริงที่คลื่นลูกหลังซัดสาดคลื่นอีกลูกให้ดันไปข้างหน้า กาลเวลาเปลี่ยนไป ช่างรุ่นเก่า ๆ อย่างพวกเรากำลังจะถูกกลืนหาย เธอเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์จริง ๆ”

ดวงตาของหลินเซี่ยสว่างขึ้น ถามด้วยความคาดหวัง “แล้วคุณมีความคิดเห็นยังไงคะ?”

“ฉันจะกลับไปปรึกษากับภรรยาก่อน”

“อาจารย์หวัง ถ้าอย่างนั้นอย่าลืมกลับไปบอกภรรยาของคุณด้วยนะคะ ว่าฉันยินดีต้อนรับคุณที่นี่ทุกเมื่อ”

อาจารย์หวังพยักหน้าและจากไป

หลังเลิกเรียน เจียงอวี่เฟยก็แวะมาหาหลินเซี่ย วันนี้หล่อนมาพร้อมกับเครื่องสำอาง วิกผม และสิ่งของอื่น ๆ อีกมากมาย เพราะอยากให้หลินเซี่ยช่วยออกแบบลุคใหม่ที่ไม่ซ้ำใครให้กับหล่อนสำหรับการประกวดรอบใหม่ จึงต้องดูผลลัพธ์ให้เห็นกับตาก่อนถึงจะรู้สึกมั่นใจ

“ฉันซื้อชุดราตรีของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ได้ยินมาว่ารอบนี้จะมีการโชว์ชุดราตรีและชุดว่ายน้ำด้วย”

เมื่อชุนฟางเห็นเสื้อผ้าที่เจียงอวี่เฟยหยิบออกมา หล่อนก็ปิดตาทันทีด้วยความอับอาย

หล่อนชำเลืองดูชุดชั้นในแบบวันพีชในมือของเจียงอวี่เฟยผ่านง่ามนิ้วมือ ก่อนจะถามทั้ง ๆ ที่ใบหน้าแดงก่ำว่า “อวี่เฟย เธอ… เธอจะใส่ชุดนี้ขึ้นไปเดินแบบบนเวทีจริง ๆ เหรอ?”

เจียงอวี่เฟยส่ายเสื้อผ้าชิ้นน้อยสีชมพูในมือของตัวเองแล้วตอบว่า “ใช่ สำหรับโชว์ชุดว่ายน้ำไงล่ะ”

ชุนฟางตกตะลึง “พระเจ้าช่วย ถ้าอย่างนั้นมันจะออกมาเป็นยังไง? ไม่เท่ากับเธอขึ้นไปยืนเปลือยเปล่าต่อหน้าคนอื่นหรอกเหรอ? ถ้าแต่งตัวแบบนั้นคงไม่วายถูกลุง ๆ ป้า ๆ ทั้งหลายนินทาและถ่มน้ำลายใส่แน่”

………………………………………………………………………………………………………………………….

แมวสามขา 三脚猫 อุปมาเปรียบกับคนที่ไม่มีความสามารถ เหมือนแมวที่มีสามขาจึงจับหนูไม่ได้

เก็บเมล็ดงาจนเสียเมล็ดแตงโม 捡了芝麻 丢了西瓜 ตัดสินใจพลาดไปเลือกสิ่งเล็กน้อยจนสิ่งใหญ่ ๆ หายไป

สารจากผู้แปล

เธอควรไปพักนะยัยเหมยเน่า ทุกคนดูจะเทเธอหมดเลย ไม่เว้นกระทั่งเสนาธิการหัวสุนัขของเธอด้วย

ชุนฟางยังไม่เห็นชุดบิกินี่ของยุคอนาคตสินะ ถ้าเห็นแล้วมีหวังเป็นลมแน่

ไหหม่า(海馬)

ตอนที่ 254 ผลการสอบสวนของตำรวจ

ตอนที่ 254 ผลการสอบสวนของตำรวจ

ในวันนี้หลินเซี่ยก็ออกไปข้างนอกเช่นกัน

เธอมีนัดดื่มชากับอาจารย์หวัง ซึ่งเป็นช่างตัดผมอาวุโสในร้านตัดผมของรัฐ

แน่นอนว่าจุดประสงค์คือการทาบทามคน

“อาจารย์หวัง เดี๋ยวนี้ร้านตัดผมของฉันมีฐานลูกค้ามั่นคงแล้ว ฉันเลยหวังว่าคุณจะพิจารณาย้ายมาทำงานกับพวกเราน่ะค่ะ”

แม้ว่าหลินเซี่ยจะพูดถึงโอกาสในการพัฒนา รวมถึงทิศทางทางธุรกิจของร้านตัดผมตัวเอง แต่อาจารย์หวังกลับแสดงท่าทางไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด

“เสี่ยวหลิน ฉันยังไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนงานในขณะนี้ ด้วยวัยของฉันแล้ว สิ่งที่ฉันต้องการที่สุดคือความมั่นคง ถ้าฉันไปทำงานที่ร้านของเธอจริง สำหรับฉันแล้วฉันคิดว่าความเสี่ยงค่อนข้างสูง ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันรู้สึกขอบคุณเธอมากเหมือนกันที่ยังระลึกถึงฉันในฐานะอาจารย์ของเธอ”

หลินเซี่ยไม่ร้อนใจ เธอยกถ้วยชาขึ้นจิบ มองหน้าเขาแล้วพูดช้า ๆ

“ฉันรู้ค่ะว่าที่คุณไม่อยากออกมาทำงานที่ร้านตัดผมซึ่งเป็นกิจการส่วนบุคคลเพราะที่ทำงานเก่าของพวกเราถือเป็นงานที่มั่นคงกว่า แต่คุณลองคิดดูดี ๆ นะคะว่าร้านตัดผมของรัฐในทุกวันนี้ยังมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอยู่ไหม?”

อาจารย์หวังลดระดับสายตา สีหน้าของเขามืดมนลง

“คุณแค่รู้สึกมั่นคงเพราะได้รับเงินเดือนขั้นพื้นฐานเท่านั้นเอง ผลประโยชน์อื่น ๆ แทบไม่ได้ มันเพียงพอต่อภาระประจำวันจริง ๆ เหรอ? ฉันจำได้ว่าลูก ๆ ของคุณต่างก็กำลังเรียนอยู่ แถมค่าเล่าเรียนก็ค่อนข้างแพง เร็ว ๆ นี้ฉันได้ยินมาเหมือนกันว่าร้านตัดผมของรัฐไม่ได้จ่ายค่าจ้างมาหลายเดือนแล้ว คุณในตอนนี้คงจะเครียดมากสินะคะ”

คำพูดนี้ของหลินเซี่ยทำให้สีหน้าของอาจารย์หวังมืดมนลงอย่างสิ้นเชิง

“คุณคงเห็นแล้วว่ามีร้านตัดผมและร้านเสริมสวยของเอกชนผุดขึ้นมาตามท้องถนนมากมาย ยุคสมัยกำลังเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ เราไม่สามารถจมอยู่กับอดีตได้ตลอดไป บางทีอาจจะถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว”

หลินเซี่ยรู้สึกว่าสีหน้าของอาจารย์หวังเริ่มผ่อนคลายลง เธอยิ้มและพูดว่า “ชุนฟางเองก็จะได้เลื่อนขึ้นมาเป็นช่างทำผมประจำในเดือนหน้า เดือนแรกหล่อนจะได้รับเงินหนึ่งร้อยหยวน และมีการปรับเพิ่มขึ้นให้ในภายหลัง ฉันคิดค่าแรงตามระบบคอมมิชชั่น ยิ่งบริการลูกค้าเยอะก็ยิ่งมีรายได้เยอะ คุณเป็นช่างมืออาชีพ ไม่จำเป็นต้องฝึกงานอีก หมายความว่าสามารถเริ่มงานใหม่และรับค่าคอมมิชชั่นได้เลย รวมกันแล้วรายได้อาจจะสูงกว่าด้วยซ้ำไป”

“ร้านตัดผมเล็ก ๆ ของเธอสามารถรองรับพนักงานได้ถึงสามคนเชียวเหรอ?” ดูเหมือนอาจารย์หวังจะเริ่มคล้อยตาม และเต็มใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่แล้ว

“พูดตามตรงว่าฉันมีแผนอื่น ที่มาเชิญคุณในวันนี้ก็เพราะอยากให้คุณไปเป็นหัวหน้าช่างตัดผม ไม่จำเป็นต้องสระผมให้ลูกค้าด้วยซ้ำ มีหน้าที่ตัดผมแค่อย่างเดียว ฉันวางแผนว่าจะขยายธุรกิจออกไปเพื่อทำอีกหลาย ๆ แขนง นานวันเข้าระดับกิจการของเราจะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ”

“แค่ตัดผมยังไม่พออีกเหรอ? เธอยังมีแผนจะทำอะไรอีกบ้าง?”

“ฉันอยากให้ร้านเรารองรับการทำผมให้กับเจ้าสาวด้วยค่ะ พร้อมกันนั้นก็จะมีธุรกิจด้านสินค้าความงาม สกินแคร์ และอื่น ๆ เข้ามาขายเสริม คุณอาจจะเห็นว่าหนุ่มสาวสมัยนี้นิยมจัดงานแต่งกันตามสมัยนิยมซึ่งต่างจากเมื่อก่อน ต้องไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งและทำผม ถือเป็นงานใหญ่ ดังนั้นเราควรใช้ประโยชน์จากความจริงที่ว่าอุตสาหกรรมนี้ยังไม่ค่อยแพร่หลายนัก แล้วคว้าโอกาสในการเปิดตลาดอย่างรวดเร็ว คราวนี้เราก็ไม่ต้องกังวลเลยว่าธุรกิจจะซบเซา”

คำพูดของหลินเซี่ยทำให้อาจารย์หวังมองเธอด้วยความชื่นชม “เมื่อก่อนตอนที่เธอยังอยู่ในร้านตัดผม ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอเป็นคนที่มีหัวทางธุรกิจมาก?”

“คนเราสามารถพัฒนาตัวเองได้เสมอค่ะ”

หลินเซี่ยพูดทุกอย่างที่เธอต้องการจะพูดแล้ว จึงวางแผนว่าจะกลับไปที่ร้าน

“คุณจะกลับไปคิดให้รอบคอบอีกครั้งก็ได้นะคะ ตอนนี้ฉันมาทาบทามคุณแค่คนเดียว ยังไม่ได้ตระเวนไปหาช่างคนอื่น ๆ ตามร้านตัดผมของรัฐหลาย ๆ ที่ ถ้าคุณทบทวนแล้วยังไม่เห็นด้วยที่จะมาร่วมงานกัน ฉันค่อยไปเชิญคนอื่นแทนค่ะ”

อาจารย์หวังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ให้เวลาฉันกลับไปคิดสักสองวันแล้วกัน”

หลังจากที่หลินเซี่ยคุยกับอาจารย์หวังเสร็จแล้ว เธอก็กลับไปที่ร้านตัดผม

มีลูกค้ารออยู่ในร้านก่อนแล้ว

พนักงานหญิงจากโรงงานจำนวนมากแวะเวียนมาทำผมในช่วงสุดสัปดาห์ไม่ขาดสาย ล่าสุดหลินเซี่ยก็เพิ่งจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมรูปแบบใหม่

ขณะเดียวกันนั้น เธอก็ซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวหน้าไว้ด้วย

ใครก็ตามที่มาใช้บริการดัดผมกับเธอจะได้รับบริการพิเศษ ซึ่งก็คือการทำทรีตเมนต์ผิวหน้า

จุดประสงค์หลักคือแย่งฐานลูกค้าจากอีกร้านหนึ่ง

แน่นอนว่ายังเป็นการทดสอบน่านน้ำเพื่อเตรียมพร้อมในการขยายขอบเขตธุรกิจในอนาคตอีกด้วย

ขณะหลินเซี่ยกำลังบำรุงผิวหน้าให้กับพี่สาวคนหนึ่ง ทันใดนั้นหลิวกุ้ยอิงก็เดินพรวดพราดเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก

หลินเซี่ยเห็นหลิวกุ้ยอิงดูลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ จึงถามว่า “แม่ ทำไมจู่ ๆ ถึงแวะมาที่นี่เหรอคะ?”

หลิวกุ้ยอิงเห็นว่าหลินเซี่ยกำลังยุ่งและยังมีลูกค้าอยู่ในร้าน หล่อนก็ปรับอารมณ์ให้สงบและยืนนิ่ง “ไม่มีอะไร ลูกไปทำงานของตัวเองต่อเถอะ”

หลังจากที่ลูกค้าออกไปแล้ว หลิวกุ้ยอิงก็ดึงหลินเซี่ยเข้าไปในห้องฉากกั้นด้านหลัง

หลินเซี่ยถามอย่างสับสน “แม่ เกิดอะไรขึ้น?”

“เจ้าหน้าที่ตำรวจมาคุยกับแม่ ได้ยินว่าตำรวจจากพื้นที่บ้านเกิดของเราได้มอบหมายคดีให้ตำรวจในไห่เฉิงช่วยรับช่วงต่อ” หลิวกุ้ยอิงตอบ

“พวกเขาบอกว่ายังไงบ้าง?”

หลิวกุ้ยอิงตอบ “พวกเขาบอกว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นได้รับการสอบสวนอย่างชัดเจนแล้ว หมอที่ทำคลอดให้เด็กเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน แต่ตำรวจตามสืบจนเจอพยาบาลในเวลานั้น จากการสอบปากคำ พวกเขาได้รับการยืนยันว่าลูกถูกเสิ่นเถี่ยจวินอุ้มออกไปจากห้องพักคลอดจริง

“ถึงอย่างนั้นเสิ่นเถี่ยจวินก็ยังปากแข็งไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนตั้งใจสับเปลี่ยนเด็ก เขาบอกว่าเขาไม่มีแรงจูงใจที่จะทำแบบนั้น แค่บังเอิญอุ้มทารกออกมาผิดคน ทั้งยังบอกด้วยว่าเด็กทั้งสองคลอดในเวลาไล่เลี่ยกัน และเวลานั้นพยาบาลก็วางไว้ใกล้กันด้วย เขาแค่เข้าใจผิดเท่านั้น”

ใบหน้าของหลินเซี่ยเข้มขึ้น “อุ้มผิดคนงั้นเหรอ?”

“ใช่” หลิวกุ้ยอิงพูดต่อ “ตำรวจยอมรับคำสารภาพของเขาแล้ว สิ่งที่พวกเขามาคุยกับแม่คือพวกเราทั้งสองฝ่ายควรมาเจรจาตกลงกันเอง ให้เสิ่นเถี่ยจวินขอโทษแม่ และทำให้คดีนี้จบไป”

“แค่ขอโทษเท่านั้นเองเหรอคะ?”

หลิวกุ้ยอิงก็เสียใจเช่นกัน “ใช่แล้ว ตำรวจในไห่เฉิงยังแนะนำแม่อย่างไม่ไยดีด้วยว่าถึงยังไงพวกเราก็เป็นฝ่ายรับผลประโยชน์อยู่แล้ว ซึ่งก็คือการที่ลูกได้รับประโยชน์จากการเติบโตขึ้นในเมือง และทางเสิ่นเถี่ยจวินก็ยินดีที่จะขอโทษ สักวันเราสองฝ่ายคงต้องเผชิญหน้า”

หลิวกุ้ยอิงรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตำรวจพูด ถ้ารู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก หล่อนก็คงอยากให้ลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองอยู่เคียงข้างร่วมทุกข์สุขและฝ่าฟันความยากลำบากในชนบทไปด้วยกันมากกว่าที่ต้องมานั่งเลี้ยงดูลูกสาวคนอื่น

ใบหน้าของหลินเซี่ยดูน่าเกลียดยิ่งกว่าเก่า

ฟังจากที่ตำรวจพูด ดูเหมือนพวกเขาอยากให้พวกเธอไกล่เกลี่ยแล้วจบกันง่าย ๆ

ซึ่งก็จริง ในแง่ของสภาพภายนอก ดูเหมือนว่าพวกเธอสองแม่ลูกจะเอาเปรียบอีกฝ่ายด้วยซ้ำไป

ถึงอย่างไรเธอก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้มายี่สิบปีแล้ว

แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเธออีกเช่นกัน

เพราะมันเป็นความตั้งใจของเสิ่นเถี่ยจวินตั้งแต่แรก

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา เธออาจจะมีฐานะทางสังคมที่ดีกว่าเสิ่นอวี้อิ๋งก้จริง แต่สุดท้ายแล้วผู้คนในครอบครัวนั้นก็ปฏิบัติต่อเธอไม่ต่างจากสนามอารมณ์

ชาติที่แล้ว เสิ่นเถี่ยจวินกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของหลิวกุ้ยอิง จากนั้นก็เสียชีวิตโดยที่ไม่หลงเหลือหลักฐานใด ๆ หลายปีหลังจากนั้นหล่อนก็ตกอยู่ในสภาพต่ำต้อยและจมอยู่กับความรู้สึกผิดตลอดเวลาเพราะถูกพวกเขาข่มขวัญ

พอมาชาตินี้ เสิ่นเถี่ยจวินแค่รับผิดชอบกับความผิดตัวเองโดยกล่าวคำขอโทษง่าย ๆ แล้วปล่อยให้เรื่องจบลงที่เสิ่นอวี้อิ๋งเป็นผู้โชคร้าย และตัวเธอได้เพลิดเพลินไปกับความโชคดีในเมืองนี้เป็นเวลายี่สิบปี

“แม่ ฉันไม่อยากให้แม่ยอมรับการไกล่เกลี่ยกับเขาเลย”

หลิวกุ้ยอิงก็ไม่ต้องการเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ตำรวจบอกว่าแพทย์ในเวลานั้นเสียชีวิตไปแล้ว เหลือเพียงพยาบาลเท่านั้นที่สามารถให้การได้ว่าวันนั้นเสิ่นเถี่ยจวินเป็นคนพาเด็กออกจากห้องคลอดจริง

ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดโดยตั้งใจหรือโดยบังเอิญ มีเพียงเสิ่นเถี่ยจวินเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ชุนฟางก็เข้ามาเรียกหาเธอ โดยบอกว่ามีคนมาตามหา

หลินเซี่ยเดินออกจากฉากกั้น ก่อนเห็นเสิ่นเถี่ยจวินสวมแจ็กเก็ตยืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางน่าเกรงขาม

“เซี่ยเซี่ย” เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินเห็นหลิวกุ้ยอิงอยู่ที่นั่น เขาจึงทักทายว่า “สหายกุ้ยอิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ผมกำลังอยากคุยกับคุณอยู่พอดี”

ขณะที่เขาพูด เขาก็มองไปในทิศทางของชุนฟาง

หลินเซี่ยจึงขอให้ชุนฟางออกไปซื้อของบางอย่างข้างนอก จากนั้นก็ปิดประตูร้าน

เมื่อเผชิญหน้ากับเสิ่นเถี่ยจวิน หลินเซี่ยที่โกรธเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงมีสีหน้าไม่รับแขก เธอมองเสิ่นเถี่ยจวินแล้วพูดว่า “ผู้อำนวยการเสิ่นมีอะไรจะคุยกับพวกเราคะ? หรือตั้งใจมาที่นี่เพื่อขอเจรจากับเรา?”

ทั้งสองฝ่ายเจอหน้ากันครั้งล่าสุดก็คือตอนที่อยู่ในวอร์ดของเสิ่นเสี่ยวเหมย แน่นอนว่าเสิ่นเถี่ยจวินรู้สึกกระดากอายเล็กน้อยเช่นกัน

โดยเฉพาะเมื่อเห็นทัศนคติที่ไม่ดีของหลินเซี่ย เขาก็กระแอมไอเบา ๆ และพยายามปรับอารมณ์ ก่อนจะพูดคุยธุระสำคัญก็ไม่ลืมที่จะขอโทษหลินเซี่ยก่อนว่า “เซี่ยเซี่ย พวกเราผิดเองในเรื่องที่เสิ่นเสี่ยวเหมยหลอกทุกคนว่าตัวเองท้อง ตอนนั้นเราตำหนิเธอไปเพราะไม่รู้ความจริง ต้องขอโทษด้วยที่ฉันไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองในเวลานั้นได้ เธออย่าได้ถือโทษโกรธฉันเลย”

หลินเซี่ยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ชีวิตนี้มีโอกาสได้ยินเสิ่นเถี่ยจวินพูดคุยกับเธออย่างอ่อนโยน เธอยิ้มและพูดว่า “ผู้อำนวยการเสิ่น ปกติคุณก็มักจะตะโกนใส่ฉันและกล่าวหาฉันอย่างไม่ยุติธรรมอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ? เมื่อเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเสิ่นเสี่ยวเหมย พวกคุณสองพ่อลูกชายไม่เคยถามฉันสักครั้งว่าอะไรถูกหรือผิด เอาแต่ดุด่าฉันฝ่ายเดียวอยู่เรื่อย ทำไมครั้งนี้คุณถึงเลือกที่จะขอโทษล่ะ? นี่ไม่สอดคล้องกับบุคลิกของคุณเลยจริง ๆ”

เสิ่นเถี่ยจวินขยับกรอบแว่นตาของเขาอย่างเชื่องช้า “เซี่ยเซี่ย เมื่อก่อนที่ฉันต้องเข้มงวดกับเธอ ก็เพื่อประโยชน์ของตัวเธอเอง”

หลินเซี่ยไม่อยากเห็นคนหน้าซื่อใจคดอย่างเขาเสแสร้งทำเหมือนตัวเองมีเหตุผลอีก เธอชิงพูดขึ้น “เกรงว่าวันนี้ที่คุณมาหาฉันคงไม่ใช่แค่มาเพื่อขอโทษเรื่องเสิ่นเสี่ยวเหมยอย่างเดียวแน่ มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะค่ะ ฉันยังมีลูกค้าที่ต้องต้อนรับ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

คนตระกูลเสิ่นนี่มันรอดจากดงบาทามาได้ไงหว่า นิสัยแย่กันทั้งตระกูลขนาดนั้น

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ? เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท