ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 281 ถ้าบอกไปได้ดิ้นตายแน่

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 281 ถ้าบอกไปได้ดิ้นตายแน่

ตอนที่ 281 ถ้าบอกไปได้ดิ้นตายแน่

งานวันเกิดผู้เฒ่าเซี่ยตรงกับวันเสาร์ ซึ่งหู่จือไม่ได้ไปโรงเรียน เมื่อได้ยินว่ากำลังจะได้ไปงานเลี้ยง เด็กชายก็ลุกขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้าและกระโดดโลดเต้นไปมา ไม่ต้องพูดเลยว่าเขามีความสุขแค่ไหน

หลินเซี่ยสั่งกระเป๋าบรรจุเสื้อผ้าหรูหราเป็นพิเศษจากห้างสรรพสินค้า เพื่อใช้ใส่เสื้อตัวใหม่ที่เธอตัดเย็บให้กับผู้เฒ่าเซี่ย

ทางด้านเฉินเจียเหอและเซี่ยไห่เองก็เตรียมของขวัญอย่างพิถีพิถัน

เซี่ยไห่ขับรถพาสามพ่อแม่ลูกเฉินเจียเหอและครอบครัวเฉินไปที่บ้านผู้เฒ่าเซี่ย

ผู้เฒ่าเฉินกับผู้เฒ่าเซี่ยเป็นเพื่อนเก่ากัน ซึ่งผู้เฒ่าเซี่ยได้เชิญเขาล่วงหน้าไว้แล้ว วันนี้ผู้เฒ่าเฉินเลยมาร่วมงานด้วย

เมื่อพวกเขามาถึง ก็มีแขกมากมายจนเต็มบ้านแล้ว

ในสายตาของหลินเซี่ย ทุกคนล้วนเป็นคนรู้จัก

เดิมทีเซี่ยตงต้องการจัดงานที่โรงแรม แต่ผู้เฒ่าเซี่ยไม่เห็นด้วย ในฐานะครูที่มีลูกศิษย์มากมาย จึงต้องใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและประหยัด เขาไม่ลืมว่าตัวเองมีลูกศิษย์อยู่ทุกหนทุกแห่ง

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่อยากเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่ลูกศิษย์ลูกหา

ผู้เฒ่าเซี่ยปฏิเสธที่จะสร้างความยุ่งยากทั้งหมด เพราะแขกส่วนใหญ่ที่มาฉลองวันเกิดของเขาล้วนเป็นญาติและเพื่อนฝูง รวมถึงลูกศิษย์บางคนที่ยังติดต่อกับเขาเป็นประจำ

ผู้เฒ่าเซี่ยสวมชุดถังจวง นั่งอย่างสง่างามอยู่บนเก้าอี้ โดยมีเซี่ยหลานและเสิ่นอวี้อิ๋งนั่งอยู่ข้าง ๆ ฉากนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่น บ่งบอกถึงครอบครัวที่มีความสุข

ผู้เฒ่าเสิ่นและเสิ่นเสี่ยวเหมยก็อยู่ที่นี่ด้วย

เมื่อเห็นเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยพาหู่จือเดินเข้ามา การแสดงออกของตระกูลเสิ่นก็ดูแข็งทื่อทันที

ต่างจากตระกูลเซี่ยที่ยิ้มแย้มยินดีมากเมื่อเห็นเซี่ยไห่มาถึงหน้าประตูบ้าน เซี่ยตงทักทายเขาด้วยรอยยิ้มและสีหน้ายินดี

เซี่ยตงต้องการรับกล่องของขวัญจากมือเซี่ยไห่ แต่เซี่ยไห่กลับหลีกเลี่ยงด้วยท่าทางหยิ่งผยอง

เซี่ยตงชักมือกลับอย่างเก้อเขิน เฉินเจียเหอที่รู้งานดีจึงนำของที่ตัวเองเตรียมมายื่นให้กับมือเซี่ยตงแทน

เมื่อหลินเซี่ยเห็นเซี่ยตง จึงทักทายและเรียกเขาว่าน้า และให้หู่จือเรียกเขาว่าลุงอย่างสุภาพ

ก่อนหน้านี้เธอกลัวว่าตระกูลเสิ่นจะคิดว่าเธอไม่มีความเหมาะสม และคนอื่นจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวตนของเธอในฐานะลูกสาวของผู้อำนวยการโรงงาน จึงต้องคำเรียกตามความเคยชินของตัวเองเสียใหม่ กระทั่งกับคุณตาซึ่งเธอสนิทสนมมากที่สุด เธอก็มักจะเรียกเขาว่าผู้เฒ่าเซี่ยอย่างสุภาพและให้ความเคารพ

ตอนแรกเธอคิดจะยอมปล่อยวาง แต่ตระกูลเสิ่นกลับเอาแต่กัดไม่ยอมปล่อย ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธที่จะยอมแพ้

วันนี้เธอจะต้องเอาคืนพวกเขาให้ตายกันไปข้าง

เมื่อหลินเซี่ยเรียกเขาว่าน้า เซี่ยตงก็ตอบรับอย่างมีความสุข

ก่อนที่เขาจะมองไปทางเฉินเจียเหอแล้วหยอกล้อว่า “นายก็ควรเรียกฉันเหมือนกับเซี่ยเซี่ยจริงไหม?”

เฉินเจียเหอ “ได้ครับน้า”

เซี่ยตงยืนโซเซทันที “…”

เมื่อเซี่ยไห่เห็นว่าเฉินเจียเหอเชื่อฟังคำพูดของอีกฝ่ายและเอ่ยปากเรียกอย่างนุ่มนวล เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยตงจะให้เรียกอย่างไรก็ได้หมด ดวงตาของเขาพลันสว่างวาบ รีบเข้ามาและพูดว่า “ฉันล่ะ แล้วฉันล่ะ”

เขาหันไปหาเฉินเจียเหออย่างคาดหวัง และพูดว่า “นายก็ควรเรียกฉันตามเซี่ยเซี่ยด้วยนะ”

เฉินเจียเหอมองเขาอย่างเฉยเมยและตอบกลับ “ไปไหนก็ไป”

เซี่ยตงมองพวกเขาสักพัก ก่อนมองไปทางเซี่ยไห่อย่างสงสัย “นายหมายความว่าไง? ให้เขาเรียกตามเซี่ยเซี่ย แล้วจะให้เขาเรียกนายว่าอะไร?”

เซี่ยไห่ยืดหลังตรงและลูบเส้นผมที่แต่งทรงด้วยเจลเงาขลับอย่างหรูหรา “ถ้าบอกไปนายได้ดิ้นตายแน่”

เซี่ยตง “อย่ามาพูดให้ปอดแหกไปหน่อยเลย”

เซี่ยไห่เพิกเฉยต่อคำพูดเขา แล้วเดินเข้าไปพร้อมกับของขวัญที่เลือกมาอย่างดี

หลินเซี่ยจับมือหู่จือและพาเดินเข้าไปหาผู้เฒ่าเซี่ยด้วยรอยยิ้ม

เมื่อผู้เฒ่าเซี่ยเห็นพวกเขา เขาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาก หลังจากทักทายเซี่ยไห่แล้วก็โบกมือให้หลินเซี่ยและหู่จือทันที “เซี่ยเซี่ย พาเด็กมานี่เร็ว”

เนื่องจากเขารู้ที่มาที่ไปของหู่จือดี ชายชราคนนี้จึงปฏิบัติต่อหู่จือดีเป็นพิเศษ มอบความเอ็นดูให้อย่างเต็มที่

การปรากฏตัวของเซี่ยเซี่ยกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในงานทันที

ญาติฝั่งตระกูลเสิ่นและตระกูลเซี่ยต่างเห็นการเติบโตของหลินเซี่ยมาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ตัวตนของเธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอก็ยังอุตส่าห์มาร่วมอวยพรวันเกิดให้กับผู้เฒ่าเซี่ย ถือว่ายังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตาม คนที่รู้เรื่องราวทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางผู้เฒ่าเสิ่น เสิ่นเสี่ยวเหมย และคนอื่นด้วยสีหน้าแฝงนัยยะบางอย่าง

สิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลเสิ่นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ถูกเผยแพร่ออกไปภายนอกอย่างกว้างขวาง

แน่นอน เมื่อผู้เฒ่าเสิ่นเห็นหลินเซี่ย สีหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที

หลินเซี่ยพาหู่จือเดินเข้าไปหาผู้เฒ่าเซี่ย ทั้งสองอวยพรวันเกิดให้เขาด้วยเสียงดังฟังชัด “สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณตา ขอให้คุณมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนนานค่ะ”

หู่จือก็รู้ความเช่นเดียวกัน และเขาก็ไม่มีความตื่นเวทีเลย เขาพูดคำมงคลด้วยน้ำเสียงที่คมชัดว่า “คุณตา ผมขอให้คุณตามีอายุยืนยาวกว่าภูเขาทางใต้ และขอให้มีความสุขเหมือนทะเลตะวันออก”

“เฮ้ ฟังคำอวยพรของเด็กคนนี้ซิ” ผู้เฒ่าเซี่ยยิ้มกว้างพร้อมกับดึงหู่จือเข้ามาในอ้อมแขน

“คุณตา นี่เป็นเสื้อผ้าที่ฉันตั้งใจตัดให้โดยเฉพาะเลยค่ะ ฉันรู้ว่าคุณตาชอบใส่ชุดถังจวง เลยตัดชุดตามไซส์ก่อนหน้านี้ของคุณตา”

หลินเซี่ยหยิบเสื้อถังจวงสีน้ำเงินกรมท่าที่ตัดเองออกมาจากกระเป๋า

เมื่อผู้เฒ่าเซี่ยได้ยินว่าหลินเซี่ยตัดชุดด้วยตัวเอง จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“มา ฉันขอลองใส่หน่อย”

เขาไม่รีรอ รับเสื้อมาแล้วนำมาลองสวมทับเสื้อถังจวงที่ตัวเองสวมอยู่แล้ว

จากนั้นก็ลองยกแขนขึ้นแล้วหมุนตัวกลับไปกลับมา

“ไม่เลวเลย พอดีตัวฉันมาก”

เขามองไปยังหลินเซี่ยด้วยความชื่นชมและเหลือเชื่อ “แม่สาวน้อยคนนี้ เธอเก่งมากจริง ๆ ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอมีความสามารถขนาดนี้?”

แตงขมลูกนี้กลับกลายเป็นแตงหวานตั้งแต่เธอออกไปจากตระกูลเสิ่น

เซี่ยหลานและเสิ่นอวี้อิ๋งยืนอยู่ข้างหลังผู้เฒ่าเซี่ย เซี่ยหลานรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเสื้อฝีมือประณีตที่หลินเซี่ยลงมือตัดเย็บด้วยตัวเอง

ส่วนเสิ่นอวี้อิ๋งกัดริมฝีปาก ร่องรอยของความอิจฉาแวบขึ้นมาในแววตา

พ่อแม่ของหล่อนเอาแต่บอกว่าพวกเขาไม่เคยสอนเรื่องอะไรพวกนี้ให้หลินเซี่ย ถ้าไม่ได้สอน แล้วหล่อนจะมีความสามารถขนาดนี้ได้อย่างไร?

หลินเซี่ยแสดงความโล่งใจเมื่อเห็นว่าเสื้อตัวนี้เข้ากับผู้เฒ่าเซี่ยได้อย่างพอดี

หลินเซี่ยมองผู้เฒ่าเซี่ย ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณตา ฉันเปลี่ยนแปลงตัวเองหลังจากแต่งงานค่ะ เป็นเพราะเฉินเจียเหอคอยสอนอะไรให้ฉันมากมาย ตอนนี้ถึงได้มีทักษะรอบด้านไม่เหมือนเมื่อก่อน”

“ฉันจะใส่เสื้อที่เธอเอามาให้เดี๋ยวนี้เลย ฉันชอบใส่ชุดพวกนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว” ผู้เฒ่าเซี่ยลุกขึ้น เดินเข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

ทุกคนเห็นว่าผู้เฒ่าเซี่ยชื่นชมหลินเซี่ยอย่างออกหน้าออกตา ถึงขั้นอดใจรอไม่ไหวที่จะสวมเสื้อผ้าที่เธอตัดให้เองกับมือ แววตาของพวกเขาจึงเต็มไปด้วยความสงสัยเมื่อมองไปทางหลินเซี่ย

ทันทีที่ผู้เฒ่าเซี่ยออกไป หลินเซี่ยก็เข้าไปทักทายเซี่ยหลาน แน่นอนว่าวันนี้เธอไม่ได้เรียกเซี่ยหลานว่าหมอเซี่ย แต่เรียกว่า…

“แม่คะ”

เซี่ยหลานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยังคงตอบกลับ “อืม”

หลังจากหลินเซี่ยทักทาย เธอก็เหลือบมองไปทางเสิ่นอวี้อิ๋งราวกับกำลังยั่วยุ

เสิ่นอวี้อิ๋งรักษาท่าทางเป็นดอกบัวขาวแสนบริสุทธิ์และไม่เป็นพิษเป็นกับใครมาโดยตลอด ท่ามกลางสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ ต่อให้หล่อนจะไม่มีความสุขแค่ไหน แต่ก็ยังต้องรักษาบุคลิกใจกว้างเอาไว้

หล่อนมองไปทางเสิ่นเสี่ยวเหมยด้วยสีหน้าชวนน่าสงสาร ราวกับจะร้องไห้

แน่นอนว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยทนไม่ได้ที่หลานสาวถูกรังแก จึงพูดออกไปว่า “นังคนไร้ยางอาย”

หลินเซี่ยหัวเราะเบา ๆ “ฉันน่ะเหรอไร้ยางอาย? ฉันไร้ยางอายยังไงมิทราบ? เพราะฉันเปิดโปงเรื่องที่เธอเข้าใจผิดว่าเลือดประจำเดือนเป็นเลือดแท้งงั้นเหรอ? หรือเพราะตัวเองถูกครอบครัวสามีถีบหัวส่ง? หรือเป็นเพราะผู้อำนวยการโรงงานลูกพี่ลูกน้องของเธอดันไปกร่างวางอำนาจใส่ชาวบ้าน จนคนในโรงงานไม่พอใจ แล้วเธอก็ถูกไล่ออกหรือเปล่า?”

“แก…”

หลินเซี่ยพูดจาเฉียบคม จนเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่มีทางโต้แย้งได้สักประโยค

ท้ายสุดแล้ว ทุกประโยคของหลินเซี่ยล้วนถูกต้องตามจริงทุกอย่าง ทำให้หล่อนไม่สามารถงัดอะไรมาเถียงได้

แขกบางคนเริ่มกระซิบกระซาบเกี่ยวกับเรื่องตั้งท้องจอมปลอมของเสิ่นเสี่ยวเหมยกันแล้ว

ผู้เฒ่าเสิ่นไม่สามารถนิ่งเฉยได้ กลัวว่าหลินเซี่ยจะพูดสิ่งที่ทำให้หลานเสียหน้าอีกครั้ง จึงตำหนิไปว่า “นังเด็กเลว อย่ามาทำตัวก้าวร้าวแถวนี้นะ คนอย่างเธอมันไม่มีการศึกษาด้วยซ้ำ”

“แล้วเสิ่นเสี่ยวเหมยมีการศึกษาดีไปกว่าฉันตรงไหน?” หลินเซี่ยเยาะเย้ย “ผู้เฒ่าเสิ่นคะ ฉันรู้ดีว่าหล่อนเป็นหลานสาวคุณ แต่คนที่ไม่รู้จักคงคิดว่าหล่อนเป็นลูกสาวนอกสมรสของคุณมากกว่า คุณเลี้ยงดูหล่อนมาโดยที่ไม่รู้จักสั่งสอนให้แยกแยะผิดชอบชั่วดี แถมตอนนี้คุณก็ยังปกป้องหล่อนอย่างไร้สมองอีก กลัวว่าหล่อนจะไม่เป็นภาระของสังคมหรือไง? หรือคุณมีความคับแค้นอะไรส่วนตัวกับพ่อแม่ของเสิ่นเสี่ยวเหมยกันแน่?”

“นังปีศาจ ขืนยังพูดเรื่องไร้สาระอีก ฉันจะทุบเธอให้ตายเดี๋ยวนี้แหละ” ผู้เฒ่าเสิ่นยกไม้เท้าขึ้นสูง

เซี่ยไห่และเฉินเจียเหอเดินออกมาปกป้องข้างหน้าเธอพร้อมกัน

แม้แต่เด็กน้อยอย่างหู่จือยังยืนเชิดอก เงยหน้าเล็ก ๆ ขึ้นแล้วพูดด้วยความโกรธ “คุณตาไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายแม่ของผมนะ”

สีหน้าของผู้เฒ่าเสิ่นซีดเผือด จากนั้นเขาก็ได้แต่ด่าทอสาปแช่งอีกฝ่าย จนผู้เฒ่าเซี่ยเดินออกมาพอดี

ผู้เฒ่าเซี่ยสวมชุดถังจวงตัวใหม่ แม้เขาจะอายุเจ็ดสิบปีแล้ว แต่ยังมีรูปร่างสมส่วน และมีความสง่างามในแบบฉบับของนักวิชาการ ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเต็มตื้นยินดี

ผู้เฒ่าเสิ่นไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลั้นหายใจไว้เฮือกใหญ่

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เซี่ยเซี่ยก็ช่างปั่นไม่แพ้กันนะเนี่ย แถมปั่นได้ถูกจุดด้วย ทำเอาพวกตระกูลเสิ่นเต้นผางกันหมด

ไหหม่า(海馬)

ตอนที่ 276 รูปถ่ายของแฟนเก่า

ตอนที่ 276 รูปถ่ายของแฟนเก่า

“หล่อนคงเห็นว่าช่วงนี้เราค่อนข้างจะสนิทกัน ด้านหนึ่งหล่อนคงอยากรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเรา ในทางกลับกันหล่อนก็กำลังหาทางที่จะใกล้ชิดกับคุณมากขึ้นโดยสร้างความสัมพันธ์กับฉันก่อน คุณเข้าใจหรือยังว่าหล่อนหวังจะจับคุณ? นั่นน่ะดอกบัวขาวระดับตัวแม่เลยนะ”

เซี่ยไห่ดูกระตุกเล็กน้อย ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเธอนัก “จริงเหรอ? แค่คุณถังดูอายุน้อยกว่าฉันมาก นอกจากนี้หล่อนยังเป็นผู้หญิงที่ยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง อายุยังน้อย แต่มีทรัพยากรทางการเงินที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างโลกได้ด้วยมือตัวเองด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้เลยที่หล่อนจะมาสนใจตาลุงวัยกลางคนอย่างฉัน”

หลินจินซานเคยพูดเรื่องนี้กับเขาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เซี่ยไห่ไม่เคยสนใจเรื่องนี้มาก่อน

สำหรับเขาแล้ว ถังหลิงก็แค่อยากเอาชนะใจผู้คน เพื่อที่หล่อนจะได้ทำธุรกิจอย่างราบรื่น

หลินเซี่ยมองเซี่ยไห่ด้วยความเอือมระอา ไม่คิดว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่ตามืดบอดขนาดนี้

นอกจากนี้ เซี่ยไห่ยังแสดงออกว่าไม่มั่นใจในตัวเอง คงคิดว่าถังหลิงกำลังดูถูกตัวเองอยู่สินะ?

“ผู้หญิงที่ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองงั้นเหรอ เงินทั้งหมดที่หล่อนมีก็เอามาสร้างฉากบังหน้าหมดแล้วไงล่ะ คุณคิดเหรอว่าคนอย่างหล่อนน่ะหาเงินได้ด้วยตัวเองจริง ๆ?”

เซี่ยไห่เงยหน้าขึ้นและถามว่า “ถ้าเธอไม่ได้หามาด้วยตัวเองแล้วจะไปปล้นใครเขามาล่ะ?”

“คุณพูดถูก” หลินเซี่ยพูดอย่างใจเย็น “หล่อนขโมยมาจากสามีเก่า”

ใบหน้าของเซี่ยไห่บิดเบี้ยวด้วยความตกใจ “เธอว่าอะไรนะ? สามีเก่า? หล่อนเป็นสาวโสดที่ยังไม่เคยผ่านการแต่งงานไม่ใช่เหรอ? แล้วจะไปเอาสามีเก่ามาจากไหน? อย่าแพร่ข่าวลือสุ่มสี่สุ่มห้านะ”

“ถ้าฉันบอกว่าหล่อนเคยมีลูกแล้วด้วยซ้ำ คุณไม่ยิ่งช็อกกว่านี้เหรอ?”

เซี่ยไห่มองว่าคำพูดของหลินเซี่ยเป็นแค่เรื่องเสียดสีเท่านั้น

“คุณคิดว่าฉันล้อเล่นหรือไง? หล่อนอายุน้อยกว่าเฉินเจียเหอแค่ปีเดียว หมายความว่าอีกไม่นานอายุก็เข้าเลขสามแล้ว การแต่งงานและมีลูกสำหรับผู้หญิงวัยเดียวกันกับหล่อนมันน่าแปลกตรงไหน?”

เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาว และสิ่งที่เธอพูดก็ฟังดูจริงจังมาก สีหน้าของเซี่ยไห่ก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นอยากรู้อยากเห็น “เธอพูดจริงไหม?”

“จริงแท้แน่นอน”

“แล้วตอนนี้สามีเก่ากับลูกของหล่อนอยู่ไหนล่ะ?” เซี่ยไห่ถามอย่างสงสัย

ยังไม่ทันที่หลินเซี่ยจะเล่าเรื่องเสื่อมทรามทางศีลธรรมของถังหลิงให้เขาฟัง หลินจินซานและเฉียนต้าเฉิงก็รีบวิ่งเข้ามา

“พวกเราล้างฟิล์มภาพแล้ว”

หลินจินซานเดินเข้ามา จากนั้นก็ยื่นซองจดหมายให้หลินเซี่ย

หลินเซี่ยรีบเปิดออกแล้วหยิบรูปถ่ายทั้งหมดออกมา

เซี่ยไห่ก็เดินมาดูอยู่ข้าง ๆ

ผู้ชายในภาพสวมหมวก หันหน้ามาทางกล้องพอดี เพียงแต่มองไม่เห็นใบหน้าเต็ม ๆ แต่เมื่อดูจากลักษณะรูปร่างของเขาแล้ว ดูเหมือนเขาเป็นชายหนุ่มวัยรุ่นเท่านั้นเอง

เซี่ยไห่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้นไม่ชัด แถมรูปร่างของเขายังไม่ละม้ายคล้ายคลึงกับเสิ่นเถี่ยจวินเลยแม้แต่น้อย เขาบ่นกับหลินจินซานและคนอื่น ๆ ว่า “พวกนายถ่ายรูปอะไรกันมา ไม่เห็นหน้าคนเลย แล้วใครจะไปจำเขาได้?”

หลินจินซานอธิบายอย่างขมขื่น “หัวหน้าครับ ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ท่าเดียวแบบนี้โดยไม่หันกลับมาเลย พวกเราไม่กล้าขยับเข้าใกล้จนเกินไป ไม่อย่างนั้นจะถูกจับได้”

“ใช่แล้ว ผู้ชายคนนี้ฉลาดแกมโกง ถ้ามีอาวุธในมือขึ้นมาทำไง”

“อย่าเอาแต่หาข้อแก้ตัว พวกนายแค่ทำงานที่ฉันมอบหมายไม่ได้”

“หลิวจื้อหมิง”

ขณะที่เซี่ยไห่กำลังวิพากษ์วิจารณ์พวกเขา หลินเซี่ยก็พูดขึ้นทันที

หลังจากเซี่ยไห่ได้ยินสิ่งที่หลินเซี่ยพูดพึมพำ เขาก็หยุดหันไปดุหลินจินซานและเฉียนต้าเฉิงทันที มองไปทางหลินเซี่ยแล้วถามอย่างสงสัย “เซี่ยเซี่ย หลิวจื้อหมิงคือใคร?”

ก่อนที่หลินเซี่ยจะพูดอะไร หลินจินซานก็ยกมือขึ้นแล้วตอบว่า “ผมรู้ ผมรู้ หลิวจื้อหมิงเป็นแฟนเก่าของเซี่ยเซี่ย”

“อะไรอีกล่ะเนี่ย?” เซี่ยไห่มองหลินเซี่ยด้วยความตกใจ “แฟนเก่า? ก่อนจะมาคบกับเจียเหอ เธอเคยคบคนอื่นมาแล้วเหรอ?”

หลินเซี่ยมองสบตาที่เต็มไปด้วยความฉงนของเซี่ยไห่ และพยักหน้า “มีสิ คุณไม่รู้เรื่องนี้เหรอ?”

“เธอยังอายุไม่เท่าไหร่เลย มีแฟนเก่าซะแล้ว”

เซี่ยไห่มองไปที่ชายในภาพอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มแสดงความคิดเห็นว่า “ดูเหมือนว่าไอ้หนุ่มนี่จะสูงประมาณ 170 เซนติเมตร แต่งตัวเหมือนลูกกระจ๊อก ผอมชะลูด แถมยังยืนหลังค่อมหน่อย ๆ ถ้าให้เดาก็น่าจะเป็นไก่อ่อนจอมขี้ขลาด ดูจากใบหน้าด้านข้าง เห็นชัดเลยว่าโครงหน้าไม่มีความเป็นสามมิติ ออร่าหรือก็ไม่ได้ดีเด่ไปกว่าเจียเหอ สมควรแล้วล่ะที่เธอจะเลิกกับไอ้หมอนี่ไปซะ”

หลินเซี่ย “!!!”

หลินเซี่ยเชิดคางขึ้น แล้วเตือนอย่างอดทนว่า “เถ้าแก่เซี่ย เรากำลังตามสืบเรื่องร้ายแรงกันอยู่นะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยไห่ก็กระแอมไอเบา ๆ และเปลี่ยนเรื่อง

“ถ้าอย่างนั้น แฟนเก่าของเธอทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?”

หลินเซี่ยเหลือบมองผู้ชายในภาพด้วยใบหน้าสีเข้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ

“แรงจูงใจของเขาคืออะไร? หรือเพราะเธอแต่งงานกับเฉินเจียเหอ เขาก็เลยไม่พอใจ และหาทางแก้แค้นงั้นเหรอ?”

เซี่ยไห่หรี่ตาลง จดจ่ออยู่กับการวิเคราะห์ของตัวเอง “แล้วเขาจะเอาความแค้นไปลงกับพี่อิงจื่อให้มันได้อะไรขึ้นมา? ทำไมไม่ไปจ้างคนมาหาเรื่องเธอที่ร้านตัดผมแทนล่ะ?”

หลินเซี่ย “!!!”

ทันใดนั้น เซี่ยไห่ก็กระแทกรูปถ่ายลงบนโต๊ะและสาปแช่งว่า “ไอ้หมอนี่มันโง่มาก สิ่งที่เขาทำลงไปไม่มีความเป็นผู้ชายเลยสักนิด ถ้าเขาคิดว่าตัวเองมีความสามารถมาก ก็มาแข่งขันกับเฉินเจียเหออย่างเปิดเผยสิวะ”

“หยุดเดาเดี๋ยวนี้เลย” หลินเซี่ยโพล่งขึ้น “เขาไม่ได้เป็นแค่แฟนเก่าของฉันเท่านั้น แต่ยังเป็นแฟนคนปัจจุบันของเสิ่นอวี้อิ๋งอีกด้วย แถมยังมีสถานะเป็นมือขวาของเสิ่นเถี่ยจวิน ทีนี้คุณเข้าใจสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกหรือยัง?”

เมื่อเซี่ยไห่ได้ยินชื่อของเสิ่นเถี่ยจวิน สีหน้าของเขาก็กลับมาจริงจังทันที “ดังนั้น…”

หลินเซี่ยพูดกับหลินจินซานและเฉียนต้าเฉิง “พี่ชาย พี่กับพี่เฉิงขึ้นไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ พวกพี่ยังต้องลงมาทำงานตอนเย็น”

“ได้ ถ้ามีเรื่องอะไรก็มาเรียกพวกเรานะ”

ทันทีที่ทั้งสองกลับขึ้นไปพักบนห้อง เซี่ยไห่ก็ลูบคางของเขาแล้วพูดว่า “ดังนั้น คนที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังยายป้าคนนั้นก็น่าจะเกี่ยวข้องกับเสิ่นเถี่ยจวิน แฟนเก่าของเธอคงตามจีบใครก็ตามที่เป็นลูกสาวของผู้อำนวยการโรงงาน พอได้รับมอบหมายงานก็เลยจ้างคนมาใส่ร้ายพี่อิงจื่อ เพราะถ้าเป็นเวลาปกติ เขาควรอยู่ห่างจากเธอให้ไกล”

หลินเซี่ยเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของเซี่ยไห่

ถ้าคนในรูปเป็นเสิ่นเสี่ยวเหมยหรือเสิ่นอวี้อิ๋ง การทำแบบนี้อาจเป็นแค่พฤติกรรมส่วนตัวของพวกหล่อน

แต่คนในรูปกลับกลายเป็นหลิวจื้อหมิง ซึ่งน่าสนใจมาก

หลิวจื้อหมิงทำทุกวิถีทางเพื่อตัดความสัมพันธ์กับเธอ จากนั้นก็หันไปสร้างความประทับใจที่ดีให้กับเสิ่นอวี้อิ๋ง แม้กระทั่งตอนอยู่ที่ทำงานก็ยังเป็นผู้ช่วยมือขวาของเสิ่นเถี่ยจวินอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่น่าจะทำลงไปเพราะเหตุผลส่วนตัวอย่างแน่นอน เขาเป็นแค่ลูกกระจ๊อกเท่านั้น

เซี่ยไห่ถามเธอ “เซี่ยเซี่ย เธอจะทำยังไงต่อไป?”

“ต่อให้พวกเราจะบุกไปหาหลิวจื้อหมิงตอนนี้เลย แต่เขาต้องไม่ยอมรับแน่ว่าตัวเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

เวลานี้หลินเซี่ยมีสติและสงบสติอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เธอบอกว่า “เราต้องรอผลการตรวจสอบจากกรมอาหารและยาก่อน เพื่อพิสูจน์ว่าอาหารบนรถเข็นไม่มีปัญหาอะไร นอกจากนี้ต้นเหตุยังอยู่ในโรงพยาบาล เพราะฉะนั้นมาเริ่มจากหญิงชรากันก่อน สมาชิกในครอบครัวอาจคิดผลักไสหล่อนให้ออกไปหาเงิน หรือแม้แต่ให้หล่อนสละชีวิตเพื่อเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา”

“ใช่ เราควรเริ่มจากหลาย ๆ ด้านพร้อมกัน” เซี่ยไห่พูดกับเธอต่อไป “ฉันจะส่งคนไปสืบเรื่องส่วนตัวของลูกชายป้าคนนั้น ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งนัดเจอกับแฟนเก่าของเธอมา หมายความว่าเราสามารถหาหลักฐานการสมรู้ร่วมคิดระหว่างพวกเขาได้ไม่ยาก รอให้เจียเหอกลับมาตอนเย็น ฉันจะพาเจิ้งอวี่กับเหล่าฟางไปช่วยกันเค้นความจริงจากเขา ได้เรื่องเมื่อไหร่ก็จะพยายามหาทางแก้ไขโดยเร็ว ขืนใช้เวลานานเกินไป เกิดหลักฐานถูกทำลายแล้วยายป้าตายขึ้นมา เรื่องจะยิ่งไปกันใหญ่”

ลูกชายของหญิงชราไม่น่าจะเป็นลูกที่ดี เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เขาถึงกับยอมผลักไสผู้เป็นแม่วัยเจ็ดสิบออกไปรับเคราะห์ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าพวกเขานั้นไร้หัวใจ

เซี่ยไห่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในช่วงเวลาคับขัน ทำให้หลินเซี่ยรู้สึกปลอดภัยมากจริง ๆ

เธอมองไปที่เซี่ยไห่ และพูดอย่างจริงใจว่า “เถ้าแก่เซี่ย ขอบคุณมากนะคะ”

“ขอบคุณอะไรกัน? เราทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน”

เซี่ยไห่พูดอย่างไม่ใส่ใจ ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้ามองหลินเซี่ย และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าเธออยากขอบคุณฉันจริง ๆ ละก็ ช่วยเปลี่ยนคำเรียกมาเรียกฉันว่าอารองแทนสิ”

หลินเซี่ยรู้สึกกระดากอายเมื่อได้ยินเขาร้องขออย่างตรงไปตรงมา

เมื่อเห็นสายตาที่เปี่ยมความคาดหวังของเซี่ยไห่ เธอก็ไม่อยากทำให้เขาเสียน้ำใจ เพียงแต่คำว่าอารองกลับจุกคาอยู่ตรงลำคอ ไม่สามารถเปล่งออกมาได้

หลินเซี่ยหลีกเลี่ยงการจ้องมองแล้วแกล้งไอเบา ๆ “คุณแต่งตัวจ๊าบเกินไป ดูเด็กกว่าเฉินเจียเหอซะอีก ฉันทำใจเรียกคุณแบบนั้นไม่ได้จริง ๆ ไว้ครั้งต่อไปถ้าคุณแต่งตัวเชยกว่านี้ฉันอาจจะสะดวกใจมากขึ้น”

เซี่ยไห่ก้มหน้าลงมองไปที่เสื้อเชิ้ตลายดอกและสูทขาวที่เขาสวมอยู่ จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ยังเรียบเนียนของตัวเอง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มรู้สึกรำคาญตัวเองที่มักจะทำตัวเป็นวัยรุ่นและทันสมัย

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อ่าา ในเมื่อรูปการณ์ออกมาแบบนี้แสดงว่าไม่เสิ่นคนพ่อก็เสิ่นคนลูกนี่แหละเป็นคนบงการ

พี่ไห่เริ่มอยากทำตัวแก่เหรอคะ กลัวหลานสาวไม่เรียกว่าอารองขนาดนั้นเลย?

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ? เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท