ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 291 อวี้อิ๋งคิดถึงคุณมาก

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 291 อวี้อิ๋งคิดถึงคุณมาก

ตอนที่ 291 อวี้อิ๋งคิดถึงคุณมาก

แน่นอนว่าการโกหกครั้งหนึ่งต้องมีการโกหกนับล้านครั้งจึงจะจบเรื่อง

เธอเพียงต้องการจะพิสูจน์ว่าความรู้ด้านกลไกต่าง ๆ ของตัวได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก

“ทำไมใจแคบขนาดนี้นะ?”

หลินเซี่ยปริปากเอ่ยอย่างโกรธ ๆ “คุณมีเวลาที่จะมาหึงกัน แทนที่คุณไปหาถังจวิ้นเฟิงแล้วถามหลิวจื้อหมิงยอมสารภาพเรื่องเสิ่นเถี่ยจวินแล้วหรือยังเนี่ยนะ”

เฉินเจียเหอทำตัวราวกับผู้หญิงที่กำลังแค้นเคือง จากปกติที่คอยตอบรับเธอทุกอย่าง มาตอนนี้กลับไม่กระตือรือร้นแต่อย่างใด

“คุยกับคุณแล้วนี่ว่าหากหลิวจื้อหมิงไม่สารภาพ เราก็ปล่อยให้เขาอยู่ข้างในให้นานขึ้นหน่อย แล้วค่อยให้ออกมาอีกครั้งเมื่อสภาพอากาศข้างนอกเปลี่ยนแปลงไป”

“เปลี่ยนวันไหนล่ะ?” เฉินเจียเหอถามอย่างสงสัย

“เสิ่นเถี่ยจวินกับหลิวจื้อหมิงสมรู้ร่วมคิดกันมานานแล้ว โดยการใช้วัสดุคุณภาพต่ำในการผลิต แอบลดทอนวัสดุออกโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพเพื่อจะกินสินบน หากเกิดปัญหากับคุณภาพการผลิต พวกเขาจะตำหนิรองผู้อำนวยการเจียง เสิ่นเถี่ยจวินในตอนนี้เหมือนถูกตัดแขนไปสองข้าง เสิ่นเสี่ยวเหมยซึ่งรับผิดชอบด้านการเงินขณะนี้อยู่ในสถานะพักงาน ซ้ำยังสูญเสียผู้ช่วยคนสำคัญไปอีก ตราบใดที่ทำให้รองผู้อำนวยการเจียงมีแรงจูงใจมากขึ้น เขาจะเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาอย่างแน่นอน ดังนั้นในเวลานี้พวกเขายังเล่นสกปรกลับหลังคุณแม่ของฉันอยู่ เหมือนชนเข้ากับปลายกระบอกปืน”

แน่นอนว่าหากไม่รนหาที่ตายย่อมไม่ต้องตาย เดิมทีเธอกังวลว่าจะหาโอกาสจัดการเก็บกวาดพวกเขาไม่ได้ ทว่าพวกเขากลับยื่นมือไปสวมกุญแจมือด้วยตนเองเสียอย่างนั้น

เฉินเจียเหอไม่คิดว่าจะมีความลับดำมืดเช่นนี้ในโรงงานยานยนต์ ใบหน้าของเขาพลันเคร่งขรึมขึ้น และเอ่ยหลินเซี่ยว่า “พรุ่งนี้เช้าผมจะไปสอบถามข้อมูล”

………

หลังจากเสิ่นเถี่ยจวินออกมาจากบ้านตระกูลเซี่ย ก่อนที่จะได้กลับบ้าน เขาต้องไปยังสถานีตำรวจเพื่อพบหลิวจื้อหมิง

ขณะนี้หลิวจื้อหมิงนั้นถูกควบคุมตัวเอาไว้ ส่วนเสิ่นเถี่ยจวินเองถูกภรรยาของหวังเฉียงกล่าวหา ทำให้จิตใจของเขาว้าวุ่นไม่น้อย

แต่ในขณะเดียวกัน เขาไม่เชื่อว่าหลิวจื้อหมิงจะโง่พอที่จะสารภาพ

ยิ่งไปกว่านั้น ตำรวจก็ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ และเขาเดาว่าภรรยาของหวังเฉียงถูกพวกหลินเซี่ยข่มขู่และหลอกใช้ ด้วยจงใจก่อความวุ่นวายที่บ้านตระกูลเซี่ยเพื่อทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง

ดีจริง พวกเขาบรรลุผล เซี่ยหลานต้องหย่ากับเขา แน่นอนว่าเรื่องนี้จะแพร่สะพัดไปทั่วโรงงานเครื่องจักรในวันพรุ่งนี้ ใบหน้าของเขาแทบจะต้องมุดดินอยู่แล้ว

แต่เรื่องพวกนี้ไม่ได้สำคัญเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่สามารถเข้าไปได้ แม้ว่าจะแค่ถูกเรียกตัวมาสอบสวนก็ไม่ได้

เนื่องจากเรื่องที่แอบสลับตัวเด็กในตอนนั้น ตำรวจจึงวิ่งโร่ไปยังโรงงานเพื่อตามหาเขาอยู่หลายครั้งมาช่วงระยะหนึ่ง ซ้ำยังมีข่าวลือแพร่ออกไปแล้ว

คดีก่อนหน้านี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา หากเขาต้องคดีอีก เกรงว่าตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงานก็จะไม่อาจรักษาเอาไว้ได้

เขาจึงฝากฝังคนรู้จักให้ไปพบหลิวจื้อหมิงซึ่งถูกควบคุมตัวเอาไว้

ในที่สุด หลิวจื้อหมิงก็ได้พบกับคนของเสิ่นเถี่ยจวิน เขาเอ่ยอย่างร้อนใจว่า “ผู้อำนวยการเสิ่น ผมจะได้ออกไปเมื่อไหร่? คุณรีบคิดหาทางโดยด่วน ผมอยู่ที่นี่จนตัวจะขึ้นราไปหมดแล้ว”

“คุณพูดอะไรกับพวกเขาไปบ้าง?” เสิ่นเถี่ยจวินซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเขา หรี่ตาลงเล็กน้อย และเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัย

หลิวจื้อหมิงกล่าวว่า “ผมไม่ได้พูดอะไรเลย”

“ภรรยาของหวังเฉียงวิ่งโร่ไปเอะอะโวยวายที่บ้านตระกูลเซี่ย บอกว่าคุณได้รับคำสั่งจากผม มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?” เสิ่นเถี่ยจวินจ้องตาของหลิวจื้อหมิงแล้วเอ่ยถาม

หลิวจื้อหมิงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมไม่ได้พูดถึงเลย”

“จริงเหรอ?”

“จริงแท้แน่นอน คุณลุงเสิ่น ผมรอให้คุณมาพาผมออกไปนะ ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้น”

ใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินผ่อนคลายลง เขาเอ่ยตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดี”

“รอข่าวจากผม แล้วผมจะประกันตัวคุณออกไปโดยเร็วที่สุด”

เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินพูดจบ ดวงตาของเขาก็กลอกไปมาเล็กน้อย ก่อนจะเข้ามาใกล้หลิวจื้อหมิง และปริปากเอ่ย

“อวี้อิ๋งคิดถึงคุณมาก”

“เดิมทีวันนี้หล่อนก็จะมาที่นี่ เผอิญเกิดเรื่องขึ้นที่บ้านตระกูลเซี่ยก่อน อารมณ์ของหล่อนจึงไม่ค่อยดีนัก ฉันเองก็เกรงว่าหล่อนจะเสียใจหากมาเห็นคุณในสภาพแบบนี้ เลยบอกให้หล่อนพักผ่อนที่บ้าน”

หลิวจื้อหมิงรีบออกปาก “อย่าปล่อยให้หล่อนมาในที่แบบนี้เลยครับ”

ในเวลานี้ เสิ่นเถี่ยจวินมองตาของชายหนุ่มอยู่นานราวกับว่าพ่อตากำลังสำรวจตรวจสอบลูกเขยในอนาคต ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อคุณกลับไป ก็ไปบอกกล่าวครอบครัวว่าช่วงวันหยุดฤดูร้อนสามารถหมั้นกันไว้ก่อนได้ และเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกัน ผมจะสามารถฝึกอบรมคุณให้ดีได้โดยชอบด้วยเหตุผล ในอนาคตหากคุณทำอะไร ผู้คนจะได้เห็นแก่หน้าบาง ๆ ของผมนี้บ้าง”

ทันใดนั้นดวงตาของหลิวจื้อหมิงพลันเป็นปรกาย เขาพูดอย่างดีอกดีใจว่า “ขอบคุณครับคุณลุงเสิ่น”

เสิ่นเถี่ยจวินกลับจากสถานกักกันมาถึงบ้าน

เสิ่นอวี้อิ๋งตอนนี้อาศัยกับผู้เฒ่าเสิ่น เสิ่นเถี่ยจวินจึงไปหาหล่อนที่นั่น

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่บ้านตระกูลเซี่ย ผู้เฒ่าเสิ่นจึงมีอารมณ์บูดบึ้งมาจนถึงตอนนี้

เขาไม่เคยถูกตบหน้าอย่างดูหมิ่นเหยียดหยามในที่สาธารณะเช่นนี้มาก่อน

เซี่ยตงยังไล่ให้เขาไปให้พ้นอีกด้วย!

มาไล่ให้เขาไปให้พ้นได้อย่างไร?

อารมณ์ของชายชรานั้นฉุนเฉียวอย่างยิ่ง ปริปากก่นด่าอยู่ตลอดเวลา เสิ่นเสี่ยวเหมยและเสิ่นอวี้อิ๋งเองก็ไม่สามารถกลืนความโกรธไปได้เช่นกัน

เสิ่นอวี้อิ๋งร้องไห้ตั้งแต่กลับถึงบ้านเพราะพ่อแม่ของหล่อนกำลังจะหย่าร้าง

ส่วนเสิ่นเสี่ยวเหมยนั้นต้องคอยปลอบชายชรา ทั้งยังต้องเกลี้ยกล่อมเสิ่นอวี้อิ๋ง

ปากของหล่อนยังคงก่นด่าสาปแช่งหลินเซี่ย

เมื่อหล่อนเอ่ยถึงหลินเซี่ยขึ้นมา ก็เหมือนกับการเทน้ำมันลงบนกองไฟ ทั้งผู้เฒ่าเสิ่นและเสิ่นอวี้อิ๋งต่างยิ่งโกรธมากขึ้น

“ดูซิ เธอนะเธอทำแต่เรื่องดี ๆ”

ในทันใดนั้น เสิ่นเถี่ยจวินเดินเข้ามาพอดี ทว่าผู้เฒ่าเสิ่นนั้นโกรธมากจนเขวี้ยงชามใส่เสิ่นเถี่ยจวิน

เขารู้จักลูกชายของตัวเองดี และเมื่อหลินเซี่ยบอกว่าเป็นเสิ่นเถี่ยจวินที่จงใจแอบสลับตัวเด็กในตอนนั้น นี่จึงเป็นเรื่องที่มีแนวโน้มจะจริงสูง

ผู้เฒ่าเสิ่นรู้ซึ้งถึงพฤติกรรมของเสิ่นเถี่ยจวินเป็นอย่างดี ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่สงสัยว่าคนรักของตนกำลังมีความสัมพันธ์กับชายอื่น อีกทั้งลูกยังคลอดก่อนกำหนด หากเป็นตัวเขาเอง ก็คงมีความคิดที่สับสนวุ่นวายเช่นกัน

แต่สิ่งที่ปรมาจารย์เสิ่นเกลียดก็คือหลายปีที่ผ่านมานี้ ลูกชายผู้โง่เขลาของเขาปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นคนนอก ปิดบังซ่อนเร้นเรื่องนี้เอาไว้

หากบอกกล่าวตั้งแต่เนิ่น ๆ เรื่องราวคงไม่ดำเนินมาถึงจุดนี้

เสิ่นเถี่ยจวินเหลือบมองเหลือบมองเสิ่นอวี้อิ๋งอย่างอับอาย ก่อนจะมองไปยังชายชราพลางเอ่ยบ่น น้ำเสียงของเขามีติดตำหนิอยู่เล็ก ๆ “พ่อครับ อย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลของเด็กสารเลวนั่นเลย”

ชายชรานั่นเริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลานี้เขาไม่คิดหาวิธีที่ระงับอารมณ์ของหลานสาว ซ้ำยังต้องการเติมเชื้อไฟลงกองเพลิงด้วย

เสิ่นเถี่ยจวินเดินไปหาเสิ่นอวี้อิ๋งและอธิบายอย่างจริงจังว่า “อวี้อิ๋ง ลูกต้องเชื่อพ่อ พ่อไม่ใช่คนแบบนั้น พ่อไม่เคยสงสัยในตัวแม่ของลูก สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุ ในเวลานั้นโรงพยาบาลสุขภาพมีสภาพซอมซ่อ ทั้งยังโกลาหลวุ่นวาย มีผู้หญิงตั้งครรภ์หลายคนที่มาคลอดพร้อม ๆ กัน ส่วนเด็กทารกก็นอนอยู่ข้าง ๆ พ่อเองต้องดูแลแม่ของลูกด้วย พ่อยุ่งวุ่นวายจนอุ้มเด็กผิดคน พ่อยอมรับว่าเป็นความประมาทเลิ่นเล่อของตัวเอง แต่จะมาบอกว่าพ่อตั้งใจไม่ได้ นี่ถือเป็นการสร้างความอัปยศอดสูให้ตัวพ่อ”

เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ประโยคสุดท้ายนั้นเสิ่นเถี่ยจวินแทบจะคำรามออกมา

ก่อนที่เสิ่นอวี้อิ๋งจะได้เอื้อนเอ่ย เสิ่นเสี่ยวเหมยก็เป็นฝ่ายประกาศจุดยืนของหล่อนก่อน

“พี่ชาย ฉันเชื่อคุณค่ะ หลินเซี่ยผู้หญิงสารเลวนั่น เพื่อแก้แค้นครอบครัวของเรา หล่อนคงพูดจาพิเรนทร์เหลวไหลอะไรก็ได้ทั้งนั้น หล่อนทำลายชีวิตคู่ของฉัน มาตอนนี้ยังทำให้พี่สะใภ้หย่ากับพี่อีก หล่อนพยายามทำให้ครอบครัวของเราบ้านแตกสาแหรกขาดแล้วนั่นแหละถึงจะหยุด”

เสิ่นเสี่ยวเหมยเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อคววามไม่เป็นธรรม ใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินเองก็บูดเบี้ยว

เขาเอ่ยกับเสิ่นอวี้อิ๋งอย่างอ่อนโยน “เอาล่ะ ไม่ต้องเศร้าเสียใจไป”

“ไปเก็บข้าวของแล้วกลับบ้านกับพ่อ พรุ่งนี้ยังต้องไปโรงเรียน ตอนเช้าพ่อจะไปส่ง”

เสิ่นอวี้อิ๋งจึงกลับไปที่ห้องของตนเพื่อจัดกระเป๋านักเรียน

ทันทีที่หล่อนออกไป เสิ่นเถี่ยจวินก็เอ่ยกับผู้เฒ่าเสิ่น “พ่อครับ ระวังคำพูดต่อหน้าหลานด้วย”

ผู้เฒ่าเสิ่นจ้องเขม็งไปยังเสิ่นเถี่ยจวินก่อนจะทอดถอนหายใจ

“แกนะแก คิดว่าพ่อไม่รู้จักแกหรือไง”

“ถ้าเซี่ยหลานจะหย่ากับแก จะส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานของแกไหม?” สิ่งที่ผู้เฒ่าเสิ่นกังวลที่สุดในเวลานี้คือจะรักษาตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงานของเสิ่นเถี่ยจวินไว้ได้หรือไม่

เสิ่นเถี่ยจวินครั้งหนึ่งเคยต้องคดี ต่อมายังมีเรื่องหย่าร้างอีก ปัญหาส่วนตัวยังจัดการได้ไม่ดี เกรงว่าตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงานก็ยากจะรับประกัน

ใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินพลันเขียวครึ้ม น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “พ่อครับ ผมจะไม่หย่ากับหล่อน”

“ตอนนี้เป็นเรื่องของว่าแกจะยอมหรือไม่ยอมหย่าหรือไงกัน?”

ผู้เฒ่าเสิ่นเตือนเขาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว “อย่างไรก็ตาม ฉันมีเพียงคำขอเดียวสำหรับแก คือไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงในหน้าที่การงานของแก”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

จะได้เหรอ บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะพวกเอ็ง คิดว่าตัวเองมีอำนาจเหนือกฎหมายขนาดนั้นเชียว?

ไหหม่า(海馬)

ตอนที่ 286 การหย่าร้าง

ตอนที่ 286 การหย่าร้าง

ทันทีที่เสิ่นอวี้อิ๋งอาเจียน เสิ่นเสี่ยวเหมยก็เข้ามาลูบแผ่นหลังหล่อนอย่างรวดเร็ว เดิมทีเซี่ยหลานรู้สึกเสียใจกับหล่อนและอยากช่วยดูแล แต่เมื่อเห็นว่าหล่อนสบายดีขึ้นแล้ว จึงไม่ได้เข้าไปหา

“อวี้อิ๋ง กลับบ้านกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้เธอยังต้องไปเรียนอีกนะ” เสิ่นเสี่ยวเหมยโน้มน้าว

เสิ่นเถี่ยจวินถูกเซี่ยตงต่อยจนหน้าช้ำ แต่เขาคงยังไม่ยอมจากไป พยายามอธิบายให้เซี่ยหลานเข้าใจ

เขาเคยสงสัยในตัวเซี่ยหลานมาก่อน แต่เมื่อตรวจสอบความเป็นพ่อลูกกับเสิ่นอวี้อิ๋ง และพบว่าหล่อนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง แถมยังเพิ่งรู้ว่าเซี่ยเหลยเคยมีความสัมพันธ์กับใครบางคนในตอนนั้นและมีลูกด้วยกัน เขาก็รู้สึกผิดต่อเซี่ยหลานมากขึ้นไปอีก

ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่ควรสงสัยหล่อนเลยจริง ๆ

สุดท้ายก็ทำหินหล่นทับเท้าตัวเอง

ในตอนนี้เขาจึงต้องการชดเชยความเสียใจของเซี่ยหลานที่ต้องทนทุกข์ทรมานตลอดหลายปีที่ผ่านมา

เซี่ยหลานมองเสิ่นเถี่ยจวินด้วยสายตาเฉยเมย และพูดว่า “เสิ่นเถี่ยจวิน คุณรอฉันติดต่อไปอีกที ระหว่างนี้ก็เตรียมเอกสารให้พร้อมสำหรับการหย่าของเราด้วย”

“เสี่ยวหลาน คุณ…” เสิ่นเถี่ยจวินก้าวไปข้างหน้า พยายามเกลี้ยกล่อมหล่อน “เสี่ยวหลาน ได้โปรดฟังผมอธิบายก่อน ผมไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ”

เซี่ยหลานไม่ให้โอกาสเขาได้พูด หล่อนสบตาเขาอย่างไร้ความรู้สึกใด ๆ “ฉันรอวันนี้มานานแล้ว”

หลายปีที่ผ่านมา หล่อนรู้มาโดยตลอดว่าผู้เฒ่าเสิ่นและเสิ่นเถี่ยจวินไม่มีความเชื่อใจหล่อนในฐานะสะใภ้เลย นอกจากปฏิบัติต่อหล่อนไม่ดีแล้ว ยังปฏิบัติต่อหลินเซี่ยอย่างห่างเหิน

เพื่อเห็นแก่หน้าทั้งสองตระกูล หล่อนจึงยอมทนตลอดมา

พ่อของหล่อนเป็นอาจารย์อาวุโสที่น่านับถือ ส่วนแม่เป็นคนจริงจังและตรงไปตรงมา ตอนนั้นหล่อนยังเด็กและซื่อตรง เพื่อสิ่งที่เรียกว่าความรักแล้วจึงไม่เชื่อฟังพวกเขาและเดินทางไปต่างอำเภอตามลำพัง ทำให้พ่อแม่เป็นกังวลเป็นอย่างยิ่ง

แต่หล่อนเป็นคนเลือกเสิ่นเถี่ยจวินเอง ดังนั้น ไม่ว่าชีวิตของตัวเองจะย่ำแย่แค่ไหน หล่อนก็ไม่เคยคิดเรื่องการหย่าร้างเลย

ต่อมาเมื่อลูกชายพวกเขาได้รับบาดเจ็บจนอยู่ในสภาพไม่ต่างจากผัก ความกังวลทั้งหมดก็ตกอยู่ที่ลูกชายเพียงคนเดียว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ๆ

หล่อนไม่รู้ว่าเสิ่นเถี่ยจวินมีความคิดที่จะหย่าร้างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหรือเปล่า รู้แค่ว่าพ่อสามีของเธอรักชื่อเสียงหน้าตาตัวเองยิ่งกว่าอะไร แม้เขามักจะเหน็บแนมและดูถูกเหยียดหยามหล่อนที่บ้าน แต่พออยู่ข้างนอกกลับสรรเสริญหล่อนจนแทบลอยขึ้นสวรรค์

เวลานี้ เมื่อหล่อนรู้ว่าเสิ่นเถี่ยจวินเป็นคนสับเปลี่ยนลูกของหล่อนกับลูกคนอื่น เพราะสงสัยว่าหล่อนท้องกับชู้ หัวใจของหล่อนก็ถึงขั้นแหลกสลาย

เหตุการณ์นี้เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้หล่อนอยากแตกหักกับเขา

ทั้งยังทำให้หล่อนกล้าหย่าร้างอีกด้วย

หล่อนพูดกับเสิ่นเถี่ยจวินอีกว่า “ฉันจะดูแลลูกชายเอง ไม่ให้คุณต้องเดือดร้อนอะไร”

เซี่ยหลานตอนนี้มีท่าทางเด็ดขาด จากนั้นเซี่ยตงก็เข้ามาไล่พวกเขาออกไป “ได้ยินที่พี่สาวฉันพูดชัดเจนแล้วหรือยัง? กลับไปเตรียมเอกสารหย่าร้างซะ แล้วพาครอบครัวนายออกไปจากที่นี่ด้วย”

เซี่ยตงไม่เพียงมีทัศนคติย่ำแย่ต่อเสิ่นเถี่ยจวินเท่านั้น แต่ยังมีความคิดด้านลบต่อผู้เฒ่าเสิ่นและเสิ่นเสี่ยวเหมยอีกด้วย

เมื่อคานบนไม่ตรง คานล่างก็ย่อมบิดเบี้ยวตาม

ละครเรื่องล่าสุดที่ครอบครัวนี้เป็นคนสร้างขึ้น ทุกคนต่างรู้เช่นเห็นชาติกันหมดแล้ว

เขารู้สึกอับอายเสมอที่มีครอบครัวฝั่งเขยเลวทรามแบบนี้ ทันทีที่พี่สาวของเขาออกปากพูดว่าจะหย่า เซี่ยตงจึงสนับสนุนหล่อนอย่างเต็มที่

ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลเซี่ยไม่พูดอะไร

เสิ่นเถี่ยจวินยังไม่ยอมออกไป และยังคงพยายามอธิบายให้เซี่ยหลานฟัง

เซี่ยตงจึงปรี่เข้ามาและผลักเขาจนกระเด็น

ผู้เฒ่าเสิ่นและเสิ่นเสี่ยวเหมยช่วยกันพยุงเสิ่นอวี้อิ๋งขึ้น ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไป

เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินและคนอื่นเดินผ่านหน้าหลินเซี่ย ทั้งหมดก็มองไปที่หลินเซี่ยด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว

แต่หลินเซี่ยยิ้มให้อย่างไม่แยแส และทำเป็นไม่สนใจ

ในเมื่อเซี่ยหลานต้องการหย่ากับเสิ่นเถี่ยจวิน จากนี้ไปเธอจึงไม่จำเป็นต้องสนใจความรู้สึกของเซี่ยหลานแล้ว สามารถแตกหักกับคนพวกนี้โดยไม่ต้องมีความเกรงใจใด ๆ อีก

คราวนี้หลิวจื้อหมิงรับผิดแทนเสิ่นเถี่ยจวิน คนอย่างเขาไม่มีทางซัดทอดมาถึงเสิ่นเถี่ยจวินง่าย ๆ

แต่ถ้าเสิ่นเถี่ยจวินไม่ได้เป็นผู้อำนวยการโรงงานเครื่องจักรอีกต่อไปแล้ว หลิวจื้อหมิงจะยังปกป้องเขาอยู่หรือเปล่า?

หลังออกมาแล้ว เสิ่นเถี่ยจวินและผู้เฒ่าเสิ่นก็เดินนำหน้าไป ในขณะที่เสิ่นเสี่ยวเหมยกำลังสาปแช่งอยู่ข้างหลัง “พี่สะใภ้ใจร้ายเกินไปแล้ว สุดท้ายก็เชื่อเรื่องโกหกของคนนอกพวกนั้น พวกเราอธิบายให้ฟังแทบตายว่ามันก็แค่ความประมาทเลินเล่อชั่ววูบ ทำไมถึงไม่ยอมเข้าใจ”

“อวี้อิ๋ง ฉันคิดว่าตระกูลเซี่ยคงไม่เอาเธอไว้แล้ว แต่ไม่ต้องเสียใจหรอก ถึงพ่อแม่จะหย่าร้างกัน แต่เธอก็ยังมีพวกเราอยู่ ตระกูลเสิ่นจะคอยสนับสนุนเธอต่อจากนี้เอง”

แค่คำแรก น้ำตาของเสิ่นอวี้อิ๋งก็ร่วงหล่นอีกครั้ง

“ทั้งหมดเป็นความผิดของนังเด็กคนนั้น ฉันรู้ว่านังหลินเซี่ยมีเจตนาไม่ดี หลังออกจากบ้านเราไปคงฝังความแค้นจนคับอก และเก็บกดมันเอาไว้ตลอด จนวันนี้ในที่สุดหล่อนก็ได้แสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมา หล่อนจงใจทำให้พวกเราต้องอับอายต่อหน้าคนทั้งบ้าน หนำซ้ำยังทำลายชื่อเสียงครอบครัวเราอย่างไม่มีชิ้นดี”

เสิ่นเสี่ยวเหมยเติมเชื้อไฟมากขึ้น ทำให้สีหน้าผู้เฒ่าเสิ่นบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด

พวกเขาไม่ชอบหลินเซี่ยมานานแล้ว และตอนนี้ก็ยิ่งเกลียดเธอมากขึ้นไปอีก

เสิ่นอวี้อิ๋งถามผู้เฒ่าเสิ่นว่า “คุณปู่ เซี่ยเหลยที่พวกนั้นพูดถึงเป็นใคร? คุณปู่รู้จักเขาไหมคะ?”

“วีรบุรุษสงครามคนหนึ่ง”

แม้พวกเขาไม่ต้องการยอมรับมัน แต่คนคนนั้นก็เสียสละตัวเองเพื่อปกป้องครอบครัวและประเทศชาติ ซึ่งพวกเขาไม่ได้ข่าวคราวอีกฝ่ายเลยหลังได้รับความช่วยเหลือ จนตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะได้ยินมาว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่แต่พิการ

ดวงตาของเสิ่นอวี้อิ๋งเต็มไปด้วยความคับแค้นใจหลังได้ยินสิ่งที่ผู้เฒ่าเสิ่นพูด

จริงด้วย นี่เหมือนกับตอนที่หล่อนแอบได้ยินการพูดคุยระหว่างหลินต้าฝูและหมอแผนจีนเย่ทุกประการ

ที่แท้พ่อผู้ให้กำเนิดของหลินเซี่ยก็เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่จริง ๆ

เซี่ยไห่ซึ่งเป็นเถ้าแก่ใหญ่ ตอนนี้กลับกลายเป็นอาของหลินเซี่ย

ฟังจากที่พวกเขาพูดกันมา พี่สาวของเซี่ยไห่ยังเป็นดาราดังอีก

เสิ่นอวี้อิ๋งทั้งรู้สึกอิจฉาและเดือดดาลอยู่ในใจ

ทำไมหลินเซี่ยถึงได้รับสิ่งดี ๆ ไปเสียหมด?

ในช่วงยี่สิบปีแรก หล่อนอาศัยอยู่ในชนบทและมีชีวิตที่ยากลำบาก จนตระกูลเสิ่นมาพบหล่อนและส่งหลินเซี่ยกลับไปอยู่บ้านนอกแทน ทว่าชีวิตของหลินเซี่ยกลับพลิกผันและได้แต่งงานกับเฉินเจียเหอแล้วกลับมาที่ไห่เฉิงอีกครั้ง

ภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือน หลินเซี่ยไม่เพียงอัปเปหิเสิ่นเสี่ยวเหมยออกไปจากตระกูลเฉินได้สำเร็จเท่านั้น แต่ยังได้พบกับพ่อแท้ ๆ ของตัวเองด้วย สถานะของครอบครัวนี้อยู่ในระดับที่สูงส่งมาก

ในทางกลับกัน พ่อแม่ของหล่อนกลับกำลังจะหย่าร้างกัน และตายายรวมถึงน้าของหล่อนก็ยังไม่อยากเจอหน้าหล่อนอีก

แม้หล่อนจะพาตัวเองออกมาจากบ้านนอกได้ ก็ยังหนีชะตากรรมบ้านแตกไม่พ้น

ต่อให้ผู้เฒ่าเสิ่นจะเป็นปู่โดยสายเลือดของหล่อน แต่เห็นได้ชัดว่าในหัวใจของชายชราคนนี้ เสิ่นเสี่ยวเหมยคือหลานสาวของเขาซึ่งมีความสำคัญเป็นอันดับแรก

จู่ ๆ เสิ่นอวี้อิ๋งก็รู้สึกไม่มั่นคงขึ้นมา

ราวกับหล่อนถูกพระเจ้าทอดทิ้ง และตามหลังหลินเซี่ยอยู่หนึ่งก้าวในทุกเรื่อง

หลังจากที่ตัวตนของพวกเธอสลับกัน ในเมื่อชีวิตของหล่อนไม่ได้ดีเท่ากับหลินเซี่ย แล้วตระกูลเสิ่นจะได้ประโยชน์อะไรถ้ายังเก็บหล่อนไว้?

ถ้าหล่อนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเซี่ยเหลยจากปากหลิวกุ้ยอิงตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในชนบท หล่อนคงจะชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีข้อเสียให้ดีกว่านี้ ก่อนจะตัดสินใจย้ายมาอยู่กับตระกูลเสิ่น

สิ่งที่ทำให้หล่อนรำคาญใจมากที่สุดคือเฉินเจียเหอเองก็อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับหล่อนมานาน แต่หล่อนกลับฟังพวกผู้หญิงช่างพูดในหมู่บ้านมากเกินไป เมื่อพวกหล่อนพูดกันว่าครอบครัวของเขานิสัยไม่ดี หล่อนจึงพยายามหลีกเลี่ยงเขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

พอนึกย้อนกลับไปก็ให้รู้สึกเสียดายไม่น้อย

คงดีไม่น้อยถ้าหล่อนได้ย้อนเวลากลับไปรับโอกาสนั้นอีกครั้ง

เสิ่นเสี่ยวเหมยยังคงบ่นรำพันด้วยอารมณ์เดือดจัด “หลินเซี่ย รอฉันก่อนเถอะ ฉันไม่มีวันปล่อยให้หล่อนมารังแกครอบครัวของฉันแค่ฝ่ายเดียวแน่ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างหล่อนมันไม่มีจุดอ่อน ไม่ช้าก็เร็ว เฉินเจียเหอจะต้องหย่ากับหล่อน”

เสิ่นอวี้อิ๋งเดินตามหลัง ดวงตากระตุกเล็กน้อย ขณะฟังคำสาปแช่งของเสิ่นเสี่ยวเหมย

ฉันต้องทำให้เฉินเจียเหอหย่ากับหลินเซี่ย…

แต่จะทำให้เฉินเจียเหอเกลียดหลินเซี่ยและหย่ากับเธออย่างไรดี?

แสงจ้าพลันแวบผ่านแววตาของหล่อน

เสิ่นอวี้อิ๋งจับแขนเสิ่นเสี่ยวเหมยแล้วพูดว่า “พี่สาว ตอนนี้พี่เป็นคนเดียวเลยนะที่ยังดีกับฉันอยู่”

เสิ่นเสี่ยวเหมยรู้สึกดีกับการที่ตัวเองกลายเป็นคนที่พึ่งพาได้ “ไม่ต้องกังวลนะ พวกเราอยู่นี่แล้ว จะไม่มีใครกล้ารังแกเธออีก”

จากนั้นหล่อนก็ถามเสิ่นอวี้อิ๋งด้วยความกังวลว่า “เมื่อกี้เธอรู้สึกคลื่นไส้เหรอ สบายดีหรือเปล่า?”

เสิ่นอวี้อิ๋งส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ อาหารที่บ้านตระกูลเซี่ยมันเยิ้มไปหน่อย แถมเมื่อกี้ฉันต้องรับแรงกดดันอีก ก็เลยรู้สึกไม่สบายท้องนิดหน่อย”

“กลับไปเดี๋ยวฉันจะบอกให้แม่บ้านทำอาหารเบา ๆ ให้เธอแล้วกัน”

“ขอบคุณค่ะพี่”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เซี่ยเซี่ยเตรียมตรึงกำลังไว้ให้ดีนะคะ ตระกูลหมาบ้านี่ดูท่าจะไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่

จะทำให้เซี่ยเซี่ยหย่ากับพี่เหอ? จัดการเรื่องคาวๆ ของตัวเองให้รอดก่อนเหอะยัยอวี้อิ๋งเอ๊ย ได้ยินว่าเจิ้งต้าหมิงยังกัดเธอไม่ปล่อยอยู่ไม่ใช่เหรอ ไหนจะอาการคลื่นไส้เมื่อกี้อีก ไม่ใช่ว่ามารหัวขนมาเกิดแล้วนะ?

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ? เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท