ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 309 ฉ้อโกงเงินแสนจากคนอื่น

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 309 ฉ้อโกงเงินแสนจากคนอื่น

ตอนที่ 309 ฉ้อโกงเงินแสนจากคนอื่น

หญิงชราร้องไห้ออกมาก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงขื่นขม “สามีของฉันตายเพราะเจ็บป่วยเมื่อปีที่แล้ว เขาต้องตายเพราะทำงานหนักเกินกำลัง เวลานี้ในครอบครัวของเราเหลือแค่เด็กและคนพิการ ซึ่งเงินบำนาญอันน้อยนิดของฉันคนเดียวไม่พอที่จะเลี้ยงดูเราทั้งหมด”

“ถังหลิง หากไม่ใช่เพราะเราถูกแกบีบบังคับให้สิ้นหวัง พวกเราคงไม่มาหาแกที่นี่ เด็กต้องไปโรงเรียน และลูกชายของฉันต้องกินยา ขาของฉันก็ไม่แข็งแรง และเราต้องการเงินเพื่อใช้ชีวิตต่อไป”

หญิงชราเริ่มมีอารมณ์คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเล่าเรื่อง สายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังจ้องมองถังหลิง “แล้วที่กังจื่อของฉันต้องประสบอุบัติเหตุมันไม่ใช่เพราะแกงั้นเหรอ? ที่วันนั้นแกเกิดอยากกินมันเผาขึ้นมากลางดึก เขาที่กำลังเมาเหล้าต้องยอมออกไปซื้อให้แกจนกระทั่งรถชน ทำให้วันนั้นเป็นวันที่ครอบครัวของพวกเราพังทลาย!”

หญิงชรากำลังร้องไห้ เด็กชายเห็นว่าย่าของตนร้องไห้ออกมาจึงกล่าวเสียงหวานใส “ย่า อย่าร้องไห้ครับ”

ทันทีที่เด็กกล่าวออกมาอย่างไร้เดียงสา คนรอบตัวถึงกับต้องปาดน้ำตาอย่างช่วยไม่ได้

หญิงชราบางคนเริ่มสาปแช่งออกมาเพราะทนไม่ไหว

“ถังหลิง คุณยังมีความเป็นคนอยู่ไหม? ถึงคุณจะหย่าร้างแล้ว แต่กลับสูบเงินจากพวกเขามาตั้งมากมาย เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง แล้วคุณดูสิว่าลูกชายของคุณผอมแห้งขนาดไหน?”

“ใช่ น่าเสียดายที่พวกเราต้องเป็นเพื่อนบ้านของหญิงใจร้ายอย่างคุณ”

“ไร้ยางอายสิ้นดี”

หญิงชราและเด็กชายเริ่มร้องไห้ ส่วนชายบนรถเข็นเผยสีหน้าหม่นหมอง ดวงตาของเขาจ้องมองถังหลิงอย่างว่างเปล่า ตลอดเวลาเขาไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

เวลานี้ไม่รู้ใครเป็นคนโยนเศษผักเน่าใส่ศีรษะของถังหลิงอย่างแม่นยำ

ถังหลิงพยายามดึงผักเน่าออกจากร่างกายและคิดหลบหนีออกจากที่แห่งนี้ แต่เพราะถูกปิดกั้นจากฝูงชนแน่นหนา หล่อนจึงไม่สามารถขยับตัวไปทางไหนได้เลย

หล่อนมองชายบนรถเข็นก่อนจะตะโกนเสียงเย็นชา “เว่ยหย่งกัง พวกคุณต้องการอะไร บอกฉันมา!”

ชายบนรถเข็นไม่ยอมพูด ยังคงกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดหลังมือปูดโปนออกมา แววตานั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าอย่างถึงที่สุด

ชายรอบตัวเข้าใจความรู้สึกของเขาทันที ทุกคนตระหนักได้ว่าผู้ชายคนนี้รักถังหลิงอย่างแท้จริง

และเมื่อก่อนเคยรักมากเท่าไร เวลานี้เขาก็กำลังเจ็บปวดมากเท่านั้น

หญิงชราเป็นคนตอบกลับเสียงแข็ง “คืนทรัพย์สินทั้งหมดที่เอาไปจากบ้านของเรามาซะ กังจื่อต้องใช้เงินรักษาตัว และเสี่ยวจวินกำลังจะไปโรงเรียน อีกอย่างฉันก็เกษียณแล้ว พวกเราจะใช้ชีวิตยังไงถ้าไม่มีเงิน?”

“ตามกฎหมาย หากแกหย่ากับกังจื่อแล้ว แกจะแบ่งสินสมรสออกไปได้ครึ่งหนึ่งในฐานะสามีภรรยา แต่ไม่มีสิทธิ์จะเอาเงินของฉันกับสามีไป ยิ่งไปกว่านั้นแกจะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้เสี่ยวจวินหลังจากหย่าร้างด้วย ฉันคิดไว้แล้วจากหนึ่งแสนหยวนที่แกเอาไป สินสมรสของพวกแกสองคนมีแค่สองหมื่นหยวนเท่านั้น ที่เหลือเป็นเงินของฉันกับสามี และแกต้องคืนมันให้กับพวกเรา ไม่อย่างนั้นฉันจะไปแจ้งตำรวจ”

ก่อนหน้านี้พวกเขายอมให้อีกฝ่ายขูดเลือดขูดเนื้อเพราะต้องการสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเด็กชาย

แต่เมื่อพวกเขาได้ยินจากชายหนุ่มที่พาทุกคนมาที่นี่ว่าหล่อนกำลังใช้เงินเพื่อแสร้งทำตัวเก่งกาจเป็นหญิงสาวที่ประสบความสำเร็จในเมืองไห่เฉิงเพื่อหาทางจับผู้ชายที่ร่ำรวย จึงทราบทันทีว่าหล่อนไม่ต้องการลูก แต่ต้องการเงิน

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดกังวลเรื่องเด็กชายอีกต่อไป

หญิงชราคิดว่าแม้หล่อนจะขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเด็กชาย นางก็จะยินยอมด้วยเช่นกัน

เพราะสุดท้ายแล้วเว่ยหย่งกังเป็นเพียงคนพิการ และนางก็ป่วยจนไม่สามารถทำงานหนัก ดังนั้นเด็กควรจะได้อยู่กับแม่ของเขา

“ถ้าแกไม่คืนเงินให้กับพวกเรา พวกเราก็จะไม่ไปไหน เราจะอยู่จนกว่าแกจะจ่ายเงิน!”

“เธอมันไม่ใช่มนุษย์ เป็นผู้หญิงประเภทไหนกันถึงทิ้งขว้างสามีกับลูกได้เพื่อเงิน ไร้ยางอายจริง ๆ!”

“สามีภรรยาที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขเดียวกันมา แต่พอพบเจอเรื่องร้ายกลับละทิ้งทุกสิ่งเพื่อเอาตัวเองให้รอดพ้น”

ทุกคนกล่าวคำพร้อมกับถอนหายใจ

ป้าเจ้าของตึกตะโกนใส่ถังหลิงอย่างเดือดดาล “ฉันจะไม่ให้คุณเช่าตึกหลังนี้อีก พรุ่งนี้ย้ายก้นของคุณออกไปได้เลย!”

หลินเซี่ยคว้าป้าเจ้าของที่ดินไว้ทันที พร้อมกล่าวกระซิบเสียงแผ่ว “คุณป้าคะ อย่าพูดแบบนั้น ตอนนี้หล่อนเหมือนหมาจนตรอกและกำลังอับอายที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ถ้าคุณพูดอย่างนั้นมันจะกลายเป็นว่าคุณผิดสัญญาก่อน และต้องคืนเงินให้หล่อนเป็นสองเท่าเลยนะคะ”

ป้าเจ้าของตึกรีบหุบปากทันที “จริงด้วย งั้นฉันไม่พูดอะไรแล้ว”

เวลานี้เป็นช่วงเลิกงานของผู้คนในโรงงาน มีคนสัญจรผ่านไปมาตลอดเวลา และทุกคนเริ่มหยุดฝีเท้าเพื่อรับชมความตื่นเต้น ยิ่งมีคนเข้าร่วมวงมากขึ้น ถังหลิงก็เริ่มสติแตกมากกว่าเดิม

หล่อนต้องการจะพาอดีตแม่สามีและทุกคนเข้าไปพูดคุยกันในร้านเป็นการส่วนตัว

แต่เพราะด้านหน้าร้านเป็นบันได และรถเข็นไม่สามารถเข้าไปได้ ผู้ชายโดยรอบจึงยินดีที่จะยกเขาเข้าไปด้านใน

ทุกคนมองดูเรื่องราวตรงหน้าด้วยความหนักใจ

แต่ละคนก็ได้พบเจอเหตุการณ์หนึ่งวันพันเรื่องราวเช่นกัน

หากฟังจากคำพูดของหญิงชรา อดีตสามีของถังหลิงน่าจะเป็นนายทหารมียศก่อนที่จะเกิดเรื่องราวต่าง ๆ นี้ขึ้น ดูเหมือนว่าภูมิหลังของครอบครัวนี้ก็ไม่ใช่เลวร้ายเลย

แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ไม่เพียงแต่สามีภรรยาจะไม่อยู่ด้วยกันอีกต่อไป แต่ภรรยากลับสูบทรัพย์สินทั้งหมดในครอบครัวไปด้วย

และที่น่าเกลียดที่สุดคือลูกชายที่ถูกทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี

หนึ่งครอบครัวถึงกับต้องแตกสลาย

ผู้ชายบางคนเดินเข้ามารับชมสถานการณ์ ก่อนจะเหลือบมองคู่รักของตนด้านข้างอย่างช่วยไม่ได้

ดูเหมือนว่าทุกคนจะคิดเหมือนกัน หากเรื่องราวไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับตนเอง คนข้างกายของพวกเขาจะเลือกหนทางแบบไหน?

หลินเซี่ยหันกลับมา พบว่าคุณแม่เซี่ยกำลังปาดน้ำตาด้วยเช่นกัน

เธอรู้ว่าคุณแม่เซี่ยกำลังมองดูชายนั่งรถเข็นและนึกถึงความยากลำบากของตนเอง

คุณแม่เซี่ยถอนหายใจ “ในโลกใบนี้เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายประเภทจริง ๆ”

มีคนอย่างหลิวกุ้ยอิงที่ยอมปล่อยมือจากสามีผู้สละชีพเพื่อชาติ ผ่านพ้นความยากลำบากมากมายเพื่อเลี้ยงดูลูกที่เกิดกับเขา

แล้วยังมีคนเช่นถังหลิงที่ครั้งหนึ่งเคยเจ็บปวดจากการคลอดบุตร แต่กลับละทิ้งเด็กในสายเลือดของตนเองได้อย่างโหดเหี้ยม ทั้งยังกวาดเอาทรัพย์สินของคนอื่นหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกด้วย

เซี่ยอวี่เห็นคุณแม่เซี่ยมีดวงตาแดงก่ำและยังถอนหายใจอยู่ตลอด จึงบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด “แม่คะ แม่จะโศกเศร้าไปทำไม?”

หญิงชรากลอกตามองเซี่ยอวี่ก่อนจะพูดว่า “ก็ฉันรู้สึกแย่นี่ แกไม่รู้สึกอะไรมั่งเลยเหรอ?”

เซี่ยอวี่เผยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนจะพูดออกมาอย่างเฉยเมย “ฉันเป็นนักแสดง บทบาทไหนบ้างที่ฉันไม่เคยเล่นมาก่อน? แล้วเรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องของเรา จิตใจมนุษย์เป็นสิ่งซับซ้อนที่สุดอยู่แล้ว”

“หึ นั่นเป็นเพราะแกยังไม่ได้แต่งงานน่ะสิเลยไม่เข้าใจคำว่าชีวิตคู่ ฉันจะบอกให้ว่าเมื่อคนสองคนตกลงแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกัน ความยากจนไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ความทุกข์อื่นก็ไม่ใช่สิ่งน่ากลัวเช่นกัน แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือหัวใจของคู่ชีวิตแกต่างหาก ถ้าจิตใจของเขาไม่มั่นคงพอ หากมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น ไม่เพียงแต่จะไม่ร่วมเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยกัน มันจะยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้แก่กันด้วย เขาจะโยนแกลงนรกและปฏิบัติต่อแกอย่างไร้ความปรานี และสิ่งเหล่านี้จะเป็นตราบาปให้คนรุ่นต่อไปต้องเจ็บปวด!”

เลือกคนรักแบบไหน นั่นหมายถึงการเลือกชีวิตที่เหลือด้วย

เซี่ยอวี่กล่าวออกมาอย่างง่ายดาย “เพราะอย่างนั้นก็อย่ามาเร่งเร้าให้ฉันรีบแต่งงาน แล้วถ้าเสี่ยวไห่กับฉันเจอคนแบบนี้จะทำยังไง?”

หญิงชราถึงกับพูดไม่ออก

เซี่ยอวี่ถือโอกาสพูดว่าตนเห็นด้วยกับเรื่องนี้ทันที “แม่คะ ลองคิดดูสิ ลูกชายของแม่ก็ไม่ใช่คนฉลาด ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเซี่ยช่วยเหลือเขา เป็นไปได้ว่าเขาคงถูกหลอกไปแล้ว ถ้าผู้หญิงที่ชื่อถังหลิงใช้วิธีการเลวร้ายจัดการกับเสี่ยวไห่จริง แน่นอนว่าครอบครัวทรงคุณธรรมอย่างเราก็จะให้เสี่ยวไห่รับผิดชอบหล่อน และหลังจากนั้นครอบครัวของเราก็จะพบเจอความพินาศ”

หญิงชราหนาวเหน็บไปจนถึงกระดูกสันหลังเมื่อได้ยินลูกสาวพูดอย่างนั้น

“ในอนาคตก็อย่าได้กดดันพวกเราอีกเลยค่ะ”

หลังจากเซี่ยอวี่พูดจบแล้ว หล่อนก็หันมองเซี่ยไห่ด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ

“พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”

หลินเซี่ยพูดคุยกับหลินจินซานว่าให้เขาใส่ใจกับการเคลื่อนไหวตรงหน้าให้มาก เวลานี้เขาควรจะช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอและคนจน อย่าให้คนแก่ คนพิการ และเด็กต้องถูกผู้หญิงคนนั้นทำร้ายอีกครั้ง

เฉินเจียเหอเดินเข้ามาพร้อมกับถังจวิ้นเฟิง เขาอุ้มหู่จือไว้และเห็นว่าสถานที่ตรงหน้าเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีหลายคนกำลังพูดคุยกันเสียงดัง

พวกเขาได้ยินชื่อของเซี่ยไห่และถังหลิงมาแว่วๆ

ถังจวิ้นเฟิงคิดว่าลูกพี่ลูกน้องของเขากับเซี่ยไห่กำลังจะมีข่าวดี เขาจึงสอบถามคนแถวนั้น จึงได้ทราบว่าเป็นอดีตสามีของถังหลิงปรากฏตัวขึ้น เวลานี้เขารีบก้าวขาไปด้านหน้าด้วยความตกตะลึง

เซี่ยไห่ถึงกับต่อว่าถังจวิ้นเฟิงด้วยความขุ่นเคือง “ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายจะไม่รู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของนายเคยแต่งงานมีลูกมาก่อน อีกทั้งยังโกงเงินกว่าหนึ่งแสนหยวนจากครอบครัวเก่าด้วย แล้วยังเข้ามาในเมืองนี้เพื่อหลอกจับผู้ชายรวย นายไม่รู้เรื่องนี้เลยหรือไง?”

ถังจวิ้นเฟิงถูกต่อว่าอย่างนั้นก็ยิ่งสับสน แต่ก็ยังตอบกลับว่า “ฉันไม่รู้จริง ๆ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของยัยถังกันหมดแล้ว เรื่องราวจะจบยังไงนะ ครอบครัวสามีเก่านางจะได้เงินคืนไหม

ไหหม่า(海馬)

ตอนที่ 305 ไม่ใช่สเปคของเซี่ยไห่

ตอนที่ 305 ไม่ใช่สเปคของเซี่ยไห่

หลังจากที่หญิงชราจ้องมอง เซี่ยไห่ก็มองไปที่หลินจินซานราวกับจะเอ่ยคำเตือน

หลินจินซานตอบสนองต่อสายตาเหี้ยมเกรียมด้วยการกระแอมสองครั้งอย่างรวดเร็ว พยายามแก้ไขคำพูด “คุณย่าเซี่ย อย่าเร่งรีบไปเลยครับ เถ้าแก่เซี่ยมีผู้หญิงอีกเยอะที่ชอบเขา เหตุผลหลักเป็นเพราะเขามีวิสัยทัศน์กว้างไกล ไม่ควรค่าแก่การดูถูก”

เหมือนจะดีแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไร ๆ ดีขึ้น

“มีผู้หญิงมาชอบเขาด้วยเหรอ?” ดวงตาของคุณแม่เซี่ยเป็นประกายอีกครั้ง ราวกับมองเห็นความหวัง

แถมยังเป็นประกายเจิดจ้า

เพื่อพิสูจน์ว่าเซี่ยไห่ยังคงมีเสน่ห์ในหมู่เพศตรงข้าม หลินจินซานกล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “ใช่ครับ เจ้าของร้านเสริมสวยฝั่งตรงข้ามก็ชอบเขาเหมือนกัน หล่อนมักเป็นฝ่ายริเริ่มมาที่ห้องเต้นรำของเราพูดคุยกับเถ้าแก่เซี่ย ล่าสุดเมื่อคืนนี้ พวกเขายังดื่มด้วยกันอยู่เลย”

เมื่อหลินเซี่ยได้ยินว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเซี่ยไห่ดื่มกับถังหลิง สายตาของเธอก็จับจ้องไปที่เขา

เซี่ยไห่ตาบอดจริงหรือเขาแกล้งทำเป็นตาบอดกันแน่?

เซี่ยไห่กระแอมไออย่างรู้สึกผิด และอธิบายว่า “หล่อนมาที่ห้องเต้นรำเพื่อตามหาถังจวิ้นเฟิง และยืนกรานว่าจะนั่งดื่มด้วยกัน”

หลินจินซานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยังคงพล่ามต่อไป “หลังจากที่เจ้าหน้าที่ถังจากไป เถ้าแก่เนี้ยถังก็ยังนั่งอยู่ที่นั่น หล่อนอยู่จนกระทั่งห้องเต้นรำปิดทำการ แถมยังเมาอ้อแอ้มาก เถ้าแก่เซี่ยก็เลยไปส่งหล่อนกลับด้วยตัวเอง”

ส่งกลับด้วยตัวเองด้วยเหรอ?

นี่เขาจงใจส่งเนื้อเข้าปากเสือหรือยังไงกัน?

หลินเซี่ยรู้สึกอยากต่อยใครสักคนหลังจากได้ยินแบบนั้น

เซี่ยไห่จะพลาดท่าเสียทีใช่ไหม?

เฉินเจียซิ่งมาถามข้อมูลเกี่ยวกับสามีเก่าของถังหลิงจากเธอไปสักพักหนึ่งแล้ว แต่จนป่านนี้ทำไมยังไม่มีข่าวใด ๆ กลับมาเลย?

ถ้าเขาไม่ดำเนินการใด ๆ เธอคงต้องไปตามหาสามีเก่าของหล่อนด้วยตัวเอง

ไม่อย่างนั้น เซี่ยไห่จะตกอยู่ในอันตราย!

เธอบอกเซี่ยไห่อย่างชัดเจนเกี่ยวกับภูมิหลังอันโสโครกของถังหลิง แต่เขาก็ยังไม่เลิกติดต่อกับผู้หญิงคนนั้น สักวันความใจกว้างของเขาจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง

เมื่อสังเกตเห็นการแสดงออกของหลินเซี่ย เซี่ยไห่ก็รู้ว่าเธอกำลังเข้าใจเขาผิด เขามองไปที่หลินจินซานซึ่งจงใจพูดให้สถานการณ์มันคลุมเครือเข้าไปใหญ่ ก่อนจะคำรามลอดไรฟัน “หัวหน้าหลิน!”

จู่ ๆ เซี่ยไห่ก็เรียกเขาด้วยตำแหน่ง หลินจินซานตกใจมากจนตัวสั่น วิ่งหนีไปจากวงสนทนาทันทีโดยอ้างว่าปวดปัสสาวะ

“เจ้าของร้านเสริมสวยคนนี้อายุเท่าไหร่?” แม่เซี่ยถามอย่างเร่งรีบ

“ประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดนี่แหละมั้ง”

หญิงชรานับนิ้ว พบว่าอายุพวกเขาห่างกันถึงสิบปี แต่ก็ไม่ใช่ช่องว่างที่ใหญ่เกินไป

ดวงตาของนางเป็นประกาย ถามเซี่ยไห่ว่า “เสี่ยวไห่ ทำไมไม่ลองเปิดใจดูล่ะ?”

ตอนนี้เซี่ยไห่นึกอยากเตะหลินจินซานให้ลงไปกองกับพื้นมากที่สุด

แต่ตอนนี้เขาอยู่ในบ้านของคนอื่น จึงทำได้เพียงอดทนไว้เท่านั้น

เขาเหลือบมองหลินเซี่ยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แม่ ผมไม่เอาด้วยหรอก”

“ทำไมถึงไม่เปิดโอกาสให้หล่อนหน่อยล่ะ? ผู้หญิงคนนั้นเป็นฝ่ายเข้าหาลูกด้วยซ้ำไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้ต่อต้านหล่อน?”

“แม่ ถามเซี่ยเซี่ยดูก็ได้ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่สเปคของผมจริง ๆ”

หลานสาวของเขาบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว แถมยังมีลูกแล้วด้วย ต่อมาหล่อนก็ทิ้งสามีและลูกชาย แล้วหอบเงินมาชุบตัวใหม่เป็นสาวโสดผู้เข้มแข็ง

นอกจากนี้ อุปนิสัยรุกหนักแบบหล่อนก็ไม่ใช่สเปคของเขาจริง ๆ

หลินเซี่ยพูดเพื่อช่วยเขา “คุณย่า หล่อนคนนั้นไม่ใช่สเปคของเหล่าเซี่ยจริง ๆ ค่ะ อย่าคิดเรื่องนี้อีกเลย”

หลินเซี่ยปฏิเสธ ดังนั้นหญิงชราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้

หลังมื้ออาหาร หญิงชราบอกว่านางต้องการไปร้านตัดผมของหลินเซี่ย

เนื่องจากร้านของเธออยู่ติดกับห้องเต้นรำของเซี่ยไห่ นางจะได้ไปเที่ยวชมในคราวเดียว

หลินจินซานอาสาเป็นผู้ติดตามส่วนตัวของหญิงชรา ช่วยพยุงนางลุกขึ้น “คุณย่า ช้า ๆ นะครับ”

“ได้ จินซานนี่เป็นเด็กดีจริง ๆ”

หลิวกุ้ยอิงส่งพวกเขาถึงหน้าปากซอย หลินเซี่ยขอให้หล่อนไปด้วย แต่หล่อนบอกว่ายังต้องกลับไปทำความสะอาดห้องครัว

เซี่ยอวี่สวมแว่นกันแดดอันใหญ่ ทันทีที่ทุกคนมาถึงถนน ก็เห็นคนงานกำลังทำงานอยู่หน้าร้านเสริมความงามของถังหลิง และกำลังเปลี่ยนป้าย

ป้ายนี้ดูเหมือนจะมีอักษรสองตัวว่า ‘รับทำผม’ อยู่บนนั้น

ถังหลิงยืนอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับสั่งคนงานไปด้วย

หลิวลี่ลี่ดึงหล่อนพลางพยักเพยิด ถังหลิงถึงได้หันกลับมาและเห็นเซี่ยไห่ หลินเซี่ย และคนอื่น ๆ กำลังเดินตรงมาทางนี้ หล่อนพลันสบตากับใบหน้าของเซี่ยอวี่และหญิงชรา ทันใดนั้นดวงตาของหล่อนก็สดใสขึ้น รีบลากรองเท้าส้นสูงไปหาพวกเขา

เมื่อวานหล่อนได้ยินจากเฉียนต้าเฉิงว่าแม่และพี่สาวของเถ้าแก่เซี่ยมาที่ไห่เฉิงแล้ว

แถมพี่สาวของเขายังเป็นดาราดังอีกด้วย

ถังหลิงผ่านโลกมามาก แม้ว่าเซี่ยอวี่จะสวมแว่นกันแดดเพื่อพรางใบหน้า แต่หล่อนก็ยังจำอีกฝ่ายได้ในทันที

หล่อนจะจำดาราที่มักปรากฏบนหน้าปฏิทินติดต่อกันมาหลายปีไม่ได้ได้อย่างไร?

“เถ้าแก่เซี่ย มาแล้วเหรอคะ?”

“นี่คงเป็นแม่ของคุณใช่ไหมคะ?” ถังหลิงมองดูหญิงชราแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะคุณป้า ฉันชื่อถังหลิง เป็นเจ้าของร้านเสริมความงามฝั่งตรงข้าม และยังเป็นเพื่อนของเถ้าแก่เซี่ยด้วยค่ะ”

สุดท้ายหล่อนก็เอ่ยคำว่า ‘เพื่อน’ ด้วยความหมายที่สามารถจินตนาการไปได้ร้อยแปด

เซี่ยไห่รีบอธิบาย “แม่ พวกเราเป็นแค่เพื่อนบ้านกันน่ะ”

“สวัสดีจ้ะ”

แม่เซี่ยเป็นคนใจดี เมื่อมีคนเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายก่อน แน่นอนว่านางมักจะตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเมื่อครู่ได้ยินหลินจินซานพูดถึงผู้หญิงคนนี้ที่บ้านของหลิวกุ้ยอิงด้วย

อย่างไรก็ตาม สายตาของหลานสาวนางกลับแสดงความไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน

แม่เซี่ยจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปทางถังหลิงอย่างพินิจ

อยากจะรู้ว่าหล่อนคนนี้หวังจ้องจะจับลูกชายตนหรือเปล่า?

หลินเซี่ยมองเห็นความคิดของหญิงชราได้อย่างรวดเร็ว

เธอพูดว่า “คุณย่า ค่อย ๆ ดูช้า ๆ นะคะ ฉันขอเข้าไปในร้านก่อน”

หลังจากนั้นเธอก็หันหลังกลับและเข้าไปที่ร้านตัดผม

เซี่ยอวี่พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดกับหญิงชราว่า “แม่ หลานสาวแสนรักของแม่เดินไปโน่นแล้ว ทำไมถึงยังยืนอยู่ตรงนั้นอีก?”

“เถ้าแก่เนี้ยถัง พวกเราขอตัวก่อนนะ” หญิงชราพูดกับถังหลิงด้วยรอยยิ้ม

“คุณป้า ทำไมไม่เข้ามานั่งในร้านของฉันก่อนล่ะคะ?”

เซี่ยอวี่เพิกเฉยต่อถังหลิง จูงมือหญิงชราไปที่ร้านตัดผมของหลินเซี่ยโดยตรง

หล่อนอ่านใจผู้คนมานับไม่ถ้วน โดยเฉพาะคนที่แสดงละครเก่งเหมือนกัน

เมื่อมองดูท่าทางของผู้หญิงชื่อถังหลิงคนนี้ที่มองเซี่ยไห่ หล่อนก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายหวังอะไรกันแน่

ถังหลิงได้แต่มองตามอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นว่าทั้งครอบครัวเดินเข้าไปในร้านตัดผมของหลินเซี่ย จากนั้นก็ตกตะลึงเพราะคำที่เซี่ยอวี่เรียกหลินเซี่ยเมื่อกี้นี้

หลานสาวแสนรัก?

หลินเซี่ยเป็นหลานสาวของแม่เซี่ยไห่งั้นเหรอ?

หรือว่าไม่กี่วันที่ผ่านมาเซี่ยไห่จะยอมรับเธอเป็นลูกบุญธรรมของเขาแล้ว?

เฉินเจียเหอยอมตกลงด้วยเหรอ?

สมองของถังหลิงเต็มไปด้วยคำถาม แต่เนื่องจากทุกคนเดินเข้าไปในร้านตัดผมของหลินเซี่ยแล้ว แถมหลินเซี่ยก็แสดงออกชัดเจนว่าเกลียดชังหล่อน จึงไม่สามารถหาทางเข้าใกล้ได้เลย

ในร้านตัดผม อาจารย์หวังและชุนฟางกำลังทำงานยุ่งอยู่ ในขณะที่หลินเยี่ยนกำลังฝึกฝนทักษะการเขียนคิ้วอยู่ตามลำพังตรงมุมห้อง

มีลูกค้าสองคนอยู่ในร้านรอให้หลินเซี่ยกลับมาทำผมให้พวกเขา

เมื่อเห็นหลินเซี่ยเข้ามา ทุกคนก็ทักทายเธอทันที

“เสี่ยวหลิน เธอกลับมาแล้ว พวกเราทุกคนกำลังรอเธออยู่พอดีเลย”

หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “ขอโทษด้วยนะคะ เช้านี้ฉันมีงานที่ต้องทำเยอะแยะไปหมด ทำให้ทุกคนต้องรอแล้ว”

จากนั้นเธอก็เรียกหาหลินเยี่ยน และแนะนำตัวตนของแม่เซี่ยและเซี่ยอวี่ให้หล่อนรู้จัก

หลินเยี่ยนได้ยินว่าคนเหล่านี้เป็นคุณย่าและอาของพี่สาวเธอ จึงกล่าวสวัสดีอย่างขี้อาย

“เสี่ยวเยี่ยนนี่เอง พวกเราแวะไปที่บ้านของแม่เธอเมื่อเช้าที่ผ่านมา ได้ยินมาว่าเธออยู่ที่ทำงาน”

แม่เซี่ยมองดูเธอด้วยความเอ็นดูพลางชมเชยว่า “ช่างเป็นเด็กที่หน้าตาสะสวยและเรียบร้อยดีจริง ๆ”

หลินเยี่ยนดูประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคุณย่าของพี่สาวหล่อนใจดีมาก

ที่แท้ย่าของพี่สาวหล่อนก็เป็นหญิงชราที่ใจดีมากกว่าที่เธอจินตนาการไว้

ที่แท้ในบรรดาผู้สูงวัยด้วยกัน ก็ไม่ได้มีแต่ชายหรือหญิงชราที่ใจร้ายเท่านั้นสินะ

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คุณแม่อย่าค่ะ อย่านึกเอ็นดูนังถังเด็ดขาด แม่สาวคนนี้ร้ายกาจกว่าที่คิดนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ? เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท