ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 436 ชีวิตก็มอบให้ได้

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 436 ชีวิตก็มอบให้ได้

ตอนที่ 436 ชีวิตก็มอบให้ได้

เมื่อหลินเซี่ยได้ยินเฉินเจียเหอพูดว่าพ่อแม่ของเธอกำลังจะจัดงานแต่ง เธอก็มองพวกเขาด้วยรอยยิ้มพลางยักคิ้ว

เซี่ยเหลยไอเบา ๆ เหลือบมองหลิวกุ้ยอิง จากนั้นมองหลินเซี่ยอย่างจริงจัง พูดด้วยท่าทางเคอะเขินเล็กน้อย “เซี่ยเซี่ย หลังจากพ่อพยายามอย่างสุดความสามารถ ในที่สุดแม่ของลูกก็เต็มใจจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับพ่ออีกขั้นหนึ่ง”

หลินเซี่ยได้ยินแบบนั้นก็อุทานอย่างมีความสุข “ว้าว จริงเหรอคะ? ฉันยินดีด้วยจริง ๆ”

หลิวกุ้ยอิงถูกเซี่ยเหลยโอบไว้ หล่อนพยายามเบี่ยงตัวออกจากแขนของเขาอย่างเชื่องช้าเพื่อจะผละตัวออก แต่แขนของเซี่ยเหลยนั้นแข็งแกร่งมาก กอดเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

หลินเซี่ยมองพ่อผู้ดื้อรั้นจากนั้นก็มองไปทางแม่ผู้ขี้อายของเธอ แล้วหันมองหน้าเฉินเจียเหอ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข

นี่ถือว่าเป็นข่าวดีทีเดียว พ่อแม่ของเธอต้องผ่านความยากลำบากมากมาย ในที่สุดก็กลับมาเป็นคนของใจซึ่งกันและกันอีกครั้งหลังจากผ่านไปยี่สิบปี

หลินเซี่ยมองไปที่ผู้ใหญ่สองคนที่ผ่านความผันผวนของชีวิตมามากมาย ดวงตาของเธอแดงก่ำ รู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก

เซี่ยเหลยพูดต่อ “พ่อกับแม่ก็เลยอยากรอจนกว่าลูกจะกลับมาเพื่อหารือเรื่องนี้ จะได้จัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด อยู่ด้วยกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”

หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “พ่อคะ ที่จริงไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องนี้กับฉันหรอกค่ะ ฉันรอวันรอคืน ตั้งความหวังว่าพวกคุณสองคนจะเปิดใจให้กันและกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งเพื่อมอบครอบครัวอันอบอุ่นให้กับพวกเราสามพี่น้อง คราวนี้เราก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้า”

หลินจินซานจอดรถเอาไว้ข้างนอกแล้วเดินเข้าไป เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย ก็รีบพูดเสริมว่า “ใช่แล้วครับลุงเซี่ย พวกเราไม่มีข้อโต้แย้งอะไรเลย ถือว่าเป็นความโชคดีของพวกเราด้วยซ้ำ”

หลินเยี่ยนพูดไม่เก่ง หล่อนจดจ่ออยู่กับการแขวนและจัดเรียงชุดแต่งงาน พลางเงี่ยหูฟังบทสนทนาของพวกเขาไปด้วย พร้อมกันนั้นก็มองดูชุดแต่งงานที่สวยงามในมือ จินตนาการในใจว่าชุดนี้จะเป็นอย่างไรเมื่อแม่เป็นผู้สวมใส่ และจะดูเป็นอย่างไรถ้าหล่อนมีโอกาสได้สวมใส่มันเอง?

หลิวกุ้ยอิงมองไปยังลูก ๆ ที่มีเหตุผล ดวงตาคลอเบ้าไปด้วยน้ำตา รู้สึกสะเทือนใจและโล่งใจอย่างอธิบายไม่ได้

“พ่อของลูกอยากกลับไปบ้านเกิดเพื่อเผากระดาษเงินกระดาษทองให้พ่อหลิน นี่เป็นอีกเรื่องที่เราอยากคุยกับลูกหลังจากลูกกลับมา”

หลังจากได้ยินคำพูดของหลิวกุ้ยอิง หลินเซี่ยก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ถ้าอย่างนั้นฉันไปด้วยค่ะ ฉันอยากไปเผากระดาษให้พ่อหลินด้วย”

แม้ว่าเธอจะไม่เคยเจอหน้าหลินต้าฝูมาก่อน แต่เธอก็เคารพและรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเธอจากก้นบึ้งหัวใจ สำหรับผู้ชายชาวชนบทที่ซื่อสัตย์ ใจดี และมีจิตใจที่ชอบธรรมคนนั้น

เมื่อได้ยินว่าหลินเซี่ยเองก็วางแผนจะเดินทางไปด้วยเช่นกัน เซี่ยเหลยก็ถามเธอว่า “เซี่ยเซี่ย ถ้าอย่างนั้นว่างเมื่อไหร่ล่ะ? เราจะได้เตรียมตัวกันล่วงหน้า”

หลินเซี่ยตอบว่า “รอจนกว่าฉันจะเตรียมเปิดร้านใหม่เสร็จก่อนแล้วกันค่ะ ฉันยังมีเรื่องต้องจัดการอีกมาก หลังจากนั้นเราค่อยกลับไปที่บ้านเกิดด้วยกัน พอร้านสาขาใหม่ของฉันเปิดเมื่อไหร่ แม่จะกลายเป็นลูกค้ารายแรกในร้านของฉันทัที เสี่ยวเยี่ยนกับฉันจะช่วยกันแต่งตัวให้แม่ด้วยตัวเอง ให้แม่กลายเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด“

เมื่อหลินเซี่ยพูดแบบนี้ หลิวกุ้ยอิงก็หน้าแดง ปรายตามองค้อนหลินเซี่ย และพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ลูกสาวจะส่งแม่เข้าประตูวิวาห์ได้ยังไง? คนอื่นเห็นแล้วได้หัวเราะเยาะกันเปล่า ๆ จัดพิธีเรียบง่ายธรรมดา ๆ ก็พอแล้ว อย่าจัดงานแต่งให้เป็นเรื่องใหญ่เลย”

เซี่ยเหลยพูดด้วยรอยยิ้ม “ทำไมจะแต่งไม่ได้ล่ะ? คุณใส่ชุดแต่งงานแล้วต้องดูสาวกว่าวัยมากแน่ ส่วนผมก็ใส่สูทผูกเน็กไท ถ่ายรูปแต่งงานกัน ตอนนี้เราทั้งคู่ต่างก็ยังแข็งแรงดี ยังไม่แก่ซะหน่อย”

“คุณยังไม่แก่ แต่ฉันว่าฉันแก่แล้ว” พอหลิวกุ้ยอิงพูดจบ หล่อนก็รวบผมแล้วหันไปช่วยหลินเยี่ยนเก็บข้าวของ

หลินจินซานบอกว่า “แม่ ลุงเซี่ยของผมจะได้แต่งงานครั้งนี้เป็นครั้งแรก แม่ต้องให้ความร่วมมือกับเขาในการจัดพิธีแต่งงาน รอรับเงินจากสมาชิกในครอบครัวได้เลย”

“แม่จะยอมรับเงินก็ต่อเมื่อลูกแต่งงานเท่านั้น” หลิวกุ้ยอิงมองไปที่หลินจินซาน ถามว่า “ย่าของลูกไม่ได้แนะนำให้ไปตามจีบชุนฟางหรอกเหรอ? ตอนนี้คืบหน้าไปถึงไหนแล้วล่ะ? ลูกเองก็ไม่ใช่เด็ก ๆ อีกต่อไปแล้ว จะทำอะไรก็รีบหน่อย อย่าชักช้าลีลาจนพลาดผู้หญิงดี ๆ แบบหล่อนไปนะ”

พอหัวข้อนี้หันกลับมาหาตัวเอง หลินจินซานก็ตอบอย่างเชื่องช้าว่า “ผมกำลังจีบหล่อนอยู่ แม่กลับไปกังวลเกี่ยวกับตัวเองเถอะ อย่าโยงมาถึงผมเลย”

เมื่อหลินเซี่ยได้ยินการสนทนาของพวกเขา เธอก็เลิกคิ้วและมองไปที่หลินจินซาน

เขากำลังตามจีบชุนฟางอยู่เหรอ?

แสดงว่าเขาไม่ได้แอบชอบเจียงอวี่เฟยแล้วน่ะสิ?

หลินจินซานสังเกตเห็นการจ้องมองของหลินเซี่ย เขาก็กระแอมแก้เขิน จากนั้นหาข้ออ้างโดยบอกว่าต้องขับรถกลับไปรายงานให้เจ้านายทราบเกี่ยวกับงานของเขาในช่วงที่ผ่านมา

ทุกคนช่วยกันจัดของในร้าน

หลินเยี่ยนแขวนชุดแต่งงานไว้บนราว มองดูผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่หลินเซี่ยวางเรียงอยู่บนตู้ ทั้งรู้สึกตื่นเต้นและกังวลในเวลาเดียวกัน

จากนี้ไปหล่อนจะกลายเป็นช่างแต่งหน้าหลักของที่นี่

หลินเซี่ยตบไหล่หลินเยี่ยน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม

“เสี่ยวเยี่ยน พอร้านใหม่เปิดเมื่อไหร่ เธอจะกลายเป็นผู้จัดการร้านทันที มั่นใจไหมว่าตัวเองทำได้แน่?”

หลินเยี่ยนประหม่าจนเหงื่อตก “พี่สาว พี่ต้องช่วยทำงานเป็นแนวทางให้ฉันดูก่อนนะคะ ฉันกลัวว่าตัวเองอาจไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นผู้จัดการร้าน”

“ไม่ต้องห่วง ฉันจะคอยช่วยอีกแรง”

หลิวกุ้ยอิงเห็นว่าลูก ๆ ทั้งสามมีอาชีพเป็นของตัวเอง แถมธุรกิจร้านอาหารของหล่อนกับเซี่ยเหลยก็มั่นคงเช่นเดียวกัน วินาทีนี้หล่อนก็รู้สึกมีความสุขมาก เต็มไปด้วยความหวังครั้งใหม่สำหรับชีวิตในอนาคต

ปีที่แล้ว หลินจินซานหนีออกจากบ้าน หล่อนกับหลินเยี่ยนต้องเข้าไปทำงานในตัวอำเภอเพื่อหาเงินมาสนับสนุนการเรียนของเสิ่นอวี้อิ๋ง เมื่อพวกหล่อนกลับถึงบ้านก็ยังต้องรับใช้หลินเอ้อร์ฝูและคนอื่น ๆ ในเวลานั้นหัวใจของหล่อนและหลินเยี่ยนชินชากับความลำบากไปเสียแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งพวกหล่อนจะหนีออกมาจากชนบท และมีโอกาสได้ใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

หล่อนมองไปที่ลูกสาวทั้งสอง จากนั้นก็มองไปที่ชายผู้แข็งแกร่งทรงพลังที่อยู่ข้าง ๆ จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกสบายใจ

หลังจากเก็บข้าวของทุกอย่างที่นำกลับมาจากเชินเฉิงเข้าที่เข้าทางแล้ว หลินเซี่ยก็กลับบ้านไปพักผ่อนอย่างสบายใจ

ทันทีที่เธอเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงใหญ่โดยไม่รอช้า

เฉินเจียเหอมองดูร่างกายที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าของเธอ สายตาเจือความสงสาร เขาเปลี่ยนไปใส่รองเท้าแตะ แล้วปล่อยให้เธอนอนพักผ่อนสักพัก จากนั้นก็ไปเปิดเครื่องทำน้ำอุ่น

เขานั่งลงบนขอบเตียง ตบบั้นท้ายกลมกลึงของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงสองครั้งเบา ๆ “เซี่ยเซี่ย ลุกเถอะ เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเข้านอน”

“ไว้ค่อยอาบคืนนี้ก็ได้”

เฉินเจียเหอมองดูกางเกงรัดรูปสีดำที่เธอใส่อยู่ ทันใดนั้นก็รู้สึกอึดอัดแทน จึงไปหยิบเอาเสื้อผ้าสำหรับใส่อยู่บ้านออกมาแล้วสะกิดเออีกครั้ง “เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ ก่อนน่าจะสบายตัวกว่า”

“โอ้”

หลินเซี่ยยืดตัว ยันกายลุกขึ้นนั่ง ดึงเฉินเจียเหอให้นั่งลงด้านข้าง จับใบหน้าเขาแล้วชะโงกจูบที่แก้ม “คุณคิดถึงฉันหรือเปล่าคะ?”

เฉินเจียเหอกลัวว่าเธอจะเหนื่อย จึงฝืนอดใจไม่ทำอะไรเกินเลย แต่เมื่อเห็นว่าเธอกระตือรือร้นมาก นัยน์ตาหวานฉ่ำก็กลอกมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขน แนบริมฝีปากจูบลงไปตรง ๆ พูดด้วยเสียงแหบแห้ง “คิดถึงสิ”

เธอกอดเขาและเบียดตัวออดอ้อน “ฉันคิดถึงคุณมากกว่า”

เสียงของเธอแผ่วเบาชวนให้หลอมละลายราวขี้ผึ้ง ชายหนุ่มที่กอดเธอไว้แนบแน่นถึงกับตัวสั่นเทาทันที เปลี่ยนท่ามาอุ้มเธอไว้บนตัก แล้วเริ่มระดมจูบเธออย่างเร่าร้อน

“อย่าเพิ่งสิคะ”

หลินเซี่ยผลักใบหน้าหล่อเหลาของเขาออกไป มองเขาด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย จากนั้นโอบแขนตัวเองไว้รอบคอของเขา ขยับเข้าไปใกล้หูเขามากขึ้น น้ำเสียงนุ่มนวลชวนหลงใหล “เฉินเจียเหอ ฉันมีเรื่องสำคัญมากที่ต้องขอความเห็นจากคุณ ถ้าคุณตอบตกลง ฉันถึงจะยอมให้จูบ”

เฉินเจียเหอ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมเห็นด้วย!”

ดวงตาของหลินเซี่ยเป็นประกาย เธอโอบแขนรอบคอเขาแล้วถามย้ำ “จริงหรือเปล่า?”

“จริงสิ ผมเห็นด้วยกับทุกสิ่งที่คุณพูดอยู่แล้ว”

หลังจากที่เฉินเจียเหอพูดจบ เขาก็ก้มหน้าลงกระกบปิดริมฝีปากแดงเรื่อของเธออย่างรวดเร็ว หลินเซี่ยกระหวัดกอดเอวเขาอย่างให้ความร่วมมือ จูบตอบเขาอย่างเสน่หา…

ความกระตือรือร้นของเธอทำให้เฉินเจียเหอรู้สึกว่าเลือดลมภายในร่างกายสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง ความร้อนระอุในร่างกายเริ่มเดือดพล่าน เขาจูบเธออย่างเร่าร้อนและกระสับกระส่าย ลูบไล้ทุกส่วนบนเรือนร่างด้วยฝ่ามือใหญ่

แม้ระยะห่างจะทำให้ชีวิตแต่งงานยิ่งแน่นแฟ้น แต่เฉินเจียเหอก็ยังไม่ให้อารมณ์เป็นใหญ่เสียทีเดียว หลังจากกอดรัดกันอย่างสนิทสนมสักพัก เขาก็อดทนต่อความร้อนภายในร่างกายและผละห่างออกมา

เขาดึงเธอที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อยให้ลุกขึ้นนั่งตามเดิม จัดคอเสื้อที่ดึงลงมากองที่ไหล่ให้ตรงแล้วพูดเบา ๆ

“ไปอาบน้ำและพักผ่อนให้เต็มที่ก่อน คืนนี้ผมจะดูแลคุณอย่างดี”

“ฉันยังไม่ง่วง”

“แต่คุณต้องอาบ ผมต้มน้ำไว้ให้แล้ว หรือจะให้ผมช่วยอาบก็ได้นะ”

หลินเซี่ยบีบหน้าเขาส่ายไปมาพร้อมถามว่า “คุณรับปากแล้วจะไม่คืนคำทีหลังใช่ไหม?”

เฉินเจียเหออุ้มเธอขึ้นมาแล้วพาไปที่ห้องน้ำ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผมสัญญาว่าจะเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพูด”

“จำคำตัวเองไว้ให้ดี อย่าให้เห็นเชียวว่าเปลี่ยนใจ”

เฉินเจียเหอมองดูหญิงสาวที่หลอกล่อเขาอย่างเจ้าเล่ห์ กดปลายจมูกขยี้ปลายจมูกของเธอเบา ๆ มองเธอพลางหรี่ตาเล็กน้อย “ที่รัก คุณไปเจอปัญหาอะไรข้างนอกมาหรือเปล่า?”

“เปล่าค่ะ แต่เป็นเรื่องดี”

“วางฉันลงเร็ว ฉันจะเข้าไปอาบน้ำล้างตัว เดี๋ยวเราค่อยคุยรายละเอียดกันทีหลัง”

หลินเซี่ยผละตัวออกจากอ้อมแขนของเขา หยิบเสื้อผ้าในมือ แล้วเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับปิดล็อกประตูอย่างรวดเร็ว

อย่าหวังเลย ถ้าเขาเข้ามาอาบน้ำให้เธอ คราวนี้เธอคงไม่มีเวลาได้พูดถึงเรื่องสำคัญจริง ๆ แน่

เธออาบน้ำจนเสร็จ เมื่อเธอออกมา เฉินเจียเหอก็เพิ่งกลับมาจากข้างนอกเพราะซื้อไอศกรีมโคนเล็กมาให้

ทันทีที่เธอก้าวออกจากห้องน้ำ ไอศกรีมก็ถูกนำมาจ่ออยู่ตรงปาก

หลินเซี่ยกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวานและความสดชื่น “ว้าว คุณใจดีไม่เปลี่ยนเลย ฉันรักคุณจัง”

หลินเซี่ยไม่ลังเลที่จะชมเชยและแสดงความรักต่อเฉินเจียเหอ เฉินเจียเหอมองดูการแสดงออกที่บ่งชัดถึงความพึงพอใจด้วยสายตาที่อ่อนโยน เวลานี้ เขารู้สึกว่าแม้แต่ชีวิตเขาก็มอบให้เธอได้

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ครอบครัวของเซี่ยเซี่ยลงตัวแล้ว รอแค่จัดงานแต่งแหละค่ะ

พี่เหอแน่ใจใช่ไหมว่าหลังจากฟังเรื่องที่เซี่ยเซี่ยจะบอกแล้วจะไม่เปลี่ยนใจ อย่าเพิ่งหลงไปกับของหวานที่ได้รับนะ เพราะหลังจากฟังแล้วพี่อาจจะช็อคก็ได้

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ? เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท