ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 543 นกยูงรำแพนหาง

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 543 นกยูงรำแพนหาง

ตอนที่ 543 นกยูงรำแพนหาง

คุณแม่เซี่ยกลับจากร้านอาหารแต่เช้ามารออยู่ที่บ้าน เมื่อเห็นคนหนุ่มสาวหลายคนทยอยเดินเข้ามา ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความยินดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นรถคันใหม่จอดอยู่ที่หน้าประตู พอได้ยินว่าเย่ไป๋เป็นคนซื้อ หญิงชราก็มีความสุขมากกว่าเดิม

“มาเถอะเด็ก ๆ เข้ามาข้างในเร็วเข้า”

เมื่อก่อนไม่ว่าเซี่ยอวี่จะกลับบ้านหลังจากไปทำงานต่างถิ่นที่ไหนก็ตาม ไม่มีใครสนใจมารอรับ มีแค่นางคนเดียวที่เฝ้ารออยู่หน้าประตู ต่อมาพอเซี่ยเหลยอาการดีขึ้น เขาถึงมาอยู่รอรับหล่อนบ้าง

ตอนนี้มีคนในครอบครัวมากมาย ไม่ว่าใครมีธุระใด ๆ ต้องทำก็ตาม ทุกคนชอบมาอยู่รวมตัวกันเป็นพิเศษ เซี่ยไห่เองก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ในที่สุดลูก ๆ ทั้งสามก็มีคนข้างหลังคอยห่วงใย ในฐานะแม่ผู้ชรา ในใจของนางเต็มไปด้วยความปีติยินดียิ่ง…

อาหารหลายอย่างถูกจัดเตรียมไว้ที่บ้าน เซี่ยอวี่ก็ไม่ได้รีบร้อนจะกลับเข้าไปพักผ่อน กลับอยู่นั่งคุยกับทุกคน จากนั้นก็พูดกับหลินเซี่ยว่า

“เซี่ยเซี่ย ฉันแวะไปดูบริษัทของเถ้าแก่อู๋มา ทุกอย่างดูไม่เลวเลย โครงการที่เธอลงทุนไปจะเริ่มการก่อสร้างภายในเดือนหน้า เขายังแนะนำให้ฉันเข้าใจถึงแนวโน้มการพัฒนาในอนาคตของพื้นที่นั้นด้วย กระบวนการทุกอย่างน่าเชื่อถือมาก เงินก้อนนั้นที่เธอลงทุนไปไม่สูญเปล่าแน่แล้วล่ะ”

เซี่ยไห่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อคิดถึงภาพที่พี่สาวตัวเองบุกไปที่ห้องทำงานของอู๋เซิ่งหงและเริ่มยิงคำถามต่าง ๆ ใส่ ผู้ชายคนนั้นต้องวิตกกังวลจนเหงื่อแตกเหงื่อแตนแน่ ๆ

หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “คุณอา พอรู้ว่าคุณช่วยตรวจสอบอีกแรง ฉันก็โล่งใจแล้วค่ะ จากนี้ฉันจะนั่งรอนับเงินอย่างเดียว”

เซี่ยไห่รู้สึกโล่งใจเช่นกันเมื่อเซี่ยอวี่บอกว่าโครงการของอู๋เซิ่งหงมีความน่าเชื่อถือมาก

ที่นั่นไม่ได้มีแค่เงินลงทุนจำนวนสามแสนหยวนของหลินเซี่ยเท่านั้น แต่ยังมีที่ดินของเขาซึ่งตีเป็นการลงทุนด้วยเช่นกัน ถ้าอีกฝ่ายทำเงินจากโครงการได้จริง ๆ เขาจะอิ่มเอมมาก เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นเหมือนกัน

เซี่ยอวี่ถามหลินเซี่ย “เซี่ยเซี่ย พวกเธอจะจัดงานแต่งกันเมื่อไหร่นะ?”

“เจียซิ่งจะแต่งก่อนค่ะ พวกเราค่อยแต่งทีหลัง ช่วงนี้เราขนของเข้าบ้านหลังใหม่เรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณมีเวลาเราจะพาไปเยี่ยมชมในอีกไม่กี่วันนะคะ”

เมื่อได้ยินว่าเฉินเจียซิ่งมีแผนจะแต่งงานก่อนเฉินเจียเหอ เซี่ยอวี่ก็บ่นขึ้นมา “ทำไมเฉินเจียซิ่งถึงได้รีบร้อนนัก? นี่เป็นการแต่งงานรอบสองของเขานะ จะแต่งตัดหน้าพี่ชายให้มันได้อะไรขึ้นมา”

เซี่ยไห่หัวเราะพลางพูดว่า “ปล่อยเขากังวลไปเถอะ เซี่ยเซี่ยกับเจียเหอแต่งงานกันนานแล้วแต่เพิ่งจะจัดพิธีอย่างเป็นทางการ ถึงยังไงก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว เจียซิ่งคงกลัวว่าที่ภรรยาสาวจะเตลิดหนีไป ยิ่งแต่งเร็วแค่ไหนก็ยิ่งดี”

เสิ่นเสี่ยวเหมยอาจจะจับตาดูความเป็นไปของเฉินเจียซิ่งอยู่ก็ได้ ถ้าเขาไม่รีบแต่ง นานเข้าอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลง

หล่อนต้องรายงานผลจากการเดินทางในครั้งนี้ให้พ่อรับรู้

หลินเซี่ยและเจียงอวี่เฟยจึงติดรถของเย่ไป๋เพื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน

ตายายของเฉินเจียเหอมาถึงไห่เฉิงพร้อมกับโจวเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขา หลังจากได้ข่าวการแต่งงานของเฉินเจียซิ่ง

เนื่องจากเฉินเจิ้นกั๋วและภรรยายังพักอยู่ในบ้านตระกูลเฉิน เฉินเจียเหอจึงตกลงกับหลินเซี่ยใหม่ วางแผนที่จะให้ผู้สูงอายุไปพักในโรงแรมก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งต่าง ๆ

รอถึงวันแต่งงาน ผู้อาวุโสทั้งสองจะได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังใหม่ร่วมกันกับพวกเขา

คุณย่าเฉินแนะนำว่า

“เจียเหอ ย่าคิดว่าให้พวกเขามาพักที่บ้านเราดีกว่า ที่บ้านมีห้องว่างเยอะแยะ เป็นโอกาสที่หาได้ยากกว่าตายายของเธอจะยอมเดินทางมาที่นี่ ไม่ควรปล่อยให้พวกเขาอยู่ข้างนอก”

“ไม่เป็นไรครับคุณย่า มาถึงที่นี่แล้วพักที่ไหนก็เหมือนกัน”

โจวลี่หรง เฉินเจิ้นเจียง และเฉินเจียเหอมีความกังวลอย่างเดียวกัน แน่นอนว่าพวกเขาอยากเตรียมที่อยู่ให้พร้อมสำหรับดูแลพวกเขาในวัยชราด้วย

พวกเขาตัดสินใจเก็บทำความสะอาดบ้านของเฉินเจิ้นเจียงที่อยู่ด้านนอก บ้านหลังที่ว่าอยู่ใกล้กับวิทยาลัยของเฉินเจียวั่ง เฉินเจียวั่งมักอาศัยอยู่ที่นั่นเพื่อประหยัดเวลาเดินทาง เฉินเจียวั่งจึงถูกขอให้ย้ายกลับไปอยู่บ้านเก่า ทำให้บ้านนี้ไม่มีคนอยู่ สะดวกต่อการพักอาศัยของผู้สูงอายุทั้งสองเมื่อมาถึง

โจวลี่หรงเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและผ้านวมทั้งหมดเป็นของใหม่ ซื้อของใช้ประจำวันติดบ้านไว้เตรียมต้อนรับผู้สูงอายุ

หล่อนตั้งใจว่าถ้าพ่อ แม่ น้องชาย และน้องสะใภ้มาถึงเมื่อใด ตนเองก็จะย้ายมาค้างที่นี่เพื่ออยู่กับพวกเขาสักพักหนึ่งเช่นกัน

โจวเจี้ยนกั๋วและหวังอวี้เสียขอลาพักร้อนเป็นกรณีพิเศษ จากนั้นสมาชิกครอบครัวทั้งสี่ก็เดินทางมาที่ไห่เฉิง

เฉินเจียเหอบอกเฉินเจิ้นเจียงว่าเขาจะไปรับคนที่สถานีรถไฟด้วยตัวเอง

ผู้เฒ่าเฉินขอให้คนขับรถขับตรงไปส่งเขาที่สถานีรถไฟ เพื่อรอรับพวกเขาเป็นการส่วนตัว

เฉินเจียเหอไม่คาดคิดว่าครั้งนี้ปู่จะออกไปต้อนรับตายายของเขาด้วยตัวเอง

เมื่อผู้เฒ่าสองคนของตระกูลโจวลงจากรถไฟมาพร้อมกับโจวเจี้ยนกั๋วและภรรยา พวกเขาก็รู้สึกยินดีที่เห็นว่าครอบครัวของหลานเขยส่งคนมาต้อนรับเป็นอย่างดี

ผู้เฒ่าเฉินเข้าไปจับมือผู้เฒ่าโจว ทักทายพวกเขาทีละคน ก่อนจะเชื้อเชิญทุกคนให้ขึ้นรถด้วยกัน

นอกจากนี้ผู้เฒ่าเฉินยังจองห้องอาหารในโรงแรมไว้ล่วงหน้าเพื่อพาพวกเขาไปเลี้ยงอาหารด้วย

ครอบครัวทางฝั่งของหลินเซี่ยก็ได้รับเชิญมาร่วมมื้ออาหารเป็นพิเศษเช่นกัน

ตอนนี้ครอบครัวทางฝั่งของหลินเซี่ยมีสมาชิกอุ่นหนาฝาคั่ง นับผู้อาวุโส พี่ชาย และน้องสาวเข้าไปด้วย รวมแล้วมีทั้งหมดแปดคน

ผู้เฒ่าเฉินจองโต๊ะกับห้องอาหารถึงสองโต๊ะอย่างใจกว้าง

วังซูเฟินรู้สึกไม่มีความสุขขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าเฉินออกตัวต้อนรับครอบครัวของโจวลี่หรงดีขนาดนี้ หล่อนเริ่มบ่นกระปอดกระแปด

“ตาเฒ่าคนนี้นี่ยังไง? ครอบครัวของพี่สะใภ้มาจากบ้านนอกคอกนา จำเป็นต้องจัดงานเลี้ยงต้อนรับใหญ่ขนาดนี้เชียวเหรอ? ตอนที่พ่อฉันยังมีชีวิตอยู่ ไม่เห็นพวกเขาจะใส่ใจต้อนรับขับสู้กันแบบนี้เลย”

เฉินเจิ้นกั๋วพูดด้วยเสียงกระซิบว่า “อย่าใส่ใจเลย พ่อแม่ของพี่สะใภ้ผมไม่ได้มาที่เมืองนี้เกือบยี่สิบปีได้แล้ว ถึงจะเป็นงานเลี้ยงใหญ่ แต่ก็เป็นแค่ครั้งเดียวในรอบยี่สิบกว่าปีเชียวนะ”

ครอบครัวของวังซูเฟินมีสมาชิกเป็นโหล พอรวมตัวกันแต่ละครั้ง ตระกูลเฉินแทบประสบความหายนะทางการเงิน อีกอย่างหนึ่งเมื่อก่อนครอบครัวเขามั่งคั่งเหมือนตอนนี้ที่ไหนกัน?

“ถึงอย่างนั้นครอบครัวของฉันก็ไม่เคยได้รับการปฏิบัติดีแบบนี้นี่”

เฉินเจิ้นกั๋วพยายามปลอบ

“ตอนนี้พ่อตาเสียไปแล้ว ต่อให้พ่อแม่ผมอยากต้อนรับก็คงทำไม่ได้อยู่ดี”

“เฉินเจิ้นกั๋ว พูดแบบนี้หมายความว่าไง? คุณจะรังแกฉันยังไงก็ได้เพราะฉันไม่มีครอบครัวงั้นเหรอ?”

“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

พวกเขาทั้งสองกระซิบกระซาบกัน รถของเซี่ยไห่ก็แล่นมาถึงทางเข้าของโรงแรมพอดี

ในฐานะว่าที่ลูกเขยของตระกูลเซี่ย เย่ไป๋ก็ขับรถมาที่นี่พร้อมกับพวกเขาด้วย

นี่เป็นครั้งแรกที่วังซูเฟินได้เจอกับสมาชิกตระกูลเซี่ย หล่อนพอรู้อยู่บ้างว่าประสบการณ์ชีวิตของหลินเซี่ยค่อนข้างซับซ้อน พ่อผู้ให้กำเนิดของเธอไม่ได้มาจากบ้านนอกแต่อย่างใด แต่กลับกลายเป็นวีรบุรุษทหารผ่านศึกผู้ยิ่งใหญ่ แถมอาหญิงของเธอยังเป็นราชินีภาพยนตร์ของฮ่องกง

ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ไม่เคยเจอตัวจริงของบุคคลที่ว่ามาก่อน แค่ได้ยินคนอื่นบรรยายไม่เท่าตาเห็น มาตอนนี้เมื่อได้เห็นผู้คนทยอยก้าวลงจากรถกับตาเนื้อ วังซูเฟินจึงสัมผัสถึงออร่าทรงพลังอย่างแท้จริง

ไม่มีใครในครอบครัวนี้ดูธรรมดาเลยสักคน ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว หรือรูปลักษณ์ภายนอก ล้วนชวนให้สะดุดตาอย่างยิ่ง

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามแต่เดิมของวังซูเฟินในตอนนี้กลับเปล่งประกายสดใส ปรี่เข้าไปทักทายพวกเขาอย่างเป็นกันเอง

หล่อนก็แค่รังเกียจความจน แต่รักความมั่งคั่ง

“ไอหยา เซี่ยเซี่ย พ่อแม่ของเธอมากันแล้วเหรอ?”

หลินเซี่ยมองดูวังซูเฟินที่ทำตัวสูงส่งเหนือใคร ๆ เหมือนนกยูงรำแพนหาง เธอก็ก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวังพร้อมกับพยักหน้า “ค่ะ”

“คุณคงเป็นย่าของเซี่ยเซี่ยสินะคะ?” วังซูเฟินรีบเข้าไปช่วยประคองคุณแม่เซี่ยอย่างมีน้ำใจ “ฉันเป็นอาสะใภ้รองของเจียเหอค่ะ ได้ยินว่าพวกคุณกำลังเดินทางมา ฉันเลยออกมาอยู่รอที่นี่เป็นพิเศษ”

คุณแม่เซี่ยมองผู้หญิงที่แต่งตัวอย่างผู้ลากมากดีตรงหน้าด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

ใครบอกว่าหล่อนเข้าหาได้ยากกัน?

ดูใจดีและเป็นมิตรมากกว่าแม่สามีของหลินเซี่ยเสียอีก

วังซูเฟินพาคุณแม่เซี่ยเข้าไปในร้านอาหาร ในขณะที่หลินเซี่ยและเฉินเจียเหอเดินเข้าไปพร้อมกับผู้อาวุโสทั้งสองคนของตระกูลโจว

โจวเจี้ยนกั๋วขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าน้องสะใภ้ของพี่สาวยืนหัวโด่อยู่ข้างหน้า

เขาไม่มีวันลืมผู้หญิงคนนี้ลง เพราะตอนที่พ่อแม่ของเขาเข้ามาในเมือง พวกเขามักจะถูกหล่อนตั้งแง่รังเกียจและพูดจากระทบกระเทียบอยู่เป็นประจำ

เดี๋ยวนี้หล่อนประโคมการแต่งตัวยิ่งกว่าเมื่อก่อน แปลว่าต้องแสดงท่าทีดูถูกคนที่มาจากชนบทมากกว่าเดิมแน่

ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้ วังซูเฟินที่เพิ่งพาคุณแม่เซี่ยไปนั่งก็บิดเอวก้าวฉับ ๆ เข้ามาหาผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลโจว

“ลุงโจว ป้าโจว พวกคุณยังจำฉันได้อยู่หรือเปล่าคะ? ฉันวังซูเฟิน อาสะใภ้รองของเจียเหอ”

ก่อนที่ชายชราจะได้ตอบกลับอะไร โจวเจี้ยนกั๋วก็มองหน้าหล่อนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงมีความหมายว่า “จำได้แม่นเลยล่ะ ต่อให้ผ่านมานานหลายปี พวกเราก็ไม่ลืมญาติผู้สูงศักดิ์ของหลานฉันหรอก”

“คุณคงเป็นน้าของเจียเหอใช่ไหม? ไม่ได้เจอกันมาหลายปี ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน จำได้ว่าคุณเป็นคนที่มีความสามารถมาตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ แล้ว”

สมองของโจวเจียนกั๋วกำลังประมวลผลเตรียมตอบโต้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องธรรมดาดาษดื่นทำนองนี้กับเขาแทน

จู่ ๆ โทสะของเขาก็ลดลง ไม่รู้จะตอบคำถามของหล่อนอย่างไร

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เห็นว่าญาติฝ่ายเซี่ยเซี่ยเป็นคนดังคนมีฐานะหน่อย เปลี่ยนสีไวยิ่งกว่าคามีเลียนอีกนะอาสะใภ้รอง

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ? เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท