ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 563 หนูอยากร่วมงานแต่งของพ่อกับแม่

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 563 หนูอยากร่วมงานแต่งของพ่อกับแม่

ตอนที่ 563 หนูอยากร่วมงานแต่งของพ่อกับแม่

รถจี๊ปแล่นมาจอดด้านหน้าตึก กล่องใหญ่สองกล่องถูกยกลงจากรถ

ภายในกล่องเหล่านั้นเต็มไปด้วยของขวัญ รวมถึงไวน์และชาราคาแพง เช่นเดียวกับผ้าไหมและผ้าซาติน และเสื้อผ้าที่พวกเขาซื้อให้หลินเซี่ย

พูดตามตรง สินสอดทองหมั้นที่มอบให้กับลูกสะใภ้ทั้งสองนั้นเหมือนกัน แต่ชายชราได้เพิ่มเงินอั่งเปาและเครื่องประดับบางส่วน โดยบอกว่าให้สำหรับหลานชายของพวกเขา เฉินเจียเหอจะได้นำไปซื้อแหวนให้หลินเซี่ย

เซี่ยเหลยมองดูกล่องผูกผ้าซาตินสีแดงที่พวกเขายกเข้ามา เขาค่อย ๆ เดินออกไปต้อนรับพลางพูดว่า “ครอบครัวเจียเหอ พวกคุณสุภาพต่อเราเกินไปแล้ว”

หลังจากเข้าไปในบ้านเรียบร้อย สมาชิกตระกูลเฉินก็ได้รับเชิญให้นั่งลง

ทันทีที่คนตระกูลเฉินหยิบเงินออกมา หลินเซี่ยก็เตือนเขาด้วยความเคอะเขินเล็กน้อย

“คุณปู่ คุณพ่อคะ ตอนที่พวกเรายังอยู่ในบ้านเกิด เฉินเจียเหอได้จ่ายค่าสินสอดให้ฉันแล้วค่ะ”

เพียงแต่สินสอดบางส่วนในช่วงแรกตกไปอยู่ในกำมือของแม่เฒ่าหลิน จากนั้นเธอก็ขอคืนมาได้ ต่อมาเงินจำนวนนั้นก็มีประโยชน์มากเมื่อเธอย้ายสำมะโนครัวมายังไห่เฉิงแล้วใช้เงินสินสอดนั้นเช่าบ้านในเมือง และแบ่งไปลงทุนเปิดร้านตัดผม ถือได้ว่าเป็นทุนเริ่มต้นสำหรับสร้างตัวและตั้งถิ่นฐานใหม่

ตอนนี้เมื่อต้องยอมรับสินสอดเป็นหนที่สอง เธออดไม่ได้ที่จะละอายใจ

ผู้เฒ่าเฉินยิ้มกว้างพลางพูดว่า

“ไม่เป็นไร ครอบครัวฉันตั้งใจแต่แรกว่าจะให้ของพวกนี้กับเธอ จะแต่งงานกี่ครั้งก็ควรมีสินสอดเป็นธรรมเนียม ดังนั้นจงสบายใจที่จะรับมันไว้เถอะ”

วันนี้เฉินเจิ้นเจียงซึ่งมีอุปนิสัยเคร่งขรึมจริงจัง ได้แสดงท่าทีอบอุ่นและมีเมตตาที่หาได้ยาก เขาพูดกับเซี่ยเหลยและคนอื่น ๆ ว่า “เมื่อปีที่แล้ว เจียเหอกับเซี่ยเซี่ยได้จัดงานแต่งงานกันแบบสายฟ้าแลบที่ชนบท เวลานั้นเราไม่มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจ งานแต่งในครั้งนั้นทั้งรีบร้อนและเรียบง่ายไม่สมเกียรติ นึกแล้วก็ให้รู้สึกผิดต่อเซี่ยเซี่ยเสมอมา เราทุกคนเสียใจเป็นอย่างยิ่ง”

จากนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้อและพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว คราวนี้เราจะสนับสนุนให้เด็กทั้งสองคนได้มีงานแต่งงานที่รุ่งโรจน์”

“ครับ” เซี่ยเหลยมองลูกสาวของเขาทั้งน้ำตา พูดสำลักสะอื้น “คราวนี้เราทุกคนจะได้อยู่ดูหล่อนเข้าประตูวิวาห์ด้วยกัน”

ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมงานแต่งอันเรียบง่ายในครั้งแรก แต่คราวนี้พวกเขาจะได้เฝ้าดูลูก ๆ ของตัวเองแต่งงานภายใต้สักขีพยานของทุกคน

สิ่งนี้ไม่เพียงเป็นการชดเชยต่อหลินเซี่ยเท่านั้น แต่ยังจะช่วยชดเชยความเสียใจของพวกเขาด้วย

เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงจัดการปรุงอาหารจานใหญ่ที่บ้าน เตรียมเหล้าไว้เป็นพิเศษเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับตระกูลเฉินที่ยกสินสอดมาให้ถึงที่

เนื่องจากหลินเซี่ยกำลังตั้งท้อง ทั้งสองครอบครัวจึงจงใจลดพิธีที่ยุ่งยากแต่เดิมลงบางส่วน เมื่อคุยกันถึงเรื่องขั้นตอนในการแต่งงาน

ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย คนหนุ่มสาวไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งเสียงดังเอะอะจนเกินงาม

ทั้งสองครอบครัวสรุปรายละเอียดงานแต่งงานด้วยกันเสร็จสรรพ ก็เริ่มเตรียมการแยกย้าย

หลังจากรู้แล้วว่าหลินเซี่ยท้อง ผู้เฒ่าเฉินก็ขอรับหน้าที่แยกหู่จือออกไปดูแลแทน เพื่อไม่ให้เธอทำงานหนักเกินไป

หู่จือประกาศอย่างเริงร่าให้เพื่อน ๆ ในโรงเรียนอนุบาลรู้ทั่วกัน โดยบอกว่าเขาจะได้เข้าร่วมงานแต่งงานของพ่อกับแม่ และยังชวนเพื่อนร่วมชั้นไปร่วมงานเลี้ยง ทำให้ทุกคนแตกตื่นกันยกใหญ่

โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนตัวเองถึงมีโอกาสได้ไปร่วมงานแต่งของพ่อแม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งกลับบ้านไปรบเร้าให้พ่อแม่ตัวเองจัดงานแต่งบ้าง และนั่นทำให้พ่อแม่พากันแตกตื่นตาม รีบรายงานเรื่องนี้ให้ครูประจำชั้นทราบ

ดังนั้น เมื่อผู้เฒ่าเฉินไปรับหู่จือที่โรงเรียน คุณครูจึงรายงานสถานการณ์ให้เขาทราบ

ผู้เฒ่าเฉินรู้สึกเขินอายมาก เมื่อเขาออกจากโรงเรียนอนุบาล ก็เริ่มสอนบทเรียนให้เด็กชาย “หู่จือ เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรเอาเรื่องภายในบ้านไปเล่าให้คนอื่นฟัง ต่อไปนี้อย่าพูดเรื่องไร้สาระในโรงเรียนอีก”

หู่จือตอบโต้อย่างมีเหตุผลว่า “ผมไม่ได้พูดไร้สาระ พ่อแม่ผมกำลังจะแต่งงานกันจริง ๆ นี่นา พ่อแม่ของเพื่อน ๆ ผมเขาไม่ยอมแต่งงานกันเอง ผมพูดความจริงแล้วมันผิดตรงไหน?”

“เจ้าเด็กคนนี้…”

หู่จือพูดจบก็พาสองขาสั้น ๆ ก้าวขึ้นรถจี๊ปทรงสูงไปอย่างไม่รู้ความผิดตัวเอง

เป็นครั้งแรกที่ผู้เฒ่าเฉินรู้สึกว่าเด็กเล็กช่างรับมือได้ยากจริง ๆ

เมื่อผู้เฒ่าเฉินไปรับหู่จือที่โรงเรียน หลินเซี่ยก็ไม่มีอะไรทำในช่วงบ่าย ทำได้เพียงกลับบ้านและใช้เวลาอยู่กับจักรเย็บผ้าเพื่อตัดเย็บเสื้อผ้าชุดใหม่เท่านั้น

เธออยากตัดเย็บชุดสวย ๆ ให้ย่าและแม่ใส่ในวันแต่งงานของตัวเอง

สินค้าที่วางขายอยู่ตามตลาดหรือห้างร้านล้วนล้าสมัยหรือล้ำสมัยเกินไป ถ้าซื้อแบบสำเร็จรูปให้ใส่พวกเขาอาจมองว่าไม่เหมาะสม หลินเซี่ยจึงลงมือตัดเสื้อให้เข้ากับบุคลิกของแต่ละคน

ขณะที่เหยียบมอเตอร์จักรเย็บผ้า ก็มีคนมาเคาะประตู

หลินเซี่ยเปิดประตู เห็นว่าเป็นเจียงอวี่เฟยที่ยืนอยู่หน้าประตูโดยถือถุงกล่องอาหารไว้

“อวี่เฟย ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”

“ฉันออกมาเดินเล่น กะจะแวะเยี่ยมบ้านป้าหวัง แต่เธอยังไม่กลับมาเลย”

เจียงอวี่เฟยเดินถือของเข้าไปในห้อง หล่อนซื้อขนมหม่าล่ากับบ๊วยเปรี้ยวมาฝากหลินเซี่ยโดยเฉพาะ

“นี่ มีทั้งของเปรี้ยวของเผ็ด มาดูกันว่าเธอถูกใจรสชาติไหน”

“เหมาหมด ฉันชอบกินทุกอย่าง”

เจียงอวี่เฟยนั่งลงบนโซฟา ถามหลินเซี่ยด้วยความอยากรู้

“ฉันได้ยินพ่อเล่าให้ฟังว่าป้าหวังโดนตัดรายชื่อจนไม่ได้รับจัดสรรบ้านหลังใหม่ แล้วทางโรงงานก็มอบโควตาให้พนักงานคนอื่นแทนจริงเหรอ?”

หลินเซี่ยตอบว่า “ใช่ พวกเขาให้หล่อนรอรอบต่อไป บอกว่าปีหน้าจะมีการจัดสรรบ้านชุดใหม่”

“พ่อบอกว่าปีหน้าป้าหวังก็คงยังไม่ได้รับการจัดสรรบ้านหรอก มีคนรอต่อแถวเยอะมาก พ่อยังเล่าด้วยว่าหัวหน้างานของหล่อนได้ยินว่าหล่อนกำลังคบหากับพ่อ นั่นแปลว่าหล่อนจะแต่งงานในอีกไม่ช้าก็เร็ว แล้วย้ายไปอยู่ที่บ้านพักในเขตโรงงานเครื่องจักร

เพราะแบบนั้นโรงงานถึงไม่จัดสรรบ้านหลังใหม่ให้กับหล่อน ความจริงพ่อฉันอยากแต่งงานกับหล่อนเร็ว ๆ ภายในปีหน้า และพยายามเกลี้ยกล่อมป้าหวังไม่ให้หมกมุ่นอยู่กับบ้านหลังใหม่ เพราะถึงยังไงต่อให้พ่อแต่งงาน ฉันก็มีที่อยู่อื่น พวกเขาสามารถอยู่ร่วมกันได้สบาย ติดตรงป้าหวังยืนกรานที่จะรอบ้าน ไม่ยอมรับคำขอของพ่อท่าเดียว พ่อฉันพลอยป่วยเป็นไข้ใจ เอาแต่ทอดถอนใจตลอดทั้งวัน ฉันคิดว่าค่อนข้างจริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้มากนะ อยากแต่งงานแล้วพาป้าหวังมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน เธอคิดว่าเขาควรทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี?”

เจียงอวี่เฟยก็เหนื่อยจะไกล่เกลี่ยเช่นกัน

หลินเซี่ยมองหล่อนและถามด้วยรอยยิ้ม “วันนี้เธอมาที่นี่ก็เพื่อเป็นตัวกลางช่วยเจรจาสินะ?”

เจียงอวี่เฟยพยักหน้า “ช่วงนี้พ่อฉันเจริญอาหารน้อยลงทุกที ฉันเลยตั้งใจจะแวะมาคุยกับป้าหวังเพื่อดูว่าหล่อนคิดอะไรอยู่กันแน่ พวกเขาสองคนคบกันมานานแล้วโดยที่ยังไม่ไปจดทะเบียนกันสักที ไม่สมเหตุสมผลเลย คำพูดของคนอื่นยิ่งร้ายกาจอยู่ด้วย เกิดพวกเขาตัดสินว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมล่ะ ตอนนี้พ่อฉันเป็นรักษาการผู้อำนวยการโรงงานเครื่องจักรด้วย ฉันกลัวว่าคนอื่นจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ทำให้เขาหลุดจากตำแหน่ง”

หลินเซี่ยรู้สึกว่าเจียงอวี่เฟยเป็นผู้ใหญ่มากกว่าก่อนหน้านี้มาก เข้าใจความคิดของคนอื่นในทุกแง่มุม

เธอเงี่ยหูฟังเสียงที่หน้าต่าง ดูเหมือนว่าเสียงของหวังซิ่วฟางจะดังขึ้นมาจากชั้นล่าง และพูดกับเจียงอวี่เฟยว่า

“ได้ งั้นไปคุยกับหล่อนเถอะ ดูเหมือนหล่อนจะกลับมาแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะ ฉันจะไปคุยกับหล่อนให้รู้เรื่อง แล้วจะกลับมาหาเธอทีหลัง”

เจียงอวี่เฟยมอบของที่หล่อนถือไว้ครึ่งหนึ่งให้กับหลินเซี่ย จากนั้นจึงเดินลงไปชั้นล่างโดยถือถุงขนมติดมือไปด้วย

หวังซิ่วฟางเพิ่งไปรับเสี่ยวฮวากลับมาหลังเลิกงาน เมื่อเห็นเจียงอวี่เฟยยืนอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับถือของมากมาย หล่อนก็ต้อนรับเจียงอวี่เฟยอย่างกระตือรือร้น

เสี่ยวฮวาเรียกหล่อนว่าพี่อวี่เฟยเสียงหวาน

“เสี่ยวฮวา พี่สาวซื้อของอร่อย ๆ และไก่ย่างมาให้เธอด้วย จากนี้เรามาแทะน่องไก่กินกันเถอะ”

เจียงอวี่เฟยมอบของในมือให้กับหวังซิ่วฟาง

“ขอบคุณค่ะพี่อวี่เฟย” เสี่ยวฮวายิ้มโชว์ฟันเขี้ยวเล็ก ๆ อย่างมีความสุข ตอบรับอย่างรู้ความ

เจียงอวี่เฟยดึงเสี่ยวฮวามากอดไว้ในอ้อมแขน และอธิบายให้เธอฟังอย่างอดทน “ต่อจากนี้ฉันจะกลายเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเธอแล้ว ดังนั้นจากนี้ไปเธอเรียกฉันว่าพี่คำเดียวก็พอ ไม่ต้องเรียกชื่อ”

เสี่ยวฮวาฟังแล้วรู้ความมาก เปลี่ยนคำเรียกอย่างคมชัดว่า “ขอบคุณค่ะพี่”

หล่อนพูดอย่างตื่นเต้นกับเจียงอวี่เฟยว่า “หู่จือบอกว่าพ่อแม่ของเขากำลังจะแต่งงานกัน เขาชวนพวกเราไปร่วมงานเลี้ยงและกินลูกอมแต่งงานด้วย”

หลังจากที่เสี่ยวฮวาพูดจบ หล่อนก็มองไปที่หวังซิ่วฟางอย่างไร้เดียงสาแล้วถาม “แม่คะ เมื่อไหร่แม่กับลุงเจียงจะแต่งงานกันเหรอ? หนูอยากเอาลูกอมแต่งงานไปโรงเรียน จะได้แบ่งให้เพื่อนร่วมชั้นด้วย”

หวังซิ่วฟางลูบผมหล่อนด้วยความเขินอาย มองดูเจียงอวี่เฟยแล้วพูดอย่างไม่สบายใจว่า “โธ่เอ๊ย ดูเด็กคนนี้สิ ต้องการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นไปซะทุกอย่าง”

เจียงอวี่เฟยที่ตอนแรกไม่รู้ว่าจะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดอย่างไรดี กลับรู้สึกดีใจที่เสี่ยวฮวาเป็นฝ่ายริเริ่มก่อน

ดังนั้นหล่อนจึงพูดต่อจากคำถามของเสี่ยวฮวา พูดกับหวังซิ่วฟางอย่างจริงจังว่า “ป้าหวัง คุณเองก็คบกับพ่อฉันมานานมากแล้ว พวกเราเข้ากันได้ทุกอย่าง ฉันคิดว่าที่เสี่ยวฮวาพูดก็ถูก คุณควรคิดถึงการแต่งงานเอาไว้ในตารางชีวิตหลัก ๆ ของตัวเองได้แล้ว มาจัดการเรื่องทุกอย่างให้มันถูกต้องกันดีกว่าค่ะ”

“แต่ว่า…” หวังซิ่วฟางดูเขินอาย

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เสี่ยวฮวาทำดีมากเลยค่ะ ดูท่าการเจรจาให้ป้าหวังยอมทิ้งโควตาบ้านเพื่อแต่งงานกับลุงเจียงคงอยู่ไม่ไกล

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ? เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท