บทที่ 1311 แต่งงานด้วยความสบายใจ
บทที่ 1311 แต่งงานด้วยความสบายใจ
เมื่อเห็นฉือโถวมาที่นี่ในวันนี้และพูดกับนางด้วยความจริงใจหลายคำ เพียงเพื่อให้นางแต่งงานด้วยความสบายใจ เขาสัญญาว่าจะปฏิบัติต่อนางอย่างดีไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะมีเรื่องอื่นเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่หลังจากแต่งงานกับเขาแล้ว นางจะเป็นหญิงเพียงคนเดียวในชีวิตของเขา
ฟ่านหลิงรู้สึกประทับใจจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองฉือโถวด้วยดวงตาสีดำกลมโต
ฉือโถวยังจ้องมองที่นางอย่างตั้งใจ ดวงตาสีเข้มคู่นั้นราวกับจะดูดกลืนนางเข้าไป
“สวรรค์ ผู้หญิงคนนี้จากตระกูลฟ่านไม่ได้มีความโดดเด่น ตระกูลจางเป็นครอบครัวที่ดี และดูเหมือนว่าพวกเขาจะชอบลูกสะใภ้คนนี้มาก”
“ถูกต้อง ตระกูลจางมีลูกชายคนเดียว และน้องสาวของเขาก็เป็นเสี้ยนจู่ ไม่ต้องพูดถึงว่าสินสอดจะเยอะหรือไม่ เพียงเพราะภูมิหลังครอบครัวของเขาก็มีผู้คนมากมายอยากแต่งงานด้วย เพียงแต่เขาไม่ชอบเท่านั้น
“ข้าไม่รู้ว่าทำไมครอบครัวนี้ถึงสนใจผู้หญิงจากตระกูลฟ่าน นางแก่เกินไปและหน้าตาก็ไม่ดี” บางคนมองไม่เห็นฉากที่สวยงามเช่นนี้ และเริ่มพูดจาประชดประชัน
แต่ชาวบ้านจำนวนมากที่นี่ได้รับการดูแลโดยกู้เสี่ยวหวานและตระกูลจาง เหตุการณ์สำคัญเช่นนี้ จะปล่อยคนขี้อิจฉาเหล่านี้มาทำลายได้อย่างไร ดังนั้นจึงมีคนโต้แย้งขึ้นทันที “เหอะ! กินองุ่นไม่เป็น แต่เที่ยวไปบอกว่าองุ่นเปรี้ยว ข้าจำได้ว่าปีที่แล้วมีคนไปบ้านตระกูลจางและแนะนำลูกสาวของตัวเองให้ แต่น่าเสียดาย ไม่ว่านางจะสวยแค่ไหน คนตระกูลจางก็ไม่ชอบ ตระกูลจางไม่ใช่คนประเภทมองคนที่ใบหน้า สาวน้อยตระกูลฟ่านถึงจะอายุมากไปหน่อย แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าทำไมนางถึงแต่งงานในวัยนี้ นางขยัน กตัญญู นางมีดีกว่าคนที่มีหน้าตาดีเสียอีก”
“หากข้ามาจากตระกูลจาง ข้าก็จะแต่งงานกับผู้หญิงจากตระกูลฟ่านผู้นี้”
คนที่พูดประชดประชันเมื่อครู่รู้สึกละอายใจมากที่ถูกชาวบ้านโต้กลับ เขาจะทนอยู่ต่อได้อย่างไร เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงรีบวิ่งหนีเตลิดออกไป
ฟ่านต้าฉวีได้สติคืนกลับมาจากที่เห็นสินสอดหมายมากมาย เขารีบดึงฉือโถวเข้ามาใกล้ และถามอย่างตื่นตกใจว่า “ฉือโถว ของเหล่านี้คือ…”
“ท่านลุงฟ่าน ท่านไม่ต้องห่วง นี่เป็นของหมั้นสำหรับเสี่ยวหลิง”
“แต่ในหมู่บ้านของเราไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน” ฟ่านต้าฉวียังคงสับสนเล็กน้อย เขาไม่มีความสุขเลยที่ได้รับสินสอดมากมาย กลับกันเขาค่อนข้างรู้สึกกังวล
ตระกูลจางมอบสินสอดให้มากมาย แต่เขาไม่สามารถหาสินสอดที่เหมาะสมมาได้เลย
เมื่อเห็นท่าทางกังวลของฟ่านต้าฉวี ฉือโถวดูเหมือนจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังกังวลเรื่องอะไร จึงรีบพูดว่า “ท่านลุงฟ่านไม่ต้องเป็นกังวลไป สิ่งเหล่านี้เป็นของเสี่ยวหลิง ท่านสามารถตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับพวกมัน”
ฉือโถวไม่ใช่คนที่รักในเงินทอง เขาเคยมีชีวิตอย่างลำบากมาก่อน และเขาก็รู้ว่าถ้าเขาอยากรวย เขาสามารถพึ่งพาความขยันขันแข็งของตัวเองได้เท่านั้น
สุขภาพของฟ่านต้าฉวีไม่ค่อยนักดี เขาต้องไปพบหมอและรับยาตลอดทั้งปี แต่เขาไม่สามารถจ้างหมอที่ดีมารักษาอาการป่วยของเขาได้ ดังนั้นจึงผัดวันประกันพรุ่งมาเนิ่นนานปี ไม่ว่าตระกูลฟ่านจะทำงานหนักแค่ไหนก็ชดเชยสิ่งเหล่านั้นไม่ได้
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉือโถวนำสินสอดทองหมั้นมามากมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้น เสี่ยวหลิงจะนำอะไรมาเพื่อแต่งงานกับเขา เขาจะไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ
เมื่อเห็นความเอื้ออาทรของฉือโถว ฟ่านต้าฉวีก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ หลังจากที่ฉือโถวส่งมอบสินสอด เขาก็ขอตัวกลับทันที อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแต่งงานของเขากับฟ่างหลิง และในช่วงเวลานี้พวกเขาไม่สามารถเจอกันได้อีก
เมื่อเดินไปที่คันนา ฉือโถวดูเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้จึงมองย้อนกลับไป เขาเห็นฟ่านหลิงยืนอยู่ที่บริเวณประตู มองตัวเองเหมือนเมื่อก่อนโดยไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน
เปรียบเหมือนภรรยาที่เฝ้ารอสามีที่ประตู รอคนที่นางรักกลับบ้าน
กระแสน้ำอุ่นไหลผ่านหัวใจของเขา ฉือโถวยกมือขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจและโบกมือไปทางฟ่านหลิงด้วยรอยยิ้มกว้าง
ฟ่านหลิงก็เห็นเช่นกัน นางก็ยกมือขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
ความจริงที่ว่าฉือโถวกำลังจะแต่งงานเร็ว ๆ นี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนในเมือง เมื่อพวกเขาได้ยินว่าตระกูลจางมอบของขวัญสินสอดทองหมั้นสามสิบหกชิ้นให้กับตระกูลฟ่าน ดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ทุกคนชื่นชมความเอื้ออาทรของตระกูลจาง
กู้เสี่ยวหวานไปที่ร้านหรูอี้เพื่อทำเสื้อผ้า และไปที่ร้านลี่เฝิ่นเพื่อซื้อชาด เนื่องจากบังเอิญว่าวันนี้ฉินเย่จือว่าง เขาจึงขอติดตามนางไปด้วย
พวกเขามาถึงร้านหรูอี้ เมื่อเยว่เหนียงเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานมาถึงที่นี่ ตนเองจึงออกไปทักทายอีกฝ่ายด้วยตัวเอง และแนะนำวัสดุที่ดีที่สุดที่ร้านหรูอี้ที่นำเข้ามาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาให้กู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานชื่นชอบผ้าสีขาว สีคราม และสีแดงสด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผ้าที่ดีที่สุดในร้านหรูอี้ เมื่อขอให้เยว่เหนียงห่อให้ตนเอง เยว่เหนียงก็ตกตะลึงไปชั่วขณะและพูดว่า “เสี้ยนจู่ สีครามนี้เข้มเกินไป ข้าว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับท่านนัก”
“ข้ารู้” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างสบาย ๆ “ข้าไม่ได้ทำเสื้อผ้าให้ตัวเอง ข้าทำให้เขา”
ฉินเย่จือไม่มีเสื้อผ้าใหม่มานานแล้ว และเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ก็เป็นของปีที่แล้ว แม้ว่าเสื้อผ้าจะไม่ได้เก่ามาก แต่หลังจากซักมาหลายครั้ง เสื้อผ้าก็ดูเก่าลง อีกอย่างเขาจะไปเมืองหลวงในไม่ช้า ดังนั้นนางจึงต้องการทำเสื้อผ้าอีกสองสามชุดให้เขา
อาจั่วที่อยู่ข้างหลังดึงแขนเสื้อของอาโม่ และพูดเสียงเบาที่ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น “ดูสิว่าคุณหนูใจดีกับนายท่านแค่ไหน”
“ถูกต้อง ทั้งคู่ดีต่อกันมาก” อาโม่ขยิบตาให้อีกฝ่าย
จากนั้นก็เห็นฉินเย่จือที่มีท่าทางดีใจเมื่ออยู่ต่อหน้ากู้เสี่ยวหวานหันศีรษะและมองไปทางด้านหลัง ท่าทางดีใจนั้นไม่มีอีกแล้ว ดวงตาเรียวยาวของเขาแสดงความเย่อหยิ่ง หลังจากอาจั่วและอาโม่เห็นท่าทางนั้นพอดี พวกเขาทั้งสองจึงไม่กล้าพูดอะไรและก้มหน้าลง
—
บทที่ 1312 เจอกันอีกแล้ว
บทที่ 1312 เจอกันอีกแล้ว
เยว่เหนียงกำลังห่อผ้าและรู้สึกได้ว่าอากาศรอบตัวเย็นขึ้น นี่เป็นช่วงฤดูร้อน แต่ว่าเหตุใดถึงรู้สึกเหมือนตกลงไปในธารน้ำแข็ง และกู้เสี่ยวหวานก็สัมผัสถึงสิ่งนี้ได้ นางหันไปมองฉินเย่จือที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของเขาจึงถามว่า “ท่านไม่ชอบหรอกหรือ”
“ชอบสิ” ดวงตาเรียวยาวที่เต็มไปด้วยความเย็นชาเหมือนเมื่อครู่สลายหายไป ตอนนี้สายตาของเขาเหมือนความอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ สดใสราวกับดอกไม้ในเดือนสาม
เยว่เหนียงที่อยู่ด้านข้าง ครั้นเห็นรอยยิ้มของฉินเย่จือ การเคลื่อนไหวของนางจึงหยุดชะงักและต้องตกตะลึง ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา เกรงว่าชีวิตนี้คงได้เห็นเพียงครั้งเดียว
เยว่เหนียงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง และทันใดนั้นก็รู้สึกราวกับว่ามีคนจ้องมองที่ตนเอง ซึ่งสายตานั้นมาจากทิศทางตรงกันข้าม เมื่อนางมองไปก็เห็นฉินเย่จือที่กำลังฟังกู้เสี่ยวหวานพูดกับเขาเป็นครั้งคราว ท่าทางของสุภาพบุรุษราวกับว่าสายตาอาบยาพิษที่นางเห็นเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงภาพลวงตา
เฮ้อ… ดูเหมือนว่าตัวเองจะแก่แล้วจริง ๆ และสายตาฝ้าฟาง
หลังจากห่อสิ่งของให้กู้เสี่ยวหวานแล้ว หญิงสาวก็จ่ายเงินและเตรียมจะออกไป เยว่เหนียงดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ และทันใดนั้นก็พูดว่า “เสี้ยนจู่ ข้าได้ยินมาว่าเดือนหน้าท่านกำลังจะไปเมืองหลวง”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าตอบรับ “เป็นวันเกิดของไทเฮา มีรับสั่งให้สตรีระดับสูงเข้าเฝ้า ครั้งนี้ข้าจึงต้องไปด้วย”
“เมื่อไปเมืองหลวงจะมีเวลาว่างสักพักใช่หรือไม่” เยว่เหนียงยังคงถามต่อ
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “น่าจะเป็นเช่นนั้น”
เยว่เหนียงปรบมืออย่างดีใจ “จริงหรือ? เยี่ยมมาก ข้าคิดว่าท่านคงรู้ว่าข้ากับน้องสาวเคยเรียนวิชาปักผ้าจากช่างปักในวัง และนางเองก็อยู่ในเมืองหลวง เราไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว ข้าอยากเจอนางมาก แต่ข้าแก่เกินกว่าจะเดินทางไปแล้ว จึงคิดว่าถ้ามีใครไปเมืองหลวง ข้าจะขอให้นำของบางอย่างฝากไปให้น้องสาวคนนั้น เป็นเรื่องบังเอิญว่าท่านจะไปที่นั่นพอดี ไม่รู้ว่าเสี้ยนจู่จะช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “แน่นอน”
ไม่ต้องพูดถึงเยว่เหนียง เมื่อนางมีปัญหา พี่ฝูก็ดูแลนางอย่างดี กู้เสี่ยวหวานจะไม่มีวันลืมบุญคุณนี้ เมื่อเยว่เหนียงเอ่ยปากขอ กู้เสี่ยวหวานพร้อมยินดีช่วยเหลือ
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานตกลงช่วย เยว่เหนียงก็มีความสุขมาก “ดีจริง ๆ เลย เสี้ยนจู่ ข้าจะส่งจดหมายไปบอกน้องสาวของข้าทันที ถ้านางรู้ นางคงจะมีความสุขมาก เมื่อถึงเวลาพวกเราจะนำของไปมอบให้ท่าน ขอบคุณท่านมาก”
มันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานบอกนางว่าอย่าคิดมาก จากนั้นจึงไปยังร้านเครื่องประทินโฉม
ภายในร้านมีลูกค้าสตรีสองคนกำลังเลือกซื้อสินค้า สอบถามลี่เหนียงเป็นครั้งเป็นคราว และลี่เหนียงก็ตอบทีละคำถามอย่างใส่ใจ
“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าดูสิ ชาดสีนี้เข้ากับสีผิวของเจ้าเป็นอย่างมาก หากเจ้าใช้มัน มันคงจะขับผิวให้ขาวยิ่งกว่าหิมะแน่นอน” เสียงประจบสอพลอนี้ฟังดูคุ้นเคย ครั้นกู้เสี่ยวหวานได้ยินก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดว่าคนคนนี้คือใคร ต้องเป็นกู้ซินเถาอย่างไม่ต้องสงสัย
และคนที่นางพูดด้วยก็คือชื่อของอวิ๋นเอ๋อร์ ในขณะนี้ก็พูดอย่างละเอียดอ่อนเช่นกัน “ชาดนี้ก็สวยมากเช่นกัน มันเหมาะกับเจ้ายิ่งนัก เหตุใดถึงไม่ลองดูล่ะ”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานย่างเท้าเข้าไปก็พบกับสตรีสองคนที่นางไม่ชอบหน้า หญิงสาวไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับสองคนนี้ ดังนั้นนางจึงหันหลังกลับไปและจากไปทันที
ใครจะรู้ว่าลี่เหนียงจะเหลือบมาเห็นนางและกล่าวทักทายทันที “เสี้ยนจู่ ท่านมาที่นี่!”
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์และกู้ซินเถากำลังลองของที่อยู่ในมือ ครั้นได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานมาที่นี่ การเคลื่อนไหวของมือก็หยุดชะงักทันที
เสี้ยนจู่? ใครคือเสี้ยนจู่? นอกเหนือจากกู้เสี่ยวหวานแล้วจะเป็นใครไปได้
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์และกู้ซินเถารีบวางของในมือลง และเมื่อหันกลับไป บนหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มสอพลอ “โอ้! ท่านเสี้ยนจู่ ลมอะไรพัดท่านมาที่นี่กัน”
หลังจากทักทายลี่เหนียงแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ต้องการคุยกับสองคนนั้น นางจึงไปที่โต๊ะแสดงสินค้าเพื่อเลือกของบางอย่าง
ฟ่านหลิงกำลังจะแต่งงาน และนางกำลังคิดที่จะซื้อชาดและเครื่องประทินผิวให้ฟ่านหลิงสักหน่อย เดิมทีตัวนางเองไม่ค่อยชอบใช้ของพวกนี้เท่าไรนัก ยกเว้นจะใช้ชาดในบางโอกาส
หลังจากที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์และกู้ซินเถาพูดเหน็บแนม พวกนางก็มองไปข้างหลัง จึงเห็นอาจั่วและอาโม่ที่หน้าตาไร้อารมณ์ตามมา ทั้งคู่ก็อิจฉาเล็กน้อย ดังนั้นคำพูดจึงออกมาจากปากพวกนางอีกครั้ง “ไม่คาดคิดว่าเสี้ยนจู่ที่งดงามจะมาซื้อเครื่องประทินผิวเหล่านี้ด้วย”
สมองของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ผู้นี้ถูกโยนทิ้งไปตอนที่นางออกมาจากครรภ์มารดาหรือ? กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจที่จะคุยกับนาง และจดจ่อกับการเลือกสิ่งของที่อยู่ตรงหน้า
กู้ซินเถารู้ถึงความแข็งแกร่งของกู้เสี่ยวหวาน และครั้งนี้นางไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่งกับกู้เสี่ยวหวานโดยตรง อย่างไรก็ตาม นางมีจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ที่ทรงพลังอยู่เคียงข้าง
ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานไม่สนใจตัวเอง ใบหน้าที่ขาวเนียนของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “เฮ้อ ข้ากำลังคุยกับเจ้าอยู่นะ เหตุใดเจ้าถึงไม่ตอบเข้า อย่าคิดว่าเจ้าเหนือกว่าคนอื่นเพราะเป็นเสี้ยนจู่ ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะ ครอบครัวของข้าไม่ใช่คนธรรมดา ท่านพ่อของข้าคือจ้าวสวิ่น”
กู้เสี่ยวหวานยังคงเพิกเฉยต่อนาง และคุยกับลี่เหนียงว่าควรใช้ชาดแบบไหนเพื่อให้ผิวของฟ่านหลิงดูดี ลี่เหนียงไม่ชอบจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เพราะนางมีท่าทีหยิ่งยโส เมื่อนางมาที่ร้าน นางมักจู้จี้จุกจิกและอาศัยเงินในมือ นางไม่ชอบสิ่งนี้ นางไม่ชอบสิ่งนั้น พูดไร้สาระไปต่าง ๆ นานา
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่สนใจ ลี่เหนียงก็ไม่สนใจเช่นกัน
เมื่อนางคุยกับกู้เสี่ยวหวาน แต่กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ตอบ ตอนนี้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์รู้สึกหงุดหงิด นางก้าวไปข้างหน้า และต้องการยั่วโมโหกู้เสี่ยวหวาน
อาจั่วและอาโม่ต่างยืนอยู่ข้างกู้เสี่ยวหวาน และพวกเขาก็ไม่ได้สนใจจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เลย
กู้ซินเถาเห็นจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เดินไปข้างหน้า จากนั้นมองไปที่คนทั้งสองที่ขนาบข้างกู้เสี่ยวหวาน โดยรู้ว่าถ้าจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไปทำอะไรก็ตามในตอนนี้ นางจะไม่ได้อะไรเลย ในทางกลับกัน นางอาจจะประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่