บทที่ 324 งานประมูลใหญ่
บทที่ 324 งานประมูลใหญ่
ในไม่ช้าเรื่องนี้ก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง คนของแก๊งวาฬยักษ์ทั้งหมดก็รวมตัวกัน และเปลี่ยนชื่อเป็นแก๊งทะเลฉลาม
อีกด้านหนึ่ง…
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลี่จิงเทียนมาที่บริษัทแต่เช้าและนั่งบนเก้าอี้ราคาแพงอันแสนสบายของตัวเองอีกครั้งด้วยสีหน้าเบิกบานสุดขีด
หลี่อิงไห่ถูกโค่น หวังเจวียตายแล้ว อู๋เส้าฮัวก็ตายเช่นกัน แม้แต่เผิงอิงอิงที่เคยสมรู้ร่วมคิดกับเขาก่อนหน้านี้ก็ต้องไปนอนในคุก แต่ตอนนี้เขากลับยังสามารถนั่งสบายอยู่ที่นี่ได้
นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาฉลาดกว่าคนพวกนั้นหรอกเหรอ?
หลี่จิงเทียนคิดอย่างภาคภูมิใจ
“ฮึ คนเหล่านั้นมันก็แค่พวกโง่เง่า พวกมันคิดว่าพวกมันฉลาดมาก แต่ฉันต่างหากที่ฉลาดมากกว่าพวกมัน!”
ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่ามากกว่าเดิม
แต่แน่นอนว่าถึงแม้ในตอนนี้เขาจะยังละทิ้งนิสัยหลงตัวเองไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าตัวอยู่เหนือกว่าพี่เขยของตัวเองอีกแล้ว เขาเข้าใจดีว่าจากทัศนคติของพี่เขย นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ตัวเองจะได้รับการให้อภัย หลังจากนี้หากเขาสร้างเรื่องอีก เขาอาจจะได้ไปนอนตัวเย็นอยู่ใต้ต้นไม้แถบชานเมืองแทน
ชั้นบนสุดของอาคารสำนักงาน
“วันนี้หลี่จิงเทียนมาที่บริษัทหรือเปล่า?”
หลังจากฟังรายงานตามปกติแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็ถามด้วยความสนใจ
“เขามาครับท่านประธาน แต่หลังจากที่เขาเข้าไปในออฟฟิศของตัวเอง เขาก็ไม่ออกมาเลย”
ผู้จัดการหวังจับตาดูความเคลื่อนไหวของหลี่จิงเทียนอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถตอบได้อย่างรวดเร็ว
“อืม ดีแล้วที่มันไม่ออกมาเดินเพ่นพ่าน ถึงแม้ว่าผมจะให้ตำแหน่งรองประธานกับเขา แต่เขาจะไม่มีสิทธิไม่มีเสียงใด ๆ ทั้งนั้นในบริษัท เอาไว้เดี๋ยวผมจะจัดการประชุมกับผู้บริหารทุกคนเพื่ออธิบายเรื่องนี้กับทุกคนให้รู้เอาไว้ด้วย”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและอธิบายแผนของเขาอย่างชัดเจน
ชายหนุ่มไม่ได้คิดอะไรมากกับการให้เงินเดือนหลี่จิงเทียนแบบเปล่า ๆ แต่สิ่งที่กังวลก็คือ เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายมายุ่มย่ามกับกิจการในบริษัท
หลี่จิงเทียนนั้นค่อนข้างโง่ และเป็นพวกไร้สมอง คนแบบนี้ต่อให้ไม่คิดร้ายต่อบริษัท แต่หากเข้ามามีอำนาจตัดสินใจในบริษัทมากเกินไปมันก็รังแต่จะทำให้บริษัทวุ่นวาย
ผู้จัดการหวังไม่ได้ถามอะไรต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท้ายที่สุด นี่คือเรื่องในครอบครัวของเจ้านายของเขา ดังนั้นจึงไม่ควรออกความเห็นมากเกินไป
แต่ในขณะเดียวกันนี้ จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของอวี้ฮ่าวหรานก็ดังขึ้น
“คุณออกไปก่อน”
เมื่อเห็นมีสายเข้า อวี้ฮ่าวหรานโบกมือให้ผู้จัดการหวังออกไปและรับโทรศัพท์
“ฮ่า ๆๆ! น้องอวี้ ช่วงนี้นายเป็นไงบ้างสบายดีไหม? ไม่เห็นนายติดต่อมาบ้างเลย หรือว่าเดี๋ยวนี้นายไม่สนใจพวกวัตถุโบราณแล้ว?”
น้ำเสียงที่ร่าเริงของหลินป๋อดังมาจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง
“อืม ก่อนหน้านี้ผมยุ่งนิดหน่อย แต่วันนี้ผมว่างอยู่”
“ฮ่า ๆ ถ้างั้นก็เยี่ยมเลย! วันนี้ฉันจะไปงานประมูลระดับสูง ในงานมีโบราณวัตถุล้ำค่ามากมายที่จะถูกนำขึ้นประมูลแยกกัน และงานประมูลนี้ก็เชิญแขกไม่มาก อีกทั้งคนนอกไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วม แต่ถ้านายว่างวันนี้ตอนเที่ยงนายมาหาฉันได้เลย!”
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของอวี้ฮ่าวหรานเต้นรัวทันที
“โอเค บอกสถานที่มาได้เลย ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
เขาตกลงโดยไม่ลังเล
ถึงเวลาที่เขาควรจะเร่งเพิ่มระดับการบ่มเพาะ
การปรากฏตัวของผู้บ่มเพาะขอบเขตก่อรากฐานทำให้เขาตระหนักว่านับจากนี้เขาจะต้องเจอกับพวกผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งในโลกนี้แล้ว ซึ่งถ้าหากต้องการใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นต่อไป ชายหนุ่มก็จำเป็นต้องบ่มเพาะให้เร็วขึ้นเท่านั้น
“ตกลง! สถานที่จัดงานประมูลคือห้องจัดเลี้ยงที่ชั้นบนสุดของโรงแรมเคมปินสกี้ ตอนนี้ฉันเองก็อยู่ในระหว่างเดินทางไป เอาไว้เราเจอกันที่นั่นก็แล้วกันนะน้องอวี้!”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าแล้วก็วางสาย
ช่วงก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ซื้อโบราณวัตถุมาพักใหญ่ ๆ แล้ว
หลังจากกลับจากการทริปไปเที่ยว มันก็มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ชายหนุ่มยุ่งจนไม่มีเวลาทำอะไรอย่างอื่น
จากนั้นเขาก็ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการจัดการเอกสารตอนเช้า และขับรถตรงไปยังโรงแรมเคมปินสกี้
หลังจากผ่านไปกว่ายี่สิบนาที อวี้ฮ่าวหรานก็มาถึงล็อบบี้ของโรงแรม และแจ้งชื่อของตัวเองกับพนักงานโรงแรม
ดูเหมือนว่าหลินป๋อจัดการทุกอย่างให้เขาหมดแล้ว พวกพนักงานโรงแรมจึงนำทางเขาตรงไปยังลิฟท์อย่างนอบน้อม
ระหว่างทางนั้นมีพวกบอดี้การ์ดชุดดำจำนวนมากยืนประจำจุดตามรายทางทุก ๆ สิบเมตร ที่เอวของบอดี้การ์ดเหล่านี้โปนเล็กน้อยซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าคนเหล่านี้ล้วนติดอาวุธกันทุกคน
เห็นได้ชัดว่าการประมูลครั้งนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่
ในไม่ช้า ภายใต้การนำของพนักงาน เขาก็เข้าไปในห้องจัดเลี้ยงชั้นบนสุด
ห้องจัดเลี้ยงแบ่งออกเป็นสองส่วน ครึ่งหลังของห้องเต็มไปด้วยอาหารและของขบเคี้ยวต่าง ๆ เหมือนงานเลี้ยงทั่วไป
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมีโต๊ะที่ดูหรูหราวางอยู่บนเวที และที่ด้านล่างเวทีก็มีเก้าอี้ที่แต่ละตัวดูราคาแพงจำนวนมากวางเรียวแถวอยู่หลายสิบตัว เห็นได้ชัดว่าส่วนนี้ใช้สำหรับจัดงานประมูล
ในเวลานี้ห้องจัดเลี้ยงเต็มไปด้วยพวกผู้บริหารบริษัทต่าง ๆ ในเมืองฮ่วยอันมากมาย
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงของซูหว่านเอ๋อ
“ฉัน…ฉัน…ไปได้แล้วหรือยัง?”
น้ำเสียงของซูหว่านเอ๋อเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก ซึ่งมันทำให้อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะเดินไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
หลังจากเดินผ่านผู้คน
อวี้ฮ่าวหรานเห็นกลุ่มชายสามคนยืนล้อมรอบซูหว่านเอ๋ออยู่ตรงกลาง
“โธ่ จะรีบไปไหนกันล่ะหว่านเอ๋อ? รู้ไหมว่าผมชอบคุณมานานแล้ว ตอนนี้สัญญาการแต่งงานของคุณก็ถูกยกเลิก คุณแต่งงานกับผมได้ไหม? คุณก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอว่าผมไม่ได้ด้อยกว่าหลี่จิงเทียนมากเท่าไหร่หรอก”
“หว่านเอ๋อ ผมเองก็ชอบคุณเช่นกันนะ! ถ้าเป็นเรื่องเงิน ผมเองก็มีเงินเหมือนกับหลี่จิงเทียน!”
“อย่าไปฟังไอ้สองคนนี้ หว่านเอ๋อ ผมเองก็ชอบคุณเช่นกัน ถ้าคุณตกลงกับผม ผมจะให้พ่อผมไปคุยกับพ่อคุณทันทีวันนี้เลย!”
ในเวลาเดียวกัน อวี้ฮ่าวหรานได้ยินทุกคำพูดของชายทั้งสามคนจากประสาทการฟังอันเหนือมนุษย์
ซูหว่านเอ๋อดูสับสนในเวลานี้ และเนื่องจากเธอพูดไม่เก่ง จึงไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร
เมื่อเห็นสิ่งนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเหนื่อยใจ แม้กระทั่งหลังจากเหตุการณ์นั้น สาวน้อยคนนี้ก็ยังพูดกับคนอื่นไม่เก่งอยู่ดี
ถ้าเปลี่ยนเป็นเฉิงชิวอวี้ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ป่านนี้ไอ้สามหนุ่มนั่นคงโดนตบไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ชายหนุ่มก็รีบเดินออกไป ในฐานะที่เขาและเธอเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นตามปกติแล้วจึงไม่สามารถมองดูอีกฝ่ายถูกรังแกได้
“แต่… ฉันไม่ต้องการ…ฉันไม่ต้องการที่จะแต่งงาน…”
ซูหว่านเอ๋อเริ่มตื่นตระหนกและสับสนจากการถูกชายทั้งสามคุกคามที่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เธอไม่สามารถพูดโต้แย้งได้อย่างเหมาะสมเพราะความหัวอ่อนของเธอ
แน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้ชายทั้งสามได้ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ฮ่า ๆ ไม่เป็นเรา งั้นเรายังไม่ต้องแต่งงานกันก็ได้ พวกเรามาทดลองอยู่ด้วยกันก่อน แต่ฉันมั่นใจว่าเมื่อไหร่ที่ฉันทำให้เธอขึ้นสวร…”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฮึ่ม! พวกแกไม่เห็นหรือไงว่าผู้หญิงกำลังไม่พอใจ?”
อวี้ฮ่าวหรานเดินมาหยุดที่ด้านหลังและมองดูชายทั้งสามคนอย่างดูถูก
ทั้งสามคนประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ แต่พวกเขาก็หัวเราะทันทีเมื่อเห็นว่าผู้พูดเป็นแค่ชายที่สวมเสื้อผ้าธรรมดามาก
“ฮ่า ๆ ฉันก็นึกว่าเป็นใครใหญ่โตที่ไหนมาพูดจาอวดเบ่ง นี่คนจน ๆ อย่างแกเข้ามาในงานนี้ได้ไงเนี่ย? ไปเลย รีบไสหัวไปให้ไกล ๆ อย่ามารบกวนเวลาของฉันกับหว่านเอ๋อ ไม่งั้นฉันจะเรียกยามให้มาลากแกออกไป!”
ผู้พูดขณะนี้คือชายหนุ่มร่างอ้วนที่แต่งตัวดี แต่สีหน้าของเขาแสดงอาการดูถูกอย่างชัดเจน
“ฮ…ฮ่าวหราน!”
ซูหว่านเอ๋อไม่คิดเลยว่าเธอจะได้พบกับอวี้ฮ่าวหรานที่นี่ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ใบหน้าซีดเผือดของเธอจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันใด
ชายร่างอ้วนประหลาดใจกับอาการแสดงออกของซูหว่านเอ๋อ เขามองทั้งสองอย่างสับสน
“บัดซบ! นี่มันบ้าอะไรกัน? ซูหว่านเอ๋อ ฉันไม่คิดเลยนะว่าผู้หญิงที่อยู่ในสังคมชั้นเดียวกับเราจะลดตัวลงไปคบกับคนจน ๆ แบบนี้ด้วย!”
เขาอดไม่ได้ที่จะติเตียนด้วยความอิจฉาในใจ
บทที่ 343 ฆ่าเจ้าตำหนัก
บทที่ 343 ฆ่าเจ้าตำหนัก
หลังจากพูดจบประโยค!
วินาทีต่อมา แค่การโบกสะบัดมือส่งคลื่นพลังวิญญาณอีกรอบ โลหิตสด ๆ ก็ย้อมไปทั่วทั้งห้องโถงคฤหาสน์ทันที!
นักฆ่าชุดดำมากกว่าหนึ่งโหลตายโดยไม่ทันร้องโหยหวนด้วยซ้ำ!
แต่ในขณะเดียวกันนี้ ลูกศรหน้าไม้ลูกหนากว่าเดิมก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง!
แต่คราวนี้ลูกศรพวกนี้ดูเหมือนว่าจะพุ่งออกมาจากกลไกกับดักที่ซ่อนไว้ในห้อง!
ฟิ้ว ฟิ้ว…
ลูกศรหน้าไม้เหล่านี้มีความหนาเท่าแขนของเด็กทารก!
ภายใต้แรงดีดจากกลไก ความเร็วของลูกศรพวกนี้จึงเร็วกว่าลูกศรที่ออกจากหน้าไม้ที่ใช้คนยิงเป็นอย่างมาก! มันเร็วจนมีเสียงหวีดหวิวในขณะที่พุ่งผ่านอากาศ!
แต่ในทางกลับกัน เมื่อเผชิญหน้ากับลูกศรขนาดยักษ์เหล่านี้ อวี้ฮ่าวหรานกลับไม่ได้เคลื่อนไหวเลย! เขายืนนิ่งอยู่เฉย ๆ ราวกับว่าต้องการจะรับการโจมตีนี้ตรง ๆ!
ท่ามกลางเสียงคำรามของลูกศรขนาดยักษ์ จู่ ๆ เสียงแตกระเบิดของลูกศรก็ดังลั่นห้อง ลูกศรแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันทีหลังจากที่สัมผัสกับม่านพลังวิญญาณที่คุ้มกายอวี้ฮ่าวหราน!
ผลลัพธ์จากแรงปะทะส่งผลให้มีคลื่นกระแสลมแรงระเบิดออกทุกทิศทาง พังโต๊ะ เก้าอี้ และแจกันที่อยู่รอบ ๆ กระจุยกระจายยับเยิน!
อย่างไรก็ตามภายใต้ผลกระทบนี้ อวี้ฮ่าวหรานกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย และยังคงสาวเท้าเดินช้า ๆ เข้าไปด้านในคฤหาสน์ต่อไป!
ระหว่างทางเดิน มีกับดักและนักฆ่าที่ซุ่มโจมตีตลอดทาง แต่กลับไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้เลย
ในทางเดินที่นำไปสู่ห้องใต้ดินขนาดใหญ่มีกับดักหนาแน่นมากกว่าด้านบนมาก มีแม้กระทั่งกับระเบิดที่ใช้ในทางทหารถูกฝังเอาไว้บางจุดก็มี!
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายต่ออวี้ฮ่าวหรานเลย!
และในที่สุดเขาก็ได้พบกับเจ้าตำหนักคุมกฎ!
อีกฝ่ายยังคงนั่งหลับตาบ่มเพาะมาจนถึงขณะนี้
อีกฝ่ายเป็นชายชราชุดดำในวัยห้าสิบ ซึ่งแค่ดูจากภายนอกก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา และยิ่งไปกว่านั้นในห้องลับใต้ดินแห่งนี้ก็มีวัตถุโบราณหลายชิ้นที่แฝงไปด้วยพลังวิญญาณ!
“แก…แกบุกเข้ามาเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?!!!”
เขาถูกปลุกให้ตื่นจากการฝึกเพราะเสียงย่ำเท้าของอวี้ฮ่าวหราน และมองดูชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างเหลือเชื่อ ไม่คิดเลยว่าปรมาจารย์พลังภายในหลายสิบคนและกับดักนับไม่ถ้วนจะไม่สามารถหยุดอีกฝ่ายได้เลยแบบนี้!
อวี้ฮ่าวหรานเพิกเฉยต่ออาการตื่นตระหนกของอีกฝ่าย เขาใช้เนตรเทวะตรวจสอบอีกฝ่ายทันที แล้วก็ได้พบว่าอีกฝ่ายใกล้ที่จะทะลวงระดับการบ่มเพาะขึ้นมาเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตก่อรากฐานเต็มที!
ไม่แปลกเลยที่ในห้องนี้มีวัตถุโบราณที่มีพลังวิญญาณแฝงอยู่มากมาย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายใช้พวกมันเพื่อช่วยในการทะลวงระดับ
แน่นอนว่าเมื่อเห็นวัตถุโบราณพวกนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ใจเต้นแรงทันที ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าการมาที่นี่ในครั้งนี้ เขาจะได้รับประโยชน์แบบนี้กลับไปด้วย!
แต่อันดับแรกเขาต้องเหยียบมดที่อยู่ข้างหน้าให้ตายก่อน
“แกเป็นเจ้าตำหนักคุมกฎใช่ไหม?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถาม
“หึหึ ไอ้หนู! แกอย่าได้ใจไปนัก ถึงแม้ว่าแกจะฆ่าลูกน้องของฉันได้หมด แต่ฉันไม่ได้อ่อนแอเหมือนลูกน้องของฉัน ต่อหน้าฉัน แกมันก็ไม่ต่างอะไรกับลูกแกะที่รอให้ฉันเชือด!”
ชายชราผู้นี้เป็นคนที่มีสันดานโหดเหี้ยมอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเขาโดนอวี้ฮ่าวหรานขัดจังหวะการทะลวงระดับของเขา ก็ยิ่งตั้งใจแน่วแน่ว่าจะฆ่าอวี้ฮ่าวหรานให้ได้!
ในเวลานี้ แม้ว่าตัวเองจะสูญเสียโอกาสในการเข้าทะลวงสู่ขอบเขตก่อรากฐาน แต่ภายใต้พลังวิญญาณที่ท่วมท้นซึ่งหลงเหลือจากการเตรียมทะลวงระดับแล้วไม่ได้ใช้ เขาจึงได้รับความแข็งแกร่งของขอบเขตก่อรากฐานระดับแรกมาชั่วคราว!
“ไอ้หนู! วันนี้แกตายแน่!”
เจ้าตำหนักคุมกฎค่อย ๆ ลุกขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยรัศมีพลังอันน่าสะพรึงกลัว!
ถึงแม้ว่าขณะนี้ในร่างกายของเขาจะพลุ่งพล่านเต็มไปด้วยพลังมหาศาล แต่ใบหน้าของเขากลับซีดเซียวอย่างมาก
เนื่องจากล้มเหลวในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการทะลวงระดับ นับจากนี้เจ้าตำหนักคงจะต้องรอไปอีกอย่างน้อยสองหรือสามปีกว่าจะฟื้นตัว และเริ่มขั้นตอนทะลวงระดับได้อีกครั้ง แถมโอกาสสำเร็จที่จะทะลวงระดับในครั้งต่อไปก็มีน้อยลงไปอีก
และทั้งหมดนี้เป็นเพราะชายหนุ่มตรงหน้า!
“ฉันจะตัดแขนขาของแกออก จากนั้นจะเอาร่างของแกไปแช่ในน้ำเกลือ และลอกหนังของแกทั้งเป็น!!”
เขาตวาดอย่างดุเดือด
“แกจะต้องโหยหวนทั้งวันทั้งคืนไม่หยุดอ้อนวอนขอความตายจากฉันผู้นี้!”
ในทางกลับกัน เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มกลับปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“แกคิดว่าจะเอาชนะฉันได้จริง ๆ เหรอ?”
“ฮ่า ๆ มั่นใจไหมงั้นเหรอ? แกคิดว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของแกที่ยังอยู่แค่จุดสูงสุดของขอบเขตพลังภายในจะสามารถต่อกรกับฉันผู้นี้ที่ก้าวขาเข้ามาครึ่งก้าวในขอบเขตที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่อาจก้าวผ่านได้งั้นเหรอ?”
ชายชราเยาะเย้ย การที่ตอนนี้เขามีพลังของขอบเขตก่อรากฐานชั่วคราวทำให้เขามั่นใจอย่างยิ่ง
เท่าที่เดา อีกฝ่ายน่าจะอยู่ในระดับจุดสูงสุดของขอบเขตพลังภายในเป็นอย่างมากที่สุด ดังนั้นเขาควรจะเอาชนะได้อย่างสบาย ๆ จริงไหม?
“ขอบเขตที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่อาจก้าวผ่านได้งั้นเหรอ ฮ่า ๆ”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นอย่างประชดประชันเมื่อเห็นความมั่นใจที่มากล้นของอีกฝ่าย
คนที่มีพลังแค่ขั้นแรกของขอบเขตก่อรากฐานแถมยังเป็นแบบชั่วคราวกลับแสดงความมั่นใจต่อหน้าเขา?
นี่มันไร้สาระสิ้นดี!
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว! ไม่ใช่แค่ฉันจะฆ่าแก แต่ครอบครัวของแกทั้งหมดจะถูกฉันถลกหนังทั้งเป็นด้วย!!”
เมื่อได้ยินการเสียดสีของอีกฝ่าย ชายชราก็ยิ่งโกรธและอยากแก้แค้นให้สุดโต่งมากขึ้น แต่ในทันทีที่หลังจากที่เขาพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน!
ร่างของอวี้ฮ่าวหรานเคลื่อนที่เร็วราวกับสายฟ้าฟาด เขาพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้ในชั่วพริบตาแล้วชกหมัดออกไปอย่างรุนแรง!
ปัง!
การปะทะกันระหว่างพลังวิญญาณและพลังวิญญาณทำให้เกิดคลื่นระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวซึ่งกวาดไปทั่วทั้งห้องใต้ดินทันที!
ยกเว้นแต่พวกวัตถุโบราณที่ถูกเก็บรักษาในตู้กระจกนิรภัยอย่างดี พวกโต๊ะและเก้าอี้ในห้องลับต่างก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ!
ชายชราตอบโต้กลับสุดกำลังของเขา แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าอีกฝ่ายน่ากลัวกว่าที่เขาคิดมาก!
อั่ก!
ด้วยหมัดอันรุนแรงของอวี้ฮ่าวหราน ชายชราจึงถูกผลักออกไปไกลถึงเจ็ดแปดเมตร!
“มีความแข็งแกร่งเท่าหางอึ่ง แต่กลับกล้าโอ้อวดต่อหน้าฉันผู้นี้งั้นเหรอ! แกนี่มันไม่ต่างอะไรกบในกะลาเอาซะเลย! ”
แววตาของอวี้ฮ่าวหรานเย็นชามากกว่าเดิมในเวลานี้ ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มเยาะเย้ยอีกฝ่ายอย่างไม่ใส่ใจ แต่อีกฝ่ายกลับข่มขู่สมาชิกในครอบครัวของเขา ดังนั้นเขาจึงจู่โจมอย่างกะทันหันด้วยความโกรธ!
โชคดีที่ชายชรามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับขอบเขตก่อรากฐานขั้นที่หนึ่ง ไม่เช่นนั้น หากเป็นก่อนหน้านี้ที่เขามีความแข็งแกร่งแค่จุดสูงสุดของพลังภายในก็อาจถูกชกตายในทันที!
“แกไม่ควรคุกคามครอบครัวของฉัน แม้ว่าจะเป็นเพียงคำพูดก็ตาม!”
อวี้ฮ่าวหรานกล่าวขึ้นอย่างเย็นชาและเดินเข้าหาอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ
ชายชราตกใจและหวาดกลัว!
ตามความคิดและความเข้าใจของเขา เข้าใจว่าในตอนนี้เขามีพลังเทียบเท่ากับผู้ที่หลุดพ้นความเป็นมนุษย์ไปแล้ว แต่ทำไมตอนนี้เขากลับไม่สามารถเอาชนะชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาได้!?
แถมอีกฝ่ายกลับแข็งแกร่งกว่าเขามาก!
แค่หมัดเดียวก็ทำให้ตัวเองเจ็บปวดอย่างมาก ราวกับว่าร่างกายเขากำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
“แก…แกเป็นมนุษย์หรือเป็นปีศาจกันแน่?!!”
เขามองดูชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าด้วยสีหน้าที่เหลือเชื่อ ความกลัวและความตื่นตระหนกในใจของเขาถึงขีดสุด!
“เป็นไปไม่ได้เลยที่แกจะมีพลังขนาดนี้ในวัยเท่านี้! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!!”
เส้นผมขาว ๆ ของชายชราเริ่มร่วงหล่น เขาสูญเสียความมั่นใจเดิมไปอย่างรุนแรง และตะโกนขึ้นด้วยความไม่เชื่อ
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่อีกฝ่าย สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“สมแล้วที่แกอยู่ในองค์กรที่เรียกตัวเองว่าเป็นงู! สัตว์เลื้อยคลานตาบอดอย่างแกไม่มีทางมองเห็นความกว้างใหญ่ของท้องฟ้าได้ต่อให้แกจะพยายามแค่ไหนก็ตาม!”
โลกนี้มักจะคาดเดาความแข็งแกร่งจากอายุของผู้บ่มเพาะ
แต่ในดินแดนแห่งเทพ โอรสสวรรค์บางคนแค่เพียงตอนเพิ่งเกิด พวกเขาก็มีพลังที่น่าสะพรึงกลัวจนสามารถบดขยี้มนุษย์ธรรมดาให้ตายได้ด้วยเพียงการเหลือบมอง!
“ตาย!”
ดวงตาของชายชรายังคงเหม่อลอย แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายใกล้เข้ามา เขาก็ได้สติและใบหน้าของตัวเองก็เคร่งเครียดในทันใด มีดสีดำทมิฬที่คมกริบก็พุ่งออกจากแขนเสื้อของเขาอย่างฉับพลัน!
ภายใต้แรงกระตุ้นของพลังวิญญาณ ความเร็วของมีดนั้นเหนือกว่ากระสุนใด ๆ จนการมองด้วยตาเปล่าไม่มีทางมองตามทันได้เลย!
และหลังจากนั้นชายชราก็พุ่งพรวดตามมีดที่ถูกซัดออกไปอย่างดุร้าย!
ด้วยระยะทางไม่กี่เมตรเช่นนี้ การโจมตีอย่างกะทันหันแบบนี้มันคือการลอบจู่โจมที่สมบูรณ์แบบ!
ชายชราอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยในใจ
ฮ่า ๆ แข็งแกร่งกว่าฉันแล้วมันยังไง? คนหนุ่มอย่างแกไม่มีทางมีประสบการณ์เหนือกว่าฉันไปได้แน่นอน!
แต่เขาไม่รู้เลยว่า อวี้ฮ่าวหรานไม่เคยประมาทเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู!
อวี้ฮ่าวหรานเห็นทุกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
‘ปั่บ!’
ทันใดนั้นเสียงที่คมชัดก็ดังก้องไปทั่วทั้งห้องใต้ดิน!
ฉากที่เห็นทำให้ชายชรากลัวจนแทบหยุดหายใจปรากฏขึ้น!
ชายหนุ่มตรงหน้าจับมีดบินได้อย่างง่าย ๆ ด้วยมือเปล่าเพียงข้างเดียว!!
บทที่ 336 ตำแหน่งงานเฉพาะ
อวี้ฮ่าวหรานรีบส่งถวนถวนและขับรถไปที่เครือฮ่าวหราน
เมื่อวานเขาลืมบอกอีกฝ่ายว่าปกติเขาไม่ได้เข้าบริษัทเร็วเหมือนคนอื่น
ปกติกว่าเขาจะเข้าบริษัทก็ปาเข้าไปเก้าโมงกว่าเพราะต้องส่งถวนถวน ก่อนเป็นอันดับแรก
ทันทีที่เขามาถึงบริษัท อวี้ฮ่าวหรานก็ตรงไปที่ออฟฟิศของหลี่จิงเทียน ทันที
เดิมทีเขากังวลว่า หลี่จิงเทียนจะทำให้ทั้งสองพ่อลูกอึดอัดใจ แต่ไม่นึกเลยว่าพอเขาไปถึง เขากลับเห็นว่าหลี่จิงเทียนกำลังพูดคุยกับสองพ่อลูกเป็นอย่างดีและดูสนิทสนม…
“…พี่เขยของฉันมีโด่งดังและเก่งสุด ๆ ก่อนหน้านี้ตระกูลหลี่ของเรา…”
ทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูเข้าไป เขาก็ได้ยินเสียงคุยโวของหลี่จิงเทียน
“หลี่จิงเทียน!”
“พ…พี่เขย…”
เมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำของอวี้ฮ่าวหราน หลี่จิงเทียนก็หยุดชะงักในทันที
หลังจากเห็นว่านอกเหนือจากการคุยโวแล้ว หลี่จิงเทียนก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย อวี้ฮ่าวหรานจึงรู้สึกโล่งใจ
ดูเหมือนว่าตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เข้าคุกไป หลี่จิงเทียนก็เปลี่ยนไปมากพอสมควร
อย่างน้อยทุกครั้งที่เจอหน้ากัน หลี่จิงเทียนก็ทำตัวเรียบร้อยขึ้นมาก
“อวี้ฮ่าวหราน คุณ…ในที่สุดคุณก็มา”
สวีรุ่ย ยืนขึ้นทันทีที่เธอเห็นอีกฝ่ายมาถึง
“อืม เมื่อวานผมรีบไปหน่อยเลยไม่ได้แจ้งกับคนในบริษัทเอาไว้ก่อนว่าพวกคุณจะมาหาผม”
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่หญิงสาวตรงหน้า เขารู้สึกผิดเล็กน้อยในใจ
“ม…ไม่เป็นไรหรอก แม้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะหยุดเรา แต่เขาก็สุภาพกับเรามาก เช่นเดียวกับรองประธานหลี่ เขากำลังเล่าให้พวกเราฟังเกี่ยวกับบริษัทเมื่อสักครู่นี้”
สวีรุ่ยพยักหน้าและไม่ได้พูดถึงตอนที่หลี่จิงเทียนทำตัวหยาบคายกับเธอและพ่อเมื่อตอนที่อยู่หน้าประตูแรก ๆ
“ช…ใช่! ผมดูแลแขกของพี่เขยอย่างดีที่สุด ทันทีที่ผมเจอแขกของพี่เขยที่ประตู…ผม…ผมก็ต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดีจริง ๆ นะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่จิงเทียนก็รีบเอ่ยเสริมปกปิดช่วงที่เขาทำพลาดไป
อวี้ฮ่าวหรานเหลือบมองคนอื่นอย่างไม่เป็นมิตร
“ฮึ่ม นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่านายเป็นคนยังไง!”
เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าน้องภรรยาตัวแสบของเขาคนนี้ไม่ได้พูดจริงทั้งหมด และพยายามพูดเอาดีเข้าตัวแบบเต็ม ๆ
หากหลี่จิงเทียนปฏิบัติตัวดีอย่างที่พูดทั้งหมด สวีรุ่ยก็คงไม่น่าจะโทรหาเขาในตอนนั้น เพื่อให้เขาช่วยอธิบายเรื่องการมาของเธอและพ่อ
อย่างไรก็ตาม หลี่งจิงเทียนก็พัฒนาตัวเองได้อย่างน่าทึ่งเช่นกัน พอรู้ว่าตัวเองกำลังทำผิดก็รีบแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองทันที ซึ่งดีกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า
เมื่อคิดได้เช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงไม่คิดอยากเอาเรื่องน้องภรรยาของเขาคนนี้อีก
“พวกคุณมากับผม เดี๋ยวผมจะพาไปหาผู้จัดการหวัง ให้เขาดูว่างานประเภทไหนที่เหมาะสมกับคุณ”
หลังจากทักทายกันเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานก็พาทั้งสองออกจากออฟฟิศของ หลี่จิงเทียน
หลังจากอวี้ฮ่าวหรานพาคู่พ่อลูกจากไป หลี่จิงเทียนก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เขากลัวจริง ๆ ว่าการกระทำก่อนหน้านี้ของเขาจะทำให้พี่เขยไม่พอใจ จนเขาถูกปลดออกจากตำแหน่งอีกรอบ
หลังจากกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาก็ตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วชีวิตของเขาดีแค่ไหน
เขาไม่ต้องทำอะไรเลย วัน ๆ มีแต่คนยกยอเขา แถมเงินเดือนของเขาก็สูงปรี้ดและโอนเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติเมื่อครบเดือน โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากขอเหมือนตอนที่เขาอยู่บ้านกับพ่อตัวเอง
มันช่างเป็นชีวิตที่ไร้กังวลอะไรแบบนี้!
และที่สำคัญที่สุด เมื่อเทียบกับการอยู่ในคุก ความแตกต่างนี้มันเปรียบได้กับสวรรค์และขุมนรก!
“เฮ้อ…ก่อนหน้านี้ฉันคิดบ้าอะไรของฉันกันหว่า? ไหงฉันถึงทำตัวหาเรื่องเดือนร้อนแบบนั้นไปได้?”
เขากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาพลางพึมพำและถอนหายใจ
ในอีกด้านหนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานก็พาคู่พ่อลูกเข้าไปในออฟฟิศของเขา
“นั่งลงก่อน เมื่อครู่ผมเรียกให้คนที่จะคอยดูว่าพ่อของคุณเหมาะกับตำแหน่งงานไหนให้มาที่ห้องของผมแล้ว”
เขาผายมือให้ทั้งสองคนนั่งลง และสวีเซี่ยงจวินก็ขอบคุณเขาอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ ประธานอวี้! ผมขอสาบานว่าหลังจากนี้ผมจะตั้งใจทำงาน ผมจะหาเงินให้ได้มาก ๆ เพื่อให้รุ่ยเอ๋อร์มีชีวิตที่ดีขึ้นให้ได้!”
เขายังไม่ได้นั่งลงตามที่อวี้ฮ่าวหรานเพิ่งบอก แต่เขาโค้งตัวขอบคุณอย่างจริงจังเพื่อแสดงความขอบคุณอย่างแท้จริง
“อืม ไม่เป็นไร”
อวี้ฮ่าวหรานโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง เรื่องนี้สำหรับเขาไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากอะไรแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้อีกฝ่ายทำตัวมากพิธีกับเขานัก
สักพัก ผู้จัดการหวังก็เดินเข้ามาในห้อง
“ประธานอวี้ ท่านกำลังตามหาผมอยู่หรือเปล่า?”
เขาเห็นคนอีกสองคนที่นั่งอยู่ในออฟฟิศได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงดูสับสนเล็กน้อย
“เอาล่ะ มีบางอย่างที่ผมอยากจะให้คุณช่วยจัดการให้สักหน่อย คุณช่วยดูให้ทีว่าชายคนนี้เหมาะกับงานประเภทไหนในบริษัทของเราที่สุด”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและส่งสัญญาณให้ผู้จัดการหวังให้ความสนใจกับสวีเซี่ยงจวิน
“ให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากกว่าพนักงานทั่วไปสักหน่อยก็แล้วกัน”
“ม…ไม่ อย่าดีกว่าครับประธานอวี้! ความสามารถของผมมีจำกัด แค่ให้ตำแหน่งงานปกติกับผมก็พอ”
สวีเซี่ยงจวินโบกมืออย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
ในทางกลับกัน เมื่อผู้จัดการหวังได้ยินคำสั่งนี้ เขาก็มองคู่พ่อลูกคู่นี้ด้วยความสงสัย มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำให้ประธานของเขาเอ่ยปากพูดเป็นการส่วนตัวให้แบบนี้
คำสั่งนี้เขาจำเป็นต้องจัดการให้ถี่ถ้วน!
โชคดีที่เขารู้รายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับบริษัท ซึ่งในไม่ช้าเขาก็มีทางเลือกหลายทางในใจ
แต่ก่อนที่เขาจะตัดสินใจ เขาต้องถามคุณสมบัติของอีกฝ่ายก่อน
ถึงแม้ว่าประธานของเขาจะต้องการมอบตำแหน่งดี ๆ ให้กับคน ๆ นี้ แต่คนผู้นี้ก็จำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่ในตำแหน่งงานนั้น ๆ ได้เหมาะสมเช่นกัน ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้มันจะทำให้ภาพลักษณ์ของประธานของเขาเสียหายได้
“ผมขอถามคุณสักหน่อย ปัจจุบันคุณจบการศึกษาถึงระดับไหน?”
“การศึกษา? เอ่อ…ผมแค่…ผมเรียนจบแค่ชั้นประถมศึกษา แต่ผมอ่านออกเขียนได้เป็นอย่างดี และผมสามารถเป็นคนขนของในสายการผลิตทั่วไปได้!”
สวีเซี่ยงจวินตอบกลับอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยินคำถาม
ผู้จัดการหวังไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจแม้แต่น้อย คนรุ่นก่อน ๆ ส่วนใหญ่ต่างก็จบระดับการศึกษาแค่ชั้นประถมเท่านั้น นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก
ในขณะเดียวกันนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็เอ่ยถามอีกครั้ง
“เราพอจะมีตำแหน่งที่เหมาะสมกับเขาไหม?”
“แน่นอนว่ามีครับท่านประธาน บริษัทของเราเพิ่งขยายฝ่ายการผลิตเพิ่มเกือบสองเท่าจากเดิม ดังนั้นเราจึงยังขาดอีกหลายตำแหน่งที่ต้องการจ้างเพิ่ม ในเมื่อท่านต้องการจ้างชายคนนี้ผมจึงขอแนะนำให้เขารับตำแหน่งพนักงานดูแลความเรียบร้อยโกดังสินค้าใหม่ของเราที่เพิ่งสร้างเสร็จ”
ผู้จัดการหวังวางตำแหน่งให้สวีเซี่ยงจวินได้อย่างรวดเร็ว
“งานนี้ไม่ยากเย็นอะไร เนื้องานเป็นแค่การตรวจสอบรถที่เข้าออกโกดัง และตรวจดูคนขับรถว่ามีบัตรผ่านรึเปล่าก็แค่นั้น หรือบางครั้งอาจจะมีคำสั่งพิเศษให้ทำบ้างประปราย และชั่วโมงการทำงานก็แค่แปดชั่วโมงต่อวัน นอกจากนี้ เงินเดือนที่เขาจะได้รับยังสูงกว่าพนักงานในสายการผลิตทั่วไปถึง 50%”
ผู้จัดการหวังมองดูสีหน้าของเจ้านายตัวเองตลอดเวลาในระหว่างที่เขาอธิบายเงินเดือนและข้อกำหนดของตำแหน่งนี้โดยละเอียด
งานนี้เรียกได้ว่าดีมากเลยทีเดียว โดยทั่วไปแล้ว เวลาผู้บริหารของบริษัทต่าง ๆ มอบตำแหน่งงานให้ญาติพี่น้องของตัวเอง พวกเขามักจะมอบตำแหน่งประมาณนี้ให้
หลังจากฟังจบ อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขารู้สึกว่าตำแหน่งนี้เหมาะสมแล้ว ไม่สูงเกินไปไม่ต่ำเกินไป และมองไปที่สวีเซี่ยงจวินที่อยู่ด้านข้าง
“ฉันคิดว่าตำแหน่งนี้เหมาะสมแล้ว ว่าแต่นายว่ายังไง?”
“แน่นอน! มันดีมาก ๆ เลย! ผมยินดีทำอย่างแน่นอน!”
สวีเซี่ยงจวินรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะได้งานตำแหน่งดีขนาดนี้!
นี่ดีกว่างานก่อนหน้านี้ทั้งหมดที่เขาเคยทำมา!
“ถ้างั้นก็เอาตามนี้ หลังจากนี้ผมขอรบกวนคุณด้วยก็แล้วกันผู้จัดการหวัง”
อวี้ฮ่าวหราน พยักหน้า บทสรุปนี้ดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อสวีเซี่ยงจวินมีรายได้ ชีวิตของสวีรุ่ยก็จะดียิ่งขึ้น
หลังจากได้ยินคำสั่ง ผู้จัดการหวังก็ส่งสัญญาณให้สวีเซี่ยงจวินเดินตามเขาออกไป
“ตามผมมา โกดังอยู่ไม่ไกล เดี๋ยวผมจะพาไปทำความคุ้นเคยกับสถานที่ทำงานและรายละเอียดของหน้าที่ที่คุณจำเป็นต้องรู้”
อวี้ฮ่าวหรานมองดูทั้งสองคนออกไป และหลังจากที่ประตูออฟฟิศปิดลง เขาจึงมองไปที่สวีรุ่ย