บทที่ 344 คำขอ
บทที่ 344 คำขอ
ม…มันเป็นไปได้ยังไงกัน!?
เมื่อเห็นอวี้ฮ่าวหรานจับมีดด้วยมือเปล่า ชายชราจึงรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกไปทั้งร่าง!
ความกลัวกัดกินหัวใจเขาอย่างรุนแรง เขาต้องการหันหลังหนีจากคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ตัวชายชราก็พุ่งเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเกินไปแล้วในเวลานี้!
ฉึก!
วินาทีถัดมา อวี้ฮ่าวหรานแทงมีดที่เขาเพิ่งจับได้เข้าไปที่อกของชายชราอย่างไม่แยแส
“แก…!”
ชายชรารู้สึกสิ้นหวังเมื่อเห็นมีดปักเข้ามาในอกของตัวเอง และก่อนที่จะทันได้พูดจบ ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นสีดำอย่างรวดเร็วและสิ้นลมหายใจไปอย่างน่าอนาถ!
เส้นเลือดและเส้นลมปราณทั้งหมดในร่างเต็มไปด้วยพิษสีเทาดำ
“พิษชนิดนี้รุนแรงมากทีเดียว”
เมื่ออวี้ฮ่าวหรานเห็นสิ่งนี้ เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย อีกฝ่ายหนึ่งมีความแข็งแกร่งเทียบเคียงได้กับผู้ที่เข้าสู่ขั้นเริ่มต้นของขอบเขตก่อรากฐานแล้ว แต่พิษนี้กลับสังหารอีกฝ่ายได้ภายในไม่ถึงสองวินาที
สามารถบอกได้ว่าองค์กรอสรพิษนี้ประสบความสำเร็จในการสร้างยาพิษจริง ๆ
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายตายเร็วไปหน่อย เขาเลยไม่มีโอกาสสอบถามเกี่ยวกับที่ตั้งสาขาใหญ่ขององค์กรอสรพิษ
การจัดการองค์กรนักฆ่านี้คงต้องรอหาโอกาสต่อไปในอนาคตเท่านั้น
จากนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็กวาดสายตามองไปที่โบราณวัตถุหลายชิ้นที่อยู่ในตู้กระจกนิรภัยรอบห้อง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของตัวเองเล็กน้อย
วัตถุโบราณเหล่านี้เป็นของที่พลังวิญญาณแฝงทั้งหมด ยกเว้นอันที่ถูกดูดซับไปแล้ว ยังมีอีกสามชิ้นที่หลงเหลือพลังวิญญาณอยู่หนาแน่น
แม้จะไม่ได้ดีเท่าพระพุทธรูปหยกอันล่าสุดที่เขาได้มา แต่มันก็ถือว่าเป็นกำไรงามอย่างแน่นอน…
หลังจากนำของเก่าทั้งหมดมา อวี้ฮ่าวหรานก็รีบกลับไปที่รถ
จุดประสงค์การมาครั้งนี้สำเร็จอย่างสวยงาม
ตำหนักคุมกฎองค์กรอสรพิษถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ เจ้าตำหนัก รองเจ้าตำหนัก และนักฆ่าทั้งหมดถูกชายหนุ่มฆ่าเรียบไม่มีเหลือ!
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็กลับไปถึงคอนโดราวหกโมงเย็น
“พี่เขย! เร็วเข้า! มากินข้าว วันนี้ฉันนึ่งปูขน มันเป็นปูราคาแพงที่อร่อยสุด ๆ ไปเลย”
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง หลี่หรงก็ทักทายเขาทันที
“พ่อจ๋า! ปูตัวใหญ่อร่อย! ถวนถวนอยากกินทุกวันเลย!”
เด็กน้อยตะโกนด้วยความตื่นเต้นพร้อมจับขาปูขึ้นชู
ฉากนี้ทำให้อวี้ฮ่าวหรานผู้เพิ่งสังหารโหดคนมาเป็นร้อยแสดงรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นมาได้ในทันที
“เหรอ? พ่อชักอยากกินบ้างแล้วสิ พ่อขอกินอันที่อยู่ในมือลูกได้ไหม?”
ขณะพูด เขาก็เดินไปหาลูกสาวและโน้มไปทำท่าจะงับขาปูที่อยู่ในมือเด็กน้อย
“เอ๊ะ? ไม่เอา! พ่อจ๋าแกะเองสิ อันนี้ของถวนถวน แม่หรงแกะให้หนูกิน!”
เด็กน้อยรีบยัดขาปูใส่ปากทันทีจนแก้มป่องซึ่งดูน่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างมาก ส่วนแขนอีกข้างก็พยายามผลักหน้าพ่อของตัวเองออกไป
“พี่เขยเลิกเล่นได้แล้ว รีบ ๆ ไปล้างมือแล้วมากินข้าวด้วยกันเร็วเข้า!”
หลี่หรงยิ้มอย่างอบอุ่นเมื่อเห็นฉากนี้
…
เช้าตรู่ของวันถัดมา ยังไม่ทันที่อวี้ฮ่าวหรานจะไปถึงบริษัท เฉิงกัวอันก็โทรมา
“ฮ่าวหราน เรื่องเมื่อวานหลังจากที่นายไป…นาย…ปลอดภัยดีไหม?”
จังหวะพูดของเขามีความลังเล เขาไม่คิดว่าอวี้ฮ่าวหรานจะแข็งแกร่งถึงขนาดสังหารหมู่ตำหนักคุมกฎได้ทั้งตำหนัก
ไม่ว่ายังไง องค์กรอสรพิษนั้นก็ไม่ใช่องค์กรนักฆ่าธรรมดา เพราะมีตัวตนที่ลึกลับและแข็งแกร่งมากมายแฝงตัวอยู่ในองค์กร แถมสถานที่ตั้งของแต่ละตำหนักก็เป็นความลับ มันจึงเป็นไปได้มากว่า อวี้ฮ่าวหรานไม่น่าจะหาที่ตั้งที่ถูกต้องเจอด้วยซ้ำ…
“ตอนนี้องค์กรอสรพิษไม่มีตำหนักคุมกฎอีกแล้ว”
เมื่อเผชิญกับข้อสงสัยของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานก็ตอบกลับอย่างใจเย็น
“หา?”
เฉิงกัวอันอ้าปากหวอ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาถามกลับอีกรอบด้วยความไม่แน่ใจ
“นาย…นายหมายถึง นายทำลายตำหนักคุมกฎไปหมดแล้วงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง ผมจะบอกรายละเอียดให้คุณทราบภายหลังเมื่อมีโอกาส”
น้ำเสียงของอวี้ฮ่าวหรานนั้นสงบมาก เพราะสำหรับเขาแล้วการทำลายตำหนักคุมกฎไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย
“ดี ๆ! ฮ่าวหราน นายนี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ…”
เฉิงกัวอันรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำยืนยันนี้
หลังจากทั้งสองคุยกันต่ออีกไม่กี่คำ อวี้ฮ่าวหรานก็วางสายไป
ราวสิบนาทีถัดมาเขาก็ขับรถถึงเครือฮ่าวหราน
หลี่อิงไห่กำลังนั่งตัวลีบรอเขาอยู่ในออฟฟิศ
“มีอะไร?”
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่หลี่อิงไห่ที่พยายามทำตัวนอบน้อม แต่ถึงอีกฝ่ายจะพยายามทำตัวเปลี่ยนไป อวี้ฮ่าวหรานก็ยังรู้สึกไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายอยู่ดี เพราะชายชราคนนี้สร้างปัญหาให้เขาหลายครั้งแล้ว
“ฮ…ฮ่าวหราน”
หลี่อิงไห่ลังเลแต่ในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้าและเอ่ยขึ้นเสียงอ่อน
“เรียกฉันว่าประธานอวี้ คราวนี้นายมีอะไรถึงมาที่นี่?”
อวี้ฮ่าวหรานถามกลับอย่างไร้อารมณ์ ชายหนุ่มไม่อยากพูดไร้สาระกับอีกฝ่ายให้เสียเวลา
ชายแก่คนนี้สร้างความรำคาญให้ชายหนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากไม่ใช่เพราะเขาเห็นว่าอีกฝ่ายยังมีมนุษยธรรมอยู่ในใจในเรื่องการดูแลเลขาสาวน้อยนั่นเป็นอย่างดี ป่านนี้ก็คงไล่อีกฝ่ายออกไปจากบริษัทอิงเหมาไปตั้งแต่แรกแล้ว
“ป…ประธานอวี้ คือที่ผมมาที่นี่ครั้งนี้เป็นเพราะผมอยากจะคุยเรื่องการปรับกลยุทธ์การผลิต บริษัทอิงเหมาจำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิต แต่คุณภาพของสินค้ายังต้องคงเดิม”
สีหน้าของหลี่อิงไห่เปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายน่าจะยังคงเคืองเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อเข้าเรื่องงานทันที
“คือนายเจอปัญหาหรือว่าอะไร?”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า เขาปล่อยให้ผู้จัดการหวังจัดการเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้รายละเอียดปัญหาเชิงลึกมากนัก
“มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรครับท่านประธาน แต่ถ้าเราต้องการเพิ่มกำลังการผลิต ผมขอแนะนำให้เปลี่ยนเครื่องจักรเก่าบางรุ่น เพราะคุณภาพของสินค้าที่ผลิตโดยเครื่องจักรเก่าเหล่านี้มันไม่เสถียรและมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหา”
“ทำไมนายไม่จัดการกับปัญหานี้ก่อนหน้านี้?”
“เมื่อก่อน บริษัทอิงเหมาทำการค้าแต่กับลูกค้ารายเล็กซึ่งได้ส่วนต่างกำไรเพียงเล็กน้อยแต่หมุนเวียนได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นปัญหานี้จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่หลังจากเข้าร่วมเข้ากับเครือฮ่าวหรานเราจึงมีลูกค้ารายใหญ่จำนวนมากเข้ามาส่งคำสั่งซื้อกับเรา”
หลังจากพูดถึงจุดนี้ หลี่อิงไห่ก็เหลือบมองชายหนุ่มตรงหน้าเขาก่อน จากนั้นเขาก็พูดต่อไปหลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการฮึดฮัดใด ๆ
“บริษัทใหญ่ ๆ ที่ส่งคำสั่งซื้อเข้ามาไม่มีข้อกำหนดใด ๆ สำหรับระดับคุณภาพที่ต้องสูงขึ้น แต่คุณภาพของสินค้าโดยรวมต้องได้มาตรฐานอยู่ในระดับเดียวกันทั้งหมด ซึ่งถ้าหากเราใช้เครื่องจักรเก่าเหล่านั้นผลิตสินค้าออกมา ผมเกรงว่าสินค้าที่เราผลิตมันจะไม่ตรงตามข้อกำหนดของพวกบริษัทใหญ่”
“ตกลง คำขอของนายมีเหตุผลดี เดี๋ยวฉันจะให้ผู้จัดการหวังตรวจสอบเรื่องนี้อีกทีและร่างแผนการจัดซื้อเครื่องจักรใหม่ส่งมาที่ฉัน”
บทที่ 352 สร้างห้องเปียโน
บทที่ 352 สร้างห้องเปียโน
หกโมงเย็น
เมื่อหลี่หรงพาถวนถวนกลับมาถึงคอนโด ห้องของอวี้ฮ่าวหรานก็ยังคงล็อกแน่น
ตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการทะลวงระดับการบ่มเพาะ ทั้งห้องจึงเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ
อันที่จริง ต่อให้ประตูจะไม่ได้ล็อก แต่ด้วยความหนาแน่นของพลังวิญญาณด้านใน หากคนธรรมดาจะเปิดประตูเข้าไปก็คงไม่สามารถเปิดได้อยู่ดี
หลังจากดูดซับโบราณวัตถุทีละชิ้นจนหมด พลังวิญญาณในร่างของอวี้ฮ่าวหรานก็หนาแน่นจนเข้าสู่จุดปะทุ!
ทันใดนั้น!
การไหลเข้าของพลังวิญญาณจำนวนมาก ได้ส่งผลให้ทะเลวิญญาณในตันเถียนของอวี้ฮ่าวหรานระเบิดออกครั้งใหญ่คล้ายกับเหตุการณ์บิ๊กแบง จากนั้นมวลพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลที่ฟุ้งกระจายในจุดตันเถียนก็ค่อย ๆ ควบแน่นกันก่อตัวเป็นรูปร่างคล้ายดวงดาว
“เฮ้อ…ในที่สุดก็ทะลวงสำเร็จ”
อวี้ฮ่าวหรานลืมตาขึ้นและถอนหายใจยาว
ในเวลานี้ ระดับการบ่มเพาะของชายหนุ่มได้มาถึงจุดสูงสุดของขอบเขตก่อรากฐาน และเมื่อความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง อวี้ฮ่าวหรานก็ยิ่งคิดถึงหลี่เม่ยมากยิ่งขึ้นไปอีก
เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่กลับมายังโลกมนุษย์ และเขาพยายามอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตัวเอง
แต่จนถึงตอนนี้ ชายหนุ่มก็ยังไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับภรรยาของตัวเองเลย และในแง่ของความแข็งแกร่งของตัวเองในปัจจุบัน มันยังเร็วเกินไปที่จะสามารถท่องโลกนี้ไปทั่วได้อย่างปลอดภัย
หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย ชายหนุ่มก็เปิดประตูออกจากห้องของตัวเอง
ในห้องนั่งเล่นมีกลิ่นอาหารหอม ๆ ตลบอบอวลไปทั่ว ซึ่งเห็นได้ชัดว่า หลี่หรงได้เตรียมอาหารมื้ออร่อยไว้บนโต๊ะแล้ว
“พี่เขยในที่สุดพี่ก็ออกมาสักที มาเร็ว มากินข้าวได้แล้ว”
เมื่อพี่เขยของเธอออกมาจากห้องเธอก็เอ่ยทักเขาทันที
“โทษทีที่วันนี้ต้องให้เธอลำบากไปรับถวนถวน ทั้ง ๆ ที่เธอต้องกลับมาทำอาหารต่ออีกแบบนี้”
อวี้ฮ่าวหรานกล่าวขอโทษ แต่การทะลวงระดับเช่นนี้จำเป็นต้องใช้เวลาและสมาธิเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่สามารถละทิ้งกลางคันและออกไปรับถวนถวนได้อย่างปกติเหมือนเช่นทุกวัน
อย่างไรก็ตาม หลี่หรงก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างอยู่บ้าง เธอจึงไม่รบกวนเขาเลยในระหว่างที่ชายหนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง
“ไม่เป็นไรพี่เขย ช่วงนี้ฉันไม่ได้ยุ่งเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้ที่พี่มาช่วยจัดการปัญหาในบริษัทให้ฉัน บริษัทของฉันก็เลยสามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่นมากกว่าเดิมจนฉันไม่ต้องปวดหัวอีกเลย”
หลี่หรงไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดอะไร กลับกันเธอรู้สึกสบายใจมากขึ้นด้วยซ้ำที่ได้แบ่งเบาภาระให้อวี้ฮ่าวหราน
“พ่อจ๋า!”
ในขณะเดียวกันนี้ ถวนถวนก็วิ่งออกจากห้องของตัวเองมาพร้อมกับมือที่ถือขนม และตามมาด้วยสุนัขสองตัวที่คล้ายคลึงกัน
“พ่อจ๋า ถวนถวนอยากบอกข่าวดีกับพ่อ!”
เด็กน้อยในเวลานี้แสดงสีหน้าตื่นเต้นอย่างแปลกประหลาด
“หืม? เรื่องอะไรเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานบังเกิดความสนใจ หลี่หรงก็ยิ้มเมื่อเห็นสิ่งนี้
“พี่เขย นั่งลงกินข้าวก่อนเถอะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกเดี๋ยวฉันอธิบายเอง” เธอส่งชามข้าวให้ชายหนุ่มก่อน แล้วพูดต่อว่า “ครูสอนเปียโนเห็นว่าถวนถวนมีพรสวรรค์ในด้านเปียโนมากกว่าเด็กคนอื่น ๆ ดังนั้น เธอจึงอยากให้ถวนถวนเข้าร่วมการแข่งขันเปียโนระดับเยาวชนที่กำลังจะจัดขึ้นในเมือง”
“การแข่งขันเปียโน?”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็หันไปมองลูกสาวของตัวเองด้วยความประหลาดใจ
“เอาสิ! ในเมื่อถวนถวนมีความสามารถจนครูเห็นแววขนาดนี้ ถ้างั้นก็ไปแข่งกันเลย!”
ในตอนแรกเขาไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องเรียนเปียโนของถวนถวน ชายหนุ่มแค่ให้ถวนถวนไปเรียนเพราะไม่อยากขัดใจหลี่หรงก็แค่นั้น ใครจะไปนึกว่าลูกสาวของเขาจะเก่งจนสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้แบบนี้?
“คุณครูหลิวบอกว่าถวนถวนน่าทึ่งมาก หลังจากที่เรียนได้แค่เพียงหนึ่งเดือน ถวนถวนก็เก่งกว่าเด็กคนอื่นที่เรียนมาเป็นปีซะอีก”
ถวนถวนเข้ามาใกล้ในขณะนี้ ใบหน้าเล็ก ๆ ที่วิจิตรงดงามราวกับตุ๊กตา ก็แสดงสีหน้าอย่างมีชัย
“ฮ่า ๆ! เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ลูกสาวของอวี้ฮ่าวหรานย่อมเหนือกว่าคนอื่น ๆ”
อวี้ฮ่าวหรานปรบมือ
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้นี้ หลี่หรงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
หลังอาหารเย็น อวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรงก็พูดคุยเกี่ยวกับการแข่งขันเปียโนต่ออีกสักพัก และหลังจากนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็กลับเข้าห้องเพื่อบ่มเพาะอีกรอบ
เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งทะลวงระดับมาอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตก่อรากฐาน เขาจึงจำเป็นต้องปรับรากฐานการบ่มเพาะของตัวเองให้มั่นคง
—
เช้าวันรุ่งขึ้น อวี้ฮ่าวหรานส่งถวนถวนไปเรียนเปียโนเช่นเคย แต่เมื่อเขาเห็นหลิวว่านฉิง เขาก็ถามเกี่ยวกับการแข่งขันเปียโน
ในห้องพักครู
“ใช่ ถวนถวน มีพรสวรรค์จริง ๆ มือของเธอคล่องแคล่วมาก ฉันไม่เคยเห็นเด็กคนไหนที่มีความสามารถขนาดนี้มาก่อน”
หลิวว่านฉิงไม่ลังเลที่จะเอ่ยชมความสามารถของถวนถวนในเวลานี้
“เธอเป็นเด็กหัวไวที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบมาเลยทีเดียว”
“เอาละ ขอบคุณที่ครูหลิวส่งเสริมลูกของผมเสมอมา ว่าแต่การแข่งจะเริ่มเมื่อไหร่”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า ลูกสาวของเทพฮ่าวหรานนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนธรรมดา
“การแข่งขันจะเริ่มวันมะรืนนี้ และเมื่อการแข่งขันนี้จบลงมันก็จะเป็นช่วงเดียวกับที่คลาสเปียโนภาคฤดูร้อนของเราสิ้นสุดลง”
หลิวว่านชิงตอบกลับ
“ยิ่งไปกว่านั้นมันจะดีที่สุด หากผู้ปกครองจริงจังกับเรื่องนี้มากสักหน่อย พรุ่งนี้ชั้นเรียนเปียโนจะหยุดหนึ่งวัน ดังนั้นในวันพรุ่งนี้คุณควรพาถวนถวนไปฝึกซ้อมต่อด้วย เพื่อช่วยให้ถวนถวนทำผลงานได้ดียิ่งขึ้นในวันแข่งขัน”
“ได้ ไม่มีปัญหา”
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อย อวี้ฮ่าวหรานก็เอ่ยคำอำลาและจากไป
หลังจากส่งลูกสาวของตัวเองเรียบร้อย เขาก็ขับรถตรงไปที่บริษัทของตัวเอง
ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องจัดการในวันนี้
ในออฟฟิศ อวี้ฮ่าวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเรื่องของถวนถวนและเปียโน
การฝึกซ้อมที่คอนโดอาจมีเสียงดังจนทำให้เพื่อนบ้านร้องเรียนได้ แถมสถานที่มันก็เล็กไปสักหน่อยกับการนำเปียโนตัวใหญ่ไปวาง
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว อวี้ฮ่าวหรานจึงเรียกผู้จัดการหวังให้เข้ามาหา
“ผมต้องการให้บริษัทของเรามีห้องเปียโน ผมต้องการให้ทุกอย่างเรียบร้อยในวันนี้”
“หา?”
ผู้จัดการหวังตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งนี้
พวกเขาเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรกล การมีห้องเปียโนในบริษัทมันจึงดูแปลกสุดกู่!
“ท…ท่านประธาน นี่คุณพูดจริงงั้นเหรอ?”
เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“ผมจริงจัง! ยิ่งไปกว่านั้นผมต้องการให้ห้องเปียโนสมบูรณ์แบบที่สุด เอาแบบที่มืออาชีพใช้งาน!”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้ายืนยันอีกครั้ง สีหน้าของเขาแน่วแน่มาก
“ลูกสาวของผม ถวนถวนมีพรสวรรค์ในด้านเปียโน ดังนั้นในอนาคตผมอาจจะให้ลูกสาวมาซ้อมที่นี่”
เนื่องจากการซื้อเปียโนไปไว้ที่คอนโดไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม ดังนั้นเขาจึงแก้ปัญหาโดยการสร้างห้องเปียโนในบริษัทมันซะเลย
ผู้จัดการหวังพูดไม่ออกเกี่ยวกับเรื่องนี้
ประธานของเขาตามใจลูกมากเกินไปหน่อยไหม? พอเห็นว่าลูกสาวของตัวเองชอบไปเล่นที่สวนสนุก ประธานของเขาก็สร้างสวนสนุกในบริษัทขึ้นมา และมาตอนนี้พอเห็นว่าลูกสาวของตัวเองไปเรียนเปียโนมาแล้วดันเก่ง ประธานของเขาก็สั่งให้สร้างห้องเปียโน…
“รับทราบครับท่านประธาน! ไม่มีปัญหา บริษัทมีห้องเก็บเสียงที่สร้างเสร็จเอาไว้อยู่แล้ว เราแค่ต้องปรับเปลี่ยนมันนิดหน่อย วันนี้วันเดียวก็น่าจะเสร็จ”
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการหวังก็ไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้ ตอนนี้กิจการบริษัทกำลังไปได้สวยมาก ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องเล็กน้อย
ในตอนเย็น เมื่ออวี้ฮ่าวหรานไปรับถวนถวน เขาก็บอกข่าวดีกับลูกสาวของตัวเอง
“จริงเหรอ พ่อจ๋า! หนูจะมีเปียโนเป็นของตัวเองงั้นเหรอ!”
เด็กน้อยรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ หลังจากเรียนเปียโนมาได้เป็นเดือน เธอก็ตกหลุมรักเปียโนเข้าเต็มเปา
“แน่นอน!”
อวี้ฮ่าวหรานยืนยัน
บทที่ 346 ชักใยเบื้องหลัง
บทที่ 346 ชักใยเบื้องหลัง
“จบแล้ว มันจบแล้ว! ประธานอวี้มีแฟนแล้ว!! พวกเราจะทำยังไงดี?”
“โธ่ อย่าฝันกลางวันน่า! ต่อให้ประธานอวี้จะไม่มีแฟน และหล่อนจะเด็กกว่านี้ ประธานอวี้ก็ไม่มีทางมองหล่อนหรอก!”
“สวยจริง ๆ หากมีเทพธิดาที่สวยขนาดนี้มาคล้องแขนของฉัน ต่อให้ฉันจะตายฉันก็คงตายตาหลับ!”
ถึงแม้ว่าเสียงของการกระซิบกระซาบทั้งหมดนี้จะเบามาก แต่เฉิงชิวอวี้ ก็ได้ยินพวกมันบ้างสองสามประโยค ซึ่งมันยิ่งทำให้รอยยิ้มของเธอยิ่งกว้างขึ้นมากกว่าเดิม
อวี้ฮ่าวหรานพูดไม่ออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ อีกฝ่ายจงใจอยากได้ผลลัพธ์แบบนี้ชัด ๆ เลย!
แม้แต่หลี่หรงก็ไม่เคยกล้าคิดริเริ่มที่จะคล้องแขนเขาในที่สาธารณะแบบนี้!
หลังจากที่ทั้งสองลงไปถึงข้างล่างแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็เปิดประตูรถให้อีกฝ่ายขึ้นรถของตัวเอง
รถซุปเปอร์คาร์สีเหลืองสดใสค่อย ๆ ขับออกจากประตูบริษัท
ภายในรถ
“ร้านที่ฉันอยากกินอยู่ไม่ไกลจากบริษัทของคุณเท่าไหร่หรอก!”
หลังจากขับรถไปสิบนาที เฉิงชิวอวี้ก็ชี้ไปทางหนึ่ง
แต่นาทีนี้! จู่ ๆ ร่างผอมบางก็ปรากฏขึ้นที่หน้ารถ!
โชคดีที่ในเวลานี้ อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ขับเร็วสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงเบรกทัน!
“บัดซบเอ๊ย! แกอยากจะฆ่ากันหรือไง? แกลืมตาอยู่หรือเปล่าตอนแกขับรถ!”
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอวี้ฮ่าวหรานเบรกทันซึ่งมันผิดแผนของชายร่างผอมไปหน่อย ชายร่างผอมจึงกระโดดเข้าไปหารถอวี้ฮ่าวหราน และแสร้งทำเป็นถูกชนพลางตะโกนร้องลั่น
แต่บริเวณโดยรอบนี้ไม่ใช่เขตชุมชน ดังนั้นจึงมีแค่พวกอวี้ฮ่าวหราน และอีกฝ่ายเท่านั้นที่อยู่ในบริเวณนี้
“นี่…นี่มันพวกสิบแปดมงกุฎหรือเปล่า?”
เฉิงชิวอวี้เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
เธอไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ แต่เธอก็เคยเห็นข่าวเกี่ยวกับพวกแกล้งถูกชนและเรียกร้องขอค่าเสียหายมาก่อน
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเองก็ไม่คาดคิดเหมือนว่าจะเจอกับอะไรแบบนี้
ปัง!
หลังจากลงจากรถและปิดประตู เขามองดูชายหนุ่มร่างผอมที่แกล้งนอนสลบอยู่
ในขณะนี้ ชายหนุ่มร่างผอมเงยหน้าขึ้นและมองดูอวี้ฮ่าวหราน พอเห็นว่าชายหนุ่มลงจากรถแล้ว เขาก็ตะโกนร้องดังกว่าเดิม
อวี้ฮ่าวหรานยิ้มเย้ยอีกฝ่ายอยู่ในใจ แต่เมื่อชายหนุ่มกำลังจะเตะอีกฝ่ายออกไปให้พ้นทาง เขาก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ในตรอกเล็ก ๆ ข้าง ๆ นั้น พวกอันธพาลหลายคนกรูกันออกมา!
“บ้าเอ๊ย! แกขับรถชนน้องชายของฉันแบบนี้ได้ไงวะ? แกอยากตายมากใช่ไหม!”
หัวหน้ากลุ่มเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำ เขาตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าโกรธจัด
“พี่ใหญ่…พี่ใหญ่…ไอ้ผู้ชายคนนี้มันกำลังจะเตะฉันด้วยเมื่อกี้!”
ชายหนุ่มร่างผอมเหมือนลิงตะโกนร้องขึ้นเสียงดังพยายามแสร้งว่าตัวเองน่าสงสารจนเกินจริง
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่าไอ้พวกนี้จะไม่ใช่สิบแปดมงกุฎธรรมดา!
“บัดซบ! นี่แกชนน้องฉันแล้ว ยังจะกล้าเตะน้องชายฉันอีกงั้นเหรอวะ? แกไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่ไหม!”
ชายวัยกลางคนดูเหมือนว่าจะเคยฝึกฝนทักษะการต่อสู้มาก่อน เนื่องจากเขาวิ่งเข้ามาใกล้อวี้ฮ่าวหรานได้อย่างรวดเร็วกว่าที่คนธรรมดา ๆ จะทำได้
หลังจากนั้น พวกนักเลงมากกว่าหนึ่งโหลก็วิ่งกรูกันเข้ามาล้อมอย่างรวดเร็ว
“พวกแกเป็นใคร?”
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่ชายวัยกลางคนอย่างสงสัย
“ไอ้ลูกหมา! แกขับรถชนน้องชายของฉันแต่กลับมาถามว่าฉันเป็นใครเนี่ยนะ? แกอยากตายหรือไง?!”
ชายวัยกลางคนแสดงสีหน้าโกรธทันที
แต่แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นการแสดง
“แกต้องการเงิน?”
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่คนเหล่านี้ และไม่ค่อยแน่ใจในเจตนาของอีกฝ่ายในเวลานี้
“เงิน? แกดูถูกบิดาคนนี้งั้นเหรอถึงถามอะไรหมา ๆ แบบนี้!?”
ชายวัยกลางคนแสดงสีหน้าโกรธมากกว่าเดิม ราวกับว่าเขาเพิ่งถูกทำให้ขายหน้า
“ทุกคนเอามัน! เอามันให้พิการ!!”
หลังจากได้ยินคำสั่งจากชายวัยกลางคน นักเลงมากกว่าหนึ่งโหลก็ชักมีดและพุ่งเข้าหาอวี้ฮ่าวหราน
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉิงชิวอวี้ที่อยู่ในรถก็ตกใจทันที เธอไม่เข้าใจเลยสถานการณ์มันเลยเถิดมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง
“ฮ่าวหราน ระวัง!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนเตือน
แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้กลัวมีดนับสิบเล่มที่ฟันเข้ามาแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้อีกฝ่ายฟันมีดมาที่เขาอย่างไม่แยแส!
หมับ!
วินาทีถัดมา ชายวัยกลางคนถึงกับหน้าเปลี่ยนสีกับภาพที่ได้เห็น!
อวี้ฮ่าวหรานจับมีดของลูกน้องเขาง่าย ๆ ด้วยมือเปล่า!
“น…นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน!”
“เฮอะ! เป็นแค่มดแมลง กล้ามากวนประสาทฉัน!”
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่อีกฝ่ายอย่างดูถูกก่อนที่จะบีบใบมีดจนแหลกคามือ จากนั้นเขาก็ระเบิดคลื่นพลังวิญญาณกระจายออกไปยังทิศทางที่พวกนักเลงกำลังวิ่งเข้ามาหา!
พวกนักเลงที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร เมื่อโดนคลื่นพลังวิญญาณปะทะเข้าเต็ม ๆ ร่างของพวกเขาก็ปลิวกระเด็นกลับไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้และร่วงลงกระแทกกับพื้น!
แค่เสี้ยววินาที สถานการณ์ทุกอย่างพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ บรรดากระเด็นกระดอนและบาดเจ็บสาหัสไปถึงเจ็ดหรือแปดคน
ทางด้านของชายวัยกลางคน ถึงแม้ว่าจะรอดพ้นจากคลื่นพลังวิญญาณ แต่ในตอนนี้เขาไม่มีความคิดที่อยากจะหาเรื่องอวี้ฮ่าวหรานอีกต่อไปแล้ว
ตลกเถอะ!
ลูกน้องของเขาสิบกว่าคนเพิ่งกระเด็นปลิวราวกับถูกรถไฟชนจากอะไรก็ไม่รู้ ถ้าขืนเขายังหาเรื่องชายคนนี้ต่อไปมันไม่เท่ากับว่าเขากำลังรนหาที่ตายงั้นเหรอ?
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ลงมือต่ออีก เนื่องจากเขายังต้องหาคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้
คนพวกนี้เขาไม่คุ้นหน้าเลย ไม่รู้ว่าทำไมคนพวกนี้ถึงมาหาเรื่องตัวเองแบบไร้เหตุผลเช่นนี้
เขาเดินไปหาชายวัยกลางที่กำลังยืนอึ้งอยู่และกำคอของอีกฝ่าย
“พวกแกหยุดรถฉันทำไม?”
“ก…ก็…คุณชนน้องชาย…”
ชายวัยกลางคนอยากจะเล่นลิ้น แต่เมื่อเห็นสายตาเย็นยะเยือกของอวี้ฮ่าวหราน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกกลัวความตาย!
ดวงตาคู่นี้มันน่ากลัวจนทำให้เขาแทบฉี่ราด!
“ผ…ผมขอโทษ! ก…ก่อนหน้านี้มีคนให้เงินเรา…”
ขณะที่สั่นกลัว เขาก็เล่าความจริงอย่างตะกุกตะกัก
แต่แล้วในขณะเดียวกันนี้! อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังแอบมองเขาอยู่!
เขาเบนสายตามองขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึกที่อยู่ไม่ไกล!
ภายในอาคาร
“ไอ้เด็กนี่ไม่เลวเลย ประสาทสัมผัสของมันเฉียบแหลมจริง ๆ!”
เมื่อเห็นว่า อวี้ฮ่าวหรานรู้ตัวแล้วว่าถูกเขากำลังจับตาดูอยู่ ชายชราที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ถอนสายตากลับมาและมองไปที่คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“ฮึ่ม ถ้าผมเป็นพี่ ผมคงลงไปฆ่ามันแล้ว! ผมไม่มีทางรอให้ไอ้พวกแก๊งพยัคฆ์เวหามีเวลาหายใจหายคอได้แบบนี้!”
อีกคนที่นั่งบนโซฟาแสดงสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย
คนสองคนนี้คือกงซุนซาและหลิ่วอวี้จิง เนื่องจากพวกเขาประกาศแล้วว่าแก๊งของพวกเขารวมเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้นหลิ่วอวี้จิงจึงนั่งอยู่ที่นี่ในฐานะรองหัวหน้าแก๊งฉลามคลั่ง