ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] – บทที่ 361 เข้าปะทะอย่างจัง

บทที่ 361 เข้าปะทะอย่างจัง

บทที่ 361 เข้าปะทะอย่างจัง

บทที่ 361 เข้าปะทะอย่างจัง

“อาจารย์หลิว… คุณ…. ลูกศิษย์คุณน่าทึ่งมาก! เด็กคนนี้เก่งมากเลย!”

ทุกคนต่างหันขวับมองอาจารย์สาวซึ่งนั่งเงียบอยู่ที่นั่งด้านหลัง

“ไม่ใช่แค่เก่งแล้ว! แต่เข้าขั้นอัจฉริยะเลยต่างหาก! อาจารย์หลิว! ลูกศิษย์คุณมีพรสวรรค์มาก!”

“ใช่ ฉันสอนมาหลายปี ไม่เคยเห็นเด็กคนไหนฉายแววตั้งแต่เด็กขนาดนี้เลย!”

“…”

อาจารย์หลิวเริ่มมีปฏิกิริยา ทั้งที่ผู้คนชื่นชมเธอมากมาย เธอกลับรู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง

เธอโดนดูแคลนมานานตั้งแต่เข้ามาเป็นอาจารย์ มีหรือจะเคยเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้?

“เพราะว่าเด็กฉลาดอยู่แล้วต่างหากค่ะ ฉันแค่สอนไปตามปกติ”

อาจารย์สาวรีบบอกอย่างถ่อมตัว

อาจารย์หวังรีบโพล่งขึ้นทันที

“ใช่แล้ว ครั้งนี้เธอแค่โชคดีได้ลูกศิษย์อัจฉริยะเท่านั้นแหละ”

ประโยคนี้ชวนปวดใจ ช่างบาดหูหลิวว่านชิงไม่น้อย และเมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอก็อดตอกกลับไม่ได้

“ถ้าคุณเก่งนัก เจอลูกศิษย์แบบนี้สักคนไหมคะ? มาพูดจาแดกดันอะไรอยู่ได้”

คำพูดแฝงแววเหยียดหยาม เธอไม่พอใจอีกฝ่ายมานานแล้ว

“เธอ!”

อาจารย์หวังถึงกับสีหน้าเปลี่ยนเมื่อได้ยินคำตอกกลับจากอาจารย์หลิว หากแต่ไม่อาจเถียงได้

ถึงอย่างไรลูกศิษย์ตนอย่างเสี่ยวเสวี่ยก็กำลังถูกเปรียบเทียบกับศิษย์ของอีกฝ่าย

ผู้คนไม่สนใจเธอ และหันไปคุยกับหลิวว่านชิง

เสียงดนตรีจากบนเวทีค่อย ๆ แผ่วลง ถวนถวนทำการแสดงจบแล้ว!

“น่าทึ่งมาก! เด็กคนนี้เก่งสุด ๆ เลยครับ!”

ไม่ทันที่คณะกรรมการจะให้คะแนน พิธีกรออกอาการตกตะลึงอย่างหนัก ถึงกับอุ้มถวนถวนขึ้นมาพร้อมกับออกปากชมไม่หยุด

ผ่านไปเพียงครู่เดียว ไม่ต้องลุ้นแต่อย่างใด คณะกรรมการทั้งหมดให้คะแนน 10 เต็ม!

สำหรับการแข่งขันระดับเด็กแบบนี้ ฝีมือขั้นนี้ถือว่าเกินความคาดหมายไปมาก!

ต้องได้คะแนนเต็ม 10 อย่างแน่นอน!

“10 คะแนนครับ! อวี้ซินถวนได้คะแนนเต็ม 10 ไปเลยครับ!”

เสียงประกาศจากพิธีกรดังขึ้น ผู้ชมหน้าเวทีตกอยู่ในความฮือฮา ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เห็นอัจฉริยะในการแข่งขันระดับเยาวชนเช่นนี้!

ถวนถวนอยู่ในอ้อมแขนพิธีกร หางตาสังเกตเห็นบางคนจ้องมองตนเองจากด้านหลัง

เมื่อหันมองพบว่าเป็นเสี่ยวเสวี่ย แน่นอนว่าเด็กน้อยก็อดส่งสีหน้าเยาะเย้ยตอกกลับอีกฝ่ายไม่ได้

เสี่ยวเสวี่ยเม้มปากแน่น สีหน้าตะลึงงันกลับกลายเป็นงอง้ำ มิน่า…เด็กคนนี้ถึงได้มั่นอกมั่นใจนักหนา เก่งกาจเสียขนาดนี้!

ความคิดในตอนนี้หลงเหลือเพียงตนไม่อาจเอาชนะได้

ไม่นานการแข่งขันระดับเยาวชนก็สิ้นสุดลง

เวลา 11 โมงเช้า

อวี้ฮ่าวหรานกับหลี่หรงเดินออกจากห้องโถงด้วยกัน

“มาถวนถวน…ไปฉลองกัน!”

ชายหนุ่มอุ้มถวนถวนไว้แขนหนึ่งขณะเอ่ยชวน แน่นอนว่าตั้งแต่ลูกของเขาปรากฏตัวขึ้น เธอก็เอาชนะผู้เข้าแข่งขันคนอื่นได้อย่างขาดลอย

หลี่หรงเผยสีหน้าโล่งใจ

ครั้งหนึ่งเธอเคยเข้าแข่งขันเช่นกัน คิดว่าตนเองจะคว้าชัยชนะมาให้ได้ น่าเสียดายที่ความสามารถของเธอไม่ถึง

หญิงสาวไม่คาดคิดว่าถวนถวนที่เรียนเปียโนได้เพียงเดือนกว่าจะฝีมือก้าวหน้าขนาดนี้

เรียกได้ว่าอัจฉริยะอย่างไรก็เป็นอัจฉริยะอยู่วันยังค่ำ…

เธอมีความสุขมาก เอ่ยขึ้น “วันนี้อยากกินอะไร ตามใจถวนถวนเลยจ้ะ!”

“ได้สิ แน่นอนอยู่แล้ว! ได้ที่หนึ่งทั้งที!”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเห็นด้วย

สวีรุ่ยเห็นครอบครัวอยู่ด้วยกัน พลันนึกได้ว่าตนเองควรขอตัวออกมา

“อวี้ฮ่าวหราน ฉันหมดธุระแล้ว ขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ”

สถานการณ์แบบนี้ไม่อยู่รบกวนคงดีกว่า

“หืม? อย่าเพิ่งไปสิคะ ช่วงนี้ถวนถวนอยู่แต่บ้าน บอกว่าคิดถึงคุณตลอดเลย ไปกินข้าวด้วยกันสิคะ”

หลี่หรงหันไปเรียกรั้งเธอไว้ อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้ารับน้อย ๆ เช่นกัน

“ใช่ครับ ไปกินข้าวด้วยกันนะครับ เรารู้จักกันมานานไม่ใช่คนอื่นคนไกลสักหน่อย”

สวีรุ่ยจึงไม่ปฏิเสธ

ถวนถวนเลือกอาหารทะเลเป็นมื้อเย็น!

ดูท่าจะเป็นของโปรดของเด็กคนนี้

พวกเขาขับรถมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารทะเลที่ใกล้ที่สุดเพื่อเฉลิมฉลองกัน

ในขณะเดียวกันหลังจากศิษย์สำนักเมฆาเขียวสามคนพ่ายแพ้กลับมา พวกเขากลับไปตั้งหลัก

เที่ยงตรงวันรุ่งขึ้นจึงกลับไปบ้านสกุลอู๋

“ไปมีเรื่องกับใครมากัน?”

ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในโถงกลาง อู๋ชิงก็ตะโกนถามลั่น

ผู้อาวุโสตระกูลอู๋ที่ได้ยินคำเขาต่างพากันนิ่งอึ้ง

“ก็แค่…แค่อวี้ฮ่าวหราน ผมจำได้ว่าประมุขตระกูลบอกว่าเขาเป็นเขยขยะของตระกูลหลี่”

“ใช่ เป็นแค่ขยะ”

สมาชิกตระกูลอู๋ข้าง ๆ กล่าวสำทับ

ผู้อาวุโสหลินหลุดขำเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“พวกนายเรียกเขาว่าขยะอย่างนั้นเหรอ?”

อยู่ในขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูง ไม่แน่อาจแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้!

ทั้งที่อายุเพียงต้นยี่สิบเท่านั้น!

ผู้ที่มีฝืมือเพียงพอให้สวรรค์ริษยาจนสร้างความอับอายขายหน้าแก่สำนักเมฆาเขียว

มนุษย์น่าขันเหล่านี้กลับเรียกอีกฝ่ายว่าขยะอย่างนั้นหรือ?

“พวกนายดีนักเหรอ?”

แม้จะเป็นคนใจเย็น ทว่าครั้งนี้ต้องออกปากต่อว่า เขายิ่งส่งสีหน้าทะมึนอยู่ข้างกายอู๋ชิง

“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพวกนายเป็นคนตระกูลอู๋ ฉันได้ฆ่าตายไปนานแล้ว! ผู้อาวุโสอู๋ลั่นตายเสียเปล่าจริง ๆ ! พวกนายไปสร้างศัตรูตัวฉกาจให้สำนักเมฆาเขียวแล้ว!”

พลังวิญญาณของเขาสั่นไหว คล้ายหมายจะสั่งสอนคนเหล่านี้

หากแต่เหล่าผู้อาวุโสตระกูลอู๋ไม่เข้าใจ ท้วงขึ้นอย่างไม่รู้ความ “ผิดตรงไหน ทุกคนเรียกเขาว่าเขยขยะมาตั้งแต่สามปีก่อนแล้ว”

“พวกนายมันตาบอดกันไง!”

อู๋ชิงโกรธมาก ครั้งนี้เขาถูกเล่นงานรุนแรง จึงออกอาการเคร่งเครียดไม่น้อย

ทั้งหมดเป็นเพราะคนไร้หัวคิดพวกนี้!

เขารวบรวมพลังวิญญาณไว้ที่มือ ก่อนปลดปล่อยออกไปเต็มแรง!

“เดี๋ยวก่อน!”

ผู้อาวุโสหลินเห็นเช่นนั้นจึงรีบยกมือสยบพลังวิญญาณนั้น

“ตู้ม!”

พลังทั้ง 2 เข้าปะทะกันอย่างจัง โต๊ะเก้าอี้รอบข้างพลันแตกกระจาย!

ผู้อาวุโสตระกูลอู๋ตกอยู่ในอาการสั่นกลัว

พวกเขารีบคุกเข่าลงทันที

“ไว้ชีวิตฉันด้วย! ไว้ชีวิตฉันด้วย! ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฝีมืออู๋หมิ่นที่เป็นผู้นำตระกูลอู๋ก่อนหน้านี้ต่างหาก”

ตอนนี้เขานึกเสียใจขึ้นมา การเป็นผู้นำตระกูลไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป ในยามที่เอาชีวิตแทบไม่รอด

“เอาเถอะ ลุกขึ้นซะ”

ผู้อาวุโสหลินยกมือขึ้น ส่งพลังวิญญาณไปประคองอีกฝ่ายขึ้น

แม้เหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นความผิดของตระกูลอู๋ หากแต่ประมุขก็ถูกฆ่าตายไปแล้ว การโทษคนอื่นคงไม่สมควรนัก

หลังถูกสกัดกั้นพลัง อู๋ชิงจึงไม่อาจอดกลั้นความไม่พอใจ

“ผู้อาวุโสหลิน ลืมความแค้นตอนที่อู๋ลั่นตายแล้วเหรอ?”

เขาไม่คิดผ่อนปรน อู๋ลั่นเป็นเพื่อนคนสนิทของเขา!

“ฉันตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้หรอก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้อาวุโสหลินก็ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้า

หากมองในภาพรวมเรื่องนี้ควรยุติเสียที…

หากแต่ยังมีญาติมิตรร่วมสำนักของอู๋ลั่นอยู่ พวกเขาย่อมไม่มีทางปล่อยให้การตายของเขาไร้ค่า

“นี่… กลับไปให้เจ้าสำนักตัดสินใจเถอะ”

เขาบอกปัดใส่คนตระกูลอู๋

“ไปกันเถอะ ถึงเวลาที่เราต้องกลับไปรายงานแล้ว อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าอู๋ลั่นอยู่ที่ไหน”

พวกเขาทั้งสามคนรีบออกจากบ้านสกุลอู๋

บทที่ 360 เด็ก 4 ขวบแสนน่าทึ่ง

บทที่ 360 เด็ก 4 ขวบแสนน่าทึ่ง

เมื่อเสี่ยวเสวี่ยนั่งลงเริ่มเล่นเปียโน ทุกคนถึงกับตกตะลึง

“หือ? เด็กคนนี้…ฝีมือดีเลยนะ!”

“ใช่แล้ว เก่งมาก รู้สึกเหมือนมีสไตล์เป็นของตัวเองเลย”

“นี่สิถึงเรียกว่าการแข่งขัน เด็กก่อนหน้านี้เทียบไม่ติดเลย”

“…”

เมื่อท่วงทำนองดังขึ้น ผู้ชมต่างกระซิบกระซาบคุยกัน เพราะการแสดงของเด็กหญิงคนนี้น่าจับตามองมาก

ทั้งยังได้เสียงปรบมือชื่นชมจากเหล่าคุณครูที่นั่งชมอยู่

“ฮ่า ๆ อาจารย์หวัง นึกไม่ถึงว่าศิษย์ของคุณจะเก่งขนาดนี้ น่าทึ่งมาก!”

“เทียบกับเด็กคนนี้ ศิษย์ที่ฉันพามาดูด้อยไปเลยล่ะ”

คุณครูที่อยู่รอบข้างเอ่ยชม สีหน้าอาจารย์หวังฉายแววเปี่ยมความภาคภูมิใจ

“เด็กคนนี้มาแข่งเอารางวัลจริง ๆ ดีกว่าคนที่มาแข่งเอาประสบการณ์มากโข”

อาจารย์รอบข้างพยักหน้าเห็นด้วย

“ใช่ แต่ฉันว่าอาจารย์หวังเองก็ตาแหลมถึงได้มองออกว่าเธอเป็นอัจฉริยะ”

“แต่มีบางคนคิดจะเทียบกับคุณอยู่น่ะสิ โถ่เอ๊ย…ลูกวัวเกิดใหม่ไม่คิดกลัวเสือเลย”

“…”

ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์กัน ด้วยจงใจถากถางหลิวว่านชิงซึ่งอยู่แถวนั้น

ไม่นานการแสดงได้สิ้นสุดลง

“คะแนนรวมของเฉินเสี่ยวเสวี่ยคือ… 8.8 คะแนน!”

ผลคะแนนที่ออกมาชวนให้ผู้ชมฮือฮา อย่างไรเสียที่ผ่านคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ถึง 6 คะแนนเท่านั้น ได้คะแนนเท่านี้นับว่าสูงมาก

จบการแสดง สีหน้าเสี่ยวเสวี่ยดูเหมือนจะคาดหวังในใจ เธอโค้งให้คณะกรรมการก่อนลงจากเวทีไป

ภายในห้องรับรอง

“ที่เหลือขึ้นอยู่กับพวกเธอแล้ว ฉันได้ 8.8 คะแนน” เธออดจะโอ้อวดคะแนนตนเองไม่ได้เมื่อเดินผ่านห้อง

เวลานี้มีเด็กเป็นสิบคนภายในห้อง พวกเขาต่างอยู่ในอาการตื่นเต้น หากแต่เมื่อได้ยินเช่นนี้กลับนิ่งเงียบกันหมด

พวกเขาไม่หลงเหลือความมั่นใจอีกต่อไป

“ฮึ่ย! ถวนถวนต้องทำได้ดีกว่าแน่!”

ถวนถวนอดโพล่งขึ้นไม่ได้ ตอนนี้เธอนึกหวั่นไหวอยู่บ้าง

อย่างไรเสียเด็กหลายคนก็ได้คะแนนเพียง 5 ถึง 6 คะแนนเท่านั้น ตัวเธอจะมีฝีมือมากกว่าสักเท่าใดกัน?

การแสดงต่อไปเริ่มขึ้นในไม่ช้า

บางคนแสดงได้อย่างน่าประทับใจ มีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

สุดท้ายได้คะแนนไป 6.9 คะแนน

หากขึ้นแสดงก่อนหน้านี้ คงเป็นที่ตื่นตาตื่นใจ แต่ตอนนี้ทุกคนได้ชมการแสดงของเสี่ยวเสวี่ยแล้ว จึงไม่มีท่าทีแปลกใจ

“ผู้เข้าแข่งขันคนต่อไปคืออวี้ซินถวน!”

ถวนถวนเดินขึ้นมาบนเวทีเมื่อพิธีกรประกาศชื่อ

ดวงตาฉ่ำจ้องมองผู้ชมเบื้องหน้า เธอไม่ตื่นเวทีแม้แต่น้อย

เด็กหญิงสวมชุดกระโปรงสีขาวเข้ารูป ผมยาวดำขลับ แก้มใสพองเผยแววตื่นเต้น ยิ่งทำให้ดูน่ารักน่าชัง

“เด็กคนนี้น่ารักดีนะ เสียดายที่มาแข่งตอนยังเด็กอยู่ อาจจะยังฝีมือไม่ถึง”

“น่ารักจริง ๆ แหละ กล้ามาแข่งทั้งที่ยังอายุน้อยขนาดนี้”

“อื้ม ไม่ได้แค่น่ารักนะ แต่ว่ายังดูมั่นใจมากด้วย เห็นไหมว่าไม่ตื่นเวทีเลย”

“…”

ทุกคนต่างทึ่งในความน่ารักของเด็กหญิง แต่ไม่มีใครคิดว่าเธอมีความสามารถ

ถึงอย่างไรเด็กที่อายุมากกว่าเธอครึ่งปีก็ยังไม่สามารถเล่นเปียโนเพลงเดียวได้จบ

ด้านที่นั่งของคุณครู อาจารย์หวังก็เอ่ยขึ้นอย่างนึกดูถูก

“เด็กคนนี้เป็นศิษย์อาจารย์หลิว ฉันว่าอย่างน้อยก็คงเก่งพอจะเล่นจนจบเพลงนะ”

ทุกคนพยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“อายุแค่นี้เอง ให้มาแข่งตั้งแต่เด็กแบบนี้ทำไมล่ะ?”

“ใช่แล้ว อาจารย์หลิว คุณยังด้อยประสบการณ์ ถ้าเสียชื่อหลังการแข่งครั้งนี้จะไม่แย่เอาเหรอ?”

“ฉันว่าอาจารย์หลิวประมาทเกินไปแล้วนะคะ อายุ 5 ขวบเองนี่? เด็กคนนี้อาจดูโน้ตเพลงไม่เป็นเลยด้วยซ้ำก็ได้ค่ะ”

“…”

ทุกคนต่างวิจารณ์กัน หลิวว่านชิงเม้มปาก นิ่งเงียบไม่เอ่ยสิ่งใด

ความจริงเธอกลัวว่าถวนถวนจะตื่นเวที ถึงอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้ากับผู้ชมมากมาย

บนเวที

หลังโค้งทักทายให้คณะกรรมการ ถวนถวนนั่งลงหน้าเปียโน ท่าทีของเธอดูสงบนิ่งท่ามกลางแสงไฟที่ฉายส่องมาหา

ไร้ซึ่งความขัดเขิน ไร้ซึ่งอาการตื่นเวที ตอนนี้เด็กน้อยดูมั่นใจเต็มที่ เพราะเธอเห็นพ่อกับน้าของเธอแล้ว

มือเล็กบรรจงวางลงบนแป้นเปียโน! ท่าทางคล่องแคล่วไม่สมวัยเริ่มบรรเลงดนตรี!

เสียงเปียโนนุ่มนวลอ่อนหวาน บ้างคล้ายสายน้ำไหลเอื่อย บ้างคล้ายนกน้อยขับร้องแผ่วเบา

ไร้ซึ่งที่ติ…ท่วงทำนองเสนาะหูดังก้องทั่วโถง!

เสียงพูดคุยเซ็งแซ่พลันเงียบลง

พวกเขาจับจ้องมือเล็กที่ขยับไหวไปมากลางแสงไฟด้วยความอึ้ง ไม่อยากจะเชื่อสายตนเองว่าต้นเสียงนี้จะมาจากเด็กหญิง!

ผู้ชมตกอยู่ในความเงียบงัน มีเพียงเสียงเปียโนแสนไพเราะก้องกังวาล!

กระทั่งทุกคนได้สติรู้สึกตัว!

“พระเจ้าช่วย! เด็กอายุเท่านี้เอง!”

“เก่งมาก! เก่งจริง ๆ! เธอเล่นได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?”

“ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ไม่ได้ยินกับหู ใครจะไปเชื่อ!”

“…”

ทุกคนเอ่ยชมกับยกใหญ่

หากเป็นการแข่งขันระดับผู้ใหญ่คงไม่น่าแปลกใจอย่างแน่นอน หากแต่เป็นฝีมือของเด็กอายุไม่ถึง 5 ขวบดีด้วยซ้ำ!

เป็นธรรมดาที่เหล่าผู้ชมจะทึ่งจนถึงขั้นพูดไม่ออก!

เทียบกับเด็กคนก่อนหน้านี้ที่สามารถเล่นได้จนจบเพลงเท่านั้น ถือว่าต่างกับราวฟ้ากับเหว!

หลี่หรงมองถวนถวนเปล่งประกายกลางแสงไฟราวหงส์ขาว ทำเอาไม่อาจเชื่อว่าหลานสาวเป็นคนเล่นเพลงนี้

“ฮ่าวหราน…ฉัน…ฉันฝันไปหรือเปล่า?”

หญิงสาวพึมพำพลางหันมองหน้าพี่เขยซึ่งนั่งข้าง ๆ อวี้ฮ่าวหรานยื่นมือไปหยิกแก้มเธอ

ชายหนุ่มปลาบปลื้มใจเช่นกัน แม้เขาจะเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่การแสดงของถวนถวนวันนี้ก็ยังคงชวนให้เขาอึ้ง

“โอ๊ย! พี่เขย หยิกฉันจริงเลยเหรอ!” หลี่หรงเจ็บแก้มเล็กน้อยโวยขึ้นทันที ยกมือขึ้นจะทุบอีกฝ่าย

หากแต่สายตากลับอดหันไปมองบนเวทีไม่ได้

“เก่งมาก! ถวนถวนของเราเป็นอัจฉริยะชัด ๆ! เก่งพอ ๆ กับตอนฉันอายุ 20 เลย”

เธอเอ่ยชมไม่ขาดปาก แววภาคภูมิใจฉายชัดบนสีหน้า ฝีมือหลานสาวดีกว่าเธอมาก!

ตอนนั้นเธอตั้งใจฝึกซ้อมทุกวัน มีอาจารย์คอยสอนให้ แต่สุดท้ายเธอกลับไม่เอาอ่าวในเรื่องนี้

สวี่รุ่ยถึงกับตกตะลึง เธอไม่รู้ว่าถวนถวนจะเล่นเปียโนเก่งถึงเพียงนี้

ต่อให้เธอเล่นเปียโนไม่เป็น แต่ยังฟังออกว่าไพเราะขนาดไหน

“นี่…นี่มัน…”

เธอตกใจเสียจนพูดไม่ออก อาจารย์หวังซึ่งนั่งอยู่อีกด้านหน้าเปลี่ยนสีทันที!

ดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าฉายแววเหลือเชื่อ

“มัน…เป็นไปได้ยังไง…เด็กตัวเท่านี้เอง!”

เธอเป็นครูสอนเปียโน ย่อมฟังท่วงทำนองออกว่ามีฝีมือเก่งกาจ อีกทั้งเวลานี้เหล่าคุณครูที่อยู่ข้างเธออึ้งไปเช่นกัน…

ความสามารถของเด็กคนนี้คนละชั้นกับเด็กคนอื่น!

มันเทียบเท่ากับเด็กชั้นมัธยมปลาย ทั้งยังเหนือกว่าเด็กชั้นประถม!

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

Status: Ongoing
ในที่สุด… มหาจักรพรรดิแห่งมวลเทพ ‘อวี้ฮ่าวหราน’ ก็สามารถกลับมาที่โลกได้สำเร็จ.. ! 3 หมื่นปี เขาต้องติดอยู่ในดินแดนแห่งเทพเจ้านานถึง 3 หมื่นปีหลักจากตกหน้าผาและเกิดใหม่ในดินแดนเหนือจินตนาการ !!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท